ตัวช่วยดี๊ดี กับเช็คลิสต์เลือกสถานที่จัดงานแต่งอย่างไรให้ถูกใจไร้อุปสรรค

หลังจากได้ฤกษ์แต่งงานมาเป็นที่เรียบร้อย อย่าได้ชะล่าใจเรื่องการจอง สถานที่จัดงานแต่ง เชียวนะคะคุณ แบบว่าเดี๋ยวก่อนก็ได้ไปเรื่อยๆอะไรแบบนี้นี่เนี่ย เพราะบางที่อาจจะเป็นสถานที่ยอดฮิตจนต้องจองล่วงหน้ากันข้ามปีเลยทีเดียว วันนี้ แพรว wedding มีตัวช่วยดีๆเป็นเช็คลิสต์ง่ายๆ ที่จะช่วยคุณตัดสินใจเลือก สถานที่จัดงานแต่ง ได้ถูกใจและเหมาะสมกับความต้องการของคุณ

วันงาน

  • ก่อนอื่นต้องระบุวัตถุประสงค์ว่าสถานที่ ที่เราต้องการใช้สำหรับงานพิธีเช้าหรืองานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส
  • สถานที่นั้นว่างในวันที่เราต้องการจัดงานหรือไม่ ข้อนี้สำคัญที่สุด
  • มีงานอื่นๆ จัดในสถานที่เดียวกันกับงานแต่งของเราด้วยไหม

พื้นที่ใช้สอย

  • รองรับจำนวนแขกได้สูงสุดกี่ท่าน
  • มีพื้นที่อื่นๆ อำนวยความสะดวกให้ไหม เช่น พื้นที่สำหรับวงดนตรี หรือ พื้นที่สำหรับ food station กว้างขวางเพียงพอที่จะรองรับไหม

การเดินทาง

  • ควรเป็นโลเคชั่นที่เดินทางได้สะดวก
  • คำนึงถึงระยะทางและระยะเวลาที่แขกต้องเดินทางมาร่วมงาน
  • ทำแผนที่แนบการ์ดไปให้ละเอียด

การบริการ

  • ระบุรูปแบบการจัดเลี้ยงว่าต้องการจัดแบบไหน เช่น บุพเฟ่ต์ โต๊ะจีน หรือค็อกเทล
  • ทางสถานที่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มไหม หรือมีรายการ catering ที่สถานที่นั้นๆ ได้ดีลไว้ ก็ต้องขอรายชื่อและราคาแพ็คเกจมาเพื่อเปรียบเทียบดู และสอบถามว่ามีบริการให้ชิมรสชาติอาหารก่อนด้วยหรือไม่
  • ถ้าเราต้องการติดต่อ catering จากที่อื่นมาเองทางสถานที่อนุญาตหรือไม่
  • นำทีมงานจากภายนอกมาตกแต่งสถานที่ให้ได้ไหม หรือต้องใช้บริการตกแต่งสถานที่ตามที่สัญญาระบุไว้เท่านั้น
  • สามารถให้ทีมตกแต่งเข้ามาเริ่ม set up ได้เร็วที่สุดช่วงไหน
  • จำนวนห้องน้ำสำหรับรองรับแขกในการมีจำนวนเพียงพอหรือไม่
  • จำนวนที่จอดรถรองรับได้กี่คันและมีที่จอดรถสำหรับ VIP ไหม
  • มีห้องแต่งตัวเฉพาะไว้ให้สำหรับคู่บ่าวสาวหรือไม่
  • จำกัดระยะเวลาของการจัดเลี้ยงถึงเวลาใด หากเกินเวลาที่กำหนดต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่
  • มีข้อห้าม หรือข้อจำกัดอื่นๆ ที่เราต้องทราบหรือไม่

ราคา

  • ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ทางสถานที่ได้สรุปมาให้นั้นเป็นราคาสุทธิแล้วใช่ไหม ต้องแน่ใจว่าราคานี้รวมภาษีและเซอร์วิสชาร์จทั้งหมดไว้แล้ว เรื่องนี้พลาดกันมานักต่อนักแล้วนะคะ
  • ในการยกเลิกการจองมีขั้นตอนอย่างไร จะได้เงินมัดจำคืนไหม และต้องแจ้งล่วงหน้าภายในระยะเวลาเท่าไหร่
  • การชำระเงินมัดจำแบ่งเป็นกี่งวด และต้องจ่ายเมื่อไหร่บ้าง

สุดท้ายก่อนจะเซ็นสัญญาเช่าสถานที่ ควรอ่านให้ละเอียดถี่ถ้วน ให้แน่ใจว่าจะไม่มีการชาร์จเพิ่มนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้ และในวันงานจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความเรียบร้อยให้ด้วยหรือเปล่า ถ้ามีคุณก็ขอเบอร์ติดต่อไว้เพื่อความสะดวกในการประสานงานนะจ๊ะ

ตอนไปเลือกสถานที่อย่าลืม >>> 4 จุดในงานแต่งต้องซ่อนให้ดีถ้าไม่อยากโดนแขกเม้า

cr : yourweddinginvilla.com, bsbdmusic.com

ทริคเลือกชุดแต่งงานไซส์ใหญ่ ให้เจ้าสาวสายอวบสวยปังไม่แพ้ใครมั่นใจได้สุดขีด

เจ้าสาวไซส์ใหญ่ไม่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจอีกต่อไปว่าจะหาชุดแต่งงานตรงใจได้ยังไงดี เพราะ แพรว wedding มีทริคเด็ดที่จะช่วยให้คุณสวยได้แบบมั่นใจใน ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่ ไม่แพ้เจ้าสาวนางไหนที่หุ่นสลิมแน่นอน

1. เลือกชุดแต่งงานที่เป็นคอคว้าน คอวี หรือเกาะอก
เพราะจะทำให้เจ้าสาวดูเพรียวขึ้น ห้ามเด็ดขาดกับชุดแต่งงานที่มีคอเสื้อแบบปิดคอ หรือชุดแต่งงานแบบสายเดี่ยวเพราะจะยิ่งเน้นรูปร่างของเจ้าสาวให้ดูใหญ่ขึ้นไปอีก

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

2. เลือกชุดแต่งงานที่เป็นผ้าทิ้งตัว หรือผ้าชีฟอง
เพราะเนื้อผ้าที่ดูหนาหรือแข็งจะยิ่งเน้นให้เจ้าสาวดูตัวใหญ่ แต่เนื้อผ้าที่บางเบาจะช่วยทำให้เจ้าสาวดูบอบบางขึ้น

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

3. หลีกให้ห่างจากชุดรัดรูป
เพราะจะยิ่งเน้นสัดส่วนของเจ้าสาวมากขึ้นไปอีก คุณคงไม่อยากดูเป็นข้ามต้มมัดในภาพถ่ายวันสำคัญจริงไหม

4. อย่าเลือกระบายฟูฟ่อง หรือลูกไม้ลายใหญ่
ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะดูใหญ่ๆๆ ไปหมด แต่ถ้าอยากเพิ่มกิมมิกให้กับชุด แนะนำให้เลือกตกแต่งไว้บริเวณชายกระโปรงแทน เพราะไม่เป็นจุดดึงสายตามากนัก

5. แนะนำกระโปรงทรงเอ-ไลน์ ทรงปริ๊นเซส ทรงตรง หรือทรงสุ่ม
เพราะทั้งหมดนี้จะช่วยพรางรูปร่างของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีแน่นอน

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

6. เลือกชุดแต่งงานที่อำพรางต้นแขน
เพราะนอกจากจะพรางต้นแขนได้แล้ว ก็ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าสาวในวันสำคัญได้ด้วย

ชุดแต่งงานไซส์ใหญ่

7. เลี่ยงชุดแต่งงานสีขาว
เพราะสีขาวจะเน้นให้รูปร่างของเจ้าสาวดูใหญ่มากขึ้น ลองเปลี่ยนมาเป็นชุดแต่งงานสีครีม สีงาช้าง หรือสีโอลด์โรสแทนที่นอกจากจะพรางรูปร่างได้แล้ว ยังดูเป็นเจ้าสาวทันสมัยไปอีก

ติดตามแบบชุดแต่งงานสวยๆ และเคล็ดลับเกี่ยวกับการเลือกชุดแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : thecurvyfashionista.com, www.pinterest.com, heavy.com

เพิ่มอีกนิด!! กับสิ่งที่บ่าวสาวควรระบุให้ชัดเจนลงไปในการ์ดแต่งงาน

การ์ดแต่งงาน แค่สวยยังไม่พอ แต่รายละเอียดต่างๆ บนการ์ดแต่งงานต้องเป๊ะด้วย

การ์ดแต่งงาน เป็นสิ่งแรกที่จะทำให้แขกประทับใจก่อนที่จะได้มาเจอกับงานแต่งจริงๆ ของบ่าวสาว เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่บ่าวสาวจะต้องใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ในการ์แต่งงานเพื่อทำให้ออกมาชัดเจนมากที่สุด และนี่คือสิ่งที่บางครั้งบ่าวสาวอาจจะละเลย หรือคิดไม่ถึง แต่เป็นสิ่งสำคัญก่อนที่บ่าวสาวจะส่งการ์ดแต่งงานออกไปให้กับแขกคนสำคัญที่จะมาร่วมงาน

 

ระบุสถานที่จัดงานให้ชัดเจน

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่อาจจะระบุไปเพียงแค่สถานที่จัดงาน แต่อย่าลืมนะคะว่าแขกที่ไปงานอาจจะไม่ได้รู้จักโรงแรมหรือสถานที่จัดงานนั้นกันทุกคน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวอาจจะเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมอย่างเช่น แผนที่ ชั้นที่จัดงาน และชื่อห้องที่จัดงาน เพื่อที่จะได้สร้างความชัดเจนให้กับแขกตั้งแต่ได้รับการ์ดเชิญ

ระบุกำหนดการช่วงพิธีต่างๆ

หากว่าที่บ่าวสาวลงตัวเรื่องช่วงเวลาในการจัดพิธีต่างๆ แล้ว เราขอแนะนำให้ระบุลงไปในการ์ดแต่งงานเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานเช้าหรืองานเย็น เพื่อที่แขกจะได้รับทราบช่วงเวลาที่ชัดเจนในการจัดงานทันทีตั้งแต่ได้รับการ์ด เพื่อที่พวกเขาจะได้จัดสรรเวลาในการทำธุระและการเดินทางมายังงานของตัวเองได้ถูก เช่น หากไปไม่ทันในพิธีการนี้ ก็ยังสามารถไปร่วมอีกพิธีการได้ เป็นต้น เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวควรใส่ใจและให้ความสำคัญเพื่อที่จะให้แขกได้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม

การ์ดแต่งงาน

ระบุชื่อ-นามสกุลของแขกที่เชิญลงบนซองการ์ดแต่งงาน

สิ่งนี้จำเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแขกที่เป็นผู้ใหญ่ หรือแขกที่เป็นสมาชิกในครอบครัวที่คุณจะเชิญมางานแต่ง เพราะสิ่งนี้จะเป็นการแสดงถึงความจริงใจ ความใส่ใจ และความตั้งใจว่าคุณให้ความสำคัญกับแขกเหลานั้น และอยากจะเชิญพวกเขาให้มาร่วมงานจริงๆ

ระบุชื่อ-นามสกุลของผู้ที่จะมากับแขกของบ่าวสาวลงบนซองการ์ดแต่งงาน

หากบ่าวสาวทราบชื่อของคนที่จะมากับแขกของคุณด้วย เช่น เพื่อนสนิท แฟน หรือสามี-ภรรยา การระบุไปให้ชัดเจนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และถ้าหากเป็นไปได้บ่าวสาวก็ควรจะสอบถามชื่อ-นามสกุลของบุคคลคนนั้นมาด้วย และระบุลงไปบนการ์ดเชิญ เพื่อที่แขกของคุณจะได้พาผู้ติดสอยห้อยตามมาด้วยได้อย่างสบายใจ แต่หากเหนือบ่ากว่าแรงไม่อาจทราบชื่อได้จริงๆ ก็อาจจะระบุไปว่า ชื่อ-สกุล และแฟน/ สามี/ ภรรยา/ ครอบครัว เป็นต้น

ภาพ stocksnap.io, pinterest.com

ติดตามไอเดียดีๆ และทิปส์เด็ดๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ทำความสะอาดแหวนหมั้น ให้สวยเปล่งประกายด้วยตัวคุณเองง่ายๆ

แหวนหมั้น ใส่ๆไปก็หมอง แต่เดี๋ยวก่อนสาวๆ เราจะปล่อยให้แหวนสุดพิเศษของเราหมองไปไม่ได้นะ แพรว wedding ขอแนะนำวิธีง่ายๆที่จะ ทำความสะอาดแหวนหมั้น ให้กลับมาเปล่งประกายได้ด้วยตัวคุณเอง

เทคนิค ทำความสะอาดแหวนหมั้น ด้วยตัวเองมีวิธีง่ายๆดังนี้

ทำความสะอาดแหวนหมั้น

หากแหวนของคุณสกปรกด้วยเครื่องสำอางทั่วไปเช่นสเปรย์ฉีดผม โลชั่น เครื่องสำอางค์หรือน้ำหอม วิธีที่ดีที่สุดในการทำความสะอาดแหวนเพชรคือการผสมน้ำยา ด้วยน้ำอุ่น(เกือบร้อน)และน้ำยาล้างจาน นำแหวนลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 ถึง 40 นาทีแล้วค่อยๆแปรงออกด้วยแปรงสีฟันที่อ่อนนุ่มและล้างออกด้วยน้ำอุ่น ถ้าสกปรกมากให้ทำซ้ำ จะทำให้แหวนเพชรของคุณกลับมาเปล่งประกายสดใสขึ้น

นอกจากน้ำยาล้างจานแล้วคุณยังสามารถใช้แชมพูหรือครีมอาบน้ำแทนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์มอบความชุ่มชื้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นมักจะทิ้งฟิล์มบางๆไว้บนวงแหวน สำหรับการเช็ดแหวนให้แห้งควรหลีกเลี่ยงการเช็ดด้วยกระดาษเพราะสามารถทำให้แหวนคุณเป็นรอยได้ ควรใช้ผ้านุ่มที่ทำจากผ้าฝ้ายซับให้แห้งหรือปล่อยให้แห้งโดยธรรมชาติ

  • ควรล้างแหวนบ่อยแค่ไหน
    ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง หรือตามสภาพอัญมณีบนแหวนของคุณ หากอัญมณีได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ให้ทำความสะอาดที่ร้านอัญมณีโดยใช้ผลิตภัณฑ์ระดับมืออาชีพเพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของหินจะดีที่สุด
  • สิ่งที่ไม่ควรใช้ทำความสะอาดแหวนของคุณ
    สิ่งเดียวที่แย่กว่าแหวนที่สูญเสียความมันวาวคือการที่แหวนได้รับความเสียหายเนื่องจากการดูแลที่ไม่เหมาะสม สิ่งที่ห้ามใช้ทำความสะอาดแหวนโดยเด็ดขาด คือ น้ำยาทำความสะอาดภายในบ้านเช่นน้ำยาฟอกขาว คลอรีนและอะซิโตน เพราะสารเคมีที่รุนแรงเหล่านี้จะทำลายโลหะพื้นฐานบางส่วนในวงแหวนของคุณ และอย่าใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวเช่นยาสีฟันหรือผงซักฟอกเพราะจะทำรอยขูดขีดที่โลหะโดยเฉพาะทอง
  • อย่าใช้เครื่องทำความสะอาดเครื่องประดับล้ำยุคที่บ้าน
    เพราะการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเครื่องอาจทำให้อัญมณีหลุดออกมาได้
  • ดูแลให้ดีถ้าไม่อยากล้างบ่อยๆ
    พยายามอย่าลูบคลำ เพราะคราบสกปรกจากมือ จะมาอยู่บนหัวแหวนกลายเป็นคราบสกปรกและสะสมถ้าบ่อยครั้งเข้าความหมองก็จะมาเยือน และระวังอย่าให้โดนสารเคมี เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาถูพื้น เพราะผลคือ ตัวเรือนอาจซีดและลอกได้
  • ส่งให้ช่างเช็คสภาพปีละหน
    หนามเตยบนตัวเรือนมีขนาดเล็กมาก เราไม่อาจรู้ว่าหนามเตยที่มียังแข็งแรง เพชรทุกเม็ดยังฝังแน่นอยู่หรือเปล่า จึงควรให้ทางร้านเช็คสภาพให้จะดีที่สุด

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

เตือนไว้ให้ระวังกับ 6 ข้อที่บ่าวสาวมักทำผิดพลาดในงานแต่ง

ในงานแต่งงาน ไม่ว่าบ่าวสาวคู่ไหนก็อยากให้งานแต่งตัวเองออกมาสวยสดงดงาม แต่ก็ดั๊นนนมี ข้อผิดพลาดในงานแต่ง จนแพรว wedding ต้องออกมาเตือนว่าอย่าเผลอทำพลาดนะ

1. ไม่เชื่อมืออาชีพ

การจัดงานแต่งงานคนที่บ่าวสาวควรเชื่อในคำแนะนำมากที่สุดก็คือมืออาชีพที่เราเลือกให้มาเป็นผู้ดูแลจัดการงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลนเนอร์ และคนจัดสถานที่ ไปจนถึงช่างภาพ เพราะเขาเหล่านี้มีประสบการณ์ ผ่านงานแต่งมาเป็นสิบ เป็นร้อยงาน เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกความผิดพลาด ทุกสถานการณ์

2. ไม่มีแผนสองสำหรับงานกลางแจ้ง

สำหรับคู่ที่วางแผนจะจัดงานแต่งงานกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นงานริมทะเล หรืองานกลางสวน สิ่งที่สำคัญคือแผน B ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เราจะทำอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่คือสแตนบายพื้นที่ในร่ม หรือมีเต๊นท์กันฝนเตรียมรอเอาไว้ก่อน

3. ลืมกินอาหาร

คู่บ่าวสาวมักลืมกินอาหารในวันแต่งงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะความตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง หรือจะเพราะความยุ่งจนไม่มีเวลากินก็ตาม ซึ่งปัญหานี้ทำหลายคู่เป็นลมกันมาแล้ว ทางที่ดีควรเตรียม Energy Bar เอาไว้หากรู้แน่ๆ ว่าไม่มีเวลาปลีกตัวหาอะไรกินจริงๆ

ข้อผิดพลาดในงานแต่ง

4. เลือกเซ็นเตอร์พีชใหญ่เกินไป

สำหรับงานแต่งที่มีการจัดโต๊ะ พร้อมทั้งมีเซ็นเตอร์พีชวางอยู่กลางโต๊ะ ควรต้องระวังเรื่องขนาดของเซ็นเตอร์พีชเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าใหญ่เกินไป หรือสูงเกินไปก็จะบดบังเวที ทำให้แขกมองไม่เห็นเวทีเอาได้ ทางที่ดีควรจัดเซ็นเตอร์พีชขนาดเล็ก เลือกดอกไม้ไซส์มินิ เพื่อให้แขกได้มองเห็นเวทีกันทุกคน

5. เสิร์ฟค็อทเทลมากเกินไป

บ่าวสาวสายเปย์ ที่กำลงวางแผนจัดค็อทเทลในงานแต่งตัวเอง หยุดคิดให้ดีก่อน โดยเฉพาะในช่วงพิธีการแต่งงาน เป็นช่วงที่แอลกอฮอล์ยังไม่ควรออกมามากมายนัก เพื่อให้แขกแต่ละคนยังครองสติเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งงานมันจะกลายเป็นงานมอมหมู่เกินไป แต่ถ้าอยากจัดหนักจริงๆ ขอให้เก็บไว้ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ซึ่งตอนนั้นอยากหนัก อยากเข้มแค่ไหน ก็จัดมาไม่ต้องอั้น

6. ให้ผู้สูงวัยนั่งใกล้เครื่องเสียง

ในงานเลี้ยง แม้จะเป็นงานค็อทเทล แต่ก็มักจะจัดชุดโต๊ะพร้อมเก้าอี้เอาไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งวัตถุประสงค์ก็เพื่อแขกสูงวัย ซึ่งเป็นทั้งญาติ และเพื่อนพ่อแม่ของบ่าวสาว ซึ่งการจัดชุดโต๊ะเหล่านี้ ไม่ควรวางไว้ใกล้กับตำแหน่งของเครื่องเสียง ลำโพง และแสงไฟวูบวาบ เพราะจากที่จะเป็นการอำนวยความสะดวกอาจกลายเป็นทรมานผู้สูงวัยไปเสียก่อน

ถ้าบ่าวสาวระวังทั้ง 6 เรื่องที่มักผิดพลาดในงานแต่งได้แล้ว ที่เหลือก็อาจะไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก หรือถ้าอยากให้ออกมาเพอร์เฟกต์ไร้เสียงบ่นจริงๆ ก็ควรต้องระวังเรื่องที่แขกมักบ่นในงานแต่งเอาไว้อีกนิด เท่านี้งานแต่งก็ราบลื่นและเป็นที่ประทับใจของใครต่อใครได้ไม่ยาก

ภาพ unsplash.com

เสกภาพถ่ายพรีเวดดิ้งย้อนยุคหลากแบบหลายบรรยากาศที่ “วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่”

หากคุณเป็นบ่าวสาวที่หลงรักการถ่ายภาพกลางแจ้ง พร้อมกับการท่องเที่ยวสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งการเดินทางตามรอยประวัติศาสตร์แล้วล่ะก็ แพรวเวดดิ้ง ขอแนะนำสถานที่ที่มีทั้ง 3 อย่างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทั้ง ที่พัก พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง กับ  “วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่” อันสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์ทั้งตะวันออกและแบบตะวันตก ยุควิกตอเรียนในสยาม (ราวรัชกาลที่ 4 – 5) บอกเลยว่างานนี้ ทั้งคุ้มทั้งฟินสุดๆ ไปเลย แถมงานนี้ยังได้ ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งย้อนยุค ด้วย

The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched.

They must be felt with the heart.”

Helen Keller

วิลล่า มูเซ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่ามรดกโลกของเขาใหญ่ เมื่อผ่านประตูรั้วเหล็กหล่อบานใหญ่อายุนับร้อยปีจากอินเดีย ก็จะพบกับลานสนามหญ้าสุดกว้างขวาง บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่หลากหลายชนิด ภายในประกอบไปด้วยหมู่เรือนโบราณในช่วงรัชกาลที่ 4-5 หลายหลังที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทั้งเรือนไทยหมู่ เรือนแฝด เรือนปั้นหยา หรือเรือนชิโนโปรตุกีสอย่างย่านเมืองเก่าของภูเก็ต ซึ่งเป็นเรือนเก่าร่วมสมัยที่ได้ชะลอมาอนุรักษ์ พร้อมตกแต่งด้วยเครื่องเรือน เอกสารโบราณ ภาพถ่ายเก่ายุคนั้นซึ่งเป็นของสะสมของเจ้าของสถานที่ ประหนึ่งได้ย้อนวันเวลาไปเยี่ยมเยือนเรือนขุนน้ำขุนนางยุคนั้น เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งแบบไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทย ชุดแต่งงานสากล หรือชุดสไตล์วินเทจ ก็สามารถขนมาถ่ายที่นี่ได้ครบทุกชุด

                เริ่มกันที่  “เรือนประเสนชิต” เรือนไม้สักทองทรงปั้นหยาสีเขียวไข่กาละมุนตาสมัยรัชกาลที่ 5 โดดเด่นด้วยลวดลายไม้ฉลุงดงาม ซึ่งได้ย้ายจากย่านสี่พระยามาบูรณะพร้อมตกแต่งเครื่องเรือน ศาสตราวุธ เอกสารโบราณ โดยเฉพาะภาพพิมพ์หินพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และภาพเหตุการณ์สำคัญของสยามจากหนังสือพิมพ์หัวฝรั่งเศส “Le Petit Journal” ต้นฉบับจริง โดยปกตินั้นเปิดให้เข้าชมเป็นแหล่งเรียนรู้อดีต แต่ที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครคือการออกแบบให้อดีตและปัจจุบันมาบรรจบกันด้วยภูมิทัศน์ของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่สะท้อนพื้นกระเบื้องสีเขียวเข้ากับตัวเรือนในด้านหลัง เป็นจุดที่คุณและคนรักสามารถวางแผนจัดปาร์ตี้จิบน้ำชายามบ่าย พร้อมละเลียดขนมเลิศรสสูตรพิเศษจากชุดน้ำชาของวิลล่า มูเซ่ ได้อย่างเพลิดเพลินในงานหมั้น หรือฉลองมงคลสมรสอย่างอบอุ่นเป็นกันเองเลยทีเดียว

                เรือนประเสนชิตนั้นยังเปิดให้ว่าที่บ่าวสาวได้เข้ามาใช้บริการการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอีกด้วย ส่วนสไตล์ชุดของบ่าวสาวนั้นถ้าเน้นเป็นสไตล์วินเทจแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าสวยเลิศดูเข้ากันสุดๆ กับสถานที่ไปเลย

และอีกหนึ่งเรือนที่แพรวเวดดิ้งอยากจะแนะนำคือ “เรือนอนุรักษ์โกษา” เป็นอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่โดดเด่น สวยงามด้วยประตูและหน้าต่างที่ประดับกระจกสีจากประเทศพม่าและอินเดีย ด้านในมีจุดเด่นอยู่ที่บันไดวนเหล็กหล่อลายวิจิตรอายุกว่าร้อยปีซึ่งลงเรือมาจากเมืองอินเดีย ตกแต่งให้เข้าชุดกับบาร์เครื่องดื่ม จึงทำให้เรือนหลังนี้มีกลิ่นอายแบบสโมสรชาวต่างประเทศในเมืองไทย ภายในตัวอาคารกว้างขวาง มีมุมห้องหนังสือพร้อมงานศิลปะ ปูประดับด้วยพรมเปอร์เซียเข้าชุดกัน รับกับแสงสลัวๆ ของแชนเดอเลียอย่างได้บรรยากาศ จึงเป็นอีกหนึ่งเรือนที่บ่าวสาวไม่ควรพลาดในการมาเก็บภาพพรีเวดดิ้งในชุดราตรีและสากลนิยม โดยเฉพาะชุดเจ้าสาวประโปรงยาวที่ทอดชายลงตามชั้นบันไดเหล็กหล่อนั้น นอกจากจะได้บรรยากาศแล้วยังขับความโดดเด่นของเจ้าสาวได้ไม่เมือนใครอีกด้วย

                นอกจากเรือนประเสนชิตและเรือนอนุรักษ์โกษาแล้ว วิลล่า มูเซ่ ยังมีเรือนหลังอื่นๆ ที่เปิดเป็นห้องพักและรองรับสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกหลายหลัง ไม่ว่าจะเป็น

เรือนราชพงศา – เรือนไม้ชั้นเดียวสถาปัตยกรรมผสมผสานทรงปั้นหยา ที่มีกลิ่นหอมกลิ่นดอกราชาวดี มะลิ พุดซ้อน และไม้ดอกนานาชนิด โรแมนติกด้วยแสงทองยามเย็นที่ฉาบไล้ประกายระยิบระยับทำให้เรือนหลังนี้มีเสน่ห์มากขึ้น ให้ได้เก็บความโรแมนติกของคู่รักบนท่าน้ำริมสระขนาดใหญ่ที่มีสัตตบงกชชูช่อดอกสวยงาม

เรือนสัตยาธิปตัย – เรือนไทยหมู่ภาคกลางสีแดงชาด ได้รับการดัดแปลงให้เป็นหมู่ห้องพักที่สวยงามและโอ่อ่า โดยเฉพาะลานชั้นสองของเรือนที่เปิดเป็นลานกว้างระหว่างหอต่างๆ บนเรือน ให้ได้แต่งชุดไทยประเพณีทอดกายกันสง่างามบนตั่งไม้และหมอนอิงแบบไทยๆ

เรือนสิงหฬสาคร – เรือนไทยแฝดฝาลายปะกนจากจังหวัดสุพรรณบุรี ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่โอบล้อม เปิดให้เข้าพักและใช้เป็นเรือนหอส่งตัวซึ่งประยุกต์ความเป็นไทยและสากลผ่านการออกแบบยกหลังคาสูง เพื่อเพิ่มพื้นที่ ให้ความรู้สึกโล่งสบาย เข้ากับตัวเรือนที่สอบเข้าหากัน ตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้สักโบราณ ให้คืนแรกของคู่บ่าวสาวพิเศษกว่าคืนไหนๆ

เรือนศรีสุนทร –เรือนไทยผสมปั้นหยา สถาปัตยกรรมอย่างไทย-มอญ พร้อมของตกแต่งในบรรยากาศไทยๆ สุดล้ำค่า อาทิ ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำ ภาพพระบฏและเครื่องเรือนยุคต้นรัตนโกสินทร์ ธรรมาสน์ศิลปะพม่า ฯลฯ ที่เหมาะกับการแต่งชุดไทยพระเพณีของบ่าวสาวเข้าคู่กันโดยที่ไม่ต้องสร้างบรรยากาศอื่นใดเพิ่มเติม

เรือนอิศรานุภาพ – เรือนชิโนโปรตุโกสหลังเล็ก ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ เหมาะสำหรับการจัดพิธิหมั้นหรือแต่งงานแบบตะวันตก จะจัดปาร์ตี้เล็กๆ หรือเลี้ยงพระทำบุญกันบนเรือนราชพงศาแล้วมารับขนมนมเนยอาหารว่างที่นี่ ในบรรยากาศสุดอบอุ่นของครอบครัวก็ยังได้

คู่รักที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังมองหาสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งและสถานที่พักผ่อนไปพร้อมๆ กันที่ วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่ แห่งนี้ นับว่าตอบโจทย์ของคุณได้ดีมากๆ จะเป็นวันเดย์ทริป หรือค้างสัก 1 คืนก็ได้ความฟินพอๆ กัน เรียกได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่สำหรับวันหยุดพักผ่อนของคู่รักที่สนใจในศิลปะและประวัติศาสตร์ ให้ได้มาใช้เวลาแห่งความสุขไปด้วยกันได้อย่างเต็มที่ท่ามกลางบรรยากาศอันสดชื่นของขุนเขา แค่คิดก็โรแมนติกแล้วใช่ไหมล่ะคะ ^^

หมายเหตุ – เปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้เข้าชมทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 4 รอบนำชม เวลา 9.00 น. / 11.00 น. / 14.00 น. และ 16.00 น. รอบละไม่เกิน 8 ท่าน โดยนัดหมายเข้าชมล่วงหน้าที่ โทร. 063-225-1555  (หากผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะเดียวกัน สามารถติดต่อขอเข้าชมเป็นรอบพิเศษได้) ส่วนการถ่ายพรีเวดดิ้งและงานมงคลสมรสนั้น สามารถติดต่อได้โดยตรงที่หมายเลขเดียวกันเลยค่ะ

วิลล่า มูเซ่ เขาใหญ่
ตั้งอยู่ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
โทร. 02-671-6611, 063-225-1555
เว็บไซต์ www.villamusee.com
เฟซบุ๊ก villamuseekhaoyai
อีเมล [email protected]

ภาพสถานที่ Moodtone production (ไอจี : moodtone_production)

ล้างเท้าเจ้าบ่าว อีกหนึ่งพิธีแต่งงานไทยที่บ่าวสาวควรมีไว้ในงานแต่ง

พิธีแต่งงานไทยในปัจจุบัน น้อยงานนักที่จะมีพิธี ล้างเท้าเจ้าบ่าว ให้ได้เห็น ซึ่งที่มาของการล้างเท้าเจ้าบ่าวนั้น เพราะในสมัยโบราณยังไม่มีรองเท้าสวมใส่เหมือนอย่างเช่นในปัจจุบัน ฉะนั้นตามบ้านเรือนบริเวณบันไดทางขึ้นบ้านจึงจะมีตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน 

และเมื่อถึงคราวพิธีแต่งงาน จึงมีการแทรกการล้างเท้าเจ้าบ่าวเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการที่สำคัญ โดยจะใช้ใบตองและก้อนหินใหญ่รองที่เท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง เนื่องจากเห็นว่าการล้างเท้าบนใบตองและก้อนหินนั้นสะอาดกว่าการล้างเท้าบนพื้นดิน

ซึ่งพิธีล้างเท้า จะเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูเงินประตูทองมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย จนมาเจอด่านสุดท้ายที่จะมีน้องหรือญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวยืนดักรอพร้อมขันที่มีน้ำสะอาดผสมด้วยมะกรูดและมะนาว หรือในบางที่จะมีหินอยู่บนถาด เพื่อรองน้ำที่จะใช้ล้างเท้าเจ้าบ่าว สำหรับคนที่จะมาทำหน้าที่ล้างเท้าเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าบ่าวสาว เพราะต้องก้มลงไปล้างเท้าให้กับเจ้าบ่าว เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน จากนั้นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจึงจะออกมารับและจูงมือเจ้าบ่าวเข้าไปทำพิธีต่อไป

แต่ในปัจจุบันที่มีการใส่รองเท้าแล้วนั้น พิธีล้างเท้าจึงเปลี่ยนมาใช้ก้านมะยมเก้ามัดจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้แล้วแค่พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าวเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นถอดถุงเท้ารองเท้าให้ยุ่งยากหรือล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน และมักจะมีการแกล้งกันโดยนำรองเท้าของเจ้าบ่าวไปซ่อน ซึ่งผู้ที่นำไปซ่อนจะเรียกค่าไถ่จากเจ้าบ่าวจนพอใจ ถึงจะคืนรองเท้าให้ ถือเป็นการหยอกล้อเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับงานแต่งงานไปอีกแบบ

เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันสำคัญของคุณเมื่อไหร่ เราขอเตือนคุณเจ้าบ่าวให้ระวังรองเท้าไว้ให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนเรียกค่าไถ่จนซองเงินที่เตรียมไว้ไม่พอเลยก็ได้

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

โต๊ะจีน vs. ซิทดาวน์ดินเนอร์ จัดเลี้ยงงานแต่งแบบไหนแขกปลื้มไม่โดนเม้า

ถ้าจะพูดถึงรูปแบบการจัดเลี้ยงสำหรับงานแต่งงานก็คงจะหนีไม่พ้นการจัดเลี้ยงที่นั่งทานกันอย่างสบายๆ ทานไปพูดคุยกันไป ซึ่งส่วนใหญ่ที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ก็คือ การจัดเลี้ยงแบบ “Chinese Dinner” หรือที่เราเรียกกันว่า การจัดเลี้ยงแบบ โต๊ะจีน แต่ตอนนี้เทรนด์การจัดเลี้ยงแบบตะวันตกอย่าง “Sit Down Dinner” กำลังมา ใครที่ยังสงสัยว่า เอ๊ะ มันจะเป็นอย่างไรนะ แล้วจะต่างกับโต๊ะจีนตรงไหน ถ้าอยากรู้เราก็มีคำตอบมาให้ค่ะ 

1. โต๊ะจีน (Chinese Dinner) – เมนูวางกลาง แบ่งกันทานก็อิ่มได้

โต๊ะจีน

 

เป็นการจัดเลี้ยงอีกประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก แถมยังถูกใจผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนอีกด้วย การนั่งโต๊ะจีนจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สังสรรค์และแบ่งปันอาหารกันทานแบบคนในครอบครัว ส่วนมากจะจัดให้นั่งโต๊ะละ 8-10 คน มีพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ โดยจะเริ่มเสิร์ฟจากอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานร้อน อาหารจานหลัก และปิดท้ายด้วยของหวานซึ่งเมนูอาหารต่อ 1 เซ็ตส่วนใหญ่อยู่ที่ 6-8 เมนู

ข้อดีของโต๊ะจีนก็คือ แขกภายในงานไม่ต้องทนยืนจนเมื่อยเหมือนกับการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลจึงเหมาะสำหรับงานที่เชิญแขกผู้ใหญ่มาก และแขกจะทานอาหารกันได้อิ่มท้อง

ข้อเสียของโต๊ะจีนก็มีเช่นกัน เพราะกว่าอาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟจะต้องรอให้มีแขกมาร่วมงาน 60-70 % เปอร์เซ็นต์ซะก่อน ทำให้แขกบางคนต้องหิ้วท้องรอ อีกทั้งหากจำนวนโต๊ะเยอะก็จะทำให้การเสิร์ฟล่าช้า ทำให้ทานกันไม่ต่อเนื่อง แต่ในบางกรณีที่แขกมาช้าจะต้องเสิร์ฟตามเวลาที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเวลาในการใช้สถานที่

เรื่องค่าใช้จ่ายจะคิดเป็นราคาต่อโต๊ะขึ้นอยู่กับแพ็คเกจและรายการอาหารที่เจ้าภาพต้องการ และแน่นอนว่าไม่นับรวมราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

2. ซิทดาวน์ดินเนอร์ (Sit Down Dinner) – นั่งโต๊ะเดิ้นๆ แบบชาวตะวันตก

Photo by Juliette F on Unsplash

ซิทดาวน์ดินเนอร์ ฟังดูโก๋หรูแบบชาวตะวันตก ถ้าลองนึกภาพตามในหนังฝรั่งก็จะเป็นโต๊ะยาวๆ นั่งทานกันแบบจีบปากจีบคอดูดีมีระดับ หรืออาจจะปรับเป็นโต๊ะกลมโต๊ะเหลี่ยมได้ตามความสะดวก และแน่นอนค่ะว่าการจัดเลี้ยงแบบนี้ค่อนข้างเป็นทางการและเหมาะกับงานที่จำนวนแขกไม่เยอะมากหรือเน้นแค่คนสนิทใกล้ชิดกัน

ใครที่คิดจะจัดเลี้ยงแบบนี้ขอบอกว่าต้องเช็คจำนวนแขกให้เป๊ะๆ ด้วยการคอยติดตามขอคำตอบ “คอนเฟิร์ม” เข้าร่วมงานจากแขกที่เราเชิญ เพราะต้องทำป้ายชื่อระบุที่นั่งของแขกแต่ละคนแบบเฉพาะเจาะจง ต่างจากการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนที่นั่งล้อมวงกันสบายๆ และเนื่องจากจำนวนแขกน้อย มีแต่คนสนิท การเช็ครายละเอียดต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์ Line หรือ Facebook ก็จะง่ายขึ้น เพราะเราสามารถส่งเมนูอาหารเพื่อให้แขกแจ้งกลับมาว่าจะเลือกทานอาหารประเภทใด เช่น หมู เนื้อ ปลา ฯลฯ รวมถึงถ้าแขกคนไหนมีข้อจำกัดด้านอาหาร เช่น เป็นคนทานมังสวิรัตก็สามารถแจ้งโดยตรงกลับมาที่เจ้าภาพได้ทันที

Photo by CHUTTERSNAP on Unsplash

จุดเด่นของซิทดาวน์ดินเนอร์ก็คือ การทานอาหารแบบไฮโซค่ะ จานใครจานมันไม่ได้ทานรวมกันเหมือนโต๊ะจีน และจะเสิร์ฟอาหารแบบเป็นคอร์ส ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ 3 คอร์สต่อแขกหนึ่งคน เริ่มเสิร์ฟจาก Appetizer, Main course และ Dessert บางงานอาจเสิร์ฟมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจของแต่ละโรงแรมที่คุณเลือก แต่รับรองว่าอิ่มแน่นอน

แต่ความยุ่งยากก็อยู่ที่ การเลือกเมนูอาหารซึ่งจะต้องเดาใจแขกที่มาร่วมงานพอสมควร เจ้าภาพส่วนใหญ่จึงเลือกอาหารกลางๆ แบบที่ทุกคนทานได้ เช่น ไก่ และปลา รวมถึงมักจะหมดงบประมาณไปกับการตกแต่งโต๊ะให้ดูสวยงาม

ส่วนค่าใช้จ่ายก็เป็นแบบคิดราคาต่อหัว ซึ่งข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการจัดเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ก็คือ เมื่อคุณกะจำนวนคนได้แน่นอนแล้ว (จากการคอนเฟิร์มของแขก) จะทำให้จำกัดงบประมาณในการจัดเลี้ยงได้ค่อนข้างชัดเจน และเช่นเดียวกันกับการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนว่าไม่รวมราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ

Photo by Stella de Smit on Unsplash

แถมอีกนิดสำหรับผู้ที่ได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ ถ้าคุณแจ้งคอนเฟิร์มเข้าร่วมงานแล้วก็ขอให้ทำตัวให้ว่างจริงๆ ในวันงานด้วยนะจ๊ะ พูดง่ายๆ ว่า “สัญญาต้องเป็นสัญญา สัญญาว่ามาต้องมา” เพราะว่าเจ้าภาพเขาจ่ายเงินในส่วนของคุณไปแล้ว

ไม่ว่าบ่าวสาวจะเลือกจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนหรือซิทดาวน์ดินเนอร์ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ ความเหมาะสมกับสไตล์งานของตนเอง สถานที่จัดงาน จำนวนแขก รวมถึงงบประมาณที่จะใช้จัดเลี้ยงด้วยนะคะ

ซิทดาวน์ดินเนอร์-บุฟเฟ่ต์-เมนูซุ้ม อาหารงานแต่ง แบบไหนที่ใช่สำหรับงานคุณ

ภาพ : www.ritzgardenhotelmanjung.com, www.hotelkurrajong.com.au,
biagios.wordpress.com, www.theglobeandmail.com

รอยสัก ในชุดเจ้าสาว จะเปิดเผย หรือจะปกปิดดีนะ? คลิกอ่านเพื่อหาคำตอบเลย

ยุคนี้ หนุ่มสาวสายฮิป สายเปรี้ยวเท่ห์หลายคนนิยมสักลวดลายบนเรือนร่างจน รอยสัก บนร่างกายถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แถมยังกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นหรืองานศิลปะที่ดูสวยงามได้อีกด้วย แต่พอถึงคราวต้องแต่งงานนี่สิ! กุมขมับกันเลยทีเดียว ไหนจะผู้ใหญ่บ้านเขาบ้านเราไม่แฮ้ปปี้ ไหนจะเลือกชุดเจ้าสาวยากไปอีก ลองมาดูกันค่ะว่าที่จริงแล้วเราสามารถเปิดเผยรอยสักในชุดเจ้าสาวได้ไหม แล้วถ้าเราอยากปกปิดรอยสัก มีวิธีไหนที่จะช่วยเราได้บ้าง

 

กลุ่มผู้ใหญ่ในงานเราส่วนใหญ่เป็นคนแบบไหนกันนะ?

ต้องยอมรับว่ายุคนี้สังคมเราเปิดกว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ยุคนี้ก็ค่อนข้างปล่อยให้หนุ่มสาวสามารถเลือกจัดงานแต่งงานในแบบที่ตัวเองชอบได้โดยไม่ยึดติดตามธรรมเนียมเดิมมากนัก เพราะฉะนั้นหากงานแต่งงานของเราจัดขึ้นในธีมที่ค่อนข้างสบาย เป็นกันเอง หรือดูโมเดิร์นทันสมัย การใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวที่เผยให้เห็นรอยสักนั้นสามารถทำได้โดยไม่ดูผิดกาละเทศค่ะ แต่ถ้าหากดูทรงแล้วผู้ใหญ่ฝั่งเขา หรือฝั่งเรา ยังคงอยากได้งานแต่งงานแบบธรรมเนียมปฏิบัติที่ดูสวยงามเหมาะสม (พูดง่ายๆ คือออกแนว  conservative) ก็คงต้องหาวิธีปิดรอยสักกันจะดีกว่าค่ะ

 

เลือกเผยรอยสักในงานแบบสากล (งานเลี้ยงฉลอง) แทนพิธีไทย

เจ้าสาวในชุดไทย ไม่ว่าจะสไตล์ไทยแท้ดั้งเดิมหรือประยุกต์ ถ้ามีรอยสักโผล่มาให้เห็นก็คงจะไม่สวยงามเท่าไร เพราะฉะนั้นถ้าเจ้าสาวมีรอยสักและต้องการใส่ชุดไทยในงานแต่งงานแบบพิธีไทย เราแนะนำให้เลือกแบบชุดไทยแบบคอปิดและแขนยาวที่ช่วยปกปิดบริเวณรอยสัก เช่น ชุดไทยบรมพิมาน หรือชุดไทยจิตรลดาค่ะ ไว้เปิดเผยรอยสักในชุดเจ้าสาวสีขาวสไตล์ชิคๆจะดูเก๋กว่านะ

รอยสัก
ชุดเจ้าสาวพิธีไทยจาก Vanus Couture


เลือกชุดเจ้าสาวสากลแบบที่ช่วยอำพราง

ถ้าหากไม่ได้อยากเผยรอยสักในชุดเจ้าสาว ลองเลือกชุดเจ้าสาวแบบที่ช่วยปกปิดรอยสักบริเวณนั้นดูค่ะ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบสักบริเวณหลัง หรือไหล่ อาจจะต้องมองหาชุดเจ้าสาวคอกลม หรือแขนยาว ที่ช่วยปกปิดเนื้อหนังบริเวณนั้นได้ และในบางกรณีอาจจะต้องใช้คอนซีเลอร์ช่วยปกปิดเสริมด้วยค่ะ

g0


คอนซีเลอร์มิตรแท้ของเจ้าสาวมีรอยสัก!

ต้องขอบคุณยุคนี้ที่เทคโนโลยีเครื่องสำอางไปไกลมากจริงๆ เจ้าสาวที่มีรอยสัก แต่ดั๊นนไปเจอชุดเจ้าสาวที่ถูกใจซึ่งไม่ได้ช่วยปกปิดรอยสักบริเวณนั้นเลย คอนซีเลอร์ช่วยคุณได้ เราลองลิสต์มาให้ดูว่ามีคอนซีเลอร์รุ่นไหนบ้างที่ให้การปกปิดสูง รวมทั้งบางรุ่นออกแบบมาเพื่อปกปิดรอยสักโดยเฉพาะอีกด้วย ซื้อครั้งเดียวคุ้มเพราะใช้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา รอยสิวก็ได้ด้วย หรือคุณจะแจ้งช่างแต่งหน้าเจ้าสาว เพื่อให้ช่างแต่งหน้าช่วยลงเมกอัพปกปิดให้คุณก็ได้เหมือนกันค่ะ

 

สุดท้ายนี้หวังว่าเหล่าเจ้าบ่าว หรือเจ้าสาวที่มีรอยสัก จะสามารถตัดสินใจที่จะเปิดเผย หรือปกปิด รอยสัก ในวันแต่งงานได้อย่างไม่รู้สึกแย่หรือเสียดายภายหลังนะคะ อย่าลืมนะคะว่าเราต้องคำนึงถึงความเหมาะสมมาก่อน แล้วลองใช้ตัวช่วยอื่นๆ เพื่อความสวยงามดูค่ะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน 10 ออยล์สุดเริ่ด สำหรับ เจ้าสาว ขี้เกียจ ใช้ชิ้นเดียวบำรุงล้ำลึกได้หัวจรดเท้า!

credit photo: Charming Wedding Studio, Refinery49 , Wedding Inspirasi

ทิปส์ล็อกความสวยเจ้าสาวให้อยู่หมัดในวันสำคัญแบบสวยไม่สร้าง

ถึงแม้เจ้าสาวจะดูแลตัวเองมาเป็นอย่างดีตลอดหลายเดือนก่อนถึงวันสำคัญ แพรว wedding ก็ขอเตือนว่าอย่าพลาดตกม้าตายเมื่อถึงวันงานเป็นอันขาด อย่าให้ที่ทำมาตลอดหลายเดือนต้องเสียเปล่าเชียวนะคะ เพราะต่อให้ข้างในเปล่งปลั่งงดงามแค่ไหนก็พังได้ถ้าวันนั้นไม่ดูแลตัวเอง เอาเป็นว่าดูแล ความสวยเจ้าสาว ไปให้ตลอดรอดฝั่งจนจบงานเป็นดีที่สุด แพรว wedding เลยเตรียมสิ่งที่ควรทำในวันแต่งงานของคุณเพื่อคงความงามไว้ให้ปลอดภัยจนถึงช่วงเข้าห้องหอเลยทีเดียว ว่าแต่มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

  • พกกระดาษทิชชูไว้ซับเหงื่อและความมันส่วนเกินบนใบหน้า ห้ามใช้กระดาษซับมันนะคะ เพราะนอกจากจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความมันมากยิ่งขึ้นแล้ว เครื่องสำอางยังหลุดง่ายอีกด้วย
  • พกแป้งฝุ่นและแปรงปัดแป้งไว้เติมหลังจากที่ซับหน้าด้วยทิชชู ไม่ควรใช้พัฟในการเติมระหว่างวัน เพราะจะทำให้เครื่องสำอางดูหนาขึ้นและเกิดคราบได้
  • พกลิปกลอสแบบมีสีไว้ใช้เติมเพื่อให้ปากชุ่มชื่นไม่ลอกเป็นขุย และไม่ควรเลียปากเพราะจะทำให้ปากยิ่งแห้งลอก และลิปสติกหลุดง่ายขึ้น
  • แผ่นชีทเช็ดเครื่องสำอาง เป็นกระดาษพกพาง่าย ไว้เช็ดเครื่องสำอางที่เลอะระหว่างวัน เช่น แพนด้าใต้ตา มาสคาร่าเลอะ เป็นต้น
  • ไม่ควรนั่งเท้าคาง เช็ดถูจมูกอย่างรุนแรง และเกาใบหน้าโดยใช้เล็บ เพราะจะทำให้เครื่องสำอางหลุดเป็นจุดๆ ได้

สุดท้ายในวันแต่งงานเจ้าสาวควรทานอาหารให้อิ่มป้องกันการเป็นลม และย้ำอีกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยมาก และอาหารที่เสี่ยงต่อการท้องเสีย ท้องอืด และดื่มน้ำแบบน้อยๆ แค่จิบก็พอค่ะ เพราะห้องน้ำในวันงานคนมักจะเยอะ ทำให้เสียเวลาและไม่สะดวกด้วย

ติดตามทิปส์ความงามดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : thefashionstyles.us, weddingbee.com

4 สไตล์ชุดแต่งงานไทยของว่าที่เจ้าบ่าว หล่อเป๊ะถูกใจคุณเจ้าสาว

ส่อง 4 สไตล์ ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว

คุณว่าที่เจ้าบ่าวทั้งหลายคงไม่หนักใจเท่าไหร่สำหรับการเลือกชุดแต่งงานแบบสูทสากล แต่การเลือก ชุดแต่งงานไทย นี่สิที่ทำเอาหนุ่มๆ ทั้งหลายเกือบจะออกอาการเบ้ปาก เพราะใส่แล้วออกจะรู้สึกเก้ๆ กังๆ เคอะๆ เขินๆ เหมือนจะเดินไม่ถูก แต่แหม…ครั้งหนึ่งในชีวิตนะคะคุณขาที่จะได้ใส่อะไรที่เป็นไท๊ยไทยแบบนี้ เอาเป็นว่า เพื่อลดอาการเกร็งของคุณเจ้าบ่าว แพรว wedding มีแบบ ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว 4 สไตล์มาฝาก มั่นใจแบบไหนก็บอกสาวข้างกายแล้วจูงมือกันไปลองได้เลย

ชุดแต่งงานไทยชายแบบประยุกต์

ชุดแต่งงานไทยเจ้าบ่าว
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @margie_rasri

สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวที่เจ้าสาวอยากให้ใส่ชุดไทย แต่อีกใจไอเราก็อยากดูดี ชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ นี่แหละตอบโจทย์สุด เพราะตัวเสื้อช่วงบนหนุ่มๆ สามารถเลือกสวมสูทแบบสากลได้ โดยอาจจะเลือกเฉดสีที่ไปในทางเดียวกันกับธีมงาน หรือชุดแต่งงานไทยของเจ้าสาว ส่วนท่อนล่างก็อนุรักษ์ความเป็นไทยด้วยการนุ่งโจงกระเบน ที่เมื่อจับคู่กันแล้วได้ลุคที่ดูกึ่งทางการ ส่วนรองเท้าก็อาจจะเลือกเป็นรองเท้าหนังเฉดสีที่เข้ากันกับชุด หรือจะเลือกสวมเป็นสนีกเกอร์เหมือนหนุ่มป๊อกในรูปก็ได้นะ เท่ดีไปอี๊กกกกกก

ชุดแต่งงานแบบสูทสากล

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @Jakawinphotography

แต่ถ้าหนุ่มๆ คนไหนที่คิดว่ายังไงก็ไม่น่าจะรอดกับชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศ ก็อาจจะขออนุโลมการแต่งกายกับคุณพ่อคุณแม่ และเจ้าสาว โดยเปลี่ยนมาสวมเป็น ชุดสูทสากล แทน ยิ่งถ้าหากคุณเจ้าสาวเลือกสวมชุดแต่งงานไทยแบบประยุกต์ด้วยแล้ว บอกเลยว่ายังไง๊ยังไงก็เข้ากันได้ดีกับชุดสูทเต็มยศของว่าที่เจ้าบ่าวแน่นอน ส่วนเฉดสีนั้นก็อาจจะเลือกเป็นเฉดสีอ่อนลงมาหน่อย เช่น สีขาว สีเทา หรือสีครีมเป็นต้น

ชุดแต่งงานไทยแบบเต็มยศ

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก @GorgaiPhotography

เสื้อราชปะแตน จับคู่กับผ้านุ่งโจงกระเบน นี่แหละลุคชายไทยที่แท้ทรู แถมยังเป็นสไตล์ชุดที่สามารถเข้ากันได้ดีกับชุดแต่งงานไทยของเจ้าสาวทุกแบบ ซึ่งเคล็ดลับการใส่ชุดแต่งงานไทยสไตล์นี้ให้รอดก็คือ การตัดเย็บเสื้อให้มีความพอดีกับรูปร่าง เพราะถ้าหากเสื้อใหญ่เกินไป เดี๋ยวจากเจ้าบ่าวจะกลายเป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านไปไม่รู้ตัว ส่วนเฉดสีอาจจะเลือกให้เข้ากับสีของชุดเจ้าสาวเป็นหลัก เท่านี้ก็สวยหล่อแพ็คคู่แล้วจ้า

ชุดแต่งงานไทยแบบย้อนยุค

ชุดแต่งงานไทย
ชุดแต่งงานไทย เจ้าบ่าว
ภาพจาก FB Unfriend-The-Wedding / FB 21day

ชุดแต่งงานไทยสไตล์ย้อนยุคนิดๆ กับชุดไทยเสื้อราชปะแตนจับคู่กับผ้านุ่งโจงกระเบน แล้วเพิ่มเครื่องประดับอย่างผ้าผูกเอว เข็มขัด และสังวาลย์ ถึงจะดูเป็นลุคไทยแบบจัดเต็มแต่เมื่อแต่งออกมาแล้วก็ไม่เตร๊งเตรงเตร่งเตร๊งเป็นลิเกนะจ๊ะ เพราะหนุ่มเป๊กเปรมเขาพิสูจน์มาแล้วว่าลุคนี้หน่ะ ผ่าน!!

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเจ้าบ่าวอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

5 เรื่องที่ควรกระซิบบอกแม่ๆ ก่อนปล่อยให้เลือกชุดไปงานแต่งลูก

แปลกนะคะที่บ่าวสาวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องธีมการแต่งตัวของเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวมากมาย แต่กับคุณแม่ ซึ่งจริงๆ แล้วมีฐานะเป็นเจ้าภาพเช่นเดียวกับคุณกลับมีความงงกันตลอดว่า ต้องแต่งตัวยังไงดีจึงจะเหมาะกับ งานแต่งลูก วันนี้ แพรว wedding จึงสรุปมาให้ว่ามีเรื่องไหนบ้างที่คุณควรกระซิบบอกคุณแม่เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้เตรียมชุดเหมาะๆ เพื่องานแต่งของคุณ


1. งานของคุณเป็นงานแบบทางการหรือไม่เป็นทางการ

เกริ่นบอกท่านสักหน่อยว่า ธีมงานของคุณเป็นแบบไหน แต่การบอกครั้งนี้ต้องใส่รายละเอียดด้วยนะคะ เพราะท่านไม่ได้โตมาในยุคเดียวกับคุณ งานแต่งงานในยุคของท่านกับยุคของคุณคนละแบบแน่นอน ดังนั้นอย่าบอกแค่ว่าคนเยอะหรือคนน้อยแล้วให้จินตนาการความเป็นทางการไปเอง แต่ให้เล่าคร่าวๆ ถึงพิธีการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นมีความเป็นทางการหรือบรรยากาศจริงจังแค่ไหน เพื่อท่านจะได้เลือกเสื้อผ้าที่ดูดี ใส่แล้วภูมิฐาน สมฐานะพ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่จะยืนรับแขกคนสำคัญที่เชิญมาร่วมงาน

 

2. สถานที่จัดงานแต่งงานเป็นแบบไหน

จริงอยู่ที่ก่อนจะเลือกสถานที่จัดงานแต่งงาน หลายคู่ก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็มีหลายคู่เช่นกันที่พ่อแม่ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณ ซึ่งนี่แหละเป็นเหตุผลที่คุณต้องแจ้งบอกกับท่านสักหน่อยว่า สถานที่ที่จะจัดงานแต่งงานเป็นแบบไหน เช่นงานนี้เป็นงานแต่งงานริมทะเลอารมณ์สบายๆ เป็นกันเอง ท่านจะได้ไม่ต้องสั่งตัดสูทหรือเดรสผ้าลูกไม้เนื้อดีลากกระโปรงชายยาวมาใส่บนพื้นทราย หรือถ้าเป็นงานแต่งในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นห้องขนาดไหน ก็บอกกันไปตรงๆ ให้รู้จะได้เตรียมชุดหรูให้เข้ากัน

 

3. ธีมสีของงานแต่งงาน

ในเมื่อคุณตัดสินใจเลือกกันมาอย่างคร่ำเคร่งจนได้ข้อสรุปแล้วว่า งานแต่งงานของคุณจะใช้สีธีมงานไหนเป็นหลัก ก็ควรจะแจ้งบอกท่านให้รู้เช่นเดียวกับที่บอกแขกและแก๊งเพื่อนบ่าวสาว อย่างน้อยเพื่อให้ท่านได้มีตัวเลือกในการตัดชุดมางานของคุณแคบลง และไม่เลือกแบบตามฉันจนโดดเด่นซะแขกเหรื่อเอาไปเม้าได้ว่า เป็นเจ้าภาพยังไม่แต่งตามธีม แล้วจะมาหวังอะไรให้แขกแต่งตามส่วนคุณพ่อแม้จะใส่สูทก็จะได้เลือกเนคไทเข้ากับสีธีมงานและเข้าคู่กับคุณแม่ยังไงละคะ

 

4. สีชุดของแก๊งเพื่อนเจ้าสาว

ข้อนี้ต้องบอกกับคุณแม่ของคุณให้จงได้ เพราะต่อให้คุณแจ้งบอกเรื่องธีมสีงานแต่งไปแล้ว แต่ต้องกระซิบบอกให้ท่านเลือกเฉดสีของชุดให้ต่างจากชุดเพื่อนเจ้าสาวนะคะ ก็แหม…ไม่ต้องบอกก็คงคิดภาพออกใช่ไหมว่าแขกจะตะลึงแค่ไหน ถ้าหันไปเจอคุณแม่บ่าวสาวใส่ชุดสีเดียวกันเป๊ะๆ กับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวทั้งแก๊ง

 

5. สีชุดของเจ้าสาว

แน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าสาวยึดสีขาวไปเป็นสีชุดแต่งงานแทบทั้งนั้น แต่อย่าลืมสิคะว่า สีขาวไม่ได้มีเฉดเดียว และยุคนี้ก็ไม่ได้จำกัดว่าชุดแต่งงานต้องมีสีขาวเสมอไป คุณอาจเลือกสีขาวงาช้างที่ไม่ใช่ขาวจั๊วะหรือบางนางเลือกชุดแต่งงานสีชมพูอ่อนไม่ก็สีแชมเปญตามเทรนด์ ฉะนั้นเวลาแจ้งบอกคุณแม่อย่าลืมคิดด้วยว่าคุณแม่ไม่ได้ตามเทรนด์ไปพร้อมๆ กับคุณนะคะ บางท่านอาจนึกว่าสีงาช้างมันเป็นเฉดสีขาวก็จริงแต่ออกไปทางเฉดขาวครีมๆ น่าจะใส่ได้ ซึ่งกลายเป็นว่าตรงกับขาวที่คุณเลือกเป็นชุดเจ้าสาวซะงั้น

หรือบางท่านอาจคิดเอาเองว่าลูกน่าจะใส่สีขาว งั้นตัดชุดสีชมพูอ่อนสื่อถึงความรักไปงานลูกดีกว่า แต่พอมาเจอกันหน้างาน อ้าว…ลูกสาวของแม่เลือกชุดเจ้าสาวสีชมพู แบบนี้เรียกว่าโป๊ะแตกยังกับแฝดซะงั้น

5 เรื่องง่ายๆ ที่แค่สละเวลากระซิบบอกท่านเอาไว้ อย่างน้อยเพื่อเป็นแนวทางให้ท่านได้ตัดสินใจเลือกชุดสวยๆ มาใส่ให้สมฐานะคุณแม่บ่าวสาว แล้วรับรองว่างานนี้ไม่มีดราม่าและไม่มีการว่ากันว่า ‘ทำไมคุณแม่ไม่ถามหนู’ หรือ ‘ทำไมลูกไม่บอกแม่ให้เสียอารมณ์’

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาว และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! 

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : marthastewartweddings.com

3 ข้อคุยให้เคลียร์กับช่างทำผมเจ้าสาว รับรองได้ทรงผมเป๊ะดั่งใจในวันแต่งงาน

สิ่งสำคัญสำหรับทรงผมของเจ้าสาวคือการพูดคุยกับ ช่างทำผมเจ้าสาว ให้ชัดเจนถึงแบบทรงผมที่เจ้าสาวต้องการ และทรงผมนั้นจะต้องไปกันได้ดีกับชุดแต่งงาน รูปหน้าของเจ้าสาว รวมไปถึงธีมงานด้วย เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับช่างทำผมให้เข้าใจตรงกันในทุกๆ เรื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่เจ้าสาวจะได้ผมสวยเป๊ะดั่งใจในวันแต่งงาน แพรว wedding เลยจัด 3 หัวข้อสำคัญที่เจ้าสาวจะต้องเคลียร์ให้ชัดเจนกับช่างทำผมมาฝาก

หากมั่นใจว่าช่างคนนี้ใช่ ให้รีบจองคิว

อย่าชะล่าใจและโทรนัดช่างทำผมเมื่อใกล้ถึงวันสำคัญ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะพลาดคิวช่างทำผมคนสำคัญได้ เพราะฉะนั้นหากมั่นใจในฝีมือและโอเคเรื่องราคาควรรีบจองคิวให้ด่วน เพราะนอกจากการรันตีได้ว่าจะได้ช่างคนนี้มาไว้ในงานแต่งแน่ๆ ยังช่วยในเรื่องการวางแผนทรงผมเจ้าสาวอีกด้วย เพื่อที่จะได้นัดพบกับช่างทำผมเจ้าสาวล่วงหน้าสักประมาณ 1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน เพื่อที่คุณและช่างจะได้มีเวลาปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับทรงผม และอย่าลืมบอกถึงรูปแบบชุดแต่งงานที่เจ้าสาวจะสวมในวันนั้น ยิ่งถ้ามีภาพของชุดที่เป๊ะหรือใกล้เคียงของจริง 100% แล้วยิ่งดี เพื่อที่ช่างจะได้มองเห็นภาพว่าเจ้าสาวจะดูสวยงามได้อย่างไรในชุดนั้น พร้อมบอกธีมงานคร่าวๆ ให้ช่างทำผมทราบเพื่อที่ช่างจะได้ออกแบบทุกอย่างให้ดูกลมกลืนเป็นภาพเดียวกันที่สุด เพราะฉะนั้นการเผื่อเวลาไว้จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ช่างได้มีเวลากลับไปทำการบ้านในการหาแนวทางทำให้เจ้าสาวออกมาสวยที่สุด

สำรวจสไตล์ไปพร้อมๆ กัน

ในวันที่นัดพูดคุยกับช่างทำผม เจ้าสาวควรบอกถึงสไตล์ทรงผมที่อยากได้ และควรจะมีภาพเป็นเรฟเฟอร์เรนซ์ไปให้ช่างดูด้วยเพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดเจนที่ตรงกัน และอย่าลืมบอกสิ่งที่เจ้าสาวชอบและไม่ชอบ ซึ่งไม่ต้องเกรงใจที่จะพูดในสิ่งที่เรารู้สึกนะคะ เพราะอย่าลืมว่าวันนั้นเป็นวันสำคัญของคุณและช่างทำผมเขาก็พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของคุณเสมอ เช่น หากเจ้าสาวอยากได้แบบเรียบหรู หรืออยากได้แบบฟุ้งๆ ดูชวนฝัน ก็บอกสิ่งที่ต้องการไปให้ชัดเจนเพื่อที่ช่างจะได้ต่อยอดจากภาพถ่ายและความคิดเหล่านั้นให้ออกมาเป็นทรงผมที่เข้ากับเจ้าสาวได้มากที่สุด และนอกจากการที่จะได้คุยกันเรื่องสไตล์แล้ว ในวันนั้นช่างทำผมยังจะได้เห็นสภาพเส้นผมของเจ้าสาวด้วยว่ามีความยาวและสีผมเป็นอย่างไร เหมาะกับการทำทรงผมที่เจ้าสาวต้องการหรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้คำแนะนำกับเจ้าสาวได้อย่างถูกต้อง

จงเป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

เจ้าสาวอาจจะเห็นแบบทรงผมมากมายจากเจ้าสาวรุ่นพี่ แต่อย่าลืมนะคะว่าแบบที่เราเห็นว่าสวยๆ นั้นบางทีอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องคำนึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยาว สภาพเส้นผม หรือสีผม เป็นต้น และบางครั้งเจ้าสาวหลายคนเลือกที่จะเสริมแอคเซสซอรี่บางอย่าง หรือเลือกการต่อผมเพื่อที่จะให้ผมมีความยาวหรือหนาขึ้นพอที่จะทำผมตามแบบที่ต้องการได้ แต่บางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับเจ้าสาวในวันสำคัญ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ เช่น แอคเซสซอรี่ประดับเพชรพลอยชิ้นงามเกิดหลุดหายไปหนึ่งเม็ด หรือช่อผมที่ต่อไว้ดันหลุดในวันงาน จากความสวยงามก็กลายเป็นพังพินาศได้ในพริบตา

เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้คุณเป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด และจงให้ความเชื่อใจกับช่างทำผมเจ้าสาว ว่าเขาจะสามารถเนรมิตในสิ่งที่คุณมีแบบไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรเข้าไป เพียงแค่เจ้าสาวบอกความต้องการที่อยู่ในใจออกมาให้หมด รับรองว่าช่างทำผมมืออาชีพที่คุณเลือกมาจะสามารถเสกให้เจ้าสาวสวยสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง พร้อมๆ ไปกับได้ทรงผมในแบบที่เจ้าสาวต้องการและชื่นชอบได้อย่างแน่นอน เพราะคุณคงไม่อยากดูเป็นคนอื่นในวันสำคัญของตัวเอง จริงไหมล่ะคะ

ดูเรื่องความสวยความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : chrysalissalon.com, bridalmusings.com

5 เคล็ดลับถ่ายรูปเซลฟี่แหวนแต่งงานยังไงไม่ต้องง้อแอปฯ

ฝ่ายชายได้ฤกษ์คุกเข่าขอแต่งงานสวมแหวนอย่างเป็นทางการสักที แล้วผู้หญิงอย่างเราจะเก็บเงียบไว้คนเดียวได้อย่างไรจริงไหมคะ แต่ๆๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งดีใจถ่ายรูปแหวนโดยเร็วไว้แล้วอัพโหลดในทันทีทันใดนะจ๊ะ ตั้งสติให้ดี จัดที่จัดทางให้เรียบร้อย เพราะแพรว wedding มีเทคนิค เซลฟี่แหวนแต่งงาน มาฝาก ใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจรับรองว่าเร็วไวอัพภาพได้ทันใจแน่นอน

1. แสงธรรมชาติยังไงก็รอด

แสงจากธรรมชาติจะช่วยให้แหวนเพชรเม็ดงามของคุณดูสวยงามและน่าหลงใหล เพราะฉะนั้นลองถ่ายข้างหน้าต่าง หรือพื้นที่ที่แหวนแต่งงานสามารถรับแสงจากธรรมชาติได้ รับรองว่าเพชรเม็ดงามของคุณจะง๊ามงามมากขึ้นไปอีก ว่าที่บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วฉันถ่ายในห้องไม่ได้เหรอ? ได้ค่ะ แต่อาจจะต้องทำใจสักนิดเพราะถ้าหากคุณถ่ายภายในห้องโดยมีเพียงแสงจากหลอดไฟ แสงฟลูออเรดเซนต์ หรือแสงไฟสีเหลืองจะทำให้เพชรของคุณดูไม่เจิดจ้า จึงเป็นปัญหาที่ว่าถ่ายยังไงก็ไม่สวยสักที เพราะฉะนั้นแสงจากธรรมชาติจะช่วยคุณได้แทบจะภายในช็อตเดียวด้วยซ้ำ

เซลฟี่แหวนแต่งงาน

2. หาเหลี่ยมมุมที่ดี

อย่ามั่นใจเกินไปด้วยการถ่ายเพียงภาพเดียวแล้วรีบโพสต์ทันที เพราะบางทีคุณอาจจะยังไม่ได้ได้มุมภาพที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นลองถ่ายภาพในแต่ละมุมเอาไว้เผื่อเลือกสักหน่อย อาจจะเป็นมุมท็อป มุมข้าง หรือเลือกเหลี่ยมมุมที่มือของคุณจะดูสวยที่สุดในแหวนเพชรเม็ดงาม และก่อนถ่ายอย่าลืมปิดแฟลชกันด้วยนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นภาพที่ออกมาอาจจะเป็นภาพสะท้อนแสงที่เจิดจ้าจนมองไม่เห็นแหวนก็ได้

3. เติมสีเล็บ ตัดแต่งเล็บให้พร้อม

แน่นอนว่าถ่ายภาพเซลฟี่แหวน นั่นแปลว่าคุณอยากอวดแหวนไม่ได้อยากอวดมือของคุณ แต่คงไม่ดีแน่หากภาพที่ออกไปคือสีเล็บที่กระดำกระด่าง หรือเล็บที่ยังไม่ได้ตัดแต่งไว้อย่างเรียบร้อย หรือแม้กระทั่งมือที่แห้งผากหยาบกระด้างก็คงไม่ดูดีในภาพถ่ายแน่ๆ เพราะฉะนั้นทำเล็บสวยพร้อมเมื่อไหร่ แล้วค่อยถ่ายเซลฟี่แหวนเก็บไว้จะดีกว่า แล้วก่อนถ่ายอย่าลืมเพิ่มความชุ่มชื้นให้มือสวยๆ ของคุณด้วยการทาโลชั่นสักหน่อย จากนั้นก็ครีเอตท่าสวยๆ ในแหวนเพชรเม็ดโตได้เลย รับรองงานนี้ได้อวดทั้งแหวน ได้อวดทั้งสีเล็บแน่นอน

4. หาแบ็กกราวนด์แบบใหม่ที่น่าตื่นเต้น

ได้เวลาปลดปล่อยความเป็นสไตลิสต์ในตัวของคุณออกมาอย่างเต็มที่ เพราะการมองหาฉากหลังที่สวยงามหรือมีลูกเล่นแปลกๆ ก็ช่วยเสริมภาพเซลฟี่แหวนของสาวๆ ให้ดูโดดเด่นได้ เช่น ฉากหลังเป็นภาพแมกกาซีนสวยๆ, บนหมอนดีไซน์เก๋ หรือจะเล่นกับพื้นหลังที่ธรรมชาติรังสรรค์มาให้อย่างเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับน้ำทะเลก็โรแมนติกดีเหมือนกันนะคะ

5. อย่าซูมภาพผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ

การถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือคุณอาจจะไม่ได้ไฟล์ภาพที่ชัดเท่ากับระดับกล้องตัวใหญ่ ยิ่งโดยเฉพาะโหมดซูมภาพก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เห็นแหวนเพชรเม็ดเป้ง ก็เพียงแค่ขยับกล้องมือถือเข้าไปให้ใกล้แหวนอีกสักนิดแทนการกดซูมภาพ เท่านี้คุณก็ได้ภาพเซลฟี่แหวนแต่งงานที่สวยงามไม่แพ้การถ่ายจากกล้องตัวใหญ่แล้วค่า

แล้วสุดท้ายก็แค่แชร์ไปให้โลกรู้ค่า!! อ่อ แล้วอย่าลืมเขียนแคปชั่นภาพหวานๆ หรือแท็กหาเพื่อนคนสนิทหรือคนในครอบครัวให้รู้ตัวกันด้วยนะจ๊ะ 

ถ่ายเซลฟี่อวดแหวนแต่งงานกันไปแล้ว แต่กว่าจะถึงวันแต่งงานแหวนหมั้นวงสวยอาจจะหมองไปแล้วหรือเปล่า!! นี่เลย ทำเถอะ! 5 เรื่องดีๆ ที่จะทำให้แหวนแต่งงานคงสภาพสวยปิ๊งตลอดกาล

ชุดแต่งงานสีบลัช เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวอย่างคุณหรือไม่? มาเช็คกัน

หลายปีที่ผ่านมานี้ชุดแต่งงานของเจ้าสาวไม่ได้จำกัดอยู่แค่สีขาวอีกต่อไป เพราะมีว่าที่เจ้าสาวหลายคนที่อยากแตกต่างด้วยการเลือกชุดแต่งงานที่มีลูกเล่นนอกเหนือไปจากรูปแบบของชุด ซึ่งก็คือเรื่องของ สี อย่างเช่น ชุดแต่งงานสีบลัช ช่วงหลังมานี้เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าสาวตะวันตกและเหล่าเจ้าสาวคนดังต่างๆ เป็นอย่างมาก (แมนดี้ มัวร์ ในชุดแต่งงานของแบรนด์ Rodarte … อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมระยะหลังมานี้เราถึงได้เห็นชุดแต่งงานเฉดสีบลัชบนรันเวย์มากขึ้น และได้รับความนิยมไม่ต่างจากชุดแต่งงานสีขาวหรือสีงาช้างเลย

แพรว wedding มีไกด์ง่ายๆ มาให้ว่าที่เจ้าสาวว่า ชุดแต่งงานสีบลัชนั้นดีอย่างไร เหมาะกับคุณหรือไม่ และจะแมตช์สีชุดเพื่อนเจ้าสาวอย่างไรดี … มาดูคำอธิบายถึงคำถามเหล่านี้กันเลย

 

จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณเหมาะกับชุดแต่งงานสีบลัช?

อันดับแรก คุณต้องเป็นว่าที่เจ้าสาวที่รักในความแตกต่าง มีสไตล์เป็นของตัวเอง และมีภาพตัวเองอยู่ในชุดแต่งงานที่อยากใส่อยากชัดเจนว่าต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ซึ่งหากมั่นใจว่าคุณจะไม่เสียใจหากเลือกที่จะใส่ชุดแต่งงานสีนี้ในวันสำคัญก็เป็นอันจบแล้วลุยไปข้างหน้า หรือถ้าหากคุณผ่านการไปลองชุดแต่งงานสีขาวหรือสีไอวอรี่มาเป็นสิบๆ ชุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ ไม่ถูกใจสักที บางทีชุดแต่งงานสีบลัชนี้อาจเป็นชุดแต่งงานที่เหมาะกับคุณก็ได้ ซึ่งข้อดีของคุณแต่งงานสีบลัชที่นอกจากจะทำให้ผู้สวมใส่ดูแตกต่างและโดดเด่นแล้ว ชุดแต่งงานสีบลัชยังเป็นเฉดสีที่สามารถเข้ากับโทนผิวสีต่างๆ ได้อย่างหลากหลายมากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แถมยังช่วยให้เจ้าสาวดูดี แตกต่าง และโดดเด่นในภาพถ่ายในวันสำคัญอีกด้วย

ชุดแต่งงานสีบลัชช่วยให้เจ้าสาวดูสวยแบบแตกต่าง

ทุกสิ่งที่เจ้าสาวเลือกมาไว้ในงานแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็น ธีมงาน ธีมสี หรือธีมเดรสโค้ด ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตน บุคลิก และสไตล์ของคุณ เช่นเดียวกับชุดแต่งงาน ไม่ว่าจะรูปแบบชุดยาว ชุดสั้น และแม้กระทั่งสี ก็สามารถสะท้อนถึงตัวตนของเจ้าสาวได้ เพราะฉะนั้นหากคุณคือเจ้าสาวที่มีความมั่นใจ รักในความแตกต่าง และมีสไตล์ที่ชัดเจน ชุดแต่งงานสีบลัชก็ถือว่าตอบโจทย์ตัวตนของคุณได้ดีที่สุด แต่ถ้าหากสาวๆ ยังลังเลว่าชุดแต่งงานสีนี้จะดูไม่ดี ดูไม่เป็นเจ้าสาว หรือจะไปกับงานแต่งงานของเราได้ไหมนะ? เราขอบอกเลยว่า ชุดแต่งงานสีบลัชนี้ จะเป็นเฉดสีที่ดีพอที่จะไม่ไปกวนกับแบ็กดร็อป พร็อพส์ประกอบต่างๆ หรือการตกแต่งใดๆ ในงานแต่งงาน และที่สำคัญคุณจะยังดูโดดเด่นในวันสำคัญและเป็นเจ้าสาวแสนหวานที่เป็นตัวของตัวเองในชุดแต่งงานสีนี้แน่นอน

ชุดเจ้าสาวสีบลัช แล้วชุดเพื่อนเจ้าสาวต้องสีอะไร?

อย่าเพิ่งกังวลใจจนคิดจะถอยจากชุดแต่งงานสีบลัชซะก่อนนะ เพราะเรื่องนี้เรามีทางออก อันดับแรก เจ้าสาวต้องคิดไว้เสมอว่า “ฉันต้องโดดเด่นที่สุด” จากนั้นก็เพียงแค่หาเฉดสีกลางๆ มาแมตช์ทุกอย่างให้เข้ากัน ซึ่งเฉดสีที่จะไปได้ดีกับสีบลัชและไม่ขโมยซีนก็คือ เฉดสีกลางๆ อย่าง สีขาว, สีไอวอรี่ หรือ สีนู้ด เป็นต้น แต่ถ้าเจ้าสาวกลัวว่าสีเหล่านี้จะดูใกล้เคียงกับสีชุดของตัวเองไปหรือเปล่า ก็ต้องให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวเลือกชุดที่เป็นสีเข้มไปเลย อย่าง สีน้ำเงินหรือสีม่วง รับรองว่าเจ้าสาวจะดูโดดเด่นท่ามกลางแก๊งเพื่อนสาวแน่นอน

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest.com

อวบแค่ไหนก็ไม่กลัว กับเคล็ดลับเลือกชุดไทยพรางหุ่นยังไงให้สวยเป๊ะ

การเลือก ชุดไทย เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่าลำบากใจสำหรับว่าที่เจ้าสาวอยู่ไม่น้อย เพราะปัจจุบันชุดไทยนั้นมีมากมายหลากหลายแบบให้เลือก ซึ่งบางครั้งเลือกให้สวยหรือเลือกที่ชอบอย่างเดียวก็ไม่รอดนะคะ แต่ต้องเลือกให้สามารถอำพรางจุดบกพร่องต่างๆ ในร่างกายของเจ้าสาวได้ด้วย แพรว wedding เลยจัด เคล็ดลับเลือกชุดไทย พรางหุ่นยังไงให้สวยปังมาฝาก 

1. สีเข้มช่วยให้ดูผอม

ชุดไทยจากร้านเจ้านาง เวดดิ้ง

 

ถ้าคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวพลัสไซส์เราแนะนำให้คุณเลือกชุดไทยที่มีสีเข้มไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นสีม่วง สีน้ำเงิน สีน้ำตาล สีเขียวเข้ม และสีโทนเข้มอื่นๆ เพราะจะช่วยให้หุ่นดูเพรียวขึ้น พรางตาให้ความหนาของเรือนร่างลดลง แต่ถ้าเผลอพลาดไปเลือกชุดสีโทนสว่าง เราก็ขอให้สีนั้นเป็นช่วงบน อย่าเลือกที่เป็นสีอ่อนทั้งบนทั้งล่าง เพราะมันจะทำให้หุ่นของคุณดูตัน ใหญ่ และเทอะทะมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเลือกเฉดสีเข้มที่เข้ากับโทนสีผิวของเจ้าสาวด้วยนะคะ

เจ้าสาวผิวขาวเหลือง เหมาะกับชุดไทยสีชมพู, สีแดง-ทอง, สีทอง
เจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้ง เหมาะกับชุดไทยสีโอลด์โรส, สีทอง, สีมชมพู
เจ้าสาวผิวขาว เหมาะกับชุดไทยสีเงิน, สีชมพูอ่อน, สีฟ้าอ่อน

เพราะฉะนั้นก่อนเลือกเฉดสีที่ชอบก็ลองให้ช่างที่ร้านแมตช์สีที่ใช่ที่ช่วยพรางหุ่นของเจ้าสาวได้ด้วยนะคะ

2. ชุดมีแขนพรางแขนให้ดูเล็ก

ชุดไทยจากร้านเรือนวิวาห์ ชลบุรี

 

ชุดไทยมีแขนอย่างชุดไทยบรมพิมานเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้าสาวอวบนะคะ เพราะจะช่วยพรางช่วงต้นแขนที่เป็นปัญหาใหญ่ทำให้สาวอวบขาดความมั่นใจ แต่อย่าเลือกชุดที่แขนพองเกินไปเพราะเดี๋ยวจะยิ่งพองไปกันใหญ่ หรือเจ้าสาวคนไหนที่อยากได้ความอ่อนหวานมากขึ้นอีก จะลองเป็นชุดไทยประยุกต์แขนยาวก็เข้าท่า แล้วเลือกเนื้อผ้าลูกไม้ซีทรูก็ช่วยพรางอกและพรางแขนได้เช่นกัน แต่ระวังอย่าเลือกชุดที่มีผ้าระบายบริเวณแขนเยอะเพราะจะยิ่งทำให้แขนและไหล่ดูใหญ่ขึ้นไปอีก และควรเลือกลายลูกไม้ที่ดอกใหญ่ก็จะช่วยพรางไซส์หุ่นได้ดีเหมือนกัน

3. สไบหน้าแคบจับจีบเล็ก แลดูน่าทะนุถนอม

ชุดไทยจากร้านวสันต์ ชุดไทย

 

ใครว่าเจ้าสาวพลัสไซส์จะใส่ชุดไทยห่มสไบไม่ได้คะ จริงๆ แล้วใส่ได้และสวยด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยจักรพรรดิ หรือ ชุดไทยจักรี ก็ใส่ได้แบบไร้ความกังวลใจใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่เจ้าสาวต้องเลือกสไบหน้าแคบลงมาหน่อย และห้ามเลือกสไบจีบใหญ่มาเด็ดขาดไม่อย่างนั้นไซส์เจ้าสาวจะดูใหญ่แบบคูณสองเข้าไปอีก และถ้าหากผ้าสไบมีลายดอกก็ขอให้เป็นดอกเล็กๆ เพราะถ้าเลือกสไบผืนใหญ่แถมลายดอกยังใหญ่อีก ทุกอย่างก็จะทำให้คุณดูใหญ่ ใหญ่ และใหญ่! มากขึ้น

ชุดไทยจากร้าน Milan Bridal Couture & Wedding Studio

แถมให้อีกนิดสำหรับเจ้าสาวไซส์ใหญ่ที่ไม่อยากใส่สไบเพราะกลัวหลุด และก็ไม่อยากใส่ชุดมีแขนเพราะอึดอัด ประมาณว่ามีทางสายกลางให้ฉันเลือกไหม?  เราตอบเลยว่า มีค่ะ! ชุดไทยดุสิตน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ด้วยช่วงบนเป็นเสื้อแขนกุด คอกว้าง ทั้งชุดตัดเข้ารูปเล็กน้อยช่วยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง เน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน รับรองว่าสวยแบบเป๊ะปัง (ถ้ามั่นใจในต้นแขน) ยังไงเราก็ขอให้ว่าที่เจ้าสาวไซส์บิ๊กทั้งหลายแฮปปี้ในการเลือกชุดไทยนะจ๊ะ

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพเปิด ชุดจากร้าน Costum Cafe

สคริปต์ขอบคุณแขกงานแต่งอย่างง่าย พร้อมลำดับความสำคัญขอบคุณใครก่อนหลังดี

เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องกล่าวขอบคุณผู้ที่มีความสำคัญในงานแต่งบนเวที หลายคู่ถึงกับออกอาการเงอะงะทำอะไรไม่ถูก เกี่ยงกันถือไมค์โยนไปมา เราขอเป็นตัวช่วยจัดระเบียบความคิดและลำดับความสำคัญในการ ขอบคุณแขกงานแต่ง รับรองว่างานนี้ไม่มีพลาดแน่นอน

ประธานในพิธี

ในเมื่อเชิญท่านมาเป็นเกียรติในงานแต่งงานแล้วก็ควรที่จะกล่าวคำขอบคุณถึงเป็นคนแรก โดยต้องพูดชื่อ-นามสกุลให้เป๊ะไม่ผิดเพี้ยน (แนะนำให้ซักซ้อมหรือถามจากผู้ใหญ่เพื่อเช็คความถูกต้องก่อน) ส่วนตำแหน่งอาจจะไม่ต้องกล่าวถึงก็ได้เนื่องจากพิธีกรของงานอาจได้มีการพูดถึงไปแล้วในช่วงที่เชิญท่านขึ้นมาบนเวที ส่วนในกรณีที่มีประธานเกิน 1 ท่านควรเรียงลำดับจากคนที่ขึ้นเวทีก่อนเป็นคนแรกเพื่อป้องกันการสับสนและเป็นการเรียงลำดับความสำคัญไปด้วยในตัว

คุณพ่อคุณแม่

บอกเลยว่าสำคัญมากและขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะท่านคงกำลังรอฟังความในใจอยู่แน่นอน (บางท่านอาจเตรียมผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไว้แล้วด้วยซ้ำใครจะรู้) ซึ่งลำดับการกล่าวขอบคุณบุพการีนั้น  ควรขอบคุณพ่อแม่ของอีกฝ่ายก่อนเพื่อเป็นการให้เกียรติ แล้วจึงกล่าวคำขอบคุณพ่อแม่และครอบครัวของตัวเองเป็นการปิดท้าย แบบนี้รับรองได้ใจไปเต็มๆ

ญาติผู้ใหญ่

ในกรณีที่มีญาติอาวุโสกว่าพ่อแม่ แนะนำให้กล่าวถึงท่านต่อจากประธานในงานเลย เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรเช็คให้ดีว่าญาติผู้ใหญ่ท่านใดที่พ่อแม่ให้ความเคารพ และจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึง เพื่อให้เกิดความสบายใจภายในครอบครัว ไม่มานั่งน้อยอกน้อยใจกันภายหลัง

เพื่อนพ้อง & พ่อสื่อแม่ชัก

อย่าหลงลืมความสำคัญของแก็งค์เพื่อนซี้ที่มาช่วยลงแรงในงานนี้เพราะเขาเหล่านี้มาช่วยด้วยใจล้วนๆ การตอบแทนที่ดีที่สุดก็คือคำขอบคุณซึ้งๆ ที่อาจมีค่ามากกว่าการให้สิ่งของเป็นไหนๆ ส่วนบ่าวสาวคู่ไหนที่มีพ่อสื่อแม่ชักแนะนำให้เจอกันยิ่งจำเป็นที่จะต้องขอบคุณ เพราะหากไม่มีคนที่ทำหน้าที่เป็นกามเทพก็คงไม่มีคนข้างกายให้คุณได้ยืนกุมมือในเวลานี้แน่นอน

คนข้างกายที่จะเป็นคนสุดท้ายของชีวิต

หนึ่งบุคคลสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตของคุณสมบูรณ์แบบ แค่เพียงคำพูดที่กลั่นมาจากใจประมาณว่าว่า “ขอบคุณที่เธอเกิดมาเพื่อมาพบและรักกัน ต่อจากนี้จะดูแลให้ดีไปตลอดชีวิต” แล้วหันไปหอมแก้มสักฟอด รับรองว่าเป็นคำขอบคุณที่แสนจะยิ่งใหญ่และอิ่มใจไม่แพ้แหวนเพชรหลายกะรัตแน่นอน

รู้อย่างนี้แล้วตั้งสติให้ดี สูดหายใจลึกๆ แล้วกล่าวคำขอบคุณออกมาด้วยความจริงใจ เท่านี้ก็ช่วยให้บ่าวสาวจบงานได้อย่างสวยงามแล้ว

ดูไอเดียงานแต่งและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : stocksnap.io

เคล็ด(ไม่)ลับใส่ชุดเจ้าสาวแบบไร้อุปสรรค ที่รู้แล้วต้องบอกต่อ

วันนี้แพรว wedding มีเคล็ดลับสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการมีช่วงเวลาใน ชุดเจ้าสาว แสนสวยของตนอย่างราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ มาฝากกัน  เพื่อให้คุณได้มีช่วงเวลาดื่มด่ำกับความสุขในวันงานได้อย่างเต็มที่ ให้คุณใส่ชุดเจ้าสาวได้อย่างไร้กังวลแบบที่ไม่ต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลัง กับ 3 ข้อควรจำสุดเบสิกตามนี้เลยค่า

 

อย่าใส่ชุดที่เล็กเกินไป

เข้าใจว่าชุดเจ้าสาวบางแบบก็มีการออกแบบไซส์มาตรฐานเป็นของตัวเอง แต่ก็ใช่ว่าเจ้าสาวทุกคนจะมีขนาดตัวเท่ากันหมด ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกตกลงปลงใจกับชุดไหนก็ตาม แต่ขนาดอาจจะไม่ได้พอดีกับคุณมากนัก หรือบางส่วนของช่วงตัวที่รู้สึกว่าถูกบีบจนเกินไป พูดง่าย ๆ ว่าใส่แล้วรู้สึกไม่สบายตัว หรือคุณต้องยอมลดอาหารบางมื้อเพื่อที่ว่าคุณจะได้ใส่ชุดได้อย่างพอดี บอกเลยว่ามันไม่คุ้มกันหรอก เพราะนอกจากจะขยับเขยื้อนได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังพาลให้คุณเป็นเจ้าสาวที่หน้าหงิกตลอดทั้งงานด้วย

เลือกเนื้อผ้าที่ไม่หนาเกินไป

เมืองไทยเป็นเมืองร้อน สิ่งที่เจ้าสาวทุกคนควรพึงระวังที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นคือการเลือกเนื้อผ้าสำหรับชุด เพราะรูปแบบของชุดเจ้าสาวส่วนใหญ่มักมีหลายส่วนหลายเลเยอร์ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่อยากเป็นเจ้าสาวที่ชุ่มเหงื่อ เพราะต้องแบกชุดหนา ๆ เอาไว้ ทางที่ดีคุณควรปรึกษาเรื่องเนื้อผ้ากับดีไซเนอร์ให้ชัดเจน เอาที่สวมแล้วคุณรู้สึกสบายเป็นหลักดีที่สุดค่ะ

ใส่ชุดชั้นในที่พอดีตัว

ในวันแต่งงานเจ้าสาวควรสวมชุดชั้นในที่สบายตัว ไม่ควรลองใช้หรือสวมอะไรใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นชินหรือเคยใช้มาก่อน ส่วนเจ้าสาวที่ต้องการจะสวมเสื้อทรงคอร์เซ็ท เราแนะนำว่าควรเลือกแบบพอดีตัว ไม่หลวมหรือตึงจนเกินไป เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดกับร่างกาย และทำให้เจ้าสาวเคลื่อนไหวได้สะดวกและเป็นธรรมชาติ ส่งเจ้าสาวให้ดูสวยโดดเด่น

เห็นมั้ยคะว่าง่ายสุดๆไปเลย เพราะฉะนั้นสาวๆอย่ามองข้ามเรื่องพื้นๆแต่สำคัญสุดๆเหล่านี้เชียวนะคะ แล้วจะหาว่าแพรว wedding ไม่เตือนน้า 😉

ติดตามไอเดีย คำแนะนำ และแบบชุดแต่งงานสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr. lover.ly, brides.com