วิธีจัดการ สิ่งไม่คาดฝัน ที่เกิดกับ ผิวหน้าเจ้าสาว ก่อนวันแต่งงาน!

ถูกของร้อนลวก! ถูกของมีคมบาด! หรือเผลอบีบสิว! จะแก้ไขสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดกับ ผิวหน้าเจ้าสาว เหล่านี้ ยังไงให้ทันวันวิวาห์ที่กำลังใกล้เข้ามา เรามีคำตอบ!

แผลสด แผลไฟไหม้ แผลฟกช้ำ น้ำร้อนลวก รอยแผลเป็นและผื่นแดง! เหล่านี้คงเป็นสิ่งที่สุดท้ายที่เจ้าสาวอยากให้เกิดกับผิวหน้าของตัวเองในวันแต่งงานใช่ไหมคะ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น เหตุการณ์ไม่คาดฝัน รู้ไว้ก่อนดีกว่าตื่นตระหนกในภายหลังค่ะ เราก็เลยรวบรวมมาให้แล้วว่า ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ทำร้ายผิวหน้าเจ้าสาวก่อนถึงวันแต่งงานไม่กี่วัน เราจะต้องทำยังไงบ้าง แน่นอนว่าถ้าหากเกิดขึ้นใกล้วันแต่งงานมากๆ อาจจะไม่มีอะไรที่ช่วยให้แผลต่างๆหายสนิท 100% แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้แย่ลงไปกว่าเดิมแน่นอน

 

  • ของมีคมบาด!

รีบกดปากแผลด้วยผ้าสะอาดจนกว่าเลือดจะหยุดไหล

ถ้าปากแผลไม่ลึกมาก รีบล้างแผลด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เพื่อฆ่าเชื้อโรค ตามด้วยยารักษาแผลสดอย่างทิงเจอร์หรือเบตาดีน หลังจากนั้นไม่ต้องปิดแผลด้วยผ้าก็อซ พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ

ถ้าหากสงสัยว่าของมีคมที่บาดผิวเราจะไม่สะอาด ไปฉีดยากันบาดทะยักเพื่อความชัวร์ก็ดีนะ

แต่ถ้าปากแผลลึก กว้าง หรือเลือดไม่ยอมหยุดไหล รีบไปหาหมอด่วนเลยจ้า!

 

  • ถูกน้ำร้อนลวกหรือถูกของร้อน!

แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แบ่งออกได้เป็นสามระดับ ถ้าหากแผลของเราไม่ได้รุนแรงมาก คือ เป็นแค่รอยแดง หรือมีตุ่มน้ำเล็กๆ เราสามารถรักษาแผลได้ด้วยตัวเองที่บ้าน แต่ถ้ารุนแรงกว่านั้น (ผิวหนังชั้นบนหลุดลอก มีเลือดออก) รีบไปหาหมอด่วนเลยจ้า!

ทันทีที่ถูกลวกหรือไหม้ ห้าม! ใช้ยาสีฟันทาบริเวณแผลอย่างที่หลายคนเข้าใจนะคะ

วิธีที่ถูกต้องคือ เปิดน้ำให้ไหลผ่านบริเวณแผล หรือแช่บริเวณแผลในน้ำอุณหภูมิห้อง นานติดต่อกัน  10-15 นาที หลังจากนั้น ให้ทาเจลว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยให้ผิวหนังบริเวณนั้นลดการอักเสบ และไม่ควรให้แผลโดนแดดค่ะ

www.activemomsnetwork.com

 

  • เผลอบีบสิวอักเสบซะแล้ว!

หากมีเลือดออก ให้ใช้ทิชชูสะอาดกดบริเวณปากแผลจนเลือดหยุด หลังจากนั้นให้ทายารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ benzoyl peroxide เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทิ้งไว้จนแผลแห้งสนิท ต่อจากนั้นให้ทาหัวสิวด้วยยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid ที่จะช่วยลดการอักเสบ หากช่วงนั้นต้องแต่งหน้า สามารถใช้แผ่นแปะสิวที่มีวางจำหน่ายตามร้านขายยาแปะก่อนเพื่อเป็นตัวช่วยป้องกันแบคทีเรียได้ค่ะ

  • จู่ๆก็แพ้สกินแคร์จ้า!

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมว่าที่เจ้าสาวจึงไม่ควรลองสกินแคร์ใหม่ที่ไม่เคยลองในช่วงใกล้แต่งงานนะคะ แต่ถ้าหากดันเกิดไปลองอะไรแปลกๆ และแพ้ขึ้นมา สิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือหยุดใช้ทันที! และไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้คุณหมอช่วยเยียวยาผิวหน้าของเราโดยด่วนค่ะ

 

  • รอยฟกช้ำดำเขียว!

ทันทีที่ถูกอะไรกระแทกแรงๆ และรู้ตัวว่าวันสองวันต่อมาจะต้องฟกช้ำแน่นอน! สิ่งแรกที่ควรทำคือประคบเย็นบริเวณดังกล่าวประมาณ 10 นาที ความเย็นจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัวและลดการฟกช้ำได้ นอกจากนั้น การยกบริเวณที่ฟกช้ำไว้สูงๆ บ่อยๆ ก็สามารถช่วยลดอาการฟกช้ำ นอกจากนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานยาที่มีผลต่อเส้นเลือดอย่าง ibuprofen, naproxen หรือ aspirin ค่ะ

healthh.com

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายถ้าหากเกิดขึ้นแล้ว ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจะรับมือกับมันยังไงต่างหากค่ะ ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายอย่าลืมว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สติ ที่จะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

credit: healthline.com , medthai.com , pobpad.com
credit Feature Photo: jennkavanagh.com

16 ลุคมิกซ์แอนด์แมตช์สูทเจ้าบ่าวให้โดดเด่นกว่าใครในงาน

ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนลุคเจ้าบ่าวที่เราคุ้นตาก็มักจะเป็นชายหนุ่มรูปงามในสูทสีดำ น้ำเงิน หรือเทา แพรว wedding เลยขอนำเสนอไอเดียใหม่ที่จะช่วยเพิ่มลุคเจ้าบ่าวให้ดูโดดเด่นกว่าใครในงาน ด้วย 16 ลุค สูทเจ้าบ่าว สไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ ที่รับรองว่าแต่งปุ๊บเจ้าสาวจะต้องตกหลุมรักคุณอีกครั้งแน่นอน

1. สูทสีเขียวโอลีฟ เฉดสีที่เจ้าบ่าวอาจจะไม่คุ้นเคย แต่หากได้ใส่เฉดสีนี้คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน รับรองว่าเจ้าบ่าวจะดูโดดเด่นกว่าใครในงานแน่นอน

2. สูทผ้าคอตตอนสีชมพูที่แมตช์กันได้อย่างลงตัวกับเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินลายตารางด้านใน เสริมด้วยเนคไทโพลก้าดอตที่เหมาะเจาะลงตัว เหมาะกับเจ้าบ่าวที่จัดงานแต่งเรียบง่ายในสวนหรือร้านอาหารสุดชิค

สูทเจ้าบ่าว

3. อีกหนึ่งสไตล์ที่เหมาะกับเจ้าบ่าวสายแคชชวล ที่จัดงานแต่งหรือปาร์ตี้ริมทะเล กับการเลือกเชิ้ตในเฉดสีน้ำทะเล จับคู่กับกางเกงเฉดสีผืนทราย แล้วเพิ่มโบไทอีกนิดเพื่อให้ได้ลุคแบบเจ้าบ่าว

สูทเจ้าบ่าว

4. ใครว่าเจ้าบ่าวจะหล่อเท่ในเชิ้ตลายดอกในวันแต่งงานไม่ได้ค่ะ เพราะเพียงแค่เลือกแมตช์สีเชิ้ตด้านในให้เข้ากับสูทตัวนอกก็หล่อเท่ได้ในสไตล์นี้แล้ว แถมลุคนี้ยังเหมาะสุดๆ กับเจ้าบ่าวสายฮิปหรือเจ้าบ่าวสายเด็กแนวอีกด้วย

สูทเจ้าบ่าว

5. หล่อใสในสไตล์พาสเทล ที่จะช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูเป็นโอปป้าสายเกาได้ไม่ยาก เสริมลุคนี้ด้วยโบไทสไตล์โพลก้าดอตในเฉดสีเดียวกับสูท เท่านี้ก็ดูดีในงานแต่งแล้ว

6. หากคุณเป็นเจ้าบ่าวสายแฟชั่นและเบื่อกับสูทเรียบง่ายแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนสไตล์มาเป็นสูทลายทางที่เหมาะกับเจ้าบ่าวช่วงตัวสั้น เพราะจะช่วยทำให้ช่วงตัวดูยืดขึ้น ส่วนสีสูทนั้นก็เลือกได้ตามสไตล์ที่เจ้าบ่าวชอบ แล้วอย่าลืมเสริมลุคให้โดดเด่นด้วยโบไทในเฉดสีที่ต่างกับสูท

7. เจ้าบ่าวสายแฟชั่นสไตล์วินเทจ ขอแนะนำให้แมตช์ลุคแบบรัสติกและเซาท์เธิร์นเข้าด้วยกัน คุณก็จะกลายเป็นเจ้าบ่าวในยุค 1920s ขึ้นมาทันที กับการมิกซ์แอนด์แมตช์สูทและกางเกงในเฉดสีเอิร์ธโทน เสริมด้วยโบไท แล้วจบลุคนี้ด้วยหมวกปีกกว้าง

8. ไม่ต้องใส่สูทก็ดูดีได้นะจ๊ะ เพราะเพียงแค่เวสต์โค้ท (หรือเสื้อกั๊กนั่นแหละค่ะ) ตัวเดียวก็เอาอยู่ แต่อาจจะต้องเลือกเฉดสีแบบเรียบง่ายอย่างสีน้ำเงิน หรือสีเทา เพื่อช่วยคุมโทนให้คุณยังดูเป็นเจ้าบ่าวไม่ดูกลมกลืนไปกับแขกในงาน

 

9. ให้อารมณ์แคชชวลสุดๆ ในสูทผ้าลินินที่ตัดเย็บในรูปแบบทางการ เหมาะกับเจ้าบ่าวที่จัดงานใหญ่แต่อยากจะคงไว้ซึ่งสไตล์สบายๆ ในแบบฉบับของตัวเอง

10. ให้ลุคแฟชั่นนิสต้าและหรูหราสุดๆ กับเสื้อผ้าสไตล์กำมะหยี่ โดยเจ้าบ่าวอาจจะเลือกสูทและกางเกงเฉดสีเดียวกันเพื่อช่วยคุมโทน แต่ถ้าหากมีความมั่นใจแบบเกินร้อยก็อาจจะเลือกจับคู่สีที่เข้ากัน เช่น สูทสีน้ำเงินเข้มที่เข้ากับกางเกงสีเบอร์กันดีได้เป็นอย่างดี เป็นต้น

11. เจ้าบ่าวสายคันทรี่ที่อยาได้ลุคแฟชั่น และจัดงานแต่งในสไตล์รัสติก ไม่เน้นความเป็นทางการและแขกผู้ใหญ่ไม่เยอะ อาจจะเลือกแต่ตัวง่ายๆ สบายๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเท่ อย่างแจ็คเก็ตสูทสีเข้มแมตช์กับเชิ้ตสีอ่อนด้านใน และที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ Bolo tie หรือเนคไทแบบคาวบอย ที่จะช่วยสร้างลุคเจ้าบ่าวให้โดดเด่นอย่างมีสไตล์กว่าใครในงานแน่นอน

12. เติมสีสันให้งานแต่งงานดูสดชื่นได้ด้วยสูทเจ้าบ่าวสีสันสดใสแต่ยังดูดี เช่น เฉดสีอัญมณีทั้งหลาย ที่รับรองว่าใส่แล้วดูดีไม่เป็นตลกคาเฟ่แน่นอน

13. ชุดสูทผ้าเซียร์ซัคเกอร์ เทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน กับสไตล์อันโดดเด่นของเนื้อผ้าที่มีลักษณะเป็นรอยย่น ซึ่งอาจจะเลือกเป็นผ้าเฉดสีอ่อนเพื่อช่วยให้ลุคของเจ้าบ่าวดูซอฟต์และละมุนขึ้น

14. เรียบง่ายแต่แอบแพง กับการเลือกสวมกางเกงผ้าทวีดที่ใส่ปุ๊บให้ลุคแพงปั๊บ ที่โดดเด่นด้วยเท็กซ์เจอร์ของเส้นใยแบบชัดๆ  แมตช์กับเชิ้ตสีอ่อนแล้วเสริมด้วยสายเอี๊ยมหนังสุดเท่ที่เข้ากับกางเกงผ้าทวีดสุดๆ

15. เจ้าบ่าวสไตล์มิกซ์แอนด์แมตช์ต้องไม่พลาด กับความโดดในสไตล์แบบเล่นเลเยอร์ ที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้า 4 ชิ้นคือ เชิ้ตตัวใน, เสื้อกั๊ก, แจ็คเกตสูทหรือสูท และกางเกง โดยงานนี้อาจจะต้องอาศัยเทคนิคการจับคู่สีของเจ้าบ่าวด้วย

16. ชุดสูทลายตางรางสุดชิค ที่สามารถให้ได้ทั้งลุคทางการ กึ่งทางการ หรือลุคสบายๆ ไม่ว่าเจ้าบ่าวจะจัดงานสไตล์ไหนก็สามารถใส่สูทสไตล์นี้ได้แน่นอน

ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากับ 7 สไตล์รองเท้าเจ้าบ่าวที่ใส่ปุ๊บหล่อปั๊บ
รวมมิตร 11 ร้านสูทเจ้าบ่าวสุดเท่หลากสไตล์ทั่วกรุงพร้อมราคา
หล่อให้สุดแบบฉุดไม่อยู่! ด้วยบูโทเนียร์หลากสไตล์เสริมความเก๋ให้ลุคเจ้าบ่าว

CR. www.brides.com

เทคนิคเลือกโทนสีชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ใช่ให้เหมาะกับสไตล์ของแก๊ง 

ภารกิจพิชิต ชุดเพื่อนเจ้าสาว เริ่มขึ้นทันทีที่รู้ว่าเพื่อนรักกำลังจะแต่งงาน และนั่นก็เป็นที่มาของปัญหาระดัับชาติที่ว่า จะใส่ชุดแบบไหน สีอะไรดี ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันดีกว่าบางคนอาจจะเหมาะกับชุดแบบนี้หรือสีแบบนั้น จึงทำให้แก๊งเพื่อนสาวเวียนเฮดเพราะตกลงกันไม่ได้สักที แพรว wedding จึงขอทำหน้าที่เป่านกหวีดเพื่อที่จะบอกว่า หากคุณเป็นเพื่อนเจ้าสาวสไตล์ไหน ก็เลือกโทนสีชุดที่ใช่ในสไตล์นั้น (ในกรณีที่เจ้าสาวไม่ได้ระบุธีมสี) รับรองว่าเท่านี้ก็จบปัญหาแบบลงตัวแล้ว 

เพื่อนเจ้าสาวแสนหวาน

ถ้าพวกคุณเป็นกลุ่มเพื่อนสาวแสนหวานหรือเรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้ พลาดไม่ได้กับชุดโทนสีชมพู สียอดนิยมที่มีหลายเฉดให้เลือก จะหวานน้อยหวานมากหรือหวานซ่อนเปรี้ยวก็เลือกได้ตามสไตล์

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เพื่อนเจ้าสาวน่ารักสดใส

แก๊งเพื่อนสาวเฮฮาอารมณ์ดีน่ารักสดใส เราขอแนะนำชุดโทนสีฟ้า สีมินต์ และสีพาสเทล สีสันน่ารักๆ ที่นอกจากจะช่วยบอกสไตล์แก๊งเพื่อนเจ้าสาวแล้ว ยังช่วยเติมเต็มความสดใสให้งานแต่งได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เพื่อนเจ้าสาวเรียบหรู
กลุ่มเพื่อนสาวสวยเฉี่ยวทันสมัย เรียบหรูอย่างมีสไตล์ได้ง่ายๆ ด้วยชุดโทนสีเทา อีกหนึ่งสีฮอตฮิตติดลมบนที่ช่วยอัพลุคสาวสังคมสวยเก๋ได้ในพริบตา

เพื่อนเจ้าสาวเปรี้ยวจี๊ด
แก๊งเพื่อนสาวสุดเปรี้ยวที่ชื่นชอบการปาร์ตี้หรือหลงใหลแสงสียามค่ำคืน ไลฟ์สไตล์จี๊ดๆ แบบนี้เหมาะจะโดดเด่นดูดีในชุดโทนสีแดง ซึ่งไม่ว่าแบบชุดของคุณจะเรียบแค่ไหนก็เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดขึ้นได้ถ้าใช้สีนี้

>> ดูไอเดียชุดเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.weddingwire.com, www.insideweddings.com, www.pinterest.com,
www.sheknows.com

แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คืออะไรมาดูกัน … พร้อมรู้วิธีการทำ ไม่ยากอย่างที่คิด

หากพูดถึงของมงคลในงานแต่งงานหลายๆ คนจะนึกถึง แป้งเจิม แน่นอน แล้วสงสัยไหมคะว่าทำมาจากอะไร มีส่วนผสมใดบ้าง และมีขั้นตอนการทำอย่างไร

แพรว wedding จะขอนำที่มาของแป้งเจิม มาบอกเล่าให้บ่าวสาวได้อ่านกัน รวมไปถึงวิธีการทำแป้งเจิมแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำเองได้ แถมยังรับประกันความหอมอีกด้วย หรือถ้าบ่าวสาวคนไหนทำแป้งเจิมไว้ในปริมาณมากๆ ก็สามารถนำมามาบรรจุลงตลับสวยๆ ทำแจกเป็นของชำร่วยได้อีกด้วยนะ

แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คืออะไร

คือแป้งที่ใช้เจิมหน้าผากบ่าวสาวในงานแต่งงาน และยังถือเป็นของมงคลที่สามารถนำมาเจิมบ้าน เจิมเสาเอกได้อีกด้วย ส่วนกระแจะจันทร์เป็นเครื่องหอมไทยที่มีมานานมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีการคิดปรุงเครื่องหอมไทย  คำว่ากระแจะ มีความหมายคือ ของเหลวที่ข้นเหลว ส่วนกระแจะจันทร์ได้มาจากต้นจันทร์หอม โดยคนไทยในสมัยก่อนใช้ประโยชน์จากไม้จันทร์หอมด้วยการนำมาทำเป็นเครื่องหอมนั่นเอง

แป้งเจิม

ต้นจันทร์หอมที่ยืนต้นตาย จะถูกโค่นแล้วนำแก่นด้านในเนื้อไม้มาสับออกเป็นท่อนๆ นำมาฝนให้เป็นผงละเอียด แล้วนำมาละลายน้ำ สามารถใช้ชะโลมผิวให้เกิดกลิ่นหอมชื่นใจได้ ซึ่งสาวๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจะใช้ไม้แก่นจันทร์ฝนกับหินเนื้อหยาบให้กลายเป็นผงละเอียด จากนั้นนำไปละลายกับน้ำอบ แล้วนำมาทาชโลมผิว ส่วนกลิ่นของกระแจะจันทร์นั้นจะหอมอบอวลติดกายเป็นเวลานานอีกด้วย

ในปัจจุบัน แป้งกระแจะจันทร์มีการปรับปรุงและพัฒนา ผ่านการปรุงแต่งด้วยการอบร่ำด้วยกำยาน เเละเทียนอบทำให้มีกลิ่นหอมอบอวลมากกว่าเดิม ส่วนผสมหลักจะมีแป้งร่ำ (ดินสอพอง) น้ำอบไทย และเทียนอบ

แป้งเจิม

ซึ่งกระแจะจันทร์ยังมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย จึงทำให้สาวๆ ในสมัยก่อนมีผิวพรรณผุดผ่อง ไม่มีริ้วรอยต่างๆ และยังช่วยให้รอยผดผื่นหายไปอีกด้วย อีกทั้งตัวแป้งยังมีความเย็นและมีกลิ่นหอมติดตัวเป็นวันๆ เชียวล่ะ … เอาเป็นว่าไปดูอุปกรณ์ในการทำและวิธีการทำกันดีกว่า

อุปกรณ์

  1. แป้งหิน (หรือ ดินสอพอง)
  2. น้ำอบไทย
  3. น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิ
  4. เทียนอบ
  5. โถสำหรับอบแป้ง ต้องมีฝาปิดมิดชิด
  6. ถุงพลาสสติก หรือ กรวยสำหรับหยดแป้ง

 

วิธีการทำ

  1. นำแป้งหิน หรือ ดินสอพองออกมาวางผึ่งให้กลิ่นในตัวแป้งหายไปเสียก่อน (วางทิ้งไว้จนกว่ากลิ่นเดิมจะจาง)
  2. นำแป้งหินมาบดให้ละเอียด จากนั้นนำน้ำอบไทยค่อยๆ ผสมลงไป พร้อมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะลิ ให้ตัวเนื้อแป้งละลายจนมีเนื้อเหนียว แต่ไม่เละจนเป็นน้ำ ค่อยๆ ผสมให้เข้ากัน
  3. นำแป้งที่มีเนื้อเหนียวกำลังดี เทเข้าถุงพลาสสติก หรือกรวยสำหรับหยดแป้ง
  4. หยดแป้งให้มีขนาดประมาณนิ้วก้อยหลายๆ หยด โดยให้แต่ละหยดแยกออกจากกัน ห้ามวางชิดกัน
  5. นำแป้งที่หยดเสร็จ ไปวางตากให้แห้งจนตัวแป้งแข็ง
  6. เมื่อตัวแป้งแข็งแล้ว นำแป้งเทลงในโถสำหรับอบแป้ง แล้วจุดเทียนอบรอจนไฟดับ จากนั้นเอาไปไว้ในโถ ปิดฝาให้สนิทแล้วทิ้งไว้
  7. อบเทียนสัก 2-3 เทียน เพื่อให้กลิ่มหอมติดกับแป้งทนนาน

แป้งเจิม

เป็นอย่างไรคะ ทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหม ส่วนเวลาจะนำแป้งมาเจิมมาใช้ก็เพียงแค่ใส่แป้งเจิมไว้ในถ้วยหรือขันใบเล็กๆ สัก 3-4 หยด แล้วผสมกับน้ำอบกะจำนวนไม่ให้เหลวจนเกินไป แล้วบดให้เนื้อแป้งและน้ำอบเข้ากัน ก็สามารถนำมาทำเป็นแป้งเจิมหน้าผากบ่าวสาวได้แล้ว หรือถ้าบ่าวสาวคู่ไหนที่อยากได้ความเป็นสิริมงคลก็อาจจะนำไปผสมกับน้ำพระพุทธมนต์ได้เช่นกัน

แป้งเจิม

นอกจากแป้งเจิมแล้ว เรายังมี  ข้าวของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงานแบบไทย มาฝากว่าที่บ่าวสาวให้ได้เตรียมการกันเอาไว้ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลแป้งกระแจะจันทร์ วิธีการทำ และรูปภาพสวยๆ จาก : เฟซบุ๊ก คนรักไม้ดอกหอมและเครื่องหอมไทย

3 หยุด!! ถ้าเจ้าสาวได้เจอกับชุดแต่งงานที่ใช่แล้วสำหรับวันวิวาห์

ต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนกับการตามหา ชุดแต่งงาน ในฝัน กว่าที่ชุดแต่งงานนั้นจะมาอยู่ในมือของคุณในที่สุด เพราะฉะนั้นอะไรบ้างคือสิ่งไม่ควรทำเด็ดขาดบ้างน้า? เอาเป็นว่าเรามีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาบอก เพื่อที่คุณจะเลี่ยงให้ไกลเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ต้องมีเรื่องมานั่งกุมหัวเพิ่มมากขึ้นก่อนถึงวันวิวาห์ 😉

 

หยุดที่ 1 : ยังคงมองหาชุดในฝันต่อไป

สิ่งที่เจ้าสาวหลายคนพลาดนั่นคือการที่พวกเธอยังคงมองหาชุดแต่งงานในฝันต่อไปแม้จะเจอชุดที่ใช่ที่สุดแล้ว บอกตัวเองให้ชัดว่าคุณได้เจอชุดนั้นเรียบร้อยแล้ว ชุดที่คุณเฟ้นหามานาน อย่าทำให้ตัวเองต้องลังเลด้วยการมองหาตัวเลือกอื่นเพิ่ม นอกจากว่าคุณจะมีงบเหลือสำหรับชุดแต่งงานชุดที่สอง แต่ถ้าไม่… ก็ใจนิ่งเข้าไว้นะคะทุกคน

หยุดที่ 2 : อวดชุดให้คนอื่นดู

อย่าตื่นเต้นเกินไปกับชุดแต่งงานและโชว์มันให้ทุกคนได้ดูไปซะหมด จำไว้ว่าความคิดเห็นของคนอื่นเกี่ยวกับชุดของคุณไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือความรู้สึกของคุณเมื่อได้ใส่ชุดแต่งงานในฝันต่างหาก มันคงจะน่าเศร้าแล้วก็พาลจะเซ็งเอาแน่ๆถ้าคุณเอาชุดไปอวดเพื่อนแล้วได้คอมเม้นท์กลับมาในทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก อย่าพลาดเด็ดขาดเลยนะคะสาวๆ

หยุดที่ 3 : ไดเอทอย่างเอาเป็นเอาตาย

มาถึงจุดนี้แล้วก็มั่นใจได้เลยค่ะว่าหนุ่มที่คุณแต่งงานด้วย เขาแต่งงานกับคุณเพราะคุณเป็นตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นอย่าทรมานตัวเองด้วยการรีดน้ำหนักสุดโหด หรือคิดเมนูอาหารแปลกๆเพื่อที่จะหาทางลดน้ำหนักทางลัด ยังไงแล้วเจ้าสาวทุกคนจะต้องสวยเพอร์เฟ็คท์ที่สุดในวันสำคัญอย่างแน่นอน คนมีความสุขน่ะสวยที่สุดอยู่แล้วว่าไหมคะ เพราะฉะนั้นอย่าเครียดจนเกินไป จำไว้ว่าร้านที่ตัดชุดแต่งงานให้คุณได้วัดและสั่งตัดชุดที่เข้ากับหุ่นของคุณเรียบร้อย ถ้าเจ้าสาวลดน้ำหนักมากเกินไป นั่นอาจทำให้ชุดเดรสดูไม่เข้ารูปอย่างที่ใจคิดนะคะ

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

cr : thriftymommaramblings.com

20 ประเพณีแต่งงาน สุดแปลกจากทั่วมุมโลก…รู้แล้วจะอึ้ง!!

งานแต่งงานล้วนมีประเพณีที่แตกต่างตามวัฒนธรรมของประเทศนั้นๆ ซึ่งในวันนี้ แพรว wedding จะพาไปดู  ประเพณีแต่งงาน ต่างๆ ทั่วโลกที่ขอบอกเลยว่าแปลกมากและไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ด้วยเหรอ!!

1. แต่งงานกับต้นไม้ของชาวอินเดีย

1-(1)---Copyชาวอินเดียเรียกคนที่เกิดภายใต้อิทธิพลดาวอังคารว่า Manglik และเชื่อว่าหากแต่งงานกับพวกที่ไม่ได้เกิดภายใต้อิทธิพลดาวอังคาร จะทำให้เกิดสิ่งอัปมงคล เกิดเรื่องโชคร้าย ชีวิตไม่ราบรื่น มีเหตุให้ต้องหย่าร้างจนถึงคู่ครองเสียชีวิต จึงต้องมีพิธีสะเดาะเคราะห์ก่อนเข้าพิธีแต่งงานจริง โดยให้เจ้าสาวแต่งงานกับต้นไม้ ซึ่งนิยมใช้ต้นกล้วยมาเป็นตัวแทนเจ้าบ่าวนั่นเอง

2. ยิงเจ้าสาวด้วยธนูสามดอกของชนเผ่า Yugur ในประเทศจีน

2---Copyชนเผ่า Yugur ในประเทศจีน มีประเพณีสุดแปลกก่อนเข้าพิธีแต่งงานคือเจ้าบ่าวต้องยิงธนูใส่เจ้าสาวเป็นจำนวน สามดอกแต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะลูกธนูไม่มีหัวจ้า โดยเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรักชั่วนิรันด์

3. แลกเปลี่ยนเจ้าสาวด้วยเขี้ยวปลาวาฬของชาวฟิจิ

3---Copyจะขอลูกสาวเขาทั้งทีต้องมีของมาแลกเปลี่ยนสักหน่อย ประเพณีและวัฒนธรรมของหมู่เกาะฟิจิ ชายหนุ่มต้องนำเขี้ยวปลาวาฬมาแลกหญิงสาวกับพ่อของเธอ แค่นี้หนุ่มๆ ก็จะมีสาวๆ มาเคียงกายล่ะค่ะ

4. ประเพณีราดสิ่งสกปรกบนตัวเจ้าสาวของชาวสกอตแลนด์

4-(1)---Copyประเพณีสุดแปลกที่ไม่ค่อยได้ยินมากนักเกิดขึ้นที่สกอตแลนด์ โดยครอบครัวและเพื่อนๆ ของเจ้าสาวจะจับเธอมัดไว้และราดสิ่งสกปรกลงบนตัวเจ้าสาวเพื่อพิสูจน์ว่าหากเธอทนได้กับสิ่งสกปรกเหล่านี้ เธอก็จะทนความยากลำบากทุกๆเรื่องในชีวิตแต่งงานได้ เอิ่ม…ไม่อยากคิดถึงเวลาอาบน้ำเลยว่านางจะต้องสบู่มากโขขนาดไหน

5. ห้ามเข้าห้องน้ำหลังพิธีแต่งงาน 3 วันของชนเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียว

5-(1)---Copyประเพณีของชนเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียวในประเทศอินโดนีเซียหลังจากที่บ่าวสาวเข้าพิธีแต่งงานแล้วห้ามเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและขับถ่ายเป็นเวลาสามวันเพราะเชื่อกันว่าบ่าวสาวคู่ใดที่ไม่สามารถอั้นการเข้าห้องน้ำได้เป็นเวลาสามวัน จะทำให้ต้องหย่าร้าง แท้งบุตรหรือลูกที่เกิดจะต้องเสียชีวิตในวัยเด็ก งานนี้บอกเลยว่าต้องอาศัยความอดทนขั้นสูงสุดกันเลยทีเดียว

6. เต้นรำท่ามกลางกองเงินในงานแต่งงานของชาวกรีซ

6---Copyเป็นใครก็ต้องอิจฉาประเพณีอย่างแน่นอน เพราะเป็นประเพณีที่บ่าวสาวจะต้องเต้นรำท่ามกลางกองเงินที่โปรยอยู่บนพื้นเต็มไปหมด โอ้ยเป็นไทยหน่อยล่ะไม่ได้ บุพการีร้องแน่นอนที่เอาเงินมาเหยียบย้ำ

7. กินอาหารในโถชำระจำลองของชาวฝรั่งเศส

7---Copy ประเพณีในแต่งงานชวนสยิวของชาวฝรั่งเศสนั้น คือบ่าวสาวจะต้องทานอาหารในโถชำระจำลอง ลองคิดดูสิวะถ้าหากเป็นของจริงที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะเป็นอย่างไร !!

8. ตีเท้าเจ้าบ่าวด้วยปลาของชาวเกาหลี

8---Copyหลังจากพิธีแต่งงานของชาวเกาหลี เจ้าบ่าวจะถูกมัดปลายเท้าด้วยเชือกและถูกตีด้วยปลาที่ปลายเท้า แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงและแข็งแกร่งของเจ้าบ่าว ว่าแต่ปลาที่ใช้ตีเสร็จแล้วเอาไปไหนต่อล่ะนี่

9. ถ่มน้ำลายรดเจ้าสาวของชาวเคนย่า

9-(1)---Copyชนเผ่า Massai ในประเทศเคนย่ามีประเพณีดั้งเดิมที่ปัจจุบันยังคงสืบทอดกันมาอยู่คือ พ่อของเจ้าบ่าวจะถ่มน้ำลายลงบนศีรษะและหน้าอกของลูกสาวเพื่อเป็นการให้พรก่อนที่จะแยกย้ายออกไปมีครอบครัว แหม..พรจากพ่อนี่ชุ่มฉ่ำเป็นน้ำทิพย์จริงแต่เอ๊ะรับน้ำแต่ขอไม่รับกลิ่นด้วยได้ไหมคะคุณพ่อ

10. ขโมยจูบบ่าวสาวของชาวสวีเดน

10-(1)---Copyตามธรรมเนียมของประเทศสวีเดนหากเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวคนใดคนหนึ่งเผลอไปเข้าห้องน้ำ เขาหรือเธอจะถูกขโมยจูบจากแขกผู้ร่วมงาน หึๆ รู้แบบนี้แล้วหากใครมีหวานใจเป็นชาวสวีเดนก็อย่าเผลอเข้าห้องน้ำเชียวล่ะ เอ๊ะ ! หรือจูบแบบนี้เรียกว่าจูบส่งท้ายความโสดนะ

4 ธีมสถานที่จัดงานแต่งงานแบบไหนที่ใช่สไตล์คู่ของคุณกันนะ

สถานที่จัดงานแต่งงาน ก็สามารถบ่งบอกถึงตัวตนของบ่าวสาว และคาแรคเตอร์ของงานแต่งได้เหมือนกันนะ

แน่นอนว่าคู่รักแต่ละคู่ก็ล้วนแต่มีความชอบและสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป นั่นจึงทำให้เมื่อถึงเวลาต้องจัดงานแต่งงานหลายคู่จึงมักที่อยากจะจัดงานแบบที่นำเสนอตัวตนของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับการเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่หลายคู่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า แล้วแต่ละที่มีสไตล์หรือมีคาแรคเตอร์แบบไหนที่จะสามารถตอบโจทย์ความเป็นบ่าวสาว หรือรูปแบบการจัดงานได้บ้าง แพรว wedding เลยจัด 4 ธีมสถานที่แต่งงานมาให้ว่าที่บ่าวสาวได้เลือกกันดูว่า ตัวตนหรืองานแต่งงานของเรานั้นเหมาะที่จะเลือกสถานที่แบบไหนกันแน่

 

ห้องบอลรูม

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

หากบ่าวสาวเป็นคนที่ชอบความเป็นทางการ ค่อนข้างยึดถือธรรมเนียมประเพณี แต่ก็ไม่ละทิ้งความทันสมัย การจัดงานแต่งงานในห้องบอลรูมน่าจะเหมาะสำหรับคู่ของคุณ เพราะสามารถเนรมิตให้เป็นทางการก็ได้ ตามธรรมเนียมก็ดี หรือจะตกแต่งให้โมเดิร์นก็ไม่ยาก เรียกว่าสร้างสรรค์ได้ตามใจปรารถนาและไม่ต้องกังวลกับปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหากจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์อีกด้วย

 

งานแต่งริมทะเล

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สำหรับบ่าวสาวสายชิลและสายโมเดิร์น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ชื่นชอบบรรยากาศสายลม แสงแดด ฟ้าสวย น้ำใสของทะเลเป็นชีวิตจิตใจ การจัดงานแต่งริมทะเลคงโดนใจคุณที่สุด เพราะด้วยบรรยากาศสบายๆ สไตล์งานปาร์ตี้ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก ทำให้ไม่ว่าจะเป็นบ่าวสาว ญาติ เพื่อน หรือแขกเหรื่อต่างก็หลังรักงานแต่งริมทะเลด้วยกันทั้งนั้น

 

งานแต่งงานในสวน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

ถ้าเอ่ยถึงงานแต่งในสวน หลายคนคงนึกถึงแค่บรรยากาศสบายๆ แต่ความจริงแล้วงานแต่งในสวนเหมาะทั้งสำหรับคอนที่ชอบบรรยากาศชิลๆ คนที่อยากจัดงานแต่งตามะรรมเนียมประเพณี และคนที่รักความทันสมัย เพราะสวนสวยๆ ที่รายล้อมด้วยหมู่มวลแมกไม้สามารถปรับเปลี่ยนบรรยากาศได้ตามสิ่งที่แต่งเติมเข้าไป

 

ร้านอาหาร

สถานที่จัดงานแต่งงาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน

หากบ่าวสาวเป็นประเภทไม่ค่อยถูกจริตกับความเป็นทางการเท่าไร และชื่นชอบความทันสมัย การจัดงานแต่งในร้านอาหารหรือคาเฟ่บรรยากาศดีๆ น่าจะเหมาะสำหรับคุณ เพราะสามารถเลือกได้ว่าชอบร้านบรรยากาศแบบไหน อยากตกแต่งอย่างไร หรือถ้าจะแทรกความเป็นทางการเข้าไปบ้างก็สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยไม่หลุดคอนเซปต์

ภาพ unsplash.com, pinterest

บทความเกี่ยวกับสถานที่จัดงานแต่งงาน และทิปส์เด็ดต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกสถานที่ คลิกเลย!

5 เรื่องนี้คนเป็นแขกต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจพกใครไปงานแต่งงาน

ไปงานแต่ง คนเดียวก็กลัวจะเขิน แต่ก็เกรงใจถ้าจะพกใครไปด้วย งั้นมาเช็ก 5 เรื่องนี้กันก่อนว่า คุณควรจะพกใครไปงานแต่งด้วยไหม

ใช่ว่าเป็นแขกที่ได้รับการ์ดเชิญ ไปงานแต่ง จะไม่มีเรื่องอื่นให้คิดนอกเหนือไปจากเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมนะคะ เพราะเรื่องหนึ่งที่ทำเอาบรรดาแขกทั้งหลายตัดสินใจไม่ได้คือ การ์ดหนึ่งใบพาใครไปด้วยได้บ้าง ก็แหม…งานแบบนี้จะให้ลุยเดี่ยวบางทีก็เก้อๆ เขินๆ ใช่ไหมล่ะ แต่ของแบบนี้สุ่มสี่สุ่มห้าพาไปก็อาจไม่เวิร์คนะคะ งั้นเอางี้ แพรว wedding มี 5 เรื่องให้คุณเก็บไปคิดก่อนตัดสินใจจะพกใครไปเป็นเพื่อนค่ะ

1. นึกถึงความสนิทของคุณกับเจ้าภาพเป็นอย่างแรก

เรียกได้ว่าเป็นประเด็นแรกเลยที่ต้องคิด เพราะถ้าคุณไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเจ้าภาพมากมายนัก เช่นเจ้าภาพคือลูกค้าของบริษัทและคุณคือตัวแทนไปร่วมงาน การที่จะพาคนอื่นๆ ที่แม้จะเป็นแฟนไปด้วยไม่น่าจะเหมาะ แต่ถ้าเจ้าภาพเป็นลูกค้าที่มีความสนิทสนมกับคุณมากเป็นการส่วนตัว จะพกแฟนไปอีกคนคงไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่พกลูกและพี่เลี้ยงไปด้วย แบบนั้นก็เยอะเกินไม่ควรพาไปให้ยั้วเยี้ยงานแต่งเขานะคะ

2. ทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าภาพกับคนที่คุณจะพาไปด้วย

อย่าลืมเด็ดขาดว่างานแต่งงานต้องมีการถ่ายภาพร่วมกัน แล้วถ้าคนที่คุณจะพาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นแฟนหรือเพื่อนเป็นคนที่คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าภาพเขาไม่ค่อยปลื้มหรืออกแนวจะเกลียดขี้หน้าด้วยซ้ำ คุณจะพาไปให้เขาเสียอารมณ์ทำไม อย่าลืมนะคะว่าเขาคือเจ้าของงาน คุณน่ะเป็นแค่แขก และวันนี้คือวันสำคัญในชีวิตของเขา ทำอะไรต้องให้เกียรติเจ้าภาพและนึกถึงความรู้สึกของเขาซะหน่อย ถ้าคุณยังดื้อดึงคิดเอาเองง่ายๆ ว่าไม่เป็นไรหรอก ระวังให้ดีเถอะหลังงานเลิก คุณนั่นแหละจะเสียความสัมพันธ์ดีๆ นั้นไปอีกคน

ไปงานแต่ง3. ขนาดของงานแต่งงานที่ได้รับเชิญ

แม้ว่าคุณจะสนิทกับเจ้าภาพมากจนสามารถพาใครไปเป็นเพื่อนได้ก็ไม่น่าเกลียด หรือคนที่คุณจะพาไปนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเจ้าภาพ แต่อย่าลืมสืบก่อนไปสักนิดว่างานที่จัดเป็นงานแต่งงานขนาดไหน วิธีง่ายๆ คือสืบจากชื่อสถานที่จัดงานแต่งงานในการ์ดเชิญนี่แหละค่ะ ถ้าเป็นห้องบอลรูมในโรงแรม ก็อนุมานได้ว่างานน่าจะอยู่ในขนาดกลางถึงใหญ่แบบว่าเชิญแขกมาเกิน 300 คนขึ้นไป การจะพาใครไปด้วยอีกคนไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ถ้าสืบแล้วพบว่าเป็นสถานที่รับจัดงานเล็กๆ ที่มีแนวโน้มว่าเจ้าภาพอาจต้องการความเป็นส่วนตัว อยากประหยัดงบประมาณหรืออยากได้บรรยากาศอบอุ่นที่มีแต่คนสนิท ก็หยุดคิดอีกสักรอบว่าจะพาไปด้วยดีไหม

4. ประเภทของการจัดเลี้ยงในงานแต่ง

งานแต่งงานจัดแบบค็อกเทล โต๊ะจีนหรือซิตดาวน์ดินเนอร์คะ ถ้าในการ์ดเชิญระบุมาว่าเป็นแบบค็อกเทลก็โอเคหน่อยที่คุณอาจพาไปได้แบบเต็มที่ทั้งภรรยาและลูก แต่ถ้าเป็นการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ขอแนะนำว่าพาไปเพิ่มแค่คนเดียวก็พอ เพราะโดยส่วนใหญ่เจ้าภาพที่จัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนจะใช้สูตรคำนวณปริมาณแขกแบบเผื่อๆ ว่า การ์ด 1 ใบต่อแขก 2 คนเป็นมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นการเลี้ยงแบบซิตดาวน์ดินเนอร์เมื่อไหร่ละก็ การ์ดหนึ่งใบต่อแขกหนึ่งคนแน่นอนค่ะ

5. ชั่งน้ำหนักความจำเป็นที่ต้องพาไปด้วย

ถ้าคิดตามทั้ง 4 ข้อที่ว่าไปแล้วแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า ต้องพาไปด้วยไหม แพรว wedding อยากให้ถามใจตัวเองว่า คุณมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่ต้องพาคนอื่นไปด้วย ถ้าไม่พาไปจะส่งผลถึงขั้นบ้านแตกหรือก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมาในชีวิตหรือเปล่า เช่นมีลูกแต่ไม่มีใครเลี้ยง งานแต่งงานครั้งนี้จะไม่ไปก็ไม่ได้ ถ้างั้นก็พาไปค่ะ แต่อย่าลืมเตรียมพร้อมไม่ทำให้ลูกของคุณมาสร้างความรำคาญให้คนในงานด้วยนะคะ แต่ถ้าเป็นกรณีว่าเป็นแฟนกันไม่พาไปเธอจะงอนจะขอเลิกละก็ อยู่ที่คุณแล้วละค่ะว่า เหตุผลที่ว่าจำเป็นต้องพาไปเพราะเธอจะงอน มัน ‘ใช่’ จริงไหม

ลองนำทั้ง 5 ข้อนี้ไปคิดดูให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจพาใครไปงานแต่งงานเป็นเพื่อนนะคะ แล้วเชื่อเถอะค่ะว่า คุณจะไม่โดนเจ้าภาพเบ้หน้าใส่อย่างแน่นอน

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับแขกในงานแต่ง >>> มารยาทที่ดีสำหรับแขกที่ได้รับเชิญไปงานแต่งต้องทำยังไง? เรามีคำตอบ

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.theviewonthehudson.com

ถ้าไม่อยากท้องอืดในวันแต่งงาน บ่าวสาวห้ามกินสิ่งไหนบ้าง มาดูกัน

แน่นอนว่าบ่าวสาวอยากที่จะดูเพอร์เฟ็กต์ที่สุดใน วันแต่งงาน ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม หรือดีเทลต่างๆ ในงานแต่ง แต่ก็อย่าลืมอีกหนึ่งสิ่งที่ สำคัญไม่แพ้กับสิ่งที่กล่าวมา นั่นก็คือ การเลือกทานอาหาร ที่ไม่ทำร้ายร่างกายเรานั่นเองค่ะ

แพรว wedding ขอนำรายชื่ออาหารที่ไม่ควรทานในวันก่อนถึง งานแต่งงาน มาฝาก เพราะจะส่งผลให้บ่าวสาวท้องอืดได้ !!! หลายคนอาจจะคิดว่าก็แค่ท้องอืดแล้วไง ยังดีกว่าท้องเสียนะ แต่ขอบอกเลยว่าคิดผิดนะจ๊ะ เพราะท้องอืดทรมาณไม่แพ้ท้องเสีย แถมยังจะลมในท้องเยอะ ทำให้เราอึดอัดและหงุดหงิด ไม่สบายตัวได้ง่ายๆ ที่สำคัญยังดูมีพุงในชุดแต่งงานตัวเก่งไปอีก … เพราะฉะนั้นจงหลีกให้ห่างจากอาหารเหล่านี้ด่วนๆ 

1. โยเกิร์ต

แน่นอนว่าโยเกิร์ตนั้นดีต่อสุขภาพ เพราะมีเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ มากมายที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีส่วนผสมของนม แต่ด้วยโยเกิร์ตมีส่วนผสมของน้ำตาลแล็คโทสและเชื้อจุลินทรีย์ที่เมื่อทานเข้าไปแล้วจะก่อให้เกิดการหมักอยู่ภายในลำไส้ ส่งผลให้เกิดแก๊สภายในลำไส้นั้นเอง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องอืดค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากท้องป่องก็เลี่ยงนะคะ

 

2. ธัญพืชชนิดต่างๆ

เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ ข้าวโพด ถั่ว เป็นสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายย่อยสลายได้ยาก หรือถ้าแย่กว่านั้น อาจจะทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ ดังนั้นเลี่ยงได้เลี่ยงนะจ๊ะ แนะนำให้ทานล่วงหน้าก่อนวันแต่งงานเนิ่นๆ หรือทานเพื่อไดเอตเราว่าน่าจะเวิร์กกว่านะคะ

 

3. หัวหอม

หัวหอมชนิดต่างๆ เช่น หอมใหญ่ หอมแดง เพราะในหัวหอมจะมีฟรุกเทน หรือคาร์โบไฮเดรตที่จะพบในพืชตระกูลหอมเท่านั้น ซึ่งอาหารประเภทนี้ร่างกายจะย่อยได้ยาก ทำให้เกิดน้ำและเกิดแก๊สในลำไส้ตามมาค่ะ ที่สำคัญเป็นอาหารประเภทมีกลิ่นที่อาจส่งผลไปถึงลมหายใจอันหอมสดชื่นของคุณด้วยนะคะ

 

4. แตงโม

ของอร่อย และหวานแบบนี้จะทำให้ท้องอืดได้อย่างไรนะ ขอบอกเลยว่าแตงโมมีรสหวานจากน้ำตาลฟรักโทสในระดับที่สูงมากกก ถ้าใครที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมน้ำตาลชนิดนี้ได้ก็จะทำให้ท้องอืดแน่นอนจ่ะ

 

5. อาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก

หากก่อนวันแต่งงานมีปาร์ตี้หมูกะทะ เนื้อย่าง ชาบู ก็เว้นๆ ไว้ก่อนนะจ๊ะ หรือถ้าอยากกินก็จัดล่วงหน้าก่อนงานแต่งงานหน่อยนึง เพราะเนื้อสัตว์มีไขมันและกากใยเยอะมาก ยิ่งกินยิ่งแน่นท้อง และเมื่อกินเข้าไปเยอะๆ จะไปหมักในท้องแล้วเกิดแก๊สค่ะ ยิ่งกินเยอะ ยิ่งแน่นท้องนะ จะบอกให้

 

เมื่อรู้แล้วว่าอาหารอะไรทำให้ท้องอืด ก็เลี่ยงๆ กันนะ เพื่อที่ในวันแต่งงานจะได้แฮปปี้ได้สุดๆ ไม่มัวมาอึดอัดท้องเพราะอาการท้องอืด เนื่องจากมีลมเต็มท้อง แถมท้องยังป่องในชุดแต่งงานตัวเก่งไปอีก และถ้าจะให้ดีลองอ่าน >> 10 อาหารทำลายสุขภาพที่เจ้าสาวต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างก่อนวันแต่งงาน << เพิ่มเติมดูนะจ๊ะ จะได้สุขภาพดีรับงานแต่งงาน

ภาพ Pinterest.com

ผิวสวยเปล่งปลั่งพร้อมอิ่มท้องกับเมนูอาหารผิวสวยทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน

แพรว wedding มาพร้อมกับเคล็ดลับดีๆ กับ อาหารผิว ที่จะช่วยให้ผิวของว่าที่บ่าวสาวดูดีขึ้น แต่ก่อนอื่นลองมาสำรวจตัวเองกันหน่อยว่าคุณกำลังทำสิ่งนี้อยู่หรือเปล่า ทานคอลลาเจนเป็นอาหารเสริม? แต่เรามีวิธีที่ง่ายกว่านั้น เพราะเคล็ดลับผิวสวยสร้างได้ง่ายๆ ด้วยเมนูอาหารประจำวัน แถมยังสามารถดูแลสุขภาพของบ่าวสาวได้แบบองค์รวมอีกด้วย

และนี่คืออาหารผิวที่ บาร์บาร่า โคลส ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งแบรนด์ความงามแบบองค์รวม Naturopathica อยากจะนำมาบอกต่อให้กับว่าที่บ่าวสาว “โภชนาการมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผิวดูดีจากภายในสู่ภายนอก” ซึ่งบาร์บาร่ากำลังจะตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ของเธอที่ชื่อว่า The Naturopathica Effect: A Holistic Approach to Skin Health ที่จะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาหารและผิวพรรณพร้อมสูตรอาหารบูสต์ผิวให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดี

ว่าแล้วก็จูงมือกันไปทำเมนูอาหารที่จะช่วยให้ผิวของบ่าวสาวเปล่งปลั่งในวันสำคัญกันเลย

เมนูเครื่องดื่มตอนเช้า :สมูทตี้น้ำมะนาวและผักใบเขียว

บาร์บาร่าให้ข้อมูลว่า การจิบน้ำมะนาวจะช่วยรักษาภาวะความเป็นกรดด่างของระบบในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยลดอาการพุงป่องระหว่างวันได้อีกด้วย และในผักใบเขียวอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยระงับอาการอักเสบต่างๆ ภายในร่างกายได้ด้วย

ส่วนผสม

อะโวคาโด ½ ลูก

มะม่วงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วย

ผักใบเขียว เช่น ผักสวิสชาร์ด, กะหล่ำปลีสีเขียว, ผักโขม เป็นต้น 2 กำมือ

แตงกวาสไลด์ ½ ลูก

น้ำมะนาว 1 ลูก

ขิงปอกเปลือกและหั่นบางๆ ขนาด 1 นิ้ว

อินทผลัม 1-2 เม็ด

นมอัลมอนด์ หรือน้ำมะพร้าวแบบไม่หวาน 1 แก้ว

เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ** อันนี้แล้วแต่ว่าจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้

ก้อนน้ำแข็ง ¼ ถ้วย หากคุณต้องการความเย็นชื่นใจ

วิธีทำ

1. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่นและปั่นทุกอย่างให้เข้ากัน เพิ่มก้อนน้ำแข็งลงไปหากต้องการให้เครื่องดื่มเหลวเพื่อง่ายต่อการดื่ม

2. เสร็จแล้วจึงเทเครื่องดื่มลงในแก้วสวยๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการดื่ม

 

เมนูอาหารกลางวัน :แซลมอนต้มราดด้วยซอสส้มมิโซะ

แซลมอนไม่เพียงแค่ให้โปรตีนและไขมันที่ดีเท่านั้น แต่ยังมีกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นสารเคมีในสมองให้เกิดการนอนหลับที่ง่ายขึ้นด้วย บาร์บาร่าแนะนำว่าให้รับประทานอาหารมื้อใหญ่ในระว่างวันเพื่อช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารและให้พลังงานที่เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน

Tips :ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงมีโปรตีนสูง และยังมีคุณสมบัติที่ช่วยต้านการอักเสบของผิว และชะลอการเกิดริ้วรอยได้อีกด้วย

ส่วนผสม

ขิงขนาดประมาณ 3 นิ้ว

น้ำส้มคั้นสด 2 ช้อนโต๊ะ

มิริน 2 ช้อนโต๊ะ

มิโซะ 3 ช้อนโต๊ะ

เนื้อปลาแซลมอนขนาด 8 ออนซ์ แบบไม่มีมันเอาหนังออก

น้ำมันมะกกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือ

วิธีทำ

1. วอร์เตาอบเอาไว้ก่อน

2. ขูดขิงใส่ลงในชามใบเล็ก แล้วบดให้ละเอียดอีกครั้งด้วยมือจนได้เป็นน้ำขิง จากนั้นกรองเอาแต่น้ำ

3. เติมน้ำส้มคั้นสด, มิริน และมิโซะ ลงในชาม ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วพักไว้

4. ใช้แปรงชุบน้ำมันมะกอกแล้วทาลงบนแซลมอน โรยด้วยเกลืออีกนิดหน่อย จากนั้นวางลงบนถาดที่รองไว้ด้วยฟอยด์ แล้วนำเข้าเตาอบเป็นเวลา 2 นาที

5. เมื่อครบ 2 นาทีนำออกจากเตาอบ ระวังตอนพลิกเนื้อปลา จากนั้นจึงอบอีกด้านเป็นเวลา 2 นาที จนเนื้อปลาเริ่มเป็นสีน้ำตาลนิดๆ

6. เมื่อครบเวลาจึงนำออกจากเตาอบ ใช้แปรงจุ่มลงในซอสที่พักไว้แล้วทาลงบนเนื้อปลา แล้วนำเข้าเตาอบอีก 1 นาที

7. เมื่อครบเวลาแล้ว ก็จัดจานพร้อมเสิร์ฟได้เลย

 

เมนูมื้อดินเนอร์ : น้ำซุปต้มกระดูก มื้ออาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

จบมื้ออาหารของวันด้วยเมนูที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างน้ำซุปต้มกระดูก ที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิว เล็บ และเส้นผมแข็งแรง แถมยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งได้จากน้ำซุปเพียงถ้วยเดียวอีกด้วย

Tips :น้ำซุปจากการต้มกระดูก, น้ำมะนาว และการเติมผักใบเขียวลงในเมนูสมูทตี้ คือเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ผิวของคุณดูดีทั้ง 365 วัน!

ส่วนผสม

ไก่แบบออร์แกนิค น้ำหนัก 2-3 ปอนด์

หอมใหญ่หั่นเตรียมไว้ 1 ลูก

แครอตหั่นเป็น 3 ท่อน ใช้ทั้งหมด 2 ลูก

ผักชีฝรั่งสับละเอียด 2 ก้าน

กระเทียมสับ 6 กลีบ

ก้านโหระพามัดรวมกันประมาณ 4-5 ก้าน

ใบกระวาน 1 ใบ

สาหร่ายทะเลขนาดประมาณ 8 นิ้ว 1 ชิ้น

พริกไทยดำ 6 เม็ด

น้ำสะอาดประมาณ 1 ลิตร

รากแอสทรากาลัส 2 ชิ้น

เกลือทะเล

วิธีทำ

1. หั่นไก่ออกเป็นชิ้นให้รับประทานง่าย เช่น ส่วนอก, ปีก, น่อง และขา แล้วเก็บส่วนที่เป็นกระดูกและคอไว้ เพราะส่วนเหล่านี้อุดมไปด้วยคอลลาเจน

2. ในหม้อต้ม ให้นำไก่ หอมใหญ่ แครอต ผักชีฝรั่ง กระเทียม โหระพา ใบกระวาน สาหร่ายคอมบุ และพริกไทยดำ จากนั้นเติมน้ำลงไปใหท่วมส่วนผสมทั้งหมดแล้วต้ม ระหว่างนั้นอาจใช้ช้อนคอยกรองเอาไขมันที่ลอยขึ้นมาด้านบนออก เมื่อเดือดได้ที่ลดความร้อนลงแล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง

3. จากนั้นตักไก่ออกจากหม้อ แล้วแยกเนื้อออกจากกระดูก แยกไว้อีกจาน แล้วนำกระดูกใส่กลับลงไปในหม้อ แล้วใส่รากแอสทราลากัส แล้วต้มต่อไปจนกว่าน้ำสต๊อกจะรสชาติดีเป็นที่ถูกใจ ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก หรือบางบ้านอาจจะต้มทิ้งไว้เป็นวันเลยก็มี ขณะที่ต้มสามารถเติมน้ำเพิ่มได้หากน้ำเริ่มมีความงวดมากเกินไป ซึ่งเคล็ดลับน้ำสต๊อกที่อร่อยก็คือ ยิ่งต้มนานมากเท่าไหร่รสชาติก็ดีตามมากเท่านั้น

4. ก่อนที่น้ำสต๊อกจะเคี่ยวจนได้ที่ เติมผักชีฝรั่งลงไป ปรุงรสด้วยเกลือเพิ่มอีกนิดหน่อย เมื่อรสชาติได้ที่ จึงตักกระดูกและส่วนผสมทั้งหมดออก แล้วกรองอีกครั้งผ่านตะแกรง จากนั้นพักให้น้ำซุปเย็นหรือจะนำเข้าตู้เย็นก็ได้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นอีกวัน ให้ช้อนไขมันด้านบนทิ้ง

5. แล้วนำเข้าตู้เย็นอีก 3 วัน ก็เป็นอันพร้อมรับประทาน แถมฟรีซไว้ทานได้นานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว

>> ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pexels.com, minimalistbaker.com, jessicagavin.com, acalculatedwhisk.com

เรือน 3 น้ำ 4 สูตรทำตัวแสนดีของหญิงไทย

“ เรือน 3 น้ำ 4 ” แพรว Wedding เชื่อว่าหญิงไทยยุคใหม่พอได้ยินวลีนี้แล้วคงต้องทำหน้างงพร้อมกับคำถามที่ว่า “มันคืออะไรเหรอ?” แน่นอนค่ะว่าเราก็เป็นหญิงยุคใหม่ไฟแรง ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ก็งงเหมือนกัน สุดท้ายนี้ความอยากรู้ก็นำมาซึ่งคำตอบว่า อ๋อ! มันคือคำสอนหญิงไทยที่ส่งกันมารุ่นต่อรุ่น แต่จะสอนว่าอะไรบ้าง แล้วมันจะใช้กับผู้คนในปี พ.ศ. นี้ได้หรือไม่ เราจะไขข้อข้องใจให้อ่านกันจ้า

โบราณเขาว่ากันว่า “เป็นผู้หญิงจะให้งามสมบูรณ์แบบ ต้องเพียบพร้อมไปด้วยเรือน 3 น้ำ 4”  อันว่าเรือน 3 นี้ได้แก่ เรือนผม เรือนกาย และเรือนนอน ส่วนน้ำ 4 ได้แก่ น้ำใจ น้ำคำ น้ำมือ และน้ำเต้าปูน อ่ะๆ! สงสัยกันอีกละซิว่าน้ำเต้าปูนคืออะไร ไม่ต้องสงสัยคะ เดี๋ยวจะไล่ให้ฟังทีละข้อ

เรือนที่ 1 คือ เรือนผม – ไม่ว่าจะผ่านยุคสมัยไปกี่ร้อยกี่ปี ผมของหญิงสาวเป็นหนึ่งในความงามของนางผู้นั้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น ความสำคัญของเรือนผมก็คือ ต้องดูแลผมเผ้าให้ดูเงางาม สะอาด เรียบร้อย เก็บเกล้าให้เข้าที่ อย่าปล่อยให้กระเซอะกระเซิง เป็นยายเพิ้งเด็ดขาด

วิธีดูแลความสวยงามเส้นผมของหญิงสาวสมัยใหม่ก็มีมากมายหลายแบบ บางคนสระผมทุกวัน บางคนสระวันเว้นวัน ก็แล้วแต่สภาพหนังศีรษะ มีตังค์หน่อยก็ไปทำสปาผม ทรีทเมนต์ หรืออบไอน้ำ

เรือนที่ 2 คือ เรือนกาย – นอกจากผมจะต้องสวยแล้ว ผิวพรรณและส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ต้องดูแลให้สะอาด สุขภาพดี ยิ่งเมืองไทยบ้านเราเป็นเมืองร้อน เหงื่อไคลไหลย้อยกันเป็นว่าเล่น เพราะฉะนั้นสาวๆ อย่าได้คิดดองเค็มตัวเองเด็ดขาด อาบน้ำอาบท่า ทาแป้ง พรมน้ำหอม และแต่งกายตัวเองให้ดูสวยงาม เดี๋ยวนี้มีครีมบำรุงผิว เซรั่ม และมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เยอะแยะให้เลือกสรร ก็ยอมแบ่งเงินสักนิดไปซื้อมาบำรุงผิวกันบ้างนะ อย่าขี้งก!

เรือนที่ 3 คือ เรือนชาน – เรื่องนี้ถือว่าสำคัญ บ้านเรือนที่ใช้อยู่อาศัยต้องสะอาดสะอ้าน รู้จักเก็บกวาดและจัดของให้เข้าที่เข้าทาง อย่าวางของระเกะระกะจนเดินลำบาก ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำต้องทำให้ดูสะอาดตา กินข้าวกินน้ำเสร็จก็ต้องเก็บล้างให้เรียบร้อย อย่าตั้งวางทิ้งไว้ให้มด หนู แมลงสาบมาไต่ตอมเยี่ยมเยือนเป็นอันขาด

น้ำที่ 1 คือ น้ำใจ – ความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ และการมีน้ำใจต่อผู้อื่นถือเป็นสิ่งดีที่หลายคนควรปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการเอื้ออารีต่อพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง สามี และเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ก็เพื่อการผูกสมัครรักใคร่และคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

น้ำที่ 2 คือ น้ำคำ – เกิดเป็นผู้หญิง เวลาจะพูดจาปราศรัยกับใครต้องมีความอ่อนหวานในน้ำเสียง มีหางเสียงไพเราะให้คนฟังแล้วรู้สึกเอ็นดู พูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำ แต่อย่าพูดกระโชกโฮกฮาก ขึ้นเสียง หรือพูดหยาบคายจนคนฟังต้องถึงกับเมินหนาหนี

น้ำที่  3 คือ น้ำมือ – สเน่ห์ปลายจวักก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรต้องมีติดตัวไว้บ้าง ผู้หญิงสมัยนี้อาจไม่ได้ทำอาหารเป็นทุกอย่างเหมือนกับในสมัยก่อน แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ควรทำให้เป็นบ้าง เช่น หุงข้าว หรือเจียวไข่ง่ายๆ ส่วนใครที่สกิลทำอาหารไม่เอาไหน ก็ไปซื้อซอสทำอาหารสำเร็จรูปมาใช้ก็ได้  ขอเพียงแค่คุณหั่นผักหั่นเนื้อเป็นและไม่ปล่อยให้อาหารไหม้คาเตาก็พอ

น้ำที่ 4 คือ น้ำเต้าปูน – สมัยโบราณทุกบ้านจะต้องมีน้ำที่คอยหล่อเต้าปูนเอาไว้อยู่เสมอไม่ปล่อยให้แห้ง เพื่อที่จะได้ควักปูนมาใช้ทาใบพลูจีบหมากเอาไว้เคี้ยว ที่สำคัญคือ สิ่งนี้นั่นแหละที่คนสมัยโบราณใช้รับแขก ใครไปใครมาก็ต้องมีหมากพลูไว้ให้เคี้ยว แต่ในสมัยนี้คนไทยไม่นิยมกินหมากกันแล้ว สิ่งที่เข้ามาทดแทนน้ำเต้าปูนคือ น้ำดื่ม เวลามีแขกมาเยี่ยมบ้านก็ต้องหาน้ำเย็นๆ รินใส่แก้วมารับแขก ให้เขาหายเหนื่อยจากการเดินทาง

คำสอนของไทยแต่โบราณหลายคนอาจมองว่าเก่าคร่ำครึ แต่ในความจริงแล้ว ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบกี่ร้อยปี คำสอนของคนสมัยก่อนก็ยังเป็นคำสอนที่ดี แต่ก็ต้องนำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันด้วย

ขอมูลจาก ชมรมศิลปวัฒธรรมอีสาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอบคุณภาพเปิดจาก ชุดแต่งงานไทยร้าน Deep Love Wedding
763-763/1-3 ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556
เว็บไซต์ : www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : deeplove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeplovewedding

สารพัดสิ่งห้ามทำเองในงานแต่ง ถ้าไม่อยากเปลี่ยนงานปัง ให้พังคามือ

เจ้าบ่าวเจ้าสาวสายคราฟ ที่กำลังวางแผน DIY ทำเองในงานแต่ง เราขอให้อ่านเรื่องนี้ก่อน เพราะบางอย่างทำแล้วก็ดูน่ารัก แต่บางอย่างขอเตือนเลยว่า ห้ามทำเองเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งสุดปัง จะกลายเป็นพังชนิดที่ไม่อยากย้อนกลับมาดูรูปงานแต่งตัวเองเลยทีเดียว

  • ชุดแต่งงาน

แม้จะมีคู่รักก้อย – โย่ง เป็นไอดอล แต่สาวๆ และหนุ่มๆ ทั้งหลายก็อย่าริตัดเย็บชุดแต่งงานของตัวเองถ้าหากคุณไม่ได้เป็นช่างตัดเสื้อมาก่อน เพราะโอกาสเสี่ยงมันสูงมากว่าชุดจะออกมาไม่รอด แล้วเผลอๆ หากว่าถลำตัวทำชุดไปแล้วจนมารู้ว่าชุดพังไม่เป็นท่าช่วงใกล้วันแต่งงาน อาจจะทำให้หาชุดแต่งงานไม่ทัน แล้วมันจะกลายเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนไปตลอดชีวิต

  • เค้กแต่งงาน

ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าสาวสายแม่ศรีเรือน อบขนมทำเค้กอยู่เป็นประจำ แต่ก็อย่าริทำเค้กงานแต่งตัวเองเด็ดขาด! เพราะเค้กเป็นสิ่งที่ต้องทำใกล้วันแต่งงาน ซึ่งช่วงนั้นเป็นเวลาที่เจ้าสาวยุ่งมาก จนไม่มีเวลามาทำเค้กแน่นอน หรือถ้ามีช่วงว่างก็ควรเอาเวลาไปทำสวย มากกว่าจะมาหมกตัวอยู่ในครัว ให้หน้าเลอะแป้งทำเค้กของตัวเอง แล้วอีกอย่างเจ้าสาวไม่มีเวลาเซตเค้กในวันแต่งงานแน่นอน ฟันธง!

  • อาหาร

ถึงคุณจะทำอาหารเก่ง รสเลิศระดับมิชลินสตาร์ยังต้องอาย ก็ไม่ควรเอาเวลามาจัดการเรื่องอาหารเด็ดขาด เพราะงานอาหารเป็นงานใหญ่ที่ต้องเตรียมการกันในวันแต่งงาน แล้วหากเจ้าสาวคิดจะทำจริงๆ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดูแลอาหารจริงไหม แต่ถ้ามอบหมายให้ญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้ดูแล แล้วเจ้าสาวแวะเวียนมาชิมรสชาติหรือออกความเห็นเรื่องเมนู และการจัดแต่งก็ค่อยว่าไปอย่าง

pixabay

  • ทำผม แต่งหน้า

แม้จะเป็นคนที่แต่งหน้าทำผมตัวเองเวลาออกงานอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับงานแต่งงานนะคะ เอาล่ะ เราไม่เถียงว่าไม่มีใครรู้จักหน้าตาเราดีไปกว่าตัวเอง แต่ขอเว้นไว้สักวันเถอะที่จะปล่อยหน้าที่นี้ให้กับช่างมืออาชีพ ที่เขารู้ว่าจะแต่งหน้าเจ้าสาวเข้มเบอร์ไหนกำลังเหมาะสำหรับการโดนแสงไฟ และการถ่ายรูป เพราะหากเจ้าสาวดื้อรั้นที่จะแต่งหน้าทำผมเอง ในวันข้างหน้าคุณอาจต้องมานั่งเสียใจเมื่อย้อนกลับมาดูรูปงานแต่งของตัวเอง

  • เซนเตอร์พีช

เซนเตอร์พีช หรือดอกไม้กลางโต๊ะ เป็นอีกสิ่งที่ต้องทำในวันแต่งงานหรือในคืนก่อนวันแต่งงาน ซึ่งก็เป็นเวลาที่ว่าที่เจ้าสาวควรพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมเป็นเจ้าสาวคนสวย ฉะนั้นเลิกคิดได้เลยที่จะลุกขึ้นมาทำเซนเตอร์พีช สิ่งที่ทำได้คือออกความคิดเห็น ช่วยเตรียมของในช่วงก่อนวันงาน หรือหาของตกแต่งเก๋ๆ แต่เจ้าสาวจะมาจัดเซนเตอร์พีชเองไม่ได้!!!

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าของที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามทำด้วยตัวเองทั้งหมด คืองานที่ต้องมาจัดเตรียมในระยะเวลากระชั้นชิด หรือในงานแต่งงาน ทั้งนี้ก็เพราะในช่วงเวลานั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวควรเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่า ซึ่งเจ้าสาวควรทำอะไรเมื่อไหร่มีคำตอบให้แล้ว คลิกเลย

ภาพ pixabay

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ควรเสิร์ฟอาหารแบบใดให้ปัง อร่อย เข้ากับงานมาดูกัน

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ คืองานเลี้ยงสังสรรค์หลังจากจบงานพิธีการในงานแต่ง และเป็นช่วงเวลาที่ให้บ่าวสาวและแขกที่มาร่วมในงานได้สนุดสุดเหวี่ยง เต้นรำ พร้อมดื่มเครื่องดื่มส่งท้ายงานกัน สิ่งที่สำคัญของ อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็คือดนตรีดีๆ เครื่องดื่มเด็ดๆ และอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ อาหารที่ควรนำมาเสิร์ฟใน งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ นั่นเองค่ะ

บางคู่อาจจะมองข้ามไปว่า อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ไม่จำเป็นต้องมีอาหารก็ได้ เพราะเลี้ยงกันแบบเต็มที่มาตั้งแต่ในงานเลี้ยงช่วงพิธีการแล้ว แต่บอกเลยว่า คิดผิดจ้า เพราะควรต้องเสิร์ฟอาหารนะจ๊ะ เพราะแดนซ์กันสุดเหวี่ยง น่าจะมีคนหิวกันบ้างแหละ แพรว wedding เลยจะขอแนะนำเป็นอาหารทานเล่น พอให้อยู่ท้อง แต่จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1. เฟรนช์ฟรายด์

อาหารทานเล่นยอดฮิต เสิร์ฟยังไงก็หมด เพราะเป็นมันฝรั่งทอด รสเค็มๆ มันๆ ทานได้เพลินๆ เสิร์ฟคู่กับซอสรสชาติต่างๆ แถมยังเข้ากับเครื่องดื่มทุกประเภทอีกด้วยนะเออ ลองดีไซน์การเสิร์ฟแทนที่จะวางในจานแบนๆ เปลี่ยนมาเป็นการเสิร์ฟแบบถ้วยทรงกรวย ใครอยากกินก็หยิบถ้วยไปเลย รับรองว่าเวิร์คจ้า

อาฟเตอร์ปาร์ตี

2. ป๊อปคอร์น

ขนมทานเล่นกรอบๆ มีหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะหวาน เค็ม ชีส ช็อกโกแลต เสิร์ฟเป็นถุงเล็กๆ น่ารักจะดีมากเลย เหมาะสำหรับคนที่อิ่มแล้ว แต่อยากหาอะไรทานเล่นๆ ระหว่างสนุกสนานในงานนั่นเอง

อาฟเตอร์ปาร์ตี

3. มินิเบอร์เกอร์

อาหารรองท้องที่ดีสุดๆ ไปเลยล่ะจ่ะ แถมยังได้สารอาหารครบอีกต่างหาก แล้วสำหรับใครที่แดนซ์มาได้สักพัก จนท้องเริ่มร้องแล้ว มินิเบอร์เกอร์เนี่ยล่ะ ช่วยชีวิตคุณได้แน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

4. พิซซ่า

อีกหนึ่งอาหารที่บอกเลยว่าไม่มีใครปฎิเสธ นอกจากคนที่กำลังรักษาหุ่น เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย อร่อย และกลิ่นหอมสุดๆ สามารถเสิร์ฟเป็นชิ้นๆ ได้ แล้วก็มีหลายหน้าให้เลือกอีกด้วยน้า

อาฟเตอร์ปาร์ตี

5. ขนมหวาน

มีหลายประเภทไป ไม่ว่าจะเป็น พาย โดนัท ขนมทาร์ต ขนมเค้กชิ้นเล็กๆ เสิร์ฟได้หมด เพราะขนมหวานนอกจากจะทำให้อารมณ์ดีแล้ว ยังมีรสชาติอร่อย กินเพลินแน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

6. บาร์บีคิว

บาร์บีคิว หมู ไก่ เนื้อ เสียบไม้ปิ้งหอมๆ พร้อมผักย่าง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อร่อย ทานง่าย และเสิร์ฟง่าย ทานกับไวน์ก็เริด เพราะบาร์บีคิวมีรสเผ็ดนิดๆ จากผักและเครื่องปรุงแก้เลี่ยนได้ดีแน่นอน

อาฟเตอร์ปาร์ตี

7. สายไหม

มาแนวหวานๆ นุ่มๆ ละมุนลิ้น ความหวานเอาไปเลย 100% สามารถทานเล่นๆ ได้ ให้พลังงานและความสดชื่นจากน้ำตาลแน่นอน และสามารถเอาผสมลงไปในเครื่องดื่มได้ด้วยนะจ๊ะ

อาฟเตอร์ปาร์ตี

และนี่คือรายการอาหารที่ควรนำมาเสิร์ฟในงาน อาเตอร์ปาร์ตี้ แต่ถ้ายังรู้สึกว่าน้อยไป ลองดูเพิ่มได้ที่  >> 6 ไอเดียเสกอาหารในงานแต่งงานแสนเก๋ นี่เลยจ่ะ

ภาพจาก : marthastewartweddings.com , Pinterest

5 กรณีตัวอย่างปัญหาชีวิตคู่ อุปสรรคเล็กๆ แต่เป็นปัญหาใหญ่หากไม่แก้!

จริงอยู่ที่เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว มีอะไรก็ต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน แต่คุณๆ รู้ไหมคะว่า การร่วมหัวจมท้ายที่ว่าเนี่ยก็มีข้อยกเว้นนะคะ เพราะในบางเรื่องก็ไม่ไหวจะต้องร่วมด้วยจริงๆ ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าอะไรจะมาขวางการร่วมหัวจมท้ายที่ว่า แพรวเวดดิ้งมีตัวอย่างความคิดที่เป็น ปัญหาชีวิตคู่ ในเรื่องต่างๆ มาฝากกัน

หากคุณภรรยาให้การสนับสนุนสิ่งที่สามีคิดจะทำนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่ง แต่แหมจะให้หลับตาสนับสนุนกันซะทุกเรื่องก็เกรงว่าไม่ใช่ ควรจะดูสักนิดนึงก็ดีนะ ว่าเรื่องไหนควรเรื่องไหนไม่ควร เพราะไม่อย่างนั้นจากที่จะช่วยส่งเสริมกันจะกลับกลายเป็นการสร้างปัญหาครอบครัวขึ้นมาได้นะ อย่างเช่นปัญหาต่างๆ ต่อไปนี้

1กรณีเรื่องการใช้เงิน

เรื่องเงินต้องคิดให้ดี ใช้ให้เหมาะ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า แม้จะตกลงอย่างชัดเจนว่ากระเป๋าใครกระเป๋ามัน แต่เวลาอีกฝ่ายจะใช้ คุณเองในฐานะสามีหรือภรรยาก็มีสิทธิ์พูดเตือนเพื่อแตะเบรคได้นะคะ

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : รถยนต์เก่าที่เสียเงินซ่อมมานับแสน ซ่อมต่อไปไม่คุ้มแน่ ซื้อใหม่คุ้มกว่า แบบนี้สิควรเชียร์ แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : รถที่ว่าเพิ่งถอดป้ายแดงมาได้แค่ 2 ปี หรือเพิ่งเป็นไทจากการผ่อนจ่าย พอรุ่นใหม่ออกมา แค่รูปลักษณ์สวยกว่าก็จะเปลี่ยน อย่างนี้ควรจะห้ามอย่างด่วนๆ มิเช่นนั้นคุณจะมีภาระหนี้สิ้นก้อนโตเพิ่มอีกแน่ๆ

2

กรณีเรื่องทำงานและการลงทุน

จริงอยู่ที่ความถนัด ความเก่งของแต่ละคนต่างกัน และความฝันที่จะเดินไปข้างหน้าเป็นเรื่องที่พึงจะทำ แต่ความพร้อมละ สำคัญกว่าไหม ในฐานะเพื่อนคู่คิดที่นอนเคียงกันอยู่ทุกคืน ก็ควรช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษา

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : งานที่ทำอยู่ดูแล้วก็มีแววเติบโต ตำแหน่งใหญ่ๆ รออยู่ข้างหน้าเพียงแค่รอเวลา แต่ถ้าอยากทำกิจการส่วนตัวอีกทาง ถ้าเขาทำไหว จัดแบ่งเวลาได้ คุณภรรยาก็ควรช่วยคิดว่าเงินทุนเท่าไหร่ จะกระเทือนไปที่เงินเก็บไหม และที่สำคัญจะทำให้งานประจำเสียหายหรือเปล่า แบบนี้เรียกว่าทีมสนับสนุนที่ดี แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้าเห็นๆ อยู่ว่า ลงทุนไปชีวิตอับเฉาแน่นอน เศรษฐกิจก็ไม่ดี แต่เขาก็ยังดื้อรั้นอยากจะทำ แบบนี้ก็คงต้องมีเถียงกันสักหน่อย อะไรที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของครอบครัว จงอย่าสนับสนุน และกล่าวเซย์โนอย่างมีศิลปะได้เลย ถ้ายังไม่เชื่อกันละก็ ไหนเอาเหตุผลมาแผ่กันอีกจนได้ข้อสรุปให้จงได้

3

กรณีเรื่องความเสี่ยง

ต่อเนื่องกับเรื่องก่อนหน้านี้ หลายคู่เถียงกันเสมอว่าแม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้ม เรื่องร่วมหัวจมท้ายกันบางครั้งไม่ต้องเสี่ยงร่วมกันขนาดนั้นก็ได้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นชัดแล้วว่าไม่เวิร์คแน่ เช่น

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : ภรรยาอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน และอยากทำธุรกิจก็นับเป็นเรื่องที่ดี ถ้าเธอเช็ครอบด้านแล้วว่าดีจริง เสี่ยงน้อย ไม่ทำให้ชีวิตครอบครัวหรือหน้าที่ภรรยาหรือแม่บกพร่อง สามีก็ควรอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุน แต่ต้องไม่ลืมว่าธุรกิจที่ว่านี้ต้องเป็นธุรกิจที่ใสสะอาดด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่า…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : เธอเห็นแก่เงินที่เยอะหรือแค่อยากมีอำนาจต่อรองจนหน้ามืดตามัวไปลงทุนในธุรกิจสีเทาประเภทแม่ค้าหวยใต้ดิน ปล่อยกู้ เปิดผับหรือส่งยาบ้า แบบนั้นจะเป็นการชักนำความเดือดร้อนแสนสาหัสมาสู่ครอบครัวของคุณ

4

กรณีเรื่องการวางแผนครอบครัว

เรื่องนี้สำคัญมาก และเป็นข้ออ้างในการร่วมหัวจมท้ายผิดๆ มาหลายคู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่ต่างฝ่ายต่างมีข้ออ้างในการวางแผนครอบครัวในแนวทางของตัวเองกันทั้งนั้น ลองมาดูกันกับเรื่องง่ายๆ ที่ขอยกเป็นกรณีตัวอย่างเตือนว่าอย่าได้จมท้ายเชียวนะ

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : การสร้างบ้าน ถ้าสามีอยากทำห้องให้ลูกน้อยในอนาคต โดยสร้างเป็นบ้านต้นไม้หลังเล็กๆ อยู่บนต้นหูกระจง โดยให้เหตุผลว่าให้ลูกได้สัมผัสกับธรรมชาติ เมื่อเช็คสภาพแวดล้อมแล้วเห็นว่าปลอดภัยดี ก็ควรสนับสนุนเขา โดยช่วยกันดูเรื่องของโครงสร้างที่มั่นคง ระดับความสูงกำลังพอดี และปลอดภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษทุกชนิด แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้ารู้ๆ อยู่ว่าต้นหูกระจงที่ว่ามีกองทัพบุ้งอยู่เพียบ แถมด้านหนึ่งก็ติดถนน แล้วแบบนี้ถ้ายังจะดื้อแพ่งก็คงต้องไฝว้กันหน่อย เกิดอยู่ๆ ไปโจรปีนบ้านต้นไม้ลูกมาเล่นขายของด้วยนี่จะทำอย่างไร หรืออยู่ๆ วันดีคืนดี กองทัพบุ้งบุกขึ้นมา จะเกิดอาการคันจนต้องแบกเข้าโรงพยาบาล อันนี้เลดี้ว่าไม่เวิร์ค

5กรณีเรื่องอนาคตลูกน้อย

เถียงกันไม่จบไม่สิ้นกับอนาคตลูกน้อย การร่วมหัวจมท้ายของพ่อแม่ที่มีลูกเป็นตัวกลางเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าคนหนึ่งหวังดี แต่คิดไม่รอบ บอกเลยนะคะว่า คนที่รับเคราะห์ไปเต็มๆ คือคนกลางอย่างตัวเด็ก งั้นมาดูกรณีตัวอย่างกันว่า อะไรที่ไม่ควรจมท้ายกับความคิดที่บังเกิด

  • เรื่องนี้ควรจมหัว : เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกที่เรารักเรียนที่ดี ถ้าคุณสามีอยากเลือกโรงเรียนที่มีชื่อเสียงให้ลูก คุณก็ควรที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่…
  • เรื่องนี้อย่าจมท้าย : ถ้าอยากเลือกโรงเรียนเอกชนดังๆ ค่าเทอมแพงๆ ให้ลูกเพื่อซื้อสังคม แต่รายรับครอบครัวไม่พอจ่ายค่าเทอม อันนี้ก็คงไม่ไหว คุณควรห้ามเขา เพราะเดี๋ยวนี้โรงเรียนรัฐดีๆ ค่าเทอมไม่แพงก็มีเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนเอกชนเสมอไปหรอกจริงหรือเปล่า…

ทั้งหมดนี้คือ 5 ตัวอย่างสถานการณ์ที่สามีภรรยาควรคิดให้ดีก่อนตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกัน ขอให้คุณทั้งสองค่อยๆ ช่วยกันคิดและถ้าหากมีปัญหาก็ค่อยๆ ช่วยกันแก้ไขนะจ๊ะ อย่าใช้แต่อารมณ์ของตน เพียงเท่านี้ชีวิตคู่ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างยืดยาวจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรแน่นอนจ้า

ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.roamnewroads.ca, blog.textbooks.com, www.infinitaccounting.com, www.benzinga.com, www.gscc.net, www.specialschoolsvoice.com

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า 5 ข้อ ที่เจ้าสาวต้องรู้

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า ทำได้ง่ายนิ๊ดดดเดียว อยากแต่งหน้าให้สวยเป๊ะในวันงาน เราต้องหาวิธีดูแลตัวเองเพื่อช่วยช่างแต่งหน้าเขาด้วยส่วนนึง  แพรว wedding มี เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า มาฝาก ด้วยวิธีง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก

อยากรู้ เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า ก็ต้องรู้ถึงสาเหตุกันก่อน

1. ผิวขาดน้ำ

ยิ่งผิวหน้าเราขาดน้ำ ร่างกายก็จะยิ่งหาน้ำที่เหลือในร่างกายมากักเก็บในส่วนที่ขาดหาย ทำให้น้ำมารวมตัวตรงที่หายไป เลยทำให้หน้ายิ่งบวมขึ้นกว่าปกติ

2. แพ้ครีมที่ทาก่อนนอน

บางทีที่เราตื่นเช้ามาแล้วหน้าบวม อาจมีสาเหตุมาจากครีมที่เราทาก่อนนอน  เราอาจแพ้ครีมตัวนั้น เลยส่งผลให้มีผลข้างเคียงคือ หน้าบวมขึ้นได้

3. ดื่มแอลกอฮอล์

ใครที่ชอบดื่มหนัก สังสรรค์ปาร์ตี้ ตื่นเช้ามาต้องระวังปัญหาหน้าบวม เพราะว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวขาดน้ำ หรือทำให้ผิวต้องกักเก็บน้ำที่มีไว้ที่ผิวให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวแห้งนั่นเอง

4. ทานของเค็มมากไป

การกินอาหารเค็มๆ หรืออาหารที่มีโซเดียมเยอะเกินไป ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าเราบวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการกินของเค็มจะยิ่งทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำเอาไว้ เพื่อที่จะขับโซเดียมที่ว่าออกไปจากร่างกายนั่นเอง

5. อาจเป็นสัญญาณของโรคอื่น

อาการหน้าบวมยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ เราลองสำรวจร่างกายในส่วนอื่นๆ เพิ่มเติมว่า นอกจากหน้าแล้ว ยังมีส่วนอื่นของร่างกาย อย่างเช่น มือ เท้า บวมด้วยหรือเปล่า เพราะบางทีเราอาจกำลังเสี่ยงเป็นโรคไตก็ได้ หรือถ้าเราไปถอนฟันมา หรือมีอาการเหงือกบวม ก็เป็นไปได้ว่า นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง หรือมันอาจเกิดได้จากถูกแมลงกัดต่อย หรือไม่ก็เป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยา

5 เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้าที่ขอแนะนำ

  • ถ้าทานอาหารรสเค็มในตอนเย็น ให้ดื่มนมอุ่น 1 แก้ว เพื่อปรับปริมาณเกลือในร่างกายให้สมดุล

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า

  • ใส่น้ำแข็ง 3-4 ก้อน ลงในน้ำเย็น แล้วใช้ล้างหน้า นวดใบหน้าและตบหน้าเบาๆ กระตุ้นความมีชีวิตชีวาบนใบหน้า

น้ำแข็ง

  •  เวลาใช้สกินแคร์ ให้กดจุดใต้คาง โหนกคิ้ว และขมับ เพื่อช่วยลดบวม

เทคนิคลดอาการหน้าบวมยามเช้า

 

  • เทคนิคนี้สำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวที่แต่งหน้าเอง หรือแขกสาวๆ ที่ต้องไปออกงานในตอนเช้า ถ้าตาบวมปูด มาสคาร่าช่วยได้ ให้ดัดขนตาให้โค้งงอนขึ้น แล้วปัดมาสคาร่าโดยเน้นที่โคนขนตา

ตาบวม

5 ข้อง่ายๆแค่นี้ ลองทำตามกันดูนะคะอาการหน้าบวมยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ เราลองสำรวจร่

ภาพ : pinterest

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ตามรอย ชุดไทยพระราชนิยม สวยสมเป็นหญิงไทยในชุดไทยบรมพิมาน และชุดไทยศิวาลัย

เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมชุดไทยสวยๆ อย่าง ชุดไทยพระราชนิยม  พอมาอยู่บนตัวคุณกลับดูไม่เป๊ะ นั่นก็เพราะชุดที่ใส่ยังไม่สมส่วนกับรูปร่างของเจ้าสาว แพรว wedding เลยจะชวนสาวๆ มาทอล์กเรื่องชุดไทยที่ควรรู้ รับรองว่า ไม่ว่าครั้งไหนที่คุณหยิบชุดไทยมาใส่สวยสง่าสมศักดิ์ศรีหญิงไทยแน่นอน 

โดยเฉพาะ ชุดไทยบรมพิมาน และ ชุดไทยศิวาลัย ที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนนิยมใส่ในพิธีแต่งงานไทย ด้วยรูปแบบของชุดที่สวยงาม เรียบร้อย ใส่แล้วดูสง่างามนั่นเอง และหากว่าที่เจ้าสาวเลือกใส่ชุดไทยทั้งสองแบบนี้ล่ะก็ นี่คือสิ่งเบื้องต้นที่สาวๆ ควรรู้ไว้นะคะ

1. ความยาวของสไบ

ชุดไทยศิวาลัย ความยาวของสไบมักจะอยู่ที่ 3 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอบลำตัวของเจ้าสาวด้วย ที่สำคัญคือต้องเลือกให้ความยาวของสไบยาวลงมาระพื้นพอสมควร อย่าปล่อยให้ยาวหรือกองที่พื้นมากเกินไป ดังนั้นถ้าเจ้าสาวเป็นคนตัวเล็ก อาจจะเหลือส่วนปล่อยชายเยอะ ก็ต้องเก็บขึ้นให้เหลือชายผ้าสไบยาวพอสมควร หรือถ้าเจ้าสาวเป็นคนอวบ รอบตัวหนา ก็อาจจะเลือกผ้าสไบที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

2. ความยาวของแขนเสื้อ  

ต่อมาคือความยาวของแขนเสื้อสำหรับชุดไทยที่เป็นแขนกระบอกอย่าง ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย ซึ่งทั้งหมดนี้ความยาวของแขนเสื้อจะอยู่ในระดับข้อมือ

3. ความยาวของผ้านุ่ง

ปกติแล้วความยาวของผ้าจะอยู่ที่ 1.8-2 เมตร แต่ถ้าต้องนำมานุ่งแล้วจับจีบด้านหน้าก็ควรเลือกผ้าที่ยาวไม่ต่ำกว่า 3 เมตร โดยระดับความยาวของผ้านุ่งกับขาของเจ้าสาวเราจะขอแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. ยาวระดับข้อเท้า ซึ่งจะเป็นการนุ่งผ้านุ่งตามแบบฉบับไทยแท้แต่โบราณ
2. เลยข้อเท้าลงมา แต่ยังเปิดให้เห็นหน้าเท้าหรือปลายรองเท้าเพียงนิดหน่อย
3. ชุดไทยประยุกต์แบบยาวกร่อมพื้น

การเลือกความยาวของผ้านุ่งขึ้นอยู่กับดีไซน์ชุด ความเหมาะสม และความชอบของเจ้าสาวแต่ละคน แต่ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่คนสูงมาก เราอยากแนะนำให้ใส่ชุดไทยที่มีความยาวผ้านุ่งตามข้อ 2 และใส่รองเท้าส้นสูงเพิ่มเข้าไปก็จะช่วยทำให้ดูสูงโปร่งกว่าเดิม แต่ให้จำไว้ว่าเวลาที่คุณไปลองชุดให้นำรองเท้าส้นสูงที่คุณจะใส่ในวันงานไปใส่ลองด้วย เพื่อที่ช่างจะได้กะความยาวของผ้านุ่งให้พอดีกับความสูงของส้นรองเท้า

และนี่คือแบบ ชุดไทยพบมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย สวยๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากว่าที่เจ้าสาวกันค่า

ชุดไทยศิวาลัย
ชุดไทยศิวาลัย
ชุดไทยบรมพิมาน
ชุดไทยบรมพิมาน

ดูแบบชุดไทยอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ >>> คลิกเลย <<< 

คำแนะนำในการเก็บรักษาชุดแต่งงานให้ยังใหม่อยู่เสมอ

คงสภาพ ชุดแต่งงาน ให้ใหม่อยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก

แม้ในเมืองไทยนั้นเจ้าสาวส่วนใหญ่จะนิยมเช่า ชุดแต่งงาน กันเสียมากกว่า เนื่องจากราคาค่อนข้างสูงและใส่เพียงแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับเจ้าสาวอีกหลายคนที่เลือกจะตัดชุดแต่งงานใหม่เพื่อจะเก็บเอาไว้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นวันแห่งความสุข การเก็บรักษาชุดแต่งงานไม่ให้เหลืองเก่าจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเราจะเก็บรักษาชุดแต่งงานที่ลงทุนตัดเป็นหมื่่นๆ หรือบางชุดก็เป็นแสนๆ ได้อย่างไรบ้างหลังจากส่งทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น วันนี้ แพรว wedding มีคำแนะนำมาฝากค่ะ

1. อย่าเก็บชุดในห้องเก็บของใต้บันได หรือห้องใต้หลังคาที่มีความชื้นสูง บริเวณที่ดีที่สุดที่จะใช้เก็บชุดแต่งงานคือตู้เสื้อผ้า หรือพื้นที่ใต้เตียงนอนนะคะ

2. หลังจากที่นำชุดไปซักแห้งเรียบร้อยแล้ว อย่าเก็บชุดแต่งงานของคุณไว้ในถุงพลาสติก เพราะสารเคมีที่อยู่ในพลาสติกจะซึมออกมาจะทำลายสีของเนื้อผ้าได้

3. ถ้ามีเข็มหมุดปักอยู่ที่เนื้อผ้าให้เอาออก อย่าทิ้งเอาไว้ เพราะเข็มหมุดมีโอกาสขึ้นสนิมได้ถ้าปล่อยไว้นานๆ และยังทำให้ชุดของคุณมีรอยอีกด้วย อย่าแขวนชุดแต่งงานคุณทิ้งไว้นานเกินไป เพราะการแขวนเป็นการตึงตะเข็บเสื้อและรูปทรงของชุด

4. ไม่แนะนำให้เก็บชุดแต่งงานในกล่องที่ทำจากพลาสติกเป็นเวลานานๆ เพราะกล่องพลาสติกจะเกิดความชื้น ได้ง่าย ทำให้เกิดเชื้อราควรจัดเก็บชุดแต่งงาน ไว้ในกล่องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเก็บชุดแต่งงานเท่านั้น แต่อย่าหาตัดเอากล่องกระดาษธรรมดาจากไหนก็ไม่รู้มาใช้เก็บชุดแต่งงานเป็นอันขาดนะคะ เพราะภายในเนื้อของกล่องกระดาษจะมีส่วนผสมของกรด ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปมันจะซึมออกมาถูกเนื้อผ้า และจะทำลายสีของเนื้อผ้า

5. ห่อชุดแต่งงานด้วยกระดาษที่ไม่มีกรดเป็นส่วนผสม (acid-free tissue paper) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ชุดแต่งงานของคุณกลายเป็นสีเหลือง อย่าใช้กระดาษที่มีสีมาห่อ เพราะว่ากระดาษพวกนี้ จะผ่านการย้อมสีนานๆไปสีที่ย้อมไว้อาจจะตกออกมาโดนชุดคุณได้

6. ถ้าคุณไม่เก็บชุดแต่งงานไว้ในกล่อง ระวังอย่าให้ชุดของคุณโดนแสงแดดหรือแสงไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพ

7. อย่าเก็บชุดแต่งงานของคุณไว้ในบริเวณที่เคยมีปัญหาเรื่องความชื้น ปลวกหรือแมลง

8. แกะและคลี่ชุดแต่งงานของคุณออกมาตรวจสอบบ้างอย่างน้อยปีละครั้ง (หรือทุกๆ 6 เดือนก็ยิ่งดี) ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ชุดแต่งงานคุณเกิดรอยพับถาวรได้ และยังทำให้คุณได้หวนนึกถึงความทรงจำที่แสนหวาน และน่าประทับใจในวันแต่งงานคุณอีกด้วย

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

cr : allure.com, thespruce.com

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร เรามีคำตอบ ตั้งแต่เริ่มวางแผนจนถึงวันแต่งงาน

รองจากเจ้าสาวก็เพื่อนเจ้าสาวเนี่ยแหละที่เป็นดาวเด่นของงาน แต่ใช่ว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้วจะแค่แต่งตัวสวยๆ คอยถ่ายรูปกับเจ้าสาวและเหล่าเพื่อนเจ้าบ่าวเท่านั้นนะ แต่ เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร บ้าง เรามีคำตอบมาให้แล้ว สำหรับสาวๆ ที่กำลังเตรียมตัวจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวคนต่อไป

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • ให้ความคิดเห็น

หน้าที่ของเพื่อนเจ้าสาวเริ่มต้นตั้งแต่คู่บ่าวสาววางแผนจัดงานแต่งงานเลยทีเดียว กับการช่วยมองหาสถานที่จัดงาน ออกไอเดียเรื่องชุด เรื่องการตกแต่งงานแต่งงาน หรือบางทีอาจต้องตระเวนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำกับว่าที่เจ้าสาวเพื่อเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เราว่า จะทำก็ต่อเมื่อคุณบ่าวสาวเขาร้องขอ แต่ถ้าคุณเชี่ยวชาญในด้านที่เกี่ยวข้องจริงๆ จะเสนอตัวรับผิดชอบไปเลยก็ได้ ถือเป็นการแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าสาวอีกแรง

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • จัดงานปาร์ตี้สละโสดให้เพื่อนสาว

เป็นสิ่งที่เพื่อนเจ้าสาวร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อเจ้าสาว กับการจัดงานปาร์ตี้ให้ไม่ว่าจะเป็น Bridal Shower งานเลี้ยงสละโสดแบบใสๆ ให้ของขวัญกันน่ารักๆ หรือจะเป็น Hen’s Night งานเลี้ยงอำลาความโสดฉบับยัยตัวร้าย ส่วนใหญ่ก็มักเป็นงานที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานกับเกมส์ต่างๆ แต่บางครั้งก็อาจมีความซึ้งของมิตรภาพระหว่างเพื่อนให้เป็นซีนเรียกน้ำตาอยู่บ้าง

เพื่อนเจ้าสาวทำอะไร

  • เป็นผู้ประสานงาน

บ่าวสาวมีอะไรต้องทำมากมาย บ้างครั้งหลังจากที่เขาและเธอติดต่อเรื่องต่างๆ แล้ว เพื่อนเจ้าวสาวอาจต้องรับหน้าที่ประสานงานต่อ หรือติดตามงานเพื่อให้ได้ในสิ่งที่บ่าวสาวต้องการให้เกิดขึ้นในวันสำคัญ  ซึ่งคุณก็ต้องทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาแทน ไปจนถึงในวันแต่งงานเลยทีเดียว เผลอๆ อาจต้องทำหน้าที่ประสานงานกับหนุ่มๆ เพื่อนเจ้าบ่าว และไม่แน่…อาจทำให้เกิดคู่รักคู่ใหม่ก็ได้นะ อิอิ

  • เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน

ในวันแต่งงานมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ของขาด ชุดเสียหาย ไปจนถึงอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งเพื่อนเจ้าสาวแต่ละคนอาจจะต้องพกอุปกรณ์ฉุกเฉินกันคนละอย่างสองอย่าง บางคนพกชุดเข็มด้าย อีกคนพกชุดปฐมพยาบาลอะไรแบบนี้ ซึ่งเราแนะนำว่าควรหาชุดเพื่อนเจ้าสาวที่มีกระเป๋าเล็กๆ ซ่อนอยู่เพื่อจะพกของเหล่านี้ไว้กับตัวได้ พอเกิดเหตุปุ๊บก็เข้าช่วยได้ทันที

  • ดูแลเจ้าสาว

ในวันแต่งงานเป็นวันที่เจ้าสาวยุ๊ง ยุ่ง ยุ่งจนบางทีลืมดื่ม ลืมกิน เลยจะเห็นเจ้าสาวเป็นลมกันอยู่บ่อยๆ หน้าที่อีกอย่างของเพื่อนเจ้าสาวที่ดีก็คือ ดูแลว่าที่บ่าวสาวให้ได้ดื่มน้ำ กินอาหาร และพักผ่อนอย่างเพียงพอพร้อมจะลุยงานได้ทั้งวันแบบลมไม่จับ กระเพาะไม่ถามหา

นี่แหละคือหน้าที่ที่แท้จริงของเพื่อนเจ้าสาว เหล่าคนสวยรองจากเจ้าสาว และก็ยุ่งตัวเป็นขิงรองจากเจ้าสาวด้วยเช่นกัน ยังไงเราก็เป็นกำลังใจให้นะคะ และเพื่อเพื่อนเจ้าสาว เรามีรวม >> แบบชุดเพื่อนเจ้าสาว <<มาฝากด้วยนะ

ภาพเปิด pixabay
ภาพประกอบ pinterest