บ่าวสาวฝึกไว้เคล็ดลับเด็ดๆ ช่วยให้ยิ้มได้ยาวแบบเหงือกไม่แห้ง

อีกหนึ่งปัญหาที่ บ่าวสาว เจอกันมานับไม่ถ้วนในวันแต่งงานคือเรื่องของการยิ้มค่ะ โดยเฉพาะบางคนที่ปกติเป็นเสือยิ้มยาก จะกังวลมากเป็นพิเศษว่าในงานแต่งงานที่ต้องเจอแขกนับร้อยต้องถ่ายรูปนับพันช็อต จะทำยังไงให้ยิ้มได้ยาวนาน และยิ้มยังสวยหล่อสดใสเห็นฟันส่องประกาย ง่ายนิดเดียวค่ะ ลองทำตามวิธีที่แพรว wedding หามาฝากดู

ลูกอมช่วยท่านได้

‘ยิ้มจนเหงือกแห้ง’ คำนี่แหละค่ะ ที่บ่าวสาวทั้งหลายเจอมากับตัว เพราะต้องยิ้มทุกรูปและยิ้มกับทุกคนที่มาร่วมยินดี แต่พอยิ้มไปมากๆ ปากก็เริ่มหุบไม่ลงและดูเหมือนรอยยิ้มนั้นจะถูกล็อกไว้บนใบหน้าแบบแปลกๆ เพราะอากาศสัมผัสกับทั้งเหงือกและฟันจนรู้สึกว่าส่วนนี้จะแห้งไปโดยปริยาย พอจะหุบยิ้มแล้วเผยยิ้มใหม่ก็มีอาการติดๆ นิดนึง งั้นก็หาลูกอมมาเป็นตัวช่วยสิคะ เพราะเมื่อคุณอมลูกอม น้ำลายที่ออกมาจะช่วยลดอาการเหงือกและฟันแห้งได้ค่ะ

ดื่มน้ำและใช้ลิ้นแอบเลียฟันหน้า

เตือนตัวเองไว้เลยค่ะว่าผ่านไปสัก 10 นาทีต้องจิบน้ำสักหน่อย เพื่อให้ในช่องปากมีความชุ่มชื้น ถ้ามองไม่เห็นใครจะเสิร์ฟน้ำให้ก็ใช้มือยกขึ้นมาบังหน้าแล้วเอาลิ้นเลียฟันหน้าอย่างไว เพื่อใน้บ่อน้อยในปากหน้าที่ให้ความชุ่มชื่น จากนั้นเปิดปากยิ้มต่อไปอย่างมั่นใ

บางทริคที่เราบอกไปอาจอ่านแล้วตลกๆ ดูแล้วจะเป็นไปได้ไง แต่ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ ลองดูไม่เสียหาย จริงไหมคะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : maxpixel.freegreatpicture.com

เซตเครื่องประดับ เจ้าสาวเลือกยังไงให้สวยถูกใจและคุ้มค่า

เซตเครื่องประดับ นอกจากจะสวยแล้ว ต้องดูร่วมสมัยด้วยนะ เรามีเคล็ดลับให้ได้ทั้งสองสิ่งนี้มาฝาก

เซตเครื่องประดับ ก็เหมือนแฟชั่นเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีแบบเดียวเท่านั้น และถ้าเมื่อไหร่ที่เทรนด์แฟชั่นหมุนเวียนเปลี่ยนไป เครื่องประดับที่ใช้ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบตามไปด้วย แต่หากคุณต้องการเครื่องประดับที่ใส่กี่ปีหรือกี่ครั้งก็ยังเข้าได้กับทุกยุคสมัย ขอให้เลือกเครื่องประดับที่ออกแบบในสไตล์คลาสสิค เน้นความเรียบหรูจะดูดีที่สุด เพราะสามารถใส่ได้กับเสื้อผ้าทุกรูปแบบ แถมยังนำไปใช้ได้ทุกโอกาสอีกด้วย

นอกจากที่บ่าวสาวจะเลือกเครื่องประดับแบบคลาสสิคที่ให้ความเรียบหรู สิ่งที่ควรคำนึงถึงคู่กันไปด้วยคือความสวยงาม และควรเลือกเครื่องประดับเพื่อการลงทุนด้วย นั่นก็คือ การให้ช่างออกแบบหรือเลือกแบบที่ใช้ได้นานและหลายโอกาส และถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องเลือกระหว่างเครื่องประดับที่มีเพชรเม็ดเล็กหลายๆ เม็ด กับเพชรเม็ดใหญ่ไม่กี่เม็ดบนตัวเรือนชิ้นเดียว ขอแนะนำให้เลือกแบบหลัง เพราะมูลค่าในอนาคตจะมากกว่าแน่นอน

เซตเครื่องประดับ

ก่อนเจอนักออกแบบต้องเตรียมสิ่งนี้

ต้องชัดเจนว่าจะนำเครื่องประดับชิ้นที่ว่านี้ไปใช้ในโอกาสอะไร เพื่อให้นักออกแบบช่วยแนะนำความเหมาะสมโดยรวมว่า จะจับคู่กับชุดที่จะใส่ออกงานนั้นๆ หรือรูปแบบชุดแต่งงานให้ลงตัวได้อย่างไร และสามารถนำไปใช้ต่อในโอกาสอื่นได้หรือไม่

ถัดมาคือต้องการเครื่องประดับที่ทำจากตัวเรือนอะไร ประกอบด้วยอัญมณีประเภทใด และควรตั้งงบประมาณในใจไว้ด้วยสักนิด จากนั้นค่อยพูดคุยกับนักออกแบบเพื่อให้ช่วยสรุปสิ่งที่ต้องการออกมาเป็นเครื่องประดับที่ตรงใจคุณมากที่สุด

เครื่องประดับกับระยะเวลาการผลิต

โดยส่วนมากเครื่องประดับแบบสั่งทำระยะเวลาในการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 1 เดือน (หรือถ้าใครกลัวเสร็จไม่ทันวันงานจะล่วงหน้านานกว่านี้ก็ได้นะ) นับตั้งแต่การออกแบบ  ขึ้นตัวเรือน ปรัแต่ง และฝังเพชร แต่ถ้าหากบ่าวสาวไม่ได้ต้องการที่จะสั่งทำเครื่องประดับเซตใหม่นั้นแบบ made to order แล้วล่ะก็ ก็อาจจะเลือกจากเครื่องประดับสำเร็จรูปที่ทางร้านมีได้เลย โดยอาจจะสอบถามพูดคุยกับนักออกแบบเพื่อให้ทางร้านช่วยคัดเลือกตัวเรือนที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่บ่าวสาวต้องการมากที่สุดมาให้ลองก่อน จากนั้นจึงปรับรูปแบบที่มีอยู่ให้ตรงตามความต้องการของบ่าวสาวมากที่สุด และด้วยวิธีการที่ว่านี้จะทำให้ระยะเวลาในการผลิตเครื่องประดับชิ้นหนึ่งลดลงไปอีก

เมื่อเลือกเครื่องประดับที่ทั้งสวย ร่วมสมัย และคุ้มค่าแล้ว ก็ต้องเลือกให้เข้ากับชุดแต่งงานด้วยนะ >>> ชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับชิ้นสำคัญ … ความลงตัวที่ต้องเข้ากัน

ภาพ : unsplash.com, pinterest.com

เทคนิคการเลือกเค้กแต่งงานสวยๆ ที่เข้ากับธีมงานแต่งของบ่าวสาวได้อย่างลงตัว

เค้กแต่งงานสวยๆ กับเคล็ดลับการเลือกให้เข้ากับธีมงานแต่ง ไม่ว่าจะอินดอร์ หรือเอ้าท์ดอร์ก็ลงตัวเป๊ะ

เค้กเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้งานแต่งงานดูดีขึ้น แถมมีให้เลือกมากมายหลายแบบ แต่จะเลือกยังไงให้เหมาะกับรูปแบบงานแต่งงาน แพรว wedding มีเคล็ดลับการเลือก เค้กแต่งงานสวยๆ มาฝากแล้วค่ะ

รูปแบบเค้ก vs รูปแบบงานแต่ง

“สิ่งที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกเค้กแต่งงานนอกจากเรื่องคอนเซปต์งาน รูปแบบที่ต้องการ และงบประมาณแล้ว ยังต้องคำนึงถึงขนาดห้อง ความสูงของเพดาน อุณหภูมิห้อง และจำนวนแขกด้วย และขึ้นอยู่กับความชอบของบ่าวสาว และคอนเซปต์ของงานเป็นหลัก”

เค้กแต่งงานสวยๆ

เค้กแต่งงานจริง

เหมาะสำหรับงานในบรรยากาศอินดอร์ที่มีเครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้เค้กละลาย และหากอยากให้งานดูอบอุ่นเป็นกันเอง แนะนำให้เลือกเค้ที่มีขนาดไม่สูงหรือไม่ใหญ่มากนัก

เค้กแต่งงานปลอม

เหมาะสำหรับงานในห้องโถงขนาดใหญ่ เช่น ห้องบอลรูมของโรงแรม หรืองานเอ้าท์ดอร์ที่มีแขกค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเค้กมีขนาดใหญ่และตกแต่งแบบจัดเต็ม จึงสามารถเป็นจุดศูนย์กลางของงาน ช่วยให้งานดูหรูหราอลังการมากยิ่งขึ้น

คัพเค้ก

เหมาะสำหรับงานอินดอร์ที่จัดขึ้นภายในห้องที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง เพราะคัพเค้กไม่ต้องการพื้นที่ในการตัดเค้กมากนัก นอกจากนี้ยังสะดวกและไม่เสียเวลาในการเสิร์ฟเค้กให้กับแขกผู้ใหญ่ด้วย

การดูแลเค้กจริงในงานเอ้าท์ดอร์

สำหรับบ่าวสาวที่อยากได้เค้กแต่งงานจริงทั้งหมดในงานแต่งแบบกลางแจ้ง ขอแนะนำให้ใช้เค้กจริงไม่เกิน 5 ชั้น และเป็นแบบคลุมน้ำตาลฟองดองต์เพื่อช่วยรักษารูปทรงเค้กตามต้องการ เพราะเค้กคลุมด้วยน้ำตาลจะใช้ครีมระหว่างชั้นเค้กค่อนข้างน้อยจึงละลายช้ากว่าเค้กแบบครีมปกติ อีกทั้งการคลุมด้วยน้ำตาลยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาเค้กให้นานยิ่งขึ้น และยังสามารถตกแต่งเค้กได้หลากหลายแบบอีกด้วย

สิ่งสำคัญในการจัดงานเอ้าท์ดอร์คือ ควรนำเค้กออกมาใกล้เคียงกับเวลาเริ่มงานมากที่สุด หากนำออกมาในช่วงตัดเค้กได้จะยิ่งดี เพื่อคงความสวยงามของเค้กไว้ให้นานที่สุด นอกจากนี้การให้ทางร้านเข้าไปเซตเค้กให้หน้างานก็ถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งและการจัดตกแต่งได้

งบประมาณกับการเลือกเค้กแต่งงาน

หากมีงบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่อยากได้เค้กแต่งงานดีไซน์สวยๆ ขอแนะนำให้เช่าเค้กแต่งงานปลอมเพราะมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำกว่าการใช้เค้กจริงหรือคัพเค้ก (ควรโทร. จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์) ส่วนบ่าวสาวที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมาหน่อย ลองเพิ่มความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเค้กด้วยการเสิรมตุ๊กตาบ่าวสาวเป็นรูปของตัวเองใส่ชุดแต่งงาน หรือจะออกแบบเค้กเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วตกแต่งด้วยของที่ชอบเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริง (ควรสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน) นอกจากจะดูดีไม่ซ้ำใครแล้ว ยังเป็นการสร้างความทรงจำพิเศษร่วมกันของคู่บ่าวสาวด้วย

รู้เคล็ดลับการเลือกเค้กแต่งงานไปแล้ว ก็ถึงเวลาไปเลือกเค้กแต่งงานสวยๆ ต่อเลย >>> 9 ไอเดียเค้กแต่งงานเก๋ทรงพลังแถมยังเซฟงบ

ภาพ unsplash.com, pinterest.com

วิธี ดูแลผิว ในชีวิตประจำวัน ที่เจ้าสาวหลายคนเหมือนจะรู้แต่กลับทำผิดอยู่ก็เป็นได้!

การ ดูแลผิว เพื่อเตรียมเป็นเจ้าสาวที่คุณทำอยู่ทุกวันถูกต้องจริงแล้วหรือเปล่านะ? ลองเข้ามาเช็คกับเราดูเพราะสิ่งที่ทำอยู่อาจจะผิดจนกลายเป็นทำร้ายผิวก็เป็นได้

ว่าที่เจ้าสาวส่วนใหญ่จะเข้มงวดกับการ ดูแลผิว ช่วงเวลาที่ใกล้จะแต่งงานมากเป็นพิเศษ อาจจะลงทุนกับสกินแคร์ดีๆ หรือเข้าคอร์สดูแลผิวหน้า แต่เชื่อไหมคะว่าหลายคนตกม้าตายกับเรื่องง่ายๆ จนทำให้คอร์สดูแลผิวแสนแพงที่ลงทุนไป หรือสกินแคร์ดีๆ ที่อุตส่าห์รูดบัตรเครดิตซะเกือบเต็มวงเงินเพื่อซื้อมาใช้ ดันไม่ได้ผลอย่างเต็มประสิทธิภาพซะงั้น? ลองอ่านเช็คลิสต์ต่อไปนี้จากเราดู ว่าคุณทำสิ่งต่อไปนี้หรือเปล่า? ถ้าใช่ รีบ ลด ละ เลิก เพื่อผิวเจ้าสาวสวยเพอร์เฟ็คทันวันแต่งงานของเราพอดีค่ะ

ดูแลผิว1. คุณไม่ใส่ใจกับการล้างเครื่องสำอาง

ต่อให้สกินแคร์ดีแค่ไหน ถ้าคุณทำความสะอาดเมกอัพบนผิวหน้าออกไม่หมด ประสิทธิภาพของสกินแคร์ก็ไม่สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เต็มที่ แถวซ้ำร้ายสิ่งสกปรกตกค้างบนผิวยังทำให้สิวขึ้นและหน้าหมองคล้ำอีกต่างหาก การทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องสำหรับสาวๆที่แต่งหน้าเป็นประจำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้รองพื้น) คือการเช็ดทำความสะอาดเมกอัพด้วยคลีนเซอร์ก่อนแล้วจึงใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต่อ และทราบไหมคะว่าถ้าหากคุณใช้เมกอัพชนิดกันน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาสคาร่าหรืออายไลเนอร์ คุณควรจะใช้คลีนเซอร์ที่ช่วยลบเมกอัพประเภทกันน้ำออกโดยเฉพาะด้วย

2. คุณไม่ทาครีมกันแดด!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนแผดเผาราวกับว่าห่างจากดวงอาทิตย์แค่ 1 กิโลเมตร อย่าคิดว่าการที่คุณไม่ได้เผชิญแสงแดดโดยตรงหมายความว่ารังสียูวีและอินฟราเรดต่างๆ จะไม่สามารถเข้ามาทำร้ายผิวของคุณได้ อย่างน้อยเราแนะนำว่าหากคุณเป็นสาวออฟฟิศที่ส่วนใหญ่ใช้เวลาในร่ม ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 30 สำหรับผิวหน้า รวมทั้งผิวกายด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากคุณต้องเผชิญแสงแดดระหว่างวันมากหน่อย (อารมณ์ประมาณว่าเดินไปทานข้าวกลางวันไกล) เราแนะนำให้เพิ่มเป็น SPF 50 ค่ะ อย่าลืมเลือกที่ค่า PA++++ (สี่บวกขึ้นไป) เพราะนั่นหมายความว่าครีมกันแดดชิ้นนี้สามารถปกป้องครอบคลุมชนิดของรังสีในแสงแดดได้มากกว่าค่ะ

3. คุณสครับผิวหน้าบ่อยเกินไป

อะไรที่มากเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะคะ การสครับผิวหน้าบ่อยๆ เป็นการทำให้เซลล์ผิวที่แข็งแรงยังไม่ทันจะได้ถึงคราวผลัดเซลล์ผิวก็ต้องหลุดลอกออกไปซะก่อน เซลล์ผิวชั้นล่างที่ยังไม่แข็งแรงจำเป็นต้องขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวหน้าของเราอ่อนแอ แสบแดง และระคายเคืองง่ายขึ้นค่ะ ทางที่ดีไม่ควรสครับผิวเกินกว่า 2-3 สัปดาห์ครั้ง เพราะเซลล์ผิวของคนเรามีรอบในการผลัดเซลล์ประมาณ 28 วัน หรือ 1 เดือนนั่นเองค่ะ

4. คุณแต่งหน้าทุกวันโดยไม่ปล่อยให้ผิวได้พักบ้าง

เข้าใจนะว่าสาวๆหลายคนก็อยากดูสวยทุกวัน แต่การแต่งหน้าบ่อยๆ ยิ่งถ้าใช้รองพื้นเนื้อหนาหนักทุกวัน จะเป็นการลดอ็อกซิเจนที่เข้าสู่ผิวของเรา และยังเสี่ยงต่อการมีเมกอัพตกค้างบนผิวเยอะกว่าคนที่ไม่ได้แต่งหน้าบ่อยๆ นอกจากจะเป็นสิวง่าย ผิวหน้าของเราจะดูไม่สดใส  อย่างน้อยในวันพักผ่อนที่ไม่ได้ออกไปทำงาน ปล่อยให้ผิวหน้าได้พักหายใจบ้าง หรือถ้าจำเป็นต้องแต่งหน้าจริงๆ แทนที่จะใช้รองพื้นแบบปกปิดหนา เปลี่ยนมาใช้คุชชั่นหรือบีบีครีมเนื้อบางเบาแทนดูค่ะ

5. คุณขยี้ตาบ่อย!

รู้ไหมคะว่าผิวรอบดวงตาของคนเราบอบบางแค่ไหน การขยี้ตาแรงๆ เป็นการทำร้ายผิวรอบดวงตาให้หย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยง่ายยิ่งขึ้นไปอีก ต่อให้ลงทุนกับอายครีมราคาแพงแสนแพง ก็ไม่อาจจะช่วยได้ถ้าคุณยังคงชอบขยี้ตาแรงๆค่ะ เราแนะนำว่าถ้าหากรู้สึกคันดวงตา ลองใช้น้ำตาเทียมช่วยหยอดตา ใช้ไม้พันสำลีช่วยแคะเศษผงในตาออกอย่างเบามือ หรือลองลืมตาในน้ำเกลือที่ใช้ล้างคอนแทคเลนส์ดูค่ะ (สำหรับสาวๆที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ดวงตาของเราจะยิ่งระคายเคืองได้ง่าย เราแนะนำให้ใส่ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด และควรมีอย่างน้อย   2-3 วันในหนึ่งสัปดาห์ที่เราพักดวงตาโดยการใส่แว่นสายตาแทนค่ะ)

เป็นยังไงบ้างคะ? ว่าที่เจ้าสาวคนไหนอ่านแล้วพบว่าตัวเราเองแอบทำตามบางข้อ ถ้าลด ละ เลิก ซะวันนี้ เรารับรองว่าจะช่วยให้ผิวของคุณดูสวยสดใสขึ้นในวันสำคัญแน่ๆค่ะ ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา ลองคลิกอ่าน บิวตี้ไอเท็มใหม่ที่จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้คล้ำแดด เหมาะสำหรับเจ้าสาวงานแต่งกลางแจ้งสุดๆ

3 สิ่งบนรองเท้าแต่งงานที่ว่าที่เจ้าสาวต้องพิจารณาก่อนสอยมาสวมในวันแต่งงาน

คนจะเป็นเจ้าสาวนี่สารพัดสิ่งจริงๆ นะคะ ไหนจะต้องมีธีมงานแต่งที่อยากได้ ชุดแต่งงานที่อยากใส่ เรฟเฟอเรนซ์หน้าผมที่อยากทำ ยังไม่วายต้องมาตัดสินใจเรื่อง รองเท้าแต่งงาน อีก แพรวเวดดิ้งขอบอกเลยว่ารองเท้าแต่งงานนี่ไม่ใช่จะเป็นรองเท้าอะไรก็ได้ หรือเลือกจากแค่ความชอบความสวยภายนอกอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ เพราะยังมีอีก 3 ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ บนรองเท้าแต่งงานที่ว่าที่เจ้าสาวต้องมองหาก่อนเลือกซื้อด้วย

 

ความยาวของชุดแต่งงาน

เจ้าสาวทุกคนอย่าเพิ่งรีบซื้อรองเท้าแต่งงานเด็ดขาดหากยังไม่ได้ชุดแต่งงานที่จะใส่ในวันสำคัญ เพราะความยาวของชุดแต่งงานมีผลต่อการเลือกรองเท้าเจ้าสาวด้วยนะ และยังขึ้นอยู่กับความสูงของเจ้าสาวด้วยอีกส่วนหนึ่ง หากชุดแต่งงานกระโปรงยาวเสมอพื้นเมื่อเจ้าสาวสวมรองเท้าแล้วชายกระโปรงชุดแต่งงานควรที่จะยาวเลยพื้นออกมาเล็กน้อย  ซึ่งโดยปกติแล้วดีไซเนอร์จะมีเทคนิคการตัดเย็บชุดแต่งงานที่สามารถเพิ่มความยาวของชายกระโปรงได้อยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเวลาเจ้าสาวไปลองชุดแต่งงานถึงต้องนำรองเท้าแต่งงานไปด้วยนั่นเอง แต่ถ้าเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานแบบหน้าสั้นหลังยาว หรือชุดแต่งงานแบบสั้น อันนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าสาวแต่ละคนแล้วว่าต้องการความสูงขนาดไหนที่ตัวเองสามารถเดินได้อย่างถนัด

ความสบายเมื่อสวมใส่

นี่เกือบจะต้องเป็นปัจจัยแรกๆ ที่เจ้าสาวจะต้องพิจารณาหากจะต้องเลือกความสูงของรองเท้าเจ้าสาว เพราะมีเจ้าสาวหลายคนที่เมื่อถึงวันจริงกลับมีความกังวลในรองเท้าที่ตัวเองเลือกมา เช่น เดินไม่ถนัด ยืนไม่สะดวก ใส่แล้วไม่สบายเท้า เพราะฉะนั้น อย่าทำให้วันสำคัญของคุณต้องเต็มไปด้วยความกดดัน ยิ้มไม่ได้ หัวเราะไม่ออก มีความสุขไม่เต็มที่เพราะดันมีปัญหากับรองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เจ้าสาวเลือกระดับความสูงของรองเท้าที่คุณคุ้นเคย หรือเมื่อใส่แล้วสามารถยืนและเดินไปรอบๆ งานได้อย่างสบาย  หากคู่ไหนใส่แล้วรู้สึกต้องฝืนยืนหรือต้องพยายามเดินให้ได้ เราขอให้คุณเปลี่ยนคู่ใหม่ซะ และสำหรับสาวๆ ที่ไม่เคยใส่ส้นสูงมาก่อนเลย และกังวลว่าจะสะดุดหกล้มกลางงานแต่ง แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้สวมรองเท้าสไตล์แฟลต หรือรองเท้าแบบไม่มีส้นไปเลยค่ะ เพราะปัจจุบันมีแบรนด์รองเท้ามากมายที่ดีไซน์รองเท้าเจ้าสาวแบบส้นแบนออกมาเพื่อตอบโจทย์ว่าที่เจ้าสาวสไตล์นี้ ที่สำคัญยังใส่แดนซ์ต่อในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ได้เลยด้วย

ความสบายใจ

นอกจากความสะดวกสบายทางกายภาพแล้ว ความสบายทางใจของเจ้าสาวก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นเจ้าสาวที่สูงกว่าเจ้าบ่าวอยู่แล้วด้วย แพรวเวดดิ้งขอให้เจ้าสาวทำใจให้สบายๆ ในเรื่องนี้ เพราะปัจจุบันตามร้านรองเท้ามี แผ่นเสริมส้น หลายระดับให้เจ้าบ่าวเลือก ส่วนเจ้าสาวก็อาจจะต้องลดระดับความสูงเพื่อช่วยคุณเจ้าบ่าวสักหน่อย เท่านี้ก็เป็นอันลงตัว หรือคู่ไหนที่สูงเท่ากันพอดีเป๊ะแต่พอเจ้าสาวใส่ส้นสูงก็ดันสูงเกินเจ้าบ่าวไปซะนี่ ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการให้เจ้าบ่าวเสริมส้นได้เหมือนกัน แต่ถ้าเกิดพลาดพลั้งในวันงานเจ้าสาวดันสูงกว่าเจ้าบ่าวจริงๆ งานนี้ช่างภาพของบ่าวสาวจะเป็นผู้ช่วยในการหามุมที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณทั้งคู่ดูสมดุลในภาพถ่าย

ถึงวันจริงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็แค่ทำใจให้สบาย ปล่อยวางทุกอย่าง แล้วมีความสุขไปกับวันสำคัญของชีวิตก็พอ

อ่านเพิ่มเติม >>> 7 ทิปส์ช่วยเจ้าสาวหารองเท้าเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญ

ภาพ : https://unsplash.com

8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน

ก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน 8 เรื่องนี้ที่บ่าวสาวต้องเช็กให้ดี

แพรว wedding เคยแนะนำไปแล้วว่า เวลาไปดู สถานที่จัดงานแต่งงาน ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และต้องถามรายละเอียดมากมายแค่ไหน แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นค่ะ เพราะว่าที่ทั้งหลายต้องทำการสำรวจสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่มากกว่าแค่การเยี่ยมหน้ามองภาพรวม จะได้เพิ่มความมั่นใจสุดๆ ในการเลือกว่าทุกจุดผ่านสายตาของคุณมาแล้วจริงๆ ไงคะ

1. ที่จอดรถ

ไม่ควรคิดแค่ว่าวนเข้าไปจอดรถตอนที่ไปเยี่ยมชมสถานที่คือการสำรวจแล้ว เพราะที่จอดรถของโรงแรมหรือสถานที่รับจัดงานแต่งงานอาจมีหลายโซน ดังนั้นควรสำรวจให้ครบ จะได้รู้ว่าสะดวกสบายจริงไหม อยู่หางจากจุดจัดงานมากน้อยแค่ไหน และปลอดภัยกับแขกแน่นอนหรือเปล่า

2. ห้องน้ำ

แค่จำนวนกับความห่างไกลจากบริเวณจัดงานยังไม่พอนะคะ สภาพห้องน้ำ ความแรงของระบบน้ำและกลิ่นภายในห้องน้ำ รวมถึงความถี่ในการทำความสะอาดคือสิ่งที่ต้องสำรวจด้วยตา ทดลองใช้กับตัวเสมอ

สถานที่จัดงานแต่งงาน

3. ครัว อุปกรณ์ครัวและจุดพักอาหาร

ข้อนี้อาจจะยากไปสักหน่อยถ้าจะให้บุกครัว เพราะสถานที่จัดงานส่วนใหญ่ไม่มีนโยบายให้บ่าวสาวเข้าไปเจาะลึกได้ขนาดนั้น ฉะนั้นสำรวจเท่าที่ทำได้ เช่น จุดพักอาหารสะอาดไหม บ่งบอกสุขอนามัยที่มั่นใจได้หรือเปล่า รวมถึงไกลจากสายตาแขกไหม ไม่ใช่ว่าอยู่บนเส้นทางที่แขกเดินผ่าน นอกจากนี้จานชามช้อนส้อมก็ต้องส่องดูว่าสะอาดไหม สภาพดีหรือเปล่า ยิ่งเป็นงานเลี้ยงแบบซิตดาวน์ดินเนอร์หรือโต๊ะจีนยิ่งห้ามพลาดเด็ดขาด

4. ที่จอดรถทีมงาน

ประเด็นนี้สัมพันธ์กับธีมงานที่เลือกค่ะ ถ้าคุณลือกจัดงานใหญ่โตอลังการโครงสร้างสุดบิ๊ก บริเวณที่จอดรถต่อเนื่องมายังห้องจัดงานอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน เพราะถ้าไกลมาก ความลำบากเกิดกับทีมงานแน่นอน หรือแม้แต่ประตูเข้าอาคารเล็กจะเอาโครงสร้างเข้ามาได้ไหม เรื่องนี้จึงต้องรู้ไว้นะคะ

5. ห้องเปลี่ยนชุด

เดี๋ยวนี้เทรนด์จัดงานแต่งงานช่วงเช้าจบกลางวันมีเยอะค่ะ จึงมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบ Day Use ให้กับบ่าวสาว จึงทำให้คุณต้องไม่พลาดเข้าไปสำรวจห้องนี้อย่างถี่ถ้วนว่าขนาดห้องใหญ่พอที่จะให้ใครเข้าไปได้บ้าง แต่งหน้าทำผมได้ไหม และถ้ามีเพื่อนเจ้าสาวแก๊งใหญ่จะใช้เตรียมตัว ห้องนี้สามารถรองรับได้หรือเปล่า

สถานที่จัดงานแต่งงาน

6. เฟอร์นิเจอร์ในพิธี

คำว่ามีโซฟาและโต๊ะกลางให้ไม่ได้บอกสภาพมาด้วย เป็นเรื่องอันตรายที่อย่าได้วางใจเชียวค่ะ คุณควรขอดูเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้นๆ ให้เห็นกับตา และพิจารณาว่าสภาพดีอยู่ดังคำกล่าวของเจ้าของสถานที่หรือเปล่า ถ้าดูแล้วสะเทือนใจมากเพราะสภาพไม่ไหวจะทนหรือถ้านำมาใช้จะหลุดธีม จะได้จัดหามาเข้าพิธีเองสบายใจกว่า

7. ลิฟท์และบันไดเลื่อน

บันไดเลื่อนอยู่ตรงไหน กว้างหรือแคบ และลิฟท์มีกี่ตัว สภาพน่ากลัวหรือเปล่า รวมถึงความสะอาดภายในลิฟท์โอเคใช่ไหม ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่เลื่อนขึ้นลงส่งเสียงดังมากจนต้องลุ้น ฉะนั้นลิฟท์เป็นแบบไหน มีกี่ตัว อย่าทำเพียงแค่เยี่ยมหน้าไปมองดู ต้องลองใช้งานจริงด้วยนะคะ

8. ระบบแสงและเสียง

แค่เปิดไฟนิ่งๆ ไม่พอนะคะ ไฟทุกประเภทในห้องจัดเลี้ยงหรือบริเวณจัดงานต้องเปิดให้เห็นแสงจริงเสมอ และถ้าเป็นการจัดงานเอาท์ดอร์ ก็ควรไปลองเทสระบบไฟในเวลาเดียวกับที่จะจัดงาน เพื่อนำมาพิจารณาว่า แสงสว่างยามนั้นเพียงพอกับที่ต้องการหรือเปล่า ซึ่งในการเทสนี้ ขอให้เทสคู่ไปกับระบบเสียงด้วยหลักการเดียวกันค่ะ

เคล็ด(ไม่)ลับอีกต่อไป 5 วิธี ลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงานของคุณ

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : pxhere

พิธีปูเตียงเรียงหมอน ในพิธีแต่งงานไทยทำอย่างไรถูกตามหลักประเพณี

พิธีปูเตียงเรียงหมอน ทำตามนี้รับรองว่าเป๊ะ

อีกหนึ่งพิธีในงานแต่งงานไทยตามธรรมเนียมคือ พิธีปูเตียงเรียงหมอน ที่มักจะให้คู่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ่าวสาวเคารพนับถือและครองรักกันมายาวนานอย่างมีความสุขเป็นผู้ทำพิธีให้ แพรว wedding เลยจะมาแจกแจงสิ่งของที่ต้องใช้และลำดับขั้นพิธีการให้ว่าที่บ่าวสาวได้เตรียมตัวกัน

1. เมื่อถึงฤกษ์ปูที่นอน ฝ่ายเจ้าสาวจะเชิญคู่สามีภรรยาที่เป็นคนดีมีศีลธรรมที่บ่าวสาวเคารพนับถือ และครองกันมายาวนาน มีชีวิตราบรื่น อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า มีลูกหลานสืบสกุล มาเป็นผู้ทำหน้าที่ปูที่นอนให้

2. เมื่อถึงฤกษ์เรียงหมอน ก็ให้คู่สามีภรรยานำของที่ฝ่ายหญิงเตรียมไว้ คือ หินบดยา, ฟักเขียว, แมวตัวผู้สีขาว (ในที่นี่อาจใช้เป็นแมวสีเทาหรือแมวลาย ที่เป็นรูปปั้นแมวแทนเพื่อความไม่ยุ่งยาก), ถั่วทอง งา และข้าวเปลือก 1 กำมือ (ทั้งสามอย่างนี้อาจนำมาจากที่เหลือใช้ในการโปรยขันหมากก็ได้), น้ำฝน 1 ขัน โดยให้นำของทั้งหมดนี้วางไว้บนฟูก

3. จากนั้นคู่สามีภรรยาจะกล่าวคำให้พรแก่บ่าวสาว พร้อมกับลงไปนอนบนฟูกหรือที่นอนพอเป็นพิธี โดยฝ่ายชายจะต้องนอนทางขวา ซึ่งสาเหตุที่ฝ่ายชายต้องนอนทางขวาก็เป็นเพราะ ในอดีตที่ยังมีการรบพุ่งกันอยู่ ฝ่ายชายเป็นผู้ถือดาบออกรบ ส่วนฝ่ายหญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เมื่อถึงคราวต้องปกป้อง ผู้ชายจะได้ใช้มือซ้ายจับมือผู้หญิงหลบอยู่ด้านหลัง โดยถือดาบฟาดฟันศัตรูนั้นเอง

4. และขณะที่ฝ่ายชายกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน ให้ฝ่ายหญิงพูดว่า “ฝันถึงสิ่งที่เป็นมงคล” ถึงตอนนี้ฝ่ายชายก็จะทำนายว่า “สงสัยจะเกิดเรื่องดีงาม”

5. เมื่อคู่สามีภรรยาลุกขึ้นจากเตียง ก็ให้นำถั่วและงามาโปรยที่พื้นดินเพื่อเป็นการเสี่ยงทาย หากเมล็ดที่โปรยไว้เจริญงอกงามก็หมายความว่า ชีวิตคู่ของบ่าวสาวจะราบรื่นและยั่งยืนนั่นเอง

โดยหินบดยา ฟักเขียว และแมว จะต้องวางไว้บนที่นอนหรือหัวเตียงเป็นเวลา 3 คืนถึงจะเคลื่อนย้ายออกได้ ซึ่งความหมายของของใช้ทั้งหมดในพิธีนี้นั้นก็มาจากคำให้พรจากผู้ใหญ่ที่ว่า “ให้เย็นเหมือนฟัก ให้หนักเหมือนแฟง ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราง” ซึ่งก้อนเส้าในที่นี้ก็คือ หินเตาไฟในครัวแต่เนื่องจากหากนำมาใช้อาจจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนจึงเปลี่ยนมาใช้เป็นหินบดยาแทน

เอาเป็นว่าหากบ่าวสาวคู่ไหนอยากจะมีพิธีนี้ในงานแต่งของตัวเองแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาบทามผู้ใหญ่พร้อมกับให้ท่านทั้งสองให้พรแก่คุณตามที่เราบอกไว้ เพื่อที่ชีวิตคู่ของบ่าวสาวจะได้ร่มเย็นเป็นสุขและรักกันจนแก่เฒ่าตราบนานเท่านาน

แจกจ้า!! สคริปต์งานแต่งสำหรับพิธีปูเตียงเรียงหมอนเวอร์ชั่น 2 ภาษา

ภาพ : Smallmoon Photo

10 คำถามถามร้านเพชรเพื่อ แหวนแต่งงาน บ่าวสาวสวยถูกใจคุ้มค่าในวันวิวาห์

แหวนแต่งงาน หรือเครื่องเพชร จะซื้อยังไงให้ไม่โดนหลอก…มาค่ะ เราจะบอกให้

ก่อนที่บ่าวสาวจะเดินเข้าร้านเพชรควรศึกษาหาความรู้เรื่องคุณสมบัติเพชร และราคากลางของตลาดเพชรไว้เป็นพื้นฐานก่อน และเมื่อความรู้ขั้นพื้นฐานแน่นเปรี๊ยะ ถึงเวลาต้องเดินเข้าร้านเพชรเพื่อเลือก แหวนแต่งงาน ก็ยิงคำถามที่เตรียมไว้ด้านล่างได้เลย

1. คุณภาพเพชรเป็นอย่างไรบ้างตามหลัก 4Cs ได้แก่ สีของเพชร ความสะอาด การเจียระไน และน้ำหนัก เพราะถือเป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้นในการซื้อเพชร ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าก็ต้องรู้เอาไว้ เนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้สะท้อนถึงราคาเพชรนั่นเอง

2. ทางร้านให้ส่องเพชรเช็กตำหนิ รวมถึงเลขใบเซอร์ก่อนตัดสินใจหรือเปล่า เพื่อเช็กจำนวนตำหนิและตรวจสอบว่ามีการยิงเลเซอร์หมายเลขรับประกันเพชรจริงหรือไม่

3. ราคาขายอยู่ที่เท่าไหร่ เหมาะสมหรือไม่เมื่อเทียบกับคุณภาพและราคากลางของตลาดที่ศึกษามา

4. บริการหลังการขายมีอะไรบ้าง เช่น เช็กสภาพ ชุบ ทำความสะอาด ขยายขนาด เป็นต้น

5. รับเปลี่ยนหรือซื้อคืนภายหลังหรือไม่

6. เพชรที่ใช้ประดับได้รับการการันตีด้วยใบรับรองคุณภาพเพชรจากสถาบันใดบ้าง รวมถึงหากไม่มีทางร้านมีใบรับประกันให้หรือไม่

แหวนแต่งงาน

นอกจาก 6. ข้อข้างต้นแล้ว อีก 4. ข้อที่เหลือถามไว้เผื่อก็ดีเหมือนกันนะ

7. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของร้านแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าเครื่องประดับเหล่านั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า

8. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

9. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

10. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

แต่ก่อนอื่นบ่าวสาวต้องศึกษาเรื่องนี้ก่อนนะ >>> ถอดรหัส 4Cs อ่านป้ายบนแหวนแต่งงานให้เป็นไม่ถูกหลอก

2 สิ่งที่เจ้าสาวอาจมองข้ามในเรื่องชุดแต่งงานและทรงผม แทนที่จะปังแต่กลับพังไม่เป็นท่า

ไม่แปลกที่เจ้าสาวจะมองภาพรวมของชุดแต่งงานและเรฟเฟอร์เรนซ์หน้าผมให้สวยไว้ก่อน โดยลืมมองรายละเอียดย่อยๆ ว่ายังมีสิ่งที่อาจจะยังไม่รู้ จนเกิดเป็นความผิดพลาดอย่างในเรื่อง ชุดแต่งงานและทรงผม อย่างไม่น่าให้อภัย แพรวเวดดิ้ง อยากให้โมเม้นต์สำคัญในชีวิตของเจ้าสาวมีแต่สิ่งดีๆ ไว้ให้จดจำ ก็เลยมาบอกไว้ก่อนว่า “ชุดแต่งงานนอกจากที่ต้องดูให้สวยแล้วต้องดูเรื่องอะไรอีก” และ “ทรงผมเจ้าสาวที่จะเอาแค่สวยเหมือนอย่างที่เจ้าสาวอยากได้ไม่พอ แต่ยังต้องดูสภาพแวดล้อมในเรื่องอื่นๆ ด้วย”

  • ซับในกระโปรงชุดแต่งงาน ถ้าไม่อยากพลาดต้องดูให้ดี

บอกเลยว่าเรื่องนี้ทำเอาเจ้าสาวหลายคนเกือบเดินหน้าทิ่มตอนเดินเข้างานมาแล้ว เพราะเจ้าซับในตัวดีดันแล่บออกมา มิหนำซ้ำยังไปเกี่ยวเข้ากับรองเท้าเจ้าสาวอีก ลำพังแค่เดินในชุดแต่งงานปกติก็ยากอยู่แล้ว นอกจากเดินลำบากยิ้มไม่ออก เจ้าสาวคงไม่อยากเห็นรูปถ่ายตัวเองในชุดแต่งงานสวยๆ มีชายผ้าหลุดรุ่ยกองอยู่บนพื้นด้วยหรอกจริงไหมคะ

เพราะฉะนั้นหากเจ้าสาวคนไหนรับชุดมาไว้ที่ตัวเองก่อนวันแต่งงานก็อย่าลืมตรวจดูให้ดีว่าชายผ้าด้านในเป็นอย่างไร มีโอกาสไหมที่จะไปเกี่ยวเข้ากับรองเท้า ถ้ายังไม่แน่ใจแนะนำให้ลองสวมชุดแต่งงานกับรองเท้าที่จะใส่ในวันงานแล้วลอกเดินดูเลยค่ะ หากพบว่ามีปัญหาเกี่ยวพันรุงรังเดินลำบาก ให้รีบนำชุดแต่งงานไปให้ทางร้านเย็บเก็บซับขึ้นให้หน่อย เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาในวันแต่งงานแล้ว

แต่ในเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ ในวันแต่งงานแพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เจ้าสาวเตรียมเข็มและด้ายสีขาว หรือเข็มกลัดไว้ให้พร้อม เพราะหากก่อนเดินเข้างานแล้วเกิดปัญหาดังกล่าวจะได้ยังพอแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน อย่างน้อยก็ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เจ้าสาวก็สามารถเดินเข้างานได้อย่างสบายใจแล้ว

  • เลือกทรงผมให้เหมาะกับสถานที่และสภาพแวดล้อม

นอกเหนือจากการเลือกทรงผมให้เหมาะกับรูปหน้าและชุดแต่งงานที่เลือกแล้ว การเลือกให้เหมาะกับสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งหรือสถานที่แต่งงานก็สำคัญไม่น้อย ถ้าหากเจ้าสาวถ่ายพรีเวดดิ้งในสตูดิโอที่แอร์เย็นฉ่ำ หรือจัดงานในห้องบอลรูมสุดหรูแอร์เย็นเจี๊ยบ ถ้าเป็นแบบนี้จะทำทรงไหนก็รอด แต่ถ้าหากเลือกสถานที่ถ่ายหรือสถานที่แต่งงานเป็นแบบเอ๊าท์ดอร์อากาศร้อนจัด แล้วเจ้าสาวเกิดอยากจะปล่อยผมล่ะก็ อาจจะต้องคิดให้ดี เพราะนอกจากที่จะทำให้เจ้าสาวร้อนแบบคูณสองแล้ว ผมอาจจะชุ่มไปด้วยเหงื่อจนจับตัวเป็นก้อนไม่สลวยอย่างที่คิดไว้

หรือถ้าหากเลือกถ่ายริมทะเลแล้วเจ้าสาวคิดจะปล่อยผมหรือติดเวลก็ต้องคิดให้ดีเหมือนกัน เพราะเราควบคุมทิศทางลมไม่ได้ กว่าจะได้ภาพที่สวยงามสมใจอยากก็อาจจะอีรุงตุงนังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

อ่านเรื่องราวและดูไอเดียดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ https://unsplash.com

ทำไงดี!! ดันไม่ชอบแหวนหมั้นที่หนุ่มสุดที่เลิฟลงทุนเซอร์ไพร้ส์มอบให้เพื่อขอแต่งงาน

แฟนหนุ่มลงทุนเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงาน โมเม้นต์สุดโรแมนติกที่สาวๆ ทุกคนต่างเฝ้ารอ แต่ฝันดันดับกลางอากาศเมื่อเห็น แหวนหมั้น เพราะดันเป็นแบบที่ไม่เข้าตา ไม่ถูกใจเอาซะเลย แพรวเวดดิ้ง ไม่อยากให้สาวๆ ตีโพยตีพายเสียอกเสียใจไปก่อน เพราะถึงแย่แค่ไหนก็มีทางออกเสมอ ลองมาดู How To ทำใจให้ร่มๆ เพื่อหาความเป็นไปได้ในการได้แหวนหมั้นวงใหม่ที่ถูกใจเรามากที่สุด ตามนี้เลยจ้า

  • ใส่ไปก่อนอย่าเพิ่งบอกเขาว่าเราไม่ชอบ

หากแหวนหมั้นที่คนรักบรรจงสวมไม่ love at first sight อย่าเพิ่งแสดงออกทางสีหน้า ชักมือกลับ หรือรีบถอดเด็ดขาด! ลองใส่ดูก่อน พิจารณาดูมันดีๆ ถ้าหากพลิกแล้วพลิกอีกหมุนแล้วหมุนอีกก็ยังรู้สึกไม่ดีไม่เพอร์เฟ็กต์ ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่ตกหลุมรักมันเข้าสักวันจริงไหม แหวนวงนี้อาจไม่ใช่ความประทับใจแรกของคุณ แต่อาจเป็นรักแรกพบของว่าที่เจ้าบ่าวที่เมื่อเห็นแหวนวงนี้แล้วเขาดันนึกถึงคุณ มองเห็นว่าแหวนวงนี้มีบางสิ่งที่เชื่อมโยงกับคุณอยู่ หรืออาจจะมีความหมายที่ลึกซึ้งที่เขาอยากจะสื่อสารผ่านแหวนวงนี้ก็ได้ หรืออาจจะเซอร์ไพร้ส์หนักถึงขั้นว่าเป็นแหวนหมั้นของคุณแม่ คุณย่า หรือคุณยายที่ท่านเคยใส่มาก่อน และเขาก็อยากส่งต่อสิ่งนี้ให้กับผู้หญิงที่เขารัก เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งชักสีหน้าลองเลียบๆ เคียงๆ ถามถึงที่มาของแหวนวงนี้ ไม่แน่นะหากคุณได้รู้ถึงเรื่องราวว่ากว่าเขาจะได้แหวนวงนี้มามันเป็นยังไง อาจทำให้คุณเข้าใจเขาจนไม่อยากเปลี่ยนเลยก็ได้

  • พูดคุยสิ่งที่คุณต้องการ

หากคุณยังรู้สึกไม่ชอบแหวนวงนี้อยู่ดี ก็คงถึงเวลาที่ต้องจับเข่าคุย แต่ไม่ใช่ว่าจะขวานผ่าซากบอกเขาไปตรงๆ หรอกนะ แต่ต้องใช้ถ้อยคำอ่อนหวานสักนิดให้เขารู้สึกดี ที่สำคัญต้องคุยกันแบบส่วนตัวครอบครัวไม่เกี่ยว จะได้ลดความตึงเครียดและข้อขัดแย้งต่างๆ ที่อาจตามมา ที่สำคัญคือเลือกช่วงเวลาที่จะคุยให้ดีๆ เช่น เป็นช่วงเวลาที่คุณและเขารู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด และจำไว้ว่า อย่าทำลายความตั้งใจและความรู้สึกของฝั่งตรงข้ามเด็ดขาด!!

  • แลกเปลี่ยนหรือส่งคืน

หากแหวนวงนั้นเป็นแหวนวงใหม่ที่เขาซื้อมาจากร้าน ก็แค่ควงกันกลับไปที่ร้านเดิมเพื่อขอเปลี่ยน โดยอาจจะคงเพชรเม็ดเดิมเอาไว้แล้วเปลี่ยนแค่ตัวเรือน หรือจะขอเปลี่ยนวงใหม่เป็นวงที่คุณชอบไปเลย แต่อย่าลืมดูสตางค์ในกระเป๋ากันด้วยล่ะถ้าคิดจะเปลี่ยนวงใหม่ จะให้ดีลองกระซิบถามคุณผู้ชายก่อนก็ได้ว่ามีงบเท่าไหร่แล้วเลือกแบบใหม่ให้อยู่ในงบที่มี โดยอาจจะขอให้ร้านเพชรช่วยคัดแบบแหวนที่อยู่ในงบมาให้เลือกอีกทาง

  • เปลี่ยนแหวนมรกดให้กลายเป็นแหวนวงใหม่

หากแหวนวงนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากคุณย่า คุณยาย คุณแม่ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้คุณเก็บเพชรหรืออัญมณีเม็ดเดิมเอาไว้ แล้วดีไซน์ตัวเรือนใหม่ให้เหมาะกับคุณ หรืออาจจะคงไว้แบบเดิมทั้งหมดก็ได้แต่เพิ่มวัสดุตัวเรือนให้มีความหนามากขึ้น (ทองคำขาวหรือทอง) เพื่อให้ตัวเรือนมีความแข็งแกร่งดูใหม่เปล่งประกายกว่าเดิม (หากงบเหลือนะจ๊ะ) >>> อ่านเพิ่มเติม เพชรยังอยู่สตอรี่ไม่หาย ด้วยการแปลงร่างแหวนมรดกสู่แหวนแต่งงานวงใหม่สวยให้กิ๊ง <<< 

ภาพ https://unsplash.com

10 คำถามที่บ่าวสาวต้องถามช่างภาพงานแต่งให้เคลียร์

ลิสต์ไว้ให้ดี 10 คำถามนี้ห้ามลืมถาม ช่างภาพงานแต่ง เด็ดขาด

ไม่ว่างานแต่งของคุณจะเป็นสไตล์ไหน ช่างภาพงานแต่ง เป็นทีมงานที่ขาดไม่ได้ ฉะนั้นจงใส่ใจค้นหาทีมที่ทำให้คุณมั่นใจได้เต็มร้อยว่าภาพความทรงจำในวันสำคัญจะได้รับการบันทึกทุกซีนอารมณ์

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของทีมช่างภาพแล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าภาพถ่ายเหล่านั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า

2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

ช่างภาพงานแต่ง

5. มีทีมงานกี่คน เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะเก็บทุกรายละเอียดตามที่คุณต้องการได้จริงๆ

6. ได้ภาพจำนวนกี่ภาพ แยกเป็นภาพที่ผ่านการรีทัชแล้วกี่ภาพ ปรับแสงอย่างเดียวกี่ภาพ

7. หลังจบงานได้ภาพทั้งหมดเมื่อไหร่ และช่างภาพจะเก็บไฟล์งานทั้งหมดไว้ให้นานแค่ไหน เผื่อว่าหลังจากที่ได้ไฟล์ภาพไปแล้วบ่าวสาวทำหาย

8. ไฟล์ภาพเป็นนามสกุลอะไร มีขนาดใหญ่เล็กแค่ไหน เผื่อมีแผนจะนำไปขยายเพื่อใช้งานในอนาคตจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง

9. ในกรณีที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ใครเป็นผู้ดูแลเรื่องการเดินทาง ที่พัก และอาหารการกิน รวมถึงเรื่องอาหารในวันงานด้วย เช่น จะต้องเก็บโต๊ะจีนไว้ให้หลักงานเลิกหรือไม่ สำหรับกี่คน เป็นต้น

10. เมื่อถึงวันงาน ต้องใช้ไฟมากน้อยอย่างไรและใช้เวลาเซตไฟนานแค่ไหน รวมถึงมีอุปกรณ์สำรองหรือเปล่า

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่ง >>> เซฟค่าใช้จ่ายช่างภาพงานแต่งอย่างไรได้บ้าง … มาอ่านกัน

ภาพ www.pexels.com

ตระเตรียมให้ถูกข้าวของต้องใช้ในพิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว อีกหนึ่งประเพณีแต่งงานที่บ่าวสาวควรคงไว้ ว่าแต่ต้องมีข้าวของอะไรบ้างน้า??

งานวิวาห์แบบไทยเราจะเห็นว่าบางงานอาจมี พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! ต้องมีด้วยหรือ และถ้ามีต้องเตรียมอะไรกันบ้าง มาไขข้อข้องใจไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าวมีตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากคนไทยในสมัยก่อนยังไม่นิยมสวมรองเท้าเหมือนในปัจจุบัน ตามหน้าบ้านจะตั้งตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน ดังนั้นจึงได้แทรกการล้างเท้าเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการก่อนที่เจ้าบ่าวจะเดินขึ้นเรือนเจ้าสาว โดยจะใช้ใบตองและหินก้อนใหญ่รองเท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง

สิ่งที่ต้องเตรียม

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบโบราณ : ใบตองวางทับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เจ้าบ่าวสามารถขึ้นไปยืนได้และน้ำสะอาดผสมมะกรูดมะนาวในขันเงินสำหรับล้างเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบประยุกต์ : ก้านมะยมและน้ำสะอาดใส่ในขันเงินสำหรับพรมเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าบ่าว : เตรียมซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว

ขั้นตอนในพิธี

เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าสาวแล้ว น้องหรือญาติของเจ้าสาวจะเป็นผู้ล้างเท้าเจ้าบ่าว โดยตักน้ำที่เตรียมไว้ในขันเงินล้างและช่วยเช็ดเท้าให้ เพื่อเป็นการต้อนรับเจ้าบ่าวเข้ามาอยู่ในครอบครัว หลังจากนั้นเจ้าบ่าวจะให้ซองเงินเป็นสินน้ำใจ

ปัจจุบันคนไทยสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นเรื่องปกติจึงไม่จำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้าโดยเปลี่ยนมาใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้ พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าว ไม่ต้องล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน และบางพื้นที่อาจมีการชิงรองเท้าเจ้าบ่าว เพื่อเอาไว้เรียกค่าไถ่ และสร้างสีสันสีสันในงานแต่ง

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

เตรียมความพร้อมให้ทรงผมเจ้าสาว สวยรอก่อนงานวิวาห์จะมาถึง

ลุคเมคอัพสำหรับเจ้าสาวนั้นก็มีให้เลือกอยู่ไม่มากมายเท่าไหร่นัก หลักๆ ก็คือเน้นความเป็นธรรมชาติสวยหวานตามสไตล์เจ้าสาว แต่ ทรงผมเจ้าสาว นี่สิที่น่าห่วง เพราะไหนจะผมสั้น ผมยาว ผมประบ่า ผมดำ ผมทำสี บวกกับแบบทรงผมที่ไม่เลือกเป็นร้อยทรง ก็ทำเอาว่าที่เจ้าสาวหลายคนหัวหมุนเพราะตัดสินใจไม่ถูกไปตามๆ กัน แพรว wedding เลยจะมากระซิบบอกเคล็ดลับง่ายๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้ไปเตรียมพร้อมกัน รับรองงานนี้สวยตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำเลยจ้า

เลือกทรงผมที่สวยตลอดกาล

ทรงผมของเจ้าสาวจริงๆ มีที่สวยคลาสสิคอยู่ไม่กี่ทรง แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่การเลือกให้เหมาะกับโจทย์ที่เจ้าสาววางไว้ และขอคำแนะนำจากช่างทำผมในวันแต่งงานถึงสไตล์ที่อยากได้ว่าเหมาะกับบุคลิก รูปหน้า หรือชุดแต่งงานของเจ้าสาวหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมส่งรูปชุดแต่งงานให้ช่างทำผมดูก่อนถึงวันแต่งงานเพื่อเป็นตัวช่วยในการออกแบบทรงผมด้วย


สีผมแนะนำสำหรับเจ้าสาว

การทำสีผมจะช่วยให้ใบหน้าของเจ้าสาวดูซอฟต์ลงกว่าผมสีดำและดูทันสมัยขึ้น แนะนำให้ทำสีน้ำตาลโค้กหรือสีน้ำตาลอ่อน จะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้นเมื่อถ่ายรูป และควรทำก่อนถึงวันงานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แต่หากเจ้าสาวทำสีผมอยู่แล้ว เพียงแค่เติมโคนให้สีสม่ำเสมอกันก็พอ


ประดับผมอย่างไรให้เหมาะ

สำหรับงานเช้าแนะนำให้ใช้ดอกไม้จริงประดับผม แต่ถ้าอยากใช้ดอกไม้ปลอมต้องหาแบบที่ดูเหมือนจริงให้มากที่สุดถึงจะสวย ส่วนงานเย็นเน้นเครื่องประดับให้ดูหรูหราขึ้นมาหน่อย เช่น เครื่องประดับเพชร แต่ไม่ควรใหญ่มาก เพราะจะดูเวอร์ไปไม่สมกับลุคเจ้าสาว

เจ้าสาวที่อยากเพิ่มความหรูหราด้วยการติดเวลควรแจ้งให้ช่างทราบล่วงหน้า ช่างจะได้คิดก่อนลงมือเซตผมว่าควรติดไว้ตรงไหน เพื่อป้องกันปัญหาในกรณีที่ต้องติดภายหลังแล้วเกิดไปบดบังดีไซน์ผมบริเวณที่สวยที่สุด

ทรงผมกับสไตล์ชุดแต่งงาน

หากชุดแต่งงานเป็นแบบปิดขึ้นมาถึงลำคอและใช้ผ้าลูกไม้อย่างดี ลวดลายสวยงาม ควรเกล้าผมขึ้นให้หมดเพื่อโชว์ความโดดเด่นของลูกไม้ หากใส่ชุดเกาะอกก็อาจจะปล่อยปอยผมลงมาเคลียไหล่ได้เล็กน้อย บางคนมีแก้มเยอะ มักขอให้ช่างทำผมลงมาปิด แต่การทำอย่างนั้นยิ่งดึงความสนใจให้คนมอง เพราะฉะนั้นควรเบนสายตาด้วยการทำผมบริเวณกลางศีรษะให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าดูเป็นรูปไข่ และเพิ่มเนื้อผมด้านข้างให้โป่งออกมาประมาณ 1-2 เซนติเมตรเพื่อให้รับกับรูปคาง

เตรียมผมก่อนถึงวันแต่งงานในวันพรุ่งนี้

ควรสระผมให้พร้อมในคืนก่อนวันแต่งงานโดยไม่ต้องใส่ครีมนวด และเป่าผมให้แห้งตามปกติ เนื่องจากหากสระตอนเช้าเจ้าสาวอาจต้องตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อเป่าผมให้แห้ง โดยเฉพาะสำหรับพิธีเช้าที่เช้ามากๆๆๆ

สุดท้าย ว่าที่เจ้าสาวควรทำใจให้สบายและเชื่อมั่นในตัวช่างให้มากที่สุด เพราะถ้าเจ้าสาวเกิดความไม่ไว้วางใจถึงแม้ว่าช่างจะทำสุดฝีมือแค่ไหนคุณก็มองว่ามันไม่สวยอยู่ดี เมื่อถึงเวลาต้องออกไปยิ้มต่อหน้ากล้องแววตาจะดูกังวล ทำให้ถ่ายรูปออกมาไม่สวย ฉะนั้นขอแค่ความเชื่อมั่นและไว้ใจรับรองว่าช่างจะทำให้คุณดูสวยที่สุดไม่ว่าจะมองผ่านเลนส์หรือมองด้วยตาเปล่าก็ตาม

หากอยากเสริมเครื่องประดับศีรษะ อัพเดทได้ที่นี่เลย >>> เครื่องประดับศีรษะสำหรับหลากไอเดียทรงผมเจ้าสาวชุดราตรี

ภาพ stocksnap.io

ดิว อริสรา สลัดลุคเซ็กซี่มาใส่ชุดแต่งงานไทยห่มสไบสุดหวานในนิตยสารแพรว wedding

ปกติเราจะเห็น ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์ ในชุดเซ็กซี่หรือชุดว่ายน้ำซะเป็นส่วนใหญ่ จนเกือบจะนึกภาพไม่ออกว่าหากเธอเปลี่ยนมาแต่งตัวเป็นสาวหวานแล้วจะเป็นยังไง แพรวเวดดิ้งเลยชวน ดิว อริสรา มาใส่ ชุดแต่งงานไทย ซะเลย เพราะไหนๆ ก็จะเปลี่ยนลุคเป็นสาวหวานแล้วก็ต้องหวานให้สุด ซึ่งบอกเลยว่าสาวดิวในแฟชั่นชุดไทยเซตนี้สวยมากแม่!

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ >>>คลิกเลย<<<

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding
พวงมาลัย : The legend bouquet โทร. 09-7015-2419
แต่งหน้า : ภาสุ เหมียนบุตร
ทำผม : ธานัท ทองผักแว่น
สไตลิสต์ : up_kamphoo
ผู้ช่วยสไตลิสต์ : ธัชกร ศักดิ์ศรี
ช่างภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี
ผู้ช่วยช่างภาพ : ชโนดม แต้ไพสิฐพงษ์, ณัฐฐาพร เจริญธรรม
สถานที่ : The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok โทร. 0-2650-8800

เบลเซอร์ผู้ชาย ทางเลือกใหม่ของว่าที่เจ้าบ่าวสายแฟชั่นที่ห้ามพลาด

เบื่อแล้วกับสูทเจ้าบ่าวแบบเดิมๆ มาลอง เบลเซอร์ผู้ชาย ที่ได้ลุคคูลๆ บ้างดีกว่า

สูทสีดำกับโบไท หรือเนคไท ดูจะเป็นลุคที่ชินตาสำหรับว่าที่เจ้าบ่าวอยู่ไม่น้อย แต่ถ้าหากกคุณเป็นว่าที่เจ้าบ่าวที่อยากเปลี่ยนลุคใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างดูบ้าง เบลเซอร์ผู้ชาย ก็ดูจะเป็นอะไรที่เข้าทางมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ที่ให้ลุคแบบกึ่งทางการ อีกทั้งยังมีสีสันที่หลากหลาย จึงสามารถให้ว่าที่เจ้าบ่าวเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ให้กับลุคของตัวเองได้ไม่ยาก

หากจะเปรียบความแตกต่างระหว่างเบลเซอร์กับสูท เอาแบบที่เห็นชัดและเข้าใจง่ายที่สุดคือ ไม่จำเป็นต้องจับคู่กับกางเกงเหมือนกับชุดสูท แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องคุมโทนอยู่นะจ๊ะ โดยเบลเซอร์มักจะมาในโทนสีที่สดใสกว่าสูท และสามารถจับคู่กับกางเกงขายาวของคุณได้ง่ายๆ โดยมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือเรื่องโทนสีเท่านั้น ซึ่งหากว่าที่เจ้าบ่าวอยากจะเลือกสวมเบลเซอร์ในวันแต่งงานจริงๆ ขอแนะนำให้เลือก เบลเซอร์สีน้ำเงินกรมท่า เพราะเป็นสีที่คลาสสิคตลอดกาล โดยอาจจับคู่กับกางเกงขายาวสีเทาก็ได้ ซึ่งก็เป็นลุคที่ใส่แล้วดูดีตลอดกาลไปอีก หรือจะใส่กับกางเกงชิโนสีกากีหรือสีพื้นอื่นๆ เพื่อให้ลุคดูลำลองมากขึ้นก็ได้ (แต่คุณเจ้าบ่าวต้องมั่นใจว่า งานแต่งของคุณนั้นก็ลำลองง่ายๆ สบายๆ  ไม่แพ้ชุดด้วยนะ) ซึ่งในบางกรณีอาจมีการจับคู่กางเกงยีนด้วยเช่นกัน ซึ่งก็จะได้มู้ดที่ดูเป็นหนุ่มเท่ๆ สายเซอร์ แต่ต้องระวังสักนิดเพราะลุคนี้ดูไม่เป็นทางการเท่าไหร่ อาจจะเลือกใส่สำหรับงานแต่งที่เป็นกันเองมากๆ หรืออาฟเตอร์ปาร์ตี้น่าจะเหมาะสมที่สุด

เบลเซอร์ผู้ชาย

สำหรับเจ้าบ่าวแนะนำให้ใส่เบลเซอร์คู่กับเนคไท เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น แต่หนุ่มๆ หลายคนอาจยังเลือกเนคไทกันไม่ถูก เราจึงมีวิธีการเลือกเนคไทแบบง่ายๆ มาฝาก

– ผู้ชายบางคนอาจถือคติว่าใหญ่ยาวไว้ก่อน แต่คตินี้ใช้ไม่ได้กับการเลือกเนคไทนะจ๊ะ เพราะเนคไทที่ดีไม่ควรยาวเกินหัวเข็มขัดที่คุณใส่ และในทางตรงกันข้ามก็ไม่ควรสั้นจนเหมือนคุณขโมยของหลานมาใส่เช่นกัน

– หมดยุควินเทจที่คุณจะเอาเนคไทเส้นใหญ่ๆ ของคุณพ่อมาใส่แล้ว เพราะเนคไทที่ใส่แล้วดูดีต้องไม่ควรใหญ่เกิน 3 นิ้ว แนะนำให้เลือกเนคไทแบบสลิม เพราะเหมาะกับทุกคนและเข้ากับทุกชุดที่คุณสวมใส่โดยไม่ทำให้คุณเจ้าบ่าวดูแก่จนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังอย่าให้เล็กเกินไปนะ

เบลเซอร์ผู้ชาย

– ควรมีเนคไทติดตู้เสื้อผ้าและสำรองไว้ในรถ อาจจะเป็นเนคไทสีเรียบๆ หรือสีพื้นสักเส้นสองเส้น เพราะง่ายต่อการสวมใส่ในทุกโอกาส เพราะใครจะไปรู้ล่ะว่าวันไหนคุณอาจจะมีนัดประชุมด่วนก็ได้ จริงไหมคะ

– ลองสนุกกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ดูบ้าง ถ้าหากคุณเริ่มเบื่อกับเนคไทสีพื้นๆ ลองปรับเปลี่ยนมาใส่เนคไทที่มีลวดลายหรือสีสันสดใสดูบ้าง แต่ไม่แนะนำให้ใส่เนคไทแบบลายกับเสื้อเชิ้ตที่มีลาย (ยกเว้นว่าคุณจะมีเซ้นส์ทางด้านแฟชั่น ที่สามารถทำให้ทั้งสองอย่างเข้ากันได้) จำไว้ว่า เสื้อสีเรียบๆ กับเนคไทลายมีโอกาสใส่แล้วรอดสูงกว่า

– หลายคนคงคุ้นเคยกับเนคไทแบบไหมถักกันบ้างแล้ว เนคไทลักษณะนี้เป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญที่คุณผู้ชายควรมีติดตัวไว้ เพราะจะทำให้คุณดูดีและทันสมัยขึ้นมาทันทีที่สวมใส่

เบลเซอร์ผู้ชาย

หรือหากหนุ่มๆ คนไหนจะเลือกหยิบลุคนี้ใส่ไปงาน เราว่าสาวๆ ในงานก็คงต้องมองแบบเหลียวหลังแน่นอนเลยทีเดียว

อัพเดทลุคเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวเพิ่มเติม คลิกเลย!

“เจ้าพิธี” บุคคลสำคัญในงานแต่งไทยช่วยรันงานให้เป๊ะไม่มีผิดคิว

เจ้าพิธี ใน งานแต่งไทย คือใคร…มาดูกัน

ใน งานแต่งไทย ที่จัดขึ้นในช่วงเช้าเราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นบุคคลคนหนึ่งที่ทำหน้าที่คล้ายกับพิธีกร และช่วยสร้างบรรยากาศพร้อมรันคิวงานตั้งแต่พิธีเริ่มจนจบ ซึ่งบางครั้งหลายคนก็มักเข้าใจผิดคิดว่าคนนั้นคือพิธีกรของงาน เราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า คุณคิดผิดค่ะ! เพราะคนๆ นั้นมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ‘เจ้าพิธี’ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างจากพิธีกรโดยสิ้นเชิง แต่จะต่างอย่างไร ต้องทำอะไรบ้างนั้น “ร้อยโท วิชัย เมืองนก” เจ้าพิธีมืออาชีพจะมาชี้แจงแถลงไขให้ฟังตามนี้

เจ้าพิธีคือใคร

“เจ้าพิธี” คือคนนําบ่าว-สาวทําพิธีในงานแต่งงาน ซึ่งทําหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับพิธีกรในงาน แต่ต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การพูดคุยสร้างบรรยากาศหรือแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะคนๆ นั้นจะต้องรู้ทุกรายละเอียดในประเพณีแต่งงานตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนควรทำ ไม่ควรทำ หรือการเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในพิธีทุกลำดับขั้นตอน รวมไปถึงสิ่งของต่างๆ ในงานแต่งได้อย่างละเอียดและถูกต้อง

คุณสมบัติพิเศษที่พึงมี

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว เจ้าพิธีที่ดีต้องสามารถบอกความสําคัญของงานเพื่อความภาคภูมิใจของเจ้าภาพและผู้ร่วมพิธีได้ด้วย รวมถึงสามารถตอบข้อสงสัยในรายละเอียดของสิ่งของและพิธีการได้อย่างชัดเจน สิ่งสําคัญคือ ควรมีวาทศิลป์ในการพูดแนะนําสิ่งต่างๆ ให้เจ้าภาพหมดกังวล รวมถึงมีความสามารถในการคุมบรรยากาศงานให้ราบรื่น เพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์อันจะมีผลต่อความรู้สึกของบ่าว-สาวนั่นเอง นอกจากนี้ เจ้าพิธีที่ดีควรมีส่วนร่วมในการกําหนดลําดับพิธีร่วมกับเจ้าภาพด้วยโดยยังคงอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องของประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

ใครเป็นเจ้าพิธีได้บ้าง

ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างเป็นเจ้าพิธีโดยเฉพาะ ซึ่งสนนราคาตลาดตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นอยู่ที่ประสบการณ์และชื่อเสียงของเจ้าพิธีท่านนั้นๆ รวมถึงลักษณะการจ้างงานด้วยเพราะบางคู่จะจ้างเจ้าพิธีเพื่อทําหน้าที่นําพิธีให้บ่าวสาวทําตามเพียงอย่างเดียวในขณะที่บางคู่ก็เลือกจ้างเจ้าพิธีที่สามารถเป็นพิธีกรได้ในคนเดียวกัน ส่วนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงคนรู้จักก็สามารถมาเป็นเจ้าพิธีได้เช่นกันแต่ควรมีคุณสมบัติดังที่กล่าวไว้จะดีที่สุด

จําเป็นต้องมีเจ้าพิธีหรือไม่

ถ้าอยากให้งานเป๊ะถูกต้องทุกสิ่งอย่างและดําเนินพิธีไปอย่างมั่นใจ เจ้าพิธีคือสิ่งที่ควรลงทุนเพราะจะทําให้งานสมบูรณ์ไหลลื่นและเรียบร้อยยิ่งถ้าได้เจ้าพิธีที่มีความสามารถจะยิ่งทําให้งานแต่งของคุณเป็นไปตามที่ต้องการและนํามาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวอย่างแน่นอน

มาถึงตรงนี้ คุณคงได้คําตอบแล้วว่างานแต่งแบบไทยควรมี “เจ้าพิธี” หรือไม่ และควรเลือกคนแบบไหนมานําพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้น

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแต่งไทย >>> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก : ร้อยโท วิชัย เมืองนก
ภาพ : Smallmoonphoto

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว ให้โททัลลุคสวยพร้อมในวันแต่งงาน

เครื่องประดับเจ้าสาว ใส่กี่ชิ้นถึงจะพอดี เลือกแบบไหนถึงจะสวย เรามีคำตอบมาให้แล้ว

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงกำลังกังวลใจ คิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อ เครื่องประดับเจ้าสาว จากร้านไหนมาสวมใส่ในวันงาน ไปถึงร้านก็คำนวณไม่ถูกว่าต้องใช้กี่ชิ้นจึงจะเหมาะ จึงจะสวย และดูดีสมกับวันพิเศษที่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่ใฝ่ฝัน ลองมาดูวิธีที่ทำตามไม่ยากที่แพรว wedding นำมาฝากกันก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมกับคุณที่สุด

คอเจ้าสาว

เครื่องประดับเจ้าสาว

การเลือกแบบของสร้อยคอ นอกจากจะขึ้นอยู่กับรูปร่างแล้ว ที่สำคัญยังขึ้นอยู่กับลักษณะคอและช่วงอกของเจ้าสาวอีกด้วย ถ้าคอสั้นควรใส่สร้อยที่มีจี้ห้อยระย้าลงมา จะช่วยให้เจ้าสาวดูงามระหงมากขึ้น เป็นต้น

ชุดที่เจ้าสาวกำหนด

เครื่องประดับเจ้าสาว

ดูว่าเจ้าสาวเลือกชุดแบบไหนในวันงาน เช่น ถ้าเป็นชุดปิดคอด้วยผ้าลูกไม้ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่อประดับมากมาย อาจเลือกใส่แค่ต่างหูสวยๆ กับสร้อยคอมือหรือกำไลก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นชุดเกาะอกก็ควรใส่สร้อยเพื่อไม่ให้คอโล่งจนเกินไป

หูและทรงผมก็มีเอี่ยว

เครื่องประดับเจ้าสาว

ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเกล้าผมเปิดหน้า จึงควรใส่ต่างหูที่เข้ากับรูปหน้าหรือเข้ากับลักษณะของหู ติ่งหู และการเจาะหูสูงต่ำก็จะเหมาะกับต่างหูที่ต่างกันไป เช่น ติ่งหูใหญ่หนาสามารถใส่ต่างหูคู่ใหญ่ได้ อาจเป็นต่างหูพลอยล้อมเพชรหรือต่างหูรูปทรงเก๋ๆ ใหญ่ๆ ปิดติ่งหูก็ยังได้ แต่ถ้าติ่งหูเล็กบาง อาจเลือกต่างหูแบบที่มีความยาวเลยติ่งหูลงมาสัก 1-2 เซนติเมตร หรือยาวพอดีกับติ่งหูแต่มีเพชรพลอยห้อยตุ้งติ้ง เป็นต้น ถ้าเลือกให้เข้ากันจะช่วยส่งให้ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าสาวเด่นขึ้นไปอีก

ขนาดของเครื่องประดับ

เครื่องประดับเจ้าสาว

ถ้าเลือกใส่ต่างหูใหญ่ระย้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่สร้อยคอ แต่ถ้าอยากใส่แนะนำให้เลือกแบบเรียบๆ เส้นไม่ใหญ่มากจนเกินไป

จำกัดด้วยงบประมาณ

เครื่องประดับเจ้าสาว เครื่องประดับเจ้าสาว

แนะนำให้ลองเลือกเป็นจี้เพชรเล็กๆ ใส่กับสร้อยคอทองคำขาว 18 เค ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันหลังวันงานได้ด้วย หรืออาจจะเป็นชุดเครื่องประดับมุกสีขาวดูเรียบหรูในราคาเบาๆ

ชื่อเสียงของร้านเพชร

เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าเป็นร้านที่ชื่อเสียงดี มีลูกค้าแนะนำต่อเยอะหรือเป็นร้านที่พ่อแม่ใช้บริการ รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราก็ไม่ควรมองข้าม เพราะชื่อเสียงถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยการันตีว่าเข้าร้านนี้ไม่น่าจะผิดหวัง โดยอาจจะเช็กจากสื่อ ถามเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์ซื้อสินค้าจากร้านนี้ และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ลองเข้าไปเลือกดูเลือกชมสินค้าและบริการก่อนที่จะตัดสินใจ

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว >>> 5 เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวล้ำค่าคุ้มราคา

ภาพ pinterest

7 สไตล์ชุดแต่งงาน กับเทคนิคการเลือกแมตช์เครื่องประดับให้เข้ากัน

แมตช์เครื่องประดับเจ้าสาวกับ สไตล์ชุดแต่งงาน ให้รอดไม่ยากอย่างที่คิด

เป็นเจ้าสาวทั้งทีก็ต้องสวยให้ครบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น หน้าผม ชุดแต่งงาน รองเท้าส้นสูง ไปจนกระทั่งเครื่องประดับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความงามให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี แต่..เราจะรู้ได้อย่างไรว่า สไตล์ชุดแต่งงาน ของเรานั้นเหมาะที่จะต้องใส่กับเครื่องประดับแบบไหน มาค่ะ แพรว wedding จะบอกให้ ^^

 

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบเกาะอก แมตช์กับต่างหูแบบแชนเดอเลียยาวระย้า หรือจะเลือกแมตช์กับสร้อยคอประดับจี้ชิ้นเล็กๆ ก็ได้เช่นกัน

 

ชุดแต่งงานแบบคล้องคอ

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานสไตล์คล้องคอ สามารถแมตช์กับสร้อยข้อมือสวยๆ หรือจะเลือกเสริมทรงผมด้วยเฮดพีชเก๋ๆ ก็ได้

 

ชุดแต่งงานแบบคอสูง

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบคอตั้งหรือคอสูง แมตช์กับสร้อยคอมือ และเสริมด้วยต่างหูแบบหมุดเท่านั้นก็เริดแล้ว

 

ชุดแต่งงานแบบคอวี

สไตล์ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแบบคอวี อาจเลือกแมตช์กับโช้กเกอร์เพื่อเสิรมให้ลุคเจ้าสาวดูเก๋ทันสมัย แต่ถ้าหากด้านหลังชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวเป็นแบบวี ก็อาจจะเสริมด้วยสร้อยแบบตัว Y ที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับลุคได้เป็นอย่างดีเช่นกัน