จียอน สวยรับสปอตไลต์ในแฟชั่นชุดแต่งงานสวยหวานเบอร์แรงกับชุดแต่งงานสีพาสเทล

ซอ จียอน สาวเกาหลีหัวใจไทยที่ตั้งแต่เปิดตัวว่าคบหาดูใจอยู่กับหนุ่มฮั่น อิสริยะ ก็เพิ่มดีกรีความหวานขึ้นทุกวัน แถมยังเปรยๆ มาอีกว่า “คนนี้แหละใช่เลย” แพรวเวดดิ้งก็เลยเอ่ยปากชักชวนสาวจียอนมาถ่ายแฟชั่นชุดแต่งงานสวยๆ ซ้อมไว้ก่อน และเพื่อให้เข้ากับดีกรีความหวานของหัวใจในช่วงนี้ ร้านชุดแต่งงาน Coco Chic ก็เลยจัด ชุดแต่งงานสีพาสเทล มาให้ซะเลย

เสื้อผ้า : Coco Chic Wedding
โทร. 0-2115-8500, 09-9635-8585
เฟซบุ๊ก : Coco Chic Wedding
ไอจี : @cocochicwedding

ดูชุดแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เด็กถือแหวนคือใคร แล้วต้องเลือกยังไงให้งานราบรื่นไม่สะดุด

ในพิธิแต่งงานแบบคริสต์ จะมีผู้ที่ทำหน้าที่สำคัญเป็นอย่างมากในพิธีนี้ก็คือ เด็กถือแหวน ที่มักเป็นเด็กชายตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูเดินนำหน้าเหล่า flower girls ตัวน้อย แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำจริงไหมคะ เพราะฉะนั้นอาจจะเกิดอาการงอแงหรือตื่นกลัวผู้คนได้ง่ายๆ และมักยากที่จะคาดเดาถึงอารมณ์ของพวกเขาในขณะนั้น แพรว wedding เลยมีเคล็ดลับการเลือกและเตรียมพร้อมเด็กถือแหวนมาฝาก เพื่อให้งานแต่งของบ่าวสาวผ่านไปได้อย่างราบรื่น

  • เลือกเด็กถือแหวนอย่างไร

โดยมากมักเป็นเด็กชายที่มีอายุระหว่าง 4-10 ปี หรืออย่างเต็มที่ต้องไม่เกิน 13 ปีเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจำนวนเด็กผู้ชายมีน้อยกว่าเด็กผู้หญิง หรือบางบ้านอาจไม่มีเด็กผู้ชายเลย ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เด็กผู้หญิงมาทำหน้าที่ถือแหวนแทนเด็กผู้ชายก็ได้เช่นกัน ซึ่งเด็กถือแหวนมักจะเป็นญาติของเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว โดยเด็กถือแหวนนั้นสามารถมีได้ถึง 2 คนโดยแยกแหวน 2 วงให้เด็กถือคนละวงแล้วเดินเข้างานพร้อมกัน และทางที่ดีบ่าวสาวควรจะเลือกเด็กที่กล้าแสดงออก และไม่ตื่นกลัวคนที่ค่อนข้างเยอะในวันงาน เพราะจะช่วยให้เด็กเดินถือแหวนได้ผ่านฉลุยไม่มีสะดุด

เด็กถือแหวน

  • เตรียมตัวเด็กถือแหวนอย่างไร

พูดคุยกับเด็กให้เข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าหน้าที่นี้คืออะไร และเด็กต้องทำอะไรบ้างในวันนั้น เพื่อให้เขาได้รู้ถึงบทบาทและเข้าใจถึงความสำคัญของหน้าที่ และต้องบอกเด็กด้วยว่าในวันนั้นเขาจะต้องเดินคนเดียว มีคนเยอะมากแค่ไหน พร้อมให้กำลังใจและบอกว่าเขาสำคัญมากแค่ไหนในวันนั้น เพื่อให้เด็กรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของงาน

ถ้าหากบ่าวสาวมีเพลงที่จะเปิดในช่วงที่เด็กถือแหวนเดินเข้างาน อาจจะต้องนำเพลงไปให้พ่อแม่ของเด็กเปิดให้เด็กฟังก่อนเพื่อให้เขาได้เกิดความคุ้นเคยและคุ้นชินกับท่วงทำนอง เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ตกใจหากมีเสียงเพลงเปิดขึ้นในวันงาน

  • จัดที่นั่งให้กับพ่อแม่ของเด็กหรือผู้ใหญ่ที่เด็กคุ้นเคยที่ด้านหน้าหรือด้านหลังที่เด็กสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

หรืออาจจะมีคนที่นั่งอยู่ระหว่างทางด้วย เมื่อเด็กเดินเข้างานจะได้รู้สึกอุ่นใจว่ามีพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่อยู่แถวนั้น หรืออาจจะใช้วิธีให้พ่อแม่หรือผู้ใหญ่เดินตามอยู่ห่างๆ พร้อมกับอาจจะคอยกระซิบบอกเด็กให้เดินต่อไปหากเด็กเกิดหยุดเดินระหว่างทาง

บ่าวสาวอาจจัดเตรียมห้องไว้ให้เด็กถือแหวนในกรณีที่เป็นเด็กเล็กๆ เพื่อให้เด็กพักผ่อนอย่างเต็มที่จะได้ไม่งอแงเมื่อถึงเวลางานเริ่ม พร้อมกับให้เด็กรับประทานให้อิ่มและเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดเลอะเทอะเปรอะเปื้อน พ่อแม่ควรหาผ้ากันเปื้อนหรือสวมชุดอื่นก่อนเริ่มพิธีแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชุดจริง สุดท้ายควรให้เด็กเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่พิธีจะเริ่ม

  • บ่าวสาวอาจจะใช้แหวนปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับแหวนแต่งงานจริงเพื่อให้เด็กถือแหวนถือ

เพื่อความปลอดภัยของแหวนที่เป็นของมีค่า แต่ถ้าหากอยากจะใช้แหวนแต่งงานจริงๆ แนะนำให้เก็บหมอนถือแหวนหรือกล่องใส่แหวนไว้ที่บุคคลที่คุณไว้ใจก่อน แล้วค่อยนำออกมาให้เด็กถือเมื่อถึงเวลาที่เด็กต้องเดินเข้างาน เพื่อป้องกันการสูญหายหรือเสียหาย

สุดท้ายอย่าลืมเตรียมของขวัญเป็นคำขอบคุณ คำชม และกอดเขาแรงๆ ให้กับเด็กน้อยในตอนจบงานด้วยนะคะ ^^

ข้อมูลบางส่วน : thespruce.com, theknot.com,weddingwire.com
ภาพ : londonjaeapparel.com, pinterest.com

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

หล่อให้สุดให้สมกับเป็นพระเอกของงานกับ 7 ทริคแต่งสูทเจ้าบ่าวให้หล่อเป๊ะ

ทิปส์เลือก สูทเจ้าบ่าว ให้หล่อสมฐานะพระเอกของงาน

เป็นเจ้าบ่าวกับเขาทั้งทีจะแค่ใส่สูทแบบธรรมดาให้จบๆ ไปคงจะไม่ได้หรอกนะคะ ก็แหมคุณน่ะ เป็นพระเอกของงานเชียว เพราะฉะนั้นเพื่อให้สมฐานะเจ้าบ่าวสุดหล่อ แพรว wedding เลยจัดทริคดีๆ ในการแต่ง สูทเจ้าบ่าว มาให้ รับรองว่าหล่อกระชากใจเจ้าสาวอีกครั้งแน่นอน

1. อย่าตามเทรนด์มากไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจ้าบ่าวจะต้องดูเป็นตัวของตัวเองที่สุด อย่าทำให้วันแต่งงานซึ่งเป็นวันสำคัญของคุณต้องกลายเป็นวันหายนะของภาพถ่ายเพราะชุดที่คุณสวมใส่นั้นไม่เป๊ะปัง เพราะฉะนั้นจงหลีกเลี่ยงสิ่งที่อินเทรนด์มากเกินไป เช่น ปกเสื้อเชิ้ตแบบล้ำสมัย, เนคไทแบบสกินนี่เน้นลวดลายและสีสัน หรือเนคไทผ้าซาตินมันวาว เป็นต้น เอาเป็นว่าเน้นความเรียบหรูดูคลาสสิคปลอดภัยที่สุดนะคะคุณเจ้าบ่าว

2. เลือกเฉดสีที่ถูกต้อง

เชื่อเถอะว่าเจ้าบ่าวจะดูดีที่สุดในชุดสูทสีเทา, สีน้ำตาลเข้ม, สีน้ำเงิน หรือสีดำ และเฉดสีเหล่านี้ยังช่วยพรางรูปร่างของเจ้าบ่าวได้เป็นอย่างดีอีกต่างหาก และแน่นอนว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีหากคุณได้หยิบรูปมาดูอีกที ก็ยังจะดูดีในเฉดสีเหล่านี้เสมอไม่เสื่อมคลาย

สูทเจ้าบ่าว

3. เลือกเนื้อผ้าที่ถูกต้อง

หากคุณจัดงานแบบอินดอร์ที่ติดแอร์เย็นฉ่ำการเลือกผ้าขนสัตว์หรือผ้าแคชเมียร์เพื่อช่วยสร้างสไตล์อันโดดเด่นนั้นก็ดูไม่แปลกนัก แต่ถ้าคุณแต่งงานเอ้าท์ดอร์กลางสวนไอแดดร้อนเปรี้ยง การเลือกเนื้อผ้าที่โปร่งบางสักหน่อยอย่างผ้าลินิน, ผ้ากากี หรือผ้าเซียร์ซัคเกอร์ ดูจะเหมาะสมที่สุด และที่สำคัญอย่าลืมเลือกสูทหรือเชิ้ตจากผ้าดังกล่าวให้พอดีกับรูปร่างของเจ้าบ่าวมากที่สุดด้วย เพราะผ้าที่พลิ้วหรือมีน้ำหนักเบาส่วนมากนั้นมักจะไม่พอดีตัวจนอาจทำให้เจ้าบ่าวดูตัวพองใหญ่ได้แบบไม่รู้ตัว

4. เลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในยังไงก็รอด

ทางที่ดีเจ้าบ่าวควรจะลงทุนซื้อเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาตัวใหม่สักตัว เพราะหากเอาตัวเก่ากลับมาวนใส่ในวันสำคัญ ความหม่นหมองของเชิ้ตสีขาวที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชนจะทำให้ออร่าเจ้าบ่าวไม่เกิดเอาได้ แล้วอย่าลืมเสริมด้วยคัฟลิงค์เท่ๆ ที่บ่งบอกสไตล์ของตัวเองเท่านี้ก็หล่อลืมหายใจแล้ว

สูทเจ้าบ่าว

5. ให้เดรสโค้ดกับเพื่อนเจ้าบ่าว

อย่าลืมว่างานนี้คุณต้องเป็นพระเอก เพราะฉะนั้นคงไม่ดีแน่ถ้าแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวดันแต่งตัวเหมือนคุณเป๊ะแล้วขโมยซีนไปดื้อๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนในเรื่องสไตล์ที่จะทำให้ทุกคนดูดี โดยเฉพาะการกำหนดธีมสีนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เช่น ให้ทุกคนสวมทักซิโดสีดำหรือสูทสีน้ำเงิน (ซึ่งเจ้าบ่าวอาจเลือกใส่สีตรงข้ามจะได้โดดเด่น) หรือจะเลือกเติมแอคเซสซอรี่บางอย่างที่เหมือนกัน เช่น พ็อคเกตสแควร์ เป็นต้น

สูทเจ้าบ่าว

6. ทำความรู้จักกระดุมเสื้อสูทให้ดี

หากสูทของคุณมีกระดุมมากกว่า 1 เม็ด โดยส่วนมากจะนิยมติดเฉพาะแค่เม็ดบนเม็ดเดียว ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้ตามสบาย (หรือใครอยากจะติดก็ได้นะคะ แล้วแต่ความมั่นใจของแต่ละคน) แต่หากสูทของคุณเป็นแบบกระดุมสองแถวนั้นจำเป็นจะต้องติดกระดุมให้ครบทุกเม็ดเพื่อความคอมพลีตของลุคให้ดูเพอร์เฟกต์

7. แต่งสูทให้เป๊ะตามมาตรฐาน

อย่าลืมรีเช็คสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้หากคุณอยากดูดีในชุดสูท แจ็คเกตสูทต้องมีความเข้ารูปที่เอวนิดหน่อยเพื่อที่หุ่นของเจ้าบ่าวจะได้ดูสลิมขึ้นมาเล็กน้อย แต่ต้องไม่ดึงรั้งทำให้อึดอัดเวลาติดกระดุม เพราะฉะนั้นการเลือกตัดสูทกับช่างมืออาชีพผู้มีความชำนาญจึงเป็นเรื่องจำเป็น และแขนเสื้อเชิ้ตต้องโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อแจ็คเกตประมาณครึ่งนิ้วในขณะที่แขนทั้งสองข้างขนานกับลำตัว

ถ้าสร้างสตอรี่ให้กัับสูทเจ้าบ่าววันแต่งงานต้องไม่พลาด >> ไอเดียทำซึ้งสร้างสูทเจ้าบ่าวให้น่าประทับใจในงานแต่ง

ภาพเปิด : gettyimages
ภาพประกอบ : theyoungrens.com, muvee.com, notonthehighstreet.com, pinterest.com

7 ทิปส์ลิสต์รายชื่อแขกงานแต่ง เยอะแค่ไหนก็ผ่านฉลุยด้วยเคล็ดลับนี้

ช่วงที่น่าปวดหัวสำหรับบ่าวสาวอีกหนึ่งช่วงคือ การลิสต์รายชื่อ แขกงานแต่ง แถมลิสต์แล้วไม่พอบางทียังต้องตัดชื่อบางชื่อออกจากลิสต์ด้วย!! แพรว wedding เลยมีเคล็ดลับดีๆ ที่รับรองว่าช่วงที่น่าปวดหัวนี้จะราบรื่นกว่าที่บ่าวสาวคิดไว้แน่นอน

1. แยกรายชื่อแขกให้ชัด ก่อนที่จะคิดเรื่องเงิน

แค่รายชื่อแขกของบ่าวสาวก็เยอะพอตัวอยู่แล้ว แล้วไหนจะยังมีแขกของพ่อแม่อีก แถมงานนี้ยังมีเรื่องเงินมาเป็นตัวกำหนดสร้างความน่าปวดหัวให้เพิ่มขึ้น เราขอแนะนำให้เจ้าบ่าว เจ้าสาว และครอบครัวของทั้งสองฝ่าย นั่งลงแล้วพูดคุยร่วมกันว่า บ่าวสาวจะเชิญแขกหรือมีแขกประมาณกี่คน แล้วในส่วนแขกของพ่อแม่บ่าวสาวจะมีประมาณกี่คนหรือมีใครบ้าง เพื่อที่จะได้พูดคุยกันในเบื้องต้นว่าแขกท่านนี้จำเป็นต้องเชิญหรือไม่ หรือไม่บางรายชื่อที่ซ้ำกันหรือเปล่า และการสนทนาในครั้งนี้ยังสามารถกำหนดจำนวนแขกแบบคร่าวๆ ให้บ่าวสาวได้อีกด้วย

TIP โดยปกติแล้ว ครึ่งนึงของจำนวนแขกในงานคือแขกของบ่าวสาว ส่วนอีกครึ่งคือแขกของพ่อแม่ (หรือ 1 ใน 4) เช่น แขกจำนวน 200 คน ก็เท่ากับว่าแขกของบ่าวสาวคือ 100 คน ส่วนอีก 100 คน แบ่งเป็นแขกทางฝั่งพ่อแม่เจ้าสาว 50 คน และแขกทางฝั่งพ่อแม่เจ้าบ่าวอีก 50 คน เพราะฉะนั้นเพื่อไร้ดราม่า การแบกแขกออกเป็น 3 ส่วนเฉลี่ยจำนวนเท่าๆ กันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และสามารถจำกัดจำนวนแขกได้ด้วย

2. แขกที่ผู้ใหญ่อยากเชิญเกินจากจำนวนที่ตั้งไว้

หากงบประมาณคือตัวกำหนดจำนวนแขกของบ่าวสาว แต่พ่อแม่ก็อยากเชิญแขกของพวกท่านมาร่วมงานให้ได้ จนเกินจากจำนวนที่บ่าวสาวตั้งไว้ ก็อาจต้องพูดคุยกันว่าค่าใช้จ่ายส่วนเกินตรงนี้ใครจะเป็นคนจ่าย ซึ่งหากจำนวนแขกเกินจากที่โรงแรมกำหนดไว้นั่นเท่ากับว่าบ่าวสาวก็ต้องจ่ายส่วนต่างตรงนี้เช่นกัน เช่น เพิ่มอาหารหรือเครื่องดื่ม เป็นต้น

TIP หากเกิดปัญหานี้ขั้นแรกคือพูดจาประนีประนอมเพื่อหาทางออก แต่บ่าวสาวต้องแน่ใจว่าสีหน้า ท่าทาง และคำพูดของคุณนั้นจะไม่ทำร้ายหรือทำให้อีกฝั่งต้องรู้สึก และต้องไม่คุยกันโดยใช้อารมณ์เด็ดขาด

3. ใช้ระบบในการช่วยประมวลผลจำนวนแขก

มีหลายเครื่องมือที่จะบ่าวสาวจะใช้สร้างรายชื่อแขกได้ และที่บ่าวสาวส่วนมากนิยมใช้กันก็คือเครื่องมือกิจกรรมในเฟซบุ๊ก ที่บ่าวสาวสามารถรู้ได้คร่าวๆ ว่าเพื่อนคนไหนที่จะมา อาจจะมา หรือไม่มาร่วมงานแต่งบ้าง

TIP อย่าเพิ่งตัดรายชื่อคนที่บอกว่า อาจจะมา ออกจากลิสต์รายชื่อ แต่อาจจะแยกรายชื่อแขกที่จะมาร่วมงานแต่ง กับแขกที่อาจจะมา ออกจากกันให้ชัดเจน เพื่อที่จะได้นำจำนวนทั้งหมดไปคำนวณค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ ไว้ก่อน

4. ลิสต์รายชื่อคนที่อยากจะเชิญไว้ให้หมด

เมื่อบ่าวสาวเริ่มสร้างลิสต์รายชื่อแขก ให้เขียนรายชื่อคนที่บ่าวสาวอยากจะเห็นพวกเขาในงานแต่ง หรืออยากให้มาร่วมงานจริงๆ ให้หมด เช่น เพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมไปจนถึงลูกพี่ลูกน้องที่เคยเจอกันแล้วคุยถูกคอ โดยอย่าเพิ่งสนใจเรื่องงบประมาณหรือสถานที่ เพราะคุณอาจจะต้องตัดบางรายชื่อออกในภายหลัง แต่สำหรับตอนนี้ต้องคิดให้เยอะไว้ก่อน เพราะตัดออกดีกว่ามาเพิ่มทีหลังแน่นอน

TIP ถ้าบ่าวสาวจะเชิญแขกคนหนึ่งในภายหลัง ลองกลับมาดูที่รายชื่อนี้ ถ้าชื่อนั้นไม่ได้อยู่ในลิส ก็ลองพิจารณาว่าเขามีความสำคัญกับคุณมากแค่ไหน

5. ให้งบประมาณหรือสถานที่เป็นตัวกำหนด

งบประมาณและสถานที่เป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเรื่องจำนวนแขก หรือเป็นตัวเซตจำนวนแขกตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจำนวนแขกยังมีผลต่อการวางแผนเรื่องอาหารภายในงาน, ของชำร่วย, ที่นั่งหรือจำนวนเก้าอี้ด้วย

6. สร้างกฎการตัดและปฏิบัติตาม

เมื่อถึงเวลาที่บ่าวสาวจะต้องเริ่มตัดรายชื่อแขกเพื่อให้เข้ากับงบประมาณและสถานที่แต่งงานแล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดคือการตั้งกฎและปฏิบัติตาม

ข้อ 1 –  ถ้าบ่าวสาวไม่เคยคุย หรือพบเจอพวกเขา หรือไม่เคยได้ยินชื่อพวกเขามาก่อน ก็ตัดจากรายชื่อได้เลย

ข้อ 2 – ถ้างานของบ่าวสาวเป็นปาร์ตี้จ๋า ไม่ต้องรู้สึกแย่หากคุณจะบอกแขกว่า ขอร้องนะอย่านำลูกหลานมางานแต่งเลย

ข้อ 3 – ถ้าบ่าวสาวไม่ได้พูดคุยกับพวกเขามาเป็นเวลานานกว่า 3 ปี ก็ไม่แปลกที่จะตัดชื่อนี้ออกจากลิสต์รายชื่อ

7. แบ่งรายชื่อแขกแบบ A-list และ B-list

แบ่งแขกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยแยกเป็น รายชื่อแขกใน A-list คือครอบครัว ญาติสนิท และบรรดาเพื่อนซี้ทั้งหลาย ส่วนรายชื่อใน B-list คือแขกคนอื่นๆ ที่บ่าวสาวอยากให้พวกเขามาร่วมงาน โดยที่บ่าวสาวยังไม่ต้องเชิญแขกใน B-list จนกว่าแขกใน A-list คนใดคนหนึ่งไม่สามารถที่จะมาร่วมงานได้ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเรียงลำดับความสำคัญของแขกใน B-list ด้วยนะ

TIP บ่าวสาวควรส่งคำเชิญไปยังรายชื่อใน A-list ล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน (หรือเร็วกว่านั้น) เพื่อที่จะทำให้มีเวลาเหลือในการส่งคำเชิญไปยังรายชื่อใน B-list ประมาณ 1 เดือนล่วงหน้าหากรายชื่อใน A-list มาร่วมงานไม่ได้

ภาพ unsplash.com

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

5 สิ่งธรรมดา เปลี่ยนปัญหา ชุดแต่งงาน เลอะให้เป็นเรื่องจิ๊บๆ

กรี๊ดดดดดด… ชุดแต่งงาน เลอะทำยังไงดี!? แพรว wedding มีทางแก้มาให้คุณเจ้าสาวแล้วค่ะ แต่ก่อนจะรีบลงมือทำความสะอาด ต้องเช็กให้ดีก่อนนะคะว่าชุดแต่งงานของคุณเป็นเนื้อผ้าแบบไหน เพราะผ้าแต่ละชนิดต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป เช่น หากเป็นผ้าไหมก็สามารถใช้แปรงขนอ่อนปัดเบาๆ เพื่อทำความสะอาดได้ แต่ถ้าเป็นผ้าเครป ผ้าชีฟอง หรือผ้าซาตินเมื่อไหร่ล่ะก็ ทิ้งแปรงไปได้เลยค่ะ ห้ามเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะจะทำให้ชุดเป็นขุยและเกิดด้ายรัน และสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นผ้าชนิดไหนก็ควรจะทำอย่างเบามือที่สุดนะคะ

1. สบู่

ดอกไม้จากมาลัยบ่าวสาวตัวการชั้นดีที่ทำให้เกิดคราบบนชุดแต่งงาน หากเลอะเมื่อไหร่ให้ใช้สบู่ล้างออก แต่ต้องเป็นสบู่สีขาวเท่านั้นนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้สีของสบู่มาแทนที่สีขาวของชุดแต่งงานหรอกจริงไหม ให้นำสบู่ไปโดนน้ำพอให้เปียก แล้วใช้นิ้วแตะสบู่นำมาถูวนเบาๆ บนคราบให้เกิดฟอง โดยถูวนให้มีขนาดใหญ่กว่ารอยคราบเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คราบกระจายตัว แล้วใช้ผ้าชุบน้ำซับฟองออกเบาๆ จากนั้นไดร์ให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันคราบ ที่สำคัญห้ามขยี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากคราบที่มีขนาดเท่าเหรียญ 25 สตางค์จะกลายเป็นเหรียญ 10 บาททันที

2. ทิชชู่

เลือกแบบซับน้ำได้ดี เมื่อเช็ดหรือปัดแล้วไม่เป็นขุย จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลายืนปัดเศษขุยทิชชู่ให้เสียบุคลิก และหากเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวสวมชุดผ้าไหมในวันงาน และมีการลงแป้งบริเวณคอหรือช่วงอก ให้ใช้ทิชชู่พับทบกันให้หนา จากนั้นวางรองไว้รอบคอหรือขอบชุดเกาะอกก่อนลงแป้งทุกครั้ง เมื่อลงแป้งเสร็จแล้วให้ใช้แปรงขนนุ่มชุบน้ำพอหมาดรีดน้ำออกจากแปรงให้หมด แล้วนำมาปัดเบาๆ ที่รอยเปื้อน จากนั้นใช้ทิชชู่กดทับให้แห้งดีอีกที เท่านี้ก็เดินสวยหล่อเข้างานได้เลย

3. ไดร์เป่าผม

การเอาไดร์จ่อชุดบริเวณที่เปียกไม่ได้ช่วยทำให้ชุดแห้งเร็วขึ้นนะคะ แถมอาจทำให้ชุดเสียหายหนักกว่าเดิม ทางที่ดีถอยไดร์ให้ห่างจากคราบเปียกประมาณ 1 ฟุตแล้วส่ายไดร์ไปมาขณะเป่า แบบนี้ดีที่สุดค่ะ

4. แป้งฝุ่นหรือแป้งเด็ก

อุปกรณ์ยามฉุกเฉินหากลิปสติกที่หยิบมาเติมสวยก่อนเดินเข้างานดันร่วงใส่ชุด ไม่ต้องรีบล้างให้เสียเวลานะคะ เพราะจะยิ่งทำให้คราบกระจายและฝังลึกเข้าไปอีก แค่โรยแป้งเด็กบริเวณที่เป็นรอยก่อนเดินเข้างาน เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้วค่ะและหากแป้งพัฟฟ์ทาตัวดันกระจายเลอะชุดแต่งงานที่เป็นผ้าซาติน ผ้าเครป หรือผ้าชีฟอง ให้โรยแป้งฝุ่นให้ทั่วเพื่อป้องกันคราบแป้งกระจายตัว แล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่ต้องทำอะไร แค่ทำใจให้สบายแล้วเดินเข้างานไปเลย

5. ผ้าสะอาด

หากชุดแต่งงานเลอะคราบฝุ่น ให้ใช้ผ้าสะอาดปัดออกเบาๆ ห้ามใช้มือปัดนะคะไม่อย่างนั้นจะเกิดรอยสกปรกฝังลึกบนชุดแต่งงานทันที

รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนถึงวันแต่งงานก็เตรียมของใช้จำเป็นเหล่านี้ไว้สักนิดนะคะ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ มีของเตรียมไว้แก้ ดีกว่าไม่มีอะไรให้แก้นะคะ

ภาพ : amazon.com, kmart.com.au, candlescience.com, mikevekris.gr

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!a a

แฟชั่นสุดสวยของว่าที่เจ้าสาว “นาตาลี เจียรวนนท์” กับชุดแต่งงานลุคเจ้าหญิง

หลังจากที่คบหาดูใจกันมานานถึง 9 ปี ในที่สุดคู่รักคู่หวานของวงการอีกหนึ่งคู่ นาตาลี – ณัฏฐินี เจียรวนนท์ และ ฟลุค – เกริกพล มัสยวาณิช ก็ถึงเวลาที่จะลั่นระฆังวิวาห์ หลังจากที่หนุ่มฟลุคเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานบนเรือหรูขณะเดินทางไปทริปล่องเรือ ณ ประเทศกรีซ แพรวเวดดิ้งก็เลยชวนสาวนาตาลีมาซ้อมใส่ชุดแต่งงานไปพลางๆ ก่อนที่จะถึงเวลาจริง โดยชุดที่เตรียมมาให้ก็หรูหราเหมาะกับสาวนาตาลีมาก กับ ชุดแต่งงานลุคเจ้าหญิง ที่ทั้งสวย สง่า ออร่าเจ้าสาวจับมากๆ จ้า

เสื้อผ้า : Monique Wedding
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เลข “6” ตัวเลขแห่งรัก ฤกษ์ดีสำหรับคนแต่งงานที่ต้องรู้ไว้

เลข “6” (อารบิก) เป็น เลขมงคล มีลักษณะคล้ายสเปิร์มของผู้ชายที่มีหัวและหางกําลังวิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรักและความสุนทรีย์ในชีวิตคู่จึงเหมาะจะนํามาใช้ในเรื่องเวลา (หรือที่โบราณเรียกกว่าฤกษ์ยาม) และความเป็นสิริมงคลของบ่าวสาว โดยคุณแมน-การิน กูรูเรื่องตัวเลข แนะนําดังนี้

เลข “6” กับเวลาในการดําเนินพิธีการแต่ละช่วง

สําหรับพิธีสงฆ์ให้ยึดเวลาที่บ่าว-สาวเริ่มจุดธูปเทียนอาจกําหนดที่ 6.06, 6.09, 6.16, 6.19, 6.29 เป็นต้น เมื่อถึงพิธีแห่ขันหมากที่มักจะเร่งเวลาให้ทันฤกษ์สวมแหวน (ที่ส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย“9”) บ่าว-สาวมักไม่แน่ใจว่าจะเริ่มเดินขบวนตอนไหนดีก็อาจใช้เลข “6” มาแทรกไว้ตั้งแต่เริ่มโห่เช่น 8.06, 8.16, 8.26 เป็นต้น แล้วคํานวณเวลาเจรจาต่อรองประตูเงินประตูทองกระทั่งเข้าไปยังบริเวณทําพิธีให้ทันตามฤกษ์ที่กําหนดไว้

เลข “6” กับแหวนเพชร

ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเก็บเงินหาเพชร 6 กะรัตมากํานัลเท่านั้น แต่ยังหมายถึงตัวเลขที่รวมกันแล้วได้ “6” เช่น แหวนเพชรขนาด 2.40 กะรัต 1.50 กะรัต 0.51 กะรัต หรือจะเป็นจํานวนเม็ดเพชรบนตัวเรือน เช่น แหวนแถวเรียงกัน 6 เม็ด แหวนชูประดับเพชรเม็ดกลาง 1 เม็ด และประดับเพชรเม็ดเล็กอีก 50 เม็ด รวมเป็น 51 เม็ดในวงเดียวกัน โดยไม่ต้องคํานึงถึงน้ําหนักรวม

เลข “6” กับจํานวนคนในพิธีต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นในขบวนขันหมากหรือในห้องที่ทําพิธีปูเตียงเรียงหมอน คุณแมนแนะนําว่าอาจกําหนดให้ในขบวนขันหมากเมื่อนับรวมบ่าว-สาวแล้วมีทั้งสิ้น 15, 24 หรือ 36 คน คนทําพิธีส่งตัวมี 6 คน (รวมบ่าว-สาว)

แถมให้อีกนิดสําหรับตัวเลขต้องห้ามในฤกษ์ยามงานแต่งคือ ช่วงเวลาที่มีเลข “1” และ “2” อยู่ติดกัน เช่น 9.12 9.21 (แต่ 10.20 น. ใช้ได้เพราะมีเลข “0” คั่น) เพราะเลขสองตัวนี้เป็นเลขความจุกจิกตามองค์ประกอบของธรรมชาติ ส่งผลให้คู่รักมีความกดดันและความเครียด รวมถึงไม่ควรมีองค์ประกอบเลข “7” เพราะเป็นตัวเลขที่ทําให้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและเรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

8 เรื่องบ่าวสาวต้องรู้! ก่อนที่จะจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์มาเนรมิตงานให้

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหา เวดดิ้งแพลนเนอร์ สักเจ้ามาช่วยดูแลและเนรมิตงานแต่งได้ตามที่ใจต้องการ แถมเมื่อได้เจ้าที่เข้าตาก็ไม่รู้ว่าจะต้องคัดแบบไหนตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด วันนี้เราขอไกด์ลำดับความคิดที่จะทำให้คุณได้แพลนเนอร์รู้ใจมาฝาก

1. ดูจากผลงานที่ผ่านมาว่าตรงกับความต้องการหรือไม่

ก่อนอื่นคุณจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากได้งานแต่งงานรูปแบบไหน สไตล์การจัดงานเป็นอย่างไร และค้นหาว่ามีเวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้าไหนที่เคยจัดงานในรูปแบบและสไตล์ที่เราต้องการ จากนั้นรวบรวมข้อมูลที่ได้เพื่อนำมาใช้ตัดสินใจต่อไป

2. เปรียบเทียบผลงาน

เมื่อรวบรวมรายชื่อแพลนเนอร์ที่มีการจัดงานตามแบบที่ต้องการได้แล้ว ก็ต้องเอาผลงานเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกันเพื่อหาผลงานที่ถูกใจและตรงใจมากที่สุด

3. เช็คว่าแพลนเนอร์นั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน

ถึงแม้เราจะได้แพลนเนอร์ที่มีผลงานตรงใจแล้ว ก็ต้องมาดูกันอีกว่าแพลนเนอร์เจ้านั้น สามารถเดินทางมาจัดงานให้คุณได้สะดวกหรือเปล่า ไม่ใช่คุณจะจัดงานที่กรุงเทพฯ แต่แพลนเนอร์ที่คุณจะจ้างดันอยู่ จ.เชียงใหม่ แบบนี้ก็คงจะไม่ใช่ แต่ถ้าหากหาไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะเลือกเจ้าที่ผลงานดร็อปลงมาหน่อยแต่คุณสามารถไปหาและจัดการได้สะดวกจะดีกว่านะจ๊ะ

4. ตรวจสอบคิวว่าง

มาถึงขั้นตอนสำคัญ เมื่อได้แพลนเนอร์ที่ตรงใจแล้ว เราก็จะต้องติดต่อไปหาแพลนเนอร์เจ้านั้นเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อสอบถามว่าวันที่จัดงานแต่ง แพลนเนอร์มีคิวว่างหรือไม่

 

5. ในวันหรือสัปดาห์ที่จัดงาน มีการรับงานมากน้อยแค่ไหน

แพลนเนอร์บางเจ้าคิวทองมากเป็นที่ต้องการสุดๆ และมีความสามารถในการวิ่งงานหลายงานในวันเดียวได้ คุณจึงควรตรวจสอบและถามเพื่อความแน่ใจว่าเขามีงานอื่นตรงกับงานของคุณไหม และสามารถดูแลได้ทั่วถึงหรือเปล่า

6. ถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะมีแผนสำรองอย่างไร

อีกหนึ่งคำถามที่คุณจะต้องไม่พลาด นั่นคือ ถ้าหากในวันงานมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นมา ทางแพลนเนอร์จะมีแผนสำรองรองอะไรมารองรับหรือไม่ เพื่อที่หากเหตุอันใดเกิดขึ้นมาคุณจะได้สบายใจ

7. เรื่องราคาก็สำคัญ

หลังจากที่หาแพลนเนอร์ที่ตอบโจทย์ได้แล้ว ให้โทรไปสอบถามเรื่องราคากับแพลนเนอร์เสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าสู้เรทราคาของเจ้านั้นไหวไหม และอย่าลืมที่จะถามต่อว่าในแพ็คเกจที่เลือกครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง รวมถึงถ้าหากต้องมีการเลื่อนการจัดงานจะมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มหรือเปล่า

8. เงื่อนไขการบริการก็ห้ามพลาด

เมื่อได้แพลนเนอร์ตามที่ต้องการแล้ว ก่อนจะตกลงทำสัญญาก็อย่าพลาดที่จะสอบถามถึงเงื่อนไขการบริการว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการวางค่ามัดจำ และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม คุณก็อย่าให้ตกหล่น

 

ทั้งหมดนี้คือ 8 ไกด์ความคิดที่จะช่วยให้หาเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและเนรมิตคืนสำคัญอย่างงานแต่งของคุณให้ออกมาถูกใจและประทับใจตราบนานเท่านาน

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : time.com, tourinrome.com, polandweddings.com, yeahmag.com

4 ทริคเลือกแหวนแต่งงานราคาประหยัดแต่ความงามของเพชรยังอยู่

คู่รักที่กำลังวางแผนแต่งงานบางคู่อาจจะกำลังกุมขมับเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะไหนจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับการเตรียมงาน แล้วยังต้องมาเครียดเรื่อง แหวนแต่งงาน ราคา สูงลิบอีก แพรว wedding อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งเครียดขนาดนั้นค่ะคุณขา ลองดูทริคดีๆ ในการเลือกเพชรที่เรานำมาฝาก รับรองว่าช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังได้แหวนเพชรสวยๆ กลับบ้านด้วย

1. เลือกเพชรที่น้ำหนัก 0.9 กะรัตแทนเพชรน้ำหนัก 1 กะรัต (หรือ 1.9 กะรัตแทน 2 กะรัต) เพราะเป็นความต่างของขนาดที่แทบจะสังเกตุความต่างของขนาดไม่เห็น แต่สามารถช่วยให้บ่าวสาวประหยัดได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

2. บาลานซ์ระหว่างสีและความคมชัด เพื่อให้ได้เพชรขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง บ่าวสาวบางคู่อาจจะเลือกเพชรแบบ F Color แต่สามารถเลือกขนาดของกะรัตที่ใหญ่ได้ หรือจ่ายเงินได้น้อยลงในจำนวนกะรัตเดียวกัน

3. เลือกความสะอาดของเพชรในระดับที่น้อยสำหรับเพชรทรงกลม เพชรบางรูปทรงสามารถซ่อนตำหนิไว้ได้ (เช่นเพชรทรง Emerald หรือ Asscher) หากคุณเลือกรูปแบบของเพชร ให้เลือกความสะอาดของเพชรให้มากกว่าสีของเพชร

4. มองข้ามตัวเรือนแบบแพลตตินั่ม ตัวเรือนทองคำขาวนั้นสามารถประหยัดเงินให้คุณได้มากกว่า

และเมื่อคุณพร้อมที่จะเข้าไปลองสวมแหวนที่ร้าน ต้องเข้าใจก่อนว่า “แสงไฟในร้านเพชรจะช่วยให้เพชรส่องประกายสวยงามมากเป็นพิเศษ” เพราะฉะนั้นเพื่อที่คุณจะได้เห็นสีของเพชรที่แท้จริง ให้ลองยืนใกล้หน้าต่างหรือบริเวณที่มีแสงธรรมชาติ และอย่าลืมสำรวจตำหนิบนเพชรให้ดี ทั้งแบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และแบบที่ต้องใช้เครื่องส่องให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

เทคนิคจัดงานแต่งยังไงให้สวย ในงบจัดงานแต่งที่มีจำกัด!!

งบจัดงานแต่ง ก็มีอยู่แค่นี้…แล้วงานจะออกมาดีได้เหรอ?

แพรว wedding รู้มาว่าบ่าวสาวชาวออฟฟิศหลายคู่ไม่กล้าใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะกังวลว่ามี งบจัดงานแต่ง น้อย และคิดว่าการใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์นั้นเป็นอะไรที่เกินเอื้อมถึง แต่เราอยากให้บ่าวสาวเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ค่ะ เพราะการใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์แบบสบายกระเป๋านั้นก็สามารถทำได้ แถมยังมีเทคนิคการจัดงานแต่งให้สวยเริดในงบจำกัดมาฝากอีกด้วย

งบไม่เยอะ คุยกับแพลนเนอร์อย่างไร

ก่อนอื่นบ่าวสาวควรตั้งงบไว้ในใจและคิดว่าอยากให้ความสำคัญกับอะไรในงานมากที่สุด จากนั้นก็คุยกับแพลนเนอร์ตรงๆ ว่า มีงบเท่านี้ อยากได้แบบนี้ เวดดิ้งแพลนเนอร์สามารถทำให้ได้ไหม ซึ่งถ้าหากงบน้อย หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ 10-15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังทำได้ โดยอาจจะเน้นไปที่แบ็กดร็อปกับเวทีเป็นหลัก เพราะแบ็กดร็อปเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่น ส่วนเวทีเป็นจุดรวมสายตาของแขก แต่ถ้างบน้อยลงมาอีก ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราขอแนะนำให้เลือกเวที เพราะเป็นจุดรวมของทุกซีเควนซ์ ถ่ายภาพออกมาแล้วเห็นการตกแต่งชัดเจน ส่วนกรณีที่เงินเหลือแนะนำให้เพิ่มซุ้มทางเข้างานเพื่อสร้างความว้าวให้กับแขกตั้งแต่แรกเห็น

งบน้อยจัดธีมนี้สิ รอดชัวร์!!

หากว่าที่บ่าวสาวที่มีงบน้อย แต่อยากมีธีมสำหรับงานแต่งงานที่เป็นงานสำคัญในชีวิต แนะนำให้จัดเป็นธีมแกตส์บี้ เพราะเป็นธีมที่ไม่ต้องใช้ดอกไม้ในการตกแต่งเยอะ โดยสามารถตกแต่งงานให้ดูสวยงามฟู่ฟ่าได้ด้วยพร็อปต่างๆ อย่าง ผ้าเลื่อม หรือขนนก เป็นต้น ซึ่งสามารถหาเช่าได้ในราคาไม่แพง

งบจัดงานแต่ง

ทิปส์เด็ดๆ จัดงานแต่งให้หรูได้ด้วยงบจำกัด

– เลือกโรงแรมที่ตกแต่งสวยอยู่แล้ว หรือมีเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่งงานได้ง

– ดูว่าในแพ็คเกจของโรงแรมมีอะไรให้บ้าง เช่น ถ้าให้ดอกไม้ตามมาตรฐานตามจุดต่างๆ ลองเจรจาขอนำดอกไม้ทั้งหมดมารวมกันในกระถางโรมัน 2-4 ใบ แล้วนำไปใช้ตกแต่งเวที หน้างาน หรือทางเข้างานก็ได้

– คุยกับแพลนเนอร์ว่าสามารถเตรียมงานเองในส่วนไหนได้บ้าง เช่น สถานที่ อาหาร การ์ด ของชำร่วย จะได้ช่วยทุ่นหรือลดทอนค่าใช้จ่ายลง แล้วค่อยให้แพลนเนอร์จัดงานส่วนที่เหลือแทน

– กรณีที่ใช้จ่าย Minimum Spend กับโรงแรมแล้วได้ทุกอย่างครบ แต่อยากให้งานดูมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง อาจขอใช้บริการเช่าพร็อปเสริม หรือใช้บริการการจัดโต๊ะแบบลองเทเบิ้ลสำหรับแขกวีไอพี เพื่อสร้างความประทับใจและเพิ่มความพิเศษให้แขกดูมีความสเปเชียลมากขึ้น

แถมให้อีกนิด >> เคล็ดลับจัดการงบจัดงานแต่งงานให้อยู่หมัดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

ภาพ weddingconcepts.co.za, pinterest

5 วิธีช่วยว่าที่บ่าวสาวงบน้อยลดค่าใช้จ่ายสถานที่จัดงานแต่งงาน

หลายคู่เลือกทุ่มเททุกอย่างให้กับวันสำคัญอย่างวันแต่งงาน จะเรียกได้ว่าทุ่มหมดตัวเลยก็ว่าได้นะคะเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์เพอร์เฟ็กต์ที่สุด โดยลืมสนใจเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งก็อาจทำให้เกิดปัญหาของชีวิตคู่ตามมาภายหลัง เพราะฉะนั้นอย่าให้การแต่งงานของคุณและคนรักกลายเป็นปัญหาเลยค่ะ มาเริ่มจากการจัดการงบประมาณจากสิ่งที่มีค่าใช้จ่ายเยอะที่สุดของงาน นั่นคือ สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่บางแห่งถึงกับเหยียบหลักแสนหลักล้านก็มีนะคะ คู่บ่าวสาวที่มีงบหนาคงใช้จ่ายได้อย่างสบายหายห่วง ส่วนคู่ที่ไม่เน้นความไฮโซโก้หรูจะมีวิธีจำกัดงบ ลดค่าใช้จ่าย ส่วนนี้ได้อย่างไรบ้าง มาดูกันดีกว่า

 ลดค่าใช้จ่าย

1. ตั้งงบประมาณก่อนเลือกสถานที่

ทำตารางกำหนดงบประมาณของส่วนต่างๆ ภายในงานมาเลยค่ะ อย่างสถานที่คุณต้องการให้อยู่ในงบประมาณราคาเท่าไร ไม่ต้องเป๊ะมากก็ได้ค่ะอาจจะเขียนให้อยู่ในช่วงประมาณ เช่น 50,000 – 100,000 บาท จากนั้นก็เสิร์ชหาสถานที่ที่คุณต้องการแล้วติดต่อสอบถามราคา พยายามหาให้ได้ในราคาที่ได้ตั้งงบประมาณไว้นะคะ ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่เกินไปมาก แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบคุณชอบสถานที่หนึ่งมากๆ อยากได้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานในฝันแต่ราคาอาจจะเกินจากที่ตั้งงบไว้ไม่กี่พันบาท แบบนี้ก็ยังพออะลุ่มอล่วยได้ค่ะ แต่ถ้าเกินมาหลายหมื่นแล้วคุณไม่ได้มีเงินเหลือใช้ขนาดนั้นก็ต้องยอมตัดใจหน่อยน้า หรือไม่คุณก็ต้องไปลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นแทน เพื่อมาทบกับค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าสถานที่ค่ะ

2. เลือกสถานที่ธรรมชาติสวยงาม ไม่จำเป็นต้องใช้การตกแต่งอะไรมากมาย

สถานที่ที่ว่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่แบบเอ้าท์ดอร์หรือในสวนค่ะ เพราะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ มีบรรยากาศดี และมีความสวยงามของธรรมชาติอยู่แล้ว เลยไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมมากมาย เลือกใช้พร็อพที่หาได้ง่าย ราคาไม่แพงมาช่วยประดับตกแต่งนิดหน่อยก็สวยขึ้นแล้วค่ะ และอีกหนึ่งสิ่งที่สถานที่แบบนี้จะช่วยประหยัดงบได้เพราะเหมาะกับการจัดงานแต่งงานเล็กๆ ที่เน้นบรรยากาศอบอุ่น ไม่จำเป็นต้องมีความหรูหราเลยค่า

3. สอบถามแพ็คเกจ โปรโมชั่นของสถานที่

สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดได้มากเลย หากคุณมีสถานที่ที่สนใจแล้ว ลองสอบทางกับสถานที่นั้นดูว่ามีแพ็คเกจหรือโปรโมชั่นสำหรับจัดงานแต่งงานอะไรบ้าง บางสถานที่ทำเป็นแพ็คเกจรวมค่าตกแต่งสถานที่ ค่าอาหาร พร้อมกับการบริการที่คุณไม่ต้องหาเพิ่มเติมมาเอง หรือถ้าให้ชัวร์คุณต้องคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น หากคุณจ่ายเพียงแค่ค่าสถานที่แล้วหาโต๊ะจีนมาเอง หาทีมตกแต่งสถานที่เอง กับเหมารวมแพ็คเกจที่สถานที่จัดมาให้อันไหนจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่ากันและแยกข้อดี-ข้อเสียระหว่างสองอย่างนี้ก็จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

4. ใช้งาน DIY ช่วยการตกแต่งสถานที่

เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องการตกแต่งสถานที่ได้อย่างมากเลยค่ะ แต่คุณต้องมีเวลาและกำลังคนที่มากพอที่จะมาช่วยประดิษฐ์ประดอยพร็อพใช้จัดงานแต่งงานของคุณให้ออกมาดูดีได้ด้วยนะคะ นอกจากนี้การใช้งาน DIY เข้ามาช่วยตกแต่งแทนดอกไม้ถึงไม่ได้ดูหรูหรามีราคาแพง แต่ก็ช่วยประหยัดงบและงานออมาครีเอทไม่เหมือนใครด้วยน้า

5. เลือกสถานที่ที่มีผู้ประสานงานหรือดูแลส่วนต่างๆ ให้ภายในงาน

ข้อนี้จะช่วยให้เราตัดค่าจ้างทีมออแกไนซ์ไปได้เลยค่ะ หากทางสถานที่ที่คุณเลือกมีผู้ดูแลคอยประสานในวันงานแต่งงานให้ รวมไปถึงมีการบริการให้กับแขกของคุณด้วย คุณแทบไม่ต้องลังเลที่จะเลือกใช้สถานที่นี้เลย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทีมออแกไนซ์ที่ต้องมาประสานงานกับทางสถานที่อีกทีให้ยุ่งยาก ทีมประสานงานของทางสถานที่ย่อมรู้ดีว่าควรจัดการงานแต่งงานของคุณในสถานที่ที่พวกเขามีประสบการณ์การทำงานให้ออกมาดีได้อย่างไร ซึ่งทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณอย่างเรียบร้อยเลยแหละค่ะ

หลังจากควบคุมเรื่องงบประมาณของสถานที่แล้ว ยังมี 5 สิ่งที่ต้องทำก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ในฝันของคุณ อีกนะคะ

Cr : stylemepretty.com, homelife.com.au, ledieze.com

ต้องทำอย่างไร? หากเราจะเป็น เจ้าสาวใส่แว่น ในวันแต่งงาน!

อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกสำหรับสาวแว่น! หากเราจะเป็น เจ้าสาวใส่แว่น เพราะไม่อยากใส่คอนแทคเลนส์ ต้องทำยังไงถึงจะยังดูสวยเป๊ะไม่ขัดหูขัดตา มาอ่านกันค่ะ

ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของสาวแว่นที่ปกติใส่แว่นจนติดตา พอถึงเวลาจะแต่งงาน หลายคนอาจจะเลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์แทนเพื่อความสวยงามในวันนั้น แต่มีสาวแว่นจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ด้วยหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเนื่องจากความโค้งตาไม่ปกติ เป็นคนตาเล็ก หรือดวงตาแพ้ง่ายมากๆ แล้วจะทำยังไงดี? ในเมื่อเราต่างก็อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแต่กลัวว่าแว่นตาของเราจะกลายเป็นอุปสรรค อยากบอกว่าอย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เรายังคงสามารถเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดได้ในวันแต่งงานแม้ว่าจะใส่แว่นตาก็ตาม เพียงทำตามทิปส์ต่อไปนี้ที่เราแนะนำค่ะ

1. ปรึกษาช่างภาพวันแต่งงานของคุณ
เพราะเลนส์แว่นตาอาจจะสะท้อนแสงแฟลชถ่ายภาพทำให้ภายถ่ายที่ออกมามีเงาสะท้อนที่ดวงตาของคุณ แต่ถ้าหากช่างภาพทราบก่อนจะสามารถหาวิธีช่วยลดเงาสะท้อนลงได้ หรือคุณอาจจะต้องมองหาเลนส์แว่นตาประเภทที่สามารถลดแสงสะท้อนจากแฟลชถ่ายภาพได้ค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
katieosgood.com

2. แจ้งความต้องการกับช่างแต่งหน้าเจ้าสาว
ต้องแจ้งกับช่างตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเราต้องการใส่แว่นสายตาในวันแต่งงาน (ถ่ายภาพกรอบแว่นสายตาที่เราเลือกแล้วส่งให้ช่างด้วย) เพื่อให้ช่างได้ทำการบ้านหาลุคเมกอัพที่ดูเข้ากับทุกสิ่งทุกอย่างให้มากที่สุด ถ้าหากช่างแต่งหน้ายันยืนที่จะให้คุณต้องใส่คอนแทคเลนส์แต่คุณไม่ต้องการ ไม่ต้องเกรงใจที่จะปฏิเสธและหาช่างแต่งหน้าคนใหม่มาแทนค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
lisajane-photography.com

3. หากรอบแว่นที่เข้ากับชุดของคุณ
เมื่อคุณลองชุดเจ้าสาว แนะนำว่าให้หากรอบแว่นที่เข้ากันไปด้วยในเวลาเดียวกันเลย อาจจะต้องมองหาชุดเจ้าสาวแนวโมเดิร์นหรือเรียบโก้เป็นพิเศษ เพราะชุดเจ้าสาวแนวหรูหราอลังการคงไม่ดูไปในทิศทางเดียวกันกับแว่นสายตาเท่าไร นอกเหนือจากดีไซน์ของกรอบแว่น ควรหาสีที่แมทช์เข้ากันได้ดีด้วย หรือแม้กระทั่งการปรับเปลี่ยนชุดเจ้าสาวให้เป็นแบบกระโปรงสั้น หรือกางเกง ก็จะสามารถช่วยให้ดีไซน์ชุดดูไปด้วยกันกับแว่นสายตามากขึ้นค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
thephotographyshoppe.com

4. สไตล์เรโทร รอดเสมอ!
ลองหากรอบแว่นแนวเรโทรหรือวินเทจจากยุคคุณแม่ แมทช์กับเครื่องประดับหรือทรงผมสไตล์เรโทร ช่วยให้ลุคของแว่นตาดูไม่ขัดหูขัดตากับอย่างอื่นมากเกินไป รวมทั้งเมกอัพลุคที่เน้นอายไลนเนอร์หางตาให้ดูเฉี่ยวกับลิปสติกสีสันสดใส ดูเป็นเจ้าสาวแนวเรโทรแม้จะสวมแว่นก็ดูสวยโก้ไปอีกค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
junebugweddings.com

5. ลดทอนดีเทลเครื่องประดับให้น้อยที่สุด
เพราะแน่นอนว่าเมื่อแว่นตากลายเป็นจุดเด่นไปแล้ว อย่าถมแอ็คเซสเซอรี่หรือเครื่องเพชรอื่นๆเข้าไปอีกเพราะจะยิ่งทำให้ตัวเราดูรกเกินไปค่ะ

เจ้าสาวใส่แว่น
myrafotografie.be

6. มั่นใจเข้าไว้!
สุดท้ายแล้วเราควรดูเป็นตัวของตัวเองในวันแต่งงานนะคะ คงไม่มีประโยชน์ถ้าเราดูสวยมากในวันแต่งงาน แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูภาพที่เห็นแล้วกลับทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตนของเราเลย หรือถ้าเราไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้แต่พยายามใส่เพื่อให้ภาพออกมาดูสวยในวันแต่งงานแต่กลับทำให้ดวงตาบาดเจ็บหรือไม่สบายสายตาจนรู้สึกไม่สบายตัว เราก็จะสูญเสียช่วงเวลาดีๆที่มีเพียงครั้งเดียวในวันแต่งงานไปได้

เจ้าสาวใส่แว่น
micahandmegan.com

หวังว่าข้อมูลจากเราจะเป็นประโยชน์ให้เหล่าเจ้าสาวที่อยากจะสวมแว่นสายตาในวันแต่งงานนะคะ อย่าลืมมั่นใจเข้าไว้ และมีความสุขให้สุดๆในวันแต่งงานของเรานะคะ <3

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเราไหมคะ? ถ้าชอบ คลิกอ่าน ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง สำหรับว่าที่บ่าวสาวผมบาง! ที่นี่เลย

Credit Story: mywedding.com, bridalmusing.com

ซิทดาวน์ดินเนอร์-บุฟเฟ่ต์-เมนูซุ้ม อาหารงานแต่ง แบบไหนที่ใช่สำหรับงานคุณ

สำหรับบ่าวสาวที่กำลังเตรียมการเรื่อง อาหารงานแต่ง ว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับธีมและแขกในงาน เพราะแต่ละแบบก็ดูไม่ค่อยจะต่างกันเท่าไหร่ แพรว wedding เลยจัด 3 ประเภทการจัดเลี้ยงอาหารในงานแต่งมาให้ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกให้เข้ากับงานแต่งของตัวเอง

ชิทดาวน์ ดินเนอร์

sit

เหมาะสำหรับบ่าวสาวที่อยากจะจัดในแบบทางการกึ่งหรูหรา ด้วยการให้แขกนั่งประจำที่แล้วมีพนักงานคอยบริการเสิร์ฟถึงโต๊ะ แถมยังคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายกว่าการจัดอาหารแบบอื่นๆ ด้วย เพราะเรารู้คุมจำนวนแขกได้ จึงจัดการปริมาณอาหารได้แบบพอดีไม่ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้เปลืองเงิน แต่ก็ควรสอบถามแขกในงานด้วยว่าใครมีข้อจำกัดทางอาหารอะไรพิเศษหรือเปล่า อย่างทานมังสวิรัติเท่านั้น หรือไม่กินหมู และไก่ เป็นต้น

คำแนะนำ : เขียนรายชื่อแขกติดที่นั่งแต่ละตัว เพื่อที่แขกมาถึงจะได้เชิญไปนั่งที่โต๊ะได้เลย อ้อ…ก่อนวันงานสัก 1 เดือน อย่าลืมรีเช็คกับแขกว่ามาแน่ และบอกด้วยว่าจะได้ล็อคเก้าอี้ไว้ให้ เป็นการบอกแบบเนียนๆ ว่า ห้ามเอาคนอื่นมาเพิ่มนะ

บุฟเฟ่ต์

buffet_ilker_ilco

วางอาหารเป็นแถวเรียงยาว มีจานตั้งอยู่สำหรับให้แขกหยิบไปตักใส่อาหาร แขกอยากกินอะไรเมื่อไหร่ก็มาตักได้เองตามสะดวก แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ อาจมีไลน์อาหารมากกว่า 1 ไลน์เพื่อความสะดวกและให้ปริมาณพอกับแขกที่มางาน แต่ส่วนใหญ่ก็หมดลงอย่างรวดเร็วก่อนงานเริ่มอยู่ดี

คำแนะนำ : ควรมีป้ายเล็กๆ ตั้งอยู่หน้าอาหารแต่ละเมนูว่ามีส่วนประกอบของอะไรบ้างเพื่อป้องกันแขกที่อาจแพ้อะไรบางอย่างจะได้ระมัดระวังได้

เมนูซุ้ม

อาหารงานแต่ง

เป็นรูปแบบการจัดอาหารที่กำลังได้รับความนิยมโดยมักจัดเป็นอาหารค็อทเทลแล้วเสริมด้วยซุ้มอาหารเพื่อความหลากหลายและความอิ่มท้องของแขกในงาน แถมยังทำให้จัดงานได้สวยกว่าจัดอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ด้วย โดยจะจัดอาหารเป็นซุ้มๆ แยกกันตามแต่ละประเภทอาหาร ใครอยากกินอะไรก็เดินพุ่งเข้าไปได้เลย ไม่ต้องไปต่อแถวเพื่อตักอะไรในไลน์บุฟเฟ่ต์ ที่สำคัญคือเมนูซุ้มส่วนใหญ่เป็นอาหารสดใหม่มีเชฟประจำซุ้มจึงทำให้อาหารอร่อยกว่าอาหารที่ตั้งค้างในไลน์บุฟเฟ่ต์อีกด้วย ซึ่งเราได้จัดซุ้มอาหารสุดประทับใจในงานแต่งมาให้แล้ว

คำแนะนำ : ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการจำนวนแขกที่แน่นอนแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ แต่เช็คจำนวนแขกให้ชัวร์ไว้ก่อนก็ดีนะ จะได้จัดการอาหารให้พอดี ไม่เหลือมากเกินไป หรือน้อยเกินไปจนแขกไม่มีอะไรกิน

การจัดการอาหารแบบต่างๆ ก็มีความเหมาะสมที่แตกต่างกัน คุณว่าทั้งหลาย ลองดูว่างานตัวเองแบบไหน แล้วเลือกให้เหมาะสม จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารไปได้เยอะเลยนะ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ฉลองส่งท้ายปีเก่าในธีม Golden Eye พร้อมการแสดงดอกไม้ไฟ

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2563 ในธีม “GoldenEyeสีทองสุดหรู พร้อมตื่นตาไปกับการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรเหนือลำน้ำเจ้าพระยา

อีกหนึ่งช่วงเวลาอันแสนพิเศษที่สุดของปีกำลังจะมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง กับเทศกาลแห่งความสุขและความรื่นเริงในช่วงวันหยุดที่จะนำพาความสุขสำราญและความสนุกสนานมายังคุณและครอบครัวที่คุณรัก ด้วยการเฉลิมฉลองอันแสนอบอุ่น ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ขอเชิญคุณพร้อมครอบครัวและคนที่คุณรัก มาร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่ พร้อมรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรตระการตาเหนือลำน้ำเจ้าพระยา ร่วมกันนับถอยหลังเพื่อส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่ในค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เข้าสู่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2563 แบบมีสไตล์ ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับปาร์ตี้ธีม “GoldenEye” ภาคหนึ่งของนวนิยายและภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดกาล ณ บริเวณริมสระน้ำ ร่วมแต่งกายสไตล์หรูในแบบฉบับเจมส์ บอนด์ พร้อมสนุกสนานไปกับปาร์ตี้ในบรรยากาศการตกแต่งด้วยสีทองสุดหรู มีความสุขไปกับความบันเทิงมากมาย พร้อมอิ่มอร่อยไปกับเมนูอาหารนานาชาติเลิศรสที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขนี้โดยเฉพาะ

เริ่มเฉลิมฉลองกันตั้งแต่ค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ และเพลิดเพลินไปกับบั้นซ์เลิศรสมื้อสายในวันคริสต์มาส ในวันที่ 24 -25 ธันวาคม พ.ศ. 2562

  • เน็กซ์ทู ค่าเฟ่
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 พร้อมนำเสนอเมนูอาหารนานาชาติเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้อิ่มอร่อยในช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ และชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามยามค่ำคืนของเม่น้ำเจ้าพระยา
    ราคา: ผู้ใหญ่ ในราคา 4,400 บาทถ้วน เด็ก ในราคา 2,200 บาทถ้วน*ส่วนในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขกันต่อด้วยการรับประทานบุฟเฟ่ต์มื้อสายแสนอร่อยในวันคริสมาสต์ อิ่มหนำไปกับหลากหลายเมนูบุฟเฟ่ต์นานาชาติชั้นเลิศที่รังสรรค์จากทีมเชฟมากพรสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งล็อบสเตอร์สดใหม่ตัวโตนำเข้าจากประเทศแคนาดา, คาร์ฟวิงสเตชั่นยอดนิยม ไปจนถึงเมนูขนมหวานรสเลิศนานาชนิด พร้อมร่วมสนุกไปกับคุณลุงซานต้าที่จะมากับพร้อมถุงบรรจุของขวัญใบใหญ่ที่เตรียมมามอบให้กับทุกท่านที่มาร่วมรับประทานอาหาร พร้อมเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงอันไพเราะจากการขับร้องเพลงคริสต์มาสแครอล
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 4,200 บาทถ้วน เด็กในราคา 2,100 บาทถ้วน* (*ราคาดังกล่าวสำหรับเด็กอายุเด็กอายุตั้งแต่ 4 – 11 ปี)
    **ข้อเสนอพิเศษ: รับส่วนลดทันที 15% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินล่วงหน้า ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 นี้ สำหรับสมาชิกโกลเด้นเซอร์เคิล รับส่วนลด ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่สิ้นสุดโปรโมชั่น
  • เรือฮอไรซัน
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 คุณและคนที่คุณรักจะได้ใช้เวลาแห่งการเฉลิมฉลองในค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ ร่วมกันบนเรือพร้อมรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำเลิศรสท่ามกลางบรรยากาศแสนอบอุ่นใจกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะนำคุณล่องเรือผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อันงดงามของกรุงเทพมหานครมากมายที่ตั้งอยู่สองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน
    ราคา: ผู้ใหญ่ ในราคา 4,400 บาทถ้วน เด็กในราคา 2,200 บาทถ้วน*

  • ศาลาทิพย์
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 อิ่มเอมไปกับอาหารไทยรสชาติต้นตำรับในรูปแบบคลาสสิกภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นไทย ด้วยศาลาเรือนไทยไม้สักทองที่ได้รับการตกแต่งในแบบสง่างามเรียบหรูร่วมสมัยท่ามกลางสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพลิดเพลินไปกับการแสดงรำไทย พร้อมชุดอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมที่รังสรรค์โดยทีมเชฟอาหารไทยมืออาชีพ ที่จะมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดหรูให้กับทุกท่านในค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 3,800 บาทถ้วน เด็กในราคา 1,900 บาทถ้วน*

  • โวลติ เรสเตอรองต์ แอนด์ บาร์
    ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มาร่วมเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารอิตาเลียนจานโปรดในสไตล์ “ตราตโตเรีย” ที่ปรุงรสและนำเสนอผ่านความคิดสร้างสรรค์ของเอ็กเซ็คคิวทีฟซูเชฟ “เดวิด ไพวา” ด้วยหลากหลายเมนูอะลาคาร์ทใหม่เลิศรสสำหรับเฉลิมฉลองค่ำคืนวันคริสมาสต์ อีฟ ให้ทุกท่านได้ลิ้มลองความอร่อย

เฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า พร้อมต้อนรับปีใหม่แห่งความสุข ในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 กับ กาล่าดินเนอร์สุดหรู ณ ริมสระว่ายน้ำ ในธีม “GoldenEye” สีทองสุดหรู

เชิญคุณและคนที่คุณรักมาร่วมดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่แบบมีสไตล์ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ พร้อมแต่งกายด้วยชุดทักซิโด้สำหรับท่านสุภาพบุรุษและชุดราตรีสำหรับท่านสุภาพสตรีในแบบฉบับ เจมส์ บอนด์ และ บอนด์ เกิร์ล ร่วมงานกาล่าดินเนอร์หรูในธีม “GoldenEye” สีทองสุดหรู ณ ริมสระว่ายน้ำ อิ่มเอมไปกับอลังการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมเพลิดเพลินไปกับความบันเทิงมากมาย อาทิ หลากหลายการแสดงอันสนุกสนาน, ลุ้นรับรางวัลจากการจับฉลาก อีกทั้งเต้นตามจังหวะบทเพลงยอดนิยมที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากดีเจมืออาชีพ ปิดท้ายด้วยการรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันเป็นเอกลักษณ์เหนือลำน้ำเจ้าพระยาอันวิจิตรตระการตา
ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 15,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 7,500 บาทถ้วน*

  • เรือฮอไรซัน
    ร่วมสนุกสนานไปกับประสบการณ์การนั่งเรือฮอไรซันหรูในธีม “Casino Royale” ที่จะนำพาทุกท่านล่องเรือไปตามลำน้ำเจ้าพระยาเพื่อรับชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของทั้งสองริมฝั่งน้ำ ทุกท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารทานเล่นเลิศรสหลากเมนูพร้อมจิบมาร์ตินีให้เย็นใจ จากนั้นอิ่มอร่อยไปกับอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ   มื้อค่ำรสเลิศจากทั่วทุกมุมโลก ในขณะรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันแสนวิจิตรเหนือลำน้ำเจ้าพระยาเพื่อเตรียมตัวต้อนรับวันปีใหม่ พ.ศ. 2563 ที่กำลังจะมาถึง
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 14,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 7,000 บาทถ้วน*

  • เน็กซ์ทู คาเฟ่
    เชิญคุณพร้อมครอบครัวที่คุณรักมาร่วมเฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า พ.ศ. 2019 กันอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการรับชมการแสดงชุดดอกไม้ไฟอันสุดแสนอลังการที่มีความยาวตลอดโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมอิ่มหนำไปกับอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติมื้อค่ำคุณภาพรสเลิศนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก อาทิ กุ้งล็อบสเตอร์หวานฉ่ำนำเข้าจากประเทศแคนาดา ปิดท้ายความอร่อยของอาหารมื้อค่ำมื้อพิเศษนี้ด้วยเมนูขนมหวานแสนอร่อยนานาชนิด ในขณะชื่นชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเลือกรับชมความบันเทิงต่างๆ ผ่านหน้าจอแอลอีดีขนาดยักษ์
    ราคา: บริเวณเน็กซ์ทู เทอเรซ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้ใหญ่ในราคา 12,000 บาทถ้วน และเด็กในราคา 6,000 บาทถ้วน*
    หากเป็นบริเวณภายในห้องอาหาร ผู้ใหญ่ในราคา 8,500 บาทถ้วน และเด็กในราคา 4,250 บาทถ้วน*

  • ศาลาทิพย์
    มีความสุขไปกับค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าในสไตล์ไทยๆ ไปกับการรับประทานอาหารมื้อค่ำอันแสนโรแมนติกท่ามกลางมนต์ขลังของห้องอาหารไทยภายในศาลาเรือนไทยไม้สักทองที่ได้รับการตกแต่งในแบบสง่างามเรียบหรูร่วมสมัยที่แวดล้อมไปด้วยสวนสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา คุณและคนที่คุณรักจะได้อิ่มเอมไปกับชุดอาหารไทยมื้อค่ำสุดหรูรสชาติต้นตำรับที่นำเสนอในรูปแบบคลาสสิก รังสรรค์โดย เชฟ ญาณวิทย์ ธีรสมบูรณ์กุล
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 8,500 บาทถ้วน เด็กในราคา 4,250 บาทถ้วน*

  • โวลติ เรสเตอรองต์ แอนด์ บาร์
    เอ็กเซ็คคิวทีฟซูเชฟ “เดวิด ไพวา” นำทีมเชฟมืออาชีพแห่งมาสร้างสรรค์เซ็ตเมนูอาหารอิตาเลียนเลิศรสขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองศักราชใหม่ที่กำลังจะมาถึงโดยเฉพาะ ให้ทุกท่านได้อร่อยกันแบบเต็มอิ่ม พร้อมรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันแสนงดงามตระการตา ณ บริเวณริมสระว่ายน้ำอีกด้วย
    ราคา: ผู้ใหญ่ในราคา 7,000 บาทถ้วน เด็กในราคา 3,500 บาทถ้วน*

  • ล็อบบี้ เลาจน์และลานริมน้ำอาคารกรุงเทพวิง
    สถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการรับชมการแสดงดอกไม้ไฟอันวิจิตรตระการตาเหนือลำน้ำเจ้าพระยาในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่า คุณและคนที่คุณรักจะได้เพลิดเพลินไปกับการจิบเมนูค็อกเทลแก้วโปรด พร้อมชื่นชมแสงไฟระยิบระยับจากหมู่เรือที่แล่นผ่าน ณ บริเวณลานริมน้ำอาคารกรุงเทพวิง ยามค่ำคืนในวันสุดท้ายของปี
    ราคา: 2,500 บาทถ้วน รวมเครื่องดื่มตามที่กำหนดจำนวน 2 แก้ว ตั้งแต่เวลา 22.30 น. ถึงเวลา  24.00 น.

มีความสุขต้อนรับวันปีใหม่ พร้อมอิ่มหนำไปกับซันเดย์บรั้นซ์ ณ เน็กซ์ทู คาเฟ่ ในวันที่ 1 มกราคม 2563

เริ่มต้นศักราชใหม่ไปกับครอบครัวที่คุณรักด้วยอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติคุณภาพเยี่ยมรสเลิศที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งเมนูของหวานแสนอร่อยนานาชนิด ที่รังสรรค์โดยทีมพ่อครัวมืออาชีพที่พร้อมให้ได้เลือกรับประทานอย่างเต็มอิ่มกันทั้งครอบครัว อีกทั้งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอันแสนร่มรื่น ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ผู้ใหญ่ในราคา 3,200 บาทถ้วน เด็กในราคา 1,600 บาทถ้วน*
*ราคาดังกล่าวสำหรับเด็กอายุเด็กอายุตั้งแต่ 4 – 11 ปี
**ข้อเสนอพิเศษ: รับส่วนลดทันที 15% เมื่อสำรองที่นั่งและชำระเงินล่วงหน้า ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2562 นี้ สำหรับสมาชิกโกลเด้นเซอร์เคิล รับส่วนลด ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่สิ้นสุดโปรโมชั่น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งได้ที่ ฝ่ายสำรองที่นั่งห้องอาหารของโรงแรมฯ โทร. 0 2236 9952 หรือ 0 22367777 หรือ อีเมล [email protected] หรือ สำรองที่นั่งได้ที่ เว็บไซต์ https://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/dining/restaurants/next2/book-a-table/

ว่าที่เจ้าบ่าวเตรียมไว้ แหวนแต่งงานผู้ชาย พร้อมเทคนิคเลือกยังไงให้เหมาะ

แหวนแต่งงานผู้ชาย ที่อาจจะไม่ได้มีดีไซน์ที่ซับซ้อนเหมือนแหวนแต่งงานของผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องเลือกให้ดีนะคะ เพราะแหวนวงนี้จะอยู่ติดนิ้วของคุณไปตลอดชีวิตเชียวน้า ^^ แพรว wedding เลยมีเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยเสริมให้ลุคของเจ้าบ่าวดูเท่ขึ้นไปอีกมาฝาก

ก่อนที่จะเลือกดีไซน์แบบแหวนที่ถูกใจ ต้อง เลือกให้เข้ากับลักษณะงานที่ทำก่อน เช่น หากการทำงานของคุณต้องใช้มือตลอดเวลาก็ควรเลือกแหวนแต่งงานแบบเรียบๆ เลือกวัสดุที่มีความทนทานสูง ไม่ประดับเพชรหรือพลอย เนื่องจากหากสวมใส่แบบไม่ระมัดระวังอาจทำให้เพชรหรือพลอยได้รับการกระทบกระแทกจนเกิดความเสียหายหรือสูญหายได้ แต่ถ้าหากคุณภรรยาอนุญาตว่าไม่ต้องสวมใส่แหวนแต่งงานทุกวันก็ได้ อนุโลมให้สวมใส่เฉพาะเวลาไปออกงานสำคัญๆ ก็อาจจะเลือกดีไซน์ที่ประดับเพชรหรือพลอยได้ตามสะดวกเลยค่า

ต่อมาต้องคำนึงถึง ความสะดวกสบายในการสวมใส่ เพราะคุณต้องสวมแหวนวงนี้ติดนิ้วไว้ทุกขณะของลมหายใจเชียวนะ แนะนำให้เลือกแหวนแบบ comfort fit ที่ด้านในของตัวแหวนมีความโค้งมน ไม่บาดนิ้ว ทำให้สวมใส่ได้สบายในทุกอิริยาบถ ซึ่งหน้ากว้างมาตรฐานและนิยมจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 มิลลิเมตร

แต่ถ้าหากคุณอยากมีแหวนคู่แบบที่ดูเข้ากัน งานนี้ไม่จำเป็นว่าต้องใส่แหวนที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วนะจ๊ะ เอาแค่ให้ดูคล้ายๆ กันหรือมีบางอย่างที่ลิงค์กันก็พอ เช่น ขนาดต่างกัน สีต่างกัน เป็นต้น หรือหากเจ้าสาวอยากได้แหวนทอง แต่เจ้าบ่าวอยากได้ทองคำขาว แหวนแต่งงานแบบสองกษัตริย์ ที่ทั้งทองและทองคำขาวอยู่ในวงเดียวกันก็ดูจะตอบโจทย์มากที่สุด โดยอาจจะเลือกเป็นแบบเกลี้ยงธรรมดาไม่ต้องประดับเพชรก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องเลือกให้เหมาะกับบุคลิกและสะท้อนถึงตัวตนของคุณเจ้าบ่าวด้วยนะ

หรือถ้าหนุ่มๆ โดนไฟล์ทบังคับว่าต้องเป็นแหวนแต่งงานแบบประดับเพชรหรือพลอยเท่านั้นล่ะก็ แนะนำให้เลือกเป็นเพชรหรือพลอยเม็ดเล็กๆ โดยอาจจะเลือกเป็นแบบสี่เหลี่ยมเพื่อช่วยให้ดูแมนขึ้น และอาจเลือกการฝั่งแบบหุ้ม หรือแบบ channel  เพื่อไม่ให้ตัวเพชรหรือพลอยยื่นออกมา จะได้ไม่ไปเกี่ยวกับอะไรทำให้อัญมณีอันมีค่าชำรุดหลุดหายได้ ซึ่งถ้าหากจะฝังพลอย แนะนำให้ฝังเป็นพลอยเนื้อแข็งที่มีความทนทานอย่าง ไพลิน บุษราคัม ทับทิม และหลีกเลี่ยงพลอยเนื้ออ่อนประเภท โอปอล มรกต หรืออเมทิส

และสุดท้ายเรื่องสรีระของนิ้วก็สำคัญไม่ใช่น้อย เพราะหากคุณมีนิ้วสั้นอ้วนป้อม ก็ไม่เหมาะอย่างแรงที่จะสวมแหวนวงใหญ่ เพราะจะยิ่งเน้นลักษณะนิ้วให้สั้นป้อมเข้าไปอีก

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ pexels.com

7 ข้อผิดพลาดที่จะทำให้ธีมสีงานแต่งของว่าที่บ่าวสาวพังไม่เป็นท่า!

เดี๋ยวนี้จะจัดงานแต่งงานทั้งทีนอกจากธีมงานก็ต้องมี ธีมสีงานแต่ง ตามมาด้วย กลายเป็นข้อหนักใจสำหรับว่าที่เจ้าสาวหลายๆ คนที่มักจะรับหน้าที่เลือกธีมสีงานแต่ง สีไหนดี สีไหนสวย สีไหนจะทำให้งานดูเก๋ไก๋อลังการล้านแปด แต่ระวังนะคะ ยิ่งคิด ยิ่งงง ยิ่งสับสนจนเลือกไม่ถูก คิดมากก็มึนมากจนเผลอทำพฤติกรรมพลาดๆ เหล่านี้จนธีมสีงานแต่งเละเทะไปหมด

1. คิดว่างานแต่งจะต้องมีธีมสีเก๋ๆ เสมอ

ภาพจาก : www.onewed.com
ภาพจาก : www.onewed.com

เชื่อเถอะค่ะว่าคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวหลายคนมักจะถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า “งานแต่งฉันจะเป็นธีมสีอะไรดี?” ใครมีสีที่ชอบไว้ในใจอยู่แล้วก็ดีไป ส่วนใครที่ไม่ได้ชื่นชอบสีใดเป็นพิเศษก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากมาย สีพื้นๆ อย่างสีขาว สีครีม ก็ใช้ได้และเวิร์กสำหรับทุกงาน เติมสีสันเพียงเล็กน้อยด้วยดอกไม้งามๆ ไม่ให้ดูจืดชืดจนเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่คิดจะจัดงานแต่งในสวน สีพื้นๆ นี่แหละค่ะจะทำให้งานแต่งคุณออกมาเพอร์เฟ็กต์สุดๆ

2. เลือกสีตามเทรนด์ ไม่ได้เลือกตามที่ตัวเองชอบ

ภาพจาก : coral.org

ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าเทรนด์มาได้มันก็ไปได้เช่นกันนะ ปีหน้าเทรนด์สีใหม่ก็จะมาอีก สีนี้จึงจะไม่จีรังยั่งยืนตลอดไปหรอก เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่คิดว่าจะเลือกธีมสีงานแต่งแล้วให้เหตุผลว่าสีนี้กำลังมาแรง ขอบอกเลยนะคะว่า ผิดอย่างแรง!!!

ในความเป็นจริงแล้วคุณควรจะเลือกสีที่ตัวเองชอบ อย่าไปตามเทรนด์มากนัก ลองคิดดูว่าถ้าเวลาผ่านไปสักสิบปีแล้วกลับมาดูรูปงานแต่งอีกที คุณก็คงจะได้แต่คิดว่าสีอะไรเนี่ยเช้ยเชยๆ ขอให้จำไว้ว่า “Trends come and go” ท่องไว้ๆ

3. เลือกสีแปลกๆ หาของแมตช์ยาก

ภาพจาก : www.pinterest.com
ภาพจาก : www.pinterest.com

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่ก็อยากให้งานตัวเองออกมาไม่เหมือนคนอื่น ก็เลยเลือกสีแปลกๆ มาเป็นธีมสีหลักของงาน อยากแปลก อยากแหวกแนวก็ได้ค่ะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่ขอให้คิดสักนิดนึงว่าคุณจะสามารถหาอุปกรณ์และของตกแต่งอย่างอื่นที่แมตช์เข้ากันกับธีมสีที่คุณเลือกได้หรือไม่ ถ้าธีมสีหลักไปทาง สีของตกแต่งและองค์ประกอบงานไปอีกทาง บอกได้เลยว่านอกจากจะเละเทะแล้วยังแปลกทั้งงานสมใจอยากของจริง!

4. เลือกสีมากเกินไป

ภาพจาก : www.styleinhome.com
ภาพจาก : www.styleinhome.com

การเลือกโทนสีงานแต่งนั้น ถ้าจะให้ดีควรเลือกไม่เกิน 3 สี (เพิ่มสีแนวเมทัลลิกได้อีกสีนะ) เพื่อให้สีโดยรวมของงานดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สองสีแรกอาจเลือกเป็นสีคนละขั้วก็ได้ สีหนึ่งโทนร้อน อีกสีหนึ่งโทนเย็น แล้วลองใช้สีขาว สีเทา หรือสีเบจเป็นสีที่สามเพื่อช่วยให้ทุกอย่างดูสมูทและกลมกลืน แต่ถ้าใครตั้งใจจะให้งานแต่งออกมาในสไตล์เทศกาลงานวัดก็จัดสีสันคัลเลอร์ฟูลได้เต็มที่ อันนี้ไม่ว่ากันเนอะ

5. ตีกรอบสีสันให้ตัวเองจนเกินไป

ภาพจาก : www.robesbysilkandmore.com
ภาพจาก : www.robesbysilkandmore.com

ว่าที่เจ้าสาวหลายคนมักชอบคิดว่าสีโทนร้อนต้องคู่กับสีโทนร้อน สีโทนเย็นต้องคู่กับสีโทนเย็น ทุกอย่างจะได้ดูกลมกลืนและสวยงาม เราอยากบอกว่า อย่าจำกัดจินตนาการตัวเองอยู่แค่นั้นเลยค่ะ ถ้าคุณจะลองคิดนอกกรอบจับสีโทนเย็นมาคู่กับโทนร้อนเสียบ้างมันก็คงจะดูสวยงามไม่น้อย อย่างเช่น สีพีชคู่กับสีมรกต สีส้มคู่กับสีน้ำเงินเข้ม หรือจะเอาสีมิ้นท์คู่กับสีม่วงก็ดูจะเข้าท่าดีเหมือนกัน ขอเพียงแค่ว่าลองนำสีคู่ตรงข้ามเหล่านั้นมาลองแปะทาบดูก่อนว่าสวยหรือไม่ ถ้าใช่ถ้าชอบก็จัดเลยสิคะ จะรออะไรอยู่!

6. ลืมคิดไปว่าโลกนี้ยังมีสีขาว

ภาพจาก : www.stacyesser.wordpress.com
ภาพจาก : www.stacyesser.wordpress.com

หลายๆ ครั้งที่ว่าที่เจ้าสาวเอาแต่จมดิ่งอยู่กับการเลือกสีอื่นๆ ที่จะมาใช้ในงานแต่งตัวเอง สีนั้นไม่เข้ากับสีนี้ สีนู้นก็เชยไป สีโน้นก็ไม่อยากได้ จนบางทีก็ลืมสีอรรถประโยชน์อย่าง “สีขาว” ไปเสียสนิท ขอบอกเลยว่าเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มสงสัยและตัดสินใจเรื่องสีไม่ได้ แนะนำให้เลือกสีขาวมาไว้ก่อนเพราะมันจะช่วยให้สีอื่นๆ ที่คุณอยากเลือกดูละมุนนุ่มนวลมากขึ้น ผสมลงไปในสีอะไรก็สวยหวานพาสเทล แถมยังเข้ากันกับทุกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งในสวน ริมทะเล หรือในโรงแรม อีกทั้งสีขาวก็ยังมีอีกตั้งหลายเฉด อยากได้สีขาวแบบไหนก็ลองเสิร์ช 50 Shades of White ในกูเกิ้ลดูก็ได้จ้า

7. ลืมดูสีของสถานที่จัดงาน

ภาพจาก : www.pinterest.com
ภาพจาก : www.pinterest.com

สีของสถานที่จัดงานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการกำหนดธีมสีงานแต่งเหมือนกันนะคะ เพราะฉะนั้นเราอยากให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่าธีมสีงานแต่งจะเป็นสีอะไร แล้วตอนไปเลือกดูสถานที่จัดงานก็ควรดูด้วยว่าองค์ประกอบต่างๆ ในห้องนั้นเป็นสีที่เข้ากันกับสีที่คุณคิดไว้หรือไม่ เพราะถ้าคุณเลือกสถานที่ที่การตกแต่งเดิมมีสีตรงใจอยู่แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองงบประมาณในการตกแต่งเพิ่มเติมมากมาย หรือบางทีก็สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วด้วยก็ได้ (ประหยัดงบประมาณได้อีก) หรือถ้าสถานที่ที่คุณเลือกยังมีองค์ประกอบที่ไม่เข้ากันกับธีมสีที่คุณวางแผนไว้ คุณก็อาจพยายามปกปิดหรือปรับให้สีของทุกอย่างกลืนไปด้วยกัน ไม่ให้มีอะไรโดดเด่นจนดูแปลกตา

การเลือกธีมสีงานแต่งไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ ไม่จำเป็นจบจิตรกรรมหรือศิลปกรรมศาสตร์หรอกนะ ขอเพียงแค่ว่าเลือกสีตามที่ใจชอบบวกกับจินตนาการเล็กๆ น้อยตามที่คุณอยากได้ก็พอแล้ว ถ้าขืนมัวแต่คิดเยอะแยะมากมายระวังงานแต่งจะกลายเป็นงานวัดนะจ๊ะ

ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียง : brides.com

รวมจุดเสี่ยงปริ! ขาด! แคว๊ก!! บน ชุดเจ้าสาว ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

เพราะรักเลยมาเตือนกับจุดเสี่ยงทำ ชุดเจ้าสาว พัง!!

แม้ว่าร้านชุดแต่งงานที่คุณเลือกจะตัดเย็บ ชุดเจ้าสาว ของคุณมาอย่างดี แต่ก็มีใช่ไหมละคะที่เมื่อคุณนำมาใส่แล้วต้องขยับตัวไปมาในอิริยาบถต่างๆ อาจทำให้ชุดสวยปริ ขาดและส่งเสียงแคว๊กต่อหน้าธารกำนัลจนได้อาย ฉะนั้นเพื่อความชัวร์ทุกการเคลื่อนไหว มาเช็คไปพร้อมกับเราจุดต่อจุดดีกว่าว่าจุดไหนบ้างมีความเสี่ยงทำเสียหน้าในงานแต่ง

  • คอเสื้อ

สำหรับบ่าวสาวที่มีช่วงคอใหญ่แล้วยังปักใจเลือกใช้ชุดแต่งงานแบบคอปีนคอปิดต้องระวัง เพราะช่วงจังหวะการก้มคอไหว้มีความเสี่ยงสูงเหลือเกินที่นอกจากความแน่นจะทำให้อึดอัดแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอาการดึงรั้งของรังดุมที่ด้านหลัง ซึ่งถ้าโชคร้ายตัดเย็บมาไม่ดีละก็ จุดตรงนี้ทำพิษให้รังดุมขาดได้ ซึ่งถ้ารักจะเลือกคอเสื้อแบบนี้ อย่าลืมซ้อมก้มไหว้และให้ช่างขยายช่วงคอไว้เผื่อๆ ก็ดีนะคะ

  • ตะเข็บแขนเสื้อใต้รักแร้

โอ๊ยยยยยยย อันนี้เจอมาเยอะเจ็บมาแยะเลยค่ะ เพราะตอนที่ลองชุดก็เอาแต่โพสต์ท่ายกมือไหว้ไม่ก็กุมมือประสานท่าทางเรียบร้อย แต่ลืมนึกไปไว้จังหวะการโยนดอกไม้ที่ต้องยกแขนขึ้นสุดมือไว้ด้านบนทำให้เกิดอาการรั้งใต้รักแร้ ทีนี้ก็แคว๊กสิคะสาวๆ

ชุดเจ้าสาว

  • ซิปติดซิปแตกคาแผ่นหลังและบั้นท้าย

เหตุการณ์นี้น่ากลัวสุดๆ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายด้วยนะคะ แต่ปัญหาไม่ได้มาจากร้านชุดแต่งงานที่คุณเลือกเท่านั้น เพราะอาจมาจาก 2 กรณีนี้ คือ..

1. ลักษณะการรูดซิปที่ผู้ช่วยในการแต่งตัวของคุณไม่เคยรูดซิปยาวๆ แบบนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่า ต้องค่อยๆ รูดขึ้นอย่างช้าๆ และระวังว่าตัวซิปจะไปกินเนื้อผ้า แต่กลับออกแรงรูดซิปรวดเดียว ทีนี้ละพอเกิดอาการซิปติดขึ้นมาก็ฝืนดึงๆๆ จนซิปที่ติดนิดๆ ยิ่งติดมากขึ้น เลยเถิดไปว่าซิปไม่ลงล็อกก็แตกสิคะงานนี้

2. คือว่าที่เจ้าสาวที่รับชุดมาก่อนแล้วไม่ระวังตัว กินอาหารเข้าไปแบบลืมตัวจนลำตัวหนาขึ้นมา ชุดที่เคยพอดีตัวก็แน่นซะงั้น ทีนี้พอใส่ๆ ไปขยับท่านั้นท่านี้ก็ส่งผลให้ซิปมีอาการต้านความแน่นของเนื้อไม่ไหว สุดท้ายก็จบลงด้วยอาการซิปแตกคาหลังไงคะ

  • ด้ายรันตามรอยต่อ

จุดเสี่ยงที่ว่านี้อาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่ไม่ใช่วาจะไม่เกิดเลย เพราะถ้าคุณโชคไม่ดี เจอร้านที่ไม่ประณีตในการตัดเย็บชุดให้ก็มีแววจะเกิดอาการด้ายรันตามรอยต่อของเนื้อผ้าหรือแม้แต่ลูกไม้ที่นำมาประดับไว้บนชุด ซึ่งถ้าใครไม่รู้ไปดึงด้ายนั้นทิ้ง บางทีชิ้นส่วนที่นำมาต่อกันก็อาจโบกมือลาจากกันได้ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนว่า สิ่งที่คุณทำได้มีแค่ 2 ทางคือ ทิ้งชิ้นส่วนนั้นไปแล้วคิดซะว่านี่คือดีไซน์ใหม่ หรืออีกทางคือหาเข็มด้ายมาเย็บเอง ซึ่งจะเย็บได้ส่วนแบบเดิมไหม ก็ลุ้นกันเองนะคะ

ไม่อยากให้เกิดเหตุไม่ดีไม่งามแบบที่เราบอกไปทั้งหมดนี้ อย่าลืมเช็คทุกจุดบนชุดเจ้าสาวให้ดี เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกชุดราคาแพงสุดๆ หรือถูกเหลือเชื่อ ก็ล้วนมีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ลองสวมแล้วขยับ โดยจำลองเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในวันแต่งงาน แล้วเชื่อเถอะว่าเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงจะลดลงจนแตะศูนย์ค่ะ

แต่ถ้าจะเคลื่อนย้านชุดแต่งงานโดยเครื่องบินก็ทำตามเคล็ดลับนี้ได้เลย >> ขนชุดเจ้าสาวขึ้นเครื่องบินยังไงให้รอดปลอดภัยไม่เสียหายแน่นอน

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : femalemag.com.my/,www.joelnisleitphotography.coma a

จัดไป แหวนหมั้นประจำ 12 ราศีที่มาพร้อม 12 เฉดอัญมณีสีสวย

คุณผู้ชายคนไหนที่กำลังมองหา แหวนหมั้น สวยๆ มาเซอร์ไพรส์แฟน พอเห็นราคาแหวนเพชรเม็ดงามก็แทบถอดใจ เราขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนจากแหวนเพชรมาเป็นอัญมณีประจำราศีก็ดูคูลไม่เบา แต่หากคุณยังไม่รู้ว่าราศีของคนรู้ใจต้องซื้ออัญมณีชนิดไหนให้ เรามาดูกันได้เลยจ้า

1โกเมน (Garnet) : อัญมณีประจำราศีมังกร (14 ม.ค.-13 ก.พ.)

อัญมณีสีแดงเลือดนกประจำราศีมังกร มีความโดดเด่นอยู่ที่สีแดงสดหลายเฉด นำจับคู่กับเพชรสีขาวบริสุทธิ์ก็เริ่ดไม่หยอก อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้ดวงมีความเข้มแข็งมากขึ้น ช่วยปรับสมดุลด้านความรู้สึก และยังช่วยเพิ่มบารมีให้มีความสุขอีกด้วย

2อเมทีสต์ (Amethyst) : อัญมณีประจำราศีกุมภ์ (14 ก.พ.-13 มี.ค.)

พลอยสีม่วงใส หากนำมาคู่กับตัวเรือนสีเงินจะทำให้พลอยดูโดดเด่นที่สุด แต่ถ้าอยากให้ดูดีมีราคาสามารถนำเพชรเม็ดเล็กๆ มาเรียงประดับรอบตัวพลอยได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าจะทำให้ปราดเปรื่อง มีความคิดสร้างสรรค์ และช่วยคุ้มครองให้พ้นจากอบายมุขที่เข้ามายั่วยุ

3อความารีน (Aquamarine) : อัญมณีประจำราศีมีน (14 มี.ค.-13 เม.ย.)

อัญมณีแห่งสายน้ำที่โดดเด่นด้วยสีฟ้าน้ำทะเลสดใส ที่สามารถเข้าคู่ได้เป็นอย่างดีกับตัวเรือนทองคำขาว และหากนำมาจับคู่กับเพชรน้ำงามด้วยแล้ว บอกได้เลยว่าดูสวยสุดๆ

4เพชร (Diamond) : อัญมณีประจำราศีเมษ (14 เม.ย.-13 พ.ค.)

นอกจากจะมีราคาที่โดดเด่นแล้ว แต่ด้วยสีที่ใสสะอาดและมีความแข็งแรงสูงจึงทำให้สาวๆ ทั่วโลกต่างใฝ่ฝันที่จะมีในครอบครอง นอกจากนี้ยังเหมาะกับนักริเริ่ม นักบุกเบิกที่แข็งแกร่งอย่างชาวราศีเมษ สำหรับคุณหนุ่มๆ ที่มีกำลังซื้อน้อยอาจเลือกเป็นเพชรแฟนซีที่มีราคาถูกกว่าเพชรจริงแแต่ก็ดูสวยไม่แพ้กันจ้า

5มรกต (Emerald) : อัญมณีประจำราศีพฤษภ (14 พ.ค.-13 มิ.ย.)

รัตนชาติสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีโทนสีให้เลือกตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม ซึ่งเหมาะที่จะนำมาทำเป็นแหวนทรงเหลี่ยมมากที่สุด โดยคุณสามารถเลือกได้ทั้งแบบโชว์มรกตเม็ดเดี่ยวหรือล้อมด้วยเพชรก็สวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อกันอีกว่าพลอยสีเขียวจะทำให้ผู้สวมใส่เกิดความศรัทธาที่มั่นคงและกล้าหาญอีกด้วย

6มุกดาหาร (Moonstone) : อัญมณีประจำราศีเมถุน (14 มิ.ย.-13 ก.ค.)

แร่สีหมอกมัวอย่างมุกดาหารที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ ความสดชื่น อายุยืนยาวสามารถจับเข้าตัวเรือนได้ทั้งสีทองและสีเงินก็ทำให้ดูเริ่ดทั้งคู่ ที่สำคัญควรเลือกแบบที่เป็นแหวนเม็ดเดี่ยวเพราะจะทำให้ได้โชว์มุกดาหารอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนราศีเมถุนเป็นพิเศษเพราะจะช่วยส่งเสริมดวงให้ชัดเจน สดใส และช่วยลดอารมณ์ที่ชอบแปรปรวนให้หมดสิ้น

7ทับทิม (Ruby) : อัญมณีประจำราศีกรกฎ (14 ก.ค.-13 ส.ค.)

ทับทิมเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความกล้าแสดงออกโดดเด่นด้วยสีแดงกล่ำ ที่สามารถนำมาเข้าได้ทั้งตัวเรือนทองคำขาวและทองชมพูก็ทำให้ดูโดดเด้งทั้งคู่ และถ้าอยากเพิ่มมูลค่าก็ลองเลือกเพชรนำงามขนาดเล็กกว่ามาประดับ ก็จะทำให้ทับทิมดูน่าสวมใส่มากยิ่งขึ้น

8เพอริโดต์ (Peridot) : อัญมณีประจำราศีสิงห์ (14 ส.ค.-13 ก.ย.)

หากใครที่ไม่ชอบแร่สีเขียวจัดอาจเลือกเป็นอัญมณีเนื้ออ่อนสีเขียวใสอย่างเพอริไดต์ก็ดูเด้งไม่แพ้กัน เพราะสามารถนำมาจับคู่ได้ทั้งกับตัวเรือนสีทองและสีขาวก็สวยทั้งคู่ และถ้าหาเพชรเม็ดเล็กๆ มาประดับรอบๆ ตัวแร่ก็จะช่วยดึงให้สีดูเด่น ใสมากขึ้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสามารถขับไล่วิญญาณของภูติผีปีศาจได้ และที่สำคัญต้องดูแลทะนุถนอมและระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นพลอยที่มีความไม่แข็งมากจึงเกิดรอยขีดขวดได้ง่าย

9ไพลิน (Sapphire) : อัญมณีประจำราศีกันย์ (14 ก.ย.-13 ต.ค.)

แร่สีน้ำเงินเข้มอย่างไพลินหรือนิลกาฬ เป็นอัญมณีที่สามารถนำมาทำแหวนได้หลากหลายทรงที่สามารถเข้ากับตัวเรือนทองคำขาวมากที่สุด เพราะจะช่วยดึงสีนำเงินออกมาทำให้ดูแจ่มยิ่งขึ้น ทั้งนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความเมตตากรุณา และความเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่

10ทัวร์มาลีน (Tourmaline): อัญมณีประจำราศีตุลย์ (14 ต.ค.-13 พ.ย.)

เป็นอัญมณีที่มีหลายสีโดดเด่นไม่แพ้ใคร สามารถพบได้ตั้งแต่สีเขียว ดำ และชมพู หรืออาจเป็นแบบสีผสมก็ได้ ซึ่งทั้งสีเขียวและดำเหมาะกับตัวเรือนสีดำเป็นอย่างยิ่ง และสีชมพูควรคู่กับตัวเรือนสีพิ้งโกลด์เป็นที่สุด อีกทั้งทัวร์มาลีนยังสามารถสร้างพลังบวกและทำลายพลังงานลบ กระตุ้นการสื่อความเข้าใจและให้ความร่วมมือระหว่างขั้วที่แตกต่างกันได้

11บุษราคัม (Topaz) : อัญมณีประจำราศีพิจิก (14 พ.ย.-13 ธ.ค.)

เป็นพลอยที่มีให้เลือกตั้งแต่โทนสีเหลืออ่อนไปจนถึงโทนสีเข้ม เหมาะกับตัวเรือนสีทองเป็นพิเศษและสามารถเพิ่มมูลค่าได้ด้วยการประเพชรลงไป อีกยังมีความเชื่อกันว่าบุษราคัมเป็นอัญมณีที่สื่อถึงความรอบคอบ การปกป้องจากความทุกข์เข็ญ ช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเป่า ความกล้าหาญ และที่สำคัญยังช่วยรักษาความสมดุลแห่งอารมณ์ทางเพศได้อีกด้วย

12เทอร์คอยส์ (Turquoise) : อัญมณีประจำราศีธนู (14 ธ.ค.-13 ม.ค.)

เทอร์คอยส์หรือหินมูลนกการเวก โดดเด่นด้วยสีโทนสีเขียวอมฟ้า หากนำมาจับคู่กับตัวเรือนทองคำขาวก็จะช่วยขับสีของเทอร์คอยส์ให้ดูสวยน่าสวมใส่ยิ่งขึ้นไปอีก สามารถทำเป็นแหวนได้ทั้งแบบโชว์เม็ดเดี่ยวและแบบล้อมเพชรก็ดูสวยงามทั้งคู่ ทั้งนี้เทอร์คอยส์ยังมีพลังอำนาจเสริมดวงทำให้สวมใส่แล้วมีความสุขุมเยือกเย็นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ประสบความสำเร็จและช่วยเสริมบารมีชีวิตให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น

นี้คือการเลือกแหวนอัญมณีและความหมายของอัญมณีประจำราศีที่รวบรวมมาฝากกันจ้า ทั้งนี้นอกจากคนรู้ใจของคุณจะได้แหวนสวยๆ แล้ว เผลอๆ บางทีคุณหนุ่มๆ อาจจะได้เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึงกลับมาก็ได้นะจ๊ะ

ดูแบบแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ : pinterest.com, cmpdenver.com, buggzodiac.com