6 ข้อท่องไว้เจ้าสาวจะสวยเพอร์เฟกต์ในชุดแต่งงานได้แบบไม่ยาก

หากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังลังเลใจตัดสินใจเรื่อง ชุดแต่งงาน ไม่ได้สักที แถมยังเกิดอาการกังวลใจว่าเราจะดูสวยในชุดแต่งงานที่เลือกไหมนะ? เอาเป็นว่าคุณว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องนั่งถอนหายใจกันอีกต่อไปค่ะ เพราะ แพรว wedding มีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกชุดแต่งงาน และเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างลุคสุดเพอร์เฟกต์มาฝากว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนห้าม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เจ้าสาวหาชุดแต่งงานที่ตรงใจ และช่วยเพิ่มความมั่นใจในวันแต่งงานได้แล้ว

1. หาสถานที่หรือสไตล์งานให้ได้ก่อน

การรู้สถานที่จัดงานแต่งงานที่แน่นอนจะช่วยให้เจ้าสาวจำกัดขอบเขตหรือรูปแบบชุดแต่งงานของตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น งานแต่งแบบเป็นทางการมาก ก็อาจจะเลือกเป็นชุดเจ้าสาวที่ดูคลาสสิค ให้ลุคที่ดูอมตะตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบกระโปรงทรงเอ-ไลน์ หรือทรงบอลกาวน์ที่แมตช์เข้ากับเนคไลน์แบบสี่เหลี่ยมหรือแบบเกาะอก

ชุดแต่งงาน

แต่ถ้าหากเจ้าสาวจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์และจัดเลี้ยงในช่วงกลางวัน เราขอแนะนำให้เจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานเกาะอกที่แบบเข้ารูป โดยอาจเลือกเป็นเนื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีอย่างเช่น ไหมออแกนซ่า

หรือถ้าหากคุณเลือกจัดงานที่ชายทะเล อาจจะเลือกเป็นชุดแต่งงานทรงที-เล้นจ์ที่ช่วยให้เจ้าสาวสามารถเดินได้อย่างกระฉับเฉง โดยที่ชายกระโปรงไม่ต้องเปียกน้ำทะเลให้เสียลุค แล้วอาจจะเลือกแมตช์กับรองเท้าดีไซน์สวยส้นแบนที่สามารถเปียกน้ำได้ หรือจะเลือกเป็นสไตล์ barefoot wedding เราว่าก็เก๋ดีเหมือนกันนะคะ

ข้อควรระวัง!! ชุดแต่งงานชายกระโปรงลากยาวประดับเลื่อมลูกปัดหรือผ้าลูกไม้ลายฉลุ เพราะหากว่าที่เจ้าสาวเดินลงไปบนชายหาดที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายอันละเอียดแล้วล่ะก็ งานนี้ชุดแต่งงานขาวสะอาดอาจจะเต็มไปด้วยทรายที่ฝั่งอยู่ในอณูความสวยงามบนชุด


2. รองเท้าต้องเข้ากับชุด

อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานจนหลงลืมแอคเซสซอรี่สำคัญอย่าง รองเท้าเจ้าสาว นะคะ โดยรองเท้านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกแค่แบบที่ชอบหรือสวยอย่างเดียว เพราะชุดกับรองเท้านั้นต้องไปในทางเดียวกันเพื่อให้ลุคของเจ้าสาวออกมาเพอร์เฟกต์ เช่น หากเจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานแบบยาวมาก ก็อาจจะเลือกสวมเป็นรองเท้าส้นสูงแบบส้นตึกหรือส้นไม่แหลมมากเพื่อจะได้สะดวกต่อการเดิน และอาจจะเลือกหัวรองเท้าให้มีดีไซน์ที่สวยงามสักนิด เพื่อที่ว่าเวลาเดินหากหัวรองเท้าโผล่พ้นชุดออกมาก็ยังช่วยให้ลุคของเจ้าสาวยังดูดีอยู่

แต่ถ้าหากเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดแต่งงานทรงทีเ-เล้นจ์ ก็อาจจะต้องเลือกรองเท้าที่สวยงามสักหน่อย เพราะด้วยชุดแบบนี้จะทำให้ทุกคนมองเห็นรองเท้าของคุณได้แบบ 360 องศา และอาจจะเลือกส้นให้สูงแหลมสักหน่อยเพื่อที่ขาของเจ้าสาวจะได้ดูเรียวยาวในชุดสไตล์นี้

3. ฉีกลุคเจ้าสาวแบบเดิมๆ

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวหัวสมัยใหม่ที่รักในความแตกต่าง และชุดแต่งงานแบบเดิมอย่างทรงเอ-ไลน์ หรือบอลกาวน์ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังมองหา ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณสามารถเพิ่มลูกเล่นที่สนุกสนานให้กับลุคของคุณได้อย่างมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเป็นชุดที่ฉีกกฏจนอาจทำให้ผู้ใหญ่ถึงขั้นต้องเอามือทาบอกล่ะก็ เราขอแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวได้ปรึกษาหรือบอกกล่าวกับทางผู้ใหญ่ให้ได้รับทราบซะก่อน เพื่อที่ท่านจะได้เข้าใจและไม่ช็อกตกใจในวันงาน

ระวัง!  สีขาวไม่ได้มีแค่เฉดเดียว

อย่าลืมเช็กให้ดีว่าเฉดสีขาวของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวเลือกนั้นเป็นเฉดสีขาวที่เหมาะกับผิวของเจ้าสาวหรือไม่ เพราะสิ่งนี้สำคัญกว่าสไตล์ของชุดซะอีก เพราะถ้าหากเลือกเฉดสีผิวอาจจะทำให้ผิวของเจ้าสาวไม่เปล่งปลั่ง เผลอๆ อาจจะดูหมองคล้ำไปเลยก็ได้ โดยชุดแต่งงานสีขาวมี 3 เฉดสีหลักๆ ก็คือ White , Off white และ Ivory champagne

White หรือ สีขาว เหมาะกับเจ้าสาวผิวขาว

Off white หรือ สีออฟไวท์ เป็นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีขาว แต่จะให้สีที่อมฟ้าหน่อยๆ ซึ่งให้ฟีลที่อ่อนโยนกว่าสีขาว และเหมาะกับเจ้าสาวทุกเฉดสีผิว แถมยังเป็นเฉดสีที่นิยมนำมาตัดเป็นชุดเจ้าสาวอีกด้วย

Ivory champagne หรือ สีแชมเปญ เป็นสีขาวออกไปทางเหลือง เหมาะกับเจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้งไปจนถึงเจ้าสาวผิวเข้ม

4. โดดเด่นมีสไตล์ด้วยแอคเซสซอรี่

โชว์ตัวตนของเจ้าสาวผ่านแอคเซสซอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับลุคของเจ้าสาวได้ และถ้าหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ ก็อาจจะเพิ่มสีสันหรือความสนุกให้กับชุดเจ้าสาวด้วยการเติมเครื่องประดับที่อาจจะมีสีสันโดดเด่น เครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่ หรือต่างหูที่มีประกายเพชรระยิบระยับ แต่เครื่องประดับที่จะช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูดีไปนานอีกหลายปีคงหนีไม่พ้นเครื่องประดับสุดคลาสสิคอย่างเช่น ไข่มุก เป็นต้น

ข้อควรระวัง!! อย่าเลือกเครื่องประดับที่ชิ้นใหญ่จนเกินไป เพราใบหน้าและชุดแต่งงานอาจจะโดนขโมยซีนได้แบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ และไม่ควรโถมใส่ทุกอย่างประโคมเข้าไป โดยอาจจะเลือกเป็นสักชิ้นสองชิ้นกำลังพอดี แต่ถ้าคุณว่าที่ไม่อยากปวดหัวมาเสียเวลาหาเครื่องประดับก็อาจจะสวมแค่แหวนหมั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้นะคะ


5. เปิดใจกับรูปแบบชุดแต่งงานที่หลากหลาย

อย่าเพิ่งปิดทางเลือกให้กับตัวเองเพียงเพราะกลัวว่าสรีระของคุณอาจจะดูไม่เหมาะกับชุดแต่งงานแบบนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ลอง หรือบางครั้งเจ้าสาวบางคนอาจจะมีภาพชุดแต่งงานในฝันที่ยังไงก็อยากจะใส่ชุดนี้ให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาได้ลองชุดนั้นจริงๆ กลับออกมาไม่เพอร์เฟกต์อย่างที่คิดก็มี เพราะฉะนั้นการเปิดใจลองชุดแต่งงานหลากหลายแบบก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้คุณว่าที่ได้เจอกับชุดแต่งงานในฝันที่รอคอย ซึ่งจำนวนชุดแต่งงานที่ลองนั้นควรจะลองกันไม่เกินประมาณ 3-4 ชุด (ถ้าเยอะกว่านี้อาจจะตัดสินใจยากไปอีก) และที่สำคัญอย่าลืมเปิดใจให้กับคำแนะนำจากร้านชุดหรือดีไซเนอร์ด้วยนะคะ เพราะเขาคือบุคคลที่จะช่วยเนรมิตลุคของคุณให้สวยสง่างามในวันสำคัญได้อย่างแน่นอน

6. ชุดชั้นในสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด

ชุดแต่งงานถึงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้าชุดชั้นในดันไม่เข้ากันก็อาจจะทำให้ทั้งลุคนั้นพังได้ในพริบตา เพราะฉะนั้นการเลือกแมตช์ชุดชั้นในให้เข้ากับชุดแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรให้ความสำคัญมากๆๆๆ ที่สำคัญควรเลือกให้แมตช์กับรูปทรงของชุดแต่งงานด้วย เพราะอย่าลืมว่าชุดชั้นในก็มีรูปแบบให้เลือกมากมายไม่แพ้ชุดแต่งงาน ซึ่งที่สำคัญที่สุดการเลือกให้เข้ากับสีของชุดแต่งงานและให้พอดีกับรูปร่างและหน้าอกของเจ้าสาวนั้นสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้หน้าอกหน้าใจของคุณว่าที่เจ้าสาวดูสวยสมส่วนเข้ากัน

หรือจะเพิ่มความมั่นใจอีกนิดให้กับลุคสวยสง่าในวันสำคัญก็สามารถตามไปเช็ก 4 ส่วนสำคัญในชุดแต่งงานช่วยสร้างความงามให้กับเจ้าสาว กันต่อได้เลย

ภาพ : essensedesigns.com, olegcassinistore.com, pronoviasbrides.com, aucklandweddings.co.nz, pinterest

ถ่ายพรีเวดดิ้งอย่างมือโปร ถ่ายรูปสวยไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ทำได้!

หากทำเช็กลิสต์ก่อนวันวิวาห์ หนึ่งหัวข้อที่อยากชวนว่าที่บ่าว-สาวให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือการ ถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะภาพเหล่านี้ไม่เพียงบันทึกความทรงจำในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้นแต่ยังสามารถนำไปใช้ในวันงาน จากนั้นหลายคนยังนำไปตกแต่งบ้านต่อได้อีก ภาพทุกภาพจึงควรบ่งบอกตัวตน เรื่องราว และสไตล์ของคนทั้งคู่ด้วย แพรว wedding คัด 3 แนวทางการถ่ายพรีเวดดิ้งที่จะอินเทรนด์ตลอดปี 2020 ตั้งแต่หัวใจของการถ่ายภาพแต่ละแบบ รวมถึงการวางแผนแต่ละขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง – เรื่อง ปารัณ เจียมจิตต์ตรง

MINIMAL STYLE

การ ถ่ายพรีเวดดิ้ง สไตล์มินิมัลได้รับการพูดถึงมาพักใหญ่ และจะได้รับความนิยมต่อไปแบบยาวๆ เพราะหัวใจของมินิมัลคือ ความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ ไม่ต้องการพร็อปส์หรือใช้อุปกรณ์มากมาย สถานที่ถ่ายทำอาจเป็นกำแพงเรียบๆ ในบ้าน หรือถ้าอยากจริงจังขึ้นมาหน่อยอาจเช่าสตูดิโอ ซึ่งมีอัตราค่าบริการเริ่มตั้งแต่ 1,500 บาท ต่อ 3 ชั่วโมง จนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับความสะดวกในกระเป๋าสตางค์ ในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงสตูดิโอที่ตกแต่งอลังการนะ อันนั้นคงไม่ใช่สไตล์มินิมัลที่เน้นความน้อยแต่มีเสน่ห์

ถึงจะน้อยอย่างไร ถ้าอยากได้ภาพสวยก็อย่าเรียบจนละเลยองค์ประกอบที่จะทำให้รูปสวยขึ้น เช่น การคุมโทนสีเสื้อผ้าของคู่บ่าว-สาวและฉากให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น เสื้อขาวกับกางเกงยีน หรือถ้าอยากได้รูปคลาสสิกแบบอยู่ยาวๆ ก็อาจเลือกโทนขาว – เทา – ดำ โดยกล้องถ่ายรูปที่ใช้อาจเป็นกล้องของคุณเองหรือเช่าเพิ่มเติมจากสตูดิโอ คุณอาจตั้งกล้องถ่ายโดยสั่งการจากแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือหรือให้เพื่อนช่วยกดชัตเตอร์ได้ เพราะสายมินิมัลไม่จำเป็นต้องเนี้ยบเรื่องเทคนิค หัวใจสำคัญคือการบันทึกอารมณ์ ความรู้สึกในมู้ดต่างๆ เช่น โรแมนติก สุขุม หรือความสนุกสนาน

จากองค์ประกอบทั้งหมดนี้ การถ่ายพรีเวดดิ้งสไตล์มินิมัลจึงใช้เงินน้อย คุณสามารถถ่ายรูปที่บ้านโดยไม่เสียเงินสักบาท หรือได้รูปสวยๆ จากการถ่ายในสตูดิโอด้วยงบ 5,000 บาท (ไม่รวมค่าแต่งหน้า-ทำผม) ในกรณีที่คุณตั้งกล้องถ่ายเองหรือให้เพื่อนมาช่วยกดชัตเตอร์ให้ หรือถ้าคุณใช้ไฟสตูดิโอไม่เป็น เดี๋ยวนี้มีสตูดิโอที่ให้แสงธรรมชาติผ่านผนังกระจกเข้ามาได้ ถือเป็นทางเลือกให้การถ่ายภาพมีมิติมากขึ้น

หลายคนถามว่า การถ่ายรูปนอกสถานที่ถือเป็นสไตล์มินิมัลไหม คำตอบคือได้เหมือนกัน แต่เป็นภาพที่เน้นตัวบุคคลมากกว่าสถานที่ เพราะมินิมัลให้ความสำคัญกับอารมณ์ของบ่าว-สาวมากกว่าเรื่องอื่น ฉะนั้นก่อนถ่ายอย่าลืมตกลงกันให้ดีกว่าอยากให้ภาพออกมาแนวไหน อารมณ์อย่างไร หรือจะถ่ายให้ครบทุกอารมณ์เลยก็ได้ แกลเลอรี่หน้างานแต่งของคุณจะได้มีเรื่องราวที่หลากหลายและสนุกขึ้น

STREET & LOCATION

การถ่ายภาพแนวสตรีทและการถ่าย On Location โดยเฉพาะสถานที่สวยๆ ในต่างประเทศเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินราคาประหยัดเยอะขึ้น แต่หลายคนก็ตกม้าตายไม่ได้ภาพสวยสมใจ เพราะแม้คำว่าสตรีทอาจดูง่าย แต่ความจริงมีรายละเอียดซ่อนอยู่เพียบ ยกเว้นถ้าคุณเป็นสายชิลก็อาจไปเที่ยวกับแฟนแล้วถ่ายรูปไปเรื่อยๆ แต่ถ้าอยากได้รูปแสงสุดท้ายก่อนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ภาพโรแมนติกบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ ฯลฯ โปรดอ่านต่อครับ

ในการถ่ายภาพโดยอิงกับสถานที่องค์ประกอบสำคัญสุดๆ คือ แสงธรรมชาติที่เหมาะในการถ่ายรูป ถ้าไม่ใช่ช่วงเช้าก็แนะนำให้เป็นหลังบ่ายสามโมง โดยมีไฮไลต์อยู่ในช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกที่ช่วยให้มู้ดแอนด์โทนของภาพดูโรแมนติกขึ้นหลายเท่า และถ้าเป็นโลเกชั่นที่ไม่คุ้นเคยก็ควรไปดูสถานที่จริงไว้ก่อน เพื่อเห็นภาพรวมว่าแสงและมุมที่ต้องการเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างโลเกชั่นถ่ายสตรีทยอดฮิตในกรุงเทพฯ อาทิ ย่านบางรัก ที่มีตรอกซอกซอย การจราจรคับคั่ง และร้านค้าที่ให้เรื่องราวความเป็นสตรีทอย่างสมบูรณ์ และถ้ามีการเลือกมุมไว้ล่วงหน้าจะทำให้คุณทำงานในวันจริงได้ง่ายขึ้น

ถ้าเลือกโลเกชั่นที่เน้นแสงสีในช่วงกลางคืนอย่างเยาวราช อุปกรณ์สำคัญอันดับแรกคือขาตั้งกล้องเพื่อเก็บแสงธรรมชาติรอบตัวให้มากที่สุด สำหรับแสงไฟที่ทำให้ตัวแบบสวยอาจใช้แฟลชติดกล้อง หรือถ้ามีทุนก็อยากให้หาไฟแอลอีดีเพื่อช่วยให้โทนผิวของคู่บ่าว-สาวสวยงาม ราคาตั้งแต่ 3,500 บาทขึ้นไป

สำหรับการถ่ายแบบ On Location สิ่งสำคัญคือการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ถ้าอยากได้รูปใบไม้เปลี่ยนสีในประเทศญี่ปุ่น ควรหาข้อมูลให้เป๊ะว่าควรเดินทางในช่วงเวลาไหน และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เงิน! ทั้งค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าที่พัก ซึ่งความจริง แล้วอาจเป็นปัจจัยแรกที่จะบอกว่าคุณสามารถไปถ่ายรูปได้ไกลแค่ไหน

ถ้าทุนทรัพย์พร้อมแล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องทำคือ การจัดโปรแกรมทัวร์ขนาดย่อมว่า คุณมีเวลาถ่ายรูปกี่วัน แต่ละโลเกชั่นอยู่ห่างกันแค่ไหน ใช้เวลาเดินทางเท่าไร สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวแปรสำคัญว่าคุณจะได้รูปภาพที่ตั้งใจไว้ครบหรือเปล่า หากเป็นไปได้ควรมีเวลาสัก 1 วันสำหรับเซอร์เวย์สถานที่ก่อนจะดีมาก เพราะคุณจะได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าโลเกชั่นนี้สวยที่สุดในเวลาไหน

สำหรับช่วงเลนส์ที่เหมาะในการถ่ายภาพสไตล์นี้คือช่วงเลนส์ซูม 70 – 200 mm หรือเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างที่ทำให้ได้รูปหน้าชัดหลังเบลอ แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสจะใช้เลนส์ที่แถมมากับกล้องก็ได้ และถ้าเป็นทริปแบบไปกันเอง 2 คน ไม่มีเพื่อนช่วยถ่ายรูปให้ ขอแนะนำให้พกเลนส์ไปแค่ 1-2 ตัว ไม่อย่างนั้นการต้องแบกทั้งเลนส์ และเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนตามโลเกชั่นต่างๆ อาจทำให้คุณตีกันก่อนก็ได้

อีกเทคนิคในการถ่ายภาพแนวนี้คือ การใช้สิ่งของใกล้ตัวมาเป็นโฟร์กราวนด์หรือฉากหน้าของภาพ เช่น เสาไฟฟ้าที่คุณสามารถ ใช้เป็นองค์ประกอบของภาพระยะใกล้ แล้วให้คู่บ่าว-สาวอยู่ไกลออกไปอีกฝั่งของถนน รวมถึงอุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างถุงพลาสติกหรือ แว่นตาก็สามารถนำมาใช้บังเลนส์ แม้แต่การเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือ ให้แสงสาดเข้ากล้องถ่ายรูปเล็กน้อยก็ช่วยให้ภาพมีมิติขึ้น

โดยสรุปแล้ว คุณสามารถถ่ายพรีเวดดิ้งแนวสตรีทโดยไม่เสียเงินสักบาท ยกเว้นจะเพิ่มออปชั่นพวกไฟแอลอีดีและขาตั้งกล้อง ซึ่งสามารถคุมงบให้อยู่ใน 5,000 บาทได้ แต่ถ้าอยากไปถ่ายสถานที่สวยๆ ในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของคุณแล้วละ ขอเตือนว่าแม้จะไปถ่ายในประเทศหรือโลเกชั่นที่สวยหรูขนาดไหน ถ้าขาดการวางแผนที่ดีตอนขึ้นเครื่องบินขากลับอาจไม่ร่าเริงเหมือนขาไปก็ได้ จำไว้ว่า วางแผนให้ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

CONCEPTUAL PRE-WEDDING

การถ่ายภาพแบบเน้นคอนเซ็ปต์คือสิ่งที่แสดงถึงตัวตนของคู่แต่งงานในยุคสมัยนี้ได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะหากย้อนกลับไปสัก 10 ปีการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งส่วนใหญ่คือการเข้าไปซื้อแพ็คเกจจากสตูดิโอ ใส่ชุดแต่งงานแล้วถ่ายรูปในฉากต่างๆ ซึ่งอาจมีตัวเลือกอยู่ไม่มาก ทุกอย่างถูกกำหนดมาให้จากสตูดิโอนั้นๆ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คนในสังคมเริ่มมีคาแร็กเตอร์ คู่แต่งงานอยากได้ภาพพรีเวดดิ้งและธีมการแต่งงานที่สื่อถึงตัวเอง ไม่อยากซ้ำแบบคนอื่น จึงเป็นที่มาของสไตล์การถ่ายพรีเวดดิ้งที่หลากหลาย โดยเฉพาะการถ่ายสายครีเอทีฟที่ต้องทำการบ้านเยอะที่สุด ว่าคุณอยากถ่ายทอดเรื่องราวในภาพอย่างไร รวมถึงอาจใช้เทคนิคถ่ายภาพมากกว่าแบบอื่น

อันดับแรก ต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากให้ภาพเล่าเรื่องอะไร ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวในชีวิตของคุณเอง หรือเป็นคอนเซ็ปต์เหนือจริงที่คุณอยากทำมานานแล้วก็ได้ เช่น บางคนอยากได้ธีมเสื้อผ้าโอต์กูตูร์สมัยวิกตอเรีย เพราะฉะนั้นทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและสถานที่ก็ต้องจัดเต็ม บางคนอยากเล่าเรื่องแบบนามธรรม เช่น การแต่งหน้าบ่าว-สาวให้เป็นคนแก่ เพื่อสื่อว่ารักของเราจะยืนยาวตลอดกาล ถ้าเป็นแนวนี้ช่างแต่งหน้าจะมีบทบาทสำคัญที่สุด บางคนเลือกแนวแฟนตาซีใส่ชุดตัวตลก ก็ควรเลือกโลเกชั่นที่ทำให้เรื่องราวไปด้วยกัน เช่น การถ่ายภาพในสวนสนุก หรือบางคนอาจเลือกกีฬาที่ชอบเหมือนกัน อย่างการวิ่งก็อาจใส่ชุดแต่งงานแต่สวมรองเท้าวิ่งก็ดูเท่ไปอีกแบบ

ข้อดีของการถ่ายภาพสไตล์นี้คือ แกลเลอรี่หน้างานแต่งงานจะมีเสน่ห์สุดๆ แขกที่มาร่วมงานจะได้บรรยากาศของการดูงานในนิทรรศการภาพถ่าย และถ้าคุณเลือกตกแต่งบรรยากาศภายในงานให้เหมือนคอนเซ็ปต์รูปถ่ายของคุณจะทำให้งานสนุกมากขึ้น ลองคิดดูสิว่าถ้างานแต่งของคุณเต็มไปด้วยตัวละครในยุควิกตอเรีย การถ่ายรูปจะสนุกสนานและอลังการขนาดไหน

และความที่การถ่ายรูปแนวนี้เน้นความคิดเป็นหัวใจสำคัญ เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ใช้จึงขึ้นอยู่กับไอเดียว่าต้องใช้พร็อปส์หรือองค์ประกอบอะไรบ้าง เช่นเดียวกับการถ่ายรูป 2 สไตล์ข้างต้นที่คุณสามารถถ่ายเองด้วยการตั้งกล้อง ถ้าคุณมั่นใจว่าสามารถจัดการทุกอย่างทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง แต่เราขอแนะนำว่าถ้าเลือกการถ่ายรูปสายนี้ยอมลงทุนสักหน่อยคุณจะได้ภาพที่ดีขึ้น

ไม่ว่าจะเลือกการถ่ายรูปแนวไหน อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการถ่ายพรีเวดดิ้งคือเรื่องราวความรักของคู่บ่าว-สาว เพราะต่อให้คุณลงทุนบินไปถ่ายรูปถึงขั้วโลกเหนือ แต่ถ้ารูปใบนั้นไม่มีความรักอยู่ข้างในก็อาจกลายเป็นรูปถ่ายธรรมดา

คอนเซ็ปต์ สไตล์ หรืองบประมาณจึงสู้ความรู้สึกที่คนสองคนสื่อถึงกันไม่ได้ ก่อนจะเดินออกไปหน้ากล้อง ลองทบทวนเรื่องราวความรักที่ผ่านมา ทั้งตอนหวานซึ้งและวันที่งอนกันแทบเป็นแทบตาย แต่คุณก็เดินทางมาถึงวันนี้ด้วยกันไม่ใช่หรือ

ถ้าถ่ายรูปได้ผลอย่างไร อย่าลืมส่งให้ แพรว wedding ดูบ้างล่ะ

ภาพประกอบ : www.indyweddingphoto.com, IG @smallmoon_photo

สังเกตการณ์งานแต่งเช้า! 5 เรื่องมีทางเลือกลองส่องดูแบบไหนเหมาะก็จัดไป

แพรว wedding เชื่อเหลือเกินว่าตอนที่ไปร่วมงานแต่ง โดยเฉพาะ งานแต่งเช้า ที่รูปแบบพิธีนั้นมีอะไรให้ดูเยอะแยะ เหล่าบรรดาว่าที่บ่าวสาวคู่ต่อไปก็มักจะแอบส่องทุกสิ่งไว้เป็นเรฟเฟอร์เร้นให้กับงานของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ไม่ว่าคุณจะส่องอะไรในงานนั้น 5 สิ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่น่าส่องเป็นพิเศษ เพราะมีรูปแบบการจัดงานหรือดำเนินพิธีต่างๆ กันไป ลองดูของคู่อื่นๆ แล้วเอามาประยุกต์ใช้กับงานตัวเองนะคะ

 

1. การวางชื่อบ่าวสาว

ในที่นี้เราไม่ได้บอกว่าให้ส่องดีๆ เพราะเดี๋ยวจะไปผิดงานเท่านั้นหรอกนะคะ แต่เราอยากให้คุณสังเกตว่าการวางตำแหน่งชื่อบ่าวสาวในงานเป็นแบบไหน (โดยเฉพาะที่ฉากบนเวทีที่คนเห็นกันทั่วงาน)  เพราะในงานแต่งงานแบบพิธีไทยแท้ๆ มักเอาชื่อฝ่ายหญิงขึ้นนำหน้า แต่สำหรับในพิธีจีนจะสลับให้ชื่อฝ่ายชายขึ้นก่อน ซึ่งถ้าเป็นงานพิธีแบบลูกผสมไทย-จีน ก็อยู่ที่การตกลงของแต่ละคู่ ซึ่งต้องไม่ลืมทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายด้วยนะคะ

2. การจัดตำแหน่งที่นั่งของผู้ใหญ่และแขกในงาน

บนเวทีจะมีทั้งประธานและผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะนั่งฝั่งเดียวกับบ่าวสาว แต่สำหรับที่นั่งแขกด้านล่างไม่ได้จำกัดว่าใครต้องนั่งตรงไหน สิ่งที่แพรว wedding อยากให้คุณสังเกตการณ์คือ มีการจัดผังที่นั่งแขกประมาณไหนบ้าง คุณจะได้เอามาเป็นตัวเลือกในการจัดโซนที่นั่งแขกในงานตามจำนวนแขกที่เชิญกับสถานที่แต่งงานแบบที่คุณเลือกยังไงล่ะคะ

3. ช่วงจังหวะการรับตัวบ่าวสาว

หลังจากกล่าวสู่ขอกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเป็นเวลาที่เจ้าสาวต้องเข้าสู่บริเวณพิธี ซึ่งก็มีให้เลือกอยู่หลายแบบเหมือนกันนะคะ บางคู่เลือกแบบว่าให้เจ้าบ่าวลุกออกไปรับเจ้าสาว บางคู่จะมีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวพามาส่ง สิ่งที่พึงสังเกตการณ์คือ คู่อื่นๆ ทำกันแบบไหนบ้าง ถ้าเป็นคู่คุณทำตามบ้างจะมีข้อดีข้อเสียแบบไหน เพราะในช่วงพิธีนี้ ช่างภาพจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมเก็บความทรงจำแน่นอน ถ้าเลือกรูปแบบไม่ดี ก็อาจมีผลไปถึงภาพสวยๆ ที่ช่างภาพจะบันทึกด้วยนะคะ

4. อากาศภายในบริเวณจัดงาน

บางคู่จัดงานพิธีเช้าแบบเอาท์ดอร์ที่สนามหญ้าที่คิดว่าอากาศน่าจะถ่ายเทมากกว่าในห้องอยู่แล้ว แต่บางทีความร้อนอบอ้าวและการนั่งเรียงกันโดยมีพระอาทิตย์อยู่บนฟ้าก็ทำให้อึดอัดได้ สิ่งที่อยากให้สังเกตคือ แต่ละคู่จัดการเรื่องนี้แบบไหน เช่น มีการนำพัดลมตัวยักษ์มาตั้งไว้ หรือพัดลมไอน้ำเพิ่มละอองความเย็น หรือบางคู่อาจเพิ่มกิมมิคอีกนิดด้วยการแจกจ่ายพัดประจำตัวให้กับแขกอะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าคุณจะจัดงานแบบนี้บ้าง จะได้มีข้อเปรียบเทียบและทางเลือกค่ะ

5. อาหารว่างและบริเวณจุดบริการ

หลายคู่โดนเม้าเพราะเรื่องอาหารว่างนี่แหละค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแจกแบบเป็นกล่องสำเร็จที่มีทุกสิ่งในนั้น หรือการตั้งแค่ซุ้มชากาแฟและขนมปังให้ปิ้งเอง แต่สำหรับบางคู่ก็เลือกที่จะจ้างแคเทอร์ริ่งมาดูให้เป็นเรื่องเป็นราวกันไปเลย ซึ่งเรื่องนี้คุณว่าที่ทั้งหลายสามารถสังเกตการณ์และพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย และเปรียบเทียบราคากับปริมาณแขกที่สัมพันธ์กับอาหารว่างได้ง่ายๆ ด้วยประสบการ์ตรงของตัวเอง

ไปงานแต่งครั้งหน้า อย่าลืมสังเกตการณ์ทั้ง 5 เรื่องที่เราแนะนำนะคะ จากนั้นนำมาประยุกต์และเป็นทางเลือกให้กับการจัดงานแต่งงานของคุณ ซึ่งแบบไหนที่เห็นมาและมีประสบการณ์ตรงที่ถูกใจจะได้เอามาปรับใช้แบบไม่ต้องคิดมากไงคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : งานแต่งงานของคุณแอนและคุณเจมส์ จาก Box Wedding

จัดงานแต่งงานให้ปังด้วย 4 เฉดสีสุดชิคช่วยเสกงานแต่งให้ว้าว

การเลือกธีมสีในการ จัดงานแต่งงาน ให้ออกมาลงตัวและโดดเด่นอย่างมีสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสถานที่ สีชุดเพื่อนเจ้าสาว การ์ด ดอกไม้ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งบนโต๊ะอาหาร อาจสร้างปัญหาให้กับหลายคู่ แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณเข้าใจหลักการใช้สี

อย่างที่เรารู้กันว่า สีแบ่งเป็นโทนร้อน ที่ให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดใสมีชีวิตชีวา กับโทนเย็น ที่ให้ความรู้สึกไป ทางสงบ ผ่อนคลาย คุณๆ ควรเริ่มด้วยการเลือกสีหลักยืนพื้นไว้ก่อนไม่ว่าจะโทนร้อนหรือโทนเย็น แล้วค่อยตามมาด้วยการจับคู่สีให้ลงตัว อาจใช้วิธีไล่โทนสีจากสีหลักให้อ่อนลงหรือเข้มขึ้นตามความชอบ โดยอย่าลืมที่จะใช้สีโทนตรงข้ามเข้ามาตัดไม่ให้เกิดความเลี่ยน สิ่งสำคัญที่ควรระวังคือ อย่าใช้สีเยอะจนเกินไป ถ้าไม่ตั้งใจอยากได้สีรุ้งในงาน ฉบับนี้ แพรว wedding มีตัวอย่างสียอดนิยมมานำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คู่บ่าว – สาวนำไปปรับใช้ตามความชอบ – เรื่อง up_kamphoo

GOLD

สีทองหรือสีเหลืองทอง มักได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ สำหรับงานแต่งงาน จะเห็นได้จากชุดเพื่อนเจ้าสาว การ์ด หรือเครื่องประดับบนตัวเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว เช่น โบไท ผ้าเช็ดหน้า ดอกไม้ติดสูท เป็นต้น

ในการตกแต่งสถานที่ไม่ว่าจะเป็นในร่มหรือกลางแจ้ง สีทองเข้าได้กับทุกที่ โดยเราสามารถผสมโทนสีให้อ่อนลงหรือเข้มขึ้นเพื่อความสวยงามลงตัวอย่างมีสไตล์ ยกตัวอย่าง เช่น การตกแต่งโต๊ะอาหาร อย่างการใช้เชิงเทียนสีทองคู่กับเทียนสีขาว หรือนำริบบิ้นสีเหลืองมัสตาร์ดมาผูกการ์ดเมนูบนโต๊ะอาหาร หรือผูกหลังพนักพิงเก้าอี้ก็ดูสวยงามตามท้องเรื่อง ที่เหลือก็แค่ระวังการคุมโทนสีให้ไปในทางเดียวกัน

PINK GOLD

เชื่อว่าสีนี้ครองใจคู่บ่าว-สาวมาเป็นอันดับต้นๆ เช่นกัน ด้วยความเรียบหรู อ่อนหวาน ดูมีสไตล์ ชุดเพื่อนเจ้าสาวจึงมักใช้สีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ออกมาสวยดูสบายตา แต่ไม่ถึงกับเด่นเกินเจ้าสาว เช่นเดียวกับการตกแต่งภายในงานที่สีพิ้งค์โกลด์มักจะได้เป็นส่วนประกอบสำคัญบ่อยๆ

การจัดสถานที่สำหรับผู้ที่ใช้สีพิ้งค์โกลด์เป็นสีหลัก สามารถใช้ดอกไม้สีขาว สีชมพูอ่อน หรือสีโอลด์โรสเพื่อไม่ให้ขัดกับสีหลัก แล้วใช้สีเขียวเข้มของใบไม้มาแซมเพื่อตัดความเลี่ยน แต่ยังเป็นโทนสีในทิศทางเดียวกัน ส่วนบนโต๊ะอาหาร แก้วน้ำ เชิงเทียน จาน ผ้ารองจาน หรือช้อนส้อม ใช้สีขาวหรือสีพิ้งค์โกลด์ได้ สิ่งที่ต้องระวังคือเนื่องจากสีหลักมีความละมุนอ่อนหวาน จึงไม่แนะนำให้ใช้สีที่จะมาแย่งความเด่น เช่น สีเหลือง สีเขียวอ่อน สีม่วง โทนสีภายในงานจะดูไม่สบายตาขึ้นมาทันที

GREEN MINT

สีเย็นตาที่เหมาะกับบรรยากาศงานแต่งอีกหนึ่งสี เป็นทางเลือกที่น่าสนใจโดยเฉพาะใครที่ชอบงานสไตล์เอ๊าต์ดอร์ สีเขียวมินต์ค่อนข้างตอบโจทย์กับบรรยากาศในสวนร่มรื่น

การตกแต่งสถานที่เราสามารถไล่โทนสีให้เข้มขึ้น เช่น สีเขียวเข้มหรือน้ำเงินเข้ม แล้วใช้สีโทนร้อน เช่น สีแดง สีโอลด์โรส สีชมพู สีส้ม ในการจัดสถานที่ด้วยการแซมสีของดอกไม้หรือของตกแต่งภายในงาน หากต้องการอารมณ์งานแบบคลาสสิกให้เพิ่มสีทองลงไปในอุปกรณ์จัดโต๊ะ เช่น เชิงเทียน จาน ช้อนส้อม สำหรับการจัดช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวต้องถือเข้ามาในงาน สีเขียวมินต์ของใบไม้เป็นอะไรที่ลงตัวเมื่อนำไปผสมกับ ดอกไม้สีอ่อน และที่ขาดไม่ได้คือการนำสีเขียวมินต์เข้าไปแจมในชุดของเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อคุมโทนสี ควรเลือกใช้สูทสีอ่อนอย่างสีครีมเข้ากับเน็คไทและผ้าเช็ดหน้าสีเขียวมินต์จะยิ่งดูเท่ลงตัว

PEACH

สีหวานซ่อนเปรี้ยวสดใสที่หลายคนหลงใหล จัดว่าเป็นโทนสีที่เหมาะสำหรับบ่าว-สาวที่ต้องการความรื่นเริง สนุกสนาน แถมยังง่ายต่อการนำมาใช้ในการจัดตกแต่งภายในงานด้วย

ถ้าเจ้าสาวเลือกชุดสีพีช เจ้าบ่าวควรเลือกสูทสีน้ำเงินเข้ม เสริมด้วยเน็คไทสีเข้าชุด แต่ไม่ควรลืมเหน็บผ้าเช็ดหน้าสีพีชให้เข้ากับธีมสี และที่ขาดไม่ได้คือ ช่อดอกไม้ของเจ้าสาว และดอกไม้ผูกข้อมือของเพื่อนเจ้าสาวก็สามารถใช้สีพีชเติมความสดชื่นชวนมองได้เต็มที่

การจัดตกแต่งสถานที่สร้างความสดชื่นด้วยดอกไม้ที่มีทั้งโทนสีอ่อนลงจากสีธีม เช่น สีชมพูอ่อน สีส้มอ่อน หรือเลือกไปทางโทนสีที่เข้มขึ้นอย่างสีแดงกับสีม่วง ควบคู่ไปกับของตกแต่งที่มีสีเงินหรือสีทอง แต่ควรเลือกเพียงสีใดสีหนึ่ง ช่วยเสริมโครงสร้างสีให้ดูสว่างสดใส แล้วอาจแฝง ไอเดียเล็กๆ ลงไปบนการตกแต่งโต๊ะด้วยแจกันลูกพีชก็เพิ่มความน่าสนใจไปอีกแบบ

โทนสีที่เข้ากันอย่างมีสไตล์ไม่ว่าจะโทนร้อนหรือโทนเย็น บวกกับการหยอดไอเดียเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มสีสัน เท่านี้งานแต่งในฝันก็สวยและเปี่ยมด้วยความประทับใจที่สำคัญมาจากความชอบของคุณเอง

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

พาเหรดเทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 สวยเริดจากฝีมือดีไซเนอร์ตัวท็อป

เทรนด์โลกแฟชั่นเรดดี้ทูแวร์เปลี่ยนไปทุกปี แฟชั่นชุดเจ้าสาวก็เช่นกัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในทุกครั้งจะมีอะไรใหม่ๆ มาให้ตื่นตาอยู่เสมอ ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าสาวที่ไม่อิงกับชุดสไตล์เดิมที่เห็นกันจนคุ้นตา บอกได้เลยว่า เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 จะมาเนรมิตความเก๋ยูนีค ที่สำคัญยังสวยไร้กาลเวลาจนอยากใส่สัก 5-6 ชุด! – เรื่อง Lynlry

70s Fairy

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020
จากซ้าย – Oscar de la Renta, Galva, Naeem Khan

ความคูลของแฟชั่นในยุค 70 ทั้งสไตล์โบโฮ มงกุฎดอกไม้ ชุดแต่งพู่ ชุดจั๊มป์สูท แฟชั่นสไตล์ดิสโก้ กลับมาสร้างความหวือหวาให้เจ้าสาวในปี 2020 เราจึงได้เห็นชุดเจ้าสาวที่เปรี้ยว แซ่บ ปัง ฉีกออกจากลุคเดิมๆ ด้วยฝีไม้ลายมือของ Naeem Khan, Halston  และ Viktor & Rolf

BODY SHAPE TIPS ชุดเจ้าสาวแบบจั๊มป์สูทมีความเก๋ในตัวอยู่แล้ว อยากอินกับชุดสไตล์นี้แต่ไม่มั่นใจกับช่วงสะโพก ต้นขา สามารถหาคัตติ้งที่ไม่รัดรูปเกินไปในทรงกางเกงขากว้าง ถ้าไม่อยากให้ดูตัวใหญ่อาจหลีกเลี่ยงชุดที่มีการปักประดับด้วยเลื่อมหรือ ลูกปัดในจุดที่ไม่มั่นใจแล้วไปเสริมความโดดเด่นที่จุดอื่น

Statement Capes

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020
จากซ้าย – Anne Barge, Zuhair Murad

ชุดเจ้าสาวในสไตล์ตกแต่งเคปหรือเสื้อคลุมเคปนั่นเอ เทรนด์นี้ก็ฮิตมาแบบต่อเนื่อง แต่แทนที่จะใช้เคปแบบผ้าเนื้อทึบเหมือนที่ผ่านมา ปี 2020 คือการโชว์ผิวอย่างแท้จริงด้วยการใช้ผ้าทูล (Tulle) ที่มีลักษณะโปร่งเบา เนื้อนุ่ม มาเนรมิตให้เจ้าสาวดูสวยละมุน เมื่อมีเคปเป็นไฮไลต์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเวลหรือผ้าคลุมผมเจ้าสาวให้เวิ่นเว้ออีก

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากอวดผิวสวยในชุดเจ้าสาว แต่ไม่มั่นใจต้นแขนหรือช่วงไหล่ ผ้าคลุมเคป แบบนี้คือตัวช่วยพรางที่ดีแถมยังเสริมให้ชุดดูเด่นมีสไตล์ไปอีกแบบ

Metropolitan Trains

จากซ้าย – Carolina Herrera, Crystal Design Couture, Oscar de la Renta, Manuel Mota by Pronovias

เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 ที่เป็นเทรนด์มาแรงอีกลุคคือความมินิมัลที่ไม่ซ้ำเดิม ไม่ใช่ชุดเดรสเรียบแบบเดิม แต่เป็นเสื้อคัตติ้งเฉียบมาในซิลลูเอตต์เรียบแต่โก้จับคู่กับกางเกงที่มีการตกแต่งผ้าชายยาวโดดเด่น นี่คือเจ้าสาวในโลกความโมเดิร์นอย่างแท้จริง

BODY SHAPE TIPS ลุคนี้ความเด่นคือ Trains หรือผ้าชายยาวที่จะครีเอตความเฟมินีนอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีเวลหรือผ้าคลุมผมมาเติมเข้าไปอีก สำหรับทรงกางเกงควรเลือกให้เหมาะกับแต่ละรูปร่าง ถ้ากังวลเรื่องสะโพก เลือกกางเกงทรง Flare หรือขาม้า ซึ่งทรงนี้เหมาะกับคนหุ่นนาฬิกาทรายมาก ถ้ากังวลเรื่องต้นขา ให้เลือกแบบขากว้างหรือทรงกระบอกที่ไม่เน้นรัดต้นขา การเลือกเนื้อผ้าก็สำคัญถ้าไม่มั่นใจช่วงขาควรหลีกเลี่ยงเนื้อผ้าจำพวกสแปนเด็กซ์

Green Gowns

จากซ้าย – Rami Kadi, Azzi & Osta, Vera Wang

แต่ไหนแต่ไรโทนสีฮิตสำหรับเจ้าสาวรองจากสีขาวจะมีสีแชมเปญนำมาเป็นอันดับสอง สีออฟไวท์และสีอ่อนพวกสีพาสเทล ทั้งชมพู โอลด์โรส ตามกันา แต่น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นสีเขียว และนี่เป็นครั้งแรกที่ Vera Wang โชว์ความสวยของเฉดสีเขียวพิสตาชิโอบนชุดเจ้าสาว และได้กลายเป็นเทรนด์สีในปี 2020 และกลายมาเป็น เทรนด์ชุดเจ้าสาวปี 2020 อีกด้วย หลายแบรนด์จึงหยิบเฉดสีเขียวขึ้นมาเฉิดฉายในโชว์ของตัวเอง รวมถึงบัลลังก์โอต์กูตูร์ของ Valentino และ Elie Saab จนถึงไบรดัลดีไซเนอร์แบรนด์ดังอย่าง Monique Lhuillier ด้วย

BODY SHAPE TIPS เฉดสีเขียวจัดเป็นสีโทนเย็นที่เหมาะกับสาวผิวขาว อมชมพูหรือผิวขาวเหลือง ถ้าอยากอินกับเทรนด์สีนี้แต่ไม่มั่นใจถึงขนาดจะเลือกมาแต่งเป็นชุดเดรสเต็มสตรีม หยิบมาแซมเป็นแอ๊กเซสซอรี่ส์ก็เก๋ได้เหมือนกัน

High-Low Hemlines

Monique Lhuillier

จริงๆ เทรนด์ชายกระโปรงหน้าสั้นหลังยาวฮิตมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และยังต่อยอดความฮ็อตมาจนถึงซีซั่นนี้ ซึ่งในซีซั่นก่อนจะเน้นโชว์ขา ชายด้านหน้าจะสั้นเหนือเข่า ซึ่งถูกใจเฉพาะสาวๆ ที่มั่นใจในเรียวขาของตัวเอง ส่วนปี 2020 ชายด้านหน้าที่สั้นถูกเพิ่มความยาวลงมาเลยเข่า เรื่อยลงมาจนถึงระดับข้อเท้า ด้วยเหตุผลให้เจ้าสาวยังสามารถโชว์รองเท้าคู่สวยได้อยู่นั่นเอง

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าสาวที่กำลังหาแบบกระโปรงที่ไม่ซ้ำเดิม ซึ่งถ้ากังวลเรื่องเรียวขาก็เลือกแบบที่มีความยาวเลยหัวเข่าลงมาสไตล์แบบ Carolina Herrera เป็นออปชั่นที่สวยเหมาะทีเดียว

Halter Necklines

จากซ้าย – Amsale, Costarellos, Naeem Khan

นอกจากดีไซน์ชุดที่เราเห็นกันจนเบื่ออย่างเกาะอก คอวี ไหล่เดียว หรือเปิดไหล่ ยังมีอีกหนึ่งออปชั่นที่น่าสนใจคือ คอเสื้อแบบ Halter ซึ่งคล้ายกับเสื้อแบบผูกคอ อย่างชุดรีเซปชั่นของดัชเชสซัสเซ็กซ์ คอเสื้อสไตล์นี้จะโชว์ช่วงแขน ไหล่ และหลัง ถือเป็น Fashion Forward อีกแบบเลยก็ว่าได้ เพราะเข้าได้ทั้งกับชุดฟิลลิ่งแฟชั่น มินิมัล และพิธีการ

BODY SHAPE TIPS ชุดสไตล์นี้จะเน้นโชว์ไหล่และแขน ถ้าคุณไม่มั่นใจในจุดนี้ให้เลือกเป็นแบบเปิดไหล่จะเหมาะสุด อีกเทคนิคคือคุณสามารถหาเคปคลุมไหล่ผ้าซีทรูที่เป็นเทรนด์ฮิตของปี 2020 มาเป็นแอ๊กเซสซอรี่ส์เสริมพรางช่วงไหล่และแขนให้กับชุดสไตล์นี้ก็ได้เหมือนกัน

Feather Fever

จากซ้าย – Naeem Khan, Mira Zwillinger, Oscar de la Renta, Zuhair Murad

งานขนนกก็มา ไม่ว่าเป็นเดรสส้ันเหนือเข่าสไตล์มินิเดรสจนถึงเดรสยาวแบบเจ้าหญิง ชุดจะดูพลิ้วไหวหรูหรามีสไตล์แตกต่างด้วยขนนก ซึ่งชุดเดรสสไตล์นี้ยังเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้เก๋ๆ ได้อีก ดูได้จากชุดสวยๆ ของ Naeem Khan, Mira Zwillinger, Zuhair Murad และ Oscar de la Renta

BODY SHAPE TIPSขนนกเป็นดีเทลที่สร้างความโดดเด่นให้ชุดก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคนเสมอไป หลักการเลือกชุดขนนกที่เหมาะกับตัวเองที่ง่ายสุดคือ ถ้าคุณไม่มั่นใจรูปร่างในจุดไหนจุดนั้นไม่ควรมีการตกแต่งขนนก เพราะจะยิ่งทำให้ดูหนาฟูขึ้น และกลายเป็นจุดโฟกัสของสายตา

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เช็คก่อนเลือก 7 สถานที่แต่งงาน จุดไหนขายได้จุดไหนต้องระวัง

ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการวางแผนงานแต่งงาน เมื่อถึงขั้นตอนเลือก สถานที่แต่งงาน ก่อนตัดสินใจเราลองมาดูกันก่อนว่าประเภทของสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานมีอะไรบ้าง และแต่ละที่จะเหมาะสมกับคอนเซ็ปต์งานแต่งของเราไหม และ 3 หัวใจหลักที่ถือว่าสถานที่นี้แหละจะทำให้งานแต่งงานของคุณราบรื่นอย่างไร้ที่ติคือ สามารถรองรับแขกได้เพียงพอ, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ และมีบรรยากาศดี แล้วสถานที่แบบไหนบ้างที่จะคู่ควรกับงานแต่งงานของคุณ เราลองมาเช็กให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจดีกว่านะคะ

1. ชายหาดริมทะเล

สถานที่แต่งงาน

สาวๆ หลายคนมีความฝันอยากแต่งงานริมทะเล เพราะวิวฉากหลังสุดโรแมนติกกับบรรยากาศที่อบอุ่นชวนเคลิบเคลิ้ม แต่สาวๆ อาจจะยังไม่รู้…การเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานริมทะเลหรือชายหาดจะมีข้อจำกัดเรื่องสภาพพื้นทรายที่ไม่ราบเรียบ รวมไปถึงสภาพอากาศที่เป็นอุปสรรค อากาศอาจร้อนไปจนเมคอัพละลายหรือบางช่วงก็มีพายุฝนตกลงมาดื้อๆ ซะงั้น โดยเฉพาะลมที่เป็นอุปสรรคมากที่สุด ดังนั้นงานแต่งงานที่จัดริมทะเลจึงเหมาะกับงานแต่งงานที่มีความเรียบง่ายใช้พร็อพตกแต่งสถานที่น้อย และควรเป็นงานที่ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ อย่างงานสวมแหวน

2. สวน

สถานที่แต่งงาน

บ่าว-สาวสายรักธรรมชาติมักชอบเลือกจัดงานแต่งงานในสวนสวยๆ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันร่มรื่น และด้วยขอบเขตงานที่มีขนาดเล็กการจัดงานแต่งในสวนจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ส่วนในตอนกลางคืนคู่ที่เลือกใช้สวนเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองจะพบปัญหาในเรื่องของไฟ เพราะแสงอาจไม่เพียงพอส่งผลให้แขกในงานมองเห็นไม่ชัดเจน และยังส่งผลไปถึงเรื่องการถ่ายภาพเพราะหากใช้แฟลชแรงเกินไปก็ทำให้รูปของบ่าวสาวออกมาหน้ามัหรือมีเงาตกบดบังกันได้ เพราะฉะนั้นงานแต่งงานในสวนสวยจึงเหมาะกับการจัดในช่วงเวลาเช้ามากกว่าค่ะ

3. โรงแรม

สถานที่แต่งงาน

สถานที่ยอดฮิตในการจัดงานแต่งงานคงหนีไม่พ้นโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวไปจนถึง 5 ดาว เนื่องจากเป็นสถานที่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดงานโดยเฉพาะ เพราะมีพื้นที่รองรับคนได้เพียงพอ อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทำให้เนรมิตงานแต่งงานในฝันออกมาได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพดิน ฟ้า อากาศ ที่ไม่มีความแน่นอน นอกจากนี้โรงแรมยังมีโซนสถานที่ให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นห้องบอลรูม บริเวณสระว่ายน้ำ พื้นที่กลางแจ้ง แต่สุดท้ายอาจจะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายที่มีราคาค่อนข้างสูงที่สุดในบรรดาประเภทสถานที่ทั้งหมด แต่ก็ถือว่าแลกกับการบริการที่ครบครันนะคะ

4. ร้านอาหาร

สถานที่แต่งงาน

อีกหนึ่งสถานที่จัดงานแต่งงานที่ให้บรรยากาศอบอุ่น เหมาะกับงานแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการจนเกินไป และแน่นอนสิ่งที่ได้รับจากการจัดงานแต่งงานในร้านอาหารคือ งานของคุณจะมีอาหารที่อร่อยถูกปากผู้มาร่วมงาน มีเมนูหลากหลายไม่จำเจ แต่การจัดงานในร้านอาหารจะมีข้อด้อยอยู่ตรงที่คาแรคเตอร์ของสถานที่ที่ถูกตกแต่งออกแบบมาในรูปแบบของร้านอาหารโดยเฉพาะ คุณจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้มากนัก และยังมีความยากในการเลือกใช้พร็อพอีกด้วย เพราะฉะนั้นทางแก้คือการเลือกธีมที่ตรงกับบรรยากาศของร้านไปเลยค่ะ

5. เรือ

สถานที่แต่งงาน

การจัดงานแต่งงานบนเรือยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนไทยมากนัก เพราะด้วยความยุ่งยากของการเตรียมการที่ต้องจัดการระบบต่างๆ ให้ครบถ้วนภายในงาน เช่น การเตรียมอาหารให้เพียงพอต่อแขก การจัดที่นั่งบนพื้นที่อันจำกัดของเรือ และความปลอดภัยของทุกคนบนเรือเมื่อแล่นบนผิวน้ำที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และหากเรือโคลงเคลงก็มีความยากลำบากในการเดินไปอัก และไม่ดีแน่หากแขกบางท่านมีอาการเมาเรือ หมดสนุกเลยนะคะแบบนี้

6. Rooftop หรือ ดาดฟ้า

สถานที่แต่งงาน

พื้นหลังฉากซิตี้วิวที่เติมเต็มด้วยพระอาทิตย์ ใกล้ชิดกับท้องฟ้า โดยเฉพาะแสงในตอนเช้าจะทำให้การจัดงานพิธีเช้าของคุณได้ภาพที่สวยงามดูอบอุ่น แต่สำหรับงานเลี้ยงแต่งงานตอนกลางคืนมีความยากตรงการขนอุปกรณ์ของช่างภาพขึ้นมายังพื้นที่ด้านบน ซึ่งสถานที่จัด Rooftop บางแห่งลิฟท์อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เพราะฉะนั้นด้วยพื้นที่อันจำกัดจึงเหมาะกับการจัดงานแต่งงานขนาดเล็ก แขกไม่เยอะ ยิ่งถ้าการตกแต่งภายในงานมีความเรียบง่ายก็ส่งผลให้การจัดงานสะดวกขึ้นด้วยค่ะ

7. บ้าน

สถานที่แต่งงาน

สำหรับคนที่ต้องการจัดงานแต่งงานเล็กๆ เชิญแขกภายในงานเฉพาะเครือญาติคนสนิท คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินค่าสถานที่ เพราะบ้านเป็นหนึ่งสถานที่ที่เหมาะสมกับงานแต่งงานของคุณเลยล่ะค่ะ หากคุณมีการเตรียมความพร้อมที่ดี กำลังคนเพียงพอ จัดสรรพื้นที่ภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่ต้องคำนึงเมื่อใช้บ้านเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานคือการหามุมถ่ายภาพที่ถูกใจมีน้อย และอย่าลืมคำนวณอุปกรณ์ให้พอเพียงต่อการใช้งานนะคะ

Read More : 5 สิ่งที่ต้องทำก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ในฝันของคุณ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณน้ำ Wedding Planner – Kaidang Design
ภาพจาก : gomesphotography.co.uk, blog.styleweddingscabo.com,
blog.styleweddingscabo.com, msa-sea.org,ruffledblog.com, pinterest.com,
denizennavigator.com, insideweddings.com

6 สิ่งที่บ่าวสาวต้องรู้ก่อนคลิกซื้อแหวนแต่งงานผ่านทางออนไลน์

เดี๋ยวนี้สมัยนี้จะซื้ออะไรแต่ละทีก็แสนจะง่าย เปิดอินเตอร์เน็ตก็มีร้านขายของออนไลน์ให้เลือกเต็มไปหมด มีทุกอย่างแม้กระทั่ง แหวนแต่งงาน ที่เหล่าจิวเวลรี่ช้อปเปิดช่องทางให้คุณสั่งผ่านเว็บไซต์ของทางร้านได้เลย แต่ๆๆ! ใช่ว่าอยากซื้อก็กดซื้อทันทีทันใดเลยนะจ๊ะ มันต้องมีขั้นตอนในการเลือกซื้อกันบ้าง

1. หาข้อมูลซะก่อน

online-job-searching-website-posting-statistics-careers-1024x570

ก่อนที่คุณจะเลือกซื้อแหวนผ่านเว็บไซต์จิวเวลรี่ทั้งหลายคุณก็ควรที่จะหาข้อมูลของแต่ละร้านซะหน่อย นอกจากจะดูแบบดูทรงของแหวนว่าสวยถูกใจแล้ว คุณก็ควรหารีวิวของลูกค้าคนก่อนๆ ด้วยว่าพวกเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับสินค้าและร้านนั้นๆ บริการดีหรือไม่ คุณภาพของสินค้าเป็นอย่างไร รวมไปถึงการบริการหลังการขายและการเอาใจใส่ลูกค้า เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อแหวนของร้านนั้นๆ

2. ไปดูของจริงหน้าร้านก่อนก็ดีนะ

jewelryjp-popup

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราก็ยังขอแนะนำว่าซื้อแหวนแต่งงานที่ร้านดีกว่าสั่งออนไลน์นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ห้ามซื้อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์นะ แต่อย่างน้อยๆ ก่อนคุณจะกดปุ่มซื้อก็ควรจะเดินเข้าไปที่หน้าร้านหรือสาขาเพื่อขอดูแหวนวงจริงว่าสวยงามเหมือนในรูปที่เห็นผ่านจอคอมฯ หรือไม่ ลองหยิบจับใส่ดูซะก่อน แล้วถ้าอยากซื้อออนไลน์จริงๆ ก็ค่อยกลับบ้านไปกดสั่งซื้อก็ได้

3. ต้องรู้รายละเอียดแหวนที่จะซื้อด้วย

4cs

เรื่องสำคัญพื้นฐานและจำเป็นต้องรู้ไม่ว่าคุณจะซื้อแหวนหน้าร้านหรือซื้อออนไลน์ก็คือ รายละเอียดของแหวนวงนั้นๆ แหวนทรงอะไร สไตล์ไหน เพชรกี่เม็ด กี่กะรัต น้ำหนักเท่าไหร่ สีเพชรเป็นอย่างไร ตัวเรือนทำจากอะไร รวมไปถึงหลัก 4Cs ด้วย อย่าสักแต่ว่าราคาถูกใจแล้วจะซื้อเด็ดขาด เกิดได้เพชรปลอมขึ้นมาจะกลายเป็นว่าเสียเงินฟรี!

4. ใบ Cer. น่ะมีไหม?

certificat_gia_dossier

สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับการซื้อแหวนเพชรก็คือใบรับประกันอัญมณีหรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า GIA ซึ่งทุกครั้งที่คุณเลือกซื้อแหวนเพชร คุณควรดูให้แน่ใจว่าเพชรที่คุณจะซื้อนั้นมีใบ GIA แนบมาด้วยหรือไม่ เพราะมันจะเป็นหลักประกันสร้างความมั่นใจได้ว่าเพชรที่คุณซื้อนั้นมีคุณภาพจริง สวยจริง ไม่ใช่แค่ราคาคุยตามที่เขาโฆษณา

5. ช่องทางการจ่ายเงิน

Carte di credito e tastiera

ใครที่เป็นขาช้อปออนไลน์คงจะรู้กันดีว่าเวลาเราคลิกปุ่มซื้อของแล้วเขาก็จะมีช่องทางการจ่ายเงินมาให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านบัตรเครดิต ตัดบัญชีเงิน หรือโอนเงิน ทั้งนี้ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณควรจะเลือกวิธีการจ่ายเงินที่ปลอดภัยที่สุด และอย่าลืมเก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการจ่ายเงินไว้ด้วย

6. ศึกษาข้อมูลผู้ขายไว้ด้วย

แหวนแต่งงาน

เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อแหวนเพชรกับร้านใด สิ่งที่คุณต้องทำเพิ่มขึ้นมากกว่าข้อแรกก็คือ หาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ขาย เช่น ร้านเปิดมานานเท่าไหร่แล้ว ความน่าเชื่อถือ การบริการ เงื่อนไขการขอคืนเงินหรือเปลี่ยนสินค้า ระยะเวลาการส่งของ ฯลฯ

การซื้อของออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยาก แถมยังสะดวกสบายกว่าการซื้อของตามหน้าร้านแบบปกติ แต่ถ้าคุณจะซื้อแหวนแต่งงานสักวง แน่นอนว่าราคาไม่ใช่ถูกๆ คุณควรจะศึกษาและหาข้อมูลมากกว่าการช้อปออนไลน์ทั่วไป ดูตาม้าตาเรือและใบ Certificate ของเพชรที่คุณซื้อให้ดีๆ มิฉะนั้นได้แหวนปลอมขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ!

ดูข้อมูลเกี่ยวกับแหวนแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก : www.brides.com
ภาพ : www.statisticbrain.com, www.nytimes.com, www.tinyjewelbox.com, www.info-diamond.com, imena.com, smartbizwpg.com

สารพัดเรื่องที่บ่าวสาวต้องเตรียมรับมือเมื่อคิดจะจัดงานแต่งที่บ้าน

คุณคือหนึ่งในบ่าวสาวที่กำลังคิดว่าจะ จัดงานแต่งที่บ้าน อยู่หรือเปล่าคะ ถ้าใช่ละก็ แพรว wedding อยากให้คุณเตรียมหาทางออกและรับมือกับเรื่องเหล่านี้ก่อนจะคอนเฟิร์มใช้บ้านเป็นที่จัดงานแต่งในฝัน

จัดงานแต่งที่บ้าน ต้องวางแผนให้ดี วันสำคัญจะได้ราบรื่น ไม่มีสะดุด

Photo by Eduard Militaru on Unsplash

1. ข้าวของในบ้านจะเอาไว้ที่ไหน

เมื่อคุณเลือกใช้พื้นที่ในบ้านรองรับแขกในงานแต่งงาน ต้องมีการเคลียร์พื้นที่เพื่อเอาโต๊ะเก้าอี้มาลงเพิ่ม ต่อให้คิดว่าเก้าอี้ในบ้านบางส่วนใช้รับแขกได้ก็เถอะแต่ก็ไม่ใช่ทุกชิ้น ยังมีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ต้องขยับเพื่อปรับพื้นที่แน่นอน ฉะนั้นอย่าลืมเล็งไว้เลยค่ะว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ย้ายออกไปชั่วคราวจะเก็บไว้ที่ไหนได้บ้าง

2. ห้องน้ำเพียงพอแค่ไหน

ต่อให้บ้านหลังใหญ่ก็ไม่การันตีว่าจะมีห้องน้ำเพียงพอต่อการใช้งานของจำนวนแขกที่เชิญมานะคะ เพราะส่วนใหญ่จะเปิดห้องน้ำให้ใช้แค่ชั้นล่างเท่านั้น นี่จึงเป็นอีกโจทย์ที่บ่าวสาวต้องหาทางออกไว้รับมือ จะเป็นการเช่ารถสุขาเคลื่อนที่มาใช้งานหรือยอมเปิดห้องน้ำชั้นบนไว้ให้แขกใช้ก็ว่ากันไป

3. กำลังไฟเพียงพอหรือเปล่า

ในการจัดงานงานแต่งงาน แสงสีเสียงต้องพร้อม แล้วคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่า กำลังไฟของบ้านคุณเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ต้องหารถปั่นไฟมาสำรองการใช้งานหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ากำลังกล่าวคำซึ้งแล้วไฟดับพรึ่บ แบบนั้นเกิดขึ้นมาแล้วนะคะ เตรียมพร้อมไว้หน่อยก็ดี

4. ข้าวของในบ้านจะหายไหม

ความเสี่ยงระดับสิบที่คุณต้องระวังแต่เกิดมาแล้วกับหลายคู่คือเรื่องนี้แหละค่ะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าแขกคนไหนจะเป็นนักจิ๊ก แถมของหายมาจะจับมือใครดม ก็แหม..แขกที่เชิญมาก็เพียบ ถึงจะเจอมือดีผ่านกล้องวงจรปิดจะกล้าไปขอของคืนไหม โอ๊ย…ลำบากใจแทน

จัดงานแต่งที่บ้าน

5. โอเคไหมถ้าเจอแขกช่างสำรวจบ้าน

เรื่องนี้เลี่ยงไม่ได้เพราะคุณเปิดบ้านให้แขกเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนเองนี่นา จะมียามเฝ้าตามจุดต่างๆ หรือตั้งป้ายห้ามเดินห้ามผ่านก็ดูกระไรอยู่ เรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่คุณคงต้องทำใจว่าเกิดขึ้นแน่นอน และเมื่อสำรวจบ้านแล้วจะมานั่งเม้าอะไร อันนี้คุณก็ต้องรับมือกันต่อไป

6. ไม่ว่ากันนะถ้าบ้านเละเทะ

ที่ไหนมีปาร์ตี้ที่นั่นมีความเละ ซึ่งถ้าเละไปแล้วใครจะทำความสะอาด คุณว่าที่บ่าวสาว? หรือจะจ้างแม่บ้านมาดูแล? อันนี้ก็แล้วแต่เงินในกระเป๋ากับความถนัดของแต่ละคู่ แต่ถ้าข้าวของเสียหายล่ะ คุณจะว่ายังไง จะเข้าใจหรือโวยวายดี อันนี้คือเรื่องเสี่ยงๆ ที่คุณมองข้ามไม่ได้เลยนะคะ

7. จะรบกวนเพื่อนบ้านมากไหม

คุณอาจจะเชิญเพื่อนข้างบ้านมาร่วมงานแต่งงาน แต่นับๆ แล้วจะกี่หลังกันล่ะค่ะ ที่สำคัญเพื่อนบ้านจะอยู่ในงานนนานสักแค่ไหนเชียว ถ้าเพื่อนบ้านกลับไปแล้ว แต่แขกยังเหลืออีกเพียบ เสียงที่ดังจากงานจะรบกวนเวลานอนพักผ่อนแค่ไหน รวมถึงถ้ามีแขกเมาโวยวาย งานเลิกแล้วยังติดลม คุณเพื่อนบ้านจะเข้าใจหรือหน่ายใจอันนี้ต้องตรองให้หนักว่าคุ้มกันไหมกับมิตรภาพระยะยาว

8. จอดรถได้ตรงไหนบ้าง

ปกติแล้วถ้าบ้านของคุณอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สถานที่จอดรถล้วนถูกจำกัด ซึ่งนี่แหละคืออีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเตรียมให้พร้อม เพราะไม่มีทางที่แขกจะจอดรถได้ที่หน้าบ้าน คุณอาจต้องดิวที่จอดรถในโซนใกล้บ้านแล้วหารถมารับส่งแขกอีกทีอะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าดูแลได้ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นปัญหา

เช็ค 8 ข้อที่ว่านี้ให้ดี เพื่องานแต่งงานในฝันที่จะมีมากกว่าความอบอุ่นนะคะ ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : lovemydress, weddinglovely

งานแต่งริมทะเล กับเรื่องดอกไม้ที่ไม่ควรมองข้าม

การจัดงานแต่งงานริมทะเลเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนที่อยากมีงานแต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางเสียงคลื่นทะเล สายลม แสงแดด และสองเรา แต่สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเป็นอุปสรรคที่ทำให้การจัด ดอกไม้งานแต่ง มีข้อจำกัด เพราะงานริมทะเล มีทั้งคลื่นลม แสงแดด ที่ทำให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา และบอบช้ำเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ข้อจำกัดที่ว่าก็คือ การเลือกชนิดของดอกไม้ที่จะนำมาจัดในงานจะต้องเลือกดอกไม้ที่มี ความแข็งแรง ทนทานต่อความร้อน สายลม และแสงแดดได้ดี ทำให้การจัดงานแต่งงานริมทะเลนั้นต้องดูแลเรื่องของการจัดดอกไม้เป็นพิเศษ

 

ดอกไม้งานแต่ง

  • ดอกไม้ที่นิยมจัดในงานแต่งงานอย่าง ดอกไฮเดรนเยีย ลืมไปได้เลยหากจะนำมาจัดในงานแต่งริมทะเล เพราะเป็นดอกไม้ที่กลีบดอกบาง เพียงแค่โดนลมนิดหน่อยก็เหี่ยวเฉาแล้ว
  • คาร์เนชั่น ก็เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่กลีบดอกบางมาก หากโดนลม โดนแดดแล้วไม่น่าจะรอดจนจบงาน
  • สโนว์บอล เป็นดอกไม้ที่คล้ายๆ กับดอกไฮเดรนเยีย เป็นช่อสวยงาม แต่กลีบดอกบางเช่นเดียวกัน
  • ดอกโบตั๋นก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่สวยงามแต่บอบบางเกินกว่าจะรับมือกับลมแรงริมทะเล
  • และดอกไลเซนทันก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่มีความบอบบางไม่ควรนำมาจัดในงานแต่งริมทะล

ส่วนดอกไม้ที่เหมาะสำหรับนำมาจัดตกแต่งในงานแต่งงานริมทะเล จะเป็นจำพวก กล้วยไม้ กุหลาบ (ยกเว้นกุหลาบพวง) หน้าวัว ลิลลี่ ดอกบัว โดยเฉพาะดอกไม้ที่หาง่ายๆ อย่าง กล้วยไม้ และบัว สองชนิดนี้หากได้นำไปจัดตกแต่งอย่างสวยงามก็สวยไม่แพ้ดอกไม้แพงๆ เลย ที่สำคัญ แข็งแรง คงทน อยู่สวยคู่งานแต่งงานริมทะเลแน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ และเคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : phuketmag.com, beyondweddings.com

ชวนเจ้าสาวมาเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว 5 สไตล์ แบบไหนดีที่เข้ากับงานแต่งที่สุด

ชุดเพื่อนเจ้าสาว ก็สำคัญนะ แต่จะเลือกสไตล์ไหนให้เหมาะกับธีมงานแต่งมากที่สุดกันล่ะ?

ชุดเพื่อนเจ้าสาว เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นในงานแต่ง ที่เจ้าสาวเป็นผู้เลือกว่า อยากให้ลุคของเพื่อนเจ้าสาวออกมาเป็นแบบไหน เพื่อให้เข้ากับตัวเจ้าสาวและธีมงานแต่งมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันเจ้าสาวก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะนอกจากเพื่อนเจ้าสาวเป็นคนข้างกาย ที่คอยช่วยเหลือเจ้าสาวตลอดทั้งงานแล้ว เพื่อนเจ้าสาวยังเป็นคนที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานอีกด้วย เรียกได้ว่า เพื่อนเจ้าสาวเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว xoxo แพรว wedding เลยจัด 5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าสาว ไม่ว่าจะแบบทางการและไม่ทางการมาให้ รับรองว่าดูดี โดดเด่น แต่ไม่ขโมยซีนเจ้าสาวแน่นอน แต่จะแตกต่างจากงานอื่นแบบไหน ต้องมาเลือกกัน

1. เรียบๆ แต่ดูดีในแบบทางการ

ใช่แล้ว นี่เป็นแบบชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เป็นทางการ ซึ่งส่วนมาก ดีไซน์ของชุดก็จะคล้ายคลึงกันในหลายๆ งาน เพื่อให้ชุดของเพื่อนเจ้าสาวดูเรียบที่สุด ทั้งดีไซน์และสีของชุดเดรสด้วย ก็เพราะงานนี้สาวๆ เขาอยากให้เจ้าสาวเป็นคนที่พิเศษที่สุดในงานแต่งนั่นเอง

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

2. ดีไซน์แพ็คทีม แต่เริดแปลกใหม่

ชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบนี้ ดูก็รู้เลยว่าสั่งตัดพร้อมกันทั้งทีม แต่ก็จะไม่เหมือนชุดเพื่อนเจ้าสาวทั่วไป เพราะดีไซน์นั้นต้องแตกต่าง ทั้งการเล่นเลเยอร์ผ้า และช่วงบนของชุดที่ถือว่าสำคัญมากๆ หากเป็นสายเดี่ยว หรือเกาะอก ก็เป็นดีไซน์แบบเบสิกไปหน่อย ลองเปลี่ยนเป็นแบบที่แตกต่าง ด้วยการจับผ้าไขว้ช่วงคอและเปิดแผ่นหลัง หรือสายเดี่ยว แขนล้ำ ทรงหัวใจ หรือคอเต่า คอจีน ซึ่งขอแนะนำให้ดีไซน์ช่วงบนของชุดของแต่ละคนให้ไม่เหมือนกัน เพื่อให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละคน รับรองว่างานนี้ออกมาสวยเก๋ชัวร์

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. คนละสไตล์ แต่ก็ทีมเดียวกัน

จัดมาเลยค่ะ ไม่ว่าจะชุดเดรสสั้น เดรสสามส่วน เดรสสี่ส่วน หรือเดรสยาว เรียกได้ว่าเป็นชุดเพื่อนเจ้าสาวสุดวาไรตี้ ไม่ว่าจะสั่งตัดทั้งเซ็ต หรือว่าซื้อแยกกัน แต่ก็ดูเข้าทีม ด้วยสไตล์ที่หลากหลาย จึงทำให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวได้อย่างเป็นตัวของตัวเองได้แบบมั่นใจ แต่อย่าลืมว่าลุคเพื่อนเจ้าสาวที่ออกมาต้องเป็นหนึ่งเดียวกันนะ เพราะถึงจะต่างแค่ไหนแต่ก็ต้องดูดีคุมธีมไปทางเดียวกันไว้ก่อน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

4. สีแตกต่าง แต่โทนเดียวกัน

เดรสแบบนี้คือ เพื่อนเจ้าสาวต่างคนต่างหาชุดเดรสมา อาจจะเป็นงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก หรือเจ้าสาวอาจจะมีธีมงานแต่งที่สบายๆ ลุคของเพื่อนเจ้าสาวสาวเลยดูมีชีวิตชีวา จากการกำหนดสี หรือดีไซน์ว่าชอบหรืออยากให้เพื่อนเจ้าสาวมีลุคออกมาแบบไหน แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนเจ้าสาวได้ครีเอทชุดตัวเองอย่างสบายใจมากๆ ด้วย

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

5. คัลเลอร์ฟูล แต่เข้ากันสุด

เป็นอีกหนึ่งสไตล์ของงานแต่งที่เป็นกันเอง หรือการจัดงานแต่งภายในบ้านหรือสวน ให้บรรยากาศที่น่ารักและอบอุ่น ธีมของงานส่วนมากจึงสบายๆ และเหมาะกับเจ้าสาวที่ของสีสันแบบคัลเลอร์ฟูล เพื่อนเจ้าสาวเลยยกทีมแต่งตัวด้วยชุดเดรสที่ดีไซน์แตกต่าง และสีสันที่จัดเต็ม ทำให้ mood ของงานแต่งดูเฮฮาและเฟรนลี่มากๆ เพราะเพื่อนเจ้าสาวเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในงานให้สดใส

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

หรือหากงานแต่งมีการจัดพิธีทั้งวัน เพื่อตามหาชุดเดรสที่เหมาะที่สุด เราแนะนำ 5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่สวยได้ทั้งงานกลางวันและงานยามค่ำคืน

ภาพจาก Pinterest

7 ข้อบ่าวสาวควรรู้ก่อนตระเวนชิมอาหารงานแต่ง อร่อยอย่างเดียวไม่พอต้องคุ้มด้วย

งานจะปังหรือพัง เรื่องอาหารก็มีส่วนเอี่ยวนะคะ แพรว Wedding ก็เลยสรุปมาให้คุณว่าที่บ่าวสาวได้ท่องจำให้ขึ้นใจ ก่อนจะเดินทางไปทำการเลือกและชิม อาหารงานแต่ง สำหรับงานแต่งงานครั้งสำคัญของคุณ ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าว่ามีเรื่อง อาหารงานแต่ง เรื่องอะไรบ้างที่ว่าที่บ่าวสาวควรรู้

1. โดยปกติแต่ละแคเทอริ่งจะมีลิมิตสำหรับเมนูเทสติ้งกันอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนมากก็เป็นเมนูเรียกน้ำย่อย สลัด และของหวานอย่างละประมาณ 2 เมนู กับจานหลักอีก 3 เมนู ง่ายๆ คือเลือกที่คุณชอบ แต่ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ลองเลือกจากเมนูดังของแคเทอริ่งนั้นๆ ก็ได้ ไม่ว่ากัน ก็แหม…เมนูดังน่าจะมีความการันตีอยู่แล้วป่ะล่ะ

2. ถ้าคุณรู้ว่าแขกส่วนใหญ่ของคุณชอบทานอะไรล่ะก็ อย่าลืมเลือกเมนูที่ไม่ทิ้งห่างจากความชอบของแขกเหล่านั้นเข้าไปด้วยก็จะดีมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะอย่างน้อยคุณก็มั่นใจได้ว่าแขกทานแน่ โดยอาจจะสั่งเมนูที่ว่านี้มากหน่อยอะไรแบบนั้น

3. ฟีดแบ็คเรื่องรสชาติที่ตรงไปตรงมาของคุณสำคัญกับแคเทอริ่งมาก เมนูเทสติ้งมักถูกเสิร์ฟในรสชาติกลางๆ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเพิ่มหรือลดอะไรเป็นพิเศษก็บอกแคเทอริ่งไปได้เลยค่ะชิมอาหาร

4. คุยกับแคเทอริ่งเรื่องรูปแบบการเทสต์ของคุณให้ชัดเจน จะเป็นแบบเทสต์แยกที่มีแต่คู่ของคุณ หรือเทสต์รวมกับคู่อื่นๆ นั้นต้องคุยให้เคลียร์ เพราะถ้าคุณชอบความเป็นส่วนตัวแล้วล่ะก็การเทสต์แบบกลุ่มคงไม่ใช่แบบที่คุณปรารถนาซักเท่าไรนัก

5. คุณอาจต้องลางานสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะงานแคเทอริ่งส่วนมากก็คืองานรูทีนแบบงานออฟฟิศทั่วไปที่มีเวลาเข้าและเลิกงานเหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นตารางที่คุณจะต้องเข้าไปเทสต์เมนูอาจตรงกับช่วงเวลาการทำงานของคุณก็ได้ อย่าได้คิดแค่ว่า เทสต์มื้อเย็นหย่อนไปทางหัวค่ำหน่อยดีกว่า จะได้อิ่มท้องยาวๆ ไปอะไรแบบนั้นเพราะบางเจ้าเขาไม่รับนัดบริการคุณตอนนั้นหรอกนะคะ

6. การเทสต์เมนูต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละแคเทอริ่งนะคะ บางที่ฟรีเพราะรวมอยู่ในบริการที่คุณจะมาจับจองสถานที่ใช้งานด้วย แต่บางที่ก็ต้องจ่ายเพิ่มถ้าเป็นในลักษณะจ้างแคเธอริ่งมาเสริม ดังนั้นคุณควรดูสัญญาจ้างแคเทอริ่งให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเลยนะคะ จะได้ไม่เหวอหลังทานอิ่มท้อง

7. ไม่ต้องชวนเพื่อนไปเยอะนะคะ เราแนะนำว่าแค่คู่ของคุณก็น่าจะพอ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณเป็นสปอนเซอร์ของล่ะก็ อย่าได้ลืมเชิญท่านไปด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่ายิ่งน้อยคนก็ยิ่งตัดสินใจง่ายกว่า เพราะมากคนก็ออกจะมากความคิดเห็นกันไปอีก

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ชวลิดา

ชุดเจ้าสาวสีสันสวยๆ สีไหนกันที่ใช่ และเข้ากับเจ้าสาวแต่ละสีผิวมากที่สุด

ชุดเจ้าสาวยุคใหม่ไม่ได้มีแค่สีขาวและสีครีมอีกต่อไป เห็นได้จากหลายๆ รันเวย์ ที่มีการทำชุดเจ้าสาวหลากสีสันออกมาให้ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยและดูแตกต่าง ลองเลือก ชุดเจ้าสาวสีสัน ให้ดูโดดเด่นด้วยสีสันสวยๆ ดูสิ

และนี่คือเทคนิคการเลือกสี ชุดเจ้าสาวสีสัน สวยๆ ที่เข้ากับสีผิวของคุณ เพื่อให้คุณเป็นเจ้าสาวที่สวยสะดุดตาไม่ว่าจะในชุดแต่งงานไทยหรือชุดแต่งงานสากลก็ตาม

  • ผิวขาวเหลือง

สำหรับเจ้าสาวที่มีสีผิวขาวเหลือง มีข้อควรระวังคือ เสื้อผ้าโทนสีเข้มอย่างสีเทา สีเขียวหม่น หรือสีอ่อนอย่าง สีครีม สีเบจ สีนู้ด จะทำให้ผิวดูเหลืองซีดกว่าเดิม ควรเลือกใส่เสื้อผ้าโทนสีอบอุ่น เช่น สีชมพู สีส้ม จะสวยเจิดที่สุด

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวคล้ำหรือผิวสีแทน

เจ้าสาวผิวคล้ำหรือผิวสีแทนควรเลือกใส่ชุดสีกลางๆ เป็นสีเอิร์ธโทนที่ไม่เข้มหรืออ่อนเกินไป เช่น สีนู้ด สีเหลืองอ่อน สีชมพูอ่อน สีพีช สีม่วงลาเวนเดอร์ และสีขาว สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีแดง สีเหลือง เพราะจะทำให้สีผิวดูคล้ำขึ้นกว่าเดิม

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวขาวอมชมพู

เจ้าสาวผิวขาวอมชมพู ถ้าอยากสวยโดดเด่น ควรเลือกเสื้อผ้าสีอ่อน สดใส และถ้าเป็นโทนสีพาสเทลจะยิ่งทำให้ดูโดดเด่น สะดุดทุกสายตา เช่นสีฟ้าอมเขียว สีฟ้าอ่อน สีโกโก้ สีชมพูอ่อน สีส้ม

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวขาวซีด

สำหรับเจ้าสาวผิวขาวซีด แนะนำให้เลือกสีชุดโทนเข้ม เช่น สีแดงเข้ม สีน้ำตาลไหม้ สีเขียวเข้ม โทนสีเข้มจะตัดกับสีผิว และช่วยขับผิวของเราให้ดูเด่นขึ้น สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีม่วง และสีเทา เพราะจะยิ่งทำให้ผิวซีด ไม่สดใส

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสองสี

ผิวสีนี้เป็นสีผิวที่เซ็กซี่และมีสเนห์ สีที่จะทำให้สีผิวดูโดดเด่นยิ่งขึ้น คือสีชมพูอมส้ม ชมพูอมม่วง ฟ้าอมเขียว หรือเขียวอมฟ้า หรือจะเป็นสีเข้มอย่าง น้ำตาลอมแดง แดงเลือดนก และชมพูหม่น สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีนีออน และสีกรมท่า น้ำตาล เทา เพราะจะทำให้ผิวหมองลงได้

ชุดเจ้าสาว

 

เครดิตภาพ : pinterest

ดูแบบชุดแต่งงานไทยและชุดแต่งงานสากลสวยๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เช็กด่วน!! 10 เรื่องพลาดที่บ่าวสาวต้องระวังในช่วงเตรียมงานแต่งงาน

ถ้าไม่อยากพลาดในช่วง เตรียมงานแต่งงาน มาเช็กกันด่วน!!

แน่นอนว่าว่าที่บ่าวสาวแต่งงานเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครเป๊ะหรือรู้ดีไปมากกว่ากัน และช่วง เตรียมงานแต่งงาน นี่แหละเป็นช่วงที่บ่าวสาวจะปวดหัวมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง หรือบางครั้งก็ศึกษาและวางแผนไว้อย่างดี แต่สุดท้ายก็ยังลืมนู่นนี่ หรือพลาดบางเรื่องไปจนได้ แพรว wedding เลยรีบจัดเช็กลิสต์สิ่งที่บ่าวสาวมักจะพลาดในช่วงเตรียมงานแต่งงานมากที่สุดมาให้ ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปเช็กกันเลย

1. วางแผนทุกสิ่งก่อนตั้งงบประมาณ

ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองจะแต่งงาน ก็มักจะนึกถึงภาพตัวเองในชุดเจ้าสาว ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศงานแต่งในฝัน โดยหลงลืมไปว่า เรื่องสำคัญกว่านั้นคือต้องตั้งงบประมาณในการจัดงานให้เรียบร้อยซะก่อน  โดยการตั้งงบประมาณที่ว่า ขอแนะนำให้ตั้งคร่าวๆ ก่อนได้ แต่ต้องตั้งในทุกหัวข้อที่เกี่ยวข้อง และอย่าลืมเผื่องบเบ็ดเตล็ดไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาการงบบานปลายจนไปไม่ถึงฝันจะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

2. ลืมแผนสำรองยามฝนพรำ

ฝนหลงฤดูจะมาตอนไหนไม่มีใครบอกได้ แต่บ่าวสาวชาวเราก็ยังลืมเรื่องแผนสำรองที่ว่าเสมอ ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงแค่คนที่จัดงานเอ้าท์ดอร์นะคะ บ่าวสาวที่จัดงานในห้องก็ต้องไม่ประมาท คุณควรคิดเผื่อเวลาด้านนอกฝนตกด้วย เพราะส่งผลถึงการมาล่าช้าของประธานและแขกคนสำคัญ จึงควรเตรียมแผนสำรองประเภทลำดับงานที่อาจเริ่มได้ช้าด้วยนะ ประมาณว่าถ้างานยังเริ่มไม่ได้ บนเวทีควรมีอะไรเคลื่อนไหวไหม เป็นต้น

3. พื้นที่จัดงานสมบูรณ์แบบ แท้จริงแล้วอาจแฝงไปด้วยเรื่องยิบย่อย

จัดงานแต่งเอ้าท์ดอร์ไม่ได้เป็นการจัดประเภทที่ยกทุกสิ่งจากในห้องมาวางไว้แล้วจบนะคะ ยังมีเรื่องเต๊นท์ว่าขนาดไหนดี ต้องตั้งหรือเปล่า พื้นที่ทำครัวอยู่ไหน ส่วนเตรียมอาหารล่ะ ห้องน้ำไกลเกินไปไหม ต้องมีรถสุขาเพิ่มหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งพื้นดินที่ใช้จัดงาน เดินยากเดินง่ายก็มีผล แขกสาวๆ จะลำบากไหม เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือส่วนที่หลายคนมองข้าม อย่าลืมนะคะว่า แม้พื้นที่จัดงานที่ว่าจะแลดูสมบูรณ์แบบมีทุกอย่างครบ แต่เพียงพอแน่หรือ โอเคจริงไหม คิดดูดีๆ ล่ะ

4. วางแผนงานเลี้ยงยาวเกินไป

บ่าวสาวหลายคู่ฝันอยากทำนั่นทำนี่ในงานแต่งงาน ทั้งเรื่องเซอร์ไพร้ส์ ทั้งประธานมากกว่าหนึ่งคน ไหนจะการแสดงสารพัดโชว์ รวมถึงเกมการละเล่นแจกของ เรียกว่ามีมากมายเยอะแยะเต็มไปหมดจนลำดับพิธีมีแววจะไม่จบลงง่ายๆ เอาแบบนี้ไหม เลือกมาแค่พอดี แล้วเก็บบางอย่างไว้จัดกันเองกับเพื่อนๆ นอกรอบ

5. ขนาดสถานที่ไม่สมดุลกับจำนวนแขก

เรื่องนี้พลาดมานักต่อนัก ทั้งแบบที่พื้นที่ใหญ่ไปจนรู้สึกเหงาใจ และพื้นที่เล็กมากกับแขกที่มากล้น ปัญหาอาจอยู่ที่คุณไม่ชัวร์เรื่องปริมาณแขก แถมยังมั่นใจเกินไปจนไม่ปรึกษาหรือเชื่อคำที่เจ้าของสถานที่ผู้มีประสบการณ์ดูแลลูกค้าแนะนำ เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้น สิ่งที่คุณต้องเจอมีอยู่ 2 อย่างคือ แขกเม้าส์ว่าห้องเล็กจังประหยัดเงินเหรอ กับ ว้าย…ทำไมไม่ค่อยมีแขกเลย หรือบ่าวสาวคู่นี้ไม่น่าคบ!!!

เตรียมงานแต่งงาน

6. วางลำดับพิธีโดยลืมดูแสงแดดสายลม

บ่าวสาวที่ต้องการจัดงานแต่งริมทะเลและงานในสวน มักลืมไปว่า ช่วงเวลาในการทำพิธีสวมแหวนต้องการแดดอ่อนๆ ลมกลางๆ ที่เอื้ออำนวย ลองคิดดูสิว่า ถ้าแดดเปรี้ยงตอนที่คุณจะสวมแหวน  ภาพที่ออกมาจะเป็นแบบไหน ไหนจะสภาพเหงื่อท่วมของคุณอีก หรือบางนางลืมดูทิศทางลม จัดสวมแหวนริมทะเลทีเวลปลิวตีหน้า เอ่ยปากให้คำสัตย์สาบานก็ทรายปลิวเข้าปาก แบบนี้ไม่โออย่างแรงนะคะ

7. เซ็นสัญญาโดยไม่อ่านรายละเอียด

เรื่องนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด แต่หลายคู่ก็ยังคงพลาด อาจเพราะมีหลายสิ่งต้องเตรียม การลงรายละเอียดเงื่อนไขการจ้างงานในแต่ละส่วนจึงถูกละเลย บางคู่คิดว่าอ่านดีละเอียดแล้วแต่เอาเข้าจริงตกหล่นจนโดนเอาเปรียบ แล้วต้องมานั่งเจ็บใจทีหลัง ฉะนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายก็ต้องรอบคอบเสมอนะคะ แต่ถ้าคุณคิดว่าทั้งคุณและคนรักยุ่งมากจนไม่มีสติพอที่จะตั้งใจอ่าน ก็จงหาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้มาช่วยอ่านช่วยพิจารณาอีกทางก็ดีนะ

8. พยายามเอาใจทุกคนมากเกินไป

เคยได้ยินไหมคะว่าคุณไม่สามารถเอาใจทุกคนได้ครบหมดหรอกค่ะ เพราะถ้าคุณทำแบบนั้น ความเป็นคุณจะเหลืออยู่หรือเปล่า จริงอยู่ที่บางคู่โดนกดดันจากครอบครัวมา จึงอยากตัดปัญหาด้วยการยอมและพยายามทำให้ทุกสิ่งอย่าง แต่ถามใจคุณไหมว่าคุณโอเคหรือเปล่า และที่สำคัญที่เราอยากให้คุณแคร์คือ คู่ของคุณโอเคด้วยไหม ถ้าคุณอยากเอาใจญาติพี่น้องฝั่งคุณ ถามความเห็นเขาด้วยนะ แล้วลองเปลี่ยนจากการเอาใจทุกคนมาเป็นทำให้เท่าที่สามารถและไม่ขัดต่อความรู้สึกของคุณทั้งคู่ดีไหม

9. ลืมใส่ใจรายละเอียดในการ์ดแต่งงาน

การ์ดแต่งงานสมัยนี้ไม่ได้จบแค่พ่อแม่เป็นใคร บ่าวสาวชื่ออะไร จัดงานที่ไหน แต่คุณควรลงรายละเอียดประเภท Dress Code รวมถึงประเภทการจัดเลี้ยงลงไปด้วย นอกจากนี้ถ้าไม่ลำบากอย่าลืมแนบแผนที่ลงไปอีกนิด ให้ข้อมูลกับแขกให้ครบมากที่สุด (ยกเว้นเรื่องที่จะเก็บไว้เซอร์ไพร้ส์) ถือซะว่าพิมพ์การ์ดครั้งเดียวบอกครบ จะดีกว่าให้แขกงงๆ ต้องยกหูโทรฯ ถาม

10. คิดเองเออเอง

อาจเพราะขี้เกียจมากเรื่อง อยากเตรียมงานให้เรียบง่ายที่สุด หรือคิดว่านี่งานของเราจะทำยังไงก็ได้ เวลาตัดสินใจเรื่องใดๆ จึงถามแค่ใจตัวเอง ผลที่ตามมาคือ คุณอาจเจอภาวะเตรียมงานไม่จบสักเรื่อง เช่น สั่งการ์ดเชิญไม่ถามครอบครัวให้แน่ชัดว่าจะเชิญแขกเท่าไหร่ ทีนี้ทำไงล่ะเมื่อการ์ดเชิญไม่พอ ก็ต้องสั่งพิมพ์เพิ่มทีหลังเสียเงินมากไปอีก หรือประเภทว่าคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงโอเค แต่แท้จริงแล้วอีกฝ่ายคิดคนละแบบ ผลคือ ไม่ได้ข้อสรุปแถมยังตีกันอีก

อ่านครบจบทั้ง 10 ข้อแล้วลองเช็คคู่ของตัวเองดูนะคะว่า หลงลืมหรือละเลยข้อไหนไปบ้าง จะได้อุดรอยรั่วได้ทัน เพื่อให้งานแต่งงานของคุณทั้งคู่ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากอุดรอยรั่วแล้วยังหลุด อย่าเสียใจ แต่ให้มองให้เป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีร่วมกันซะ เพราะงานแต่งงานคือเรื่องดีๆ ที่มีคุณกับคนรักเป็นหัวใจสำคัญนี่นา

ส่วน 5 ข้อเจ้าสาวควรทำก่อนงานแต่งงาน 1 สัปดาห์! สำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะ

ภาพ Pinterest, pexels.com

วิธีรับมือกับข้อแม้สถานที่แต่งงานไม่สามารถจัดงานแต่งงานในฝันให้ได้

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่หรือแทบจะทุกคู่ในปัจจุบันเลือกใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญให้มาเนรมิตงานแต่งงานในฝัน แต่จะทำยังไงถ้า สถานที่แต่งงาน ที่คุณมองไว้บอกว่า “ไม่สามารถที่จะทำตามความต้องการนั้นได้” ก่อนที่คุณจะตีโพยตีพายโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ แพรว wedding คิดว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่คู่บ่าวสาวควรจะรับฟังพร้อมกับคิดและวิเคราะห์คำแนะนำหรือข้อมูลที่คุณได้รับมาเพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไปมากกว่า และนี่คือวิธีการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวที่เราอยากจะบอกต่อ

 

คุณยังมีตัวช่วยด้านอื่นๆ อีก

เมื่อว่าที่บ่าวสาวบอกกับสถานที่แต่งงานว่า อยากได้อย่างนั้น อยากทำอย่างนี้ บางสถานที่อาจจะให้คำตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ/ครับ” อย่าเพิ่งตกใจ เสียใจ แล้วเปลี่ยนสถานที่ไปซะก่อนนะ เพราะอย่าลืมว่างานแต่งงานของบ่าวสาวยังมีหน่วยอื่นๆ ที่พร้อมจะช่วยและซับพอร์ต ไม่ว่าจะเป็น ดีไซเนอร์รับจัดงานแต่ง, นักจัดดอกไม้, แคเทอริ่ง หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ พวกเขาเหล่านี้คือครีเอทีฟผู้ช่วยเชี่ยวชาญที่ผ่านศึกงานแต่งงานมาเป็นร้อยๆ เพราะฉะนั้นคำว่า “ไม่ได้” จะกลายเป็นความท้าทายให้พวกเขาเนรมิตงานแต่งงานในฝันของคุณให้ออกมาได้ในที่สุด

ทุกสถานที่แต่งงานอาจมีข้อแม้ว่าไม่สามารถทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ หรือหากทำได้ก็อาจจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ว่าที่บ่าวสาวควรทำความเข้าใจ และเลือกใช้ตัวช่วยจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ในการปรับเปลี่ยนดีไซน์ที่ต้องการให้ตรงกับสิ่งที่บ่าวสาวอยากได้ให้มากที่สุด

 

เช็คและไตร่ตรองถึงเหตุผลที่ทำไม่ได้

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่อาจจะคิดว่า “ก็ไม่ได้ขออะไรมากมายนัก ทำไมถึงทำไม่ได้” อย่าเพิ่งโมโหไป แต่ตั้งสติรับฟังถึงเหตุผลของทางสถานที่ก่อน แล้วนำเหตุผลหรือความคิดเห็นเหล่านั้นไปปรึกษาและบอกกับผู้จัดงานหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ลองเช็คดูว่าข้อมูลที่ได้มาจากสถานที่แต่งงานนั้นจริงหรือไม่ หรือไม่สามารถทำได้จริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า อีกทั้งว่าที่บ่าวสาวยังจะได้ความคิดเห็น คำแนะนำ ไอเดียดีๆ และทางออกที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงจากผู้จัดงานหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วย และสุดท้ายหากว่าที่บ่าวสาวได้รับรู้ถึงความคิดเห็นจากทุกหน่อยในงานแต่งงานแล้ว ถึงตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่บ่าวสาวจะต้องตัดสินใจว่าจะยังใช้สถานที่แต่งงานที่นี่อยู่หรือไม่อีกด้วย

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, pixabay.com

Wedding Dress Bustle ดีเทลกระโปรงชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสายแฟชั่นห้ามพลาด

ชุดแต่งงาน ถือเป็นว่าเป็นชุดที่สาวๆ สามารถครีเอทสิ่งต่างๆ ที่ชอบเข้าไปได้มากที่สุด เพราะสามารถเพิ่มลูกเล่นได้หมดไม่ว่าจะเป็นที่ช่วงบนของชุด ช่วงเอว หรือช่วงกระโปรง โดยเฉพาะช่วงกระโปรงที่เรียกได้ว่ามีพื้นที่ที่มากที่สุดในบรรดาพื้นที่ของชุดทั้งหมด จึงอาจเพิ่มนู่นเติมนี่ได้มากกว่าบริเวณอื่นๆ และอีกหนึ่งลูกเล่นสำหรับช่วงกระโปรงของเจ้าสาวที่แพรว wedding อยากนำเสนอก็คือ Wedding Dress Bustle อ่ะๆ ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกภาพของชุดแต่งงานสมัยก่อนที่กระโปรงด้านหลังจะมีความพองออกมา หรือมีขนาดใหญ่คล้ายๆ การเสริมช่วงบั้นท้ายให้กับเจ้าสาว ทำให้ชุดแต่งงานมีความพองฟูหรูหราอลังการมากเข้าไปอีก หรืออธิบายอีกอย่างก็คือ การนำผ้ามาติดไว้ที่ด้านหลังชายกระโปรงแล้วปล่อยชายให้ลากยาวออกไป ซึ่งเจ้าสิ่งนี้สามารถเพิ่มความสวยงามและอัพความหรูหราอลังให้กับชุดเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ชุดแต่งงาน

ซึ่งปัจจุบัน bustle ถูกปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น และไม่เน้นความใหญ่เวอร์วังอลังการเหมือนช่างเช่นชุดแต่งงานสมัยก่อน โดยเพียงแค่เน้นการจับจีบชายกระโปรงให้ยกขึ้นแบบเล่นเลเยอร์และความซ้อนทับกันไว้อย่างสวยงาม และอาจเพิ่มลูกเล่นด้วยการประดับโบว์ หรือเข็มกลัดเพชร ก็ช่วยให้ชุดดูมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นไปอีก

เอาเป็นว่าหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนอยากเสริม bustle เข้าไว้กับชุดแต่งงาน อาจจะต้องแจ้งทางร้านหรือดีไซเนอร์ให้ทราบด้วยนะคะ เพราะทางร้านจะได้คำนวณความยาวของชายผ้าให้พอดีกับชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสวมใส่

Read More : ชุดแต่งงานประดับดอกไม้แสนหวานจาก 15 แบรนด์ชุดแต่งงานชื่อดังคอลเลคชั่น Spring 2018

CR. ikadecor.com, nearsay.com, ledieze.com, pinterest, phillipalepley.com

8 วิธีเด็ดเลือกพิธีกรและวงดนตรีในงานแต่งงานแบบสุดคุ้ม

เลือกพิธีกร และวงดนตรีใน งานแต่งงาน ให้คุ้มได้ยังไง? มาดูกัน

สำหรับใน งานแต่งงาน เรื่องของพิธีกร เพลงและวงดนตรี คืออีกหนึ่งเรื่องที่บ่าวสาวต้องจัดงบประมาณไว้อีกหนึ่งก้อน เพื่อสร้างสีสันและเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับงานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของคุณ ซึ่งถ้าคุณกำลังคิดว่าต้องเสียเงินเพียบแน่ๆ ขอให้ลองทำตามที่โปรบ๊อบบี้ – นัฐณิชชา สรัลธยาธรณ์ ผู้จัดการบริษัท Jirayu the Wedding Planner แนะนำดูค่ะ รับรองว่าคุ้ม

1. ยกหน้าที่พิธีกรให้กับเพื่อนญาติหรือคนรู้จักที่กล้าแสดงออกและรู้จักบ่าวสาวเป็นอย่างดี

2. ไม่จำเป็นต้องจ้างพิธีกรมืออาชีพ เลือกเอ็มซีงานอีเว้นต์ คล่องแคล่ว แถมประหยัด

3. เชิญญาติผู้ใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ดำเนินพิธีหรือเป็นประธานในพิธีแต่งงานมาแล้ว ช่วยเป็นเจ้าพิธีให้

4. จ้างคนที่เป็นได้ทั้งพิธีกรและเจ้าพิธีในคนเดียวกัน แต่แนะนำว่า ต้องเตรียมลูกมือในช่วงพิธีการให้ด้วย เพราะเจ้าพิธีต้องหยิบจับจัดสินสอดระหว่างพิธี

5. เปลี่ยนจากการจ้างวงดนตรีเล่นสดมาเป็นเปิดแผ่นแทน

6. เลือกวงดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้น แต่สร้างเสียงเพลงได้หลายรูปแบบ บางงานใช้เครื่องดนตรีชิ้นเดียวอย่างอิเล็กโทนหรือกีตาร์ก็เอาอยู่แล้ว

7. หลีกเลี่ยงเครื่องดนตรีหายากที่นอกจากต้องจ้างคนเล่นแล้วยังต้องจ่ายค่าเช่าเครื่องดนตรีพิเศษเพิ่ม

8. จ้างวงดนตรีของมหาวิทยาลัย (โดยเฉพาะที่มีคณะเกี่ยวกับดนตรี) ฝีมือดีราคาย่อมเยากว่ามืออาชีพ

แต่ถ้าอยากให้งานออกมาเป๊ะต้องไม่พลาด  คำแนะนำการเลือก วงดนตรีในงานแต่ง จากกูรู…เลือกอย่างไรให้ปัง

ตอบทุกข้อสงสัย มงคลแฝดคืออะไร หาได้ที่ไหน ใครเป็นคนสวม

มงคลแฝด ของสำคัญขาดไม่ได้เด็ดขาดในพิธีแต่งงานไทย

บ่าวสาวน้อยคนนักที่จะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของ มงคลแฝด รวมไปถึงเรื่องที่ว่า แล้วจะต้องไปหาจากที่ไหน มีขายหรือเปล่า และเมื่อได้มาแล้วก็ยังต้องมาเถียงกันอีกว่า แล้วใครที่จะเป็นคนสวมมงคลแฝดให้กับบ่าวสาวในวันแต่งงานกันล่ะ แพรว wedding เลยอาสาตอบทุกข้อสงสัยให้หายข้องใจเรื่องมงคลแฝด ดังนี้

มงคลแฝด…คือ?

ขอบอกก่อนว่ามงคลแฝดก็คือสายสิญจน์ที่เรารู้จักกันนั่นแหละ เพียงแต่นำมาจับทบกัน 9 เส้น ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วม้วนเป็นห่วงวงกลม 2 ห่วง ในขนาดที่สามารถวางบนหัวของบ่าวสาวได้พอดี แต่จะต้องเว้นให้มีระยะห่างระหว่างห่วงประมาณ 2 ศอก เพื่อที่จะทำให้บ่าวสาวขยับตัวได้สะดวกนั่นเอง

หาซื้อได้ที่ไหน?

สำหรับมงคลแฝดในท้องตลาดมีให้คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์และร้านที่ขายอุปกรณ์ อย่างตลาดบางลำพู, พาหุรัด เป็นต้น โดยมีให้เลือกซื้อทั้งแบบนำมาจับเองและแบบสำเร็จรูป ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า เหตุเพราะมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากและซับซ้อน ต้องใช้สมาธิสูง ดังนั้นมงคลแฝดแบบสำเร็จรูปจึงตอบโจทย์ความสะดวกสบายของบ่าวสาวในยุคปัจจุบันมากที่สุด

แต่หากใครกลัวว่าซื้อมงคลแฝดแบบสำเร็จมาแล้วจะไม่ขลัง ก็สามารถนำไปให้พระอาจารย์หรือพ่อหมอ-ครูพราหมณ์ที่ตนหรือครอบครัวนับถือสวดมนต์ลงคาถาให้ก็ได้เช่นกัน

มงคลแฝด…ใครเป็นคนสวม?

ในอดีตจะให้พระสงฆ์ที่มาเป็นประธานเป็นคนสวมและเจิมหน้าผากให้ แต่เนื่องจากว่าพระสงฆ์ไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวสีกาได้ พระสงฆ์จึงต้องจับมือเจ้าบ่าวเพื่อเจิมให้เจ้าสาว แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนให้ฆราวาสที่เป็นประธาน มาสวมมงคลแฝดและเจิมหน้าผากให้บ่าวสาวแทนเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น

เก็บรักษาอย่างไร?

สำหรับการเก็บรักษา หากยังไม่ได้ใช้แนะนำว่าควรเก็บไว้บนที่สูงดูจะดีงามกว่าการนำมาวางไว้กับพื้นนะจ๊ะ ก็แหมของมงคลที่ต้องนำมาวางบนหัวคงไม่มีใครอยากให้มีคนมาเดินข้ามไปมาใช่ไหมล่ะ แต่หลังจากเสร็จพิธีรดน้ำสังข์ และมีผู้ใหญ่มาปลดออกให้แล้ว บ่าวสาวควรเก็บไว้บนหัวนอนหรือหากเตียงไม่มีชั้นบนหัวนอนก็ควรจะเก็บไว้ในที่สูงเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตคู่ เช่น หิ้งพระ หรือบางคู่อาจนำไปใส่กรอบแล้วแขวนโชว์ก็ได้เช่นกัน

ทั้งหมดนี้ก็คือความหมายและรายละเอียดเกี่ยวกับมงคลแฝดที่เรานำมาฝากว่าที่บ่าวสาว เมื่อทราบกันแล้วก็สามารถหาซื้อตระเตรียมแล้วนำไปให้พระอาจารย์ที่เคารพปลุกเสกรอได้เลยจ้า

อ่านเรื่องราวมงคลแฝดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย ความหมามงคลแฝด หรือมงคลจักรมีความเป็นสิริมงคลต่อบ่าวสาวยังไง?

บ่าวสาวยิ้มได้ยาวๆ กับเทคนิคการนั่งในพิธีรดน้ำสังข์ยังไงไม่ให้เมื่อย 

ถึงแม้ใน พิธีรดน้ำสังข์ จะนั่งบนเก้าอี้ แต่ถ้านานๆ ก็เมื่อยได้เหมือนกันนะ … งั้นไปหาวิธีแก้เมื่อยกันดีกว่า

หมดปัญหาบ่าวสาวปวดแขน ปวดหลัง เมื่อต้องนั่งรับน้ำสังข์นานๆ

หนึ่งพิธีที่ยาวนานและบ่าวสาวต้องใช้เวลากับช่วงนั้นยาวๆ ก็คือช่วง พิธีรดน้ำสังข์ ที่ถึงแม้จะนั่งบนเก้าอี้แต่เชื่อเถอะว่าการนั่งอยู่ในอิริยาบถนั้นเป็นเวลานานๆ อาการเมื่อยล้าก็ถามหาได้ เพราะฉะนั้นเรามีวิธีการรับมือกับการนั่งรับน้ำสังข์เป็นเวลานานมากฝาก รับรองว่าไม่ว่าแขกจะต่อแถวยาวเป็นหางว่าวแค่ไหน บ่าวสาวก็รับมือไหวแน่นอน

สำหรับคู่ที่นั่งพับเพียบกับพื้น เมื่อเกิดอาการเหน็บชาให้ลองเปลี่ยนข้างด้วยการเท้ามือไปด้านหน้า โน้มตัวเล็กน้อย ยกตัวขึ้น พลิกขาเปลี่ยนไปอีกข้างหนึ่ง โดยผลัดเท้าไปทางด้านหลัง ดูเรียบร้อยสวยงาม ไม่กระโดกกระเดก ส่วนคู่ที่นั่งบนตั่งรดน้ำสังข์ ไม่ควรนั่งจนเต็มเก้าอี้ ควรนั่งสักครึ่งหนึ่งเพื่อให้ตัวใกล้กับตั่งมากที่สุด จะได้ไม่ต้องโน้มตัวมากจนเมื่อยหลัง วางปลายเท้าให้ถึงพื้นและกระจายน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองข้าง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเมื่อยล้าได้ไม่น้อย

ไม่ว่าจะนั่งพับเพียบหรือนั่งบนตั่งรดน้ำสังข์ สิ่งที่เมื่อยเหมือนกันก็คือแขน เพราะทั้งบ่าวสาวต้องเอนตัวไปด้านหน้าเพื่อรอรับน้ำสังข์จากญาติผู้ใหญ่ ดังนั้น ให้หาจังหวะระหว่างคิวรดน้ำของผู้ใหญ่ท่านถัดไป ขยับหัวไหล่และแขนเล็กน้อย ก็จะช่วยให้หายจากอาการเมื่อยได้บ้าง

ความเมื่อยล้าเป็นสิ่งที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหลีกเลี่ยงไม่ได้ในวันสำคัญ แต่เพื่อไม่ให้ความเมื่อยเหล่านั้นมาคอยกวนใจ จนถึงกับต้องหน้ายู่บ่นโอดโอยกลางงานแต่ง ลองเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้ รับรองว่าจะนั่งจะยืนก็ยิ้มได้แน่นอน

แก้ปัญหาเรื่องการนั่งได้แล้ว ก็อย่าลืมแก้เรื่องที่มักเกิดขึ้นในงานแต่งไทยบ่อยๆ เหล่านี้ด้วยนะ >>> แก้ปัญหา 6 ช่วงพิธีการติดขัดในงานแต่งไทยยังไงให้ลื่นปรืด