สวยงามตามท้องเรื่อง กับ 9 ชุดแต่งงานนานาชาติที่คุณอาจเคยเห็นเป็นครั้งแรก!

โดยปกติแล้วในพิธีแต่งงานเรามักจะคุ้นตากับภาพเจ้าสาวใส่ประโปรงยาวหรือสั้นสีขาว ในขณะที่เจ้าบ่าวก็จะใส่ชุดสูทตามธรรมเนียมปฏิบัติสากล  แต่วันนี้เราจะพาคุณไปชม ชุดแต่งงาน ตามประเพณีของต่างประเทศกันค่ะ บอกเลยว่าสวยงามและมีเสน่ห์ไม่แพ้ชุดเจ้าสาวสีขาวเลยน้า

 

1. กานา

ชุดแต่งงาน

คู่รักชาวกานามักจะใส่ชุดแต่งงานที่แมทช์กันโดยทำจากผ้า Kente ซึ่งเป็นผ้าทอมือที่เป็นแถบยาวและมีสีสันสดใส อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่เก๋ไก๋และดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

2. อินโดนีเซีย

ชุดแต่งงาน

สำหรับประเพณีแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวจาร์กาตา คู่บ่าวสาวนิยมแต่งกายโดยเน้นสีทองและมีเครื่องเพชรระยิบระยับ ทำให้ดูหรูหราและได้ลุคที่ดูแพงสุดๆ

3. โปแลนด์

ชุดแต่งงาน

ในเมือง Łowicz ที่ประเทศโปแลนด์ ชุดเจ้าสาวแบบดั้งเดิมจะมีความพิเศษตรงหมวกที่ประดับไปด้วยดอกไม้ที่เรียกว่า Oczepiny ที่ใช้สวมในระหว่างพิธีกรรมแต่งงาน

4. โปรตุเกส

ชุดแต่งงาน

เจ้าสาวชาวโปรตุเกสนิยมใส่เสื้อแบบ Tunic ที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับแบบห้อยระย้า ในขณะที่เจ้าบ่าวจะใส่เสื้อสูทสีเข้มทับเสื้อสีขาวพร้อมกับสวมหมวก

5. ศรีลังกา

ชุดแต่งงาน

เจ้าสาวชาวศรีลังกาจะใส่ส่าหรีและสวมเครื่องประดับบนศีรษะที่เรียกว่า Nalapata ในขณะที่เจ้าบ่าวจะสวมหมวกที่มีสี่มุม เสื้อแจ็กเก็ตกำมะหยี่และนุ่งผ้าสีขาวที่เรียกว่า Mul anduma

6. ไนจีเรีย

ชุดแต่งงาน

ในประเทศไนจีเรีย คู่บ่าวสาวนิยมใส่ชุดแต่งงานที่มีสันสดใสและมีสีไปทางเดียวกัน สำหรับชุดเจ้าสาวแบบดั้งเดิมนั้นจะมีการสวมสิ่งที่เรียกว่า Gele บนศีรษะ ในขณะที่ผู้ชายจะสวมหมวกผ้าที่เป็นทรงแหลมที่เรียกว่า Fila abeti aja

7. กรีซ 

ชุดแต่งงาน

ในพิธีแต่งงานของชาวกรีซที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอด็อกซ์นั้น บาทหลวงจะสวมมงกุฎที่เรียกว่า Stefana บนศีรษะของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว โดยมันจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคู่แต่งงานใหม่

8. มองโกเลีย

ชุดแต่งงาน

ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวชาวมองโกเลียจะใส่ชุดทรงยาวที่เรียกว่า Deel ในพิธีแต่งงาน ซึ่งเป็นชุดที่ใส่มาหลายศตวรรษแล้ว อีกทั้งยังมีลวดลายและสีสันสวยงาม รวมถึงมีเครื่องประดับศีรษะเพิ่มความตระการตาอีกด้วย

9. นอร์เวย์

แม้ว่าคู่บ่าวสาวชาวนอร์เวย์จะนิยมใส่ชุดแต่งงานแบบสมัยปัจจุบันคือชุดแต่งงานที่เป็นกระโปรงสีขาวหรือชุดสูท แต่ก็ยังมีเจ้าสาวหลายคนที่ยังคงใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า Bunads ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและดูสวยงาม

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : mymodernmet.com

4 วันสำคัญในพิธีแต่งงานแบบจีนที่เราอยากให้บ่าวสาวอาตี๋อาหมวยได้รู้

4 วันสำคัญใน พิธีแต่งงานแบบจีน ที่เราอยากให้บ่าวสาวอาตี๋อาหมวยได้รู้

พิธีแต่งงานแบบจีน แท้ๆ นั้นถือเรื่องฤกษ์ยามยิ่งชีพ และจะมีหลายฤกษ์มาก ตั้งแต่ฤกษ์สู่ขอ วันทำพิธี วันรับตัวเจ้าสาว วันลงกรรไกรตัดชุด วันส่งตัว และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันแม้จะลดความเคร่งลงไปมาก แต่ฤกษ์หลักๆ ก็ยังมีความสำคัญและจำเป็นอยู่ ดังนั้นเมื่อตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกันสิ่งแรกที่บ่าวสาวควรทำคือรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ เพื่อที่จะได้นำวันเดือนปีเกิดของบ่าวสาว รวมทั้งเวลาเกิดไปดูฤกษ์ดูยามให้ซินแสผูกดวงหาฤกษ์ดีในพิธีต่างๆ ซึ่งแพรว wedding ได้คัด 4 วันสำคัญในพิธีแต่งงานจีนที่มักจะต้องถือฤกษ์ดีมาฝาก ไปดูกันดีกว่ามีวันอะไรบ้าง และบ่าวสาวจะต้องทำอะไรในวันนั้น จะได้เตรียมตัวกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

วันสู่ขอ

ฝ่ายชายจะเดินทางไปบ้านฝ่ายหญิงตามฤกษ์ที่ได้จากซินแส โดยไปพร้อมกับแม่สื่อ (ถ้ามี) เถ้าแก่ พ่อแม่ และตามมารยาทฝ่ายเจ้าบ่าวควรเตรียมของฝากเล็กๆ น้อยๆ เช่น กระเช้าขนมหรือผลไม้ ไปกำนัลบ้านเจ้าสาวด้วย  ซึ่งในวันนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องแจ้งกำหนดการต่างๆ ให้ทางบ้านฝ่ายหญิงรับรู้ รวมไปถึงตกลงกันว่าฝ่ายไหนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในวันใดบ้าง ซึ่งที่นิยมทำกันก็คือ ฝ่ายหญิงจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันหมั้น ส่วนฝ่ายชายจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันแต่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความสะดวกของแต่ละฝ่ายนะคะ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปเตรียมข้าวของที่จะต้องใช้ในพิธีต่างๆ

** เครื่องแต่งงานทั้งหมดสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายของมงคลต่างๆ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ที่ย่านเยาวราช และบ่าวสาวสามารถจ้างกับทางร้านได้เลยว่าต้องการเครื่องแต่งงานชุดเล็กหรือชุดใหญ่

วันพิธี

เมื่อถึงวันพิธีฝ่ายชายจะยกขันหมากมาที่บ้านฝ่ายหญิง จากนั้นทั้งสองฝ่ายจะนำเครื่องขันหมากที่ตกลงกันไว้ในวันสู่ขอมามอบให้กัน โดยฝ่ายหญิงจะมอบเอี๊ยมแดงที่เสียบปิ่นทองไว้ตรงปากกระเป๋า (ฝ่ายชายจะต้องคืนปิ่นทองให้เจ้าสาวนำมาติดผมตอนออกจากบ้านในวันรับตัว) พร้อมมอบส้มเช้ง และคืนขนมแต่งงานกลับไปให้ทางฝ่ายชายครึ่งหนึ่ง ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วในวันนี้จะไม่มีพิธีสวมแหวนหมั้นและนับสินสอด แต่บางครอบครัวที่อยากมีพิธีนี้ก็สามารถแทรกไว้ในช่วงก่อนที่จะมอบเครื่องขันหมากตามประเพณีจีน

พิธีแต่งงานแบบจีน

วันส่งตัว

พิธีส่งตัวเริ่มต้นที่บ้านเจ้าสาว โดยส่วนใหญ่ฤกษ์ในวันนี้มักเป็นเวลากลางคืนจึงเป็นที่มาของคำว่า ‘คืนส่งตัว’ ในวันนี้แม่ของเจ้าสาวจะปักปิ่นทองและเสียบกิ่งทับทิมไว้ที่ผมของเจ้าสาว จากนั้นให้เจ้าสาวทำพิธีไหว้เทพยดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ และกินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้ พร้อมฟังคำอวยพรตามหาอาหารมงคลต่างๆ ที่ท่านคีบให้ทาน ก่อนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะมารับเจ้าสาวที่บ้าน

พร้อมเสิร์ฟ 10 อาหารมงคลที่เจ้าสาวชาวจีนต้องกินก่อนส่งตัว

วันที่เจ้าสาวกลับบ้าน

หลังแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชายไปแล้ว 3 วัน (หรือบางครอบครัวอาจจะกำหนดไว้ 12 วัน) เจ้าสาวก็จะได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่จะต้องมีน้องชายมารับ (ถ้าเจ้าสาวไม่มีน้องชาย สามารถให้หลานชายหรือญาติผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามารับแทนได้) โดยเจ้าสาวจะต้องเตรียมส้ม 12 ผลใส่ถาดกลับบ้านไปด้วย และเมื่อไปถึงบ้านเจ้าสาวแล้วคู่แต่งงานใหม่จะต้องทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่และญาติฝ่ายหญิง จากนั้นจึงต่อด้วยงานต้อนรับลูกเขยที่บ้านเจ้าสาวค่ะ

** ปัจจุบันเพื่อความสะดวกและรวดเร็วจะนิยมรวบพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่ และญาติทั้งสองฝ่ายมารวมไว้ในวันเดียวกัน และมักจะจัดไว้ในช่วงท้ายของพิธี ซึ่งจะยกให้ฝ่ายไหนก่อนก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน

ภาพ nicholaslauphoto.com

คอร์สเจ้าสาว Beauty Checklists in 6 Months สวยจัดหนักฉบับเจ้าสาว

หนึ่งในความปรารถนาของผู้หญิงทั้งโลก คือการได้ขึ้นแท่นเป็นเจ้าสาวที่สวยโดดเด่นที่สุดในงาน จึงต้องมีการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อให้คุณพร้อมเผยความงามที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาให้แขกในงานได้ตื่นตะลึงไปกับความเป๊ะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแบบไร้ที่ติ แพรวเวดดิ้งเลยมี คอร์สเจ้าสาว ง่ายๆ ที่คุณสามารถเตรียมความพร้อมได้ด้วยตัวเอง มานับถอยหลังแล้วทำสวยไปพร้อมๆ กันนะคะ

6 เดือนก่อนวันวิวาห์

o ปรึกษาปัญหาผิวกับหมอผิวหนัง
o เริ่มขัดผิวสัปดาห์ละครั้ง
o ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทั่วเรือนร่าง
o กำจัดขนด้วยเลเซอร์
o ดูแลผมหรือเปลี่ยนสีผมใหม่
o เลิกกินอาหารขยะและคาเฟอีนทุกชนิด
o เริ่มกินวิตามินบำรุงผิวและร่างกาย
o เริ่มออกกำลังกายทุกวัน
13820589_928016937328126_1025350731_n

4 เดือนก่อนวันวิวาห์

o จองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม
o ทดลองแต่งหน้าทำผม (สำหรับเจ้าสาวที่มีงบในส่วนนี้)
o เลือกทรงผมและเครื่องประดับที่จะใช้ในวันงาน
o ฟอกฟันขาว
o นัดดูแลผิวหน้าเป็นรายเดือน
o ลงตารางทำทรีทเม้นต์ผิวตัว

2 เดือนก่อนวันวิวาห์

o ซื้ออุปกรณ์เสริมความงามที่จำเป็นสำหรับที่จะใช้ในวันงาน
o ขัดผิวตัว
o นัดทำโบท็อกซ์
13819329_928016950661458_1180846968_n

2 สัปดาห์ก่อนวันวิวาห์

o คอนเฟิร์มนัดช่างให้เรียบร้อยทั้งเวลาและสถานที่
o ดื่มน้ำเยอะๆ
o ทาสกินแคร์ทุกวัน และทาครีมเยอะเป็นพิเศษบริเวณผิวที่แห้งมาก
o หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและแอลกอฮอล์
o แว๊กซ์ขนส่วนต่างๆ ที่ต้องการกำจัดให้เนียน
o ดูแลผิวหน้า (อย่างอ่อนโยน) เป็นครั้งสุดท้าย
o บำรุงผมด้วยคอนดิชั่นเนอร์เข้มข้น
o ไปนวดผ่อนคลายอารมณ์

1 วันก่อนวันวิวาห์

o ดื่มน้ำเยอะๆ
o สระผมให้สะอาด
o นอนให้ครบ 8-10 ชั่วโมง ทุกวัน
o ทำเล็บมือและเล็บเท้าให้สวยพร้อมสวมแหวน

วันวิวาห์

o อาบน้ำก่อนก่อนเริ่มแต่งหน้าสัก 4 ชั่วโมง และป้องกันผมเปียกด้วยหมวกคลุมอาบน้ำ
o แต่งหน้า-ทำผมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธีอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

Beauty Kits for Bridal ตัวช่วยเสกสวยในวันวิวาห์ พกติดตัวรับรองสวยเป๊ะตลอดงาน

o กระดาษทิชชู่ + กระดาษซับหน้ามัน
o เมคอัพรีมูฟเวอร์จัดการมาสคาร่าเลอะ
o ลิปกลอสเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากตลอดวัน
o ยาหยอดตากันตาแดง
o สเปรย์ฉีดล็อกผมให้อยู่ทรงสวย
o กิ๊บติดผมเผื่อปอยผมที่เกล้าไว้ร่วงลงมา
o กระจกขนาดเล็กสำหรับเช็คความสวยตลอดงาน
o หวีและแปรงปัดหน้าขนาดพกพา
o ยาทาเล็บสีใส จัดการปัญหาถุงน่องรัน
o ชอล์กสีขาวสำหรับปกปิดคราบและรอยเลอะบนชุด
o พลาสเตอร์ปิดแผล
o กาวแบบแห้งเร็วสำหรับซ่อมหรือติดส้นรองเท้า
o กาวสองหน้าและเข็มกลัด
13820855_928016953994791_1430245175_n

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความงามเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลจาก : vestidos-comunion-torrente.com, Colin Cowie Weddings, hitched.co.uk, weddingpartyapp, Jim Hjelm

เคล็ดลับความงาม เมื่อเข้าสู่ 7 วันสุดท้ายก่อนถึงงานวิวาห์

สำหรับว่าที่เจ้าสาวทั้งหลาย ยิ่งใกล้ถึงวันงานมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากมากขึ้น และนั่นอาจจะทำให้คุณต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง จนหลงลืมการเตรียมความพร้อมเพื่อตัวเองกันไป ฉะนั้นขอให้คุณปักหมุดบทความนี้เอาไว้เลยให้ไว แค่ทำตาม เคล็ดลับความงาม 7 ข้อแสนง่ายนี้ คุณก็จะสวยเป๊ะพร้อมสำหรับงานวิวาห์ในฝันของคุณ

1. สำรวจใบหน้าเพื่อดูปัญหาของผิวหรือส่วนที่คุณไม่มั่นใจ และแจ้งช่างแต่งหน้าไว้ก่อนวันงาน และสำหรับสาวผมสั้นที่ต้องการต่อผมด้วยแฮร์พีช ควรปรึกษากับช่างผมเพื่อให้ช่างได้เตรียมตัวจัดหาผมต่อที่สีพอดีกับผมจริงของคุณมากที่สุด

2. สำหรับสาวๆที่ต้องการใส่คอนแทกเลนส์ เพื่อช่วยขับใบหน้าให้สวยและมีเสน่ห์นั้น ควรเตรียมคอนแทกเลนส์ที่ดูเป็นธรรมชาติไว้ 2 คู่ขึ้นไปเพื่อสแตนบายหากคู่ที่จะใส่เกิดขาดหรือหายในวันงาน โดยโทนสีที่เหมาะสมคือน้ำตาลหรือเทา ที่จะช่วยขับให้ใบหน้าหวานขึ้น และเราขอเตือนคุณให้หลีกเลียงบิ๊กอาย หรือคอนแทกเลนส์สีดำเพราะจะทำให้ตาดูโตเกินจริง แถมไม่มีแววตาเวลาถ่ายรูปอีกด้วย

3. อย่าบีบหรือแกะสิวเป็นอันขาด หากมีสิวอักเสบขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อฉีดสิวให้ยุบลงนะคะ

4. งดการขัดหน้าอย่างรุนแรง และงดครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และครีมที่ทำให้ผิวแห้งลอก เพราะอาการเหล่านี้จะทำให้ผิวไม่เรียบเนียน แต่งหน้าไม่ติดทนได้ค่ะ

5. ทำสีผมหรือเติมโคนผมให้ได้สีที่สวยสม่ำเสมอ และสามารถเพิ่มไฮไลท์ได้ เพื่อช่วยสร้างเลเยอร์เวลาเกล้าผมได้เป็นอย่างดี

6. ก่อนวันงาน 2-3 วัน คุณต้องไม่ลืมจัดการกับขนไม่พึงประสงค์ในส่วนต่างๆและทำเล็บมือเล็บเท้า เพื่อให้ผิวเรียบเนียนสวยสมบูรณ์แบบที่สุด

7. ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกให้ได้รอยยิ้มที่ดูดีและหามุมสวยของตัวเอง เพื่อให้คุณสวยทั้งในงานและในรูปถ่ายความทรงจำวันพิเศษของคุณ

รู้อย่างนี้แล้วลองนำไปทำตามกันนะคะสาวๆ เรารู้ว่าคุณต้องหัวหมุนเตรียมงานสุดๆ ฉะนั้นงานปังแล้วตัวคุณเองก็ต้องเป๊ะด้วย เพราะคุณน่ะนางเอกของงานนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!a a a a a

ทิปส์เติมสีสันให้การ์ดแต่งงาน เพิ่มความงามให้ของชำร่วยงานแต่ง

การ์ดแต่งงาน & ของชำร่วยงานแต่ง เป็นหน้าเป็นตาให้กับงานแต่งงานของบ่าวสาวได้นะ

บ่าวสาวที่เบื่อๆ เซ็งๆ กับการ์ดแต่งงาน หรือรูปแบบ ของชำร่วยงานแต่ง แบบเดิมๆ อยากจะเพิ่มความโดดเด่นเก๋ไก๋ แต่ก็ยังนึกไม่ออก บอกไม่ถูกว่าจะเพิ่มหรือเติมอะไรเข้าไปดี แพรว wedding เลยรีบนำไอเดียเด็ดๆ มาฝากคุณว่าที่ทั้งหลาย จะได้สบายใจและวางแผนการออร์เดอร์ได้ทันการ

ของชำร่วยงานแต่ง

ออกแบบการ์ดแต่งงาน ซอง และแพ็ตเกจของชำร่วยในคอนเซปต์ Stationary Suite คือดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกันและสอดรับกับธีมเพื่อช่วยให้ภาพรวมของงานแต่งดูสมบูรณ์แบบ

การติดเพชร ลูกไม้ ริบบิ้น หรือเชือก จะช่วยเน้นธีมงานของบ่าวสาวให้ชัดเจนขึ้นว่าเป็นแนวหรู วินเทจ หรือ DIY

งานเปเปอร์อาร์ตต่างๆ เช่น การฉลุลาย การพับกระดาษ งานตัดแปะ ช่วยเพิ่มดีเทลให้การ์ดของบ่าวสาวดูไม่โหล

ถ้าจัดงานธีมเทพนิยายหรือนิทาน ลองมองหาการ์ดป๊อปอัพรูปปราสาท หรือป่าใหญ่จะได้เข้าธีม

การ์ดเชิญไม่จำเป็นต้องเป็นกระดาษสี่เหลี่ยมเสมอไป เพราะปัจจุบันมีการ์ดไดคัตเป็นรูปร่างต่างๆ มากมาย

แพ็คเกจของชำร่วยสำคัญไม่แพ้ของข้างใน เพราะสื่อถึงความตั้งใจของผู้ให้ ดังนั้นอย่าลืมเลือกแพ็คเกจให้เข้ากับธีมงาน

เช็คคู่สีมงคลตามวันเกิด กับเทคนิคการนำมาจัดเป็นธีมสีงานแต่งงาน

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมีคำถามว่า “จะจัดงานแต่งสีไหนดี?” แพรวเวดดิ้งมีไอเดียดีๆ กับการจัดงานแต่งงานตาม สีมงคล ของว่าที่บ่าวสาว โดยงานนี้มี “อาจารย์เอ๋ – รดา พชรวิจิตรเมธี” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังแห่งสีสัน มาให้คำแนะนำดีๆ โดยเฉพาะว่าที่บ่าวสาวที่อยากหาคู่สีมงคล ต้องมามุงด่วน 

1. DAY OF BIRTH

เช็กก่อนว่าคุณทั้งคู่เกิดวันอะไรด้วยหลักการง่ายๆ คือ พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไรนับเป็นวันใหม่เสมอ

2. Do & Don’ts

เช็กสีมงคลตามตารางด้านล่างนี้  วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์

3. CHOOSE WEDDING THEME COLOUR

ใช้สีมงคลของคุณทั้งคู่เป็นคู่สีในงาน เช่น เจ้าสาวเกิดวันอาทิตย์ เจ้าบ่าวเกิดวันศุกร์ คู่สีมงคลสำหรับการตกแต่งงานในเบื้องต้นคือ ขาว / ครีม/ เหลือง – น้ำเงิน / ฟ้า

4. MORE OPTIONS

เช็กว่าคู่สีที่ได้ตรงกับสีที่ควรหลีกเลี่ยงของแต่ละคนหรือไม่ ในกรณีนี้น้ำเงิน / ฟ้าคือสีที่ฝ่ายเจ้าสาวควรหลีกเลี่ยง ให้แก้ไขโดยจับคู่กับสีมงคลของวันที่จัดงานแต่งงานแทน เช่น จัดงานวันเสาร์ ก็ให้ตกแต่งด้วยธีมสีแดงคู่กับสีมงคลของเจ้าสาวแทน (แต่ถ้าแจ็กพ็อตได้ฤกษ์วันศุกร์ ซึ่งมีสีที่เจ้าสาวควรหลีกเลี่ยง ก็ให้ใช้สีมงคลของเจ้าสาวเพียงฝ่ายเดียว)

อาจารย์เอ๋ฝากทิ้งท้ายว่า หลักการที่ว่านี้ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการเลือกผ้านุ่งของว่าที่บ่าวสาวในพิธีแต่งงานแบบไทยตามประเพณีนิยมได้ด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากอาจารย์เอ๋ – รดา พชรวิจิตรเมธี ผู้เขียนหนังสือ “เปลี่ยนสีเปลี่ยนชีวิต”

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

5 เคล็ดลับให้เพื่อนบ่าวสาวพูด SPEECH ในงานแต่งงานได้ลื่นไหลไม่สะดุด

ปัญหาหนักอกอย่างหนึ่งของบรรดาเพื่อนๆ ที่ได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากบ่าวสาวให้ พูด SPEECH ในงานแต่งงาน คือไม่รู้จะพูดอะไร จะเริ่มต้นลงท้ายแบบไหนถึงจะเหมาะ ถึงจะดีและจะซึ้ง แพรวเวดดิ้งขอบอกว่าไม่ยาก ตามมาอ่าน 5 คำแนะนำจากเรา รับรองว่าในวันงานคุณจะไม่เพียงพูดคล่อง แต่พูดแล้วไม่เวิ่นเว้อ ฟังรู้เรื่องและตรงประเด็น

1. สรรหาคำชมเกี่ยวกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการคิดถึงความดีงามของเพื่อนของคุณ เช่นถ้าคุณคือเพื่อนเจ้าสาวก็คิดค่ะคิด ว่าเจ้าสาวมีอะไรน่าชื่นชมบ้าง เป็นเพื่อนที่ดีกับคุณในแง่ไหน มีน้ำใจ เรียนเก่ง แบ่งปัน ชอบช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาที่ดี หรือแม้แต่ยามยาก คุณเจ้าสาวมีอะไรให้สรรเสริญในฐานะเพื่อนก็พูดออกมาค่ะ แต่อย่ากล่าวหนักจนเว่อร์เกิน เดี๋ยวจะกลายเป็นอวยกันมากไป

2. เรียบเรียงให้ดีและลองซ้อมอ่านแบบเล่าเรื่อง

อย่าลืมเด็ดขาดที่จะลองร่างสิ่งที่ต้องการพูดแล้วเรียงลำดับใจความสำคัญ เทคนิกคือเรียบเรียงสิ่งที่คิดลงไปในกระดาษทั้งหมดก่อน จากนั้นค่อยๆ เรียงแล้วดูสิว่า เรียงแล้วเนียนไหม  ถ้าเรียงแล้วรู้สึกขัดๆ หรือยังวกวนก็เรียงลำดับใหม่จากนั้นค่อยๆ ซ้อมอ่านในลักษณะการเล่าเรื่อง จะได้ดูไม่เหมือนท่องจำ เพราะอย่าลืมว่า นี่คือการพูดจากใจ ฉะนั้นแม้จะเตรียมเขียนมาก็ต้องทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติ

3. อย่าเล่าเเต่เรื่องของตัวเอง

เรื่องนี้หลายคนหลงลืม พอบอกให้พูดก็อาจจะเอาแต่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวของในมุมของตัวเองจนมีเรื่องของเจ้าสาวมาเอี่ยวน้อยมาก ฉะนั้นจำไว้เลยว่า การพูดแบบนี้คุณต้องหาเรื่องที่มีคุณคู่กับเพื่อนของคุณที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวของงาน หรือไม่อย่างนั้นก็พูดเรื่องของบ่าวสาวเต็มไปเลยก็ได้ อ่ะๆๆ ไม่ใช่เผยความลับนะคะ ถ้าไม่เข้าใจก็ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1 อีกครั้ง

4. อย่าเอ่ยถึงเเฟนเก่าเด็ดขาด

เรื่องนี้สำคัญมาก ต่อให้แฟนเก่าของเพื่อนคุณจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องดีนักที่คุณจะมาย้อนอดีตถึงยามที่เพื่อนและแฟนเก่ารักกันหรือมีปัญหากัน อย่างประโยคประเภทว่า ครั้งหนี่งที่เจ้าสาวเคยทะเลาะกับแฟนเก่าแล้วมาปรึกษาอะไรพวกนี้อย่าได้เอ่ยเพราะเรื่องมันผ่านไปแล้ว หรือแม้แต่ว่าจะเป็นมุกที่คิดว่าดีประมาณว่า โชคดีเหลือเกินที่เลิกกับคนเก่าแล้วมาเจอคนดีๆ อย่างวันนี้ เลี่ยงได้เลี่ยงเลยจ้า

5. เริ่มต้นด้วยเรื่องเพื่อนของคุณ เเต่ปิดท้ายด้วยเรื่องของทั้งคู่

เมื่อพูดถึงเพื่อนของคุณเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะปิดบทพูดทั้งหมด ต้องไม่ลืมกล่าวถึงคู่ของเพื่อนคุณด้วย นั่นแปลว่า ถ้าคุณคือเพื่อนเจ้าสาว คุณก็เริ่มพูดถึงความดีงามของเจ้าสาว ความทรงจำและเรื่องราวดีๆ ของคุณและเธอ จากนั้นพูดถึงความรักของเจ้าสาวที่มีต่อเจ้าบ่าว แบบนี้จะสวยงามและสมบูรณ์แบบ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ไอเดียถ่ายพรีเวดดิ้งให้เป็นตัวเองสุดเจ๋ง จากคู่รักตัวจริงที่มีสไตล์สุดๆ

ไอเดีย ถ่ายพรีเวดดิ้ง 2 สไตล์สุดเจ๋งที่เห็นแล้วบ่าวสาวต้องร้องว้าว!

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ค่ะว่า เดี๋ยวนี้บ่าวสาวให้ความสำคัญกับการ ถ่ายพรีเวดดิ้ง มากกว่าเดิมหลายเท่าทวีคูณ แต่จะให้ถ่ายซ้ำๆ แบบคนอื่นๆ ก็เบื๊อเบื่อ แล้วจะทำอย่างไรให้ภาพถ่ายเหล่านั้นน่าจดจำและบ่งบอกถึงตัวตนคุณทั้งคู่มากที่สุด และแน่นอนว่า เราได้ไปเจอภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเจ๋งๆ ที่ขอบอกเลยว่าสองคู่ที่เรานำมาฝากได้ภาพพรีเวดดิ้งสุดมันที่เป็นตัวของตัวเองมาก ว่าแล้วไปพบกับคู่แรกที่เรานำมาฝากกันเลย

 

Sport Lover Theme

พรีเวดดิ้ง

14500295_1194886690557894_1326575253004719799_o

เอาใจคู่รักคอกีฬาหรือคู่ที่มีกิจกรรมยามว่างเป็นการเล่นกีฬากระชับรักด้วยภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสุดมัน โดยคู่รักคู่นี้จูงมือกันเล่นเวคบอร์ด กีฬาทางน้ำสุดเอ็กซ์ตรีม โดยมีช่างภาพมากความสามารถอย่าง Sanit.portfolio เป็นคนเก็บภาพสุดหฤหรรษ์ที่แฝงไปด้วยความสุข

บ่าวสาวคู่นี้เลือกเวคบอร์ด เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่โปรดปรานมาก แบบนี้ทำเอาคนดูภาพสามารถจินตนาการไปได้เลยว่า นี่คือช่วงเวลาที่น่าจดจำระหว่างฉันและเธอในบึงบ่อที่เราได้เล่นกีฬาที่ชอบด้วยกัน โอ๊ย!! อยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้างจุง

14524445_1194869190559644_8426911386716249985_o

พรีเวดดิ้ง

เจ้าสาวมาในชุดสีขาวเกาะอกกระโปรงสั้น เพิ่มความเป็นเวดดิ้งอีกนิดด้วยผ้าคลุมเจ้าสาวยาวถึงช่วงเอว (แหม..จะเอ็กซ์ตรีมขนาดนี้ คงไม่เหมาะกับผ้าคลุมแบบยาวลากพื้นไม่อย่างนั้นพันแข้งพันขาลำบากแน่นอน) ส่วนเจ้าบ่าวมาในมาดเท่กับชุดสูทสีเทา และอุปกรณ์ที่พลาดไม่ได้คืออุปกรณ์การเล่นเวคบอร์ด ที่เราขอออกความเห็นส่วนตัวนิดๆ ว่าคุณอาจจะเลือกบอร์ดสีแจ่มๆ หรือลายสวยๆ มาร่วมเฟรมก็ได้นะคะ รับรองว่าเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ ให้ภาพมีความหมายมากขึ้นแน่นอนค่ะ

พรีเวดดิ้ง

รับดอกไม้บนพื้นดูจะธรรมดาไป เจ้าสาวเลยครีเอทโดยการที่เจ้าสาวจะขึ้นแลมป์ด้านซ้ายมือ และยื่นมารับดอกไม้ เขาทั้งสองจะทำได้หรือไม่

พรีเวดดิ้ง

ขึ้นไปแล้วววววว

14542589_1194872113892685_9089737311289036812_o

 ยื่นมือมารับดอกไม้ จะสำเร็จหรือไม่!!!

14524577_1194872110559352_8469934290992077615_o

เย้ๆ รับได้อย่างไม่ยากเย็น

14409864_1194869310559632_1539447185507252547_o

แล้วตอนลงจะเป็นยังไง!!

พรีเวดดิ้ง

เย้ ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เป็นไงกันบ้างคะ กับภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสุดแหกกฎที่เรานำมาฝากแต่หากคู่นี้ยังไม่ใช่ทางของคุณ ลองมาดูคู่สองที่ไอเดียแจ่มไม่แพ้กันต่อเลยดีกว่า

 

Thailand Lover Theme

ถ้าคุณคิดถึงภาพถ่ายพรีเวดดิ้งที่เจ้าสาวห่มสไบแสนสวยกับเจ้าบ่าวนุ่งโจงกระเบนสุดเป๊ะอยู่ ขอให้คิดใหม่ เพราะคู่นี้เลือกที่จะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งจากหัวใจไทยด้วยความรู้สึกที่ปลื้มปริ่มในเอกลักษณ์ไทย จึงผุดคอนเซ็ปต์ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งในคอนเซ็ปต์เพลง “ตัวร้ายที่รักเธอ” สะท้อนความรักของทศกัณฐ์ที่มีต่อนางสีดา และถึงแม้จะมีกระแสดราม่าถึงความสัมพันธ์ของทศกัณฐ์และนางสีดาที่เป็นเพียงพ่อลูกกันเท่านั้น แต่คุณก็อาจจะเลือกถ่ายเป็นพระรามกับนางสีดาได้เช่นกัน ซึ่งงานนี้ได้เปรียบตรงที่เจ้าสาวคนสวยเรียนทางด้านนาฏศิลป์มา จึงได้ประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความประทับใจ โดยภาพถ่ายแสนพิเศษถูกถ่ายทอดผลงานจาก Pherawit Photographer ภาพถ่ายจะออกมาสวยงามเพียงใดมารับชมพร้อมๆ กันเลย

o95phxcr7jufrwvjpq6-o

o95phacsamjjckmdfd3-o

เปิดภาพมาด้วยบ่าวสาวที่สวมชุดโขน โดยเจ้าบ่าวสวมบทบาทเป็นทศกัณฐ์และแน่นอนว่า เจ้าสาวคนสวยคือนางสีดา และประยุกต์ให้เกิดอาการแหกกฎยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยการถ่ายภาพท่ามกลางบรรยากาศแสงสีในยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร สะกดทั้งสายตาคนที่เดินผ่านไปมา ยิ่งมาเห็นภาพถ่ายที่สมบูรณ์แล้วยิ่งรู้สึกราวกับว่าโลกนี้มีเพียงแค่เราสองจริงๆ

o95po3l11prcsjc5552-o

o95poifp44q1fwglpro-o

ภาพจินตนาการสุดล้ำแบบนี้ จะสวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีกต้องไม่ลืมเทคนิกขั้นเทพเชิงกราฟิกลงไปด้วยนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้ภาพสวยไม่เวอร์จนเกินไปยังได้กลิ่นอายความเป็นไทยเพิ่มมากขึ้น ดูภาพถ่ายแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในวรรณคดียังไงอย่างนั้น

เห็นไหมคะว่าจริงๆ แล้วการเลือกถ่ายภาพพรีเวดดิ้งไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณและคู่รักช่วยกันหาไอเดียที่บ่งบอกถึงตัวตนของคุณทั้งคู่ เพื่อให้เกิดเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ ไม่แน่นะคะว่าไอเดียของคุณอาจจะปังกว่าภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของอีกหลายคู่ที่คุณเคยดูมาก็ได้ นอกจากนี้เรายังมีภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเก๋ๆมาฝากปิดท้ายด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆจาก : Sanit.portfolio และ  Pherawit Photographer

รีวิวสถานที่จัดงานแต่งที่ตรงใจของคุณวาล์วน้ำ & คุณหนึ่ง @The St. Regis Bangkok

รีวิว สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ตรงใจทุกอย่างของคุณวาล์วน้ำ & คุณหนึ่ง @The St. Regis Bangkok

เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นตอนที่ทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกัน ชอบทำงานเหมือนกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน จึงทำให้คุณหนึ่งรู้สึกถูกชะตากับคุณวาล์วน้ำทันที่เมื่อแรกพบ “เขาเป็นเด็กมหัศจรรย์คนหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น ร่าเริงตลอดเวลา ใครอยู่ใกล้ต้องยิ้มตลอดกับพลังบวกของเขา” คุณหนึ่งพูดถึงเจ้าสาวคนสวย

จากพี่น้องที่คอยให้คำปรึกษากันในทุกเรื่อง ก็เริ่มพัฒนากลายเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันจนกลายเป็นคู่รัก และตกลงใจใช้ชีวิตคู่กันในที่สุด แถมงานนี้เจ้าบ่าวยังจัดเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานชุดใหญ่ด้วยการปิดโรงภาพยนตร์เพื่อขอเจ้าสาวแต่งงานหลังชมภาพยนตร์เรื่องโปรดของทั้งคู่อีกด้วย

บ่าวสาวจัดงานแต่งงานขึ้นในธีม “Seacret Forest ความลับของผืนป่าและท้องทะเล” ซึ่งงานนี้ได้ Chic Planner มาช่วยเนรมิตงานแต่งงานให้ออกมาอลังการไม่เหมือนใคร“เวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้านี้ไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวยๆ ประดับในงานทั่วไป แต่มีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ให้งานแต่งงานออกมาสวยงามเป็นอีกโลกหนึ่งได้”นี่เหตุผลที่ทั้งคู่เลือกใช้บริการ Chic Planner

บ่าวสาวและแพลนเนอร์ใช้เวลาในการวางแผนและเตรียมงานแต่งงานกันประมาณครึ่งปี ภายใต้โจทย์ที่มีความยากระดับหนึ่งเนื่องจากวันแต่งงานของบ่าวสาวเป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุดในปี 2019 (วันที่ 9 พฤศจิกายน 2019) ซึ่งบ่าวสาวไม่ทราบมาก่อนแต่ที่เลือกจัดวันนี้เพราะเป็นวันเกิดของคุณแม่เจ้าสาว แต่ด้วยความที่เจ้าสาววางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าอยากได้อะไรในงานแต่งงานบ้าง ด้วยการทำเช็กลิสต์ว่าอยากได้ใครมาจัดการในส่วนไหน และหาเจ้าที่ดีที่สุดในเรื่องนั่นๆ จึงทำให้การเตรียมงานไม่มีปัญหามากนัก

ซึ่งสิ่งที่บ่าวสาวหาก่อนเป็นอันดับแรกก็คือโรงแรม และถึงแม้วันแต่งงานจะเป็นวันฤกษ์ดีแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็สามารถคอนเฟิร์มโรงแรมที่อยากใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานได้สำเร็จ นั่นก็คือ โรงแรม The St. Regis Bangkok

“โรงแรม The St. Regis Bangkok เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เราอยากได้เพราะทุกอย่างตรงใจเราไปหมด ไม่ว่าจะเป็นห้องบอลรูมและห้องสวีทที่อยู่ในแพ็คเกจ พอได้ที่นี่ก็ดีใจมาก ตอนเข้าไปดูสถานที่ทุกอย่างเกินความคาดหมายไปหมด เพราะเป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ มีความหรูหราดูลักซ์ชัวรี่มากๆ ทั้งบรรยากาศในโรงแรม ห้องบอลรูม ห้องพัก รวมไปถึงอาหารที่อร่อยมากๆ

สิ่งที่ประทับใจในการได้มาจัดงานแต่งงานที่โรงแรม The St. Regis Bangkok คือประทับใจตั้งแต่เซลล์ที่เข้ามาดูแลเราตั้งแต่วันแรก ซึ่งดูแลเราดีมากๆ คอยตามเรื่อง คอยเช็กความเรียบร้อยต่างๆ และให้บริการเราดีทุกครั้งที่มาจนถึงวันแต่งงาน อย่างในวันแต่งงานเราเห็นเขาคอยวิ่งจัดการเรื่องต่างๆ ให้เราตลอด โดยเฉพาะเรื่องอาหารภายในงานที่ต้องเติมเพิ่มเดี๋ยวนั้น เพราะแขกมาร่วมงานเกินกว่าจำนวนที่เราตั้งไว้จาก 200 – 300 คน เพิ่มมาเป็น 500 คน เลยรู้สึกประทับใจที่เขาสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้เราได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่เขาดูแลใส่ใจเราทุกเรื่อง

อีกอย่างที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกที่นี่คือ ห้องสวีทที่อยู่ในแพ็คเกจที่เราเลือกเป็นห้องนอนสไตล์โคโลเนียลและเป็นมุมห้องที่สวยมากสามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบพาโนรามา ห้องดูกว้างขวาง สะอาด มีความหรูหรา และมีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้องสามารถมองออกไปเห็นวิวกว้างๆ ภายนอกได้ยิ่งพอเราเหนื่อยจากงานแต่งงานขึ้นมาพักบนห้องก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย อีกทั้งเรายังได้ภาพนิ่งและภาพวิดีโอสวยๆ ภายในห้องนี้อีกด้วย เลยทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างดูลงตัวและสวยงามไปหมด

ส่วนการเดินทางก็สะดวกมากๆ เพราะโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองติดกับรถไฟฟ้าสามารถเดินเชื่อมมายังชั้น 2 ของโรงแรมได้เลย รวมไปถึงที่จอดรถก็เพียงพอไม่มีปัญหา ซึ่งวาล์วคิดว่าโรงแรม The St. Regis Bangkok เป็นอีกโรงแรมที่ว่าที่บ่าวสาวควรมาใช้บริการเพราะจะได้ภาพลักษณ์งานแต่งงานที่ไม่เหมือนใครแน่นอน อย่างแขกทุกคนที่มางานเราก็ชมว่าโรงแรมสวย เดินทางสะดวก อาหารอร่อย ซึ่งงานแต่งงานเป็นงานสำคัญครั้งเดียวในชีวิต และสถานที่จัดงานแต่งงานก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นที่ที่แขกทุกคนตั้งใจมาหาเพื่อแสดงความยินดีกับเรา เพราะฉะนั้นนอกจากที่เราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในวันแต่งงานแล้ว  เราก็อยากให้แขกที่มางานเราได้รับสิ่งที่ดีสุดในวันสำคัญของเราด้วยเช่นกัน”

ชุดแต่งงานของเจ้าสาวได้รับการดีไซน์ให้ตรงกับธีมงานด้วยการปักนกลงบนชุดเจ้าสาวจากฝีมือของคุณใหม่ – พลัฏฐ์ พลาฎิ ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Meshmuseum

การได้มาจัดงานแต่งงานที่โรงแรม The St. Regis Bangkok ถือว่าคุ้มค่ามากๆ และบริการของที่นี่สุดยอดจริงๆ ค่ะ


Venue:
 โรงแรม The St. Regis Bangkok
โทร. 02-207-7777
เว็บไซต์ www.stregisbangkok.com
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/TheStRegisBangkok
ไอจี @stregisbangkok
Wedding Planner : Chic Planner โทร. 086-322-9508 (เฟซบุ๊ก www.facebook.com/chicplanner)
Dress : ชุดถ่ายรูปหน้าแบคดรอปจาก Meshmuseum (IG: @meshmuseum), ชุดเปิดตัวและพิธีฉลองมงคลสมรสจาก Elizabeth Bridal (IG: @elisabethbridal), ชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้จาก Keke Stylist (IG: @kekestylist_gallery), รองเท้าเจ้าสาว Jimmy Choo
Groom Suit : Poem Men’s Wear (IG: @poem_menswear), รองเท้าเจ้าบ่าว Louis Vuitton
Make-up : IG @tippymakeup
Hair : IG @monttique
Photo : ช่างภาพ&วิดีโอ IG @vinbuddy, ช่างภาพ 2 IG @yuki.kagawa_photographer, @kokorography
ทีมคิดโคโรกราฟเต้นเปิดตัวบ่าวสาวและเซอร์ไพรส์แดนซ์:เฟซบุ๊ก Step Love Wedding Dance

10 ขั้นตอนง่ายเว่อร์แค่ทำตามนี้ก็ได้ชุดแต่งงานสุดเพอร์เฟ็กต์

เตรียมพร้อมตะลุยร้าน ชุดแต่งงาน ด้วย 10 ทริคไม่มีวันล้าสมัยที่แพรวเวดดิ้งรวบรวมและเก็บตกมาให้ว่าที่เจ้าสาวท่องจำก่อนวางใจและวางเงินให้ร้านชุดสวยสานฝันต่อ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อให้แต่งแล้วลูกโต ทริคทั้ง 10 ที่ว่านี้ยังใช้ได้สบายๆ

1. ตั้งงบประมาณ

ตั้งงบประมาณทั้งหมดสำหรับจัดงานแต่ง จากนั้นถามตัวเองว่าจะทุ่มงบประมาณกับ ชุดแต่งงาน เท่าไร คุณอาจกำหนดเป็นวงเงิน 30,000 – 50,000 บาท หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากงบทั้งหมดก็ได้ เช่น 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับชุดหมั้น และ 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับชุดเจ้าสาวจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นต้น ถ้าลงสนามหาชุดแล้วเกิดเจอชุดถูกใจแต่เกินงบ ก็สามารถเพิ่มงบได้ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมลดงบประมาณด้านอื่น ๆ ลงด้วย เพื่อที่ว่างบประมาณที่ตั้งไว้แต่แรกจะได้ไม่บานปลาย

2. ตามหาร้านที่ใช่

ทุกวันนี้ร้านชุดเจ้าสาวในประเทศไทยมีมากมายจนคุณอาจสับสนว่าจะไปร้านไหนดี จึงควรสืบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเสียงและผลงานของร้านต่างๆ ไว้บ้าง ดีกส่าเดินดุ่มๆ เข้าทุกร้านแบบเสี่ยงไปตามดวง เพราะนอกจากจะเหนื่อยเพลียแล้วยังอาจเสียเวลาเสียอารมณ์ เพราะไม่ได้ชุดที่ต้องการ ซึ่งในเรื่องนี้สังคมออนไลน์ช่วยได้ในเบื้องต้น ลองเข้าไปดูคอมเมนต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับร้านชุดเจ้าสาวที่เล็งไว้ประกอบการตัดสินใจ ดีไม่ดีคุณอาจเจอร้านใหม่ ๆ นอกสายตาก็เป็นได้ จากนั้นให้จัดอันดับร้านชุดโดนใจที่มั่นใจว่าตอบโจทย์คุณได้ทั้งเรื่องฝีมือการตัดเย็บและงบประมาณที่ตั้งไว้อย่าลืมเช็กก่อนไปด้วยว่าแต่ละร้านเปิด – ปิดวันไหนเวลาใด และร้านไหนต้องนัดดีไซเนอร์ล่วงหน้าบ้าง จะได้ไม่เสียเที่ยว

3. เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ

“ชุดเจ้าสาว” เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการตระเตรียม ช่างเสื้อส่วนใหญ่จึงต้องการเวลาในการตัดเย็บอย่างน้อย 4 – 5 เดือน ระหว่างนั้นคุณต้องเข้าไปลองอย่างน้อย 3 ครั้ง (เว้นช่วงห่าง 1 เดือนต่อครั้ง) ฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายควรเผื่อเวลาสำหรับเรื่องนี้ไว้มากหน่อย เพื่อที่ช่างเสื้อจะได้มีเวลาทำชุดให้คุณอย่างเต็มที่ไร้ซึ่งแรงกดดัน ขณะเดียวกันคุณเองก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าชุดจะเสร็จไม่ทัน แต่ในกรณีที่ได้ฤกษ์มาแบบเร่งด่วน คุณอาจต้องยอมทุ่มเงินเพื่อเร่งเวลาตัดเย็บหรือหันไปหาชุดเช่าแทน

4. มองหาสิ่งที่เป็นตัวคุณ

เมื่อถามถึงชุดเจ้าสาวในฝัน ว่าที่เจ้าสาวบางคนไม่สามารถตอบได้ เพราะชุดนั้นก็สวย ชุดนี้ก็ชอบ สิ่งที่พึงกระทำเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอคือ การหาข้อมูลแบบชุดเจ้าสาวที่ต้องการไว้ให้มากที่สุด ทั้งจากเราและท่องโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อดูแบบชุดเจ้าสาวที่ชอบทั้งของไทยและเทศ อย่าลืมแยกเก็บข้อมูลตามหัวข้อและประเภทที่ชอบไว้ด้วย เช่น แบบชุดที่ชอบ อารมณ์ลูกไม้ที่อยากได้ เนื้อผ้าที่ฝันถึง คอเสื้อที่สนใจ ฯลฯ เพื่อง่ายต่อการนำมาอธิบายให้ดีไซเนอร์เข้าใจความต้องการของคุณ

5. จำกัดจำนวนผู้ติดตาม

ในการลองชุดเพื่อเลือกแบบครั้งแรกว่าที่เจ้าสาวอาจพาเพื่อนไปช่วยคอมเมนต์สัก 2 – 3 คน เพื่อดูว่าเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่าอย่างไร แต่คุณต้องชัวร์ว่าเพื่อนเซตนี้เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่คุณขอร้องให้ไปด้วยกันจริง ๆ ไม่ใช่พาไปร้านชุดเพื่อเปลี่ยนที่นั่งเมาท์ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคงเซ็งหนักเมื่อถึงวันไฟนอลที่ต้องตัดสินใจเลือกชุดให้ลดปริมาณเพื่อนที่ไปด้วยเหลือแค่ 1 หรือ 2 คนก็พอ ซึ่งคนคนนั้นควรเป็นคนสำคัญของคุณ อาจเป็นเพื่อนซี้หรือพี่น้องที่มั่นใจได้ว่าปรารถนาดีกับคุณ และเมื่อถึงวันงาน คนคนนั้นก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยคุณดูแลชุดแต่งงานไม่ห่าง

6. เตรียมพร้อมในวันลองชุด

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ในการตัดเย็บชุดเจ้าสาว คุณจะต้องกลับไปที่ร้านเพื่อลองให้เป๊ะอย่างน้อย 3 ครั้ง ฉะนั้นในการลองชุดแต่ละครั้ง คุณควรเตรียมความพร้อมให้ตัวเองมากที่สุด โดยเฉพาะในการลองครั้งสุดท้ายที่ชุดเกือบเสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นการสวมชุดชั้นในสีเนื้อที่กลมกลืนกับสีผิว (เป็นชุดชั้นในที่จะใส่ในวันจริงได้ยิ่งดี) เพื่อลองเทสต์ว่าสีชุดชั้นในไม่กระเด้งออกมา นอกชุดเจ้าสาวสีขาว หรือหยิบรองเท้าส้นสูงคู่ที่จะใช้จริงในวันงานมาใส่ในวันลองเพื่อเทสต์ว่าความสูงพอดีกับชายกระโปรงไหม รวมไปถึงนำผ้าคลุมหน้าและเครื่องประดับที่จะใช้จริงกับชุดนี้มาใส่วันลอง เพื่อคอนเฟิร์มเป็นครั้งสุดท้ายว่าเข้ากันได้แน่นอน

7. ลองทุกชุดก่อนเซย์เยส

“ไม่อยากได้ชุดเจ้าสาวแบบเกาะอก” หนึ่งในโจทย์ที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนแจ้งกับดีไซเนอร์ทันทีที่เจอหน้า ในความเป็นจริงคุณไม่มีทางรู้เลยว่าชุดแบบไหนจะเหมาะกับคุณถ้ายังไม่ได้ลอง แต่ก็ไม่ผิดที่คุณจะมีโจทย์แบบนี้อยู่ในใจ (ดีกว่าไม่มีอะไรเลย) สิ่งที่พึงกระทำ คือ เปิดใจให้กว้างแล้วลองรับไอเดียชุดสวยจากดีไซเนอร์ดูก่อน เพราะชุดที่คุณไม่อยากได้ อาจเป็นชุดที่สวยและเหมาะกับคุณที่สุดก็ได้ ในทางกลับกัน ถ้าลองชุดตามคำเชิญแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่จงยึดมั่นในความตั้งใจเดิมของตัวเองไว้ อย่าหลงคำหวานของนักขายมืออาชีพที่ต้องการทำยอดเท่านั้น

8. ลืมเรื่องขนาดที่คุ้นเคยไปก่อน

อย่ายึดติดกับไซส์มาตรฐานเพียงไซส์เดียว และอย่าตกใจถ้าไปร้านชุด 3 ร้านแล้วขนาดของแต่ละร้านไม่เท่ากัน เหตุผลเพราะแต่ละดีไซเนอร์มีรูปแบบการวัดขนาดและเทคนิคการตัดเย็บที่ต่างกัน ฉะนั้นถ้าปกติคุณใส่ไซส์ S พอเปลี่ยนร้าน เปลี่ยนยี่ห้อไซส์ก็อาจขยับมาที่ M ได้เช่นกัน ถ้าคุณซื้ชุดเจ้าสาวสำเร็จรูปคงต้องทำใจ แต่ถ้าตัดใหม่ก็วางใจได้ เพราะชุดที่ได้จะเป็นไซส์ของคุณแน่นอน

9. เช็กทุกมุมก่อนรับชุด

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ร้านชุดส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพชุดไปเผยแพร่อย่างเด็ดขาดจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน แต่ปัจจุบันกลับตรงข้าม เพราะยิ่งถ่ายยิ่งอัพยิ่งช่วยโปรโมต แต่จุดประสงค์ของการถ่ายภาพในข้อนี้คือ การเช็กให้มั่นใจว่าใส่แล้วสวยทุกท่วงท่า ถ้าเห็นว่ามีจุดไหนต้องปรับจะได้ส่งแก้ทันท่วงที นอกจากนี้ว่าที่เจ้าสาวต้องไม่ลืมซ้อมลุก – นั่ง – เดิน – ก้าวขณะที่ลองชุดด้วย เพื่อให้การใช้งานในวันจริงไหลลื่นไม่มีสะดุด

10. อ่านเอกสารสัญญาให้มั่นเหมา

ปิดท้ายการคัดสรรชุดเจ้าสาวในฝันของคุณด้วยการตรวจเช็กเอกสารสัญญาก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อยืนยันการสั่งตัดและรับชุด โดยในเอกสารควรมีรายละเอียดดังนี้

  • เอกสารเกี่ยวกับรูปชุดที่จะตัดเย็บ รูปทรงชุด (ส่วนใหญ่แนบรูปสเก็ตช์และภาพตัวอย่างของคุณไว้ด้วย) ชนิดผ้าที่ใช้ในแต่ละส่วนของชุดตัวอย่างผ้าลูกไม้ที่ใช้จริง สีที่เลือกใช้ ชนิดและสีของริบบิ้นเข็มขัด เป็นต้น
  • รายละเอียดการเข้ามาลองชุดตามจำนวนครั้งที่ตกลงกันไว้ (ระบุวันและเวลาชัดเจน) รวมถึงวันนัดรับชุดเพื่อนำไปใช้ในวันจริง หากเป็นชุดเช่าตัดต้องระบุวันที่คืนชุดแลราคาค่าปรับหากเกินกำหนด
  • รายละเอียดราคาและการชำระเงิน ราคาชุดทั้งหมดที่ต้องชำระ แยกเป็นราคามัดจำ (ต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาชุด) ราคาชำระงวดสุดท้าย ถ้าเป็นชุดเช่าตัดต้องมีการวางเงินประกันชุดอีกครั้ง เมื่อนำชุดกลับมาคืนจะได้รับเงินประกันก้อนนี้คืนเต็มจำนวน หรือถ้าทำชุดเสียหายต้องจ่ายค่าปรับเท่าไร
  • เครื่องประดับเสริมอื่นๆ มีอะไรบ้าง ถ้าทำหายหรือเสียหายต้องเสียค่าปรับเท่าไร

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

8 อาหารเจ้าสาวต้องจำให้ดีห้ามกินก่อนลองชุดแต่งงานเด็ดขาด

ไม่ว่าคุณจะออกงานใดๆ สำคัญมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการเข้าร้าน ลองชุดแต่งงาน ก่อนจะตัดสินใจเลือกชุดสวยชุดไหนมาใส่ต้องไม่ลืมเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนไปถึงร้านนะคะ ซึ่งการเตรียมตัวที่ว่าไม่ใช่เรื่องเตรียมเงินไปช้อป แต่คือการเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการไม่ทานอาหาร 8 อย่างต่อไปนี้ค่ะ เพราะถ้าทานเข้าไปเมื่อไหร่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกชุดสวยแน่นอนค่ะ

1. นม
เพราะนมเป็นอาหารที่มาจากสัตว์ เอนไซน์ของคนเราจึงไม่สามารถย่อยและจัดการมันได้ทั้งหมด เสี่ยงท้องอืดเอาได้ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าอาหารท้องอืดส่งผลให้พุงป่อง แล้วอย่างงี้เวลาลองชุดสวยมันจะไปเป๊ะได้ยังไงละคะ

2. น้ำตาลทุกชนิด
ไม่เว้นแม้กระทั่งสารให้ความหวานแบบทดแทนนะคะ อย่าไปคิดถึงแค่น้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายแค่นั้น เพราะของที่ทำให้เกิดรสชาติหวานเหล่านั้นทำให้ท้องคุณอืดได้เช่นกัน

3. เกลือ
โซเดียมตัวดีพวกนี้ทำให้คุณดูบวมและอ้วนกว่าน้ำหนักจริงหลายกิโลฯ ทีเดียวเชียว เกลือจึงเป็นเมนูน่ากลัวสุดๆ หากคุณกินเข้าไปมากๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนติดกินเค็มอยู่แล้ว เอาเป็นว่าก่อนไปลองชุดสวยสักวันสองวันขอให้ลดหรืองดไปก่อน เพื่อความสวยเป๊ะบังเกิดค่ะ

4. ของเผ็ดร้อน
สายแซ่บทั้งหลายจงระวังพุงป่องๆ ที่จะตามมา เพราะการทานของเผ็ดร้อนไม่ได้ช่วยเผาไขมันหน้าท้องหรอกนะคะ ฉะนั้นทานให้จืดเข้าไว้ช่วงก่อนไปลองชุดนะคะ

5. ซอสถั่วเหลือง
สาเหตุแห่งอาการท้องบวมเกิดจากเจ้าซอสถั่วเหลืองนี่แหละค่ะ เพราะซอสถั่วเหลืองนั้นจะไปชะลอระบบย่อยอาหารของคุณให้ทำงานช้าลง ผลก็คือเมื่อคุณทานเสร็จขึ้นรถไปลองชุดทันที ความท้องบวมปรากฎให้เห็นแน่นอน

6. ถั่วต่างๆ
(กรุณาย้อนไปอ่านข้อ 5 นะคะสาวๆ) จะทานก็ได้แต่ต้องน้อยปริมาณเท่าแมวดม อย่าเยอะเด็ดขาด!

7. ผลไม้ต่างๆ
ทั้งนี้คุณสามารถทานตอนท้องว่างได้นะคะ แต่อย่าทานหลังมื้ออาหารเด็ดขาดเพราะมันต้องต่อคิวย่อยนานกว่าปกติ แต่ถ้ากำลังจะไปลองเลยละก็ ลองเสร็จก่อนเนอะค่อยกิน

8. เครื่องดื่มอัดแก๊ซ
งดไปเลยนะคะ คงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความว่าทำไมใช่มั้ยเอ่ย

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : purpleorchidbrides.com

คุยกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ยังไงดี หากมีงบจัดงานแต่งน้อยแต่อยากได้งานแต่งงานเริดๆ

แพรวเวดดิ้งรู้มาว่าบ่าวสาวชาวออฟฟิศหลายคู่ไม่กล้าใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะกังวลว่ามี งบจัดงานแต่ง น้อย คงจะไม่สามารถจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์มาเนรมิตงานแต่งงานได้หรอก เราเลยไปพูดคุยกับ “คุณโอ๊ค – วิทวัส อุดมกิตติ แห่ง Love Indeed The Wedding Planner and Decoration Organizer” เพื่อมาให้คำแนะนำการใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์แบบสบายกระเป๋าพร้อม เทคนิคจัดงานแต่งให้สวยเริดในงบจำกัด

งบไม่เยอะ คุยกับแพลนเนอร์อย่างไร

ควรตั้งงบไว้ในใจและคิดว่าอยากให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด จากนั้นคุยกับแพลนเนอร์ตรงๆ ว่ามีงบเท่านี้อยากได้แบบนี้ ทำได้ไหม หากงบน้อย น่าจะกันเงินไว้สำหรับการตกแต่งราว 20 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังทำได้ โดยเน้นไปที่แบ็กดร็อปกับเวที
เพราะแบ็กดร็อปเป็นเฟิร์สต์อิมเพรสชั่น ส่วนเวทีเป็นจุดรวมสายตาของแขก แต่ถ้างบน้อยลงมาอีก ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมเชียร์ให้เลือกเวทีเพราะเป็นจุดรวมทุกซีเควนซ์ ถ่ายภาพออกมาแล้วเห็นการตกแต่งชัด ส่วนกรณีที่เงินเหลือแนะนำให้เพิ่มซุ้มทางเข้างานเพื่อสร้างความว้าวตั้งแต่แรกเห็น

งบน้อยจัดธีมนี้สิ…รอดชัวร์

แนะนำธีมแกตส์บี้ เพราะไม่ต้องถมดอกไม้เยอะสามารถตกแต่งให้งานดูสวยฟูฟ่าได้ด้วยพร็อปอย่างผ้าเล่อื มขนนก ฯลฯ ซึ่งสามารถเช่าได้ในราคาไม่แพง

ข้อแนะนำพิเศษจาก Love Indeed

1. เลือกโรงแรมที่ตกแต่งสวยอยู่แล้วหรือมีเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่งในงานได้

2. ดูว่าในแพ็คเกจของโรงแรมให้อะไรบ้าง เช่น ถ้าให้ดอกไม้มาตรฐานตามจุดต่างๆ ลองเจรจาขอนำดอกไม้ทั้งหมดมารวมกันในกระถางโรมัน 2 – 4 ใบ แล้วใช้ตกแต่งเวที หน้างาน หรือทางเข้างาน

3. คุยกับแพลนเนอร์ว่าสามารถเตรียมงานเองในส่วนไหนได้บ้าง เช่น สถานที่ อาหาร การ์ดแต่งงาน หรือของชำร่วยจะได้ทุ่นค่าจ้างลง ส่วนที่เหลือค่อยให้แพลนเนอร์จัดการให้

3. กรณีที่ใช้จ่าย Minimum Spend กับโรงแรมแล้วได้ทุกอย่างครบ แต่อยากให้งานดูพิเศษขึ้นอาจขอใช้บริการเช่าพร็อปเสริม หรือใช้บริการจัดโต๊ะแบบลองเทเบิลสำหรับแขกวีไอพีเพื่อสร้างความประทับใจ ซึ่งเราเองก็มีบริการในราคามิตรภาพอย่างที่บ่าวสาวนึกไม่ถึง

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ชุดแต่งงานเลอะ ! เทคนิคเอาตัวรอดจะทำยังไงเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับชุดเจ้าสาว

“SOS! ขณะนี้เกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาวแสนสวย ชุดแต่งงานเลอะ ซึ่งอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าต้องใส่ขึ้นเวทีแล้ว” ถ้านี่คือความกลัวลึกๆ ในใจของบ่าว – สาวที่วันวิวาห์กำลังจะมาถึง แพรวเวดดิ้งขอบอกว่า ณ โมเมนต์ฉุกเฉินแบบนี้คงไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเอง แต่ถ้าเจอแล้วต้องทำอย่างไร อ่านเทคนิคเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในงานแต่งที่คุณไม่อยากเผชิญโดยกูรูเฉพาะทางตรงนี้ได้เลย รับรองว่าเหตุไหนเหตุนั้น คุณคนเดียวก็เอาอยู่ 

SOS no.1 : ไวน์หกใส่ เจออย่างนี้อย่าเพิ่งวีน

ยืนยิ้มสวยอยู่ดีๆ ลุงขี้เมาหมุนตัวเหวี่ยงไวน์แดงมาเลอะชุดซะงั้น ทันทีที่ประสบเหตุขอให้รีบหากระดาษทิชชู ผ้า หรือสำลีสะอาด ๆ มาซับคราบไวน์ออกไปก่อน จากนั้นดึงผ้าให้ตึงโดยให้รอยเปื้อนอยู่ตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทโซดาลงไปที่รอยเปื้อน เมื่อรอยจางลงจนรู้สึกว่าสีอ่อนที่สุดเท่าที่จะอ่อนได้แล้ว ให้หยดน้ำสบู่ลงไปแล้วใช้มือสะอาดขยี้เบาๆ ก่อนจะเทน้ำผ่านรอยเปื้อนเพื่อล้างคราบสบู่ จากนั้นใช้ดรายร์เป่าให้ผ้าแห้ง โดยถือดรายร์ห่างจากผ้าสัก 1 ไม้บรรทัดแล้วดรายร์แบบส่ายไปมา เนื่องจากผ้าบางชนิด เช่น ผ้าในตระกูลไหมไม่ทนความร้อน ถ้านำดรายร์ไปจ่อตรงๆ ผ้าจะย่นทันที ทางที่ดีใช้ลมเย็นหรือพัดลมเป่าจะดีที่สุด ในกรณีที่รอยซึมลึกจนเห็นเป็นวง อาจโรยด้วยแป้งหรือใช้ดินสอเขียนผ้าสีขาวเพื่อกลบรอย

SOS no.2 : เส้นสปาเกตตี้ขาด

ร้านชุดที่ว่าโปร บางทีก็พลาดได้เหมือนกัน เพราะมีหลายครั้งที่เจ้าสาวต้องประสบเหตุสายสปาเกตตี้ขาดผึงเทคนิคเอาตัวรอดเบื้องต้นคือ หาเข็มกลัดเล็กๆ มากลัดไว้ก่อน ถ้าคิดว่าชัวร์ก็จบแค่นั้น แต่ถ้ายังไม่มั่นเต็มร้อยก็แค่จับสายสองด้านให้เท่ากันแล้วเย็บได้เลย

สิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาดคือ ตัดสายทั้งสองออกไปหรือซ่อนสายให้กลายเป็นชุดเกาะอก เพราะชุดสองทรงนี้ออกแบบมาให้แนบเนื้อคนใส่ไม่เท่ากัน ดีไซเนอร์ส่วนใหญ่จะทำชุดเกาะอกให้แน่นตั้งแต่ช่วงหน้าท้องและเอวขึ้นมาต่างจากชุดสายสปาเกตตีที่จะไม่แน่นมากเพื่อให้เจ้าสาวรู้สึกสบาย หายใจโล่ง เจ้าสาวนางไหนปรับชุดให้เป็นเกาะอกชุดจะดูหลวมไม่เป๊ะทันที

SOS no.3 : กระโปรงขาด กางเกงปริ

เหตุขาดๆ เกิดได้ทั้งบ่าว – สาวฉะนั้น ไม่ว่าจะคุณหรือเขาก็ต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกเมื่อ ถ้ากระโปรงผ้าทึบขาดให้เอาเข็มกลัดกลัดรอยขาดจากด้านในแค่นี้ก็ปิดจ๊อบ แต่ถ้าเป็นกระโปรงผ้าซีทรูเมื่อไรอันนี้เรื่องใหญ่ ให้ใช้วิธีเย็บด้วยเส้นเอ็นเย็บผ้าที่ทางร้านเตรียมไว้ในกล่องช่วยชีวิต รับรองว่าเกือบเนียนสนิท ถ้าไม่โดนจับผิดซะก่อน

สำหรับเจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้า เพราะหลายครั้งหลายคราที่เป้าแตกก้นปริ เหตุเพราะตอนไปลองที่ร้านไม่ซ้อมลุกนั่งเหมือนการใช้งานในวันจริงบวกกับผ้าที่ตัดกางเกงไม่ใช่ผ้ายืดเหมือนยีนที่ใส่ประจำ ตอนฟิตติ้งยืนส่องกระจกก็ว่าหล่อดี แต่นั่งลงทีแทบไม่อยากลุก ทางรอดมี 2 ทาง คือเย็บเก็บรอยปริหรือเตรียมกางเกงสีดำสำรองเอาไว้ เพราะเข้าได้กับเสื้อทุกสีและทุกสถานการณ์

SOS no.4 : เลอะหมึกปากกาเป็นเส้น

หมึกปากกาอาจพลาดมาเลอะโดนกระโปรงได้ วิธีแก้ไขเฉพาะหน้าคือ ฉีดสเปรย์ผมหรือเทแอลกอฮอล์ลงบนเส้นหมึก ต่อด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำค่อย ๆ ซับหมึกออก ทำซ้ำไปมาแบบนี้ 4 – 5 รอบ เมื่อสีหมึกเริ่มจางให้ใช้ชอล์กเขียนผ้ากลบซ้ำอีกครั้ง

ถ้าผ้าที่เปื้อนหมึกเป็นไหมแท้หรือไหมชีฟอง ให้ใช้ชอล์กเขียนผ้ากลบรอยได้เลย เพราะสเปรย์จะทำให้ผ้าย่นเป็นคลื่นเสียหายทั้งผืนทันที

SOS no.5 : วิ่งวุ่นเมื่อของไม่ครบ

สองเหตุฮ็อตฮิตที่เจอบ่อยสุดๆ แต่แก้เองได้ไม่ยาก

• ลืมเอาสายคอร์เสตมา : ใช้ริบบิ้นผูกผมสีขาว ขนาดกว้าง 1.5 – 2 เซนติเมตรมาร้อยแทน

• ลืมคัฟลิงค์ : ใช้กระดุมสำรองที่ติดมากับเสื้อแทน

SOS no.6 : ลิปสติกใช้ทาปากไฉนร่วงลงมาอยู่บนชุด

เพราะความรีบร้อนไม่ทันระวัง บางครั้งช่างแต่งหน้าก็พลาดทำพู่กันเขียนปากหล่นใส่ชุดเจ้าสาวได้เหมือนกัน ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไร ให้โทร.ไปขอน้ำตาลทรายขาวเนื้อละเอียดจากโรงแรมมาเป็นอันดับแรก เมื่อได้แล้วนำมาโรยลงบนรอยลิปสติกจากนั้นใช้นิ้วสะอาดค่อย ๆ ถูวนตรงรอยเปื้อนเพื่อขัดให้เนื้อลิปสติกหลุดออก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดซับรอยเปื้อนอีกครั้ง

SOS no.7 : เกสรฟุ้งกระจาย

ดอกลิลลี่ยอดฮิตมีแกนกลางเต็มไปด้วยเกสรที่พร้อมจะฟุ้งกระจายได้ตลอดเวลา ถ้าเมื่อไรที่ลอยละล่องมาตกลงบนชุดเจ้าสาวสีขาว อย่าใช้มือปัด ปากเป่า ผ้าชุบน้ำหรือผ้าแห้งเช็ดโดยเด็ดขาด เพราะละอองเกสรจะย้ายไปเลอะบริเวณอื่นแทน ให้ใช้สก็อตช์เทปที่มีความเหนียวแปะบริเวณที่เกสรปลิวมาตกแล้วดึงออกทีละจุดจากนั้นใช้สำลี ทิชชู หรือผ้าจุ่มผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางมาซับให้คราบเกสรจางหรือหลุดออกไปอีกครั้ง

ข้อแนะนำหากเกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาว
อุปกรณ์ช่วยชีวิตหากเกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาว

SOS no.8 : ขึ้น ลง ติด และซิปแตก

เจ้าสาวบางคนมั่นใจว่าฟิตติ้งมาดี รูดซิปขึ้นเบามือ รูดซิปลงก็ไม่หายใจ แต่วันจริงกลับเจอเหตุการณ์ซิปแตกซะงั้น ทางรอดเดียวคือ สนด้ายคู่เข้าเข็ม มัดปม แล้วเริ่มเย็บขวางรอยซิปซ้ำไปซ้ำมาให้ช่องไฟห่างกัน 1 เซนติเมตร และควรเย็บจากด้านล่างข้นึ มาด้านบนวนไปมาอย่างต่ำ 3 รอบ โดยย้ำตรงหัวกับท้ายให้มากเข้าไว้เพื่อความแน่นหนา ไม่ต้องสนใจว่าจะมีรอยรูเข็มอะไรทั้งสิ้น เพราะรูเข็มเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความปลอดภัยในการสวมใส่ ฉะนั้นเย็บให้แน่นเอาชัวร์ไว้ก่อน เสร็จงานเม่อื ไรค่อยเอากรรไกรตัดด้ายออก

ส่วนเรื่องที่ว่าอุปกรณ์จะหาได้จากไหนคำตอบง่ายๆ คือ ขอจากทางโรงแรม แต่ร้านชุดที่เตรียมพร้อมส่วนใหญ่จะให้กล่องช่วยชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ตัดเย็บมาด้วย ฉะนั้นอย่าลืมถามหากล่องนี้ก่อนนำชุดออกจากร้าน

พึงระลึกไว้เสมอว่า เมื่อเจอเหตุฉุกเฉินจงตั้งสติไว้ แล้วพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นค่อยๆ แก้ไปทีละปัญหา อย่าผลีผลามสติแตกทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรเสีย เราขอให้บ่าว – สาวทุกคู่โชคดีไม่เจอเหตุระทึกขวัญวันวิวาห์ดังที่ว่ามานะคะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนงานแต่งงานและดูไอเดียต่างๆ ได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : www.devotedtoyou.com

สูตรคำนวณปริมาณไวน์ในงานแต่งให้ดื่มได้พอดีแบบไม่ขาดไม่เกิน

ว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่ยังสับสนอยู่ว่า เอ๊ะ! งานแต่งของเราต้องใช้ ไวน์ เลี้ยงแขกเท่าไหร่ถึงจะพอ ตอนนี้วางใจหายงงได้แล้วค่ะ เพราะเรามี “สูตร คำนวณปริมาณไวน์ สำหรับใช้ในงานแต่ง” มาฝากกัน ซึ่งเราจะต้องกะปริมาณให้พอดีกับจำนวนแขกและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ใช้ในงานด้วย (น้ำเปล่า, น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลม) แต่สำหรับงานไหนที่เจ้าภาพใจป้ำเลือกบริการไวน์ซะเป็นส่วนใหญ่ แนะนำให้ใช้ไวน์แดง 80 % และไวน์ขาว 20 % เพราะแขกส่วนใหญ่นิยมดื่มไวน์แดงมากกว่า ส่วนจัดเลี้ยงแบบไหนต้องคำนวณปริมาณไวน์ยังไง เตรียมเครื่องคิดเลขให้พร้อมแล้วตามไปดูกันเลยจ้า

สำหรับงานเลี้ยงแบบเดิ้นๆ อย่าง “ซิทดาวน์ดินเนอร์” ปริมาณของไวน์ที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดงหรือไวน์ขาวก็ขึ้นอยู่กับเมนูอาหารที่จัดเสิร์ฟเป็นคอร์ส ซึ่งจะต้องเลือกให้เข้ากันกับอาหารแต่ละเมนู เช่น ไวน์แดงต้องทานกับเนื้อ ส่วนไวน์ขาวต้องทานกับปลา เป็นต้น

งานเลี้ยงเอาใจผู้ใหญ่แบบ “โต๊ะจีน” จะนิยมใช้ไวน์แดงเป็นส่วนใหญ่ แขกแต่ละคนจะดื่มประมาณ 1.5 แก้ว สามารถคำนวณไวน์ที่ต้องใช้ได้ตามสูตรด้านล่างนี้

งานเลี้ยงสไตล์ชิลล์ๆ แบบ “ค็อกเทล” ที่เน้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มจำนวนไวน์เป็น 2 แก้วต่อแขกหนึ่งคน ถ้ายังงงก็กดเครื่องคิดเลขตามสูตรนี้เลยจ้า
ส่วนงานไหนที่มี “After Party” แนะนำให้เจ้าภาพประมาณจำนวนแขกที่จะอยู่ร่วมปาร์ตี้อีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าต้องเพิ่มจำนวนไวน์เป็น 3-5 แก้วต่อแขกหนึ่งคนด้วย จะได้สนุกกับปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่
บอกวิธีคำนวณกันไปขนาดนี้แล้วหวังว่าบรรดาเจ้าภาพงานแต่งคงจะไม่พลาดเรื่องการเตรียมไวน์นะคะ ส่วนการดื่มไวน์ต้องใช้แก้วแบบใดจึงจะสวย หรู ดูดี ติดตามกันต่อในตอนถัดไปได้เลยจ้า

อ่านเพิ่มเติม >> 4 ข้อมูลเบื้องต้นที่บ่าวสาวควรทราบหากจะเสิร์ฟไวน์ในงานแต่ง <<

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท Ambrose Wine

เช็กก่อนซื้อ มารู้จักความหมายสีของดอกไม้ก่อนซื้อให้คนที่คุณรัก

ใกล้ถึงวันสำคัญทีไหน ดอกไม้คือของขวัญชนิดแรกที่หลายคนคิดถึง เราจึงปิ๊งไอเดียนำ ความหมายสีของดอกไม้ ยอดนิยมมาพูดถึงกันสักหน่อยเผื่อหนุ่มๆ หรือสาวๆ คนไหนจะซื้อให้แฟน หรือให้คนที่แอบชอบ เพื่อที่จะได้ส่งความหมายดีๆ ให้กับคนที่คุณรัก

แดง(2)_resize

เริ่มที่สีแรกที่นิยมให้กันคือ สีแดง สัญลักษณ์แทนหลายๆสิ่ง ที่เกี่ยวกับความรัก ความสวยงาม ความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ

 

ส้ม (1)_resize

สีส้ม เป็นสัญลักษณ์แทนความอบอุ่น  ความกระตือรือร้น และความอดทน

 

เหลือง (1)_resize

สีเหลือง เป็นสัญลักษณ์แทนมิตรภาพ หรืออาจจะแทนความสุข และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

 

ชมพู (1)_resize

สีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทน ความสง่างาม ความสวยงาม ความวัยเยาว์ ความกตัญญู แต่ถ้าเป็นกุหลาบสีชมพูจะมีหลายแบบและความหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น ชมพูอ่อน จะหมายถึงการเฉลิมฉลอง ในขณะที่ชมพูเข้ม จะหมายถึงความรู้สึกขอบคุณ

 

ขาว (2)_resize

สียอดนิยมสีสุดท้ายคือ สีขาว จะเป็นสัญลักษณ์แทนความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา หรืออาจหมายถึง ความพอประมาณ และความงดงาม

รู้แบบนี้แล้วคุณหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่จะซื้อดอกไม้ให้แฟน สามารถใช้สีของดอกไม้สื่อถึงความหมายสุดโรแมนติกได้เลยนะคะ รับรองว่าคนที่ได้รับจะต้องปลื้ม และซึ้งตรึงใจในความหมายอย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : Pinterest

3 แบบแหวนแต่งงานสุดฮิตที่อยู่ในใจเจ้าสาวใส่นานกี่ปีก็ไม่มีเบื่อ

แหวนแต่งงาน ในโลกนี้มีเพียบเลยนะคะ แต่วันนี้เราคัดมาให้เน้นๆ  3 อันดับที่เจ้าสาวนิยมใช้กัน บางแบบเรียกกันไปผิดๆ ถูกๆ สื่อสารกันไม่ตรงใจ กลายเป็นตีกันเองระหว่างบ่าวสาวหรือแม้แต่ร้านค้า อ่านบทความนี้รับรองอธิบายแบบแหวนได้ตรงใจ เลือกได้ไม่ตกยุคอีกด้วย

อันดับหนึ่ง : แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว

คลาสิกที่สุดในโลกหล้า ต้องยกให้แหวนแต่งงานหน้าตาแบบนี้ เพราะไม่ว่าจะสาวไทยสาวอินเตอร์ เมื่อนึกถึงหน้าตาคำว่าแหวนแต่งงานก็จะนึกถึงแหวนสไตล์นี้เป็นอย่างแรก แต่ความเข้าใจผิดที่มักเกิดขึ้นคือ คำเรียกชื่อแหวนประเภทนี้กับจินตนาการที่อาจไปคนละทาง เพราะถ้าคุณพูดว่า แหวนเม็ดเดี่ยว คนฟังอาจตีความไปได้ 3 แบบคือ

7ef15c68052a92c88972551379202d2a

  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่หนึ่ง คือ แหวนที่ตัวเรือนเกลี้ยงๆ มีเพชรประดับชูชึ้นเม็ดหนึ่ง (บางร้านเรียกแหวนชู เพราะเพชรมันชูขึ้นนั่นเอง)
  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่สอง คือ แหวนชูนี่แหละค่ะ แต่มีการเพิ่มมูลค่าและความสวยงามด้วยการนำเพชรเม็ดเล็กๆ มาประดับเพิ่มที่ก้านแหวนทั้งสองข้าง ส่วนจะก้านหนาก้านบางก็แล้วแต่ลักษณะรูปทรงนิ้วและมือเจ้าสาว ให้ทางร้านออกแบบไปเลยสวยๆ
  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่สาม คือ แหวนเกลี้ยงแบบที่ฝังเพชรลงไปในตัวเรือน 1 เม็ด ซึ่งในความเป็นจริง แหวนแบบนี้ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มของแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวนะคะ แต่อยู่ในประเภทแหวนเกลี้ยง ซึ่งเป็นแหวนแต่งงานยอดนิยมที่ตีคู่สูสีมากับแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวค่ะ แต่บ่าวสาวบางคู่เห็นว่าฝังเพชรเม็ดเดียวก็เลยสื่อสารคลาดเคลื่อน

อันดันสอง : แหวนเกลี้ยง

แหวนแต่งงานคลาสิกสุดยอดความนิยมรองลงมาจากแหวนเม็ดเดี่ยว เพราะแหวนเกลี้ยงถือว่าเป็นแหวนที่ทุกคู่บ่าวสาวในยุคนี้คิดว่า ต้องมี!! ก็แหมบางคู่ก็รับแนวนิยมมาจากฝั่งตะวันตกว่า แต่งงานทั้งทีต้องมีแหวนเพชรและแหวนเกลี้ยง แต่สำหรับบางคู่งบน้อยหรือชอบอะไรที่ไม่เว่อร์นักก็เอาแหวนเกลี้ยงๆ ไว้เตือนใจกันก็พอ แถมดีไซน์ของแหวนเกลี้ยงก็มีทั้งแบบเรียบๆ ไร้ลวดลาย แบบมีเพชรฝังสักเม็ดสองเม็ดหรือแม้แต่ทำมาจากตัวเรือนพิเศษ สีเดียว สองสี สามสี แล้วแต่ใจอยากออกแบบไปเลย

88e91a95b1de538ab96011679f8bd8cb

นอกจากนี้ในไอเดียเจ้าสาวไทยบางคน ยังได้จับเอาแหวนเพชรรอบนิ้วมาคู่กับแหวนเกลี้ยงสำหรับเจ้าบ่าว ซึ่งถ้าเป้นแบบนั้นแปลว่า คุณไม่ได้ใส่แหวนเกลี้ยงนะคะ เพราะคำว่าเกลี้ยงจริงๆ คือ เกลี้ยงเกลาไม่มีเพชร แต่อาจมีการสลักลาย สลักชื่อ แบบนั้นได้ แต่ก็อีกล่ะค่ะ ผู้หญิงกับเพชรเป็นของคู่กัน บางคนก็เลยเติมเพชรนิดๆ ให้ดูมีอะไร แบบนั้นก็ไม่ว่ากัน

อันดับสาม : แหวนล้อมเพชร

แหวนแบบนี้คือทรงยอดฮิตอันดับสามที่เราเห็นหลายคู่ในยุคนี้เลือกใช้ ด้วยเหตุผลหลักเรื่องงบประมาณที่ไม่สามารถซื้อเพชรเม็ดใหญ่ระดับกะรัตเต็มๆ ได้ แต่จะให้ใส่เม็ดเล็กจิ๋ว เดี๋ยวก็จะแลดูแล้วจมหายไปกับมือ (ก็อย่างที่บอกว่ามือหนามืออวบไม่เหมือนกัน) ตัวเลือกที่นิยมกันก็คือ แหวนล้อมเพชรนี่แหละ

89b49fc4e581896095c32c4b44d59562

แหวนล้อมเพชรเป็นการเลือกเพชรเม็ดกลางขนาดไม่ต้องถึงกะรัตมาหนึ่งเม็ด จากนั้นหาเพชรเม็ดเล็กๆ มาล้อมรอบอีกสักหน่อย มองไกลๆ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพชรเม็ดเดียวกันหรือเปล่า ความใหญ่เล็กที่หลอกตาก็ขึ้นอยู่กันชั้นเพชรที่นำมาล้อมนี่แหละ ซึ่งเบ็ดเสร็จรวมราคาทั้งวงมาแล้วราคาไม่แพงมาก แถมยังสร้างให้เห็นภาพว่าใส่แหวนเพชรเม็ดโตหรือมีเพชรหลายเม็ดอีกด้วย

เอาล่ะทีนี้จะเลือกแหวนใส่เองหรือจะไปดูแหวนแต่งงานเมื่อไหร่ หวังว่าคุณๆ จะแจ้งความต้เองการถูกต้องตรงประเด็นแล้วนะคะ หรือจะเข้าไปดูแบบแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย >>> แบบแหวนแต่งงาน <<< 

ภาพ : www.pouted.com, www.mirabess.com, www.blingjewelry.com/

The Botanical House เปิดบ้านอันแสนอบอุ่น ต้อนรับบ่าวสาวเยี่ยมชมสถานที่เพื่อวันพิเศษของคุณ

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงานเพิ่มเติม คลิกเลย >> https://www.thebotanicalhousebangkok.com/pdf/showcase-AW2020%20A4.pdf

เทคนิคการประหยัดงบของและเรื่องต่างๆ ในงานแต่งงานไทยไปจนถึงงานฉลอง

เพราะ งานแต่งงานไทย ไปจนถึงงานฉลองในช่วงเย็นนั้นเต็มไปด้วยข้าวของและพิธีการ ถ้าอย่างนั้นมาดูการจัดการเพื่อประหยัดงบกันดีกว่า

เป็นบ่าวสาวสมัยนี้ต้องทำใจเพราะวัฒนธรรมการจัดงานแต่งงานนั้นเปลี่ยนไป เพราะนอกจากจะมีแค่ งานแต่งงานไทย ในช่วงเช้าแล้ว ยังต้องมีพิธีฉลองมงคลสมรสในช่วงค่ำอีกด้วย แถมทั้งสองพิธีก็เต็มไปด้วยข้าวของ คน และพิธีการต่างๆ มากมายที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สตางค์ แต่ในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้อะไรประหยัดได้ก็ควรจะประหยัดจริงไหมคะ แพรว wedding เลยจัดมาให้ว่าส่วนไหนที่บ่าวสาวจะประหยัดงบได้บ้างมาฝาก

 

ของในพิธีแต่งงานไทย : ถวายพระ รับไหว้ ขันหมาก

งานแต่งงานไทย

– เปลี่ยนขันหมากใบตองดอกไม้สดเป็นขันหมากระดาษ หรือเช่าชุดขันหมากผ้าก็ช่วยประหยัดได้

– สั่งเฉพาะพานที่จำเป็นอย่างพานขันหมากเอก พานธูปเทียนแพ พานสินสอด พานแหวน และพานรับขันหมาก

– พานขนมหวานและพานผลไม้ใช้ถาดที่ทางร้านจัดมาหรือถาดที่มีอยู่แล้ว

– เลือกของรับไหว้ที่เก็บไว้ใช้ได้เองหากของเหลือ เช่น ผ้าขนหนู ผ้าพันคอ ชุดถ้วยชาม เป็นต้น

– ของถวายพระ อย่าซื้อแบบชุดสำเร็จ 199 บาท แนะนำให้ซื้อของมาแพ็คเองเพราะทั้งประหยัดและได้ของดี

– กล้วยอ้อยจับคู่กัน แล้วผาผ้าสวยๆ หุ้มโคนต้นผูกริบบิ้นแทนก็ได้