เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครด้วยของชำร่วยสไตล์ Rustic ที่เข้ากับทุกธีมแน่นอน

หลายคนอาจจะแอบบ่นในใจว่า เอ๊ะ ก็ไม่ได้จัดงานธีม Rustic แล้วจะมี ของชำร่วยงานแต่ง สไตล์นี้ในงานได้เหรอ เอาจริงๆ เราอยากจะบอกว่า มันก็ได้อยู่นะคะ เพราะด้วยสไตล์ที่ดูเรียบง่ายและโทนสีที่ไม่ฉูดฉาดจึงทำให้ของชำร่วยสไตล์ Rustic นั้นดูจะเข้ากันกับทุกธีมงานแต่ง (หากคุณไม่ได้มองหาของชำร่วยที่เฉพาะเจาะจง หรืออยากจะให้เข้าธีมงานสุดๆ) แพรว wedding เลยนำไอเดียของชำร่วยสุดเก๋ในสไตล์นี้มาฝาก ไปดูกันดีกว่าว่าแบบไหนที่จะเข้ากับงานแต่งของคุณได้ดีที่สุด

1

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติต้องมา

นิยามความเป็น Rustic สิ่งที่โดดเด่นด้วยความเรียบง่ายสไตล์ธรรมชาติ ที่เน้นการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาเป็นองค์ประกอบหลัก ดังนั้นการเลือกใช้ของชำร่วยที่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจึงเป็นความลงตัวที่ดูกลมกล่อม เราขอนำเสนอเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ เมล็ดพันธุ์พืช น้ำผึ้ง สบู่สมุนไพร หรือเทียนหอม ที่แขกสามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย

2

ของแฮนด์เมดต้องมี

โชว์ไอเดียสร้างสรรค์ด้วยการเลือกใช้ของแฮนด์เมดมาเป็นของชำร่วย แนะนำให้เลือกของที่ประดิษฐ์จากวัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้ ผ้า หรือกระดาษ เพื่อให้มีความเป็น Rustic อยู่ในตัว

3

แพคเกจจิ้งดูดีสไตล์ Rustic

ถ้าหากว่าที่บ่าวสาวมีของชำร่วยในใจไว้อยู่แล้ว ที่ไม่ใช่ทั้งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและของแฮนด์เมด ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะเราสามารถใส่ความเป็น Rustic ให้ของชำร่วยได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติมาตกแต่งหรือประดิษฐ์เป็นแพคเกจจิ้ง เช่น ถุงผ้ากระสอบ ถุงกระดาษ กล่องไม้ เป็นต้น

เพียงแค่เลือกทำตามข้อใดข้อหนึ่ง บ่าวสาวก็สามารถสร้างสรรค์ของชำร่วยธีม Rustic ได้ง่ายๆ ไม่ลำบาก รับรองว่าถูกใจคนรับแน่นอน

>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ www.pinterest.com, www.jarfulhouse.com

4 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าแต่งงานแล้วสุขภาพจะดีขึ้น

จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าการ แต่งงาน สามารถทำให้สุขภาพของคู่รักดีขึ้น และนี่คือการวิจัยสุดเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าทำไมการแต่งงานถึงทำให้สุขภาพของคู่รักยืนยาว

1. สามารถลดระดับความเครียดได้

อาจจะฟังดูเหมือนตรงกันข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่ที่แต่งงานไปแล้ว แต่นี่เป็นความจริง จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโกและนอร์ธเวสเทิร์นพบว่า คนที่ไม่ได้แต่งงานหรือไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์จะมีความเครียดมากกว่าคนที่มีคู่แล้ว ซึ่งความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาจนนำไปสู่ปัญหาทางด้านสุขภาพ

2. ลดการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ

ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังของคุณ เช่น ความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน หรือโรคไขข้อ ที่อาจจะมีอาการเพิ่มขึ้นตามอายุ แต่อาการเรื้อรังเหล่านี้มีโอกาสจะลดลงหากคุณแต่งงาน จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยมิสซูรี ภาควิชา Department of Human Development and Family Studies ได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างสุขภาพของคนที่ไม่มีคู่กับคนที่แต่งงานแล้ว พบว่าคนที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มที่จะมีภาวะของโรคเรื้อรังต่างๆ น้อยกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ใดๆ

3. สามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งร้ายแรงได้

มีหลายสาเหตุที่ทำให้คนเป็นโรคมะเร็ง เช่น พันธุกรรมหรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อการต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้คือการแต่งงาน จากการศึกษาวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Oncology บอกว่า จากการสำรวจผู้ป่วยอเมริกันกว่า 700,000 รายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง พบว่าคนที่แต่งงานแล้วมีแนวโน้มที่จะตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น จึงส่งผลให้สามารถเข้ารับการรักษาได้เร็ว และอาจมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน

4. ฟื้นตัวจากอาการผ่าตัดได้เร็ว

หากคุณเกิดประสบเหตุให้ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรัก แต่ถ้าคุณแต่งงานแล้วคุณก็อาจจะใจชื้นขึ้นมาได้นิดนึงว่า คุณจะฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็วกว่าคนที่ไร้คู่ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเอมอรี่ (Emory University) พบว่าผู้ที่แต่งงานแล้วสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าจากการผ่าตัดหัวใจทั้งชายและหญิง

ข้อมูลจาก www.marthastewartweddings.com

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนรักและครอบครัวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

3 เนคไลน์ชุดแต่งงาน กับทิปส์การเลือกให้สวยปังในวันแต่งงาน

เนคไลน์ชุดแต่งงาน คืออีกส่วนสำคัญของชุดที่จะช่วยเสริมลุคให้กับเจ้าสาว

สาวๆ หลายคนมีชุดแต่งงานในฝัน บางคนก็ชอบแบบเรียบหรู บางคนก็ชอบแบบลูกไม้ บางคนชอบกระโปรงพองฟูแบบเจ้าหญิง แต่น้อยคนที่จะเลือกชุดเจ้าสาวจาก เนคไลน์ชุดแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้วส่วนนี้ของชุดก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะเป็นส่วนที่จะช่วยเสริมให้ลุคโดยรวมของเจ้าสาวดูดี แพรว wedding เลยจัด 3 เนคไลน์ยอดฮิตมาให้ พร้อมทิปส์การเลือกใส่ให้เหมาะกับรูปร่าง (>> เจาะลึกซิลลูเอตต์ชุดแต่งงานยอดนิยมแบบไหนที่เหมาะกับรูปร่างคุณที่สุด <<)และข้อพึงระวัง รวมทั้งการแมตช์แอคเซสซอรี่ด้วย

 

คอวี (V Neck) คอเสื้อลุคหรูหรา งามระหงปนเซ็กซี่เล็กๆ

หากจะพูดให้เห็นภาพชัดเจนว่า ชุดแต่งงานคอวี คือแบบไหน เราอยากให้ว่าที่เจ้าสาวนึกถึงชุดของเจ้าหญิงเคท กับชุดเจ้าสาวคอวีแขนยาวจนกลายเป็นที่ต้องการของเจ้าสาวทั่วโลกมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวในขณะนั้น และในเวลาไล่เลี่ยกัน นางแบบระดับโลกอย่าง เคท มอสส์ ก็เลือกชุดแต่งงานคอวีแขนกุดสไตล์วินเทจมาสวมใส่ในวันสำคัญของชีวิต

ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดของคอวีคือ ทำให้คอดูยาวขึ้น แต่ก็นำสายตาให้คนมองมาที่หน้าอก จึงเหมาะกับสาวหน้าอกได้สัดส่วนประมาณคัพ B-C นอกจากนี้สาวหุ่นอ้วนกลมจำไว้เลยว่า ยิ่งปิดยิ่งตัน ฉะนั้นถ้าเลือกคอวีคุณจะไม่ผิดหวัง เพราะช่วยปรับลุคให้ดูระหงปนเซ็กซี่ได้ในบัดดล ที่สำคัญเป็นคอเสื้อที่ปรับได้หลายลุค เพียงแค่เลือกว่าจะคอตื้นหรือคอลึก ถ้ากลัวว่าลึกมากไปแล้วจะทำให้ดูเซ็กซี่จนผู้ใหญ่ส่ายหน้า ก็อาจเพิ่มผ้าซีทรูพรางเนินอกเอาไว้ แต่ถ้าอยากระหงคงความเรียบร้อยก็เว้าสีแค่เนินอกเบาๆ ก็พอ

พึงระวัง : สาวอกใหญ่คับ D ขึ้นไปต้องคิดดีๆ เพราะคอวีอาจทำให้หน้าอกแน่นเต็มเสื้อจนเกินไป รวมไปถึงไหล่ต้องไม่กว้างมากนัก เพราะถ้าไหล่ใหญ่เกินจะกลายเป็นปีกนกยักษ์ไปทันที นอกจากนี้โครงหน้าเจ้าสาวก็เป็นส่วนสำคัญ หากหน้าแหลมอยู่แล้วใส่คอวีจะกลายเป็นวีสองตัวซ้อนกัน คงไม่ต้องบอกนะว่าความแหลมจะทวีคูณแค่ไหน

ทรงชุดเจ้าสาวที่เข้ากันได้ดี : ทรงหางปลา เหมาะมากๆ กับคอวีลึกเพราะยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ไปทั้งตัว และทรงเอไลน์ เหมาะกับคอวีตื้นมากกว่า เพราะช่วยคงความหรูหราและเรียบร้อย

ทรงผมและเครื่องประดับสุดแมตช์ : ควรเลือกสร้อยที่มีลักษณะเป็นรูปหยดน้ำหรือสร้อยคอยาวทิ้งตัวลงมาพร้อมจี้ห้อย ไม่ใช่สร้อยติดคอ โดยจับคู่กับต่างหูตุ้งติ้งไปจนถึงระย้า ส่วนทรงผมนั้นจะเกล้าหลวมๆ แล้วแสกกลางด้านหน้าหรือปาดข้างก็สวยมั่นได้เหมือนกัน

คอปาด (Off the Shoulder) คอเสื้อลุคหรูนำหวานตาม

ชุดเจ้าสาวคอปาด ไม่ว่าจะปาดกว้าง ปาดแคบ รวมถึงปาดแบบเกาะไหล่หรือเลยไหล่ จะทำให้คนใส่กลายเป็นสาวหวานก็ได้ เรียบหรูก็ดี แถมยังเป็นดีไซน์ที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าหญิงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน หรือจะเป็นคนธรรมดาที่กลายมาเป็นเจ้าหญิงอย่างชาร์ลีน วิตต์สต็อก

คุณสมบัติสั้นๆ ของเสื้อคอปาดคือ ทำให้ผู้สวมใส่มีลุคหรูนำหวานตามและยังเสริมบุคลิกความเป็นสาวเรียบร้อยให้เด่นชัดขึ้น นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการปาดให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะใช้ผ้าลูกไม้ทำเป็นตัวเสื้อทั้งชิ้น หรือเลือกนำผ้าโปร่งมาโอบไหล่ สาวๆ จึงสามารถเลือกลักษณะและระดับการโอบได้ตามต้องการ เหมาะมากกับคนที่อยากใส่เกาะอกแต่ไม่กล้าเพราะกลัวจะโป๊เกินไปหรือกลัวเกาะแล้วจะหลุด เมื่อใส่ชุดคอปาดคุณจะดูหวานหรูและได้เผยผิวคล้ายใส่เกาะอก

พึงระวัง : อย่างแรกคือ ถ้าคุณเป็นสาวไหล่กว้าง จงลืมชุดเจ้าสาวคอปาดไปเสียเถอะ เพราะจะยิ่งทำให้ไหล่ดูกว้างจนอาจดูแมนมากกว่าเจ้าบ่าวได้ นอกจากนั้นควรระวังการตัดเย็บให้ดี โดยเฉพาะดีเทลบริเวณช่วงไหล่หรือแขน เพราะหากตัดเย็บไม่พอดีอาจจะไม่เกาะไหล่ ทำให้ต้องคอบจับคอยยกตลอดเวลาขยับตัว ฉะนั้นตอนลองชุดอย่าลืมขยับเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าใส่ได้พอดี

ทรงชุดเจ้าสาวที่เข้ากันได้ดี : หากเป็นชุดหมั้นแบบสั้นจะเพิ่มลุคสาวน่ารักเรียบร้อยสมเป็นหญิงไทยได้ดี ถ้าเป็นชุดเจ้าสาวในพิธีฉลอง คอปาดสามารถเข้าได้กับทุกชุดทุกทรง รับรองอลังการแน่นอน

ทรงผมและเครื่องประดับสุดแมตช์ : เกล้าเก็บผมแบบรวบตึงแล้วแสกกลางก็ช่วยชูลุคหรูหราให้เป๊ะขึ้นไปอีก ยิ่งจับคู่กับต่างหูระย้าและสร้อยคอทรงกลมที่รับกับความโค้งของคอปาด ยิ่งทำให้คุณเป็นเจ้าสาวหรูนำหวานตามตัวจริง

เนคไลน์ชุดแต่งงาน

คอปีนหรือคอสูง (High Collar) คอเสื้อลุคสง่างาม โก้หรู

เนคไลน์ชุดแต่งงาน

ชุดเจ้าสาวคอปีนที่ยังอยู่ในความทรงจำของหลายคนน่าจะมาจากภาพของเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก ซึ่งถือเป็นไอดอลของว่าที่เจ้าสาวที่ฝันถึงภาพความสง่างามราวกับเจ้าหญิงในชุดเจ้าสาวคอปีนแบบใกล้เคียงกัน

จุดเด่นของคอปีนคือ เป็นคอเสื้อที่ช่วยปรับลุคคนใส่ให้ดูสง่างามในพริบตา แถมยังช่วยปรับบุคลิกภาพให้โดยไม่รู้ตัว เพราะทันทีที่สวมใส่คอคุณจะตั้งตรง ส่งผลให้หลังตรงดูสง่างาม นอกจากนี้ยังเสริมความโก้หรูและทำให้รูปร่างดูโปร่งมากขึ้นหากช่วงบนนับจากเนินอกถึงคอตัดเย็บจากผ้าซีทรูหือผ้าลูกไม้ซีทรู

เนคไลน์ชุดแต่งงาน

พึงระวัง : ถ้าคิดจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบคอปีน คุณก็ต้องมีคอให้ปีนด้วย ฉะนั้นอาจไม่เหมาะกับสาวคอหนาและสั้น แต่หากมั่นใจและอยากได้คอเสื้อแบบนี้จริงๆ ให้ปรับโครงสร้างของชุดเล็กน้อยคือ ปาดช่วงหน้าอก (ช่วงต่อระหว่างผ้าทึบเกาะอกกับผ้าซีทรู) ให้ลึกกว่าปกติเพื่อช่วยพรางให้คอดูยาวและยังเสริมความระหงได้อย่างแนบเนียน

ทรงชุดเจ้าสาวที่เข้ากันได้ดี : คอปีนคู่กับทรงหางปลาให้ลุคเซ็กซี่ แต่ถ้าเน้นความสง่าสุดๆ ให้จับคู่กับทรงเอไลน์หรือทรงบอลกาวน์

เนคไลน์ชุดแต่งงานเนคไลน์ชุดแต่งงาน

ทรงผมและเครื่องประดับสุดแมตช์ : เกล้าเก็บผมขึ้นทั้งหมดแล้วสวมเทียร่าคู่กับต่างหูแบบแป้นติดหูไปจนถึงต่างหูแบบตุ้งติ้ง ห้ามใส่ต่างหูทรงระย้าเด็ดขาด เพราะช่วงคอมีผ้ามาปิดอยู่แล้ว จึงดูไม่เข้ากันอย่างแรง

เนคไลน์ชุดแต่งงาน

สารพัดปัญหางานแต่งงานสุดกวนใจ รู้ไว้จะได้เตรียมรับมือ

สารพัด ปัญหางานแต่งงาน สุดกวนใจ ที่คู่รักต้องทำใจก่อนสละโสด!!

งานแต่งงานยังไม่ทันเริ่มก็มีปัญหาต่างๆ นานารุมเร้าเข้ามาจนคู่รักบางคู่ถึงขั้นถอดใจว่าไม่แต่งดีไหมนะเรา อ่ะๆๆ…ช้าก่อน อย่าได้ถอดถอนใจขนาดนั้นค่ะ เพราะแพรว wedding ได้รวบรวมทุก ปัญหางานแต่งงาน และเรื่องเมาท์มอยของคนที่บ่าวสาวต้องระวังในวันแต่งงานจนอาจทำให้คุณถึงขั้นคิ้วผูกโบเอามือกุมขมับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณกำลังจะสละโสดเตรียม (ใจ) รับมือให้ดี ตามนี้เลย

เจ้าบ่าว เจ้าสาว

ปัญหางานแต่งงาน

ก่อนจะบ่นหรือถอนหายใจใส่ใคร ควรเริ่มมองที่ตัวเองก่อนว่าได้เผลอทำให้คนรอบข้างต้องปวดหัวบ้างหรือเปล่า เพราะบางครั้งความคาดหวังของคุณก็อาจทำร้ายตัวคุณเอง คุณว่าที่ และคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ว่ากันตั้งแต่เรื่องการตกแต่งงาน ลำดับพิธี ชุด หน้า-ผม การ์ด อาหาร การรับรองแขก ฯลฯ

เท่าที่เราเคยเห็นส่วนใหญ่ เจ้าสาวจะนอยด์เรื่องการตกแต่งงาน เพราะอยากให้สวยงามอลังการตามความใฝ่ฝัน เรื่องลำดับพิธีการเพราะอยากให้งานออกมาเป๊ะเว่อร์และเรื่องชุด + หน้าผมเพราะอยากสวยที่สุดในงานแต่ง (นี่ก็แทบจะครบทุกองค์ประกอบแล้ว) ของแบบนี้ว่ากันไม่ได้ ฝันใครก็ฝันมันแต่หากคุณมีความคาดหวังสูง นั่นก็ทำกับว่าคุณต้องจัดการทุกเรื่อให้ดี ใส่ใจ และเต็มที่กับมันให้มากที่สุด เพราะถ้ามัวแต่นอยด์แล้วไม่ลงมือแพลนนิ่งให้ดีมันก็เท่านั้น จริงไหมจ๊ะ แถมคนข้างๆ อาจรำคาญใจจนต้องส่ายหน้า

ส่วนเจ้าบ่าวมักจะออกแนว “ยังไงก็ได้” หรืออาจมีแค่งอแงไม่ยอมใส่โจงกระเบนในพิธีเช้า ถ้าคุณเป็นเจ้าบ่าวประเภท “ยังไงก็ได้” ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะถ้ามา “ไม่ได้” ตอนหลังจะวุ่นวายมาก และอาจทำให้เจ้าสาวสติแตกจนร้องกรี๊ด

 

คุณพ่อ คุณแม่

ปัญหางานแต่งงาน

คือผู้ทรงอิทธิพลอันดับ 1 ในการจัดงานเลยทีเดียว เพราะเป็นคนที่รักเราและเรารักมากที่สุด ซึ่งปัญหากระทบกระทั่งระหว่างคู่บ่าวสาวกับญาติผู้ใหญ่พบได้บ่อยมาก เพราะความเห็นของคน 2 เจเนอเรชั่นมักไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับวัฒนธรรมไทย การแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคน 2 คน ดังนั้นถ้าคุณอยากจัดงานแหวกแนว เช่น งานริมทะเลเชิญแขกน้อยๆ หรืองานสไตล์ปาร์ตี้สบายๆ ที่ไม่มีประธานและคุณพ่อคุณแม่ขึ้นพูดบนเวที ฯลฯ ก็ควรทำความเข้าใจกับท่านตั้งแต่แรก เพื่อความสมานฉันท์และความสบายใจของทุกฝ่าย ที่สำคัญควรซ้อมคิวกับท่านด้วยว่าต้องทำอะไรตอนไหนบ้าง เพราะถึงเวลาจริงรับรองว่าตื่นเต้นกันทุกคน บางท่านผิดคิวหยิบมาลัยมงคลมาคล้องให้ตัวเองก็มีมาแล้ว

แต่หากคุณพ่อคุณแม่เป็นคนชิลๆ ก็ถือว่ารอด ก็แค่แจ้งให้ท่านทราบว่างานของเราจะแปลกและแตกต่างอย่างไรบ้าง ท่านจะได้เตรียมตัวถูก

แต่หากคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้กว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็น นักธุรกิจ นักการเมือง หรือ อบต.ต้องทำใจว่าท่านย่อมอยากเชิญแขกจำนวนมากและเกินครึ่งเป็นแขกที่บ่าวสาวไม่รู้จัก ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณก็คงต้องจัดงานใหญ่ตามใจท่าน เพราะถือว่าเป็นหน้าเป็นตาและเป็นคอนเน็กชั่นในอนาคต แล้วค่อยไปจัดรอบส่วนตัวกับเพื่อนๆ ภายหลัง แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณ แนะนำให้ปรึกษาท่านตรงๆ ว่าพอจะลดทอนแขกบางส่วนหรือช่วยสมทบทุนให้เราได้บ้างไหม

และถ้าคุณพอจะรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนเยอะหรือมีแนวโน้มคิดเล็กคิดน้อยต้องสืบหาความต้องการที่แท้จริงของท่านให้ได้ เพราะบางท่านไม่พูดออกมา แต่กลายเป็นปัญหาทีหลัง เราเห็นมาหลายคู่แล้ว เช่น ทักท้วงไปเสียทุกเรื่องจนไม่เป็นอันทำอะไร หรือมีงานหนึ่งคุณแม่เจ้าบ่าวไม่ได้ขึ้นพูดบนเวทีแล้วน้อยใจจนพานไปมีปัญหากับสะใภ้อยู่หลายเดือน

  • เยอะในเรื่องพิธีการหรือความเชื่อ เคสนี้รับมือไม่ยาก แค่ยกพิธีเช้าไม่ว่าจะเป็นแบบไทยหรือจีนให้ท่านจัดการ แล้วคุณมาเต็มที่กับงานเย็นแทน
  • เยอะในรายละเอียด กรณีนี้คุณอาจปวดหัวเยอะหน่อย เช่น คุณแม่อยากมีดอกไม้เยอะๆ (แต่ลูกอยากเท่) คุณแม่อยากจัดที่โรงแรมนี้ อยากจัดให้ใหญ่กว่าหรือเหมือนกับลูกคนนั้น ฯลฯ ดังที่เจ้าสาวรายหนึ่งเคยปรารภว่า “มันเป็นความฝันของพ่อแม่ว่าอยากให้ลูกแต่งงานอย่างไร แต่ในความเป็นจริงลูกไม่ได้ฝันอย่างเดียวกัน”…ก็ต้องจับเข่าคุยว่า ขอพบกันครึ่งทาง ให้คุณแม่ได้ตามฝันในเรื่องใดบ้างและเราจะขอจัดอย่างที่ฝันได้ในส่วนไหนบ้าง (ถอนหายใจแป๊บ)

 

เพื่อนเจ้าบ่าว – เจ้าสาว

ปัญหางานแต่งงาน

ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ ฝ่ายหญิงที่มีข้อเรียกร้องเยอะ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก ก็เรื่องสวยๆ งามๆ ตามประสาผู้หญิงนั่นล่ะ ที่เคยฟังเจ้าสาวตัวจริงบ่นมาก็มีตั้งแต่แขนใหญ่อ่ะ ไม่ใส่สไบนะ ไม่ใส่สีฟ้านะเดี๋ยวดำ ไปจนถึงห้ามแกใช้สีเขียวมิ้นต์นะ ฉันจอง (เอิ่ม คุณน้องคะ รอให้ได้แต่งเองก่อนดีไหม) ซึ่งถ้าไม่ได้ดังใจบางคนก็งอนอีก แล้วยิ่งถ้าเพื่อนแต่ละคนต้องการคนละอย่างด้วยล่ะก็…อย่าให้ถึงงานแกบ้างแล้วกัน! (ขอพูดความในใจแทนเจ้าสาว)

เรื่องนี้อยากบอกให้สาวๆ ให้คิดถึงใจเจ้าสาวไว้บ้างนะคะ เพราะแค่เตรียมงานให้ถูกใจทั้งตัวเองและญาติผู้ใหญ่ เธอก็นอยด์มากมายอยู่แล้ว กับแค่เรื่องชุดทีมเพื่อนเจ้าสาวก็หยวนๆ ให้เธอหน่อยเถอะ ถือว่าช่วยเพื่อนลดเรื่องปวดหัวแล้วกันนะ ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวส่วนใหญ่มักมาแนวอยากให้ใส่อะไรก็ใส่ ขอแค่อย่าหายาก อยากให้ทำอะไรก็ใช้มาละกัน แต่หลังงานเลี้ยงเบียร์ด้วยนะ ฮ่าๆๆ (มาแนวตลกดื่ม)

 

แขก

06_132-Scoop3

คู่บ่าวสาวที่จัดงานแบบซิตดาวน์ดินเนอร์และมีการทำซีตติ้งชาร์ตมักจะเจอปัญหาแขกไม่ยอมนั่งตามผังที่ระบุไว้ กลายเป็นปัญหาหน้างาน เพราะพอแขกที่เป็นเจ้าของที่นั่งตัวจริงมาถึงก็เหวอ บางคนก็หยวนๆ ยอมย้ายไปนั่งตรงที่ว่าง แต่ถ้าไปเจอแขกต่างชาติบางคนที่ไม่ยอมถูกละเมิดสิทธิ์ง่ายๆ ก็จะเป็นเรื่องเป็นราวเอาได้ง่ายๆ นะคะ เราเคยเห็นกับตามาแล้วที่ฝรั่งก็จะรักษาสิทธิ์ขอนั่งที่เดิม ส่วนคนไทยที่นั่งไปแล้วก็ไม่ยอมย้าย ทำเอาออร์แกไนซ์และบ่าวสาวปวดหัวตึ้บ!

อีกเรื่องที่เห็นแล้วปวดหัวแทนบ่าวสาวคือ ในงานที่มีการวางป้ายชื่อแขกไว้บนโต๊ะแล้วมีบางคนหัวหมอสลับป้ายชื่อตัวเองทำให้คนที่คอยเชิญแขกมานั่งสับสนไปหมด เพราะฉะนั้นอย่าลืมซีร็อกซ์แผนที่การนั่งไว้เช็กกันด้วยนะ จะได้เป็นยันต์กันงง

แต่จะว่าไปเรื่องแบบนี้เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เพราะคนไทยชินกับการนั่งกับคนคุ้นเคยตามใจชอบและไม่คิดว่าการย้ายที่นั่งเองจะเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นหากคุณคิดจะจัดผังที่นั่งแบบงานแต่งของฝรั่ง ขอให้ตรึกตรองให้ดีว่าแขกของคุณจะเข้าใจไหม ไม่อย่างนั้นจัดไว้คร่าวๆ จะยืดหยุ่นกว่า เช่น โต๊ะญาติเจ้าสาว 3 โต๊ะ โต๊ะเพื่อนที่ทำงาน 2 โต๊ะ ฯลฯ แล้วให้ไปเลือกกันเองว่าอยากนั่งตรงไหนกับใคร แบบนี้สบายใจกันทุกฝ่ายแน่นอน

 

ประธาน

ปัญหางานแต่งงาน

 

ที่เราหยิบข้อนี้มาไว้เป็นข้อสุดท้าย ก็เพราะตัวท่านประธานอาจไม่ได้ทำให้ใครปวดหัว ยกเว้นบางท่านที่กล่าวอวยพรนานไปหน่อย แต่เรื่องนั้นเราแก้ไขได้ง่ายๆ เพียงแค่ซักซ้อมคิวกับท่านก่อนว่า “ขอไม่เกิน 10 นาทีนะคะ เพราะมีคิวต่อไปรออยู่” ส่วนถึงเวลาจริงท่านจะกระชับเวลาได้แค่ไหนก็ต้องปล่อยไปนะคะ

ส่วนเรื่องหนักใจจริงๆ อยู่ที่ว่า “จะเชิญใครมาเป็นประธาน” มากกว่า เพราะแต่ละฝ่ายก็มีผู้ใหญ่ที่นับถือและเกรงใจอยู่หลายคน ทั้งของคุณพ่อคุณแม่และของเราเอง ถ้าเกิดกรณีนี้ลองแบ่งเชิญท่านละช่วง เช่น เชิญผู้ใหญ่ที่คุณพ่อคุณแม่นับถือเป็นประธานหรือเถ้าแก่ในช่วงเช้า เชิญผู้ใหญ่ที่บ่าวสาวนับถือเป็นประธานในพิธีฉลอง ซึ่งอาจมีได้ประมาณ 2 ท่านกำลังดี หรือถ้ามีมากกว่านั้น อาจแยกให้บางท่านคล้องมาลัยมงคลแล้วอวยพรส่วนอีกท่านมากล่าวให้โอวาท เรียกว่าหาทางจัดสรรให้ลงตัว จะได้มีบทบาทกันครบทุกคนนั่นเอง

สุดท้ายอยากฝากไว้สำหรับคู่ที่เชิญประธานที่เป็นคนดัง ควรเช็กคิวท่านให้ดีด้วยนะคะ เพราะบางครั้งอาจมีงานอื่นเชิญท่านเป็นประธานชนกับงานเราทำให้ต้องมีการวิ่ง 2 งาน และแน่นอนว่าถ้าคุณได้คิวที่ 2 จะต้องลุ้นกันจนเครียดว่าท่านจะมาทันไหม งานจะเลทหรือเปล่า … ซึ่งถ้ารู้ว่าคิวชนแน่ๆ ทางที่ดีเปลี่ยนแผนหรือหาแผนสำรองรอไว้เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเครียดสะสมตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนถึงวันจริง

ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้อยากให้เครียดแค่อยากให้ทำใจและหาทางรับมืออย่างชาญฉลาด ส่วนถ้าคุณเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านี้ก็อย่าเผลอตัวทำให้บ่าวสาวต้องกุมขมับแล้วกัน เดี๋ยวถึงงานตัวเองกรรมจะตามสนองนะเออ แฮ่ๆ

>> อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เช็คหัวใจและสถานะตัวเองด่วนกับ 4 สัญญาณที่กำลังบอกว่าคุณ อยากมีแฟน แล้ว!!

มาเช็กกันสิว่า ความโสดที่คุณถือครองอยู่นั้นกำลังเปลี่ยนไปแล้วแทนที่ด้วยคำว่า อยากมีแฟน แล้วนะหรือเปล่า!!

สาวยุคใหม่มักจะครองตนเป็นโสด เพราะด้วยไลฟ์สไตล์และการทำงานที่ทำให้คุณใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้สบายใจมากกว่า และหลายคนก็เป็นผู้หญิงเก่งที่รับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเองได้ มีความสุขกับ daily routine ต่างๆ ไม่ว่าจะออกกำลังกาย ช้อปปิ้ง รับประทานอาหารดีๆ หรือท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ ทั้งแบบตัวคนเดียว หรือกับเดอะแก๊ง ทำให้วันหนึ่งๆ ของคุณเต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ แต่จะดีกว่านี้ไหม ถ้าในแต่ละวันของคุณนั้น มีอีกคนมาร่วมแชร์ความทรงจำไปพร้อมกับคุณ แพรว wedding เลยมี 4 สัญญาณมาให้สาวๆ ได้เช็คกันว่า อยากมีแฟน แล้วนะหรือเปล่า

1. ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่ทำไมในใจรู้สึกว่างเปล่า?

สัญญาณแรกที่จี๊ดสุดๆ เราใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนๆ เดิม แต่พอวันหนึ่งเกิดรู้สึกว่า มันไม่เหมือนเดิม ความมีชีวิตชีวาที่เคยมีมันหายไป หลายๆ คนอาจคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ชีวิตก็ต้องมีขึ้นมีลงบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ช้าก่อน เรื่องเหล่านี้มันไม่ปกตินะ เพราะทุกวันนี้ความรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้ ส่งผลให้คนป่วยเป็นโรคทางจิตใจ เรียกว่าเป็นโรคฮิตของคนรุ่นใหม่ก็ว่าได้ ความสุขจึงมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิต ลองตามหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือเปิดใจให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิต ทำให้เราอยากมีวันที่มีกันและกัน ดูแลกันแบบนี้ก็อบอุ่นหัวใจมากๆ

อยากมีแฟน

2. กินข้าวคนเดียวบ่อยเกินไปหรือเปล่า?

มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่เราคนเดียวจะกินข้าวคนเดียว แต่มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อกลางเย็น เป็นแบบนี้ซ้ำๆ ตลอด 1 สัปดาห์ 1 เดือน 1 ปี หรือมากกว่านั้น OMG! แม้ว่าคุณจะมีนัดสังสรรกินข้าวกับเพื่อน หรือเพื่อนร่วมงาน แต่มีวิจัยกล่าวว่า การกินข้าวคนเดียวส่งผลต่อจิตใจ เพราะบรรยากาศการกินข้าวคนเดียวแบบนี้ อาจจะทำให้คุณซึมเศร้าได้ แต่ถ้าคุณมีเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารในทุกเช้า ทุกเย็น มันจะมีสีสันและดีต่อใจกว่านี้แน่ๆ

รีบแต่งงาน

3. ทำไมเด็กๆ ถึงน่ารักจังเลยนะ?

เป็นธรรมชาติของผู้หญิง กับความเป็นแม่ที่ติดตัวมา แต่ก็ไม่ใช่ว่าหลายๆ คน จะรักเด็กเป็นพิเศษหรอกนะ เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เราใช้ชีวิตมาก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความคิดส่วนบุคคล เรื่องนี้จึงตัดสินกันไม่ได้เนอะ อย่างไรก็ตาม ความเอ็นดูเด็ก ที่อยากดูแลให้เขาเติบโตมาอย่างดี ความรักที่มีเหล่านี้ที่ทำให้คุณอยากมีลูก คอยทะนุถนอม เอาใจใส่และอยู่เคียงข้าง เราคิดว่า ถึงจุดนี้แล้ว น่าจะทำให้หลายๆ คนตัดสินใจอยากมีชีวิตครอบครัวนะ ซึ่งแม้ว่าจะมีอีกหลายปัจจัยต่างๆ ตามมา ทั้งความพร้อมของคู่รัก และฐานะทางการเงิน ก็ตาม ลูกก็คือความรักของคุณนั่นเอง

รีบแต่งงาน

4. บั้นปลายชีวิตจะเป็นยังไงนะ?

บางคนอาจจะคิดว่า การใช้ชีวิตโสดก็มีความสุขเพียงพอแล้ว แต่ว่าชีวิตหลังวัยเกษียณหรือเมื่อคุณอยู่ในวัย 60 ปีขึ้นไป แม้ว่าคุณจะดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แต่ร่างกายของคุณก็ไม่คล่องแคล่วเท่าแต่ก่อน ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา มันคงจะลำบากหากคุณอยู่คนเดียว เพราะเพื่อนคุณก็อาจจะไม่ได้มีเวลาสำหรับคุณเสมอไป ดังนั้น คนที่จะอยู่ดูแลคุณได้จึงเป็นครอบครัว อีกทั้งลูกๆ หลานๆ ยังช่วยเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ดีด้วยนะ

รีบแต่งงาน

หากกังวลว่าคนแบบไหนนะที่เราควรจะเปิดใจเพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ตามอ่าน >> “ศีลเสมอกัน” ทริคการเลือกคู่ให้ดีตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ภาพจาก Unsplash

6 ทริคอุดรูรั่วฉาบรอยร้าวก่อนเตียงหักรักจะแตกแหลกสะบั้น

แม้บางคู่จะพยายามสานสัมพันธ์ด้วยทริปกระชับรักหรือบางคู่จะยอมถอยคนละก้าวก็แล้วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เตียงหัก แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุในยามที่อาการรักเข้าขั้นโคม่า (แบบว่ามันก็ช้าไปอ่ะตัว)  เราจึงขอนั่งสาระตะหาวิธีอุดรอยรั่วความสัมพันธ์ที่แตกร้าว เพื่อประคองรักให้รอดพ้นมรสุมมาฝากกัน

1. ลองดูวิธี Take a break

ถ้าคิดจะพัก ก็ควรพักกันตั้งแต่ขาเตียงเริ่มสั่นไหวตอนที่ปัญหากำลังส่อเค้ารุนแรง อย่าฝืนไปมันจะยิ่งล้า แถมเร่งให้พังกันทั้งคู่ แต่เมื่อตัดสินใจจะหยุดพักก็ใช่ว่าจะไปลั้ลลากับคนใหม่ได้ ให้พักเพื่อสำรวจตัวเองและความสัมพันธ์ว่าตรงไหนที่ทำให้ขาเตียงไม่มั่นคง แล้วแก้ปัญหาไปด้วยกันทีละจุด ไม่ใช่ว่างปุ๊บห่างปั๊บก็เปิดโลกใหม่กับคนอื่นทันที

2. จำไว้เลย เพื่อนเยอะ (อาจ) ไม่ช่วยอะไร

บางครั้งคำแนะนำจากกลุ่มเพื่อนอาจไม่ช่วยอะไร (นอกจากจะให้กำลังใจ)  บางคนเพื่อนดีก็โชคดีไป แต่บางคนแนะนำเยอะยิ่งแย่ก็มี เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตคู่คือเรื่องของสองคน ยิ่งคิดจะปรึกษาเพื่อนฝูงร้อยแปดพันคน ก็ยิ่งมากความเพราะชาวแก๊งไม่ได้มาร่วมเตียงที่ขาสั่นพับๆ กับคุณสักหน่อย สู้เราปรึกษากันเงียบๆ บนที่นอนเดียวกัน คุยกันสองคนจุ๊งจิ๊งดีกว่า โบราณว่า ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ปัญหาชีวิตคู่แก้ให้ถูกที่คันถึงจะดี

3. สติมา ความไว้ใจเกิด

ถ้าเริ่มระแคะระคายว่าอีกฝ่ายหนีบใครสักคนไปดูหนังหรือล่องเรือสำราญสองต่อสอง ก็อย่าพึ่งวีนเหวี่ยงแหกอกให้ความสัมพันธ์มันร้าวราน ชีวิตคู่ต้องอยู่บนความไว้ใจ บางทีคุณอาจต้องดูตัวเองว่า หนังที่เขาไปดูเป็นหนังที่คุณชอบหรือเปล่า บอกตัวเองว่าเพื่อนกันไปดูหนังกันได้ แถมเข้าโรงหนังไม่ใช่โรงแรมอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ แต่ถ้าถี่จนเกินรับไหว การคุยกันแบบมีสติคือสิ่งสำคัญ  ลองถามดูไหมว่า เธอ คนที่เธอไปด้วยบ่อยๆคือใคร หรือเปลี่ยนจากไปดูหนังกับคนอื่นเป็นเราไปดูด้วยกันไหม

4. โมโหโกรธา ลงไม้ลงมือมีแต่พังๆๆ

หากยอมปล่อยให้เกิดการใช้กำลังโดยที่ไม่มีการพูดคุยตั้งแต่แรก ก็ถือว่าเป็นความผิดของคนทั้งคู่ที่พาให้ความรักครั้งนี้มาถึงจุดจบ แต่ถ้าให้ดีคุณผู้ชายทั้งหลายโปรดรู้ไว้เถอะว่า ผู้หญิงไม่ได้ถูกสร้างให้มีมัดกล้ามแกร่งเช่นชายฉกรรจ์ ฉะนั้นคุณคือเพศที่แข็งแรงกว่า และการทำร้ายผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ เพราะฉะนั้นจงมีสติยั้งคิดเอาไว้เสมอ

5. ปรับทีละนิดเข้าหากันทีละหน่อย

ต่างคนต่างที่มา คนหนึ่งอาจอยู่ติดบ้าน อีกคนอาจชอบสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง แต่เมื่อคิดจะรักและใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันแล้ว การค่อยๆปรับไลฟ์สไตล์ให้มาเจอกันตรงกลางเป็นสิ่งสำคัญ คนอยู่ติดบ้านอาจออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านด้วยกันบ้าง ส่วนคนที่เอะอะออกจากบ้านก็ลองใช้ชีวิตในบ้านบ้าง มันไม่น่าเบื่อหรอกกับกิจกรรมในบ้านแบบที่คู่รักเขาทำกัน

6. รักฟ้าแลบ แต่อย่าแต่งฟ้าผ่า

ตัดสินใจเร็ว ด่วนแต่งอาจทำให้ไม่มีเวลาในการศึกษาดูใจกันเพียงพอจนยังไม่เห็นด้านมืด ด้านสว่างแบบครบทุกด้าน นั่นอาจทำให้ยามที่ต้องมาอยู่ด้วยกันเกือบ 24 ชั่วโมง ตื่นมาดมขี้ฟันกันแต่เช้าอาจเกิดปัญหาได้ เพราะไม่อาจทนรับพฤติกรรมบางอย่างได้ สู้ใช้เวลาศึกษากันนานสักหน่อย แล้วถามใจว่ารับได้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม ถ้าใช่จะตัดสินใจร่วมเตียงหนุนหมอนเดียวกันก็ยังไม่สาย

แต่ที่พูดแบบนี้ใช่ว่าคู่รักฟ้าแลบแปร๊บๆ ทั้งหลายจะต้องเลิกกัน ถ้ารู้จักยอมรับและยอมปรับในสิ่งต่างๆ และทำตามคำแนะนำของเรา ต่อให้สายฟ้าจะฟาดจะแลบสักกี่ครั้งความสัมพันธ์ก็ยั่งยืนได้

คำแนะนำทั้ง 6 ที่เล่ามาสามารถทำได้ตั้งแต่รักยังมั่นคง เพราะการปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ ต่อให้ไปกระชับสัมพันธ์กันถึงต่างแดนก็ไม่ช่วยอะไร และสำคัญที่สุดคืออย่าทำพฤติกรรมอะไรที่จะสั่นคลอนความสัมพันธ์ของเราเลย

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย! <<

พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ที่ควรหยุด ก่อนจะสายเกินแก้สำหรับสาวๆทั้งหลาย

สาวๆทุกคนย่อมอยากมีผมสวยๆด้วยกันทั้งนั้น แต่บางทีก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ส่งผลร้ายกับเส้นผมขนาดไหน เรามาหยุด พฤติกรรมทำร้ายเส้นผม ของเรากันเถอะ มาดูค่ะว่าพฤติกรรมทำร้ายเส้นผม มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวที่อยากปล่อยผมในวันแต่งงานต้องรู้

ทรงผมเจ้าสาวผมสั้นนี่แหละช่วยให้เจ้าสาวสวยชิคดูอ่อนวัย

ทรงผมเจ้าสาวงานเย็นแบบเกล้าหางม้า ได้ลุคเจ้าสาวสมัยใหม่สุดๆ

เจ้าสาวปล่อยผมได้ไม่ผิดกฎ ทรงผมเจ้าสาวยาวตรงสวยเรียบดูดีเกินคาด

 

1. สระผมเป็นประจำทุกวัน

การรักษาความสะอาดด้วยการสระผมเป็นประจำทุกวัน ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องดี แต่ว่าจริงๆแล้ว ถ้าสระผมทุกวัน หนังศรีษะของคุณจะแห้ง สูญเสียความชุ่มชื้น เส้นผมจะเริ่มหยาบและเปราะขาด แตกปลายง่าย ควรสระผมสองถึงสามวันต่อหนึ่งครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศรีษะและกิจกรรมของคุณในแต่ละวัน

2. สระผมด้วยน้ำร้อนจัด หรือเย็นจัด

อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับใช้สระผมคือน้ำอุณหภูมิห้อง น้ำร้อนจัดหรือเย็นจัด จะทำให้เส้นผมแห้ง

3. หวีหรือแปรงผมบ่อยเกินไป

การหวีผมหรือแปรงผมบ่อยๆไม่ได้ทำให้ผมสวยขึ้นแต่จะเป็นการทำร้ายเส้นผมมากกว่า เพราะยิ่งหวีผมมาก จะยิ่งดึงรั้งรากผมยิ่งขึ้น หวีจะเสียดสีเส้นผมจนเกร็ดผมเปิดออก และเสียความชุ่มชื้น อาจเกิดปัญหาผมบางผมร่วงตามมา ควรหวีแค่วันละสิบกว่าครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

4. หวีผมตอนผมเปียก

ตอนผมเปียกจะเป็นช่วงที่ผมและรากผมอ่อนแอ ขาดร่วงง่าย ถึงแม้จะใช้หวีซี่ห่างแล้วก็ยังเสี่ยงอยู่ดี ควรหวีตอนผมใกล้แห้งจะดีที่สุด

5. ผมโดนความร้อนมากเกินไป

เมื่อออกแดดควรกางร่มหรือสวมหมวก เพื่อปกป้องเส้นผมจากรังสียูวี แต่ไม่ใช่แค่นั้น ความร้อนที่ควรหลีกเลี่ยงรวมถึงความร้อนจากอุปกรณ์เสริมสวยต่างๆด้วย ทั้งไดร์เป่าผม เครื่องรีดผมไฟฟ้า และแกนม้วนผมไฟฟ้า จะทำให้เส้นผมกรอบ บางลง และสีผมซีดลง ก่อนใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจึงควรฉีดสเปรย์ป้องกันผมจากความร้อนทุกครั้ง

6. เปลี่ยนสีผมบ่อยเกินไป

ลองสังเกตว่าเส้นผมของคุณแห้งและหยาบขึ้นทุกครั้งที่เปลี่ยนสีผมใหม่หรือเปล่า ถ้าใช่ แสดงว่าคุณประสบปัญหาผมเสียจากสารเคมีสะสมจากน้ำยาเปลี่ยนสีผมแน่ๆ ซึ่งถ้ายังคงทำแบบเดิมต่อไป ปัญหาอาจเกิดถึงขั้นผมขาดหลุดร่วงเลยก็ได้ ควรเลือกใช้เคมีเปลี่ยนสีผมแบบ ไร้แอมโมเนีย เพื่อผมแห้งเสียน้อยที่สุด และควรทิ้งช่วงให้ผมได้พักบ้าง

7. บำรุงโปรตีนให้ผมมากเกินไป

ในผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่างๆ ล้วนมีสารอาหารที่ให้โปรตีนผมผสมอยู่ ซึ่งโปรตีนจะเป็นตัวช่วยซ่อมแซม เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มวอลลุ่มให้กับเส้นผม แต่การบำรุงมากเกินไปจะทำให้หนังศรีษะมัน และเส้นผมหนักเกินไปจนขาดหลุดร่วงได้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของเราจริงๆ

หากพลั้งพลาดไป จนผมของคุณเสียแตกปลายแล้วล่ะก็ ให้เล็มปลายผมออกทุกๆเดือน เพราะถ้าปล่อยไว้ผมก็จะเสียแตกปลายลุกลามขึ้นเรื่อยๆ แล้วยิ่งถ้าคุณทำผมสีอ่อน จะยิ่งเห็นได้ชัดเจน และทำให้เสียบุคลิก นอกจากเล็มปลายผมออกแล้ว ควรทำทรีตเม้นต์ฟื้นฟูสภาพเส้นผมด้วย

เคล็ดลับเลือกเครื่องประดับเจ้าสาว ให้เข้ากับชุดแต่งงาน เมคอัพหน้าผม

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงกำลังกังวลใจ คิดไม่ตกว่าจะเลือกซื้อ เครื่องประดับเจ้าสาว แบบไหนมาใช่ในวันงานดี  แถมยังคิดไม่ตกอีกว่าจะต้องใช้กี่ชิ้นจึงจะเหมาะจึงจะสวย ดูดีสมกับวันพิเศษที่ได้สวมชุดเจ้าสาวที่ใฝ่ฝัน ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธีที่ทำตามไม่ยากก่อนจะตัดสินใจเลือกเครื่องประดับที่เหมาะสมกับคุณที่สุดในวันวิวาห์กันก่อน

คอเจ้าสาว

เครื่องประดับเจ้าสาว

การเลือกแบบของสร้อยคอนอกจากจะขึ้นอยู่กับรูปร่างแล้ว ที่สำคัญยังขึ้นอยู่กับลักษณะคอและช่วงอกของเจ้าสาวอีกด้วย ถ้าคอสั้นควรใส่สร้อยที่มีจี้ห้อยระย้าลงมาจะช่วยให้เจ้าสาวดูงามระหงมากขึ้น เป็นต้น

ชุดที่เจ้าสาวกำหนด

เครื่องประดับเจ้าสาว

ดูว่าเจ้าสาวเลือกชุดแบบไหนในวันงาน เช่น ถ้าเป็นชุดปิดคอด้วยผ้าลูกไม้ ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องประดับมากมาย อาจเลือกใส่แค่ต่างหูสวยๆ กับสร้อยข้อมือหรือกำไลก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นชุดเกาะอกก็ควรใส่สร้อยเพื่อไม่ให้คอโล่งจนเกินไป

เครื่องประดับเจ้าสาว

หูและทรงผมก็มีเอี่ยว

ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเกล้าผมเปิดหน้า จึงควรใส่ต่างหูที่เข้ากับรูปหน้าหรือเข้ากับลักษณะของหู ติ่งหูและการเจาะหูสูงต่ำก็จะเหมาะกับต่างหูที่ต่างกันไป เช่น ติ่งหูใหญ่หนาสามารถใส่ต่างหูคู่ใหญ่ได้ อาจเป็นต่างหูพลอยล้อมเพชรหรือต่างหูรูปทรงเก๋ๆ ใหญ่ๆ ปิดติ่งหูก็ยังได้ แต่ถ้าติ่งหูเล็กบาง อาจเลือกต่างหูแบบที่มีความยาวเลยติ่งหูลงมาสัก 1 – 2 เซนติเมตรหรือยาวพอดีกับติ่งหู แต่มีเพชรพลอยห้อยตุ้งติ้ง เป็นต้น ถ้าเลือกให้เข้ากันจะช่วยส่งให้ใบหน้าสวยๆ ของเจ้าสาวเด่นขึ้นไปอีก

ขนาดของเครื่องประดับ

ถ้าเลือกใส่ต่างหูใหญ่ระย้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่สร้อยคอ แต่ถ้าอยากใส่แนะนำให้เลือกแบบเรียบๆ เส้นไม่ใหญ่มากจนเกินไป

จำกัดด้วยงบประมาณ

แนะนำให้ลองเลือกเป็นจี้เพชรเล็กๆ ใส่กับสร้อยคอทองคำขาว 18 เค ซึ่งสามารถใช้ในชีวิตประจำวันหลังวันงานได้ด้วย หรืออาจจะเป็นชุดเครื่องประดับมุกสีขาวดูเรียบหรูในราคาเบาๆ

ชื่อเสียงของร้านเพชร

เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาดเพราะถ้าเป็นร้านที่ชื่อเสียงดีมีลูกค้าแนะนำต่อเยอะหรือเป็นร้านที่พ่อแม่ใช้บริการรุ่นลูกหลานอย่างเราๆ ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะชื่อเสียงถือเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยการันตีว่าเข้าร้านนี้ไม่น่าจะผิดหวัง โดยอาจจะเช็กจากสื่อ ถามเพื่อนๆ (ที่มีประสบการณ์ซื้อสิ้นค้าจากร้านนี้) และสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด ลองเข้าไปเลือกดูเลือกชมสินค้าและบริการก่อนที่จะตัดสินใจ

>> ดูไอเดียเกี่ยวกับแหวนแต่งงาน และเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

จับเข่าคุยกัน กับ 6 เรื่องสำคัญที่ต้องเคลียร์ก่อนเกี่ยวก้อยเริ่มต้นชีวิตคู่

ชีวิตคู่ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปหากคุณเริ่มต้นกันด้วยความชัดเจน

คุณจะมั่นใจได้ยังไงใช่ไหมคะว่าคนที่คุณเลือก จะใช่คนที่จะอยู่กับคุณไปจนตลอดชีวิตจริงๆ เพราะแพรว wedding เชื่อว่ามีหลายคนที่ผ่านประสบการณ์การมี ชีวิตคู่ มาต้องเคยเจอกับคำว่า ‘ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้’ หรือ ‘ฉันคิดว่าเธอจะปรับตัวได้เมื่อเราอยู่ด้วยกัน’ ซึ่งบางทีความพลาดมันเริ่มที่คุณต่างหากที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายให้ดี และไม่เคยเคลียร์สิ่งที่คิดหรืออยู่ในใจกันเลย

เอาละค่ะ เพื่อฝันของการเริ่มต้นสถานะสามีภรรยาที่สวยงาม ลองมาดูไปพร้อมๆ กับแพรว wedding ดีกว่าว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องเคลียร์ในใจให้ชัดก่อนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน

เคลียร์ชัดเรื่องความสัมพันธ์ที่เข้าใจตรงกันเพื่อก้าวไปยังสถานะต่อไป

ก่อนที่คุณจะคิดเอาเองว่าพร้อมแล้วจะออกเรือน คุณต้องกระจ่างชัดและคิดตรงกันก่อนว่า ระดับความสัมพันธ์ของคุณและอีกฝ่ายเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือเข้าใจตรงกันแบบไม่มีอะไรคลุมเครือว่า ความสัมพันธ์นี้ถึงขั้นที่จะร่วมอนาคตกันแล้ว ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคิดแค่เราคบกันในระดับแฟนทั่วไปยังไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานสร้างอนาคต แต่อีกคนรู้สึกว่าความสัมพันธ์มันถึงตรงจุดนั้นไปแล้ว ทีนี้อาการคิดไม่ตรงกันจึงเป็นปัญหาที่คนหนึ่งพร้อมแต่งอีกคนยังไม่พร้อม แบบนี้วงแตกตั้งแต่เริ่มต้นแน่นอน

เคลียร์ชัดสารพัดสิ่งเรื่องเงินๆ ทองๆ

แน่นอนว่าตอนเป็นแฟนกันคุณอาจจะยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดการใช้จ่ายและการเก็บออมใดๆ  แต่ถ้าคุณมองอนาคตว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันล่ะก็ ขอให้คุณเปิดอกคุยกันเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้จบและได้ข้อสรุปที่เป็นที่น่าพอใจของคุณทั้งสองฝ่าย จะได้ไม่เกิดความรู้สึกโดนเอาเปรียบหรือโดดเดี่ยวในการใช้ชีวิตภายหลัง ซึ่งเรื่องที่คุณควรเคลียร์ชัดที่สุดอาจไม่ใช่เรื่องว่าแต่ละฝ่ายมีรายได้เดือนเท่าไหร่ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบในการใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกันอันมีเงินเป็นองค์ประกอบสำคัญ ลองเคลียร์ให้ชัดว่าเงินกองกลางจะมีไหม ใครใส่ลงไปได้เท่าไหร่ต่อเดือน ค่าใช้จ่ายเล็กใหญ่ใครดูแล อะไรแบบนั้น

เคลียร์ชัดเรื่องเวลาของเรา

ก่อนแต่งงานคุณมีอิสระในการใช้ชีวิตและบริหารเวลาในแบบที่คุณเป็นหรือแบบที่ชอบ แต่เมื่อแต่งงานแล้ว เวลาส่วนตัวของคุณจะโดนเฉลี่ยออกไปให้อีกคนโดยปริยาย แต่จะโดนเฉลี่ยไปกี่ชั่วโมงต่อวันล่ะ เรื่องแบบนี้ต้องชัดเจนนะคะ เพราะถึงแม้จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ทุกคนยังต้องการเวลาส่วนตัวเสมอ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการอึดอัดใจในภายหลัง อย่าลืมเคลียร์เรื่องเวลาของคุณ ของเธอและเวลาที่ใช้ร่วมกันให้ดี เพื่อที่ว่าจะได้หายใจโล่งๆ ไม่รู้สึกอึดอัดจนรู้สึกว่า 24 ชั่วโมงของชีวิตต้องอุทิศเพื่อเราตลอดไป..งั้นเหรอ??

ชีวิตคู่

เคลียร์ชัดเรื่องบนเตียงไม่เดียวดาย

ไม่ถึงขนาดว่าต้องนัดแนะว่าทุกวันศุกร์เราจะมีอะไรกันนะ แต่ในที่นี่ แพรว wedding หมายถึงความชอบหรือรสนิยมเรื่องบนเตียงที่คุณต้องเรียนรู้กันบ้างไม่มากก็น้อย และหัดเปิดปากพูดกันตรงๆ ว่ามีอะไรที่คุณอยากให้ปรับปรุง ชอบให้ทำอะไรหรืออยากให้ลองทำดู เพราะอย่าลืมนะคะว่า เรื่องเซ็กส์คือเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตคู่เสมอ แม้จะไม่มากมาย แต่ส่งผลทางด้านจิตใจและความรู้สึกผูกพันที่เลี่ยงไม่ได้ แล้วยิ่งคนจะเป็นคู่ชีวิตด้วยแล้วละก็ เรื่องแบบนี้ปล่อยผ่านไม่ได้นะคะไม่อย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายไปมีใครๆ เมื่อไหร่ จะมานั่งเสียใจทีหลังหรือโทษเขาฝ่ายเดียวไม่ได้นะคะ

เคลียร์ชัดถึงนิสัยเบื้องลึกก้นบึ้งของจิตใจ

ประเด็นนี้สำคัญมากมายนะคะพูดเลย เพราะบางคนอดทนกับนิสัยของอีกฝ่ายมาตลอด เพียงเพราะหวังว่าใช้ชีวิตร่วมกันแล้วนิสัยจะได้รับการปรับปรุงหรือพัฒนาไปตามความสำคัญ แต่บอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะนิสัยก็คือนิสัย โตมา 30 กว่าปีแบบนี้ จะให้เปลี่ยนง่ายๆ เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่หากคุณจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคนพึงทำก็คือ เปิดใจเคลียร์กันไปถึงนิสัยต่างๆ ที่คุณไม่ปลื้มแล้วมาดูกันสิว่า เขาจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นหรือเปล่า ซึ่งถ้าอีกฝ่ายรู้แล้วปรับปรุงก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีว่าต่อไปหากใช้ชีวิตด้วยกันจะมีการปรับปรุงได้เรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องพูดออกมาจากใจจริงๆ นะคะ ไม่ได้เอาอารมณ์ชั่ววูบที่เขาทำพลาดมาซ้ำเติมความไม่ชอบ

แต่ถ้าพูดไปแล้วยังนิ่งเฉยเหมือนเดิมทุกอย่างหรือเป็นอาการที่เรียกว่าหนักข้อขึ้นที่มีแววว่าอยู่กันไปนิสัยที่ว่าไม่ได้ดีขึ้น ให้เตรียมใจไว้เลยว่า นี่จะกลายเป็นประเด็นให้ชีวิตคู่ไปไม่รอดได้ง่ายๆ ถ้าคุณคิดว่าอดทนได้ก็ปล่อยๆ แต่ถ้ามั่นใจว่าไม่ไหวจะรับจริงๆ จะได้คิดใหม่ว่าคนนี้ใช่แน่เหรอ

เคลียร์ชัดภาพฝันร่วมกันฉันและเธอ

คงต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันกับใครเลยล่ะค่ะ ฉะนั้นคุณควรหาเวลานั่งคุยกันเพื่อแชร์ภาพฝันปลายทางชีวิตของคุณให้ได้ร่วมรับรู้ ทั้งเรื่องภาพรวมครอบครัว วิธีการเลี้ยงลูก อนาคตในวันข้างหน้า ซึ่งการคุยกันถึงภาพฝันที่ว่านี้ ไม่ใช่การวาดวิมานบนอากาศนะคะ แต่คือการเช็คว่า ชีวิตคู่ ของคุณ มีภาพบั้นปลายชีวิตที่ลงตัวทับซ้อนเป็นเรื่องเดียวกันได้จริงหรือเปล่า

เพราะเชื่อเถอะค่ะว่า ต่อให้ข้อ 1-5 ที่เราบอกไปจะไม่ได้อย่างใจเท่าไหร่ แต่ถ้าข้อที่ 6 นี้เหมือนกัน จะเป็นพลังผลักดันให้คุณและคนที่รักได้ผ่าฟันอุปสรรคระหว่างทางไปสู่จุดหมายร่วมกันได้ภายใต้คำว่า ‘รัก’ ที่มีให้กันอย่างมั่นคง เมื่อเคลียร์ใจกันชัดเจนแล้ว ก็มาเรื่องเงินๆ ทองๆ กันบ้างกับ 4 ทิปส์เก็บเงินแต่งงาน เรื่องสำคัญที่บ่าวสาวต้องช่วยกันก่อนใช้ชีวิตคู่

เรื่อง : คุณวณิช
ภาพ : unsplash.com, pinterest

5 เคล็ดลับเอาชนะใจพ่อแม่แฟนแบบขาดลอย

พ่อแม่แฟนรักและเอ็นดูคือสุดยอดปรารถนาที่คนมีความรักต้องการแทบทั้งนั้น ว่าแต่จะทำยังไงให้ท่านปลื้มในตัวคุณใช่ไหมล่ะ แพรว wedding ขอบอกตรงนนี้เลยว่า แค่ทำ 5 เรื่องต่อไปนี้ให้ดี รับรองว่าคุณจะ ชนะใจพ่อแม่แฟน ได้แบบขาดลอย

เข้าตามตรอก ออกตามประตู : ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่ชื่นชมคนที่เปิดตัวขอคบกับลูกของท่านแบบตรงไปตรงมา ไม่ลักลอบแอบคบแอบคุย ฉะนั้นเรื่องแรกที่คุณต้องทำเพื่อให้ท่านปลื้มก็คือ การเข้าตามตรอกออกตามประตู เดินเข้าไปทำความรู้จักและแสดงความจริงใจที่มีต่อลูกของท่านเลย รับรองว่าคุณจะได้คะแนนจากท่านไปครองในข้อนี้อย่างแน่นอน

รักษาคำพูด : ไม่ใช่แค่บอกว่าจะรักลูกของท่านไปจนวันตายในวันแต่งงานเท่านั้น แต่ควรรักษาคำพูดในทุกเรื่องที่ได้เอ่ยปากกับท่านทั้งก่อนและหลังแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรักษาเวลาที่จะมาส่งถึงบ้านก็ควรรักษาคำพูดตามนั้น หรือหากบอกว่าจะปรับปรุงตัวเรื่องใดๆ ที่ท่านแนะนำก็ควรจำและพยายามทำให้ได้ ทริคของเรื่องนี้ที่แพรว wedding อยากแนะนำมากๆ คือ อะไรที่ไม่มั่นใจว่าทำไม่ได้ อย่าได้พูดสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะถ้าพลาดขึ้นมา คุณนั่นแหละเสียเครดิต

ไม่ล้ำเส้น : แม้คุณจะสนิทสนมกับครอบครัวของแฟนคุณมากแค่ไหน แต่เรื่องในครอบครัวของอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเรื่องของครอบครัวนั้นๆ อย่าได้ออกความเห็นหรือวิจารณ์ออกไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ เพราะนอกจากสมาชิกในบ้านจะไม่ชอบใจแล้ว ดีไม่ดีเขาจะมองว่ากินเผือกมากไปหรือเปล่า

เอื้อเฟื้อมีน้ำใจ : ข้อนี้พิเศษนิดนึงค่ะ ไม่ต้องมีน้ำใจแบบสุดๆ จนตัวเองเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องเงิน มีช่วยเท่าไหร่ก็ช่วย (ในกรณีที่อีกฝ่ายเดือดร้อนจริงๆ) หรือทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น อย่าได้พยายามทุ่มทุนทำคะแนนถึงขนาดไปทำให้ตัวเองเดือดร้อน คำว่าเอื้อเฟื้อมีน้ำใจจึงต้องมีขอบเขต พิจารณาว่าเหตุการณ์ตรงหน้าควรนิ่งเฉย โชว์แมนหรือหรือแสดงน้ำใจ บางคนแยกไม่ออกเลยขอรักษาตัวรอดว่านิ่งไว้ดีกว่า ซึ่งกับบางสถานการณ์คือแล้งน้ำใจไปหน่อยนะจ้ะ

ไม่ทำตัวหงอ ไม่วางตัวข่ม : แพรว wedding สังเกตว่า หลายคู่ที่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่แฟนแล้ววางตัวแปลกไปจากเดิม โดยเฉพาะประเภทว่าจากอยู่กันปกติให้เกียรติกันทั่วไป แต่พออยู่ต่อหน้าพ่อแม่อีกฝ่ายกลับทำตัวหงอเกินเหตุ (อันนี้หนุ่มๆ ชอบทำ) ไม่ก็ทำตัววางอำนาจข่มไว้ก่อน (อันนี้ส่วนใหญ่สาวๆ ชอบเป็น) คุณเป็นยังไงควรเป็นอย่างนั้น และถึงแม้ในวันปกติจะหงอจริงหรือข่มหนัก เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่แฟนขอให้ลดลงและเป็นตัวของตัวเองบนพื้นฐานการให้เกียรติอีกฝ่าย

ลองทำดูทั้ง 5 ข้อ รับรองว่าพ่อแม่เขาจะปลื้ม และแน่นอนว่าคุณจะได้คะแนนความรักจากท่านได้ไม่ยาก ทีนี้ล่ะ เวลาจะยกขันหมากไปสู่ขอ เปอร์เซ็นต์การเซย์เยสเต็มร้อยชัวร์

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.rd.com

15 ไอเดียเนรมิตเต็นท์ในงานแต่งให้เก๋ไก๋จนแขกร้องว้าว

บ่าวสาวที่อยากจัดงานแต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ๊าท์ดอร์ในตอนกลางวัน แต่ก็แอบเกรงใจว่าแขกอาจจะต้องร้อนจากแสงแดดที่สาดส่องลงมา จึงเลือกที่จะจัดงานภายในเต็นท์ที่สามารถบังแดดได้และยังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบเอ๊าท์ดอร์ แต่ก็กังวลว่าแล้วเต็นท์ธรรมดาๆ จะทำยังไงให้สวยสมกับเป็นงานแต่งงานดี แพรว wedding เลยมีไอเดียการแปลงโฉม เต็นท์ในงานแต่ง มาฝาก

เต็นท์ในงานแต่ง

แชนเดอเลียเขียวชอุ่ม

เสริมความสดใสท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยให้ดูเข้ากันด้วยแชนเดอเลียใบไม้สีเขียวชอุ่ม ที่นอกจากจะเข้ากับบรรยากาศแล้วยังช่วยสร้างสีสันให้กับเต็นท์สีขาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

สร้างพื้นที่แดนซ์ฟลอร์

บ่าวสาวสามารถครีเอทพื้นที่แดนซ์ฟลอร์ได้ด้วยตัวเอง อาจจะเลือกเป็นแผ่นไม้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศสวน หรือจะเลือกเป็นพื้นขาวดำที่ให้อารมณ์ทัยสมัย ซึ่งนอกจากจะเอาไว้เพื่อเต้นรำแล้ว บ่าวสาวอาจจะใช้พื้นที่นี้ในการกล่าวคำขอบคุณสำหรับแขกก็ได้เช่นกัน

แชนเดอเลียดอกไม้สดใสสุดขีด

โรแมนติกสุดๆ ไปเลยค่ะคุณขา เพราะเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปก็พบกับความสดใสสุดๆ กับหมู่มวลดอกไม้หลากสีนานาพันธุ์ เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยทำให้เต็นท์สีขาวแบบเดิมๆ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ทางเข้าสุดเก๋

เพื่อให้แขกและบ่าวสาวได้มีมุมสำหรับถ่ายภาพอีกหนึ่งมุม ไอเดียการสร้างซุ้มทางเข้าก็เจ๋งไม่ใช่น้อย ถือเป็นเหมือนแบ็คดร็อปสำหรับถ่ายภาพที่จะช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวไม่จืดชืด

ชิงช้าสุดน่ารัก

ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากเห็นชิงช้าก็อยากจะนั่งทุกคนไป แถมงานนี้ชิงช้ายังช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวเก๋ขึ้นไปอีก และเชื่อเถอะว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งมุมสุดเจ๋งที่แขกต้องแย่งกันถ่ายภาพ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแน่ใจว่าช่างแขวนชิงช้าเอาไว้ให้คุณอย่างแข็งแรงและปลอดภัยด้วยนะคะ

เล่นกับสีสันสุดหวาน

ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของสวนและเต็นท์สีขาวสะอาดตา บ่าวสาวอาจจะเลือกใช้สีสันสุดอ่อนหวานหรือเฉดสีพาสเทลมาเป็นลูกเล่นเพื่อช่วยเสริมงานแต่งของคุณให้มีอารมณ์โรแมนติกสมกับเป็นวันพิเศษมากขึ้น

แสงสว่างท่ามกลางหมู่ดอกไม้

แสงสว่างและดอกไม้เป็นสองสิ่งที่จะช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวโรแมนติกมากขึ้น และเต็นท์แบบผ้าแคนวาสก็เข้ากันเป็นอย่างดีหากบ่าวสาวจัดงานในสไตล์โบฮีเมียน เพราะฉะนั้นควรเลือกดอกไม้สีสันสดใสมากๆ มาประดับตกแต่งเพื่อช่วยเสริมให้สีน้ำตาลของผ้าแคนวาสไม่จืดชืด

เถาวัลย์ลดเลี้ยวรอบเสา

แน่นอนว่าเต็นท์จะต้องมาพร้อมเสา เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจึงต้องเสกเสาธรรมดาๆ ให้กลายเป็นต้นไม้ที่มีเถาวัลย์สีเขียวพันเกี่ยวลัดเลาะไปรอบๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยพรางเสาได้แล้ว ยังให้อารมณ์สดชื่นสุดๆ ไปอีก

ตะเกียงส่องรัก

โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยการห้อยตะเกียงไว้ที่ด้านบนของเต็นท์ ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในโลกเทพนิยายนิดๆ แล้วอย่าลืมใส่เทียนเพิ่มความโรแมนติกไว้ด้านในหากบ่าวสาวจัดงานตอนกลางคืน และต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยนะคะว่าตะเกียงจะไม่หล่นลงมาระหว่างที่แขกกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารอยู่

ต้นไม้เพิ่มความใกล้ชิดธรรมชาติ

เสริมให้บรรยากาศภายในเต็นท์ดูใกล้ชิดธรรมชาติเข้าไปอีกกับต้นไม้ขนาดย่อม ที่แขวนเทียนหรือโหลแก้วใบเล็กๆ ไว้ หรือจะเลือกเป็นตะเกียงดีไซน์เก๋ๆ ก็ช่วยให้งานของบ่าวสาวดูสวยงามแบบร่วมสมัยได้ไม่น้อย

ตะเกียงแบบตะกร้า

นี่แหละความน้อยแต่มากของจริง! กับตะเกียงแบบตะกร้าที่ใส่ดวงไฟไว้ด้านในเพื่อความโรแมนติก แถมยังให้กลิ่นอายแบบชายทะเลนิดๆ อีกด้วย

แชนเดอเลียสุดหรู

ไม่ต้องหาอะไรมาเสริมให้ยุ่งยากและปวดหัว เพราะเพียงแค่บ่าวสาวเลือกแชนเดอเลียสวยๆ สักอันมาประดับ เท่านี้ก็ดูดีจนแขกต้องเอ่ยปากชมแล้ว

เต็นท์เค้ก

สร้างกิมมิกด้วยการเพิ่มเต็นท์เค้กก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย แถมบ่าวสาวยังได้มุมน่ารักสำหรับการถ่ายภาพเพิ่มมาอีกด้วย

เต็นท์แบบใสให้อารมณ์สมจริง

จัดงานท่ามกลางสวนสวยทั้งทีก็ต้องแหงนหน้าไปแล้วได้พบเห็นใบไม้และท้องฟ้ากันสักหน่อย เพราะฉะนั้นการเลือกเต็นท์แบบหลังคาใสจะช่วยให้งานแต่งของบ่าวสาวดูโดดเด่นและใกล้ชิดธรรมชาติขึ้นมาทันที

ไฟปิงปองสุดคลาสสิค

ไม่ต้องเน้นหรูแบบแชนเดอเลียก็สร้างความโดดเด่นให้เต็นท์แต่งงานได้ ด้วยการเสริมไฟปิงปองที่ห้อยไว้ด้านบน รับรองว่าแสงไฟสีส้มในยามค่ำคืนจะช่วยเสริมให้บรรยากาศในเต็นท์โรแมนติกขึ้นได้อย่างแน่นอน

>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.insideweddings.com

10 ดอกไม้งานแต่ง ความหมายดีๆ ช่วยเสริมรักนี้ให้ยาวนาน

ดอกไม้งานแต่ง ความหมายดี มีอะไรบ้างน้า??

ดอกไม้กับงานแต่งงานถือเป็นของคู่กัน เพราะด้วยสีสันที่สวยงามอ่อนหวานช่วยสร้างบรรยากาศความรักอันแสนโรแมนติก ผสานกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนชวนให้เคลิบเคลิ้มกับความรักสุดประทับใจของคู่บ่าวสาว แต่นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่เลือกสรรนำมาใช้ในงานแต่งงาน ยังแฝงด้วยความหมายมงคลที่เกี่ยวกับความรัก แพรว wedding จึงนำ 10 ดอกไม้งานแต่ง ที่เวิร์กทั้งงานไทยงานสากล
ดอกไม้งานแต่ง
ดอกรัก
ด้วยชื่อตรงตัวที่สื่อถึงความรักของคู่บ่าวสาว จึงนิยมนำมาใช้ในพิธีมงคลสมรส ไม่ว่าจะเป็นนำมาร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว ตกแต่งพานขันหมาก หรือโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน

 ดอกไม้งานแต่ง
ดอกกุหลาบ
ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก โดยดอกกุหลาบสีแดงเป็นดอกไม้ของกามเทพ หมายถึงความรัก ความปรารถนา นำโชคให้กับผู้ที่ได้รับ สีชมพูหมายถึงความรักที่สุขสมบูรณ์ และสีขาวหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ สงบ มิตรภาพ

ดอกไม้งานแต่ง
ดอกมะลิ
ด้วยสีขาวบริสุทธิ์และกลิ่นหอม จึงสื่อความหมายถึงความรักที่บริสุทธิ์ หอมหวนไปชั่วนิรันดร์

ดอกไม้งานแต่ง
ดอกบานไม่รู้โรย
สื่อถึงความรักของคู่บ่าวสาวที่จะมั่นคงยั่งยืน ปราศจากความโรยราแปรผัน และยังมีความเชื่อว่าการปลูกดอกบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านจะช่วยเสริมดวงเรื่องความรักthaitechno
ดอกพุด
ด้วยชื่อที่แปลว่าความสมบูรณ์แข็งแรง จึงสื่อความหมายถึงความรักที่มั่นคง ไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคใดๆ และด้วยสีขาวสะอาดตา จะนำพาซึ่งความสดใส ไร้ความมัวหมอง

panoramio
ดอกดาวเรือง
สื่อความหมายถึงความรักที่เจริญรุ่งเรืองของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น  มีเงินทองเหลืองอร่ามอย่างสีของดอกดาวเรือง

projectwedding
ดอกคาร์เนชั่น
เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ชาวกรีกโรมันนิยมใช้ในการแสดงความยินดี โดยดอกคาร์เนชั่นสีแดงหมายถึงการแสดงความรัก สีชมพูหมายถึงความรักที่กำลังผลิบาน สีขาวหมายถึงรักแท้ และสีเขียวหมายถึงความมั่นคงในรัก

img-07-01
ดอกเบญจมาศ
เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในงานมงคลสมรส ดอกเบญจมาศสีแดงหมายถึงการรักใคร่ชอบพอกัน สีขาวหมายถึงรักที่ซื่อสัตย์ และสีเหลืองหมายถึงความโชคดี

080
ดอกทานตะวัน
เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักที่มั่นคง อดทน และฟันฝ่าอุปสรรคมาด้วยกัน หากใช้ในการแสดงความยินดีจะหมายถึงความเลื่อมใสในความเข้มแข็งจนประสบความสำเร็จ

kyasro
ดอกลิลลี่
ตัวแทนแห่งความรักอันอ่อนหวาน โดยดอกลิลลี่สีชมพูหมายถึงการพบความรักที่ดีที่สุด สีส้มหมายถึงความรักที่สดใสมีชีวิตชีวา สีเหลืองหมายถึงความรักที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และสีขาวหมายถึงความรักที่จริงใจ

ว่าแล้วก็ตามไปส่อง >> 7 ดอกไม้งานแต่งของไทยความหมายมงคล << กันต่อเลย

ภาพ : www.choysikebana.com, www.gotoknow.com, www.kyasro.com, www.yokosojapan.org, www.kyasro.com, www.panoramio.com, www.pantip.com, www.projectwedding.com, www.thaitechno.com a a

เช็คกันหน่อย…8 เรื่องนี้คุณทำได้ดีแค่ไหนในปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน

คู่ไหนบ้างที่กำลังจะครบรอบแต่งงาน 1 ปีคะ? เพราะวันนี้เราอยากให้คุณเช็คกันสักหน่อยว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับคนที่คุณเรียกว่า “คู่ชีวิต” ในปีแรกของ ชีวิตแต่งงาน เป็นอย่างไรบ้าง ราบรื่นอย่างที่คิดหรือผิดแปลกไปจากที่ฝันไว้ มีเรื่องไหนบ้างที่คุณต้องทบทวนและตอบให้ได้ว่าคุณทำหน้าที่คู่ชีวิตได้ดีแค่ไหน ไปดูกันค่ะ

ปรับตัวเข้าหากันได้ดีไหม?

เรื่องแรกที่เราอยากให้คุณเช็คตัวเองคือ คุณได้ทำการปรับตัวเองเข้าหาอีกฝ่ายบ้างหรือยัง แม้คุณจะบอกว่าแต่งงานไปก็สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมก็เถอะ แต่เอาเข้าจริงๆ การใช้ชีวิตคู่ของคุณย่อมมีการปรับตัวบ้างไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้คุณต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันใต้ชายคาเดียวกัน ไม่เกี่ยวว่าเป็นบ้านใครคนใดคนหนึ่งหรือเป็นบ้านของคุณเอง เพราะไม่ว่าจะอยู่บ้านไหน ระหว่างคุณสองคนก็ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่ดี แต่คุณสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าคุณหรืออีกฝ่ายปรับตัวกันอยู่ไหม แล้วมันส่งผลอย่างไรกับการใช้ชีวิตร่วมกัน ถามตัวเองอีกนิดว่าตอนที่ปรับตัวเนี่ย รู้สึกเต็มใจจะทำหรือทำไปให้ผ่านๆ เพราะไหนๆ ก็แต่งกันไปแล้ว ถ้าความรู้่สึกเทมาประเด็นหลัง บอกเลยค่ะว่าคุณยังทำได้ไม่ดีพอ

ยอมรับเรื่องไม่คาดคิดที่เพิ่งได้รู้ก็เมื่อแต่งงานไปแล้วได้ดีแค่ไหน?

เมื่อก่อนแค่ไปรับ-ส่งที่บ้าน ตอนนี้ต้องอยู่ด้วยกันมากขึ้น เวลาเจอเรื่องใหม่ๆ ที่ผิดวิสัยคนทั่วไปทำหรือคุณไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ คุณรู้สึกแบบไหนและยอมรับได้หรือเปล่า ซึ่งเรื่องที่เราว่านี้อาจไม่ใช่เรื่องเครียดอะไรมากมาย แต่เป็นเรื่องทั่วไปของชีวิตอีกคนที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน เช่น เดินๆ อยู่แล้วผายลมออกมาหน้าตาเฉย, มีอาการติดไอแพดขั้นสูงถึงขนาดคุณรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตน, ชอบตื่นมากลางดึกทุกๆ เที่ยงคืนถึงตีหนึ่งเพื่อควานหาของกินแล้วนอนต่อ โดยไม่แปรงฟัน หรือแม้แต่ท่านั่งแสนสบายในแบบที่คุณไม่เคยเห็น คุณรู้สึกยังไง? คุณยอมรับได้ไหมและรับมือได้ดีหรือเปล่าเมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านั้น

จัดสมดุลเวลา 24 ชั่วโมงของคุณทั้งคู่ได้ดีแค่ไหน?

แม้จะแต่งงานกันไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า 24 ชั่วโมงของคุณต้องมีกันและกันเสมอไป สิ่งสำคัญคือ คุณจัดลำดับความสำคัญและใช้เวลาร่วมกันได้ดีแค่ไหน และทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาด้วยกันเป็นเวลาทรงคุณภาพ (Quality Time) หรือเป็นแค่ปริมาณของระยะเวลาที่มีให้กันที่ก็แค่นอนเตียงเดียวกัน ตื่นเช้ามาแยกย้ายไปทำงานอะไรแบบนั้นหรือเปล่า ลองเช็คตัวเองและพิจารณาพฤติกรรมของคุณดูเองละกัน

เข้ากับครอบครัวของอีกฝ่ายได้ดีแค่ไหน?

ปีแรกของการแต่งงานก็คือปีแรกที่คุณได้ครอบครัวใหม่มามากกว่าครอบครัวของคุณเอง เพราะคุณคือสามาชิกใหม่ของครอบครัวอีกฝ่าย ลองเช็คดูค่ะว่าคุณสามารถกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับอีกบ้านได้ดีแค่ไหนหรือพูดอะไรไปแล้วโดนเมินใส่ พูดไปแล้วยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก และอึดอัดทุกครั้งที่มีการเจอกันทั้งตระกูล ถ้ายังรู้สึกว่าแปลกแยก เรื่องนี้ต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่สำคัญกว่านั้นคือ ถ้ารู้สึกเข้ากันได้ยังไม่ดีอย่าเก็บไว้ บอกคนกลางอย่างคู่ชีวิตของคุณให้ได้รับรู้ไว้บ้างก็ดี

เรื่องเงินๆ ทองๆ ลงตัวดีไหม?

บางคนบอกว่าลงตัวสิเพราะแยกกระเป๋ากันมาตั้งแต่เป็นแฟน แต่คุณอย่าลืมนะว่าเมื่อเป็นสามีภรรยาแล้ว การแยกกระเป๋าแบบเดิมๆ คุณโอเคหรือเปล่า เพราะบ้านที่อยู่ร่วมกันย่อมมีการใช้ของบางอย่างร่วมกัน ฉะนั้นรูปแบบการใช้เงินที่คุณทำอยู่ยังโอเคจริงไหม หรือการที่คุณตกลงกันไว้ว่าค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านอย่างการซื้อของเข้าบ้านเป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิง ส่วนเรื่องใหญ่ๆ เงินก้อนโตๆ อย่างค่าผ่อนบ้านคุณผู้ชายดูแล เอาเข้าจริงมันโอเคใช่ไหม ถ้าไม่โอเคคุณทำอย่างไร อะไรที่เรียกว่าลงตัวดีในความรู้สึกของคุณ ไหนตอบตัวเองสิคะ

ทำเรื่องบนเตียงโอเคได้ดีแค่ไหน?

สามีภรรยามีอะไรกันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เกี่ยวว่าก่อนหน้าที่จะแต่งงานเคยมีอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า เพราะตอนนี้คุณนอนร่วมเตียงกันทุกคืน ยิ่งการเป็นคู่รักปีแรกด้วยแล้วละก็ ความรู้สึกพิศวาสยังมีอยู่ในเปอร์เซนต์ที่สูงไหม เพราะโอกาสจะมีเพศสัมพันธ์เกิดขึ้นได้เท่าที่สองคนยินยอมพร้อมใจและยังถูกต้องตามวิถีพึงเป็น แต่ในที่นี่เราไม่ได้พูดถึงความถี่บ่อยเท่านั้น  แต่ดีแค่ไหนคือสไตล์ต่างหากว่าเข้ากันได้ดีไหม คุณแชร์สิ่งที่รู้สึกกันได้ดีหรือเปล่า หรือแม้แต่ปัญหาเรื่องอย่างว่าช่วยกันแก้ไขยังไง เรื่องนี้สำคัญนะคะ ลองเช็คดูอย่างมีสติ เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วคุณจะได้คำตอบที่เป็นกลาง

สื่อสารระหว่างกันดีแค่ไหน?

ในการอยู่ร่วมกันปีแรก คือเวลาที่คุณได้เข้าใกล้กันและเรียนรู้กันมากกว่าเดิม เป็นช่วงเวลาของการเริ่มต้นสื่อสารกันอย่างเปิดอกในฐานะสามีภรรยา ซึ่งในปีแรกที่เริ่มต้นอยู่ด้วยกันนั้นการสื่อสารและผลที่ออกมา จะเป็นแนวทางให้คุณได้ทิศทางที่เหมาะสมของคู่ตัวเองได้นะคะ ลองเช็คดูง่ายๆ ว่าเวลามีปัญหาขึ้นมา คุณคือคู่รักที่เปิดอกสื่อสารกันตรงไปตรงมาหรือเปล่า แล้วหลังจากสื่อสารไปแล้วได้ผลแบบไหนบ้าง ซึ่งการสื่อสารที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาที่เกิด แต่รวมถึงเมื่อคุณแชร์สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต เช่นเรื่องการทำงาน การจราจร เรื่องเพื่อนสนิทให้ฟังอีกฝ่ายได้รับรู้ เขามีปฏิกริยาอย่างไร ถ้าแค่ฟังไปแต่ไม่หือไม่อือแบบนี้ไม่ไหวนะคะ เพราะนั่นมีแนวโน้มว่ารูปแบบในการสื่อสารของคุณอาจไม่ได้ผลหรือบางทีคุณอาจไม่รู้จักวิธีสื่อสารที่เหมาะสมกับอีกฝ่ายก็เป็นได้

เข้าใจหรือเคยชิน…คุณใช้คำไหนมากกว่ากัน?

เรื่องสุดท้ายที่เราอยากให้คุณรีเช็คกันว่า ปีแรกของการแต่งงาน ความรักของคุณยังดีอยู่ไหมก็คือ ความรู้สึกที่อยู่ร่วมกันไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรืออีกฝ่ายมีพฤติกรรมแบบไหนซึ่งเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบใจ ไม่คุ้นเคย คุณรู้สึก “เข้าใจ” ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นแล้วยอมรับกับสิ่งนั้นได้อย่างดี หรือคุณรู้สึกว่า “เคยชิน” เพราะอยู่กันไปและเจอแบบนั้นบ่อยๆ ก็รู้สึกชินชา ซึ่งถ้าคำตอบของคุณคือ อยู่ๆ ไปก็ชิน เราแนะนำว่า ในก้าวต่อไปของชีวิตคู่ที่กำลังจะเข้าสู่ปีที่สอง ขอให้ลดคำว่าเคยชินมาเป็นเข้าใจให้มากขึ้น แล้วสัญญาณดีๆ ในชีวิตคู่จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้าคำตอบจาก 8 ประเด็นที่เราบอกคุณไปคือ คุณมั่นใจว่าคุณทำได้ดีมากกว่า 4 ประเด็น เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนั่นหมายความว่าคุณเริ่มต้นชีวิตคู่ในปีแรกได้ค่อนข้างดี และมีแนวโน้มว่าปีต่อๆ ไป ถ้าคุณยังรักษามาตรฐานไว้ได้ ชีวิตคู่ของคุณจะมีความสุขมากขึ้นๆ แต่ถ้าคำตอบที่ได้ยังไม่น่าปลื้ม ขอให้ลองดูอีกสักตั้ง อย่าเพิ่งยกธงขาวซะละ เพราะของแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ใช่หรือไม่? กับ 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจว่าคนนี้แหละคือคู่ชีวิต

5 กิจวัตรชีวิตคู่ต้องทำตามเพื่อชีวิตรักสุดสตรอง

จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ไม่ยากอย่างที่คิด

จัดพานขันหมาก ให้ถูกต้องตามประเพณีไทย ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดนะ

กลายเป็นข้อสงสัยแบบไม่รู้จบกับการจัดพานขันหมากสำหรับพิธีแต่งงานแบบไทยที่มีทั้ง “พานขันหมากเอก” และ “พานขันหมากโท” หลายคนถามเข้ามาหลังไมค์ว่าสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร แล้ว จัดพานขันหมาก แบบไหนจึงจะถูกต้อง เราจึงสายตรงหาผู้เชี่ยวชาญนำคำตอบมาบอกกัน

 “พานขันหมากเอก” มี 1 พาน โดยในพานจะบรรจุสิ่งของดังนี้

  • พลูจีบ นำมาพนมเข้ากันประมาณ 50-60 คำ ให้สวยงามพอดีกับขนาดของพาน (ส่วนมากจะนิยมใช้พานขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-9 นิ้ว)
  • เจียนหมากเป็นคำๆ ขนาดพองาม จำนวน 9 คู่
  • ถั่ว งา ข้าวเปลือก ข้าวตอก ใส่ไว้ในถุงเงิน ถุงทอง
  • ใบเงิน ใบทอง ใบนาค
  • ดอกไม้มงคล เช่น ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย

หลังจากที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวตรวจสอบสินสอดว่าครบถ้วนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้แล้ว พ่อแม่ของทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว จะหยิบหมากพลูในพานขันหมากเอกแจกจ่ายให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เพื่อแสดงถึงการยอมรับเข้ามาเป็นทองแผ่นเดียวกันของทั้งสองครอบครัว

“พานขันหมากโท” มี 1 พาน โดยในพานจะบรรจุสิ่งของดังนี้

  • ใบพลู 9 เรียง เรียงละ 9 ใบ
  • หมากจำนวน 9 คู่ ไม่ต้องเจียนออกเป็นคำๆ แต่ให้ใส่ลงไปทั้งลูก โดยปาดส่วนหัวออกเล็กน้อยแล้วใช้ปูนแดงทาให้สวยงาม จากนั้นจัดวางหมากทั้งหมดเป็น 3 กระจุก ซึ่งหมายถึงครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก

สิ่งสำคัญสำหรับพานขันหมากโทรคือ ขอให้บ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่จำไว้ว่า “ในขณะทำพิธี ห้าม! หยิบของในพานขันหมากโทออกไปใช้เด็ดขาด” เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ให้บ่าวสาวนำไปบูชาพระและขอพรให้ครอบครัวมีความสุข มีลูกมีหลานที่ดี แล้วจึงเก็บไว้ในห้องพระ 7-9 วัน หลังจากนั้นจะนำไปลอยน้ำ หรือฝังดินก็ตามแต่ความสะดวก (ส่วนมากจะนิยมนำไปลอยน้ำมากกว่า)

ลงรายละเอียดลึกและชี้ชัดกันมาขนาดนี้ หวังว่าคงจะไขข้อสงสัยให้บ่าวสาวได้หลายคู่ ต่อจากนี้จะได้จัดทั้งพานขันหมากเอก และพานขันหมากโทแบบถูกต้องเป๊ะๆ ตามตำรับไทยแท้กันแล้วนะคะ

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีไทย >>> เซฟไว้และทำตาม…กำหนดการพิธีแต่งงานเช้าชั่วโมงต่อชั่วโมง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านดอกไม้ไทย ฐาวรีย์ กรุ๊ป โทร. 08-1929-9642

6 ไอเดียเสกอาหารในงานแต่งงานแสนเก๋ เพื่อสร้างความประทับใจขั้นสุด

อาหารในงานแต่งงาน เป็นปัจจัยหนี่งที่สำคัญที่สามารถทำให้แขกที่มาร่วมงานแต่งงานนั้นจดจำ และประทับใจ ทั้งยังนำรสชาติอาหารไปพูดต่อ และถ้าถามว่าชอบส่วนไหนมากที่สุดในงานแต่งงาน แน่นอนว่าส่วนใหญ่มักจะตอบว่าอาหาร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการคิดให้ดี วันนี้เรารวมหลากหลายไอเดียที่น่าสนใจมาฝากกัน ถูกใจแบบไหนก็อย่าลืมหยิบไปใช้กันนะคะ 😉

Food Truck

อาหารในงานแต่งงาน

เป็นอีกหนึ่งไอเดียล่าสุดที่แฝงความกิ๊บเก๋ไว้ ที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับงานแต่งงานที่จัดเอาท์ดอร์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสไตล์ให้กลายเป็นค็อกเทลบาร์สำหรับงาน After Party ให้แขกทุกท่านได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการจิบเครื่องดื่มแอลกลอฮอร์เย็นฉ่ำ พร้อมเสียงเพลง นอกจากนี้ราคาก็ไม่สูง และยังบริการอาหารที่สดใหม่ และเครื่องดื่มสำหรับแขกที่มาร่วมงานด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย

Candy Bar Corner

อาหารในงานแต่งงาน

สรรสร้างงานแต่งงานสุดพิเศษให้น่าจดจำ ด้วยบรรยากาศ และรสชาติหอมหวานของขนมหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ช็อคโกแลตบาร์ ลูกกวาด ถั่วเคลือบช็อคโกแลต และอื่นๆอีกมากมาย เนื่องจากไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเพศไหน ก็มักจะชอบหยิบขนมขบเคี้ยวเหล่านี้เข้าปากเสมอ ดังนั้นจึงเป็นไอเดียที่ดีที่จะทำให้แขกทุกท่านเพลิดเพลินไปกับขนมหวานกองใหญ่ที่มีให้เลือกสรรกันตามใจชอบ

Ice Pop in alcohol flavors

อาหารในงานแต่งงาน

น่าจะเป็นหนึ่งในไอเดียที่มีความน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับงานแต่งงานที่มีเพื่อนมาร่วมงานเยอะ เพราะทำง่าย และยังสามารถทำได้เองอีกด้วย! อะไรจะดีไปกว่า การนำเครื่องดื่มแอลกลอฮอล์เหล่านั้นมาประยุกต์ในรูปแบบของไอศรีมแท่ง! ผสมผสานไปกับผลไม้ต่างชนิด เพื่อลิ้มรสชาติที่หลากหลาย อาจจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล หรือผลไม้เขตร้อนก็ช่างดูน่าอร่อยเช่นกัน

Vegetarian Food

งานแต่งงาน

ไอเดียนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับคู่แต่งงานที่รักสุขภาพ หรืออยากทำให้งานแต่งงานของตัวเองเป็นที่น่าจดจำ และมีความแปลกแหวกแนวไปกว่าคู่อื่นๆ โดยการนำอาหารมังสวิรัติเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานแต่งงาน นอกจากจะได้ทำบุญละเว้นเนื้อสัตว์แล้ว ยังอร่อย และดีต่อสุขภาพของทุกคนอีกด้วย

Make It Interactive

งานแต่งงาน

มุมสำหรับอาหารและขนม DIY ที่สามารถลงมือทำเองได้ โดยไม่ต้องรอใคร อยากจะกินอะไร แบบไหน รสชาติยังไงก็ผสมกันเอาเองตามใจชอบ เช่น มุมไอสครีม จะมีถ้วยไอสครีม เยลลี่ ผลไม้เชื่อม และช้อกโกแล็ตรสต่างๆให้เลือกสรร

Drink up

งานแต่งงาน

มุมเครื่องดื่มที่เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่คู่บ่าวสาวลงมือผสมกันเอง หรือว่าจะเป็นเครื่องดื่มอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสมอไป อาจจะเป็น ชา กาแฟ นมและเครื่องดื่มอุ่นๆก็ดูน่าอร่อยไม่แพ้กัน

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

cr : thesukosol.com, wedmegood.com, eatdrinkpretty.com, occasionlab.com, vhlending.com, hambycatering.com

10 สิ่งที่ต้องทำใน คืนก่อนแต่งงาน เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวที่สดใส

แม้ว่า คืนก่อนแต่งงาน อาจจะไม่ใช่วันพิเศษ แต่ว่าที่เจ้าบ่าวอย่าลืมเช็ครายละเอียดและดูแลตัวเอง เพื่อวันรุ่งขึ้นที่แสนพิเศษกันนะ

คืนก่อนแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวคงจะตื่นเต้นไม่ต่างจากว่าที่เจ้าสาวใช่ไหมล่ะคะ? แน่นอนว่ากว่าจะถึงวันแต่งงานที่รอคอย ก็มีรายละเอียดมากมายให้ตระเตรียมและติดต่อตรวจสอบ เพื่อที่จะรังสรรค์ให้วันแต่งงานเป็นภาพในความทรงจำที่ดีที่สุด แต่นอกจากส่วนประกอบต่างๆ ในงานแต่งแล้ว ก็ยังมีอีก 10 สิ่งที่ต้องทำที่ แพรว wedding ได้รวบรวมมาให้คุณว่าที่เจ้าบ่าวได้เช็คลิสต์ เตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายก่อนวันรุ่งขึ้น รับรองได้เลยว่า เช้าวันแต่งงานของคุณจะเป็นวันที่อบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่นจริงๆ นะ ^^

1. มาส์กหน้า

แม้ว่าผู้ชายหลายๆ คนอาจจะมองข้ามการดูแลผิวหน้า แต่จริงๆ แล้วหน้าตาสามารถบ่งบอกได้ถึงสุขภาพและการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกได้ ดังนั้น การมาส์กหน้าจะช่วยปลอบประโลมผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยนและช่วยให้ผิวสดชื่น เปล่งปลั่งได้ในทันที หากว่าที่เจ้าบ่าวกังวลว่าจะใช้มาส์กหน้าแบบไหนดี ลองปรึกษาว่าที่เจ้าสาวของคุณสิคะ มาส์กหน้าคู่กันก็จะยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่น่ารักก่อนวันแต่งงานด้วยนะ แค่คิดก็เขินแล้ว ><

2. ห้ามดื่ม!

ใช่แล้วค่ะ ห้ามดื่มในคืนก่อนแต่งงานเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ผิวหน้าของคุณไม่สดใสและดูหมองคล้ำได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ แอลกอฮอล์จะทำให้ใบหน้าของคุณบวมในวันถัดไปด้วยหน่ะสิ วันแต่งงานจะหมดหล่อเพราะแอลกอฮอล์ไม่ได้เลยนะ!!

3. ดื่มน้ำเปล่า

น้ำเปล่าจะช่วยเติมเต็มน้ำให้กับผิวหน้าและร่างกาย เมื่อคุณตื่นนอนมาควรจะดื่มน้ำมากๆ แล้วก็อย่าลืมพกขวดน้ำไว้ดื่มระหว่างวันด้วย เพราะปริมาณน้ำที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอยู่ที่ประมาณ 8-10 แก้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคนด้วยนะคะ นอกจากนี้ว่าที่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว คงจะยุ่งในการเตรียมงาน จึงควรจะดื่มน้ำมากๆ เพื่อที่จะไม่เป็นลมระหว่างงานด้วย

4. ตั้งเวลาเข้านอน

วันสำคัญของคุณไม่ควรจะสายนะ การตั้งนาฬิกาปลุกก่อนนอนจึงสำคัญมากๆ เพื่อป้องกันความกังวลและความตื่นเต้นในคืนก่อนแต่งงาน หรือถ้าคุณจะบอกเพื่อนเจ้าบ่าวให้มาปลุกในตอนเช้าก็ดีเหมือนกันนะ เป็นการป้องกันที่ดีมากๆ หากคุณเป็นคนตื่นยาก หรือว่าร่างกายอาจจะเหนื่อยล้าเกินไป

5. ส่องกระจกเช็คความหล่อ

คืนก่อนแต่งงาน

เช็คทรงผมและโกนหนวดบนใบหน้าให้เรียบร้อย เพื่อให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ลองผูกเนคไทอีกครั้งเพื่อความชัวร์ว่าคุณสามารถผูกได้อย่างมืออาชีพ และอย่ากังวลหรือเครียดจนเกินไปนะคะ คุณควรปล่อยวางและยิ้มมากๆ เพราะเจ้าสาวก็อยากจะเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของคุณนะ

6. ตรวจเช็ครายละเอียดสำคัญ

ตรวจสอบให้มั่นใจว่าแขกผู้ใหญ่ทราบกำหนดการและสถานที่งานแต่งเรียบร้อยแล้ว ประสานงานกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ให้แน่ใจว่าเตรียมการครบทุกอย่างตามที่วางแผนไว้ รวมถึงแผนสำรองป้องกันในเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้ภายในงานดำเนินไปอย่างราบรื่น

7. เตรียมของขวัญพิเศษให้ว่าที่เจ้าสาว

คืนก่อนแต่งงาน

ก็ไม่ใช่ถึงกับว่าจะเป็นเจ้าบ่าวสายเปย์นะ แต่การเตรียมของขวัญเล็กน้อยให้เจ้าสาว เพื่อเป็นการขอบคุณและดูแลเธอ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายบอกความในใจ หรือเตรียมแชมเปญเพื่อฉลองกันในคืนวันแต่งงาน เพียงเท่านี้ก็ทำให้วันที่สำคัญนั้นพิเศษอย่างมหัศจรรย์ และอย่าลืมตระเตรียมให้ถูกที่ ถูกเวลาด้วยนะ เจ้าสาวจะได้เซอร์ไพรส์คูณสองไปเลย

8. เพียงแค่บอกว่า “ผมรักคุณ”

คืนก่อนแต่งงาน

“ผมรักคุณ” ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจพองโตด้วยความรัก ไม่ว่าจะกระซิบบอกเธอข้างหูด้วยโทนเสียงที่น่ารักและอบอุ่น หรือจะเขียนโน้ตแปะตามที่ต่างๆ และต้องเป็นที่ที่เจ้าสาวของคุณจะเห็นได้ชัดๆ ด้วยนะ ลองคิดดูสิถ้าเจ้าสาวได้เห็นข้อความนี้ยามตื่นเช้าขึ้นมาจะมีความสุขมากขนาดไหนกัน และคุณเองก็มีความสุขไปด้วยใช่ไหมล่ะคะ <3

9. เตรียมคำกล่าวในงานแต่ง

ในวันแต่งงาน ไม่ว่าคุณจะพกความมั่นใจมามากแค่ไหน แต่รับรองว่าคุณต้องตื่นเต้นมากๆ จนอาจทำให้คุณลืมคำพูดที่จะกล่าวในงานไปแน่ๆ เพราะฉะนั้นเขียนโน้ตไว้กันลืมดีกว่านะ ไม่ว่าจะในมือถือ หรือกระดาษ แล้วซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทของคุณ และอย่าลืมฝึกพูดให้คล่องด้วยล่ะ

10. แหวน

คืนก่อนแต่งงาน

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเจ้าบ่าวคือ แหวนแต่งงาน! หากคุณเตรียมให้มีคนถือแหวนล่ะก็ คุณควรจะเช็คให้มั่นใจว่าแหวนของคุณจะพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานในวันรุ่งขึ้น หรือคุณจะเป็นคนเก็บแหวนไว้กับตัวเอง แต่อย่าเผลอไปลืมวางแหวนทิ้งไว้นะ เพราะเจ้าสาวของคุณต้องเป็นผู้ที่สวมแหวนวงนั้นน้า

ในเมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเตรียมตัวพร้อมเรียบร้อย แล้วเจ้าสาวล่ะคะ? มาเช็คลิสต์กับ >> 10 สิ่งต้องทำในคืนก่อนแต่งงานแล้วทุกสิ่งจะสวยงามสมดั่งใจ

เครดิตข้อมูลจาก : glamour/ wedding ideasmag / ภาพจาก Pinterest

ใช่หรือไม่? กับ 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจว่าคนนี้แหละคือคู่ชีวิต

หากยังไม่แน่ใจว่าคนข้างกายของคุณจะใช่ คู่ชีวิต ตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่า แพรว wedding แนะนำให้คุณลองสังเกต 7 สัญญาณกระตุ้นหัวใจดังต่อไปนี้ ถ้ามีครบเมื่อไหร่ก็มั่นใจได้เลย

  • เขาทำให้คุณมีความสุข

คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาต้องเป็นคนที่ทำให้คุณมีความสุขได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เกิดจากสิ่งที่เขาทำให้คุณ ความสุขที่เกิดจากสิ่งที่เขาเป็น หรือสำหรับบางคนแค่อยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ๆ กัน รู้สึกว่ามีกันและกันก็มีความสุขแล้ว

  • เขาพร้อมเผชิญปัญหากับคุณ

ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิตของทุกคน ซึ่งอาจมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ดังนั้นคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาก็ต้องพร้อมเผชิญปัญหาร่วมกับคุณด้วย เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็จะเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับคุณ หรือหากดีกว่านั้นเขาก็จะเป็นคนที่ช่วยคุณแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

  • เขามองข้ามข้อเสียของคุณ

ข้อดีเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรารักใคร่ชอบพอกันได้ แต่ในทางตรงข้ามข้อเสียก็ทำให้คนเราเห็นถึงส่วนลึกภายในใจของกันและกันได้เช่นกัน ทั้งนี้เพราะข้อเสียเป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์ใจ หากเขาพร้อมจะมองข้ามข้อเสียของคุณไป โดยไม่ขอให้คุณปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อเขา ก็เป็นสัญญาณบอกว่าเขาพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณแล้วล่ะ

  • เขาเปิดใจกับคุณ

คู่ชีวิตหมายถึงคนสองคนก็จริง แต่ในความหมายลึกๆ แล้ว คู่ชีวิตหมายถึงการเป็นคนๆ เดียวกันต่างหาก ดังนั้นคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาก็ต้องเปิดอกเปิดใจพูดคุยกับคุณได้ทุกเรื่อง ต้องไม่มีความลับต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขหรือทุกข์ เพราะเรื่องของคุณและเรื่องของเขาต้องกลายเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว

  • คุณเชื่อใจเขาได้

ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตคู่ ดังนั้นคนที่จะเป็นคู่ชีวิตของคุณ เขาต้องเป็นคนที่คุณสามารถเชื่อใจได้ในทุกเรื่อง โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงเป็นใยในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องคอยตามจิกหรือจับผิดว่าเขาจะทำเรื่องไม่ดี นั่นหมายความว่าเขาคือคนที่พร้อมจะเป็นคู่ชีวิตของคุณแล้ว

  • คุณรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา

ชีวิตคู่สำหรับบางคู่อาจไม่ใช่เรื่องของคนสองคน เพราะครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพล ด้วยเหตุนี้หากคุณจะใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน คุณจึงต้องรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขาเสียก่อน ต้องมั่นใจว่าสามารถเข้ากับครอบครัวของเขาได้ ต้องรู้สึกรักใคร่พ่อแม่พี่น้องของเขาให้เหมือนเป็นครอบครัวของตัวเอง และที่สำคัญต้องรู้สึกว่าพวกเขารักคุณเหมือนลูกหลานคนหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณไม่สามารถฝ่าด่านญาติพี่น้องของเขาได้ เขาก็ต้องเป็นคนที่ทำให้คุณรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ด้วยการแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมจะปกป้องและยืนเคียงข้างคุณเสมอ

  • คุณรู้สึกเป็นคนสำคัญของเขา

คู่ชีวิตคือการเป็นคนสำคัญของกันและกัน ดังนั้นหากเขาแสดงให้เห็นว่าคุณคือคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ หรือคุณไม่เคยต้องน้อยอกน้อยใจว่าเขาไม่ให้ความสำคัญเลย ก็แปลว่าเขาพร้อมจะเป็นครึ่งหนึ่งในชีวิตของคุณแล้วล่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข้อควรรู้ชีวิตหลังแต่งงาน ให้สามีภรรยาป้ายแดงสดใสเหมือนข้าวใหม่ปลามันทุกวัน

วางแผนชีวิตคู่ให้ปลอดภัย เพื่องานแต่งงาน บ้านใหม่ และเจ้าตัวเล็ก

ภาพ : pexels.com

แจกให้ฟรีไม่มีเงื่อนไข!! ผังขบวน ขันหมากไทย มีเอาไว้อุ่นใจทุกคน

แค่คิดว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้างในขบวนขันหมากไม่ให้ตกหล่นก็ว่ายากแล้ว แต่การจัดขบวนขันหมากให้ถูกต้องนี่สิกลับยากกว่า กว่าจะลงตัวว่าใครต้องยืนตรงไหนอะไรยังไง เก้ๆ กังๆ กันอยู่พักใหญ่เกือบไม่ทันฤกษ์แห่ก็มี แพรว wedding เลยอยากให้บ่าวสาวได้เตรียมตัวก่อนเนิ่นๆ จึงได้จัดข้อมูลมาให้แบบ One Stop Service กับ ผังขบวนขันหมาก ไทยที่ระบุตำแหน่งบุคคลพร้อม ข้าวของที่ต้องเตรียม แค่เซฟ ปริ้นต์ แล้วแจก รับรองเป๊ะทันฤกษ์แน่นอน

ผังขบวนขันหมาก
ผังขบวนหมาก พร้อมข้าวของที่ต้องเตรียม ในขบวนขันหมาก

ตำแหน่งที่ 1 เถ้าแก่ + ซองเงิน

หัวขบวนจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เถ้าแก่ ผู้ถือซองเงินสำหรับเป็นค่าผ่านประตูและค่าสินน้ำใจต่างๆ เอาไว้เบิกทางให้เจ้าบ่าวไปเจอกับเจ้าสาวได้สะดวกๆ

ตำแหน่งที่ 2 เจ้าบ่าว (ขนาบข้างด้วยพ่อแม่) + พานธูปเทียนแพ

ต่อมาก็เป็นเจ้าบ่าว พระเอกของขบวนขันหมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วตำแหน่งจะอยู่หลังเถ้าแก่มาสักหน่อย พร้อมเคียงข้างซ้ายขวาด้วยคุณพ่อคุณแม่ หรือบางครั้งบางทีเจ้าบ่าวก็อาจจะเขยิบขึ้นไปข้างหน้าเดินเคียงกับเถ้าแก่ ที่สำคัญและขาดไม่ได้ก็คือ เจ้าบ่าวต้องถือพานธูปเทียนแพด้วยนะคะ

ตำแหน่งที่ 3 เพื่อนเจ้าบ่าว 2 คน (ญาติผู้ชาย) + พานต้นกล้วย และ พานต้นอ้อย

ถัดลงมาก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว 2 คน หรือจะเป็นญาติผู้ชายก็ได้เช่นกัน ทำหน้าที่ถือพานต้นกล้วยและพานต้นอ้อยคนละพาน ที่ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวก็เพราะว่าสองพานนี้ค่อนข้างหนัก แต่! เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว สองพานนี้จะต้องถอยไปอยู่ด้านหลังคู่พานขนมมงคล (บางบ้านก็ให้อยู่ด้านหลังตั้งแต่แรก) เพื่อที่จะให้พานอื่นๆ เข้าไปวางเรียงในบ้าน ส่วนพานต้นกล้วยและพานต้นอ้อยจะวางไว้หน้าบ้านแทน

ตำแหน่งที่ 4 ญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อนสนิท 2 คน + พานขันหมากเอก และ พานขันหมากโท

ต่อมาก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญเช่นกัน โดยจะให้ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ หรือเพื่อนสนิทเป็นผู้ถือพานขันหมากเอก และพานขันหมากโท (พานละ 1 คน)

ตำแหน่งที่ 5 พานแหวนหมั้น

พานแหวนหมั้นจะอยู่ถัดจากพานขันหมากเอกและขันหมากโทลงมาหนึ่งสเต็ป ซึ่งหากว่างานของใครไม่มีขันหมากโท จะขยับให้พานแหวนหมั้นขึ้นไปเดินเคียงข้างพานขันหมากเอกก็ได้เช่นกัน

ตำแหน่งที่ 6 คู่พานสินสอด

ของสำคัญมูลค่าเยอะอย่างพานสินสอด ถ้ามีมาก (เจ้าบ่าวรวย!) ก็อาจจะแบ่งๆ ให้ญาติสนิทมิตรสหายช่วยถือ แต่เรื่องสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจก็คือ “ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้” ไม่เช่นนั้นระวังตอนนับสินสอดจะไม่ครบนะจ๊ะ

ตำแหน่งที่ 7 คู่พานผลไม้มงคล

ตำแหน่งนี้ก็อาจแบ่งกันไปหลายๆ คน หลายๆ พาน เพราะผลไม้มงคลส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมาก เช่น มะพร้าว ส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสายน้ำผึ้ง ซึ่งสามารถแบ่งให้ชายหญิงถือได้ตามความเหมาะสม

ตำแหน่ง 8 คู่พานขนมมงคล 9 ชนิด

พานขนมมงคลทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่าจันทร์ ถ้วยฟู และเม็ดขนุน  โดยจะหนักหรือเบา เยอะหรือน้อย และจะมีกี่พานก็แล้วแต่ว่าเจ้าภาพจะจัดมาเยอะแค่ไหน แล้วจึงจัดคนให้เท่ากับจำนวนพานขนมที่มี

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี คลิกเลย <<