6 ทริคสุดเจ๋งได้แหวนแต่งงานดีและโดน ราคาประหยัดด้วยตัวเอง

หากคุณกำลังมองหา แหวนแต่งงาน วงงามอยู่ละก็ อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไปเลือกซื้อที่ร้านทันทีที่คิดได้ล่ะ เพราะวันนี้ แพรว wedding มีคำแนะนำ 6 ข้อในการเลือกแหวนแต่งงานมาฝาก รับรองว่าซื้อมาแล้วถูกใจผู้รับแถมยังคุ้มค่าเงินที่จ่ายอีกด้วย

 

1. คุณภาพกับราคา สองสิ่งนี้คู่กันเสมอ

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเพชรเป็นอัญมณีที่มีราคาสูง จะมาหวังซื้อแหวนเพชรขนาด 5 กะรัต ในราคาหลักแสนก็เป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากคุณจะเลือกเพชรเม็ดใหญ่แต่น้ำไม่ดี ก็แหมเลือกเป็นแหวนหมั้นทั้งทีก็เลือกที่คุณภาพดีๆ แต่เม็ดเล็กหน่อยจะดีกว่านะจ๊ะ

2. เปลี่ยนแนวบ้างอย่ายึดแต่แบบเดิม

แหวนหมั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นแหวนเพชรเสมือนไป คุณอาจเลือกเป็นพลอยสีหรืออัญมณีประจำวันเกิด ก็ดูเก๋ไปอีกแบบ แต่ก็ต้องสอบถามกับคู่ของคุณด้วยนะจ๊ะจะได้แฮปปี้ทั้งคู่จ้า

3. จงจำไว้ว่าซื้อให้เธอ ไม่ใช่ซื้อให้ตัวเอง

ถึงแม้เพชรแฟนซีอาจจะไม่ใช่สไตล์ของคุณ แต่หากแฟนของคุณชอบก็ควรจะซื้อให้เธอ เพราะอย่าลืมว่าคุณซื้อให้เธอ ไม่ได้ซื้อใส่เอง และแหวนก็เป็นเครื่องประดับที่เธอจะต้องใส่ไปอีกนานแสนนาน

4.ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ไม่ต้องกังวลว่าน้ำหนักเพชรจะมากหรือน้อย เพราะความใสและสะอาดของเพชรต่างหากที่สำคัญ จำไว้ว่าต่อให้เพชรของคุณมีขนาดเล็กแต่น้ำใสสะอาดก็ย่อมดูดีกว่าเพชรเม็ดใหญ่แต่น้ำไม่สวย

5. อย่ายึดติดเรื่องใบรับรองกับเพชรทุกเม็ด

ในการซื้อเพชรการที่มีใบรับรองก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเราจะได้มั่นใจว่าได้ของที่ดี โดยเฉพาะเพชรที่เป็นไฮไลน์ของเครื่องประดับ เช่น เพราะเม็ดกลางหรือเพชรเม็ดที่ใหญ่ที่สุดบนตัวเรือน แต่ในบางครั้งใบรับรองก็อาจไม่มีความจำเป็นต้องมีในเพชรทุกเม็ดบนตัวเรือนอย่างเพชรประดับยิบๆ ย่อยๆ ที่แม้จะเข้าข่ายสามารถมีใบรับรองได้ก็ตาม (เพชรขนาด 0.30 กะรัตขึ้นไป สามารออกใบเซอร์ได้) เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว คุณอาจต้องเก็บใบรับรองเป็นบึกๆ เลยก็ว่าได้ ฉะนั้นถามหาใบรับรองเน้นๆ ที่เม็ดโตก็พอ

6. ของดีมีอยู่ทุกที่

จงอย่ามองข้ามร้านเพชรขนาดเล็กไปล่ะ เพราะคุณอาจจะได้เพชรน้ำงามเม็ดสวยจากร้านเหล่านี้ก็ได้ และที่สำคัญราคามักจะถูกกว่าตามร้านเพชรใหญ่ๆ อีกด้วย

ทั้งหมดนี้คือ 6 ข้อสำคัญสำหรับการเลือกซื้อแหวนหมั้น ว่าที่เจ้าบ่าวทั้งหลายสามารถลองนำไปทำตามกันได้นะจ๊ะ เผลอๆนอกจากจะได้แหวนที่ถูกใจแล้วเผลอๆ ยังเหลือเงินเก็บอีกเพียบนะจ๊ะ

ติดตามคำแนะนำดีๆ และแบบเครื่องประดับสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : engagement-now.com, fifthand.wordpress.com, cobymadison.com,
diamondenvy.com, jewelrywise.com

แต่งงานริมทะเล กับ 5 เรื่องที่เจ้าสาวต้องรู้เมื่อถึงเวลาเลือกชุดแต่งงาน

การเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะกับสถานที่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะคะ เพราะฉะนั้นคุณเองก็ควรรู้เสียก่อนว่าจะจัดงานที่ไหนเพื่อให้หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างชุดแต่งงานนั้นเลือกมาได้เป็นอย่างดี อย่างวันนี้ แพรว wedding ก็มีเทคนิคการเลือกชุด แต่งงานริมทะเล มาฝากกันค่ะ ก็แหม.. การจัดงานริมชายหาดแล้วมีเบื้องหลังเป็นเกลียวคลื่นงามน่ะออกจะเป็นภาพฝันของใครหลายๆคนใช่ไหมล่ะคะ… ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะะไรที่เราไม่ควรมองข้ามกันบ้าง 😉

 

เนื้อผ้า (Fabric)

ชุดแต่งงานที่เนื้อผ้าระบายความร้อนได้ไม่ดีนักไม่ควรนำมาใส่อย่างเด็ดขาดเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผ้าใยสังเคราะห์ ทางที่ดีคุณควรเลือกผ้าเนื้อนุ่ม เบาและพลิ้วสวยไว้เป็นดีที่สุด เช่น ผ้าชีฟอง ผ้าเครป ผ้าด่วน ผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงผ้าเนื้อแข็งจำพวกผ้าไหม ผ้าแก้ว ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองผิวด้วยนะคะ และทางที่ดีคุณควรปรึกษาเรื่องนี้กับดีไซเนอร์ผู้เชี่ยวชาญในร้านเลยค่ะ

ความยาว (Length)

ความยาวของชุดนั้นจเป็นแบบสั้นหรือแบบยาวกรอมเท้าได้ แต่ไม่ควรยาวแบบลากพื้นนะคะสาวๆ เพราะคุณจะเดินหรือเคลื่อนไหวบนพื้นทรายได้ลำบากมากเลยทีเดียว และอาจเผลอทำชุดเปียกน้ำทะเลโดยไม่รู้ตัวด้วย เก็บชุดยาวลากพื้นแบบกรุยกรายไว้สำหรับถ่ายภาพ pre wedding ก็น่าจเพียงพอแล้วล่ะค่ะสาวๆ

ทรงชุด (Style)

สไตล์ของชุดแต่งงานที่เหมาะกับงานแต่งงานริมทะเลที่สุด คือ ชุดทรงแอมไพร์แบบต่อใต้อก ที่ให้อารมณ์ที่เป็นธรรมชาติ และทำให้นึกถึงเทพธิดาแห่งท้องทะเลในนิยายกรีกโรมัน รองลงมาได้แก่สไตล์ชุดกระโปรงสั้นที่มีความยาวประมาณปิดหัวเข่าที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและกระฉับกระเฉง

การตกแต่ง (Embroidery) 

ควรหลีกเลี่ยงการประดับชุดด้วยลูกไม้หนาๆจำนวนมาก ที่นอกจากะทำให้ชุดแข็งไม่พลิ้วไหวแล้ว ขอบของลูกไม้อาจทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองผิวได้อีกด้วย เลือกชุดเรียบๆที่มีการตกแต่งเพียงเล็กน้อย อาจเป็นจำพวกคริสตัล หิน ลูกปัด หรือชุดที่ตกแต่งด้วยริบบิ้น หรือจะเลือกแต่งเป็นชุดเรียบ ๆ ที่ไม่มีการตกแต่งไปเลยก็ได้นะคะ แล้วเสริมด้วยเครื่องประดับจำพวกหิน เช่น สร้อยคอ ต่างหู กำไล หรือข้อมือ แบบนี้ก็เก๋ไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ

รองเท้า (Shoes)

พยายามเลือกรองเท้าส้นแบนเพื่อเดินบนพื้นทรายได้ ลืมรองเท้าส้นสูงไปได้เลยถ้าคุณคิดจะจัดงานริมทะเลนะคะสาวๆ ไม่งั้นคงจะะเป็นภาพที่ดูทุลักทุเลน่าดูเลย

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : brides.com

6 ข้อทำตัวเป็นแขกงานแต่งที่ดีไม่ใช่เรื่องยาก..แต่ต้องทำให้ได้

ได้รับเกียรติให้ไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานทั้งที แขกอย่างเราก็ต้องทำตัวให้ดีให้สมกับการได้รับเชิญจริงไหมคะ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ แล้วแขกที่ไม่ดีนั้นเป็นอย่างไร ก็ได้รับการ์ดเชิญมาก็ไปร่วมงานแล้วยังดีไม่พอเหรอ หากคุณอยากเป็น The Best ด้าน แขกงานแต่ง เราขอแนะนำให้ปฏิบัติตามทั้ง 6 ข้อนี้ที่เรานำมาฝาก รับรองว่าตำแหน่งสุดยอดแขกแห่งปีต้องเป็นของคุณแน่นอน

1.  อย่าเพิ่งรับปากว่าจะ ‘ไป’ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปร่วมงานได้ชัวร์ๆ

ซึ่งจะเป็นการดีกว่าที่คุณจะบอกคู่บ่าวสาวไปตรงๆ ว่ายังไม่แน่ใจขอไปดูตารางงานก่อน หากไม่ติดอะไรจะไปร่วมงานแต่งแน่ๆ แต่…ถ้าคุณติดธุระที่ไม่สามารถไปร่วมงานได้จริงๆ ก็เพียงแค่บอกบ่าวสาวไปตรงๆ เลยค่ะ เพราะเชื่อเถอะว่าเขาจะเข้าใจและไม่โกรธคุณแน่นอน ดีกว่าคุณไปให้ความหวังแล้วบ่าวสาวไม่พบคุณในงาน นี่สิค่ะที่จะทำให้บ่าวสาวอาจงอนของจริง

2. หากคุณจะหนีบใครสักคนไปเป็นเพื่อนร่วมงานแต่งงาน อาจจะแจ้งบ่าวสาวให้ทราบล่วงหน้าสักนิด

โดยเฉพาะหากงานนั้นเป็นงานเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ หรือโต๊ะจีน หรือเป็นการเลี้ยงที่บ่าวสาวจะต้องฟิกซ์ที่นั่งไว้ให้พอดีกับจำนวนแขก การแจ้งล่วงหน้าจะทำให้บ่าวสาวคำนวณจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานได้อย่างถูกต้อง และเป็นการการันตีว่าเพื่อนที่คุณควงแขนไปร่วมงานด้วยจะไม่ต้องไปยืนเหวออยู่หน้างานเพราะไม่มีที่นั่งด้วยไงคะ

3. มารยาทที่ดีของแขกคือการไปถึงงานก่อนที่พิธีการจะเริ่ม

เพื่อที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้มีโอกาสพบปะ พูดคุย และถ่ายภาพกับคุณก่อนที่เขาทั้งคู่จะเข้าสู่พิธี ยิ่งถ้าหากคุณไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ร่วมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยแล้วล่ะก็ หากคุณยังไปสายแล้วไม่ได้ทักทายบ่าวสาวอีก ก็เหมือนกับคุณไปงานแบบเสียเปล่านะคะ เผลอๆ บ่าวสาวอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณไม่ได้ไปร่วมงานแต่งเอาด้วย

4. หากคุณตั้งใจที่จะไปร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวแบบจริงใจ ก็ควรที่จะอยู่ให้จบตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นพิธีการ

เพราะอย่างน้อยสิ่งนี้ก็เป็นการแสดงความยินดีกับบ่าวสาวได้เป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง ซึ่งถ้าคุณอยู่ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงานแล้วไม่ได้อยู่ร่วมอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่อ เราว่าบ่าวสาวก็คงเข้าใจและไม่โกรธแน่นอน เพราะฉะนั้นเคลียร์คิวตัวเองมาให้ดี แล้วไปสนุกกับวันสำคัญของบ่าวสาวให้เต็มที่นะคะ

5. หากคุณอยู่ร่วมในพิธีแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ อย่างเช่น พิธีแต่งงานไทยที่จัดขึ้นภายในห้องเล็กๆ หรือภายในโบสถ์ หรือสถานที่ที่ไม่ใหญ่มาก เราขอแนะนำให้คุณ ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ เพราะหากเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ หรือระหว่างที่พ่อแม่กำลังกล่าวให้พรกับบ่าวสาวอยู่นั้น อาจจะโดนแขกคนอื่นมองแรงส์เอาได้ ส่วนใครที่อยากจะเก็บภาพโมเม้นต์สำคัญของบ่าวสาวเอาไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ก็ควรที่จะปิดเสียงชัดเตอร์ และปิดแฟลชด้วยนะคะ เพราะหากรบกวนทั้งเสียงทั้งแสงแบบนี้คงไม่ดีแน่นอน สุดท้าย อย่าลืมเช็กให้ดีว่าคุณไม่ได้ตั้งเตือนอะไรเอาไว้ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณกำลังอยู่ในพิธีด้วยน้า

6. ถ้าเป็นไปได้แขกอย่างเราควรหลีกเลี่ยงการใส่ชุดสีขาวไปร่วมงานแต่ง

(แต่ถ้าธีมงานเป็นสีขาวอันนี้เราไม่ห้าม) ทางที่ดีควรใส่เป็นเฉดสีครีม หรือเฉดสีไอวอรี่แทนจะดีกว่า เพราะงานนี้คุณไม่ได้เป็นนางเอก แต่เป็นได้แค่แขกรับเชิญเท่านั้น เนอะ ^^

ติดตามคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.coma a

ไขข้อข้องใจ “สูท VS ทักซิโด้” เหมือน-ต่างกันอย่างไร

ว่าที่เจ้าบ่าวคนไหนที่ยังข้องใจว่า สูท (Suites) กับ ทักซิโด้ (Tuxedo) ต่างกันอย่างไร แล้วเจ้าบ่าวอย่างคุณควรจะใส่แบบไหน ถ้าอยากรู้คำตอบก็เลื่อนเม้าส์ลงไปอ่านกันเลย

suit

สูท

มาเริ่มกันที่ชุดสูทก่อนค่ะเพราะเป็นอะไรที่เข้าใจไม่ยาก ปกติแล้วส่วนประกอบหลักของชุดสูททั้ง แจ็กเกต (เสื้อตัวนอก) และกางเกงจะถูกตัดเย็บด้วยผ้าชนิดเดียวกันทั้งชุด มีกระดุมแถวเดียว นิยมใช้วัสดุที่ค่อนข้างแข็งมาทำกระดุม เช่น พลาสติกหรือเขาสัตว์ ส่วนปกมีให้เลือก 2 แบบคือ ปกป้าน (Notched Lapel) และ ปกแหลม (Peak Lapel)

 

tuxedo

ทักซิโด้

สำหรับชุดทักซิโด้ต้องทำความเข้าใจนิดนึงค่ะว่า “ทักซิโด้เป็นชุดสูทประเภทหนึ่ง” นิยมใส่ในงานที่เป็นทางการ หรือสำหรับคนที่มีความสำคัญสำหรับงานนั้นๆ เช่น งานแต่งงาน ผู้ที่ควรจะใส่ทักซิโด้ก็คือ เจ้าบ่าว และพ่อเจ้าบ่าว เป็นต้น ทักซิโด้มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากสูททั่วไปดังนี้

1. ปกและขอบกระเป๋าที่อยู่บนแจ็กเกต จะใช้ผ้าไหมที่มีความมันวาว

2. แบบปกมีให้เลือก 3 แบบคือ ปกป้าน (Notched Lapel), ปกแหลม (Peak Lapel) และ ปกโค้งหรือปกกล้วย (Shawl Lapel)

3. กระดุมเป็นแถวคู่

4. วัสดุที่ใช้ทำกระดุมจะเป็นผ้า โดยนำผ้าไหมแบบเดียวกับที่ใช้ทำปกและขอบกระเป๋ามาหุ้มไว้ ทั้งกระดุมเสื้อและกระดุมแขน

5. มีคัมเมอร์บันด์ (ผ้าคาดเอว) ที่ทำจากผ้าไหมมันวาวชนิดเดียวกับที่ใช้ทำปก ซึ่งจะช่วยเก็บหน้าท้องให้หุ่นดูสมาร์ทมากยิ่งขึ้น

6. กางเกงไม่มีหูเข็มขัด แต่มีกระดุมไว้ยึดด้านข้างแทน (จะถูกคัมเมอร์บันด์คาดทับไว้)

7. ด้านข้างของกางเกงมีแถบผ้าไหมมันวาวแบบเดียวกับที่ใช้ทำปก คาดยาวตั้งแต่เอวลงมาถึงปลายขากางเกง

8. เชิ้ตด้านในนิยมเป็นเชิ้ตที่มีการตีเกล็ดเป็นเส้นตรงจากอกยาวลงมาจนเลยช่วงเอวเล็กน้อย

คำแนะนำที่เจ้าบ่าวต้องอ่าน!!!

– ชุดสูทสำหรับพิธีเช้าส่วนใหญ่นิยมเป็นสูทสีอ่อน เช่น สีเทาอ่อน สีน้ำตาลอ่อน เป็นต้น
– ชุดสูทสำหรับพิธีฉลองมงคลสมรสช่วงเย็นนิยมเป็นชุดทักซิโด้สีเข้ม เช่น สีน้ำเงิน หรือ สีดำ
– จะตัดสูททั้งที 3 ข้อนี้จำให้แม่น
เลือกผ้าคุณภาพดีจะทำให้ใส่สบาย
เลือกแบบปก (Pattern) ที่ชอบและเหมาะสม
เลือกคัตติ้งว่าจะเป็นแบบเข้ารูป (พอดีตัว) หรือหลวมนิดหน่อยพอให้ใส่สบาย

Tip แถมให้!
เพื่อความหล่อที่สมบูรณ์แบบ แนะนำให้ว่าที่เจ้าบ่าวทุกท่านเลือกเชิ้ตด้านในที่แขนยาวโผล่ออกมาจากแขนแจ็กเกต สักเล็กน้อย หรือถ้าเอาไม้บรรทัดวัดก็ประมาณ ¼ – ½ นิ้ว

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าวอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูล : Atelier Azzurro IG : azzurrotailor
ภาพ : blog.knotstandard.com, etsy.com, fameimages.com, imgind.com, rustyzipper.com, styleforum.com

เตรียมพบโรงแรมบูติคแบรนด์หรูดีไซน์ร่วมสมัย “คาเพลลา กรุงเทพ” สถานที่จัดงานแต่งงานริมน้ำแห่งใหม่บนถนนเจริญกรุง

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหา สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ไม่ซ้ำใคร และชื่นชอบบรรยากาศการจัดงานริมแม่น้ำสุดโรแมนติก เราขอกระซิบบอกว่า อีกไม่นานนี้จะมีโรงแรมบูติคแบรนด์หรู ดีไซน์ร่วมสมัยแห่งใหม่ เปิดตัวบนถนนเจริญกรุง

แพรวเวดดิ้ง ขอแนะนำ “โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ” โรงแรมสไตล์รีสอร์ทกลางเมืองริมแม่น้ำเจ้าพระยาสถานที่จัดงานเลี้ยง งานเฉลิมฉลอง งานพิธีหมั้น และงานวิวาห์แห่งใหม่ ที่พร้อมจะมอบสุนทรีย์และประสบการณ์แห่งการพักผ่อนให้แก่ทุกท่านได้สัมผัสอย่างน่าประทับใจแล้วเร็วๆ นี้

ห้องบอลรูม โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ
บรรยากาศสบายๆ ของงานจัดเลี้ยงด้านนอก บริเวณสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา

โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพพร้อมเนรมิตภาพฝันงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวให้เป็นจริงเตรียมเปิดตัว “ห้องบอลรูม” ที่มีภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเป็นฉากหลังด้วยพื้นที่กว่า 747 ตร.ม. เมื่อรวมกับพื้นที่บริเวณด้านหน้าสามารถรองรับแขกผู้มีเกียรติได้มากถึง 900 คน ทำให้ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้ สามารถรังสรรค์งานวิวาห์ของคู่บ่าวสาวให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด นอกจากนี้ยังมี “คอร์ทยาร์ด” พื้นที่สนามหญ้าพร้อมระเบียงริมแม่น้ำไว้รองรับการจัดงานแต่งงาน หรือปาร์ตี้สละโสดสุดชิคในบรรยากาศกลางแจ้งไว้เป็นตัวเลือกอีกด้วย ทางโรงแรมฯ พร้อมให้บริการแบบ “ครบ-จบ-ในที่เดียว” รองรับทุกรูปแบบของการจัดงานและการเฉลิมฉลอง ด้วยทีมงานคุณภาพ ทั้งด้านสถานที่ อาหาร และการจัดดอกไม้ที่คัดสรรมาเฉพาะผู้เชี่ยวชาญและชำนาญงานในระดับมืออาชีพ อีกทั้งการเดินทางมาที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพก็สะดวกสบาย ด้วยพื้นที่จอดรถกว่า 300 คัน และมีบริการรับจอดรถ (Valet Parking service) และบริการเรือรับ–ส่ง จากท่าเรือสาทรไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับแขกทุกท่าน

ห้องพักและวิลล่าดีไซน์ร่วมสมัยจำนวนทั้งสิ้น 101 ห้อง ของโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ถ่ายทอดเรื่องราวและวิถีชีวิตของผู้คนริมแม่น้ำไว้อย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด มีระเบียงส่วนตัวที่สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบพาโนรามา สำหรับห้องพักประเภทวิลล่าจำนวน 7 หลัง นับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นวิลล่าริมแม่น้ำเจ้าพระยาหนึ่งเดียวของกรุงเทพมหานคร รายล้อมไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ ศาลาริมน้ำ และสระจากุซซี่กลางแจ้งเพื่อให้ท่านได้สัมผัสกับความเป็นส่วนตัว และประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับสไตล์รีสอร์ทกลางกรุงริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ห้อง Riverfront Premier

 

 

 

ห้องพักสไตล์วิลล่าริมน้ำสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยพื้นที่ใช้สอย 259 ตร.ม.

สิ่งอำนวยความสะดวกและประสบการณ์แห่งการพักผ่อนที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ได้จัดเตรียมไว้ให้กับทุกท่านแบบครบครัน เช่น ร้านอาหารไทย “พระนคร”, ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียน “โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค” โดยเชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาว, ซาลอนและร้านขนมหวาน “สเตลลา” ที่ให้บริการเครื่องดื่มและซิกเนเจอร์ค็อกเทล รวมไปถึงบริเวณโถงล็อบบี้ที่มี “ที เลานจ์” ไว้ให้บริการชุดน้ำชาและขนมยามบ่ายอย่างเพลิดเพลิน ตลอดจนบริการสปาและความงาม “ออริกา เวลเนส” สำหรับผู้ที่รักความสวยความงามและใส่ใจในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอีกด้วย ที่สำคัญทางโรงแรมฯ มีบริการผู้ช่วยส่วนตัว หรือ “คาเพลลา คัลเจอร์ลิสต์” ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้คำปรึกษาและแนะนำบริการต่างๆ แก่แขกทุกท่านที่เข้าพักตลอด 24 ชั่วโมง

“ออริกา เวลเนส” บริการสปาและความงาม สำหรับผู้ที่รักความสวยความงามและใส่ใจการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ร้านอาหารไทย “พระนคร”
นั่งชิลล์ชมวิวแม่น้ำที่ “สเตลลา” จิบเครื่องดื่มและซิกเนเจอร์ค็อกเทล เสิร์ฟพร้อมขนมหวานสไตล์ “โอมากาเสะ”
“ที เลานจ์” บริเวณโถงล็อบบี้ให้บริการชุดน้ำชาและขนมยามบ่ายอย่างเพลิดเพลิน

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมสถานที่จัดงานแต่งงานที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ สามารถติดต่อฝ่ายขายเพื่อทำการนัดหมายหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดงานเลี้ยงหรืองานแต่งงานได้ที่อีเมล์ [email protected] หรือ โทร. 02-098-3888

**สงวนสิทธิ์เปิดให้เข้าชมแก่คู่รักและผู้ที่ทำการนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น

สามารถติดตามข่าวสารและสำรองห้องพักได้ที่ www.capellabangkok.com

8 เรื่องสำคัญห้ามมองข้ามถ้าอยากจัดงานแต่งงานเอาท์ดอร์

สายลม แสงแดดและความรู้สึกที่ได้สัมผัสธรรมชาติในชุดเจ้าสาวในฝัน เคียงคู่กับคุณเจ้าบ่าวแสนดีเป็นโมเม้นต์ที่คู่รักอยากมีกันทั้งนั้น บางคู่ก็เลยตั้งธงไว้เลยว่า ถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ จัดแต่งกลางแจ้งแบบ งานแต่งงานเอาท์ดอร์ ชัวร์ แต่ฝันของคุณจะสวยงามแค่ไหน ก็อยู่ที่การเตรียมความพร้อมแบบรอบด้าน ว่าแต่จะมีเรื่องไหนบ้างไปเตรียมการพร้อมๆ กันเลย

1. เตรียมพร้อมกับสภาพอากาศ

บ่าวสาวที่อยากจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง ควรคำนึงถึงเรื่องสภาพอากาศเอาไว้ให้มาก เพราะไม่มีใครสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ ดังนั้นคุณควรมีแผนสำรองอย่างการเช่าเต็นท์หรือการจัดสถานที่จัดงานแต่งงานภายในอาคารที่จะเคลื่อนย้ายแขกทุกคนในงานให้เข้ามาในอาคารได้ถ้าเกิดสภาพอากาศเกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหันขึ้นมาจนจัดงานแต่งงานกลางแจ้งต่อไม่ได้

2. ศึกษากฎระเบียบต่างๆ

ทุกๆ ที่จะมีกฎและข้อกำหนดเอาไว้ซึ่งก็อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ อย่างข้อกำหนดเรื่องการใช้เสียง การเช่าเต็นท์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือข้อกำหนดอื่นๆ ซึ่งเจ้าของสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงานอาจช่วยแนะนำบ่าวสาวในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้ หรือถ้าบ่าวสาวมีนักวางแผนงานแต่งงานคอยช่วยอยู่ก็อาจจะมอบหมายหน้าที่ในการจัดการเรื่องเหล่านี้ให้แก่นักวางแผนการแต่งงานช่วยจัดการแทน

3. ระบบแสง

การจัดงานกลางแจ้งยามค่ำคืน บ่าวสาวควรคิดถึงเรื่องแสงไฟเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าจัดงานในสถานที่ที่ดูมืดกว่าปกติ และเน้นการใช้แสงไฟจากเทียนซึ่งอาจดูโรแมนติกแต่ก็อาจเป็นการยากสำหรับแขกในงานที่จะเดินไปรอบๆ งานในสภาพสลัวๆ ของแสงไฟ คงไม่มีบ่าวสาวคู่ไหนอยากให้แขกคนใดคนหนึ่งล้มคะมำลงไปเพราะมองทางไม่เห็น ดังนั้นควรคำนึงถึงเกี่ยวกับเรื่องแสงไฟที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่แขกที่มาร่วมในงานแต่งงานด้วย

4. ระบบเสียง

นอกจากดูแลเรื่องแสงสว่างให้เพียงพอแล้ว คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจถึงเรื่องการจัดระบบเสียงไม่ว่าเสียงเพลง เสียงไมโครโฟนหรือระบบเสียงโดยทั่วไปเพื่อให้แขกที่มาได้ยินเสียงต่างๆ ชัดเจน ใช้ตัวช่วยเรื่องระบบเสียงอย่างไมค์ติดเสื้อสำหรับบ่าวสาวและพิธีกร อาจให้ DJs หรือวงดนตรีช่วยจัดการเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้

งานแต่งงานเอาท์ดอร์

5. พัดลมทำความเย็น

อย่างที่รู้ว่าอากาศเมืองไทยเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง คุณควรเตรียมการเช่าพัดทำความเย็นเผื่อเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้มีใครเป็นลมเป็นแล้ง หรือเหงื่อออกเป็นน้ำตกจนหมดสวยหมดหล่อ และต้องการจะกลับบ้านก่อนที่งานจะสิ้นสุดลง

6. อย่ามองข้ามเรื่องลม

ในการจัดงานกลางแจ้งควรคำนึงถึงเรื่องลมเอาไว้ด้วย ตรวจสอบว่าของตกแต่งในงานแต่งงานต่างๆ โดยเฉพาะเต็นท์ (ถ้ามี) จะปลอดภัยและต้านทานแรงลมไว้ได้แค่ไหน

งานแต่งงานเอาท์ดอร์

7. การเก็บรักษาอาหาร

อาหารในงานแต่งงานคือสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลถึงความปลอดภัยและความเรียบร้อย คุณควรเตรียมการสำหรับการดูแลอาหารจากทั้งสภาพอากาศ แมลงหรือสิ่งอื่นๆ ที่อาจเป็นตัวทำลายความสมบูรณ์ของอาหาร วิธีที่ดีอย่างหนึ่งคือการเก็บรักษาอาหารอยู่ในที่สำหรับเก็บอาหารภายในจนกว่าจะถึงเวลาเสิร์ฟ ลองปรึกษาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวกับการดูแลอาหารและเครื่องดื่ม เรื่องการทำให้อาหารดูสดใหม่และพร้อมเสิร์ฟให้แขกได้อย่างไม่มีปัญหาเมื่อถึงเวลา

8. ระวังแมลงรบกวน

และสิ่งสุดท้ายที่หลายคนอาจมองข้าม นั่นคือเรื่องของแมลงรบกวนที่อาจเป็นปัญหาได้หากเลือกจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงตอนค่ำๆ ดังนั้นจึงควรพูดเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้กับเจ้าของหรือพนักงานที่ดูแลสถานที่ที่จัดงานแต่งงานเพื่อเตรียมพร้อมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เช่น การฉีดพ่นยากันแมลงก่อนงานแต่งงานเล็กน้อยหรือการจัดเทียนตะไคร้หอมหรือแสงไฟล่อแมลงระหว่างช่วงงานฉลองแต่งงาน อาจวางขวดสเปรย์หรือยาจุดกันแมลงแบบไม่มีสารพิษไว้รอบๆ งานแต่งงาน ห้องน้ำหรือใกล้ๆ ทางเข้าเพื่อช่วยป้องกันแมลงให้กับแขกที่มาร่วมงาน

อ่านเทคนิคจัดงานแต่งดีๆ ได้ตามลิงค์นี้เลย

8 อย่างขอให้เช็คและเห็นกับตาเมื่อออนทัวร์สถานที่จัดงานแต่งงานในฝัน
7 เรื่องต้องสตรองเมื่อบ่าวสาวเริ่มจัดงานแต่งงาน

ภาพ : insideweddings.com

เช็กลิสต์ สถานที่ฮันนีมูนทั่วโลก เดือนไหนเวิร์กสุดที่จะไปเยือน

แพรว wedding มีเช็กลิสต์ สถานที่ฮันนีมูน ทั่วโลกทั้ง 12 เดือนมาฝาก เพื่อที่คุณและคนรักจะได้มีทริปที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

คู่รักหลายคู่ที่กำลังวางแผนว่าจะไปไปสวีทหวานกันที่ไหนดี หรือว่าที่บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันที่อยากไปยัง สถานที่ฮันนีมูน แปลกใหม่ อย่างเช่น ทริปต่างประเทศ ถ้าเป็นอย่างนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรก (นอกจากเงินในกระเป๋า!) ก็คือการเช็กสภาพอากาศและภูมิทัศน์ของแต่ละประเทศว่าช่วงไหนที่เหมาะสำหรับการไปฮันนีมูนมากที่สุด เพราะในช่วงเวลา 1 ปีเมืองต่างๆ ทั่วโลกก็จะมีราคา ผู้คน ส่วนลด หรือสภาพอากาศที่ต่างกันไป เพราะฉะนั้นการวางแผนแบบยาวๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าด่วนตัดสินใจจองตั๋วแบบปุ๊ปปั๊ปทัวร์เด็ดขาด

 

มกราคม – ไอซ์แลนด์

เดือนมกราคมถือว่าเป็นเดือนที่ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวและอากาศยังขมุกขมัวไม่โปร่งใสนักใน ไอซ์แลนด์ แต่สำหรับการฮันนีมูนแล้ว นี่ถือว่าเป็นสถานที่ที่สวยงาม และเป็น destination ที่เหมาะสำหรับคู่รักที่อยากไปสัมผัสเมืองที่อากาศหนาวสุดขั้ว ที่สำคัญ ถ้าไปถูกเวลา วางแผนดีๆ และมีโชคช่วย ใน 1 ชั่วโมงของวัน คุณและคนรักอาจได้พบกับแสงเหนือสุดโรแมนติกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนทั่วโลกและคนรักอยากมาเยือนเพื่อดูสิ่งนี้มากที่สุด

กุมภาพันธ์ – แองกวิลลา

แองกวิลลา เป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรในทะเลแคริบเบียน เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ที่มีอากาศอุ่นๆ ของอากาศแบบสิ้นหน้าหนาวพร้อมวิวทะเล แถมที่นี่ยังเต็มไปด้วยรีสอร์ทสุดหรูระดับลักซ์ชัวรี่ และชายหาดที่มีชื่อเสียงและยอดเยี่ยมที่สุดในโลก กับหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวล้อไปกับน้ำทะเลสีฟ้าใสแจ๋ว ซึ่งหาดที่ผู้คนนิยมไปมากที่สุดคือ อ่าวรองเดอวัวร์ ซึ่งเป็นชายหาดสาธารณะสุดโรแมนติก และนอกจากจะมีดีเรื่องทะเลแล้ว ที่นี่ยังเต็มไปด้วยของอร่อยอีกด้วย

มีนาคม – ไทย

คู่รักชาวไทยมีเฮ เพราะไม่ต้องไปไหนไกลให้เสียเวลา เพราะเดือนมีนาคมเป็นเดือนที่อากาศในบ้านเราออกจะอุ่นๆ คือไม่หนาว แต่ก็ไม่ร้อนแบบทรมาน แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าสภาพอากาศในแต่ละภาคของบ้านเรานั้น ถึงแม้จะเดือนเดียวกันแต่กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นการเช็กกรมอุตุฯ ก่อนวางแผนเป็นเรื่องจำเป็น และบอกเลยว่าใครที่อยากจะไปทะเลก็ลุยได้เลย จะฝั่งอ่าวไทยหรืออันดามันก็สวยหมด โดยเฉพาะหมู่เกาะสิมิลัน สวยมากกก ห้ามพลาดเชียวล่ะ

เมษายน – โมรอคโค

เป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศวิเศษมากเว่อร์ สำหรับภูมิประเทศเมืองทะเลทราย เพราะคุณและคนรักจะสามารถเดินชิลและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบายตัว เพราะอากาศไม่ร้อนมากหรือเย็นจัดเกินไป ที่สำคัญคุณยังไม่ต้องเจอกับกรุ๊ปทัวร์ที่มักจะหลั่งไหลมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อนหรือหน้าหนาวอีกด้วย ทำให้คุณสามารถเดินชมตลาดนัดอันเลื่องชือ เดินทอดน่องบนถนน หรือชิลไปกับสถานที่สำคัญต่างๆ ได้แบบไม่ต้องเบียดกับใคร

พฤษภาคม – พรอว็องส์

พรอว็องส์ เป็นบริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสบนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนติดกับประเทศอิตาลี ซึ่งช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงในการไปเยือนเพราะจะเต็มไปด้วยฝูงชนคือช่วงเดือนซัมเมอร์ แถมหน้าร้อนยังเป็นหน้าไฮ-ซีซั่นของที่นี่อีกด้วย เรียกได้ว่าค่าวิลล่าหรือโรงแรมต่างๆ แพงหูฉี่เชียวล่ะ เพราะฉะนั้นเดือนพฤษภาคม จึงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีก่อนที่จะเข้าไฮ-ซีซั่นอย่างเป็นทางการ และก่อนที่นักท่องเที่ยวจะแห่มา!! แต่ไม่ต้อง เอ๊ะ..ว่าแล้วโลว์-ซีซั่นแบบนี้จะมีอะไรให้ดู เพราะคุณและคนรักจะได้พบกับประสบการณ์ของอากาศที่กำลังดี และยังได้สัมผัสกับทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ที่ไกลสุดลูกหูลูกตา รวมไปถึงเดินชมหมู่บ้านที่มีสถาปัตกรรมที่ดูแปลกตา และจบวันด้วยช่วงเย็นที่สุดโรแมนติกในบรรยากาศแบบสบายๆ

มิถุนายน – ตาฮีตี

ตาฮีตี เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มของหมู่เกาะวินด์เวิร์ดของเฟรนช์พอลินีเชีย ตั้งอยู่ในหมู่เกาะโซไซตี มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ในช่วงเดินนี้ ตาฮีตี อยู่ในฤดูกาลที่ค่อนข้างแห้งแล้งแต่ไม่ถึงกับไม่น่าเที่ยว เพราะในขณะที่ตลอดปีที่ผ่านมาการหาโรงแรมที่นี่ดูจะเป็นเรื่องยาก แต่พอถึงเดือนนี้ปุ๊ปความยากก็หายไป เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่ดีอีกหนึ่งช่วงที่คุณและคนรักจะได้พบกับแสงอาทิตย์อันสดใสและน้ำที่ใสสะอาด และรับรองว่านี่จะเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนริมทะเลที่มีความสุขที่สุดอีกหนึ่งทริปในช่วงโลว์-ซีซั่นของที่นี่แน่นอน

กรกฎาคม – โครเอเชีย

ประเทศโครเอเชียมีทุกอย่างที่เหมาะสำหรับการฮันนีมูนในเดือนนี้ ยิ่งถ้าคู่รักคู่ไหนที่มีความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เมืองโบราญเก่าๆ ที่มีตึกรามบ้านช่องสวยๆ และหมู่บ้านที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกภาพยนตร์จะต้องหลงรักที่นี่อย่างแน่นอน แถมยังมีอาหารทะเลสดๆ นอกจากนี้ยังมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาสำหรับคู่รักสายดริ้งค์ แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์เลยก็คือชายหาดและชายฝั่งทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา หากมีงบเหลือๆ ลองเช่าเรือยอร์ชสักลำแล้วไปยังเกาะ Adriatic รับรองว่างานนี้มีฟิน

สิงหาคม – กรีซ

ประเทศกรีซ เป็นหนึ่งในเกาะที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก ซึ่งสถานที่ในฝันของหลายคนคงหนีไม่พ้น ซานโตรินี และไมโคนอส ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้ถือเป็นช่วงที่คึกคักมากสำหรับสถานที่ขึ้นชื่อทั้งสอง เพราะฉะนั้นไปฮันนีมูนทั้งทีเราก็ต้องหลีกหนีจากความวุ่นวาย แล้วไปอิ่มเอมกับบรรยากาศอันน่ามหัศจรรย์ ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันมากกมาย และมีผู้คนที่น้อยกว่าสองที่แรกกว่าครึ่ง!! นั่นก็คือที่ Paros, Corfu และ Rhodes แทน

กันยายน – ทัสกานี

ภาพ – lovefromtuscany.com

ตอสคานา หรือ ทัสกานี เป็นแคว้นหนึ่งของประเทศอิตาลี มีเมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองหลัก ซึ่งในเดือนนี้เป็นเดือนที่ดีเพราะไม่ใช่ช่วงไฮ-ซีซั่นของที่นี่ และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวอย่างในช่วงซัมเมอร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีทุกอย่างครบไม่ต่างจากช่วงไฮ ไม่ว่าจะเป็น อากาศสุดเพอร์เฟกต์, อาหารทะเลสดๆ และไวน์ที่ดีติดระดับโลก และสถานที่สำคัญที่ห้ามพลาดก็คือ หมู่บ้านเก่าแก่ที่ตั้งลดหลั่นกันอยู่บนเนินเขา ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกและไฟภายในบ้านเริ่มเปิด รับรองว่าจะเป็นภาพที่คุณและคนรักจะต้องจดจำแน่นอน

ตุลาคม – เกาะไอร์แลนด์

ในเดือนนี้เนินเขาของเกาะไอร์แลนด์จะเขียวขจีเป็นพิเศษ ทุ่งหญ้าจะมีฝูงแกะออกมาวิ่งเล่น ชายฝั่งทะเลที่สวยงาม เดินชมหมู่บ้านอันแปลกตา และฟินไปกับปราสาทเก่าสุดโรแมนติก และที่สำคัญเป็นเดือนที่ไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว จึงทำให้ราคาที่พักและอาหารถูกอย่างน่าเหลือเชื่อ (ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้โข!) แต่อาจจะมีฝนพรำลงมาทักทายเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นสภาพอากาศก็ยังดีพอให้คู่รักได้ฟินกันอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมพกร่มติดกระเป๋ากันไว้ด้วยนะ

พฤศจิกายน – ศรีลังกา

บ้านของช้างและเสือดาว, รีสอร์มสไตล์ลักซ์ชัวรี่, ชายหาดอันสวยงาม และประวัติศาสตร์ในยุคอาณานิคม นี่คือคำจำกัดความอย่างง่ายของประเทศศรีลังกา สถานที่ฮันนีมูนสุดเพอร์เฟกต์ที่ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งแทบจะมีกิจกรรมครบทุกอย่างทั้งแบบผจญภัย หรือจะแบบพักผ่อนปล่อยตัวปล่อยใจแบบเต็มที่ ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยนิยมไปเที่ยวเท่าไหร่นัก เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างจะมีฝน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้กิจกรรมหรือการมาฮันนีมูนต้องสะดุด เพราะหลังฝนตกคุณก็จะพบกับแสงแดดอันสดใสที่จะช่วยให้ทริปนี้ของคุณหวานชื่นเหมือนฟ้าหลังฝนเชียวล่ะ

ธันวาคม – รวันดา

ภาพ- africageographic.com

อย่าเพิ่งกลัวหากได้ยินชื่อประเทศนี้ เพราะที่นี่เขามีดีนะเออ.. ในเดือนธันวาคมถือเป็นเดือนเริ่มต้นที่จะเข้าสู่ฤดูแล้งที่จะมีแค่ช่วงสั้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้แอบส่องกอริลล่า!! เอาล่ะ คู่รักนักผจญภัยในดินแดนซาฟารีต้องเตรียมกันให้ดี ทั้งเรื่องการจองที่พัก การประกันด้านความปลอดภัย และใบอนุญาตในการติดตามกอริลล่า รับรองว่าทริปนี้จะเป็นทริปที่คุณและคนรักจะพูดถึงกันไปอีกนานแน่นอน

ภาพเปิด pixabay

ดูสถานที่แต่งงานและสถานที่ฮันนีมูนเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

3 เรื่องต้องทำหากแหวนแต่งงานไม่โดนใจ

ช่วงเวลาที่แฟนหนุ่มคุกเข่าตรงหน้าและเปิดกล่องแหวนพร้อมพูดคำว่า “แต่งงานกันนะครับ” ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับสาวๆ ทุกคนนะคะ บางคนแค่เห็นว่าเป็นแหวนก็ยิ้มจนแก้มปริ พอเวลาผ่านไปความตื่นเต้นเริ่มเบาลงประกอบกับว่าได้มีเวลาพินิจพิจารณาแหวนชัดๆ กลับพบว่าหลวมไปนิด แน่นไปหน่อย ไม่ค่อยชอบดีไซน์ แหวนแต่งงาน เท่าไหร่  เอ้า! เจอสถานการณ์แหวนแต่งงานไม่โดนใจแบบนี้ แพรว wedding มี 3 ข้อที่คุณควรทำกับแหวนมาฝาก

1. อย่าผลีผลามตัดสินใจว่าไม่ชอบ

หลังจากที่ได้สวมแหวนกับนิ้วนางข้างซ้ายแล้ว เราอยากจะให้คุณมองแหวนให้ครบทุกมุมค่ะ ลองหมุนมือซ้ายขวา ดูว่ามันสวยรับพอดีกับมือไหม ถ้ามองแล้วยังรู้สึกว่าไม่ใช่ก็ลองให้เวลากับมันสักนิด ลองใส่ดูสัก2-3วัน หรือใส่นานหน่อยประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ได้ ระหว่างนั้นก็ค่อยๆ สังเกตไปเรื่อย เมื่อมันได้มาอยู่ในมือคุณนานๆ ความถูกใจ ความชอบก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้เวลาทำความรู้จักกับแหวนแต่งงานที่แฟนหนุ่มตั้งใจเลือกให้สักนิด ถ้าในที่สุดแล้วยังไม่ถูกใจก็ค่อยดำเนินการขั้นต่อไปเนอะ

2. ถามเขาสักนิดว่า “ทำไมถึงเลือกแหวนวงนี้ล่ะ?”

แต่ก็อย่างที่เขาเคยพูดกันว่า อย่าตัดสินใจหนังสือเพียงแค่ดูหน้าปก ฉันใดก็ฉันนั้นจ้ะ ลองถามแฟนหนุ่มของคุณสักหน่อยว่า “ทำไมเขาถึงเลือกแหวนวงนี้มาให้คุณล่ะ?” บางทีแหวนวงนี้อาจมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่มากกกว่าที่คุณเห็น เช่น มันเป็นแหวนมรดกหรือมีดีไซน์คล้ายคลึงกับแหวนของคุณแม่ของเขา หรืออาจจะมีเรื่องราวความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับเขาซ่อนอยู่ ไม่แน่ว่าแหวนวงนี้อาจจะมีคุณค่าทางใจมากกว่าที่คุณเห็นก็ได้นะ

3. บอกเขาว่าคุณชอบนะ แต่มันยังไม่ใช่อ่ะ!
ถ้าดูก็แล้ว ใส่ก็แล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ถูกใจ เราขอแนะนำว่าให้เปิดใจคุยกับคนที่ให้แหวนคุณนั่นแหละค่ะ แต่ก็ต้องค่อยๆ พูดนะคะ และคุณควรตระหนักไว้ว่าแหวนที่เขาให้มาเกิดจากความตั้งใจเลือกของเขา แต่มันก็อาจจะมีบางจุดที่ยังไม่ถูกใจคุณเสียทีเดียว คุณอาจจะเริ่มพูดว่า “แหวนสวยดีนะ แต่ว่า….” แล้วก็ตามด้วยเหตุผลที่คุณไม่ชอบ เช่น หลวมไป แน่นไป ดีไซน์แหวนยังไม่ถูกใจ เป็นต้น แต่จงจำไว้ว่าหลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้วก็ถามเขาด้วยว่า จะสามารถปรับแหวนได้หรือไม่ จากนั้นก็พากันไปที่ร้านแหวน แล้วค่อยดูว่าจะปรับแก้ไขอย่างไรให้ได้ตามที่คุณชอบ

อย่าลืมนะคะว่าแหวนแต่งงานจะเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต คุณจะต้องเห็นมันทุกครั้งที่ตื่น เดิน กิน นอน ลองพิจารณาดูว่ามันเป็นแหวนในแบบที่คุณชอบจริงหรือไม่ ใส่พอดีหรือเปล่า ถูกใจอย่างที่คุณต้องการจริงๆ ไหม เพราะไหนๆ ก็ต้องใส่ติดตัวตลอดชีวิตอยู่แล้ว เราก็อยากจะให้สาวๆ ทุกคนยิ้มและนึกถึงความทรงจำดีๆ ทุกครั้งที่ยกมือขึ้นมาดูมันนะคะ

ดูแบบแหวนแต่งงาน และคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก bridesmaidforhire.com
ภาพจาก clarajewellery.com

เคล็ดลับวางแผนชุดเพื่อนเจ้าสาวยังไงให้ลงตัวสวยเริดเจิดกันยกแก๊ง

ไม่ใช่แค่เจ้าสาวนะที่ปวดหัวเรื่องชุด เพราะแก๊งเพื่อนสาวของคุณก็มึนไปกับ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ของพวกเธอเหมือนกัน!!

หากวันแต่งงานเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าสาว ก็ขอให้วันนี้เป็นวันแห่งความทรงจำสำหรับกลุ่มเพื่อนของคุณด้วยเช่นกัน ตามมาดูคำแนะนำจากแพรว wedding ที่จะช่วยให้เจ้าสาวแอนด์เดอะแก๊งสวยจบ สวยเจิด สวยเริดกันยกกลุ่ม กับเคล็ดลับการวางแผนเรื่อง ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่เรานำมาฝาก

สเต็ปเลือกชุดสุดเพอร์เฟกต์ ลำดับขั้นตอนง่ายๆ ที่ไม่ว่าเพื่อนซี้กลุ่มไหนก็ทำตามได้ไม่ยาก

  1. เริ่มต้นที่เจ้าสาว ก่อนการออกแบบชุดเพื่อนเจ้าสาว ต้องเริ่มต้นจากตัวของเจ้าสาวก่อนว่าอยากแต่งตัวแบบใด และอยากให้กลุ่มเพื่อนในวันงานออกมาเป็นแบบไหน
  2. วางคอนเซปต์ชุด โดยปกติแล้วเจ้าสาวจะมีภาพรวมชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้ในใจ ดังนั้นเจ้าสาวและเพื่อนควรพูดคุยกันเพื่อวางคอนเซปต์ให้ชัดเจน ขั้นตอนนี้ให้ยึดความต้องการของเจ้าสาวเป็นหลัก จากนั้นค่อยต่อยอดรายละเอียดปลีกย่อย
  3. เพื่อนเจ้าสาวเลือกแบบชุด เลือกแบบที่ตัวเองมั่นใจ แต่ต้องอยู่ในความพอดี ไม่น้อยหรือเยอะจนเกินไป และไม่เด่นเกินเจ้าสาว ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูบาลานซ์และไปด้วยกันกับกลุ่มเพื่อน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เลือกเนื้อผ้าอย่างไรให้สวยหรูดูแพง

เปลี่ยนความคิดที่ว่าชุดจะสวยถ้าตัดด้วยผ้าราคาแพง เพราะผ้าแต่ละชนิดก็เหมาะสำหรับแบบชุดที่แตกต่างกันไป ซึ่งถ้าหากเจ้าสาวมีงบมากหน่อย (กรณีที่เจ้าสาวรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้) หรือคุณเป็นแก๊งเพื่อนเจ้าสาวสายเปย์ที่อยากได้ลุคดูสวยหรู แนะนำให้เลือกผ้าซิลค์ซาติน แต่ถ้าอยากได้เท็กซ์เจอร์แบบผ้าชีฟอง แนะนำให้เลือกเป็นผ้าซิลค์ชีฟองแทน แต่ถ้าอยากลดงบลงสักหน่อย ก็อาจจะเลือกผ้าราคากลางๆ ที่มีเนื้อมันวาวที่เมื่อตัดออกมาแล้วดูดีไม่แพ้เนื้อผ้าแพงๆ แนะนำให้เลือกเป็นผ้าออร์แกนดี้

ชุดเจิด คนจบ งบไม่บาน

สิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อเริ่มตัดชุดคือ เรื่องผ้า แนะนำให้เจ้าสาวซื้อผ้าเผื่อให้เพียงพอและซื้อแบบครั้งเดียวจบ เพราะมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นได้รับส่วนลดจากการซื้อผ้าจำนวนมาก ตัดชุดได้หลากหลายแบบเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อผ้าแบบจำกัด ไม่ต้องวิ่งหาผ้าชนิดอื่นมาผสมกันหากผ้าไม่พอ และข้อสุดท้ายคือ คุณสามารถนำผ้าที่เหลือไปใช้ทำอย่างอื่นได้อีก

เรื่องต่อมาคือภาพรวมชุดเจ้าสาว แนะนำให้ ตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวจากร้านเดียวกัน เพราะร้านหรือดีไซเนอร์แต่ละคนจะมีซิกเนเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ภาพรวมของชุดที่ออกมาดูกลมกลืนไปด้วย การสั่งตัดชุดแบบแยกร้าน แม้จะใช้ผ้าสีและชนิดเดียวกัน แต่เมื่อมาอยู่รวมกันอาจดูโดดไปกันคนละทาง

เรื่องสุดท้ายที่แก๊งเพื่อนเจ้าสาวต้องใส่ใจและให้ความสำคัญคือ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่อยากสวย แต่อย่าลืมว่างานแต่งงานนั้นเป็นงานของเจ้าสาว ฉะนั้นไม่ว่าสไตล์ชุดหรือธีมสีที่เจ้าสาวเลือกจะถูกใจคุณหรือไม่ ก็ขอให้ยิ้มรับและมีความสุขกับงานครั้งสำคัญของเพื่อนสาวดีกว่านะคะ … แล้วค่อยไปจัดเต็มในงานตัวเนอะ ^^

ถ้าตกลงกันได้แล้วก็ตามไปส่องชุดสวยๆ กับร้านดังที่เรานำมาฝากเลย >>> รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพ sheknows.com, greenweddingshoes.com, insideweddings.com

5 สิ่งต่อไปนี้ในพิธีแต่งงานจีน ที่ว่าที่อาตี๋อาหมวยต้องทำในวันส่งตัว

5 สิ่งต่อไปนี้ใน พิธีแต่งงานจีน ที่ว่าที่อาตี๋อาหมวยต้องทำในวันส่งตัว

พิธีแต่งงานจีน เป็นอีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่มีธรรมเนียมปฏิบัติและขั้นตอนต่างๆ เยอะแยะไม่แพ้กับพิธีแต่งงานไทย และหนึ่งในพิธีสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติกันมายาวนานก็คือ วันส่งตัว ที่งานนี้ไม่ใช่แค่ไปส่งเจ้าสาวให้ถึงบ้าน หรือกล่าวคำอวยพรกับบ่าวสาวบนเตียงนอนเหมือนพิธีแต่งงานไทยนะคะ เพราะในวันส่งตัวของคนจีนนั้น ประกอบไปด้วยขั้นตอนและข้าวของต่างๆ มากมาย เอาเป็นว่ามีขั้นตอนอะไร และต้องเตรียมอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

กินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้

วันส่งตัว พิธีส่งตัวเริ่มที่บ้านเจ้าสาว โดยส่วนใหญ่ฤกษ์ส่งตัวของเจ้าสาวมักเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงเป็นที่มาของคำว่า คืนส่งตัว ในวันนี้คุณแม่ของเจ้าสาวจะติดปิ่นทองและทับทิมให้ที่ผมเจ้าสาว จากนั้นเจ้าสาวจะทำพิธีไหว้เทพยาดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ และกินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้ พร้อมฟังคำอวยพรที่พ่อแม่ช่วยกันเอ่ยตามความหมายของอาหารมงคลชนิดต่างๆ

ได้เวลาเจ้าบ่าวมารับ

จากนั้นก็จะถึงเวลาที่เจ้าบ่าวมารับ เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงบ้านเจ้าสาวพร้อมเถ้าแก่และเดินฝ่าประตูเงินประตูทองแล้วจะเจอเจ้าสาวในชุดแต่งงานนั่งถือพัดแดงคอยอยู่ จากนั้นทั้งคู่จะต้องกินขนมอี๊สีชมพูด้วยกันโดยผลัดกันป้อนในคำแรก จากนั้นจะป้อนกันจนหมดชามหรือต่างคนต่างกินก็ได้ แต่ก็มีบางบ้านตั้งโต๊ะให้คู่บ่าวสาวป้านแดงกินอาหารมงคล 10 อย่างด้วยกัน ก่อนจะลาพ่อแม่ขึ้นรถแต่งงานออกไป โดยมีเคล็ดว่าระหว่างทางเจ้าสาวห้ามเหลียวหลังกลับมามองบ้านเป็นอันขาด (ในขั้นตอนนี้พ่อแม่เจ้าบ่าวจะรออยู่ที่บ้าน และไม่ปรากฏตัวจนกว่าจะถึงพิธียกน้ำชา ถ้าออกมาก่อนเวลาเชื่อว่าจะไม่ถูกกับลูกสะใภ้)

พิธีแต่งงานจีน

ในรถแต่งงาน (หรือในขบวนรถ)

จะต้องขนกระเป๋าเสื้อผ้า ทรัพย์สิน ของติดตัวเจ้าสาวที่พ่อแม่ให้มา ตลอดจนของขวัญที่เจ้าสาวเตรียมไว้แจกญาติเข้าบ่าวไปด้วย นอกจากบ่าวสาวนั่งในรถแล้ว จะต้องมีญาติเจ้าสาวซึ่งเป็นผู้ชายถือตะเกียงนำขบวนไปด้วย เพื่อเป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวได้ลูกชายไว้สืบสกุล

เมื่อถึงบ้านฝ่ายเจ้าบ่าว

บ่าวสาวต้องทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษเพื่อแจ้งให้ศักดิ์สิทธิ์รับรู้ว่าครอบครัวนี้กำลังมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และเพื่อขอพรให้อยู่กันอย่างราบรื่น โดยเจ้าบ่าวจะต้องเตรียมของไหว้ดังนี้ ส้ม 5 ผล, ขนม 1 จาน, ชา 5 ถ้วย, ขนมอี๊ 5 ชาม, เทียนแดง, กระถางธูป, และธูป 10 ดอก (เจ้าสาว 5 ดอก เจ้าบ่าว 5 ดอก) ส่วนเจ้าสาวเตรียมแค่เชิงเทียนมา 1 คู่

ยกน้ำชา

จากนั้นจึงเป็นพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชาย โดยเจ้าสาวจะต้องเป็นฝ่ายเตรียมชุดน้ำชาที่ใส่น้ำตาลกรวดประมาณ 1 หยิบมือเพื่อเป็นเคล็ดให้ญาติเจ้าบ่าวที่ดื่มชารักและเอ็นดู เมื่อดื่มชาแล้วผู้ใหญ่จะให้เงินทองหรือของขวัญ ซึ่งเจ้าสาวจะต้องแสดงความขอบคุณด้วยของที่เตรียมมา

ภาพ www.pinterest.com

ขนมมงคลงานแต่งความหมายดี 9 อย่างที่ต้องมีในงานแต่ง

ขนมมงคลงานแต่ง ความหมายดี 9 อย่างที่ต้องมีในงานแต่ง

ขนมไทยมีเอกลักษณ์และแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล ที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก และสำหรับในงานมงคลสมรสนิยมใช้ ขนมมงคลงานแต่ง 9 อย่าง

ส่วนที่ว่าทำไมต้อง 9 อย่าง นั่นเพราะคนไทยมีความเชื่อว่า เลข 9 เป็นเลขดีเลขมงคล หมายถึง  ความก้าวหน้า ก้าวไกล หรือก้าวไปข้างหน้า และยึดเลขนี้มาใช้ในเรื่องของฤกษ์ยาม ไม่ว่าจะขึ้นต้นหรือลงท้ายก็มักใช้เลข 9 เพื่อเป็นสิริมงคล

ขนมไทย 9 มงคลที่ว่า ได้แก่

  • ทองหยิบ หมายถึง ทำให้มั่งคั่งร่ำรวย ทำให้ชีวิตคู่รุ่งเรือง หยิบจับงานการก็เป็นเงินเป็นทอง
  • ทองหยอด หมายถึง มีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้นประดุจให้ทองคำ
  • ฝอยทอง หมายถึง ให้มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว โดยถือเคล็ดว่าห้ามตัดขนมให้สั้น เพื่อที่คู่บ่าวสาวจะได้ครองคู่และรักกันอย่างยืนยาวตลอดไป
  • ขนมชั้น หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
  • ทองเอก หมายถึง เป็นที่หนึ่ง มักใช้ในงานฉลองการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เป็นการอวยพรให้บ่าวสาวเจริญในหน้าที่การงาน
  • เม็ดขนุน หมายถึง มีคนสนับสนุนไม่ขาด ช่วยให้มีคนสนับสนุนคู่บ่าวสาวในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน หรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่
  • จ่ามงกุฎ หมายถึง มีเกียรติยศที่สูงส่ง เป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้คู่บ่าวสาวเจริญก้าวหน้า เพียบพร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์
  • ถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู ให้ชีวิตคู่และครอบครัวมีแต่ความเจริญ
  • เสน่ห์จันทน์ หมายถึง มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์

นอกจากขนมแล้ว ยังมีทั้งอาหารและดอกไม้ที่เป็นมงคลรวมอยู่ด้วย สำหรับใครที่อยากให้วันแต่งงานเต็มไปด้วยความสิริมงคล อย่าลืมนำขนมมงคลทั้ง 9 อย่างมาใช้ในงานพิธีด้วยนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก: wedding.boxza.com , sites.google.com, oknation.net
ขอบคุณพานขนมมงคลจาก ร้านปากคลองตลาด

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

4 วิธีสร้างความบันเทิงให้แขกมีส่วนร่วมในงานแต่งงานแบบน่ารักๆ

งานแต่งงาน จะปัง งานไอเดียต้องมา!!

ว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายคงไม่อยากให้แขกที่เชิญรู้สึกว่างานนี้ช่างน่าเบื่อ ถ่ายรูปเสร็จแล้วชิ่งกลับบ้านดีกว่าใช่ไหมละ แต่จะทำยังไงให้ งานแต่งงาน นี้สนุกสนานและน่าสนใจประมาณว่าแขกได้มีส่วนร่วมในนาทีแห่งความสุข แพรว wedding หาวิธีมาให้คุณเลือกใช้ค่ะ

  • หาวิธีร่วมกันบันเทิงระหว่างคนในครอบครัวและแขก

งานแต่งงาน

ปกติที่เจอกันในงานแต่งคือแม้จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่จัดงาน แต่คนในครอบครัวกับแขกคนอื่นหามีสัมพันธ์กันไม่ ซึ่งนี่แหละคือส่วนหนึ่งของความน่าเบื่อ งั้นลองมาดูสิคะว่าญาติหรือเพื่อนของคุณคนไหนมีความสามารถทางด้านเสียงเพลง ก็เชิญให้มาโชว์มาขับกล่อมและเปิดฟลอร์แดนซ์กันซะหน่อย แต่งานนี้บ่าวสาวต้องออกตัวเชิญประมาณว่าคือตัวกลางหรือคนเริ่มก่อนนะคะ จะได้ลดอาการเคอะเขินจากอารมณ์เป็นผู้เสนอตัวของแขกและสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้คนในงานได้ไม่ยาก ประมาณว่าเจ้าภาพเอ่ยปากชวนแล้วจะแดนซ์จนไฟลุกก็ไม่มีใครว่า

  • เรียก Food Trucks มาสร้างความคึกคัก

งานแต่งงาน

จริงอยู่ที่ในงานแต่งงานยุคนี้มีทั้งโซนบุฟเฟ่ต์และซุ้มอาหารให้เลือกทานมากมาย แต่จะดีแค่ไหน ถ้าคุณเพิ่มเติมสีสันในงานให้สนุกขึ้นด้วยการจ้าง Food Trucks เมนูเด็ดมาตั้งไว้ในงานแต่งงาน รับรองค่ะว่านอกจากจะได้อาหารอร่อยทาน ยังได้บรรยากาศความสนุกประหนึ่งอยู่ในเทศกาลสำคัญที่แขกจะได้ภาพสวยๆ กับรถอาหารที่ตกแต่งเก๋ๆ อีกด้วย ซึ่งถ้าจะให้ดีและดูกลมกลืน อาจขอให้เจ้าของรถตกแต่งรถเพิ่มโดยเติมกิมมิคงานแต่งของคุณรลงไป เช่นติดโลโก้หรือมีเมนูพิเศษให้เฉพาะงานนี้ แบบนั้นก็ดีงามน่าลองทำตามนะคะ

  • TATTOO Bar แจกรอยสักเกร๋ๆ แบบไม่เจ็บตัว

งานแต่งงาน

อีกหนึ่งความบันเทิงที่งานไหนมีงานนั้นมีความบันเทิงเกิดขึ้นแน่นอน นั่นคือการตั้งโต๊ะเล็กๆ แจกรอยสักที่ไม่ต้องเจ็บตัว เพราะคุณบ่าวสาวคัดมาแล้วกับสารพัดลายรอยสักชั่วคราวให้แขกได้เลือกมาติดตามตัว โดยอาจแบ่งลายเป็นทีมเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือแม้แต่ทีมคนแอบรักอะไรแบบนั้น รับรองสนุกไม่พอ ยังแอบได้ขำ ถ้าคนที่เลือกรอยสักเป็นผู้ใหญ่ในงาน

  • จัดโชว์ Street Performance ในงานแต่ง

งานแต่่งงาน

ลองเลือกการแสดงที่เคยเห็นอยู่ตามริมถนนหรือแม้แต่ในตลาดชิคๆ และเทศกาลต่างๆ มาโชว์ในงานแต่งงานของคุณดูสิคะ รับรองว่าเรียกความสนใจแขกได้มากมาย ถือว่าเป็นการดูโชว์ฆ่าเวลาก่อนงานเริ่ม แต่เคล็ดลับสำคัญคือ อย่าเลือกเพียงโชว์เดียวและจัดแสดงไว้แค่จุดเดียว เพราะการแสดงเล่านี้มักจะเป็นโชว์สั้นๆ ไม่กี่นาทีก็จบ แขกจะเบื่อหนักไปอีกเพราะไม่จุใจ ถ้าจะให้ดี (และไม่เดือดร้อนงบประมาณจัดงาน) ลองเลือกมาสัก 2-3 โชว์เล็กๆ แล้วจัดโชว์ให้แขกได้เดินดูสลับกับเดินกิน เพื่อรอร่วมพิธีการสำคัญของคุณค่ะ

แต่ถ้าอยากให้งานแต่งปัง และดูเป็นตัวเองด้วยก็ต้อง ธรรมดาโลกไม่จำ! 10 ไอเดียใส่ความเป็นตัวเองลงไปในงานแต่งงานของคุณ!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.thecelebrationsociety.com, pinterest

6 ทิปส์ช่วยแก้ปัญหาหลับยากของว่าที่บ่าวสาวในคืนก่อนแต่งงาน

พรุ่งนี้จะแต่งงาน ร้อยทั้งร้อยคนที่เป็นว่าที่บ่าวสาวต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ยิ่งตื่นเต้นเท่าไหร่ ก็ยิ่ง หลับยาก มากเท่านั้น แต่ไม่ได้นะคะ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่คุณทั้งคู่ต้องตื่นขึ้นมาอย่างสดใส แพรว wedding เลยมีทิปส์ดีๆ ที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวหลับได้ง่ายขึ้นมาฝาก

ทิปส์ดีๆ แก้ปัญหาบ่าวสาว หลับยาก เพราะตื่นเต้นในคืนก่อนแต่งงาน

Photo by Carolyn V on Unsplash

1. ปิดไฟในห้องนอนให้สนิท

เมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องเข้านอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันแต่งงานในวันพรุ่งนี้ ก็จงทำให้ห้องนอนมืดสนิทซะ ไม่ว่าจะเป็นไฟในห้องหรือไฟหัวเตียงก็ปิดให้หมด เพราะการที่ห้องมืดไร้แสงสว่างจะช่วยให้ดวงตาของคุณปรับแสงภายนอกแล้วสั่งการไปยังสมองเพื่อให้เกิดความผ่อน

2. ผ่อนคลายด้วยแสงเทียน

จุดเทียนขนาดเล็กที่มีสันสันผ่อนคลายสบายตา เช่น สีขาวหรือสีม่วงลาเวนเดอร์ แสงเทียนที่นุ่นนวลและแสงที่กะพริบสั่นไหวไปมาจะช่วยให้อารมณ์ของคุณผ่อนคลายลง แต่อย่าลืมดับก่อนนอน หรือนำเทียนลอยไว้ในน้ำก่อนนอนนะ

3. ผ่อนคลายด้วยอะโรมาเธอราปี

อะโรมาเธอราปีสำเร็จรูปมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบแท่ง, สเปรย์ที่สามารถฉีดลงบนหมอนได้ หรือจะใช้น้ำมันหอมระเหยนวดให้หอมฟุ้งก็ได้ เพราะสภาพแวดล้อมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นที่สงบจะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายอย่างเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ล กลิ่นคาโมมาลย์ หรือกลิ่นแซนเดิลวู้ด

Photo by TeaCora Rooibos on Unsplash

4. ชาร้อนๆ

ดื่มชาคาโมมาลย์เติมน้ำผึ้งเล็กน้อยๆ ก่อนนอน เพราะกลิ่นและรสชาติของชาจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย

5. ปิดรับข้อความใดๆ

คืนก่อนวันแต่งงานคือคืนที่บ่าวสาวควรจะปล่อยวางจากสิ่งต่างๆ ได้แล้ว เพราะช่วงเวลานี้ไม่มีอะไรเหลือให้บ่าวสาวต้องทำอีกต่อไป นอกจากปล่อยใจให้สบายแล้วพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมรับความสุขในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น แนะนำให้คุณเปิดเพลงชิลๆ สบายๆ ฟังเบาๆ แล้วปิดรับข้อความใดๆ จากโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะเป็น ข้อความไลน์ เฟซบุ๊ก หรือไอจี เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะมีเรื่องจุกจิกกวนใจจนทำให้คุณกังวลใจจนเครียดไปเปล่าๆ

6. ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย

ตกแต่งห้องนอนด้วยดอกไม้โดยการนำมาไว้ใกล้ๆ เตียงนอน กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศขณะที่คุณหลับ และสีสันของดอกไม้ที่สวยงามจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเมื่อตื่นขึ้นมา

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

10 ที่เที่ยวเกาหลีพร้อมพิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รักสายท่องเที่ยว

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวโรแมนติกสำหรับคู่รัก ประเทศแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงต้องเป็นเกาหลีใต้อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะไปฤดูกาลไหนก็เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวทั้งนั้น เดินทางง่ายสะดวกสบาย แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยว และคาเฟ่น่ารักใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เรียกได้ว่าเที่ยวได้ไม่รู้จักเบื่อเลยทีเดียว แพรวเวดดิ้งเลยจัด ที่เที่ยวเกาหลี พร้อมพิกัดที่คู่รักต้องไปเช็กอินมาฝาก

คู่รักนักท่องเที่ยวที่อยากมีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจในประเทศเกาหลีใต้ กับทริปที่งดงามด้วยบรรยากาศของสถานที่สวยๆ อากาศดีๆ และอาหารอร่อยๆ หากคุณต้องการทั้งหมดนี้เอาเป็นว่าเรามาวางแผนกันกับ 10 ที่เที่ยวเกาหลีพิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รัก แต่ถ้าคุณคิดว่าแค่หาสถานที่เที่ยวก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาแพลนเรื่องค่าใช้จ่ายอีกเหรอ เราจะบอกความลับให้ถ้าไม่อยากเหนื่อยและกังวลลองวางใจใช้บริการทัวร์คุณภาพดีแบบมืออาชีพสิ ไม่ว่าคุณจะอยากไปไหนก็สามารถไปได้อย่างสบายใจ ซึ่งสามารถจองทัวร์เกาหลี กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) ได้เลย  กับเว็บไซต์ที่รวบรวมทัวร์ที่ดีที่สุดมากมาย เที่ยวกับทัวร์ ไปกับทัวร์ครับ

ทัวร์เกาหลี  กับ  ทัวร์ครับ   (Tourkrub) คลิกที่นี่

และนี่คือ 10 สถานที่ในเกาหลีที่คู่รักไม่ควรพลาด

1. สวนลอยฟ้า Seoullo 7017

ประเดิมสถานที่ท่องเที่ยวแรกด้วย สวนลอยฟ้า Seoullo 7017 ย่านสถานีรถไฟกรุงโซล แลนด์มาร์กยอดฮิตกลางเมือง ที่เกิดจากแนวคิดการปรับปรุงทัศนียภาพผังเมือง จากไฮเวย์ร้างกลางกรุงโซล เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม มีระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร มีดอกไม้และต้นไม้กว่า 200 สายพันธุ์ ถือเป็นจุดที่คนนิยมเดินเล่นเป็นอย่างมาก แถมมีบริการ Wifi ให้ใช้ และยังสามารถไปได้ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ถ่ายรูปสวย ถ้าได้เดินจูงมือกับคนรักมันต้องสวีทมากแน่ๆ

พิกัด : สวนลอยฟ้า Seoullo 7017

 

2. เกาะนามิ

เกาะนามิ ดินแดนของคู่รักที่ชอบความโรแมนติก ตั้งอยู่กลางทะเลสาบชองเพียง เมืองชุนซ็อน จังหวัดคังว็อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นด้วยความงามของทัศนียภาพ อีกทั้งตัวเกาะยังมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว หากจะมาเที่ยวแนะนำให้มาช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี มีให้ชมทั้งสีเหลือง สีแดง และสีส้ม นอกจากนั้นแล้ว เกาะนามิ แห่งนี้ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ให้ได้ฟินอีกมากทั้ง สวนสนุก สวนน้ำ และมีจักรยานให้เช่า ร่วมดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติกับคนข้างๆ วินาทีนั้นคุณอาจจะลืมโลกภายนอกไปเลยก็ได้

พิกัด : เกาะนามิ

 

3. สวนพฤกษศาสตร์ (Garden of Morning Calm)

สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปเอาใจสายชิล รักธรรมชาติ สวนพฤกษศาสตร์ Garden of Morning Calm เมืองกาพยอง จังหวัดเกียงกิโด เป็นสวนที่เงียบสงบ ที่มีดอกไม้และพืชพันธุ์ให้ชมกว่า 5,000 ชนิด ตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพ ซึ่งแต่ละฤดูกาลจะมีการจัดธีมดอกไม้ที่แตกต่างกัน ถ้ามาในช่วงที่จัด Lighting Festival คุณจะได้พบกับสวนที่ประดับประดาไปด้วยไฟหลากหลายสีในตอนกลางคืน เรียกว่าสวยอลังการจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ให้มากที่สุด แถมยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ให้ได้นั่งพักดื่มกาแฟชิลๆ เรียกได้ว่าถูกใจคู่รักสายชิล

พิกัด : สวนพฤกษศาสตร์ Garden of Morning Calm

 

4. หมู่บ้านเทพนิยาย

หมู่บ้านเทพนิยาย จังหวัดอินชอน เป็นย่านที่มีความโดดเด่นสะดุดตา เพราะเต็มไปด้วยบ้านที่มีการเพนท์ตกแต่งกำแพงด้วยสีสันสดใสจากการ์ตูนชื่อดังที่เป็นที่รู้จักในสมัยวัยเด็กอย่าง ปีเตอร์แพน อลาดิน สโนไวท์ หนูน้อยหมวกแดง สถานที่นี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางเข้ามาสู่ดินแดนเทพนิยาย จากเมืองที่เงียบเหงาจึงกลายมาเป็นพื้นที่ที่คึกคักไปด้วยชาวเกาหลีเอง รวมถึงนักท่องเที่ยว และเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก มองไปทางไหนก็น่ารักไปหมด อีกทั้งยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านของเล่นให้ได้เดินช้อปปิ้งกันเพลินๆ ถือเป็นอีกสถานที่ที่ต้องไปให้ได้เลย

พิกัด : หมู่บ้านเทพนิยาย

 

5. หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง

หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวย้อนยุคโบราณสู่สมัยปลายโชซอนของเกาหลี และยังคงสภาพดั้งเดิมที่ให้อารมณ์เกาหลีในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี สามารถเช่าชุดวินเทจสวยๆ มาใส่ เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับธีมของหมู่บ้านโบราณอีกด้วย เรียกว่าถ่ายรูปตรงไหนก็สวย หากได้มาเที่ยวย่านนี้กับคู่รัก รับรองถ่ายรูปไม่หยุด

พิกัด : หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง

 

6. ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท

ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท เป็นลานสกีที่จะทำให้คุณได้สัมผัสชิดใกล้กับธรรมชาติ และเป็นสถานที่พักผ่อน อยู่ในหุบเขา ด็อกโจซาน หุบเขาที่มีความสวยงามตั้งอยู่ใน คยองกิโด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมท้าทายลมหนาว ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีการจัดการแข่งขันสโนว์บอร์ดและการแสดงสโนว์บอร์ดจากนักเล่นมืออาชีพ ที่นี่จึงเป็นจุดที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้ลองเปิดประสบการณ์อย่าง สโมสรไพน์กอล์ฟ สระว่ายน้ำในร่มและกลางแจ้ง ห้องกีฬาในร่ม เครื่องกีฬากลางแจ้ง สนามฟุตบอล สนามวอลเลย์บอล ศูนย์ยิงธนู สนามบาส เรียกได้ว่าแน่นครบครัน อีกทั้งยังได้ถ่ายรูปกับหิมะขาวสวยงาม บรรยากาศดีแบบนี้ต้องลองมาเที่ยวให้ได้

พิกัด : ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท

 

7. สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี ตั้งอยู่หุบเขาในเมืองยงอิน ทางตอนใต้ของกรุงโซล สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เอเวอร์แลนด์ ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ โซนเครื่องเล่นที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงสนุกสนานไปกับการย้อนวัย โซนสวนดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลาย และได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อีกโซนเป็นโซนซาฟารี สามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชมบรรยากาศของสองข้างทางผ่านหุบเขา และเยี่ยมชมสัตว์น่ารักนานาชนิด และปิดท้ายด้วยการแสดงตอนกลางคืนของ Moonlight Parade และ Dream of Laciun ที่เต็มไปด้วยแสง สี ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ

พิกัด : สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

 

8. พระราชวังเคียงบ็อค

พระราชวังเคียงบ็อค หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “พระราชวังคยองบกกุง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวและถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าแก่โบราญมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีขนาดใหญ่อลังการ ถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติเขาพูกักซาน นับเป็นที่ตั้งที่สมบูรณ์แบบที่สุด การได้มาท่องเที่ยว พระราชวังเคียงบ็อค นั้นจะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมในแบบเกาหลียุคเก่าได้มากขึ้น อีกทั้งภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลีให้ได้เชี่ยมชม เรียกได้ว่าเหมือนได้ย้อนเวลาเดินทางเพื่อศึกษาวิถีชีวิตเกาหลีใต้แบบดั้งเดิมไปในตัว

พิกัด : พระราชวังเคียงบ็อค

 

9. เมียงดง

มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องได้ไปถ้าได้มาเยือนเกาหลี ที่นี่คือย่าน เมียงดง เป็นย่านช้อปปิ้งใจกลางกรุงโซล เต็มไปด้วยศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นต่างๆ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รวมไปถึงร้านจำหน่ายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็สามารถหาได้ง่ายจากย่านนี้ เมียงดง จะครึกครื้นเป็นพิเศษในช่วงหลัง 6 โมงเย็น เพราะจะมีของกิน Street Food ให้เลือกกินมากมาย คู่รักคู่ไหนถ้าไปได้เดินรับรองกินของอร่อยกันไม่หยุดหย่อน แถมเช็คอินและถ่ายรูปชิคๆ  กันทุกคู่

พิกัด : เมียงดง

 

10. สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด

สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงโซล เป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงของเกาหลี และเป็นสวนสนุกในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศว่าจะมีฝนตก หรือหนาวเกินไปจนไม่สนุก สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด นั้นถูกแบ่งหลักๆ ออกเป็น 2 โซน คือ โซนผจญภัย จะอยู่ในที่ร่ม และโซนเกาะเวทมนต์ ที่เป็นสวนสนุกกลางแจ้งด้านนอก เต็มไปด้วยเครื่องเล่นแสนสนุก อยู่ติดกับทะเลสาบซกชอนโฮซู นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านอาหารนานาชาติคอยให้บริการ เที่ยวสนุก ถ่ายรูปสวย รับรองว่าเลิฟ

พิกัด : สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด

แค่10 ที่นี้ก็ฟินแล้วกับพิกัดยอดฮิตบรรยากาศดีๆ ในเกาหลีใต้กับ 10 ที่เที่ยวเกาหลี พิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รักหากยังไม่รู้ว่าไปเที่ยวที่ไหนถึงจะทำให้แฟนประทับใจ พิกัดต่างๆ ที่ได้คัดมานั้นล้วนเหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ อีกทั้งยังเป็นไอเดียใหม่ๆ ที่จะได้วางแผนทำกิจกรรมน่ารักๆ กับคนข้างกาย เลือกสิ่งดีๆ ให้ตัวเองกับคนที่รักได้ด้วยการท่องเที่ยวและใช้เวลาแห่งความสุขด้วยกันแบบนี้ดีกว่า โรแมนติกสุดๆ บอกเลย

ต้นกล้วยต้นอ้อย ในขบวนขันหมากพิธีแต่งงานไทยมีไว้เพื่ออะไรกัน

“ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาว ใครมีลูกสาวมาแลกลูกเขย เอ้าวะเอ้าเหวย ลูกเขยกลองยาว ตะละลา หุย ฮา โห่ ฮิ้ว” เสียงแห่ ขบวนขันหมาก ดังมาโน่นแล้ว แต่เอ๊ะ! ไหนล่ะมะกรูดมะนาว เห็นก็แต่ “ต้นกล้วยต้นอ้อย” ที่สูงเด่นมาแต่ไกล เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีคำถามว่าเหตุไฉนทำไมจึงต้องมีต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมาก วันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจถึงความหมายและความสำคัญของต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากกันนะคะ

ต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากมีความหมายมงคล ต้นอ้อยหมายถึงความหวาน ส่วนต้นกล้วยหรือหน่อกล้วยหมายถึงความเจริญงอกงาม โดยต้นกล้วยต้นอ้อยที่นำมาในขบวนขันหมากนี้คู่บ่าวสาวจะต้องทำการปลูกร่วมกันเปรียบเสมือนเป็นการเสี่ยงทายอย่างหนึ่ง หากต้นกล้วยเจริญเติบโตออกดอกออกผลสมบูรณ์ ต้นอ้อยเติบโตหอมหวาน เชื่อกันว่าความรักของทั้งคู่จะเป็นไปอย่างราบรื่นสดชื่นหอมหวาน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และฐานะทางเศรษฐกิจก็สมบูรณ์พูนสุข ดังนั้นต้นกล้วยต้นอ้อยที่นำมาใช้ในขบวนขันหมากจึงต้องขุดมาให้ติดรากหรือมีตา และเลือกเอาต้นหรือหน่อที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีกิมมิคเล็กๆ ตามธรรมเนียมไทยเกี่ยวกับต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากที่ว่า เมื่อคนของฝ่ายเจ้าบ่าวยกขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว จะไม่ยอมมอบต้นกล้วยต้นอ้อยให้โดยง่าย จะถือหรืออุ้มไว้จนกว่าจะได้น้ำมารดเพื่อความเจริญงอกงาม บางครั้งอาจใช้เป็นน้ำมนต์หรือน้ำฝนสะอาด แต่น้ำที่ถูกอกถูกใจผู้อุ้มมากที่สุดเห็นจะเป็นน้ำสุรา ดังนั้นในวันยกขบวนขันหมากบรรดาคอสุราทั้งหลายจะพากันจับจองขออาสาเป็นคนอุ้มต้นกล้วยต้นอ้อย เพราะนอกจากจะได้ของถูกอกถูกใจติดไม้ติดมือกลับบ้านแล้ว ยังได้ต่อรองหยอกเย้ากับคนของฝ่ายเจ้าสาวเป็นที่สนุกสนานอีกด้วย

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

รู้ไว้ก่อนจัด Bachelor Party ปาร์ตี้สละโสดทิ้งทวนของหนุ่มๆ

ก่อนหน้านี้ แพรว wedding เคยพาทัวร์งาน Hen’s night และ Bridal Shower ของสาวๆ กันมาแล้ว ก็เลยกลัวว่าฝั่งคุณผู้ชายจะน้อยใจ ว่าไหงเราถึงไม่มีปาร์ตี้สละโสดกับเขาบ้าง ถ้าอย่างนั้นเราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ต้องน้อยใจไป เพราะแก๊งหนุ่มๆ ก็มี ปาร์ตี้สละโสด เหมือนกับสาวๆ เหมือนกันโดยใช้ชื่อว่า Bachelor Party จะมันสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนทางฝั่งสาวๆ ไหมไปดูกันเลย  

คำว่า Bachelor ที่เราคุ้นเคยกันดี ส่วนใหญ่จะหมายถึงผู้ที่จบปริญญาตรี แต่อย่าเพิ่งคิดว่า Bachelor Party จะหมายถึงปาร์ตี้จบ ป. ตรีนะคะ เพราะอีกความหมายของคำนี้ก็คือชายที่ยังไม่แต่งงาน หรือชายโสดนั่นแหละ งานนี้จึงแปลตามตัวได้ว่า งานปาร์ตี้ชายโสด เป็นงานที่เหล่าบรรดาชายโสดและโฉดแบบไม่โสดก็ได้มารวมตัวกันจัดงานเลี้ยงให้กับเจ้าบ่าวที่กำลังจะสิ้นเสรี เพราะต่อแต่นี้อาจจะต้องร้องเพลง “มีเมียมาคุม มีเมียมาคอยยืนคุม” ก็ได้

งานปาร์ตี้สละโสดของหนุ่มๆ มีทั้งจัดยาวๆ เป็นทริปเอาท์ดอร์ใช้ชีวิตแบบลูกผู้ชายตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นแค่คืนเดียวให้มันส์สุดเหวี่ยง ทั้งกิน ดื่ม ดูบอล และดูโชว์สาวน้อยบิกินี่แบบส่วนตั๊วส่วนตัว ซึ่งเวลาที่เหมาะเจาะลงตัวสำหรับจัดงานนี้ก็คือ ช่วงประมาณ 1 เดือนก่อนวันแต่งงานเพื่อให้คุณเจ้าบ่าวได้แฮงค์โอเวอร์อย่างเต็มที่ และมีเวลาเหลือมากพอสำหรับรีบู๊ตตัวเองให้หล่อพร้อมควงเจ้าสาวเข้างาน

สำหรับสถานที่จัดก็แล้วแต่กิจกรรมของหนุ่มๆ เลยค่ะ เพราะได้ตั้งแต่ แคมป์ปิ้งกลางป่าเขาลำเนาไพร หรือจะเป็นผับ บาร์ ร้านอาหาร ไนต์คลับสำหรับสุภาพบุรุษ ห้องหับในโรงแรม หรือหากพื้นที่บ่าวของว่าที่เจ้าบ่าวใหญ่โตมีพื้นที่เหลือเฟือให้เพื่อนๆ ได้สนุกจะจัดที่บ้านก็ไม่แปลกแถมยังเป็นส่วนตัวและสนุกได้เต็มที่แบบยันเช้าอีกด้วย

แต่จริงๆ แล้วในปาร์ตี้นี้ไม่มีแบบแผนอะไรตายตัวนะคะ แต่เราก็อยากจะเตือนหนุ่มๆ ไว้หน่อยว่า อย่าสนุกเพลินจนลืมตัวว่ากำลังจะเข้าประตูวิวาห์นะคะ และที่สำคัญ เมาไม่ขับ!!

ดูไอเดียเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก theknot.com

ความหมาย สีเครื่องประดับ รู้ไว้เพิ่มความมั่นใจให้เจ้าสาว

มาเช็คความหมาย สีเครื่องประดับ สำหรับเจ้าสาวกันดีกว่าว่าเครื่องประดับสีไหนใส่แล้วจะช่วยเสริมในเรื่องอะไรบ้าง เพราะเจ้าสาวหลายคนอาจจะมีประเภทของอัญมณีในดวงใจที่ชื่นชอบอยู่แล้ว หรือใครที่ยังไม่มีก็ลองมาอ่านความหมายดีๆ ของเครื่องประดับแต่ละสีที่แพรว wedding นำมาฝากก่อนก็ได้นะจ๊ะ เพราะสีเครื่องประดับแต่ละสีมีพลังในการช่วยเหลือด้านต่างๆ ที่แตกต่างกันไป แถมงานนี้ว่าที่เจ้าสาวยังสามารถเลือกใส่ได้ทั้งกับชุดแต่งงานไทย และชุดแต่งงานแบบสากลได้อีกด้วย จะมีเครื่องประดับสีอะไร และให้ความหมายแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลย (ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนจ๊ะ)

ทับทิม (สีแดง)

เป็นสียอดนิยมที่เห็นบ่อยมากในชุดแต่งงานไทย ซึ่งดีแดงหรือสีชมพูของทับทิมนั้นระดับความเข้มข้นของสีจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของทับทิมว่ามาจากที่ใด และทับทิมนั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความสง่างามให่แก่ผู้สวมใส่แล้ว สีแดงหรือสีชมพูยังเป็นสีที่สื่อถึงความรักอีกด้วย แถมยังช่วยในเรื่องระบบเลือดและหัวใจอีกด้วยนะคะ

มรกต (สีเขียวใส)

มรกต หรืออัญมณีสีเขียวใสนี้ มีความหมายที่สื่อถึงความเป็นอมตะหรือการคงอยู่ชัวนิรันดร์ ช่วยให้ผู้สวมใส่อารมณ์ดี เฉลียวฉลาด โชคดี มีอำนาจ โดยมรกตก็มีสีเข้มอ่อนแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่พบ แต่จะไม่เขียวขุ่นเหมือนกับหยก และนิยมนำมาทำ จี้ กำไร หรือหัวเข็มขัดค่ะ

ไพลิน (สีคราม)

ไพลิน คนส่วนมากนิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้น มีความหมายที่สื่อถึงความสำเร็จ ความราบรื่น ในต่างประเทศเชื่อว่าไพลินจะช่วยทำให้ชีวิตคู่ และความสัมพันธ์กับคนรักดำเนินไปอย่างราบรื่น และเป็นรักที่มั่นคง ซื่อสัตย์ และมีความสุข

เพชร

เพชร คือสุดยอดเครื่องประดับในหมู่อัญมณีและเป็นที่นิยม เพราะให้ประกายแวววาวดูหรูหรา และมีราคาสูง นิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้น และเนื่องจากเพชรเป็นแร่ที่แข็งแกร่งที่สุด จึงมีความหมายที่สื่อถึงรักที่นิรันดร์อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องสุขภาพ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และเชื่อว่าเพชรยังมีอำนาจช่วยทำให้ผู้สวมใส่มีชัยชนะอีกด้วย

บุษราคัม (สีเหลือง)

บุษราคัมช่วยในเรื่องสติปัญญา ความกล้าหาญ การผูกมิตร และความซื่อสัตย์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมบารมีให้ผู้ใส่มีวาสนาดี ติดต่อค้าขายได้อย่างสะดวกอีกด้วย

นิล (สีดำ)

นิลอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน แต่ก่อนนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางในการออกศึก เพื่อช่วยให้พ้นจากอันตรายต่างๆ นอกจากนี้ความหมายของสีดำ ยังเป็นสีที่ช่วยปัดเป่าความทุกข์ยากและการเจ็บป่วยให้ออกไปนั่นเอง

เป็นยังไงบ้างคะ ได้รู้ถึงความหมายของสีเครื่องประดับแต่ละสีไปแล้ว หากว่าที่เจ้าสาวต้องการเสริมเรื่องไหน ก็ลองหามาสวมใส่ดูนะคะ ไม่ว่าจะใส่ในวันงานหรือสวมใส่ในชีวิตประจำวันก็สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าสาวได้แน่นอน

ดูเรื่องราวเกี่ยวเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพจาก : Pinterest.com

5 เทคนิคบอกใบ้ให้เขารู้ว่าแหวนแต่งงานแบบไหนตรงใจคุณที่สุด

สาวๆ หลายคนมักคาดหวังว่า แหวนแต่งงาน ที่เขาจะนำมาเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานต้องมีหน้าตาเป็นอย่างที่ชอบ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขารู้ใจคุณจริงๆ?

แพรว wedding เชื่อว่ามีเจ้าสาวหลายคนทีเดียวที่คาดหวังว่า แหวนแต่งงาน ที่เขาจะนำมาเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานต้องมีหน้าตาเป็นอย่างที่ชอบ แต่ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าเขารู้ใจคุณจริงๆ และแหวนวงงามที่คุณจะได้ตรงกับใจคุณแน่ๆ ครั้นจะเดินเข้าไปบอกกันตรงๆ ก็คงไม่ดี เดี๋ยวเขาจะหาว่าคุณเป็นพวกอยากมีอยากได้หรือเป็นผู้หญิงที่เยอะไปซะงั้น วันนี้เราก็เลยหาเทคนิคบอกใบ้เล็กๆ มาฝากกัน ถือซะว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เขารู้ในสิ่งที่คุณชอบโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจ

หาแหวนแบบที่ชอบมาใส่ให้เห็น

เทคนิคแรกเรียกว่าง่ายๆ มาก ยิ่งถ้าคุณคือสาวที่ชอบซื้อเครื่องประดับประเภทแหวนมาใส่อยู่แล้วละก็ จงหมั่นเอาแหวนแบบที่ชอบสุดๆ มาใส่ให้เขาเห็นบ่อยๆ เพื่อไปสะกิดใจเขาว่า แบบแหวนที่คุณใส่บ่อยๆ นี่แหละคือแหวนในดวงใจ แค่ใส่เฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องพูดอะไร แล้วให้เขาคิดได้เองว่าที่คุณใส่บ่อยๆ ก็เพราะว่าชอบ ส่วนเขาจะเติมเพชรให้กี่เม็ด ตัวเรือนจะสีอะไรก็ปล่อยให้เขาดีไซน์บ้าง เรียกง่ายๆ คือ เอาแค่แบบแหวนคร่าวๆ ให้ตรงใจก็พอ

ชักชวนมาดูช่วงคุณช้อปปิ้ง แต่…

จริงอยู่ที่หนุ่มๆ หลายคนเบื่อสุดๆ ที่ต้องเดินตามแฟนสาวเวลาไปช้อปปิ้ง แต่ในกรณีนี้ เราอยากให้คุณสังเกตจังหวะชีวิตให้ดี คือไม่ต้องชวนเขามาเดินช้อปด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม แค่อาจนัดเขามาหาในจังหวะที่กำลังช้อปเครื่องประดับหรือลองดูตอนจะไฟนอลชิ้นที่อยากได้ โดยอาจถามความเห็นนิดๆ หน่อยๆ ก่อนจะปล่อยให้เขาไปเดินเล่นในสไตล์ของเขา แบบนั้นก็เนียนดี แถมไม่อึดอัดด้วย

ทำทีชื่นชมแหวนที่ชอบตอนที่บังเอิญเจอ

เคยไหมละที่นั่งดูทีวีอยู่หรือเปิดนิตยสารอ่าน รวมถึงสไลด์หน้าจอมือถืออยู่แล้วเจอแบบแหวนที่ชอบ ถ้าเคยละก็ จังหวะนั้นแหละค่ะที่เราจะให้คุณใช้เป็นเครื่องมือบอกใบ้เขาว่าคุณชอบแหวนแบบไหน แต่อาจต้องทำการแสดงกันสักนิด ประมาณว่าเห็นแล้วก็หยุดกึก ส่งเสียงออกมาว่า ‘อุ้ย! แหวนแบบนี้สวยดีจัง ตัวๆ มาดูสิ’ หรือนั่งๆ กันอยู่ ในทีวีฉายภาพขึ้นมาพอดีก็แค่แบบว่าพูดลอยๆ ให้เขาได้ยินก็ได้ ถ้าเขาใส่ใจคุณละก็ เขาจะจำได้ไม่มากก็น้อย

เนียนๆ ถามความเห็นเรื่องแฟชั่นเครื่องประดับ

แม้คนรักของคุณจะไม่ใช่หนุ่มๆ สายแฟชั่น แต่เพราะการพูดคุยกันสารพัดเรื่องระหว่างคนรักกันคือสิ่งที่พึงทำ แล้วทำไมไม่เอาหัวข้อเครื่องประดับมาเป็นหนึ่งในหัวข้อการสนทนาเพื่อเป็นการบอกใบ้เขาล่ะคะ วิธีการง่ายๆ แบบนี้ไม่ต้องเตรียมข้อมูลเท่าไหร่ แต่คุณต้องใส่ข้อมูลของคุณให้เขาได้รู้ต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นการบอกเรื่องมุมมองตัวเรือนที่คุณชอบ หรือทรงเพชรที่คุณเห็นว่าสวย แต่เทคนิคคืออย่าได้พูดว่า คุณชอบแบบนั้นแบบนี้มากๆ เพราะนั่นน่ะ ออกจะโจ่งแจ้งในความต้องการเกินไป

อาศัยจังหวะเม้ากับเพื่อนให้เขาได้รู้

เพื่อนนี่แหละตัวดีที่คุณจะใช้เป็นเครื่องมือบอกใบ้ให้เขาได้รู้ คุณอาจยกหูคุยสายกับเพื่อนซี้ตามปกติ แต่หยิบยกเอาหัวข้อแหวนแต่งงานของเพื่อนคนอื่นๆ หรือดาราที่กำลังเป็นกระแสมาพูดกันตามประสาสาวๆ แต่ต้องให้เขาที่นั่งอยู่แถวๆ นั้นได้ยินด้วย แบบนั้นแหละค่ะที่เรียกว่า เนียนมากๆ แถมคุณยังใส่ความอยากได้ของคุณลงไปในบทสนทนาได้อย่างเนียนๆ กับประโยคประเภทว่า ‘ถ้าเป็นชั้นนะแก จะทำแหวนแบบนี้ๆ’ อะไรแบบนั้น

5 เทคนิคทั้งหมดที่เรานำเสนอ อยากให้คุณได้ลองนำไปใช้เพื่อบอกใบ้เขาดูนะคะ แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า แม้จะบอกใบ้ไปแล้ว ถ้าแหวนที่ได้ไม่ตรงใจก็อย่าได้บ่นให้เขาได้ยินเชียวล่ะ เพราะเขาอาจตั้งใจออกแบบและทำแหวนแบบนั้นๆ มาให้คุณจริงๆ จงยิ้มแย้ม ยืนมือซ้ายให้เขาสวมซะดีๆ แล้วอย่าลืมกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มด้วยล่ะ