งานแต่งสุดโรแมนซ์สไตล์อินเดียของคุณนุ่นและคุณเชค

เรื่อง : ONJIRA

               วันนี้ WE-MAG.COM ขอพาไปชมความงดงามอลังการของพิธีแต่งงานสไตล์อินเดียระหว่าง “คุณนุ่น-พชรวรรณ นรินทรางกูร ณ อยุธยา” และเจ้าบ่าวหนุ่มหน้าคมเชื้อสายอินเดีย “คุณเชค-อภิเชษฐ์ ปุสรี” ที่งานนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ โดยพิธีการจัดตามแบบประเพณีอินเดียแท้ๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นในประเทศไทย อีกทั้งยังคงความโรแมนติกจนหลายคนต้องอิจฉา ถ้าอยากรู้ว่างานนี้จะสวยงามขนาดไหน คลิกชมวิดีโอพรีเซนเทชั่นกันได้เลยจ้า

ขอบคุณวิดิโอพรีเซนเทชั่นจาก : Box Wedding

เมืองหลวงมันร้อน ไปพักผ่อนที่ SunSky Villa Huahin กันเถอะ

อะแฮ่มๆ ขอเรียกเสียงตัวเองให้กลับมาสักนิด สาเหตุที่เสียงหายก็เพราะมัวแต่กรี๊ดกร๊าดให้กับความไฮโซโก้หรูของที่พักสุดเริด SunSky Villa Huahin วิลล่าส่วนตั๊วส่วนตัวที่ดีงามพระรามสี่ตั้งแต่ทางเข้ายันเตียงนอน อยู่ไปอยู่มาแล้วก็ไม่อยากจะกลับ แถมยังมีความคิดแว้บขึ้นมาว่า ถ้าได้จัดมินิปาร์ตี้งานแต่งริมหาดที่นี่กับเหล่าคนสนิทคงจะดีไม่น้อยเลยนะ แต่ว่าอิฉันขอเวลาไปหาผอสะระอัวแพร้บส์! ส่วนใครที่มีอยู่เป็นตัวเป็นตนและกำลังคิดจะจัดปาร์ตี้งานแต่งเล็กๆ น่ารักๆ สบายๆ กับคนใกล้ชิด ตามอิฉันมาค่ะ เดี๋ยวตะลอนเกิร์ลจะสาธยายความเจ๋งของที่นี่ให้ฟัง

12657409_824509307659952_7000519226458776498_o

โอ๊ย! คุณคะ ที่อิฉันบอกว่ามันดีงามนี่ไม่ได้พูดเล่นๆ นะคะ ของเขาดีมีคลาสจริงๆ เริ่มตั้งแต่โถงรับแขกสีขาวนวลตาสว่างสไว แต่ตื่นใจอยู่ได้ไม่นานก็มีพี่เจ้าหน้าที่มาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ยืนพักให้หายเหนื่อยสักครู่คุณพี่ก็พาทัวร์ชมห้อง แถมบอกอีกว่าชอบห้องไหนก็เลือกหลับนอนพักผ่อนได้ตามใจอยากอีกแหนะ ดี๊ดี!

2

ณ Sunsky Villa Huahin แห่งนี้มีห้องให้บริการ 4 ห้องใหญ่ๆ รองรับแขกได้ถึง 14 คน อ่ะๆ เพิ่มเอ็กซ์ตร้าเบดให้อีก 4 ก็เป็น 18 คน! โดยหลังจากที่หายใจหายคอกันมาพอสมควรแล้ว คุณพี่เจ้าหน้าที่ก็พาเดินขึ้นบันไดโค้งสีขาวแบบสวยๆ ไปชมห้อง SUN 01 ห้องพักที่หรูที่สุดของที่นี่ โดยความพิเศษของห้องนี้ก็คือ ซูเปอร์เบดหลังใหญ่ที่นอนได้ 2 คนแบบสบายๆ ระเบียงด้านบนที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลหัวหินได้อย่างเต็มตา อีกทั้งอ่างจากุซซี่เริ่ดๆ ให้คุณสาวๆ นอนแช่น้ำพร้อมดื่มลมชมทะเลสบายๆ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจไปกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่

12792353_836151663162383_2090559969758516881_o

เสร็จจากห้องแรกก็เดินกลับลงมาด้านล่างเพื่อพบกับห้อง SUN 02 ซึ่งเป็นห้องนอน 2 ชั้นเชื่อมระหว่างกันด้วยบันไดแก้วเก๋ๆ สามารถพักได้ 4 ท่าน (ข้างล่าง 2 ข้างบน 2) แถมไม่ต้องแย่งห้องน้ำกันเพราะเขามี 2 ห้องน้ำรองรับเพียบพร้อม ที่สำคัญคือ จากห้องนอนก็ยังสามารถมองผ่านพนังกระจกออกไปเห็นสระน้ำน่าเล่น และวิวทะเลสวยๆ ได้ไม่แพ้ห้องด้านบน

12698692_826222594155290_8278396056955092624_o

ออกจากห้องที่แล้วมาเปิดประตูห้อง SUN 03 ฝั่งตรงข้ามกันสักนิด ห้องนี้พักได้ 2 ท่าน ขนาดห้องกะทัดรัดดูสงบเงียบ เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากพักผ่อน ปล่อยให้เหล่าลูกๆ ปาร์ตี้เฮฮาอยู่ด้านนอก แต่ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่ขอบอกว่าเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันไม่แพ้กับห้องอื่นๆ เลยนะจ๊ะ

4

มาที่ห้องสุดท้ายที่อิฉันถูกใจและเลือกพัก SUN 04 ห้องที่อิฉันให้คำนิยามว่าเซฟเฮ้าส์สุดหรู เพราะว่าเป็นห้องใหญ่พักได้ 6 ท่าน เดินผ่านสระว่ายน้ำสวยๆ ลงมาก็จะพบห้องลับขนาดมหึมา วิ่งเล่นได้สบายมาก เหมาะสุดๆ สำหรับชาวปาร์ตี้ที่ดื่มหนักจนปีนป่ายขึ้นไปนอนชั้นบนๆ ไม่ไหว หรือจะตั้งวงนับเลขกันสนุกๆ ก็ทำได้ไม่ต้องเสี่ยงมากมาย (เพราะอยู่ชั้นล่าง!)

17853

อ่ะๆ พาดูห้องนอนกันไปแล้วอิฉันก็อยากจะพาไปดูอย่างอื่นกันบ้าง ขอบอกว่าถึงแม้จะมีทะเลกว้างใหญ่อยู่ห่างไปแค่ไม่กี่ก้าว แต่ที่นี่เขาก็มีสระว่ายน้ำสวยๆ ไว้บริการสำหรับใครที่นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากเล่นน้ำยามดึก (เพราะกลัวดำ) ส่วนห้องข้างๆ กันคือห้องซาวน่าให้คุณได้อบความร้อนเพื่อสุขภาพ แต่ที่ขาดไปไม่ได้และเวิร์กสุดๆ เหมาะกับการจัดปาร์ตี้ครื้นเครงก็คือ ห้องนั่งเล่นที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โฮมเธียร์เตอร์ เครื่องเสียง คาราโอเกะ ตู้เกม และมินิบาร์เครื่องดื่มให้คุณจิบแก้กระหายเวลาร้องเพลง

_MG_3472

อย่างต่อมาที่อิฉันภูมิใจนำเสนอให้กับว่าที่บ่าวสาวที่ฝันอยากจะมีงานแต่งริมทะเลก็คือ ระเบียงกว้างด้านหน้าชายหาดที่มีลมทะเลพัดโชยเย็นๆ ทั้งวัน ลองนึกภาพตามนะคะว่า เหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่มารวมตัวกันตรงระเบียงนี้ ร่วมดินเนอร์ซีฟู้ดกันสักมื้อ ก่อนจะเริ่มปาร์ตี้งานวิวาห์ท่ามกลางสายลม แสงจันทร์ และเสียงคลื่น คิดแค่นี้ก็สุดแสนจะโรแมนติกแล้วจ้า

17797

นอกจากความดีงามที่ว่าไปแล้วข้างต้น สิ่งอำนวยความสะดวกหรือจะเรียกให้ฟังดูมีคลาสก็คือ Facilities ทั้งหลายนั้น อิฉันก็ขอบอกว่า เพียงแค่เป้ใบเดียวใส่เสื้อผ้าก็เข้าพักได้แล้วจ้ะ เพราะทุกห้องจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ไม่ว่าจะเป็น เตียงนอนและหมอนอันนุ่มนิ่ม ทีวีจอแอลซีดี เครื่องเล่นบลูเรย์ มินิบาร์ เครื่องเสียงคุณภาพเริด อ่างอาบน้ำสีขาวนวล เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นดี (แบบอัตโนมัติ) เรียกได้ว่าพาพ่อแม่ญาติพี่น้องและพ้องเพื่อนมาจัดปาร์ตี้สละโสด หรือมินิเวดดิ้งปาร์ตี้ได้สบายๆ ยิ่งกว่าเพลงของพี่เบิร์ดซะอี๊ก!

ใครที่สนใจอยากจัดเวดดิ้งบีชปาร์ตี้แบบส่วนตั๊วส่วนตัว มีแขกไม่มากมายประมาณ 14-18 คน ก็ลองยกหูไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ SunSky Villa Huahin โทร. 09-3189-1899 , www.sunskyvilla.com Facebook  SunSky Villa Huahin

เรื่อง : ตะลอนเกิร์ล

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : SunSky Villa Huahin

รีวิว! 4 ครีมกันแดดต้องมีถ้าริจะแต่งงานริมทะเล

วันนี้ขอเปิดตัวบิวตี้บล็อกเกอร์คนใหม่ “Princess Hydrangea” ให้เป็นผู้ช่วยเรื่องความงามของว่าที่บ่าวสาวที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ประตูวิวาห์ด้วยการคัดกันแดดคุณภาพเยี่ยม 4 ตัวมาให้พิจารณาค่ะ บอกเลยนะคะว่าแต่ละตัวจะช่วยปกป้องผิวสวยสำหรับเจ้าสาวและว่าที่เจ้าสาวที่วางแพลนจัดงานริมทะเล หรือถ่ายพรีเว็ดดิ้งท่ามกลางหาดทราย สายลม แสงแดดที่ซัมเมอร์นี้ได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นจำไว้ว่าห้ามพลาดเด็ดขาด ถ้าคุณไม่อยากผิวเสีย!

1. La Roche Posay ANTHELIOS XL Dry Touch Gel-Cream SPF 50+ PPD 31 PA++++

la-roche-posay

ครีมกันแดดเนื้อเจลครีม กันน้ำ บางเบา ไม่ทิ้งความมันและคราบขาวกวนใจ มาพร้อมนวัตกรรมสารกรองแสง Mexoplex® ตัวช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายลึกจากรังสีอินฟราเรด และสารช่วยดูดซับความมันอย่าง Perlite + Zinc Gluconate + Silica เหมาะสำหรับเจ้าสาวผิวผสม-ผิวมัน เป็นสิวง่าย ไวต่อแสงแดด และแพ้แสงแดดจัด ปราศจากน้ำหอมและพาราเบนจึงหมดปัญหาเรื่องผิวระคายเคือง
ขนาด : 50 มิลลิลิตร ราคา 1,250 บาท
หาซื้อได้ที่ : ร้านบูทส์, วัตสัน, เคาน์เตอร์ ลา โรช-โพเซย์ ณ โรงพยาบาลต่างๆ และร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ

2. Dr.Andrew Weil for Origins™ Mega-Defense SPF 45/ PA++++ Advanced Daily UV Defender

kiyb38es-copy

ผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรออยล์ฟรี เนื้อบางเบา ผสานคุณค่าของ Opuntia Cactus (พืชที่กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีในทะเลทราย) ช่วยเติมน้ำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ผสานการทำงาน Zinc Oxide และ Titanium ที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมปรับสีผิวให้สว่างขึ้น ไม่ทิ้งคราบขาว เหมาะกับเจ้าสาวทุกสภาพผิว
ขนาด : 30 มิลลิลิตร ราคา 1,850 บาท
หาซื้อได้ที่ : เคาน์เตอร์ออริจินส์ทุกสาขา

3. Cielo Double Protection Sunscreen & Moisturizer

Cielo

ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่เนื้อครีมแตกตัวเป็นละอองน้ำเมื่อทาลงบนผิว อุดมด้วยวิตามินบี 3 ที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย วิตามินบี 9 ป้องกันการสูญเสียน้ำและการทำลายเซลล์ผิวจากรังสียูวี สารสกัดจากใบบัวบกช่วยซ่อมแซมผิวและลดความหมองคล้ำ ทั้งยังมีสารสกัดว่านหางจระเข้ที่ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหลังออกแดด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมาะมากสำหรับเจ้าสาวที่กำลังมองหาครีมกันแดดที่ทาแล้วสบายผิว
ขนาด : 90 มิลลิลิตร ราคา 420 บาท
หาซื้อได้ที่ : www.facebook.com/CieloBeautyThailand

 

4. MizuMi UV Water Defense SPF50+ PA++++

mizumi

ครีมกันแดดปราศจากสารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์ ผสานเทคโนโลยี ZT Shield™ ทำหน้าที่เป็นเกราะเคลือบผิว ช่วยสะท้อนรังสีจากแสงแดด ทั้งยังกันน้ำได้นานถึง 40 นาที โดยไม่ทิ้งคราบขาว ปราศจากน้ำหอม น้ำมัน พาราเบน และแอลกออล์ สามารถออกแดดได้ทันทีหลังทาครีม เหมาะสำหรับเจ้าสาวขาลุยที่อยากเก็บคอลเลกชั่นสวีทใต้น้ำสุดๆ
ขนาด : 30 กรัม ราคา 890 บาท
หาซื้อได้ที่ : ร้านวัตสัน, ซึรุฮะ, มัตซึโมโต คิโยชิ และ อีฟแอนด์บอย ฯลฯ

Tips ทาครีมกันแดดให้ได้ผล : ทาครีมก่อนออกแดด 30 นาทีและควรทาซ้ำทุกครั้งหลังเล่นน้ำหรือเมื่อมีเหงื่อออกมาก

เรื่อง : Princess Hydrangea

โดนัลด์ ทรัมป์ กับ 3 ภรรยาสุดแซ่บ! ตั้งแต่รักครั้งแรกจนถึงคนล่าสุด

ระหว่างนี้ที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเต็มไปด้วยความร้อนระอุ และยังไม่รู้ว่าปีนี้ใครจะได้นั่งเก้าอี้ในทำเนียบขาว “โดนัล ทรัมป์” จะได้รับเลือกตั้งอีกหนึ่งสมัย หรือจะเสียชัยให้ “โจ ไบเดน” เชื่อว่าหลายคนทั่วโลกคงลุ้นกันตัวโก่ง!

แต่วันนี้ แพรวเวดดิ้ง ขอพาทุกคนไปล้วงลึกชีวิตรักของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 กับภรรยาสุดแซ่บทั้ง 3 นาง ได้แก่  “อีวานา ทรัมป์” , “มาร์ลา เมเปิ้ลส์” และสตรีหมายเลข 1 “เมลาเนีย ทรัมป์”

3 สตรีในชีวิตรักของ โดนัล ทรัมป์ ใครแซ่บ! ใครเฟี้ยซ! ต้องตามไปดูกัน

ภรรยาเบอร์ 1 : อีวาน่า ทรัมป์ (Ivana Trump) 

โดนัลด์ ทรัมป์
Photo from www.politico.com

อีวาน่า ทรัมป์ อดีตนักกีฬาสกีทีมชาติโอลิมปิกและซูเปอร์โมเดลเชื้อสายเช็ก ภรรยาคนแรกของทรัมป์ที่ขอบอกเลยว่าเร้าใจและแซ่บสุดๆ ก่อนที่เธอจะมาเจอทรัมป์นั้น เธอผ่านอุปสรรคในชีวิตและต่อสู้มาตั้งแต่วัยเด็ก เธอถูกบังคับให้ซ้อมสกีอย่างหนักหน่วงเพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก เมื่อชีวิตมันเหนื่อยยากและต้องการอิสระที่จะหลุดออกจากวังวนเดิมๆ เธอจึงตัดสินใจแต่งงานกับนักสกีชาวออสเตรีย “อัลเฟรด วิคเคิลเมย์” ผู้ชายที่เป็นเสมือนเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอในเวลานั้น

การจดทะเบียนสมรสกับนายวิคเคิลเมย์ช่วยให้เธอได้ถือพาสปอร์ตของประเทศออสเตรีย และเดินทางหลุดพ้นจากประเทศเช็กโกสโลวาเกีย ซึ่งขณะนั้นเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ เธอตัดสินใจเดินทางอพยพจากบ้านเกิดไปอาศัยกับเพื่อนชายสมัยเด็กที่ประเทศแคนาดา และเริ่มต้นอาชีพนางแบบครั้งแรกที่เมืองมอนทรีออล ก่อนจะตัดสินใจหย่าขาดจากสามีคนแรกในปี 1976

โดนัล ทรัมป์
Photo from www.nytimes.com

หลังจากนั้นไม่นานอีวาน่าได้พบรักกับ โดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงและเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในงานโปรโมทการแข่งขันกีฬามอนทรีออล โอลิมปิกเกมส์ ทั้งสองคนตกหลุมรักจนกระทั่งตัดสินใจแต่งงานกันในปี 1977 ครั้งแรกที่ทรัมป์ทำให้หญิงสาวธรรมดากลายเป็นเจ้าหญิงของนักธุรกิจที่โด่งดังในอเมริกา และเธอก็ผันตัวมาเป็นผู้บริหารดูแลกิจการต่างๆ ในเครือบริษัท

ทรัมป์และอีวาน่ามีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ โดนัล ทรัมป์ จูเนียร์, อีวานก้า ทรัมป์ และ อีริค ทรัมป์ แต่แล้วครอบครัวสุขสันต์ก็พลิกผัน เมื่อเธอจับได้ว่าทรัมป์แอบนอกใจไปมีหญิงอื่น ซึ่งหญิงที่ว่านั้นคือ “มาร์ลา เมเปิ้ล” อดีตนางงามประเทศจอร์เจีย เหตุนี้เธอจึงได้ฟ้องหย่าทรัมป์ในปี 1991 เพื่อเรียกค่าเลี้ยงดูที่เธอคิดว่าควรจะได้ และมีปากเสียงจนแทบจะไม่มองหน้ากันอีก โดยทั้งคู่ใช้ชีวิตครองคู่กันรวมแล้วกว่า 14 ปี

แต่ความแซ่บของอีวาน่าไม่จบลงเพียงแค่ตอนหย่าขาดจากทรัมป์เท่านั้น เพราะเมื่อทรัมป์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ นางก็ออกมาเคลมว่า “ฉันเนี่ยแหละ คือ First Lady ตัวจริง เพราะฉันคือ ‘เมียคนแรก’ ยังไงล่ะ” ก็ไม่รู้ว่าพูดเล่นขำๆ หรือเปล่า แต่คงทำให้เมลาเนียหน้ามุ่ยพอดู!

ภรรยาเบอร์ 2 : มาร์ล่า เมเปิ้ลส์ (Marla Maples)

โดนัล ทรัมป์
Photo from www.nydailynews.com

ในระหว่างที่ยังอยู่กินกับอีวาน่า ทรัมป์ได้ลักลอบคบชู้มาร์ล่า เมเปิ้ลจนเรื่องของทั้งคู่ถูกวิจารณ์ในวงกว้าง แต่เหมือนทั้งทรัมป์และมาร์ล่าจะไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำวิจารณ์แต่อย่างใด ทั้งสองก็ยังคบหากันอย่างเปิดเผย จนกระทั่งสองปีต่อมาในปี 1993  มาร์ล่าคลอดลูกสาว “ทิฟฟานี ทรัมป์” และพากันเข้าพิธีสมรสในปีเดียวกันนั้นเอง แต่ก็อยู่กันไม่ยืดอีกตามเคย ทั้งคู่ใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาได้ไม่นานก็เป็นอันต้องสวมคอนเวิร์สเดินจากกันไปในปี 1999

ภรรยาเบอร์ 3 : เมลาเนีย ทรัมป์ (Melania Trump)

โดนัลด์ ทรัมป์
Photo from www.nbcnews.com

หลังจากที่ทรัมป์เป็นโสดได้ไม่นานก็เกิดปิ้งปั๊งกับ “เมลาเนีย” นางแบบสาวชาวสโลวีเนียที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในปารีส มิลาน และฮอตสุดๆ ในนิวยอร์ก ทั้งคู่พบรักกันกันหลังจากได้ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่งด้วยกัน แล้วก็แอบปลูกต้นรักจิ๊จ๊ะหวานแหวว จนกระทั้งเข้าพิธีวิวาห์ในปี 2005 งานแต่งของเมลาเนียและทรัมป์ในตอนนั้นได้รับความสนใจไปทั่วโลก และยังอยู่ในระดับเดียวกับงานอภิเษกสมรสของราชวงศ์วินเซอร์ โดยชุดเจ้าสาวที่เมลาเนียสวมใส่มาจากห้องเสื้อดิออร์ที่มีมูลค่าถึง 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐ แถมยังได้ขึ้นปก Vouge อเมริกาอีกด้วย ช่างหรูหราสมกับเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีจริงๆ

บทบาทที่สำคัญของเธอคืออีกหนึ่งอย่างคือบทบาทของความเป็นแม่ โดนัลด์และเมลาเนียมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนคือ แบร์รอน วิลเลี่ยม ทรัมป์ ซึ่งเมลาเนียทำได้อย่างดีเยี่ยม  นอกจากความสวยและความเพอร์เฟกต์ของเมลาเนียแล้ว เธอยังมีความรู้ความสามารถ ขยันทำมาหากิน และยังสนใจในเรื่องของธุรกิจ จนได้ดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ขององค์กรอาหารสำหรับผู้ยากจนแห่งฟลอริดาด้วย

โดนัลด์ ทรัมป์
Photo from CNN

แต่ขอบอกเลยว่าภรรยาคนที่สามของทรัมป์คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากจะสวย เก่ง เริ่ดแล้ว ดีกรีความแซ่บ เผ็ดร้อน สูสีสู้อีวาน่าได้สบายๆ และกลายเป็น First lady of the United States ออกหน้าออกตาแบบของจริงตัวจริง!

ครบแล้วกับเหล่าภรรยาของโดนัล ทรัมป์ ตั้งแต่คนแรกมาจนคนล่าสุด ใครเฟี้ยซสุดในบรรดาเมียทั้ง 3 คุณผู้อ่านก็ลองตัดสินเอา จะเลือกคนแรก หรือ คนปัจจุบันก็แล้วแต่เลยจ้า

ยังมีเรื่องราวความรักของเซเลบอีกมากมายให้ได้ตามอ่านกัน ที่นี่ กดไปดูได้เลย

เรื่อง :  Nitcha

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : www.2hi4y.com, www.brides.com, www.thairath.co.th, www.hollywoodreporter.com, www.thedailybeast.com, www.nydailynews.com

 

วิวาห์สุดปังของ Liberty Ross และ Jimmy Lovine งานนี้มีแต่แขกตัวบิ๊ก!

หลังจากเลิกรากับผู้กำกับชื่อดังเมื่อครั้งมีข่าวฉาวกับแม่แวมไพร์สาว (อย่าเอ่ยชื่อจะดีกว่านะ!) นางแบบยังสาว Liberty Ross (36 ปี) ก็พบรักใหม่ไฉไลกว่าเดิมกับ Jimmy Lovine (62 ปี) หนึ่งในผู้บริหาร Apple Music และผู้ร่วมก่อตั้งสังกัดเพลงดัง Interscope Records โดยทั้งคู่เริ่มเดทกันในปี 2013 จนความรักบานฉ่ำตกลงปลงใจแต่งงานกันเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ผ่านมา

ภาพจาก Splash News
ภาพจาก Splash News

งานแต่งครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไก่กาน้อยหน้าเซเลบคนอื่นๆ นะจ๊ะ เพราะว่าบ่าวสาวทั้งคู่จัดงานกัน 2 วัน 2 สถานที่ โดยในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ทั้งคู่จัดงานฉลองบนชายหาดมาลีบู รัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าสาวปรากฏกายในชุดผ้าซาตินสีแชมเปญเงาวับ แถมด้วยการจ้างนักบินขับเครื่องบินทำ Skywriter ปล่อยไอพ่นสีขาวบนท้องฟ้าเป็นคำว่า ” J Loves L ” แหม…มีเซเลบคนไหนจะให้มากกว่านี้ไหมคะ!

ภาพจาก Splash News
ภาพจาก Splash News

ถัดมาอีกหนึ่งวันทั้งคู่ก็จัดงานฉลองสมรสรับวันวาเลนไทน์อีกครั้งที่บ้านใน Beverly Hills แต่ขอบอกว่าไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ชุดเจ้าสาวสุดเก๋ไม่เหมือนใครจาก Givenchy Haute Couture ที่ทำให้เจ้าสาวสวยแหวกแนวในชุดเจ้าสาวสีดำแกมกรมท่า สวมเวลผ้าตาข่ายสีดำยาวสยาย พร้อมด้วยเครื่องหัวอลังการจากฝีมือออกแบบของ Stephen Jones แถมงานนี้ยังเชิญแขกตัวท็อปทั้งจากวงการทีวี ภาพยนตร์ และวงการเพลงระดับโลก อาทิ Pharrell Willams, Lady Gaga, Opraah Winfrey, Ellen DeGeneres, Tom Hanks และ Gwen Stefani โดยบ่าวสาวให้เดรสโค้ดสำหรับแขกผู้หญิงทุกคนว่าต้องเป็น “สีแดง” นะจ๊ะ เรียกได้ว่า เริด ปัง อลังการกันทั้งงานแต่งเลยทีเดียว

เรื่อง : JeenHuiBin

ข้อมูลและภาพ : www.dailymail.co.uk

ส่องไอเดียชุดไปงานแต่งจากพรมแดง Grammy Award 2016

หลังจากผ่านงาน Grammy Awards 2016 มาสดๆ ร้อนๆ นอกจากรางวัลที่แจกแล้ว เลดี้เชื่อว่าสาวๆ ให้ความสนใจกับแฟชั่นบนพรมแดงไม่น้อยไปกว่ากันแน่นอน วันนี้จึงได้รวบรวมชุดสวยจากพรมแดงที่สามารถนำมาเป็นชุดใส่ไปงานแต่งมาฝากคุณสาวๆ ทั้งหลาย มาดูกันว่าจะเอาอินสไปเรชั่นจากชุดที่นักร้องคนดังคนไหนใส่ไปงานแต่งได้บ้าง

883646_10153464295525748_8790192179285949949_o
ถ้วยรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ ในตู้โชว์ รางวัลอันทรงคุณค่าที่ทั่วโลกต่างจับตามอง (www.grammy.com)

เริ่มด้วยแฟชั่นจากเหล่าสาวๆ ที่ใส่เดรสสั้นกันก่อน ชุดแบบนี้เหมาะกับงานแต่งที่จัดในโรงแรมระดับ 3 ดาว หรือจัดในสโมสร เนื่องจากเป็นชุดที่ดูไม่เป็นทางการมาก ส่วนการเลือกชุดก็ต้องไม่เลือกชุดที่สั้นเกินจนน่าเกลียด ต้องให้เกียรติเจ้าของงานและสถานที่จัดงานด้วย อย่างเช่นชุดของ Megan Nicole, Anoushka Shankar หรือแม้แต่ชุดของ Tammy Collins เลดี้ก็ยังให้อภัยจ้า

4532-theguardian
Adele ในชุดราตรีสีแดงแขนระดับศอก ขึ้นสะกดใจผู้ชมด้วยเพลง All I Ask (www.theguardian.com)

สำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากโชว์ต้นแขน สามารถเลือกใส่ชุดราตรีทั้งแขนสั้นและแขนยาว เพราะจะช่วยอำพรางแขนของคุณ โดยอาจเลือกเป็นชุดแบบ Andra Day ใส่ไปงานแต่งก็ได้ แต่เลดี้ขอแนะนำว่าให้นำเฟอร์ออกด้วยหล่ะ ก็แหมบ้านเรามันไม่ได้หนาวขนาดนั้นเนาะ! หรือจะเป็นชุดสีขาวของ Chrissy Teigen ก็ดูดีไม่แพ้กัน แต่ก็ระวังอย่าให้ไปชนกับชุดเจ้าสาวหล่ะ เดี๋ยวเค้าจะนึกว่าเราจะมาเป็นเจ้าสาวอีกคน อิอิ และชุดแสนหวานแบบ Florence Welch ก็ดูดีไม่เบา

selena-gomez-taylor-swift-vogue-16feb16-pa_b_1440x960
สองสาว Selena Gomez และ Taylor Swift ระหว่างเฉิดฉายบนพรมแดง (www.vogue.com)

หากคุณอยากโชว์ความเปรี้ยว ชุดสายเดี่ยวก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวนะจ๊ะ นอกจากจะทำให้ดูเฉี่ยวแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาให้สาวๆ ที่มีหน้าอกหน้าใจน้อยแต่อยากใส่ชุดเกาะอกอีกด้วย (แต่ขอย้ำว่าให้เก็บโกยหน้าอกหน้าใจให้ดีซักหน่อยนะ) เช่น ชุดของ Ellie Goulding , Liz Hernandez หรือแม้แต่  Ariana Grande ที่มาในสีแดงเพลิง ก็ทำให้ดูเฉี่ยวไม่เบาเชียวหล่ะ

12743830_10153466110055748_3945353104072678989_n
Bruno Mars ขึ้นรับรางวัล Record Of The Year จากเพลง Uptown Funk (www.grammy.com)

ชุดคอกลมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับสาวอกเล็ก เพราะจะช่วยอำพรางช่วงหน้าอกและทำให้คุณดูเป็นสาวหวานขึ้นมาทันที เช่น Lauren Diagle ที่มาในชุดคอกลมแขนกุดสีนู้ด พร้อมรวบผม ทำให้ดูน่ารักสมวัยสุดๆ หรือแบบ Rhiannon Giddes ก็ดูหรูหราไม่น้อยและถ้าหากอยากจะให้ดูเซ็กซี่ยิ่งขึ้นก็สามารถเลือกชุดแบบโชว์ร่องอกเหมือนกับสาว Ashley Monroe ก็แซ่บไม่แพ้กัน

12717505_10153466381620748_2112562284588165006_n
หนุ่ม Ed Sheeran และสาว Taylor Swift ปีนี้ก็คว้ารางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านไปตามคาด (www.grammy.com)

ไม่รู้ว่าปีนี้ชุดเกาะอกไม่อยู่ในกระแสหรืออย่างไร สาวๆ ถึงเลือกใส่กันน้อยเหลือเกิน แต่เหมือนสาว Kacey Musgraves ก็ยังเลือกจงรักภักดีในแฟชั่นนี้ ถึงได้มางานด้วยชุดเกาะอกโทนสีเข้ม ทำให้ดูสวยและน่าค้นหาเป็นอย่างมาก หากสาวๆ เลือกนำไปใส่เลดี้ว่าควรเลือกเป็นสีโทนสว่างจะดีกว่านะจ๊ะ

Lady-gaga-David-Bowie-tribute-2016-grammys-billboard-650-billboard
Lady Gaga กับชุดจัมพ์สูทสีขาวปักเลื่อมวิบวับบนเวที Grammy Awards 2016 (www.grammy.com)

สาวๆ ที่ไม่ถนัดการสวมกระโปรงลองเลือกใส่เป็นจัมพ์สูทดูก็ได้ เพราะจะทำให้คุณเดินเหินคล่องตัวเป็นอย่างมาก และที่สำคัญยังทำให้คุณดูสวยเท่เหมือนกับสาว Kendra Foster อีกด้วย หรือหากอยากทำให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวอาจเลือกชุดที่มีการเปิดโชว์เนื้อหนัง ก็ทำให้ดูเปรี้ยวและยังดูเซ็กซี่แบบ Kaley Cuoco

trainor_lovato_richie_bryan_wireimage-510499096_mark_davis
รวมพลนักร้องดังในหนึ่งเฟรม Meghan Trainor, Demi Lovato, Lionel Richie, Luke Bryan, และ Tyrese (www.grammy.com)

สำหรับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือสาวๆ ที่อยากดูเท่ สามารถเลือกสวมเป็นชุดสูทแบบผู้ชายก็เจ๋งดีนะ นอกจากจะทำให้เท่แล้วยังทำให้ดูทะมัดทะแมงแบบสาว Bonnie Mckee และสาว Zendaya ส่วนชายหนุ่มที่เบื่อกับการใส่ชุดสูทแบบเดิมๆ เลดี้ขอบอกว่าลองเปลี่ยนมาเป็นชุดสูทเนื้อกำมะหยี่แบบหนุ่ม James Bay หรือสีโทนอื่นนอกจากโทนดำแบบ Sam Hunt ดูก็ได้

taylorswift_wireimage-510441962_johnshearer
Taylor Swift กัชุดสีสันสดใสแสบตา (www.grammy.com)

อีกหนึ่งชุดที่กลายเป็นทอล์ก อ๊อฟ เดอะทาวน์ของงานนี้ก็คือ แม่สาวเทเลอร์ สวิฟท์นั่นเองที่มาในลุคใหม่ผมสั้นติ่งหูมีหน้ามา พร้อมชุดเกาะอกสีสันแสบตา ไม่รู้ว่างานนี้สาวเทเลอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน หรือว่าองค์อะไรดลใจให้นางใส่ชุดนี้ แต่เลดี้ว่านางคงไม่แคร์เพราะงานนี้นางกวาดไปตั้ง 3 รางวัล เลดี้คงต้องกุมอกแล้วพูดว่า “เอาที่เทย์สบายใจเลยจ๊ะ”

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างชุดที่สามารถนำมามาใส่ใส่ไปงานแต่งงานในโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ควรจะดูด้วยนะว่าเจ้าสาวเขามาในแนวไหน แบบใด ก็อย่าให้ชุดของเราเด่นจนไปกลบชุดเจ้าสาวหล่ะ มิเช่นนั้นเราจะกลายเป็นทอล์ค อ๊อฟ เดอะทาวน์แบบสาวเทเลอร์ไปอีกคน เลดี้ไม่รู้ด้วยนะ

ขอบคุณภาพจาก : www.grammy.com, www.vogue.com, www.usmagazine.com, www.phillyvoice.com, www..indianexpress.com, www.zimbio.com, www..indianexpress.com

พรีเซนเทชั่นสุดเจ๋ง 16 ประเทศ 156 เมืองกับความรักของ “คุณตองและคุณโธมัส”

เรื่อง : JeenHuiBin

              พรีเซนเทชั่นสุดเจ๋งที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของความรักกว่า 16 ประเทส 156 เมือง ที่คู่รักอย่าง “คุณตอง วทันยา” และแฟนหนุ่มวิศวกรจากไมโครซอฟท์ “คุณโธมัส มอริสัน” ที่เก็บทุกภาพความทรงจำของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน มาเรียงร้อยให้เป็นพรีเซนเทชั่นงานแต่งสุดเริด แถมด้วยเพลงประกอบที่เจ้าบ่าวลงมือทำเอง คู่รักคู่ไหนที่เป็นชอบท่องเที่ยวด้วยกันจะลองนำไปเป็นอินสไปเรชั่นปรับใช้กับพรีเซนเทชั่นงานแต่งของตัวเองก็ได้นะจ๊ะ

พรีเซนเทชั่นงานหมั้นแสนอบอุ่นระหว่าง “คุณสุกี้ กมล” และ “คุณเจ ปนัดดา”

          ผ่านไปเรียบร้อยแล้วกับพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานระหว่างนักดนตรีและนักแต่งเพลงมือเก๋า “พี่สุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์” กับ “คุณเจ-ปนัดดา เลิศหัตถศิลป์” ทายาทคนสวยของสมบัติเพิ่มพูน แกลเลอรี่ (แกลเลอรี่เอกชนที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย) โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ณ โรงแรมเดอะสุโกศล ท่ามกลางความอบอุ่นจากคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทที่มาร่วมแสดงความยินดีมากมาย วันนี้ WE-MAG.COM เลยขอนำภาพบรรยากาศความประทับใจภายในงานมาฝากกันค่ะ

ขอบคุณภาพวิดีโอจาก : Clearfc Wedding

ย้อนเวลาไปดูกัน กับ 4 ชุดเจ้าสาวที่สวยปานนางฟ้าของเจนสุดา ปานโต

ผ่านพ้นไปสักพักใหญ่กับงานแต่งงานของนักแสดง-พิธีกรสาว “เจน – เจนสุดา ปานโต” ที่ควงคู่แฟนหนุ่ม “พอล สิริสันต์” เข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 6 และ 9 มกราคม 2559 แต่ความงามเป๊ะของ ชุดเจ้าสาว ของนางนั้น ยังเป็นที่ชื่นชอบและอยู่ในฝันของว่าที่เจ้าสาวจนทุกวันนี้ เพราะด้วยดีเทลส์เรียบหรูทั้ง 4 ชุด มันเลอค่ามาก อยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าแต่ละชุดมาจากแบรนด์อะไรและสวยเริดขนาดไหน ไปดูกันเลย Go!

1. ชุดลูกไม้สีขาวในพิธีหมั้นจากแบรนด์ดัง Marchesar

1

เริ่มต้นกันที่ชุดแรกจากพิธีหมั้นกันก่อนเลยจ้า กับชุดเจ้าสาวทรงหางปลาแบบเบาๆ สีขาวดูเรียบหรู ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ เนคไลน์แบบสไตล์คอปาด แอบซีทรูเล็กน้อยช่วงเนินอกและช่วงแขนระดับเหนือศอก เลิศเลอกันตั้งแต่ชุดแรกทีเดียว!

2. ชุดเลื่อมลายปักจากแบรนด์ไทย Flynow

2

ชุดที่สองที่สาวเจนเปลี่ยนมาใส่ในช่วงแถลงข่าวเป็นชุดเจ้าสาวสีขาวทรงหางปลา ช่วงบนเปิดไหล่โชว์ไหปลาร้าเรียวสวย ช่วงแขนยาวลงมาจนถึงข้อมือ ด้านหลังเป็นแบบคอร์เซต อีกทั้งงานปักทั้งช่วงตัว อก และชายกระโปรงก็หรูเริดละเอียดยิบ นี่แหละฝีมือดีไซเนอร์ไทยสวยไม่แพ้ใครจริงๆ

3. ชุดสีขาวราวนางฟ้าจากแบรนด์ Patarasiri

3

อีกหนึ่งแบรนด์ไทยคุณภาพล้นแก้วที่เสกสรรชุดผ้าลูกไม้สีขาวแขนยาว จัดเต็มช่วงแขนด้วยลวดลายตารางเล็กๆ แซมผ้าลูกไม้ตรงข้อศอกและข้อมือ แอบเซ็กซี่ช่วงอกด้วยการเว้าซีทรูเป็นช่องๆ ส่วนกระโปรงทรงเอไลน์ไล่ระดับเป็นชั้นๆ ดูพลิ้วไหวใส่สบาย ชุดสวย คนสวย มองยังไงก็นางฟ้าชัดๆ !

4. ชุดสีเงินสวยชิคของแบรนด์ดังจากปารีส Lanvin

4

ถึงแม้จะไม่ใช่ชุดสีขาวตามแบบฉบับชุดเจ้าสาวทั่วไป แต่ในเมื่อเจ้าสาวใส่ ยังไงก็ต้องเรียกว่าชุดเจ้าสาว ฮ่าๆ ^^! ซึ่งงานนี้สาวเจนเลือกชุดเกาะอกสีเงิน จับจีบไล่ชั้นอย่างลงตัว เพิ่มกิมมิกเล็กน้อยด้วยแถบผ้าผูกเป็นโบว์คาดเอว เครื่องประดับเป็นต่างหูคู่ใหญ่รับกันกับชุดที่ใส่ แค่นี้ลุคเจ้าสาวสุดเก๋ก็คอมพลีทสำหรับพิธีฉลองมงคลสมรสสไตล์เอาท์ดอร์ในช่วงเย็นแล้ว

ปิดท้ายกับใบหน้าที่แต่งเติมเมคอัพลุคธรรมชาติ ดูเรียบหรู ส่วนทรงผมเก็บเรียบไม่ต้องยี ไม่ต้องมีผมปรกหน้า แม้ว่าจะหน้าผากกว้างแต่ก็ยังดูสวยสุดๆ สาวคนไหนที่หน้าผากกว้างทุกคนควรดูเป็นแบบอย่าง มั่นใจและเปิดไปเลยค่ะ รับรองว่าเริดปังจริงๆ

เรื่อง : JeenHuiBin

ขอขอบคุณภาพจาก IG : @janesuda, @jspchapterone, @tapitta, @flynowbangkok, #jspchapterone

บรรยากาศการขอแต่งงานใต้แสงดาวสุดโรแมนติกของ “บี้ KPN” และ “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์”

เรื่อง : JeenHuiBin

          ปล่อยมาให้ได้เห็นกันแล้วจ้ากับวิดีโอบรรยากาศการคุกเข่าขอแต่งงานระหว่างหนุ่ม “บี้ KPN” และดาราสาวอารมณ์ดี “กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์” งานนี้ว่าที่เจ้าบ่าวขอสานฝันให้กับว่าที่เจ้าสาวตัวเล็ก ด้วยการยกทีมไปเซอร์ไพร้ส์ที่ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ (Bangkok Planetarium) เนื่องจากสาวกุ๊บกิ๊บเคยใฝ่ฝันว่าอยากโดนขอแต่งงานใต้แสงดาว คราวนี้จึงได้สมใจ แถมด้วยพยานรักมากมายทั้งคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท รวมถึงความน่ารักของว่าที่เจ้าสาวเจ้าบ่าวที่ผลัดกันปล่อยมุกเรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และน้ำตาปริ่มๆ จากคนรอบข้างได้ไม่น้อย ไปดูความซึ้ง ความโรแมนติกของคู่เลิฟคู่นี้เลยดีกว่าค่ะ

ขอขอบคุณภาพวิดีโอจาก : Buddy’s Wedding

Melt In Your Mouth…ร้านอาหารอร่อยในเชียงราย

วันนี้น้องหอยยังคงลากตัวอวบๆ คลานคืบช้าๆ อยู่ในเมืองเชียงราย เมืองที่หลายคนติดใจในความเรียบง่าย สงบ และมีครบทุกอย่างไม่แพ้เมืองไหนในภาคเหนือ ส่วนเหตุผลที่ค่อยๆ คลานไปไม่ใช่ว่าขี้เกียจนะฮะ แต่เพราะสองตากลมๆ กำลังมองหาร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เขาว่ากันว่า บรรยากาศร้านน่านั่ง แถมอาหารที่เสิร์ฟก็ไม่ใช่ว่าจะหน้าตาสวยอย่างเดียว แต่รสชาติดีเว่อร์ เม้ากันมาขนาดนี้เห็นทีต้องพิสูจน์กับร้านริมแม่น้ำกกที่ดันด้นคลานมาเจอจนได้ Melt In Your Mouth ร้านอาหารอร่อยในเชียงราย ที่รอคุณมาพิสูจน์_MG_4970

ทันทีที่เห็นหน้าตาของร้าน Melt In Your Mouth น้องหอยพูดเลยว่า คุ้มที่ดั้นด้นคลานมาถึงจริงๆ เพราะแค่ภายนอกร้านก็กินขาด เชื่อล้านๆ เปอร์เซนต์ว่าสวนด้านหน้าต้องโดนใจสาวๆ ที่หลงรักการถ่ายภาพและสำหรับบรรดาหนุ่มๆ หัวใจนิยมธรรมชาติ สวนที่ว่านี้น่าจะเป็นเรฟเฟอเร้นให้จกไอเดียไปแต่งสวนที่บ้านแน่ๆ อ่ะๆ แต่ถ้าใครคิดจะจำกัดความสวนสวยนี้ว่า English Garden ละก็ น้องหอยบอกเลยว่า โนวๆๆๆ สวนนี้ไม่ใช่แนวนั้น แต่เป็นสวนสไตล์ฝรั่งเศสทางตอนใต้ฮะ

melt1

สไตล์ที่ว่านี้ คุณเปิ้ล- กุลนรี สุรเลิศรังสรรค์ เจ้าของร้านมีโจทย์ให้กับดีไซเนอร์ที่ออกแบบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ ลวดลายการตกแต่ง เครื่องเรือนที่ใช้ในร้าน รวมถึงภาพรวมของสีสันทั้งในและนอกร้าน โดยคีย์หลักคืออยากให้คนที่เข้ามาทานอาหารรู้สึกเหมือนนั่งทานอาหารในบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ ประมาณว่านี่แหละบ้านอิฉันเอง มามะมานั่งทานอาหารอร่อยๆ กันเหอะ!! แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการสร้างความแตกต่างจึงนำเอาการตกแต่งแนวฝรั่งเศสวินเทจมาใช้ เพื่อลูกค้าที่เข้ามาเยือนจะได้สัมผัสถึงกลิ่นอายฝรั่งเศสแบบไม่ต้องตีตั๋วไปไกล แค่บินมาเชียงรายก็จับต้องได้ ซึ่งปรากฏว่าบอกโจทย์กับดีไซเนอร์ไปแล้ว สิ่งที่เจ้าของร้านชอบทั้งหมดล้วนตรงกับสไตล์นี้เป๊ะ ร้านนี้ก็เลยกลายมาเป็นร้านอาหารแนวฝรั่งเศสตอนใต้อย่างที่เห็นนี่แหละฮะ

melt2

ทีนี้เมื่อร้านออกแนวฝรั่งเศส ทางร้านก็เลยนำชา Mariage Frères ซึ่งเป็นชายี่ห้อดังของฝรั่งเศสเข้ามาจำหน่ายยี่ห้อเดียวซะเลย (น้องหอยแอบสืบรู้มาว่า ชายี่ห้อนี้เริ่ดมากเพราะเป็นชายี่ห้อเดียวเท่านั้นที่เสิร์ฟในทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส และได้เสิร์ฟให้กับแขกระดับประเทศเช่น ควีนอิลิซซาเบธและดาราฮอลลีวู้ดอีกมากมาย) ส่วนเรื่องของเมนูอาหารเนี่ย ร้านนี้เขาไม่ได้สักแต่ว่าปรุงรสไปเรื่อยๆ นะฮะ แต่คัดสรรและใส่ใจกันตั้งแต่วัตถุดิบซึ่งไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวกันเลยทีเดียว

คอนเซ็ปต์ของการทำอาหารขายของที่นี่ ถ้าจะให้พูดแบบบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ คือเจ้าของร้านชอบทานอาหารอร่อย แต่พอไม่เจอของอร่อยที่ถูกปากก็รู้สึกว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็สรรหาของอร่อยมาให้ตัวเองกินและให้คนอื่นได้กินของอร่อยเหมือนเราซะสิ จะได้แฮปปี้ทั้งคนทำและคนกินซะเลย

melt3

เอาล่ะ ทีนี้มาเริ่มกันที่เบเกอรี่ของทางร้านเป็นอย่างแรกดีกว่า เพราะทันทีที่เข้ามาในร้าน เค้กหน้าตาน่ากินคือสิ่งแรกที่สะดุดตาสะดุดใจน้องหอยเป็นที่สุด ยิ่งพอได้รู้ว่าทุกเมนูทางร้านผลิตเองยิ่งตาโตหนักกว่าเดิม เพราะไม่ได้มีแค่ 3-4 เมนูนะฮะ มาเพียบเต็มตู้เกือบ 50 ชนิด แถมความพิเศษยังอยู่ที่วัตถุดิบสำคัญๆ ในการปรุงแต่ละเมนูก็นำเข้าจากประเทศทั้งหมดเพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นต้นตำรับจริงๆ นอกจากนี้ในแต่ละสูตรความอร่อยยังได้รับคำปรึกษาจากเพื่อนๆ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการทำขนมคู่ไปกับการปรับสูตรให้ถูกปากคนกิน จากนั้นก็ออกแบบหน้าตาของขนมกันอีกที

melt5

เมนูเด็ดที่น้องหอยขอแนะนำมีทั้งคาวหวาน แต่ตอนนี้ขอพูดถึงเบเกอรี่ที่เกริ่นนำไปก่อน เพราะถือว่าเป็นเมนูบุกเบิกของทางร้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็น Strawberry Tiramitsu, มูสครีมชีสมะม่วง และ Panacotta Mixed Fruit ซึ่งแน่นอนว่าจะให้อร่อยครบสูตรต้องจับคู่กับเครื่องดื่มรสเลิศ โดยเฉพาะกาแฟของที่นี่ น้องหอยการันตีความเด็ดที่คุณภาพของทุกเมล็ดกาแฟจากต้นตอแหล่งกำเนิด ซึ่งก็คือไร่กาแฟท้องถิ่นของจังหวัดเชียงราย เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า เชียงรายคือพื้นที่ผลิตเมล็ดกาแฟส่งออกที่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ทีนี้จะไปเสาะหาจากไหนไกล กาแฟบ้านเรานี้แหละเด็ดสุดแล้ว สามีของพี่เปิ้ลก็เลยลงพื้นที่ไปดูต้นทางการผลิตแล้วคัดเลือกเมล็ดกาแฟมาจัดเสิร์ฟให้ด้วยตัวเอง

ส่วนเมนูอาหารคาวไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเจ้าของสูตรอาหารเหนือในร้านคือคุณทวดของเจ้าของร้าน ซึ่งเป็นนางต้นห้องของเจ้าดารารัศมีได้ถ่ายทอดวิชาความอร่อยมาให้ลูกหลาน ซึ่งเมื่อมาถึงรุ่นปัจจุบัน (รุ่นที่ 4) ได้ปรับรสชาติให้เข้าลิ้นคนทานมากขึ้น นอกจากนี้ยังใส่ความทันสมัยให้กับหน้าตาของอาหารด้วยการจัดเสิร์ฟในรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์คนกินมาขึ้นไปอีก โดยปรับปริมาณของอาหารให้พอดีกับการเลือกทานได้หลายเมนูมากขึ้น (ตรงจุดนี้ขอให้เหลือบตาไปดูภาพเพื่อกระตุ้นน้ำย่อยให้ทำงานหนักกว่าเดิมฮะ)

melt4

อย่างเมนูที่น้องหอยได้ลอง น้องหอยบอกเลยว่าไปกันสองคนนั่งกินพอดีอิ่ม คุ้มค่า คุ้มราคา คุ้มที่ได้ไปกิน ไม่ว่าจะเป็น ชุดเมลท์ล้านนา ที่ประกอบไปด้วย แกงฮังเล ไส้อั่ว ลาบเหนือคั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมูและผักสด หรือจะเป็น ชุดกระเช้าน้ำพริกเมลท์ ที่แต่ละเมนูก็เด็ดไม่แพ้กัน ทั้ง น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม ผักสด ไข่ต้ม แคปหมูจัดเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวนุ่มๆ ร้อนๆ ขอย้ำว่า ทุกเมนูที่ว่ามานี้ทางร้านทำเองล้วนๆ ด้วยสูตรต้นตำรับที่พิถีพิถันในการปรุงทุกขั้นตอน อ้อ..ไม่ต้องห่วงนะฮะว่า เมนูเหนือจะกินยาก น้องหอยขอท้าให้ลองมาที่นี่ และสั่งเมนูที่ว่าทานดูก่อน แล้วคุณจะซึ้งเลยล่ะว่า เมนูเหนือที่รสชาติเริ่ด เข้าปากทีไม่ใช่แค่ละลายในปากแต่ใจจะละลายเพราะความอร่อยจนต้องสั่งกลับบ้านมีอยู่จริง!!

_MG_5014

ร้านนี้มีบริการพิเศษอะไรอีกใช่ไหมฮะ แน่นอนว่าร้านที่แนะนำไม่ได้เริ่ดแค่อาหาร เพราะที่นี่รับจัดงานในวาระพิเศษต่างๆ ด้วย แต่ถ้าจะให้น้องหอยแนะนำเป็นพิเศษ ขอเชียร์ให้มาจัดงานแต่งงานกันที่นี่ เพราะด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกกับตัวตึกที่จับคู่สวนสวย พูดเลยว่าคุณแทบจะไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเพราะทุกมุมสวยในตัวเองอยู่แล้ว ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงาน ลองแวะมาคุยกันได้ ส่วนที่ว่าจะเสิร์ฟเมนูประเภทไหนแบบใด จิ้มเลือกได้เลยฮะ เพราะทุกเมนูน้องหอยรับประกันว่า ความอร่อยละลายในปากอย่างแน่นอน

หมายเหตุ Melt In Your Mouth (เมลท์ อิน ยัวร์ เม้าท์) ถนนเกาะลอย ตำบลรอบเวียง โทร. 0-5371-1199 Facebook : meltinyourmouthchiangrai เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08:00-20.30 น.

เรื่อง : น้องหอยคลานไปกิน

รวมเด็ด 60 ชุดจาก 20 เจ้าสาวคนดังแห่งปี 2015

ในปีที่ผ่านมามีคู่รักดาราพากันตบเท้าเข้างานวิวาห์กันหลายคู่เลดี้เห็นแล้วแทบจะเอาน้ำมาดับไฟที่ตาแทบไม่ทัน ก็แหมต่อมอิจฉาของคนโสดมันแรงนี่จ๊ะ เพราะนอกจากจะมีความรักที่เริ่ดเลอแล้ว ชุดเจ้าสาวแต่ละนางก็สวยดูดีจนเลดี้ก็อยากจะใส่มั่ง แต่จะมีชุดของใครเข้าตาเลดี้บ้างมาดูกันเลย

1. กระแต – ศุภักษร ไชยมงคล
พิธีหมั้น : วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม โรงแรมดาราเทวี จ.เชียงใหม่
พิธีฉลองมงคลสมรส : วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ

1-1นักแสดงสาวกระแต ศุภักษรใช้ชุดไป 7 ชุด โดย 4 ใน 7 เป็นชุดเจ้าสาวแสนสวยจากฟินาเล่เวดดิ้ง สตูดิโอ ชุดตักบาตรสาวกระแตเลือกชุดไทยประยุกต์แขนยาวผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสซีทรูสีขาว คอปีน พอถึงพิธีหมั้นเจ้าสาวมาในชุดเคียนอกห่มสไบสีทอง พร้อมนุ่งผ้าถุงสีแดง สำหรับพิธีในโบสถ์สาวกระแตเลือกชุดแต่งงานแขนยาวคอปาด ที่มาพร้อมกระโปรงทรงบอลกาวน์ 3 ชั้น (ว่ากันว่าใช้ผ้าทั้งหมด 90 หลา!) แถมชุดนี้ยังพิเศษที่ประดับคริสตัลจากสวารอฟสกี้ทั้งชุด และสุดท้ายกับแบรนด์นี้ด้วยชุดแถลงข่าวสไตล์เรียบโก้ด้วยเกาะอกรูปหัวใจแบบมีคอร์เซตพร้อมกระโปรงทรงบอลกาวน์จับจีบสีงาช้าง

1-2อีก 3 ชุดที่เหลือเลดี้ขอเริ่มด้วยชุดพิธีส่งตัวเข้าหอเป็นชุดไทยล้านนาประยุกต์เกาะอกสีทองอ่อน พร้อมผ้าคลุมกระโปรงทรงบอลกาวน์สีทองสุดอลังการ ในงานเลี้ยงวันหมั้นเจ้าสาวใช้ชุดค็อกเทลเกาะอกสีขาวต่อด้วยผ้าซีทรูเพิ่มเลเยอร์ลูกไม้ดูเรียบหรู ปิดท้ายด้วยชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้วันฉลองมงคลสมรสเป็นเดรสสั้นเกาะไหล่สีขาวสุดเซ็กซี่ ปักเลื่อมระยิบระยับ ต่อกระโปรงด้วยผ้าซีทรูสีขาวทรงเมอร์เมดเหมาะสมกับลุคของสาวกระแตอย่างลงตัว

2. บุ๋ม – ปนัดดา วงษ์ผู้ดี
พิธีหมั้นและพิธีฉลองมงคลสมรส : วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม ไร่เชิงตะวัน จ.เชียงราย
2 ดร.บุ๋มคนสวยเลือกสวมชุดแต่งงานจากแบรนด์ฟินาเล่เวดดิ้ง สตูดิโอถึง 4 ชุดเริ่มด้วยชุดแรกในพิธีสงฆ์กับชุดไทยจักรพรรดิประยุกต์สีทอง ตัวสไบปักประดับคริสตัลวิบวับจากสวารอฟสกี้ จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นชุดต้อนรับแขกสไตล์ไทยล้านนาประยุกต์เคียนอกด้วยผ้าเดินลายข้าวหลามตัด จับจีบแทรกผ้าบริเวณอกพร้อมนุ่งผ้าไหมยกดอกสีทอง

ชุดพิธีผูกข้อมือเป็นชุดไทยล้านนาประยุกต์สมัยรัชกาลที่ 6 ใช้ผ้าไหมทอลายสีงาช้างตัดเป็นเกาะอกรูปหัวใจ ทับด้วยเสื้อลูกไม้ฝรั่งเศสแขนยาวสีขาวต่อผ้าระบายปลายแขน นุ่งผ้าถุงป้ายหน้าทรงเมอร์เมดสีครีมโชว์ลายผ้าสีทอง ปิดท้ายด้วยชุดพิธีบายศรีสู่ขวัญสไตล์ล้านนาประยุกต์สีแดงทับทิมทอง ด้านบนเป็นเกาะอกสีแดง กระโปรงตัดเข้ารูปทรงเมอร์เมด พร้อมผ้าคลุมไหล่สีแดงปักลายทองตรงชายผ้า เลดี้ขอบอกเลยว่าชุดนี้ทำให้สาวบุ๋มดูเป็นเจ้านางฝ่ายเหนือจริงๆ เจ้า

3. ลีเดีย – ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา
พิธีหมั้น : วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม โรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ
พิธีฉลองมงคลสมรส : วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม โรงแรมอินเตอร์ คอนดิเนลตัน กรุงเทพฯ

3ลีเดียจัดมา 4 ชุดไม่แพ้ใคร เริ่มจากชุดไทยจักรีสีพิ้งค์โกลด์ในพิธีสงฆ์ ชุดนี้เด่นที่สไบปักดิ้นฉลุลายกลีบบัว เพิ่มความอลังการด้วยผ้าไหมไทยทอแทรกด้วยดิ้นทองมารองซับด้านล่างนุ่งผ้าถุงจับจีบหน้านางที่ทอจากไหมอินเดียจากแบรนด์ Myriad Grand Monde

พิธีหมั้นสาวลีเดียเลือกใส่ชุดไทยประยุกต์ จากแบรนด์ Kai Boutique ท่อนบนเป็นเกาะอกรูปหัวใจสีขาวประดับขนนกมาพร้อมกับกระโปรงผ้าไหมพิมพ์ลาย ตกเย็นแถลงข่าวด้วยชุดเดรสยาวเกาะอกรูปหัวใจกระโปรงทรงเมอร์เมดโดดเด่นด้วยการอัดกลีบทั้งตัวและจับจีบดอกไม้บริเวณชายกระโปรงและไฮไลท์อยู่ที่ชุดเจ้าสาวที่หลายคนกล่าวขวัญเพราะเป็นผ้าซีทรูที่เผยเห็นสัดส่วนอย่างชัดเจนจากแบรนด์ ZuhairMurad ที่สั่งตรงมาจากฝรั่งเศส

4. ชมพู่ – อารยา เอ ฮาร์เก็ต
พิธีหมั้น : วันพุธที่ 6 พฤษภาคม โรงแรมเพนนินซูล่า กรุงเทพฯ
พิธีฉลองมงคลสมรส : วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม โรงแรมพลาซ่า แอทธินีรอยัล เมอริเดียน

4ขึ้นชื่อว่า ชมพู่ อารยา ซะอย่าง จะให้เลือกชุดเจ้าสาวธรรมดาๆ ได้ไง นางก็เลยจัดมาซะ 4 ชุดที่มูลค่ารวมเกือบ 10 ล้านบาท เริ่มจากแบรนด์ Elie Saab Haute Couture ที่สาวชมเลือกใช้ถึง 2 ชุด ได้แก่ ชุดหมั้นที่ว่ากันว่ามีมูลค่าถึง 1,500,000 บาท จับคู่กับรองเท้าจากแบรนด์ ChristainLouboutin ที่ได้เป็นของขวัญมาจากเพื่อนสนิทและชุดแถลงข่าวประดับด้วยคริสตัลมาพร้อมกับรองเท้าของ Sergio Rossi สนนราคารวมกันก็แค่ 3ล้านบาทเอ๊ง!!!

ชุดฉลองมงคลสมรสนี่ก็ไม่ธรรมดาเพราะสาวชมเป็นรายที่ 3 ที่ GiambattistaVali Haute Couture ออกแบบชุดให้ แถมใส่รองเท้าแก้วจาก Dolce and Gabbana ทั้งหมดราคาเพียง 3ล้านกว่าบาท จิ๊บๆ (งานนี้ไม่รู้ว่าเลดี้ตาไม่ถึงหรือยังไง เพราะผ้าคลุมที่หลังช่างทำให้ชุดนี้ของนางดูเหมือนผู้เฒ่าเต่าเชียว) และส่งท้ายด้วยชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดชิคสั่งตรงมาจากรันเวย์ของ Christain Dior แถมด้วยรองเท้า Converse All Star รุ่น Chuck Taylor Classic สีขาว

5. น้ำ – รัตนิน สุพฤฒิพานิชย์
พิธีหมั้นและพิธีฉลองมงคลสมรส : วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม โรงแรม S31 กรุงเทพฯ

5เจ้าสาวคนสวยนัก D.I.Y. ของหนุ่มแก๊ป ธนเวทย์ เลือกใช้ชุดแต่งงานเพียงแค่ 2 ชุดเท่านั้น! แต่สามารถใส่ได้ถึง 3 แบบ!โดยในพิธีหมั้นเจ้าสาวใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงปักรูปดอกเหมยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง (ชุดนี้สาวน้ำยืดอกอวดว่ายืมเพื่อนมา แต่ใส่ได้พอดีเป๊ะ!) ต่อด้วยชุดที่สองจากแบรนด์ POEM เป็นชุดแบบ 2 pieces ประกอบด้วยเสื้อคอกว้างแขนยาวสีขาว1 ตัวจับคู่กับกระโปรงผ้าไหมทรงปริ๊นเซสลายดอกไม้สีน้ำเงิน ซึ่งชุดนี้น้ำใช้ช่วงแถลงข่าวพอเข้าสู่ช่วงพิธีมงคลสมรสก็แค่เปลี่ยนกระโปรงเป็นกระโปรงผ้าไหมสีขาวครีมด้านในด้วยผ้าไหมเคลือบลามิเนต 2 ชั้น ทำให้กระโปรงพองแข็งอยู่ทรง พร้อมเวลผ้าโปร่งสีขาวและมงกุฎดอกไม้ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองแค่นี้ราศีเจ้าสาวก็จับแล้วจ๊ะ

5 ช่างแต่งหน้าคิวทองของเมืองไทย

เรื่อง : Red Velvet

           เชื่อว่าเจ้าสาวหลายคนคงอยากสวยที่สุดในวันพิเศษของตัวเอง และหากคุณกำลังมองหาช่างแต่งหน้าที่อยู่ในอันดับต้นๆของเมืองไทยคงหนีไม่พ้น 5 อันดับช่างแต่งหน้าคิวทอง ที่มีผลงานมากมายให้เราได้เห็นจากอินสตาแกรมของเหล่าดารา รวมไปถึงการแต่งหน้าเจ้าสาวที่แต่ละคนมีผลงานการันตีนับร้อย เราไปทำความรู้จักกับพวกเขากันเลยค่ะ

 
1. วินิจ บุญชัยศรี (ป้อม) Instagram : @pom_vinij

1           หากพูดถึงช่างแต่งหน้าของเมืองไทยที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ หลายคนต้องรู้จักพี่ป้อม วินิจ ซึ่งมีผลงานการแต่งหน้าให้ซุปตาร์ตัวแม่อย่าง “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ให้โดดเด่นที่เมืองคานส์ในปีที่ผ่านมา ด้วยสไตล์การแต่งหน้าที่ออกแนวสวยคม ตาแน่น ปากแน่น ขนตาเป๊ะ ซึ่งสไตล์นี้ทำให้ตาดูคมขอบตาชัดและรับกับปากที่เข้ากันสุดๆไปเลยค่ะ เหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการอยากได้ลุคที่จัดเต็มเป็นนางพญาค่ะ นอกจากนี้ยังมีแฮชแท็กประจำใจอย่างเช่น #ลูกสาวสวยมาก #ทำทุกงานเราไม่บ่น เพราะความจนมันน่ากลัว อีกด้วย
ข้อมูลการติดต่อ : โทร. 09-4236-4424 , www.fiatbypomvinit.com
ผลงานเพิ่มเติมทาง Instagram : @pom_vinij

2. ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ (ฉัตร) Instagram : @nongchat

2           อีกหนึ่งช่างแต่งหน้าที่ทำให้ “หญิง-รฐา โพธิ์งาม” ได้เดินสวยบนพรหมแดงที่เมืองคานส์ คงหนีไม่พ้นน้องฉัตรที่กำลังมาแรง นับเป็นช่างแต่งหน้าที่อายุน้อยแต่มีชื่อเสียงมากในขณะนี้ สไตล์การแต่งหน้าของน้องฉัตรจะออกแนวหวาน โทนสีชมพู สีพีช สีนู้ด เน้นดวงตาให้ดูหวานฉ่ำ หน้าเจ้าสาวจะดูหวานเป็นธรรมชาติ ไม่หนาจนเกินไปนอกจากนี้น้องฉัตรเองยังแต่งหน้าผู้ชายได้เริ่ดอีกด้วยค่ะ งานผมนี่ไม่ต้องพูดถึงเป๊ะปังสะกดทุกสายตาแขกในงานกันเลยทีเดียว หากเจ้าสาวคนไหนชอบสไตล์หน้าหวานๆ สไตล์เจ้าหญิงโลกสวย ดวงตากลมโต และงานขนตา น้องฉัตรคือคำตอบของคุณค่ะ
ข้อมูลการติดต่อ : โทร. 09-1739-3056, Line : nongchat111 หรือ aimmyitchy21, Facebook : suaytamsung
ผลงานเพิ่มเติมทาง Instagram : @nongchat

3. นพกร เพชรล้ำ (ชาติ) Instagram : @chartmakeup

3           ช่างแต่งหน้าที่เนรมิตรหน้าเจ้าสาวให้ได้หวานหยดย้อยคงหนีไม่พ้น พี่ชาติ หรือที่หลายคนคงรู้จักในชื่อ ชาติ เมคอัพ สไตล์ของพี่ชาติจะเน้น Eyes shadow ดูเป็นธรรมชาติ ขอบตาที่เฉี่ยว ปากเต็ม สะกดสายตาประหนึ่งว่าเป็นเจ้าหญิง เจ้าสาวคนไหนที่อยากได้ดวงตาโฉบเฉี่ยว ลุคเจ้าสาวเบาๆ ไม่หนักหน้า พี่ชาติช่วยเนรมิตให้คุณสวยได้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้ยังมีผลงานการแต่งหน้าให้กับ “ปอย ตรีชฎา” อยู่เป็นประจำด้วยนะคะเรียกได้ว่าเป็นลูกรักกันเลยทีเดียว
ข้อมูลการติดต่อ : โทร. 08-6999-3101, Line : Teka_boy
ผลงานเพิ่มเติมทาง Instagram : @chartmakeup

4. ทศพล สนั่นวงศ์ (ฮั้ว) Instagram : @hollyhua

4           ช่างแต่งหน้าที่นักแสดงแถวหน้าในเมืองไทยรู้จักอย่าง ฮั้ว ทศพล ซึ่งเคยแต่งหน้าเจ้าสาวอย่าง “แอฟ ทักษอร” และ “ตั๊ก บงกช” สไตล์ของพี่ฮั้ว ทศพล จะเน้นใบหน้าที่ดูมีสีสันของแก้มและปาก คิ้วชัด เน้นงานตาที่เบา ปากชัด ลุคเจ้าสาวที่ได้จะออกแนวสาวใสวัยแรกแย้มแบบย้อนวัยกันเลยทีเดียวค่ะ เจ้าสาวคนใดชอบสไตล์ขี้เล่นเจ้าสาวแสนสนุก ติดต่อพี่ฮั้ว ทศพลได้เลยค่ะรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
ข้อมูลการติดต่อ : โทร. 08-1638-5911, Line : Hollyhua
ผลงานเพิ่มเติมทาง Instagram : @hollyhua

5. พรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์ (ป๊อก) Instagram : @lovemelondon

5           พี่ป็อกเป็นช่างแต่งหน้าที่มีโอการแต่งหน้าอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชินีเจกซุน และเจ้าชายจิกมีแห่งภูฏานค่ะ เราจะเห็นผลงานการแต่งหน้าของพี่ป็อกได้จากซุปตาร์อย่าง “พลอย เฌอมาลย์” เป็นประจำ สไตล์การแต่งหน้าของพี่ป็อกจะออกแนวจมูกชัด แก้มชัด ขนตาเป็นธรรมชาติไม่หนาจนเป็นแพ และงานดั้งกับงานเน้นหัวตาที่ชัดเจนทำให้หน้าดูมีมิติมากค่ะ
ข้อมูลการติดต่อ : โทร. 08-5196-4242
ผลงานเพิ่มเติมทาง Instagram : @lovemelondon

ขอขอบคุณภาพจาก IG : @pom_vinij , @nongchat, @chartmakeup, @hollyhua, @lovemelondon

The Route of Love สุกี้-กมล และ เจ-ปนัดดา

ราว 10 ปีก่อน กมล สุโกศล แคลปป์ หรือที่คนในวงการเพลงรู้จักกันในชื่อ “สุกี้” ได้บิดมอเตอร์ไซค์คันโตออกจากกรุงเทพฯ อันเป็นบ้านเกิดและเมืองที่เขาเติบโต โดยทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้เบื้องหลัง

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตคู่ที่เพิ่งกลายเป็นอดีต…ค่ายเพลงที่เขามีส่วนร่วมก่อตั้ง…กีตาร์…สตูดิโอ…และวงการดนตรี เขาเดินทางไกลไปบนพาหนะ 2 ล้อราคาแพงระยับ โดยที่ไม่มีกำหนดกลับ…ไม่มีแม้แต่เป้าหมายที่ปลายทาง เวลานั้นสุกี้ไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป กลับไปสานต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัว หรือว่ามองหาเส้นทางใหม่ๆ

ไม่นานนัก ในระหว่างที่ยังอยู่ในช่วงเวลาของความสับสนบนทางแยกของชีวิต เขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง…เธอ คือ เจ ปนัดดา เลิศหัตศิลป์ ผู้บริหาร “สมบัติเพิ่มพูน แกลเลอรี่” แกลเลอรี่เอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักสะสมงานศิลป์ ในฐานะศูนย์รวมผลงานของศิลปินชื่อดังที่มีมูลค่านับพันล้านบาท

แล้วนับจากนั้นชีวิตของ “เขา” และ “เธอ” ก็เปลี่ยนไป…

1Route 1: Love at First Ride

“การแต่งงานเป็นเรื่องแปลกนะ ชีวิตก็ดูเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม”

ผู้ชายที่เพิ่งผ่านงานใหญ่ครั้งแรกของชีวิตมาได้ไม่นานนัก (ในวันที่สัมภาษณ์) เปรยขึ้นมา ถัดจากคำทักทายถึงชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้น “อย่างเป็นทางการ” กับภรรยาของเขา ซึ่งเส้นทางของทั้งคู่ได้มาโคจรพบกันเมื่อหลายปีก่อน

“ผมเจอกับเจครั้งแรกที่งานวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่ง ประมาณ 5 ปีครึ่งมาแล้ว” คุณสุกี้อธิบายท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นริมน้ำของอพาร์ตเมนต์หรูย่านสาทร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านหลังแรก นับจากที่เขาต้องกลับมาใช้ชีวิตลำพัง แตกต่างจากครั้งนี้ที่กลายเป็นเรือนหอของเขากับผู้หญิงที่ถูกยกให้เป็น “คนที่เอาสุกี้อยู่!”

“วันนั้นพี่สาวไปด้วย (คุณดารณี สุโกศล แคลปป์) แล้วเขาอยู่กับเพื่อนสวยๆ เต็มเลย ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยแนะนำใครให้น้องชาย เพราะคิดว่าน้องชายทุเรศ (หัวเราะลั่น)”

แม้จะเพิ่งผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดในเรื่องความรักมา แต่ด้วยแววตาสดใสที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจของคุณเจ ทำให้สัญชาตญาณกระซิบกับคุณสุกี้ว่า “นี่แหละคนที่เราเฝ้าคอยมาตลอด”

แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับตัวเขา หรือเหตุการณ์ในวันนั้นเลยก็ตาม

“คืนนั้นพี่ดารณีแนะนำน้องชายให้รู้จัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะคะ เพราะว่าไม่ได้คุยกันเลย รู้แค่ อ๋อ นี่คือน้องชายพี่ดารณี แล้วก็รู้แค่ว่า เขาอยู่ในวงการบันเทิง” คุณเจเล่าด้วยรอยยิ้มถึงช่วงเวลาที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

2เหตุการณ์หลังจากคืนนั้นเป็นยังไงบ้าง

“จากที่เจอวันนั้น ผมก็ตั้งใจว่าจะจีบเขา แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ เพราะผมเป็นคนขี้อายและไม่มั่นใจตัวเองในเรื่องผู้หญิงมาตลอด สมัยเด็กๆ ก็ไม่เคยจีบใครติดเลย…แต่จะเอาคนนี้! (หัวเราะ) ผมเลยเริ่มจากขับรถไปบ้านพี่ณีแล้วบอกเขาว่า ‘คนนี้ไอชอบจริง ยูอย่าทำพังนะ’ ซึ่งตอนที่พูดเขากำลังกินข้าวอยู่ พอได้ยินแล้วเขาก็… (ทำหน้าอ้าปากหวอ) คือผมกลัวเขาไปพูดต่อแล้วทำทุกอย่างพัง” คุณสุกี้เล่าเสียงดัง ขณะที่คุณเจนั่งฟังยิ้มๆ

“หลังจากนั้นพี่สา (มาริสา สุโกศล หนุนภักดี) จัดงานเปิดตัวหนังสือของเขา (“มาริสา อัลบั้มรับเฉพาะรัก”) ซึ่งต่างคนต่างก็ได้ไปร่วมงาน และทุกอย่างเริ่มคืบหน้าเมื่อ จุ๊ก (อาทิตย์ อัสสรัตน์) เพื่อนผม จัดการชวนเจไปที่บ้านเขา”

“ตอนนั้น ยูนิ ภรรยาของคุณจุ๊กเพิ่งย้ายมาจากสิงคโปร์ เขาทำงานเกี่ยวกับศิลปะ แล้วจุ๊กหรือยู (หมายถึง สุกี้) นี่แหละเมล์มาหาเจว่า อยากแนะนำให้รู้จักกับยูนิ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกับคุณจุ๊กมาก่อน เราก็คิดแค่ว่าได้รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อจะได้ร่วมงานกัน”

3แล้วคุณเจเริ่มรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าผู้ชายคนนี้มาจีบเรา

“เริ่มรู้วันที่มีงานเปิดนิทรรศการที่หอศิลป์กรุงเทพ หลังจากวันที่เจอกันที่บ้านคุณจุ๊กประมาณอาทิตย์หนึ่ง เจกำลังถือพวกหนังสือสูจิบัตรอยู่เป็นปึกๆ แล้วเขาเข้ามาบอกว่าจะถือให้ จุดนั้นทำให้เริ่มสะกิดใจ พอดีงานวันนั้นเลิกไม่ดึก เราต่างคนต่างไม่ได้เอารถมา ต้องลงมาเรียกแท็กซี่อยู่แล้ว ก็เลยถามว่า ไปกินข้าวกันไหม คืนนั้นเลยมีโอกาสได้คุยกัน 2 คนเป็นครั้งแรก”

4Route 2: Love is on the way

จากจุดเริ่มต้นคืนนั้น ประตูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆ แง้มออกมาช้าๆ ขณะที่วันเวลาที่ผ่านไปก็พิสูจน์ว่า เสียงกระซิบจากสัญชาตญาณของคุณสุกี้ในครั้งแรกที่พบกันนั้นถูกต้อง…ทั้งยังชัดเจนขึ้นทุกขณะ

“เขาเป็นผู้หญิงที่สามารถอยู่กับเพื่อนผมได้ สามารถซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้าป่าได้ แถมยังไปพิพิธภัณฑ์กับคุณกมลา (กมลา สุโกศล คุณแม่ของคุณสุกี้) ได้นี่หายากนะเว่ย เรียกว่าขึ้นเหนือลงใต้ ไฮโซโลโซได้หมด” คุณสุกี้ชมคุณเจ ก่อนจะเล่าต่อถึงเส้นทางความรักที่เริ่มเบ่งบาน

ขณะเดียวกันทางฝั่งของคุณเจ ก็รู้สึกประทับใจในความแข็งแรงบึกบึนและ “ถึก” ในแบบผู้ชายๆ ของเขา แถมบุคลิกบางอย่างของคุณสุกี้ยังไปมีส่วนคล้ายคลึงกับผู้ชายคนที่เป็นดั่งรักแรกของเธอ

“พอคบกันมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า เฮ้ย เขาเหมือนพ่อเรา คือคุณพ่อจะเป็นศิลปิน สมัยก่อนท่านเคยเขียนป้ายโรงหนังเฉลิมไทยด้วย นอกจากนั้นคุณสุกี้ยังดีอย่างหนึ่งคือ เขาเป็นศิลปินที่มีความเป็นนักธุรกิจอยู่ในตัว คุณพ่อเจก็เหมือนกัน ความเป็นศิลปินของคุณพ่อคือ มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดอยู่ในกรอบ แต่ก็จะเป็นคนมีระเบียบ”

ด้วยฝ่ายชายหมั่นส่งข้อความแสดงความรู้สึกภายในใจผ่านโปรแกรมแชตแบล็คเบอร์รี่ไปหาฝ่ายหญิงเป็นภาษาคาราโอเกะตามที่เพื่อนฝูงได้สอนเอาไว้ ระยะห่างระหว่างทั้ง 2 คนก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ชิดเป็นลำดับ กระทั่งบททดสอบแรกที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอีกขั้นได้มาถึง

5บททดสอบนั้นคืออะไรหรือครับ

“เราสองคนได้บังเอิญไปเจอดีโน่ (ลูกชายคุณสุกี้กับภรรยาคนแรก) ที่ร้านแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท”

“เป็นการเจอกันแบบแปลกๆ ด้วย เพราะวันนั้นดีโน่อยู่กับพ่อแม่ของแฟนเขา ซึ่งผมไม่เคยเจอพวกเขามาก่อน”

“ตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มๆ คบกัน เจยังไม่มีโอกาสได้เจอดีโน่เลย แล้วอยู่ดีๆ ไปเจอกันที่ร้านอาหาร เจก็รู้สึกผิดนิดนึงว่า ดีโน่ไม่น่าถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องมาเจอกันเลย เขาน่าจะเจอเราในสถานการณ์ที่เขาอยากจะเจอ แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร ต่างคนต่างก็ไปนั่งโต๊ะของตัวเอง แต่ทุกอย่างก็โอเคค่ะ (ยิ้ม)”

6ทำไมคุณเจถึงมองว่า วันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้า

“เพราะดีโน่เป็นส่วนสำคัญของชีวิตเขา แล้วคุณสุกี้ก็จะพยายามปกป้องดีโน่ คือถ้ายังไม่แน่ใจกับคนที่คบจริงๆ เขาก็จะไม่แนะนำให้ดีโน่รู้จักเลย ดังนั้นพอเรายังไม่ได้เจอส่วนสำคัญของชีวิตเขา ก็เหมือนกับมีช่องว่างขนาดใหญ่มากั้นเราไว้ ทำให้เรายังไม่สนิทกันจริงๆ น่ะค่ะ ดังนั้นพอเราอุดช่องว่างนั้นไปได้แล้ว ทุกอย่างก็ดีขึ้น”

“จากก้าวแรก ผมเอาเขาซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้ พอผ่านก้าวที่สอง เขาได้เจอดีโน่แล้ว ก็มาถึงก้าวที่สามตอนที่ได้เจอคุณกมลา” คุณสุกี้ไล่ระดับความสัมพันธ์แบบเข้าใจง่ายให้ฟัง

8งั้นขอย้อนกลับไปก้าวแรกก่อนว่า วันแรกที่คุณเจยอมซ้อนมอเตอร์ไซค์คุณเป็นยังไงบ้าง

“วันนั้นเพื่อนๆ ผมมีแข่งมอเตอร์ไซค์กันที่บางแสน ผมเลยให้เจซ้อนไปบางแสน แล้วเป็นวันที่ร้อนมากๆ เลย พอเรากลับมาถึงที่นี่ ผมกับเจเดินขึ้นบันไดสวนกับน้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู) น้อยมองเราแล้วก็ถามว่า “What do you do to her?” เอาเขาไปทำอะไรมา (หัวเราะ)”

7โอเค กลับมาก้าวที่สาม คุณเจไปพบคุณกมลาได้ยังไงครับ

“เจอโดยบังเอิญที่เอ็มโพเรี่ยมค่ะ เหมือนคราวดีโน่เลย คือเราก็ไม่รู้ว่ามันถึงเวลาที่จะได้เจอแม่เขาหรือยัง แต่อยู่ดีๆ มาเจอ ก็เลยรู้สึกแบบ…ยังไงล่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร” คุณเจเล่า “จริงๆ ตอนที่คุณสุกี้ได้เจอคุณพ่อเจก็บังเอิญอีกเหมือนกันนะคะ คือคุณสุกี้ไปแกลเลอรี่ แล้วคุณพ่อมาพอดี ก็เลยได้เจอกัน”

นับจากที่คบกันจริงจัง เคยมีปัญหาหรือทะเลาะกันบ้างไหมครับ

“ผมโดนด่าทุกวัน (หัวเราะ) ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะปกติคนไทยจะไม่ค่อยเถียงกัน แล้วก็จะเก็บเอาไว้ในใจ แต่เขาเป็นคนพูดตรงๆ “สุ ยูผิด!” ซึ่งปกติผมไม่ค่อยฟังใคร และไม่มีใครด่าผมไง (นิ่งคิด) แต่เราก็ไม่ทะเลาะกันมากนะครับ นานๆ ที แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่ผมคบเขาไปได้ประมาณครึ่งทาง เขาเคยบอกว่า “สุกี้ ไอน่ะปกติ ยูน่ะแปลก” (หัวเราะ)”

“คือเจรู้สึกว่าเขาจะมีความซับซ้อนทางความรู้สึกและความคิดค่อนข้างมาก แล้วก็มี Conflict กับตัวเองเยอะ แต่เจเป็นผู้หญิงที่ชัดเจน ชอบอะไรก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ จะไม่มีประเภท ชอบ แต่ว่า…”

แล้วความซับซ้อนตรงนี้ทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปได้ยากขึ้นหรือเปล่า

“ยากค่ะ ยิ่งช่วงแรกๆ ที่คบกัน ด้วยความสัมพันธ์ยังไม่ได้แน่นแฟ้น เราเลยยังก้าวข้ามเส้นเขาไม่ค่อยได้” คุณเจยอมรับ “แต่พอคบมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจและปรับตัวได้ว่าที่สุดแล้ว เราต้องมีความบาลานซ์กัน ความสัมพันธ์จึงเริ่มดีและแน่นแฟ้นขึ้น”

9Route 3: Love is….

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินมาเรื่อยๆ โดยราบรื่น…เพื่อที่จะพบว่า เส้นทางชีวิตของทั้งเขาและเธอได้มาถึงทางแยกให้ต้องเลือกไปอีกครั้ง…

“หลังจากที่คบกันมาได้ประมาณ 3 ปี ก็คิดว่าแล้วมันจะไปไหนต่อ เพราะในมุมหนึ่งเจก็อยากมีครอบครัว เลยเกิดคำถามขึ้นว่า ความต้องการของเรา 2 คนตรงกันหรือเปล่า เราคบผู้ชายที่มีลูกแล้ว เราเองก็อายุ 30 จะคบกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นแฟนกันตลอดไป โดยที่เขาก็มีลูกของเขาอย่างนี้น่ะเหรอ ก็เลยต้องคุยกันจริงจัง” คุณเจ รำลึกถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น

“มันมาถึงจุดที่ผมต้องตัดสินใจซะที ความที่ผมเคยมีครอบครัวมาแล้ว ผมต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากจะมีอีกหรือเปล่า แล้วในเวลาเดียวกัน ดีโน่ก็โตเป็นผู้ใหญ่ กำลังจะออกจากบ้านไปมีชีวิตของตัวเอง ตรงนั้นเลยถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตเลย” คุณสุกี้เล่า “ผมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราคงจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้แล้ว มันไม่แฟร์กับผู้หญิง จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ว่า ถ้าไม่แต่งงานกับเจ เขาก็คงทิ้งผมไปแล้วล่ะ (หัวเราะ) พอตัดสินใจอย่างนั้น ดีโน่เขาก็สนับสนุนเต็มที่”  

จุดเปลี่ยนที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ

“น่าจะประมาณ 2 ปีได้แล้วเนอะ (หันไปถามภรรยา) แต่ตอนนั้นผมกำลังทำอัลบั้ม Monkey Disco Boy ของตัวเองอยู่ ผมเลยพูดกับเขาตลอดว่า “ขอให้เสร็จก่อน ขอให้เสร็จก่อน” แล้วค่อยแต่งงาน (หัวเราะ)”

“ได้มาคุยเรื่องงานแต่งงานกันจริงจังในช่วงต้นปี 58 นี่เองค่ะ หลังจากนั้นก็คงคล้ายๆ กับคู่อื่น ที่จะต้องคุยกันว่า ช่วงไหนดี พอสรุปว่าเป็นช่วงปลายปีแล้ว คุณแม่เจก็เอาวันเกิดไปดูฤกษ์กับผู้ใหญ่ของเขา สุดท้ายก็เลยได้เป็นวันที่ 13 ธันวาคมค่ะ”

11การเตรียมงานยุ่งยากไหมครับ สำหรับทายาทโรงแรมอย่างคุณสุกี้

“สำหรับผม เราเคยจัดคอนเสิร์ตมาเยอะ มันจะยากแค่ไหนวะ แล้วเดอะสุโกศลน่ะ ปีนึงๆ จัดงานแต่งงานประมาณ 150 งาน เขารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง” คุณสุกี้อธิบาย “อย่างงานคอนเสิร์ต สมัยก่อนผมดูแลทั้งหมดเอง แต่เดี๋ยวนี้ผมปล่อยมากขึ้น ตอนเตรียมงานแต่งงานผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะยุ่งยากอะไร รู้แต่ว่าจะต้องใส่ใจเขาเยอะๆ”

“ส่วนตัวเจไว้ใจทางบ้านคุณสุกี้กับทางโรงแรมอยู่แล้วว่าน่าจะจัดออกมาดีแน่นอน คุณสุกี้เองก็จะพูดตลอดว่าเคยจัดคอนเสิร์ตมาแล้ว งานแต่งเรื่องง่ายนิดเดียว แต่พอเวลาผ่านไป ทำไมมันยังไม่มีอะไรเลย ทำไมเรายังไม่ได้คุยกับใครเลย เราก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ คือเขาจะแค่พูด แต่ไม่ทำซะทีไงคะ เวลาทำคอนเสิร์ต เขาก็จะจ้างคนนั้นคนนี้มาทำงานใช่ไหม ถ้างั้นงานแต่งงานก็ต้องจ้างนะเว้ย ไม่ใช่นั่งๆ พูดแล้วมันจะเกิดขึ้น”

12แล้วเรื่องชุดละครับ ทราบว่าคุณสุกี้เพิ่งซื้อไทก่อนวันแต่งงานเพียงวันเดียวด้วยซ้ำ

“คือผมมองว่า โอเค สูทต้องสั่งตัดล่วงหน้าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องไทน่ะไม่เห็นจะยากตรงไหน ก็แค่เดินไปห้างแล้วชี้ว่าเอาอันนี้ พอวันงานทุกคนชมชุดผมกันทั้งนั้น อย่างแม่พอเห็นผมในชุดนั้นก็มองผมคล้ายจะบอกว่า ‘You look different today’ ซึ่งแม่ไม่เคยมองผมอย่างนั้นมาก่อน ทั้งที่วิธีเลือกแบบสูทของผมน่ะโคตรง่ายเลย ผมชอบยุค 1920s ผมก็เข้าไปค้นหาภาพจากหนังเรื่อง Great Gatsby แล้วก็เอาภาพไปให้ร้านตัดตาม”

“แต่เราสองคนไม่เคยเห็นชุดกันและกันเลยนะคะ จนกระทั่งวันงาน เราก็กลัวเหมือนกันว่าชุดจะเข้ากันไหม”

“ชุดของเขาแบรนด์ฝรั่งเศส ส่วนของผม พิ้งกี้ เทเลอร์ สำเพ็ง” คุณสุกี้หัวเราะลั่น

13แล้วคุณสองคนคิดอย่างไรกับกระแสดราม่าคุณน้อยร้องเพลงบนโต๊ะอาหารในงานแต่งบ้าง

“ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย ส่วนน้อยเขาก็โอเคนะ เพราะมันเป็นงานแต่งของพี่เขา โรงแรมของครอบครัวเรา”

“เจว่า กระแสมันเกิดจากที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กันว่าตอนนั้นแขกกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่เด็กๆ แล้วก็พวกเบเกอรี่ฯ ที่ยังเต้นกันอยู่ คนเขาอาจจะคิดว่ายังมีคนนั่งกินข้าวอยู่ก็ได้เนอะ” คุณเจหันไปถามสามี

14หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตคู่มาพอสมควรแล้ว คิดว่าการแต่งงานดีกับชีวิตยังไงบ้าง

“ผมรู้สึกว่าการแต่งงานทำให้ผมไม่อยู่ไปวันๆ ช่วงที่ผมออกจากเบเกอรี่ฯ แล้วเอาแต่ขี่มอเตอร์ไซค์น่ะ ถ้าไม่มีดีโน่นี่เละเลยนะ ผมไม่มีหลักอะไรให้ยึดอีกแล้ว แต่การแต่งงานทำให้ผมมีแกนให้ยึดได้”

“มุมมองความรักก็เปลี่ยนไปบ้างเหมือนกันนะคะ สมัยก่อนเวลาเรามี Puppy Love หรือเวลาดูหนัง ก็จะเจอแต่ความรักที่หวานแหววหรือหวือหวา แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่จะอยู่กับเราได้ก็คือคนที่สามารถเข้ากันได้”

“เราอาจมีอะไรหลายอย่างไม่เหมือนกัน แต่เพราะเรามีแกนที่เหมือนกันถึงทำให้สามารถอยู่ด้วยกันได้ ไอ้พวกเรื่องเปลือกนอกน่ะสามารถประนีประนอมหรือปรับกันได้ แต่เรื่องแกนเป็นเรื่องที่ประนีประนอมไม่ได้ ลึกๆ ต้องเชื่อในสิ่งเดียวกัน ไม่งั้นไปยังไงก็พัง ไม่ช้าก็เร็ว หรือถ้าไม่พังก็จะรู้สึกทุกข์ทรมาน”

“การเข้ากันได้คือส่วนสำคัญที่ทำให้ความรักไม่หมดไป แต่ถ้ามีแค่ความรัก ซักวันก็จะค่อยๆ หมดไปในที่สุด เห็นด้วยไหมคะ”

คำถามทิ้งท้ายของคุณเจ แม้จะชัดเจนว่าไม่ต้องการคำตอบ แต่ที่ชัดเจนกว่านั้นคือสิ่งที่แฝงอยู่ในระหว่างประโยค ระหว่างคำพูดตลอดบทสนทนาก็คือ ความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน ซึ่งเกิดการเพาะบ่มจากวันเวลากว่าครึ่งทศวรรษ…จากวุฒิภาวะของทั้ง 2 คนที่เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และแน่นอน…จากความรัก

ทั้งหมดเป็นคำตอบที่ยังผลให้เกิดสิ่งที่คุณสุกี้ได้กล่าวเอาไว้ในตอนต้นที่เราขอเติมคำห้อยท้ายให้ว่า

“ชีวิตที่ดูเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม…อีกต่อไป”

Romantic Lucerne ควงคนรัก ล่องทะเลสาบ ชมความงามเมือง ลูเซิร์น

1

หากพูดถึงสถานที่สุดโรแมนติก แน่นอนว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คงจะอยู่ในใจเป็นอันดับต้นๆ ของใครหลายๆ คนเป็นแน่ และหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมไปถึงคู่ฮันนีมูนหลายคู่ต่างใฝ่ฝันอยากจะไปยลไปเยือน และไปเยี่ยมเยียนเป็นที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเมืองอากาศดีที่อยู่เกือบใจกลางประเทศอย่าง ลูเซิร์น (Lucerne) เมืองตากอากาศยอดฮิตติดอันดับเมืองหนึ่งของดินแดนหลังคาแห่งทวีปยุโรปนี้ เราจึงไม่พลาดที่จะใส่ไว้ในแผนเดินทางรอบโลกในแฟนเพจเฟซบุ๊ค Hoo Backpack ของผมและเก็บเรื่องราวโรแมนติก ณ เมืองนี้มาฝากกัน

นอกจากวิวทิวทัศน์อันสวยงามและความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมแล้ว เมืองลูเซิร์นยังมีทะเลสาบลูเซิร์นที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาเยือนสถานที่แห่งนี้จึงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากการล่องเรือไปตามสายน้ำใสเขียวบริสุทธิ์ ยืนอ้าแขนรับลมเย็นๆ พร้อมกับสูดโอโซนเข้าไปให้เต็มปอด เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ริมฝั่งทะเลสาบที่แสนแปลกตา แต่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สร้างความประทับใจแรกเห็นให้กับคนที่หลงใหลในเสน่ห์ของธรรมชาติและแอบเทใจให้กับบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Along the Lake : ล่องเรือชมความงามทะเลสาบลูเซิร์น

2

ทะเลสาบลูเซิร์น มีชื่อเรียกว่า Lake of the four forest cantons ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยอ้อมกอดแห่งเทือกเขาธรรมชาติและอาคารบ้านเรือนรูปทรงน่ารักสะดุดตา แต่งแต้มให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงาม และให้กลิ่นอายแห่งความเป็นเมืองแห่งขุนเขาได้เป็นอย่างดี หากใครกำลังวางแผนมาล่องเรือชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ เราขอแนะนำ เส้นทางล่องเรือ Luzern – Hergiswil – Alpnachstad

ซึ่งจุดที่น่าสนใจของเส้นทางสายนี้ก็คือ จากเมือง Alpnachstd เราสามารถต่อ cogwheel railway เพื่อที่จะขึ้นไปสัมผัสหมอกหยอกล้อกับยอดเขา Pilatus ที่สูง 2,132 เมตรได้ โดยเจ้า cogwheel railway นี้ ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นสายรถ cogwheel ที่ชันที่สุดในโลก โดยมีความชันถึง 48 องศา หากใครอยากอัพเลเวลความตื่นเต้นบวกประทับใจให้พุ่งปรี๊ดเราขอแนะนำ รับรองว่า กดไลค์กันแทบไม่ทันเชียวล่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ หากใครมีเวลาต้องลองทำดู ก็คือ ระหว่างเส้นทางสายนี้ ก่อนถึงท่า Alpnachstad Pilatus เรือจะมีจุดจอดแวะระหว่างเมืองต่างๆ ประมาณ 3-4 จุด ซึ่งเราสามารถลงไปเดินเล่น ชมวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ แต่ขอแนะนำให้เช็คตารางเวลาของเที่ยวเรือให้ดี เพราะไม่อย่างนั้น อาจทำให้เสียเวลาเที่ยวสถานที่อื่นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

Emag142-458Don’t Miss!

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเส้นทางล่องเรือที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Luzern – Weggis – Vitznau – Beckenried – Gersau – Brunnen – Flüelen ซึ่งสามารถล่องเรือชมทิวทัศน์ตามทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง Vitznau จากนั้นต่อรถรอกกว้านสมัยเก่าและรถกระเช้า (Aerial Cable Car) เพื่อขึ้นไปชมความงามและสัมผัสบรรยากาศความเยือกเย็นบนยอดเขาสูงเสียดฟ้าบนภูเขา Rigi (ซึ่งมีความสูง 1,798 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) และภูเขา Stanserhorn

Swiss Pass

สำหรับใครที่เดินทางเองและใช้ Swiss Pass สามารถนำมาใช้แสดงเพื่อรับส่วนลดสูงสุดร้อยละ 50 ในการซื้อตั๋วรถไฟเอกชนขึ้นภูเขาและตั๋วรถกระเช้าไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ บัตรนี้ยังสามารถใช้บริการโดยไม่จำกัดทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง และเรือภายใต้เครือข่าย Swiss Travel System network อีกด้วย

Around the City: เดินชมเมืองเก่าแห่งทะเลสาบ

4

หลังจากล่องเรือชมความงามของทะเลสาบกันอย่างจุใจแล้ว เราลองมาเปลี่ยนบรรยากาศเดินชมเมืองเก่าลูเซิร์นกันบ้าง โดยเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟจากเมือง Alpnachstad มุ่งหน้ากลับเข้าสู่เมืองลูเซิร์น เพื่อเริ่มต้นชมความงามอันเป็นอมตะของเมืองนี้กันแบบชิลๆ

ลูเซิร์นถือเป็นเมืองเก่าแก่ ซึ่งเคยปกครองตนเองก่อนจะรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ค.ศ.1332 โดยตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านตะวันออกเป็นเมืองเก่ามีอายุกว่า 500 ปี ตัวอาคารบ้านเรือนในเขตนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จึงมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ กับอีกส่วนที่อยู่ทางด้านตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นภายหลัง แม้ฝั่งนี้บ้านเมืองจะออกทันสมัยกว่า แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของการเป็นหัวเมืองโบราณให้เห็นอยู่บ้าง สวยงามได้บรรยากาศไปอีกแบบ

สำหรับคนที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้ ต้องไม่พลาดแวะเช็คอินกันที่แลนด์มาร์คยอดฮิต ซึ่งก็คือสะพานไม้เก่าแก่ Chapel Bridge และอนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลัก Lion Monument สองสิ่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองเลยก็ว่าได้

Chapel Bridge สะพานไม้โบราณสุดคลาสสิก

5

จากสถานีรถไฟลูเซิร์น หากมองไปทางด้านซ้ายมือจะเห็นสะพาน Chapel Bridge ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยซ์ (Reuss River) รอให้เราแวะเข้าไปทักทาย จากจุดตรงนี้ เราสามารถเดินเลียบริมน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังสะพานไม้ ระหว่างทางนอกจากจะได้ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่แสนสวยงามและมีทิวเขาของ Pilatus เป็นฉากหลัง ให้ได้อัพรูปกันรัวๆ แล้ว ยังมีหงส์และเป็ดน้ำจำนวนมากแหวกว่ายกันอยู่ในน้ำให้ได้ดูกันเพลินๆ เพิ่มบรรยากาศความสดชื่นมีชีวิตชีวาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับสะพาน Chapel Bridge นับเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และจัดว่าเป็นสะพานแบบโครง (truss bridge) ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 มีความยาว 285 เมตร สร้างเชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่าซึ่งอยู่ทางขวาของแม่น้ำรอยซ์ ไปยังเขตเมืองใหม่ที่อยู่ทางซ้ายของฝั่งแม่น้ำ บริเวณกึ่งกลางสะพานเชื่อมอยู่กับ Wasserturm หรือ Water Tower ซึ่งมีลักษณะเป็นป้อมรูปทรงแปดเหลี่ยม สูง 43 เมตร สร้างขึ้นก่อนตัวสะพานราว 30 ปี เดิมที่นี่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมืองไว้

ความโดดเด่นของสะพานไม้แห่งนี้อยู่ที่การมุงหลังคาแบบโบราณ ซึ่งที่จั่วของแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองลูเซิร์น เดิมมีทั้งหมด 158 ภาพ แต่เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ. 1993 ทำให้ภาพวาดดั้งเดิมเสียหายไปมาก ปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมจนมีสภาพใกล้เคียงกับของเดิม คุณอาจสังเกตเห็นร่องรอยของไฟไหม้อยู่บ้างตามทางเดิน ซึ่งก็นับว่าเป็นเสน่ห์เตะตาไปอีกแบบ สำหรับใครที่วางแผนจะมาชมสะพานแห่งนี้ ขอแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เพราะนอกจากจะได้แสงสวยๆ ยามอาทิตย์อัสดงแล้ว ยังได้สัมผัสกับแสงไฟที่นำมาตกแต่งบนสะพานไม้แห่งนี้อย่างตระการตาอีกด้วย สมกับที่เป็น the city of lights เสียจริง

Don’t Miss!

นอกจากนี้บนสะพานไม้ยังมีร้านขายของที่ระลึกสีสันสวยงาม ปลูกสร้างเป็นห้องๆ ลดหลั่นกันไปตามความลาดของสะพาน หากใครกำลังมองหาของฝาก หรือของที่ชวนให้รำลึกถึงเมืองลูเซิร์น ต้องลองแวะเข้าไปดู รับรองถูกใจขาช้อปไม่น้อยเลยทีเดียว

Löwendenkmal (Lion Monument) ประติมากรรมเลื่องชื่อของยุโรป

6

เดินต่อไปจากสะพานไม้ ลัดเลาะไปตามถนน Lowenstrasse เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงอนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลักอันเลื่องชื่ออยู่บนหน้าผาหินก้อนใหญ่ เบื้องหน้ารูปแกะสลักนี้จะมีสระน้ำเล็กๆ กั้นอยู่ และแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นและเงียบสงบเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจไม่เบา

อนุสาวรีย์รูปสิงโตแกะสลักนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1821 โดยด้านบนจะมีตัวอักษรจารึกไว้เหนือสิงโตว่า “Helvetiorum fedei ac Virtuti” แปลว่า “แด่ความจงรักภักดีและความกล้าหาญของชาวสวิต” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับทหารสวิตที่เสียชีวิตจากการรับจ้างออกไปรบ จำนวน 786 คน โดยทำหน้าที่เป็นทหารองครักษ์ให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเสียชีวิตช่วงสงครามปฏิวัติครั้งใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสปี 1792 นอกจากจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญของชายชาติทหารแล้ว ยังแสดงถึงความงดงามในด้านประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย

เจ้าสิงโตตัวนี้ เป็นผลงานการออกแบบของนักประติมากรรมชาวเดนมาร์ก Bertel Thorvaldsen แต่ถูกสร้างโดยช่างก่ออิฐชาวเยอรมัน Lukas Ahorn มีความยาวเกือบ 10 เมตร ความโดดเด่นอยู่ที่การแกะสลักลงไปบนพื้นผิวหินทรายที่ดูสมจริงจนน่าทึ่ง จนนักเขียนชื่อดังอย่าง Mark Twain ได้กล่าวถึงอนุสาวรีย์สิงโตนี้ว่า “เป็นหินที่ดูเศร้าและสะเทือนใจที่สุดในโลก” หากใครอยากจะมาสัมผัสความสวยงามของสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อชิ้นนี้ ขอแนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นไปเลย เพราะนอกจากจะไม่เบียดเสียดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มากันอย่างหนาแน่นแล้ว ยังมีเวลาเดินชมสถานที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง อย่าง Glacier Garden สวนหินและพรรณไม้กึ่งร้อนชื้น ที่เต็มไปด้วยความสดชื่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ เหมาะแก่การเดินเล่นเกี่ยวก้อยหยอกล้อกันชิลๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆ ของเมืองตากอากาศชั้นนำของสวิตฯ แห่งนี้เป็นที่สุด

นอกจากแลนด์มาร์กชื่อดังแล้ว ลูเซิร์น ยังนับว่าเป็นเมืองสวยงามที่มีบรรยากาศเหมาะแก่การเดินทอดน่องชมสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนกันเพลินๆ ได้ไม่มีเบื่อ เพียงแค่ลัดเลาะไปตามถนนสายเล็กๆ ก็อาจนำคุณไปโผล่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยร้านรวงดีไซน์เก๋ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความเก๋า หรืออาจจะไปเจอกับจัตุรัสสุดคลาสสิกที่มีน้ำพุเต้นระบำเล่นแสงธรรมชาติอย่างไม่แคร์สายตาใคร เรียกได้ว่า ทริปการเที่ยวชมเมืองลูเซิร์นครั้งนี้ จัดเต็มไปด้วยความสวยงามที่น่าค้นหา เหมาะสำหรับคู่รักนักสำรวจ เพราะไม่ว่าจะค้นลึกเข้าไปสักเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบเจอกับความอัศจรรย์ใจมากขึ้นเท่านั้น จนเผลอหลงรักเมืองแห่งทะเลสาบนี้เข้าอย่างไม่รู้ตัว

Don’t Miss!

สำหรับใครที่เริ่มจะเมื่อยน่องกันบ้างแล้ว เมืองนี้ยังมีบริการทางลัดสำหรับการชมเมืองแบบไม่ต้องใช้แรงเยอะอีกด้วย นั่นก็คือ City Train Luzern ซึ่งจะออกทุกๆ 1 ชม. ให้คุณได้นั่งรถชมความงามของสถาปัตยกรรมย่าน Old Town และความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลูเซิร์นกันในเวอร์ชันสบายๆ แต่รถไฟสายนี้จะปิดให้บริการในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ใครแพลนจะใช้บริการ ต้องเช็คกันให้ดีอีกที

7More about Lucerne  

Location: เมืองลูเซิร์น เป็นเมืองที่อยู่เกือบใจกลางประเทศ โดยตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบลูเซิร์น ที่มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ (Lake of the four forest cantons) ตรงบริเวณปากแม่น้ำรอยซ์ (Reuss River)

Need Help: ภาษาที่ใช้มีอยู่ 4 ภาษา คือ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน และโรมานซ์ (ภาษาละตินโบราณ) แต่จะใช้ภาษาเยอรมันกับฝรั่งเศสเป็นหลัก หากใครหลงทางหรือต้องการความช่วยเหลือก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะที่นี่ยังพอพูดภาษาอังกฤษกันได้ โดยเฉพาะในตัวเมืองและตามแหล่งท่องเที่ยว

Shopping: ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิต (CHF) สามารถแลกได้ตามธนาคารทุกแห่ง ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟใหญ่ๆ รวมถึงที่โรงแรม หรือจะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็ได้ อย่างเข่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด

Best time for couple: ลูเซิร์น จัดเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละช่วงเวลาก็จะมีเสน่ห์แตกต่างกันไป หากคู่รักคู่ไหนชอบบรรยากาศแบบซัมเมอร์ ขอแนะนำช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน เพราะอากาศกำลังสบาย ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ก็มีอากาศเย็นประมาณ 12-24 องศาเซลเซียส กิจกรรมที่เหมาะในช่วงนี้คือการเดินเขาและปั่นจักรยานชมเมือง แต่ข้อเสียก็มีนะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศดี๊ดี จึงทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันมาเยอะ ราคาข้าวของจึงพุ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษ แต่หากคู่ไหนชอบบรรยากาศโรแมนติกแบบวินเทอร์ ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเหมาะกับคุณที่สุด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 6-14 องศาฯ และจะลดลงเรื่อยๆ ถึงขั้นติดลบจนถึงกุมภาพันธ์ จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น นอกจากจะมีอากาศหนาวเย็นเหมาะแก่การซุกไออุ่นกันแล้ว ยังเป็นช่วง off season ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมากวนใจมากนัก แถมค่าใช้จ่ายยังถูกลงอีกด้วย กิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ การเล่นสกี นิยมเล่นกันในช่วงพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนเมษายน

Emag142-465How to Go

จากกรุงเทพไปเมืองลูเซิร์น มีสายการบินโลคอสให้เลือกมากมายตามงบแต่ต้องเสียเวลาต่อเครื่องนิดหน่อย ใครบินนานๆ ไม่ไหวแนะนำให้บินตรง ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง มีสายการบินไทยและสายการบินของสวิสแอร์ กรุงเทพ-ซูริค จากนั้นสามารถต่อรถไฟจากสนามบินที่สถานี Zürich Flughafen เข้าเมืองลูเซิร์น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รถออกทุก 30 นาที เรียกว่าเดินทางสะดวกสบายมากๆ

เต้าหู้ – ณฤต เลิศอุตสาหกูล หรือที่หลายคนรู้จักในนาม Hoo DIY ผู้ชอบประดิษฐ์สิ่งของรอบตัวให้เป็นงานศิลปะแปลกใหม่จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เต้าหู้เป็นทั้งศิลปิน คอลัมนิสต์ พิธีกรรายการ และล่าสุดเขาเพิ่งพิชิตภารกิจท่องยุโรป 17 ประเทศโดยรถไฟ ติดตามการเดินทางของเขาได้ที่ FB/IG: HooBackpack

Story & Photo : Hoo Backpack

เตรียมปากสวยรอรับจูบวันวาเลนไทน์

เรื่อง : Red Velvet

                ใกล้เทศกาลแห่งความรักเข้ามาทุกที สาวๆ หลายคนคงตื่นเต้นไม่น้อยว่าปีนี้จะได้ช่อดอกไม้จากคนรักหรือเปล่า ก่อนที่จะตั้งตารอช่อดอกไม้ช่อโตหรือแหวนเพชรสุดหรู สาวๆ ต้องมีความสวยที่จะสะกดสายตาหนุ่มๆ ตลอดเวลาและสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามก็คือ รอยยิ้มและริมฝีปากที่พร้อมรับการจูบ!

 
1. ขัดเซลล์ผิวที่ปากด้วยแปรงสีฟัน

thegloss                หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ใช้แปรงสีฟันขัดวนไปมาเบาๆ บริเวณริมฝีปากทำทุกครั้งหลังแปรงฟันเช้า เย็น วีธีนี้จะช่วยให้ปากไม่ดำค่ะ เพราะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ทุกวันให้หลุดลอกไป

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

stylecaster                สูตรสวยด้วยน้ำยังอมตะเสมอ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันนอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอแล้วยังส่งผลให้สุขภาพผิวปากไม่แห้งลอกหรือเป็นขุยและห้ามลืมเด็ดขาดนะคะหากสาวๆ ปากแห้งแตกเวลาที่อยู่ในห้องแอร์หรืออากาศหนาวห้ามใช้ลิ้นเลียริมฝีปากจะยิ่งทำให้ปากดำ

3. เลือกผลิตภัณฑ์สครับริมฝีปาก

thatsnay-blogspot-com                สาวๆ อาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดหรือจะทำสครับปากสำหรับไว้ใช้เองก็ได้ค่ะ วัตถุดิบก็หาได้จากครัวแถมไม่มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก วันนี้ Red Velvet มีสูตรมาฝากเผื่อสาวๆ คนไหนสนใจที่จะทำสครับไว้ใช้เองด้วยนะคะ
                สูตรแรกคือใช้ น้ำผึ้ง + วาสลีน + น้ำตาลทราย (น้ำตาลทรายธรรมดานะคะ ไม่ต้องถึงกับน้ำตาลไอซ์ซิ่ง) ส่วนผสมอย่างละ 1 ช้อนชา นำมาผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้สครับถูวนไปมาบริเวณปากเบาๆ (หอมหวานน้ำผึ้งก็อย่าเผลอเลียปากตัวเองนะคะไม่ได้สครับกันพอดี) แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาทีแล้วล้างออก
                อีกหนึ่งสูตรสำหรับสาวๆ คนไหนที่ชอบกลิ่นของมะนาวใช้ มะนาว + น้ำนม + น้ำตาลทราย นมก็เป็นนมกล่องธรรมดาที่หาได้นะคะสาวๆ ส่วนผสมอย่างละ 1 ช้อนชาหลังจากที่สาวๆ สครับปากเรียบร้อยแล้วอย่าลืมใช้ลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นด้วยนะคะ

4. การใช้ลิปบาล์มที่มีสารกันแดด

lifehealthandbeauty                เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยมี 3 ฤดูนั่นก็คือ ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนมากที่สุด เรียกได้ว่าเกิดเป็นสาวไทยต้องเจอแดดกันทั้งปี แล้วสาวๆ ส่วนใหญ่ก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดปกป้องแค่หน้าผิวและผิวกายโดยลืมไปว่าเจ้าแสงแดดนั้นสามารถทำให้ปากเราคล้ำลงได้ด้วยนะคะ ดังนั้นควรจะเลือกใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสี UV ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้จากลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีทั้งป้องกันรวมบำรุง ไปในตัว ก็เหลือแต่สาวๆ จะเลือกใช้ตัวไหนให้เหมาะกับตัวเอง

5. เลือกลิปสติกสีสวยน่าจูบ

makeupandbeauty                การเลือกใช้ลิปสติกเพื่อเพิ่มความดึงดูดไม่ว่าจะเป็นการใช้สีหรือเนื้อสัมผัสของลิปสติกเอง สีที่สาวๆ ควรเลือกให้เข้ากับเทศกาลแห่งความรักนั้นก็คือและพร้อมที่จูบคือโทนสีนู้ด สีชมพูนู้ด สีส้มนู้ด สีนู้ดพีช ยังสามารถใช้สีสดใสเพื่อเน้นให้ปากดูเซ็กซี่ เฉดสีเช่น สีชมพู สีแดง แต่ก็อย่าเปรี้ยวปรี้ดจนเกินงามนะคะส่วนเนื้อสัมผัสจะเน้นไม่มันวาวจนเกินไปสาวๆ ควรเลือกใช้เนื้อแมทเพราะมีเม็ดสีที่แน่น ละเอียด  จูบไม่หลุด และปากดูเหมือนกำมะหยี่ยั่วยัวใจชาย ที่สำคัญเทรนด์นี้กำลังมาแรง!!
                อีกหนึ่งเนื้อสัมผัสคือ Shine Lipsticks ให้สีที่มีความแวววาว เปล่งประกาย ดูสดใสสาวน้อยแรกแย้ม นอกจากนี้สาวๆ ยังสามารถเลือกใช้ทินส์และลิปกลอสเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ อาจจะทาทินส์บางๆ ชิดขอบปากด้านในแบบสาวเกาหลีเบาๆ ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีรูปปากหรือขอบปากไม่ชัดเจนอาจจะวาดขอบด้วยดินสอเขียนขอบปากก่อนทาสีลิปสติกก็ได้ค่ะ
                การดูแลปากให้สวยฉ่ำน่าจูบไม่ใช่แค่ช่วงวาเลนไทน์เท่านั้นนะคะ เพราะใครจะรู้ว่าคุณจะถูกจูบเมื่อไหร่ เวลาไหน เพราะฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้สวยสะกดใจชายทุกเวลา และอีกอย่างการสร้างรอยยิ้มที่สวยงามเป็นการสร้างความประทับใจให้หนุ่มๆ ด้วยนะคะ หวังว่าสาวๆ หลายคนจะนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ WE-MAG จัดมาให้ไปปรับใช้นะคะ

ภาพจาก : www.lifehealthandbeauty.com, www.makeupandbeauty.com, www.stylecaster.com, www.thatsnay.blogspot.com, www.thebeautylookbook.com, www.thegloss.com, www.aelida.com

เตียงใหม่คนรักเดิมกับ 5 ห้องพักหรูกลางกรุง

อยากทำอะไรพิเศษๆ ให้กับคนรักในวาระที่เปี่ยมไปด้วยความหมายใช่ไหมล่ะ แต่ครั้นจะจองตั๋วเดินทางไกลไปเซอร์ไพร้ส์รักเวลาก็อาจไม่อำนวย ไหนจะต้องฝ่ารถติดกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายทั้งเหนือใต้ออกตก ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม ควงแขนคนรักคนเดิมไปประเดิมเตียงใหม่ใน ห้องพักหรูกลางกรุง กันดีกว่า การันตีเลยว่า แต่ละห้องที่ เราคัดมาสุดพิเศษ ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน การตกแต่งและบริการที่มีครบครัน

“Paranim Penthouse” เพนเฮ้าส์กลางกรุงรอให้คุณไปค้นหา @ Hotel Muse Bangkok

Paranim Penthouse
Paranim Penthouse เพนเฮ้าส์ดีไซน์คลาสิคบนชั้น 23 ของ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก

ถ้าเพนเฮ้าส์คือหนึ่งในความฝันของคุณและคนรัก เราขอบอกว่า อ่านตรงนี้ถูกทางแล้วค่ะ เพราะห้องพักที่เรากำลังจะแนะนำคุณ ณ ตอนนี้คือ “Paranim Penthouse” เพนเฮ้าส์ดีไซน์คลาสิคบนชั้น 23 ของ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก โรงแรมที่ให้ความรู้สึก “ลึกลับและน่าค้นหา” เพราะสำหรับที่นี่คุณจะไม่เจอภาพล๊อบบี้ที่โอ่โถงและสว่างไสวจากที่นี่ แต่จะได้อารมณ์อบอุ่นด้วยแสงไฟสลัวๆ ในพื้นที่ขนาดเล็กที่ตกแต่งย้อนยุคในโทนสีเข้ม ทั้งโต๊ะไม้สีดำ โซฟาหนังสีน้ำตาลและที่โดนใจคือโครงเหล็กลวดลายแบบตะวันตก

Paranim Penthouse ห้องพักสุดหรูใจกลางเมืองที่ได้รับการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครใน สไตล์โฮเทล มิวส์ แบงค็อกด้วยการตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ ห้องอาบน้ำพื้นที่กว้างขวางที่มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่เป็นพิเศษสำหรับสองท่าน และห้องอาบน้ำสำหรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและพิเศษกับระเบียงถึงสามจุดที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับ วิวทิวทัศน์อันงดงามยามค่ำคืนของเมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำสปาแบบส่วนตัว

หากคุณกำลังมองหาห้องพักสมบูรณ์แบบที่สุด ให้คุณได้จัดปาร์ตี้สังสรรค์หรือพักแบบผ่อนคลายในคืนพิเศษที่มีเพียงคุณสอง คนต้องไม่พลาด Paranim Penthouse เพนท์เฮ้าส์ที่รอให้คุณไปค้นหา
*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมมิวส์ กรุงเทพฯ (Hotel Muse Bangkok) ถ.หลังสวน โทร. 0-2630-4000

“Circular Suite” นอนเตียงกลมชมแสงสี @ Le Meridien Bangkok Hotel

Circular Suite
เตียงนอนทรงกลมสุดโรแมนติกที่ Le Meridien Bangkok Hote

ถ้าคุณคิดว่าโรงแรม 5 ดาวจะมีแค่เตียงสี่เหลี่ยมคิงไซส์ควีนไซส์ขอให้คิดซะใหม่ เพราะโรงแรมเลอ เมอรีเดียน สุรวงศ์ จะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ด้วยไฮไลน์ของห้อง Circular Suite นี้อยู่ที่เตียงนอนทรงกลมขนาดกำลังพอดีแต่ให้อารมณ์แฟนตาซีมากกว่าที่คิด ไหนจะบรรยากาศภายในห้องที่ดีไซเนอร์พิถีพิถันเป็นพิเศษกับการตกแต่งในธีมสีแดงทับทิมตัดสลับกับสีน้ำตาลอ่อนสร้างความลงตัวคู่ไปกับการนำกลอนไพเราะที่สื่อถึงความรักสุดหัวใจจากกวีเอกอย่างสุนทรภู่มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบริเวณหัวเตียง

แต่ความดีงามยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะสำหรับคู่รักสุดพิเศษเช่นคุณ โรงแรมเลอ เมอรีเดียน ได้เตรียมบริการสุดพิเศษไว้คอยท่าอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นบริการตกแต่งห้องพักทำเซอร์ไพร้ส์คนรักด้วยลูกโป่งหรือดอกไม้ เมนูแชมเปญที่คุณเลือกปรุงรสชาติได้ด้วยตัวเอง เพียงโทรศัพท์เข้ามาออเดอร์กับเจ้าหน้าที่ รับรองล้านๆ เปอร์เซนต์ค่ะว่า ค่ำคืนพิเศษจะเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างที่คุณตั้งใจอย่างแน่นอน

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ (Le Meridien Bangkok Hotel) ถ.สุรวงศ์ โทร. 0-2232-8888

“Stylish Suite” ห้องพักมีสไตล์ในโรงแรมสีสันจัดจ้าน @ Aloft Bangkok Sukhumvit 11

Stylish Suite
Stylish Suite ห้องพักที่ Aloft Bangkok Sukhumvit 11 เหมาะกับคู่รักที่ชอบชีวิตแบบสนุกสนาน คึกคัก

สำหรับคู่รักที่ชอบความคึกคักและหลงใหลชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน เราขอเชียร์ให้ไปเปรี้ยวกันในวันพิเศษที่โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท 11 เพราะทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตูโรงแรมก็ได้สัมผัสกับการตกแต่งที่เน้นสีสันชนิดที่ว่าไม่จำกัดธีมสี นอกจากนี้ยังใส่สไตล์เฉพาะตัวของอลอฟท์ให้กับห้องพัก “Stylish Suite” ที่เราอยากให้คุณควงแขนกันไปเปลี่ยนที่นอนกันในคืนพิเศษ

“Stylish Suite” ห้องพักขนาด 60-62 ตร.ม. ที่จัดแบ่งพื้นที่การใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน ตกแต่งด้วยสีสันสบายตาประมาณว่าละมุนนุ่มหลังจากเปรี้ยวหนักจัดเต็มกันที่ฟังก์ชั่นส่วนอื่นๆ ของโรงแรมมาแล้ว ห้องนี้พร้อมให้คุณทั้งคู่ใช้เวลาสวีทกันสองต่อสองแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งในพื้นที่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดไฮเทคที่ช่วยให้อารมณ์การพักผ่อนของคุณได้เริ่มต้นผ่อนคลาย ห้องนอนโดดเด่นที่หน้าต่างขนาดใหญ่ให้คุณได้เปิดม่านยืนมองบรรยากาศสุขุมวิทยามค่ำคืน และถ้าคุณเหนื่อยหนักและอยากลงแช่น้ำเอนกาย ภายในห้องมีฟังชั่นก์ดีๆ ที่มีสไตล์มากกว่าที่คิดพร้อมให้คุณมาใช้เวลาร่วมกันในวันพิเศษ

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ – สุขุมวิท 11(Aloft Bangkok – Sukhumvit 11) ถ. สุขุมวิท โทร. 0-2207-7000

“Club Siam Suite” บ้านหลังที่สองที่รอให้คุณมาเช็คอิน @ Sukosol Hotel

Club Siam Suite
ห้องพักสไตล์ไทยร่วมสมัยที่ Sukosol Hotel

ย้อนนึกถึงวันคืนหวานๆ เมื่อแรกพบสบตากันหน่อยไหม กับ “Club Siam Suite” ห้องพักสไตล์ไทยร่วมสมัยขนาด 76 ตร.ม. ที่มาพร้อมห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและห้องนอนที่แยกจากกันเป็นสัดส่วน แถมยังสร้างพื้นที่ให้คุณได้ย้ำเตือนความหวานกับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่คุณสามารถจูงมือกันลงแช่ตัวพร้อมกันในบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกประหนึ่งว่านี่แหละคือความอบอุ่นแห่งความรักที่อบอวลในบ้านของตัวเอง

นอกจากนี้ Sukosol Hotel ยังมีบริการพิเศษอีกเพียบให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเช็คอินแบบส่วนตัวที่เล้านจ์บนชั้น 21 สิทธิ์ในการใช้บริการ Club Siam Lounge / บริการชา-กาแฟ และของว่างตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่วงเวลาพิเศษของ Happy Hour ให้บริการค็อกเทลและคานาเป้ฟรีทุกวัน ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่ 17:30น. – 19:00น.

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมเดอะสุโกศล (The Sukosol) ถ.ศรีอยุธยา โทร. 0-2247-0123

“Serenity Club” สวีทหวานกับวิวแม่น้ำกลางใจเมือง @ Banyan Tree Bangkok

Serenity Club @Banyan Tree Bangkok
Serenity Club ห้องพักวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

ถ้าคู่ของคุณปลื้มปริ่มกับความสวยงามของสายน้ำหัวใจกรุงเทพฯ อย่างแม่น้ำเจ้าพระยา คืนพิเศษที่กำลังเตรียมการอยู่ต้องไม่พลาดจูงมือคนสำคัญมาทำเซอร์ไพร้ส์และเช็คอินที่ “Serenity Club” ห้องพักแบบใหม่ที่โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ

ความพิเศษของ Serenity Club มีมากกว่าทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองอย่างถนนสาทร แต่เพราะการปรับโฉมใหม่ให้ห้องพักห้องนี้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ด้วยตำแหน่งของห้องพักอยู่สูงตั้งแต่ชั้นที่ 50-58 ทำให้คุณสามารถมองเห็นวิวของทั้งฝั่งตัวเมืองและฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน และที่เด็ดอีกอย่างและเรารีวิวมาแล้วว่ามาเช็คอินแล้วต้องไม่พลาดคือ คลับเลาจน์ บนชั้น 19 ซึ่งมีของว่างและเครื่องดื่มไว้คอยให้บริการทุกท่านตลอดทั้งวัน เชื่อเถอค่ะว่า โลกทั้งโลกจะมีแค่คุณสองคนที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างดื่มด่ำ รู้แบบนี้ไม่ต้องรออะไรแล้วใช่ไหมคะ

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ (Banyan Tree Bangkok) ถ.สาทร โทร. 0-2679-1200