ระดับความยาว กระโปรงเจ้าสาว ที่คนเป็นว่าที่เจ้าสาวต้องรู้ไว้

ชุดเจ้าสาว เป็นชุดที่เต็มไปด้วยดีเทลและรายละเอียดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทรงชุด เนื้อผ้า ลูกไม้ เนคไลน์ หรือแม้กระทั่งระดับความยาวของ กระโปรงเจ้าสาว ก็มีมากมายให้ได้เลือกกันตามความชอบและความเหมาะสม ซึ่งรูปแบบกระโปรงและความยาวก็มีผลต่อความงามโดยรวมของลุคเจ้าสาวขณะเดินเข้างานเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้นก่อนที่สาวๆ จะตัดสินใจเลือกชุดแต่งงานที่มีระดับความยาวของกระโปรงที่หลากหลาย แพรว wedding เลยนำเรื่องที่คนจะเป็นเจ้าสาวควรจะรู้มาฝาก เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ไปคุยกับร้านหรืออย่างน้อยก็ช่วยในเรื่องการหาเรฟเฟอร์เรนซ์ชุดแต่งงานได้นะ

Watteau

ชุดแต่งงานลักษณะนี้มีความพิเศษตรงที่จะมีชายผ้าลากยาวมาจากช่วงไหล่คล้ายชุดเจ้าสาวแบบมีเคป ซึ่งมีความยาวให้เลือกหลากหลายทั้งยาวเสมอชายกระโปรง หรือยาวกว่าชายกระโปรงชุดแต่งงานออกไป เรียกได้ว่าเป็นลุคที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับชุดแต่งงานของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี โดยอาจดีไซน์ให้เป็นส่วนหนึ่งของชุด หรือจะดีไซน์แยกให้ถอดได้ก็เป็นไอเดียที่ดี

Sweep

missstypes.com

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า brush เป็นกระโปรงที่มีความยาวไม่มาก ส่วนมากความยาวของกระโปรงเมื่อวัดจากชายผ้าที่ตกกระทบพื้นจะยาวเกินออกมาประมาณ 1 ฟุตหรือน้อยกว่านั้น (ประมาณ 1 ไม้บรรทัด) เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ลุคชุดแต่งงานที่ดูอ่อนโยนบอบบาง และโรแมนติก

Court

luulla.com

ความยาวของกระโปรงสไตล์นี้เมื่อวัดจากผ้าที่ตกกระทบพื้นจะมีความยาวเกินออกมาประมาณ 2 ฟุต (ประมาณ 2 ไม้บรรทัดหรือ 60 เซนติเมตร) ซึ่งยาวกว่าสไตล์ sweep เล็กน้อยแต่ก็ยังสามารถเดินได้อย่างสะดวกสบาย

Chapel

kleinfeldbridal.com

เป็นระดับความยาวที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวมากที่สุด เป็นระดับความยาว 3-4 ½ ฟุต (ประมาณ 1 – 1.30 เมตร) เมื่อวัดจากรอบเอว

Cathedral

เป็นความยาวของชุดแต่งงานที่เป็นทางการ เมื่อวัดจากขอบเอวจะมีความยาวประมาณ 6-7 ½ ฟุต (ประมาณ 2 เมตร) จึงเป็นลุคที่ช่วยให้ผู้สวมใส่ดูสง่างาม

Monarch

dhgate.com

หรือมักเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า royal เป็นระดับความยาวที่ยาวที่สุดคือ เมื่อวัดจากขอบเอวจะมีความยาวประมาณ 12 ฟุต (ประมาณ 3.50 เมตร) หรือมากกว่านี้

ไม่ว่าระดับความยาวจะแค่ไหน แต่สุดท้ายเจ้าสาวก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับรูปแบบชุด ธีมงาน และที่สำคัญเจ้าสาวต้องเดินได้อย่างสะดวกในความยาวระดับที่เลือกด้วยนะ

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด https://unsplash.com

รวมสารพัดเรื่องสุดน่าเบื่อในงานแต่งงานที่บ่าวสาวรู้แล้วอย่าได้ทำ

โดยปกติแล้ว งานแต่งงาน เป็นงานที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มเยอะที่สุด แต่คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารอยยิ้มนั้นจะอยู่ตลอดทั้งงาน มาดูกันดีกว่าว่าอะไรบ้างที่ทำให้รอยยิ้มของแขกในงานแต่งเหือดหายและกลายเป็นความรู้สึกว่างานแต่งน่าเบื่อ!!

1. บ่าวสาวพูดยาวเกินไป

“สั้น กระชับ นับเฉพาะคนสำคัญ” ดีที่สุด เพราะจากการท่องโลกวิวาห์ของเราที่ผ่านมา มักพบว่าเมื่อไหร่ที่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแบบยาวเวิ่นเว้อ ไล่ตั้งแต่อาเหล่ากงเหล่าม่า ตา ยาย พ่อ แม่ เพื่อน ม.ปลาย เพื่อนมหา’ลัย ไปยันคุณป้าข้างบ้าน แขกในงานจะเริ่มเบื่อและไม่สนใจสิ่งที่คุณพูดบนเวที ทางที่ดีคุณควรคิดเสียแต่เนิ่นๆ ว่าจะขอบคุณใครบ้าง เลือกมาเฉพาะคนสำคัญ หากมีมากกว่า 5 คน แนะนำว่าให้พูดขอบคุณนอกรอบกันตัวต่อตัวจะดีกว่าเนอะ

2. รอประธานนานเกิน

กรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่ารถติดมากมายมหาศาล จึงไม่แปลกที่ประธานอาจมาถึงช้ากว่าเวลาที่นัดหมายไว้ คุณอาจมีประธานไม้สองไว้รองรับกรณีฉุกเฉินหรือมีอะไรมาฆ่าว่าเวลารอสักหน่อย แขกจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องรอนานจนกว่างานจะเริ่ม

3. ประธานมีหลายคน

ยังคงวนเวียนอยู่ในเรื่องของประธานค่ะ เพราะนี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้แขกโคตรเบื่อเลย ยิ่งบางงานมีประธานมากกว่า 2 คน ไม่พอยังพูดหลายภาษาอีก โอ๊ย…ฟังไม่ออกแถมต้องรอนาน ไม่เบื่อก็แปลกแล้ว!

4. คิวรออาหารแสนยาว

สำหรับงานไหนที่จัดเลี้ยงแบบบุฟเฟต์หรือค็อกเทลที่มีซุ้มอาหารให้แขกไปต่อแถวรอทาน คุณจะต้องมั่นใจได้ว่าจะมีอาหารบริการเพียงพอกับแขกทุกคน และพนักงานจะไม่ตักอาหารช้าจนแขกต้องยืนรอแล้วรออีก ถ้าเป็นแบบนี้คงได้ยินคำถามจากแขกว่า “งานเลิกแล้วจะได้กินไหมเนี่ย” อารมณ์บูดเพราะความหิวกันไปอีก

5. ต้องใส่สีนี้เท่านั้น

สมัยนี้ฮิตกำหนดธีมสีเสื้อผ้า หรือที่เรียกว่า Dress Code ให้กับแขกที่จะมางานแต่งเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศงานที่บ่าวสาวเตรียมไว้ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ แขกมากมาย ร้อยพ่อพันแม่จะมาแต่งสีเดียวกันเป๊ะๆ ไม่เพี้ยนเฉดก็คงจะลำบาก เพราะฉะนั้นก็ปล่อยๆ ไปบ้าง ไม่ต้องเป็นสีเดียวกับที่คุณกำหนดตั้งแต่หัวจรดเท้าหรอก

6. ซีเคว้นท์ยืดเยื้อ

เข้าใจค่ะว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ แต่ถ้าจะใส่ซีเคว้นท์มากมายลงไปแขกก็เบื่อได้นะคะ บางงานที่ไปเจอ เดี๋ยวก็เซอร์ไพร้ส์ เอะอะก็เปิดพรีเซนฯ ดูกันไปหาวกันไปไม่จบไม่สิ้น กว่าจะเลิกแขกเบื่อหนีกลับบ้านพอดี คำแนะนำคือ มีเซอร์ไพร้ส์ได้ค่ะ แต่เอาแบบพอดีๆ แล้วแต่ละเซอร์ไพร้ส์ควรสั้น กระชับ เอาแบบเนื้อๆ จะดีงามที่สุด

รู้อย่างนี้แล้วว่าที่บ่าวสาวก็รีบเช็คตัวเองกันนะคะว่างานแต่งที่คุณกำลังจะจัดเข้าข่าย 8 ข้อนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ก็รีบเปลี่ยนซะ คุณจะได้ไม่ถูกนินทาลับหลังว่างานของคุณน่าเบื่อที่สุด!

ดูไอเดียและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูล : brides.com
ภาพ : easywedding.co.uk

ทิปส์จัดงานแต่งงานแบบมีเหล่าสัตว์มาร่วมสร้างสีสันในงานแต่ง

สำหรับคู่บ่าวสาวที่รักสัตว์และอยากจะ จัดงานแต่งงาน แบบมีเพื่อนซี้ขนปุยมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานแต่งงานด้วย ไม่ว่าจะนำมาถ่ายภาพด้วยกันหน้าแบ็คดร็อป หรือจะให้เจ้าสี่ขานำขบวนเข้างานไปเลย หรือบางคู่รักอาจจะอยากสร้างความประทับใจที่ไม่เหมือนใครด้วยการขี่ม้าเข้ามาในงานแต่ง หรือยกฟาร์มแกะมาไว้ในงาน หากคุณเป็นคนรักสัตว์ที่กำลังมีความคิดเหล่านี้อยู่แล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่จำนวนมากเท่าไหร่ก็ตาม มีสิ่งที่บ่าวสาวจะต้องคิดและพิจารณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ

และนี่คือ 7 เคล็ดลับจัดงานแต่งงานที่มีสัตว์ในงานแต่ง ที่จะช่วยให้บ่าวสาวได้วางแผนว่าต้องทำอย่างไรบ้างหากจะนำเหล่าสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมในงานแต่งงานของคุณ

 

  • สถานที่แต่งงานอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปได้

ข้อนี้ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่งงานของบ่าวสาวล้วนๆ ว่าอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปในสถานที่นั้นๆ ได้หรือไม่ บางสถานที่อาจจะอนุญาตให้นำเข้ามาได้แค่บริเวณภายนอกตัวอาคาร แต่ไม่สามารถนำเข้ามาภายในโรงแรมหรือห้องบอลรูม แต่ถ้าหากบ่าวสาวดันได้สถานที่ที่เป็นใจอนุญาตให้นำสัตว์เข้าไปไดด้ ก็ไม่ใช่ว่าจะสบายได้เลยนะ เพราะยังมีสิ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนย้ายสัตว์, เสียงร้องที่อาจจะรบกวนแขกของโรงแรมท่านอื่น, กลิ่นของสัตว์ชนิดต่างๆ, และสิ่งปฏิกูลที่เราไม่สามารถควบคุมได เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องสอบถามเรื่องเหล่านี้กับสถานที่ให้ดีว่า การนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ และใครจะเป็นผู้คอยดูแลสัตว์เหล่านี้

  • พื้นที่ภายในงานเพียงพอสำหรับสัตว์ด้วยหรือไม่

เรื่องนี้สำคัญมากที่บ่าวสาวจะต้องคิดให้ดี หากคุณจะให้แขกที่มางานสามารถพาสัตว์เลี้ยงของพวกเขามาได้ด้วย หรือคุณจะมีม้าแคระ ฟาร์มแกะ หรือกระต่ายตัวน้อย สิ่งที่บ่าวสาวจะต้องพิจารณาก็คือ มีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับพวกเขาหรือไม่ ซึ่งถ้าหากบ่าวสาวเชิญแขกเยอะ และสถานที่แต่งงานก็ค่อนข้างจำกัด ไม่กว้างขวางพอที่จะรองรับพวกสัตว์ทั้งหลาย แบบนี้ก็คงต้องตัดใจไปก่อนเนอะ

  • ผู้ดูแลสัตว์เป็นสิ่งจำเป็น

หากสัตว์ที่บ่าวสาวจะนำมาไว้ในงานแต่งไม่ใช่สัตว์เลี้ยงหรือสัตว์บ้าน แต่เป็นสัตว์ใหญ่อย่าง ม้า ม้าแคระ ลา หรือแกะ สัตว์เหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะลงจากรถแล้วมาอยู่ในงานแต่งคุณได้เลยนะ แต่พวกเขาจะต้องมาพร้อมกับผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญด้านสัตว์นั้นๆ โดยเฉพาะ เช่น รู้อารมณ์และการควบคุมสัตว์ไม่ให้ตื่นคน เป็นต้น

หรือแม้แต่ในกรณีที่บ่าวสาวจะนำสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเองมาร่วมงานแต่ง คุณเองก็ต้องจัดหาผู้ดูแลมาดูแลสัตว์เลี้ยงของคุณเช่นกัน เพราะในวันนั้นไม่ใช่วันที่บ่าวสาวจะต้องมาคอยวุ่นวายดูแลหรือไล่จับเจ้าสัตว์เลี้ยงแสนซนหรอกนะ ฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องจัดหาคนที่คุ้นชินและสัตว์เลี้ยงของคุณไว้ใจ (และบ่าวสาวก็ไว้ใจเขาด้วย) มาช่วยดูแล ไม่ว่าจะให้อาหารหรือพาไปเดินถ้าจำเป็น

  • เรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์ที่จะนำเข้ามา

สัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง อย่างสัตว์ใหญ่ที่คุณจะนำมาใช้งานหรือโชว์นั้น บ่าวสาวจะต้องมั่นใจว่าสัตว์เหล่านั้นได้ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี และไม่ตื่นคน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นมากที่บ่าวสาวจะต้องแจ้งให้กับผู้ดูแลสัตว์ได้ทราบว่า สัตว์เหล่านั้นจะต้องมาทำอะไรในงานแต่งบ้าง เพื่อที่ผู้ดูแลจะได้ฝึกซ้อมสัตว์ของพวกเขาก่อนที่จะนำมาในงานแต่งงานของคุณ

หรือถ้าหากสัตว์เลี้ยงของของคุณไม่เป็นมิตรหรือเข้ากับบุคคลแปลกหน้าได้ยากเราขอแนะนำว่า ให้คุณปล่อยพวกเขาให้นอนเล่นอยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ ดีกว่าจะมานั่งกังวลว่าสัตว์เลี้ยงของคุณจะเป็นอย่างไรในงาน หรือไปทำร้ายแขกหรือเปล่าเนอะ

  • แจ้งแขกที่จะมางานให้ทราบล่วงหน้า

การแจ้งให้แขกที่จะมางานแต่งงานได้ทราบล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะแขกบางคนอาจจะนำหรือไม่นำสัตว์มาร่วมในงานแต่ง หรือหากคุณจะมีการแสดงหรือมีฟาร์มสัตว์เล็กๆ ในงานก็ต้องแจ้งให้แขกได้ทราบล่วงหน้าเช่นกัน ถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่บ่าวสาวอยากจะเซอร์ไพร้ซ์แขกก็ตาม เพราะหากแขกมาเจอเอาหน้างานบางทีอาจจะเซอร์ไพร้ซ์มากกว่า เพราะกลัวหรือมีความทรงจำที่ไม่ดีกับสัตว์เหล่านั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะแจ้งทางการ์ดแต่งงาน, อีการ์ด, หรือใช้บอกให้เพื่อนหรือครอบครัวไปบอกต่อ ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่บ่าวสาวห้ามลืมทำเด็ดขาดนะ

  • ครอบครัวหรือแขกในงานมีอาการภูมิแพ้หรือไม่

หากสัตว์ที่คุณนำเข้ามาในงานไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ใดๆ ก็ถือว่าปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นบ่าวสาวก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจ ทันทีที่บ่าวสาวกระจายข่าวว่าจะมีสัตว์ในงานแต่ง และได้ฟีดแบ็คกลับมาว่าแขกคนใดคนหนึ่งมีอาการแพ้แล้วล่ะก็ บ่าวสาวต้องรีบหาวิธีแก้ไขโดยด่วน เช่น จัดพื้นที่สำหรับสัตว์แยกไว้ที่ด้านนอก หรือมียาสำหรับแก้แพ้หรือผดผื่นสำรองเอาไว้ด้วย เป็นต้น ที่สำคัญอย่าลืมรักษาความสะอาด อาบน้ำ กำจัดเห็บหมัดเหล่าสัตว์มาให้เรียบร้อยก่อนงานแต่งด้วยนะ

  • แจ้งทุกหน่วยงานในงานแต่งงานให้ทราบ

เช่นเดียวกับการแจ้งธีมงานและจำนวนแขกของคุณให้สถานที่จัดงานแต่งงาน และเวดดิ้งแพลเนอร์ได้ทราบ ว่าคุณจะมีสัตว์มาอยู่ในงานแต่งงานของคุณด้วย โดยแจ้งให้ละเอียดว่า มีสัตว์ประเภทไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่ และจะอยู่บริเวณไหนของงาน เพื่อให้ผู้จัดงานได้วางแผนภาพรวมของงานแต่ง และเตรียมแผนการที่จำเป็นเพื่อรองรับเหล่าสัตว์เหล่านั้น เช่น อุปกรณ์สำหรับกำจัดกลิ่นและสิ่งปฏิกูล หรืออาหาร เป็นต้น และอย่าลืมแจ้งช่างภาพงานและช่างวิดีโอในงานแต่งให้ทราบด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดเตรียมความพร้อมและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

สุดท้ายสิ่งที่บ่าวสาวจะต้องระวังก็คือ สัตว์เหล่านั้นที่อยู่ในงานจะไม่ไปทำลายการตกแต่งสวยงามใดๆ ในงานแต่งงานของคุณเอานะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ popsugar.com, pinterest

“น้ำตาล – พิจักขณา” สวยหวานในแฟชั่นชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่จาก Love Concerto

ช่วงนี้แพรวเวดดิ้งเห็นว่านางเอกสาวตาโต น้ำตาล – พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ กำลังอยู่ในโลกสีชมพูกับแฟนหนุ่ม ไผ่ – พาทิศ พิสิฐกุล เพราะขยันโพสรูปอวดความหวานในโซเชียลกันถี่ยิบ เห็นอย่างนี้ก็เลยอดใจไม่ได้ที่จะชวนสาวน้ำตาลมาถ่ายแฟชั่น ชุดแต่งงาน คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดจากร้าน Love Concerto กับชุดแต่งงานหลากสไตล์ที่ทั้งสวยหวาน หรูหรา และเรียบง่ายสไตลิมินิมอล

Love Concerto เป็นร้านที่ให้บริการเรื่องชุดแต่งงานและสตูดิโอถ่ายภาพแต่งงานที่ประสบความสำเร็จและได้รับความไว้วางใจจากคู่บ่าวสาวมายาวนานนับ 10 ปี โดยที่ร้านมีทั้งชุดแต่งงานสากลและชุดไทยหลากหลายรูปแบบให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกสวมใส่ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

จุดเด่นของร้าน Love Concerto คือจำนวนชุดแต่งงานทั้งชุดสากล ชุดไทย และชุดสูทที่มีให้เลือกหลายร้อยชุด เรียงรายอยู่ภายในร้านทั้งหมด 4 ชั้นให้บ่าวสาวได้เลือกกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นชุดสำหรับสวมใส่ในวันแต่งงานหรือชุดสำหรับถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง โดยทางร้านได้ออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานและชุดไทยชุดใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อรองรับกับความต้องการของคู่บ่าวสาวทุกสไตล์ให้มากที่สุด ซึ่งชุดแต่งงานที่ Love Concerto มีราคาหลากหลายระดับให้บ่าวสาวเลือก โดยราคาจะขึ้นอยู่กับแบบชุดและวัสดุที่นำมาตัดเย็บ ซึ่งทุกชุดทางร้านได้เลือกใช้วัสดุอย่างดีในการตัดเย็บ รวมไปถึงการออกแบบที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน

สำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกใช้บริการที่ Love Concerto ทางร้านพร้อมให้บริการอย่างดีที่สุดโดยคำนึงถึงความสบายใจของคู่บ่าวสาวเป็นหลัก ผ่านการพูดคุยในบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง พร้อมทั้งให้เวลาบ่าวสาวได้เดินเลือกชมชุดแต่งงานทั้งหมดที่อยู่ภายในร้าน โดยมีพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำจนกว่าบ่าวสาวจะได้เจอชุดแต่งงานที่ถูกใจ และได้ลองสวมใส่ชุดแต่งงานที่ชอบจริงๆ

และสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังไม่มีแบบชุดแต่งงานในใจ ลองมาดูแฟชั่นสวยๆ ของ น้ำตาล – พิจักขณา กับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่ของ Love Concerto เซตนี้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าสาวที่ต้องการดูเป็นตัวของตัวเอง สดใส และเปล่งประกายในวันแต่งงาน โดยเน้นดีไซน์ชุดที่มีรูปทรงอันสวยงามเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งงานสไตล์มินิมอลที่สวยหวานมีดีเทลเฉพาะตัว หรือชุดอื่นๆ ที่มีดีเทลของเนื้อผ้าและลูกไม้แลดูหรูหราเพื่อสร้างออร่าให้เจ้าสาวดูเฉิดฉายมากขึ้นในวันสำคัญ รับรองว่าไม่ว่าจะใส่ชุดไหนเจ้าสาวก็สวยว้าวทุกชุดแน่นอน

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto
ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Love Concerto

ดูแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ จากร้าน Love Concerto เพิ่มเติม คลิกเลย!

เครดิต : ร้าน Love Concerto
โทร. 09-7963-9988, 09-2417-9994
ไลน์ : @loveconcerto
เฟซบุ๊ก : facebook.com/loveconcerto/
ไอจี : love_concerto_
เว็บไซต์ : www.loveconcerto.net

ทำไงดี เมื่อลิสต์แขกยาวเป็นหางว่าวแต่งบประมาณเท่าหางอึ่ง!

สิ่งที่น่าปวดหัวไม่ใช่น้อยสำหรับการเตรียมงานแต่งก็คงไม่พ้นเรื่องรายชื่อแขกที่จะเชิญ ไหนจะญาติเจ้าสาว ญาติเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว บางทีขยายวงกว้างไปถึงเพื่อนของพ่อ เพื่อนของแม่ และอีกมากมายหลายคนจนแทบกุมขมับ งานนี้ถ้าเงินหนาปัญหาก็คงแก้ไม่ยาก แต่สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่มี งบประมาณ และสถานที่จำกัด เรามี 5 ข้อง่ายๆ มาเป็นตัวช่วยในการคัดกรองรายชื่อแขกว่าใครที่คุณควรจะส่งการ์ดเชิญ และใครที่อาจจะต้องนั่งดูรูปผ่านเฟซบุ๊กเท่านั้น

ข้อที่ 1 : ลิสต์รายชื่อแขกที่ต้องเชิญ

อันดับแรกคุณควรลิสต์รายชื่อแขกที่จำเป็นต้องเชิญมาก่อน อาจจะเป็นแขกผู้ใหญ่คนสำคัญและคนสนิทใกล้ชิด จากนั้นค่อยขยับวงกว้างออกไป ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้คุณรู้จำนวนแขกที่แน่นอน แต่อย่าลืมคำนึงถึงงบประมาณและพื้นที่ของสถานที่จัดงานด้วยว่าสามารถรองรับแขกได้เต็มที่กี่คน อย่างเช่น ถ้าสถานที่สามารถรองรับได้ 120 คน ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะลิสต์รายชื่อแขกจนถึง 150 คน จริงไหม?

ข้อที่ 2 : เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ?

ถ้ารายชื่อแขกเกินจำนวนที่สามารถรองรับได้ ลองถามคำถามนี้กับตัวคุณเองซิว่า “คุณและเขาได้เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?” ไม่นับรวมการพบเห็นผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์นะ หากว่าไม่ใช่คนสนิทชิดเชื้อกันจริงๆ อีกทั้งยังห่างหายจากวงโคจรของคุณไปนานกว่า 6 เดือน คุณสามารถตัดรายชื่อพวกเขาเหล่านั้นออกไปได้เลย

ข้อที่ 3 : คู่ของคุณรู้จักคนนั้นหรือไม่?

หากว่าบางรายชื่อที่คุณเองก็ยังลังเลว่าจะเชิญดีไหม เช่น เพื่อนจากที่ทำงานเก่า หรือเพื่อนเก่าที่เรียนด้วยกันสมัยมหาวิทยาลัย คุณลองหันไปถามคนข้างๆ สักนิดว่า “เธอรู้จักคนนี้ไหม?” หรือ “เธอสนิทกับคนนั้นหรือเปล่า?” ถ้าคำตอบออกมาเป็นการส่ายหน้าซ้ายขวาแล้วล่ะก็ คัดชื่อคนเหล่านั้นออกจากการ์ดเชิญไปเลยเถอะ

ข้อที่ 4 : แขกคนนั้นเขารู้จักกับใครบ้าง

ลำพังให้เรารู้จักเขา เขารู้จักเราอย่างเดียวคงไม่พอ งานนี้ถ้าปล่อยให้มาเดี่ยวๆ คนเดียวแบบไม่รู้จักใครเลย เขาอาจเกิดอาการเบื่อๆ เหงาๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตัดรายชื่อเขาออกเถอะค่ะ อย่าให้เขาต้องมารู้สึกโดดเดี่ยวภายในงานเลย

ข้อที่ 5 : มองมุมกลับ ปรับมุมมอง

ข้อสุดท้ายถือเป็นข้อสำคัญเชียวนะคะ ลองคิดดูสิว่าถ้าในอนาคตแขกคนนั้นแต่งงาน คุณจะเป็นหนึ่งในรายชื่อที่เขาจะเชิญไปร่วมยินดีในงานมงคลหรือไม่ ถ้าคิดแล้วว่าอาจไม่ได้เทียบเชิญจากเขา จะตัดรายชื่อเขาออกก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร ฟังดูแล้วอาจเหมือนเป็นคนใจแคบ แต่นี่ก็เป็นตัววัดและเป็นตัวช่วยตัดสินใจที่ดีทีเดียว

อ่าน 5 ข้อนี้แล้วก็ได้แต่หวังว่าบ่าวสาวที่กำลังหนักใจกับรายชื่อแขกที่ยาวเป็นหางว่าว จะสามารถตัดสินใจได้ว่า “ใครจะได้เข้ารอบ” และ “ใครจะต้องตกรอบ” ในงานวิวาห์ของคุณครั้งนี้ ฟังดูแล้วเหมือนเรียลลิตี้โชว์เลยเนอะ อิอิ!

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูล : www.weddingandweddingflowers.co.uk
ภาพ : www. Eliteweddinglooks.com

9 เคล็ดลับให้ว่าที่เจ้าสาวได้ชุดเจ้าสาวดั่งใจในวันแต่งงานไม่ใช่เรื่องยาก

หลังจากที่สาวๆ โดนเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงาน แพรว wedding เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคือชุดเจ้าสาวสีขาวสวยๆ คิดได้แค่นั้นแล้วก็ไปต่อไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ซื้อ ชุดเจ้าสาว จากไหน ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ และที่สำคัญคือ ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ มีอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องรู้ก่อนเดินเข้าร้านชุดเจ้าสาวบ้าง เดี๋ยววันนี้ได้รู้กัน

1. กำหนดงบสำหรับชุดเจ้าสาว

ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าให้ “กำหนดงบ” ที่คุณจะใช้ไปกับชุดเจ้าสาวเสียแต่เนิ่นๆ โดยดูจากงบประมาณงานแต่งทั้งหมดที่คุณมี แนะนำว่างบประมาณสำหรับซื้อชุดเจ้าสาวควรจะสัก 10% ของจำนวนเงินทั้งหมด แต่ถ้าใครคิดว่า 10% อาจไม่พอ อยากสวยเริดอลังการเพราะเป็นงานครั้งหนึ่งในชีวิต ก็ลองแบ่งสรรปันเงินจากงบส่วนอื่นๆ มาโป๊ะก็ได้ การทำแบบนี้จะช่วยให้งบประมาณสำหรับชุดเจ้าสาวและงานแต่งของคุณไม่บานปลายนะจ๊ะ

2. เตรียมตัวเสียแต่เนิ่นๆ

ทันทีที่แฟนหนุ่มคุกเข่าสวมแหวนเข้านิ้วนางข้างซ้าย ขอแนะนำว่าให้รีบหาฤกษ์หายามอย่างเร็วที่สุด แล้วดูซิว่าคุณเหลือเวลาสำหรับเตรียมตัวเท่าไหร่ ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมและคุณจะสามารถเตรียมตัวได้อย่างสบายๆ ไม่เร่งรีบจนเกินไปก็ควรจะเป็น 6 เดือนถึง 1 ปี เพราะดีไซเนอร์ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนในการเสกชุดเจ้าสาวให้สวยตามที่คุณต้องการ แถมตัวคุณเองก็ต้องจัดตารางเวลาสำหรับไปลองชุดอย่างน้อยๆ 3 ครั้ง เพื่อความเป๊ะปังของตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นจัดสรรเวลาให้ดีๆ นะคะ

3. หาแบบ หาร้าน อ่านรีวิว

ก่อนที่คุณจะออกไปเดินต๊อกแต๊กหาร้านชุดเจ้าสาว ถ้าไม่อยากเหนื่อยแบบไร้ประโยชน์ แนะนำว่าท่องโลกอินเตอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์เพื่อดูแบบชุดเจ้าสาวที่คุณชอบและอยากจะใส่เสียก่อน ถูกใจชุดสไตล์ไหนก็เซฟรูปเก็บไว้เป็นตัวอย่าง จากนั้นก็มองหาร้านชุดเจ้าสาวและอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจเลือกร้านด้วย ถ้าขยันขึ้นมาอีกนิดแนะนำว่าให้หาความรู้เกี่ยวกับผ้าที่ใช้ตัดชุดเจ้าสาวสักนิดว่าผ้าแต่ละแบบให้ผิวสัมผัสอย่างไร เอาไว้เป็นความรู้ติดตัวตอนไปคุยกับดีไซเนอร์ อ่อ! ที่สำคัญอย่าลืมหาแบบหน้าและทรงผม รวมถึงช่างหน้าช่างผมไว้ด้วย

4. จัดการนัดหมายกับร้านชุดที่คุณต้องการ

หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกซื้อชุดเจ้าสาวจากร้านไหน ต่อไปก็เป็นการนัดแนะกับทางร้าน สิ่งสำคัญที่ฮีบินอยากเตือนก็คือ อย่าเดินดุ่มๆ เข้าร้านไปเลย  ควรหาเบอร์ของร้านนั้นๆ และ โทรนัดหมายกับทางร้านไว้ก่อน ว่าคุณสะดวกเมื่อไหร่และดีไซเนอร์ว่างตรงกันกับคุณหรือไม่ อย่างน้อยก็ควรจะโทรไปนัดกับทางร้านล่วงหน้าสัก 2 อาทิตย์ อย่าลืมเช็คเวลาให้บริการของร้านด้วยว่าเปิดกี่โมงปิดกี่โมง ไม่ใช่อยู่ๆ โทรไปตอน 3-4 ทุ่ม แบบนี้เสียมารยาท!

5. ไม่ต้องพาคนไปด้วยเยอะ

วลีที่ว่า “มากคนก็มากความ” เป็นความจริงเสมอค่ะ อยากจะบอกว่าพาไปเฉพาะคนที่สำคัญจริงๆ สัก 1-2 คน ขอร้องว่าอย่าเกิน 3 ถ้าคุณไม่อยากปวดหัว คนที่จะพาไปด้วยอาจเป็นว่าที่เจ้าบ่าว คุณแม่ หรือเพื่อนเจ้าสาวสักคนก็ได้ จำไว้ว่าให้เขาไปช่วยดู ช่วยออกความเห็น แต่อย่าให้เขาครอบงำความคิดคุณจนคุณไม่ได้ชุดที่ต้องการ

6. สวย ไม่สวย ต้องลองก่อน

ว่าที่เจ้าสาวบางคนตัดสินว่าชุดๆ นั้นไม่สวยและดูเหมือนถุงกระดาษเพียงเพราะแค่เห็นมันอยู่บนไม้แขวน หยุดค่ะ! อย่าคิดแบบนั้นจนกว่าคุณจะได้ลองมันบนเรือนร่างของคุณ เพราะบางทีมันอาจจะเป็นชุดที่คุณใส่แล้วสวยที่สุดก็ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าดีไซเนอร์หรือใครก็ตามบอกว่าชุดนี้สวย เหมาะกับคุณสุดๆ แต่คุณใส่แล้วไม่ชอบ ใส่แล้วไม่มั่นใจก็อย่าฝืนทำตามคำพูดเหล่านั้น คุณสามารถปฏิเสธชุดนั้นได้เช่นกัน

7. อ่านราคาและรายละเอียดการจองให้ดี

สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ว่าที่เจ้าสาวจะต้องโฟกัสก็คือ รายละเอียดราคาชุดและการจอง ดูให้แน่ใจว่าราคาชุดตรงตามที่ตกลงกันหรือไม่ สี ไซส์ สไตล์ใช่แบบที่ได้คุยกันหรือเปล่า และอย่าลืมเรื่องของค่ามัดจำด้วยว่าคุณจะต้องจ่ายมัดจำเท่าไหร่ เรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้ต้องให้เคลียร์อย่าคลุมเครือนะคะ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาทีหลัง

8. ตอนลองชุดต้องขยับเยอะๆ

เวลาที่คุณลองชุดเจ้าสาวแนะนำว่าอย่ายืนนิ่งๆ เป็นหินแกรนิตหน้ากระจกนะคะ จงหมุนซ้าย หมุนขวา เดินหน้า ถอยหลัง เดินรอบร้าน (แต่อย่าเดินออกจากร้านนะ) จนกว่าคุณจะมั่นใจว่าชุดเจ้าสาวที่คุณใส่มันพอดีกับคุณจริงๆ ไม่อึดอัด ไม่รัดแน่นจนเกินไป และที่สำคัญคือ เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ลุกนั่งสบาย เพราะในวันแต่งงานคุณจะไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ แน่นอน

9. จะใส่ชุดกระชับสัดส่วนหรือเปล่า?

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนอาจไม่ได้มีรูปร่างเป๊ะปังกระชับตึงไปทั้งหมด ดังนั้นจึงมักหาตัวช่วยเป็นชุดกระชับสัดส่วนมาใส่ให้ตัวเองดูเฟิร์มและมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน และเมื่อคุณใส่ชุดกระชับสัดส่วนขนาดของร่างกายคุณจะเล็กกว่าตอนที่ไม่ได้ใส่หลายนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าคุณตัดสินใจว่าจะใส่ชุดกระชับสัดส่วนในวันแต่งงาน คุณจะต้องใส่มันทุกครั้งที่ลองชุดเจ้าสาว อย่ามาใส่แบบทันทีทันใดในวันแต่งจริงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชุดหลวมกว่าตอนซ้อมจะแก้ไขกันลำบาก เสียเวลาต้องมาเย็บเข้าแบบสดๆ กันอีก

เห็นกันแล้วใช่ไหมคะว่าการเลือกซื้อชุดเจ้าสาวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังกังวลและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถนำ 9 ข้อนี้ไปใช้กันได้เลยจ้า

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดเจ้าสาวเพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย!

ข้อมูล : www.marthastewartweddings.com
ภาพ : www.druggarmemes.com, www.marthastewartweddings.com

เช็คเลย ทรงผมเจ้าสาวแบบไหนที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวแต่ละราศี

ทรงผมเจ้าสาว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เจ้าสาวให้ความสำคัญและมักจะมีทรงที่อยากทำอยู่ในใจ ซึ่งเจ้าสาวจะต้องพิถีพิถันในการเลือกเพื่อให้ลุคของเราออกมาดูดี ที่สำคัญคุณคงไม่อยากรู้สึกขำตัวเองเมื่อเวลาผ่านไปสักสิบปีแล้วเอารูปถ่ายในวันแต่งงานมาดู แต่พอได้หาแบบทรงผมที่มีอยู่มากมายบางครั้งก็ทำให้ว่าที่เจ้าสาวไขว้เขว้ไม่รู้จะเลือกทรงไหนดี จะปล่อยยาว จะมวยแบบหลวมๆ หรือจะทำทรงที่สลับซับซ้อนขึ้นมาหน่อยจะได้ดูไม่เหมือนใคร แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ลองให้ราศีของว่าที่เจ้าสาวเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยตัดสินใจในการตัดสินใจดีไหมคะ

ราศีเมษ

บุคลิกของสาวราศีเมษคือนักผจญภัย เพราะฉะนั้นจึงมักมีสไตล์ที่ไม่ต้องการความเป็นทางการมาก อย่างเช่น ทรงผมแบบสลีกที่ดูทะมัดทะแมง หรือถ้าหากกลัวว่าจะไม่หวานสมเป็นเจ้าสาวก็อาจเลือกประดับกิ๊บหรือเครื่องประดับเพชรให้เข้ากับทรงผมก็ได้เช่นกัน

ราศีพฤษภ

สาวๆ ราศีนี้ชอบความหรูหราที่ดูเย้ายวน แต่ขณะเดียวกันก็ชอบอะไรที่ดูสบายๆ ด้วย เพราะฉะนั้นทรงผมสำหรับสาวราศีนี้จะต้องดูสวยงามแบบหลวมๆ ไม่ต้องเกล้าให้เรียบเป๊ะแต่ต้องไม่ยุ่งเหยิงจนเกินไป แนะนำให้เพิ่มดอกไม้หรือกิ๊บติดผมดีไซน์เก๋ๆ สักอัน

ราศีเมถุน

สาวๆ ราศีนี้ชอบสีสันและรักความสนุกสนาน เป็นคนที่เป็นกันเองมากๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากเห็นเจ้าสาวราศีนี้เดินพูดคุยกับแขกอย่างเป็นกันเองทั่วทั้งงาน และด้วยสัญลักษณ์คนคู่ที่ดูเหมือนว่าคุณเป็นคนมีสองบุคลิกหรือมีสองด้านในตัว นั่นจึงทำให้สาวๆ ราศีนี้สามารถทำผมได้หลากหลายทรง ไม่ว่าจะผมบ๊อบสั้น, ผมยาว หรือทรงผมสลีกสุดเท่

ราศีกรกฎ

สาวๆ ที่ยึดขนบธรรมเนียมประเพณี มีความเป็นผู้หญิงในตัวสูงมาก และเป็นคนโรแมนติก จึงเหมาะกับสไตล์ที่มีความย้อนยุควินเทจ อย่างเช่น ทรงผมคลาสสิคสไตล์โอลด์-ฮอลลีวู้ด ซึ่งเป็นสไตล์ที่อมตะและคลาสสิคเหลือเกิน

ราศีสิงห์

สาวๆ ราศีนี้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และกล้าหาญทำทุกอย่างสุดๆ เรียกได้ว่าเหมือนมีวิญญาณของเจ้าป่าสิงอยู่ก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นทรงผมของสาวราศีนี้จึงต้องมีความอลังการ เช่น การดัดผมลอนแบบเปิดหน้าที่ช่วยเผยเสน่ห์และความมั่นใจของคุณออกมาได้แบบสุดๆ

ราศีกันต์

สาวเพอร์เฟกต์ชั่นนิสตัวแม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็รักความสมบูรณ์แบบที่มีความเรียบง่าย และมีความพิถีพิถันในเรื่องรูปร่างหน้าตา เพราะฉะนั้นทรงผมที่เหมาะสำหรับสาวๆ ราศีนี้คือความเป๊ะ อาจเป็นทรงผมหางม้าแบบมัดสูงเรียบเป๊ะไปเลย

เวลเจ้าสาว 101 คอร์สเร่งรัดเรื่องเวลแต่งงานที่เจ้าสาวต้องรู้

ส่วนมากชุดแต่งงานในฝันมักจะมี เวลเจ้าสาว พ่วงมาด้วย เพราะเป็นแอสเซสซอรี่ที่ช่วยเสริมความสง่างามให้กับชุดแต่งงานและเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งเวลเจ้าสาวก็มีให้เลือกหลายแบบ หลายสไตล์ และหลายระดับความยาว แพรว wedding เลยขอชวนว่าที่เจ้าสาวมาเข้าคอร์สเรียนรู้เรื่องเวลเจ้าสาวแบบง่ายๆ ก่อนที่จะไปเลือกเวลแต่งงานให้เข้ากับชุดของเจ้าสาวกัน

เพราะฉะนั้นหากว่าที่เจ้าสาวยังไม่รู้ว่าจะเลือกเวลแบบไหน แพรว wedding ได้รวบรวมเวลเจ้าสาวแบบต่างๆ และระดับความยาวมาให้แล้ว

Bird Cage Wedding Veil : ความยาว 4-9 นิ้ว

เวลแบบสั้นที่มีความยาวปิดดวงตา ความยาวอยู่ที่ประมาณระดับจมูกไล้ลงมาถึงบริเวณกราม มักทำจากผ้าตาข่ายหรือลูกไม้ ซึ่งเวลลักษณะนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า bandeau veil

Blusher Wedding Veil : ความยาว 30 นิ้ว

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า angle veil หรือ wedge veil เป็นเวลเจ้าสาวที่ให้ลุคย้อนยุคดูวินเทจและกึ่งทางการเล็กน้อย เป็นเวลเจ้าสาวแบบปิดหน้าที่มีความยาวลงมาถึงบริเวณส่วนบนสุดของชุดแต่งงาน

Shoulder-Length Wedding Veil : ความยาว 20-22 นิ้ว

ความยาวของเวลระดับนี้ คือยาวระดับบริเวณไหล่ของเจ้าสาว และเป็นสไตล์เวลเจ้าสาวที่ให้ลุคแบบทางการและค่อนข้างเป็นที่นิยมเพราะระดับความยาวของเวลไม่ไปกวนดีเทลต่างๆ ของชุดแต่งงานนั่นเอง

Elbow Wedding Veil : ความยาว 32 นิ้ว

เวลเจ้าสาวที่มีระดับความยาวถึงศอกนี้ เป็นเวลสำหรับว่าที่เจ้าสาวหัวอนุรักษ์นิยมที่อยากได้ลุคหรูหรา ซึ่งผ้าคลุมสไตล์นี้จะยาวผ่านไหล่ของเจ้าสาวลงมาถึงข้อศอกพอดี

Fingertip Wedding Veil : ความยาว 38-40 นิ้ว

เป็นเวลที่ปลายเวลเจ้าสาวจะยาวถึงระดับสะโพกพอดี และเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวเป็นจำนวนมาก และมักจะทำมาจากผ้าโปร่งผืนบางเพื่อให้มองเห็นดีเทลที่ด้านหลังของชุดเจ้าสาวได้อย่างชัดเจน

Knee-Length Veil : ความยาว 48 นิ้ว

เวลเจ้าสาวระดับนี้จะช่วยให้เจ้าสาวดูสง่างามชวนฝันโดยไม่รู้สึกหนักหรือเกะกะแต่อย่างใด ซึ่งความยาวของเวลระดับนี้จะอยู่ที่ประมาณเหนือหรือยาวกว่าหัวเข่าเล็กน้อยก็ได้ เพราะระดับความยาวที่สวยงามต้องดูให้เหมาะสมกับความสูงของเจ้าสาวด้วยนั่นเอง

Waltz Wedding Veil : ความยาว 60 นิ้ว

หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ballet veil เวลที่มีความยาวถึงระดับกลางน่อง เหมาะสำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อยากสวมเวลยาวแบบไม่เกะกะและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับใส่ในพิธีการฉลองเพื่อให้เจ้าสาวดูสวยแกรนด์

Floor-Length Wedding Veil : ความยาว 72 นิ้ว

เวลเจ้าสาวที่มีความยาวถึงพื้น และต้องแมตช์ให้เข้ากับความยาวของชุดเจ้าสาวด้วยถึงจะสวย แนะนำให้เลือกผ้าเวลที่มีความอ่อนนุ่มพลิ้วไหวจะช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูสง่างามในเวลระดับนี้มากขึ้น และเหมาะที่จะสวมกับชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ หรือชุดแต่งงานแบบเข้ารูป

Chapel Wedding Veil : ความยาว 90 นิ้ว

ถึงแม้จะเป็นเวลที่ยาวมากแต่เจ้าสาวก็ยังสามารถเคลื่อนไหวและเดินเข้างานได้อย่างสะดวก และคีย์หลักของเวลสไตล์นี้คือ จะต้องมีความยาวที่เกินออกมาจากความยาวของกระโปรงเจ้าสาวด้วย

Cathedral Wedding Veil : ความยาว 108-120 นิ้ว

เป็นเวลที่มีความยาวที่สุด เหมาะสำหรับการสวมในช่วงเดินเข้างานหรือเดินเข้าโบสถ์มากๆ

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ pinterest, pexels.com

ห้ามพลาด! ซ่อนรองเท้าเจ้าบ่าวไว้เรียกค่าไถ่กิมมิกสุดน่ารักในพิธีแต่งงานไทย

เคยได้ยินพิธีซ่อน รองเท้าเจ้าบ่าว ไหม? ถ้าไม่…มาใกล้ๆ เราจะบอกให้ฟัง

พิธีแต่งงาน ไทยมีมากมายหลายขั้นตอน หลายคนอาจคิดว่าช่วงเวลาสนุกสนานมีอยู่เพียงแค่ตอนต่อรองประตูเงินประตูทองเท่านั้น แต่ความจริงแล้วยังมีช่วงเวลาสนุกเล็กๆ น้อยๆ อย่างประเพณีการซ่อน รองเท้าเจ้าบ่าว ที่แขกหลายคนต่างรอคอย

อันว่าการซ่อนรองเท้าเจ้าบ่าว เป็นประเพณีที่ทำกันมานานแล้ว ครั้งหนึ่งฮีบินก็เคยไปจดๆ จ้องๆ รอคว้ารองเท้าลุงเขยเหมือนกัน เคล็ดลับการฉวยรองเท้าเจ้าบ่าวก็ทำได้ง่ายๆ คือ เมื่อไหร่ที่เจ้าบ่าวเตรียมตัวจะถอดรองเท้าขึ้นเรือนเจ้าสาว สายตาหลากหลายคู่ก็จะจับไปที่รองเท้าคู่งาม พอเท้าพ้นจากรองเท้าปุ๊บ มือไม้หลายข้างก็จะฉวยเอาไปในทันที บางคนมือไวก็ได้ไปทั้งสองข้าง บางครั้งอาจจะแบ่งกันไปคนละข้าง สุดท้าย ก็เอาไปซ่อนรอให้ถึงเวลาเจ้าบ่าวลงจากเรือน

เมื่อถึงเวลาที่บ่าวสาวจะต้องลงจากเรือนมาพบปะแขกเหรื่อ ทีนี้แหละค่ะ ใครมือดีคว้ารองเท้าได้ไป ก็จะเริ่มปรากฏตัวเรียกค่าไถ่ โดยมีรองเท้าเป็นตัวประกัน ซึ่งส่วนมากก็จะอิดออดขอค่าไถ่เยอะๆ แต่อย่าเพิ่งผลีผลาม หรือยอมคืนให้ง่ายๆ นะคะ บางคนได้เงินอย่างเดียวแล้วพอ บางคนได้เหล้าอย่างเดียว แต่บางคนได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเหล้า แบบนี้ก็อยู่ที่เทคนิคการต่อรองของใครของมันแล้วเน้อ

ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวก็อย่าเพิ่งนอยด์ไปว่า จะต้องเสียเงินเสียเหล้ามากมายกว่าที่ได้เตรียมไว้ วิธีแก้เผ็ดดักทางยังพอจะมีอยู่บ้าง โดยให้สังเกตว่า ผู้ที่เอารองเท้าไปซ่อนนั้น เป็นชาย หรือ เป็นหญิง หากว่าเป็นหญิง ฮีบินขอแนะนำว่า ให้เจ้าบ่าวส่งเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อๆ สักคนไปขอคืน (จริงๆ) รับรองว่า ได้คืนมาไม่ยาก แต่หากว่าคนที่เอารองเท้าไปซ่อนเป็นผู้ชาย คุณเจ้าบ่าวก็อาจจะส่งญาติพี่น้อง หรือ ทาบทามเพื่อนเจ้าสาวสวยๆ สักคนไปขอคืนก็ได้เช่นกัน หรือถ้าผู้ที่ได้รองเท้าไปเป็นผู้หลักผู้ใหญ่

บอกกันมาขนาดนี้แล้ว ใครที่กำลังจะเป็นเพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว หรือได้รับเชิญไปงานแต่งงานก็เล็งรองเท้าเจ้าบ่าวคู่งามไว้ให้ดีนะจ๊ะ ถอดออกมาเมื่อไหร่ จะได้ไปคว้ามาซ่อนไว้เป็นตัวประกัน เรียกค่าไถ่แบบพอหอมปากหอมคอ ถือซะว่าเล่นสนุกๆ สร้างบรรยากาศครื้นเครงและรอยยิ้มก็แล้วกันนะ

เซฟไปได้เราไม่หวง >>> แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

เรียงลำดับอาวุโสและคนสำคัญงานแต่งในงานแต่งแบบนี้ไม่โดนเม้าท์

คนสำคัญงานแต่ง ที่บ่าวสาวต้องใส่ใจมีใครบ้าง มาดูกัน

อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่างานแต่ ไม่ว่าจะไทยหรือจีนก็มักจะให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวและผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่าย คราวนี้เลยมีคนถามเข้ามาหลังไมค์กับเราบ่อยๆ ว่า จะเรียงลำดับญาติแต่ละคนอย่างไร ทั้งพิธีรดน้ำสังข์ พิธีรับไหว้ พิธียกน้ำชา ฯลฯ ใครที่ญาติเยอะก็อาจจะปวดหัวสักหน่อย แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มีอะไรยากเลย แพรว wedding จะแนะนำวิธีเรียงลำดับญาติให้ไปเลือกใช้กัน แถมด้วย คนสำคัญงานแต่ง ที่บ่าวสาวต้องใส่ใจ

18-23
วิธีที่ 1 : แบ่งตามความอาวุโส

วิธีนี้เราอยากให้ทั้งสองครอบครัวปรึกษากันดูว่า ใครที่มีอายุและมีความอาวุโสมากที่สุด ซึ่งผู้ที่มีอายุมากที่สุดในงานอาจเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชายก็ได้ ให้เริ่มจากคนๆ นั้น อย่างเช่น คุณยายทวด คุณตาทวด (ถ้ายังอยู่) แล้วค่อยไล่ลงมาเรื่อยๆ ถึงคุณตา คุณยาย พ่อ แม่ และญาติคนอื่นๆ ตามลำดับอาวุโส และอาจจะสลับไปมาระหว่างคนจากฝั่งเจ้าบ่าวและฝั่งเจ้าสาวตามความเหมาะสม

IMG_0349
วิธีที่ 2 : แบ่งกันทีละครอบครัว

ในกรณีทั้งฝ่ายเจ้าสาวและฝ่ายเจ้าบ่าวอาจต้องตกลงกันเองว่าจะให้ครอบครัวของฝั่งใครเป็นคนเริ่มพิธีก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วตามประเพณีทั้งไทยและจีนมักจะให้เริ่มจากครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าว เพราะโบราณถือว่าผู้ชายคือผู้นำครอบครัว เมื่อครบทั้งครอบครัวเจ้าบ่าวแล้วจึงตามด้วยครอบครัวของเจ้าสาว แต่ในปัจจุบันหลายคนอาจให้เกียรติเจ้าสาวโดยการเริ่มพิธีด้วยคนฝ่ายเจ้าสาวก่อน และแน่นอนว่ายังต้องเรียงลำดับความอาวุโสของคนในครอบครัวด้วย

สำหรับงานของใครที่มีประธาน ไม่ว่าจะหนึ่งคนหรือสองคนที่แบ่งเป็นประธานฝ่ายเจ้าสาวและประธานฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนใหญ่มักจะให้ประธานของงานเริ่มต้นพิธี หรืออาจจะเรียงลำดับต่อจากคุณตา คุณยายก็ได้ แล้วจึงตามด้วยประธาน และพ่อแม่ จากนั้นค่อยไล่เรียงบุคคลในครอบครัว พี่น้อง และเพื่อนฝูงตามลำดับ

จริงๆ แล้วเรื่องลำดับความสำคัญของบุคคลในงานแต่งไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ให้ทั้งสองครอบครัวตกลงกันว่าจะเริ่มจากใครและเริ่มอย่างไร มีใครที่คนในครอบครัวและบ่าวสาวเคารพมากเป็นพิเศษ ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติมิตรก็สามารถจัดลำดับให้มาอยู่เป็นคนแรกๆ ได้เช่นกัน

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่บ่าวสาวต้องรู้นะ >>> กฎข้อเดียวจำไม่ยาก บุคคนเหล่านี้รดน้ำสังข์ได้

ภาพ : nalitaiss.studios

มีเวดดิ้งแพลนเนอร์ไว้อุ่นใจกว่า.. จริงหรือ? ไปดูกันเลย

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่อาจกำลังคิดหนักถึงเรื่องการจ้าง เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือนักวางแผนการแต่งงานว่าจำเป็นหรือไม่สำหรับการจัดงานแต่งงานของตัวเอง ใจหนึ่งก็คิดว่าอยากจัดการเองและคิดว่าเอาอยู่ ส่วนอีกใจหนึ่งก็ยังกังวลว่าจะมีอะไรตกหล่นหากไม่มีมืออาชีพคอยช่วยเหลือ เอาเป็นว่า แพรว wedding ขอแนะนำให้คุณเช็คจากลิสต์นี้ดูก่อน หากพบว่าคุณต้องการ 3 สิ่งนี้เป็นอย่างยิ่งสำหรับงานแต่งของตัวเอง การตกลงปลงใจจ้างเวดดิ้ง แพลนเนอร์อาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณจริงๆแล้วล่ะค่ะ 😉 

ช่วยคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย

เวดดิ้ง แพลนเนอร์

เรื่องเงินอาจเป็นปัญหาสำคัญสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการจ่ายเงินก้อนโตไปสำหรับการเตรียมงานแต่งงาน การที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอาจเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก ซึ่งสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจลองมองหาเวดดิ้ง แพลนเนอร์ที่รับงานเป็นรายวันหรือมีค่าจ้างอยู่ในงบประมาณที่สามารถจ่ายได้

เวดดิ้ง แพลนเนอร์มีความสำคัญในเรื่องช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านที่สามารถช่วยเจรจาต่อรองว่าจ้างบุคคลในด้านอื่นๆ ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับงานแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ร้านดอกไม้ ร้านเค้ก ร้านอาหาร เจ้าของสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน หรือบุคคลที่มีความสำคัญในหน้าที่อื่นๆ เพราะเวดดิ้ง แพลนเนอร์มักรู้จักคนเยอะและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งจะช่วยให้ได้ราคาของสิ่งที่ต้องการในราคาที่ดีขึ้น(ถูกลง)มากกว่าการไปติดต่อว่าจ้างด้วยตัวเอง

ช่วยในการจัดการไม่ให้ตกหล่น

เวดดิ้ง แพลนเนอร์

เวดดิ้ง แพลนเนอร์มักมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการจัดการและเตรียมพร้อมให้ทุกอย่างอยู่ในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้คู่บ่าวสาวเครียดน้อยลงและทำให้มั่นใจว่างานแต่งงานจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยเตือนสิ่งต่างๆ ที่คู่บ่าวสาวอาจคิดไม่ถึงหรือมองข้ามไป ทำให้หลายๆอย่างในงานแต่งงานเกิดความผิดพลาดน้อยลง

การจ้างเวดดิ้ง แพลนเนอร์อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับทุกคู่แต่งงาน แต่การมีแพลนเนอร์ไว้จะช่วยให้งานแต่งงานเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ทำให้คู่บ่าวสาวเหมือนเป็นแขกในงานแต่งงานของตัวเอง ช่วยลดความเครียดและความกังวลต่างๆ ลง ทำให้คู่บ่าวสาวรู้สึกดีและสนุกไปกับวันสำคัญในชีวิตแบบไม่ต้องกังวลมากเหมือนการที่ต้องจัดการแก้ไขปัญหาในงานแต่งงานด้วยตัวเอง

ช่วยในเรื่องงานฝีมือ

เวดดิ้ง แพลนเนอร์

อย่าคิดว่าการจ้างเวดดิ้ง แพลนเนอร์จะมีส่วนช่วยแค่ในเรื่องการสามารถควบคุมและจัดการงานแต่งงานได้อย่างสมบูรณ์แบบเพียงอย่างเดียว เพราะสำหรับคู่บ่าวสาวที่ชอบทำงานฝีมือด้วยตัวเอง การทำงานร่วมกับบรรดามือโปรเหล่านี้จะช่วยในเรื่องของความคิดและมุมมองทำให้งานออกมาหลากหลายและดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

Cr: weddinglovely.com, aisleplanner.com, weddingswithlove.es, stillandmotionpictures.com, wedinmalta.com

บ่าวสาวต้องจำ 4 อย่างนี้ต้องพกไปลองชุดแต่งงานจะได้เป๊ะไม่พลาดในวันสำคัญ

หลังจากตกลงเรื่องแบบชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวได้แล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการ ไปลองชุดแต่งงาน ซึ่งเวลาจะไปลอง ชุดแต่งงาน เนี่ย บ่าวสาวมักลืมกันอยู่เสมอว่า ต้องพกพาของบางอย่างไปด้วย วันนี้แพรว Wedding สรุปมาให้แล้วว่ามีอยู่ 4 อย่างที่มีผลต่อการลองชุดอย่างคาดไม่ถึง แต่แทบทุกคู่มักลืม! จะมีอะไรบ้างเริ่มไล่เรียงดูกันตอนนี้เลย

รองเท้า

ไม่ว่าจะเป็นชุดเจ้าสาวหรือชุดเจ้าบ่าว ทั้งชุดไทยและชุดสากลล้วนแต่มีเรื่องของความสูงความยาวเข้ามาเกี่ยวข้องแทบทั้งนั้น คุณว่าที่ทั้งหลายจึงควรจะพกรองเท้าที่มีความสูงเท่ากับรองเท้าคู่ที่จะใส่ในวันงานไปลองชุดด้วยเสมอ หรือถ้าจะให้ดีหยิบรองเท้าคู่จริงที่จะใช้ไปลองด้วยเลยยิ่งดี จะได้เป็นการซ้อมใส่ไปในตัวไงคะ และขอเถอะค่ะอย่าได้คิดว่าหยิบไปลองแค่ครั้งแรกก็พอ เพราะการแก้ชุดเข้าออก เสริมนั่นเติมนี่ทำให้ภาพรวมชุดเปลี่ยน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ชุดไทยแบบนุ่งผ้าถุงต้องมีการวัดความยาวแบบพอดีตัวและพอดีส้นรองเท้า หรือขากางเกงเจ้าบ่าวจะยาวถึงตาตุ่มหรือตรงไหน ดังนั้น คุณแค่เอารองเท้าติดรถไปด้วยแล้วใส่ลองกับชุดเสมอจะดีที่สุด อย่าได้คิดว่ารองเท้าจะพังจะเลอะ เพราะการใส่ลองไม่กี่นาที

Cr. http://www.christyng.com

ชุดชั้นใน

เช่นเดียวกับรองเท้าค่ะ คุณว่าที่เจ้าสาวจะใส่ชุดชั้นในตัวไหนในวันงานหยิบติดมือมาเลยค่ะ เพราะอย่างการลองชุดไทยคุณต้องใส่สไบเฉียง แปลว่าต้องใส่ชั้นในไร้สายหรือปลดสายออกข้างหนึ่ง รวมถึงกางเกงชั้นในต้องแนบเนื้อสักหน่อย เพราะจะได้ไม่เห็นขอบ หรือการเลือกกางเกงชั้นในมาใส่กับชุดแต่งงานสากลทรงหางปลาก็ต้องระวังเรื่องสีชั้นในว่าไม่เด้งทะลุผ้าออกมาเด็ดขาด สำหรับคุณหนุ่มๆ ก็เช่นกัน อย่าคิดว่าใส่แบบทุกวันจะไม่มีปัญหา โดยเฉพาะสาวกบ๊อกเซอร์ทั้งหลายต้องคิดให้ดี เพราะถ้าคุณเลือกกางเกงสแล็กเข้ารูปการใส่กางเกงบ๊อกเซอร์อาจไม่เหมาะ เพราะทรงกางเกงที่ด้านในมีบ๊อกเซอร์จะไม่เรียบเข้ารูปติดขาสมส่วนนะ

Cr. http://www.jamespersonaltailor.co.uk

แบบการแต่งหน้าทำผม

ไม่ต้องถึงขนาดว่าแต่งหน้าทำผมเหมือนวันจริงไปลองชุดแต่งงานเสมอ แต่ควรหยิบแบบหน้าผมที่เล็งไว้ไปด้วยเพื่อให้ดีไซเนอร์ช่วยดูว่า แบบที่อยากทำนี้เมื่อนำมาจับคู่กับชุดแต่งงานที่เลือกแล้วเข้ากันและลงตัวหรือเปล่า ดีกว่าการที่คุณมาเจอการแต่งหน้าทำผมในวันงานแล้วเกิดอาการต้องแก้แบบผมกะทันหัน แบบนั้นอาจทำให้ไม่มั่นใจเลยก็เป็นได้ ส่วนถ้าคุณมีงบประมาณกันไว้สักนิดเผื่อเทสแบบหน้าผมก็ขอให้ลองเทสตอนที่ชุดเสร็จไปสัก 80-90% อย่าได้รอให้ชุดเสร็จถึง 100% เพราะหากอยากแก้ไขปรับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ จะได้ทันการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าคำแนะนำเรื่องนี้ คุณเจ้าบ่าวก็ต้องทำเหมือนกันนะคะ

เครื่องประดับ

สำหรับคุณว่าที่เจ้าบ่าวเครื่องประดับที่ว่าก็เป็นเนคไท โบไท คัฟลิ้งทั้งหลายที่ควรเตรียมไปเพื่อจะได้รู้ว่าเข้ากันกับชุดที่จะใส่หล่อในวันงานไหม ส่วนคุณเจ้าสาวคงไม่ต้องบอก ต่างหู สร้อยคอ กำไล ถ้าคิดจะใส่และมีของแล้วหยิบไปจับคู่ดูบ้าง ถ้าไม่อยากเอาของจริงไปเพราะกลัวหาย จะหาแบบและขนาดที่ใกล้เคียงรวมไปลองใส่คู่กับชุดแต่งงานดูก่อนก็ไม่ว่ากัน คุณจะได้รู้ว่า เครื่องประดับที่เตรียมไว้น้อยไปหรือมากไป จะได้วางแผนเติมเต็มความเป๊ะได้ถูกไงล่ะ

ขอย้ำอีกทีว่า 4 อย่างที่ว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ขอให้นำไปด้วยอย่าได้ขาด เพื่อความสมบูรณ์แบบของลุคบ่าวสาวที่คุณฝันไว้จะได้เป็นจริงแบบไม่มีเสียงเม้าตามมา

ดูไอเดียและคำแนะนำเรื่องชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : weddings.popupsites.com

How To เลือกเนื้อผ้าให้เหมาะกับชุดแต่งงานแบบสั่งตัดให้เจ้าสาวสวยเริดมั่นใจในวันพิเศษ

ปัจจุบัน ชุดแต่งงานแบบสั่งตัด เริ่มได้รับความนิยมในหมู่เจ้าสาวมากขึ้น เพราะสามารถเลือกแบบ เลือกเนื้อผ้า และวัสดุตกแต่งต่างๆ ได้ตามใจต้องการ แถมชุดแต่งงานแบบสั่งตัดก็ยังมีทั้งแบบ ตัด-ซื้อ และตัด-เช่า ให้เจ้าสาวได้เลือกอีก ซึ่งคำถามที่ตามมาคือ “แล้วจะตัดชุดแต่งงานแบบไหนดี?” แต่สำหรับเจ้าสาวที่มีแบบชุดแต่งงานยืนหนึ่งในใจอยู่แล้วว่า “อย่างฉันก็ต้องใส่ชุดแบบนี้แหละ” แต่พอช่างถามมาว่า แล้วผ้าแบบไหนที่เจ้าสาวต้องการ? อาจทำเอาเจ้าสาวตอบไม่ได้ หรือเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้ช่างเข้าใจ เอาเป็นว่า ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลกับคำถามนี้อีกต่อไป เพราะแพรวเวดดิ้งจะมาอธิบายเนื้อผ้าชุดแต่งงานประเภทต่างๆ อย่างง่ายให้ฟัง

ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับเนื้อผ้าแบบต่างๆ อันดับแรกเจ้าสาวต้องแยกความแตกต่างระหว่างเนื้อผ้าจากธรรมชาติและเนื้อผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ให้ได้ก่อน

– Natural fibers เป็นเส้นใยจากธรรมชาติ เช่น ผ้าไหม, ผ้าคอตตอน และเส้นใยจากขนสัตว์ ที่นิยมใช้กับชุดเจ้าสาว

– Synthetic fibers เป็นเส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เส้นใยโพลีเอสเตอร์, ผ้าไนลอน, ผ้าสเปนเดกซ์ หรือผ้าเรยอน

เนื้อผ้าทั้งสองแบบก็มีข้อดีเป็นของตัวเองอย่าง เส้นใยธรรมชาติ อย่างผ้าไหม สามารถจับเดรปและมีความพลิ้วไหวสวยงาม ให้สัมผัสที่เรียบเนียนดีต่อผิว ในขณะที่คำว่า “สังเคราะห์” อาจจะให้ความคิดเชิงลบ แต่ถึงอย่างนั้นเส้นใยเหล่านี้ก็มีข้อดีที่เป็นประโยชน์ เช่น เป็นผ้าที่ยับยาก จึงสะดวกต่อการขนย้าย และทำความสะอาดได้ง่ายกว่าเนื้อผ้าจากธรรมชาติด้วย

และนี่คือบรรดาเนื้อผ้าที่เจ้าสาวจะได้เจอในร้านชุดแต่งงาน

Satin ผ้าซาตินเป็นผ้าที่มีความแวววาวในตัว ให้ความรู้สึกเบาสบายและเซ็กซี่ ช่วยให้ชุดแต่งงานดูมีน้ำหนัก และสร้างสไตล์ที่แตกต่างให้กับว่าที่เจ้าสาว ซึ่งผ้าซาตินก็แบ่งออกเป็น

  • Duchess Satin – นิยมนำมาตัดเย็บเป็นตัวเสื้อช่วงบนของชุดที่เน้นงานโครงสร้าง และกระโปรงพลีตขนาดใหญ่ ส่วนมากแล้วชุดแต่งงานของราชวงส์มักจะเลือกใช้ผ้าดัชเชสซาตินในการตัดเย็บ

  • Charmeuse ผ้าชาร์มัวส์ให้อารมณ์ที่เซ็กซี่ที่สุดในบรรดาผ้าประเภทผ้าซาติน เพราะมีความมันวาว ลื่นไปกับผิว เน้นทรวดทรงของผู้สวมใส่ได้ชัดเจน

Taffeta ผ้าทาฟต้า เป็นผ้าที่มีน้ำหนักเบา มีรูปทรงคงตัวสวยงาม เหมาะสำหรับการตัดเย็บชุดแต่งงานที่มีขนาดใหญ่ให้ลุคที่เพอร์เฟ็กต์แต่ดูไม่หนัก

Crepe ผ้าเครป เป็นผ้าเนื้อแมตต์ที่ดูนุ่มสลวยสวยงาม เนื้อผ้ามีน้ำหนักตั้งแต่เบาไปจนถึงหนัก นิยมนำมาตัดชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด และชุดแต่งงานทรงเอ-ไลน์ เหมาะกับชุดแต่งงานสไตล์มินิมอล น้อยแต่มาก เน้นโครงสร้างของชุดเป็นหลัก ด้วยน้ำหนักและลักษณะเนื้อผ้าจะช่วยเน้นรูปร่างเจ้าสาวขณะก้าวเดิน

Shantung ผ้าที่ทอขึ้นจากเส้นใยสังเคราะห์ มีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับงานแต่งงานในหน้าร้อน หรืองานแต่งงานกลางแจ้ง

Dupioni เนื้อผ้ามีลักษณะแข็ง เหมาะสำหรับการตัดเย็บชุดที่เน้นโครงสร้าง หรือชุดแต่งงานที่ชายกระโปรงลากยาวมากๆ

Faille เหมาะสำหรับตัดเย็บชุดแต่งงานที่ต้องการเน้นโครงสร้างของชุดให้ชัด เนื้อผ้ามีลักษณะเป็นรูเล็กๆ เหมาะสำหรับการตัดเย็บเป็นเสื้อ หรือชุดเดรสที่เน้นความเรียบง่าย ให้ซิลลูเอทที่สวยงาม

Organza เนื้อผ้าบางเบา เข้ากับรูปร่าง และให้ความรู้สึกสบายขณะก้าวเดิน เหมาะสำหรับตัดเย็บชุดแต่งงานแนวเจ้าหญิงสวยหวาน หรือชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์

Chiffon ผ้าชีฟอง เป็นผ้าโปร่ง มีความสวยงามในตัว เหมาะสำหรับตัดเย็บชุดแต่งงานที่อยากเน้นช่วงบนของชุดให้ดูหรูหรา หรือนำมาเสริมบริเวณกระโปรงลากยาวให้ดูเหมือนเจ้าหญิง

Gazar คล้ายกับผ้าออแกนซ่าแต่มีความแข็งและโปร่งกว่าเล็กน้อย เหมาะสำหรับชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ หรือเสื้อท่อนบนที่อยากเน้นดีเทลความสวยงามหรือมีดีเทลของงานปัก

Lace ผ้าลูกไม้ มีหลายชนิดให้เจ้าสาวเลือก ซึ่งแต่ละแบบก็มีความแตกต่างและสวยงามต่างกัน รวมไปถึงเรื่องลวดลายหรือแพตเทิร์นที่แต่ละแบบก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

Chantilly ลูกไม้ที่มีความเซ็กซี่ มีลวดลายที่อ่อนช้อย ส่วนมากมักจะเป็นลวดลายดอกไม้

Alencon ลายลูกไม้มีความแน่นมากว่า Chantilly มีช่องว่างระหว่างลายน้อยกว่า แต่ยังคงเป็นลวดลายดอกไม้เหมือนกับ Chantilly

Guipure เป็นลูกไม้ที่หนาและหนักกว่า 2 ชนิดแรก มีลักษณะคล้ายกับงานปัก โดยจะมีทั้งลวดลายดอกไม้และลวดลายแบบกราฟิก

Net ผ้าเน็ต คือผ้าที่มีลักษณะเป็นผ้าซีทรูโปร่งบาง และมักจะประดับด้วยลูกปัดหรือเลื่อมเพื่อเพิ่มความสวยงามหรูหรา ซึ่งมีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีน้ำหนักต่างกันไป เช่น Beaded Net  และ Embroidered Net

ผ้าทูล เป็นผ้าตาข่ายที่มีความสวยงาม นิยมนำมาใช้เป็นผ้าชั้นนอกสำหรับกระโปรงทรงบอลกาวน์ หรือใช่ในการจับเดรปเพื่อให้ชุดดูอ่อนหวาน และนิยมนำมาใช้ทำเวลเจ้าสาวด้วย

English Net เป็นผ้าตาข่ายที่มีความนุ่มและมีน้ำหนักมากกว่าผ้าทูล สามารถนำมาจับเดรปได้อย่างสวยงามและนิยมใช้กับกระโปรงทรงเอ-ไลน์

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก www.stylemepretty.com
ภาพ Pinterest, pexels.com

มาดูการเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว 1 ปี ถึง 6 เดือน ก่อนงานแต่งงาน

ว่าที่เจ้าสาวที่เพิ่งวางฤกษ์ ต้องเริ่มดูแลตัวเองเพื่อ ความงามเจ้าสาว ได้แล้วนะคะ ระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปีก่อนวันสำคัญ ควรต้องทำอะไรบ้าง เรามาบอกคุณแล้ว

ความงามเจ้าสาว เป็นอะไรที่ต้องเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ! ว่าที่เจ้าสาวหลายคน พอได้ฤกษ์วันแต่งงานปุ๊บ ก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับการจองสถานที่เอย ดูชุดเจ้าสาวเอย แจ้งญาติฝ่ายต่างๆ หาแพลนเนอร์และอื่นๆ จนบางทีกว่าจะได้เตรียมความงามของตัวเอง เวลาก็ผ่านเลยไปจนใกล้วันงานเข้าไปแล้ว เราอยากจะบอกว่า ยิ่งรีบดูแลตัวเองเร็วเท่าไร วันงานเราก็จะยิ่งสวยออร่ามากขึ้นเท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นอย่ารีรอ เพราะ แพรว เวดดิ้ง รวบรวมเช็คลิสต์ทำสวยเพื่อความงามช่วง 1 ปี ถึง 6 เดือน ก่อนวันงานแต่งงานให้คุณแล้วค่ะ

ความงามเจ้าสาว

1 ปี ก่อนวันแต่งงาน

1. จองช่างแต่งหน้า อันนี้ของชัวร์ เพราะเดี๋ยวนี้คิวช่างแต่งหน้ามือทองมักจะต้องยื้อแย่งกันข้ามปี ยิ่งถ้าคุณแต่งงานในช่วงเดือนพีคอย่าง ..-. หรือช่วงต้นปีอย่าง ..-มี.. ช่างแต่งหน้าเก่งๆก็มักจะถูกจองเต็มแล้วอย่างรวดเร็วค่ะ

2. เริ่มเปลี่ยนอาหารการกิน อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือทันที เพราะทำแบบนั้นร่างกายคุณจะโหย และถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ก็จะตบะแตกเอาได้ง่ายๆ เราจึงต้องเริ่มตั้งแต่น้อยๆก่อน เช่น เคยทานกาแฟหวานๆ ทุกวัน ก็ลดเหลือวันเว้นวัน หรือลดเป็น ใส่น้ำตาลน้อย แล้วค่อยๆลดลงจนไม่ใส่น้ำตาลเลย เริ่มลดการทานเค็ม รสจัด และผงชูรส ลดการทานอาหารจังค์ฟู้ด เริ่มทานคลีนมากขึ้น จากหนึ่งมื้อต่ออาทิตย์ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นค่ะความงามเจ้าสาว

3. เริ่มออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการสมัครฟิตเนส หรือออกกำลังกายเองที่บ้าน หัวใจสำคัญคือการเริ่มทำค่ะ อาจจะค่อยๆเริ่มจากอาทิตย์ละวัน แล้วเพิ่มจำนวนวัน หรือเพิ่มระยะเวลา มากขึ้นเรื่อยๆ เอาที่ตัวเราไม่กดดันตัวเองเกินไป และทำได้ในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องมีวินัยกับตัวเองนะคะ

4. เริ่มไว้ผมให้ยาวขึ้น สำหรับใครที่ผมสั้นอยู่ในตอนนี้ แล้วอยากเป็นเจ้าสาวผมยาวเกล้าผม ให้คุณเริ่มไว้ผมยาวได้เลยค่ะ การไว้ผมยาวไม่ได้หมายถึงว่าคุณห้ามทำอะไรกับทรงผมเลย เพราะการเล็มปลายผมเดือนละครั้ง ช่วยกระตุ้นรากผม ให้ผมคุณยาวเร็วขึ้นได้ แถมยังช่วยลดผมแตกปลายด้วยนะคะ

ความงามเจ้าสาว

9-6 เดือน ก่อนวันแต่งงาน

1. เริ่มทำทรีตเม้นต์เพื่อดูแลผิวหน้า ใครที่ประสบปัญหาผิวหน้าที่ต้องพึ่งคุณหมอ เช่น เป็นสิวเรื้อรัง หน้าไม่เรียบเนียน หรืออยากยกกระชับใบหน้าแบบจัดเต็ม ช่วง 9 เดือนก่อนแต่งงาน คุณสามารถเริ่มเข้าคลินิคเพื่อปรึกษาคุณหมอได้แล้วค่ะ สำหรับบางคนที่คุณหมอเห็นว่าอาจจะไม่ต้องทำอะไรมากมาย คุณหมออาจจะนัดคุณมาอีกทีช่วง 2-3 เดือนก่อนแต่งงานก็ได้ แต่ถ้าใครที่ต้องทำทรีตเม้นต์แบบต่อเนื่อง บางทีต้องใช้เวลาถึง 8-9 เดือน เพราะทรีตเม้นต์บางชนิด อย่าง อี เมทริกซ์ ต้องเว้นระยะเวลาการทำต่อครั้ง นานถึง 1-2 เดือน ทีเดียว

2. เริ่มใช้สกินแคร์จริงจังเพื่อบำรุงและพัฒนาผิวหน้า เพราะผลลัพธ์จากสกินแคร์นั้นต้องใช้เวลาค่อนข้างนานคือประมาณ 3 เดือนขึ้นไป กว่าจะได้ผลเต็มที่ และเพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ยาวนาน คุณจึงควรเริ่มมีวินัยกับการใช้สกินแคร์มากขึ้นตั้งแต่ช่วงนี้ ใครที่แอบขี้เกียจ ทาครีมมั่งไม่ทามั่ง ถึงเวลาฮึดขึ้นมาดูแลตัวเองเป็นประจำทุกวันแล้วล่ะค่ะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งครีมกันแดด ไม่ควรละเลยนะคะ!) ความงามเจ้าสาว

3. เริ่มทานวิตามินเพื่อดูผลสุขภาพและผิวพรรณ เช่นเดียวกันกับสกินแคร์ ช่วงนี้เราสามารถเริ่มทานวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ผม และเล็บ ให้สวยได้ เช่น วิตามินซี (Vitamin C) ช่วยให้ผิวดูสดใส น้ำมันปลา(Fish Oil) ช่วยบำรุงผิวและผมให้ชุ่มชื่น สังกะสี (Zinc) ช่วยลดการเกิดสิวและปรับสมดุลฮอร์โมน หรือ โคเอนไซม์ คิว เท็น (Coenzyme Q10) ช่วยป้องกันและชะลอริ้วรอยค่ะ

เอาล่ะค่ะ! ว่าที่เจ้าสาวอ่านจบแล้วก็เริ่มดูแลตัวเองกันได้เล้ย! แต่อยากจะบอกว่า ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ใกล้วันแต่งงานมากขึ้นกว่านี้ เรายังมีเคล็ดลับ ความงามเจ้าสาว สำหรับช่วงเวลาใกล้ๆวันงาน มาบอกอีกนะ รอติดตามอ่านกันได้ค่ะ

Credit Story: Brides.com

รวบตึงเทคนิคเลือกแคเทอริ่งให้ “ใช่” สำหรับงานแต่งของคุณ

หากคุณกำลังรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ว่าจะจัดเลี้ยงในงานแต่งอย่างไร วันนี้ แพรว wedding มาพร้อมกับคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยเสกงานของคุณให้เพอร์เฟ็กต์ได้อีก เพราะการเลือก แคเทอริ่ง ให้ใช่และตรงใจนั้นที่จริงแล้วไม่ยากเลย

เลือกแคเทอริ่งอย่างไร ให้ “ใช่” สำหรับงานคุณ

ในการจัดแคเทอริ่งนั้น ปัญหาอันดับแรกคือ คู่บ่าว-สาวไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่า ต้องการงานเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มอย่างไร รวมทั้งไม่รู้ว่าแขกที่จะมาร่วมงานชอบรับประทานอะไร ดังนั้นอันดับแรกจึงต้องเลือกก่อนว่าจะจัดเลี้ยงแบบใด ซึ่งในงานแต่งงานมี การจัดเลี้ยงประมาณ 5 แบบ คือ ค็อกเทล ซิตดาวน์ดินเนอร์ บุฟเฟ่ต์ โต๊ะจีน และฟู้ดสเตชั่น (Food Station)

เมื่อบ่าว-สาวเลือกสไตล์การจัดเลี้ยงได้แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงต่อมาคือ จำนวนแขก คู่บ่าว-สาวควรทราบจำนวนแขกที่ค่อนข้างแน่นอน เพื่อจะได้จัดเตรียมปริมาณอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ อีกหนึ่งเคล็ดลับของการเตรียมงานในส่วนนี้คือ ให้บ่าว-สาวถือคติที่ว่า เหลือดีกว่าขาด เพราะอย่าลืมว่าแขกที่คุณเชิญมาอาจมีผู้ติดตามเพิ่มเติม

เรื่องต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือ วัยของแขก หากแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 25 – 35 ปี สิ่งที่ควรเตรียมเผื่อไว้คือของหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากชนิดเพื่อรองรับแขกกลุ่มนี้ที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ หรือหากแขกที่เชิญมาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ คุณอาจไม่จำเป็นต้องเตรียมของหวานจำนวนมากนัก เป็นต้น

แคเทอริ่ง

เรื่องต่อมาคือ ความชอบ คู่บ่าว-สาวควรจัดเตรียมอาหารที่เป็นที่นิยมในปริมาณมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เพื่อให้แขกที่มาถึงทีหลังได้รับประทานด้วย เช่น ซุ้มอาหารญี่ปุ่นที่มักจะหมดเป็นซุ้มแรกๆ ในงาน หรือซุ้มของหวานแบบฝรั่งอย่างฟองดูที่ได้รับความนิยมสูง เป็นต้น

เรื่องสุดท้ายที่คู่บ่าว-สาวหลายคู่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญคือ จำนวนผู้ให้บริการ หากมีแขกมาร่วมงานจำนวนมาก คู่บ่าว-สาวต้องอย่าลืมดูว่า จำนวนผู้ให้บริการอย่างพนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานตักอาหาร สอดคล้องกับจำนวนแขกที่มาร่วมงานหรือไม่

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ : thehousecook.com

เตรียมไว้เลยเช็กลิสต์หัวข้อไว้ คุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง

เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะจัดงานแต่งงาน แพรว wedding ขอชวนมาเช็กลิสต์กันสักนิดว่า คุยกับช่างภาพ อย่างไรดีก่อนที่งานแต่งจริงจะมาถึง เพราะถึงแม้ช่างภาพจะมือโปรขนาดไหน ผ่านงานแต่งมาเป็นสิบๆ งานยังไง แต่บ่าวสาวก็ควรเตี๊ยมกันก่อนว่าอยากให้ช่างภาพบันทึกภาพช่วงใดบ้างที่สำคัญและบ่าวสาวไม่อยากให้พลาด และต้องพูดคุยกันให้เกิดความเข้าใจมากที่สุด ถ้าอย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่า มีเรื่องใดบ้างที่บ่าวสาวควรคุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง 
คุยกับช่างภาพ

1. ต้องการภาพถ่ายแบบไหน

บอกช่างภาพไปเลยค่ะ ว่าอยากได้ภาพสีสดใส เน้นแคนดิด (ถ่ายทีเผลอ) หรือเอาภาพอาร์ทๆ ติสๆ นะคะ เพื่อที่ช่างภาพจะได้จัดให้ตรงตามแนวที่เราอยากได้มากที่สุด

2. บอกช่วงเวลาและพิธีการของงาน

อันนี้ถือว่าสำคัญมาก บ่าวสาวควรนำพิธีการต่างๆ ในงานมาบอกกับช่างภาพด้วย ว่าจะมีพิธีใดบ้าง และจะจัดช่วงไหน มีรายละเอียดอย่างไร เพราะแต่ละงานก็จะมีพิธีที่แตกต่างกันออกไปตามภูมิภาคหรือตามศาสนา เพราะฉะนั้นถ้าไม่เตี๊ยมกันก่อนอาจจะพลาดช๊อตเด็ดไปได้นะจ๊ะ

3. แขกคนพิเศษคนไหนบอกไปเลย

แอบบอกช่างภาพสักหน่อยว่าช่วยเก็บภาพคนนี้ให้หน่อยเพราะว่าเป็นแขกคนสำคัญ เพราะช่างภาพเจอแขกในงาน หลายสิบหลายร้อยคน ซึ่งเขาก็คงไม่ได้รู้ไปกับคุณว่าคนไหนสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นหากคุณแจ้งช่างภาพไว้ก่อน รับรองว่าช่างภาพโฟกัสถูกคน ได้ภาพตรงใจจนแขกคนสำคัญปลื้มแน่นอน ควรบอกหน่อย

4. ถามถึงอุปกรณ์เสริม

อย่าเพิ่งงง เพราะอุปกรณ์เสริมในที่นี้คือพวก ไฟสปอร์ทไลท์ที่ใช้ในงานแต่งงาน โดยเฉพาะที่บริเวณถ่ายภาพที่แบ็กดร็อป ถามช่างภาพเลยว่ามีเตรียมมาไหม หรือถ้าไม่มีจะให้บ่าวสาวเตรียมไว้ให้หรือเปล่า และต้องเตรียมให้กี่ดวง เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปนะคะ เพราะบางครั้งบ่าวสาวอาจจะคิดว่าช่างภาพคงเตรียมมาให้แล้ว แต่ถ้าช่างภาพคิดว่าบ่าวสาวเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น!!!

5. ไฮไลท์ของงาน

อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่างภาพคาดเดาไม่ได้เลย บ่าวสาวควรบอกช่างภาพไว้สักนิดว่าจะมีเซอร์ไพรซ์อะไรภายในงานบ้าง เพื่อที่ช่างภาพจะได้รู้ก่อน จะได้ไม่พลาดโมเม้นต์สำคัญของคุณยังไงล่ะคะ

ถึงแม้จะมีแค่ 5 ข้อแต่ก็เป็นอะไรที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้ามนะจ๊ะ เพราะแต่งงานทั้งทีจ้างช่างภาพฝีมือดีมาถ่าย ก็อย่าให้พลาดช็อตเด็ดๆ ไปเลยเนอะ

คุยกับช่างภาพ

Read More 3 ข้อแนะนำ จาก 3 ช่างภาพเวดดิ้งมือโปร รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่ง

ภาพจาก : Pinterest.com

ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!! บูสต์อัพให้ ผิวกระจ่างใส ด้วยโปรแกรมดื่มน้ำใน 1 วัน

สำหรับเจ้าสาวที่อยากมี ผิวกระจ่างใส แต่ไม่มีเวลาไปทำสวยฟังทางนี้ เพราะเรามีคอร์สบูสต์อัพผิวให้สวยเด้งง่ายๆ ได้ด้วยโปรแกรมการดื่มน้ำใน 1 วัน ว่าแล้วก็หาซื้อกระบอกน้ำสวยๆ รอไว้เลยจ้า

เช้า : น้ำผักหรือผลไม้สีเขียว 1 แก้ว หรือ กาแฟใส่นมถั่วเหลือง 1 แก้ว

ผิวกระจ่างใส

น้ำผักหรือผลไม้สีเขียว เช่น น้ำผักคะน้า ที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวและช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้มีสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีและทองแดงที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากคิดว่าผักคะน้านั้นดูโหดเกินไปหน่อย ก็สามารถเปลี่ยนเป็นผักผลไม้สีเขียวอย่างอื่นแทนก็ได้ตามถนัด

ผิวกระจ่างใส

นมถั่วเหลือง – อุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ ที่ดีต่อร่างกาย และยังมีสารไอโซฟลาโวน ซึ่งเป็นเหมือนคอลลาเจนชั้นดีให้กับผิว ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ ป้องกันริ้วรอยจากแสงแดด และช่วยลดความหมองคล้ำและการเปลี่ยนสีของผิวได้อีกด้วย แต่หากใครที่ไม่ดื่มกาแฟก็ดื่มน้ำเต้าหู้ไปเลยก็ได้ค่ะเพราะดีต่อผิวและสุขภาพเช่นกัน

 กลางวัน : ชาเขียวร้อน 1-2 แก้ว

ผิวกระจ่างใส

ชาเขียวนั้นเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า แคเทชิน และ พอลิฟีนอล ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี และช่วยลดโอกาสจากการถูกแดดเผา และยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ที่ช่วยลดรอยแดงและการอักเสบของผิวได้อีกด้วย หากใครที่ต้องการความสดชื่นในช่วงกลางวันจะเปลี่ยนมาเป็นชาเขียวเย็นๆ ก็ได้นะคะไม่ว่ากัน

ตอนเย็น : น้ำทับทิม 1 แก้ว

เปรียบเสมือนผลไม้มหัศจรรย์ของผิว เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและพอลิฟีนอลมากกว่าชาเขียวถึง 2 เท่า และเป็นสารอาหารที่เหมาะสำหรับการบำรุงผิวพรรณเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเหมือนโรงงานผลิตคอลลาเจนชั้นดีที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หากดื่มเป็นประจำจะช่วยให้ริ้วรอยดูจางลง และช่วยปรับสีผิวให้ดูสว่างขึ้นด้วย

ก่อนนอน : น้ำเปล่าฝานแตงกวาเติมลงไป 1 แก้ว

แตงกวาช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมายที่ร่างกายต้องการ เช่น แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยรักษาค่าความเป็นกรดด่างของผิวและลดการอักเสบของผิวได้เป็นอย่างดี

แต่ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ เฉลี่ยวันละ 8 แก้วกำลังดี เพราะเชื่อเถอว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส เปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวล และสดชื่นได้ดีไปกว่าน้ำเปล่าอีกแล้ว

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : extracrispy.com, livestrong.com, eatingrichly.com

“เด็กเชิญขันหมาก” ตำแหน่งสำคัญพร้อมคุณสมบัติที่ต้องมี

พิธีแต่งงานตามประเพณีไทย นอกจากจะมากไปด้วยข้าวของเครื่องใช้และพิธีการต่างๆ แล้ว ยังถือว่าเป็นพิธีที่ต้องใช้คนเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็เข้ามามีส่วนร่วมด้วยกันทั้งนั้น ไล่เรียงมาตั้งแต่สมาชิกในขบวนขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าว ขบวนรับขันหมาก ไปจนถึงด่านประตูเงินประตูทองของฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งอีกหนึ่งตำแหน่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยคือ เด็กเชิญขันหมาก ตัวน้อยๆ ที่มาคอยรับขบวนขันหมาก แต่ปัญหาที่หลายคู่สงสัยคือ แล้วเด็กคนนี้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ไม่ยากค่ะ แค่มีคุณสมบัติเบื้องต้น 2 ข้อที่เรานำมาฝากเท่านั้นเอง 

1. เพศของเด็กเชิญขันหมาก

นิยมเลือกเด็กผู้หญิงเพราะมีความน่ารักในตัวเอง ยิ่งเมื่อจับแต่งองค์ทรงเครื่องใส่กระโปรงเกล้าผมแล้วจะดูน่าเอ็นดูประหนึ่งตุ๊กตาเลยทีเดียว

2. อายุของเด็กเชิญขันหมาก

นิยมเลือกเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-12 ปี เพราะเริ่มพูดจารู้เรื่อง ความงอแงไม่มากเท่าเด็กที่อายุน้อยกว่านี้ และเด็กวัยนี้ สามารถจดจำบทพูดสั้นๆ ได้ไม่ยาก

บางครอบครัวเชื่อว่านอกจากคุณสมบัติทั้งสองข้อนี้แล้ว ยังต้องเลือกเด็กที่พ่อแม่แต่งงานกันถูกต้องตามประเพณี อยู่ในครอบครัวอบอุ่น และมีกิริยามารยาทเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย ถ้าจะให้ดีต้องหน้าตาน่ารักน่าชัง เพราะจะทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีลูกที่น่ารักเหมือนกับเด็กเชิญขันหมากนั่นเอง

ส่วนที่ว่าจะไปหาเด็กคนนี้ได้จากที่ไหน ง่ายนิดเดียวค่ะ มีน้องใช้น้อง มีหลานใช้หลาน ถ้าไม่มีน้องและไม่มีหลาน จะขอยืมตัวลูกเพื่อนหลานเพื่อนหรือคนที่สนิทกันมาทำหน้าที่เชิญขันหมากก็ได้ แต่อย่าลืมหาชุดน่ารักๆ ให้เด็กเชิญขันหมากใส่ด้วยนะจ๊ะ

แถมท้ายให้อีกนิดว่า เด็กเชิญขันหมากไม่ได้ยืนโดดเดี่ยวคนเดียวหรอกนะคะ ก็แหมขบวนใหญ่โตมาถึงหน้าบ้านทั้งทีจะมีแต่เด็กน้อยยืนเดียวดายรับแขกอยู่คนเดียวก็กระไรอยู่ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงอีกหนึ่งท่านยืนประกบเพื่อทำหน้าที่เจรจาต้อนรับขบวน หรือจะเลือกเป็นคู่ผู้ใหญ่ที่อยู่กินกันมานานก็ได้เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ถ้าท่านมาเดี่ยวๆ แต่เป็นคนดี มีคุณธรรมในใจก็ได้เหมือนกันค่ะ

เมื่อขันหมากมาถึงหน้าบ้านเจ้าสาวผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับและทักทายตามประเพณี แล้วจึงให้เด็กเชิญขันหมากพูดว่า “สวัสดีค่ะ วันนี้ฤกษ์งามยามดีแล้ว ขอเชิญขันหมากเข้าบ้านได้เลยค่ะ” (อาจมีผู้ใหญ่คอยกระซิบบอกบทให้) จากนั้นเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะหยิบซองเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้เป็นสินน้ำใจก่อนที่จะไปเจอด่านใหญ่อย่างประตูเงินประตูทองนั่นเอง

Read More : เซฟไว้และทำตาม…กำหนดการพิธีแต่งงานเช้าชั่วโมงต่อชั่วโมง

ภาพ : งานแต่งคุณแอน + คุณเจมส์ โดย Box Wedding