ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสไตล์ Portrait ที่เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ด้วยฝีมือของ Toeyportfolio

ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง ถือเป็นสิ่งที่อยู่ในเช็กลิสต์อันดับต้นๆ ของว่าที่บ่าวสาวเลยก็ว่าได้ แถมตอนนี้เทรนด์การถ่าย ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสไตล์ Portrait ที่เซตถ่ายในสตูดิโอก็กำลังได้รับความนิยมในหมู่บ่าวสาวมากๆ เพราะทั้งสะดวกสบาย ไม่ต้องตามหาโลเคชั่นถ่ายภาพให้เหนื่อย ไม่ต้องตากแดดตากลมให้หน้ามันผมเผ้ายุ่งเหยิง บ่าวสาวก็ได้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งคิ้วท์ๆ ไปโชว์หน้างาน แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับบ่าวสาวบางคนก็อาจยังมีข้อจำกัดที่ว่า ถ่ายในสตูมันจะดูเป็นทางการไปหรือเปล่านะ หรือ นี่เราต้องยืนยิ้มให้กล้องอย่างเดียวเลยหรือเปล่า แล้วมันจะดูฝืนๆ ไหม เพื่อให้บ่าวสาวสบายใจ แพรวเวดดิ้ง เลยต่อสายตรงถึงคุณเต้ย หรือ toeyportfolio ช่างภาพพรีเวดดิ้งชื่อดังว่าเขามีเทคนิคในการถ่ายภาพบ่าวสาวยังไงให้ออกมาดูเป็นธรรมชาติถึงขนาดที่ว่าคนเห็นยังต้องยิ้มตาม พร้อมอัพเดทแพลนปีหน้าของ toeyportfolio ที่เจ้าสาวต้องร้องว้าวแน่นอน

คุณเต้ย หรือ toeyportfolio ช่างภาพพรีเวดดิ้งสไตล์ Portrait

จากช่างภาพนิตยสารสู่ช่างภาพพรีเวดดิ้งในสตูดิโอเต็มตัว

ผมเริ่มถ่ายพรีเวดดิ้งอย่างจริงจังและเต็มตัวปีนี้น่าจะเข้าปีที่ 3 แล้วครับ ผมเริ่มต้นจากการเป็นช่างภาพในนิตยสารก่อน ส่วนใหญ่ภาพที่ถ่ายจะเป็นภาพพรอตเทรต ภาพแฟชั่น หรือภาพบุคคลประกอบบทสัมภาษณ์ ซึ่งตอนนั้นก็มีทั้งถ่ายในสตูดิโอและนอกสตูดิโอผสมกันไปแล้วแต่ลักษณะของงาน แต่จริงๆ แล้วผมถนัดการถ่ายในสตูดิโอมากกว่า ซึ่งตอนที่ทำงานอยู่ผมก็มี IG รับถ่ายภาพควบคู่ไปด้วย ส่วนมากจะเป็นงานแฟชั่นหรืองาน lookbook พอคนเริ่มเห็นผลงานภาพถ่ายในสตูดิโอของผม ก็เริ่มมีลูกค้าติดต่อมาว่ารับถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอไหม

ตอนที่รับงานถ่ายพรีเวดดิ้งครั้งแรกก็ตื่นเต้นนะครับ แล้วก็อยากจะลองดูว่าตัวเองจะถ่ายออกมาเป็นยังไง เพราะผมคุ้นชินกับการจัดไฟถ่ายภาพในสตูดิโออยู่แล้วเลยไม่ได้กังวลอะไรมาก ซึ่งผลงานถ่ายภาพพรีเวดดิ้งคู่แรกก็ออกมาโอเค ลูกค้าชอบ ผมเองก็รู้สึกสนุกด้วย ไม่ได้รู้สึกกดดันเหมือนการถ่ายแฟชั่นในนิตยสาร อาจเป็นเพราะว่าผมได้เป็นตัวของตัวเอง บรรยากาศการถ่ายภาพเลยสบายๆ ทั้งผมและลูกค้ามีความสุขและสนุกทั้งสองฝ่าย พอเริ่มมีผลงานภาพพรีเวดดิ้งเรื่อยๆ ก็มีบ่าวสาวติดต่อเข้ามาเยอะขึ้น พอผมเริ่มสนุกและจับจุดการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของตัวเองได้ ก็เลยลาออกจากงานประจำเพื่อมาเป็นช่างภาพถ่ายในสตูดิโออย่างเต็มตัวครับ

จุดเด่นภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของ toeyportfolio

น่าจะเป็นภาพถ่ายที่ดูเป็นธรรมชาติออกแนวน่ารักๆ มองแล้วยิ้มตามครับ เป็นสไตล์ที่บ่าวสาวหัวเราะจริงๆ ยิ้มจริงๆ แบบที่เป็นตัวเขา ซึ่งลูกค้าส่วนมากที่ติดต่อเข้ามาก็อยากจะได้อารมณ์ภาพแสงสีแบบในเพจหรืออินสตาแกรม ซึ่งในการทำงานผมจะรักษามาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นลูกค้าทุกคู่จะได้ตามสิ่งที่เขาต้องการ  เลยทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อใจและไว้ใจในตัวผม

เทคนิคได้ภาพบ่าวสาวที่เป็นธรรมชาติในสไตล์ของ toeyportfolio

เวลาถ่ายรูปผมไม่ได้มีหลักการอะไรเยอะแยะ ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องทำท่าอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นตอนทำงานผมจะพยายามทำให้ลูกค้าผ่อนคลายมากที่สุด โดยผมจะเริ่มถ่ายจากชุดธรรมดาก่อนเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย เพราะคู่ที่ไม่เคยถ่ายรูปมาก่อนถ้าเริ่มถ่ายจากชุดเจ้าสาวหรือชุดสูทเลยเขาอาจรู้สึกเกร็งๆ และขณะที่ถ่ายผมก็จะชวนคุย พูดเล่นไปด้วยเพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเอง สบายๆ พร้อมๆ กับสแนปภาพบ่าวสาวไปเรื่อยๆ จนเขาเริ่มรีแล็กซ์และสามารถยิ้มหัวเราะออกมาได้เองโดยเป็นธรรมชาติที่สุด

ส่วนคู่ที่มีความกังวลว่าหน้าฝั่งไหนจะสวยกว่ากัน กังวลเรื่องตา เรื่องปาก เรื่องแขน กลัวว่าจะยิ้มไม่ได้ ทำแบบนี้แล้วไม่สวยไม่หล่อ พอถ่ายไปได้สักพักผมจะให้เขามาดูภาพตัวเองที่ถ่ายไปแล้ว พร้อมพูดคุยและให้คำแนะนำว่าเขายิ้มแบบนี้จะดีกว่า เพราะบางคนแค่อมยิ้มก็สวยแล้ว ซึ่งพอเราให้คำแนะนำ พูดคุยกับเขาอย่างเปิดใจ แก้ปัญหาที่เขากังวลได้ เขาก็จะเริ่มไว้ใจกล้าที่จะยิ้มและหัวเราะออกมามากขึ้น ซึ่งพอเราลดความกังวลได้ รอยยิ้มของเขาก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย

โพสท่าไม่เป็น มีเรฟเฟอเรนซ์มาให้ ได้หรือไม่?

บ่าวสาวที่มาถ่ายรูปกับผมไม่ต้องคิดอะไรมาเลยครับ แค่ทำใจให้สบาย เพราะแค่คุณรู้สึกผ่อนคลายท่าทางที่เป็นธรรมชาติก็จะออกมาเอง หรือบ่าวสาวที่เตรียมเรฟเฟอเรนซ์มา ผมก็จะแจ้งตั้งแต่แรกว่าอาจจะทำให้ได้แค่ท่าทาง แต่อารมณ์ต้องเป็นตัวเขาเองดีที่สุด เพราะถ้าเราพยายามที่จะทำเหมือนคนอื่นมากเกินไปมันก็จะดูไม่เป็นตัวเอง ถ่ายยังไงก็ดูแข็ง เพราะมัวแต่กังวลว่าจะทำไม่เหมือนเรฟเฟอเรนซ์ที่เตรียมมา แต่ลูกค้าที่เข้ามาส่วนมากก็จะมาด้วยความไว้ใจในตัวผม จะแล้วแต่ผมเลย เขาแค่อยากให้รูปออกมาดูเป็นธรรมชาติแบบยิ้มจริงๆ หัวเราะจริงๆ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้ถ่ายภาพคู่รักมาหลายๆ คู่ทำให้ผมทราบแล้วว่าจะต้องจัดการกับอารมณ์ของแต่ละคู่ยังไง

รูปแบบการให้บริการและการทำงานของ toeyportfolio

ลูกค้าที่จะมาถ่ายภาพกับผมแค่เตรียมชุดที่จะถ่ายมาทั้งหมด 3 ชุด โดยผมจะช่วยดูให้ว่าชุดแบบนี้เหมาะกับแสงแบบไหน  ส่วนใหญ่ผมจะแนะนำให้เลือกชุดเป็นโทนสีอ่อนเพราะเป็นสีที่คลาสสิค ไม่เชย ดูได้ไม่เบื่อ ส่วนพร็อพส์ลูกค้าต้องเตรียมมาเอง แต่อาจจะขอยกเว้น รถยนต์ หรือพร็อพส์ที่ชิ้นใหญ่มากๆ ส่วนระยะเวลาในการถ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5 ชั่วโมงรวมเวลาแต่งหน้า-ทำผม และที่อยากจะฝากอีกอย่างหนึ่งคือไม่อยากให้ลูกค้าฉีดอะไรมาบนใบหน้าก่อนที่จะมาถ่ายภาพ เพราะจะทำให้ยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติครับ

 

แผนการในอนาคตของ Toeyportfolio ในปี 2020

ภายในปีหน้า toeyportfolio จะมีบริการเรื่องชุดสำหรับเจ้าสาวให้เลือกที่สตูดิโอเลยครับ โดยจะเน้นรูปแบบชุดแต่งงานในสไตล์มินิมอล น่ารักๆ ซึ่งจะเข้ากับสไตล์ภาพถ่ายของผมด้วย ซึ่งบริการนี้ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องเสียเวลาไปหาชุดเอง ไปรับ-คืนชุดเองจากร้านเช่าเพื่อเอามาถ่ายกับผม รวมไปถึงในปีหน้า toeyportfolio จะปรับโฉมสตูดิโอถ่ายภาพใหม่ที่กว้างขวางมากกว่าเดิมด้วยครับ

จองคิวถ่ายกับ toeyportfolio

หากสรุปวันแต่งงานได้แน่นอนแล้ว แนะนำให้รีบจองคิวไว้เลย เพราะผมจะไม่ให้มีการแทรกคิว แนะนำให้ LINE มาสอบถามคิวก่อนเพื่อที่จะได้หาวันและเวลาที่ลงตัวกันทั้งสองฝ่าย เพราะในหนึ่งเดือนผมจะไม่ได้รับถ่ายทุกวัน ส่วนใหญ่แล้วผมจะรับถ่ายภาพในวันเสาร์และอาทิตย์เป็นหลัก ส่วนวันธรรมดาผมจะใช้เวลานั่งทำรูปส่งให้ลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ ส่วนระยะเวลาในการทำรูปของแต่ละคู่จะอยู่ที่ประมาณ 30 วันครับ

เอาเป็นว่าคู่รักที่สนใจอยากได้ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งแบบธรรมชาติตามสไตล์การลั่นชัตเตอร์ของคุณเต้ย toeyportfolio ก็รีบจองคิวกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ที่สำคัญปีหน้าเขายังมีบริการเรื่องชุดเจ้าสาว และสตูดิโอถ่ายภาพที่กว้างขวางมากกว่าเดิมด้วย ส่วนแพ็คเกจราคาก็สามารถสอบถามได้โดยตรงกับคุณเต้ย หรือเข้าไปดูได้ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/Toeyportfolio หรือไอจี @toey_portfolio หรือที่ Official LINE : @toeyportfolio มี @ ด้านหน้าด้วย   

เจ้าสาวใจป้ำ! จัดงานแต่งอีกรอบเพื่อจะได้ใส่ชุดแต่งงานจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI

ก่อนหน้านี้แพรวเวดดิ้งมีโอกาสได้ลงภาพบรรยากาศ งานแต่งงานของคุณเอลี่-โสธรา ลิเลี่ยน โอเบอร์ฮอฟฟ์ และคุณลีออน-ธเนศวร เอดเวอร์ด เอช ซึ่งจัดงานแต่งงานไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมปีที่แล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาผ่านมาเกือบจะ 1 ปี แต่คุณเอลี่ เจ้าสาวที่มีความฝันว่าเธอจะต้องใส่ ชุดแต่งงาน ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ให้ได้ เธอจึงรอคอลเล็กชั่นใหม่เป็นเวลา 1 ปี และจัดงานแต่งงานอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

จริงๆ แล้วเอลี่เป็นแฟนคลับพระองค์ท่านค่ะ ได้เห็นผลงานของพระองค์ท่านผ่านทางหนังสือแล้วรู้สึกชอบและหลงรักในฝีพระหัตถ์การออกแบบของพระองค์ท่านมากๆ ซึ่งผลงานที่ประทับใจมากเป็นพิเศษคือผลงาน “ศิลปะและจิตวิญญาณไทย” ที่พระองค์ท่านทรงนำไปงานกาลาดินเนอร์ ณ ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งพระองค์ท่านยังได้ทรงทำคอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกมาทุกปีก็เริ่มติดตามผลงานของพระองค์ท่านมาเรื่อยๆ ซึ่งในทุกๆ ผลงานของพระองค์ท่านทรงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์  SIRIVANNAVARI อย่างชัดเจน ที่สำคัญเวลาได้เห็นผลงานของพระองค์ท่านทำให้เราสัมผัสได้ถึงความเป็นองค์ดีไซเนอร์ของพระองค์ท่านผ่านทางผลงานที่ทรงออกแบบด้วยพระองค์เอง”

“ก่อนหน้านี้เราได้เห็นศิลปินนักร้อง และนักแสดงท่านอื่นๆ ที่พระองค์ท่านทรงพระราชทานออกแบบชุดแต่งงานให้ ซึ่งตัวเอลี่เองก็อยากที่จะเป็นหนึ่งในผู้ที่มีได้โอกาสสวมชุดแต่งงานจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI บ้าง ก็เลยเลือกที่จะรออีก 1 ปี ซึ่งก็คุ้มค่ากับการรอคอยค่ะ เพราะสำหรับเอลี่แล้วนี่ถือเป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตที่ได้ใส่ชุดแต่งงานที่เป็นผลงานการทรงออกแบบของพระองค์ท่านเอง นับเป็นความปลาบปลื้มที่สุดในชีวิตแล้วค่ะ”

“จริงๆ ในงานแต่งงานเมื่อปี 2018 สำหรับงานแต่งงานในช่วงเย็นเอลี่ตั้งใจอยากจะใส่ชุดของแบรนด์ SIRIVANNAVARI  แต่ทางแบรนด์ SIRIVANNAVARI จะออกแบบชุดแต่งงานเพียง 2 ชุดต่อปีเท่านั้น ซึ่งในปีที่แล้วได้มีการจองไว้เต็มโค้วต้า ก็เลยตัดสินใจรอ และจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2019 เพื่อที่จะได้ใส่ชุดแต่งงานของพระองค์ท่านในงานแต่งช่วงเย็นตามที่ได้ตั้งใจไว้”

“ซึ่งรูปแบบชุดแต่งงานของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ที่ใส่ในวันแต่งงานเป็นชุดแต่งงานสีขาว มีเครปด้านหลัง ประดับด้วยขนนกและคริสตัลซึ่งมีรายละเอียดที่ประณีตมาก ดูทรงพลังมากๆ เพราะรูปแบบในคอลเล็กชั่นครั้งนี้ที่พระองค์ท่านทรงออกแบบเป็นการถ่ายถอดเรื่องราวของ NARAVANNA เป็นการผสมผสานรายละเอียดต่างๆ ของ พืช สัตว์ และป่าไม้เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ชุดแต่งงานในคอลเล็กชั่นนี้มีทั้งความสวยงามและมีความหมายที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับที่แสดงถึงสมัยชนเผ่าจนถึงยุคอนาคต ซึ่งราคาของชุดแต่งงานชุดนี้อยู่ที่ประมาณ 6 หลักปลายๆ ค่ะ”

4 สัญญาณบอกว่าถึงเวลาที่คุณต้องรีไซส์แหวนแต่งงานแล้วล่ะ

ก็ในเมื่อ แหวนแต่งงาน เป็นเครื่องประดับที่ต้องใส่ติดนิ้วเอาไว้ ตอนแรกก็ใส่พอดีอยู่หรอก แต่ใส่ไปใส่มาบางคนก็ดันคับ บางคนก็ดันหลวม ครั้นจะพยายามใส่ติดนิ้วไว้เหมือนเดิมก็เห็นจะไม่ได้ความ แพรวเวดดิ้ง เลยจัด 4 สัญญาณเตือนมาให้ว่าเมื่อไหร่ถึงเวลาที่คุณจะต้อง รีไซส์แหวนแต่งงาน แล้ว

ใส่แล้วติดที่ข้อนิ้ว

สัญญาณสุดคลาสสิคที่บอกว่าแหวนแต่งงานของคุณเล็กเกินไปแล้ว เพราะไม่สามารถผ่านข้อนิ้วลงไปได้ (หรือต้องใช้ความพยายามในการดันลงไปอย่างมาก) หรือผ่านลงไปได้แต่ดันถอดไม่ได้ซะนี่

ใส่แล้วบีบที่นิ้วมือ

ถ้าแหวนมีขนาดเล็กเกินไป มันจะเกิดการบีบรัดที่นิ้วมือของคุณ สังเกตได้จากเนื้อส่วนเกินที่ล้นออกมารอบขอบแหวน ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ก็แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนไซส์แหวนแล้วจ้า

ใส่แล้วเลื่อนหลุดจากข้อนิ้ว

นี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้แหวนหายโดยไม่รู้ตัว และเป็นสัญญาณว่าแหวนแต่งงานใหญ่เกินไปสำหรับนิ้วของคุณ แต่ถ้ายังลังเลว่ามันใหญ่เกินไปจริงไหมนะ? ให้ลองถูมือด้วยสบู่แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ถ้าแหวนร่วงออกจากนิ้วก็แสดงว่าคุณต้องรีไซส์ให้แหวนแต่งงานมีขนาดเล็กลง เพราะหากคุณอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นหรือสภาพอากาศที่แห้งมากๆ อาจทำให้แหวนหลุดออกจากนิ้วได้ง่ายแบบแทบจะไม่รู้ตัว

ใส่แล้วแหวนหมุนได้รอบนิ้ว

โดยส่วนมากถ้าคุณสามารถหมุนแหวนไปมาได้รอบๆ นิ้วมือได้ง่ายๆ ก็ให้คิดไปก่อนเลยว่าแหวนแต่งงานนั้นไซส์ใหญ่เกินไป บางครั้งอาจเกิดจากดีไซน์หรือน้ำหนักของตัวเรือน ซึ่งก่อนที่จะรีไซส์แหวนแต่งงานคุณอาจจะลองสวมแหวนวงที่มีขนาดพอดีกับนิ้วมือของคุณดูก่อนเพื่อเปรียบเทียบว่าจะต้องรีไซส์ให้ขนาดเล็กลงแค่ไหน

แต่เพื่อความชัวร์ที่สุด แพรวเวดดิ้ง ขอแนะนำให้บ่าวสาวนำแหวนแต่งงานเข้าไปปรึกษากับช่างผู้เชี่ยวชาญจากร้านที่บ่าวสาวซื้อแหวนแต่งงานมาจะดีที่สุด เพราะบางร้านอาจะมีบริการหลังการขายที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ หรือจะลองสอบถามถึงบริการนี้ไว้ก่อนเลือกซื้อเลยก็ได้นะคะ

วิธีจับคู่ ผมเจ้าสาว ต่างหู และรูปหน้า ให้ดูไม่เยอะเกินงามแถมสวยเป๊ะเว่อร์

ผมเจ้าสาว กับต่างหู และรูปหน้า ใครคิดว่าไม่ต้องเข้าคู่กันก็ได้? แต่เราบอกเลยว่าเรื่องเล็กๆ แบบนี้แหละที่ทำเจ้าสาวพลั้งพลาดมาแล้วนักต่อนัก มาดูกันว่าถ้าไม่อยากพลาดต้องจับคู่ยังไง

ต่างหูแบบใส่ติดหู แมทช์กับผมทรงเรียบ หรือทรงเปิดหูที่เซตให้ดูหลุดนิดๆ

ด้วยความที่ต่างหูชิ้นเล็กที่ใส่ติดหูมักจะมีรายละเอียดไม่เยอะ ทำให้สามารถแมทช์กับทรงผมที่ค่อนข้างใหญ่ได้โดยภาพรวมดูไม่รกเกินไป หรือถ้าอยากเป็นเจ้าสาวสไตล์มินิมัลเรียบง่ายสุดๆ แมทช์ต่างหูคู่เล็กกับทรงผมเรียบโก้ไม่หลุดลุ่ย เปิดหูสวยๆของเราเลยก็ได้ แถมยังเป็นสไตล์ต่างหูที่เข้าได้กับทุกรูปหน้าอีกด้วยนะ

ผมเจ้าสาว

ต่างหูห้อยตุ้งติ้งเล็กๆ แมทช์กับผมด้านหน้าปล่อยม้วนลอนบางเบา หรือทรงเปิดหูครึ่งหนึ่ง

ถือเป็นต่างหูสไตล์สุดฮิตของเหล่าเจ้าสาว เพราะดูมีอะไรแต่ก็ไม่เยอะเกินไป สามารถแมทช์ได้กับทุกรูปหน้า รวมทั้งแมทชืได้กับหลากหลายทรงผม ทั้งผมเกล้าหลวมๆ ที่มีการปล่อยผมด้านหน้าออกมาประใบหน้าให้ดูละมุน หรือทรงเกล้าเปิดหูครึ่งหนึ่งก็จะดูสวยกำลังดี ถ้าขนาดของต่างหูไม่ใหญ่มาก ก็สามรถแมทช์กับทรงผมเกล้าเรียบเปิดหูก็ได้เหมือนกัน

ผมเจ้าสาว

ต่างหูทรงยาว แมทช์กับผมทรงเปิดหูครึ่งหนึ่ง หรือทรงเกล้ามวยสูงเซตให้ดูมีวอลูม

ใครว่าเจ้าสาวใส่ต่างหูทรงยาวไม่ได้? โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่มีใบหน้ารูปหัวใจที่ส่วนหน้าผากกว้างแต่ส่วนคางยาว เราเชียร์เลยละ เพราะต่างหูทรงยาวจะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณดูสมส่วนสวย แมทช์กับผมทรงเกล้าหลวม หรือทรงมวยสูงที่เปิดหูเพียงครึ่งหนึ่ง ลุคโดยรวมจะดูสมส่วนกำลังดีค่ะ

ผมเจ้าสาว

ต่างหูระย้าทรงแชนเดอเลีย แมทช์กับทรงผมเซตมีวอลูม เปิดใบหูครึ่งหนึ่ง

สำหรับเจ้าสาวสไตล์วินเทจหรือสไตล์เจ้าหญิงที่ชอบแอ็คเซสเซอรี่อลังการ ต่างหูทรงแชนเดอเลียคือคำตอบของคุณเลยค่ะ แต่สิ่งที่ควรระวังสำหรับการใส่ต่างหูทรงนี้ในวันแต่งงานคือทรงผมจะต้องไม่ดูรกหรือเยอะจนเกินไป เราไม่แนะนำทรงผมที่ปล่อยผมด้านหน้ามาระใบหน้า และทรงผมเกล้าเรียบตึงที่ไม่มีวอลูมเพราะจะยิ่งทำให้ต่างหูดูใหญ่และเยอะ ควรจะเป็นทรงผมเซตพองๆมีวอลูมนิดๆ ปิดใบหูครึ่งหนึ่ง หากเจ้าสาวต้องการใส่ลูกเล่นกับทรงผม สามารถใส่ลูกเล่นกับมวยผมด้านหลังแทนได้ค่ะ

ผมเจ้าสาว

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการแมทช์ทรงผมกับต่างหูและรูปหน้าให้เข้ากัน เรารับรองว่าถ้าทำตามนี้ เจ้าสาวจะได้ลุคสวยพอดีดูไม่เยอะเว่อร์เกินไปค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน วิธีการเลือกทรงผมเจ้าสวยยังไงให้สวยเปะจากช่างผมเจ้าสาวมืออาชีพ กันค่ะ

Credit Photo: Magnolia Rouge, Style Bistro, Brides.com, etsy.com

เจ้าสาวห้ามพลาด! 5 วิธี เพิ่มประสิทธิภาพสกินแคร์ บำรุงผิว ให้ยิ่งเห็นผล

ถือเป็นเคล็ดลับการ บำรุงผิว ที่เจ้าสาวหลายคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าถ้าเราใช้สกินแคร์อย่างถูกวิธี บวกกับทิปส์อีกนิดๆหน่อยๆ สกินแคร์ตัวเดิมที่ใช้อยู่ทุกวันนั้นก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาได้แบบไม่ต้องลงทุนซื้อของแพงให้วุ่นวาย ทิปส์เหล่านั้นคืออะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

1. สครับผิวหน้าบ้าง
แน่นอนว่าถ้าหากผิวชั้นบนของเราเต็มไปด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วทับถมกัน สกินแคร์ที่เราลงไปบนผิวก็ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนผิวมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะหลุดลอกออกยากเพราะถูกน้ำมันบนผิวหน้ายึดเกาะเอาไว้ เราจึงควรสครับผิวหน้าประมาณสองอาทิตย์ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วออกไป นอกจากจะช่วยให้สกินแคร์เข้าสู่ผิวชั้นในได้ดีขึ้น ยังช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นเพราะเซลล์ผิวถูกผลัดออกไปด้วยค่ะ แต่เราแนะนำให้เลือกสครับผิวหน้าที่มีเม็ดสครับเม็ดเล็กอ่อนโยนไม่ทำร้ายผิว หรือจะใช้เครื่องมือสครับผิวหน้าที่มีลักษณะเป็นหัวแปรงที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มก็ได้เหมือนกัน

2. ลงสกินแคร์จากเนื้อเหลวสุดไปหาเนื้อข้นที่สุด
ทั้งนี้เพราะสกินแคร์เนื้อเหลว อย่างโลชั่น เซรั่ม หรืออิมัลชั่น จะมีโมเลกุลเล็กกว่าสกินแคร์เนื้อเข้มข้นอย่างครีม ถ้าหากเราลงสลับกัน โมเลกุลของครีมที่ใหญ่กว่าจะบล็อคไม่ให้โมเลกุลของเซรั่มหรืออิมัลชั่นซึมเข้าสู่ผิวได้ดี อีกอย่างหนึ่งคือสกินแคร์กลุ่มเซรั่มและอิมัลชั่นนั้นออกแบบมาเพื่อบำรุงล้ำลึกและมักจะเข้มข้นไปด้วยสารบำรุงผิว ในขณะที่ครีมมักจะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นและช่วยกักเก็บสารบำรุงผิวที่ลงไปก่อนหน้านั้นไม่ให้ซึมออกจากผิว จึงควรลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายค่ะ

3. นวดกระตุ้นผิวหน้าด้วยตัวเอง
การนวดหน้าอย่างง่ายๆ นอกจากจะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ยังช่วยให้ครีมและสกินแคร์ที่ใช้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลืดให้ผิวหน้าเราดูเปล่งปลั่งอ่อนเยาว์ตลอดเวลาด้วยนะ ลองคลิกดูคลิปวิดีโอสอนนวดหน้าง่ายๆ ที่เราแนะนำเลย

4. มาส์กผิวหน้าให้เซลล์ผิวอ่อนนุ่ม
ว่าที่เจ้าสาวรู้หรือไม่คะว่าที่จริงแล้วเราสามารถมาส์กหน้าได้ทุกวัน และยังมีมาส์กหลากหลายยี่ห้อที่ทำแพ็คเกจจิ้งมาในลักษณะเป็นแพ็คคล้ายห่อทิชชูให้เราสามารถใช้ได้ทั้งเดือน ทั้งนี้เพราะการมาส์กหน้านั้นจะช่วยให้เซลล์ผิวชั้นนอกอ่อนตัวลง ช่วยให้สกินแคร์ที่ลงในลำดับต่อไปซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ดีขึ้น หลังล้างทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จ ก่อนลงสกินแคร์ตัวแรก ให้มาส์กหน้าทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีค่ะ

5. เปลี่ยนสกินแคร์บ้าง!
ใครที่ติดการใช้สกินแคร์ยี่ห้อเดิมๆ มานาน จริงอยู่ว่าสกินแคร์ยี่ห้อหนึ่งๆจะมีการพัฒนาสูตรใหม่ๆตลอดเวลา แต่การเปลี่ยนสกินแคร์บ้างจะช่วยกระตุ้นผิวหน้าให้รับสารบำรุงผิวใหม่ๆ ไม่เคยชินกับสารบำรุงผิวตัวเดิมจนเกินไป แต่ทั้งนี้เราควรศึกษาให้แน่ใจว่าสกินแคร์ตัวใหม่นั้นจะไม่ทำให้ผิวของเราแพ้ ในทางตรงกันข้าม ก็อย่าเปลี่ยนสกินแคร์บ่อยเกินไป เพราะกว่าสกินแคร์จะได้ผลเต็มที่นั้นคือประมาณสามเดือน ถ้าหากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ใช้ตัวไหนติดต่อกันซักที เราอาจจะไม่เห็นผลจากสกินแคร์ตัวไหนตัวหนึ่งที่ชัดเจนเลยก็เป็นได้ค่ะ

เป็นยังไงบ้างคะสำหรับทิปส์การเพิ่มประสิทธิภาพสกินแคร์ของเรา อยากจะบอกว่าไม่ต้องลงทุนซื้อของใหม่ก็สามารถเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นกับสกินแคร์ที่ใช้อยู่ได้นะ ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน วิธีดูแลผิวในชีวิตประจำวันที่เจ้าสาวอาจจะทำผิดอยู่ก็เป็นได้

แต่งไทยห้ามพลาด! ความเชื่อต้องรู้และข้าวของต้องเตรียมในพิธีปูเตียงเรียงหมอน

ถ้าพูดถึงพิธีสุดท้ายของงานแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีไทย ซึ่งเป็นพิธีที่คู่บ่าวสาวจะได้เริ่มต้นครองคู่และกินอยู่หลับนอนในบ้านเดียวกันไปจนแก่เฒ่า ก็คือ พิธีปูที่นอนเรียงหมอน หรือ พิธีปูเตียงเรียงหมอน

ผู้จะมาทำหน้าที่ทำพิธีปูที่นอนเรียงหมอน ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตครองคู่กันมายั่งยืน เช่น คุณลุงกับคุณป้าที่มีความสุขในการครองเรือนอยู่ด้วยกันอย่างผาสุก โบราณเชื่อว่า คู่บ่าวสาวใดที่เนรคุณท่านทั้งสองนี้ชีวิตคู่จะไม่มีความสุข บ่าวสาวจึงมักเลือกผู้ใหญ่ที่เป็นญาติห่างๆ ซึ่งแทบจะไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีกับชีวิตคู่ของตน

พิธีปูที่นอนเรียงหมอน

เริ่มด้วยการนำสิ่งของที่เตรียมไว้มาวางรวมกับดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย หรือดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลบนที่นอน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เจ้าพิธี (ผู้นำพิธี) จะเริ่มปูที่นอน โดยเริ่มจากผู้ที่ทำพิธีขึ้นไปนั่งเคียงกันบนที่นอน เรียกว่า “ฤกษ์เรียงหมอน” ไหว้พระสวดมนต์สักครู่ เสร็จแล้วลงนอนเคียงกัน ให้พรบ่าวสาว เช่น “ที่นอนน่านอน ใครนอนเห็นจะอยู่เย็นเป็นสุขสบาย อายุยืนนะ” แล้วจึงพรมน้ำมนต์พร้อมกับให้ศีลให้พรและโปรยข้าวตอกลงบนที่นอน จากนั้นหลับตานิ่งๆ เหมือนหลับอยู่สักพักก็ลุกจากเตียงเป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นเจ้าสาวไหว้เจ้าบ่าว ผู้ใหญ่กล่าวฝากฝังให้ทั้งสองรักกันอย่างมั่นคง แล้วจึงจัดแจงวางหมอนหนุนศีรษะ ซึ่งผู้ชายต้องนอนทางขวาและผู้หญิงต้องนอนทางซ้ายจากนั้นก็ปล่อยให้บ่าวสาวอยู่กันภายในห้องเพียงลำพัง

ทำไมหญิงต้องนอนซ้าย ชายต้องนอนขวา

สืบเนื่องจาก ในอดีตที่ยังมีการรบพุ่งกันอยู่ ฝ่ายชายเป็นผู้ถือดาบออกรบ ส่วนฝ่ายหญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เมื่อถึงคราวต้องปกป้อง ผู้ชายจะได้ใช้มือซ้ายจับมือผู้หญิงหลบอยู่ด้านหลัง โดยถือดาบฟาดฟันศัตรูนั้นเอง

สิ่งของที่ใช้ในพิธีปูที่นอนเรียงหมอน

  1. หินบดยา หมายถึงมีจิตใจที่หนักแน่น
  2. ไม้เท้า หมายถึงอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน
  3. ฟักเขียว หมายถึงให้ใจเย็น
  4. ตุ๊กตาแมวสีขาว หมายถึงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
  5. ไก่ขาว หมายถึงขยันหมั่นเพียร
  6. หม้อใหม่ใส่น้ำ หมายถึงมีน้ำใจ
  7. ถั่วและงา หมายถึงมีความเจริญ
  8. เครื่องนอนชุดใหม่ทั้งชุด

เรื่องที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงความเชื่อที่สืบทอดต่อกันมาเพื่อความเป็นสิริมงคล การใช้ชีวิตคู่จำเป็นจะต้องมีอีกหลายสิ่งที่ควรยึดมั่นทั้งความซื่อสัตย์ ความเข้าใจ รวมถึงการให้อภัย หมั่นดูแลและรักษาดวงใจเพียงเท่านี้ชีวิตคู่ของคุณก็จะกลายเป็นความรักชั่วนิรันดร์ดั่งเทพนิยายสุดหวานได้เหมือนกัน

ดูข้อมูลเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลจาก: centerwedding.com, kapook.com, baanmaha.com, siamviva.com
ภาพ : Smallmoon Photo

ชวนว่าที่บ่าวสาวมาทำความรู้จักทองบนตัวเรือนก่อนเลือกมาสวมเป็นแหวนแต่งงาน

เวลาที่เห็นตัวเรือน แหวนแต่งงาน สีเงินวาว คุณคิดว่านั่นคือ ตัวเรือนทองขาวหรือแพลตินัมคะ แล้วคุณคิดว่าสองสิ่งนี้ต่างกันยังไง คำถามคือ คุณมั่นใจได้ยังไงว่า เนื้อแท้ของความเงินวาวนั้นเป็นแบบที่คิด วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

ตัวเรือนแหวนแต่งงานที่เห็นว่าเป็นสีเงินวาว ให้คุณสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า อาจทำจากตัวเรือน 4 อย่าง คือ ตัวเรือนเงิน (Silver)  ตัวเรือนทองขาว (White Gold) ตัวเรือนทองคำขาวหรือแพลตินัม (Platinum) และ ตัวเรือนทองคำชุบขาว (Yellow Gold) ความต่างของแต่ละชนิดก็คือ

ตัวเรือนเงิน แหวนที่ทำจากตัวเรือนเงินมักจะมีการสลักที่ทองแหวนว่า 925 ซึ่งมีความหมายว่าใช้เนื้อเงิน 92.5% ส่วนที่เหลืออีก 7.5% คือทองแดง ซึ่งเหตุที่ต้องผสมทองแดงเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเงินจนสามารถขึ้นรูปมาเป็นตัวเรือนแหวนได้ เมื่อขึ้นรูปแล้ว ฝังอัญมณีแล้ว จึงนำไปชุบโรเดี่ยมเพื่อให้เกิดความแวววาวและสวยงาม

ส่วนถ้าคุณอยากรู้ว่าแหวนแต่งงานเนี่ย เขานิยมเลือกตัวเรือนเงินไหม บอกได้ตรงนี้ว่าไม่นิยมค่ะ ตัวเรือนที่นิยมมากๆ ในยุคนี้คือ

ตัวเรือนทองขาว และ ตัวเรือนทองคำขาว ซึ่งเป็นตัวเรือน 2 ประเภทที่มีหลายคนสับสนทั้งชื่อเรียกและเนื้อวัสดุที่ทำขึ้นมาเป็นตัวเรือน ทำความเข้าใจกันง่ายๆ แบบนี้ค่ะ

ตัวเรือนทองขาว คือ แหวนทองคำ (Yellow Gold) ที่มีส่วนผสมของทอง 75% บวกกับส่วนผสมของโลหะอื่นๆ อีก 25% ซึ่งส่วนผสมที่ว่าอาจเป็นโลหะเงิน ผลที่ออกมาคือ แหวนสีเงินที่ออกนวลๆ ตา จากนั้นนำไปชุบโรเดี่ยมเพื่อให้กลายเป็นสีเงินวาว พอใช้ไปสักพัก โรเดี่ยมจะค่อยๆ หลุดออกไป เผยให้เห็นสีเนื้อแท้ของทองขาวนวลๆ บางทีก็ออกเหลือง ถ้าเจอแบบนั้นไม่ต้องตกใจ แต่ให้ยิ้มกว้างๆ เพราะนั่นน่ะ การันตีว่าแหวนทองขาวของคุณมีส่วนผสมของทองจริงๆ ซึ่งถ้าคุณชอบแบบวาวๆ ก็เอาไปชุบเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

ส่วน แหวนทองคำขาว หรือ แหวนแพลตินัม อันนี้บอกเลยว่าไม่มีทองเป็นส่วนผสมเลยสักเปอร์เซ็นต์เดียว ส่วนผสมหลักเป็นโลหะล้วนๆ ซึ่งมีความแข็งมากๆ ขึ้นรูปก็ยาก ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญและเครื่องมือเฉพาะทาง ส่งผลให้ราคาในการผลิตสูงกว่า (พูดง่ายๆ ว่าไม่ได้แพงเพราะวัสดุ แต่แพงแรงงานผลิต) ข้อดีคือ สีไม่เปลี่ยน ไม่ดำง่ายแถมยังทนมาก

สำหรับ ตัวเรือนทองคำ (ชุบขาว) เนื้อแท้ข้างในก็คือตัวเรือนทองคำนั่นแหละค่ะ แต่เป็นทองคำ 18K คือมีเปอร์เซ็นต์ทองอยู่ที่ 75% ซึ่งบางคนบอกว่า ทำไมไม่ใส่ทองมากกว่านี้แบบว่าให้เป็น 22K ที่มีเปอร์เซ็นต์ทองอยู่ที่ 90% นั่นเพราะยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่สูง ยิ่งทำให้ตัวเรือนนิ่ม เปลี่ยนรูปทรงบิดเบี้ยวได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะใช้ไม่ได้นะคะ ขอบอกว่าใช้ได้ เจ้าทอง 22K แต่ต้องเลือกดีไซน์แหวนที่ออกแบบให้หนามเตยและก้านแหวนแข็งแกร่งสักหน่อย เพชรที่ฝังไปจะได้ ซึ่งเมื่อขึ้นรูปแบบตัวเรือนได้แล้ว ก็นำมาชบโรเดี่ยมจนเห็นเห็นตัวเรือนสีเงินวาวเช่นกันนั่นเอง

ยังมีอีกหนึ่งประเภทตัวเรือนที่ตอนนี้กำลังมาแรงมากๆ นั่นก็คือ ตัวเรือนทองชมพู  (Pink Gold) หรือบางคนเรียกว่า โรสโกลด์ (Rose Gold) ที่แม้จะไม่ได้ชุบโรเดี่ยมให้ความแวววาว แต่ความสวยของสีทองชมพูนั่นโดนใจบ่าวสาวยุคนี้เข้าอย่างจัง

แต่อย่าเพิ่งสับสนระหว่าง ทองชมพู กับ นาก นะคะ เพราะคนละเรื่องกันเลย นั่นเพราะเปอร์เซ็นต์ทองต่างกันแบบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ตัวเรือนทองชมพูจะมี ส่วนผสมของทอง 75% เงิน 9% และทองแดง 16% ส่วนนากจะมีส่วนผสมของทอง 37.5% เงิน 20% และทองแดง 42.5% เรื่องราคาคงไม่ต้องบอกนะคะว่าใครมาแรงกว่ากัน เพราะเมื่อคุณอ่านมาตรงนี้แล้วคงเข้าใจใช่ไหมล่ะว่า ราคาทองชมพูสูงกว่านากแน่นอน

รู้จักตัวเรือนแหวนแต่งงานกันไปเรียบร้อยครบทุกประเภทอย่างครอบคลุมแล้ว อยู่ที่ความชอบและงบประมาณในกระเป๋าของคุณแล้วล่ะ ว่าจะเทใจไปที่ชนิดของตัวเรือนไหน

ภาพ : upload.wikimedia.org

ต้นกล้วยต้นอ้อย ในพิธีแห่ขันหมากใช้เสร็จแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน? ไปดูกัน

ต้นกล้วยต้นอ้อย ถือเป็นของสำคัญในขบวนขันหมาก ซึ่งเมื่อขันหมากมาถึงเราก็จะนำสิ่งของต่างๆ ไปจัดเรียงตามตำแหน่งถูกไหมคะ แต่พอเสร็จจากพิธีการทั้งหลายนี่สิ เจ้าต้นกล้วย ต้นอ้อยที่หอบกันมาถึงบ้านเจ้าสาวเนี่ยจะเอาไปเก็บไว้ตรงไหน หรือนำไปทำอะไรต่อ วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ

ต้นกล้วยและต้นอ้อยที่ฝ่ายเจ้าบ่าวนำมาในขบวนขั้นหมากนั้น เสร็จจากงานแต่งมักนิยมให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวนำไปช่วยกันปลูก ดูแล รดน้ำให้เติบโตเจริญงอกงาม เนื่องจากมีความเชื่อว่าความรักของทั้งคู่จะได้สดชื่นหอมหวานเหมือนต้นอ้อย และออกดอกออกผลมีลูกดกเหมือนต้นกล้วย

นอกจากนี้ยังมีปริศนาธรรมแฝงอยู่อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือ ด้วยลักษณะของต้นกล้วยและต้นอ้อยที่นำมาร่วมขบวนขันหมากนั้น มักจะเป็นต้นที่ขึ้นในแนวตรงสูง ไม่คด ไม่งอ เปรียบเสมือนคำสอนให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวซื่อตรงต่อกัน เพื่อที่ความรักจะได้มั่นคงยืนยาว สำหรับบ่าวสาวที่มีเรือนหอเป็นบ้านเดี่ยว หรือมีพื้นที่ให้ปลูกเจ้าสองต้นนี้ก็ง่ายหน่อย เพราะสามารถเอาลงดินแล้วปลูกได้เลย คราวนี้ปัญหาคาใจมันอยู่ที่ว่า ถ้าห้องหอดันเป็นคอนโดฯ ไม่มีพื้นที่ให้ปลูกจะทำอย่างไร ถ้าอยากรู้คำตอบก็อ่านย่อหน้าต่อไปเลยจ้า

สำหรับหนุ่มสาวยุคใหม่ที่แต่งงานเสร็จแล้วย้ายไปอยู่คอนโดฯ ตึกสูงระฟ้า คงจะไม่มีพื้นที่ปลูกกล้วยปลูกอ้อยได้แน่นอน วิธีแก้ปัญหาคือ คุณสามารถนำทั้งสองต้นนี้ไปฝากปลูกไว้ที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ฝ่ายเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องหอบหิ้วไปหาที่ปลูกในคอนโดฯ ให้วุ่นวาย หรือถ้าหากคู่รักคู่ไหนที่ไม่สะดวกจะปลูกจริงๆ ก็อนุโลมว่าไม่ต้องปลูกก็ได้ แต่ขอให้จดจำคติและคำสอนที่ได้จากลักษณะของต้นกล้วย ต้นอ้อย เอาไปไว้ใช้ในการดำเนินชีวิตคู่ก็แล้วกันจ้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ร้อยโท วิชัย เมืองนก

Read More : โบราณว่าไว้…ทำแบบนี้ใน งานแต่ง ชีวิตคู่จะยืนยาว

รวมคำถามสุดฮิตของว่าที่เจ้าสาวเกี่ยวกับ การเลือกชุดแต่งงาน

ยากกว่าข้อสอบก็ การเลือกชุดแต่งงาน นี่แหละ!!

แพรว wedding ขอไขปัญหาพร้อมสลัดข้อข้องใจเรื่อง การเลือกชุดแต่งงาน ด้วยชุดคำถามยอดฮิตที่ว่าที่เจ้าสาวมักจะถามไถ่อยู่เสมอ ว่าจะแต่งอย่างไรให้สวยเข้ากัน และเพื่อนเจ้าสาวนั้นก็ต้องรอดด้วย เอาเป็นว่าไปดูคำถามยอดฮิตที่มาพร้อมคำตอบที่ว่าที่เจ้าสาวอยากรู้กันเลย

  • สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกชุดเจ้าสาวให้สวยและดูดีที่สุด

เรื่องแรกที่เจ้าสาวต้องพิจารณาคือสไตล์ ว่าหุ่นของเราเหมาะกับชุดแต่งงานสไตล์ไหนเพื่อเป็นพื้นฐานในการออกแบบ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมของชุดขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าสาวที่สามารถเพิ่มเติมดีเทลและรายละเอียดลงไปภายหลังได้ อีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือ พิธีการ สถานที่จัดงาน จำนวนแขก และรูปแบบของงาน เพื่อจะได้เลือกชุดได้อย่างเหมาะสมและดูดี

  • ชุดแต่งงานของดีไซเนอร์ กับชุดแต่งงานจากเวดดิ้งสตูดิโอ

การเลือกใช้ชุดต่างๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของบ่าวสาว ถ้าต้องการควบคุมงบประมาณอาจเลือกใช้ชุดจากเวดดิ้งสตูดิโอ ซึ่งจะมาพร้อมกับแพ็คเกจต่างๆ เช่น รวมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว ช่างแต่งหน้าทำผม และการถ่านภาพพรีเวดดิ้งด้วย ซึ่งสะดวกในแง่ที่ว่าไปที่เดียวได้ครบจบหมด แต่ต้องเลือกชุดจากดีไซน์ที่แต่ละร้านเลือกมาไว้แล้ว

แต่ถ้าเจ้าสาวต้องการชุดที่พิเศษสำหรับวันพิเศษครั้งเดียวในชีวิต อาจเลือกตัดชุดกับดีไซเนอร์ ซึ่งถึงแม้ราคาจะสูงกว่าการใช้ชุดจากสตูดิโอ แต่เจ้าสาวจะได้ชุดสวยถูกใจตรงกับความต้องการของเจ้าสาวและธีมงานมากที่สุด

  • สิ่งที่ต้องคำนึง หากเจ้าสาวไม่ต้องการชุดแต่งงานสีขาวแบบปกติ

สำหรับงานแต่งงานในเมืองไทยสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เพราะแต่ละครอบครัวมีธรรมเนียมปฏิบัติต่างกัน บางบ้านอาจเคร่งครัดธรรมเนียมมาก ซึ่งถ้าผ่านข้อนี้ไปได้ก็เลือกใช้ชุดสีแฟชั่นก็ได้ ซึ่งคงต้องดูว่าสไตล์งานของเจ้าสาวจะเป็นอย่างไร บรรยากาศในงานจะเป็นแบบไหน สีผิวของเจ้าสาวเหมาะกับการใส่สีอะไร หรือเพื่อนเจ้าสาวจะใส่ชุดสีประมาณไหนเพื่อให้เจ้าสาวดูเป็นคนสำคัญที่สุดเวลาถ่ายรูป

  • เลือกชุดแต่งงานยังไงให้ใช่และถูกใจมากที่สุด

ก่อนอื่นเจ้าสาวต้องรู้จักตัวเองก่อนว่า เรานั้นเป็นคนอย่างไร เช่น เป็นสาวเปรี้ยว สาวหวาน หรือสาวเท่ และควรรู้จักข้อบกพร่องของตัวเองด้วยว่าอยู่ตรงไหน จากนั้นก็ให้เลือกแบบชุดโดยเลี้ยงการเน้นขอบกพร่องของตัวเอง เช่น ถ้าช่วงบนเล็ก เอวเล็ก แต่สะโพกใหญ่ ควรเลือกชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด เพื่อเลี่ยงจุดสนใจจากสะโพกให้ไปอยู่ที่ช่วงชายกระโปรงแทน และควรมีการปักแค่ที่ชายไล่มาถึงแถวต้นขา เป็นต้น

  • งบประมาณขั้นต่ำของชุดแต่งงาน และสิ่งที่จะทำให้ชุดนั้นราคาสูงขึ้น

งบประมาณขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าสาวโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ชุดยิ่งมีขนาดใหญ่ ตัดเย็บยาก และใช้เวลาทำนานมากเท่าไหร่ ราคาก็จะเป็นไปตามชิ้นงานและตามความเป็นจริง ยิ่งถ้าหากเจ้าสาวตัดชุดกับดีไซเนอร์ด้วยแล้ว ส่วนตัวดีไซเนอร์ก็อยากให้เจ้าสาวซื้อชุดนั้นๆ ไปเป็นของตัวเองเลย เพราะสไตล์ของชุดจะกลั่นออกมาจากโจทย์ที่เจ้าสาวให้กับดีไซเนอร์ ซึ่งถูกนำมาตีความและบวกสไตล์ของดีไซเนอร์แต่ละคนเข้าไป จึงทำให้ชุดแต่งงานชุดนั้นพิเศษสำหรับเจ้าสาวที่สวมใส่โดยเฉพาะ

  • เลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวยังไงให้เหมาะกับงาน

ชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นเหมือนยูนิฟอร์ม แต่เป็นยูนิฟอร์มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ด้วยความที่รูปร่างและสีผิวของเพื่อนเจ้าสาวแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เพื่อนเจ้าสาวควรคำนึงคือเรื่องทางการภาพต่างๆ เช่น ความสูงต่ำดำขาว และการเลือกแบบชุดที่กลางๆ แต่เมื่อใส่แล้วช่วยเสริมให้เพื่อนทุกคนในกลุ่มดูดีไม่มีใครด้อย

เลือกชุดแต่งงานสากลแล้วก็อย่าลืม เลือกชุดแต่งงานไทยยังไงให้สวยปังมีออร่า ดีไซเนอร์มีคำแนะนำดีๆ มาบอก

ภาพจาก www.pexels.com, pinterest.com

เครื่องประดับไข่มุก เลือกแมตช์กับช่วงอายุยังไงให้ดูไม่แก่ ไม่เชย

ใครว่า เครื่องประดับไข่มุก ใส่แล้วดูสูงวัย เราขอบอกดังๆ ตรงจุดนี้ว่าคิดใหม่ซะเถอะ เพราะความดีงามของมุกมีมากกว่าที่คุณคิด เพียงแต่คุณต้องเลือกสไตล์ของสร้อยคอให้เหมาะกับวัยและสีผิวของคุณแล้วสร้อยไข่มุกที่ว่าจะเลอค่าน่ามองเสมอเมื่ออยู่บนเรือนร่างของคุณ

  • ใครบ้างที่ใส่มุกได้

พูดเลยว่าเทรนด์การใส่สร้อยมุกไม่จำกัดอายุนะคะ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวสูงวัยหรือสาวหัวเดิร์นสมัยใหม่ คุณก็หยิบสร้อยมุมาใส่ได้ทั้งนั้น แต่เทคนิกอยู่ที่การเลือกขนาดของสร้อยมุกมาใช้ ซึ่งขนาดที่ว่านี้ไม่ได้จำกัดแค่เพียงขนาดของเม็ดมุก แต่เป็นความยาวและรูปแบบของตัวสร้อยด้วยนะคะ

ถ้าคุณคือสาวรุ่นอายุในช่วง 20-30 ปี บอกเลยว่าต้องเลือกสร้อยไข่มุกที่มีเม็ดเล็ก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 7 มิลลิเมตร

เมื่อเลือกขนาดของไข่มุกแล้วแล้วก็มีดูสไตล์ของสร้อยคอกันดีกว่า ถ้าคุณอยากอินเทรน สวยสมวัย บอกเลยว่าต้องเลือกสวมสร้อยไข่มุกแบบสองเส้นซ้อนหรือสามเส้นเป็นโชคเกอร์ติดคอก็เก๋กู้ดไม่เหมือนใคร แต่ควรจับคู่กับชุดสีพื้นๆ เพื่อให้ไข่มุกโดดเด่นเต็มที่ ไม่ควรเลือกชุดหรือเสื้อที่ลายพร่อยไปทั้งตัว เพราะลวดลายละลานตาจะมาตีกับเม็ดไข่มุกได้

ถ้าคุณอายุ 30 ปีขึ้นไป แนะนำให้ขยับขนาดไข่มุกของสร้อยคอขึ้นมาอีกนิด อยู่ที่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่เกิน 10 มิลลิเมตร และเลือกสร้อยแบบเส้นเดียวที่ยาวระดับหน้าอก รับรองว่าสวมแล้วแลดูหรูหราและเพิ่มความสง่างามแน่นอน

  • ไข่มุกมีหลายสี แต่สีไหนดีจะเวิร์คและอินเทรนด์

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่ามุกอะโกย่ามีหลายเฉดสีที่บางคนอาจรู้สึกว่าสีเหลือบกันจนมองยากเหลือเกินว่าสีไหนเป็นสีไหน ทำให้เวลาที่เลือกไข่มุกมาใส่ต้องคิดแล้วคิดอีก เอาเป็นว่าวิธีง่ายแสนง่ายก็คือ เช็คสีผิวของตัวเองจากนั้นจึงเลือกจับคู่สร้อยมุกให้แมตซ์ เช่น หากคุณมีผิวสีขาวซีดออกเหลือง แนะนำให้เลือกมุกสีขาวครีม หากคุณคือสาวผิวเหลืองควรเลือกมุกสีชมพูหรือขาวอมชมพู แต่ถ้าเป้นสาวผิวสีแทนหรือสีน้ำผึ้ง ต้องเป็นเฉดขาวอมทองจะเริ่ดมากค่ะ

ทราบเทคนิกเลือกสร้อยมุกกันไปแล้วนะคะ ออกงานครั้งหน้า อย่าลืมคว้าสร้อยมุกแสนสวยมาเติมเต็มความงามด้วยนะคะ

ถ้าอยากใส่เครื่องประดับมุกในงานแต่งงานแต่ยังลังเลใจถ้าอย่างนั้นไป รู้จักไข่มุกให้มากกว่านี้ กันเถอะ

Cr. julesbridaljewellery.com

บ่าวสาวกับข้อควรรู้ก่อนที่จะสลักแหวนแต่งงานด้วยข้อความสุดซึ้ง

นอกจากบ่าวสาวจะเลือกดีไซน์แหวนแต่งงานได้ตามแบบที่ชอบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่บ่าวสาวสามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับแหวนแต่งงานได้ก็คือการ สลักแหวนแต่งงาน ด้วยข้อความสุดซึ้งไว้ที่ด้านในของแหวนก็ช่วยให้แหวนแต่งงานที่นอกจากจะมีมูลค่าทางตัวเงินแล้ว ก็ยังมีมูลค่าทางจิตใจเพิ่มขึ้นไปอีก แพรว wedding เลยนำข้อควรรู้ก่อนที่บ่าวสาวคิดจะนำแหวนแต่งงานไปสลักข้อความมาฝาก

ส่วนมากแล้วแหวนที่มีขนาดพอดีที่พอจะสลักข้อความลงไปได้นั้น มักจะมีความกว้างของตัวแหวนอยู่ที่ประมาณ 3 มิลลิเมตร เนื่องจากถ้าขนาดแหวนแคบกว่านี้จะทำให้ตัวอักษรหรือตัวหนังสือที่บ่าวสาวจะสลักลงไปนั้นมีขนาดเล็กเกินไปจนอาจทำให้อ่านข้อความนั้นไม่ออก ซึ่งเทคนิกการสลักมีอยู่ 2 อย่างคือการตอกกับการเลเซอร์

  • วิธีการตอก คือทางร้านจะมีแม่พิมพ์เป็นตัวอักษรวางลงบนตัวเรือนแล้วตอกลงไป อยากได้คำว่าอะไรก็เรียงที่ละตัวๆ ข้อเสียคือ ตัวอักษรที่ตอกลงไปจะไม่คม อาจมีบางตัวเบี้ยวๆ เพราะตอกด้วยมือ ถ้าวางพลาดองศาเดียวก็เบี้ยวตามนั้น
  • วิธีเลเซอร์ เป็นวิธีสมัยใหม่ที่ดีกว่าการตอกมากมายมหาศาล เพราะนอกจากจะรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเลือกฟ้อนต์สวยๆ ได้มากมาย เพราะสั่งการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ คุณจะนำโลโก้งาน ชื่อย่อ วันที่หรือประโยคอินๆ มาใส่ก็ได้ไม่มีปัญหา หรือจะวางเอียงวางตรงไม่ต้องกังวลว่าองศาจะเพี้ยนแน่นอน

สลักแหวนแต่งงาน

และจะสลักอะไรลงไปในแหวนแต่งงานดี

ข้อนี้ขึ้นอยู่กับบ่าวสาวล้วนๆ เลยค่ะ ที่คุณคิดว่ามีความหมายต่อคุณทั้งสอง ซึ่งถ้าเป็นข้อความก็อาจจะเป็นขอความสั้นๆ ที่ไม่ยาวมาก เพราะแหวนแต่งงานก็มีขนาดความยาวของวงแหวนที่เท่ากับรอบนิ้วของบ่าวสาวนั่นเอง เพราะฉะนั้นลองปรึกษากับทางร้านว่า สิ่งที่บ่าวสาวอยากจะสลักลงไปบนแหวนนั้นมีความยาวพอดีกับขนาดแหวนของคุณทั้งคู่หรือไม่ เพราะคำที่มากเกินไปอาจจะส่งผลถึงขนาดของตัวอักษรที่ต้องเล็กลงตามไปด้วย

ศึกษาร้านให้ดีและบอกวันที่ต้องการใช้งานให้แน่ชัด

หากบ่าวสาวเลือกแหวนแต่งงานแทนใจได้แล้ว อาจจะถามทางร้านว่ามีบริการรับแกะสลักข้อความลงบนแหวนหรือไม่ เพราะบางร้านอาจจะไม่ได้มีบริการตรงนี้ และบ่าวสาวควรศึกษาข้อมูลของแต่ละร้านให้ดี พร้อมขอดูตัวอย่างที่ทางร้านเคยทำไว้ว่างานออกมาละเอียดตรงตามที่บ่าวสาวต้องการหรือเปล่า พร้อมทั้งแจ้งกับทางร้านถึงวันที่จะใช้แหวนแต่งงานที่มีข้อความสลักไว้เรียบร้อยให้ชัดเจน ซึ่งบางร้านก็อาจจะทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหากทางร้านมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีช่างมืออาชีพผู้มีประสบการณ์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าในช่วงนั้นๆ ทางร้านมีคิวลูกค้าเยอะหรือไม่ และยังขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อความหรือสิ่งที่บ่าวสาวจะแกะสลักลงไปด้วย

สิ่งสำคัญต้องตระหนักก่อนจะนำแหวนแต่งงานไปสลักข้อความ

  • ต้องแน่ใจว่าแหวนที่บ่าวสาวจะนำไปสลักนั้นพอกับนิ้วมือของบ่าวสาวแล้ว เพราะถ้าหากสลักไปก่อนแล้วมาทราบทีหลังว่าขนาดแหวนไม่พอดีต้องขยายหรือทำให้เล็กลงแล้วล่ะก็ อาจทำให้ข้อความที่บ่าวสาวสลักไว้บนแหวนนั้นบิดเบี้ยวไม่สวยงาม
  • ตรวจเช็กตัวอักษร ตัวสะกด และวันที่ให้ดี เพราะหากสลักลงไปแล้วเกิดผิดขึ้นมา บอกเลยว่าการแก้ไขนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะจ๊ะ
  • เช็กฟ้อนต์ที่บ่าวสาวอยากจะใช้ให้ดี ว่าถ้าหากอยากใช้ฟ้อนต์นี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่ เพราะร้านอาจจะไม่ได้มีฟ้อนต์ที่บ่าวสาวอยากได้

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับแหวนแต่งงานและเครื่องประดับอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pexels.com, socialstructure.us, pinterest.com

อยาก ลดน้ำหนัก ให้หุ่นสวยทันวันวิวาห์? ไม่ต้องอดหาร แค่เปลี่ยนไปกินสิ่งเหล่านี้!

จะ ลดน้ำหนัก การกินสำคัญไม่แพ้การออกกำลังกายนะ แค่เปลี่ยนสิ่งที่กินอยู่ประจำเป็นสิ่งเหล่านี้ ไม่ต้องอดอาหารให้ทรมานไปจนถึงวันแต่งงานก็หุ่นดีได้ มาดูกัน!

เชื่อว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวหลายๆคนมีเป้าหมายอยาก ลดน้ำหนัก ให้ได้ก่อนวันแต่งงานกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ? หลายคนเข้าใจว่าเพื่อให้หุ่นดีเราจะต้องกินให้น้อยแล้วออกกำลังกายให้หนัก แต่รู้ไหมว่านั่นเป็นสิ่งที่ผิดค่ะ! ที่จริงแล้วเราควรกินให้พอดีและเลือกกินสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องอดอาหารจนทรมานก็สามารถเป็นเจ้าของหุ่นสวยฟิตเฟิร์มได้ถ้าคุณออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยอย่างมีวินัย มาดูกันเลยว่า อาหารที่เรากินอยู่ประจำ อะไรบ้างที่เราสามารถเปลี่ยนได้เพื่อหุ่นสวยทันวันแต่งงานพอดีค่ะ

 

  • เปลี่ยนจาก ข้าวขาว เป็น ข้าวกล้อง

จริงอยู่ว่าทั้งสองอย่างก็คือคาร์โบไฮเดรตเหมือนกันน่ะแหละ (แถมกินเยอะไปก็อ้วนได้เหมือนกัน) แต่ข้าวกล้องซึ่งเป็นข้าวที่ยังคงมีเปลือกบางๆห่อหุ้มอยู่นั้น นอกจากจะเต็มไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินมากกว่าข้าวขาวที่ถูกขัดเปลือกออก ส่วนเปลือกนี้ยังช่วยทำให้กระบวนการย่อยอาหารของเราช้าลง ทำให้เราอิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนานขึ้น รวมทั้งไฟเบอร์ที่สูงขึ้นของข้าวกล้องยังช่วยให้ระบบขับถ่ายเราดีขึ้นด้วย

ลดน้ำหนัก เจ้าสาว

 

  • เปลี่ยนจาก ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ เป็น เส้นหมี่ขาว

รู้ไหมคะว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ที่จะต้องเคลือบด้วยน้ำมันก่อนนำมาปรุงอาหารนั้นแคลอรี่สูงใช่เล่น! ในทางตรงกันข้าม เส้นหมี่ขาวในปริมาณเท่ากันนั้นให้แคลอรี่น้อยกว่าถึงประมาณ 20% เลยทีเดียว นับเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ให้พลังงานน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเส้นประเภทอื่นค่ะ

ลดน้ำหนัก เจ้าสาว

 

  • เปลี่ยนจาก วุ้นเส้น เป็น เส้นบุก

สาวๆหลายคนเข้าใจว่าวุ้นเส้นให้พลังงานน้อยและเป็นอาหารสำหรับลดความอ้วน แต่เจ้าเส้นใสๆนี้ 100 กรัมให้พลังงานสูงถึงกว่า 300 แคลอรี่เลยทีเดียว! ในทางตรงกันข้าม เส้นบุกในปริมาณเท่ากัน ให้พลังงานเพียงแค่ 10 แคลอรีเท่านั้น แถมยังเปี่ยมด้วยไฟเบอร์ จึงทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องนานกว่าด้วยค่ะ

ลดน้ำหนัก เจ้าสาว

 

  • เปลี่ยนจาก หมู หรือ ไก่ เป็น ปลา

เมื่อเทียบเปอร์เซ็นไขมันในเนื้อหมู เนื้อไก่(ยกเว้นเนื้อไก่ส่วนอก)  และเนื้อปลา แน่นอนว่าเนื้อปลาชนะขาดลอยค่ะ และเนื้อปลายังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายที่สุดด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าไขมันไม่ดีนะคะ เพราะร่างกายคนเราก็ต้องการไขมันเพื่อใช้ประโยชน์เหมือนกัน ซึ่งจุดนี้เนื้อปลาก็ยังเปี่ยมด้วยไขมันอิ่มตัวประเภทที่ดีต่อร่างกายเราอีกด้วย

ลดน้ำหนัก เจ้าสาว

 

  • เปลี่ยนจาก นมวัว เป็น กรีกโยเกิร์ต

ในนมวัวมีแลคโตส ซึ่งสำหรับบางคนนั้นลำไส้อาจจะย่อยแลคโตสได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสียได้ บางคนกินนมวัวแล้วอาจจะรู้สึกว่าท้องป่องๆ ตัวบวมๆ ซึ่งก็อาจจะเกิดจากร่างกายย่อยแลคโตสได้ไม่ดี ในทางตรงกันข้าม กรีกโยเกิร์ตเปี่ยมด้วยจุลินทรีย์ชนิดดีที่เอื้อต่อการทำงานของลำไส้ ช่วยให้เราขับถ่ายได้ดีขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมเลือกแบบไม่มีน้ำตาลละคะ

 

  • เปลี่ยนจาก น้ำตาลทรายหรือน้ำเชื่อม เป็น น้ำตาลหญ้าหวาน

ใครที่ติดทานของหวาน หรือน้ำดื่มหวานๆ นี่แหละตัวดีที่ทำให้เรามีพุง! ถ้าลดได้หรือเลิกไปเลยได้เราก็แนะนำนะคะ แต่ทั้งนี้เราเข้าใจว่าสำหรับบางคนที่ยังอยากทานอะไรหวานๆ เราแนะนำให้เปลี่ยนจากน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม เป็นน้ำตาลจากหญ้าหวานหรือ สตีวิโอไซด์ (Stevioside) ซึ่งนอกจากจะให้รสหวานมากกว่าน้ำตาลในปริมาณนิดเดียว ไม่ให้พลังงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาก็ยังได้มีการขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้บริโภคแทนน้ำตาลได้ แสดงว่าปลอดภัยกับร่างกายค่ะ

 

  • เปลี่ยนจาก ของทอด เป็น ของอบ

ส่วนใครที่ติดของทอด ของมัน เราแนะนำให้เปลี่ยนจากการทอด เป็นการอบแทนเพื่อลดการกินไขมันประเภทไม่ดีเข้าสู่ร่างกายค่ะ ซึ่งตอนนี้มีของกินเล่นหลายอย่างที่เน้นการอบแทนการทอดและมีขายในร้านสะดวกซื้อเอาใจสายรักสุขภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่าพอเปลี่ยนเป็นของอบแล้วเราจะแทนเท่าไรตามใจปากก็ได้นะคะ หากเป็นประเภทมันฝรั่งซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต ทานมากเกินไปก็อ้วนได้เหมือนกันค่ะ

 

  • เปลี่ยนจาก ผลไม้รสหวาน เป็น ผลไม้เนื้อฟู

การทานผลไม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดีใช่ไหมคะ? แต่รู้ไหมว่าผลไม้รสหวานบางประเภท เช่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย หรือทุเรียน sหากกินเยอะเกินไปก็ให้พลังงานสูงเท่าๆกับการกินข้าวมื้อใหญ่เลยละค่ะ! ลองเปลี่ยนมาทานผลไม้ประเภทเนื้อฟูที่น้ำตาลต่ำ เช่น แอ็ปเปิ้ล ชมพู่ หรือฝรั่ง แทนดีกว่าค่ะ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ? ได้ไอเดียเปลี่ยนอาหารให้เฮลตี้ขึ้นจากเราแล้วใช่มั้ยละ? อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยเพื่อสุขภาพที่ดีและหุ่นฟิตเฟิร์มสวยในวันแต่งงานละ!

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน วิธีการฟิตหุ่นสวยในเวลาจำกัด จากเซเลบสายสปอร์ต กันเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก: healthandtrend.com, huffingtonpost.com, livestrong.com

Credit Photo: foodietaste.com, thaitribune.org, coolcathotfood.com, th.openrice.com, taxclinic.mof.go.th, honestdocs.co

เรียนรู้เคล็ดลับเลือกเวลเจ้าสาวที่ใช่ให้กับชุดแต่งงานที่ชอบในวันวิวาห์

เวลเจ้าสาว คือสิ่งที่ช่วยเพิ่มความงามและความโรแมนติกให้กับลุคของเจ้าสาวและชุดแต่งงานได้เป็นอย่างดี และไม่ว่าเจ้าสาวจะเลือกชุดแต่งงานแบบเรียบง่ายหรือชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์สุดอลังราวเจ้าหญิง เหล่าเจ้าสาวก็มักจะคอมพลีตลุคให้เพอร์เฟกต์ด้วยเวลเกือบทั้งนั้น เพราะเวลเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความเป็นเจ้าสาวที่ว่าที่ทั้งหลายอยากจะได้สัมผัสสักครั้งในวันสำคัญของชีวิต แถมเวลเจ้าสาวก็มีแบบให้เลือกมากมายพร้อมความยาวอีกหลายระดับ ที่สำคัญเวลเจ้าสาวนั้นไม่ใช่มีแค่ผ้ามุ้งหรือผ้าโปร่งบางธรรมดานะจ๊ะ เพราะเพื่อให้สมกับความหรูหราแบบเจ้าสาวก็จะต้องมีอะไรที่พิเศษสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าทูลล์โปร่งบางแบบพิเศษ, ประดับด้วยลูกไม้สุดหรู, ปักลวดลายดอกไม้ หรือแม้กระทั่งการปักลูกปัดเพื่อความระยิบระยับก็มี

และสำหรับเจ้าสาวที่ตั้งมั่นว่า ฉันจะใส่เวลเจ้าสาวแบบจริงจังไม่เปลี่ยนใจในวันสำคัญนั้น เราอยากให้เจ้าสาวได้ตั้งสติ อย่าเพิ่งผลีผลามไปซื้อหรือสั่งทำเวลก่อนที่จะได้แบบชุดแต่งงานนะจ๊ะ เพราะชุดแต่งงานคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยกำหนดรูปแบบและความยาวของเวลเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นก่อนเลือกเวลเจ้าสาว เรามาพิจารณาถึงสิ่งต่อไปนี้กันก่อนดีกว่า

  • อันดับแรก ความยาวเท่าไหร่ถึงจะพอดีกับชุดแต่งงาน? ไม่ว่าจะเป็นเวลแบบ bird cage และเวลแบบ blushers ที่เป็นเวลแบบสั้นที่ปิดหน้าด้วย รวมไปถึงเวลที่มีความยาวระดับไหล่ ข้อศอก และเสมอนิ้วมือที่เป็นเวลระดับความยาวแบบปานกลาย และเวลที่มีความยาวมากๆ อย่างเช่น

เวลแบบ waltz ที่มีความยาวระดับน่อง
เวลแบบ floor-length ที่ความยาวต้องพอดีกับความยาวของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสวมใส่
เวลแบบ chapel-length ที่มีขนาดกว้างกว่าชุดแต่งงานของเจ้าสาว
เวลแบบ cathedral length ที่ยาวกว่าชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสวมใส่

เมื่อเจ้าสาวทราบถึงรูปแบบและความยาวของเวลแบบต่างๆ แล้วก็อาจจะปรึกษากับร้านชุดหรือดีไซเนอร์ว่า เวลแบบไหนที่เหมาะกับชุดแต่งงานที่เจ้าสาวเลือกมากที่สุด

  • อันดับสอง จะต้องคิดถึงทรงผมที่เจ้าสาวจะทำในวันงานด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเวลเจ้าสาวนั้นเหมือนจะออกแบบมาเพื่อให้แมตช์กับทรงผมสไตล์ up-do หรือเจ้าสาวบางคนก็เลือกที่จะปล่อยผมให้ยาวสยายภายใต้เวลไปเลยก็มี หรือแม้กระทั่งผมแบบรวบครึ่งศีรษะก็สามารถสวยในเวลเจ้าสาวได้ และเพื่อการเซฟลุคในวันงานให้มากที่สุด หากว่าที่เจ้าสาวได้เวลแต่งงานมาแล้ว ก็อย่าลืมส่งภาพไปให้ช่างทำผมในวันงานได้ดูด้วย เพื่อที่ช่างจะได้ออกแบบทรงผมให้เข้ากับเวลเจ้าสาวมากที่สุด จะได้ไม่หลุดกลางงานยังไงล่ะคะ

เวลเจ้าสาว

  • อันดับสาม คิดไว้เลยว่าเจ้าสาวอยากได้เวลแบบไหน แค่ผ้าทูลล์แบบเรียบง่ายเพียงพอหรือเปล่า แล้วต้องการแค่ผ้าชั้นเดียวหรือต้องการให้ผ้าซ้อนกันเป็นเลเยอร์ หรือบางทีเจ้าสาวอาจจะต้องการบางอย่างที่สวยงามหรูหราที่ช่วยสร้างความอิมแพ็คในช่วงเปิดตัวเจ้าสาว อย่างเช่น เวลประดับลูกปัดระยิบระยับ, เวลประดับผ้าลูกไม้สุดหรู, หรือเวลที่ประดับดอกไม้ไว้อย่างสวยงาม หรือจะเป็นเลือกเป็นขอบผ้าที่เย็บไว้ด้วยผ้าริบบิ้น เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้จะเป็นสิ่งที่กำหนดงบประมาณสำหรับเวลของเจ้าสาวได้

  • อันดับสี่ เจ้าสาวมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลเจ้าสาวนั้นต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการตัดเย็บและตกแต่งเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าหากเต็มไปด้วยรายละเอียดแล้วยิ่งต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ซึ่งบางครั้งเวลที่ใช้ผ้าทูลล์แค่ชั้นเดียวแต่ประดับด้วยลูกไม้อาจจะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าที่เจ้าคิดก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจึงควรเปรียบเทียบราคาให้แน่นอนเสียก่อน หรือสอบถามกับช่างให้ชุดเจนก่อนนะคะ

ไปดูแบบเวลเจ้าสาวกันต่อเลย

ภาพ pinterest

จะแต่งงานแบบเอ้าท์ดอร์ทั้งทีต้อง ป้องกันยุงแมลง กันหน่อยนะ

งานแต่งงานแบบ Outdoor เป็นงานแต่งงานที่เน้นบรรยากาศธรรมชาติรับลมชมวิวนอกอาคารสถานที่ ด้วยเหตุนี้เองจึงมักประสบปัญหารบกวนจากธรรมชาติอย่างยุง มด แมลงมากวนใจ เสียบรรยากาศสบายๆ กันพอดี แพรว wedding เลยมีทริคเล็กๆ น้อยๆ มาแนะนำให้กับบ่าวสาวได้หยิบมาเลือกใช้ก่อนแขกผู้มีเกียรติจะหนีหายหมดความประทับใจในงานแต่งงานของคุณกันไปเสียก่อน และทริค ป้องกันยุงแมลง ที่จะบอกต่อไปนี้เป็นทริคที่จะรบกวนแขกน้อยที่สุด ไม่ทำให้เสียบรรยากาศ และที่สำคัญไม่เป็นอันตรายด้วย

ป้องกันยุงแมลง

ผ้าเช็ดกันยุงและสเปรย์กันยุง ในส่วนของผ้าเช็ดกันยุงจะคล้ายกับทิชชู่เปียกแต่จะมีส่วนผสมของสารสกัดจากพืชที่จะมาช่วยป้องกันยุงและแมลงแถมยังช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น สามารถวางไว้คู่กับผ้าเย็นตามโต๊ะจีนหรือจะแจกพร้อมกับของชำร่วยก็สะดวกดีค่ะ สำหรับสเปรย์กันยุงเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วเลยอยากจะแนะนำให้วางไว้ที่โต๊ะของชำร่วย โดยให้ผู้ร่วมงานเลือกหยิบแล้วแต่สะดวก เพราะผู้ร่วมงานบางท่านอาจรู้สึกเกรงใจที่จะใช้สเปรย์กันยุงฉีดระหว่างงานเลี้ยงฉลอง

ป้องกันยุงแมลง

การบูร เป็นต้นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เป็นทรงพุ่มหนาทึบ ผงการบูรที่พวกเรารู้จักนั้นได้มาจากเนื้อไม้ของต้นการบูรให้กลิ่นหอมและยังสามารถช่วยไล่ยุงและแมลงได้อีกด้วย บางคนอาจจะเคยเห็นงานแต่งงานที่มีโต๊ะจีนจะนำผงการบูรโรยตามใต้โต๊ะใต้เก้าอี้ ซึ่งนั่นไม่ได้โรยเพื่อดับกลิ่นหรือต้องการให้มีกลิ่นหอมนะคะ แต่โรยเพื่อไม่ให้ยุงมากัดขาสวยๆ ของสาวๆ ที่มาร่วมงานนั่นเอง

ป้องกันยุงแมลง

เทียนหอม นอกจากจะนำมาใช้ประดับบตกแต่งภายในงาน สร้างบรรยาการสุดโรแมนติกแล้ว ถ้าเลือกกลิ่นที่กันยุงได้ก็จะดีไม่น้อยเลย อย่างเช่น ตะไคร้ ที่เป็นสมุนไพรที่นิยมใช้มาตั้งแต่โบราณแถมยังเป็นวิธีพื้นบ้านอีกด้วย และหาได้ง่าย มีสรรพคุณกันยุงได้แน่นอน หรือถ้าอยากได้กลิ่นกลางๆ ที่คนส่วนใหญ่ชอบจะเลือกเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์หอมละมุนก็เอาอยู่เช่นเดียวกัน

ป้องกันยุงแมลง

บริการฉีดไล่ยุงหรือแมลง ซึ่งส่วนใหญ่งานแต่งงานที่จัดในสวนทางสถานที่จะมีบริการฉีดไล่ยุงล่วงหน้าก่อนการจัดงาน โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าบาทแล้วแต่สถานที่ และไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องกลิ่นนะคะ กลิ่นจะหายทันก่อนเริ่มงานแน่นอน แต่ถึงแม้เราจะได้กลิ่นแล้วแต่ยุงหรือแมลงยังสามารถได้กลิ่นอยู่จนไม่กล้ามากวนใจแขกของคุณเลยค่ะ

ป้องกันยุงแมลง

เครื่องดักไล่ยุงไล่แมลง เจ้าเครื่องตัวนี้ใช้แสงไฟในการหลอกล่อให้เจ้ายุงเจ้าแมลงเข้ามาหา จากนั้นพัดลมที่แอบทำงานอยู่จะดูดเจ้าแมลงพวกนี้เข้าไปไม่ให้ออกมารบกวนทุกคนอีก สำหรับคู่บ่าวสาวที่มีงบเหลือๆ เครื่องดักไล่ยุงไล่แมลงก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะจัดการปัญหาจุกจิกนี้ได้นะคะ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพจาก : asyourmind.com, orami.co.th, sukkaphapd.com,
emasscraft.org, angieslist.com, pinterest.com

ทิปส์ ออกกำลังกาย ฟิตหุ่นเจ้าสาวให้ปังเป๊ะฉบับ เมจิ อโณมา ไอดอลฟิตเนสตัวจริง!

ออกกำลังกาย ยังไงให้ถูกต้อง? กินยังไงให้หุ่นดี? แพรวเวดดิ้ง หาคำตอบมาให้จากกูรูสาวสายฟิตเนสสุดสตรองเจ้าของยอดฟอลโลว์กว่าสามแสนคน!

ใครที่กำลังเริ่มวางแผนฟิตหุ่นเตรียมเป็นเจ้าสาวแล้วยกมือ! ใครที่ไม่รู้ต้องเริ่มยังไงยังมือ! นั่นไงล่ะ…เรารู้นะว่ามีว่าที่เจ้าสาวหลายคนอยากเริ่มออกกำลังกายฟิตหุ่นกันมาตั้งนานละ ติดปัญหาตรงที่ว่าไม่รู้จะเริ่มยังไง แถมไม่รู้ว่าที่ทำอยู่น่ะถูกหรือผิดกันแน่ ทำไมน้ำหนักไม่ลดซะที ทำไมน้ำหนักลงช้าจัง ฯลฯ สารพัดปัญหา ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป วันนี้เราดึงตัวกูรูฟิตเนสสาวสวยที่ใครได้ยินชื่อเป็นต้องร้องอ๋อ! เพราะเธอ เมจิ – อโณมา ศรัณย์ศิขริน เจ้าของแอคเคาน์และเพจเฟซบุคที่มียอดผู้ติดตามกว่าสามแสนคน และเธอยังปรากฏตัวตามสื่อต่างๆมากมายในฐานะกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการฟิตหุ่นสวยของจริง เรามาดูคำแนะนำการออกกำลังกายสำหรับว่าที่เจ้าสาวจากเธอกันค่ะ

ออกกำลังกาย เมจิ อโณมา

  • จุดเริ่มต้นของการฟิตหุ่นที่ถูกต้อง ต้องทำยังไงคะ?

“การจะเบิร์นได้ดีที่สุดต้องสร้างกล้ามเนื้อก่อน เมื่อมีกล้ามเนื้อมากขึ้น การเผาผลาญพลังงานก็มากขึ้น โดยสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้จากโปรตีน ธรรมชาติ เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมันและหนัง ปลา และไข่ สองคือ คาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานต่างจากน้ำตาล เพราะคาร์บจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ฉะนั้นการกินข้าว 1 จานจะค่อย ๆ เผาผลาญ เป็นน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่การกินน้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ ในทีเดียวร่างกายจะเผาผลาญได้น้อยและเกิดการสะสมในร่างกาย สุดท้าย คือไขมันดี เช่น ไข่แดง ปลา ถั่ว น้ำมันพืช 100 เปอร์เซ็นต์”

  • ออกกำลังกายแบบไหนที่ช่วยให้หุ่นฟิตเฟิร์ม?

“การออกกำลังกายที่ใช้แรงต้านเยอะ ๆ จะทำให้เราได้ใช้กล้ามเนื้อ ลองเปรียบเทียบการเดินทางราบกับเดินขึ้นเขาในระยะทางที่เท่ากัน อย่างหลัง จะเหนื่อยและเมื่อยกว่า เพราะเราต้องต้านแรงโน้มถ่วง อะไรที่ใช้แรงต้าน แรงหนืด กล้ามเนื้อจะกระทำกับแรงนั้นได้ดีกว่า เพราะฉะนั้นถ้าวิ่งให้เลือก ความชันที่มากหน่อย ถ้าปั่นจักรยานก็ให้มีความหนืด ซึ่งคนที่ใช้เทคนิคนี้ จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนออกกำลังในระดับปกติในเวลาที่เท่ากัน และยัง ทำให้กล้ามเนื้อเผาผลาญพลังงานได้มากกว่าด้วย”

  • ระยะเวลาที่ดีในการเริ่มต้นเพื่อฟิตหุ่นให้ทันวันแต่งงาน

“3 เดือนล่วงหน้า แต่ถ้าน้ำหนักเยอะแนะนำให้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ เขาขอแต่งงานเลย และเน้นการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การเล่นเวต โดยใช้ ดัมบ์เบลน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม อาจเน้นการเล่นให้หัวไหล่กลมกลึง เพราะชุดเจ้าสาวมักเป็นเกาะอกหรือเปิดไหล่ และท่านี้ยังช่วยให้ใต้ท้องแขน ที่หย่อนยานกระชับขึ้นด้วย โดยสามารถเล่นได้ทุกวัน วันละ 15 นาทีก็ได้ เพราะกล้ามเนื้อต้องใช้เวลาในการสร้าง บางคนเล่นครึ่งชั่วโมงแต่ไม่เต็มที่ ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่อยากให้ยึดติดกับเวลา เพราะจะเห็นผลช้าหรือเร็ว อยู่ที่ความเต็มที่มากกว่า”

  • ปาร์ตี้สละโสดจะทำให้หุ่นที่สร้างมาพังไม่เป็นท่าหรือไม่

“นี่คือความพังที่แท้จริงค่ะ ควรจัดปาร์ตี้ก่อนวันแต่งงาน 6 เดือน หรืออย่างต่ำ 3 เดือน เพราะแน่นอนปาร์ตี้ต้องมีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็น พลังงานที่ร่างกายจะนำมาใช้ทีหลังสุด เจอมาหลายคนแล้วที่ตอนฟิตติ้งชุดพอดีมาก แต่พอไปปาร์ตี้มาต้องแก้ทุกราย”

  • แชร์เคล็ดลับการเลือกกินอาหารช่วงใกล้วันแต่งงาน

“งดผงชูรส แม้ว่าจะมีฉลากโลว์โซเดียมก็ตาม งดขนมปังทุกประเภทรวมถึงขนมปังธัญพืชเพราะอาจมีสารที่ให้ความเหนียว และงดโยเกิร์ต ชีส ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมก่อนหรือวันแต่งงาน เพราะ จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะและลำไส้ทำให้ท้องป่อง ที่สำคัญ ไม่ควร อดอาหารและขาดน้ำในวันงานเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้กระเพาะขับแก๊ส ออกมา เป็นสาเหตุให้ตัวบวม”

อ่านกันจบแล้ว ว่าที่เจ้าสาวก็อย่าลืมสร้างวินัยให้ตัวเองด้วยการทำเป็นประจำอย่าได้ขาดตกบกพร่องละ ถ้ามีวินัยซะอย่าง หุ่นสวยในวันแต่งงานจะหนีไปไหนได้!

อยากอ่านเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกาย? ลองคลิกอ่าน 11 ท่าออกกำลังกายกระชับต้นแขน จากเราสิ!

เซฟค่าใช้จ่ายช่างภาพงานแต่งอย่างไรได้บ้าง … มาอ่านกัน

จะประหยัดค่า ช่างภาพงานแต่ง ได้ยังไงกันนะ??

ช่างภาพงานแต่ง ถือเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญที่ช่วยเก็บบันทึกโมเม้นต์ดีๆ ที่เกิดขึ้นในงานแต่ง และแน่นอนว่าภาพเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้อีกนานเท่านาน ซึ่งปัจจุบันก็มีช่างภาพงานแต่งให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกใช้บริการเยอะมากขึ้น แต่ส่วนที่ฝีมือดีๆ ผลงานเป็นที่ยอมรับก็มีราคาสูงมากเช่นกัน จนทำเอาบ่าวสาวหลายคนอาจจะสู้ราคาไม่ไหว เพราะว่าต้องนำเงินไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราเลยนำทริคมาแนะนำคู่บ่าวสาวที่กำลังหาช่างภาพงานแต่งฝีมือดี แต่ราคาไม่สูงมากนัก แล้วจะหาได้อย่างไร มีวิธีการเลือกแบบไหน มาดูกันค่ะ

ช่างภาพในงานแต่ง

1. เลือกที่ผลงาน

แน่นอนว่าสมัยนี้การจะหาข้อมูลช่างภาพงานแต่งนั้น หาได้ไม่ยากเลย อาจจะลองหาตามรีวิวเฟสบุคแฟนเพจต่างๆ คุณก็จะเจอข้อมูลแล้ว เพียงแค่เลือกจากผลงานดูก่อนว่าเราชื่นชอบแบบไหน แล้วหาช่างภาพตามที่เราต้องการ โดยไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ของช่างภาพ … แบรนด์ในที่นี้คือ ชื่อเสียงของช่างภาพ รวมไปถึงสตูดิโอนั่นเองค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้ช่างภาพฟรีแลนซ์ที่ฝีมือดีๆ ยังมีอีกเยอะ และมีเรทราคาปานกลาง ไม่ต่ำและไม่สูงมากก็ยังมีอยู่นะจ๊ะ

ช่างภาพในงานแต่ง

2. ระบุเวลาให้ชัดเจน

การจ้างช่างภาพงานแต่งส่วนมากจะจ้างเป็นคิวงาน เช่น ครึ่งวัน เต็มวัน งานเช้า งานเย็น โดยจะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเรทราคาของแต่ละช่วงเวลามีราคาเท่าใด ซึ่งในกรณีที่บ่าวสาวมีคิวงานเต็มทั้งวัน จะจ้างช่างภาพทั้งวันเลยก็ไม่แปลก แต่ถ้ามีคิวงานแต่งแค่ครึ่งเช้า หรือครึ่งวันเย็น ก็ควรจ้างตามเวลานะจ๊ะ จะได้ช่วยประหยัดลงไปได้เยอะเลย

ช่างภาพในงานแต่ง

3. ปฏิเสธบริการพิเศษ

โดยส่วนมากช่างภาพในงานแต่ง มักจะมีบริการพิเศษต่างๆ มาลดแลกแจกแถมให้กับคู่บ่าวสาวเสมอ แต่เราไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะคะ ดีค่ะ แต่เราต้องดูก่อนว่า เราต้องการภาพอะไรบ้าง ถ้าสิ่งไหนไม่จำเป็นก็ตัดออกค่ะ เอาของแถมมาลองขอเป็นส่วนลดดู เพราะมันเกินความจำเป็นกับที่เราต้องการ ถูกต้องไหมคะ

ช่างภาพในงานแต่ง

4. ถ่ายภาพเพียงอย่างเดียว

ช่างภาพบางคนจะปริ้นต์ภาพถ่ายทั้งหมดให้เราด้วย บวกกับการใส่กรอบภาพใหญ่ซึ่งราคาก็จะสูงขึ้นตาม ถ้าไม่ได้อยากได้ หรือคิดว่าเราไปทำเองก็ได้ ก็บอกไปเลยนะจ๊ะว่า ไม่เอาค่ะ ไม่ต้องเขินเนอะ เพราะเรากำลังประหยับงบ

ช่างภาพในงานแต่ง

5. ใช้ช่างภาพคนเดียว

คนเดียวที่ว่านี้ ไม่ใช่ทั้งงานถ่ายคนเดียวนะจ๊ะ แต่เรากำลังหมายถึง ถ้าบ่าวสาวต้องการใช้บริการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และถ่ายภาพในงานแต่งก็ลองหาช่างภาพที่จะถ่ายให้เราไปเลยในเจ้าเดียวทั้งสองงาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนช่างภาพ เพราะเขาอาจจะมีส่วนลดพิเศษให้เราได้ แถมบ่าวสาวยังจะได้ทำความรู้จักกับช่างภาพก่อนวันถ่ายงานแต่งงานจริงอีกด้วย

ช่างภาพในงานแต่ง

ถ้าคู่ของคุณกำลังอยากจะประหยัดงบก็ลองทำตามที่เราแนะนำไปนะจ๊ะ จะได้นำเงินไปจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อย่างสบายใจ

นอกจากนี้ลองมาอ่านวิธีการเลือกช่างภาพในงานแต่งงานกันดีกว่ากับ 3 ข้อแนะนำ จาก 3 ช่างภาพเวดดิ้งมือโปร รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่ง

ภาพจาก : Pinterest.com

4 กฏเหล็กสร้างชุดเพื่อนเจ้าสาวให้สวยเป๊ะในราคาสบายกระเป๋า

จะเริ่มต้นหา ชุดเพื่อนเจ้าสาว ยังไงดีน้าาาา..??

พอเพื่อนสาวได้ฤกษ์สละโสด บรรดาเพื่อนสาวทั้งหลายต่างก็เตรียมตัวเป็นการใหญ่เพื่อที่จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง ชุดเพื่อนเจ้าสาว นั้นต้องสวยเด่นมีคอนเซปต์ไม่เหมือนใคร แต่นั่นละค่ะ งานดีงานเด่นก็มักจะมาพร้อมบัดเจ็ดที่มโหฬาร แต่ถ้าหากคุณอยากประหยัดแล้วจัดงบไว้เปย์อย่างอื่น แพรว wedding มี 4 กฏเหล็กต้องคิดก่อนจิ้มเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวมาฝาก รับรองว่างานนี้สบายใจแถมสบายกระเป๋าด้วย

1. ตั้งงบให้ชัดก่อนจิ้มเลือกชุด

ก่อนที่คุณจะเริ่มท่องโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อหาแบบชุดเพื่อนเจ้าสาวล้านแปดในนั้น ลองมานั่งล้อมวงแล้วตั้งงบราคาชุดกันก่อนเป็นอันดับแรกดีกว่า ว่าราคาประมาณไหนที่ดูจะสมเหตุสมผลและเป็นที่พอใจของทุกคนในแก๊งมากที่สุด เพื่อที่จะได้พุ่งไปยังแบรนด์หรือร้านที่มีชุดเข้ากับราคาที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยลดทอนเวลาและไม่ต้องมานั่งเสียเวลาเลือกร้านใหม่ทุกครั้ง ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้การพูดคุยแบบเปิดใจกันสักหน่อย หากใครจ่ายไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องบอกเพื่อนไปตรงๆ จะได้หาวิธีการหรือให้การช่วยเหลือกันได้อย่างถูกต้อง อย่าลืมนะคะว่าจะสวยทั้งทีก็ต้องสวยแบบสบายใจจะได้ยิ้มออกมาอย่างสดใสในวันสำคัญ

2. เผื่อค่าใช้จ่ายส่วนอื่นไว้ด้วย

ตอนที่คิดคำนวณค่าชุดนั้น อย่าลืมคิดไปถึงค่าเครื่องประดับเสริมความงามอย่างอื่นด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น รองเท้า เครื่องสำอางเซตใหม่ หรือเครื่องประดับแบบเซตที่เข้ากับชุด เป็นต้น โดยเฉพาะหากแก๊งของคุณอยากจะมีเครื่องประดับอะไรสักร่วมกันเพื่อให้เป็นซิกเนเจอร์ หรืออาจจะอยากจ้างช่างหน้าช่างผมระดับมืออาชีพมาช่วยเสกความงามในวันนั้น ทางที่ดีลิสต์ไว้เลยก็ดีนะคะ ว่าในวันนั้นนอกจากเรื่องชุดแล้ว เราอาจจะต้องเพิ่มงบเพื่อเรื่องไหนอีกบ้าง จากนั้นจึงลองมาไล่เช็กดูว่าสิ่งไหนจำเป็นหรือไม่จำเป็น และสามารถตัดบางอย่างออกไปได้หรือไม่ จะได้หาแนวทางอื่นๆ ร่วมกันใหม่แบบไม่ทรมานกระเป๋า

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. ตั้งคีย์ลุคแล้วไปหาชุดของตัวเอง

หากราคาเป็นเรื่องที่คุณกังวลจริงๆ (โดยเฉพาะกับเพื่อนสาวที่กำลังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเคลียร์แบบอีรุงตุงนังเต็มไปหมด) ก็อาจจะตั้งคีย์ลุคร่วมกันอย่างเช่น สี หรือสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบชุด แบบคอเสื้อ เนื้อผ้า หรือรายละเอียดบางอย่าง แล้วปล่อยให้เพื่อนสาวแต่ละคนแยกย้ายกันไปจัดหาของตัวเอง ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะประหยัดแล้วยังช่วยให้แต่ละคนสามารถหาสไตล์หรือชุดที่ตัวเองชอบและอยากใส่จริงๆ ได้โดยยึดคีย์หลักของลุคไว้ร่วมกัน และยังเป็นการสร้างความสบายใจในเรื่องของราคาให้กับเพื่อนสาวที่มีปัญหาด้านการเงินอีกด้วย และอย่าลืมคอยอัพเดตกันเป็นประจำสม่ำเสมอนะคะว่าชุดของแต่ละคนไปถึงไหนแล้ว หากมีรูปก็อวดโชว์กันหน่อยเผื่อของบางคนมีรายละเอียดหรือดีเทลตรงไหนที่ซ้ำกันจะได้หลีกทางให้กันถูก

4. ชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบเช่า หรือเช่าตัด

ชุดเพื่อนเจ้าสาวไม่จำเป็นต้องตัดใหม่เสมอไปหรอกนะคะ เพราะชุดเช่าสวยๆ มีให้เลือกมากมายในปัจจุบัน หรือหากใครไม่อยากใส่ชุดที่คนอื่นเคยใส่แล้วก็อาจจะเลือกเป็นบริการแบบตัดเช่าไปเลยก็ได้ เพราะชุดประเภทนี้ราคาต่ำกว่าการซื้อผ้ามาตัดเองแน่นอน แถมเรื่องดีไซน์หรือรูปแบบนั้นไม่ต้องห่วงเพราะแขวนกันเป็นราวให้เลือกกันยาวๆ ไปเลยหนึ่งวัน รับรองว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชุดที่ถูกใจคุณแน่นอน และทางร้านก็มีบริการปรับขนาดให้เข้ากับรูปร่างของคุณอีกด้วย ที่สำคัญเราเชื่อว่าสาวๆ น้อยคนที่จะใส่ชุดเดิมที่เคยใส่แล้วไปออกงานอีกครั้ง ก็แหม ลงรูปซะเต็มไอจีขนาดนั้น หากเพื่อนมาทักว่าชุดซ้ำก็ช้ำใจหน่อยๆ เหมือนกันจริงไหมล่ะคะ

รู้อย่างนี้แล้วก็ตามไปส่องตามลิงค์นี้กันได้เลย รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพ : weddceremony.com, davidsbridal.com

เคล็ดลับใส่รองเท้าส้นสูงให้ปังในวันแต่งงาน แบบไม่ต้องทนทรมานปวดหลัง!

สำหรับเจ้าสาวที่ต้องการใส่รองเท้าส้นสูงให้ออกมาสวยดูดีเป็นสง่า เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า รองเท้าเจ้าสาว แบบส้นสูงนั้น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เจ้าสาวดูสวยโดดเด่นในชุดเจ้าสาว แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธอีกเช่นกันว่าการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นความทรมานของผู้หญิงอีกอย่างหนึ่ง เจ้าสาวหลายคนเมื่อเสร็จงานถึงกับนิ้วชาไปหลายวัน แต่ในเมื่อเจ้าสาวจะต้องใส่ส้นสูงตลอดทั้งงานแล้ว วันนี้ แพรว wedding เลยมีวิธีสำหรับการใส่รองเท้าส้นสูงให้สวยและไม่ปวดล้าในวันแต่งงานมากเกินไปมาฝากกันค่ะ ที่สำคัญเจ้าสาวจะต้องไม่กังวลจนเกินไป จับมือชายหนุ่มคนข้างๆ แล้วเดินบนรองเท้าส้นสูงเริดๆ เข้าประตูวิวาห์อย่างมีความสุขจะดีกว่านะคะ 😉
  • เลือกรองเท้าที่ใส่สบาย

เพราะว่าในวันงาน เจ้าสาวจะสวมใส่รองเท้าส้นสูงเกือบตลอดทั้งงาน เหนือสิ่งอื่นใดเจ้าสาวควรเลือกรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกสบาย ไม่หลวมและไม่คับจนเกินไป เมื่อใส่แล้วลองใส่เดินไปรอบ ๆ เพื่อที่จะดูว่ารองเท้าสามารถรองรับพื้นแต่ละแบบได้ดีแค่ไหน ถ้าจะให้ดีควรไปเลือกซื้อรองเท้าในช่วงบ่ายถึงเย็น เพราะนั่นเป็นช่วงเวลาที่เท้าคุณขยายเต็มที่

  • ยืนหลังตรงเข้าไว้

การบาลานซ์น้ำหนักบนส้นสูงถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันจะช่วยทำให้เจ้าสาวไม่รู้สึกเมื่อยมากเกินไป หลักการง่าย ๆ สำหรับการยืนบนส้นสูงนาน ๆ นั่นคือเจ้าสาวควรยืนหลังตรง อกผาย ไม่เดินก้มหน้า ลองเจ้าสาวคนไหนได้ทำตามแบบนี้ เชื่อเลยว่าจะช่วยบรรเทาอาการความปวดล้าจากการใส่รองเท้าส้นสูงได้เยอะเลย

  • ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ก้าว

ขอให้เจ้าสาวทุกคนจำไว้ว่าในวันนั้นคุณคือคนที่สวยที่สุดในงาน ดังนั้นอย่าได้กังวลมากเกินไป เจ้าสาวควรที่จะผ่อนคลายเยื้องย่างอย่างสง่างามดุจนางพญาบนรองเท้าส้นสูงคู่สวย เดินช้า ๆ ไม่ต้องรีบ หรือถ้าเกิดเหตุสะดุดยังไงก็ขอให้มีสติ อย่าเพิ่งตกใจ แล้วก็เดินต่อไปให้เป็นปกติมากที่สุด

  • หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นเข็ม

ถ้าเจ้าสาวไม่อยากร้องโอดโอยเพราะอาการเจ็บปวดเท้า แนะนำให้เจ้าสาวทั้งหลายหลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นเข็มอย่างเด็ดขาด เพราะรองเท้าส้นสูงลักษณะนี้ จะทำให้เจ้าสาวปวดหลังและเมื่อยขา เผลอ ๆ พอใส่แล้วปวด อาจส่งผลให้เจ้าสาวหน้าหงิกหน้างอ และควรเลือกรองเท้าที่มีลักษณะส้นแชมเปญแทน ซึ่งมีฐานรองเท้าที่รองรับน้ำหนักได้มากนั่นเอง แต่ถ้าคุณว่าที่เจ้าสาวคนไหนคุนเคยแลเซียนกับการใส่รองเท้าส้นเข็มอยู่แล้วก็ลุยเลยค่ะ

  • พกรองเท้าสองคู่

สุดท้ายเจ้าสาวควรเตรียมรองเท้าส้นสูงไว้สองคู่ เพื่อที่ว่าเกิดรองเท้าคู่ใดคู่หนึ่งอาจส้นหลุด เจ้าสาวอย่างเราจะได้มีรองเท้าไว้สำรองทันท่วงที ที่สำคัญเจ้าสาวควรสวมใส่รองเท้าส้นสูงคู่นั้น ๆ ให้ชินเท้า ก่อนจะใส่จริงในวันงาน เพราะจะได้ชินกับรองเท้าในวันแต่งงานโดยไม่ต้องกลัวรองเท้ากัดอีกด้วยค่ะ

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : easyweddings.co.uk, lover.ly, twotwentyone.net