โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินีพาร์ค จัดงานคราวน์พลาซ่า เวดดิ้ง โชว์เคส 2563

โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินีพาร์ค ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยรังสรรค์พิธีฉลองมงคลสมรสของคุณให้เป็นค่ำคืนสุดน่าจดจำ ขอเชิญว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังวางแผนแต่งงานเข้าชมงาน และจองแพ็คเกจแต่งงานราคาสุดพิเศษ พร้อมทั้งลุ้นรับของสมนาคุณต่างๆมากมายในงานคราวน์พลาซ่า เวดดิ้ง โชว์เคส ระหว่างวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์ 2563 ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินีพาร์ค

เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคู่รักสัมผัสบรรยากาศการจัดงานวิวาห์สุดหรู ภายในงาน คุณจะได้ชมตัวอย่างการตกแต่งห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรมที่ถูกตกแต่งเสมือนงานแต่งงานจริง ชิมอาหารจากทีมเชฟ พบปะพูดคุยโดยตรงกับทีมจัดงานแต่งงานของโรงแรม ตั้งแต่แผนกจัดเลี้ยง เชฟ และช่างศิลป์ ที่พร้อมให้คำแนะนำเพื่อช่วยเนรมิต และรังสรรค์งานวิวาห์อันแสนประทับใจในสไตล์ของคุณให้เป็นจริง รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจและไอเดียต่าง ๆ ที่แปลกใหม่มากมายสำหรับการจัดงานแต่งงาน อีกทั้งคุณจะได้เห็นภาพจริงและรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นก่อนตัดสินใจจัดงานแต่งงานอีกด้วย และพลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ และส่วนลดมากมายที่จะมอบให้ในเฉพาะงานนี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเสนอสุดพิเศษ “ไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำในการจัดงานแต่งงาน” หรือ“รับส่วนลดสูงสุดถึง 15%”พร้อมเลือกรับของสมนาคุณสูงสุด 3 อย่างฟรี อาทิ ห้องพัก, เบียร์สด, โต๊ะจีน, ซุ้มอาหาร หรือปาร์ตี้หลังจัดงาน เป็นต้น

พิเศษสุดสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานเท่านั้น!รับฟรี ชุดสกินแคร์และบัตรกำนัลทรีทเม้นต์จากอัลติม่า ทู(Ultimall) มูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท ส่วนคู่รักที่ยืนยันการจองจะได้รับสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ บัตรกำนัลเงินสดส่วนลดแพ็คเกจจากทางโรงแรม บัตรกำนัลที่พักจากโรงแรมในเครือ IHG หรือ ชุดของขวัญ Ultima II Forever Everlasting Youth มูลค่า 17,500 บาท จาก อัลติม่า ทู นอกจากนี้คู่รักที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดจะได้รับบัตรกำนัลเงินสด มูลค่า 20,000 บาทสุทธิจากทางโรงแรมอีกด้วย

หากคุณกำลังมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับวันสุดพิเศษ รวมถึงมีความสนใจที่จะได้เห็น และพิจารณาจากตัวอย่างจริงก่อนตัดสินใจจัดงานแต่งงาน สามารถเข้าร่วมชมงาน “คราวน์พลาซ่า เวดดิ้ง โชว์เคส” โดยสามารถสอบถามข้อมูลและร่วมลงทะเบียนผ่านช่องทางเฟสบุ๊คของโรงแรมที่ facebook.com/crowneplazabangkok หรือเว็บไซต์หลักของโรงแรม bangkoklumpinipark.crowneplaza.comหรือโทร.02-632-9000 ต่อ 4159, 4158

ลงทะเบียนคลิก: https://bit.ly/374GqtA

เตือนไว้ให้บ่าวสาวได้รู้กับของชำร่วยที่แขกได้ไปมีแอบบ่นแน่ๆ

เรื่อง ของชำร่วย เป็นอะไรที่น่าปวดหัวไม่แพ้เรื่องไหน เพราะบ่าวสาวเจ้าของงานก็อยากให้ไปแล้วแขกยิ้มแย้มแฮปปี้ แต่ของชำร่วยในโลกก็มีมากมายซะเหลือเกิน เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน ขอให้ยั่งใจกับ 4 ของชำร่วยต่อไปนี้สักหน่อย เพราะเลือกไปแล้วแขกส่วนใหญ่แอบบ่น จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย เผื่อจะได้เป็นเหตุผลเอามาคิดก่อนตัดสินใจค่ะ

1. คุ้กกี้ : ต่อให้คุ้กกี้ของคุณจะสั่งมาจากเจ้าดังแสนอร่อย แต่ถ้าคุณสั่งมาแล้วบรรจุในถุงที่ออกแบบมาเฉพาะงาน แต่ลืมคิดเรื่องเวลาขนส่งที่อาจวางทับๆ กันจนหน้าตาเละเทะ ยิ่งทำให้แขกไม่กล้าเปิดกิน ส่วนคุ้กกี้ที่ทำเองยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีมาแล้วที่รสชาติไม่เสถียร หน้าตาก็ไม่โปร แขกได้ไปไม่บ่นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วค่ะ

2. ช็อกโกแลต : ‘เละค่ะ’ นี่คือเรื่องที่แขกบ่นมากที่สุด ไม่ว่าจะเละด้วยอากาศที่ร้อนจนช้อกโกแลตละลาย หรือเวลาที่ต้องเอาใส่กระเป๋าเดินไปมาในงานก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้กระเป๋าเลอะเทอะได้ ยิ่งหนุ่มๆ ที่ใส่สูทมาด้วยยิ่งแย่หนัก เดินชนใครต่อใครในงานคือมีแต่คำว่า ‘เละ’

3. พวงกุญแจ : ที่แขกบ่นเพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว เพราะมันคือพวงกุญแจที่สุดแสนจะโหลที่ใครต่อใครก็ให้กันทั้งนั้น บางทีไปมา 5 งานได้มา 2 งานก็แบบว่าไม่รู้จะเอาไปใส่กุญแจอะไรแล้วล่ะค่ะ ซึ่งแม้ว่าจะมีการเพิ่มประโยชน์การใช้งานที่มากกว่าเป็นพวงกุญแจแล้ว อย่างการห้อยเป็นเครื่องคิดเลขจิ๋วแต่แขกได้ไปก็ยังบ่น เพราะเล็กจนจิ๋มตัวเลขไม่ได้ นั่นก็เหมือนได้มาแต่ใช้งานได้อย่างเดียว แถมถ่านหมดคือจบกัน

4. แก้ว : ปัญหาของแก้วคือความหนัก ความใหญ่และบางทีได้ไปในช่วงงานเริ่มทำให้แขกต้องเดินถือทั่วงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ค่อยเหมาะกับเครื่องแต่งกาย แถมยังใช้ชีวิตในงานแสนลำบาก นอกจากนี้แขกบางคนยังบ่นกันเรื่องชื่อบ่าวสาวที่สกรีนข้างแก้วพร้อมวันแต่งงาน แม้จะเข้าใจความต้องการแต่จะเอาไปใส่น้ำรับแขกก็ต้องคิดหนัก จะวางในตู้โชว์ก็คงไม่ได้ เรื่องนี้ก็นานาจิตตัง แต่ถ้าเลือกได้ แขกทั้งหลายก็อยากบอกว่าขอเป็นอย่างอื่นได้ไหม

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : southernliving.com, imageonfood.co.uk, hitched.co.uk,
rubyblanc.com, personalisedfavours.com.au, thoughtco.coma a a 

เคล็ดลับการกินตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อลดหุ่นรับวันแต่ง แบบกินได้ไม่ต้องอด

ลดหุ่น แบบไม่ต้องอดอาหาร คราวนี้ก็ไม่ต้องทรมานกันแล้วนะว่าที่เจ้าสาว

ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายรู้หรือไม่ว่า การกินก็ช่วย ลดหุ่น ได้นะคะ แค่คุณเปลี่ยนอาหารที่รับประทานเป็นประจำ ก็ทำให้คุณเป็นเจ้าของหน้าท้องแบนราบ น้ำหนักลด แถมไม่อ่อนเพลียในวันแต่งงานอีกด้วย

 

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วย “มะนาว”

ลดหุ่น

เราขอแนะนำให้คุณดื่มน้ำอุ่นที่บีบมะนาวหรือเลมอนหลังตื่นนอน เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบย่อยอาหารในตอนเช้า การย่อยอาหารอาหารที่ดีจะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และไม่อ่อนเพลีย เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเพื่อนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่

มื้อเช้าให้กินโปรตีน

ลดหุ่น

เริ่มต้นมื้อเช้าของคุณด้วยการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เพราะโปรตีนสามารถลดฮอร์โมนหิว (Hunger Hormones) รวมทั้งยังช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและการเผาผลาญพลังงานระหว่างวัน

หลังเที่ยงกินโปรตีนไว้กันหิว

หลังเที่ยงวันเรายังขอแนะนำให้คุณเลือกรับประทานอาหารที่ให้โปรตีนสูง เพราะอาหารจำพวกโปรตีนต้องใช้พลังงานในการย่อยและเผาผลาญ นั้นหมายความว่าร่างกายของคุณจะเบิร์นแคลอรี่มากขึ้น

กินผักระหว่างวันให้บ่อยขึ้น

ลดหุ่น

คุณสามารถกินผักเพื่อลดอาการหิวระหว่างวันได้ เคล็ดลับคือเลือกผักที่มีแป้งต่ำ เช่น แครอท กะหล่ำปลี แตงกวา แอสปารากัส ฯลฯ เพราะผักกลุ่มนี้ต้องใช้เวลาในการดูดซึม ดังนั้นจึงทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

อาหารกลุ่มนี้ให้ลด – ละ – เลิก

ลดหุ่น

หากคุณอยากให้น้ำหนักลดเร็วขึ้น แถมยังช่วยให้รู้สึกกระฉับกระเฉง เราขอแนะนำให้คุณลดอาหารจำพวก แป้ง น้ำตาลขัดสี สารทดแทนความหวาน ผลิตภัณฑ์จากนม แอลกอฮอล์ และอาหารแปรรูป

คอกาแฟยังดื่มได้อยู่

ลดหุ่น

หากคุณชื่นชอบการดื่มกาแฟ คุณยังสามารถดื่มได้โดยไม่ขัดขวางแผนลดน้ำหนักของคุณ เราแนะนำให้คุณดื่มกาแฟไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน ให้เติมน้ำตาลไม่ฟอกสีได้เพียงเล็กน้อย หรือเติมนมพร่องไขมันเพียงอย่างเดียว

เมื่อคุณได้เคล็ดลับดีๆ เหล่านี้แล้ว ลองปรับเปลี่ยนอาหารที่เคยรับประทานแบบเดิมๆ เพื่อเรือนร่างเพรียวบางพร้อมสำหรับวันสำคัญของคุณ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : lifestylemunch.com, losingweightdone.com

ไม่อยากพังอย่าถาม!! 6 คำถามต้องห้ามบนเวทีงานแต่งต่อไปนี้

ทุกงานแต่งงาน เราเชื่อว่าเมื่อถึงช่วง “ทอล์ก ออน สเตจ” ของคู่บ่าวสาวแล้ว หลายคนคงมีคำถามอยากจะรู้เรื่องราวความรักบนเวทีแน่นอน คำถามสุดฮิตก็คงหนีไม่พ้นประเภท พบรักกันยังไง, รักกันมากี่ปี, ชอบกันที่ตรงไหน, มีอะไรอยากจะบอกคนรักบ้าง ก่อนจะปิดท้ายด้วยการขอบคุณแขกเหรื่อ แต่แต่แต่! มันก็มีบางคำถามที่อยู่ๆ ก็หลุดออกมาแล้วทำให้บ่าวสาวถึงกับสตั๊นท์ เกิดเดดแอร์ไปชั่วขณะ และหลายคนมองว่าไม่เหมาะสม ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างที่เข้าข่ายว่าเป็น คำถามงานแต่ง ที่ต้องห้ามบนเวที เราจะบอกให้ฟัง

1. ถามถึงบุพการีไม่อยู่แล้ว

ในที่นี้เราหมายถึงทั้งคุณพ่อคุณแม่ที่เลิกรากันไปหรือเสียชีวิตไปแล้วนะคะ ทางที่ดีถ้าไม่จำเป็นอะไรมากมายก็ไม่ควรถาม หรือจุดประเด็นดราม่าขึ้นมาในงาน เพราะมันอาจจะไปสะเทือนจิตใจบ่าวสาวหรือญาติผู้ใหญ่ท่านอื่น แต่ถ้าบ่าวสาวเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองด้วยความคิดถึงบุคคลท่านนั้น แบบนี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ

2. ถามถึงแฟนเก่า!
แหม…นี่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาก็ตกลงปลงใจกันแล้ว ทั้งคู่ก็ต้องรักกันมากอยู่พอสมควร จะไปถามถึงแฟนเก่าฟื้นฝอยหาตะเข็บเพื่อ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่อยากรู้ว่าคนใหม่กับคนเก่าใครดีกว่ากัน อยากจะบอกให้เงียบไปเลยนะ อย่าได้คิดพูดขึ้นมาเชียว ไม่อย่างนั้นอาจเจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวและคนรอบข้างส่งสายตาพิฆาตมาให้เสียวสันหลังก็เป็นได้

3. คำถามกำกวม สองแง่สองง่าม
คำถามประเภทที่ว่า คืนนี้จะมีกี่ท่า, คืนนี้จะได้นอนหรือไม่, คืนนี้จะเริ่มถอดชิ้นไหนก่อน หรือคำถามส่อแววทะลึ่งทั้งหลาย คนที่บ่าวสาวไว้ใจให้เป็นพิธีกรของงานต้องระมัดระวังนิดนึงนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้ทั้งคู่เกิดอาการเขินอายบนเวทีแล้ว บางทีก็อาจจะโดนพ่อแม่บ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่อีกหลายท่านมองว่าไม่เหมาะสมด้วย

4. งานนี้หมดไปเท่าไหร่?
หลายคนคงจะเคยได้ยินคำถามที่ว่า “สินสอดงานนี้เท่าไหร่จ๊ะ?” ถ้าเป็นคำถามนี้ก็คงจะเฉยๆ นะคะ ใครๆ ก็ถามกัน เพราะบางทีจำนวนของสินสอดก็เป็นเลขมงคล ลงท้ายด้วย 9 แบบนี้อนุญาตให้ถามได้ แต่ถ้าจะไปถามว่า “จัดงานนี้หมดเงินไปเท่าไหร่กันล่ะ?” คงต้องขอบอกว่า “ให้มันเป็นเรื่องของเขาเถอะจ้ะ!” ถ้าอยากรู้ก็ให้ดูงานแล้วกะเกณฑ์ราคาเอาเองนะ (แต่ถ้าทนความอยากรู้ไม่ไหว ต้องรู้ให้ได้ก็แนะนำให้ถาหลังไมค์ดีกว่านะ)

5. คิดว่าจะรักกันได้นานแค่ไหน?
หูยยย…ถ้างานนี้เราเป็นเจ้าสาวจะขอมองแรงใส่คนถามสักทีนะคะ แน่นอนว่าบ่าวสาวเขาตกลงปลงใจกันแล้วเขาก็ต้องรักกันไปนานๆ แหละคะ ไม่งั้นเขาคงไม่ตัดสินใจแต่งงานกันหรอกเนอะ ส่วนไอ้เรื่องที่ว่าจะรักกันนานแค่ไหนเนี่ยมันก็เป็นเรื่องของอนาคตเขาทั้งคู่ รู้แค่ว่าวันนี้เขารักกันดีและมีความสุขมากที่สุดแค่นั้นก็พอแล้ว

6. ได้เสียกันหรือยัง?
โอ้ววว…คำถามเขย่าเวทีด้วยแรงสั่นสะเทือน 10 ริกเตอร์! ถึงแม้ว่ายุคนี้มันจะศตวรรษที่ 21 แล้วก็เถอะนะ หรือแม้ว่าบ่าวสาวเขาจะอยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ ไม่ว่าจะกรณีไหนคำถามนี้ก็ไม่ควรหลุดออกมานะคะ ใครรู้แล้วก็เงียบไว้ ใครไม่รู้ก็ไม่ต้องอยากรู้นะ มันไม่สมควรถามจริงๆ !

หวังว่าหลายๆ คนคงจะทราบกันแล้วนะคะว่า คำถามประเภทไหนที่ไม่ควรเอ่ยปากถามในงานแต่ง เราไม่ว่านะคะถ้าคุณอยากรู้ (เพราะบางอย่างเราก็อยากรู้เหมือนกันนะ ฮ่าๆๆ!) แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจ และคิดสักนิดว่าควรจะถามออกไปหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมีปัญหามองหน้ากันไม่ติดเนอะ!

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

7 สูตรโฮมเมดให้เจ้าสาวบอกลาปัญหาศอกดำ ตาตุ่มด้าน

ในวันแต่งงานไม่ใช่ว่าหน้าดีอย่างเดียวแล้วจะรอดนะคะ เพราะต่อให้เจ้าสาวหน้าสวยแค่ไหนแต่ถ้าหากข้อศอกดำ ตาตุ่มด้าน (ในกรณีที่เจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานแบบสั้นหรือแบบ T-length) หรือน้องจั๊กไม่งามแล้วล่ะก็ ความสวยที่สั่งสมบนใบหน้าก็พังไม่เป็นท่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมาสวยให้ครบทุกส่วนสัดกันดีกว่า กับ 7 เคล็ดลับดูแลผิวที่หยาบกร้านให้เกิดใหม่กลายเป็นผิวสะอาดใสด้วยสูตรเด็ดต่อไปนี้ที่เรานำมาฝาก

1. น้ำตาล + น้ำผึ้ง

ผสมทั้งสองอย่างนี้เข้าด้วยกัน แล้วนำมาขัดในบริเวณหยาบกร้านที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งน้ำตาลนั้นช่วยขจัดเซลล์ผิวแห้งกร้านให้หลุดออกได้เป็นอย่างดี

2. น้ำตาล + น้ำมันมะกอก

ผสมส่วนผสมทั้งสองอย่างให้เข้ากัน แล้วสครับประมาณ 5 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำมันมะกอกช่วยให้ความชุ่มชื้น และน้ำตาลจะช่วยให้ผิวที่หยาบกร้านนุ่มนวลขึ้น

3. น้ำตาล + เบบี้ออยล์

ผสมทั้งสองอย่างแล้วทาทิ้งไว้ในส่วนที่ต้องการประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงใช้ใยบวบขัดวนเป็นวงกลมเบาๆ ขณะอาบน้ำ เท่านี้ก็ได้ผิวใหม่สวยใสที่ต้องการแล้ว

ตาตุ่มด้าน

4. ผงขมิ้น + นม + น้ำผึ้ง

ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วทาทิ้งไว้ในบริเวณที่ต้องการประมาณ 2 นาที ผงขมิ้นที่นอกจากจะมีสารที่ช่วยระงับเชื้อโรคแล้ว ยังช่วยให้ผิวผ่องดั่งทอง ส่วนน้ำผึ้งก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และนมช่วยขจัดความหมองคล้ำได้เป็นอย่างดี

5. เบกกิ้งโซดา + นมสด

เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ + นมสดเล็กน้อย แล้วนำมาขัดถูเป็นวงกลมเบาๆ ในส่วนที่ต้องการ โดยสามารถทำได้บ่อยแบบวันเว้นวันก็ยังได้ และเมื่อรู้สึกว่าสภาพผิวดีขึ้นจนมั่นใจแล้วก็สามารถหยุดทำได้ทันที

6. น้ำมะนาว

ใช้มะนาวผ่าครึ่งซีกแล้วนำมาขัดในบริเวณที่หยาบกร้าน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เท่านี้ก็ช่วยลดความหยาบกร้านได้แล้ว แถมยังทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการและความสะดวกอีกด้วย ซึ่งน้ำมะนาวนั้นมี AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกแล้วเผยผิวใหม่ขาวกระจ่างใส

7. มะขาม + น้ำผึ้ง

ผสมทั้งสองเข้าด้วยกันจะพอก จะทา หรือจะสครับเบาๆ ก็แล้วแต่ความสะดวก แต่ต้องระวังสครับอย่างเบามือนะจ๊ะไม่อย่างนั้นผิวที่จะปังอาจพังไปซะก่อน แล้วทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เท่านี้ผิวดีก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : stylecaster.com, www.newspakistan.tv

Hen’s Night VS Bridal Shower ปาร์ตี้สละโสดแบบไหนที่ใช่แก๊งคุณ

พอเพื่อนสาวจะแต่งงาน บรรดาเดอะแก๊งก็บุ๊กวันเพื่อจัดปาร์ตี้สละโสดทันที ซึ่งบางทีก็เรียก Hen’s Night หรือบางคนก็เรียก Bridal Shower จนทำเอางงๆ ว่าตกลงจะเรียกอะไร แพรว wedding เลยไปหาคำตอบมาให้ค่ะ จะได้ไม่เรียกกันถูกๆ ผิดๆ 

Bridal Shower งานเลี้ยงสวยๆ ตามประสาสาวๆ

2560-01-21 22_16_48-#aimeehennightagainandagain • Instagram photos and videos

ไบรดอล ชาวเว่อร์ เป็นงานเลี้ยงของสาวๆ ที่มักจัดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน เป็นกิจกรรมสวยๆ อย่างพวกจิบน้ำชายามบ่าย พาว่าที่เจ้าสาวไปนวดหน้าเข้าสปาตามประสาผู้หญิ้ง ผู้หญิง เรียกว่าเป็นช่วงเตรียมสวยก่อนเข้าพิธีเลยละคะ

นอกจากงานสวยๆ แล้ว กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ของการจัดไบรดอล ชาวเว่อร์ก็คือ การเขียนคำถามกุ๊กกิ๊กๆ อย่างเจอกันที่ไหน บอกรักกันเมื่อไหร่ ลงในฉลากให้ว่าที่เจ้าสาวจับขึ้นมาตอบคำถามทำร้ายใจสาวโสดเล่นๆ แล้วค่อยเป็นการเล่นเกมส์ใสๆ เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆ

กิจกรรมสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ในงานไบรดอล ชาวเว่อร์ก็คือ การให้ของขวัญกับว่าที่เจ้าสาว จะเป็นของขวัญจริงจังเน้นใช้งาน หรือจะเป็นของขวัญเน้นขำขัน ก็ได้ทั้งนั้น แต่ที่มักจะได้เห็นกันเสมอๆ ก็อย่าง ชุดนอนไม่ได้นอน หรือจะลามไปถึงถุงยางสารพัดกลิ่น สารพัดสัมผัส อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแก่นเซี้ยวของเพื่อนสาวนะคะ

สถานที่ที่มักจัดงานไบรดอล ชาวเว่อร์ ก็ตามสปาสวยๆ ห้องอาหารในโรงแรม หรือจะเป็นในสวนร่มๆ ก็ได้เหมือนกัน อย่างงานไบรดอล ชาวเว่อร์ที่เราเคยเห็นก็คราวงานของสาวเอมมี่ มรกต ที่เพื่อนสาวพากันไปร้านทำเล็บ นั่นไงละคะ

Hen’s Night มันส์กันสุดเหวี่ยง

Hen’s Night

ถ้าหากบอกว่า ไบรดอล ชาวเว่อร์ เป็นปาร์ตี้ใสๆ ฉบับนางฟ้า ปาร์ตี้แม่ไก่ก็ปาร์ตี้นางมารชัดๆ!! องค์ชะนีสิงร่างเลยทีเดียว เพราะเป็นปาร์ตี้ที่บอกเลยว่าทะลึ่งทะเล้นตึงตังได้เท่าที่สตรีนางหนึ่งจะไปได้สุด เพราะเรื่องใต้สะดือมีเท่าไหร่ก็ขนขึ้นมาทั้งหมด จะจุ๊ดจู๋ เซ็กส์ทอย ยันระบำเปลื้องผ้าโดยหนุ่มๆ หุ่นล่ำ ก็จัดมาอย่าได้เสีย

แต่งานเฮนไนท์มีกฎเล็กๆ ในเรื่องของการแต่งตัวอยู่บ้างว่าคุณเจ้าสาวจะแต่งตัวในชุดสีขาว หรือชุดเจ้าสาวฉบับย่อส่วน มีเวลที่เพื่อนมอบให้ ส่วนคุณเพื่อนก็ใส่ชุดสำดำหรือจะชมพูแป๊นก็ได้ แต่ให้ดีใส่ให้เหมือนกันยกทีมสาวแซ่บไปเลย

ส่วนกิจกรรมในงานก็ไม่มีอะไรมากค่ะนอกจากดริ้ง แดรงค์ ดรั้งค์ ปาร์ตี้ให้มันส์สุดเหวี่ยงประดุจโบกมือลาอิสระภาพสุดท้ายก่อนเข้าสู่สถานะคนมีคู่

สำหรับสถานที่ก็มักจะเลือกจะจัดในห้องส่วนตัว เพราะแหมแต่ละนางปลดปล่อยตัวเองกันเต็มที่ ก็ต้องมีห้องหับมิดชิดกันสักหน่อย มาจัดในที่เปิดเผยไม่ได้หรอก ไม่เชื่อก็ลองนึกภาพงานเฮนไนท์เปรี้ยวซ่าส์ของสาวลิเดียสิ ถ้ามาจัดในร้านอาหารแบบเปิดโล่งมีหวัง โจษจันกันไปอีกนาน

นี่ละคะ คือความแตกต่างของงานไบรดอล ชาวเว่อร์ และ เฮนไนท์ ที่เราเอามาฝากกัน อ้อ แต่งานทั้งสองอย่างมีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ งานนี้ปลอดผู้ชายนะคะ คราวนี้คุณเพื่อนเที่เตรียมเป็นแม่งานจะได้เลือกสถานที่และกิจกรรมได้ถูกว่าเราจะจัดงานไหนดีนะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูล thebridestree.com.au, weddinganswer.com
ขอบคุณภาพจาก คุณตาล-ไตรตรา ลิมปพัทธ์  IG : @aimeemorakot, @chermarnn

ภาพ easyweddings.com.au

ทรงผมเจ้าสาวประดับริบบิ้น 10 แบบที่น้อยแต่มากด้วยพลัง

ทรงผมเจ้าสาว มีมากมายหลายแบบบ้างก็อัดสเปรย์เนี้ยบเป๊ะ บ้างก็ดัดลอน หรือเกล้าพอหลวมๆ หรือเจ้าสาวบางคนก็เลือกที่จะมีเครื่องประดับ ซึ่งหนึ่งในแอคเซสซอรี่ที่เราอยากแนะนำแถมยังเป็นหนึ่งเทรนด์ของปีนี้ด้วยก็คือ ‘ริบบิ้น’ ที่ช่วยเสริมลุคเจ้าสาวให้ดูน่ารักไปจนถึงสวยงามหรูหราแบบมีระดับก็ทำได้ และไม่ว่าเจ้าสาวจะทำผมทรงไหนก็สามารถนำริบบิ้นมาปรับใช้ได้อย่างหลากหลายเช่นกัน แถมยังช่วยเปลี่ยนลุคผมเดิมๆ ให้โดดเด่นขึ้นทันตา และถ้าหากอยากเพิ่มกิมมิกอีกนิดให้กับลุค อาจเลือกใช้ริบบิ้นที่เป็นผ้าชนิดเดียวกันกับชุดเจ้าสาวก็เก๋ไม่หยอก เอาเป็นว่าหากว่าที่เจ้าสาวยังนึกภาพไม่ออกว่าทรงผมเจ้าสาวประดับริบบิ้นจะออกมาเป็นยังไง เรามี 10 แบบผมจากเจ้าสาวตัวจริงมาให้ดู

ทรงผมเจ้าสาว

เจ้าสาวสายโบโฮที่จัดงานแต่งแบบเรียบง่ายในสไตล์เป็นกันเอง เพียงแค่ถักผมเป็นเปียให้สวย แล้วประดับด้วยริบบิ้นผ้าซาตินขนาดใหญ่ เท่านี้ก็ถือเป็นการจบลุคเจ้าสาวได้อย่างสวยงามแล้ว

ทรงผมเจ้าสาว

เจ้าสาวสายวินเทจที่มีความทันสมัยอยู่ในตัว เพียงแค่มวยผมในสไตล์ทวิสต์ชิคนอน แล้วเสริมด้วยเวลสไตล์วินเทจ จากนั้นอย่าลืมจบลุคนี้ด้วยการประดับริบบิ้นไว้ที่มวยผมด้วยนะคะ รับรองว่าดูดีเข้ากันสุดๆ แน่นอน

ทรงผมเจ้าสาว

เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพียงแค่รวบผมแบบหางม้าแล้วพลิกกลับด้านให้มีลูกเล่น จากนั้นประดับด้วยริบบิ้นขนาดใหญ่ เท่านี้ก็สวยปังทรงพลังสุดๆ หรืออาจเสริมด้วยการดัดลอนอ่อนๆ ให้กับหางม้าเพื่อเพิ่มความอ่อนโยนให้กับลุคก็ยังได้

ทรงผมเจ้าสาว

ใครว่าใส่ชุดเปิดหลังแล้วต้องรวบผมอย่างเดียว เพราะการดีไซน์เปียสวยๆ ก็สามารถช่วยเสริมให้ชุดและลุคดูดีได้ แต่ต้องเลือกประดับเป็นโบว์ขนาดเล็กนะคะ จะได้ไม่บดบังแผ่นหลังที่เรียบเนียนของเจ้าสาว

ทรงผมเจ้าสาว

ทรงผมเจ้าสาว

เรียบง่ายแบบไม่ธรรมดา เพราะเพียงแค่รวบหางม้าแบบต่ำแล้วประดับด้วยริบบิ้นในสไตล์ที่เจ้าสาวชอบ แต่ถ้าเจ้าสาวกลัวว่า เอ๊ะ มันจะเรียบเป็นเด็กมัธยมเกินไปหรือเปล่า ก็ลองหาต่างหูชิคๆ สักคู่มาแมตช์เท่านี้ก็สวยครบจบไม่มีเอ๊ะแน่นอน

ทรงผมเจ้าสาว

หากคุณเป็นเจ้าสาวผมสั้นถึงสั้นมาก ก็สามารถอินเทรนด์กับริบบิ้นได้นะคะ เพียงแค่แมตช์ลุคเจ้าสาวของคุณกับเวลแบบ birdcage veil ที่มีริบบิ้นที่ด้านหลัง เท่านี้ก็ได้ลุคหรูหราของเวล และความทันสมัยของริบบิ้นแล้ว

ริบบิ้นแบบซีทรูก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยเสริมลุคของเจ้าสาวให้ดูโดดเด่น และจะเข้ากันมากหากเจ้าสาวมีผมสีอ่อน เพื่อที่จะเผยให้เห็นเท็กซ์เจอร์ของริบบิ้นได้เป็นอย่างดี

ริบบิ้นสีขาวเส้นยาวที่ให้อารมณ์ความนุ่มนวลอ่อนหวานในความเป็นเจ้าสาวสุดๆ แถมยังเข้ากันได้ดีกับผมสไตล์
ชิคนอนที่มีลูกเล่นอีกด้วย

เจ้าสาวสายฮิปต้องน้ำตาไหล กับผมเปียแบบ half-up แล้วเสริมลุคให้ดูน่ารักด้วยริบบิ้นสีพาสเทล จบลุคด้วยแอคเซสซอรี่ประจำสายฮิปอย่างหมวกปีกกว้าง เท่านี้ก็ได้ลุคโรแมนติกสไตล์เจ้าสาวแล้ว

ถ้าเกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง อยากใช้แอคเซสซอรี่สักสองชิ้น ก็สามารถแมตช์ริบบิ้นเข้ากับเครื่องประดับที่เจ้าสาวเลิฟได้เหมือนกันนะคะ

เป็นยังไงบ้างคะกับ 10 แบบทรงผมประดับริบบิ้นจากเจ้าสาวตัวจริงที่เรานำมาฝาก เอาเป็นว่าหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนสนใจอยากจะเปลี่ยนลุคก็ลองนำไอเดียนี้หรือภาพที่ชอบไปปรึกษากับช่างทำผมและร้านชุดแต่งงาน เพื่อที่ลุคเจ้าสาวโดยรวมของคุณจะได้ออกมาสวยสมบูรณ์แบบที่สุดในวันสำคัญ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลและภาพจาก : brides.com, pinterest.com, camillestyles.com,
magnoliarouge.com

6 เคล็ดลับความงามให้เจ้าสาวเพอร์เฟ็คท์แบบ Head To Toe

“ใกล้ถึงวันวิวาห์แล้วหนาแม่ยอดดวงใจ…” ใช่ค่ะ ใกล้ถึงวันแต่งงานแล้วนะจ๊ะสาวๆ อย่ามัวแต่ร้องเพลงฟังเพลงกันจนเพลิน ลืมนึกถึงความสวยความงามที่เจ้าสาวพึงมี วันนี้แพรวเวดดิ้ง เลยขอนำเสนอ 6 เคล็ดลับความงาม ให้เจ้าสาวนำไปดูแลตัวเอง จะได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าในวันสำคัญ

1. บอกลาปัญหาแพนด้า พร้อมขนตาหนาฟู

joyusหากสาวๆ ต้องทำงานจนดึกดื่น อดตาหลับขับตานอน เราขอแขะขำให้ใช้ ครีมบำรุงที่มีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ เช่น ชาเขียวและเกรปซีดที่มีคุณสมบัติช่วยลดรอยคล้ำใต้ดวงตา และ บำรุงขนตาด้วยเซรั่มเฉพาะจุด เพื่อให้ขนตาดูหนางอนงาม เพราะอย่าลืมว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจนะจ๊ะ

และในวันงานก่อนแต่งหน้าเจ้าสาวลอง มาส์กใต้ตาเพื่อลดรอยคล้ำ เสียหน่อย เพื่อทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น

2. สร้างคิ้วให้ Cute

vse-gosty-ruก่อนถึงวันสำคัญว่าที่เจ้าสาวควรจะ ให้ผู้เชี่ยวชาญครีเอทคิ้ว ให้สวยเข้ากับรูปหน้าจะดีที่สุด มิเช่นนั้นจากคิ้วปังจะกลายเป็นคิ้วพังได้นะจ๊ะ จากนั้นดูแลต่อด้วยการ ถอนขนคิ้วที่ขึ้นเกินมาทุก 2 สัปดาห์ ด้วยเครื่องมือง่ายๆ เช่น แหนบ กรรไกรแต่งขนคิ้ว หรือที่โกนคิ้วแบบไฟฟ้า และควร ทาครีมบำรุงตามแนวขน ที่ถอนออกไปเพื่อลดการระคายเคือง อีกทั้งยังช่วยขนคิ้วขึ้นช้าลง พอถึงวันงานเพียงแค่วาดคิ้วให้เข้ารูปเพียงแค่นี้สาวๆ ก็จะได้คิ้วที่ดูสวยเป็นธรรมชาติแล้วหล่ะ

3. ริมฝีปากอวบอิ่มน่าจุมพิต

lhowtoริมฝีปากเรียวสวยดันเกิดลอกเป็นขุยแถมวันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาทุกที เรามีแนวทางการรับมือมาแนะนำ ด้วยการ จิบน้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิปกติบ่อยๆ สำหรับคนที่ปากแห้งเพราะกิน ยาบางชนิดควรหยุดก่อนชั่วคราว อาการก็จะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น แต่ถ้าจำเป็นต้องกินควรจะจิบน้ำให้เยอะขึ้นกว่าเดิม ส่วนว่าที่เจ้าสาวที่ติดการนอนห้องแอร์หรือสาวออฟฟิศที่อยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน เลดี้แนะนำควร วางแก้วใส่น้ำเอาไว้ใกล้ตัวเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ และจะช่วยลดอาการผิวและริมฝีปากแห้งได้ ที่สำคัญ หมั่นทาลิปมันที่มีสารป้องกันแสงแดด เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอยู่เสมอ

4. มือ-เล็บสวยอ่อนนุ่ม เป๊ะเวอร์สำหรับช็อตสวมแหวน

itips-inสาวๆ ควรดูแลรักษาเล็บในทุกสัปดาห์ด้วยการ ตัดแต่งและขัดเล็บให้เงางาม แล้ว บำรุงด้วยแฮนด์ทรีตเม้นต์ เพื่อความเรียบเนียน ชุ่มชื้นและกระจ่างใส หรืออาจ ใช้น้ำมันบำรุงผมแทนการใช้โลชั่น ก็ได้ เลดี้คิดว่าคงไม่มีเจ้าสาวคนไหนอยากมีมือหยาบกร้านชิมิ!

และก่อนแต่งงาน 1 วันเลดี้แนะนำให้ทำเล็บแบบเรียบๆ เช่น ทาสีคลาสสิกในโทนสีธรรมชาติ แค่นี้ก็จะได้เล็บสวยๆ แถมยังไม่แย่งซีนแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วของคุณอีกด้วย

5. ใส่ชุดแต่งงานแบบสั้น แต่ขนขาพรึ่บ!!!

mountcastleveincenters2 เดือนก่อนวันแต่งงานแนะนำให้ทำ เลเซอร์กำจัดขน และดูแลเรียวขาของตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วย ผลิตภัณฑ์ดูแลเท้าและเรียวขา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเนียนกระชับพร้อมเปล่งประกายผิวสวย ทั้งนี้ควรทำหลังจากเลเซอร์ไปแล้ว 4 สัปดาห์ สำหรับเจ้าสาวที่มีปัญหาขนคุดควรไป สครับผิว สักนิดจะช่วยทำให้ปัญหาดังกล่าวลดน้อยลงได้

และการแว็กซ์เป็นวีธีที่เร็วที่สุดแถมยังให้ผลยาวนานมากกว่าการโกน ทางที่ดีสาวๆ ควร แว็กซ์ขน 3 วันก่อนแต่งงาน และอย่าลืมสครับเท้าเพื่อลดความหยาบกร้านด้วย

6. ฉีดน้ำหอมมากเกินไป มีทางแก้

dreamweddingกลิ่นกายหอมหวลชวนฝันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่เจ้าสาวต้องการ แต่ถ้าพลาดฉีดน้ำหอมมากเกินไปจนกลิ่นหอมกลายเป็นฉุนราวกับเพิ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำหอม ก็อย่ารีบตีโพยตีพายไปนะจ๊ะ ทำใจให้ร่มแล้วดึงสติมองหา สำลีชุบแอลกอฮอล์ให้พอหมาดนำมาเช็ดบริเวณที่ฉีดน้ำหอมลงไปจะช่วยทำให้กลิ่นเบาลง หรือ ทาโลชั่นสำหรับผิวตรงที่ฉีด จะช่วยให้กลิ่นฉุนจางหายไป แต่ถ้าฉีดน้ำหอมโดนชุดแต่งงานละก็ให้ ตบแป้งฝุ่นเบาๆ ลงไปบนชุด ก็สามารถช่วยได้นะ

ทั้งหมดนี้คือทริคดีๆ ที่เรานำมาฝากว่าที่เจ้าสาวมือใหม่ทุกคนเพื่อให้หายกังวลใจกับปัญหาที่มีอยู่ จะได้มีเวลาไปดูแลผิวพรรณให้สวยงามรับวันงานจะดีกว่า สำหรับวันนี้มาดามขอตัวไปเช็คเรทติ้งตามประสาคนโสดก่อนนะ แล้วถ้ามีเคล็ดลับอะไรดีๆ จะนำมาฝากทุกคนในครั้งหน้านะจ๊ะ

ติดตามเคล็ดลับความงามและการดูแลสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : itips.in.com, stylefashionista.com, dreamwedding.com, lhowto.com, mountcastleveincenters.com, nuriss.com, vse.gosty.ru, veilofgrace.com

ขนมมงคลในงานแต่งพร้อมความหมายดีเสริมรักนี้ให้ยั่งยืน

ขนมมงคล ในงานแต่งพร้อมความหมายดีเสริมรักนี้ให้ยั่งยืน

หากเป็นงานของคนไทยไม่ว่าจะเป็นงานไหนก็เพียบพร้อมไปด้วยอาหารการกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งงานแต่งงานที่นอกจากจะมีของคาวแสนอร่อยแล้ว ยังต้องมีของหวานอย่างขนมไทยโบราณด้วย ซึ่งขนมที่ว่านี้ก็ต้องมีความหมายที่ดีเป็นพิเศษเพื่อช่วยเสริมความรักของบ่าวสาวด้วย แพรวเวดดิ้ง เลยจัดจานพร้อมเสิร์ฟ ขนมมงคล ที่บ่าวสาวควรจัดหามาไว้ในงานแต่งมาฝาก รับรองว่านอกจากจะรสชาติดีแล้วยังการันตีความหมายดีๆ ด้วย

ขนมมงคล

ขนมกง หรือ ขนมกงเกวียน

เปรียบดั่งกงเกวียนที่หมุนไปข้างหน้าเช่นเดียวกับพระธรรมจักร สื่อความหมายถึงการอวยพรให้บ่าวสาวครองรักกันชั่วนิรันดร์เป็นขนมมงคลที่นิยมใช้เป็นขนมในขันหมาก มีลักษณะเป็นวงกลมและมีเส้นไขว้กันที่ด้านในคล้ายรูปล้อเกวียน นอกจากนี้ยังมีความหมายว่าจะทำให้บ่าวสาวหนักแน่นซึ่งกันและกัน และด้วยความที่ขนมนี้ไม่มีรอยต่อจึงเปรียบได้กับว่าความรักของบ่าวสาวจะยืนยาวต่อไปไม่มีสะดุด โดยขนมกงเป็นขนมโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น และต่อมาเป็นขนมที่แพร่หลายในภาคกลางในฐานะขนมมงคลในงานแต่ง

ขนมทองเอก

เป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะพิเศษคือ มีทองคำเปลวติดอยู่ด้านบน นิยมใช้เป็นขนมอวยพรเมื่อได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นเจ้าคนนายคน และขนมทองเอกยังหมายถึง การเป็นที่หนึ่ง ซึ่งก็หมายถึงการเป็นเมียเอก หรือเป็นที่สุดนั่นเองจ้า ซึ่งเป็นขนมที่มักนิยมนำมาประกอบในพิธีมงคลสำคัญๆ

ขนมชะมด หรือ ขนมสามเกลอ

เป็นขนมที่แสดงถึงความสามัคคีและไม่มีวันพรากจากกัน โดยนิยมใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่ง มีลักษณะเป็นลูกกลมๆ เรียงกัน 3 ลูก การเสี่ยงทายจะดูกันตอนทอด ถ้าทอดแล้วยังอยู่ติดกัน 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูก แปลว่าจะมีลูกยาก แต่ถ้าหลุดจากกันหมดแปลว่าชีวิตคู่จะไม่ยั่งยืน อีกนัยหนึ่งถ้าทอดขนมสามเกลอแล้วพองฟูขึ้นจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก ซึ่งขนมชนิดนี้ถือเป็นขนมมงคลที่ทำเพื่องานแต่งงานโดยเฉพาะ ปัจจุบันหาทานค่อนข้างยาก ส่วนมากจะมีแค่เฉพาะร้านที่รับทำขนมมงคลหรือร้านขนมสำหรับประกอบพิธีต่างๆ และความเชื่อในการทอดขนมทั้งสามลูกก็ค่อยๆ เลือนหายไป คงเหลือไว้แค่ว่าขนมชนิดนี้คือขนมความหมายดีที่ควรมีไว้ในงานแต่ง

ขนมโพรงแสม

หลายคนอาจไม่เคยเห็นขนมชนิดนี้ แต่ขนมโพรงแสมถือเป็นขนมแต่งงานที่เก่าแก่ ในสมัยโบราณขนมนี้เปรียบเสมือนเสาบ้านที่จะทำให้บ่าวสาวอยู่กันได้ยั่งยืนตลอดไป และยังสื่อถึงความร่ำรวยมั่งคั่งอีกด้วย และด้วยลักษณะของขนมชนิดนี้ที่ตรงกลางกลวงคล้ายกับรากแก้วของต้นแสมที่ขึ้นบริเวณป่าชายเลน ซึ่งเป็นรากพิเศษของต้นไม้ชนิดนี้ที่ใช้สำหรับหายใจ คนโบราณจึงนำคำพ้องเสียงตรงนี้มาตั้งเป็นชื่อขนม และสอดแทรกความหมายอันเป็นมงคลเสริมเข้าไป อย่างเช่น การเปรียบเปรยถึงเรื่องความรักนั่นเอง

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องงานแต่งอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : youtube.com, ntbdays.com, sites.google.com, taweesakk.blogspot.com, smklocalfood.com

พรีเวดดิ้งน่ารักกับวันสบายๆ ของคู่รัก ที่ถ่ายได้ในบ้านเราเองก็ได้

พรีเวดดิ้งน่ารัก ในวันสบายๆ ที่ถ่ายได้ในบ้านเราเอง

เรารู้นะว่ามีหลายคนที่เบื่อภาพพรีเวดดิ้งแบบชุดแต่งงาน หรือชุดราตรีอลังการ เราเลยขอเอาใจด้วยการรวม 21 ภาพ พรีเวดดิ้งน่ารัก สบายๆ ที่มีถ่ายได้เองในบ้านแถมใส่ชุดชิวๆ  เรียกได้ว่า ทั้งสวย ทั้งประหยัด

ห้องนอน

เริ่มต้นกันที่นอน แน่นอนว่าเตียงต้องมา ภาพก็จะโรแมนติค มีความอิโรติคเล็กๆ แต่รับรองว่ารูปออกมาสวยละมุนเว่อร์

พรีเวดดิ้งน่ารัก
เซอร์ไพรส์ไหมละเธอ
พรีเวดดิ้งน่ารัก
ภาพสวย แสงสวยดีจัง
พรีเวดดิ้งน่ารัก
วันสบายๆ ก็นอนดูซีรีย์ด้วยกันงี้
พรีเวดดิ้งน่ารัก
สงครามหมอน
พรีเวดดิ้งน่ารัก
มาสิ เราจะสอนกีตาร์ให้
Breakfast in Bed

ห้องนั่งเล่น

เป็นห้องสบายๆ ที่มีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ภาพที่ได้ก็จะออกแนววันว่างๆ กับกิจกรรมของคู่รัก

Let’s Dance
เปิดเพลงแล้วมาเต้นกัน
ในวันที่ฝนตก ไหลลงตรงหน้าต่าง
ดื่มกันเบาๆ
อุ๊บส์!
ในยามเช้า สบายๆ
อยู่กัน 2 คน ก็สั่งพิซซ่ามากิน ง่ายๆ สบายๆ
กาแฟคนละแก้ว ก็เพียงพอแล้ว

ห้องครัว

ใครว่าห้องนี้ถ่ายรูปไม่ได้ เราขอเถียงขาดใจ เพราะแต่ละรูปที่ออกมาน่ารักมาก แถมสวีทสุดๆ เลยละ

ในระหว่างการเตรียมอาหาร
งุ้ย อ้อนๆ ขออ้อน หน่อยนะ
ช่วยกันทำ แต่ทำไมอาหารเสร็จช้านะ
ผู้ชายก็ทำอาหารเก่งนะ
ตัวไม่ต้องติดกัน แต่ก็ยังอบอุ่นนะ
อย่าแกล้งกันสิ

เป็นไงคะ กับภาพพรีเวดดิ้งในสไตล์ “วันสบายๆ ในบ้านเราเอง” ชอบกันหรือเปล่า ครั้งหน้า เราจะหาพรีเวดดิ้งในคอนเซ็ปต์น่ารักๆ มาให้ดูอีก ส่วนครั้งนี้เรายังก็มีไอเดียจัดงานแต่งสวยๆ อีกเพียบให้ดู คลิกเลย

ภาพ Pinterest

ซีน ภัสธรากรณ์ กับแฟชั่น ชุดแต่งงาน สวยๆ พร้อมเครื่องประดับครบเซตสุดหรู

ซีน-ภัสธรากรณ์ บุษราคัมวดี นักแสดงสาวหน้าหมวยสวยหวานที่กำลังฮอตสุดๆ ในบทบาทจากละครเรื่อง “ซ่อนเงารัก” ที่ได้รับฟีดแบ็คดีเกินคาด และนี่คืออีกหนึ่งผลงานที่สาวซีนได้มาร่วมงานกับแพรวเวดดิ้งกับการถ่าย ชุดแต่งงาน ถ่ายแฟชั่นสวยๆ พร้อมเครื่องประดับเพชรแบบครบเซต 

ซึ่งชุดแต่งงานที่น้องซีนใส่ก็มีทั้งลุคเจ้าสาวเปรี้ยวจี๊ด ไปจนถึงเจ้าสาวสายหวานที่รักความฟูฟ่องของกระโปรง ที่สำคัญเราแมตช์เครื่องประดับแบบครบเซตที่เข้ากับชุดแต่งงานมาให้ด้วย เอาเป็นว่าว่าที่เจ้าสาวตัวจริงที่กำลังหาแรงบันดาลใจดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานหรือเครื่องประดับ แพรว wedding เชื่อว่าแฟชั่นเซตนี้จะเป็นตัวช่วยว่าที่เจ้าสาวได้เป็นอย่างดีแน่นอน

ดูชุดแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เสื้อผ้า :
Vanus Couture โทร. 0-2002-4895, 0-2002-4896 เฟซบุ๊ก  Vanus Couture ไอจี  @vanuscouture_official
BOBO Studio จังหวัดภูเก็ต โทร. 08-9471-5069, 09-1158-6178 เฟซบุ๊ก  BOBO Studio โบโบ้สตูดิโอ ไอจี  @bobo_studio

เครื่องประดับ : Vijittra’s Jewellery โทร. 06-1614-5096 ไลน์  @Vijittra

6 เทคนิคเลือกประดับเจ้าสาว ให้สวยปัง ไม่ลิเก

อีกหนึ่งความกังวลของคุณเจ้าสาวก็คือเรื่อง เลือกเครื่องประดับเจ้าสาว เนี่ยละ ว่าจะเลือกยังไงไม่ให้ดูเป็นลิเก แล้วเลือกอย่างไรให้ดูเข้ากันได้ดีกับชุดที่เลือกไว้ วันนี้เราจึงจัด 6 เทคนิคมิกซ์แอนด์แมตช์เครื่องประดับให้เข้ากับชุด แล้วยังสวยหวานเป็นเจ้าหญิง ไม่เล่นใหญ่เป็นลิเก

1.เลือกเครื่องประดับจากทรง Neckline ของชุด

การ เลือกเครื่องประดับเจ้าสาว ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ ต่างหู ตลอดจนสร้อยข้อมือ มักอิงกับเนคไลน์ของชุด ฉะนั้นสาวๆ จึงต้องมีชุดแต่งงานที่จะใส่เสียก่อนเลือกเครื่องประดับนะจ๊ะ

ไร้สาย เป็นทรงเนคไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งเป็นแบบที่ค่อนข้างจะอวดความผ่องของผิวเจ้าสาว ดังนั้นสร้อยคอที่เลือกก็ควรช่วยเพิ่มประกายของผิวด้วยเพชรตัวเส้นหนาประมาณหนึ่ง แต่ต้องไม่ยาวเกินขอบชุด และเลือกต่างหูชิ้นเรียบๆ เพื่อป้องกันการแย่งสายตา

รูปหัวใจ อีกทรงเนคไลน์ที่อวดความเซ็กซี่ของผู้หญิง เหมาะกับทั้งสาวๆ อกเล็กและอกใหญ่ สร้อยคอที่เลือกควรเป็นจี้รูปหยดน้ำ เพื่อขับเน้นหน้าอกหน้าใจให้ดูมีเสน่ห์ ในขณะที่ต่างหูก็ควรเป็นทรงเดียวกับจี้ เพื่อความสวยงาม Total Look ให้ดูเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

– คล้องคอ ชุดแต่งงานทรงคล้องคอที่เพิ่งกลับมาได้รับความนิยม เป็นทรงที่ไม่เหมาะกับการใส่สร้อยคอ แต่เพิ่มโอกาสให้เล่นกับต่างหูระย้า และสร้อยคอมือเพชร แต่ถ้าอยากได้ความเก๋ สร้อยคอมือมุกก็สวยไม่เบาเลยทีเดียว

– คอวี ชุดแต่งงานคอวี หรือทรงผ่าอกก็ต้องเหมาะกับสายสร้อยยาวๆ ที่ไม่โดดเด่นมากนัก แล้วไปเน้นที่จี้สวยอลังการ จะทำให้ชวนมองมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ต่างหูก็ควรเป็นแบบเรียบๆ ง่ายๆ นะจะได้ไม่แย่งสายตากันไปหมด

2. เลือกให้เข้ากับสีชุด

เจ้าสาวหลายคนกู่ร้องบอกอยู่ในใจว่า ชุดแต่งงานก็สีขาวไง ทำไมยังต้องเลือกให้เข้ากับสีชุด ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า เดี๋ยวนี้ชุดแต่งงานทำออกมาสีขาวก็จริงแต่มีหลายเฉดมากมาย ถ้าเลือกผิด ก็ผิดเลยนะ

– สีขาวจริง ชุดแต่งงานสีขาวจริงๆ ที่แบบข๊าว ขาว เหมาะกับสาวๆ ที่ผิวออกโทนน้ำผึ้งจะช่วยขับเน้นให้เจ้าสาวดูโดดเด่น ในขณะที่เครื่องประดับก็ควรเลือกสีที่มีความใกล้เคียงกับสีขาวอย่าง เงิน ทองคำขาว และมุก

– สีแชมเปญ เป็นสีขาวที่เข้มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และเป็นสีที่ใส่เครื่องประดับได้หลากหลายและให้เข้าได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับสีโรสโกลด์ ทอง หรือจะเป็นทองคำขาวก็ยังสวย

– สีงาช้าง สีขาวโทนอุ่นๆ นวลๆ เป็นเฉดที่ได้รับความนิยมมากเฉดหนึ่งเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าสีผิวไหนใส่ก็รอด และแน่นอนเครื่องประดับไม่ว่าสีไหนก็รอดเช่นกัน ทั้งทอง โรสโกลด์ และทองคำขาว

สีขาวอมเหลือง (Candlelight) สีขาวอมเหลืองโทนนี้ เหมาะกับงานยามเย็นที่สบายๆ หรืองานสไตล์รัสติค ส่วนเครื่องประดับเจ้าสาวที่เหมาะก็ควรจะมีความอมเหลือง อมขาวอยู่เบาๆ เพื่อความเข้ากัน

3. เลือกให้เข้ากับสไตล์ชุด

นอกจากเนคไลน์แล้วสไตล์ของชุดก็มีความสำคัญกับการ เลือกเครื่องประดับเจ้าสาว เหมือนกันนะ แต่สไตล์ไหนจะเหมาะกับแบบไหนมาดูกัน

สไตล์เบาบาง ชุดแต่งงานที่เน้นความเรียบง่ายเบางบาง ด้วยผ้าชีฟองอาจไม่ต้องมีเครื่องประดับเลยก็ได้ เพราะแค่ความพริ้วของผ้าก็สวยกินขาดแล้ว หรือถ้าอยากใส่ก็เน้นทรงหยดน้ำเรียบๆ จะเข้ากับชุดในสไตล์นี้ที่สุด

สไตล์เจ้าหญิง ชุดแต่งงานสไตล์เจ้าหญิง หรือชุดทรงบอลกราวควรเลือกสร้อยเพชรเส้นสั้น เพื่อไม่ให้ความวิบวับของสร้อยไปกับความอลังการของชุดและก็ไม่ดูโล้นจนเกินไป หรืออาจจะใส่สร้อยเส้นเล็กๆ แต่ไปหนักที่ต่างหูก็แล้วแต่ความชอบได้เลย แต่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นนะ

ชุดวินเทจ ชุดแต่งงานสไตล์วินเทจ เครื่องประดับสไตล์วินเทจจึงต้องมาอย่างสร้อยไข่มุก หรืองานรูปดอกไม้แล้วประดับอัญมณีสีๆ ที่เคยได้รับความนิยมในรุ่นคุณปู่คุณย่านั่นแหละ กำลังสวยเลย

4. ให้เป็นไปในทางเดียวกัน

สีและทรงของเครื่องประดับ ไม่ว่าจะสร้อยคอ สร้อยคอมือ และต่างหูควรไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจี้เพชรทรงหยดน้ำ ก็ควรหยดเพชรน้ำทั้งต่างหูและสร้อยคอ เพื่อให้มองดูแล้วสวยไม่ขัดสายตา จะมาชิ้นหนึ่งเป็นเพชร อีกชิ้นเป็นทับทิบแบบนี้โอกาสพลาดก็จะสูงมากเชียวละ

5. น้อยแต่มาก

คำนี้ได้ยินบ่อย และใช้ได้เกือบทุกโอกาส กับการเลือกเครื่องประดับเจ้าสาวก็เช่นกัน เจ้าสาวควรใส่เครื่องประดับแค่ 1 – 2 ชิ้น ไม่นับรวมแหวนที่อยู่บนนิ้วนะ ถ้ามากกว่านี้จากเจ้าสาวจะกลายเป็นตู้เพชรเคลื่อนที่ไปได้

6. เลือกให้เข้ากับสไตล์ของเจ้าสาว

ในวันแต่งงานเจ้าสาวควรได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด เพราะฉะนั้นเครื่องประดับก็ควรบ่งบอกความเป็นตัวตน และยังควรเป็นชุดที่เจ้าสาวใส่แล้วสบายตัว สบายใจ หากฝืนใส่อะไรที่มันไม่ใช่ ความมั่นใจหดหาย ความสวยก็ลดน้อยลง

นอกจากความเข้ากันของเครื่องประดับกับชุดของเจ้าสาวแล้ว การ เลือกเครื่องประดับให้เข้ากับทรงผม ก็เป็นอะไรที่เจ้าสาวไม่ได้พลาดไม่ได้เหมือนกันนะ

ภาพ unsplash.com, Pinterest

ย้อนดูประตูเงินประตูทองตามประเพณีไทยมีกี่ประตูกันแน่??

ลำดับพิธีสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในพิธีแต่งงานแบบไทย และถือว่าเป็นลำดับพิธีที่หลายคนรอยนั้นก็คือ การกั้น ประตูเงินประตูทอง ขอบอกว่าเด็ดสะระตี่ เฮฮาสนุกสนานสุดๆ เพราะเราจะได้เห็นเหล่าเพื่อนเจ้าสาวยืนกั้นประตูซ้อนกันหลายชั้น บางทีเยอะเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าซองที่เจ้าบ่าวเตรียมมามันจะพอไหมนะ คราวนี้ก็เลยจะขอพาย้อนไปสมัยโบราณสักหน่อยว่า แท้จริงแล้วเขากั้นกันกี่ประตู เยอะเท่ากับที่เราเห็นในปัจจุบันนี้หรือเปล่า ตามมาหาคำตอบกันค่ะ

ตามประเพณีดั้งเดิมขอไทยเราเมื่อมีงานแต่งงานมักจะนิยมกั้นประตู 3 ประตู ได้แก่ ประตูชัย ประตูเงิน และประตูทอง เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงเรือนเจ้าสาว ก่อนที่จะได้พบปะกับคนรักก็จะต้องผ่าน 3 ประตูนี้เสียก่อน แต่จะผ่านแต่ละประตูได้ก็จะต้องมีซองเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้คนกั้นประตู ซึ่งเขาเรียกซองพวกนี้ว่า “ของแถมพก” โดยผู้ที่ให้ซองนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าบ่าว บางครั้งก็มีเถ้าแก่และเพื่อนเจ้าบ่าวช่วยกันหยอกล้อและต่อรองขอผ่านประตูเข้าไปหาหวานใจ

ประตูแรกที่เจ้าบ่าวจะต้องเจอก็คือ “ประตูชัย” โดยผู้กั้นประตูจะถือชายผ้าคนละข้าง เรียกกันว่า “การปิดประตูขั้นหมาก” จากนั้นก็จะมีการต่อรองเกิดขึ้นตามแต่บรรยากาศจะพาไป สุดท้ายก่อนจะผ่านประตูเข้าไป ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินแก่ผู้กัน เรียกว่า “ของแถมพกอย่างตรี”

ประตูที่สองได้แก่ “ประตูเงิน” ผู้กั้นประตูจะถือชายผ้าแพรคนละข้าง หรือเป็นผ้าที่มีเนื้อดีกว่าผ้าที่ใช้กั้นประตูชัย มีการต่อรองขอผ่านประตูเช่นเดียวกับประตูชัย แต่ซองเงินที่ให้จะต้องมีค่าสูงกว่า เรียกว่า “ของแถมพกอย่างโท”

ประตูสุดท้ายเป็น “ประตูทอง” ผู้กั้นจะถือชายผ้าแพรอย่างดี หรือถ้าเป็นบ้านที่มีฐานะดีก็จะใช้สร้อยทองสำหรับกั้นประตู และเช่นเดียวกันกับสองประตูที่ผ่านมาคือ จะต้องมีการหยอกล้อ ต่อรองเพื่อขอให้เจ้าบ่าวผ่านประตูไปรับเจ้าสาว แต่อาจจะผ่านยากสักหน่อย เพราะนี่น่ะเป็นประตูสำคัญประตูสุดท้าย และแน่นอนว่าซองเงินจะต้องหนักมากกว่าสองประตูแรกด้วย เรียกว่า “ของแถมพกอย่างเอก”

ถึงแม้ว่าประเพณีดั้งเดิมของไทยจะมีเพียงแค่ 3 ประตู และวัสดุที่นำมาใช้กั้นก็เป็นเพียงแค่ผ้าแพรผืนสวย แพงหน่อยเห็นจะเป็นประตูทองที่ใช้สร้อยทองกั้น แต่ในปัจจุบันงานแต่งหลายงานก็ประยุกต์ทั้งกระดาษ ผ้า หรือดอกไม้นำมาตัดแต่งร้อยเรียงจนสวยงามแล้วนำมากั้นประตู ที่สำคัญมีหลายประตูเสียด้วย บางงานเยอะเสียจนซองที่เจ้าบ่าวเตรียมมาหมดก่อนจะถึงประตูสุดท้ายซะอีก

เราคิดว่าถ้าเจ้าบ่าวคนไหนได้มาอ่านบทความนี้ก็คงจะร้องว่า ว้าววว ถ้างานเรายึดตามแบบประเพณีในสมัยก่อนก็คงดีสินะ!!

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : Doglookplane

7 สิ่งที่คู่รักควรเซย์เยสก่อนวางแผนจัดงานแต่ง

7 สิ่งที่คู่รักควรเซย์เยสก่อน วางแผนจัดงานแต่ง

ตอนขอเธอแต่งงานก็ลุ้นจนใจเต้นโครมคราม พอเดินเข้าไปบุพการีนางก็ยิ่งเกร็งจัด แต่เราขอบอกว่าด่านหินสองด่านนี้ไม่ยากเท่าการ วางแผนจัดงานแต่ง งานหรอกนะคะ เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่คุณทั้งคู่ต้องตกลงใจเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันก่อน ไม่อย่างนั้นแล้ว งานแต่งงานในฝันที่แสนแฮปปี้จะไม่ปรากฎขึ้นอย่างแน่นอน

 

ว่าแล้วก็ไปดูพร้อมๆ กับเราเลยค่ะว่ามีประเด็นไหนบ้างที่ทุกคู่รักควรเซย์เยสพร้อมกันก่อน เพราะนี่ถือเป็นบททดสอบที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ของคุณเลยนะคะ ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันที่ข้อแรกกันเลยค่ะ

วางแผนจัดงานแต่ง

งบประมาณในระดับใกล้เคียงกัน

งบประมาณเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับงานแต่งงาน เพราะว่าไม่ว่าเราจะคิดหรือตัดสินใจทำอะไรก็แล้วแต่ต้องย้อนกลับมาดูงบประมาณทุกครั้ง ดังนั้นจึงสำคัญมากที่คุณทั้งคู่จะต้องตกลงกันในเรื่องของงบประมาณให้ได้ก่อนเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาทีหลัง การคุยในเรื่องกำหนดงบประมาณนั้น จริงๆ แล้วคุยหลายคนจะดีกว่าคุยกันแค่สองคน อาจจะต้องปรึกษาคนในครอบครัวว่าอยากจะช่วยสมทบทุนสำหรับการจัดงานหรือไม่ เพื่อจะได้รวบรวมงบประมาณได้อย่างไม่คลาดเคลื่อนไงล่ะคะ

จัดลำดับความสำคัญในการจ่ายในทิศทางเดียวกัน

คุณควรจัดลำดับความสำคัญว่าอะไรที่สำคัญที่สุดในงานแต่งงานของคุณทั้งคู่ก่อน เช่น เป็นคนชอบรับประทานก็เน้นไปที่เรื่องอาหารหรือเป็นขาแดนซ์ทั้งคู่ก็เน้นวงตรีสดแบบเจ๋งๆ หรือว่าคุณเป็นพวกที่ชอบแต่งตัวก็จูงมือกันไปเลือกชุดให้น้ำหนักกับการแต่งตัวสวยหล่อกันแบบจัดเต็ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการจัดลำดับที่ว่านี้ ควรนึกถึงแขกที่จะเข้าร่วมงานด้วยนะคะ ถ้าเป็นแขกผู้ใหญ่ที่ต้องใส่ใจเรื่องความสะดวกสบายในการทานอาหารหรืออยู่ในงาน คุณก็อาจต้องเกลี่ยลำดับความสำคัญกันใหม่ให้ลงตัวและบุพการีไม่ขายหน้า

สถานที่ที่ใช่ของเราสองคน

การตัดสินใจร่วมกันว่าคุณทั้งคู่จะจัดงานแต่งที่ไหน อยากได้แบบที่ใกล้บ้านหรือจะเป็นที่จัดงานยอดฮิต คุณอาจลองคิดถึงสถานที่ที่มีความหมายกับคุณทั้งคู่ก็ได้ และสิ่งหนึ่งที่คุณควรตระหนักหากคุณจะจัดงานแต่งงานในต่างประเทศก็คือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะคุณอาจจะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อเป็นการดูสถานที่ก่อนจะมีการจัดงาน หรือคุณอยากจัดงานช่วงพิธีการในโบสถ์ หรือจัดทั้งงานพิธีการและงานเลี้ยงฉลองในที่เดียวกัน เรื่องสถานที่พวกนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องคิดและตัดสินใจให้ได้ก่อนที่จะนึกถึงรายละเอียดในเรื่องต่อไป

วันที่ในการจัดงาน

แน่นอนว่าบ่าวสาวชายวไทยยังยึดติดเรื่องฤกษ์ยาม แต่เดี๋ยวนี้การดูฤกษ์มักไม่ได้ให้มาแค่ฤกษ์เดียว ฉะนั้นหากมีหลายฤกษ์ก็มานั่งเปิดตารางงานวางวันแต่งให้ตรงกันก่อนเลย แล้วนำวันที่เลือกไปจับคู่กับสถานที่ที่ใช่ของคุณทั้งคู่ เพราะการตัดสินใจในเรื่องของวันที่จัดงานมักขึ้นอยู่กับสถานที่ว่า สถานที่นั้นว่างวันที่ต้องการไหม แต่หากเป็นพวกฤกษ์สะดวก จะไม่สามารถเลือกวันที่แน่ชัดไม่ได้อาจจะเลือกเป็นฤดูกาลหรือเลือกเป็นเดือนที่ดีไปก่อน อาจเป็นเดือนที่มีความหมายกับคุณทั้งสองคนก็ได้ และสิ่งที่อยากจะให้นึกถึงคือเดือนที่คนแต่งงานกันมากๆ จะเป็นเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม ถ้าคุณเลือกแต่งงานในเดือนเหล่านี้ค่าจัดงานก็จะสูงขึ้นแต่ถ้าคุณเลือกจัดงานในเดือนอื่นนอกจากนี้คุณอาจจะได้ราคาที่ถูกลง

ธีมและสไตล์งานแต่งงานในฝัน

คุณทั้งคู่มองเห็นภาพงานแต่งงานในธีมงานเดียวกันหรือเปล่าคะ เพราะถ้าคุณมีภาพงานแต่งงานของคุณในใจ แล้วสามารถมองเห็นคุณและอีกคนอยู่ท่ามกลางภาพนั้นได้พร้อมๆ กับเพื่อนสนิทและครอบครัวก็แสดงว่าคุณมาทางเดียวกันแล้วค่ะ จากนั้นภาพต่างๆ ทั้งเรื่องการตกแต่ง การแต่งตัวและกิจจกรรมในงานจะค่อยๆ ไหลออกมาจากความต้องการของคุณทั้งคู่ที่แชร์สิ่งที่ฝันร่วมกันอย่างลงตัว

จำนวนแขกที่จะเชิญ

จำนวนแขกที่เข้าร่วมงานขึ้นอยู่กับความกว้างของสถานที่ ดังนั้นก่อนจะเชิญแขกคุณควรรู้สถานที่ว่าจะจัดที่ไหน เพราะสิ่งที่ต้องคิดคือถ้ายิ่งเชิญแขกมากก็ยิ่งสิ้นเปลืองมาก รายชื่อแขกในงานคุณทั้งสองควรช่วยกันคิดว่าวันสำคัญของคุณน่าจะมีความหมายกับใครบ้างควรจะเลือกบุคคลนั้นก่อน หรือคุณอาจจะลองถามพ่อแม่ของคุณเกี่ยวกับการเชิญแขกที่เป็นญาติพี่น้องเพื่อความเหมาะสมก็ได้

เวลาที่ใช้ในการวางแผน

การวางแผนงานแต่งงานนั้นต้องใช้เวลามาก อย่าให้การวางแผนจัดงานมายึดเวลาทั้งหมดของคุณและคู่รักไปคุณควรพักบ้างอาจจะเป็นพักหนึ่งวันต่อสัปดาห์ เพื่อที่วันนั้นคุณจะได้ให้เวลากับคู่รักของคุณ เพื่อทำอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับการวางแผนแต่งงาน จะเป็นการรับประทานอาหารเย็นกัน หรือดูทีวีด้วยกัน มีเวลาที่โรแมนติกด้วยกันบ้างเพื่อให้คุณทั้งคู่ผ่อนคลายความเครียดลงไปบ้างไงล่ะคะ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : vimeo.com/weddingfilmes, tallypress.com a a a

ฟิตหุ่นด้วย 2 เมนูสมูทตี้ลดไขมัน สูตรลับจากนักโภชนาการ

ฟิตหุ่น ด้วย 2 เมนูสมูทตี้ลดไขมัน สูตรลับจากนักโภชนาการ

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังเร่ง ฟิตหุ่น ให้ทันวันวิวาห์ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินผักและผลไม้เพื่อการไดเอทที่มีประสิทธิภาพ และการลดน้ำหนักให้ได้ผล บางคู่อาจได้ผลลัพธ์เป็นหุ่นเป๊ะปังสมดังใจ แต่บางคู่ก็อาจไม่ใช่อย่างนั้น เพราะทำอยู่ได้ไม่กี่วันก็เบื่อซะก่อน เพราะกินแต่ผักผลไม้แบบเดิมๆ ทุกวัน แพรว wedding เลยอยากชวนเข้าครัวทำ น้ำปั่นลดน้ำหนัก สมูทตี้ช่วยเผาผลาญไขมัน แถมยังได้สุขภาพดีเป็นของแถมด้วย

Kristin Reisinger นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก มีสูตรสมูทตี้ผักผลไม้ปั่นที่จะช่วยเผาผลาญและลดไขมันได้ ที่สำคัญอุดมไปด้วยแหล่งโปรตีน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยให้อยู่ท้อง อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย และยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งสูตรนี้ใช้ส่วนผสมเพียงแค่ 4 อย่างเท่านั้น!

ซึ่ง Kristin Reisinger บอกว่าการดื่มสมูทตี้ที่มีแคลอรี่ต่ำในตอนเช้าเป็นสิ่งดีที่สุด เพราะจะช่วยเพิ่มพลังงาน ความสดชื่น และแคลอรี่ที่ได้รับจะไม่ถูกเก็บเป็นไขมัน “การผสมสิ่งที่มีแคลอรี่ต่ำสำหรับมื้อเช้า อย่างเช่น อาหารที่มีโปรตีนสูง และอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อร่างกาย เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและอยากให้ร่างกายแข็งแรง”

และนี่คือ 2 สูตรสมูทตี้ที่เหมาะสำหรับการดื่มในตอนเช้าเพื่อเริ่มต้นวันใหม่แบบสุขภาพดี

  • Wake Up Call Smoothie

ส่วนผสม
– เบอร์ชี่ชนิดต่างๆ แช่เย็น ½ ถ้วย
– ผักขม 1 กำมือ
– นมอัลมอนด์ไม่ใส่น้ำตาล / แบบไม่หวาน 8 ออนซ์
– ผงโปรตีนจากพืชรสวานิลลา 1 ช้อน

“การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยเมนูนี้ จะช่วยบูสต์ร่างกายให้สดชื่นและตื่นตัวในเช้าวันใหม่ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งการผสมเบอร์รี่เข้ากับผงโปรตีนจะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและโปรตีนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ร่างกายต้องการในตอนเช้าที่ไม่มากเกินไป” Kristin Reisinger นักโภชนาการกล่าว

แต่ถ้าคุณไม่ชอบรสเปรี้ยวขอเบอร์รี่ หรือไม่นิยมดื่มนมอัลมอนด์ นี่คือเมนูปั่นอีกหนึ่งสูตรที่จะช่วยลดไขมันได้ดีไม่แพ้แก้วแรก

  • Kale Recharge Smoothie

สมูทตี้แก้วนี้ไม่ควรดื่มเพื่อทดแทนมื้ออาหาร เพราะมีโปรตีนต่ำมาก เหมาะสำหรับดื่มหลังจากออกกำลังกายในตอนเช้า เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และเพื่อให้รางกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุในทุกวันได้มากขึ้น

ส่วนผสม
– กล้วยสุกแช่เย็น 1 ลูก
– ผักขม ¾ ถ้วย
– ผักคะน้าเอาเฉพาะใบ ¾ ถ้วย
– แครอทหั่น ½ ถ้วย
– ขิงขูด 1 ช้อนชา
– ผักชีฝรั่งหรือผักชี (แล้วแต่ชอบ) 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
– น้ำ 8 ออนซ์
– น้ำแข็ง 4 ก้อน

*สูตรนี้สำหรับ 3 แก้ว

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก www.shefinds.com / ภาพจาก unsplash.com a a a a

20 เคล็ดลับเตรียมตัววันแต่งงาน ให้เป็นวันดีๆ ที่น่าจดจำ

งานแต่งงานใครๆ ก็อยากให้เป็นวันที่มีแต่เรื่องดีๆ งานราบรื่นไม่ติดขัด เราจึงจัด 20 เคล็ดลับ เตรียมตัววันแต่งงาน มาเพื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เตรียมตัวและทำตาม ทั้งก่อนวันงาน และในวันแต่งงานเพื่อความไหลลื่นของงานแต่งงาน

1. เข้านอนให้ไว เพื่อที่จะได้ตื่นเช้าอย่างสดใส

2. กินอาหารเช้าที่อุดมด้วยโปรตีนและคาร์โบไฮเดตร เพราะเป็นวันที่ใช้พลังงานเยอะมากเลยทีเดียว

3. มีเวลาส่วนตัวให้ตัวเอง เป็นเวลาสำหรับการผ่อนคลายกับเพื่อนเจ้าสาว เพื่อคลายความกังวลที่แฝงอยู่

4. ใส่เสื้อคลุมตอนแต่งหน้าทำผม เพื่อป้องกันเครื่องสำอางและอื่นๆ เลอะชุดแต่งงาน

5. ลิสต์สิ่งที่ต้องทำสำหรับเช้าวันแต่งงาน บางทีความตื่นเต้นในวันงานอาจทำให้หลงลืมเรื่องเล็ก เรื่องน้อยได้
เตรียมตัววันแต่งงาน

6. ทำความคุ้นชินกับรองเท้าแต่งงาน จะได้ไม่ทรมานจากการกัด การบีบของรองเท้าในวันแต่งงาน เพราะต้องใส่รองเท้าคู่นี้ยืนไปตลอดวัน

7. จ้างคนจัดการลำดับพิธี เพราะพวกเขาจะทำให้งานแต่งราบลื่น เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างที่ควรเป็น และยังช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้

8. ถ้าไม่จ้าง ก็ให้เพื่อนเจ้าสาวเป็นคนจัดการ หากไม่จ้างคนลำดับพิธี ควรมีเพื่อนเจ้าสาวสักคน ที่เป็นคนรันงานตามขั้นตอน

9. ทำกระเป๋าฉุกเฉิน เจ้าสาวควรมีกระเป๋าใส่อุปกรณ์ฉุกเฉินฝากเอาไว้กับเพื่อนเจ้าสาว เผื่อในงานเกิดเหตุไม่ขาดคิด ของในกระเป๋าจะเกิดประโยชน์ขึ้นมาทันที

10. เซลฟี่ ก่อนเริ่มงานอย่าลืมเซลฟี่ ตัวเองกับคนสำคัญในวันพิเศษไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท และแน่นอนเจ้าบ่าวเตรียมตัววันแต่งงาน

11. หยุดใช้โทรศัพท์ในงาน เมื่อเข้าสู่งานแต่งงานแล้ว บ่าวสาวควรฝากโทรศัพท์เอาไว้กับเพื่อนๆ เพราะคงไม่งามหากบ่าวสาวจะก้มหน้าท่องอินเตอร์เน็ตในงานแต่งตัวเอง

12. ผ่อนคลายก่อนเดินเข้าสู่พิธี ก่อนเดินเข้าสู่งานแต่งตัวเอง ให้บ่าวสาวทำสมาธิ หายใจเข้าออกลึกๆ ไม่ต้องตื่นเต้น แล้วทุกอย่างจะโอเค

13. ยิ้มให้ทุกคน ไม่ว่าเจอใครก็จงแจกยิ้ม แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบหน้ากัน หรือเป็นคนที่มีปัญหากัน เพราะเจ้าสาวไม่ควรหน้าบึ้งในงานแต่งตัวเอง

14. ดื่มอย่างระวัง เป็นคืนที่ใครต่อใครจะมาชวนชนแก้วกันมากมาย เพราะฉะนั้นทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ควรดื่มอย่างระวัง จิบอย่างมีสตินะจ๊ะ

15. เตรียมรองเท้าคู่สบายไว้ด้วย ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เป็นช่วงที่เจ้าสาวมีโอกาสลักไก่ แอบเปลี่ยนรองเท้าจากส้นสูงที่ใส่มาทั้งวัน เป็นรองเท้าสบายๆ อาจเป็นรองเท้าส้นเตี้ย หรือรองเท้าผ้าใบก็ได้เตรียมตัววันแต่งงาน

16. ใช้เวลาร่วมกันพ่อแม่ อย่าลืมใช้เวลาในช่วงค่ำคืนพิเศษนี้กับคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองเพื่อเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำพิเศษนะ

17. อย่ากินเลอะเทอะ นี่คือคืนที่จะถูกถ่ายรูปและถูกจับจ้องตลอดเวลา เพราะฉะนั้น จงอย่ากินเลอะเทอะ อย่าทำให้เค้กเปื้อนหน้าผม และชุดได้เป็นอันขาด

18. ทำลิสต์เพลงซะ หากไม่อยากเจอเพลงประหลาดๆ ในงานแต่งของตัวเอง ก็จงทำลิสต์เพลงที่ทั้งคู่ชื่นชอบแล้วยื่นให้กับคนเปิดเพลงซะ

19. อย่าเผลอเครียดในงาน ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นไบรด์ซิลล่ามาแค่ไหน แต่เมื่อถึงวันนี้แล้วจงปล่อยวางทุกสิ่งอย่าง อย่าเครียด อย่ากังวลอะไรอีก นึกไว้เสมอว่าคุณเตรียมงานมาอย่างดีที่สุดแล้ว

20. นึกไว้เสมอว่าวันนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะ ความรัก แล้วยิ้มรับอย่างมีความสุข เพราะทุกคนที่มาก็เพื่อแสดงความยินดีกับคุณทั้งคู่

ใครทำตามได้ครบทั้ง 20 ข้อ รับรองว่า งานแต่งงานของคุณ จะเป็นงานที่ราบลื่นที่สุด งานหนึ่งเลยทีเดียว และไม่ว่ากี่รูปถ่าย กี่สายตามองก็จะเห็นว่าทั้งเจ้าบ่าว และเจ้าสาวเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แต่ถ้าอยากให้งานออกมาเพอร์เฟ็คถูกใจแขกด้วย ก็ต้องรู้กันสักหน่อยว่า เรื่องอะไรบ้างที่แขกชอบบ่นในงานแต่งงาน

ภาพ unsplash.com

ข้าวของห้ามมี ความเชื่อในงานแต่งจีนที่ว่าที่บ่าวสาวเชื้อสายจีนต้องรู้

ความเชื่อในงานแต่งจีน ว่ากันว่าห้ามมีข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่ส่อแววว่า จะทำให้เกิดความไม่มงคลในชีวิตคู่ของบ่าวสาว วันนี้เราจึงทำมาเป็นบทสรุปง่ายๆ ให้ได้รู้ ได้อ่านและนำของที่ว่า ออกไปให้พ้นทางรัก 

  • สิ่งของแตกหัก

ความเชื่อในงานแต่งจีนอย่างแรกคือ สิ่งของแตกหัก หรือแม้แต่มีรอยร้าว เช่น แก้วร้าว จานบิ่น แจกันปากแตก ของเหล่านี้ ไม่ควรมีอยู่ในงานมงคลทุกงานเลยนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นงานแซยิด งานวันเกิด งานฉลองขึ้นตำแหน่ง และ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าอยู่ในงานแต่งแล้วละก็ จะหมายถึง ความร้าวฉาน ทะเลาะเบาะแว้ง ความแตกหัก (ที่เชื่อ) นั่นเอง ทางที่ดี บ่าวสาวควรตรวจข้าวของให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนำมาใช้ในงาน น่าจะสบายใจที่สุด

  • สิ่งของสีดำ

สมัยนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยถือเรื่องสีกันแล้วละคะ แต่ไม่ได้หมายความว่า จะยอมให้มีสีดำเข้ามาอยู่ในงานแต่ง เพราะความเชื่อเรื่องนี้มีมาตั้งแต่คนจีนสมัยก่อนแล้วว่า ของสีดำเห้ามใช้ ห้ามมีเด็ดขาด เช่น ชุดเจ้าสาวอินเทรนด์ที่คาดเอวด้วยโบว์สีดำ ที่คาดผมสีดำ ประดับเพชรวิบวับ หรือบางคนเคร่งจัด ชุดเจ้าบ่าวก็ห้ามเป็นสูทสีดำ หรือ ทักซิโด้สีดำ โดยเด็ดขาด แต่พอเป็นจีนยุคใหม่หรือจีนประยุกต์ ความเชื่อในงานแต่งจีนก็อาจมีการลดทอนลงบ้าง ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละครอบครัว เพราะเท่าที่เราเห็นบางงานยังเอาองุ่นดำมาเลี้ยงแขกก็ยังมีเลยจ้า

  • คาร์เนชั่นสีขาว

ใครว่าสีขาวจะเหมาะกับงานมงคลก็ช่าง แต่สำหรับชาวจีนส่วนใหญ่จะเซนซิทิฟกับการนำดอกคาร์เนชั่นสีขาวมาใช้ในงานแต่งงานมากค่ะ เพราะดอกไม้ชนิดนี้นิยมนำไปใช้ ในพิธีศพเท่านั้น ถ้านำดอกไม้ชนิดนี้ไปไว้ในงานมงคล มีหวังชาวจีนในงานถึงกับเครียดแน่นอน และนอกจากนี้ เพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่ เราขอแนะนำว่า เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ชนิดไหน เพราะ สีขาว มันใช่แนวทางของความมงคลที่ชาวจีน เทใจให้อย่างแน่นอน

สำหรับสิ่งที่ไม่ควรมีในงานแต่งงาน ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น นะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าจะบังคับไม่ให้มีเลย เพราะบ่าวสาวบางคู่ ก็มีความทันสมัยอยู่ในตัว และการจับคู่สีบางคู่สี ก็ช่วยเติมเต็มฝันงานแต่ง ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เพื่อความสบายใจของญาติผู้ใหญ่ เราก็พยายามไม่ใช้สิ่งของ เหล่านี้ละกันนะจ๊ะ อ่ะๆๆๆ แต่เพื่อเพิ่มความสบายใจให้คุณๆ ที่อยากมีความเฮงในงานแต่ง เราขอเสนอ ให้เพิ่มความเฮงด้วย ชุดแต่งงานสีมงคลของบ่าวสาวจีน มาสวมใส่ รับรองว่ามีแต่เฮง ลองดูนะคะ

Read More : ทำตามโบราณว่า ทำเถอะหนาชีวิตคู่จะยืนยาว ความเชื่อคนจีน เรื่องอายุบ่าวสาวและการแก้เคล็ด ทำความรู้จักขนมแต่งงานพิธีจีนกันเถอะ เช็คลิสต์! ของแต่งงานจีนเจ้าสาวต้องเตรีย

ว่าที่บ่าวสาวระวังให้ดีกับการเล่นโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่ระวังอาจพลาดได้

คนกำลังจะเป็น ว่าที่บ่าวสาว แน่นอนว่ามีความในใจเป็นหมื่นล้านคำ แต่ว่าไม่รู้จะพูดกับใครที่ไหน ที่ระบายก็คงไม่พ้นโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าโพสต์มากๆ ก็คงโดนมองบนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงอยากขอเตือน 5 เรื่อง ที่ว่าบ่าวสาวต้องระวังเรื่องการโพสต์สักนิด

1. โพสต์ไม่หยุด ไม่หย่อน

บ่าวสาวที่ขยันโพสต์ โพสต์อยู่นั่นเรื่องเดิมๆ เวิ่นเว้อแต่เรื่องความรัก เรื่องงานแต่ง รับรองว่าโดนเหม็นเบื่อ มองบนแน่ๆ เพราะฉะนั้นหากอยากโพสต์จริงๆ จัดหนักตู้มเดียวไปเลยแค่ครั้งหรือสองครั้งก็พอ อย่ามาทีละนิดทีละหน่อย เพราะจะโดนเอาไปเมาท์ได้

2. แฮชแท็กเยอะเกิ๊น

เดี๋ยวนี้มีบ่าวสาวมักนิยมทำแอชแท็กขึ้นมาสำหรับ บันทึกความทรงจำในงานแต่ง แต่ก็ควรมีแฮชแท็กแค่อันเดียวเท่านั้น และเลือกเอาที่สะกดง่ายๆ เพราะหากมีหลายอันและสะกดยากจะทำให้คนที่มางานแต่งไม่ค่อยอยากจะให้ความร่วมมือเท่าไหร่ แล้วจะกลายเป็นแฮชแท็กเหงาๆ ไปเลย

3. หงุดหงิดมาลงที่โซเชียล

แม้โกรธใครไม่ว่าจะเป็นคนจัดงาน หรือว่าที่แม่สามี หรือไบรด์ซิลล่ามาจากไหน ก็ห้ามเอาไปลงที่โซเชี่ยลมีเดียเด็ดขาด! เพราะใครผ่านมาเห็นมันก็เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เผลอๆ อาจทำให้เกิดปัญหาทะเลาะกันได้ เพราะฉะนั้นมีอะไรให้เก็บไว้ หรือถ้าเก็บไม่อยู่ก็เขียนลงกระดาษ แล้วเก็บไว้อย่าให้เห็น

4. อย่าบอกรักผ่านหน้าวอลล์

มีหลายคนที่ชอบปล่าวประกาศความรักผ่านหน้าวอลล์ อย่าง “ฉันรักเขามากจริงๆ เขาคือผู้ชายที่ดีที่สุด บราๆ” ซึ่งเป็นอะไรที่แบบเห็นแรกๆ ก็รู้สึกว่าน่ารัก แต่ถ้ามาบ่อยก็จะเอียนๆ  สู้ไปบอกรักกันซึ่งๆ หน้า ให้ได้สวีทกันสองต่อสองดีกว่า คนไม่หมั่นไส้ แถมยังได้โรแมนติคอีกต่างหาก

5. ใช้มือถือตลอด ในวันแต่งงาน

ในวันแต่งงานบ่าวสาวควรอยู่ให้ห่างจากโทรศัพท์ เพราะคุณควรใช้เวลาเพื่อซึมซับกับความทรงจำดีๆ ตรงหน้า มากกว่าจะจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ในโซเชี่ยล และที่สำคัญคือมันคงไม่งามหากว่าแขกมาเห็นบ่าวสาวต่างก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือ a a a a  a a a a  a a a a  a a a  a

นี่คือ 5 ข้อที่บ่าวสาวสายโซเชี่ยลต้องระวัง คือถ้าเผลอทำก็ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าไม่ทำก็จะน่ารักกว่า นอกจากเรื่องโซเชียลแล้ว ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เจ้าสาวควรระวัง ถ้าอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง คลิกอ่านได้เลย

ภาพ unsplash.com