New SUQQU Light Solution เสริมผิวกระจ่างใสอย่างแท้จริง

เรื่อง : JeenHuiBin

               สัปดาห์นี้ฮีบินมีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดีๆ จาก SUQQU มาฝากสาวๆ ที่รักความสวยความงามกันค่ะ ซึ่งคราวนี้ถึงทีของการสร้างผิวกระจ่างใสด้วยผลิตภัณฑ์คอลเล็กชั่นใหม่ 3 ตัว ตัวไหนใช้ดียังไง ตามฮีบินมาเลยจ้า

               อ่ะๆ ก่อนจะบอกว่าทั้ง 3 ตัวนี้มีอะไรบ้างต้องขอเกริ่นก่อนว่าความดีงามของผลิตภัณฑ์เซ็ตนี้ก็คือส่วนผสมของ “Light Complex”  ที่ช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใสเปล่งประกายเหมือนเติมแสงให้กับผิว แถมยังช่วยบำรุงให้ผิวมีความเนียนละเอียดและกระชับยืดหยุ่น ซึ่งส่วนผสมของเจ้า Light Complex ตัวนี้ประกอบไปด้วย St.John’s Wort Extract (ความชุ่มชื้น), Neem Extract (ความชุ่มชื้น) และ Glycirrhetinic Acid (ความชุมชื้น, ป้องกันผิวแห้งกร้าน)

essence               ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของเซ็ตนี้คือ SUQQU Light Solution Essence  เป็นซีรั่มที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับผิว ปรับสภาพผิวให้เนียนละเอียด ช่วยผ่อนคลายผิวและต่อต้านริ้วรอยของคุณผู้หญิง ฮีบินขอแนะนำว่าให้เริ่มใช้ตัวนี้ก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการกดซีรั่ม 3-4 ปั๊มลงบนฝ่ามือ กระจายผลิตภัณฑ์ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วลูบจากกลางหน้าไปยังกรอบหน้า จากนั้นใช้ฝ่ามือกดเบาๆ ทั่วใบหน้าเพื่อเนื้อสัมผัสนุ่มนิ่มของซีรั่มซึมลงไปสู่ชั้นผิว และกระตุ้นให้ผิวมีความสามารถในการคงความชุ่มชื้นไว้ได้

lotion               ผลิตภัณฑ์ต่อมาคือ SUQQU Light Solution Lotion เจ้าตัวนี้เป็นเนื้อโลชั่นที่ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะใบหน้า ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน มีความฉ่ำวาวเปล่งประกาย ทำให้ผิวดูอิ่มเอิบตึงกระชับและชะลอริ้วรอยแห่งวัย วิธีใช้ก็ทำง่ายๆ เพียงแค่กดโลชั่น 2-3 ปั๊มลงบนสำลี ลูบจากกลางใบหน้าออกไปยังกรอบหน้า สาวนางไหนที่ผิวแห้งมาก สามารถกดเพิ่มอีก 1 ปั๊มลงบนฝ่ามือ จากนั้นแนบฝ่ามือแล้วกดเบาๆ บนบริเวณโหนกแก้มแล้วเคลื่อนมือไปยังขมับ

fluid               สุดท้ายคือ SUQQU Light Solution Fluid อิมัลชั่นเนื้อสัมผัสเบาสบาย ทำให้ผิวเรียบลื่น ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวดูยืดหยุ่น มีความกระชับ สว่างใส และสัมผัสได้ถึงความเปล่งปลั่งหลังใช้ และยังมีประสิทธิภาพการทำงานของปราการปกป้องผิว ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยให้กับใบหน้าของหญิงสาวอีกด้วย
               หลังจากที่ฮีบินได้ลองสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ตัวแล้วขอบอกว่า ผิวหน้าชุ่มชื้นและฟินมากๆ ใครที่อยากมีผิวสวยสุขภาพดี เป็นประกายเปล่งปลั่งกับผลิตภัณฑ์บรำรุงผิว SUQQU Light Solution สามารถไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลมและอิเซตัน หรือติดตามข้อมูล SUQQU ได้ที่ www.suqqu.com/global และ  www.factbook.com/suqquthailand

5 สถานที่ โรแมนติกสำหรับคู่รัก รับซัมเมอร์

แหม…คุณขา ซัมเมอร์ทั้งทีจะเอาแต่นอนเกาพุงกันในบ้านอยู่ไย ไปค่ะไป เก็บกระเป๋าออกเดินทางหาที่ มีเซ็กส์ ใหม่ๆ สร้างสีสันให้ชีวิตรับซัมเมอร์กับมาดามกันดีกว่า

ริมน้ำตกกลบเสียงคราง

น้ำตกเป็นจุดแรกๆ ที่หลายคนคิดถึงเมื่อถามว่าซัมเมอร์นี้ไปจัดเซ็กส์คลายร้อนที่ไหนดี เพราะสายน้ำเย็นฉ่ำ ไร้ความเค็มและไม่ทิ้งความเหนอะหนะ แถมความดีงามที่ซื้อใจหลายคนคือเสียงดังของน้ำตกช่วยกลบเสียงครางของคุณเมื่อยามถึงจุดพีค ทีนี้ล่ะจะกรีดร้องก้องป่าแค่ไหนก็ไม่มีใครว่า

แถมให้อีกนิดว่าน้ำตกมีหินสารพัดรูปทรงที่หนุ่มสาวช่างจินตนาการสามารถจัดสรรใช้เป็นเก้าอี้ก็ได้ เตียงนอนก็ดี แล้วแบบนี้จะปฎิเสธเซ็กส์ริมน้ำตกได้อย่างไร

ลงทะเลจัดเซ็กส์

แน่นอนว่าร้อนซะขนาดนี้ต้องลงน้ำสิคะ เซ็กส์ในน้ำมีข้อดีที่มากกว่าความเย็นฉ่ำคือ ทำให้ตัวคุณลอยและยังช่วยให้เขาออกแรงน้อยลงเมื่อต้องส่งจังหวะให้สอดรับกับคุณ ลองคิดง่ายๆ ว่าเมื่อเขายืนและคุณใช้มือโอบคอและขาทั้งสองข้างพันเกี่ยวเอวเขาอยู่ น้ำจะช่วยหนุนให้เซ็กส์ของคุณง่ายขึ้นขนาดไหน เอาเป็นว่าก็แทบจะไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยแต่ได้ความสยิวมาแบบเต็มๆ

สิ่งที่ต้องระวังคือ ถุงยางกับน้ำไม่เข้ากันนะคะ

ตะลุยป่าสุดหรรษา

อย่าคิดว่าซัมเมอร์จะไปแต่ทะเล ถ้าหนุ่มข้างกายของคุณเป็นประเภทรักต้นไม้หลงใหลในความเขียวชอุ่ม ขอแนะนำให้จูงมือเขาเข้าป่าแล้วแปลงร่างเป็นกวางคู่หนุ่มสาวจัดเซ็กส์กันซะให้สุดเหวี่ยง มาดามรับประกันความฟิน อ่ะๆ แต่สิ่งที่ต้องระลึกคือป่าที่เลือกปลอดภัยหรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นสิงสาราสัตว์ ต้นไม้มีพิษและกฏเหล็กของอุทยาน อ้อ…แล้วอย่าลืมไหว้เจ้าป่าเจ้าเขาด้วยล่ะ

มุดเต๊นท์พาเพลิน

มาดามฟันธงเลยว่าเต๊นท์คือจุดที่เหมาะกับการมีเซ็กส์มากถึงมากที่สุด ด้วยข้อเด่นที่ว่าเต๊นท์มีความมิดชิด เป็นส่วนตัว แต่ก็ยังได้ลุ้นว่าทำอะไรกันไปแล้วเต๊นท์จะกระดุ๊กกระดิ๊กเป็นเต๊นท์ผีสิงหรือเปล่า ยิ่งเต๊นท์เล็กเท่าไหร่ยิ่งท้าทายความสามารถในการจัดเซ็กส์ เพราะคุณจะได้สัมผัสอารมณ์การมีเซ็กส์ในที่แคบแบบไม่รู้ตัว อ้าว…ไม่เชื่อลองดูสิ

ชายหาดสาดสยิว

ไม่ต้องออกเดินทางไปถึงหาดเปลือยที่ไหน แค่คุณมั่นใจว่าหาดที่ว่าเป็นหาดส่วนตัว มีระบบความปลอดภัยชั้นหนึ่งก็จัดเซ็กส์แบบท้าแดดท้าลมชื่นชมเกลียวคลื่นได้แล้ว แต่ถ้าใจไม่กล้าพอที่จะจัดเซ็กส์แบบหนักหน่วง จะเริ่มต้นแบบเด็กๆ ก่อนก็ไม่ว่ากัน เพราะว่าแค่คุณคุกเข่าแล้วดื่มด่ำกับไอติมแท่งรับซัมเมอร์ไปพร้อมๆ กับเขา แค่นี้ก็สุขสมอารมณ์เซ็กส์แล้วค่ะ

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : stellar.ie

5 อายไลน์เนอร์ การันตีน้ำตาไหลแต่ไม่เยิ้ม

เรื่อง : Lady Orchid
ในงานแต่งงานเจ้าสาวหลายๆ คนนอกจากจะกลัวมาสคาร่าไหลย้อยจนกลายเป็นหมีแพนด้าแล้ว ยังมีเครื่องสำอางอีกหนึ่งชนิดที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือ อายไลน์เนอร์ ที่เยิ้มง่ายทำให้กลายเป็นหมีแพนด้า เจ้าสาวคนไหนที่ไม่อยากกลายร่าง ตามเลดี้มาเลยจ้า เดี๋ยวจะพาไปดูว่ามีอายไลน์เนอร์ตัวไหนบ้างที่อยู่ติด ทน นาน ไม่หลุดไหลระหว่างวันบ้าง

stylesuzi.com1. Eyeko Sport Waterproof Eyeliner ราคา 20 USD
อายไลน์เนอร์แบบเจลที่มาในร่างดินสอหัวหมุนใช้ง่าย สะดวกสบาย ควบคุมความหนา บางของการเขียนได้ เหมาะกับ สาวๆ ที่พึ่งหัดเขียนไลน์เนอร์ และที่สำคัญสามารถกันน้ำได้แบบสุดยอด เรียกได้ว่าต่อให้เปลือกตามันเยิ้มหรือร้องไห้หนักแค่ไหนก็รอดแบบสวยๆ สำหรับสินค้าแบรนด์นี้ยังไม่มีเคาท์เตอร์ในประเทศไทย สาวๆ ใจเย็นๆ กันก่อนนะ หรือถ้าอดใจไม่ไหวก็ลองวานเพื่อนๆ หิ้วมาฝากก็ได้จ้า

www.musingsofamuse.com2. Maybelline Eye Studio Lasting Drama Waterproof Gel Pencil ราคา 7.99 USD
เป็นอายไลน์เนอร์ชนิดเจลแบบดินสอแท่งแรกที่ทางเมย์เบลลีนผลิตมา ข้อดีคือมีเม็ดสีชัดเจน เนื้อนุ่มลื่นทำให้เขียนได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ทำให้ดวงตาสวยคมชัดสวย ติดทนทานและกันน้ำได้ยาวนานถึง 16 ชั่วโมง ถึงแม้อายไลน์เนอร์ตัวนี้จะยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย แต่ถ้าสาวๆ คนไหนอยากได้มาใช้แต่ไม่มีเพื่อนไปต่างประเทศ ลองเลือกดูร้านพรีออเดอร์ที่น่าเชื่อถือได้ บวกค่าหิ้วอีกนิดหน่อยก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจนะจ๊ะ

www.sephora.com3. Benefit They’re Real Push-up Gel Liner in a pen ราคา 500 บาท
เจลไลน์เนอร์สีดำเนื้อแมทต์ที่ออกแบบมาให้มีหัวแหลมคล้ายปากกาทำให้สามารถเขียนขอบตาได้ง่ายยิ่งขึ้น กันน้ำได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ไม่ทำให้เกิดรอยด่างหรือหลุดร่วงระหว่างวัน รับรองว่าดวงตาของคุณจะดูคมกริบ กลมโต สวยสมบูรณ์แบบตั้งแต่เช้ายันเข้านอน

lushgazine.wordpress.com4. Bobbi Brown Long-Wear Gel Eyeliner ราคา 1,050 บาท (ไม่รวมแปรง)
ได้ว่าเป็นเจลไลน์เนอร์ในตำนานเลยก็ว่าได้ เนื้อผลิตภัณฑ์นุ่มและมีเนื้อสีแน่น แต่ก็เกลี่ยง่ายไม่ยาก แถมยังติดทนตลอดทั้งวัน ไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือฝนตก ด้วยความดีงามนี้สาวๆ หลายคนเลยยกขึ้นหิ้งให้เป็นสุดยอดอายไลน์เนอร์ในดวงใจกันเลยทีเดียว

www.gemfound.com5. Stila Stay All Day Waterproof Liquid Eye Liner ราคา 22 USD
อายไลน์เนอร์ชนิดน้ำรูปร่างคล้ายปากกาเมจิทำให้เขียนได้ลื่นไหลต่อเนื่อง เนื้อผลิตภัณฑ์มีสีที่แน่น ทำให้ได้เส้นที่ขอบตาดูคมชัด ไม่ว่าจะผ่านเหงื่อหรือน้ำก็ติดทนทานข้ามคืนไม่มีลอกสมชื่อ stay all day จริงๆ สำหรับสาวๆ ที่อดใจรอเคาท์เตอร์แบรนด์นี้ไม่ไหว ลองใช้บริการรับหิ้วพรีออเดอร์กันดูนะจ๊ะ แต่ต้องระวังอย่าให้เค้าบวกราคาจนแพงหูฉี่ล่ะ

ทั้งหมดนี้คือสุดยอดอายไลน์เนอร์ที่เลดี้ได้รวบรวมมาฝากว่าที่เจ้าสาว ที่รับรองว่าไม่มีไหลเยิ้มแน่นอน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นลายเนอร์แบบกันน้ำ แต่ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนผิวมันก็อย่าเผลอไปสัมผัสบ่อยๆ ล่ะ หรืออาจจะหาตัวช่วยอย่างอายไพรส์เมอร์มาช่วยด้วยอีกแรงก็ดีนะจ๊ะ

 

ขอบคุณรูปภาพ : lushgazine.wordpress.com, www.gemfound.com, www.sephora.com, www.musingsofamuse.com,
stylesuzi.com, www.popsugar.com, www.walmart.com, www.eyeko.com

เจาะลึก 5 ชุดแต่งงาน “กุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์”

ผ่านพ้นไปเรียบร้อยกับงานแต่งหลายวันของ “กุ๊บกิ๊บ – สุมณทิพย์” งานนี้หลายคนจับตามองชุดเจ้าสาวของนางเป็นพิเศษว่าจะสวย เริ่ด เปรี้ยว แซ่บ สมกับเป็นเจ้าตัวไหม เสร็จงานปุ๊บ เราจึงไม่รอช้า ต่อสายตรงหาเหล่าดีไซเนอร์ผู้รังสรรค์ชุดทั้ง 3 ท่าน เพื่อล้วงข้อมูลว่า แต่ละชุดมีรายละเอียดสุดพิเศษอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยจ้า

11. “เซ็กซี่ วินเทจ หรูหรา และมิดชิด” ชุดแต่งงานในโบสถ์ จาก Amita Bridal

เริ่มต้นด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่สาวกุ๊บกิ๊บใส่ในงานพิธีโบสถ์กันก่อน ชุดนี้เป็นฝีมือการดีไซน์ของ “พี่บัติ แห่งร้าน Amita Bridal” ที่ให้สัมภาษณ์กับเราว่า

“สำหรับชุดงานพิธีคริสต์ สถานที่ที่ใช้จัดพิธี (โบสถ์นักบุญหลุยส์มารี เดอ มงฟอร์ต มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิทยาเขตบางนา) ก็มีส่วนในการดีไซน์ชุด ลุคที่เจ้าสาวอยากได้คือลุคแบบเซ็กซี่และวินเทจ เลยเลือกกระโปรงทรงเมอร์เมด ปูผ้าลูกไม้จากฝรั่งเศสทั้งตัว ช่วงบนเป็นเสื้อลูกไม้คอปีนเปิดหลังลึก เพิ่มความเซ็กซี่ตามที่เจ้าสาวต้องการ แต่ก็ต้องไม่ลืมโจทย์สำคัญคือเจ้าตัวน้อยในท้อง จึงเพิ่มกระโปรงคลุมสะโพกที่ตัดเย็บจากผ้ากลิสเตอร์วิ้งวับทั้งตัว เวลคลุมหน้าแบบซ้อนกันหลายชั้น เพื่อให้สาวกุ๊บกิ๊บดูเซ็กซี่แต่ก็ยังคงความเรียบร้อยเหมาะสมกับโบสถ์ที่ใช้จัดพิธี อีกทั้งยังสวยงามลงตัวทุกมุม ส่วนชุดเจ้าบ่าวเป็นทักซิโด้สีดำ ผูกโบว์ไทด์สีขาวเรียบง่าย”

22. “แดงแรงฤทธิ์ เว่อร์วังแบบกุ๊บกิ๊บ” ชุดยกน้ำชาสีแดง จาก Amita Bridal

ชุดนี้ใครๆ เห็นก็ต้องร้องว้าววว! แน่นอน เพราะด้วยสีชุดที่แดงแปร๊ดแสบตาสุดๆ แถมยังเป็นชุดที่พี่บัติแอบกระซิบกับ เรามาว่า ชอบมาก! อีกทั้งเจ้าสาวยังให้โจทย์มาว่าเพื่อนๆ แต่ละนางของเธอเตรียมตัวกันแบบจัดเต็ม โดยพี่บัติจะทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เธอกลืนไปกับแขก แต่ก็ต้องไม่ดูเป็นจีนโบราณ

“สำหรับชุดนี้ต้องออกแบบให้น้องกุ๊บกิ๊บใส่แล้วดูเป็นเธอมากที่สุด โดยตัวเสื้อด้านบนตัดเย็บจากผ้าลูกไม้เนื้อดีนำเข้าจากฝรั่งเศส ปักด้วยคริสตัล ส่วนกระโปรงตัดเย็บจากผ้าจำนวนกว่า 200 เมตร ตกแต่งด้วยขนนกกระจอกเทศนำเข้าจากต่างประเทศแล้วมาย้อมสี ฟอกสีใหม่ทั้งหมด ไล่สีเข้มอ่อน ตัดซ้อนชั้นระบาย สวยงามสไตล์ “ชิคไชนีส” ตามที่เจ้าสาวต้องการ ส่วนชุดเจ้าบ่าวตัดเย็บจากผ้าดัชเชสซาตินนำเข้าจากอิตาลี แล้วนำมาปักด้วยแรงมือเป็นลายหงส์และมังกร”

33. “หวานปังอลังการ” ชุดแถลงข่าว จาก Nhoo Mathews Atelier

ชุดแถลงข่าวสีสันสดใส เป็นอีกหนึ่งชุดที่หลายคนเห็นแล้วต้องยิ้มตาม ด้วยความอลังการและสีหวานๆ ของตัวชุด โดยคุณหนู ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบเผยว่า “คุณกุ๊บกิ๊บให้โจทย์มาว่าเป็นชุดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน อยากได้ชุดที่ดูดึงดูด อลังการ และเหมาะกับรูปร่างเจ้าสาวในวันแถลงข่าว งานนี้คุณหนูจึงใช้เทคนิคโอต กูตูร์ ปักเลื่อมลูกไม้สีหวานสดใส ตรงเป๊ะกับบุคลิกของเจ้าสาว อีกทั้งยังปักลูกปัดหลากหลายชนิด โดยเฉพาะคริสตัลจาก Swarovski มาออกแบบให้เป็นดอกไม้ 3D ให้อารมณ์เหมือนสวนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนกระโปรงตัดเย็บจากผ้าตาข่ายพลีทที่สั่งทำเป็นพิเศษจำนวนกว่า 250 หลา บรรจงจับวางซ้อนแต่ละชั้นเพื่อสร้างเชปและวอลลุ่มให้ดูอลังการตามที่เจ้าสาวต้องการ”

44. “ชุดเจ้าสาวไม่ต้องขาวก็สวยได้” ชุดงานฉลองสมรส จาก Amita Bridal

ชุดเจ้าสาวในช่วงงานฉลองสมรส ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ เป็นอีกหนึ่งชุดจากการดีไซน์ของพี่บัติ Amita ซึ่งใครๆ ต่างก็บอกว่า สวยอลังสุดๆ โดยชุดนี้พี่บัติบอกกับเราว่า “เจ้าสาวให้โจทย์มาว่าไม่ต้องการชุดสีขาว สุดท้ายจึงมาลงตัวที่สีแชมเปญ ช่วงตัวเป็นเสื้อคอวีเชปค่อนข้างลึกและกว้าง เพื่อช่วยให้คอดูยาวและสูงโปร่ง ทำให้ความสูงของเจ้าสาวและเจ้าบ่าวดูบาลานซ์มากขึ้น ตัวกระโปรงตัดเป็นทรงย้วยวงกลม ช่วยพรางช่วงหน้าท้องและต้นขาได้ดีมาก รอยต่อช่วงเอวต้องเพิ่มเข็มขัดเพื่อให้น้องกุ๊บกิ๊บดูมีเอวที่ชัดเจน มองจากมุมไกลแล้วต้องสวย เนื่องจากห้องจัดเลี้ยงค่อนข้างกว้าง ส่วนชุดเจ้าบ่าวทำออกมาให้เนี้ยบที่สุด จึงจัดเป็นชุดสีขาวสไตล์เจ้าชายที่ดูเท่ อบอุ่น และมีความเป็นเกาหลีด้วย”

55. “สั้น เซ็กซี่ แต่น่ารักแบบกุ๊บกิ๊บๆ” จาก Popart

ชุดสุดท้ายของเจ้าสาวอารมณ์ดีชุดนี้ออกแนวเซ็กซี่ขยี้ใจหนุ่มแบบเบาๆ ด้วยฝีมือการดีไซน์จากพี่ป๊อป ซึ่งให้สัมภาษณ์กับเราว่า “น้องกุ๊บกิ๊บอยากได้ชุดที่มีสไตล์ลำลอง ขอชุดสั้น เซ็กซี่ มีลูกไม้ ดูสนุกสนาน รีแลกซ์ และอยากได้กระโปรงฟูๆ ดูเป็นตุ๊กตาน่ารัก ความท้าทายอยู่ที่ต้องต่อชุดตรงช่วงเอวและช่วยพรางช่วงหน้าท้อง โดยช่วงบนเป็นผ้าตาข่ายปักลูกไม้ให้เหลือด้านหน้าเป็นคอวีเว้าอกลึกลงมาถึงเอว ด้านหลังเว้าลึกเป็นคอวีเช่นกันแต่ไม่ได้ปักลูกไม้ ให้ความเซ็กซี่ตามที่เจ้าสาวอยากได้ รวมถึงใช้เทคนิคการเข้าแพทเทิร์นและแก้ไขรูปร่างชุด บวกกับการวางผ้าตามแนวตรง เหมาะกับเจ้าสาวที่มีน้อง (เอวขยายเร็ว) ส่วนกระโปรงเป็นผ้าพลีทที่จับจีบด้วยมือทั้งหมด เพื่อให้แต่ละจีบดูมีชีวิตชีวา ไม่แข็งทื่อหรือห่างเท่ากันจนเกินไป ให้ฟีลลิ่งเจ้าสาวรักสนุกตามสไตล์สาวกุ๊บกิ๊บ”

เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 5 ชุดแต่งงานของสาวกุ๊บกิ๊บและ 3 ดีไซเนอร์ไทย ฝีมือไฉไลที่ออกแบบชุดมาให้สาวกุ๊บกิ๊บสวยงามสมเป็นนางเอกของวันสำคัญ แถมด้วยเจ้าบ่าวหล่อเหลาข้างกาย ฮีบินแอบเห็นนะว่าสาวๆ หลายคนอิจฉากันใช่ไหมล่ะ งานนี้เจ้าสาวสวยเวอร์วัง แถมยังการันดีฝีมือดีไซเนอร์ไทยได้ว่าเด็ดไม่แพ้ดีไซเนอร์เมืองนอกเลยเนอะ อิอิ!

ขอบคุณภาพและข้อมูล :
Amita Bridal ซอยทองหล่อ 20 (เอกมัย) โทร. 0-2711-4183, 08-5614-1966 www.amitabridal.com, Facebook : amitabridal , IG : @amitabridal
Nhoo Matthews Atelier โทร. 08-7700-0574 www.nhoomatthews.com,  Facebook : nhoomatthews.atelier , IG : @nhoomatthews
Popart Siam Square ซอย 3 , Siamone ชั้น 1 โทร. 0-2654-6337
Vin Buddy’s Wedding โทร. 08-119-1119 Facebook : Buddy’s Wedding

10 ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC สวยงามอลังการ ทุกชุด ทุกสไตล์

วันนี้ แพรวเวดดิ้ง ขอพาไปเที่ยวชม ชุดแต่งงานประจำชาติ ของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงแถบ AEC กันสักหน่อย และที่สำคัญคือ เจ้าสาวในแต่ละประเทศยังคงนิยมใส่ชุดแต่งงานแบบท้องถิ่นกันอยู่จนปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะมีแฟชั่นชุดเจ้าสาวสีขาวสไตล์ตะวันตกเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่เราก็ยังสามารถได้ชมชุดสวยๆ ที่สืบต่อกันมาของแต่ละชนชาติ เหมือนไทยเราที่ยังนิยมห่มสไบนุ่งผ้ากันอยู่นั่นเอง

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC เจ้าสาวประเทศเพื่อนบ้าน งดงามคงเอกลักษณ์ท้องถิ่น สวยทุดชุด ไม่มีใครยอมใคร

1.ประเทศเมียนมาร์

1               ชุดแต่งงานตามประเพณีของสาวชาวเมียนมาร์มีความงดงามตามแบบฉบับเจ้านายฝ่ายหญิงในราชสำนัก เจ้าสาวจะสวมเสื้อชิ้นในหรือเกาะอกเรียกว่า “ไถ่มะเตงอีงจี่” และมีเสื้อทับบางๆ สวมทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนผ้าซิ่นจะเป็นซิ่นไหมเรียกว่า “โจจีเจ้ะ”  ซึ่งทั้งชุดจะมีลวดลายและสีเดียวกัน สีที่นิยมมากที่สุดได้แก่ สีชมพูอ่อนและสีเหลืองอ่อน ความพิเศษของชุดนี้อยู่ตรงที่ผ้าคลุมไหล่ลูกไม้ที่เรียกว่า “ปะหว่า” ซึ่งจะใช้คลุมจากไหล่ปล่อยชายยาวไปถึงปลายเท้า

2.ประเทศอินโดนีเซีย

2                “เคบาย่า” นอกจากจะเป็นชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียแล้วยังเป็นชุดแต่งงานประจำชาติอีกด้วยค่ะ ตัวชุดเป็นเสื้อแขนยาวผ่าหน้ากลัดกระดุม ปักลายและตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ กระโปรงผ้าตัดเย็บจากผ้าถุงบาติก หากเจ้าสาวเป็นคนมุสลิมจะสวมผ้าคลุมหน้าซึ่งคนมุสลิมเรียกว่า ฮิญาบค่ะ

3.ประเทศลาว  

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ชุดเจ้าสาวตามประเพณีของประเทศลาว หญิงสาวจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อแขนกระบอกและห่มสไบทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งผ้าซิ่นและสไบนั้นจะทอมาจากผ้าไหมปักดิ้นสีทองอย่างดีทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จุดเด่นของเจ้าสาวชาวลาวจะอยู่ที่ทรงผมค่ะ ทรงผมจะเกล้าเป็นมวยยกสูงประดับด้วยสร้อยแบบโบราณ

4.ประเทศบรูไน

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC                “บาจูกรุง” เป็นชื่อเรียกชุดแต่งงานของเจ้าสาวชาวบรูไนซึ่งประกอบไปด้วย เสื้อแขนยาวและกระโปรงที่ทำจากผ้าลูกไม้ฉลุ ส่วนศีรษะคลุมด้วยผ้าคลุมฮิญาบตามหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ สวมเครื่องประดับเต็มยศ ชุดแต่งงานของเจ้าสาวชาวบรูไนนั้นมีความเรียบร้อยและมิดชิด แต่ยังคงความสวยงามและมีเอกลักษณ์มากๆ หรูหราและเลอค่าสุดๆ ค่ะ

5.ประเทศเวียดนาม

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศเวียดนามนั้นมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับประเทศจีนค่ะ ชุดแต่งงานของสาวชาวเวียดนามจึงมีลักษณะคล้ายกับกี่เพ้าของประเทศจีน ชุดแต่งงานของเวียดนามเรียกว่า “ชุดอ่าวหญ่าย” ทำจากผ้าไหมอย่างดีและมีสีสันสวยงาม สีที่นิยมคือสีแดง เพราะเป็นสีแห่งความรัก ความรุ่งเรืองและโชคดี เพิ่มความมีเสน่ห์และน่าค้นหายิ่งขึ้นโดยการใส่หมวกผ้าแบบโบราณ ตามแบบฉบับของเจ้าสาวเวียดนามเลยค่ะ

6.ประเทศมาเลเซีย

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               เจ้าสาวชาวมาเลเซียที่มีเชื่อสายมลายูจะสวมชุดแต่งงานที่เรียกว่า “บาจู มลายู” ส่วนฝ่ายชายจะเรียกว่า “บาจู กุรุง” ชุดแต่งงานของมาเลเซียจะคล้ายกับของบรูไนค่ะ แต่ต่างกันในเรื่องของสีสันและเนื้อผ้า ทางมาเลเซียจะมีความเรียบง่ายและสีสันไม่ฉูดฉาดมากเท่ากับชุดเจ้าสาวชาวบรูไน

7.ประเทศกัมพูชา
ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC
ชุดเจ้าสาวชาวกัมพูชาจะนุ่งผ้าจีบหน้านาง ห่มสไบทับอีกชั้น สวมเครื่องประดับแบบครบชุด ดูไปดูมาสวยงามคล้ายกับชุดไทยจักรพรรดิของไทยเรา อาจมีความแตกต่างบ้างเล็กน้อย คือ ส่วนใหญ่แล้วความยาวผ้านุ่งของเจ้าสาวชาวกัมพูชาจะอยู่ระดับตาตุ่มหรือเหนือกว่าตาตุ่มสักเล็กน้อย ซึ่งสั้นกว่าผ้านุ่งของชุดไทย และมักจะใส่เครื่องประดับทองชิ้นใหญ่ หลายชิ้น บางครั้งก็ใส่กำไลข้อเท้าเพิ่มอีกด้วย

8.ประเทศฟิลิปปินส์

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ พิธีแต่งงานจึงจัดในโบสถ์ค่ะ เจ้าสาวนิยมใส่ชุดแต่งงานตามแบบคนตะวันตก ส่วนของผู้ชายจะนุ่งกางเกงและสวมเสื้อที่มีลักษณะคอตั้ง แขนยาวปักลาย ตัดเย็บมาจากใยสับปะรด เสื้อแบบนี้เรียกว่า “บารอง ตากาล็อก”

9.ประเทศสิงคโปร์

ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               ประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายอย่างประเทศสิงคโปร์นั้น มีการผสมผสานของคนหลายเชื้อชาติแต่ส่วนใหญ่นั้นจะมีเชื้อสายจีนและมาเลเซียมากที่สุด ชุดเจ้าสาวในขณะที่ทำพิธีแบบดั้งเดิม เช่น พิธียกน้ำชา จึงมีทั้งแบบที่เป็นชุดกี่เพ้าและชุดบาจู มลายู แบบทางมาเลเซีย ส่วนงานเลี้ยงตอนเย็นอาจปรับเป็นชุดแบบตะวันตกก็ได้ค่ะ

10.ประเทศไทย

10ชุดแต่งงานประจำชาติ AEC               เดินทางมาถึงประเทศสุดท้ายแล้วนั่นคือประเทศไทยนั่นเอง กว่าสาวๆจะเลือกชุดแต่งงานได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียวค่ะ เพราะชุดเจ้าสาวตามประเพณีไทยนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกกันตาลาย ทั้งชุดไทยจักรพรรดิ ประกอบด้วยผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทอง ห่มด้วยสไบ ตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงามหรือจะเป็นชุดไทยจักรี เสื้อตัวในไม่มีแขน ไม่มีคอ ห่มด้วยสไบนุ่งทับด้วยผ้าซิ่นยกไหมสีทอง  อีกหนึ่งชุดไทยที่ใส่ตอนพระราชทางน้ำสังข์หรือตอนรดน้ำสังข์คือชุดไทยบรมพิมาน เสื้อเข้ารูปแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทองตัดแบบหน้านางมีชายพก ทั้งสามชุดที่กล่าวมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : www.shwedarling.com, rano360.com , s-media-cache-ak0.pinimg.com , www.claytonladuerotary.org , www.weddingku.com, www.theweddingscoop.com, www.pinterest.com

The Route of Love สุกี้-กมล และ เจ-ปนัดดา

ราว 10 ปีก่อน กมล สุโกศล แคลปป์ หรือที่คนในวงการเพลงรู้จักกันในชื่อ “สุกี้” ได้บิดมอเตอร์ไซค์คันโตออกจากกรุงเทพฯ อันเป็นบ้านเกิดและเมืองที่เขาเติบโต โดยทิ้งหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้เบื้องหลัง

ไม่ว่าจะเป็นชีวิตคู่ที่เพิ่งกลายเป็นอดีต…ค่ายเพลงที่เขามีส่วนร่วมก่อตั้ง…กีตาร์…สตูดิโอ…และวงการดนตรี เขาเดินทางไกลไปบนพาหนะ 2 ล้อราคาแพงระยับ โดยที่ไม่มีกำหนดกลับ…ไม่มีแม้แต่เป้าหมายที่ปลายทาง เวลานั้นสุกี้ไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป กลับไปสานต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัว หรือว่ามองหาเส้นทางใหม่ๆ

ไม่นานนัก ในระหว่างที่ยังอยู่ในช่วงเวลาของความสับสนบนทางแยกของชีวิต เขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง…เธอ คือ เจ ปนัดดา เลิศหัตศิลป์ ผู้บริหาร “สมบัติเพิ่มพูน แกลเลอรี่” แกลเลอรี่เอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักสะสมงานศิลป์ ในฐานะศูนย์รวมผลงานของศิลปินชื่อดังที่มีมูลค่านับพันล้านบาท

แล้วนับจากนั้นชีวิตของ “เขา” และ “เธอ” ก็เปลี่ยนไป…

1Route 1: Love at First Ride

“การแต่งงานเป็นเรื่องแปลกนะ ชีวิตก็ดูเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม”

ผู้ชายที่เพิ่งผ่านงานใหญ่ครั้งแรกของชีวิตมาได้ไม่นานนัก (ในวันที่สัมภาษณ์) เปรยขึ้นมา ถัดจากคำทักทายถึงชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้น “อย่างเป็นทางการ” กับภรรยาของเขา ซึ่งเส้นทางของทั้งคู่ได้มาโคจรพบกันเมื่อหลายปีก่อน

“ผมเจอกับเจครั้งแรกที่งานวันเกิดของเพื่อนคนหนึ่ง ประมาณ 5 ปีครึ่งมาแล้ว” คุณสุกี้อธิบายท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นริมน้ำของอพาร์ตเมนต์หรูย่านสาทร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านหลังแรก นับจากที่เขาต้องกลับมาใช้ชีวิตลำพัง แตกต่างจากครั้งนี้ที่กลายเป็นเรือนหอของเขากับผู้หญิงที่ถูกยกให้เป็น “คนที่เอาสุกี้อยู่!”

“วันนั้นพี่สาวไปด้วย (คุณดารณี สุโกศล แคลปป์) แล้วเขาอยู่กับเพื่อนสวยๆ เต็มเลย ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยแนะนำใครให้น้องชาย เพราะคิดว่าน้องชายทุเรศ (หัวเราะลั่น)”

แม้จะเพิ่งผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดในเรื่องความรักมา แต่ด้วยแววตาสดใสที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจของคุณเจ ทำให้สัญชาตญาณกระซิบกับคุณสุกี้ว่า “นี่แหละคนที่เราเฝ้าคอยมาตลอด”

แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับตัวเขา หรือเหตุการณ์ในวันนั้นเลยก็ตาม

“คืนนั้นพี่ดารณีแนะนำน้องชายให้รู้จัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรนะคะ เพราะว่าไม่ได้คุยกันเลย รู้แค่ อ๋อ นี่คือน้องชายพี่ดารณี แล้วก็รู้แค่ว่า เขาอยู่ในวงการบันเทิง” คุณเจเล่าด้วยรอยยิ้มถึงช่วงเวลาที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

2เหตุการณ์หลังจากคืนนั้นเป็นยังไงบ้าง

“จากที่เจอวันนั้น ผมก็ตั้งใจว่าจะจีบเขา แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ เพราะผมเป็นคนขี้อายและไม่มั่นใจตัวเองในเรื่องผู้หญิงมาตลอด สมัยเด็กๆ ก็ไม่เคยจีบใครติดเลย…แต่จะเอาคนนี้! (หัวเราะ) ผมเลยเริ่มจากขับรถไปบ้านพี่ณีแล้วบอกเขาว่า ‘คนนี้ไอชอบจริง ยูอย่าทำพังนะ’ ซึ่งตอนที่พูดเขากำลังกินข้าวอยู่ พอได้ยินแล้วเขาก็… (ทำหน้าอ้าปากหวอ) คือผมกลัวเขาไปพูดต่อแล้วทำทุกอย่างพัง” คุณสุกี้เล่าเสียงดัง ขณะที่คุณเจนั่งฟังยิ้มๆ

“หลังจากนั้นพี่สา (มาริสา สุโกศล หนุนภักดี) จัดงานเปิดตัวหนังสือของเขา (“มาริสา อัลบั้มรับเฉพาะรัก”) ซึ่งต่างคนต่างก็ได้ไปร่วมงาน และทุกอย่างเริ่มคืบหน้าเมื่อ จุ๊ก (อาทิตย์ อัสสรัตน์) เพื่อนผม จัดการชวนเจไปที่บ้านเขา”

“ตอนนั้น ยูนิ ภรรยาของคุณจุ๊กเพิ่งย้ายมาจากสิงคโปร์ เขาทำงานเกี่ยวกับศิลปะ แล้วจุ๊กหรือยู (หมายถึง สุกี้) นี่แหละเมล์มาหาเจว่า อยากแนะนำให้รู้จักกับยูนิ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้จักกับคุณจุ๊กมาก่อน เราก็คิดแค่ว่าได้รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อจะได้ร่วมงานกัน”

3แล้วคุณเจเริ่มรู้ตัวเมื่อไหร่ว่าผู้ชายคนนี้มาจีบเรา

“เริ่มรู้วันที่มีงานเปิดนิทรรศการที่หอศิลป์กรุงเทพ หลังจากวันที่เจอกันที่บ้านคุณจุ๊กประมาณอาทิตย์หนึ่ง เจกำลังถือพวกหนังสือสูจิบัตรอยู่เป็นปึกๆ แล้วเขาเข้ามาบอกว่าจะถือให้ จุดนั้นทำให้เริ่มสะกิดใจ พอดีงานวันนั้นเลิกไม่ดึก เราต่างคนต่างไม่ได้เอารถมา ต้องลงมาเรียกแท็กซี่อยู่แล้ว ก็เลยถามว่า ไปกินข้าวกันไหม คืนนั้นเลยมีโอกาสได้คุยกัน 2 คนเป็นครั้งแรก”

4Route 2: Love is on the way

จากจุดเริ่มต้นคืนนั้น ประตูความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆ แง้มออกมาช้าๆ ขณะที่วันเวลาที่ผ่านไปก็พิสูจน์ว่า เสียงกระซิบจากสัญชาตญาณของคุณสุกี้ในครั้งแรกที่พบกันนั้นถูกต้อง…ทั้งยังชัดเจนขึ้นทุกขณะ

“เขาเป็นผู้หญิงที่สามารถอยู่กับเพื่อนผมได้ สามารถซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้าป่าได้ แถมยังไปพิพิธภัณฑ์กับคุณกมลา (กมลา สุโกศล คุณแม่ของคุณสุกี้) ได้นี่หายากนะเว่ย เรียกว่าขึ้นเหนือลงใต้ ไฮโซโลโซได้หมด” คุณสุกี้ชมคุณเจ ก่อนจะเล่าต่อถึงเส้นทางความรักที่เริ่มเบ่งบาน

ขณะเดียวกันทางฝั่งของคุณเจ ก็รู้สึกประทับใจในความแข็งแรงบึกบึนและ “ถึก” ในแบบผู้ชายๆ ของเขา แถมบุคลิกบางอย่างของคุณสุกี้ยังไปมีส่วนคล้ายคลึงกับผู้ชายคนที่เป็นดั่งรักแรกของเธอ

“พอคบกันมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า เฮ้ย เขาเหมือนพ่อเรา คือคุณพ่อจะเป็นศิลปิน สมัยก่อนท่านเคยเขียนป้ายโรงหนังเฉลิมไทยด้วย นอกจากนั้นคุณสุกี้ยังดีอย่างหนึ่งคือ เขาเป็นศิลปินที่มีความเป็นนักธุรกิจอยู่ในตัว คุณพ่อเจก็เหมือนกัน ความเป็นศิลปินของคุณพ่อคือ มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ยึดติดอยู่ในกรอบ แต่ก็จะเป็นคนมีระเบียบ”

ด้วยฝ่ายชายหมั่นส่งข้อความแสดงความรู้สึกภายในใจผ่านโปรแกรมแชตแบล็คเบอร์รี่ไปหาฝ่ายหญิงเป็นภาษาคาราโอเกะตามที่เพื่อนฝูงได้สอนเอาไว้ ระยะห่างระหว่างทั้ง 2 คนก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ชิดเป็นลำดับ กระทั่งบททดสอบแรกที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปอีกขั้นได้มาถึง

5บททดสอบนั้นคืออะไรหรือครับ

“เราสองคนได้บังเอิญไปเจอดีโน่ (ลูกชายคุณสุกี้กับภรรยาคนแรก) ที่ร้านแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท”

“เป็นการเจอกันแบบแปลกๆ ด้วย เพราะวันนั้นดีโน่อยู่กับพ่อแม่ของแฟนเขา ซึ่งผมไม่เคยเจอพวกเขามาก่อน”

“ตอนนั้นเราเพิ่งเริ่มๆ คบกัน เจยังไม่มีโอกาสได้เจอดีโน่เลย แล้วอยู่ดีๆ ไปเจอกันที่ร้านอาหาร เจก็รู้สึกผิดนิดนึงว่า ดีโน่ไม่น่าถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องมาเจอกันเลย เขาน่าจะเจอเราในสถานการณ์ที่เขาอยากจะเจอ แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร ต่างคนต่างก็ไปนั่งโต๊ะของตัวเอง แต่ทุกอย่างก็โอเคค่ะ (ยิ้ม)”

6ทำไมคุณเจถึงมองว่า วันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้า

“เพราะดีโน่เป็นส่วนสำคัญของชีวิตเขา แล้วคุณสุกี้ก็จะพยายามปกป้องดีโน่ คือถ้ายังไม่แน่ใจกับคนที่คบจริงๆ เขาก็จะไม่แนะนำให้ดีโน่รู้จักเลย ดังนั้นพอเรายังไม่ได้เจอส่วนสำคัญของชีวิตเขา ก็เหมือนกับมีช่องว่างขนาดใหญ่มากั้นเราไว้ ทำให้เรายังไม่สนิทกันจริงๆ น่ะค่ะ ดังนั้นพอเราอุดช่องว่างนั้นไปได้แล้ว ทุกอย่างก็ดีขึ้น”

“จากก้าวแรก ผมเอาเขาซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้ พอผ่านก้าวที่สอง เขาได้เจอดีโน่แล้ว ก็มาถึงก้าวที่สามตอนที่ได้เจอคุณกมลา” คุณสุกี้ไล่ระดับความสัมพันธ์แบบเข้าใจง่ายให้ฟัง

8งั้นขอย้อนกลับไปก้าวแรกก่อนว่า วันแรกที่คุณเจยอมซ้อนมอเตอร์ไซค์คุณเป็นยังไงบ้าง

“วันนั้นเพื่อนๆ ผมมีแข่งมอเตอร์ไซค์กันที่บางแสน ผมเลยให้เจซ้อนไปบางแสน แล้วเป็นวันที่ร้อนมากๆ เลย พอเรากลับมาถึงที่นี่ ผมกับเจเดินขึ้นบันไดสวนกับน้อย (กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู) น้อยมองเราแล้วก็ถามว่า “What do you do to her?” เอาเขาไปทำอะไรมา (หัวเราะ)”

7โอเค กลับมาก้าวที่สาม คุณเจไปพบคุณกมลาได้ยังไงครับ

“เจอโดยบังเอิญที่เอ็มโพเรี่ยมค่ะ เหมือนคราวดีโน่เลย คือเราก็ไม่รู้ว่ามันถึงเวลาที่จะได้เจอแม่เขาหรือยัง แต่อยู่ดีๆ มาเจอ ก็เลยรู้สึกแบบ…ยังไงล่ะ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไร” คุณเจเล่า “จริงๆ ตอนที่คุณสุกี้ได้เจอคุณพ่อเจก็บังเอิญอีกเหมือนกันนะคะ คือคุณสุกี้ไปแกลเลอรี่ แล้วคุณพ่อมาพอดี ก็เลยได้เจอกัน”

นับจากที่คบกันจริงจัง เคยมีปัญหาหรือทะเลาะกันบ้างไหมครับ

“ผมโดนด่าทุกวัน (หัวเราะ) ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะปกติคนไทยจะไม่ค่อยเถียงกัน แล้วก็จะเก็บเอาไว้ในใจ แต่เขาเป็นคนพูดตรงๆ “สุ ยูผิด!” ซึ่งปกติผมไม่ค่อยฟังใคร และไม่มีใครด่าผมไง (นิ่งคิด) แต่เราก็ไม่ทะเลาะกันมากนะครับ นานๆ ที แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่ผมคบเขาไปได้ประมาณครึ่งทาง เขาเคยบอกว่า “สุกี้ ไอน่ะปกติ ยูน่ะแปลก” (หัวเราะ)”

“คือเจรู้สึกว่าเขาจะมีความซับซ้อนทางความรู้สึกและความคิดค่อนข้างมาก แล้วก็มี Conflict กับตัวเองเยอะ แต่เจเป็นผู้หญิงที่ชัดเจน ชอบอะไรก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ จะไม่มีประเภท ชอบ แต่ว่า…”

แล้วความซับซ้อนตรงนี้ทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปได้ยากขึ้นหรือเปล่า

“ยากค่ะ ยิ่งช่วงแรกๆ ที่คบกัน ด้วยความสัมพันธ์ยังไม่ได้แน่นแฟ้น เราเลยยังก้าวข้ามเส้นเขาไม่ค่อยได้” คุณเจยอมรับ “แต่พอคบมาเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจและปรับตัวได้ว่าที่สุดแล้ว เราต้องมีความบาลานซ์กัน ความสัมพันธ์จึงเริ่มดีและแน่นแฟ้นขึ้น”

9Route 3: Love is….

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินมาเรื่อยๆ โดยราบรื่น…เพื่อที่จะพบว่า เส้นทางชีวิตของทั้งเขาและเธอได้มาถึงทางแยกให้ต้องเลือกไปอีกครั้ง…

“หลังจากที่คบกันมาได้ประมาณ 3 ปี ก็คิดว่าแล้วมันจะไปไหนต่อ เพราะในมุมหนึ่งเจก็อยากมีครอบครัว เลยเกิดคำถามขึ้นว่า ความต้องการของเรา 2 คนตรงกันหรือเปล่า เราคบผู้ชายที่มีลูกแล้ว เราเองก็อายุ 30 จะคบกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เป็นแฟนกันตลอดไป โดยที่เขาก็มีลูกของเขาอย่างนี้น่ะเหรอ ก็เลยต้องคุยกันจริงจัง” คุณเจ รำลึกถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น

“มันมาถึงจุดที่ผมต้องตัดสินใจซะที ความที่ผมเคยมีครอบครัวมาแล้ว ผมต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า อยากจะมีอีกหรือเปล่า แล้วในเวลาเดียวกัน ดีโน่ก็โตเป็นผู้ใหญ่ กำลังจะออกจากบ้านไปมีชีวิตของตัวเอง ตรงนั้นเลยถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตเลย” คุณสุกี้เล่า “ผมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เราคงจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้แล้ว มันไม่แฟร์กับผู้หญิง จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้ว่า ถ้าไม่แต่งงานกับเจ เขาก็คงทิ้งผมไปแล้วล่ะ (หัวเราะ) พอตัดสินใจอย่างนั้น ดีโน่เขาก็สนับสนุนเต็มที่”  

จุดเปลี่ยนที่ว่านี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ

“น่าจะประมาณ 2 ปีได้แล้วเนอะ (หันไปถามภรรยา) แต่ตอนนั้นผมกำลังทำอัลบั้ม Monkey Disco Boy ของตัวเองอยู่ ผมเลยพูดกับเขาตลอดว่า “ขอให้เสร็จก่อน ขอให้เสร็จก่อน” แล้วค่อยแต่งงาน (หัวเราะ)”

“ได้มาคุยเรื่องงานแต่งงานกันจริงจังในช่วงต้นปี 58 นี่เองค่ะ หลังจากนั้นก็คงคล้ายๆ กับคู่อื่น ที่จะต้องคุยกันว่า ช่วงไหนดี พอสรุปว่าเป็นช่วงปลายปีแล้ว คุณแม่เจก็เอาวันเกิดไปดูฤกษ์กับผู้ใหญ่ของเขา สุดท้ายก็เลยได้เป็นวันที่ 13 ธันวาคมค่ะ”

11การเตรียมงานยุ่งยากไหมครับ สำหรับทายาทโรงแรมอย่างคุณสุกี้

“สำหรับผม เราเคยจัดคอนเสิร์ตมาเยอะ มันจะยากแค่ไหนวะ แล้วเดอะสุโกศลน่ะ ปีนึงๆ จัดงานแต่งงานประมาณ 150 งาน เขารู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง” คุณสุกี้อธิบาย “อย่างงานคอนเสิร์ต สมัยก่อนผมดูแลทั้งหมดเอง แต่เดี๋ยวนี้ผมปล่อยมากขึ้น ตอนเตรียมงานแต่งงานผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันจะยุ่งยากอะไร รู้แต่ว่าจะต้องใส่ใจเขาเยอะๆ”

“ส่วนตัวเจไว้ใจทางบ้านคุณสุกี้กับทางโรงแรมอยู่แล้วว่าน่าจะจัดออกมาดีแน่นอน คุณสุกี้เองก็จะพูดตลอดว่าเคยจัดคอนเสิร์ตมาแล้ว งานแต่งเรื่องง่ายนิดเดียว แต่พอเวลาผ่านไป ทำไมมันยังไม่มีอะไรเลย ทำไมเรายังไม่ได้คุยกับใครเลย เราก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ คือเขาจะแค่พูด แต่ไม่ทำซะทีไงคะ เวลาทำคอนเสิร์ต เขาก็จะจ้างคนนั้นคนนี้มาทำงานใช่ไหม ถ้างั้นงานแต่งงานก็ต้องจ้างนะเว้ย ไม่ใช่นั่งๆ พูดแล้วมันจะเกิดขึ้น”

12แล้วเรื่องชุดละครับ ทราบว่าคุณสุกี้เพิ่งซื้อไทก่อนวันแต่งงานเพียงวันเดียวด้วยซ้ำ

“คือผมมองว่า โอเค สูทต้องสั่งตัดล่วงหน้าอยู่แล้ว ส่วนเรื่องไทน่ะไม่เห็นจะยากตรงไหน ก็แค่เดินไปห้างแล้วชี้ว่าเอาอันนี้ พอวันงานทุกคนชมชุดผมกันทั้งนั้น อย่างแม่พอเห็นผมในชุดนั้นก็มองผมคล้ายจะบอกว่า ‘You look different today’ ซึ่งแม่ไม่เคยมองผมอย่างนั้นมาก่อน ทั้งที่วิธีเลือกแบบสูทของผมน่ะโคตรง่ายเลย ผมชอบยุค 1920s ผมก็เข้าไปค้นหาภาพจากหนังเรื่อง Great Gatsby แล้วก็เอาภาพไปให้ร้านตัดตาม”

“แต่เราสองคนไม่เคยเห็นชุดกันและกันเลยนะคะ จนกระทั่งวันงาน เราก็กลัวเหมือนกันว่าชุดจะเข้ากันไหม”

“ชุดของเขาแบรนด์ฝรั่งเศส ส่วนของผม พิ้งกี้ เทเลอร์ สำเพ็ง” คุณสุกี้หัวเราะลั่น

13แล้วคุณสองคนคิดอย่างไรกับกระแสดราม่าคุณน้อยร้องเพลงบนโต๊ะอาหารในงานแต่งบ้าง

“ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย ส่วนน้อยเขาก็โอเคนะ เพราะมันเป็นงานแต่งของพี่เขา โรงแรมของครอบครัวเรา”

“เจว่า กระแสมันเกิดจากที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้กันว่าตอนนั้นแขกกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่เด็กๆ แล้วก็พวกเบเกอรี่ฯ ที่ยังเต้นกันอยู่ คนเขาอาจจะคิดว่ายังมีคนนั่งกินข้าวอยู่ก็ได้เนอะ” คุณเจหันไปถามสามี

14หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตคู่มาพอสมควรแล้ว คิดว่าการแต่งงานดีกับชีวิตยังไงบ้าง

“ผมรู้สึกว่าการแต่งงานทำให้ผมไม่อยู่ไปวันๆ ช่วงที่ผมออกจากเบเกอรี่ฯ แล้วเอาแต่ขี่มอเตอร์ไซค์น่ะ ถ้าไม่มีดีโน่นี่เละเลยนะ ผมไม่มีหลักอะไรให้ยึดอีกแล้ว แต่การแต่งงานทำให้ผมมีแกนให้ยึดได้”

“มุมมองความรักก็เปลี่ยนไปบ้างเหมือนกันนะคะ สมัยก่อนเวลาเรามี Puppy Love หรือเวลาดูหนัง ก็จะเจอแต่ความรักที่หวานแหววหรือหวือหวา แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่จะอยู่กับเราได้ก็คือคนที่สามารถเข้ากันได้”

“เราอาจมีอะไรหลายอย่างไม่เหมือนกัน แต่เพราะเรามีแกนที่เหมือนกันถึงทำให้สามารถอยู่ด้วยกันได้ ไอ้พวกเรื่องเปลือกนอกน่ะสามารถประนีประนอมหรือปรับกันได้ แต่เรื่องแกนเป็นเรื่องที่ประนีประนอมไม่ได้ ลึกๆ ต้องเชื่อในสิ่งเดียวกัน ไม่งั้นไปยังไงก็พัง ไม่ช้าก็เร็ว หรือถ้าไม่พังก็จะรู้สึกทุกข์ทรมาน”

“การเข้ากันได้คือส่วนสำคัญที่ทำให้ความรักไม่หมดไป แต่ถ้ามีแค่ความรัก ซักวันก็จะค่อยๆ หมดไปในที่สุด เห็นด้วยไหมคะ”

คำถามทิ้งท้ายของคุณเจ แม้จะชัดเจนว่าไม่ต้องการคำตอบ แต่ที่ชัดเจนกว่านั้นคือสิ่งที่แฝงอยู่ในระหว่างประโยค ระหว่างคำพูดตลอดบทสนทนาก็คือ ความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน ซึ่งเกิดการเพาะบ่มจากวันเวลากว่าครึ่งทศวรรษ…จากวุฒิภาวะของทั้ง 2 คนที่เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และแน่นอน…จากความรัก

ทั้งหมดเป็นคำตอบที่ยังผลให้เกิดสิ่งที่คุณสุกี้ได้กล่าวเอาไว้ในตอนต้นที่เราขอเติมคำห้อยท้ายให้ว่า

“ชีวิตที่ดูเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนเดิม…อีกต่อไป”

Romantic Lucerne ควงคนรัก ล่องทะเลสาบ ชมความงามเมือง ลูเซิร์น

1

หากพูดถึงสถานที่สุดโรแมนติก แน่นอนว่า ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คงจะอยู่ในใจเป็นอันดับต้นๆ ของใครหลายๆ คนเป็นแน่ และหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมไปถึงคู่ฮันนีมูนหลายคู่ต่างใฝ่ฝันอยากจะไปยลไปเยือน และไปเยี่ยมเยียนเป็นที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้นเมืองอากาศดีที่อยู่เกือบใจกลางประเทศอย่าง ลูเซิร์น (Lucerne) เมืองตากอากาศยอดฮิตติดอันดับเมืองหนึ่งของดินแดนหลังคาแห่งทวีปยุโรปนี้ เราจึงไม่พลาดที่จะใส่ไว้ในแผนเดินทางรอบโลกในแฟนเพจเฟซบุ๊ค Hoo Backpack ของผมและเก็บเรื่องราวโรแมนติก ณ เมืองนี้มาฝากกัน

นอกจากวิวทิวทัศน์อันสวยงามและความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมแล้ว เมืองลูเซิร์นยังมีทะเลสาบลูเซิร์นที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาเยือนสถานที่แห่งนี้จึงจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากการล่องเรือไปตามสายน้ำใสเขียวบริสุทธิ์ ยืนอ้าแขนรับลมเย็นๆ พร้อมกับสูดโอโซนเข้าไปให้เต็มปอด เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สวยๆ ริมฝั่งทะเลสาบที่แสนแปลกตา แต่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สร้างความประทับใจแรกเห็นให้กับคนที่หลงใหลในเสน่ห์ของธรรมชาติและแอบเทใจให้กับบรรยากาศโรแมนติกแบบนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Along the Lake : ล่องเรือชมความงามทะเลสาบลูเซิร์น

2

ทะเลสาบลูเซิร์น มีชื่อเรียกว่า Lake of the four forest cantons ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา โอบล้อมไปด้วยอ้อมกอดแห่งเทือกเขาธรรมชาติและอาคารบ้านเรือนรูปทรงน่ารักสะดุดตา แต่งแต้มให้เกิดทัศนียภาพอันสวยงาม และให้กลิ่นอายแห่งความเป็นเมืองแห่งขุนเขาได้เป็นอย่างดี หากใครกำลังวางแผนมาล่องเรือชมความงามของทะเลสาบแห่งนี้ เราขอแนะนำ เส้นทางล่องเรือ Luzern – Hergiswil – Alpnachstad

ซึ่งจุดที่น่าสนใจของเส้นทางสายนี้ก็คือ จากเมือง Alpnachstd เราสามารถต่อ cogwheel railway เพื่อที่จะขึ้นไปสัมผัสหมอกหยอกล้อกับยอดเขา Pilatus ที่สูง 2,132 เมตรได้ โดยเจ้า cogwheel railway นี้ ได้ถูกจัดอันดับให้เป็นสายรถ cogwheel ที่ชันที่สุดในโลก โดยมีความชันถึง 48 องศา หากใครอยากอัพเลเวลความตื่นเต้นบวกประทับใจให้พุ่งปรี๊ดเราขอแนะนำ รับรองว่า กดไลค์กันแทบไม่ทันเชียวล่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ หากใครมีเวลาต้องลองทำดู ก็คือ ระหว่างเส้นทางสายนี้ ก่อนถึงท่า Alpnachstad Pilatus เรือจะมีจุดจอดแวะระหว่างเมืองต่างๆ ประมาณ 3-4 จุด ซึ่งเราสามารถลงไปเดินเล่น ชมวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ แต่ขอแนะนำให้เช็คตารางเวลาของเที่ยวเรือให้ดี เพราะไม่อย่างนั้น อาจทำให้เสียเวลาเที่ยวสถานที่อื่นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

Emag142-458Don’t Miss!

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเส้นทางล่องเรือที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Luzern – Weggis – Vitznau – Beckenried – Gersau – Brunnen – Flüelen ซึ่งสามารถล่องเรือชมทิวทัศน์ตามทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนถึงเมือง Vitznau จากนั้นต่อรถรอกกว้านสมัยเก่าและรถกระเช้า (Aerial Cable Car) เพื่อขึ้นไปชมความงามและสัมผัสบรรยากาศความเยือกเย็นบนยอดเขาสูงเสียดฟ้าบนภูเขา Rigi (ซึ่งมีความสูง 1,798 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) และภูเขา Stanserhorn

Swiss Pass

สำหรับใครที่เดินทางเองและใช้ Swiss Pass สามารถนำมาใช้แสดงเพื่อรับส่วนลดสูงสุดร้อยละ 50 ในการซื้อตั๋วรถไฟเอกชนขึ้นภูเขาและตั๋วรถกระเช้าไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ บัตรนี้ยังสามารถใช้บริการโดยไม่จำกัดทั้งทางรถไฟ รถประจำทาง และเรือภายใต้เครือข่าย Swiss Travel System network อีกด้วย

Around the City: เดินชมเมืองเก่าแห่งทะเลสาบ

4

หลังจากล่องเรือชมความงามของทะเลสาบกันอย่างจุใจแล้ว เราลองมาเปลี่ยนบรรยากาศเดินชมเมืองเก่าลูเซิร์นกันบ้าง โดยเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟจากเมือง Alpnachstad มุ่งหน้ากลับเข้าสู่เมืองลูเซิร์น เพื่อเริ่มต้นชมความงามอันเป็นอมตะของเมืองนี้กันแบบชิลๆ

ลูเซิร์นถือเป็นเมืองเก่าแก่ ซึ่งเคยปกครองตนเองก่อนจะรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ค.ศ.1332 โดยตัวเมืองถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้านตะวันออกเป็นเมืองเก่ามีอายุกว่า 500 ปี ตัวอาคารบ้านเรือนในเขตนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จึงมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ กับอีกส่วนที่อยู่ทางด้านตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นภายหลัง แม้ฝั่งนี้บ้านเมืองจะออกทันสมัยกว่า แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของการเป็นหัวเมืองโบราณให้เห็นอยู่บ้าง สวยงามได้บรรยากาศไปอีกแบบ

สำหรับคนที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้ ต้องไม่พลาดแวะเช็คอินกันที่แลนด์มาร์คยอดฮิต ซึ่งก็คือสะพานไม้เก่าแก่ Chapel Bridge และอนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลัก Lion Monument สองสิ่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองเลยก็ว่าได้

Chapel Bridge สะพานไม้โบราณสุดคลาสสิก

5

จากสถานีรถไฟลูเซิร์น หากมองไปทางด้านซ้ายมือจะเห็นสะพาน Chapel Bridge ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยซ์ (Reuss River) รอให้เราแวะเข้าไปทักทาย จากจุดตรงนี้ เราสามารถเดินเลียบริมน้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปยังสะพานไม้ ระหว่างทางนอกจากจะได้ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่แสนสวยงามและมีทิวเขาของ Pilatus เป็นฉากหลัง ให้ได้อัพรูปกันรัวๆ แล้ว ยังมีหงส์และเป็ดน้ำจำนวนมากแหวกว่ายกันอยู่ในน้ำให้ได้ดูกันเพลินๆ เพิ่มบรรยากาศความสดชื่นมีชีวิตชีวาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

สำหรับสะพาน Chapel Bridge นับเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และจัดว่าเป็นสะพานแบบโครง (truss bridge) ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 มีความยาว 285 เมตร สร้างเชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่าซึ่งอยู่ทางขวาของแม่น้ำรอยซ์ ไปยังเขตเมืองใหม่ที่อยู่ทางซ้ายของฝั่งแม่น้ำ บริเวณกึ่งกลางสะพานเชื่อมอยู่กับ Wasserturm หรือ Water Tower ซึ่งมีลักษณะเป็นป้อมรูปทรงแปดเหลี่ยม สูง 43 เมตร สร้างขึ้นก่อนตัวสะพานราว 30 ปี เดิมที่นี่ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมืองไว้

ความโดดเด่นของสะพานไม้แห่งนี้อยู่ที่การมุงหลังคาแบบโบราณ ซึ่งที่จั่วของแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองลูเซิร์น เดิมมีทั้งหมด 158 ภาพ แต่เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อปี ค.ศ. 1993 ทำให้ภาพวาดดั้งเดิมเสียหายไปมาก ปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมจนมีสภาพใกล้เคียงกับของเดิม คุณอาจสังเกตเห็นร่องรอยของไฟไหม้อยู่บ้างตามทางเดิน ซึ่งก็นับว่าเป็นเสน่ห์เตะตาไปอีกแบบ สำหรับใครที่วางแผนจะมาชมสะพานแห่งนี้ ขอแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เพราะนอกจากจะได้แสงสวยๆ ยามอาทิตย์อัสดงแล้ว ยังได้สัมผัสกับแสงไฟที่นำมาตกแต่งบนสะพานไม้แห่งนี้อย่างตระการตาอีกด้วย สมกับที่เป็น the city of lights เสียจริง

Don’t Miss!

นอกจากนี้บนสะพานไม้ยังมีร้านขายของที่ระลึกสีสันสวยงาม ปลูกสร้างเป็นห้องๆ ลดหลั่นกันไปตามความลาดของสะพาน หากใครกำลังมองหาของฝาก หรือของที่ชวนให้รำลึกถึงเมืองลูเซิร์น ต้องลองแวะเข้าไปดู รับรองถูกใจขาช้อปไม่น้อยเลยทีเดียว

Löwendenkmal (Lion Monument) ประติมากรรมเลื่องชื่อของยุโรป

6

เดินต่อไปจากสะพานไม้ ลัดเลาะไปตามถนน Lowenstrasse เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงอนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลักอันเลื่องชื่ออยู่บนหน้าผาหินก้อนใหญ่ เบื้องหน้ารูปแกะสลักนี้จะมีสระน้ำเล็กๆ กั้นอยู่ และแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ สร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นและเงียบสงบเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจไม่เบา

อนุสาวรีย์รูปสิงโตแกะสลักนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1821 โดยด้านบนจะมีตัวอักษรจารึกไว้เหนือสิงโตว่า “Helvetiorum fedei ac Virtuti” แปลว่า “แด่ความจงรักภักดีและความกล้าหาญของชาวสวิต” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับทหารสวิตที่เสียชีวิตจากการรับจ้างออกไปรบ จำนวน 786 คน โดยทำหน้าที่เป็นทหารองครักษ์ให้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเสียชีวิตช่วงสงครามปฏิวัติครั้งใหญ่ในประเทศฝรั่งเศสปี 1792 นอกจากจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญของชายชาติทหารแล้ว ยังแสดงถึงความงดงามในด้านประติมากรรมที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย

เจ้าสิงโตตัวนี้ เป็นผลงานการออกแบบของนักประติมากรรมชาวเดนมาร์ก Bertel Thorvaldsen แต่ถูกสร้างโดยช่างก่ออิฐชาวเยอรมัน Lukas Ahorn มีความยาวเกือบ 10 เมตร ความโดดเด่นอยู่ที่การแกะสลักลงไปบนพื้นผิวหินทรายที่ดูสมจริงจนน่าทึ่ง จนนักเขียนชื่อดังอย่าง Mark Twain ได้กล่าวถึงอนุสาวรีย์สิงโตนี้ว่า “เป็นหินที่ดูเศร้าและสะเทือนใจที่สุดในโลก” หากใครอยากจะมาสัมผัสความสวยงามของสถาปัตยกรรมขึ้นชื่อชิ้นนี้ ขอแนะนำให้มาช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นไปเลย เพราะนอกจากจะไม่เบียดเสียดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มากันอย่างหนาแน่นแล้ว ยังมีเวลาเดินชมสถานที่น่าสนใจในบริเวณใกล้เคียง อย่าง Glacier Garden สวนหินและพรรณไม้กึ่งร้อนชื้น ที่เต็มไปด้วยความสดชื่นอันน่าตื่นตาตื่นใจ เหมาะแก่การเดินเล่นเกี่ยวก้อยหยอกล้อกันชิลๆ เข้ากับบรรยากาศสบายๆ ของเมืองตากอากาศชั้นนำของสวิตฯ แห่งนี้เป็นที่สุด

นอกจากแลนด์มาร์กชื่อดังแล้ว ลูเซิร์น ยังนับว่าเป็นเมืองสวยงามที่มีบรรยากาศเหมาะแก่การเดินทอดน่องชมสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนกันเพลินๆ ได้ไม่มีเบื่อ เพียงแค่ลัดเลาะไปตามถนนสายเล็กๆ ก็อาจนำคุณไปโผล่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยร้านรวงดีไซน์เก๋ที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความเก๋า หรืออาจจะไปเจอกับจัตุรัสสุดคลาสสิกที่มีน้ำพุเต้นระบำเล่นแสงธรรมชาติอย่างไม่แคร์สายตาใคร เรียกได้ว่า ทริปการเที่ยวชมเมืองลูเซิร์นครั้งนี้ จัดเต็มไปด้วยความสวยงามที่น่าค้นหา เหมาะสำหรับคู่รักนักสำรวจ เพราะไม่ว่าจะค้นลึกเข้าไปสักเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบเจอกับความอัศจรรย์ใจมากขึ้นเท่านั้น จนเผลอหลงรักเมืองแห่งทะเลสาบนี้เข้าอย่างไม่รู้ตัว

Don’t Miss!

สำหรับใครที่เริ่มจะเมื่อยน่องกันบ้างแล้ว เมืองนี้ยังมีบริการทางลัดสำหรับการชมเมืองแบบไม่ต้องใช้แรงเยอะอีกด้วย นั่นก็คือ City Train Luzern ซึ่งจะออกทุกๆ 1 ชม. ให้คุณได้นั่งรถชมความงามของสถาปัตยกรรมย่าน Old Town และความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลูเซิร์นกันในเวอร์ชันสบายๆ แต่รถไฟสายนี้จะปิดให้บริการในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ใครแพลนจะใช้บริการ ต้องเช็คกันให้ดีอีกที

7More about Lucerne  

Location: เมืองลูเซิร์น เป็นเมืองที่อยู่เกือบใจกลางประเทศ โดยตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบลูเซิร์น ที่มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ (Lake of the four forest cantons) ตรงบริเวณปากแม่น้ำรอยซ์ (Reuss River)

Need Help: ภาษาที่ใช้มีอยู่ 4 ภาษา คือ เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน และโรมานซ์ (ภาษาละตินโบราณ) แต่จะใช้ภาษาเยอรมันกับฝรั่งเศสเป็นหลัก หากใครหลงทางหรือต้องการความช่วยเหลือก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะที่นี่ยังพอพูดภาษาอังกฤษกันได้ โดยเฉพาะในตัวเมืองและตามแหล่งท่องเที่ยว

Shopping: ใช้สกุลเงินฟรังก์สวิต (CHF) สามารถแลกได้ตามธนาคารทุกแห่ง ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟใหญ่ๆ รวมถึงที่โรงแรม หรือจะใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็ได้ อย่างเข่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส วีซ่า และมาสเตอร์การ์ด

Best time for couple: ลูเซิร์น จัดเป็นเมืองที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งแต่ละช่วงเวลาก็จะมีเสน่ห์แตกต่างกันไป หากคู่รักคู่ไหนชอบบรรยากาศแบบซัมเมอร์ ขอแนะนำช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน เพราะอากาศกำลังสบาย ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ก็มีอากาศเย็นประมาณ 12-24 องศาเซลเซียส กิจกรรมที่เหมาะในช่วงนี้คือการเดินเขาและปั่นจักรยานชมเมือง แต่ข้อเสียก็มีนะ เพราะเป็นช่วงที่อากาศดี๊ดี จึงทำให้นักท่องเที่ยวแห่กันมาเยอะ ราคาข้าวของจึงพุ่งสูงขึ้นเป็นพิเศษ แต่หากคู่ไหนชอบบรรยากาศโรแมนติกแบบวินเทอร์ ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปเหมาะกับคุณที่สุด อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 6-14 องศาฯ และจะลดลงเรื่อยๆ ถึงขั้นติดลบจนถึงกุมภาพันธ์ จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น นอกจากจะมีอากาศหนาวเย็นเหมาะแก่การซุกไออุ่นกันแล้ว ยังเป็นช่วง off season ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวมากวนใจมากนัก แถมค่าใช้จ่ายยังถูกลงอีกด้วย กิจกรรมที่น่าสนใจก็คือ การเล่นสกี นิยมเล่นกันในช่วงพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนเมษายน

Emag142-465How to Go

จากกรุงเทพไปเมืองลูเซิร์น มีสายการบินโลคอสให้เลือกมากมายตามงบแต่ต้องเสียเวลาต่อเครื่องนิดหน่อย ใครบินนานๆ ไม่ไหวแนะนำให้บินตรง ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง มีสายการบินไทยและสายการบินของสวิสแอร์ กรุงเทพ-ซูริค จากนั้นสามารถต่อรถไฟจากสนามบินที่สถานี Zürich Flughafen เข้าเมืองลูเซิร์น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รถออกทุก 30 นาที เรียกว่าเดินทางสะดวกสบายมากๆ

เต้าหู้ – ณฤต เลิศอุตสาหกูล หรือที่หลายคนรู้จักในนาม Hoo DIY ผู้ชอบประดิษฐ์สิ่งของรอบตัวให้เป็นงานศิลปะแปลกใหม่จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เต้าหู้เป็นทั้งศิลปิน คอลัมนิสต์ พิธีกรรายการ และล่าสุดเขาเพิ่งพิชิตภารกิจท่องยุโรป 17 ประเทศโดยรถไฟ ติดตามการเดินทางของเขาได้ที่ FB/IG: HooBackpack

Story & Photo : Hoo Backpack

เตรียมปากสวยรอรับจูบวันวาเลนไทน์

เรื่อง : Red Velvet

                ใกล้เทศกาลแห่งความรักเข้ามาทุกที สาวๆ หลายคนคงตื่นเต้นไม่น้อยว่าปีนี้จะได้ช่อดอกไม้จากคนรักหรือเปล่า ก่อนที่จะตั้งตารอช่อดอกไม้ช่อโตหรือแหวนเพชรสุดหรู สาวๆ ต้องมีความสวยที่จะสะกดสายตาหนุ่มๆ ตลอดเวลาและสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามก็คือ รอยยิ้มและริมฝีปากที่พร้อมรับการจูบ!

 
1. ขัดเซลล์ผิวที่ปากด้วยแปรงสีฟัน

thegloss                หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ใช้แปรงสีฟันขัดวนไปมาเบาๆ บริเวณริมฝีปากทำทุกครั้งหลังแปรงฟันเช้า เย็น วีธีนี้จะช่วยให้ปากไม่ดำค่ะ เพราะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ทุกวันให้หลุดลอกไป

2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

stylecaster                สูตรสวยด้วยน้ำยังอมตะเสมอ การดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันนอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอแล้วยังส่งผลให้สุขภาพผิวปากไม่แห้งลอกหรือเป็นขุยและห้ามลืมเด็ดขาดนะคะหากสาวๆ ปากแห้งแตกเวลาที่อยู่ในห้องแอร์หรืออากาศหนาวห้ามใช้ลิ้นเลียริมฝีปากจะยิ่งทำให้ปากดำ

3. เลือกผลิตภัณฑ์สครับริมฝีปาก

thatsnay-blogspot-com                สาวๆ อาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดหรือจะทำสครับปากสำหรับไว้ใช้เองก็ได้ค่ะ วัตถุดิบก็หาได้จากครัวแถมไม่มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก วันนี้ Red Velvet มีสูตรมาฝากเผื่อสาวๆ คนไหนสนใจที่จะทำสครับไว้ใช้เองด้วยนะคะ
                สูตรแรกคือใช้ น้ำผึ้ง + วาสลีน + น้ำตาลทราย (น้ำตาลทรายธรรมดานะคะ ไม่ต้องถึงกับน้ำตาลไอซ์ซิ่ง) ส่วนผสมอย่างละ 1 ช้อนชา นำมาผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้สครับถูวนไปมาบริเวณปากเบาๆ (หอมหวานน้ำผึ้งก็อย่าเผลอเลียปากตัวเองนะคะไม่ได้สครับกันพอดี) แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาทีแล้วล้างออก
                อีกหนึ่งสูตรสำหรับสาวๆ คนไหนที่ชอบกลิ่นของมะนาวใช้ มะนาว + น้ำนม + น้ำตาลทราย นมก็เป็นนมกล่องธรรมดาที่หาได้นะคะสาวๆ ส่วนผสมอย่างละ 1 ช้อนชาหลังจากที่สาวๆ สครับปากเรียบร้อยแล้วอย่าลืมใช้ลิปบาล์มเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นด้วยนะคะ

4. การใช้ลิปบาล์มที่มีสารกันแดด

lifehealthandbeauty                เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยมี 3 ฤดูนั่นก็คือ ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนมากที่สุด เรียกได้ว่าเกิดเป็นสาวไทยต้องเจอแดดกันทั้งปี แล้วสาวๆ ส่วนใหญ่ก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดปกป้องแค่หน้าผิวและผิวกายโดยลืมไปว่าเจ้าแสงแดดนั้นสามารถทำให้ปากเราคล้ำลงได้ด้วยนะคะ ดังนั้นควรจะเลือกใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสี UV ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้จากลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่มีทั้งป้องกันรวมบำรุง ไปในตัว ก็เหลือแต่สาวๆ จะเลือกใช้ตัวไหนให้เหมาะกับตัวเอง

5. เลือกลิปสติกสีสวยน่าจูบ

makeupandbeauty                การเลือกใช้ลิปสติกเพื่อเพิ่มความดึงดูดไม่ว่าจะเป็นการใช้สีหรือเนื้อสัมผัสของลิปสติกเอง สีที่สาวๆ ควรเลือกให้เข้ากับเทศกาลแห่งความรักนั้นก็คือและพร้อมที่จูบคือโทนสีนู้ด สีชมพูนู้ด สีส้มนู้ด สีนู้ดพีช ยังสามารถใช้สีสดใสเพื่อเน้นให้ปากดูเซ็กซี่ เฉดสีเช่น สีชมพู สีแดง แต่ก็อย่าเปรี้ยวปรี้ดจนเกินงามนะคะส่วนเนื้อสัมผัสจะเน้นไม่มันวาวจนเกินไปสาวๆ ควรเลือกใช้เนื้อแมทเพราะมีเม็ดสีที่แน่น ละเอียด  จูบไม่หลุด และปากดูเหมือนกำมะหยี่ยั่วยัวใจชาย ที่สำคัญเทรนด์นี้กำลังมาแรง!!
                อีกหนึ่งเนื้อสัมผัสคือ Shine Lipsticks ให้สีที่มีความแวววาว เปล่งประกาย ดูสดใสสาวน้อยแรกแย้ม นอกจากนี้สาวๆ ยังสามารถเลือกใช้ทินส์และลิปกลอสเพื่อเพิ่มความเซ็กซี่ อาจจะทาทินส์บางๆ ชิดขอบปากด้านในแบบสาวเกาหลีเบาๆ ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีรูปปากหรือขอบปากไม่ชัดเจนอาจจะวาดขอบด้วยดินสอเขียนขอบปากก่อนทาสีลิปสติกก็ได้ค่ะ
                การดูแลปากให้สวยฉ่ำน่าจูบไม่ใช่แค่ช่วงวาเลนไทน์เท่านั้นนะคะ เพราะใครจะรู้ว่าคุณจะถูกจูบเมื่อไหร่ เวลาไหน เพราะฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้สวยสะกดใจชายทุกเวลา และอีกอย่างการสร้างรอยยิ้มที่สวยงามเป็นการสร้างความประทับใจให้หนุ่มๆ ด้วยนะคะ หวังว่าสาวๆ หลายคนจะนำทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ WE-MAG จัดมาให้ไปปรับใช้นะคะ

ภาพจาก : www.lifehealthandbeauty.com, www.makeupandbeauty.com, www.stylecaster.com, www.thatsnay.blogspot.com, www.thebeautylookbook.com, www.thegloss.com, www.aelida.com

เตียงใหม่คนรักเดิมกับ 5 ห้องพักหรูกลางกรุง

อยากทำอะไรพิเศษๆ ให้กับคนรักในวาระที่เปี่ยมไปด้วยความหมายใช่ไหมล่ะ แต่ครั้นจะจองตั๋วเดินทางไกลไปเซอร์ไพร้ส์รักเวลาก็อาจไม่อำนวย ไหนจะต้องฝ่ารถติดกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายทั้งเหนือใต้ออกตก ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ดีไหม ควงแขนคนรักคนเดิมไปประเดิมเตียงใหม่ใน ห้องพักหรูกลางกรุง กันดีกว่า การันตีเลยว่า แต่ละห้องที่ เราคัดมาสุดพิเศษ ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน การตกแต่งและบริการที่มีครบครัน

“Paranim Penthouse” เพนเฮ้าส์กลางกรุงรอให้คุณไปค้นหา @ Hotel Muse Bangkok

Paranim Penthouse
Paranim Penthouse เพนเฮ้าส์ดีไซน์คลาสิคบนชั้น 23 ของ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก

ถ้าเพนเฮ้าส์คือหนึ่งในความฝันของคุณและคนรัก เราขอบอกว่า อ่านตรงนี้ถูกทางแล้วค่ะ เพราะห้องพักที่เรากำลังจะแนะนำคุณ ณ ตอนนี้คือ “Paranim Penthouse” เพนเฮ้าส์ดีไซน์คลาสิคบนชั้น 23 ของ โฮเทล มิวส์ แบงค็อก โรงแรมที่ให้ความรู้สึก “ลึกลับและน่าค้นหา” เพราะสำหรับที่นี่คุณจะไม่เจอภาพล๊อบบี้ที่โอ่โถงและสว่างไสวจากที่นี่ แต่จะได้อารมณ์อบอุ่นด้วยแสงไฟสลัวๆ ในพื้นที่ขนาดเล็กที่ตกแต่งย้อนยุคในโทนสีเข้ม ทั้งโต๊ะไม้สีดำ โซฟาหนังสีน้ำตาลและที่โดนใจคือโครงเหล็กลวดลายแบบตะวันตก

Paranim Penthouse ห้องพักสุดหรูใจกลางเมืองที่ได้รับการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครใน สไตล์โฮเทล มิวส์ แบงค็อกด้วยการตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ ห้องอาบน้ำพื้นที่กว้างขวางที่มีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่เป็นพิเศษสำหรับสองท่าน และห้องอาบน้ำสำหรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและพิเศษกับระเบียงถึงสามจุดที่คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับ วิวทิวทัศน์อันงดงามยามค่ำคืนของเมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับทำสปาแบบส่วนตัว

หากคุณกำลังมองหาห้องพักสมบูรณ์แบบที่สุด ให้คุณได้จัดปาร์ตี้สังสรรค์หรือพักแบบผ่อนคลายในคืนพิเศษที่มีเพียงคุณสอง คนต้องไม่พลาด Paranim Penthouse เพนท์เฮ้าส์ที่รอให้คุณไปค้นหา
*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมมิวส์ กรุงเทพฯ (Hotel Muse Bangkok) ถ.หลังสวน โทร. 0-2630-4000

“Circular Suite” นอนเตียงกลมชมแสงสี @ Le Meridien Bangkok Hotel

Circular Suite
เตียงนอนทรงกลมสุดโรแมนติกที่ Le Meridien Bangkok Hote

ถ้าคุณคิดว่าโรงแรม 5 ดาวจะมีแค่เตียงสี่เหลี่ยมคิงไซส์ควีนไซส์ขอให้คิดซะใหม่ เพราะโรงแรมเลอ เมอรีเดียน สุรวงศ์ จะทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ด้วยไฮไลน์ของห้อง Circular Suite นี้อยู่ที่เตียงนอนทรงกลมขนาดกำลังพอดีแต่ให้อารมณ์แฟนตาซีมากกว่าที่คิด ไหนจะบรรยากาศภายในห้องที่ดีไซเนอร์พิถีพิถันเป็นพิเศษกับการตกแต่งในธีมสีแดงทับทิมตัดสลับกับสีน้ำตาลอ่อนสร้างความลงตัวคู่ไปกับการนำกลอนไพเราะที่สื่อถึงความรักสุดหัวใจจากกวีเอกอย่างสุนทรภู่มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบริเวณหัวเตียง

แต่ความดีงามยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะสำหรับคู่รักสุดพิเศษเช่นคุณ โรงแรมเลอ เมอรีเดียน ได้เตรียมบริการสุดพิเศษไว้คอยท่าอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นบริการตกแต่งห้องพักทำเซอร์ไพร้ส์คนรักด้วยลูกโป่งหรือดอกไม้ เมนูแชมเปญที่คุณเลือกปรุงรสชาติได้ด้วยตัวเอง เพียงโทรศัพท์เข้ามาออเดอร์กับเจ้าหน้าที่ รับรองล้านๆ เปอร์เซนต์ค่ะว่า ค่ำคืนพิเศษจะเปี่ยมไปด้วยความรักอย่างที่คุณตั้งใจอย่างแน่นอน

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรม เลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ (Le Meridien Bangkok Hotel) ถ.สุรวงศ์ โทร. 0-2232-8888

“Stylish Suite” ห้องพักมีสไตล์ในโรงแรมสีสันจัดจ้าน @ Aloft Bangkok Sukhumvit 11

Stylish Suite
Stylish Suite ห้องพักที่ Aloft Bangkok Sukhumvit 11 เหมาะกับคู่รักที่ชอบชีวิตแบบสนุกสนาน คึกคัก

สำหรับคู่รักที่ชอบความคึกคักและหลงใหลชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน เราขอเชียร์ให้ไปเปรี้ยวกันในวันพิเศษที่โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพฯ สุขุมวิท 11 เพราะทันทีที่ก้าวเท้าเข้าประตูโรงแรมก็ได้สัมผัสกับการตกแต่งที่เน้นสีสันชนิดที่ว่าไม่จำกัดธีมสี นอกจากนี้ยังใส่สไตล์เฉพาะตัวของอลอฟท์ให้กับห้องพัก “Stylish Suite” ที่เราอยากให้คุณควงแขนกันไปเปลี่ยนที่นอนกันในคืนพิเศษ

“Stylish Suite” ห้องพักขนาด 60-62 ตร.ม. ที่จัดแบ่งพื้นที่การใช้งานอย่างเป็นสัดส่วน ตกแต่งด้วยสีสันสบายตาประมาณว่าละมุนนุ่มหลังจากเปรี้ยวหนักจัดเต็มกันที่ฟังก์ชั่นส่วนอื่นๆ ของโรงแรมมาแล้ว ห้องนี้พร้อมให้คุณทั้งคู่ใช้เวลาสวีทกันสองต่อสองแบบค่อยเป็นค่อยไป ทั้งในพื้นที่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดไฮเทคที่ช่วยให้อารมณ์การพักผ่อนของคุณได้เริ่มต้นผ่อนคลาย ห้องนอนโดดเด่นที่หน้าต่างขนาดใหญ่ให้คุณได้เปิดม่านยืนมองบรรยากาศสุขุมวิทยามค่ำคืน และถ้าคุณเหนื่อยหนักและอยากลงแช่น้ำเอนกาย ภายในห้องมีฟังชั่นก์ดีๆ ที่มีสไตล์มากกว่าที่คิดพร้อมให้คุณมาใช้เวลาร่วมกันในวันพิเศษ

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ – สุขุมวิท 11(Aloft Bangkok – Sukhumvit 11) ถ. สุขุมวิท โทร. 0-2207-7000

“Club Siam Suite” บ้านหลังที่สองที่รอให้คุณมาเช็คอิน @ Sukosol Hotel

Club Siam Suite
ห้องพักสไตล์ไทยร่วมสมัยที่ Sukosol Hotel

ย้อนนึกถึงวันคืนหวานๆ เมื่อแรกพบสบตากันหน่อยไหม กับ “Club Siam Suite” ห้องพักสไตล์ไทยร่วมสมัยขนาด 76 ตร.ม. ที่มาพร้อมห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารและห้องนอนที่แยกจากกันเป็นสัดส่วน แถมยังสร้างพื้นที่ให้คุณได้ย้ำเตือนความหวานกับห้องน้ำขนาดใหญ่ที่คุณสามารถจูงมือกันลงแช่ตัวพร้อมกันในบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกประหนึ่งว่านี่แหละคือความอบอุ่นแห่งความรักที่อบอวลในบ้านของตัวเอง

นอกจากนี้ Sukosol Hotel ยังมีบริการพิเศษอีกเพียบให้คุณได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเช็คอินแบบส่วนตัวที่เล้านจ์บนชั้น 21 สิทธิ์ในการใช้บริการ Club Siam Lounge / บริการชา-กาแฟ และของว่างตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมช่วงเวลาพิเศษของ Happy Hour ให้บริการค็อกเทลและคานาเป้ฟรีทุกวัน ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่ 17:30น. – 19:00น.

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมเดอะสุโกศล (The Sukosol) ถ.ศรีอยุธยา โทร. 0-2247-0123

“Serenity Club” สวีทหวานกับวิวแม่น้ำกลางใจเมือง @ Banyan Tree Bangkok

Serenity Club @Banyan Tree Bangkok
Serenity Club ห้องพักวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

ถ้าคู่ของคุณปลื้มปริ่มกับความสวยงามของสายน้ำหัวใจกรุงเทพฯ อย่างแม่น้ำเจ้าพระยา คืนพิเศษที่กำลังเตรียมการอยู่ต้องไม่พลาดจูงมือคนสำคัญมาทำเซอร์ไพร้ส์และเช็คอินที่ “Serenity Club” ห้องพักแบบใหม่ที่โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ

ความพิเศษของ Serenity Club มีมากกว่าทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองอย่างถนนสาทร แต่เพราะการปรับโฉมใหม่ให้ห้องพักห้องนี้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันแล้ว ด้วยตำแหน่งของห้องพักอยู่สูงตั้งแต่ชั้นที่ 50-58 ทำให้คุณสามารถมองเห็นวิวของทั้งฝั่งตัวเมืองและฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน และที่เด็ดอีกอย่างและเรารีวิวมาแล้วว่ามาเช็คอินแล้วต้องไม่พลาดคือ คลับเลาจน์ บนชั้น 19 ซึ่งมีของว่างและเครื่องดื่มไว้คอยให้บริการทุกท่านตลอดทั้งวัน เชื่อเถอค่ะว่า โลกทั้งโลกจะมีแค่คุณสองคนที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างดื่มด่ำ รู้แบบนี้ไม่ต้องรออะไรแล้วใช่ไหมคะ

*สำรองห้องพักในคืนพิเศษได้ที่ โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ (Banyan Tree Bangkok) ถ.สาทร โทร. 0-2679-1200

พรีเซนเทชั่นสุดเจ๋ง 16 ประเทศ 156 เมืองกับความรักของ “คุณตองและคุณโธมัส”

เรื่อง : JeenHuiBin

              พรีเซนเทชั่นสุดเจ๋งที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของความรักกว่า 16 ประเทส 156 เมือง ที่คู่รักอย่าง “คุณตอง วทันยา” และแฟนหนุ่มวิศวกรจากไมโครซอฟท์ “คุณโธมัส มอริสัน” ที่เก็บทุกภาพความทรงจำของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน มาเรียงร้อยให้เป็นพรีเซนเทชั่นงานแต่งสุดเริด แถมด้วยเพลงประกอบที่เจ้าบ่าวลงมือทำเอง คู่รักคู่ไหนที่เป็นชอบท่องเที่ยวด้วยกันจะลองนำไปเป็นอินสไปเรชั่นปรับใช้กับพรีเซนเทชั่นงานแต่งของตัวเองก็ได้นะจ๊ะ

ส่องไอเดียชุดไปงานแต่งจากพรมแดง Grammy Award 2016

หลังจากผ่านงาน Grammy Awards 2016 มาสดๆ ร้อนๆ นอกจากรางวัลที่แจกแล้ว เลดี้เชื่อว่าสาวๆ ให้ความสนใจกับแฟชั่นบนพรมแดงไม่น้อยไปกว่ากันแน่นอน วันนี้จึงได้รวบรวมชุดสวยจากพรมแดงที่สามารถนำมาเป็นชุดใส่ไปงานแต่งมาฝากคุณสาวๆ ทั้งหลาย มาดูกันว่าจะเอาอินสไปเรชั่นจากชุดที่นักร้องคนดังคนไหนใส่ไปงานแต่งได้บ้าง

883646_10153464295525748_8790192179285949949_o
ถ้วยรางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส์ ในตู้โชว์ รางวัลอันทรงคุณค่าที่ทั่วโลกต่างจับตามอง (www.grammy.com)

เริ่มด้วยแฟชั่นจากเหล่าสาวๆ ที่ใส่เดรสสั้นกันก่อน ชุดแบบนี้เหมาะกับงานแต่งที่จัดในโรงแรมระดับ 3 ดาว หรือจัดในสโมสร เนื่องจากเป็นชุดที่ดูไม่เป็นทางการมาก ส่วนการเลือกชุดก็ต้องไม่เลือกชุดที่สั้นเกินจนน่าเกลียด ต้องให้เกียรติเจ้าของงานและสถานที่จัดงานด้วย อย่างเช่นชุดของ Megan Nicole, Anoushka Shankar หรือแม้แต่ชุดของ Tammy Collins เลดี้ก็ยังให้อภัยจ้า

4532-theguardian
Adele ในชุดราตรีสีแดงแขนระดับศอก ขึ้นสะกดใจผู้ชมด้วยเพลง All I Ask (www.theguardian.com)

สำหรับสาวๆ ที่ไม่อยากโชว์ต้นแขน สามารถเลือกใส่ชุดราตรีทั้งแขนสั้นและแขนยาว เพราะจะช่วยอำพรางแขนของคุณ โดยอาจเลือกเป็นชุดแบบ Andra Day ใส่ไปงานแต่งก็ได้ แต่เลดี้ขอแนะนำว่าให้นำเฟอร์ออกด้วยหล่ะ ก็แหมบ้านเรามันไม่ได้หนาวขนาดนั้นเนาะ! หรือจะเป็นชุดสีขาวของ Chrissy Teigen ก็ดูดีไม่แพ้กัน แต่ก็ระวังอย่าให้ไปชนกับชุดเจ้าสาวหล่ะ เดี๋ยวเค้าจะนึกว่าเราจะมาเป็นเจ้าสาวอีกคน อิอิ และชุดแสนหวานแบบ Florence Welch ก็ดูดีไม่เบา

selena-gomez-taylor-swift-vogue-16feb16-pa_b_1440x960
สองสาว Selena Gomez และ Taylor Swift ระหว่างเฉิดฉายบนพรมแดง (www.vogue.com)

หากคุณอยากโชว์ความเปรี้ยว ชุดสายเดี่ยวก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวนะจ๊ะ นอกจากจะทำให้ดูเฉี่ยวแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาให้สาวๆ ที่มีหน้าอกหน้าใจน้อยแต่อยากใส่ชุดเกาะอกอีกด้วย (แต่ขอย้ำว่าให้เก็บโกยหน้าอกหน้าใจให้ดีซักหน่อยนะ) เช่น ชุดของ Ellie Goulding , Liz Hernandez หรือแม้แต่  Ariana Grande ที่มาในสีแดงเพลิง ก็ทำให้ดูเฉี่ยวไม่เบาเชียวหล่ะ

12743830_10153466110055748_3945353104072678989_n
Bruno Mars ขึ้นรับรางวัล Record Of The Year จากเพลง Uptown Funk (www.grammy.com)

ชุดคอกลมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับสาวอกเล็ก เพราะจะช่วยอำพรางช่วงหน้าอกและทำให้คุณดูเป็นสาวหวานขึ้นมาทันที เช่น Lauren Diagle ที่มาในชุดคอกลมแขนกุดสีนู้ด พร้อมรวบผม ทำให้ดูน่ารักสมวัยสุดๆ หรือแบบ Rhiannon Giddes ก็ดูหรูหราไม่น้อยและถ้าหากอยากจะให้ดูเซ็กซี่ยิ่งขึ้นก็สามารถเลือกชุดแบบโชว์ร่องอกเหมือนกับสาว Ashley Monroe ก็แซ่บไม่แพ้กัน

12717505_10153466381620748_2112562284588165006_n
หนุ่ม Ed Sheeran และสาว Taylor Swift ปีนี้ก็คว้ารางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้านไปตามคาด (www.grammy.com)

ไม่รู้ว่าปีนี้ชุดเกาะอกไม่อยู่ในกระแสหรืออย่างไร สาวๆ ถึงเลือกใส่กันน้อยเหลือเกิน แต่เหมือนสาว Kacey Musgraves ก็ยังเลือกจงรักภักดีในแฟชั่นนี้ ถึงได้มางานด้วยชุดเกาะอกโทนสีเข้ม ทำให้ดูสวยและน่าค้นหาเป็นอย่างมาก หากสาวๆ เลือกนำไปใส่เลดี้ว่าควรเลือกเป็นสีโทนสว่างจะดีกว่านะจ๊ะ

Lady-gaga-David-Bowie-tribute-2016-grammys-billboard-650-billboard
Lady Gaga กับชุดจัมพ์สูทสีขาวปักเลื่อมวิบวับบนเวที Grammy Awards 2016 (www.grammy.com)

สาวๆ ที่ไม่ถนัดการสวมกระโปรงลองเลือกใส่เป็นจัมพ์สูทดูก็ได้ เพราะจะทำให้คุณเดินเหินคล่องตัวเป็นอย่างมาก และที่สำคัญยังทำให้คุณดูสวยเท่เหมือนกับสาว Kendra Foster อีกด้วย หรือหากอยากทำให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวอาจเลือกชุดที่มีการเปิดโชว์เนื้อหนัง ก็ทำให้ดูเปรี้ยวและยังดูเซ็กซี่แบบ Kaley Cuoco

trainor_lovato_richie_bryan_wireimage-510499096_mark_davis
รวมพลนักร้องดังในหนึ่งเฟรม Meghan Trainor, Demi Lovato, Lionel Richie, Luke Bryan, และ Tyrese (www.grammy.com)

สำหรับผู้หญิงที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือสาวๆ ที่อยากดูเท่ สามารถเลือกสวมเป็นชุดสูทแบบผู้ชายก็เจ๋งดีนะ นอกจากจะทำให้เท่แล้วยังทำให้ดูทะมัดทะแมงแบบสาว Bonnie Mckee และสาว Zendaya ส่วนชายหนุ่มที่เบื่อกับการใส่ชุดสูทแบบเดิมๆ เลดี้ขอบอกว่าลองเปลี่ยนมาเป็นชุดสูทเนื้อกำมะหยี่แบบหนุ่ม James Bay หรือสีโทนอื่นนอกจากโทนดำแบบ Sam Hunt ดูก็ได้

taylorswift_wireimage-510441962_johnshearer
Taylor Swift กัชุดสีสันสดใสแสบตา (www.grammy.com)

อีกหนึ่งชุดที่กลายเป็นทอล์ก อ๊อฟ เดอะทาวน์ของงานนี้ก็คือ แม่สาวเทเลอร์ สวิฟท์นั่นเองที่มาในลุคใหม่ผมสั้นติ่งหูมีหน้ามา พร้อมชุดเกาะอกสีสันแสบตา ไม่รู้ว่างานนี้สาวเทเลอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน หรือว่าองค์อะไรดลใจให้นางใส่ชุดนี้ แต่เลดี้ว่านางคงไม่แคร์เพราะงานนี้นางกวาดไปตั้ง 3 รางวัล เลดี้คงต้องกุมอกแล้วพูดว่า “เอาที่เทย์สบายใจเลยจ๊ะ”

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างชุดที่สามารถนำมามาใส่ใส่ไปงานแต่งงานในโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ควรจะดูด้วยนะว่าเจ้าสาวเขามาในแนวไหน แบบใด ก็อย่าให้ชุดของเราเด่นจนไปกลบชุดเจ้าสาวหล่ะ มิเช่นนั้นเราจะกลายเป็นทอล์ค อ๊อฟ เดอะทาวน์แบบสาวเทเลอร์ไปอีกคน เลดี้ไม่รู้ด้วยนะ

ขอบคุณภาพจาก : www.grammy.com, www.vogue.com, www.usmagazine.com, www.phillyvoice.com, www..indianexpress.com, www.zimbio.com, www..indianexpress.com

วิวาห์สุดปังของ Liberty Ross และ Jimmy Lovine งานนี้มีแต่แขกตัวบิ๊ก!

หลังจากเลิกรากับผู้กำกับชื่อดังเมื่อครั้งมีข่าวฉาวกับแม่แวมไพร์สาว (อย่าเอ่ยชื่อจะดีกว่านะ!) นางแบบยังสาว Liberty Ross (36 ปี) ก็พบรักใหม่ไฉไลกว่าเดิมกับ Jimmy Lovine (62 ปี) หนึ่งในผู้บริหาร Apple Music และผู้ร่วมก่อตั้งสังกัดเพลงดัง Interscope Records โดยทั้งคู่เริ่มเดทกันในปี 2013 จนความรักบานฉ่ำตกลงปลงใจแต่งงานกันเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ผ่านมา

ภาพจาก Splash News
ภาพจาก Splash News

งานแต่งครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไก่กาน้อยหน้าเซเลบคนอื่นๆ นะจ๊ะ เพราะว่าบ่าวสาวทั้งคู่จัดงานกัน 2 วัน 2 สถานที่ โดยในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 ทั้งคู่จัดงานฉลองบนชายหาดมาลีบู รัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าสาวปรากฏกายในชุดผ้าซาตินสีแชมเปญเงาวับ แถมด้วยการจ้างนักบินขับเครื่องบินทำ Skywriter ปล่อยไอพ่นสีขาวบนท้องฟ้าเป็นคำว่า ” J Loves L ” แหม…มีเซเลบคนไหนจะให้มากกว่านี้ไหมคะ!

ภาพจาก Splash News
ภาพจาก Splash News

ถัดมาอีกหนึ่งวันทั้งคู่ก็จัดงานฉลองสมรสรับวันวาเลนไทน์อีกครั้งที่บ้านใน Beverly Hills แต่ขอบอกว่าไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ชุดเจ้าสาวสุดเก๋ไม่เหมือนใครจาก Givenchy Haute Couture ที่ทำให้เจ้าสาวสวยแหวกแนวในชุดเจ้าสาวสีดำแกมกรมท่า สวมเวลผ้าตาข่ายสีดำยาวสยาย พร้อมด้วยเครื่องหัวอลังการจากฝีมือออกแบบของ Stephen Jones แถมงานนี้ยังเชิญแขกตัวท็อปทั้งจากวงการทีวี ภาพยนตร์ และวงการเพลงระดับโลก อาทิ Pharrell Willams, Lady Gaga, Opraah Winfrey, Ellen DeGeneres, Tom Hanks และ Gwen Stefani โดยบ่าวสาวให้เดรสโค้ดสำหรับแขกผู้หญิงทุกคนว่าต้องเป็น “สีแดง” นะจ๊ะ เรียกได้ว่า เริด ปัง อลังการกันทั้งงานแต่งเลยทีเดียว

เรื่อง : JeenHuiBin

ข้อมูลและภาพ : www.dailymail.co.uk

10 ร้านชุด 100,000 ไลค์ในเฟซบุ๊ก เอาใจเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว

ฮีบินเข้าใจเหล่าหญิงสาวและชายหนุ่มที่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าว หลายคนมักบ่นว่าไม่รู้จะไปหาชุดเริดๆ หล่อๆ ได้จากที่ไหน ที่สำคัญร้านดังๆ ก็ราคาแพงจนต้องกุมขมับ ไม่คุ้มกับการซื้อหรือตัดมาใส่แค่ครั้งเดียว สลัดความกังวลนั้นทิ้งไปได้เลยค่ะ เพราะว่าวันนี้ฮีบินรวบรวม 10 ร้านชุดในเฟซบุ๊กที่มียอดไลค์เหยียบแสน มาให้คุณเลือกสรรกันแบบออนไลน์สบายๆ ไม่ต้องเดินไปหน้าร้านก็ได้นะ

ร้านเช่าชุดราตรี ชุดเพื่อนเจ้าสาว เริ่มต้นที่ 600 บาท พร้อมเครื่องประดับ
ร้านให้เช่าชุดเพือ่นเจ้าสาวยอดนิยม ราคาเริ่มต้นอย่างเพียง 600 บาท

330,213 ไลค์ : ร้านเช่าชุดราตรี ชุดเพื่อนเจ้าสาว เริ่มต้นที่ 600 บาท พร้อมเครื่องประดับ

ด้วยยอดไลค์กว่า 3 แสน เดาได้เลยว่าหลายคนคงนิยมชมชอบกันไม่น้อย มีให้เลือกทั้งชุดไทย ชุดฝรั่ง ชุดกี่เพ้า ชุดราตรียาว ชุดเพื่อนเจ้าสาว ชุดเพื่อนเจ้าบ่าว ให้เหล่าสหายหล่อสวยกันยกแก๊ง ราคาเริ่มต้นอย่างเป็นมิตรเพียง 600 บาท ไต่ระดับมูลค่าตามความอลังการของชุด ถึงแม้ชื่อร้านในเฟซบุ๊กจะยาวเหยียด แต่เขาก็มีเว็บไซต์เดิ้นๆ ชื่อว่า www.thespecialdress.com นะจ๊ะ

272,721 ไลค์ : ร้าน Fashion Flawless Hualampong

ร้านFashion-Flawless-Hualampong
ร้านให้เช่าชุดที่มียอดไลค์เกือบ 3 แสน ย่านหัวลำโพงและลาดพร้าว

ยอดไลค์เกือบ 3 แสนกับร้าน Fashion Flawless Hualampong ขอบอกว่าร้านนี้เขามีชุดให้เลือกเช่าเยอะแยะ แถมยังรับตัดตามแบบที่ลูกค้าเอามาให้ด้วยนะ ไม่ว่าคุณจะมีผ้ามาเองหรือว่าอยากจะให้ทางร้านเลือกให้ก็ได้ตามแต่ความสะดวกของลูกค้า อยากดูชุดสวยๆ ก็ตามลิ้งค์ไปกันได้ www.fashion-flawless.com ถูกใจชุดไหนก็สั่งซื้อโลด ขอกระซิบว่าเขามีบริการส่งไปรษณีย์ด้วยแหละ แต่ถ้าใครอยากเห็นของจริงก็เชิญไปเลือกดูได้ที่หน้าร้านสาขาหัวลำโพงและสาขาลาดพร้าว สะดวกสาขาไหนก็ไปโลด

ร้านOrapim
ตัด เช่า และเช่าตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวตามแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ คุณภาพดี ฝีมือการตัดเย็บแบบเริดๆ เก็บรายละเอียดเนี้ยบสุดๆ

259,892 ไลค์ : ร้าน Orapimdresses

การันตีความดีงามของชุดเพื่อนเจ้าสาวด้วยยอดไลค์เกือบ 260,000 ไลค์ และภาพถ่ายจากลูกค้าจำนวนมากที่ต่างก็โชว์ชุดสวยที่มาจากการตัดเย็บของร้าน Orapimdresses โดยมีทั้งให้ตัด เช่า และเช่าตัด ตามแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ คุณภาพดี ฝีมือการตัดเย็บแบบเริดๆ เก็บรายละเอียดเนี้ยบสุดๆ เพื่อนเจ้าสาวแก๊งไหนสนใจลองคลิกเข้าไปดูที่แฟนเพจแล้วหาเบอร์ติดต่อสอบถามกันได้เลย

ร้านโบว์ราตรี
มีหน้าร้านอยู่ที่ ลาดพร้าว-บางกะปิ-รามคำแหง งามวงศ์วาน-จ.นนทบุรี-แคราย-รัตนาธิเบศร์-ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ-รังสิต

261,087 ไลค์ : ร้านโบว์ราตรี

ร้านนี้ขอบอกว่าราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 350 บาท สบายกระเป๋าตังค์สุดๆ มีทั้งชุดไทยและชุดราตรีแบบโมเดิร์นให้เลือกมากมายกว่า 3,000 ชุด มีเครื่องประดับให้ยืมฟรี และบริการส่งไปรษณีย์ให้กับลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดด้วย ส่วนใครที่อยู่ในกรุงเทพฯ และอยากไปเลือกดูชุดของจริงเขาก็มีหน้าร้านอยู่ที่ ลาดพร้าว-บางกะปิ-รามคำแหง งามวงศ์วาน-จ.นนทบุรี-แคราย-รัตนาธิเบศร์-ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะ-รังสิต ใครสนใจก็สามารถเปิดเข้าไปดูแฟนเพจแล้วอ่านรายละเอียดของทางร้านได้จ้า

ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบไทยเริ่มต้นที่ 400 บาท ชุดราตรีเริ่มต้น 500 บาท

248,827 ไลค์ : ร้าน The Sisters-ชุดราตรี/ชุดไปงาน/ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เพื่อนเจ้าสาวแก๊งไหนที่กำลังมองหาชุดไทยสวยๆ ในพิธีเช้าต้องเข้าไปดูที่ร้านเดอะซิสเตอร์ส ร้านนี้เข้ามีชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบไทยๆ ให้เลือกเพียบ! โดยราคาเช่าชุดไทยเริ่มต้นที่ 400 บาท บอกเลยว่าไม่แพงแต่อย่างใด มีทั้งชุดสไบแบบไทยแท้และชุดผ้าลูกไม้แบบไทยประยุกต์ แต่ถ้ามองหาชุดราตรีสำหรับงานกลางคืนร้านนี้เขาก็มีเหมือนกัน ราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท เอ้า! ราคาเป็นมิตรขนาดนี้จะรออะไรอยู่ คลิกไปดูเร็วเข้า!

ร้านDresstiny
ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวย่านฝั่งธนฯ อยู่แถวๆ ห้างตั้งฮั่วเส็ง ราคาเริ่มต้น 350 บาท ชุดราตรีเริ่มต้น 500 บาท

212,819 ไลค์ : ร้าน Dresstiny เช่าชุดราตรี ชุดออกงาน ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เหล่าเพื่อนเจ้าสาวฝั่งธนฯ ที่กำลังหาร้านใกล้บ้านลองดูร้าน Dresstiny ดีไหมจ๊ะ อยู่แถวๆ ห้างตั้งฮั่วเส็ง (ดูแผนที่แบบละเอียดในแฟนเพจ) มีบริการให้เช่าชุดไทยราคาเริ่มต้นแค่ 350 บาท ส่วนชุดราตรีเริ่มต้นที่ 500 บาท ถ้าสนใจอยากดูแบบชุดเพื่อนเจ้าสาวก็เข้าไปดูได้ในแฟนเพจและสามารถสั่งจองทางอินบอกซ์ของแฟนเพจได้เลย เพราะทางร้านมีบริการส่งไปรษณีย์แบบ EMS ให้ด้วย ลูกค้ารอรับสวยๆ อยู่ที่บ้านได้เลยจ้า

ร้านเจ้านางเวดดิ้ง
ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าว ราคาเริ่มต้น 350 บาท

195,315 ไลค์ : ร้านเจ้านางเวดดิ้ง

เห็นคำว่าเวดดิ้งแบบนี้แต่เขาก็ไม่ได้มีแค่ชุดเจ้าสาวนะจ๊ะ ขอบอกว่าชุดเพื่อนเจ้าสาวและชุดเพื่อนเจ้าบ่าวก็มีให้เลือกเยอะแยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดไทยสำหรับพิธีแต่งงานตอนเช้า มีให้ชุดสไบนุ่งผ้าถุงสำหรับเพื่อนเจ้าสาว หรือจะเป็นชุดราชปะแตนสำหรับแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวก็มีเช่นกัน ราคาเริ่มต้นที่ 350 บาทเองนะ งานนี้ได้สวยหล่อแบบไทยๆ กันยกแก๊งเลย

selene
ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวย่านพระรามสอง ราคาเริ่มต้น 500 บาท

107,617 ไลค์ : ร้าน Selene

ถึงคราวของเหล่าเพื่อนเจ้าสาวย่านพระราม 2 กันบ้าง ใครที่กำลังหาชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบสวยยกทีมต้องสามารถลองไปดูที่แฟนเพจของร้าน Selene หรือที่ www.selenedress.com ราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาท ลูกค้าต่างจังหวัดทางร้านเขาก็มีบริการส่งไปรษณีย์ให้นะจ๊ะ ส่วนใครที่อยู่ใกล้แล้วอยากไปเลือกไปลองกับชุดจริงๆ ก็สามารถเข้าไปดูแผนที่ร้านที่หน้าแฟนเพจได้ แต่ขอบอกว่าหน้าร้านเขาเปิดให้บริการแค่วันเสาร์-อาทิตย์นะจ๊ะ เช็คเวลากันดีๆ ล่ะ

dress1studio
ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท มีบริการให้เช่าชุดสำหรับคุณแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วย

104,655 ไลค์ : ร้าน Dress 1 Studio

อีกหนึ่งร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวราคาไม่แพงในเมืองกรุง โดยราคาเริ่มต้นที่ 500 บาท ที่สำคัญมีบริการให้เช่าชุดสำหรับคุณแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยนะ มีให้เลือกทั้งชุดไทยและชุดราตรีสำหรับงานกลางคืน ใครที่อยู่ต่างจังหวัดแต่ติดใจในความสวยของชุด ทางร้านก็สามารถจัดส่งทางไปรษณีย์ได้อีกเช่นกันจ้า

ร้านแบมบี้
ร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสไตล์ชุดไทยแบบประยุกต์ เสื้อลูกไม้สีขาวแขนหมูแฮมใส่คู่กับผ้าซิ่นสั้นระดับเข่า

105,471 ไลค์ : ร้านแบมบี้

เพื่อนเจ้าสาวแก๊งไหนที่ชอบชุดไทยแบบประยุกต์ เสื้อลูกไม้สีขาวแขนหมูแฮมใส่คู่กับผ้าซิ่นสั้นระดับเข่า ขอบอกว่านี่คือสไตล์เด่นของร้านแบมบี้ ใส่ง่าย ใส่สบายแต่สวยเป๊ะทุกคน ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้า ชุดราชปะแตนกับโจงกระเบนที่มีให้เลือกหลากสีก็สามารถหล่อเท่แบบไทยๆ ได้ยกก๊วน ใครสนใจก็คลิกไปดูแฟนเพจกันได้เลย

10 ร้าน 100,000 ไลค์ ที่ฮีบินรวบรวมจากพี่มาร์ค ซักเคอร์เบิกมาให้เลือกสรรกันวันนี้ หวังว่าคงจะถูกใจเหล่าเพื่อนเจ้าสาวที่เป็นนักช้อปออนไลน์กันนะจ๊ะ แต่ยังไงก็ตาม ยังมีร้านชุดเพื่อนเจ้าสาวอีกมากมายหลายร้านให้เข้าไปดู ถึงแม้ยอดไลค์อาจไม่สะดุดตา แต่รับรองว่าต้องมีชุดสวยๆ ที่สะดุดใจใครหลายคนแน่นอน

ข้อมูลยอดไลค์ ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2559

จากรองเท้าอินเตอร์สู่รองเท้าเจ้าสาวที่คุณคู่ควร

ในงานแต่งงานนอกจากเสื้อผ้าหน้าผมของเจ้าสาวที่จะต้องเป๊ะแล้ว เลดี้เชื่อว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ รองเท้าเจ้าสาว ที่จะมาช่วยให้ชุดเจ้าสาวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามาดูกันว่าจะมีรองเท้าแบรนด์ดังระดับโลกแบรนด์ไหนบ้างที่คู่ควรกับการนำมาเป็นรองเท้าเจ้าสาวให้กับคุณ

Dolce  & Gabbana

dolce-gabbanaเราเชื่อว่าช่วงปีที่ผ่านมา ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่จะถูกกล่าวถึงมากที่สุดอย่างรองเท้าแก้วจากซุปเปอร์แบรนด์สัญชาติอิตาลี Dolce & Gabbana ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1985 โดย Domenico Dolce กับ Stefano Gabbana จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ การออกแบบที่ไม่ยึดติดตามเทรนด์ เน้นสีสันสดใสและลวดลายดอกไม้ มีการใช้วิธีปักแบบยุโรปโบราณที่มีความประณีตมาก เลดี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ ค่อนโลกถึงกรีดร้องอยากจะครอบครองกันซะเหลือเกิน เจ้าสาวคนไหนที่รักสนุกชอบความ Colorful ลองเลือกไว้ใส่ในช่วง After Party ก็ดีนะ

หากสาวคนไหนสนใจจะนำมาเป็นรองเท้าเจ้าสาว เลดี้ขอแนะนำให้ไปลองได้ที่ช๊อป ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนและศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ หรือ www.dolceandgabbana.com

Badgley Mischka

Badgley

นอกจากชุดเจ้าสาวสวยๆ แล้ว Bedgley Mischka ยังเด่นในเรื่องรองเท้าอีกด้วย เพราะด้วยสไตล์ที่ดูเรียบและผ้าที่ใช้ตัดรองเท้ามีความมันวาว เน้นการตกแต่งด้วยคริสตัลดูหรูหราทั้งด้านหน้าเท้าและส้นเท้า ที่จะทำให้ลุคเจ้าสาวดูหรูหราสมบูรณ์แบบสุดๆ ว่าที่เจ้าสาวสามารถลองสวมใส่รองเท้าได้ที่ Cloud 9 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.badgleymischka.com

Jimmy Choo

jimmy

หากเอ่ยถึงแบรนด์รองเท้าที่เจ้าสาวนิยมกันมากในบ้านเรา จะไม่มีชื่อแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่าง Jimmy Choo ไม่ได้เลย แบรนด์ดังระดับโลกแบรนด์นี้ก่อตั้งในปี 1986 โดย Jimmy Choo กับ Tamara Mello มีจุดเด่นคือ มีการออกแบบเรียบหรู ดูภูมิฐาน และที่สำคัญใส่แล้วต้องสบายเท้าจึงทำให้กลายเป็นแบรนด์ยอดฮิตนั่นเอง

สำหรับเจ้าสาวที่ไม่อยากตกเทรน ณ ตอนนี้ Jimmy Choo ได้มาเปิดช๊อปในไทยแล้ว ที่ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ และ www.jimmychoo.com ใครที่ยังหารองเท้าเจ้าสาวไม่ได้ แวะเลยค่ะ

Sergio Rossi

sergio

ซุปเปอร์แบรนด์รองเท้าเจ้าสาวสัญชาติอิตาลีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1966 โดย Sergio Rossi แบรนด์นี้จะเน้นความสร้างสรรประดุจงานศิลป์ ประณีต เน้นความเรียบหรู สาวๆ คนไหนที่ไม่ชอบอะไรมาติดรองเท้าเยอะๆ ให้ดูรกหูรกตา เลดี้ขอบอกว่าแบรนด์นี้ใช่เลย!

ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายสามารถสัมผัสความเรียบหรูได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลชิดลม หรือดูรายละเอียดรองเท้ารุ่นอื่นๆ ได้ที่ www.sergiorossi.com

Valentino 
valentino

อีกหนึ่งแบรนด์รองเท้าสุดฮิตจากอิตาลี ก่อแบรนด์ตั้งโดย Valentino Clemente Ludovico Garavaniในปี 1960 ด้วยการออกแบบที่สง่างาม หรูหรา และนำหมุดสีเงิน (Rock Stud) อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์มาใช้ประดับตกแต่ง เหมาะจะเป็นรองเท้าเจ้าสาวแนวร็อคแน่นอน เลดี้แนะนำว่าเวลาเดินก็มองซ้ายมองขวาให้ดีและอย่าให้ไปโดนใครเข้า ไม่อย่างนั้นจะโดนมองแรงโดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ

เจ้าสาวคนไหนชื่นชอบแนวร็อคสามารถทดลองสวมใส่ได้ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และ www.valentino.com

Alexander McQueen

alexander

แบรนด์รองเท้าชื่อดังจากเมืองผู้ดีอังกฤษก่อตั้งในปี 1992 โดย Lee Alexander McQueen ที่เน้นการออกแบบที่มีดีไซน์แปลกตาอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ ทำให้เจ้าสาวใส่แล้วดูสะดุดตาอย่างแน่นอน ปัจจุบันได้ Sarah Burton มานั่งแท่นเป็น creative director แทน McQ ผู้ล่วงลับเป็นที่เรียบร้อย เลดี้ขอแง้มให้สาวๆ รู้กันซักนิดว่า เจ้าหญิงเคทคนดังก็ทรงเลือกสวมรองเท้าจากแบรนด์นี้ในวันแต่งงานนะจ๊ะ

หากเจ้าสาวสนใจ ลองไปสวมใส่กันได้ที่  และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Club 21 ทั้ง 4 สาขา และ www.alexandermequeen.com

Vivienne Westwood

viviene

เจ้าสาวคนไทยที่ชื่นชอบความแปลกแหวกแนว เลดี้ขอแนะนำ Vivienne Westwood แบรนด์สัญชาติอังกฤษที่มีเอกลักษณ์เด่นคือการออกแบบที่ฉีกกรอบแนวคิดเดิมๆ ก่อตั้งโดย Vivienne Isabel Swireมีการออกแบบที่เน้นการมีลูกเล่นที่หลากหลาย ใส่แล้วดูสวยสะดุดตา ส่วนใหญ่รองเท้าของแบรนด์นี้หัวจะไม่แหลมมากเหมาะกับเจ้าสาวที่ไม่ชอบการบีบรัดที่นิ้วเท้า ส่วนรุ่นที่เหล่าเจ้าสาวหลายคนปลาบปลื้มมากที่สุดคงจะเป็นรุ่น Lady dragon heart ที่ทำจากพลาสติกนุ่มนิ่มใส่สบาย พร้อมแปะรูปหัวใจบริเวณหน้าเท้าเก๋ๆ

เจ้าสาวคนไหนสนใจรองเดินเข้าไปสวมใส่กันได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และศูนย์การค้าเซ็น หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.viviennewestwood.com

Manolo Blahnik

monolo

สำหรับสาวๆ สาวกภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Sex and the City เลดี้เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักรองเท้าคู่สวยสัญชาติสเปนในฉากสุดโรแมนติกที่ Mr.Big คุกเข่าขอ Carrie Bradshaw แต่งงาน (รอบสอง) เป็นแน่ จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ มีรูปทรงที่งดงามราวกับเทพนิยาย และมีการติดแต่งด้วยวัสดุเลิศหรูมากมาย เช่น หนังจระเข้ ขนนก เพชรพลอย  ที่ถูกออกแบบโดย Manuel Manolo Blahnik Rodríguez ทำให้เจ้าสาวสวมใส่แล้วรู้สึกประหนึ่งเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกเลยทีเดียว

สามารถเลือกชมกันได้ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน และ www.manoloblahnik.com

Christain Louboutain

christian

ปิดท้ายด้วยรองเท้าพื้นแดงสัญชาติฝรั่งเศสยอดนิยม ออกแบบโดย Christain Louboutain ที่สาวๆ ทั้งโลกต่างใฝ่ฝันอยากครอบครองมากที่สุด ด้วยเอกลักษณ์เด่นคือ ส้นสูงปี๊ดตั้งแต่ 4.72 ไปจนถึง 6.3 นิ้ว ทำให้สาวๆ ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจและดูสง่า  อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ไม่ว่ารองเท้าจะสูงขนาดไหนแต่เวลาสวมใส่ก็ยังให้รู้สึกสบายเท้าสุดๆ แถมยังทำให้เรียวขาดูเพรียวสวยอีกด้วย

เจ้าสาวคนไหนสนใจเป็นเจ้าของรองเท้าพื้นแดง สมารถทดลองสวมได้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ และ www.christainlouboutin.com

ทั้งหมดนี้คือแบรนด์รองเท้ายอดนิยมที่เลดี้อยากจะเชียร์ให้สาวๆ เลือกมาใช้เป็นรองเท้าเจ้าสาวในพิธีแต่งงานของตน เพราะรองเท้าก็ประหนึ่งเป็นเครื่องประดับชิ้นเก๋ ที่ทำให้ลุคเจ้าสาวดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และสำหรับสาวๆ คนไหนสนใจเลเดี้แนะนำว่าลองไปสวมใส่กันดูก่อนนะจ๊ะ

เรื่อง : Lady Orchid

ภาพ : www.christianlouboutin.com, www.fashioncitizen.com, www.ifyouloveshoes.blogspot.com, www.shoeniverse.info, www.yournextshoes.com, dailymagazine.org, www.styleheritage.com, www.popsugar.com, cnbadmis.turbobytes.net, www.badgleymischka.com, www.zappos.com, www.jimmychoo.com, mavenbride.com, shoeztrend.com, www.eawedding.com,  www.shoptiques.com, allpix.club, www.laprendo.com, revistamireasa.ro, womenitems.com, www.ebay.co.uk, www.kurtgeiger.com,
www.viviennewestwood.com, www.luxuo.com, www.manoloblahnik-shoes.com, www.nabermuda.com,
www.savannahs.com

งานวิวาห์ของนางฟ้า

เจนสุดา ปานโต (เจน) + พอล สิริสันต์ (พอล)
วันพุธที่ 6 มกราคม 2559
พิธีมงคลสมรสตามธรรมเนียมไทย ณ บ้านปาร์คนายเลิศ โรงแรมสวิสโซเต็ล ปาร์ค นายเลิศ
วันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2559
พิธีมงคลสมรสตามหลักศาสนาคริสต์ ณ โบสถ์อัสสัมชัญ พัทยา
งานฉลองมงคลสมรส ณ โปโล เอสเคป ชลบุรี

สละโสดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับนักแสดงสาวมากความสามารถ หนึ่งในสมาชิกแก๊งนางฟ้า คุณเจนสุดา ปานโต ที่เข้าพิธีแต่งงานกับไฮโซหนุ่มนักธุรกิจ คุณพอล สิริสันต์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขึ้นชื่อว่างานวิวาห์ของสาวสวยระดับ (แก๊ง) นางฟ้า จะงดงามปานใด เราเชื่อว่าใครๆ ก็คงอยากรู้
1

พิธีมงคลสมรสตามธรรมเนียมไทยจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่คลาสสิก ตามคอนเซ็ปต์ของบ่าวสาวที่ต้องการความเป็นธรรมชาติมากที่สุด โดยเริ่มต้นพิธีการด้วยพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นบ่าวสาวร่วมกันปล่อยนกพิราบขาวสู่อิสรภาพ แล้วจึงเป็นพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ก่อนจะจบด้วยการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง

_MG_3638

เรือนไทยสุดคลาสสิก : บ่าวสาวต้องการออกจากกรอบของการจัดงานในห้องสี่เหลี่ยมของโรงแรมจึงเลือกบ้านปาร์คนายเลิศเป็นสถานที่จัดงาน ด้วยความงดงามของเรือนไม้สักหลังใหญ่อายุกว่า 100 ปี และสวนสวยโดยรอบที่เต็มไปด้วยความร่มรื่น ทำให้ทั้งคู่ยิ่งไม่ลังเลใจที่จะเนรมิตที่นี่ให้กลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำในวันสำคัญ และเนื่องจากที่นี่มีความสวยคลาสสิกตามแบบฉบับไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทำให้ไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมมาก เพียงแต่งแต้มความหวานเล็กน้อยด้วยดอกไม้สีโอลด์โรสที่เจ้าสาวชื่นชอบ เรือนไทยหลังงามก็ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ต้องการเป๊ะ

2

เนื่องจากเจ้าบ่าวนับถือศาสนาคริสต์จึงจัดพิธีมงคลสมรสตามหลักศาสนาคริสต์ด้วย โดยพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ดำเนินไปในบรรยากาศซาบซึ้งโรแมนติกท่ามกลางความยินดีของครอบครัวและเพื่อนสนิทกว่า 200 คน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการในโบสถ์บ่าวสาวจึงออกมาขึ้นรถคลาสสิกเปิดประทุนสุดหรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ 190 SL เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานที่จัดงานฉลองมงคลสมรส แต่ก่อนไปเจ้าสาวขอโยนช่อดอกไม้ตามธรรมเนียมสักหน่อย ซึ่งสาวโสดที่รับได้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือสาวมิเชล วอกอร์ด หรือมิเชล วงแจมป์ ที่งานนี้มาในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวนั่นเอง

_MG_1450

โบสถ์แสนโรแมนติก : โบสถ์สไตล์มินิมอลที่เรียบง่ายแต่งดงามถูกเลือกเป็นสถานที่ประกอบพิธีการอัน ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งคู่ ตัวโบสถ์เป็นกระจกสูงโดยรอบจึงสามารถมองทะลุไปยังวิวทิวทัศน์ภายนอกได้ ทำให้ได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ และด้วยความที่บ่าวสาวชื่นชอบในสถาปัตยกรรมของที่นี่อยู่แล้วจึงไม่ได้ ตกแต่งอะไรเพิ่มเติมมาก มีเพียงทางเดินที่เนรมิตให้โรแมนติกชวนฝันด้วยต้นหญ้าพลิ้วไหวสีครีมนวลตา และแท่นทำพิธีที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ในโทนสีขาวเขียว

3

งานเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ได้รับการเนรมิตขึ้นอย่างงดงามท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจีที่รายล้อมอยู่โดยรอบ บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่นชื่นมื่นและเป็นกันเอง เสียงแซกโซโฟนอันไพเราะของนักดนตรีที่เจ้าบ่าวอิมพอร์ตมาไกลจากโจฮันเนสเบิร์กประเทศแอฟริกาใต้ช่วยสร้างความโรแมนติกให้อบอวลไปทั่วทั้งงาน โดยไฮไลท์สุดประทับใจของงานนี้คือการกล่าวความในใจสุดซึ้งจากบรรดาเพื่อนสนิทของบ่าวสาวที่ทำเอาน้ำตาแตกไปตามๆ กัน จากนั้นเป็นการตัดเค้กและการกล่าวความในใจของบ่าวสาว ก่อนจะตบท้ายค่ำคืนวิวาห์ด้วยเฟิร์สแดนซ์แสนหวาน

_MG_3626

โปโลคลับในฝัน : ที่นี่เป็นสนามแข่งโปโลที่เจ้าสาวประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ไปเยือน เพราะมีวิวทิวทัศน์สวยงามและบรรยากาศดี จนถึงขั้นคิดว่าถ้าวันหนึ่งแต่งงานก็อยากจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งจากความฝันในวันนั้นก็ได้กลายเป็นความจริงในที่สุด

สนามโปโลพื้นที่กว้างใหญ่ดูโรแมนติกงดงามราวเทพนิยายด้วยดวงไฟนับพันดวงที่ประดับประดาไว้อย่างประณีตพิถีพิถันและดูกลมกลืนไปกับต้นไม้น้อยใหญ่ โต๊ะจัดเลี้ยงในโทนสีขาวสะอาดตาที่มีความยาวกว่า 80 เมตร ถูกจัดเรียงในลักษณะโค้งไปโค้งมาล้อกับแนวต้นสนที่เรียงรายอยู่ทำให้ดูแปลกตาและพิเศษกว่าใคร ขณะที่แจกันดอกไม้สีสันสดใสบนโต๊ะอาหารช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อย่างลงตัว และซุ้มตัดเค้กที่สร้างสรรค์จากดวงไฟดวงเล็กๆ ระยิบระยับทำให้ได้อารมณ์ชวนฝันประหนึ่งงานวิวาห์บนสรวงสวรรค์ก็ว่าได้

ชุดเจ้าสาว 4 ชุด 4 อารมณ์

เพราะเป็นเจ้าสาวคนสวยแห่งแก๊งนางฟ้าแถมยังพ่วงดีกรีเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า งานนี้ชุดเจ้าสาวจึงงดงามเลอค่าและจัดเต็มทุกชุด ชนิดที่เรียกว่าไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ

ชุดพิธีมงคลสมรสตามธรรมเนียมไทย

_MG_2817

สวยหวานและเรียบร้อยตามคอนเซ็ปต์งานไทยในชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ Marchesa คอลเล็กชั่น Bridal Spring 2015 ที่ประณีตงดงามด้วยงานลูกไม้ปักทั้งตัว ด้วยตัวชุดเข้ารูปทำให้รูปร่างของเจ้าสาวที่เอวเล็กแต่มีสะโพกดูโดดเด่น และคงความหวานไว้ด้วยชายกระโปรงทรงหางปลา ปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดนี้ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวที่สง่างามสุดๆ

ชุดแถลงข่าว

รูปชุดงานแถลงข่าว

งดงามดุจนางพญากับชุดเจ้าสาวที่แบรนด์ไทยชื่อดัง Flynow ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเจ้าสาวคนนี้โดยเฉพาะ ตัวชุดรัดรูปเผยให้เห็นสัดส่วนสุดเป๊ะของเจ้าสาว อลังการด้วยกระโปรงลากหางยาว บริเวณลำตัว แขน และชายกระโปรงดูหรูหราด้วยงานปักที่ประณีตละเอียดลออ

ชุดพิธีมงคลสมรสตามหลักศาสนาคริสต์

_MG_5589

เรียกว่าสวยงามราวเจ้าหญิงจริงๆ สำหรับชุดนี้ที่เจ้าสาวมีส่วนในการออกแบบร่วมกับแบรนด์ Patarasiri โดยเธอออกไอเดียให้ใส่ความโรแมนติกลงไปในตัวชุดให้มากที่สุด และรีเควสชัดเจนเลยว่าต้องการคอเต่า แขนยาว เพื่อให้เหมาะกับพิธีการในโบสถ์ ซึ่งปรากฎว่าทางแบรนด์ก็ทำออกมาได้ถูกใจเธอสุดๆ โดยตัวชุดมีกลิ่นอายความหวานของผ้าลูกไม้ ดูชวนฝันด้วยกระโปรงที่พองแบบฟุ้งๆ และเลือกใช้ผ้าสีแชมเปญเพื่อสร้างความโรแมนติกตามคอนเซ็ปต์ของเจ้าสาว

ชุดงานฉลองมงคลสมรส

_MG_9079

เริดหรูดูแพงและเข้ากับค่ำคืนแสนโรแมนติกสุดๆ สำหรับชุดเจ้าสาวจากแบรนด์ดัง Lanvin ที่เจ้าสาวแอบกระซิบว่ากว่าจะหามาได้นั้นยากมากๆ เพราะเป็นชุดจากคอลเล็กชั่น Lanvin’s Resort 2014 ตัวชุดสีเทาจับเดรปสวยงามทำให้ดูโมเดิร์นตามคอนเซ็ปต์ที่ต้องการ ผสานกับกระโปรงทรงสุ่มที่ส่งให้เจ้าสาวดูหรูหราคลาสสิกอย่างมีสไตล์

แต่งแต้มสีสันด้วยชุดเพื่อนเจ้าสาว

งานนี้ใช่ว่าเจ้าสาวจะจัดเต็มอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่แก๊งเพื่อนเจ้าสาวก็สวยเริดไม่แพ้กันด้วยชุดจากแบรนด์ Janesuda ซึ่งเป็นแบรนด์ของเจ้าสาวเอง ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทั้ง 2 ชุด จะสวยเลอค่าสมราคาเพื่อนเจ้าสาวแก๊งนางฟ้าขนาดไหน

_MG_0713

ชุดแรก : เจ้าสาวตั้งใจออกแบบอย่างสวยหวานเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์งานไทย โดยเลือกใช้สีโอลด์โรสเพื่อให้ตัดกับสีเขียวของบรรยากาศสวนสวย ท่อนบนของชุดเป็นผ้าฉลุลายประดับด้วยดอกไม้ 3 มิติ ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงทรงทวิสต์ยาวคลุมเข่าทำให้ได้ลุคเรียบร้อย

_MG_1648

ชุดที่สอง : เพื่อนเจ้าสาวสวยคลาสสิกเหมาะสำหรับพิธีการในโบสถ์ด้วยชุดลูกไม้ยาวสีชมพู ตกแต่งไข่มุกช่วงคอและเอวเพื่อไม่ให้ดูเรียบจนเกินไป และแอบเซ็กซี่เบาๆ ด้วยดีเทลเว้าหลัง

เสกสรรปั้น (งาน) แต่ง

_MG_9856

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวิวาห์สุดอลังการงานนี้บ่าวสาวทุ่มเทแรงใจแรงกายสร้างสรรค์เองทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ อย่างเรื่องคอนเซ็ปต์งาน สถานที่ หรือชุดแต่งงาน ไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องสีดอกไม้ สีผ้าคลุมโต๊ะ หรือข้าวของที่ใช้ตกแต่ง

ด้วยความที่จัดงานใหญ่ถึง 3 งานด้วยกัน ทำให้ต้องมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งนี้บ่าวสาวได้ฝากคำแนะนำสำหรับคนที่คิดจะจัดงานแต่งเองว่า ควรเริ่มต้นจากการนึกถึงภาพใหญ่ก่อนว่าอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหน อยากให้มีอะไรในงานบ้าง พอได้เรื่องหลักๆ แล้วจึงค่อยแตกย่อยความคิดเพื่อลงลึกในรายละเอียดต่อไป วิธีนี้จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น และที่สำคัญควรจดบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรที่ทำไปแล้วหรือยังไม่ได้ทำบ้าง

 

Directory
ชุดเจ้าสาว : (พิธีไทย) Marchesa, (พิธีคริสต์) Patarasiri โทร. 0-2392-3885, (งานฉลอง) Lanvin, (งานแถลงข่าว) Flynow โทร. 0-2880-0831
แต่งหน้า : (พิธีไทย,พิธีคริสต์) วินิจ บุญชัยศรี (ป้อม) โทร. 08-4519-4545 (งานฉลอง), สุปรีย์ อชิรกุล (ฟ้า) ไอจี : @achirakul
ทำผม  : (พิธีไทย) @ katemossholiday, (พิธีคริสต์, งานฉลอง) รัชดา พ่วงพวงงาม โทร. 08-1442-5474
ชุดเพื่อนเจ้าสาว : Janesuda ไอจี : @janesuda_brand
ภาพ : OAT-CHAIYASITH โทร. 08-9488-8879

“ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์” แม่หญิงสวยสง่าล้ำค่าอย่างกุลสตรีไทย

ขอขอบคุณเพลงประกอบจาก คุณพัชร เกิดศิริ (สนใจติดต่อบรรเลงเปียโนหรือวงดนตรีที่ โทร. 08-6896-5900 http://www.bit.ly/iHearBand