รวมแบบชุดไทยแขนยาวทั้งไทยแท้-ไทยประยุกต์ ดีไซน์สวยเลิศให้ลุคหรู

ชุดไทยแขนยาว เป็นอีกหนึ่งแบบชุดไทยที่เจ้าสาวหลายคนนิยมสวมใส่ เพราะเป็นชุดที่ดูเป็นทางการและสวยหรู แถมยังมีดีไซน์ที่หลากหลายทั้งไทยแท้และไทยประยุกต์ ชอบแบบไหนก็เลือกใส่ให้เหมาะกับธีมงานและความชอบได้เลย

ซึ่งชุดไทยแขนยาวก็มีทั้ง ชุดไทยศิวาลัย ที่เมื่อก่อนนิยมใช้ผ้ายกไหมหรือยกทอง ด้านหน้ามีชายพก ใช้เข็มขัดไทยคาด ตัวเสื้อแขนยาว คอกลม ตัวเสื้อตัดติดกับซิ่นคล้ายแบบชุดไทยบรมพิมานแต่ห่มผ้าปักลายไทย เจ้าสาวมักนิยมใส่ชุดนี้ในพิธีรดน้ำสังข์หรือพิธีสงฆ์

ชุดไทยแขนยาว
ชุดจากร้าน Coco Chic Wedding

และชุดไทยแขนยาวอีกหนึ่งแบบคือ ชุดไทยบรมพิมาน ที่ตั้งชื่อตามพระที่นั่งบรมพิมาน ชุดเป็นเสื้อคอกลมขอบตั้ง แขนยาว ใช้ยกผ้าไหมหรือยกทอง เป็นชุดติดกันซิ่นมีจีบข้างหน้าความยาวจรดข้อเท้า ที่ชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด ชุดชนิดนี้เป็นชุดที่เจ้าสาวนิยมใช้ใส่ในการเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์หรือพิธีรดน้ำสังข์  สามารถสวมสร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือ และเกี้ยวประดับผมร่วมด้วยได้

ชุดไทยแขนยาว
ชุดจากร้าน BOBO Studio

และหากว่าที่เจ้าสาวเลือกสวมชุดไทยแขนยาวยังต้องคำนึงถึง ความยาวของแขนเสื้อ ด้วยซึ่งทั้ง ชุดไทยบรมพิวานและชุดไทยศิวาลัย ความยาวของแขนเสื้อจะต้องอยู่ระดับข้อมือ ถึงจะมีความสวยงาม

ชุดไทยแขนยาว
ชุดจากร้าน Monique Wedding
ชุดไทยแขนยาว
ชุดจากร้านเจ้านางเวดดิ้ง

และเคล็ดลับสุดท้ายในการเลือกชุดแต่งงานไทยให้สวยปังก็คือ อันดับแรกต้องดูก่อนว่าบุคลิกของเจ้าสาวเป็นลักษณะใด มีรูปร่างแบบไหน เช่น  เป็นคนตัวผอม สมส่วน เจ้าเนื้อ สูง หรือเตี้ย ต่อมาก็ต้องมาดูที่สถานที่จัดงานแต่งงาน หรือธีมของงานแต่ง ว่ามีลักษณะแบบไหน สีอะไร เพื่อที่เวลาเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานไทยแล้วเข้าไปยืนถ่ายภาพในงานแล้ว จะได้ไม่จมหายไปพร้อมกับสถานที่นั่นเอง

รู้เคล็ดลับการเลือกชุดไทยให้เหมาะกับช่วงพิธีและบุคลิกของตัวเองแล้วก็มาดูแบบชุดแต่งงานไทยสวยๆ กันต่อเลย

ชุดไทยแขนยาว
ชุดจากร้าน Coco Chic Wedding
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้าน Monique Wedding
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้าน Deep Love Wedding
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้าน BOBO Studio
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้าน Smile in Love & Wedding Studio
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้าน Vanus Couture
ชุดไทยแขนยาว
ชุดไทยแขนยาว จากร้านเรือนวิวาห์ ชลบุรี

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

5 เทคนิคช่วยว่าที่บ่าวสาวตัดรายชื่อแขก การันตีงานนี้ไม่มีดราม่า

สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาวมักจะเป็นกังวลและต้องทำการบ้านอย่างมากในการเตรียมงานแต่งงาน คือการลิสต์ รายชื่อแขก จนบางครั้งอาจกลายเป็นเรื่องตัดสินใจยาก ทำให้เกิดความเครียดหรือขัดใจกันเอง เพราะแขกบางคนก็สำคัญไม่กล้าตัด บางคนตัดไปก็เกรงจะเสียใจทีหลัง ฉะนั้นขั้นตอนในการตัด รายชื่อแขก ออกจึงเป็นอีกพาร์ทในการเตรียมงานที่ยากแสนยากจนบ่าวสาวอยากจะร้องไห้ ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้อยู่ละก็ แพรว wedding ขอแนะนำเทคนิคการเคลียร์รายชื่อแขกร่วมงานแบบมีเหตุมีผลให้คุณไม่ต้องกังวลกับดราม่าที่จะตามมาอีกด้วยค่ะ

  • งบแค่ไหนที่เราจ่ายได้

ก่อนอื่นคุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณ เพราะคุณเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับแขกทั้งหมด ดังนั้นหากไม่สามารถรองรับแขกครบทุกคนได้ ก็ควรจะจำกัดจำนวนแขกเท่าที่พอรับไหวดีกว่า จากนั้นจึงเลือกประเภทแพ็กเกจการจัดเลี้ยง และเมนูอาหาร ค่าเครื่องดื่ม แล้วนำมาคำนวณงบเพื่อสรุปค่าใช้จ่ายต่อหัวว่าสามารถสอดคล้องไปกับงบประมาณหลักได้หรือไม่ ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้คุณได้รู้ว่าคุณจะเชิญแขกได้กี่คนนั่นเอง

  • พิจารณาความสัมพันธ์

ถ้าหากมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ได้คุยกันมานานเป็นปี นั่นหมายถึงเพื่อนเก่า และญาติที่ห่างเหินมานานมาก คนกลุ่มนี้ก็อาจจะตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณได้ หรือแม้แต่เพื่อนใน Facebook ที่เข้ามาเม้นต์หรือโพสต์แม้อาจบ่อยครั้งก็สามารถตัดออกจากรายชื่อแขกได้เช่นกัน กระทั่งเพื่อนของพ่อแม่ที่คุณเองไม่เคยได้ยินชื่อก็สามารถตัดออกได้ตามความเหมาะสม

Cr. marthastewartweddings
  • แบ่งลิสต์รายชื่อ A, B และ C

รายชื่อ A จะประกอบไปด้วยชื่อของครอบครัว และญาติสนิท รายชื่อ B จะเป็นบรรดาเพื่อนสนิท ซึ่งสองกลุ่มนี้จะได้รับคำเชิญอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มคนที่คุณอาจจะอยากเชิญแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมางานได้หรือไม่ ทั้งเพื่อนที่ไม่สนิทมาก หรือคนรู้จักต่างๆ ให้ใส่รายชื่อไว้ในกลุ่ม C ที่คุณจะตัดออกได้ง่ายที่สุดนั่นเอง

  • เพื่อนร่วมงาน

อาจเป็นมารยาทที่เราต้องเชิญเพื่อนร่วมงานในทีมเดียวกันไปด้วยทุกคน แม้กระทั่งหัวหน้าและเจ้านายของคุณ ส่วนเขาจะไปหรือไม่นั้นก็ต้องว่ากันอีกที ถ้ามีเพื่อนร่วมงานทีมอื่นด้วย ก็ต้องดูที่ระดับความใกล้ชิด คนไหนที่คุณพูดคุยแล้วสบายใจก็เชิญมา แต่ถ้าคนไหนไม่สนิทจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน ตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณไปได้เลย

  • พลัสวัน

ลองนึกดูว่าแขกท่านใดที่มีคู่อยู่แล้วบ้าง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะควงกันออกงาน แต่ก็ต้องนึกถึงว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคบกันนานรึยัง ถ้าพวกเขาแต่งงานแล้วหรือคบกันมานาน แถมเราสะดวกใจกับทั้งคู่ ก็สามารถชวนคู่ของพวกเขามาได้ แต่สำหรับคู่รักที่ยังคบหากันได้ไม่นานนั้น ก็คงไม่น่าเกลียดนักหากคุณจะตัดออกจากลิสต์ของคุณ

คำแนะนำทั้ง 5 ข้อที่เราว่าไปนี้ อยากให้คุณเลือกพิจารณาตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ด้วยนะคะ เพราะต่างคู่ก็ต่างรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึงเงื่อนไขของแต่ละครอบครัวก็ต่างกัน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าทำตามเราไม่ข้อใดข้อหนึ่ง จะช่วยให้คุณทำลิสต์รายชื่อแขกที่ลงตัวได้มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียจัดงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

12 คำถามต้องถามให้ชัดก่อนจ้างวงดนตรีงานแต่งมาบรรเลงในงาน

จะหาวงดนตรีดีๆ ที่ถูกใจมาแสดงในงานแต่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เพราะเราได้รวบรวมคำถามต้องถามก่อนตัดสินใจจ้าง วงดนตรีงานแต่ง มาฝากกันแล้ว

1. เคยเล่นดนตรีในงานแต่งมาก่อนหรือเปล่า?

ถือว่าเป็นคำถามสำคัญที่คู่บ่าวสาวควรถามเป็นคำถามแรกเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่า วงนั้นๆ มีประสบการณ์การเล่นเพลงในงานแต่งมาแล้ว เพราะถ้าเคยอย่างน้อยๆ ก็จะรู้ว่าต้องเล่นเพลงแนวไหนต้องเอนเตอร์เทรนด์แขกอย่างไร ซึ่งถ้าเล่นบ่อยจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์ที่สูง อีกทั้งยังสามารถไปเช็คอ้างอิงกับงานก่อนหน้าได้

2. มีนักดนตรีกี่คนและใช้เครื่องดนตรีกี่ชิ้น?

การที่รู้ว่าวงที่จะจ้างมีนักดนตรีกี่คน มีเครื่องดนตรีอะไรบ้าง คุณจะได้รู้ว่าวงนั้นๆ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณหรือไม่ อีกทั้งยังช่วยทำให้ตัดสินใจจ้างได้ง่ายยิ่งขึ้น

3. มีนักดนตรีสำรองไหม?

เป็นสิ่งที่คุณควรทราบ ถ้าหากคุณต้องจองวงดนตรีล่วงหน้าเป็นเวลานานๆ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น คุณจะได้มั่นใจว่าคนที่มาสำรองมีประสบการณ์และความสามารถทัดเทียมกับนักดนตรีคนนั้น และอย่าลืมว่าที่มาสำรอง อยู่ในเงื่อนไขการจ่ายเพิ่มเติมหรือเปล่า

2

4. มีเครื่องดนตรีสำรองไหม?

เป็นอีกหนึ่งคำถามเพื่อความมั่นใจ เพราะถ้าหากเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์มีปัญหาในระหว่างงานคุณจะได้รู้ว่าทางวงจะมีวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร

5. รับงานอื่นในวันเดียวกันไหม?

วงดนตรีส่วนใหญ่มักใช้เวลาในการติดตั้งอุปกรณ์นาน และทางโรงแรมจะให้เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์และทดสอบเสียงได้ก่อนงานเริ่มเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น การถามล่วงหน้าจะช่วยให้วงดนตรีสามารถจัดสรรเวลาหรือหาบุคคลอื่นมาช่วยทำงานได้ทันตามเวลาที่กำหนด

6. เคยเล่นดนตรีที่นี่มาก่อนไหม?

หากวงดนตรีที่คุณจ้างมีความเคยชินกับสถานที่เป็นอย่างดี เขาจะรู้ว่าในที่นั้นๆ เป็นอย่างไร ควรใช้เครื่องดนตรีแบบไหนที่จะเหมาะที่สุด รวมถึงรู้ว่าต้องเดินทางมาสถานที่อย่างไร ก็จะใช้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น

7. ทำตามสิ่งที่บ่าวสาวต้องการได้จริง?

ส่วนใหญ่วงดนตรียินดีที่จะทำตามสิ่งที่คุณขอเพิ่มเติม แต่คุณก็ควรจะตะล่อมถามเขาให้แน่ใจเสียก่อนเพื่อที่จะให้นักดนตรีได้เตรียมตัวฝึกซ้อมล่วงหน้าซะแต่เนิ่นๆ อีกทั้งยังป้องกันการเล่นแป้กอีกด้วย

3

8. ต้องติดตั้งไฟหรือเอฟเฟ็คเพิ่มเติมไหม?

บางวงอาจใช้ไฟเท่าที่ทางสถานที่จัดไว้ให้ได้อย่างไร้ปัญหา แต่บางวงอาจมีการใช้ไฟหรือเอฟเฟ็คเพิ่ม คุณจะวางแผนการกับทางสถานที่และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงวางแผนตกแต่งให้กลมกลืมกับงานอีกด้วย

9. มีเครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์ที่ต้องเช่าเพิ่มไหม? และใครเป็นคนจ่าย

แม้ว่าเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะเป็นของวง แต่ในบางครั้งหากคุณต้องการสิ่งที่พิเศษกว่าปกติ ทางวงอาจต้องมีการเช่าอุปกรณ์เพิ่มเติม และต้องถามด้วยว่าเครื่องดนตรีที่เช่าใครเป็นคนจ่าย นักดนตรีหรือว่าเรา

10. มีเงื่อนไขการยกเลิกงานอย่างไร?

เพื่อให้เกิดความแฟร์ทั้งกับตัวคุณและวงดนตรีที่ล็อกคิวมาเล่นดนตรีในงานแต่งของคุณ ควรพูดคุยข้อตกลงเงื่อนไขการยกเลิกงานกับวงดนตรีตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่หากงานของคุณต้องยกเลิกขึ้นมา ทางวงดนตรีก็จะได้ไม่เสียเปรียบและช่วยให้ตัวคุณรู้สึกสบายใจนั่นเอง

11. ในช่วงเวลาแสดงมีการพักเบรกไหม? พักกี่ครั้ง ครั้งละกี่นาที

ควรถามเพื่อความแน่ใจ เราจะได้รู้และวางแผนเตรียมเพลงสำหรับเปิดสลับกับการแสดงได้ถูก อีกอย่างในช่วงพักบ่าวสาวก็ควรเตรียมอาหารมาให้นักดนตรีด้วยนะจ๊ะ

12. มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลาแค่ไหน?

เพราะเรื่องของเวลาเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เราควรจะคุยกับทางวงดนตรีให้เรียบร้อยก่อนเริ่มงาน เช่น ถ้าหากมีการเลยเวลาจากในสัญญาจะมีการคิดเงินเพิ่มหรือไม่ อย่างไร เพื่อความสบายใจทั้งของทั้งสองฝ่าย และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องเงินตามมาทีหลัง

4

ถึงแม้การเลือกหาวงดนตรีจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ลองนำคำถามเหล่านี้มาช่วยคุณตัดสินใจจ้างวงดนตรีมาเอนเตอร์เทนต์ความสนุกให้แขกภายในงานของคุณดูนะจ๊ะ

ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลและรูปภาพจาก : www.everafterguide.com

วิธีผูกโบไทชุดเจ้าบ่าวแบบง่ายๆ ทำเองได้ไม่ต้องตกใจหากโบหลุด

เคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวมาก็เยอะแล้ว วันนี้เราขอเอาใจเจ้าบ่าวและแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวกันสักหน่อยกับขั้นตอนการผูกโบไท ชุดเจ้าบ่าว แบบง่ายๆ ที่คุณก็ทำเองได้  รวมถึงว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากมีโมเม้นต์ประทับใจผูกโบไทให้เจ้าบ่าวของตัวเองบ้างล่ะก็ ต้องรีบเลื่อนลงไปอ่านแล้วทำตามเลยจ้า

 

1

1. คล้องโบไทไว้ที่คอ กะให้ความยาวของทั้งสองด้านเท่ากัน หรืออาจให้ข้างใดข้างหนึ่งยาวกว่าได้นิดหน่อยเพื่อความสวยงาม

2

2. นำสายโบไทด้านขวาพาดทับมาด้านซ้ายตามแนวเฉียง แล้วสอดอ้อมด้านล่างขึ้นไปในช่องระหว่างคอกับโบไท ดึงและปรับให้แน่นพอดีกับลำคอ ขยับให้ปมของโบไทอยู่ตรงกลาง แล้วพาดพักไว้ด้านข้างลำคอ

3

3. จับชายด้านที่ห้อยอยู่พับขึ้นมาในลักษณะรูปโบ โดยพับไปทางด้านซ้ายแล้วใช้นิ้วขี้กับนิ้วโป้งประคองไว้

4

4. นำชายโบไทอีกข้างที่พักไว้ พาดลงมาตรงกลาง โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งประคองไว้ในลักษณะเดิม (ยังไม่ต้องเอานิ้วออก)

5

5. พับด้านที่ห้อยอยู่กลับขึ้นไปข้างหลังของตัวโบ (พับเข้าหาตัวเอง) แล้วสอดเข้าไปในช่องว่างตรงนิ้วชี้ ค่อยๆ ดึงส่วนที่สอดผ่านช่องว่างออกมาทีละนิด โดยดึงเฉพาะตรงที่ถูกพับ ระวังอย่าดึงตรงด้านปลายโบไทเพราะจะทำให้โบไทหลุด (ถ้าผูกใหม่ก็จะเหนื่อยหน่อยนะคะ)

6

6. เมื่อได้ออกมาเป็นรูปโบแล้ว สามารถดึง ปรับ และจับให้ดูพองได้เพื่อความสวยงาม

Tips

ขอแถมเคล็ดลับการเลือกโบไทให้เหมาะกับตัวเองอีกสักเล็กน้อยเพื่อความหล่อเพอร์เฟ็กต์ของเจ้าบ่าวและเหล่าแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งหลายตามนี้

โบไทมีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ มีทั้งโบไทที่ทำจากผ้าไหม (Silk) และผ้ากำมะหยี่ (Velvet) ซึ่งมีให้เลือกหลายสีตามความชอบของแต่ละคน ขอแนะนำว่าถ้าเป็นงานที่แขกผู้ใหญ่เยอะและค่อนข้างเป็นทางการ ควรเลือกโบไทสีพื้นๆ เรียบๆ เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีเทา สีขาว ทั้งนี้ควรเลือกให้มีสีเดียวกันกับสีชุดสูทที่คุณเลือกใส่ด้วย

ส่วนงานแต่งของใครที่เน้นบรรยากาศชิลล์ๆ ปาร์ตี้กสนุกสนานก็สามารถเลือกโบไทสีเจ็บๆ ให้แสบทรวงอย่าง สีเขียว เหลือง แดง หรือจะมีลายจุด ลายดอก ให้ดูเก๋ เท่ หล่อ ตามสไตล์หนุ่มเจ้าสำราญก็ได้ อันนี้ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Atelier Azzurro

เช็กนิสัยเพื่อนเจ้าสาวแต่ละราศี ให้พร้อมรับหน้าที่สำคัญในวันแต่งงาน

ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังหัวหมุนกับการเตรียมงานแต่ง และอยากจะมอบหมายกระจายหน้าที่ให้แก๊งเพื่อนสาวเข้ามาช่วยเสริมทัพ ซึ่งแน่นอนว่าสาวๆ ในแก๊ง เพื่อนเจ้าสาว ก็ต่างบุคลิกต่างสไตล์กันออกไป และนี่คือวิธีรับมือ กับเพื่อนเจ้าสาวแต่ละราศีที่ทั้งเจ้าสาวและเพื่อนในแก๊งต้องรู้ ใครถนัดแบบไหนก็ส่งหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้ไปเลย

 

  • ราศีเมษ (21 มีนาคม – 19 เมษายน)

ราศีเมษมีความขี้เล่น ดังนั้นเพื่อนเจ้าสาวราศีนี้จึงมักจะเป็นหัวโจกในการจัดปาร์ตี้สละโสดที่แสนจะสนุกสุดเหวี่ยง เธอจะขุดสารพัดเกมมาให้เดอะแก๊งได้เล่นอย่างไม่รู้เบื่อ จนบางครั้งสนุกจนถึงขั้นเพื่อนๆ ต้องรีบเบรกเลยก็มี

  • ราศีพฤษภ (20 เมษายน – 20 พฤษภาคม)

เป็นสาวที่มีความกระตือรือร้นและเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์มาก เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่จะได้รับความไว้วางใจจากเจ้าสาวที่สุดก็ว่าได้ และเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ได้ดี แถมยังเก็บความลับเก่งอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวที่พร้อมจะอยู่เบื้องหลังเพื่อซัพพอร์ตเพื่อนรักในทุกๆ เรื่อง

  • ราศีเมถุน (21 พฤษภาคม – 20 มิถุนายน)

สาวราศีนี้เป็นนักติดต่อสื่อสารที่ดี ดังนั้นเพื่อนเจ้าสาวราศีนี้จึงมักจะเป็นผู้นำในการวางแผนและตัดสินใจในหลายๆ เรื่อง จึงควรค่าแก่การได้รับความไว้วางใจจากเจ้าสาวให้เป็นแม่งานในการจัดการเรื่องต่างๆ เพราะสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดี แต่อย่ามอบหมายหรือรับงานมาจนล้นมือทำไม่ทันนะจ๊ะ แบ่งงานให้เพื่อนคนอื่นๆ ช่วยบ้างก็ได้

  • ราศีกรกฎ (21 มิถุนายน – 22 กรกฎาคม)

สาวกรกฎขึ้นชื่อในเรื่องความจงรักภักดี และเป็นสาวที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่แบบว่าขึ้นสุดลงสุด เพราะฉะนั้น เธอจะเป็นคนที่มีความรู้สึกร่วมกับไปกับคุณในทุกๆ โมเม้นต์ ทั้งซึ้งจนร้องไห้ จนถึงฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นคุณมีความสุขเลยล่ะ หากต้องการเพื่อนช่วยบิ้วอารมณ์ล่ะก็ ห้ามมองข้ามสาวราศีนี้เด็ดขาด

  • ราศีสิงห์ (23 กรกฎาคม  – 22 สิงหาคม)

เพื่อนเจ้าสาวราศีนี้น่าจะเป็นสาวที่มีความดราม่าเก่งที่สุดในกลุ่ม แถมยังมีความทะนงตัวนิดๆ จึงอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะพูดให้เพื่อนราศีนี้ให้คล้อยตามหรือเห็นด้วยกับคุณ รู้อย่างนี้แล้ว แก๊งไหนที่เพื่อนสาวราศีนี้ก็รีบหาวิธีทำให้สาวเจ้ายอมคล้อยตามกันด่วนๆ

  • ราศีกันต์ (23 สิงหาคม – 22 กันยายน)

นี่คือเพื่อนเจ้าสาวที่เจ้าสาวทุกคนต้องการ เพราะสาวราศีกันต์เป็นนักวางแผนและมีแผนสำรองเสมอ หรือหากแผนที่วางไว้พัง เธอก็รู้ดีว่าจะต้องแก้ไขความพังนั้นได้อย่างไร แถมยังเป็นสาวที่มีน้ำใจ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลาด้วยความเต็มใจ ปราศจากความเห็นแก่ตัว แถมสาวราศีนี้ยังเป็นคนที่เพื่อนๆ สามารถมาระบายเรื่องราวต่างๆ กับเธอเพื่อขอคำแนะนำอยู่เสมอด้วย

  • ราศีตุลย์ (23 กันยายน – 22 ตุลาคม)

หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าสาวกำลังจะเดินเข้างาน เพื่อนเจ้าสาวราศีตุลย์คือผู้ที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์นั้นให้คลี่คลายได้อย่างทันท่วงที รวมไปถึงยังสามารถสยบความดราม่าต่างๆ ได้ด้วยทักษะเฉพาะตัวของสาวราศีนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าสาวราศีตุลย์คือคนกลางที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว

  • ราศีพิจิก (23 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน)

ราศีแห่งสาวเจ้าเสน่ห์ แถมยังเป็นสาวที่มีความแน่วแน่อีกต่างหาก ที่สำคัญสาวราศีนี้ยังรู้จักวิธีพูดจาเข้าหาผู้คน เพราะฉะนั้นในวันแต่งงาน เพื่อนเจ้าสาวราศีนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทักทายแขกที่โต๊ะลงทะเบียน หรือเชิญแขกไปนั่งที่โต๊ะ หรือแม้กระทั่งช่วยประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  • ราศีธนู (22 พฤศจิกายน – 21 ธันวาคม)

ถ้าเรื่องความเป็นคนใจดีต้องยกให้สาวราศีนี้เลยค่ะ แต่ถึงจะใจดีแต่ก็เป็นคนที่เด็ดขาดมากๆ หากเรื่อใดที่ช่วยเหลือได้เธอก็พร้อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เธอไม่สามารถจริงๆ เธอก็พร้อมที่จะปฏิเสธแบบทันควันเช่นกัน เพราะเธอจะใจดีและช่วยเหลือในเรื่องที่เธอทำได้เท่านั้น

  • ราศีมังกร (22 ธันวาคม – 19 มกราคม)

เพื่อนเจ้าสาวราศีนี้เป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ วางใจได้ และพึ่งพาได้ เพราะฉะนั้นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่บางเรื่องจึงมักถูกวางไว้ในมือของสาวราศีนี้อยู่บ่อยๆ แถมสาวราศีนี้ก็จะทำทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างระมัดระวัง ที่สำคัญเธอยังเป็นคนที่มีอารมณ์ขันช่วยสร้างสีสันในแก๊งเพื่อนได้อย่างดีอีกต่างหาก

  • ราศีกุมภ์ (20 มกราคม – 18 กุมภาพันธ์)

สาวราศีกุมภ์คือสาวศิลปิน มีพลังความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรหากต้องมีการใช้ความคิดการออกแบบล่ะก็เชื่อใจสาวราศีนี้ในความครีเอทได้เลย แต่ขณะเดียวกันสาวราศีนี้ก็ไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คน มีความถ่อมตัวสูง เพราะฉะนั้นจึงมักเลือกที่จะอยู่เบื้องหลังมากกว่า

  • ราศีมีน (19 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม)

สาวราศีนี้มักเป็นที่ถูกใจของผู้คนที่เธอพบปะอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นหน้าที่ที่ดีสุดสำหรับเพื่อนเจ้าสาวราศีนี้ก็อาจจะเป็นการประจำอยู่ที่โต๊ะลงทะเบียน การเชิญแขกเข้างาน หรือว่าที่เจ้าสาวอาจจะหนีบเพื่อนสาวราศีนี้ไปคุยกับเวนเดอร์ต่างๆ ก็ได้เหมือนกันนะ เอาเป็นว่าหากต้องจัดการเรื่องต่างๆ ในงานแต่งแล้วว่าที่เจ้าบ่าวไม่ว่างไปด้วย ก็สามารถหนีบเพื่อนสาวราศีนี้ไปด้วยได้เลย

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก Brides.com

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวันแต่งงานที่ว่าที่บ่าวสาวต้องบอกแขกให้รู้

แค่บ่าวสาวส่งการ์ดเชิญให้กับแขกไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะจบแค่นั้น เพราะจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่แขกอยากรู้จากคุณ เพื่อจะได้เตรียมตัวไปร่วมงานแต่งใน วันแต่งงาน ได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง และที่สำคัญไม่เป็นตัวประหลาดในงาน ฉะนั้นบ่าวสาวทั้งหลายตั้งใจอ่าน แล้วรีเช็คดูสิว่า ข้อมูลที่แขกอยากรู้จากคุณเหล่านี้ คุณได้แจ้งให้แขกรู้หรือยัง

 

  • สีและสไตล์ชุดควรเป็นแบบไหน

ย้ำกันอยู่หลายครั้งว่าในการ์ดเชิญควรมีรายละเอียดของเรื่องโทนสีและสไตล์ชุดสำหรับไปร่วมงานให้กับแขกหรือที่เราเรียกกันว่า Dress Code นั่นแหละ เพราะแขกจะได้ไม่ต้องคิดเองจนปวดหัว เพราะบางทีคิดไปแล้วก็พลาดกันเพียบ ธีมสีชมพูแต่ใส่น้ำเงินท้องน้ำทะเลลึกเลยอะไรแบบนี้ เรื่องสีและสไตล์ชุดจึงเป็นเรื่องที่แขกเหรื่อ (โดยเฉพาะสาวๆ) อยากรู้กันมากเป้นอันดับหนึ่ง

ส่วนหนุ่มๆ แม่จะหยิบสูทใส่ใส่ก็จบ แต่เวลาเลือกเสื้อเชิ้ตด้านในหรือแม้แต่เนคไทด์ก้ต้องอิงอาศัยข้อมูลนี้เหมือนกันนะจ้ะ

  • จอดรถได้ที่ไหน

เรื่องนี้สำคัญมากกับยุครถยนต์ล้นถนนแบบนี้ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่แขกอยากรู้จากว่าที่บ่าวสาวทั้งหลาย เพราะถ้ารู้ว่าจอดรถได้ที่ไหน จะได้กะเวลาออกจากบ้านถูก (เผื่อเวลารถติด++) รวมถึงเลือกเส้นทางการขับขี่เพื่อให้ได้ไปถึงสถานที่จัดงานและจอดรถได้ถูกจุดตามที่เจ้าภาพจัดเตรียมไว้

  • ปาร์ตี้และกิจกรรมอื่นๆ ในงาน

ปกติงานแต่งงานจะมีก็พิธีเช้าและงานฉลอง แต่สำหรับยุคนี้มีตั้งแต่ปาร์ตี้สละโสด อาฟเตอร์ปาร์ตี้หลังงานฉลอง โอ๊ย…สารพัดแล้วแบบนี้แขกจะไม่อยากรู้เพื่อเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าได้ยังไง ซึ่งเหตุที่ต้องเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าเพราะถ้างานสนุกมากอาจมีเมาจนขับรถไม่ได้ แขกก็ต้องเตรียมตัวหาที่นอนล่วงหน้า ไหนจะต้องแพลนว่าจะเอารถไปดีไหมหรือเรียกแท็กซี่ดี ก็แหม…งานมงคลแบบนี้มันต้องสุดๆ ไปเลย

  • รับซองและของขวัญแน่นะ

มีหลายงานที่บ่าวสาวมีเจตจำนงค์ที่จะไม่รับซอง ไม่เอาของขวัญ แต่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าอย่างทั่วถึง ขอเพียงแขกมาร่วมยินดีก็พอ ทีนี้พอแขกไม่รู้ก็วิ่งหากล่องใส่ซองกันให้วุ่น เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แขกอยากรู้เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : claraganey.com

ห้ามลืม! 7 ค่าใช้จ่ายงานแต่งแบบยิบย่อยในวันแต่งงานที่บ่าวสาวอาจไม่ทันได้เตรียม

หลายคู่แต่งงานอาจจะให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับการตั้งงบประมาณสำหรับวันแต่งงาน แต่ในความเป็นจริงก็มักมี ค่าใช้จ่ายงานแต่ง ยิบย่อยที่อาจคาดไม่ถึงเพิ่มเติมเข้ามาได้อีก แต่จะมีอะไรบ้างที่มองข้ามกันไป เริ่มไปเช็คกันเลยค่ะ

1. ค่าไปรษณีย์

คู่แต่งงานหลายคู่อาจคิดหนักในการเลือกวันที่แต่งงานและบัตรเชิญสำหรับงานแต่งงาน แต่มักลืมเรื่องการจัดส่งจดหมายเหล่านี้แก่แขกที่ต้องการเชิญมาร่วมงาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกที่ต้องเชิญมาร่วมงานด้วยเหมือนกัน เพราะถ้ายิ่งเชิญแขกมาร่วมงานมากก็ยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดส่งมากขึ้น และไม่ควรลืมจดหมายตอบกลับของแขกที่จะสามารถมาร่วมงานได้หรือไม่เพราะจดหมายตอบกลับเหล่านี้ก็ต้องการค่าแสตมป์สำหรับการจัดส่งกลับด้วยเหมือนกัน

2. อุปกรณ์เครื่องเขียนและกระดาษ

คู่แต่งงานต้องการงบประมาณสำหรับค่ากระดาษหรือค่าอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ สำหรับบัตรเชิญ รายการอาหาร กำหนดการในงานแต่งงาน หรือจดหมายขอบคุณ ซึ่งแม้เป็นค่าใช้จ่ายที่ดูเหมือนไม่สำคัญและมักถูกมองข้ามแต่ก็คือค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นมากถ้าจำนวนแขกที่มาร่วมงานมีจำนวนมาก

3. เกินเวลา

เวลาทำงานของผู้ที่ว่าจ้างมาให้บริการในงานแต่งงานมักจะถูกกำหนดไว้เป็นเวลาที่ตายตัว (อย่างผู้ให้ความบันเทิงและช่างภาพ) ดังนั้นถ้างานแต่งงานเกิดเกินกว่าเวลาที่คาดการณ์ไว้ ค่าล่วงเวลาอาจจะถูกคิดเงินเพิ่มด้วย ดังนั้นคู่แต่งงานควรพยายามอ่านสัญญาว่าจ้างก่อนเซ็นให้รอบคอบเสียก่อนว่าจะมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มมามากแค่ไหน ถ้าหากงานเกิดเกินกว่าเวลาที่กำหนดและพยายามวางแผนการจัดงานแต่งงานทั้งงานให้อยู่ในตารางเวลาเพื่อไม่ให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

4. ค่าเช่า

การเช่าสิ่งของที่จำเป็นต่างๆ จะขึ้นอยู่กับสถานที่แต่งงานด้วย คู่แต่งงานอาจนำโต๊ะ เก้าอี้ แก้วน้ำ หรือสิ่งอื่นๆ มาเองถ้าไม่ต้องการเช่าจากสถานที่จัดงานแต่งงาน และถึงแม้คู่แต่งงานไม่ได้เช่า แต่ค่าการขนส่งสิ่งของที่จำเป็นเหล่านี้มาในงานแต่งงานก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมเข้ามาด้วยเช่นเดียวกัน

5. ค่าตัดเค้กและค่าเปิดขวด

คู่แต่งงานบางคู่อาจนำเค้กและไวน์มาเอง แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายได้เพราะพนักงานที่ให้บริการในงานแต่งงานจะต้องมีหน้าที่ในการตัดเค้กและเสิร์ฟแก่แขกรวมถึงการคอยเปิดจุกขวดไวน์เพื่อบริการให้แก่แขกที่มาในงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มงานให้กับพนักงานเหล่านี้ จึงต้องมีค่าใช้พิเศษเพิ่มขึ้นด้วย

6. ค่าพักโรงแรม

คู่แต่งงานที่จัดงานแต่งงานนอกสถานที่อาจต้องเดินทางไปถึงสถานที่จัดงานแต่งงานก่อนงานแต่งงานและต้องเช่าสถานที่หรือห้องสำหรับพักอาศัยไม่ว่าจะเป็นของตัวคู่แต่งงานเองหรือแขกที่จะมาร่วมงาน ดังนั้นจึงเป็นค่าใช้จ่ายที่ควรจัดเตรียมเอาไว้

7. แผนการสำรอง

การจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง คู่แต่งงานจำเป็นต้องมีแผนการสำรองอย่างเช่น การที่สภาพอากาศเกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหัน และทางสถานที่แต่งงานไม่มีตัวอาคารที่สำหรับจัดงานแต่งงานสำรองเอาไว้ คู่แต่งงานอาจต้องมองหาเต็นท์สำรอง หรือเครื่องทำความร้อนสำหรับถ้าเกิดสภาพอากาศเกิดเปลี่ยนแปลงเป็นหนาวเฉียบพลันขึ้นมากะทันหัน

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

Cr. marthastewartweddings.com , shefinds.com

คอร์สรวบตึง!! ซื้อแหวนแต่งงานผ่านทางออนไลน์ยังไงไม่ให้เสียเงินฟรี

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่เต็มไปด้วยภารกิจอันยุ่งเหยิง ทั้งงานประจำก็ต้องทำ งานแต่งก็ต้องเตรียม จนถึงขั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะไปดู แหวนแต่งงาน แต่โชคดีนะคะที่เดี๋ยวนี้เรามีอินเทอร์เน็ตจึงช่วยให้บ่าวสาวสามารถช้อปออนไลน์อยู่ที่บ้านได้ แต่!! ในข้อดีย่อมมีข้อเสียค่ะ เพราะถ้าหากว่าที่บ่าวสาวไม่ศึกษาหาข้อมูลให้ดีแทนที่จะได้แหวนเพชรสุดปัง อาจจะได้แหวนเพชรพังๆ มาแทน เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ มาเข้าคอร์สเร่งรัดฉบับรวบตึงกับวิธีการซื้อแหวนเพชรผ่านทางออนไลน์ยังไงไม่ให้เสียเงินฟรีกันดีกว่า

1. เช็กข้อมูลเพชร 4Cs ให้ครบถ้วน

เมื่อบ่าวสาวได้แบบแหวนที่ต้องการแล้ว จะต้องเช็กข้อมูลเพชร 4Cs ให้ครบก่อนที่จะตัดสินใจกดใส่ตะกร้า เพราะข้อมูลนี้คือตัวกำหนดมูลค่าของเพชรที่บ่าวสาวจะซื้อ ซึ่งประกอบไปด้วย

– Carat Weight ขนาดหรือน้ำหนักของเพชรที่ใช้หน่วยสตางค์ในการวัด เช่น 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์

– Color สีของเพชรตามธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษในการแบ่งก็คือ เริ่มจาก D Color คือเพชรน้ำ 100% ซึ่งเป็นเพชรที่น้ำดีที่สุด และค่อยๆ ไล่ระดับลงมาจากตัว D เรื่อยๆ

– Clarity หรือความสะอาดของเพชร หรือตำหนิของเพชรนั่นเอง โดยจะเริ่มนับจากความสะอาดแบบไร้ซึ่งตำหนิ (IF), VVS1, VVS2, VS1, VS2 ไปเรื่อยๆ จนถึง I3

– Cut หรือการเจียระไนเพชร ซึ่งเพชรที่ได้ชื่อว่าสวยงามและราคาสูงที่สุดคือเพชรที่เจียระไนแบบ H&A (Hearts & Arrows) ที่ได้รับการยอมรับว่าสะท้อนประกายของเพชรออกมาได้งามที่สุด

2. รวบรวมข้อมูลอีกทีก่อนตัดสินใจหย่อนใส่ตะกร้า

– น้ำหนักเพชร เพราะเพชรแต่ละเม็ดเมื่อได้รับการเจียระไนออกมาแล้วจะมีน้ำหนักและขนาดแตกต่างกันไป ยิ่งเพชรที่มีน้ำหนักมากราคายิ่งสูง แต่ร้านออนไลน์โดยมากมักลงข้อมูลแค่ว่า แหวนเพชร 1.00 กะรัต น้ำ 100% ราคา 30,000 บาท แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า น้ำหนัก 1.00 กะรัตที่บอกไว้นั้นหมายถึงแค่เพชรเม็ดกลางเม็ดเดียว หรือน้ำหนักเพชรทุกเม็ดบนตัวเรือน เพราะถ้าหากเป็นน้ำหนักแค่เพชรเม็ดกลางเม็ดเดียว ราคาจะสูงกว่าน้ำหนักของเพชรรวมทั้งหมด เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรสอบถามข้อมูลตรงนี้จากร้านค้าให้ชัดเจน

– สีของเพชร แน่นอนว่าเพชรน้ำ 100% หรือ D Color เป็นเพชรที่ราคาสูงและหายากและได้รับความนิยมมากกว่าแบบอื่นๆ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเพชรน้ำ 100% เม็ดนั้นหากมีปริมาณสารเรืองแสงซ่อนอยู่ในเนื้อเพชรแล้วล่ะก็ จะทำให้เพชรดูไม่ขาวใสหรือวิ้งวับอย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นหลักในการเลือกซื้อคือ ไม่ว่าบ่าวสาวจะเลือกซื้อเพชรน้ำเท่าไหร่ ก็ไม่ควรให้มีสารเรืองแสงนี้ปะปนอยู่ในเพชรเลยเป็นดีที่สุด

*สามารถตรวจสอบว่าเพชรมีสารเรืองแสงหรือไม่ได้ด้วยแสงฟลูออเรสเซนต์หรือไฟสีม่วงที่ใช้ตรวจธนบัตร

– ความสะอาดของเพชร ขอแนะนำให้บ่าวสาวเลือกระดับความสะอาดที่ IF หรือ VVS1 และ VVS2 ก่อนเพราะเป็นระดับที่ไม่สามารถเห็นตำหนิของเพชรได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าหากต่ำกว่านี้อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าประมาณ 1 จุดเป็นอย่างน้อย

*หากบ่าวสาวต้องการซื้อเพชรไว้ลงทุนในระยะยาวแนะนำให้เลือกซื้อที่ระดับ IF รับรองว่าราคาดีไม่มีตก

– การเจียระไน ส่งผลต่อราคาของเพชร ซึ่งเพชรที่เจียระไนถูกต้องตามหลัก Ideal Cut จะมีประกายสวยกว่าและราคาสูงกว่าเพชรที่เจียระไนตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งบางครั้งบ่าวสาวอาจจะเลือกเพชรที่เม็ดเล็กหน่อยแต่มีการเจียระไนที่ดีเริดกว่าเพชรเม็ดใหญ่ ก็จะส่งผลให้เพชรเม็ดเล็กที่บ่าวสาวเลือกนั้นส่องประกายและเตะตามากกว่าเพชรเม็ดใหญ่เสียอีก

แหวนแต่งงาน

3. สำรวจตรวจสอบความจริงใจของคนขาย

แน่นอนว่าในโลกออนไลน์นั้นการตรวจสอบความจริงใจอาจเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าคนขายกล้าให้ข้อมูลแก่บ่าวสาวอย่างเปิดเผยไม่มีอ้อมแอ้มและชัดเจนมากพอ ก็อาจจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของบ่าวสาวได้ง่ายขึ้น และบ่าวสาวควรจะหาข้อมูลร้าน หรือการรีวิว การคอมเม้นต์จากลูกค้าที่เคยใช้บริการท่านอื่นๆ ด้วย สิ่งนี้จะช่วยนำมาประกอบการตัดสินใจของบ่าวสาวได้เป็นอย่างดีแน่นอน และเพื่อชี้ให้ชัดว่างานนี้ไม่โดนหลอกก็ควรจะหาเวลาไปดูหน้าร้านจริงอีกสักครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

4. การชำระเงิน และจัดส่งสินค้า

การชำระเงินอาจมีทั้งแบบโอนเงิน, ตัดผ่านบัญชี หรือตัดผ่านบัตรเครดิต ส่วนการจัดส่งสินค้าหากเป็นในกรุงเทพฯ บางร้านอาจมีบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือนัดมารับของตามสถานที่ต่างๆ หรือบางร้านอาจจัดส่งทางไปรษณีย์ ส่วนลูกค้าต่างจังหวัด ทางร้านอาจมีการโทร. แจ้งก่อนว่าจะจัดส่งสินค้าให้วันไหน พร้อมทั้งถ่ายภาพที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ให้ลูกค้าได้ดูก่อนว่ามีการแพ็คไปอย่างแน่นหนาก่อนจัดส่ง และอาจส่งทางไปรษณีย์หรือทางเครื่องบิน

*ในข้อนี้เราขอแนะนำให้บ่าวสาวทำประกันสินค้าไว้ด้วยเพื่อความสบายใจว่าของที่สั่งจะส่งถึงนิ้วแน่นอน

และสุดท้ายอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับการซื้อเพชรทางออนไลน์ก็คือ ใบเซอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะการันตีคุณสมบัติของเพชรเม็ดนั้นว่ามีจุดดีและจุดด้อยตรงไหนบ้าง และเพื่อที่จะได้ตรวจสอบว่าคนขายคิดราคาเกินจริงหรือไม่อีกด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อสั่งซื้อทุกครั้งอย่าลืมถามถึงใบเซอร์กันด้วยนะคะ

Read More : 3 เรื่องต้องทำหากแหวนแต่งงานไม่โดนใจ

Cr. shesimply.com, pexels.com

ตีเนียนแล้ววัดไซส์แหวนสาวกับเทคนิคง่ายๆ ไม่ทันให้เธอได้รู้ตัว

ปัญหาของคู่รักที่มีความอยากจะเซอร์ไพร้ส์คนรักด้วยการซื้อแหวนแทนใจให้คือ ไม่แน่ใจว่าขนาดแหวนที่เลือกมาให้จะพอดิบพอดีกับขนาดนิ้วของคนรักหรือเปล่า ก็เดี๋ยวถ้าเกิดซื้อพลาด แทนที่จะหวานแหววน้ำตาซึ้งอาจจะต้องกุมขมับเคลียร์กันยาวว่านี่มันไซส์แหวนของใครย่ะ  มาดูสารพัดวิธีที่มีหลายคนใช้แล้วสำเร็จผลกันมาแล้วดีกว่ากับ วิธี วัดไซส์แหวน หลากแบบหลายสไตล์ที่หนุ่มๆ สามารถเลือกไปใช้ได้ตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด พร้อมแล้วก็ลุยเลย!

  • แหวนปั๊มดินน้ำมัน

เทคนิกแรกมีหนุ่มหลายคนใช้ ซึ่งอาจได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนังโจรกรรมหรือเปล่า อันนี้ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะวิธีนี้เห็นกันบ่อยๆ ในหนังประเภทที่จังหวะที่ตัวเองต้องปั๊มกุญแจอะไรทำนองนั้น ฉันใดฉันนั้นเลยค่ะ หาดินน้ำมันมาไว้สักก้อน ถ้าจะให้ดียัดใส่ในตลับเล็กๆ ที่แหวนจะลงไปนอนอยู่ได้ จากนั้น ทำการโจรกรรม เอ๊ย..แอบหยิบเอาแหวนที่เป้าหมายของคุณสวมประจำที่นิ้วที่คุณอยากให้ใส่ (ส่วนใหญ่ก็นิ้วนางข้างซ้าย) นำแหวนมาปั๊มลงบนดินน้ำมันค่ะ แค่นี้ก็ได้ขนาดแหวนที่อย่างที่ต้องการแล้ว

  • ร้อยด้ายเข้านิ้ว

เทคนิคนี้ใครเรียนลูกเสือเนตรนารีมาได้เปรียบค่ะ เพราะสิ่งที่ต้องทำคือการเตรียมด้ายไว้ โดยอาผูกด้ายทำเป็นห่วงเงื่อนแล้วหาจังหวะที่หวานใจหลับใหล สวมห่วงด้ายนี้ลงไปที่นิ้ว ดึงด้ายให้พอดีกับนิ้วแล้วมัดปม ทำสัญลักษณ์ แค่นี้ก็ได้ขนาดแหวนแล้ว แต่ข้อควรระวังสำหรับวิธีนี้คือ ให้แน่ใจจริงๆ นะว่า ฝ่ายนั้นหลับจริง ไม่ใช่ตื่นมากลางดึกคือแผนแตกแน่นอน

  • เนียนๆ ชวนช้อปแหวนแฟชั่น

บางคู่ใช้นิสัยช่างช้อปของสาวข้างกายในเกิดประโยชน์ โดยทำทีชวนเธอแวะไปซื้อแหวนแฟชั่น แล้วคะยั้นคะยอให้เธอลองสวมแหวนแบบนั้นนี่ที่นิ้วนางข้างซ้าย จากนั้นจำค่ะ จำให้ได้ว่าวงไหนที่เข้าเป้าพอดีนิ้ว ก่อนจะย้อนกลับมาช้อปแหวนวงที่ว่าไปเป็นต้นแบบ อ้อ…วิธีนี้ถ้าจะให้เนียนขึ้น แนะนำให้นัดแนะกับทางร้านไว้ก่อนว่า ช่วยเชียร์ให้เธอสวมนิ้วนางและช่วยแยกแหวนที่เธอใส่ได้ไว้ที แบบนี้แผนการวัดไซส์จะบังเกิดผล

  • วัดเส้นผ่านศูนย์กลางเก็บไว้

วิธีนี้ง่ายที่สุดค่ะ แค่คุณรู้ว่าแหวนวงไหนที่หวานใจใส่ที่นิ้วนาง (หรือนิ้วที่อยากให้สวม) ก็แอบเอาแหวนที่ว่านั้นมาวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเก็บไว้ แล้วนำตัวเลขที่ได้ไปหาร้านเพชร จะทำแหวนแหวนหรือวัดวงที่มีอยู่ก็จัดไปได้เลยรับรองเป๊ะ

  • นิ้วก้อยของผมเท่ากับนิ้วนางของเธอ

วิธีนี้คือความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ยังไม่ได้มีการยืนยันมาว่า จริงหรือไม่ เพราะหลายคู่เชื่อว่าคู่กันแล้วต้องมีขนาดแหวนแบบหัวข้อที่ว่านี้ ก็เลยเอาแหวนของตัวเองที่สวมที่นิ้วก้อยไปทำไซส์ บางคู่ก็ประสบความสำเร็จแต่บางคู่แป้ก ฉะนั้นวิธีนี้จึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณนะคะ

  • สวมแล้วจำ

เทคนิคสุดท้ายนี้ได้มาจากประสบการณ์ของเจ้าของร้านเพชนท่านหนึ่งแชร์ให้เราฟังว่า ลูกค้าหนุ่มๆ หลายคนใช้วิธีหยิบแหวนที่หวานใจสวมที่นิ้วนางอยู่แล้วมาลองสวมที่นิ้วของตัวเอง แต่จำความรู้สึกที่แหวนลงมาพอดีนิ้ว จากนั้นมาที่ร้านแล้วนำพวงแหวนวัดไซส์ของทางร้านมาลองสวมดู ไซส์ไหนได้ตำแหน่งเดียวกัน ไซส์นั้นแหละ เป๊ะ!!

สุดท้ายนี้ หากคุณหาแหวนที่เธอใส่ประจำที่นิ้วนางข้างซ้ายไม่ได้จริงๆ แล้วต้องกะเองด้วยสายตา ให้ประเมินแบบโอเว่อร์กว่าที่คิดนิดนึง เพราะเวลาสวมเพื่อเซอร์ไพร้ส์อย่างน้อยๆ ไม่ควรคาที่ข้อนิ้ว แต่แหวนควรลงไปอยู่ที่โคนนิ้ว เพราะอย่างน้อยๆ ถ่ายรูปสวยและค่อยเอาไปปรับขนาดให้เล็กลง

นี่ละค่ะ เทคนิกที่หลายคนใช้และเรารวบรวมมาให้ ถ้าคุณมีเทคนิกเจ๋งๆ มากกว่านี้ แชร์มาให้เรารู้บ้างนะคะ แผนเซอร์ไพร้ส์คนหัวใจมีรักจะได้เข้าเป้าดั่งหวังสักที เอาล่ะรู้เทคนิกวัดไซส์กันไปแล้วก็ถึงเวลาไปดู แบบแหวนหมั้นสไตล์คลาสสิก กันต่อ

ว่าที่บ่าวสาวเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถือไมค์เซย์ Thank You! ในวันแต่งงาน

ก่อน วันแต่งงาน จะมาถึง เราเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวคงมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยบนเวที ไม่ว่าจะเป็นความในใจหรือคำขอบคุณสำหรับคนสำคัญทุกคน แต่พอเอาเข้าจริง มือไม้แขนขาก็ดูจะเก้ๆ กังๆ ตื่นเต้นจนทำให้ลืมสิ่งที่จะพูดซะอย่างงั้น! ไม่ต้องกังวลค่ะ เรามีวิธีป้องกันการลืมและวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาบอก

1. สั้น กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ

ว่าที่บ่าวสาวควรจะลิสต์ไว้ก่อนว่าอยากจะพูดอะไรและอยากจะขอบคุณใครบ้าง แล้วลองเขียนความคิดเหล่านั้นออกมาให้ครบถ้วน ปรับแต่งคำพูดให้กระชับ อย่าให้เยิ่นเย้อหรือยาวจนเกินไปนัก เพราะถ้ายิ่งยาวมากก็ยิ่งจำยากและลืมง่าย

2. ซ้อมพูดกับคนในกระจก

เมื่อได้ถ้อยความที่อยากจะพูดแล้วก็ควรจะซ้อมซักหน่อย ลองยืนหน้ากระจกแล้วพูดสิ่งที่เขียนไว้ ระหว่างที่พูดไปก็มองดูคนในกระจกไปพร้อมกับปรับสีหน้า แววตา ท่าทาง และน้ำเสียงให้เป็นตัวของตัวเองเพื่อสื่อความจริงใจให้ไปถึงผู้ฟังได้มากที่สุด

3. พูดถึงใครให้มองไปที่คนนั้น

ตอนนี้ว่าที่บ่าวสาวต้องใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ กล่าวถึงใครก็ขอให้มองไปที่คนๆ นั้น ส่งผ่านความรู้สึกซาบซึ้งไปทางแววตา ให้ผู้ฟังสัมผัสถึงคำขอบคุณที่กล่าวออกมาจากหัวใจของคุณทั้งคู่ แต่เราเข้าอกเข้าใจสำหรับงานแต่งในห้องบอลรูมที่มีแสงสปอตไลท์ส่องหน้า มองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร เพียงคุณหันหน้าไปทางทิศที่โต๊ะ VIP ตั้งอยู่ก็พอจะเนียนได้ หรืออย่างน้อยกวาดสายตาไปอย่างทั่วถึงก็จะดีกว่ามองต่ำหรือมองเพดานแน่นอน

4. นิ่งไว้และใจเย็น

เป็นเรื่องปกติมาก (ก.ไก่ล้านตัว) ถ้าคุณจะเกิดอาการลืมสคริปต์แค่ชั่วคราว พูดตะกุกตะกัก หรือหลุดไปจากที่คิดไว้บ้างสักเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะใครๆ ก็ตื่นเต้นได้เป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณเริ่มสะดุดหรืออึกๆอักๆ แล้วก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ขอให้นิ่งเข้าไว้ ทำใจร่มๆ ค่อยๆ นึก แล้วพูดต่อไปแบบสำนวนอังกฤษที่ว่า “The show must go on”

5. สุดท้ายก็ลืมจนได้

ข้อสุดท้ายนี้แถมให้สำหรับบ่าวสาวที่ขี้ลื้ม ขี้ลืม โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะซ้อมมาดีแค่ไหน แต่ความตื่นเต้นก็เอาชนะทุกอย่างได้ ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อลืมจนนึกไอ้ที่ท่องๆ มาไม่ออกแล้วขอให้จำคีย์เวิร์ดนี้ไว้ให้ขึ้นใจ “ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงาน” แน่นอนว่าคำนี้ใช้ได้ทุกเวลา ลืมเมื่อไหร่ให้พูดคำนี้แล้วส่งไมค์ให้คนข้างตัว หรือพิธีกรพูดต่อทันที แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ไปก่อน แล้วค่อยไปขอบคุณทีหลังเป็นรายบุคคลแล้วกันเนอะ!

งานสำคัญทั้งทีความรู้สึกที่มีอยู่ในใจมันคงล้นเอ่อ อยากจะพูดอยากจะบอกออกมาเต็มที่ แต่จะพูดทั้งทีก็ควรซ้อมและท่องมาให้แม่นๆ หากว่าบ่าวสาวคู่ไหนเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็ยังหวั่นใจว่าจะลืม ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้ ป้องกันการตกม้าตายบนเวทีได้ดีนักแล เราคอนเฟิร์ม!!

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เป็นเจ้าบ่าวต้องหล่อเป๊ะแค่เลือกสูทเจ้าบ่าวให้ถูกก็เสริมความหล่อได้ไม่อั้น

ในวันแต่งงานนอกจากคุณเจ้าสาวจะต้องสวยเป๊ะเป็นนางเอกของงานแล้ว คุณเจ้าบ่าวเองก็ต้องหล่อเนี้ยบไม่แพ้กันนะจ้ะ ซึ่งชุด สูทเจ้าบ่าว คือปัจจัยหลักที่จะเสริมให้หนุ่มๆ หล่อสมฐานะจะยืนเคียงนางเอกได้ ว่าแต่การเลือกสูทจะเป็นอย่างไร สูทมีกี่แบบ แบบไหนดียังไง มาดูกัน

เลือกสูท-เลือกกระดุม

ชุดสูทยอดนิยมที่เจ้าบ่าวเลือกใส่จะมีจุดต่างที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบอกว่า ชุดสูทแบบไหนเหมาะกับคุณนั่นก็คือ กระดุมค่ะ โดยกระดุมมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบหลักๆ

กระดุมแบบแถวเดี่ยว คือ ชุดสูทที่มีกระดุมตรงกลางแถวเดียว ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยชุดสูทแบบนี้มีให้เลือก 2 แบบคือ

1– สูทแบบกระดุมหนึ่งเม็ด สูทแบบนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในงานที่เป็นทางการ ควรใช้เป็นสูทลำลองจะดีกว่า

2-2– สูทแบบกระดุมสองเม็ด กระดุมแบบนี้เหมาะกับคนที่มีรูปร่างอวบและมีความสูงไม่มากนัก เพราะกระดุมแบบนี้จะช่วยทำให้รูปร่างแลดูสูงขึ้น และถ้าไม่อยากให้ดูโป๊ะ อย่าลืมติดกระดุมแค่เม็ดบนนะจ๊ะ

3– สูทแบบกระดุมสามเม็ด เหมาะกับคนที่มีช่วงตัวสั้น เพราะกระดุมแบบนี้จะช่วยหลอกสายตาทำให้ช่วงตัวดูยาวขึ้น แต่จะต้องติดเฉพาะเม็ดกลางเท่านั้นนะ ถ้าคุณหนุ่มๆ เผลอไปติดเม็ดบนด้วยละก็ จากที่จะดูตัวยาว จะกลายเป็นตันเอานะจ๊ะ

กระดุมแบบแถวคู่ เป็นชุดสูทที่มีกระดุมเรียงกัน 2 แถว ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 2 คู่ และ 3 คู่ ที่สำคัญสูทแบบนี้ยังช่วยเก็บ กระชับหุ่นได้เป็นอย่างดี

4

– สูทแบบกระดุม 4 เม็ด วางแถวคู่ 2 แถว เป็นสูทแบบดั้งเดิม เหมาะกับผู้ชายที่ที่มีพุง หรือตัวใหญ่มากเพราะปกปิดรูปร่างได้ดี

6-2

– สูทแบยกระดุม 6 เม็ด วางแถวคู่ เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาทั้งสองแบบ เหมาะกับคนที่มีที่รูปร่างผอมที่สุด แต่หากว่าคุณเป็นคนเจ้าเนื้อ ก็ควรเลือกชุดแพทเทิร์นสวยๆ ตัดเย็บประณีต จะช่วยทำให้รูปร่างดูสง่าขึ้นได้ ถ้าอยากจะให้แล้วดูเท่แบบหนุ่มอังกฤษ เวลาติดกระดุมก็อย่าลืมปล่อยกระดุมคู่บนไว้นะจ๊ะ

เพียงเท่านี้คุณหนุ่มๆ ก็จะได้ชุดสูทสวยๆ ที่เหมาะกับรูปร่างกันแล้ว อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลและเนื้อหาจาก : www.songsmai-garment.com
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.lyst.com, www.moss.co.uk, www.blacklapel.com, www.voguetailors.com

ว่าที่เจ้าสาว อายุ 30+ ต้องดูแลผิวยังไง เราหาคำตอบมาให้แล้ว

ผิวของ ว่าที่เจ้าสาว ช่วงอายุ 30+ ต้องการ การดูแลที่เซ้นซิทีฟกว่าเจ้าสาวในวัย 20+ นะคะ มาดูกันเลยว่าวิธีไหนบ้างจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณสวยเปล่งปลั่งในวันวิวาห์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้ ผู้หญิงเราแต่งงานช้าลงนะคะ เราก็เลยได้พบเจอกับเหล่า ว่าที่เจ้าสาว อายุ 30+ กันมากขึ้น แต่ทีนี้พอผู้หญิงเราอายุเริ่มขึ้นเลขสาม ปัญหาผิวหน้าที่เผชิญก็จะแตกต่างจากสาวๆอายุ 20+ แน่นอนละค่ะ นอกเหนือจากเรื่องริ้วรอยเล็กๆที่เริ่มสังเกตได้ง่ายขึ้นเมื่อเราแสดงอารมณ์ ไหนยังจะมีเรื่องฝ้ากระจากแดดที่เมื่ออายุน้อยกว่านี้ยังไม่ค่อยเห็นได้ชัด แถมยังเรื่องโครงหน้าเปลี่ยนที่ทำให้เราดูไม่อ่อนเยาว์เหมือนเคยอีก ว่าที่เจ้าสาวในช่วงอายุนี้ จึงจะต้องเริ่มดูแลผิวหน้าอย่างจริงจังด้วยสกินแคร์สำหรับสาววัยสามสิบโดยเฉพาะ มาดูกันเลยค่ะว่ามีสกินแคร์อะไรบ้างที่จะช่วยให้ว่าที่เจ้าสาววัยสามสิบสวยเปล่งปลั่ง ดูเด็กลง ในวันวิวาห์ค่ะ

 

  • ครีมกันแดด

แหงละค่ะเป็นอะไรที่เราขาดไม่ได้ไปจนอายุ 40-50 เลยแหละ เพราะเมื่ออายุย่างเข้าเลขสาม ผิวหน้าของเราจะเซ้นซิทีฟต่อแดดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเกราะป้องกันผิวอาจจะบางลง หรือความแข็งแรงของเซลล์ที่เคลือบชั้นบนของผิวไม่แข็งแรงเหมือนเก่า ทำให้แสงแดดตรงเข้าทำร้ายผิวได้ง่ายและลงลึกขึ้น แสงแดดจึงทำให้เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ เลือกครีมกันแดดเนื้อสัมผัสที่คุณชอบ แต่ต้องทาผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอทุกวันแม้จะเป็นวันที่คุณไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดโดยตรงก็ตาม อย่าลืมทาบริเวณที่เราอาจจะโดนแสงแดดแบบไม่รู้ตัว เช่น ใบหู ลำคอ หลังคอ ด้วยนะคะ

  • มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว

เพราะเมื่อขึ้นเลขสาม เกราะป้องกันผิวของสาวๆ มักจะเริ่มอ่อนแอลง ฟื้นฟูตัวเองได้ช้าขึ้น และอาจจะไม่เกาะกลุ่มกันแน่นเหมือนสมัยเรายังสาวกว่านี้ ผลที่ตามมาคือเราอาจจะรู้สึกว่าหน้าแห้งขึ้น ใครที่เคยหน้ามันมากๆ พออายุเข้าเลขสามจะรู้สึกว่าจากหน้ามันกลายเป็นหน้าแห้ง หรือหน้าแห้งบางจุด สกินแคร์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว อย่างเหล่าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือวิตามินบี 3 จะสามารถช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื่นและสารอาหารไว้ภายในได้ดีขึ้น ช่วยให้เรารู้สึกว่าผิวหน้าชุ่มชื่นและดูแข็งแรงขึ้นค่ะ

  • สกินแคร์สูตรช่วยลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่ม

คำว่าริ้วรอยแรกเริ่มหมายถึงริ้วรอยของผุ้หญิงอายุเข้าเลขสามที่ยังไม่ใช่ริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยเหล่านี้อาจจะเกิดจากผิวขาดความชุ่มชื่น เพราะเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรงอย่างที่กล่าวมาข้างต้น และอาจจะเกิดจากคอลลาเจนใต้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ สกินแคร์สำหรับริ้วรอยแรกเริ่มจึงมักจะเน้นเติมความชุ่มชื่นให้ผิว และเพิ่มสารสกัดที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ริ้วรอยเหล่านี้ดูลดเลือนลงได้ค่ะ

  • อายครีมสูตรช่วยลดเลือนริ้วรอย

ในวัยยี่สิบกว่าๆ เราอาจจะเน้นใช้อายครีมสูตรเพื่อรอบดวงตาดูกระจ่างใสเป็นหลัก แต่ในวัยเลขสามนำหน้า เราควรจะเปลี่ยนมามองหาอายครีมเพื่อลดเลือนริ้วรอยเป็นหลักแทน เพราะนอกเหนือจากรอยคล้ำใต้ตาเพราะพักผ่อนน้อยแล้ว ช่วงนี้แหละที่ริ้วรอยรอบดวงตาจะเริ่มมาจู่โจมเรา ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีอายครีมไว้หลายๆสูตรหรือเปล่า เพราะสมัยนี้หลายแบรนด์มีอายครีมสูตรที่ทั้งช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระจ่างใสรอบดวงตาในชิ้นเดียวค่ะ 

และเหล่านี้คือสกินแคร์ที่ว่าที่เจ้าสาวในวัย 30+ ควรจะต้องมีเพื่อเตรียมผิวให้สวยทันวันวิวาห์ แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า อายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข ถ้าเราดูแลตัวเองดีซะอย่าง รับรองว่าจะเป็นเจ้าสาวที่สวยสะพรั่งจนแขกลืมดูอายุคุณไปเลยล่ะค่ะ!

ถ้าอยากอ่านเกี่ยวกับทรีตเม้นต์ผิวที่จะช่วยลดเลือนรูขุมขนและจัดการรอยสิว? คลิกที่นี่เลย

เทรนด์ชุดแต่งงาน 2020 ที่ว่าที่เจ้าสาวจะแต่งปีนี้หรือปีหน้าไม่รู้ไม่ได้!!

Bridal Fashion Week ที่ผ่านมา เทรนด์ชุดแต่งงาน เต็มไปด้วยดีเทลของความโรแมนติก และแน่นอนว่าชุดแต่งงานที่อยู่บนรันเวย์นั้นกำลังเป็นเทรนด์ชุดแต่งงานในปี 2020 ด้วย สาวๆ คนไหนที่กำลังวางแผนแต่งงานในปีนี้หรือปีหน้าต้องห้ามพลาดมาอัพเดทเทรนด์ชุดแต่งงานที่เรารวบรวมมาฝาก รับรองว่าทั้งสวย ทั้งอินเทรนด์ ไม่มีเชยจ้า

ซึ่งแนวโน้มของเทรนด์ชุดแต่งงานในปีหน้าดูท่าว่าจะเป็นรูปแบบชุดแต่งงานแนวคลาสสิคสไตล์ อย่างเช่น ชุดแต่งงานแบบเปิดไหล่, ชุดแต่งงานแบบคอวี, ชุดแต่งงานแบบมินิเดรส, ชุดแต่งงงานเฉดสีบลัช และชุดแต่งงานแบบกางเกง

หากคุณคือว่าที่เจ้าสาวในปี 2020 นี่คือแนวโน้มเทรนด์ของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวจะต้องรู้

  • บลาเซอร์สไตล์เจ้าสาว

เป็นการจับสไตล์สาวนักธุรกิจมาแมตช์เข้ากับลุคเจ้าสาวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Danielle Frankel, Viktor & Rolf, Cushnie, Reem Acra และ Ines Di Santo เป็นต้น

Cushnie
Danielle Frankel
Ines Di Santo
Reem Acra
Sahroo Bridal
Viktor & Rolf

 

  • ลูกไม้สไตล์โครเชต์

เทรนด์นี้น่าจะถูกใจว่าที่เจ้าสาวสไตล์โบฮีเมียนไม่น้อย เอาเป็นว่าว่าที่เจ้าสาวที่เลือกชุดแต่งงานแบบนี้ก็ต้องมีธีมงานที่ไปด้วยกันได้ดีกับชุดแต่งงานด้วยนะ เราอาจจะได้เห็นลูกไม้โครเชต์กับชุดแต่งงานแบบแขนยาว หรือแม้กระทั่งชุดแต่งงานแบบคอสูง อย่างแบรนด์ Mira Zwillinger , Monique Lhuillier หรือ Berta เป็นต้น

Berta
BHLDN
Mira Zwillinger

 

  • สูทสุดเท่จับคู่ชายยาวสุดหวาน

ในขณะที่เทรนด์ชุดเจ้าสาวแบบจั๊มพ์สูทหรือชุดแต่งงานแบบกางเกงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าสาวจะเลือกสไตล์กางเกงเป็นชุดแต่งงานก็ไม่ใช่ว่าจะต้องหมดโอกาสในการมีชายกระโปรงลากยาวแกรนด์ๆ ไว้เดินเข้างาน เพราะดีไซเนอร์อย่าง Gracy Accad, Oscar de la Renta และ Sébastien Luke ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กางเกงขายาวสุดมั่นสามารถมาแมตช์กับชายกระโปรงลากยาวได้อย่างลงตัว แถมยังดูทันสมัยด้วย หรือจะเพิ่มความหวานด้วยดีเทลลูกไม้หรือโบก็ได้ ขึ้นอยู่กับความหวานที่อยากได้และสไตล์ของเจ้าสาวแต่ละคนไปเลย

Carolina Herrera
Cushnie
Gracy Accad
Oscar de la Renta
Phuong My
Viktor & Rolf

 

  • ชุดแต่งงานเรียบหรูสไตล์ Old Hollywood

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความเรียบแต่ดูหรูหราชุดแต่งงานสไตล์นี้แหละคือสิ่งที่คุณกำลังตามหา กับชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ที่ตัดเย็บจากผ้าซาตินล้วนๆ ไร้ทั้งการปัก งานลูกไม้ หรือเลื่อมระยิบระยับใดๆ ทั้งสิ้น แต่ชุดแต่งงานที่เน้นงานคัตติ้งแบบเนี้ยบๆ ล้วนๆ

Amsale
Danielle Frankel
Justin Alexander Signature
Oscar de la Renta
Reem Acra
Viktor and Rolf

 

  • ชุดแต่งงานเน้นแขนเสื้อพองฟูดูโรแมนติก

ช่วงแขน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยสร้างจุดเด่นให้กับชุดแต่งงานได้ ซึ่งบรรดาดีไซเนอร์ทั้งหลายได้นำแรงบันดาใจความสวยงามจากยุคเรเนซองส์มาออกแบบเป็นแขนเสื้อชุดแต่งงานพองฟูดูโรแมนติก เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวที่หลงใหลในชุดแต่งงานแบบแขนยาวจะต้องหลงรักชุดแต่งงานสไตล์นี้แน่นอน

Costarellos
Francesca Miranda
David’s Bridal
Lela Rose
Monique Lhuillier
Oscar de la Renta
Sébastien Luke
Vera Wang

ดูแบบชุดแต่งงานอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพจาก brides.com

รู้ลึกก่อนเลือก 3 แบบ การ์ดแต่งงาน แบบสวยถูกใจและไม่เกินงบ

รวบมาให้แล้วกับเรื่อง การ์ดแต่งงาน ที่บ่าวสาวต้องรู้

“การ์ดแต่งงานมีกี่แบบ” เป็นประโยคคำถามที่ว่าที่บ่าวสาวเกือบทุกคู่เอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกเมื่อเข้าไปในร้าน การ์ดแต่งงาน แต่ต่อไปนี้คำถามที่ว่าจะลดลง เพราะเราทำสรุปมาให้ตรงนี้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนตัดสินใจ รับรองว่าอ่านแล้วเข้าใจง่าย ช่วยให้คุณออเดอร์ได้ไวขึ้นเยอะ

ก่อนอื่นขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า รูปแบบการ์ดแต่งงานในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 แบบหลักๆ แต่ว่าทั้ง 3 แบบนี้ไม่ได้มีอยู่ในทุกร้านนะคะ เพราะขึ้นอยู่กับขนาดของร้านที่เล็กใหญ่ต่างกัน รวามถึงความถนัดและรูปแบบธุรกิจที่แต่ละร้านดำเนินกิจการ ซึ่งถ้าคุณเลือกแบบใดแบบหนึ่งใน 3 แบบต่อไปนี้ได้แล้ว ก็ต้องไม่ลืม ถามกับร้านที่เล็งไว้นะคะว่า มีรูปแบบที่ว่าจำหน่ายไหม

การ์ดแต่งงานแบบดีไซน์ใหม่ทั้งหมด

ขึ้นชื่อว่าเป็นการ์ดดีไซน์ใหม่ ความหมายก็จะชัดเจนอยู่ในตัวแล้วนะคะว่า  ทางร้านจะออกแบบการ์ดให้กับคุณตามความต้องการใหม่ทั้งหมด ฉะนั้นคุณสามารถฝันได้เต็มที่เลยค่ะว่าอยากได้การ์ดขนาดใหญ่เล็ก รูปทรงใด มีกี่พับ กี่สี ภายในจะมีการ์ดย่อยๆ กี่แผ่น ต้องการใส่รายละเอียดการปั๊มตัวอักษรแบบนูนหรือยุบ ใช้ฟรอยด์สีเงิน ทองหรือสีพิเศษอย่างสีแชมเปญ โดยเงื่อนไขของการ์ดดีไซน์ใหม่มีอยู่ไม่กี่ข้อดังนี้ค่ะ

 

  1. ออกแบบได้ตามใจคุณ แต่ขอเวลาให้กับทางร้านก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างน้อย โดย 1 เดือนเพื่อการออกแบบ 1 เดือนเพื่อการผลิต และ 1 เดือนเพื่อคุณจะนำการ์ดไปแจกแขก
  2. ราคาในการผลิตการ์ดแบบนี้จะไม่ได้มีแค่ค่าพิมพ์การ์ดเท่านั้น แต่คุณต้องเผื่องบประมาณในการออกแบบด้วย ซึ่งราคาค่าออกแบบจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-10,000 บาท
  3. ในกรณีที่ต้องการให้ซองใส่การ์ดมีการใส่โลโก้บ่าวสาวให้ล้อไปกับหน้าการ์ดสามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ
  4. จำนวนการผลิตการ์ดแต่งงานแบบดีไซน์ใหม่ขอแนะนำให้เริ่มที่ 300 ชิ้น เพื่อราคาที่คุ้มค่าจะจ่าย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาทขึ้นไปต่อชิ้น

การ์ดแต่งงานแบบสำเร็จรูป

 

การ์ดแบบนี้ค่อนข้างหาง่ายในท้องตลาดค่ะ เพราะด้วยรูปแบบการผลิตไม่ซับซ้อน โดยทางร้านจะมีการ์ดที่ออกแบบเสร็จแล้วเตรียมไว้ บ่าวสาวแค่นำโลโก้ (บางร้านมีบริการรับออกแบบโลโก้ให้ด้วยนะ) และรายละเอียดงานมาให้ ถูกใส่แบบไหนก็แค่พิมพ์รายละเอียดที่ว่าลงไปเป็นอันจบ ฉะนั้นบ่าวสาวจึงสามารถสั่งพิมพ์และรับการ์ดไปแจกได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีเวลาเพียง 5 วัน ซึ่งเงื่อนไขในการใช้การ์ดแต่งงานแบบสำเร็จรูปที่ต้องรู้ไว้คือ

  1. ไม่สามารถเปลี่ยนสีหรือแบบในการ์ดได้ เพราะกระดาษที่ใช้ทำการ์ดได้ถูกออกแบบมาแล้วอย่างตายตัว
  2. ตำแหน่งการจัดวางโลโก้และรายละเอียดต่างๆ ก็จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่การ์ดแบบนั้นกำหนดเสมอ
  3. ขนาดของการสำเร็จรูปที่ร้านการ์ดส่วนใหญ่มีจำหน่าย คือ 5” x 7” และ 6” x 8”
  4. ราคาเริ่มต้นพร้อมซองคือ 18 บาท ซึ่งถ้าจะให้คุ้มค่าแนะนำให้สั่งขั้นต่ำที่ 100 ใบ

การ์ดแต่งงานกึ่งสำเร็จรูป

 

การ์ดนี้อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 แบบแรกค่ะ เพราะบ่าวสาวสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลายกว่าการ์ดสำเร็จรูป แต่ไม่สามารถออเดอร์ให้ออกแบบเพิ่มใหม่ได้มากเท่ากับการ์ดแบบดีไซน์ใหม่ ราคาเริ่มต้นจึงอยู่กึ่งกลางระหว่างการ์ดสองแบบแรก โดยระยะเวลาในการสั่งทำการ์ดนี้หลังจากที่สรุปในรายละเอียดแล้วก็ไม่ต่างจากการ์ดสำเร็จรูปเท่าไหร่ บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านมาสักนิดหลังจากเห็นรูปแบบการ์ดว่าอยากจะปรับเพิ่มเติมหรือขยับตำแหน่งตรงไหน ซึ่งเงื่อนไขในการใช้การ์ดแต่งงานแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องรู้ไว้คือ

  1. สามารถเปลี่ยนสี และตำแหน่งการจัดวางโลโก้และรายละเอียดในการ์ดได้ แต่ไม่สามารถปรับลวดลายได้
  2. มีขนาดให้เลือกมากกว่าการ์ดสำเร็จรูป
  3. ราคาเริ่มต้นพร้อมซองคือ 25 บาท ซึ่งถ้าจะให้คุ้มค่าแนะนำให้สั่งขั้นต่ำที่ 100 ใบ
  4. การ์ดกึ่งสำเร็จรูป อาจจะมีค่าออกแบบอยู่ที่ 1,000 บาทขึ้นไป

เป็นยังไงกันบ้างคะ การ์ดแต่งงาน 3 แบบที่เรานำเสนอ เข้าใจไม่ยากใช่ไหมล่ะ ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า คุณจะเลือกแบบไหน ภายใต้ความชอบใจ งบประมาณที่มี ก็เท่านั้นเองค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ร้านการ์ด Anya, the luxury wedding invitation ทองหล่อ 16 โทร. 0-2714-9414, 08-1890-4044

หรือหากบ่าวสาวคู่ไหนอยากได้การ์ดแต่งงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต้องนี่เลย >>> แนะนำ 5 นักวาดภาพประกอบ การ์ดแต่งงานสุดเจ๋ง! สำหรับภาพคู่บ่าวสาว

อมรินทร์กรุ๊ปชวนคู่รักสายบุญมาทำบุญผ่านโครงการ “ผลบุญ” ที่แค่ซื้อพวงหรีดหนังสือก็เหมือนได้บริจาคหนังสือให้กับสังคมไทย

ช่วงใกล้จะปีใหม่แบบนี้คู่รักคู่ไหนที่อยากจะทำบุญเพื่อเสริมสร้างพลังงานดีๆ ให้กับชีวิตในปีหน้าอยู่ล่ะก็ แพรวเวดดิ้งมีโครงการดีๆ มาบอกต่อที่ทำได้ง่ายๆ กับโครงการ “ผลบุญ” ของอมรินทร์กรุ๊ป กับช่องทางใหม่ในการ บริจาคหนังสือ สู่สังคมไทย ที่แค่ซื้อพวงหรีดหนังสือก็เหมือนกับได้บริจาคหนังสือ 100% แถมงานนี้ยังได้ 3 ศิลปินนักออกแบบชื่อดังมาร่วมโครงการด้วย

โครงการ “ผลบุญ”  หรือโครงการพวงหรีดหนังสือ เป็นโครงการดีๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัท อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจจัดจำหน่ายสิ่งพิมพ์อันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า ซื้อพวงหรีดเท่าไหร่ ก็เหมือนได้บริจาคหนังสือเท่ากับยอดซื้อ 100% เต็มให้แก่องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรพันธมิตรกรมราชทัณฑ์, มูลนิธิกระจกเงา, มูลนิธิส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน CYF, มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กบ้านเด็กอ่อนพญาไท, โรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย หรือจะเป็นองค์กรอื่นๆ ที่ผู้ซื้อพวงหรีดผลบุญมีความประสงค์ที่อยากจะบริจาคหนังสือให้แก่องค์กรนั้นๆ ก็ได้

โดยโครงการ “ผลบุญ” ได้ดึง 3 ศิลปินนักออกแบบชื่อดัง ได้แก่ พัชรพล แตงรื่น หรือ ALEX FACE, กชวัช บูรณภิญโญ และกรศริน ภัทรโสภาคย์ หรือ REENP มาร่วมออบแบบพวงหรีดหนังสือให้กับโครงการนี้อีกด้วย เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่อยากร่วมทำบุญง่ายๆ ด้วยกันสามารถสั่งซื้อพวงหรีดผลบุญได้ที่ www.phonboon.com , Line @phonboon หรือโทร. สอบถามข้อมูลเพิ่มเจิมได้ที่ 02-423-9889

ผลงานของคุณพัชรพล แตงรื่น หรือ ALEX FACE

ผลงานของคุณกชวัช บูรณภิญโญ

ผลงานของคุณกรศริน ภัทรโสภาคย์ หรือ REENP

แต่งแล้วจ้า! งานแต่งงานมิว นิษฐา และเซนต์ ธราภุช กับพิธีแต่งงานไทยที่เป็นไปอย่างอบอุ่น

งานแต่งงานมิว นิษฐา กับแฟนหนุ่ม เซนต์ ธราภุช ควงคู่เข้าพิธีแต่งงานเช้านี้ ฤกษ์ดี 7 โมง 9 นาที พร้อมแห่ขบวนขันหมากสุดคึกคัก

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ‘มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน’ และแฟนหนุ่มนักธุรกิจ ‘เซนต์ – ธราภุช คูหาเปรมกิจ’ ได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีไทย ที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok โดยถือฤกษ์ดี 7.09 น. เริ่มแห่ขบวนขันหมาก ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวกว่า 20 คน สวมใส่ชุดไทยประยุคสูทสีครีม โจงกระเบนสีชมพู  นำโดย น็อต วิศรุต, ต๊อด ปิติ, กึ้ง เฉลิมชัย, ป๊อก ภัสสรกรณ์, หลวง พสุ และอีกมากมาย

ขณะที่เพื่อนๆ เจ้าสาวกว่า 20 คน ก็สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีชมพู นำโดย มาร์กี้ ราศรี, มิ้นต์ ชาลิดา, แมท ภีรนีย์, แต้ว ณัฐพร, เต้ย จรินทรพร, ฟอร์ด กุลวิทย์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, คิด คณชัย ที่มากั้นประตูเงินประตูทองที่มีทั้งหมดถึง 8 ประตู

ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีสู่ขอ โดยมีคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าว และคุณชาลอต โทณวณิก เป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว ซึ่งคุณสุเมธ คุณพ่อของมิวก็ได้พาเจ้าสาวเข้าสู่บริเวณงาน โดยเจ้าสาวปรากฎตัวในชุดไทยจักรีสีครีมทอง ตัวสไบเป็นเทคนิคปักสะดึงกรึงไหมบนผ้าแพร จากอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินทอง ขณะที่เจ้าบ่าวอยู่ในชุดไทยประยุกต์ สูทสีเทาสั่งตัดจากประเทศเกาหลี พร้อมนุ่งโจงกระเบน จากอาจารย์วีรธรรม และเข้าสู่พิธีหมั้นโดยมีฤกษ์สวมแหวนเจ้าสาวเวลา 08.09 น. ส่วนสินสอดประกอบไปด้วย เงิน ทอง และแหวนเพชร

ต่อมาเวลา 09.09 น. ได้มีพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ และในเวลา 10.00 น. คู่บ่าว-สาวก็ได้เข้าพิธียกน้ำชาตามประเพณีจีน และถวายเพลพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เป็นการเสร็จพิธี

โดย ‘มิว นิษฐา’ และ ‘เซนต์ ธราภุช’ จะมีพิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทานด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและซาบซึ้งพระเมตตาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน ในวันที่ 10 มกราคม 2563 ต่อไป แพรวเวดดิ้งขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบคลิกเลย! 

5 คำถามเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน ที่สร้างความกระอักกระอ่วนสุดๆ!!

หากคุณกำลังจะ วางแผนจัดงานแต่ง ที่เป็นงานสำคัญในชีวิต นั่นหมายถึง ว่าที่บ่าวสาวกำลังจะต้องเจอกับเหล่าคำถามที่ยากจะตอบ ถ้าอย่างนั้นเรามาเตรียมใจและหาวิธีจัดการกับ 5 คำถามเหล่านี้กันดีกว่า

 

  • A และ B เชิญเราไปงานแต่ง แล้วเราต้องเชิญพวกเขาให้มางานแต่งเราหรือเปล่า?

ถ้าคุณไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับ A และ B มานานมากกกกก ประมาณสัก 3 ปีผ่านมาแล้ว ก็คงไม่เสียหายอะไรหากคุณจะไม่ได้เติมรายชื่อของพวกเขาลงไปในลิสต์ เพราะ แขกยิ่งเยอะ = เงินที่คุณต้องจ่ายออกไป และอาจทำให้คุณต้องตัดงบส่วนไหนออกไปสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ว่าที่บ่าวสาวก็อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณจะรู้สึกอย่างไรหาก A และ B ไม่ได้มาปรากฏตัวที่งานแต่งงานของคุณทั้งคู่ ซึ่งหากคำตอบของว่าที่บ่าวสาวคือ ไม่ได้กระทบความรู้สึกของคุณมากนัก ก็ไม่ต้องกังวลที่จะตัดชื่อของเขาออกไปจากลิสต์ แต่สุดท้ายแล้วเลือกทำตามความสบายใจของว่าที่บ่าวสาวนั่นแหละดีที่สุด

  • ลูกพี่ลูกน้องอยากจะพาแฟนมางานแต่งงานด้วย จะบอกเขาอย่างไรดีนะ?

หากงานแต่งของว่าที่บ่าวสาวคืองานแต่งแบบซิตดาวน์ดินเนอร์ที่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนคน หรือเป็นงานแต่งภายในที่เชิญเฉพาะคนสนิทหรือครอบครัวเท่านั้น คุณต้องมั่นใจก่อนว่า การ์ดเชิญที่คุณแจกไปนั้นได้ระบุไว้อย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดนี้ หรืออาจจะแจ้งให้แขกที่คุณเชิญมาได้รับทราบก่อนที่เขาจะได้รับการ์ดเชิญ เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ถึงข้อจำกัดนี้ อย่างเช่น สถานที่ที่จำกัดจำนวนคน หรืองบประมาณที่คุยวางไว้เพียงพอที่จะรองรับแขกได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นต้น

  • คุณแม่ว่าที่สามีจะให้ใส่สร้อยของท่านในวันแต่งงาน แต่มันไม่สวยเอาซะเลย! แล้วจะบอกท่านยังไงดี?!

เมื่อคุณแม่ว่าที่สามีอยากให้ว่าที่เจ้าสาวสวมสร้อยที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล เพราะอยากที่จะช่วยเหลือว่าไม่ต้องไปเปลืองทรัพย์ซื้อเครื่องประดับใหม่ ใช้ของแม่ก็ได้ลูกกกก … แต่!! สร้อยหรือเครื่องประดับชิ้นนั้นมีดีไซน์ที่ไม่เข้ากันซะเลยกับลุคหรือชุดแต่งงานของคุณ ซึ่งการตอบรับและจำใจใส่ เชื่อเถอะว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ เราขอแนะนำให้คุณตอบกลับท่านไปอย่างสุภาพว่า ขอบคุณคุณแม่มาก แต่คุณมีเครื่องประดับที่จะสวมใส่ในวันแต่งงานอยู่แล้ว และอาจจะขอเปลี่ยนให้ท่านไปช่วยเหลือในเรื่องอื่นแทน เพื่อที่จะได้ไม่ดูเป็นการทำลายความหวังดีของท่านจนเกินไป และเพื่อให้ท่านได้รู้สึกมีส่วนร่วมในวันสำคัญของคุณทั้งสองด้วย

จัดงานแต่งงาน

  • งบของว่าที่บ่าวสาวไม่พอ จะบอกให้ครอบครัวช่วยเหลือได้ยังไงบ้างนะ?

พูดคุยกับท่านและโชว์งบทั้งหมดที่เรา เทียบกับงบที่ต้องใช้ว่ามันห่างไกลกันแค่ไหน และเพื่อให้ท่านได้รู้ว่า คุณไม่ได้ใช้จ่ายงบส่วนไหนไปอย่างฟุ่มเฟือย แต่มีแต่สิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายทั้งนั้น เช่น ค่าสถานที่ หรือค่าอาหาร เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวผ่านข้อนี้ไปได้คือ ว่าที่บ่าวสาวจะต้องเปิดกว้าง เปิดใจ และซื่อสัตย์ ที่สำคัญต้องพูดกันด้วยเหตุและผล ห้ามใช้อารมณ์ใส่กันเด็ดขาดนะคะ เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใครแม้แต่คนในครอบครัวก็ตาม

  • อยากจะจัดปาร์ตี้สละโสดที่ต่างจังหวัด แต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะไม่ได้ หรือเกรงใจที่จะให้เพื่อนช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย แล้วจะทำยังไงดี?

ข้อนี้เราข้อบอกว่า “ขึ้นอยู่กับคุณล้วนๆ” เลยล่ะ เพราะหากภาพที่คุณวาดไว้คือปาร์ตี้สุดเหวี่ยงริมทะเล หรือจะไปชิลๆ เบาๆ บนดอย คือภาพปาร์ตี้ที่คุณวาดฝันไว้ อันดับแรก คุณต้องถามความสมัครใจเพื่อนในกลุ่มก่อน ทั้งเรื่องวัน สถานที่ และงบประมาณที่จะต้องจ่าย หากเพื่อในกลุ่มเซย์เยสเห็นด้วย ก็ไฟเขียวแล้วจัดไปโลด แต่หากเกิดความลังเลใจขึ้นในกลุ่มของคุณ เราขอแนะนำให้คุณลองจองห้องจัดเลี้ยง หรือร้านอาหาร แล้วจัดเป็นปาร์ตี้เล็กแบบส่วนตั๊วส่วนตัวที่ไม่ต้องเดินทางไกลกันให้ลำบากแทน แถมยังเซฟงบไปได้โขอีกด้วย

ติดตามไอเดียและเคล็ดลับการจัดงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

Floral Calendar ปฏิทินถ่ายพรีเวดดิ้ง ตามเส้นทางสายดอกไม้

ไอเดียสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง แนวอิงแอบธรรมชาติ เราคัดเฉพาะทุ่งดอกไม้งามจากทั่วฟ้าเมืองไทยมาจนครบ 12 เดือน เรียกว่าพร้อมเมื่อไรก็ล้อหมุนได้ตลอดปี แค่เช็คสภาพอากาศ และเวลาที่ดอกไม้บานให้เหมาะ แล้วอย่าลืมชุดให้เหมาะกับสถานที่ รับรองเลยว่างานนี้มีแต่ปัง และสำหรับใครที่ยังลังเล เราขอกระซิบดังๆว่าสถานที่เหล่านี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการถ่ายภาพนะจ๊ะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มกราคม : นางพญาเสือโคร่ง, ภูลมโล จ.เลย

เมื่อลมหนาวมาในช่วงต้นจนถึงปลายเดือนมกราคม ต้นนางพญาเสือโคร่งบนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่บนภูลมโล จะพากันผลิดอกสีชมพูเล็กจิ๋วอวดความงามแห่งขุนเขา อาจต้องขับรถขึ้นเขากันสักหน่อย แต่คุณจะได้สถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่สวยงามคุ้มค่าแน่นอน (ททท. สำนักงานเลย โทร. 0-4281-2812, 0-4281-1405)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

กุมภาพันธ์ : ดอกเสี้ยวบาน, บ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง

สีขาวของดอกเสี้ยวยามตัดกับผืนฟ้าสีสดใส เนรมิตผืนป่าเขียวขจีให้กลายเป็นดินแดนในฝัน กลายเป็นความสุขกลางผืนป่าที่โอบกอดวิถีชีวิตอันน่าหลงใหลของชาวป่าเหมี้ยง ชุมชนเล็กๆ สุดอันซีนเอาไว้ อาจจะต้องเดินทางไกลซักหน่อย แต่คุณจะได้ภาพแห่งความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน (ศูนย์ท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง โทร. 0-5422-6919)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มีนาคม : ชมพูพันธุ์ทิพย์, ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

ทั้งสองฟากฝั่งของถนนภายใน ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี จะฟุ้งไปด้วยสีชมพูแสนหวาน เมื่อดอกสีชมพูของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่เรียงรายกว่า 200 ต้น พร้อมใจเบ่งบานต้อนรับการมาเยือนของคู่รักที่มาเก็บภาพสวยๆกันไม่ขาดสาย (ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร. 0-3428-1053)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

เมษายน : ดอกเสลาบาน, อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี

ดอกเสลาสีม่วงขาวบานเต็มที่ประหนึ่งคลื่นดอกไม้ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาขนานไปกับถนนเลียบอ่างเก็บน้ำ กลายเป็นแลนด์มาร์คสุดโรแมนติกสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ (อ่างเก็บน้ำบางพระ โทร. 0-3831-1234)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

พฤษภาคม : ทุ่งดอกเปราะภู, อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

อาจจะต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถเพื่อเข้าถึงอุทยานสักหน่อย แต่ภาพของคุณท่ามกลางความงดงามของดอกเปราะภูที่บานไปทั่วทุ่งภูหินร่องกล้าตัดกับสีเขียวของใบหญ้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน ก็งามจับตาจนคุณหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คุ้มค่าทุกนาทีและหยาดเหงื่อที่เสียไปจริงๆ (อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร. 0-5523-3527)

 

 ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มิถุนายน : ทุ่งดอกกระเจียว, อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน ถนนทุกสายของคนรักดอกไม้จะมุ่งสู่ชัยภูมิ ดอกกระเจียวที่จะเริ่มออกดอกเบ่งบานทั้งสีชมพู และสีขาว ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่ม ใต้หมอกฝนสีขาวจึงดูงดงามราวกับโลกในจินตนาการ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่สุดฮิตในการถ่ายพรีเวดดิ้งสายธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร. 0-4489-0015

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มิถุนายน : ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ, ดอยหัวหมด จ.ตาก

กลีบดอกที่ไหวไปตามลมให้ความรู้สึกเหมือนผีเสื้อขยับปีก คล้ายจะเปลี่ยนยอดดอยให้กลายเป็นแดนสวรรค์สีชมพูที่จะทำให้คุณลืมการเดินเท้าสู่ยอดดอยเกือบ 30 นาทีไปได้เลย เราเชียร์ว่าที่บ่าวสาวที่รักการผจญภัยว่าไม่ควรพลาดที่นี่จริงๆ (ททท. สำนักงานตาก โทร. 0-5551-4341-3)