ค็อกเทลหรือบุฟเฟต์? อาหารเลี้ยงแขก แบบไหนเข้ากับสไตล์คุณ

อาหารเลี้ยงแขก ในงานแต่งก็เป็นหน้าเป็นตาให้กับบ่าวสาวได้เหมือนกันนะ

จากประสบการณ์ที่เราได้รับเชิญไปงานแต่งบ่อยๆ  ทำให้รู้ว่าคู่บ่าวสาวสมัยใหม่นิยมจัด อาหารเลี้ยงแขก แบบ “ค็อกเทล” และ “บุฟเฟต์” กันมากเพราะดูไม่เป็นพิธีการจนเกินไป แต่ในความนิยมที่ว่านี้ก็มีบางคู่ที่ยังงงเรื่อง ความแตกต่างของค็อทเทลและบุฟเฟ่ต์ แต่หลังจากมาอ่านบทความนี้ รับรองว่าเคลียร์แน่!

1. ค็อกเทล – อาหารพอดีคำ จิ้มทานแบบชิคๆ

pinterest3

การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลแน่นอนว่าเป็นอะไรที่วัยสะรุ่นชอบมาก เพราะไม่ใช่การจัดเลี้ยงแบบเป็นทางการและไม่มีการจัดโต๊ะให้นั่งทาน (จะมีเฉพาะโต๊ะของแขกวีไอพีเท่านั้น) ถือเป็นการเปิดโอกาสให้แขกในงานพบปะพูดคุยกันในระหว่างเดินเลือกอาหาร โดยเฉพาะเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวอาจได้ปิ๊งปั๊งกันตามประสาคนโสด จุดเด่นของการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลคือเน้นเครื่องดื่ม ซึ่งจะมีบริกรเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่เรื่อยๆ

ในส่วนของอาหารจะถูกจัดวางบนโต๊ะอย่างสวยงามพอดีคำ เป็นอาหารว่างหรืออาหารเรียกน้ำย่อย ซึ่งข้อเสียก็จยู่ตรงที่แขกในงานอาจทานได้ไม่อิ่ม ทำให้การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลต้องมีการเพิ่มซุ้มอาหารเข้ามาต่างหาก และอย่างที่บอกไปแล้วว่าการจัดเลี้ยงค็อกเทลไม่มีการจัดโต๊ะให้นั่งทาน แขกหลายคนอาจจะรู้สึกเมื่อยเพราะต้องยืนตลอดงาน

ค่าใช้จ่ายสำหรับจัดเลี้ยงมักจะคิดราคาตามหัว ส่วนซุ้มอาหารที่เพิ่มเติมเข้ามาหากอยู่นอกเหนือจากแพ็คเกจที่ทางแคทเธอริ่งจัดเตรียมไว้ให้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

2. บุฟเฟต์ –All you can eat

anniebeebuzz

ใครได้ยินเป็นต้องหูตาสว่าง เพราะหมายถึงการกินได้ไม่อั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบุฟเฟต์จึงเป็นรูปแบบการจัดเลี้ยงที่นิยม อาหารแบบบุฟเฟต์จะถูกจัดวางเป็นถาดขนาดใหญ่ตามประเภทและลำดับของอาหาร ซึ่งข้อดีของบุฟเฟต์จะอยู่ที่ปริมาณอาหารจะมากกว่าแบบค็อกเทล แขกสามารถเดินตักได้ตามความชอบ และที่สำคัญมีโต๊ะจัดให้แขกได้นั่งรับประทานสบายๆ สวยๆ ไม่ต้องยืนให้เมื่อย

ส่วนข้อเสียของบุฟเฟต์นั้นก็มี เพราะเนื่องจากไม่มีการจัดแยกเป็นคำๆ อย่างค็อกเทลและแขกสามารถเลือกตักอาหารตามที่ตัวเองอยากทานได้ ทำให้อาหารที่ถูกตักไปแล้วจะมีสภาพไม่น่าทานเหมือนในตอนแรกที่เพิ่งเอาออกมาวาง

ด้านค่าใช้จ่ายก็จะคล้ายๆ กันกับการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล คือ คิดราคาตามหัว ซึ่งเมนูอาหารจะขึ้นอยู่กับแต่ละแพ็คเกจว่าราคาเท่านี้จะได้อาหารกี่อย่าง รวมซอฟท์ดริ๊งค์ด้วยหรือไม่ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักจะคิดแยกต่างหากจากราคาตามแพ็คเกจค่ะ

การคำนวณอาหารสำหรับการจัดเลี้ยงทั้งสองแบบนี้จะกะปริมาณให้พอดีกับจำนวนแขก สิ่งสำคัญก็คือ   ควรคอนเฟิร์มจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานให้แน่นอน เพราะถ้าคำนวณพลาดอาหารไม่พอให้บริการ คุณจะต้องเสียเงินในส่วนที่สั่งเพิ่มและอาจโดนเม้าท์มอยหลังจากจบงาน เพราะฉะนั้นเหลือดีกว่าขาด แต่ถ้าเหลือมากเกินจะกลายเป็นว่าจ่ายแพงไปแบบเปล่าประโยชน์

บทความเรื่องอาหารงานแต่งเพิ่มเติม >>> อาหารงานแต่งเมนูไหนดี เมนูไหนร้าย บ่าวสาวควรรู้ไว้เพื่อเสริมมงคล

ภาพ : www.okoii.wordpress.com, www.pinterest.com, www.turismopersonalizado.com, www.wetu.com, http://www.easyweddings.co.uk

10 เรื่องไม่จริงในงานแต่งที่บ่าวสาวชอบหลอกตัวเองเวลาจัดงาน

เวลาต้อง จัดงานแต่ง ทีไร มีหลายๆ สิ่งที่บ่าวสาวชอบหลอกตัวเอง แล้วเมื่อไม่ใช่อย่างที่หวังก็มักจะนอยด์ พาให้บ่าวสาวไม่สดใสเอาเสียเลย เราจึงรวบรวมข้อที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งหลายชอบหลอกตัวเอง พร้อมเหตุผลว่าทำไม เผื่อจะได้รีบหาทางแก้ไขกันได้ทัน

1. จัดงานแต่งได้ในงบประหยัด

เรื่องนี้เป็นเป้าหมายหลักๆ ที่หลายคู่ตั้งเป้าเอาไว้ แต่สุดท้ายแล้วคำว่าประหยัดของแต่ละคนก็แตะๆ หลักแสนกันทั้งนั้น เราจึงอยากปลอบใจคู่บ่าวสาวว่า การใช้เงินไปกับงานแต่งเยอะๆ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เราก็สามารถควบคุมงบประมาณในงานแต่งได้เช่นกัน และดีที่สุดคือ การจัดงานแต่งตามกำลังทรัพย์ที่มี อย่าประหยัดจนเครียด หรือฟุ่มเฟื่อยจนเป็นหนี้

2. ชุดอะไรก็ได้ ไม่เลือกมาก

เจ้าสาวหลายคนมักบอกว่า ฉันเป็นคนไม่เลือกมาก อะไรก็ได้ แต่จริงๆ แล้วพอถึงคราวลองชุดแต่งงานเมื่อไหร่ วิญญาณมนุษย์ขี้จุกจิกก็จะเข้าสิงทันที เพราะฉะนั้นเวลาลองชุด ให้เลือกแบบที่ชอบจริงๆ เมื่อได้ชุดที่ชอบแล้ว ในส่วนของขั้นตอนเก็บชุดเข้ารูปก็บอกไปเลยว่าใส่ใจกับเรื่องอะไรเป็นพิเศษ อยากให้ชุดเข้ารูปประมาณไหน เพราะหากมาแก้อะไรเพิ่มเติมทีหลังก็จะเสียอารมณ์กันทั้งคนทำและว่าที่เจ้าสาว ทางที่ดีเจ้าสาวต้องเช็คทุกรายละเอียดของชุด

3. มีเวลามากพอจะ DIY

เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นกับเจ้าสาวที่ชอบดูการตกแต่งจากเว็บไซต์ต่างประเทศ แบบอันนั้นก็ทำได้ อันนี้ก็ทำได้ หรืออันโน้นทำแล้วประหยัดเงิน แต่เราอยากจะบอกว่าการเป็นเจ้าสาวนั้นใช้เวลาเปลืองมาก จนคุณไม่มีเวลามาดีไอวายอะไรที่มันยิบๆ ย่อยๆ หรอกค่ะ อะไรที่พอหาซื้อได้และราคาไม่แรงก็ตัดใจซื้อเถอะ ส่วนอะไรที่หาไม่ได้จริงๆ ก็ลองทำตัวต้นแบบ แล้วชักชวนเพื่อนๆ มาช่วยทำก็ได้ ไม่อย่างนั้น การจัดงานแต่งก็ยังคาราคาซัง แถมของที่จะดีไอวายก็ไม่เสร็จ

4. ดอกไม้สดราคาไม่แพง

เจ้าสาวหลายคนที่กำลังคิดเลือกใช้ดอกไม้สด เพราะคิดว่าราคาไม่แรงหากเลือกใช้ดอกไม้ที่ปลูกในไทย แต่เราจะบอกว่าดอกไม้สดยังไงก็แรงค่ะ แต่ก็จริงที่ว่าดอกไม้ในไทย และดอกไม้ตามฤดูกาลจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก หรืออีกทางคือจะมีร้านให้เช่าดอกไม้เสมือนจริง ซึ่งก็ประหยัดเงินได้มากเช่นเดียวกัน

5. งานแต่งของฉันเอง จะต้องเป็นตัวฉันที่สุด

ใครที่คิดแบบนี้คือดีแล้ว แต่…เจ้าสาวหลายคนมักเกิดจังหวะสะดุดกับคำพูดของคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือญาติ ซึ่งเราอยากจะบอกว่า จงทำตามความต้องการของตัวเองต่อไป เพราะนี่คืองานของเรา ไม่ใช่ของเขา อยากจะพูดอะไรก็เรื่องของเขา แต่คุณควรรับฟังคำแนะนำด้วยความหวังดีด้วยนะจัดงานแต่ง

6. สบายมากบนส้นสูง

ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยๆ กับเจ้าสาวไซส์มินิ ที่เล็งรองเท้าส้นสูงปรี๊ดๆ เอาไว้ เพื่อเสริมความสูงให้ดูสง่าในชุดแต่งงาน แต่เราอยากบอกว่าการเลือกรองเท้าแต่งงานไม่ใช่เพียงแค่สูงเท่านั้น ยังต้องสวมใส่สบาย เพราะในวันงานเจ้าสาวจะต้องยืนเกือบตลอดเวลา เมื่อได้รองเท้ามาแล้วก็ควรใส่เดินไปมาเพื่อสร้างความคุ้นชิน และขยายรองเท้าให้รับกับรูปเท้าไปในตัว

7. ตัดรายชื่อแขกเป็นเรื่องง่าย

บ่าวสาวที่คิดว่าการตัดรายชื่อแขกออกเป็นเรื่องง่าย เอาจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยนะ ปัญหาหนึ่งของการจัดงานขนาดเล็กก็คือการตัดรายชื่อแขกนี่ล่ะ เพราะแต่ละคนก็มีความสำคัญ ความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน หากอยากคัดแขกคนสำคัญจริงๆ ก็คัดเลือกเฉพาะคนที่คุณแคร์ความรู้สึก และอยากให้เขามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่มีความสุข รับรองว่าตัดออกได้เยอะเลยทีเดียว

8. จะไม่มีใครรู้ว่าฉันใช้ Pinterest

เจ้าสาวที่ปักพินในพินเทอเรส และเอามาบางส่วนมาใช้ในงานแต่ง มักหลอกตัวเองว่าจะไม่มีใครรู้ ซึ่งบางทีก็อาจมีคนรู้นะ เพราะถ้าไอเดียไหนที่สวยมากๆ ก็มักเจอกันได้บ่อย แต่รู้แล้วยังไงเหรอ คุณเจ้าสาวไม่ต้องนอยด์ไปหรอกหากมีคนรู้ เพราะเราจะบอกว่า ยุคนี้ใครๆ ก็ใช้กันทั้งนั้นแหล่ะ

9. ฉันจะไม่เป็นไบรด์ซิลล่า

เจ้าสาวที่เป็นไบรด์ซิลล่า ขี้หงุดหงิด นั้นเป็นเรื่องปกติที่เจ้าสาวส่วนมากก็เป็นกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องพยายามกดดันตัวเองว่าฉันจะไม่เป็นแบบนั้น ใครๆ ก็เข้าใจว่าช่ว’แต่งงานเป็นช่วงเวลาที่เครียดมากๆ ของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเราเครียดมากๆ ก็ไม่แปลกที่จะมีการแสดงออกที่รุนแรงไปสักหน่อย

10. งานแต่งฉันต้องเพอร์เฟ็กต์

ข้อสุดท้ายไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่เป็นการตั้งมาตราฐานไว้สูงมาก ซึ่งสาวๆ ก็เป็นกันทั้งนั้น แต่เราอยากจะบอกกับคุณว่าในการจัดงานแต่งมักมีบ้างที่สะดุด ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่แค่งานราบลื่นก็เพียงพอแล้ว และที่สำคัญคืออย่ากังวลกับความสมบูรณ์จนเกินไป แต่จงมีความสุขกับวันสำคัญดีกว่าเนอะ

ภาพ unsplash.com

ข้อดี vs. ข้อเสีย เมื่อต้องยกโขยงเดอะแก๊งไปลองชุดแต่งงาน

การไป ลองชุดแต่งงาน เป็นอีกหนึ่งช่วงที่แสนจะสนุกสนานสำหรับเจ้าสาวในช่วงการเตรียมงานก็ว่าได้ แถมถ้าหากเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวรู้เรื่องเมื่อไหร่ก็อยากจะไปด้วยกันทั้งนั้น คราวนี้ก็งานเข้าเจ้าสาวสิค่ะ เพราะคิดไม่ตกว่าจะไปกันแบบยกแก๊งหรือคัดเฉพาะคนรู้ใจไปดี แพรว wedding เลยจัดลิสต์ ข้อดี-ข้อเสีย ของการยกโขยงไปลองชุดมาให้เจ้าสาวเพื่อประกอบการตัดสินใจ ว่างานนี้คุณควรจะพกไปกี่คนดี

ข้อดี ของการยกแก๊งไปลองชุดแต่งงาน

ลองชุดแต่งงาน

ได้ลองชุดใหม่ต่างจากที่ตั้งใจเอาไว้

การที่ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่นั่นหมายความว่าบางครั้งคุณอาจจะได้ลองชุดแต่งงานใหม่ๆ ที่ต่างจากที่คุณคิดหรือตั้งใจเอาไว้แน่นอน ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันนะคะ เพราะบางครั้งสิ่งที่เราชอบ แต่เมื่อได้ใส่จริงๆ แล้วอาจจะไม่เหมาะกับเราเลยก็ได้ ไม่แน่นะคะว่าที่เจ้าสาวอาจจะเจอเซอร์ไพรซ์ได้ชุดแต่งงานแบบใหม่จากที่คิดไว้กลับบ้าน อ่อ แล้วอย่าลืมถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยนะคะ (ถ้าหากร้านอนุญาต) จะได้เอาไปเปรียบเทียบกับชุดอื่นๆ สำหรับการตัดสินใจเลือกชุดที่ใช่ในวันสำคัญ

ความมั่นใจเกินร้อย เพราะมีกองเชียร์สนับสนุน

แน่นอนว่าการมีคนไปให้กำลังใจเยอะๆ ในวันนั้นก็เป็นการช่วยสร้างความมั่นใจให้กับว่าที่เจ้าสาวได้อีกทางหนึ่ง เพราะแน่นอนว่าคนเหล่านั้นพร้อมที่จะบอกว่าคุณดูสวยงามและน่าทึ่งแค่ไหนในชุดแต่งงานที่เลือก เนื่องจากเจ้าสาวหลายคนมักจะไม่มั่นใจและมักจะเห็นแต่ด้านลบของตัวเองหรือชุดเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งงานนี้เดอะแก๊งที่คุณพกไปด้วยจะเข้ามาช่วยสร้างความมั่นใจและพร้อมที่จะเชียร์คุณว่า คุณจะสวยงามแค่ไหนในลุคนี้แน่นอน (แต่งานนี้แก๊งเพื่อนสาวจะเอาแต่อวยไม่ได้นะจ๊ะ สวยไม่สวยต้องบอกกันตามจริงนะเธอ)

เป็นประสบการณ์และความทรงที่ดี

ทริปนี้ถือเป็นการพาครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนสาวไปร่วมสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานด้วยกัน ถือเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่คุณจะได้มีไปพร้อมๆ กับบุคคลที่คุณรักในชีวิต แถมยังช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในวันสำคัญของคุณอีกด้วย และยังถือเป็นทริปเฉลิมฉลองที่คุณจะสามารถสนุกไปกับมันได้ไม่ต่างไปจากปาร์ตี้สละโสดเลยทีเดียว และเชื่อเถอะว่าเพียงแค่คุณเอ่ยปากชวนรับรองว่าคนเหล่านี้จะรีบเคลียร์คิวแล้วเพื่อไปร่วมทริปกับคุณแน่นอน

ข้อเสีย ของการพกแก๊งไป ลองชุดแต่งงาน

คนเยอะ = ความคิดเห็นเยอะ

การที่พกคนไปเยอะเท่าไหร่ เจ้าสาวก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะมีความคิดเห็นมากขึ้นเท่านั้น แถมบางครั้งอาจทำให้เจ้าสาวเปลี่ยนใจจากชุดที่ตั้งใจเอาไว้ไปเลยก็มี หรือบางครั้งคนในแก๊งอาจจะชิงออกความคิดเห็นก่อนที่เจ้าสาวจะได้แสดงความคิดเห็นต่อชุดที่ตัวเองจะใส่ไปอีก ซึ่งทำเอาว่าที่เจ้าสาวถึงกับพูดไม่ออกและไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาเลยก็มี เพราะฉะนั้นหากเจ้าสาวอยากลดความกังวลและปวดหัวในเรื่องแบบนี้ เราขอแนะนำว่าให้หนีบแค่คนที่คุณไว้ใจหรือเพื่อนที่สนิทจริงๆ ไปด้วยแค่ 1-2 คน รับรองว่าเจ้าสาวจะสามารถโฟกัสความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองในชุดนั้นได้มากกว่า รวมไปถึงได้พินิจวิเคาระห์รายละเอียดต่างๆ ที่คุณชอบได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีหลากหลายความคิดเห็นมากวนใจให้ไขว้เขว้

คนเยอะ = ลองชุดเยอะ

หลายครั้งที่เดอะแก๊งของว่าที่เจ้าสาวอาจจะทำให้เจ้าสาวไขว้เขว้จากสิ่งที่เจ้าสาวตั้งใจเอาไว้ เพราะแต่ละคนก็จะมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป จนถึงขั้นต้องลองชุดแต่งงานที่ไม่อยากได้หรือไม่ชอบเป็นสิบๆ ชุดเพื่อเอาใจเพื่อนที่ไปด้วยกัน เพราะบางครั้งก็ติดลูกเกรงใจที่ว่า ก็แหมเพื่อนอุตส่าห์สละเวลามาช่วยเลือกก็ต้องเอาใจกันหน่อย แต่…จะดีกว่าไหมคะถ้าเจ้าสาวได้โฟกัสไปยังสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งลองชุดอื่นให้เสียเวลา

อาจได้ประสบการณ์ที่ไม่น่าประทับใจเป็นของแถม

ถ้าหากคุณไปลองชุดเจ้าสาวพร้อมแก๊งเพื่อนเจ้าสาว หรือคุณแม่คุณป้า หรือคนอื่นๆ และเมื่อถึงคุณได้ก้าวออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมชุดเจ้าสาวที่หมายตาไว้และมั่นใจว่าชุดนี้แหละที่ใช่สำหรับฉัน นั่นอาจจะกลายเป็นช่วงเวลาน่าใจหายของคุณไปเลย เพราะคุณอาจจะได้เสียงตอบรับที่ไม่คาดหวังจนพาลเกิดอาการไขว้เขว้ว่าฉันดูแย่ในชุดนี้จริงๆ เหรอ เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้คุณพาคุณแม่ น้องสาว/พี่สาว หรือเพื่อนที่คุณรักและไว้ใจ ยิ่งคุณชวนคนไปน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งจะได้ชุดแต่งงานที่ตรงใจมากเท่านั้น

ซึ่งสุดท้ายบางครั้งการไปออนทัวร์ลองชุดแต่งงานก็ไม่ได้จำกัดบุคคลที่เจ้าสาวจะพาไปด้วยขนาดนั้นนะคะ (แต่บางร้านอาจจะจำกัดจำนวนคนที่เจ้าสาวจะพาไปด้วย) แต่อยู่ที่ว่า ข้อดีหรือข้อเสียข้อไหนที่ทำให้เจ้าสาวรู้สึกสบายใจมากกว่ากันต่างหาก ถ้าพร้อมแล้วก็ไปช้อปชุดแต่งงานพร้อมเทคนิค 3 สิ่งนี้วางแผนให้ดีก่อนไปออนทัวร์เลือกชุดแต่งงานสุดเพอร์เฟกต์ กันได้เลย

ภาพ : oliviaandthyme.com, virginialiving.com, margoandme.com

วิธี เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง อย่างไรให้เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศงาน

เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเลือกเปิดเพลงแนวไหน เปิดอย่างไรดีถึงจะเข้ากับงาน แพรว wedding เลยมีวิธี เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง อย่างไรให้ปังเข้ากับบรรยากาศงานมาฝาก ถึงแม้จะสามารถเลือกจากความชอบของบ่าวสาวได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ องค์ประกอบที่จะต้องนึกถึง มีอะไรบ้างมาดูกัน

เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง

1. ดูก่อนว่างานที่จัดขึ้นเป็นทางการหรือไม่

ถ้าบ่าวสาวจัดงานแต่งงานที่เป็นทางการ มีแขกผู้ใหญ่ใส่สูท แต่งชุดราตรี ประดับเพชรพลอยกันมาเต็มที่ คงไม่เหมาะที่จะเปิดเพลงแดนซ์ หรือเพลงร็อคเป็นแน่ แนะนำให้เลือกเปิดเพลงคลาสสิค หรือเพลงที่มีคนขับกล่อมแบบนุ่มนวลจะดีกว่า หรือถ้าจัดงานเน้นความสนุกสนาน ก็ควรจะเลือกเพลงที่มีจังหวะแดนซ์มันๆ ให้ภายในงานสนุกสุดเหวี่ยงไปเลยค่ะ

2. ดูขนาดของสถานที่

ถึงแม้จะดูแล้วไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วสำคัญนะคะ เพราะขนาดของสถานที่จะเป็นตัวกำหนดการเปิดเพลง หรือวงดนตรีที่จะมาเล่นในงานได้ เช่น จัดงานแต่งงานในสวนก็ควรจะเปิดเพลงเพราะๆ ฟังสบายๆ หรือหาวงดนตรีอะคูสติกมาบรรเลงเพลงภายในงาน จะได้เข้ากับบรรยากาศและสถานที่ค่ะ

เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง

3. เลือกเพลงจากความชอบของบ่าวสาว

บ่าวสาวลองปรึกษากันก่อนว่าชื่นชอบเพลงแบบใด เหมือนกันหรือไม่ จากนั้นก็ลองดูว่าเมื่อเปิดเพลงแล้ว หรือจ้างวงดนตรีมาเล่นในงานแล้ว จะเข้ากับบรรยากาศงานที่คิดเอาไว้หรือไม่ ถ้าทั้งคู่ตกลงกันอย่างลงตัวแล้ว ก็จัดการได้เลยค่ะ

4. ดูช่วงเวลาที่จะเปิด

คือเลือกจากลักษณะงานที่กำลังจัดอยู่ เช่น งานพิธีแห่ขันหมาก งานทำบุญเข้า จะเปิดเพลงวงดนตรีไทย เพลงสุนทราภรณ์ งานเลี้ยงกลางคืนเปิดเพลงคลาสสิค หรือเพลงสากลความหมายดีๆ และงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็เปิดเพลงสนุกๆ ให้เข้ากับบรรยากาศค่ะ

เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง

5. เลือกรายชื่อเพลงเตรียมไว้ก่อนโดยปรึกษากับวงดนตรีที่จ้างมา

ในข้อนี้สำหรับบ่าวสาวที่จะจ้างวงดนตรีมาร้องเพลงในงานนะคะ ลองคุยกับวงดนตรีเลยว่า อยากได้แนวดนตรีแบบไหน เช่น เพลงแจ๊ส หรือเพลงอะคูสติก แล้วสอบถามวงดนตรีเลยว่าจะเล่นเพลงไหนบ้าง เพื่อให้ทางวงดนตรีจัดสรรเพลงทั้งหมดให้เข้ากัน จะได้ไม่หลุดธีมนั่นเองค่ะ

เลือกเพลงเปิดในงานแต่ง

ถึงแม้จะเป็นเพลงเปิดในงานแต่งงาน แต่บ่าวสาวก็อย่ามองข้ามนะจ๊ะ ลองวางแผนให้ดีก่อน อย่าคิดว่าเปิดเพลงอะไรก็ได้ คนคุมเครื่องเสียงเปิดอะไรให้ก็เอาอันนั้นแหละ ไม่ได้นะจ๊ะ เราเลือกเองดีที่สุดค่ะ

Read More : เพลย์ลิสต์ 10 เพลงรักอินเตอร์สุดโรแมนติกน่าเปิดในงานแต่ง

ภาพจาก : Pinterest.com

5 เทคนิคเลือก เครื่องประดับเจ้าสาว ให้โดนใจเพิ่มความมั่นใจในวันงาน

สำหรับเจ้าสาวที่คิดว่าแค่เสื้อผ้า หน้าผม ยังไม่เพียงพอสำหรับลุคเจ้าสาวในวันสำคัญ เลยอยากจะเสริม เครื่องประดับเจ้าสาว สักชิ้นสองชิ้นเพื่ออัพความงามเพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกสักหน่อย แพรว wedding ก็พร้อมเปย์กับเทคนิคการเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับชุดและสไตล์ของเจ้าสาวมาฝาก รับรองว่างานนี้สวยเกิดบรรเจิดทุกนางจ้า   

1 ต้องไม่มากเกินไป

สิ่งแรกที่เจ้าสาวควรจะต้องคำนึงถึงก่อนเลือกเครื่องประดับคือ อย่าใส่อะไรที่ใหญ่เกินความจำเป็น เพราะอย่าลืมว่ายิ่งเครื่องประดับโดดเด้งหรือชิ้นใหญ่เท่าไหร่ก็จะยิ่งขโมยความสวยจากลุคเจ้าสาวไปเท่านั้น เช่น สร้อยหรือต่างหูที่ใหญ่เกินไป ก็อาจไปขโมยซีนชุดแต่งงานหรือใบหน้าที่แต่งไว้อย่างสวยฉ่ำของเจ้าสาว เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือ “น้อยแต่มาก” นั่นแหละดีที่สุด เพราะจริงๆ แล้วความสวยและมีเสน่ห์อยู่ที่รอยยิ้มที่สดใสเป็นธรรมชาติและมีความสุขของเจ้าสาวต่างหาก

2 แมตช์ความแวววาวให้เข้ากับชุดแต่งงาน

ถ้าหากเจ้าสาวลังเลระหว่างการเลือกเครื่องประดับแบบเงินหรือแบบทองดี ก็ลองให้ชุดแต่งงานของคุณเป็นผู้เลือกดีกว่า

  • ชุดแต่งงานสีขาว : เครื่องประดับที่เหมาะกับสีนี้จะต้องออกแนวน่ารักๆ ให้เหมาะกับสีขาวของชุด อย่างเช่น เครื่องประดับแพลตตินั่ม หรือเครื่องประดับสีเงิน
  • ชุดแต่งงานสีงาช้าง : เหมาะกับ เครื่องประดับสีทอง เพราะเป็นเฉดสีที่เข้ากับได้ดีกับเฉดสีครีมนิดๆ
  • ชุดแต่งงานสีแชมเปญ : เครื่องประดับสีทอง จะดูโดดเด่นมากเป็นพิเศษในเฉดสีแบจแบบนี้ และสามารถเสริมด้วยเครื่องประดับสไตล์วินเทจ, เครื่องประดับสีเงินแวววาว หรือ พลอยแบบสีๆ ที่สามารถเข้ากันได้ดีกับเครื่องประดับสีทอง
  • ชุดแต่งงานสีบลัช : แนะนำให้ใส่ เครื่องประดับเฉดสีโรสโกลด์  เพราะเครื่องประดับเฉดสีชมพูแวววาวสามารถเข้ากันได้ดีกับเฉดสีชุดชมพูอ่อนๆ

เครื่องประดับเจ้าสาว

3 ให้ความสำคัญกับเนคไลน์

เนคไลน์หรือแบบคอเสื้อเป็นตัวช่วยในการสร้างกรอบหน้าให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยให้เจ้าสาวเลือกแมตช์เครื่องประดับให้เข้ากับชุดได้ง่ายอีกด้วย

  • ชุดแต่งงานแบบเกาะอกและเกาะอกทรงหัวใจ : เป็นทรงเนคไลน์สุดคลาสสิคที่เจ้าสาวหลายคนนิยมสวมใส่ และเป็นทรงเนคไลน์ที่ช่วยดึงสายตาไปยังรอยยิ้มของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นจึงควรแมตช์เนคไลน์สไตล์นี้กับสร้อยโช้กเกอร์หรือสร้อยคอแบบสั้น หรือจะเปลี่ยนมาสวมเป็นต่างหูแบบแชนเดอเลีย แทนก็ได้ โดยทำผมรวบขึ้นแบบเปิดหน้าแล้วเติมดอกไม้ประดับทรงผมสักหน่อยเพื่อความสดชื่น

  • ชุดแต่งงานแบบคอวี : เนคไลน์สไตล์นี้สร้างขึ้นมาสำหรับการสวม สร้อยโช้กเกอร์หรือสร้อยแบบมีจี้ห้อย โดยเฉพาะ โดยเจ้าสาวสามารถเลือกแบบใดแบบหนึ่งก็ได้แล้วแต่ความมั่นใจและสไตล์ของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแมตช์กับ ต่างหูขนาดเล็กแบบติดหูหรือต่างหูแบบห้อยก็ได้  ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าเจ้าสาวจะเลือกสวมเครื่องประดับแบบใดก็ต้องเลือกให้เข้ากับทรงผมด้วย โดยเจ้าสาวอาจจะส่งรูปเครื่องประดับที่ตั้งใจจะใส่ไปให้ช่างทำผมดูก่อนเพื่อที่ช่างจะได้ออกแบบทรงผมให้เข้ากับทุกอย่างได้อย่างลงตัว

  • ชุดแต่งงานแบบคล้องคอ : แนะนำให้โฟกัสไปที่ เครื่องประดับผม  อย่างเช่น กิ๊บติดผม หวีสับสวยๆ หรือประดับดอกไม้ไปเลยก็ได้ หรือจะเลือกทรงผมสลีกสุดทันสมัยหรือติดเครื่องประดับแวววาวก็เก๋ไม่แพ้กัน แต่ถ้าเจ้าสาวต้องการลุคที่แตกต่างก็อาจเลือกแมตช์กับ birdcage veil (เวลสั้นแบบปิดหน้า) ก็ได้ และยังสามารถเสริมลุคนี้ด้วยการสวม สร้อยข้อมือ ได้ด้วยเช่นกัน เพียงแค่เลือกให้เข้ากับสไตล์ที่เจ้าสาวมั่นใจก็พอ

4 เลือกชุดเดียวแต่สวยทรงพลัง

หากการเลือกเครื่องประดับของเจ้าสาวยากกว่าการหาชุดแต่งงานแล้วล่ะก็ เราแนะนำให้เจ้าสาวเลือกโฟกัสไปที่ชุดแต่งงานเลยดีกว่า เพราะนั่นคือลุคทั้งหมดของคุณในวันสำคัญ แล้วมองหาเพียงแค่เครื่องประดับสุดเรียบง่าย เช่น ต่างหูมุกหรือต่างหูเพชรเม็ดเดี่ยว ซึ่งเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่คลาสสิคและทรงพลังในด้านความงามไม่ต่างจากเครื่องประดับชิ้นใหญ่ๆ แถมยังช่วยเจ้าสาวประหยัดงบเพราะไม่ต้องซื้อเครื่องประดับแบบครบเซตอีกด้วย แต่เจ้าสาวคนไหนอยากที่จะใส่เครื่องประดับแบบครบเซตอาจต้องระวังการเลือกเครื่องประดับที่เยอะเกินไปจนกวนลุคชุดแต่งงานหรือหน้าผมของคุณ

5 เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด

สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับการเลือกเครื่องประดับสุดเพอร์เฟกต์สักชิ้นสำหรับชุดแต่งงานก็คือ การเลือกเครื่องประดับที่สะท้อนตัวตนที่เมื่อสวมใส่แล้วเจ้าสาวรู้สึกมั่นใจมากที่สุด เช่น ถ้าหากคุณไม่ชอบสวมเครื่องประดับชิ้นใหญ่ ต่างหูแบบแชนเดอเลียหรือต่างหูแบบเม็ดเดี่ยว เพราะคุณรู้สึกว่าแค่เนคไลน์ที่สวยงามของชุดแต่งงานก็เพียงพอแล้ว ก็จงมั่นใจและเดินเข้างานอย่างเฉิดฉายได้เลยค่ะ เพราะถ้าหากคุณมีความสุขไม่ว่าจะมีเครื่องประดับหรือไม่มี ความมั่นใจและรอยยิ้มต่างหากคือเครื่องประดับชั้นดีในวันงาน

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องประดับเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ :allurebridaljewelry.com, amyobridal.com, julesbridaljewellery.com,
libertyinlove.co.uk, etsy.com, slrlounge.com

ทำยังไง เมื่อต้องเลื่อนงานแต่งงานกะทันหัน!

งานสำคัญอย่างงานแต่งงาน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้งานเป็นอันต้อง เลื่อนงานแต่งงาน กะทันหัน แต่ถ้าเกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม แล้วดันแจกการ์ดเชิญไปทั้งหมดด้วยสิ! บ่าวสาวก็คงต้องทำใจและหาทางรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ให้ดีที่สุด ควรทำอย่างไรบ้างมาดูกันค่ะ

1. ต้องแน่ใจจริงๆ ว่าไม่มีทางแก้อื่นใดแล้วนอกจากเลื่อนงาน

เพราะหลังจากที่เราตัดสินใจแจ้งแขกว่า เลื่อนหรือยกเลิกสิ่งต่างๆ การกลับไปแก้ไขนั้นนอกจากจะยากแล้วยังอาจจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก แถมอาจจะสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีต่อแขกของคุณด้วย


2. แจ้งผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งทันที

หากแน่ใจว่ายังไงก็ต้องเลื่อน แจ้งผู้ใหญ่ ทั้งประธานในพิธี รวมทั้งพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่บ่าวสาวเป็นอันดับแรก ทางที่ดีที่สุดคือการเข้าไปพบหน้าและบอกกล่าวท่านด้วยตนเอง แต่หากผู้ใหญ่ท่านไหนไม่สะดวกให้เราได้เข้าพบ ควรโทรศัพท์ไปเรียนแจ้งด้วยตนเอง ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะบอกผ่านการส่งแมสเสจ หรือทางโซเชียลมีเดียใดๆ

3. แจ้ง แพลนเนอร์ สถานที่ ร้านเช่าชุด ช่างแต่งหน้าทำผม ช่างภาพ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งอาจจะต้องทำใจว่าค่ามัดจำที่จ่ายไปตอนแรกเพื่อเป็นค่าจองนั้นคงต้องชวดไปไม่ได้คืนมา ยกเว้นกรณีที่เราได้ฤกษ์วันจัดงานใหม่แล้ว และเลือกใช้งานเจ้าเดิม (ซึ่งเป็นวิธีที่เราแนะนำ เพราะอย่างน้อยก็จะไม่เสียค่ามัดจำไปฟรีๆ ค่ะ) แต่ถ้าหากเจ้าที่เราเลือกนั้นคิวไม่ว่างสำหรับฤกษ์ใหม่แล้วก็คงต้องทำใจหาเจ้าใหม่ต่อไป

4. แจ้งแขก

สำหรับแขกที่เป็นผู้ใหญ่ การไปพบหน้าหรือโทรศัพท์ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ส่วนแขกที่เป็นเพื่อนหรือรุ่นน้อง เราสามารถแจ้งทางโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุค หรือส่งไลน์ได้ เช็คด้วยว่าเพื่อนคนนั้นๆ ได้รับข้อความของเราแล้วจริงๆหรือมีการตอบกลับมาว่ารับทราบแล้ว หากเพื่อนเยอะแล้วแจ้งคนเดียวไม่ไหว สามารถหาเพื่อนที่เป็นคนกลางของแต่ละกลุ่มช่วยกระจายข่าวต่อให้เราได้

5. แจ้งอีกครั้งก่อนวันงาน ป้องกันแขกลืม 

มีเหมือนกันที่แขกบางคนลืมว่าเราเลื่อนวันแต่งงานแล้ว ถ้าหากแขกคนไหนไปปรากฏตัวที่หน้างานแบบเด๋อด๋าไม่เจอใครละยุ่งแน่ๆ! ทางที่ดี ก่อนวันงาน 1-2 วัน แจ้งแขกทุกคนอีกครั้งว่างานของเราเลื่อนแล้วนะ

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องพบเจอจากการตัดสินใจเลื่อนงานแต่งงานคือคำถามมากมายจากทั้งผู้ใหญ่และแขกในงาน ขอให้ตั้งสติและอธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ให้ผู้ใหญ่และแขกเข้าใจว่าบ่าวสาวได้ทำทุกวิถีทางแล้วจริงๆ และการเลื่อนงานแต่งงานเป็นทางเลือกเดียวที่มี รับรองว่าผู้ใหญ่และแขกเหรื่อจะเข้าใจ และขอให้ฤกษ์งานแต่งงานครั้งใหม่ของคุณเป็นไปอย่างสำเร็จราบรื่นนะคะ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. ภาพ: pinterest, www.aliceinweddingland.co.uk

ชุดเจ้าสาวจาก Marriage Studio กับคอลเล็กชั่นใหม่ที่สวยจนเจ้าสาวต้องเก็บไปฝัน

ชุดแต่งงาน คือความฝันอันสูงสุดของผู้หญิงที่อยากจะมีโอกาสได้สวมใส่สักครั้งในชีวิต เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่เมื่อถึงเวลาจะได้เป็นเจ้าสาวจริงๆ สาวๆ หลายคนถึงตื่นเต้นไปกับการหาแบบชุดแต่งงานสวยๆ เพื่อสวมใส่ในวันสำคัญของชีวิต แพรวเวดดิ้ง เลยอยากจะช่วยผ่อนแรงในการออกตามหาชุดแต่งงานในฝันของสาวๆ ด้วยการจัดแฟชั่นชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นใหม่จาก Marriage Studio มาให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวได้ชมกันเพลินๆ

Marriage Studio เป็นร้านชุดแต่งงานและเป็นเวดดิ้งสตูดิโอแต่งงานแห่งแรกในซอยทองหล่อที่เปิดให้บริการบ่าวสาวมายาวนานถึงกว่า 25 ปี ให้บริการคู่รักมาแล้วมากกว่าหมื่นคู่ พร้อมภาพถ่ายสวยๆ อีกกว่าแสนภาพ ซึ่งที่นี่มีทั้งบริการเรื่องชุดแต่งงาน และบริการถ่ายภาพ อีกทั้งยังพร้อมให้คำแนะนำและการจัดเตรียมงานแต่งงานในด้านต่างๆ ให้กับว่าที่บ่าวสาวอย่างครบวงจรโดยบุคลากรมืออาชีพ การันตีผลงานที่มีคุณภาพ จึงไม่น่าแปลกใจว่าที่ แมริเอจ สตูดิโอ ยังคงอยู่ในใจของว่าที่บ่าวสาวมาทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่ไว้วางใจของบ่าวสาวหลายคู่ที่เลือกให้แมริเอจ สตูดิโอมาดูแลพวกเขาในวันพิเศษของชีวิต

และนี่คือคอลเล็กชั่นชุดแต่งงานสวยๆกับคอนเซ็ปท์ “The Luxury in LOVE” ที่ช่วยอัพออร่าให้เจ้าสาวที่สุดในวันสำคัญ

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Marriage Studio

ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมดตัดเย็บจากผ้าลูกไม้ดีไซน์แบบเข้ารูปช่วยเน้นสัดส่วนทรวดทรงให้เจ้าสาวได้อวดรูปร่างในวันพิเศษ

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Marriage Studio

หรูเนี้ยบแต่เพียบไปด้วยลูกเล่นและรายละเอียดสำหรับชุดเจ้าสาวกระโปรงทรงบอลกาวน์ ตัวเสื้อดีไซน์เป็นแบบสายคู่เซ็กซี่นิดๆ ด้วยซีทรูที่ช่วงอกพร้อมตกแต่งลูกไม้เพิ่มความหรูหรา ช่วยให้เจ้าสาวสวมใส่แล้วมั่นใจ ดูทันสมัย สวยโก้แบบมีดีเทล

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Marriage Studio

ชุดแต่งงานสไตล์เจ้าหญิงกรีกโรมัน โดดเด่นด้วยดีเทลที่มีความอ่อนหวานช่วยให้เจ้าสาวดูละมุนละไม มาพร้อมรูปทรงชุดที่ดูทันสมัยแบบสากล มีความยูนีค และหรูหราสง่างาม

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Marriage Studio

ชุดเจ้าสาวสไตล์เรียบหรู ตัวเสื้อเป็นแบบคอปีนแขนสั้น โดดเด่นด้วยดีเทลการปักมุกไว้บนตัวชุดช่วยให้ลุคเจ้าสาวดูสวยหรู เสริมความอ่อนหวานให้ชุดด้วยกระโปรงทรงบอลกาวน์

ชุดแต่งงาน
ชุดแต่งงาน ร้าน Marriage Studio

ให้อารมณ์โรแมนติกและอ่อนหวานเบาๆ สำหรับชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ ตัวเสื้อเป็นแบบแขนกุดตกแต่งด้วยลูกไม้และงานปักคริสตัลสุดหรู พร้อมดีเทลซีทรูช่วงอกที่ช่วยให้ลุคเจ้าสาวดูหรูหราไม่ซ้ำใคร

ชุดแต่งงาน

น่าจะถูกใจเจ้าสาวสายมินิมอล สำหรับชุดแต่งงานแขนยาวแมตช์กับกระโปรงทวิต เพิ่มความอ่อนหวานด้วยการประดับโบที่ช่วงเอว ให้อารมณ์แบบเจ้าหญิงที่มีความหวานปนความเท่นิดๆ

ชุดแต่งงาน

เจ้าสาวที่ชื่นชอบรายละเอียดของงานปักและงานลูกไม้ต้องตาโต กับชุดเจ้าสาวกระโปรงทรงบอลกาวน์โดดเด่นด้วยชายกระโปรงที่มีความยาวกรุยกรายช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูสง่างามในวันสำคัญ เหมาะกับเจ้าสาวที่นิยมความเรียบหรูและชอบงานดีเทล

ชุดแต่งงาน

ชุดแต่งงานแขนยาวตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ช่วยให้เจ้าสาวดูสวยงามและคลาสสิก หรูหราอลังการด้วยกระโปรงยาวเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่จัดงานในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ที่ต้องสวยเด่นและเป็นจุดสนใจเป็นพิเศษในวันงาน

เครดิตร้าน Marriage Studio ทองหล่อ ซอย9
โทร.02-712-8776-7
ไอจี : @marriagestudio1994
เฟซบุ๊ก : @marriagestudio
เว็บไซต์ : www.marriagestudio.com

พิธีไทยลื่นไหล่ไม่มีสะดุด กับบทเจรจาสู่ขอฉบับสมบูรณ์แบบ

บทเจรจาสู่ขอ ซ้อมไว้ก่อนรับรองไม่มีสะดุด

การที่บ่าวสาวจะลงหลักปักฐานสร้างชีวิตคู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ การเจรจาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้บ่าวสาวได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันได้อย่างถูกต้องตามประเพณี แต่พอถึงช่วงเจรจาสู่ขอพิธีดันสะดุดเพราะผู้ใหญ่ไม่ได้เตรียมบทพูดมาล่วงหน้า แพรว wedding เลยจัด บทเจรจาสู่ขอ ฉบับสมบูรณ์มาให้ผู้ใหญ่ได้ซ้อมกันไว้ก่อน พิธีจะได้ลื่นไหลไม่เสียฤกษ์

เริ่มแรกฝ่ายชายควรจะเข้าไปนัดหมายกับผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงว่า หากจะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายตนมาพบปะพูดคุยกันอย่างเป็นทางการจะสะดวกวันไหน เมื่อฝ่ายหญิงรับรู้ก่อนล่วงหน้าเช่นนี้แล้ว จะได้จัดแต่งบ้านเรือนให้สะอาดเรียบร้อยก่อนวันนัดพบ

ในวันนัด ฝ่ายชายจะเดินทางมายังบ้านของฝ่ายหญิงพร้อมกับผู้ใหญ่ที่เคารพ (บางรายอาจมีเถ้าแก่เป็นตัวแทนเจรจา) ผู้ที่ได้รับเชิญให้เป็นผู้ใหญ่จะกล่าวเจรจาสู่ขอด้วยถ้อยคำไพเราะหวานหู ดังนี้

ผู้ใหญ่ฝ่ายชาย : “ได้ยินมาว่า บ้านนี้มีฟักแฟงแตงเต้าดกงาม ก็ใคร่จะมาขอพันธุ์ไปเพาะปลูกบ้าง ปีนี้ …(ฝ่ายชาย) ก็อายุ …  ปีแล้ว หน้าที่การงานดีและมั่นคง  ที่ผ่านมาเห็นว่ารักและชอบพอกับ … (ฝ่ายหญิง) เห็นว่าทั้งคู่ศึกษาดูใจซึ่งกันและกันมานานพอสมควร กระผม/ดิฉันในฐานะผู้ใหญ่เห็นว่า สมควรแก่เวลา จึงอยากมาทาบทามสู่ขอให้ครอบครัวทั้งสองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ไม่ทราบว่าทางฝ่ายนี้จะเห็นดีเห็นงามหรือไม่ครับ/คะ”

ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง : “หากผู้ใหญ่ฝ่ายชายเห็นสมควร กระผม/ดิฉันก็คงไม่ขัดข้องแต่ประการใดครับ/ค่ะ ยินดียกลูกสาวให้อยู่ในความดูแล”

บทเจรจาสู่ขอเบื้องต้น เราได้อ้างอิงมาจากคำพูดของผู้หลักผู้ใหญ่ในสมัยก่อน สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามยุคสมัยและตามสไตล์ของเถ้าแก่ เมื่อจบบทเจรจาก็จะเป็นการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ดูฤกษ์ ฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายจัดการงานพิธีต่างๆ เพื่อนำไปสู่การดำเนินงานตามประเพณีต่อไป

อ่านเพิ่มเติม สร้างบรรยากาศด้วยลิสต์เพลงไทยที่ต้องมีไว้ในงานแต่งงาน

ภาพจากงานแต่งคุณเอม & คุณก้อง ถ่ายภาพโดย Mcsiri : Photography 

ทิปส์ นอนหลับยังไงให้สนิท เพื่อสุขภาพและความสวยของ เจ้าสาว ก่อนวันวิวาห์

ยิ่งใกล้วันแต่งงาน เจ้าสาว หลายคนจะยิ่งเครียด ทั้งวิตกกังวลไปต่างๆนานา กลัวนั่นกลัวนี่ จนพาลนอนไม่หลับ หรือถ้าหลับก็ หลับๆตื่นๆ พอถึงตอนเช้าก็รู้สึกเพลียเพราะนอนหลับไม่เต็มอิ่ม พาลทำให้รู้สึกว่าสมองช้า ไม่มีสมาธิ ระหว่างวันก็รู้สึกเหนื่อยเพลียตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นผิวพรรณก็ไม่ดูไม่สดชื่น แต่งหน้าไม่ติด แถมใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอีกต่างหาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปสกินแคร์หรือเมกอัพแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ เราก็เลยมาแนะนำวิธีที่ช่วยให้ว่าที่เจ้าสาวนอนหลับง่ายขึ้น หลับลึกขึ้น (ซึ่งวิธีนี้เจ้าบ่าวเอาไปใช้ด้วยก็ได้นะ) เพื่อให้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น สดใส ในตอนเช้า ทำเป็นประจำให้สุขภาพแข็งแรงและผิวพรรณเปล่งปลั่งในวันวิวาห์ค่ะ

เจ้าสาว

งดดูหน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทีวี แล็ปท็อป แท็ปเล็ต และสมาร์ทโฟน เพราะมีผลวิจัยออกมาแล้วว่าการดูหน้าจอเหล่านี้ก่อนนอนเสมือนเป็นการสั่งงานให้สมองยังอยู่ในโหมดพร้อมทำงานอย่างต่อเนื่อง แสงจากหน้าจอเหล่านี้ยังไปรบกวนสมองทำให้เราไม่รู้สึกง่วงนอน ทางที่ดีผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรอยู่ห่างจากหน้าจอเหล่านี้อย่างน้อย 1 ชม. ก่อนนอนค่ะ

งดอาหารว่างก่อนนอน รู้นะ สาวๆหลายคนชอบหิวยามดึกและคุ้ยตู้เย็นหาของกินเล่นก่อนนอน แต่ทันทีที่เรากินเข้าไป กระเพาะและลำไส้จะเริ่มการทำงาน ซึ่งส่งผลให้เราไม่ง่วงนอน ทางที่ดีก่อนนอนอย่างน้อย 3 .. งดทานอาหารทุกชนิด ยกเว้นการดื่มชาแบบไร้คาเฟอีนเพื่อให้เรารู้สึกผ่อนคลายอย่างชาสมุนไพรต่างๆค่ะ

ใช้เสียงเพลงช่วย มีงานวิจัยออกมาเช่นกันว่าเสียงเพลงที่ถูกประเภทช่วยให้เรารู้สึกง่วงและหลับลึกขึ้นได้ เพราะเสียงเพลงเหล่านี้ช่วยปรับการเต้นของหัวใจ มีผลต่อคลื่นสมองและแพทเทิร์นของการนอนหลับ อย่างเว็บไซด์นี้ของ Sync Project ที่รวบรวมเสียงเพลงเพื่อช่วยการนอนหลับไว้ค่ะ

นอนหลับในที่มืดสนิท เพราะแสงไฟมีผลต่อสมองของเราในยามหลับเช่นกัน เราจึงควรนอนหลับในห้องที่มืดสนิทเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบอกสมองของเราว่าเราพร้อมจะนอนหลับอย่างต่อเนื่อง ผ้าปิดตาสำหรับเวลานอนช่วยคุณได้ค่ะ

ปรับพฤติกรรมก่อนนอนให้เป็นแพทเทิร์น การทำอะไรซ้ำๆกันก่อนนอนทุกวัน เป็นเสมือนการสั่งการสมองของเราว่าเราพร้อมจะนอนละนะ เพื่อให้สมองหลั่งสารที่ทำให้ร่างกายรู้สึกง่วงออกมา เราจึงควรมีอะไรทำก่อนนอนที่ทำได้ทุกวัน เช่น สวดมนต์ก่อนนอน หรือ อ่านหนังสือก่อนนอน เป็นต้น

ปรับอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิห้องที่เหมาะสมกับการนอนหลับที่ดีอยู่ระหว่าง 18 ถึง 24 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณชอบตื่นนอนกลางดึกแล้วรู้สึกร้อน เหงื่อออก หรือหนาวเกินไป ลองเช็คอากาศในห้องนอนและปรับอุณหภูมิให้ถูกต้อง รวมทั้งเช็คด้วยว่าชุดนอนและผ้าห่มอของเราไม่หนาหรือบางเกินไปค่ะ

ใช้กลิ่นช่วย มีงานวิจัยออกมาเช่นกันว่ากลิ่นที่ช่วยให้สมองรู้สึกสงบอย่างลาเวนเดอร์ มีผลต่อความรู้สึกง่วงนอน ผลิตภัณฑ์หลายยี่ห้อจึงทำสเปรย์ฉีดหมอนและเทียนหอมที่ใช้กลิ่นช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและง่วงนอนง่ายขึ้น ลองซื้อมาใช้กันดูนะ

อ่านจบแล้วรู้สึกง่วงขึ้นมาหรือยังคะ อย่าลืมปิดหน้าจอทุกชนิดก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 .. นะคะ ปรนนิบัติตัวเองด้วยการนอนอย่างมีคุณภาพแล้ว อย่าลืมมาส์กบำรุงผิวหน้าก่อนนอน ด้วยมาส์กเหล่านี้ ที่ช่วยให้ผิวของว่าที่เจ้าสาวทั้งสวยและเปล่งปลั่งในวันแต่งงานค่ะ

Credit Story: vogue.co.uk

ผดผื่นจากการสวมแหวนแต่งงาน อาการที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม

แหวนแต่งงาน คือคำสัญญาและสัญลักษณ์ความเป็นสามีภรรยาของคู่รัก ซึ่งแน่นอนว่า คุณทั้งคู่จะต้องสวมแหวนวงนี้ติดนิ้วไว้ทุกวันและเกือบจะตลอดเวลา แต่คุณเป็นหรือไม่? ที่อยู่ๆ ก็เกิดผดผื่นบริเวณที่สวม แหวนแต่งงาน หากเป็นล่ะก็ ขั้นแรกให้คุณถอด แหวนแต่งงาน ออกจากนิ้วก่อนเป็นอันดับแรก แล้วทาขี้ผึ้งหรือคอร์ติโซนบริเวณที่เป็นผดผื่น จากนั้นก็มาหาสาเหตุกันว่า อาการระคายเคืองนั้นเกิดจากอะไร เพื่อที่จะได้หาทางแก้ไขและป้องกันได้อย่างถูกต้อง

  • โรคภูมิแพ้เครื่องประดับ

อาการผดผื่นที่เกิดขึ้นรอบนิ้วมือบริเวณที่สวมแหวน อาจเกิดจากการแพ้นิกเกิลซึ่งเป็นวัสดุของตัวเรือนแหวนแต่งงานก็ได้ ซึ่งจะเกิดเป็นผื่นแดง หรือเป็นผื่นแบบตกสะเก็ด ทางป้องกันขั้นแรกคือ งดการสวมเครื่องประดับที่ทำมาจากนิกเกิล ซึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเครื่องประดับที่ทำจากเงิน, ทอง หรือแม้แต่แพลตตินั่มคือ ตัวเรือนเหล่านี้อาจมีนิกเกิลผสมอยู่ (ไม่มากก็น้อย) ซึ่งน้ำหนักของเครื่องประดับจะเป็นตัวกำหนดโลหะบริสุทธิ์ที่ใช้ทำเครื่องประดับ เช่น แหวนทองคำน้ำหนัก 24 กะรัต จะเป็นทองแท้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 0.01 เปอร์เซ็นต์อาจเป็นโลหะผสมนิกเกิล หรืออาจจะเป็นเงิน, ทองแดง หรือโรเดียมก็ได้ ซึ่งแพลตตินั่มนั้นได้รับการการันตีว่าเป็นแร่ที่ทำให้เกิดอาการแพ้น้อยที่สุด แต่ในแหวนแต่งงานหรือเครื่องประดับบางชิ้นที่ทำมาจากแพลตตินั่มก็อาจจะมีนิกเกิลผสมอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์

วิธีรักษา : ยาแก้ภูมิแพ้

หากคุณกำลังสงสัยว่าอาการแพ้นั้นเกิดขึ้นจากการแพ้นิกเกิลในเครื่องประดับหรือไม่ อาจลองนำแหวนแต่งงานไปให้ช่างที่ร้านเครื่องประดับลองทดสอบดูว่าแหวนแต่งงานของคุณนั้นมีนิกเกิลเป็นส่วนผสมหรือไม่ ซึ่งอาจจะพบว่าแหวนแต่งงานที่สวมใส่มานานนั้นเกิดการสึกกร่อน และเกิดการผสมกันระหว่างนิกเกิลกับเงิน, ทองคำ หรือแพลตตินั่ม ซึ่งช่างจะทำการเคลือบแหวนแต่งงานของคุณใหม่ด้วยโรเดียม หรือแพลตตินั่มเพื่อป้องกันนิ้วของคุณจากการแพ้นิกเกิล ทำให้สามารถกลับมาสวมแหวนแต่งงานได้อีกครั้ง พร้อมความเงางามของตัวเรือนที่ได้รับการเคลือบใหม่ให้วิ้งกว่าเดิม แต่วิธีแก้ไขแบบชั่วคราวและเร็วที่สุดอีกทางคือ การทายาทาเล็บไว้ด้านในตัวเรือนเพื่อลดอาการแพ้แบบชั่วคราว แต่อย่าลืมเลือกเป็นยาทาเล็บแบบสีใสนะ

  • เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน

บางครั้งอาการผดผื่นจากการสวมแหวนแต่งงานก็ไม่ได้เกิดจากการแพ้ตัวแหวนเสมอไป แต่เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตันอยู่ภายใต้แหวนแต่งงาน ซึ่งผื่นประเภทนี้พบได้บ่อยที่สุดจากการสวมแหวนแต่งงานมานานและไม่ค่อยถอดแหวนแต่งงานออก เลยทำให้มีสิ่งสกปรกติดค้างอยู่ภายใต้ผิวหนังบริเวณที่สวมแหวน จนทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ซึ่งมักเกิดจากคราบสบู่จากการอาบน้ำหรือเวลาล้างมือนั่นเอง หรือบางครั้งอาจเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งหรือหนาวเกินไป จนทำให้แหวนแต่งงานเสียดสีกับผิวหนังจนเกิดการระคายเคือง

วิธีรักษา : อาการผดผื่นที่เกิดจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน

วิธีรักษาอาการผดผื่นตันจากสิ่งสกปรกที่สั่งสมและอุดตัน ก่อนอื่นคุณต้องถอดแหวนทุกครั้งก่อนล้างมือ และเช็ดมือให้แห้งสนิทก่อนสวมแหวนทุกครั้ง (หากล้างมือในที่สาธารณะอย่าลืมแหวนนะ!!) แต่ถ้าหากทำแล้วยังไม่ได้ผล หลังล้างมือและเช็ดให้แห้งแล้ว ให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์รอบๆ นิ้วมือของคุณทุกครั้งหลังล้างมือเสร็จ เพราะเซราไมด์มีไขมันที่จะช่วยป้องกันและเคลือบผิวหนังชั้นนอกของคุณเอาไว้ ช่วยให้ผิวของคุณดีขึ้น และขอแนะนำให้คุณหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดเครื่องประดับเพื่อทำความสะอาดแหวนแต่งงานที่มีสิ่งอุดตันจากน้ำหรือสบู่ให้สะอาดมากขึ้น แต่อย่าลืมสอบถามวิธีการใช้ และดูว่าเหมาะสมสามารถใช้กับเครื่องประดับของคุณได้หรือไม่ด้วยนะ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก livestrong.com
ภาพ stocksnap.io, pinterest

6 เรื่องพลาดพึงระวังหลังใช้ชุดแต่งงานเสร็จ

หลังจากผ่านวันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นวันในความทรงจำของสาวๆ แล้ว เราพบว่ามีเจ้าสาวหลายนางที่ละเลยเรื่องการดูแล ชุดแต่งงาน หลังการใช้งานไปซะสนิท ซึ่งเรื่องนี้อาจไม่เป็นประเด็นเท่าไหร่ หากชุดเจ้าสาวไม่เจอกับคราบไวน์หรือเก็บรักษาแล้วสภาพยังคงเดิม หรือแม้แต่คุณไม่ได้ต้องการนำชุดนี้ส่งต่อให้ลูกหลานในอนาคต แต่ถ้าปัญหาที่ว่าเกิดขึ้นมาละ คุณจะทำอย่างไร วันนี้เราจึงประมวล 6 เรื่องพลาดที่เจ้าสาวทำหลังใช้ชุดเจ้าสาวเสร็จแล้วมาฝากกัน

เรื่องพลาดอันดับที่ 1 : ชุดแต่งงานเลอะ แต่ไม่รีบทำความสะอาด

ความพลาดแรกที่เจ้าสาวทั้งหลายทำกันมากที่สุดคือ เวลาที่ชุดแต่งงานเกิดรอยเปื้อนก็ไม่ค่อยสน เอาแต่มุ่งหน้าแต่จะปาร์ตี้หรือรีบเดินเข้างาน ผลที่ตามมาคือ รอยเปื้อนที่ว่าฝังลึกจนยากจะทำความสะอาดออกจนหมดคราบ ฉะนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าชุดเจ้าสาวเกิดเปื้อนขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้รีบทำความสะอาดโดยด่วน อย่าทิ้งหรือรอนานเด็ดขาด เพราะยิ่งทิ้งไว้นานวันเท่าไหร่ คราบสกปรกที่ว่าก็จะยิ่งซักออกได้ยากตามไปด้วย

เรื่องพลาดอันดับที่ 2 : เลือกวิธีทำความสะอาดผิดๆ

เจ้าสาวบางนางกระตือรือร้นที่จะทำความสะอาดชุดที่เปื้อน แต่ดันไปหาข้อมูลมาผิด ทำให้การขจัดคราบเปื้อนกลายเป็นเพิ่มคราบซะอย่างนั้น ซึ่งที่เราเจอบ่อยๆ คือ เจ้าสาวหลายคนพยายามใช้โซดามากำจัดคราบ โดยลืมมองไปว่า เนื้อผ้าที่ใช้ในการตัดเย็บแต่ละชุดแต่ละแบบไม่เหมือนกัน และการที่ใช้โซดาอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้โดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นสิ่งที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการขจัดคราบสิ่งสกปรกคือ ใช้น้ำเปล่าล้างคราบและใช้ทิชชูค่อยๆ ซับคราบออกไป

เรื่องพลาดอันดับที่ 3 : ส่งชุดไปซัก แต่เลือกผิดร้าน

หากจะทำความสะอาดด้วยตัวเองนั้นอาจจะลำบากหรือเสียเวลา เจ้าสาวบางคนก็เลยส่งชุดไปซักแห้งที่ร้าน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องค่ะ แต่ความพลาดก็คือ ลืมเลือกร้านที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางการซักแห้งชุดเจ้าสาว แต่ส่งไปร้านซักแห้งทั่วไปที่ไม่มีความเข้าใจในเนื้อผ้าและโครงสร้างของชุดเจ้าสาว ทีนี้เกิดอะไรขึ้นใช่ไหมคะ ชุดก็เละสิคะ แม้คราบสกปรกจะหลุดออกไป แต่สภาพชุดนี่ไม่รับประกันนะคะ

wedding dress mistake

เรื่องพลาดอันดับที่ 4 : เก็บชุดไว้ในถุงเสื้อพลาสติกคือผิด!!

รู้ไว้เลยนะคะว่า ชุดแต่งงานที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าพลาสติกนานเกินไปนั้นไม่ใช่เรื่องดี เพราะทำให้ชุดขาวสะอาดตานั้นแปรเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเหลืองได้ เพราะด้วยอากาศในถุงพลาสติกไม่ถ่ายเท บวกกับความร้อนและแสงที่จะเข้ามาทำปฎิกริยากับเนื้อผ้า ทำให้ชุดแต่งงานแสนสวยของคุณไม่สวยเหมือนที่เคยใส่ในวันแต่งงาน ทางที่ดี ควรนำชุดเจ้าสาวเก็บใส่กล่องชุดเจ้าสาวโดยเฉพาะนะคะ

เรื่องพลาดอันดับที่ 5 : แขวนไว้เหมือนชุดทั่วไปไม่ได้นะ

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ชุดแต่งงานจะมีทั้งแบบที่มีแขนและเกาะอก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทางร้านมักจะทำริบบิ้นแนบติดมากับตะเข็บด้านข้าง ด้วยเหตุผลว่า คุณจะได้ไม่ต้องแขวนชุดกับไม้โดยตรง เพราะนั่นมีสิทธิ์ทำให้ผ้าตรงบริเวณไม้แขวนเกิดอาการย้วยได้ หรือบางที ลูกไม้ที่สวยๆ ก็เปลี่ยนรูปไปเลยก็มี ดังนั้นหากจะแขวนชุดเจ้าสาวกับไม้แขวนเมื่อไหร่ ต้องระวังให้ดี ถ้ามีริบบิ้นติดมาให้จงใช้ ถ้าไม่มีก็ต้องเลือกไม้แขวนที่ช่วงไหล่พอดีกับความยาวของไม้ และที่สำคัญสามารถรับน้ำหนักชุดได้ เพราะไม่เช่นนั้น น้ำหนักของชุดจะหน่วง ทีนี้ก็ย้วยไม่ต่างกัน นอกจากนี้เมื่อแขวนแล้วควรเปิดปิดตู้เสื้อผ้าตรวจดูบ้างให้แสงเข้าชุดจะได้ไม่เกิดการอับชื้นจนขึ้นรา

เรื่องพลาดอันดับที่ 6 : อย่าได้เก็บชุดเจ้าสาวไว้ในห้องเก็บของเด็ดขาด

ห้องเก็บของ ห้องใต้หลังคาหรือห้องใต้ดินจะมีอุณหภูมิภายในห้องที่ไม่เหมาะกับเนื้อผ้าที่นำมาตัดเป็นชุดเจ้าสาวทุกชนิด เพราะมีความร้อนสลับความชื้นตลอดทั้งวัน โดยเจ้าความร้อนที่เกิด จะส่งผลให้เส้นใยเนื้อผ้าของชุดแต่งงานเกิดแห้ง ชุดสวยก็พาลจะเสียรูปทรง ส่วนความชื้นที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลากลางคืนผสานพลังกับความอับ ทำให้เกิดราและคราบไม่พึงประสงค์โดยไม่รู้ตัว ถ้าคุณยังคิดภาพตามไม่ออก ลองนึกถึงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่เก็บเข้าตู้นานๆ พอหยิบออกมากลับเจอรอยเหลืองๆ ทั้งที่ไม่เคยเอาออกมาใส่เลยสักครั้ง ซึ่งคราบที่ว่าก็ประมาณเดียวกันนั่นแหละค่ะ

อ่านครบทั้ง 6 ความพลาดเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมปฎิบัติตามด้วยนะคะ นอกจากนี้ถ้าเกิดเหตุอื่นๆ กับชุดเจ้าสาวแสนสวยก็อย่าได้ตกใจไปนะคะ

ภาพ : weddingsite.co.uk, callandercleaners.com, spring.st

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

บ่าวสาวห้ามลืม! 24 อุปกรณ์จำเป็นต้องเตรียมไว้ในงานแต่ง

ใน งานแต่ง งานมักมีเหตุไม่คาดฝันให้เจ้าสาวได้หวาดเสียวและลุ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นอยู่ๆ ชุดก็ขาด ตะเข็บรัน บางนางผมก็พันกับต่างหู สารพัดเหตุที่เจ้าสาวรอดตายแน่นอนถ้ามี อุปกรณ์ช่วยชีวิต ดังต่อไปนี้

1. กันกัด อุปกรณ์สามัญที่เจ้าสาวต้องมีติดรองเท้า ไม่อย่างนั้นจะทรมานมากนะถ้าต้องยืนทั้งวันด้วยรองเท้าที่กัดส้นเท้าเราตลอดเวลา และควรมีมากกว่า 1 คู่ เพราะหากว่าเดินมาครึ่งวันแล้วเกิดหลุดหายไปจะได้มีอันใหม่ติดทันที

2. ยาเคลือบเล็บ สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้ให้เคลือบเล็บในวันแต่งงานนะ แต่เผื่อไว้ซ่อมชุดที่อาจขาดเป็นรูเล็กๆ และสำหรับทาถุงน่องในยามที่ไปเกี่ยวกับอะไรและเกิดอาการถุงน่องรัน

3. กล่องเข็มด้าย เจ้านี่มีไว้ซ่อมชุดในเหตุที่ยาเคลือบเล็บเอาไม่อยู่แล้ว จำเป็นที่ต้องมีการเย็บตรึงแน่น

4. เข็มกลัดซ่อนปลาย เป็นสิ่งเล็กๆ ที่จำเป็นมาก และเหมือนมีอาถรรพ์ไม่พกก็ไม่ต้องใช้ แต่ถ้าห่างกายเมื่อไหร่มีเหตุให้ต้องใช้ทุกที เพราะงั้นพกไว้เถอะมันเล็กนิดเดียวไม่เกะกะหรอก

5. กระดาษซับมัน แม้จะเป็นเจ้าสาวลุคฉ่ำวาวโคเรียลสไตล์ แต่ก็คงไม่อยากอัพเกรดให้กลายเป็นมันย่อง เพราะฉะนั้นจงพกไว้กับตัวและแอบซับเงียบๆ ทางที่ดีเลือกแบบแผ่นฟิล์มเคลือบแป้งเพื่อความผ่องของใบหน้า

6. ผ้าอนามัย อ่ะ ห้ามหัวเราะเด็ดขาด บางคนที่มาเป๊ะๆคำนวณแล้วอาจจะละเลยไม่พกก็ได้ แต่ถ้าเจ้าสาวที่มาไม่แน่นอนก็พกไว้เผื่อฉุกเฉินสบายใจกว่าเนอะ

7. กาวสารพัดแปะ ต้องพกไว้เผื่อฉุกเฉินต้องใช้หากมีอะไรพังเสียหาย ถ้าไม่ต้องใช้ก็ดีไป แต่ถ้าจำเป็นเนี่ยจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นซื้อหา

8. ไหมขัดฟัน เจ้าสาวต้องยิ้มตลอดเว เพราะฉะนั้นจะยอมให้วิญญาณหมู วิญญาณปลา มาบดบังความสดใสของรอยยิ้มไม่ได้เด็ดขาด ต้องจัดการเอาออกให้หมด

9. น้ำยาบ้วนปาก หลังแอบแว่บไปทานข้าวแล้ว ล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก นอกจากจะขจัดกลิ่นปากแล้วยังช่วยขจัดซากอารยธรรมในปากได้

10. ลูกอมดับกลิ่นปาก เจ้าสาวต้องพูดต้องคุยกับแขกในงาน จะยอมให้มีกลิ่นปากไม่ได้เด็ดขาด

11. กระจก เพื่อเช็คความสวยเป๊ะเพอร์เฟ็คตลอดงาน

12. คอตตอนบัด ไม่ให้ทำความสะอาดช่องหูกลางงานแต่งนะคะ แต่ว่าสำหรับเช็ดอะไรในซอกเล็กๆ ทั้งข้าวของเครื่องใช้และส่วนต่างๆของร่างกาย อย่างซอกฟันไง

13. ชุดปฐมพยาบาล ในยามฉุกเฉินเจ้าสาวสายโก๊ะอาจหกล้ม ชนขอบโต๊ะ ขอบเก้าอี้ อาจมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ  จะได้หยิบฉวยมาทำแผลได้ทันท่วงที

14. ยาแก้แพ้ แก้หวัด เป็นเจ้าสาวจะให้มายืดสูดน้ำมูกกลางงานได้งั้น ถ้าเริ่มมีอาการปุบก็จัดการซัดยาได้เลย แต่ขอเตือนว่าอย่าเลือกแบบกินแล้วง่วงเด็ดขาด เพราะไม่อย่างงั้นคุณอาจอยู่ไม่จบปาร์ตี้ได้

15. ยาแก้ปวด ยาสามัญประจำตัวที่ต้องพก โดยเฉพาะเจ้าสาวที่มักมีอาการเมาคน ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเป็นเจ้าสาวสดใส ได้กลายเป็นไก่หงอยแน่ๆ

16. น้ำตาเทียม การต้องเจอแสงไฟ แสงแฟลชทั้งวันจะทำให้ตาแห้งจนเกิดอาการ ตาพร่า แสบตาได้ และโดยเฉพาะเจ้าสาวที่ต้องพึ่งคอนแท็กเลนส์ การหยอดน้ำตาเทียมจะทำให้อาการเหล่านี้ดีขึ้น ที่สำคัญทำให้ดวงตาเปล่งประกายได้มากขึ้นก็ถ่ายรูปสวยขึ้นด้วยนะ

17. กิ๊ฟดำ ก็เผื่อว่าผมหลุดร่วง เจ้าสาวจะได้ซ่อมได้ด้วยตัวเอง

18. สเปรย์ฉีดผม ก็ในกรณีที่กิ๊ฟดำเอาไม่อยู่ เจ้าสาวจะได้ควักสเปรย์ฉีดผมขึ้นมาจัดการชีวิตได้ด้วยตนเองและมวลหมู่เพื่อนสาว เพราะช่างผมที่จ้างมาไม่ได้อยู่ยั้งยืนยงจนจบงานนะ พูดเลย

19. แป้นต่างหู ห้ามมองข้ามเด็ดขาด บางทีผมอาจจะไปพันจนทำให้แป้นต่างหูหลุดร่วง และก่อนที่ต่างหูจะร่วงหายไปก็จัดใช้แป้นสำรองเนี่ยล่ะกู้ชีพ

20. ทิชชู่เปียก สำหรับเช็ดไม้เช็ดมือ เช็ดเนื้อตัวระหว่างวัน นอกจากจะทำให้รู้สึกสะอาด ยังทำให้รู้สึกสดชื่นได้ด้วย

21. ทิชชู่ อันเนี้ยสำคัญไม่ว่าจะเป็นเจ้าสาวหรือไม่ก็ต้องมีติดกระเป๋าล่ะเนอะ

22. เจลล้างมือ ล้างมือได้ในกรณีฉุกเฉิน ปลีกตัวเข้าห้องน้ำไม่ได้ เลือกแบบไม่ต้องล้างออกด้วยนะ ชีวิตจะง่ายขึ้นเยอะ

23. ไฟแช็ค เผื่อไว้ยามที่ริบบิ้นมันหลุดลุ่ยก็ใช้ไฟแช็คเนี่ยล่ะรนเก็บชาย

24. ธัญพืชบาร์ บ่าวสาวมักจะวุ่นวายจนลืมกินอาหาร ก็พกเจ้านี่ กินง่าย กินไว เติมพลังให้กับวันพิเศษ

ดูเหมือนว่าต้องพกเยอะ แต่ความจริงแล้วก็เป็นของชิ้นเล็กๆ และสำคัญทั้งนั้น ลองหากระเป๋าเล็กๆ มาใส่ของพกไว้กับตัวดูสิ หรือจะฝากเพื่อนเจ้าสาวถือไว้ก็ไม่น่าเกลียดนะ ไม่อย่างนั้นเกิดฉุกเฉินต้องใช้แต่ไม่มีคงทำให้เสียอารมณ์น่าดู

ขอบคุณภาพจาก heavy.com

ประหยัดงบตกแต่งงานแต่งง่ายๆ กับเคล็บลับการ re-use ดอกไม้มาใช้ใหม่

มีหลายวิธีที่จะทำให้งานแต่งงานของบ่าวสาวโดดเด่น ซึ่งการ ตกแต่งงานแต่ง ก็ดูเหมือนจะเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความประทับใจและช่วยให้งานแต่งของบ่าวสาวดูโดดเด้งโดดเด่นเป็นพิเศษแก่สายตาของแขกที่มาร่วมงาน เพราะแขกจะได้เห็นความสวยงามของการตกแต่งและบรรยากาศของงานที่บ่าวสาวจะมาถึงงานเสียอีก

ซึ่งการตกแต่งงานสำหรับบ่าวสาวบางคู่ก็อาจจะยอมทุ่มแบบไม่อั้น ก็แหม แต่งครั้งเดียวก็ต้องเต็มที่ แต่สำหรับบางคู่ที่คิดเยอะมากกว่านั้น เพราะรู้สึกสิ้นเปลือง เพราะทุกอย่างถูกใช้งานเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าไหม หากบ่าวสาวสามารถ re-use บางอย่างนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับคู่ที่จัดพิธีแต่งงานไทย และพิธีฉลองในวันเดียวกัน โดยใช้สถานที่เดียวกัน ก็จะทำให้การ re-use ที่ว่านั้นมีความเป็นไปได้และง่ายกว่าเดิม

แต่สิ่งสำคัญก่อนที่บ่าวสาวคิดว่าจะใช้แผนนี้เพื่อการประหยัดงบ อย่าลืมแจ้งนักจัดดอกไม้ เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือผู้จัดงานไว้ล่วงหน้า ว่าคุณอยากที่จะ re-use อะไรมาใช้ใหม่บ้าง เพื่อที่ผู้เชี่ยวชาญจะได้จัดการเรื่องต่างๆ เช่น การออกแบบ การเลือกดอกไม้ หรือการปรับพื้นที่ ให้เข้ากับแผนที่บ่าวสาววางไว้ เพื่อที่ทั้งงานเช้าและงานเย็นจะได้ออกมาดูดีเพอร์เฟ็กต์แบบไร้ที่ติ

และนี่คือการตกแต่งงานที่บ่าวสาวสามารถปรับเปลี่ยนจากงานเช้าสู่งานเย็นได้ เพื่อความสบายกระเป๋า

แบ็คดร็อปในช่วงเช้า สู่เซ็นเตอร์พีชในตอนเย็น

ถึงแม้ในตอนเช้าที่บ่าวสาวจะจัดพิธีแต่งงานแบบไทยแท้หรือไทยประยุกต์ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ดอกไม้ ที่ใช้ตกแต่ง ซึ่งอาจจะมีทั้งดอกไม้ไทยและดอกไม้ฝรั่งผสมกันไป ซึ่งพอเสร็จจากพิธีไทยในช่วงเช้า แทนที่บ่าวสาวจะทิ้งดอกไม้ทั้งหมด อาจจะเลือกบางส่วนนำมาใช้สำหรับพิธีฉลองในช่วงเย็นได้ เช่น นำมาใช้ตกแต่งโต๊ะลงทะเบียน หรือเซ็นเตอร์พีชบนโต๊ะอาหาร เป็นต้น เท่านี้ก็ไม่ต้องทิ้งดอกไม้ แถมไม่ต้องสั่งดอกไม้ใหม่มาเพิ่มให้เสียตังค์อีกด้วย

TIP : อย่าลืมแจ้งกับนักจัดดอกไม้ เวดดิ้งแพลนเนอร์ หรือผู้จัดงานว่า คุณอยากจะนำดอกไม้บางส่วนในช่วงเช้ามาใช้ในงานฉลองตอนเย็นด้วย เพื่อที่เขาจะได้เลือกดอกไม้ที่มีความคงทน ไม่เหี่ยวง่าย และเตรียมการจัดเก็บไว้เพื่อไม่ให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา

ดอกไม้ในตอนเช้า สู่ดอกไม้เพื่อนเจ้าสาวในงานเย็น

แก๊งเพือนเจ้าสาวนอกจากจะต้องแต่งตัวสวยๆ ให้เข้าธีมกันแล้ว บางแก๊งอาจจะต้องการพร็อบเล็กๆ น้อยๆ ไว้ถือตอนเข้างาน และสิ่งที่จะเหมาะสมคู่ควรก็น่าจะเป็น ช่อดอกไม้เล็กๆ น่ารักๆ คนละช่อ และแน่นอนค่ะว่าต้องไม้ช่อนั้นไม่ต้องไปซื้อหาให้เสียเวลา สาวๆ แค่เตรียมริบบิ้นสีสวยไว้ แล้วเลือกดอกไม้ดอกที่ยังสวยสดใสแล้วนำมารวบไว้ให้เป็นช่อแล้วผูกด้วยริบบิ้น เท่านี้ก็ได้ช่อดอกไม้ไว้ถือในตอนเย็นแล้ว

TIP : เลือกดอกไม้ที่ยังมีก้านยาวเหลือพอให้ถือและผูกริบบิ้นได้ แล้วอย่าลืมแช่น้ำไว้ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเกิดดอกไม้เฉาก่อนถึงงานตอนเย็น ก็แย่เลย

 

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pixabay.com

เคล็ดลับเปลือย เล็บเจ้าสาว ยังไงให้สวยปิ๊งแบบไม่ต้องง้อยาทาเล็บ!

ว่าที่เจ้าสาวคนไหนอยากโชว์ เล็บเจ้าสาว แบบเปลือยไร้ยาทาเล็บแบบเล็บสุขภาพดี คลิกแล้วทำตามเคล็ดลับต่อไปนี้เลยด่วนๆ เลย

จะเป็นเจ้าสาวทั้งที เหล่าว่าที่เจ้าสาวก็เสิร์ชหาแบบ เล็บเจ้าสาว พร้อมโทรนัดซาลอนทำเล็บกันรัวๆ แต่รู้ไหมคะว่าเทรนด์แฟชั่นเจ้าสาวจากเมืองนอกในตอนนี้ เค้าเริ่มเน้นเรียวเล็บเปลือยเปล่าตามธรรมชาติ แบบ Back to Basic กันแล้ว เพราะเรียวเล็บสวยงามแบบเนเชอรัลนี่แหละ ช่วยส่งให้แหวนแต่งานของเรายิ่งดูโดดเด่นค่ะ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากโชว์เรียวเล็บสวยงามแข็งแรงแบบเนเชอรัลไม่พึ่งยาทาเล็บ มาดูกันค่ะว่าเราต้องเตรียมผิวมือผิวเล็บเรายังไงบ้าง!

เล็บเจ้าสาว

 

1.ก่อนอื่นเลยต้องบำรุงจากภายใน
วิตามินเฮช (Vitamin H) หรือไบโอติน ช่วยส่งเสริมให้เรียวเล็บเกิดใหม่ของเราแข็งแรงขึ้น มีวารสารทางการแพทย์ “Journal of the American Academy of Dermatology” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1999 ระบุว่าในการศึกษาเบื้องต้นนั้นไบโอตินสามารถช่วยเพิ่มความหนาและลดการแตกหักของเล็บได้ นอกจากช่วยเรื่องเล็บแล้ว ไบโอตินยังช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงขึ้นได้ด้วยค่ะ

2. รู้หรือไม่ เราไม่ควรล้างมือบ่อยๆ!
สาวๆหลายคนเข้าใจว่าอยากให้มือสะอาดก็ต้องล้างมือบ่อยๆสิ! แต่ผิดค่ะ! การล้างมือบ่อยๆ ยิ่งทำให้ผิวมือสูญเสียความชุ่มชื่น และยิ่งถ้าล้างบ่อยเกินไปกับสบู่ล้างมือที่ไม่อ่อนโยนละก็ แบคทีเรียชนิดดีบนผิวมือจะเสียสมดุล จนกลายเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า Eczema ได้นะคะ และนี่ยังเหมารวมถึงการใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ หรือ Hand Sinitizer ที่บ่อยเกินไปไม่ดีเหมือนกันนะ

เล็บเจ้าสาว

3. ผิวมือก็ต้องการครีมกันแดดนะจ๊ะ
อย่าใส่ใจแต่ครีมกันแดดผิวหน้า เพราะผิวมือของเรานี่แหละที่ต้องเผชิญแสงแดดไม่แพ้ใบหน้าเลย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนขับรถ!) เพราะฉะนั้นการลงทุนกับครีมกันแดดสำหรับผิวกายดีๆซักชิ้นเป็นสิ่งที่ควรทำ (เลือกที่ SPF ไม่ต่ำกว่า 30 และมี PA++++ อย่างน้อย) ทาทั่วผิวมือเป็นประจำก่อนออกจากบ้านทุกวันด้วยละคะ

4. ทานน้ำเยอะๆ แฮนด์ครีมอย่าได้พร่อง
ผิวมือก็เหมือนผิวกายคือต้องการความชุ่มชื่นเพื่อให้ดูเต่งตึงอิ่มน้ำ การใช้แฮนด์ครีมเนื้อชุ่มชื่นช่วยบำรุงผิวมือระหว่างวัน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่นั่งทำงานในห้องแอร์ที่อากาศแห้ง เป็นสิ่งจำเป็นนะคะ แถมแฮนด์ครีมตอนนี้ยังมาพร้อมกลิ่นหอมน่าใช้ทั้งนั้น ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายตอนใช้ได้อีกด้วยนะ

เล็บเจ้าสาว

5. บำรุงจมูกเล็บด้วยออยล์
อยู่บ้านว่างๆ ก็บำรุงจมูกเล็บด้วยออยล์ที่หาซื้อได้ง่ายอย่างน้ำมันมะพร้าว (แนะนำแบบสกัดเย็น) หรือน้ำมันมะกอก ใช้เล็กน้อย นวดๆวนๆ บริเวณจมูกเล็บให้ครบทุกนิ้ว ทำเป็นประจำได้ทุกวัน ช่วยให้หนังบริเวณจมูกเล็บอ่อนลง สารอาหารเข้าไปสู่รากเล็บได้ง่าย เล็บของเราจะแข็งแรงและเงางามขึ้นตามธรรมชาติเลยละค่ะ

6. ลงทุนกับเครื่องมือตัดเล็บ
อย่าคิดว่ากรรไกรตัดเล็บ หรือตะไบเล็บ เราจะใช้ของอะไรก็ได้นะคะ เพราะสิ่งนี้แหละมีผลต่อสุขภาพเล็บของเรามากทีเดียว! ลงทุนกับกรรไกรตัดเล็บแบบอย่างดีที่ทำจากแสตนเลส กรรไกรตัดเล็บที่ดีควรคม ตัดเล็บของเราออกง่ายในกดเดียว ไม่เป็นสนิม และใช้งานง่ายไม่ฝืด ส่วนตะไบเล็บที่ดีควรเป็นแบบเนื้อละเอียด ซึ่งเดี๋ยวนี้มีตะไบเล็บแบบทำมาจากคริสตัล ไม่แพงมากเว่อร์ แต่ช่วยให้ขอบเล็บของเราเรียบ และไม่ฉีกขาดง่าย คุ้มค่าการลงทุนค่ะ

เล็บเจ้าสาว

7. ทริคการตะไบเล็บที่ถูกต้อง!
เชื่อว่าหลายคนจะตะไบเล็บแบบซ้ายขวาไปมา อยากจะบอกเบาๆ ว่านั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะ เพราะวิธีที่ถูกต้องคือตะไบไปในทิศทางเดียวกันเบาๆ เพราะถ้าหากเราตะไบแบบถูซ้ายขวาไปมา เนื้อเล็บของเราจะไม่เป็นระเบียบ ส่งผลให้ปลายเล็บของเราบางและฉีกขาดง่ายนั่นเองค่ะ

8. จะเปลือยเรียวเล็บก็ใช่ว่าไม่ต้องเข้าซาลอนนะ
กล่าวแนะนำขั้นตอนการเปลือยเล็บให้สวยมาถึงขนาดนี้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่พึ่งพาซาลอนทำเล็บเลยซะทีเดียวนะคะ ก่อนแต่งงาน เข้าซาลอนทำเล็บเพื่อตัดหนังรอบๆเรียวเล็บให้สะอาดเกลี้ยง ตะไบเล็บให้ได้รูปทรงซะหน่อย ถือซะว่าเป็นการปรนนิบัติตัวเองขั้นสุดท้าย ก่อนวันสำคัญของเราค่ะ ^^

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเราใช่ไหมละ? ลองคลิกอ่าน 6 เฉดสีเล็บเจ้าสาวทาแล้วรอดเข้ากับแหวนเพชรเม็ดงาม ดูสิ!

credit: livestrong.com, stylecaster.com, vogue.com, 7beautytips.com

12 วิธีเลือกการ์ดแต่งงานและของชำร่วยให้ประหยัดแบบสั้นๆ ง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก

จริงอยู่ที่การสั่ง การ์ดแต่งงาน และเลือกของชำร่วยคือสิ่งที่จำเป็นเมื่อจะจัดงานแต่งงาน แต่ถ้าคุณคิดว่าอยากประหยัด แพรว wedding มี 12 วิธีดีๆ จากคุณกิ๊บ – แคทลียา ท้วมประถม เจ้าของร้าน Anya มาบอก

1. การ์ดสำเร็จรูปประหยัดกว่าการ์ดดีไซน์สั่งทำ (ราคาเฉลี่ยการ์ดสำเร็จรูป ณ ตอนนี้อยู่ที่ 14 บาทพร้อมซอง ขณะที่การ์ดดีไซน์อยู่ที่ 30 บาทพร้อมซอง)

2. ถ้าอยากสั่งทำการ์ด ให้เลือกความหนาของกระดาษที่ 240 แกรม เพราะไม่หนาไม่บางจนเกินไป

3. ขนาดใหญ่แพงกว่าขนาดเล็ก ขนาดมาตรฐานกำลังสวยและประหยัดอยู่ที่ 5 × 7 นิ้ว

4. สั่งพิมพ์จำนวนมากๆ ราคาต่อใบยิ่งต่ำลงและจะประหยัดยิ่งขึ้นถ้าสั่งในคราวแรกมาก ๆ ไม่พิมพ์เพิ่มกะปริบกะปรอยภายหลัง

5. ลดทอนรายละเอียดบางอย่าง เช่น การปั๊มนูน ปั๊มจม รีดทอง ติดโบ ช่วยประหยัดได้อีกทาง

6. อยากผูกโบให้การ์ด ประหยัดได้แต่ต้องมีเวลา แค่ซื้อริบบิ้นม้วนใหญ่แล้วระดมเพื่อนฝูงมาช่วยกันผูกก็ประหยัดได้เยอะ

7. ถ้าเชิญแขกทั้งครอบครัวหรือคู่เพื่อนที่เป็นแฟนกัน ส่งการ์ดเชิญใบเดียวก็พอ

8. พิมพ์การ์ดจำนวนน้อย แนะนำให้พิมพ์แบบดิจิทัล เพราะราคาไม่แพงและพิมพ์เพิ่มเมื่อไรก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าคุณภาพจะต่ำกว่าการพิมพ์แบบออฟเซต

9. ลดต้นทุนของชำร่วยด้วยการเข้าเว็บไซต์หาของชำร่วยยกแพ็คแล้วนำมาผูกโบติดแท็กเอง

10. ติดแท็กเองอาจเสียเวลานิดหน่อย แต่ถูกกว่าการสกรีนชื่อบ่าวสาวลงบนของชำร่วยทุกชิ้น

11. กล่องใส่ซองทำเองง่ายๆ แค่ลังกระดาษหุ้มกระดาษลายสวยแล้วเจาะรูให้หย่อนซองได้ก็พอ

12. ถ้ากลัวของชำร่วยไม่พอแจก ให้สั่งเกินจำนวนการ์ดเชิญ 10% และแจก 1 ชิ้นต่อการ์ดเชิญ 1 ใบ

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io

7 ทิปส์ช่วยเจ้าสาวหารองเท้าเจ้าสาวสุดเพอร์เฟกต์ในวันสำคัญ

รองเท้าเจ้าสาว ควรเลือกแบบที่สะท้อนถึงบุคลิกของเจ้าสาว ชุดแต่งงาน สถานที่ และที่สำคัญต้องสวมใส่สบายด้วย และนี่คือทิปส์ดีๆ ในการหารองเท้าแต่งงานที่ดีที่สุด!!

รองเท้าเจ้าสาว คืออีกหนึ่งอย่างที่เจ้าสาวทุกคนให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องชุดแต่งงานเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของความสวยงามและใส่สบาย แถมบางคนยังอยากได้รองเท้าแบบยูนีคที่ไม่เหมือนใครไปอีก แต่ก่อนที่จะเจ้าสาวจะลงทุนซื้อรองเท้าแต่งงาน แพรว wedding อยากให้ฉุกคิดสักนิดว่ารองเท้าที่เจ้าสาวจะเลือกนั้นไปกันได้ดีกับลุคโดยรวมของเจ้าสาวหรือเปล่า มาค่ะ เราจะบอกทิปส์ดีๆ เพื่อให้เจ้าสาวหารองเท้าแต่งงานคู่ที่ดีที่สุด และแน่นอนว่าสิ่งแรกที่เจ้าสาวต้องพิจารณาก่อนเรื่องอื่นๆ ในการเลือกรองเท้าก็คือ ชุดแต่งงาน นั่นเอง

1. รองเท้าแต่งงานต้องโดดเด่นหากเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานแบบสั้น

รองเท้าแต่งงานจะกลายเป็นนางเอกไม่แพ้ชุดแต่งงานทันทีหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานแบบสั้นหรือทรงทีเล้นจ์ เพราะคุณจะต้องอวดโฉมรองเท้าแบบ 360 องศา เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่เจ้าสาวจะได้โชว์ตัวตนและสไตล์ผ่านรองเท้าแต่งงานได้อย่างเต็มที่ เช่น รองเท้าเจ้าสาวแบบสีสัน แบบมีลวดลาย รองเท้าส้นสูงแบบหัวแหลม รองเท้าแบบ kitten heels (รองเท้าที่มีความสูงประมาณ 1-1.5 นิ้ว) เป็นต้น

ความยาวของกระโปรงและความสูงของรองเท้าต้องเลือกให้มึความบาลานซ์กัน เพราะมีผลต่อความสวยงามของเจ้าสาวด้วยนะ

2. เติมดีเทลสุดพิเศษสำหรับชุดแต่งงานแบบยาว

แน่นอนว่าชุดแต่งงานแบบยาวไม่ว่าจะทรงไหนก็ไม่มีใครที่จะมองเห็นรองเท้าของเจ้าสาว แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าสาวก็ควรที่จะใส่ใจในรองเท้าสำหรับวันพิเศษคู่นี้ เพราะปัจจุบันช่างภาพจะมีการเก็บภาพรายละเอียดทุกอย่างของเจ้าสาว ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าคู่สวย เพราะฉะนั้นการเติมดีเทลที่พิเศษลงไปจะช่วยให้รองเท้าของเจ้าสาวมีความยูนีคมากขึ้น อย่างเช่น ใช้ผ้าลูกไม้เดียวกับชุดแต่งงาน หรือรองเท้าประดับไข่มุกสุดหรู เป็นต้น

ถึงแม้จะใส่ชุดแต่งงานแบบยาว แต่เมื่อเจ้าสาวก้าวเดินเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นรองเท้าของเจ้าสาวก็พร้อมที่จะออกมาอวดโฉมเหมือนกันนะ

3. ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด หรือทรงตรง ต้องเลือกรองเท้าแต่งงานที่มีดีไซน์ด้วย

ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด หรือชุดแต่งงานทรงตรง เป็นชุดแต่งงานแบบเข้ารูปที่กระโปรงด้านหน้ามีความยาวไม่มาก เพราะฉะนั้นเจ้าสาวจึงต้องใส่ใจในการเลือกรองเท้ามากกว่าชุดแต่งงานทรงอื่นๆ อย่างเช่น รองเท้าแบบเปิดด้านหน้า หรือรองเท้าแบบ strappy high-heeled (รองเท้าที่มีเส้นพาดไปมา)

รองเท้าทั้งสองแบบจะเผยให้เห็นเท้าและเล็บของเจ้าสาว เพราะฉะนั้นอย่าลืมทำเล็บและสครับผิวให้เนียนนุ่มด้วยนะ

4. ก่อนเลือกรองเท้าต้องดูเนื้อผ้าชุดแต่งงานด้วย

ไม่เพียงแต่ความยาวของชุดแต่งงานเท่านั้นที่เจ้าสาวต้องคำนึง แต่เรื่องเนื้อผ้าก็จำเป็นต่อการพิจารณาเลือกรองเท้าแต่งงานเช่นกัน เพราะเจ้าสาวคงไม่อยากให้ด้านในของชุดแต่งงานโดยรองเท้าทำลายซะพังยับเยิน หรือจังหวะการเดินต้องสะดุดเพราะเนื้อผ้าด้านในไปเกี่ยวกับอะไรสักอย่างบนรองเท้าจริงไหม โดยเฉพาะหากว่าที่เจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแบบผ้าลูกไม่ที่แสนจะบอบบางยิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นรองเท้าที่เหมาะคือ รองเท้าแต่งงานแบบเรียบที่ไร้หมุด หรือคริสตัลที่มีโอกาสไปเกี่ยวผ้าเอาได้

ก่อนซื้อรองเท้าแต่งงานอย่าลืมเช็กให้ดีว่า เนื้อผ้าด้านในของชุดแต่งงานเป็นแบบไหนจะได้เลือกดีไซน์ของรองเท้าได้ถูก

5. หลีกเลี่ยงรองเท้าส้นสูงสำหรับงานแต่งในสวน

คำแนะนำดีๆ สำหรับทุดชุดแต่งงาน ห้ามคิดจะสวมส้นสูงโดยเฉพาะแบบส้นแหลมเด็ดขาดหากคุณจัดงานแต่งงานบนชายหาดหรือในสวน เพราะส้นแหลมจะลงไปปักในดินหรือทรายทันทีที่เจ้าสาวเดินบนพื้น เรียกได้ว่าเดินลำบากหรือเกือบจะเดินไม่ได้เลยล่ะ

หากจัดงานแต่งงานในสวนขอแนะนำให้เลือกเป็นรองเท้าส้นตึก ส้นเตารีด หรือรองเท้าส้นหนา (chunky heel)จะดีกว่า ส่วนงานแต่งงานริมชายหาดแนะนำให้สวมเป็น barefoot beach ไปเลย

6. มองหาความสบายเป็นหลัก

อย่าเพิ่งซื้อรองเท้าแต่งงานหากคุณยังไม่ได้ลองใส่ว่ามันสบายจริงๆ เพราะในวันงานเจ้าสาวต้องยืนอยู่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงบนรองเท้าคู่นั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกรองเท้าที่มีความสูงแค่ไหน ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณจะสามารถยืนอยู่บนความสูงนั้นได้อย่างสบาย และที่สำคัญหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่ยาวมากๆ แบบว่าถึงจะเดินกี่ก้าวก็ไม่มีทางได้เห็นรองเท้าเด็ดขาด ถ้าเป็นอย่างนั้นดีไซน์ก็ไม่สำคัญเท่าความสวมใส่สบายแล้วล่ะ

7. เปลี่ยนรองเท้าเมื่อเข้าช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้

หลังจากที่อยู่บนส้นสูงมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่เจ้าสาวจะได้ผ่อนคลายสักทีในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ กับการมองหา
รองเท้าแฟลตสวยๆ สักคู่แล้วเพื่อใช้เปลี่ยนในช่วงนี้

ภาพ pinterest

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

มาดูวิธีการดึงดูดให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมงานจนเสร็จสิ้นพิธีกันดีกว่า

จัดงานแต่งงานทั้งที ก็อยากจะให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมงานแต่งตั้งแต่เริ่มงานจนจบงานถูกต้องไหมจ๊ะ เพราะว่าไหนๆ ลงทุนจัดงานขึ้นมาแล้ว ทั้งอาหารรสเริด สถานที่สุดสวย รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมไว้เพื่อช่วยเอนเตอร์เทนให้แขกในงานได้สนุกร่วมกับบ่าวสาวไปด้วย

งั้นเรามาดูวิธีการดึงดูดให้ แขกในงานแต่ง อยู่ร่วมสนุกกับบ่าวสาวจนเสร็จสิ้นพิธีกันดีกว่า … บอกเลยว่าทำตามได้ไม่ยาก แค่ต้องวางแผนดีๆ เท่านั้นเองค่ะ จะมีวิธีใดบ้างมาดูกัน

1. จัดตารางงานให้มีเวลาที่กระชับ

ไม่ว่าจะเป็นพิธีการต่างๆ ลองวางแผนให้มีเวลาที่สั้นกระชับ แต่ไม่ต้องถึงกับสั้นมาก แบบปุปปัปเสร็จพิธีนะคะ แต่ลองดูอย่าให้พิธีการยืดยาวจนเกินไป จากความสนุกสนาน น่าตื่นตาตื่นใจ จะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปได้ง่ายๆ หรือถ้ามีช่วงที่ต้องเชิญผู้ใหญ่ขึ้นบนเวที ลองบรีฟคร่าวๆ ก่อนว่าอยากได้ความยาวมากน้อยแค่ไหนค่ะ

แขกในงานแต่ง

2. มีรูปแบบงานที่น่าตื่นเต้น

ลองดีไซน์งานแต่งงานให้มีความน่าตื่นเต้น เพื่อดึงดูดความสนใจของแขกในงานดูนะคะ ยกตัวอย่างเช่น จากการเปิดตัวบ่าวสาวที่เดินจูงมือ พร้อมมองตาหวานๆ เข้ามาในงาน ลองเปลี่ยนเป็นการแสดงโชว์สนุกๆ เรียกความสนใจกันหน่อยดีกว่า

แขกในงานแต่ง

3. หาเพลงสนุกๆ มาเปิด หรือดีเจฝีมือเก่งๆ ก็ได้นะ

อีกสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับงานแต่งงานคือ เพลงที่เปิดในงานค่ะ ลองหาเพลงดีๆ สนุกๆ หรือถูกจริตกับแขกที่มาร่วมงานมาเปิดดู หรืออีกวิธีคือหาดีเจเก่งๆ , วงดนตรีที่มีฝีมือมาช่วยขับกล่อมให้บรรยากาศภายในงานสนุก และน่าสนใจค่ะ

แขกในงานแต่ง

4. แผนกต้อนรับที่ดี

อย่าเพิ่งมองข้ามกับคนคอยต้อนรับหน้างานนะจ๊ะ ลองเลือกดีๆ หาคนที่เขาเต็มใจจะมาทำให้เรา เพราะถ้าแขกที่ตั้งใจมาร่วมงาน แต่กลับเจอการต้อนรับที่หน้านิ่วคิ้วขมวดแบบไม่เต็มใจรับแขกสุดๆ เป็นใครก็คงนอย และไม่อยากจะเข้างานแน่ๆ ล่ะ

แขกในงานแต่ง

5. บรรยากาศที่สวยงาม

ใครๆ ก็ชอบสิ่งสวยๆ งามๆ ถูกต้องไหมจ๊ะ บ่าวสาวควรตกแต่งงานให้ออกมาสวยงาม เพราะบรรยากาศที่ดีก็ส่งผลต่อคนที่มาร่วมงานด้วย ยิ่งสวยคนก็ยิ่งอยากอยู่ อยากถ่ายภาพเก็บไว้ วิธีนี้แหล่ะ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเรียกแขกได้ดีเลยล่ะค่ะ

แขกในงานแต่ง

อย่ามองข้ามไปนะ ถ้าเห็นว่าแขกมาร่วมงานกันเยอะแล้ว แต่ถ้าเราจัดงานไม่ดี ทำให้งานน่าเบื่อ แขกในงานแต่งก็จะค่อยๆ ทยอยกลับไปทีละคน แล้วเหลือน้อยลงในที่สุดนะจ๊ะ … ส่วนบ่าวสาวคู่ไหนกำลังอยากชวนแขกมาออกสเต็ปแดนซ์ต้องอ่าน มาฟังทิปส์จาก ดีเจปาร์ตี้ ชื่อดังกับทิปส์ที่จะทำให้แขกในงานมาร่วมแดนซ์ฟลอร์

ภาพจาก : Pinterest.com

วิธีเลือก ทรงผมเจ้าสาว จากช่างผมเจ้าสาวมืออาชีพ ให้สวยเป๊ะไม่ sad ทีหลัง

ทรงผมเจ้าสาว คือสิ่งสำคัญไม่แพ้ชุดเจ้าสาวและเมกอัพเจ้าสาวเลยนะคะ เพราะถ้าหากชุดสวย หน้าสวย แต่ผมพังก็จบใช่มั้ยละ แต่เหล่าว่าที่เจ้าสาวทราบไหมคะว่าหน้าที่ของทรงผมเจ้าสาวนอกเหนือจากเป็นการทำให้ภาพรวมของเจ้าสาวดูเพอร์เฟ็คกลมกลืนกันทั้งตัว ยังช่วยเรื่องการปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาเกี่ยวกับรูปหน้าของเจ้าสาวได้อีกด้วย! เราก็เลยยกหูไปพูดคุยกับ คุณจี ช่างผมเจ้าสาวชื่อดังที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยเห็นผลงานของเขาผ่านตามาบ้าง คุณจีคือเจ้าของไอจี @gee_jiwat ที่รวมรวบผลงานสุดเลิศของเขาไว้มากมาย เรามาคุยกับคุณจีกันค่ะ

ทรงผมเจ้าสาว

  • เทรนด์ทรงผมเจ้าสาวตอนนี้เป็นแบบไหน?

“เป็นผมแบบเบาๆ หลวมๆ หลุดนิดๆแบบไม่ตั้งใจมากไม่เนี้ยบมาก ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะหามาจาก Pinterest ซึ่งก็ต้องเอามาปรับให้เหมาะกับสาวไทย เพราะบางทีนางแบบใน  Pinterest เป็นฝรั่ง ที่สีผมอ่อนกว่าเราและโครงหน้าชัดกว่าเราสาวไทย”

  • ถ้าอย่างนั้น สาวหน้าไทยๆ เหมาะกับทรงผมแบบไหน?

“โครงหน้าไทยทำผมฟุ้งๆเบาๆไม่ค่อยรอด เหมาะกับทรงผมออกเรียบโก้ แบบแสกกลางแล้วปาดจะดูโก้หรูกว่า แต่ถ้าหากเป็นสาวหน้าหมวยหรือหน้าออกสไตล์เกาหลี ก็สามารถทำผมแนวฟุ้งๆเบาๆได้ อาจจะเปิดหน้าผากนิดนึงให้ดูเป็นสาวน่ากอด ผมทรงนี้ยังช่วยเน้นให้หน้าเจ้าสาวดูมีโหนกและช่วยให้ขมับดูแคบลง”

ทรงผมเจ้าสาว

  • แล้วเจ้าสาวที่มีกราม อยากให้หน้าดูเรียวขึ้นละคะ ทำผมทรงไหนดี?

“เจ้าสาวที่มีกรามต้องอาศัยการแสกข้าง ปาดผมปิดหูนิดนึง ช่วยเชฟหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้ และต้องมีเนื้อผมด้านหลังออกมาให้เห็นจากคอเมื่อมองด้านหน้า พอเจ้าสาวยืนตรงแล้วเห็นผมด้านหลังจะช่วยลดความเด่นของกรามได้ด้วย”

  • ในไอจีของคุณจี มีผมทรงฟาร่า (ปล่อยผมยาวแล้วทำลอนคลื่นเบาๆ) เยอะมาก ทรงนี้ฮิตไหม? และเหมาะกับเจ้าสาวแบบไหนคะ?

“ภาษาช่างเราจะเรียกทรงนี้ว่า ฟาร่าลอนสมุทร (หัวเราะ) เจ้าสาวชอบทรงนี้กันเยอะ แต่ต้องเตือนว่ามันจะสวยอยู่ไม่นาน เพราะเมื่อเป็นทรงปล่อย แล้วเจอกับความชื้นในอากาศ โอกาสที่ลอนจะคลายไม่สวยเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ๆ มีสูง ช่างผมก็เลยจะต้องทำลอนให้แข็งกว่าปกติมากๆเพื่อให้ผมอยู่ทรงนาน แต่ระหว่างงานผมก็อาจจะมีเสียทรงบ้าง”

ทรงผมเจ้าสาว @gee_jiwat
  • แล้วทรงหางม้าละคะ? เหมาะกับชุดสไตล์ไหน?

“ถ้าเจ้าสาวอยากทำทรงหางม้า จีจะแนะนำว่าควรเปิดหน้าผากโดยไม่ปาดผมหรือแสกผมให้เห็นแสกชัดเจนเพราะจะดูแก่ แต่จีจะมีวิธีการปาดผมแบบไม่ให้เห็นรอยแสกซึ่งก็จะพอช่วยได้ และยังช่วยย่อหน้าผากให้ดูแคบลงสำหรับเจ้าสาวที่ไม่เซล์ฟหน้าผากกว้าง”

  • บอกทิปส์การเลือกทรงผมเจ้าสาวที่ใช่ให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวหน่อยค่ะ

“ข้อแรก ให้สังเกตตัวเองเวลาเราทำผมไปงานต่างๆ หรือเวลาเราไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้งานอื่น ว่าเราทำทรงไหนแล้วเซล์ฟหรือเราดูรอด และทรงไหนที่ไม่รอด ลองเลือกมาในใจซัก 2-3 ทรง แล้วค่อยมาดูกับช่างที่หน้างานอีกทีว่าเราจะทำทรงไหนในวันแต่งงานของเรา

ข้อที่สอง อย่าซีเรียสกับผมด้านหลังมาก เพราะหน้าทีสำคัญที่สุดของทรงผมเจ้าสาวคือช่วยซัพพอร์ตเมกอัพเจ้าสาวเพื่อแก้ไขรูปหน้าเจ้าสาวให้ดูสวยสมบูรณ์แบบที่สุด หากผมด้านหน้าโอเคสวยแล้ว ผมด้านหลังเป็นแค่กิมมิคว่าเราอยากมีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติมไหม ซึ่งต้องดูองค์ประกอบอย่างอื่นเช่นชุด หรือสถานที่จัดงานด้วย อย่างสมมติเราจัดงานในฮอลล์ การทำผมฟุ้งๆเบาๆ ติดดอกไม้สดอาจจะไม่เหมาะเท่างานแต่งงานในสวน ควรทำแบบเรียบโก้ประดับเครื่องเพชรดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น”

ทรงผมเจ้าสาว

ว่าที่เจ้าสาวสามารถติดตามผลงานของคุณจีเพิ่มเติมได้ที่ ไอจี: gee_jiwat  และเราหวังว่าเคล็ดลับในการเลือกทรงผมเจ้าสาวที่ใช่ จากคุณจี จะช่วยทำให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวเลือกทรงผมที่ถูกใจและเหมาะกับเราที่สุดในวันสำคัญได้นะคะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ใช่มั้ยละ? มาอัพเดทราคาช่างหน้าผมสุดฮอตประจำปีนี้กันค่ะ คลิกอ่านเลย!

ขอขอบพระคุณภาพจาก ไอจี: gee_jiwat