แหวนแต่งงานสวยๆ แบบนี้ เหมาะกับนิ้วแบบไหน ถึงจะทำให้มือดูสวยสมเป็นเจ้าสาว

แหวนแต่งงานสวยๆ เลือกยังไงให้เหมาะกับนิ้ว ไปดูกัน

แหวนแต่งงานสวยๆ เป็นแหวนที่จะอยู่คู่กับนิ้วนางข้างซ้ายไปอีกนานแสนนาน เพราะฉะนั้นจะเลือกแหวนทั้งที  นอกจากจะเลือก แหวนแต่งงาน ให้ตรงใจแล้ว ก็ควรเลือกให้เหมาะกับนิ้วด้วยจะได้ยิ่งดูดี ส่งเสริมให้ทั้งนิ้วทั้งแหวนส่องประกายเจิดจ้าจนใครๆ อิจฉา

 

นิ้วสั้นๆ

แหวนแต่งงาน

 

สาวนิ้วสั้นมักมีปัญหาในการเลือก แหวนแต่งงานสวยๆ แนะนำว่าเลือกหัวแหวนที่มีความโค้งเล็กน้อย อย่างทรงหยดน้ำ ทรงรูปไข่ หรือทรงรูปหัวใจที่มีทั้งความโค้งและแหลมยิ่งส่งเสริมให้นิ้วดูเรียวยาวมากขึ้น ส่วนตัวเรือนแหวนก็ไม่ควรหนาหรือบางเกินไป อีกข้อที่ห้ามพลาดคือ เลี่ยงหัวแหวนทรงเหลี่ยม ทรงยาว และทรงกลมให้ไกล ถ้าไม่อยากให้นิ้วสั้นๆ ยิ่งสั้นหนักกว่าเดิม

 

นิ้วเจ้าเนื้อ

แหวนแต่งงาน

สาวที่นิ้วและมืออวบอูมเนื้อเยอะ แหวนแต่งงานสวยๆ ที่เหมาะสมที่สุดคือหัวแหวนที่มีความยาวเรียวอย่าง ทรงหยดน้ำ ทรงรูปไข่ หรือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ในขณะที่ตัวเรือนแนะนำว่าเน้นที่บางๆ เพราะยิ่งหนา ยิ่งทึบ นิ้วก็ยิ่งดูอ้วน และห้ามซื้อแหวนที่มีไซส์เล็กเด็ดขาดเพราะจะยิ่งบีบเนื้อให้ล้นทะลัก ตอกย้ำความเจ้าเนื้อเข้าไปอีก

 

นิ้วข้อใหญ่

 แหวนแต่งงาน

ไม่ว่าข้อจะใหญ่เพราะโครงสร้างกระดูก หรือเพราะชอบหักข้อก็แล้วแต่ แต่หากต้องเลือก แหวนแต่งงานสวยๆ มาใส่ ขอแนะนำให้เลือกแหวนที่หัวแหวนมีหน้ากว้างบดบังข้อที่ใหญ่ ในขณะที่ตัวเรือนแหวนก็ควรเลือกที่มีความสูงขึ้นมาปกปิดข้อนิ้วเลยได้ยิ่งดี แต่หากเลือกตัวเรือนแหวนที่มีความใหญ่โตแบบนั้นแล้ว ควรต้องเลือกหัวแหวนที่มีความโค้งมนด้วย เพื่อไม่ให้รู้สึกแข็งทื่อจนเกินไป

 

นิ้วผอมยาว

แหวนแต่งงาน

ใครว่าผอมยาวแล้วจะดี นิ้วแบบนี้ก็มีปัญหาในการเลือก แหวนแต่งงานสวยๆ อยู่เหมือนกัน เพราะหากเลือกผิดนิ้วก็จะยิ่งดูลีบ เล็ก น่ากลัว สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการเลือกหัวแหวนทรงกลมที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วมือ และห้ามเด็ดขาดสำหรับหัวแหวนแต่งงานทรงยาวเพราะจะยิ่งทำให้นิ้วดูยาวจนน่ากลัว

 

นิ้วเรียวสวย

แหวนแต่งงาน

ผู้หญิงคนไหนที่มีนิ้วมือแบบนี้ บอกเลยว่าน่าอิจฉาเป็นที่สุด! อยากจะใส่ แหวนแต่งงานสวยๆ แบบไหนก็เลือกได้เลยตามใจชอบ เพราะใส่ยังไงก็สวย เข้าได้ดีกับแหวนทุกแบบ ทุกสไตล์ ชิ!!

 

ปล.สำหรับหนุ่มๆ ที่อยากเซอร์ไพรส์สาวๆ แต่ยังไม่ได้แอบวัดขนาดนิ้วมา แถมยังไม่รู้ว่าจะเลือก แหวนแต่งงานสวยๆ ไซส์ไหนดี ขอกระซิบบอกสัดส่วนนิ้วสาวไทยสักหน่อย ว่าปกติแล้วสาวไทยจะใส่แหวนประมาณไซส์ 52 แต่จะซื้อใหญ่กว่านี้ไปหน่อยก็ได้ เพราะถ้าคับไปใส่ไม่ได้แล้วสาวเจ้าจะนอยด์เอาได้ แต่ถ้าหลวมไปไม่เป็นไรเพราะสามารถให้ร้านเขาปรับไซส์ได้ไม่มีปัญหา

ภาพ Pinterest

มีแบบแหวนแต่งงานสวยๆอีกเพียบ คลิกเลย

ส่องแหวน ที่หนุ่มจัสตินให้แฟนสาวสุดที่รัก

เตรียมให้ดี คำถามเหล่านี้อย่าลืมเช็กให้ดีกับ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว

อย่าเพิ่ง say yes หากคุณยังไม่ได้เช็กคำตอบเหล่านี้จาก ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว

เพราะในงานแต่งงานว่าที่บ่าวสาวจะต้องมีเรื่องให้เช็ก ให้ถามมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าคุณอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องที่มีดีเทลใหญ่ๆ ก่อน จนลืมเรื่องใกล้ตัวอย่างเรื่องความสวยความงามอย่างเรื่อง ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว ซึ่งแน่นอนว่าพอเป็นเรื่องความสวยความงาม คุณว่าที่เจ้าบ่าวก็จะต้องยกเรื่องนี้ให้สาวๆ ดูแล แพรว wedding เลยมาเตือนให้สาวๆ ได้รู้ตัวว่าอย่าลืมเช็กคำตอบเหล่านี้ให้ดีก่อนที่จะจ้างช่างแต่งหน้าทำผมมาในวันงานนะจ๊ะ

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว แล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า ซึ่งปัจจุบันว่าที่บ่าวสาวก็สามารถเช็กด้วยตัวเองง่ายๆ ผ่านทางเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรมส่วนตัวของตัวช่าง หรือเช็กจากรีวิวจากบ่าวสาวตัวจริงก็ยังได้

2. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

ต้องมีการวางมัดจำช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณ

3. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวก็ยกเลิกกะทันหัน ไม่สามารถมาแต่งหน้าทำผมให้ได้ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง หรือบอกว่าจะแต่งเอง แต่สุดท้ายกลับส่งทีมลูกน้องให้มาดูแล จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง

ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว

4. ลองแต่งหน้า ทำผมก่อนวันจริงช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวคิดเงินเพิ่มหรือไม่ ราคาเท่าไหร่

5. ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวใช้เวลาแต่งหน้า ทำผม นานแค่ไหน และอย่าลืมถามเผื่อ หากช่างต้องดูแลคุณแม่ หรือแก๊งเพื่อนเจ้าสาวด้วย

6. ในกรณีแต่งงานที่ต่างจังหวัดช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาว คิดค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาอย่างไร รวมถึงถ้าต้องค้างคืน ค่าจ้างแต่งหน้า ทำผมนั้นรวมค่าที่พักและค่าเดินทางแล้วหรือยัง

7. ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวจะอยู่เติมหน้าและดูแลทรงผมให้จนจบงานหรือเปล่า

8. ในกรณีที่มีทีมงานมาใครเป็นผู้ลงมือแต่งหน้าทำผมให้ เป็นตัวช่างใหญ่เอง หรือทีมลูกน้อง ต้องระบุให้ชัดเจน

9. หากแต่งหน้าให้ญาติพี่น้องของบ่าวสาวด้วย ช่างแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวจะคิดค่าแต่งเพิ่มเท่าไร และรับแต่งให้ได้เต็มที่กี่คน รวมไปถึงใช้เวลาในการแต่งหน้าทำผมนานแค่ไหนด้วย

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความสวยความงามเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, stocksnap.io

แจกสคริปต์! พิธีสงฆ์ สำหรับพิธีงานแต่งงานไทยเวอร์ชั่น 2 ภาษา

แจกสคริปต์! พิธีสงฆ์ งานแต่งไทย 2 ภาษา งานนี้เลี้ยงพระได้ถูกต้องตามหลักพิธีการแน่นอน

พิธีสงฆ์
• บ่าวสาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและกราบพระ จากนั้นพระสงฆ์เริ่มสวดมนต์ (บ่าวสาวนั่งพนมมือ)
• ในระหว่างนี้จะมีช่วงที่บ่าวสาวจุดเทียนน้ำมนต์แล้วประเคนแด่พระสงฆ์ (น้ำมนต์นี้จะเก็บไว้ผสมน้ำสำหรับพิธีรดน้ำสังข์ต่อไป)
• เมื่อพระสงฆ์สวดมนต์จบ บ่าวสาวถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
• พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเสร็จ บ่าวสาวถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จากนั้นเป็นการกรวดน้ำเพื่ออุทิศบุญกุศล
• พระสงฆ์เจิมหน้าผากให้บ่าวสาวและพรมน้ำพระพุทธมนต์
หมายเหตุ : อาจปรับเปลี่ยนเป็นทำบุญตักบาตรเช้าก่อนเริ่มแห่ขันหมากเพื่อความสะดวก
The Monk Ceremony
              • The groom and the bride light the candle and joss sticks to pay respect to the Triple Gem and prostrate. After that, the monks start chanting. (The groom and the bride sit putting their hands together in a prayer position.)
              • During the chanting, the groom and the bride light a candle over a bowl of holy water. (This holy water will be kept for the blessed water pouring ceremony later.)
              • Once the monks finish their chant, the groom and the bride bring them food.
              • After the monks finish their meal, the groom and the bride provide the offerings to the monks and then pour the water to pass on the merits.
              • A monk marks the foreheads of the groom and the bride before sprinkling the holy water on them.
NOTE: The ceremony can be changed into an alms-giving ceremony early morning before the Khan Maak procession starts.

Read More : แจกจ้า!! สคริปต์งานแต่งสำหรับพิธีปูเตียงเรียงหมอนเวอร์ชั่น 2 ภาษา

รู้ไว้ไม่งง นั่งอย่างไรให้ถูกต้องในพิธีรดน้ำสังข์

ใน พิธีรดน้ำสังข์ หลายคนไม่แน่ใจว่าคู่บ่าวสาวจะต้องนั่งอย่างไรถึงจะถูก บ้างก็ว่าชายนั่งซ้ายหญิงนั่งขวา บ้างก็ให้ชายนั่งขวาหญิงนั่งซ้าย แล้วตกลงที่ถูกต้องมันคืออะไร

ตามความเชื่อของโบราณนั้นให้ชายนั่งด้านขวา เพราะถือว่าผู้ชายเป็นผู้นำครอบครัว เปรียบเสมือนช้างเท้าหน้า และผู้หญิงให้นั่งด้านซ้ายก็เปรียบเสมือนช้างเท้าหลัง ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน เป็นการเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่ของตนเองที่จะเต็มไปด้วยสิริมงคล

ลำดับพิธีเริ่มจากเมื่อถึงฤกษ์รดน้ำ คู่บ่าวสาวจะขึ้นไปนั่งบนตั่งรดน้ำ โดยหันหน้าไปทางทิศที่โหรกำหนด ให้ชายนั่งด้านขวาและหญิงนั่งด้านซ้าย จะมีคนคอยตักน้ำพระพุทธมนต์เพื่อส่งให้ผู้ที่จะรดน้ำอวยพร โดยเริ่มจากประธานในพิธีจะเป็นผู้สวมมงคลและเจิมหน้าผากให้แก่คู่บ่าวสาว แล้วจึงรดน้ำพร้อมทั้งกล่าวคำอวยพร จากนั้นพ่อแม่ของคู่บ่าวสาวจึงรดน้ำ และเรียงตามลำดับอาวุโสไปเรื่อยๆ จนครบ

แอบกระซิบสักนิดเกี่ยวกับเคล็ดบางอย่าง หลังพิธีรดน้ำสังข์เสร็จสิ้น ฝ่ายที่ลุกขึ้นก่อนจะได้เป็นผู้ที่อยู่เหนือคู่ครองของตน ถ้าเดาไม่ผิดสาวๆ หลายคนคงจะรีบเก็บเคล็ดนี้เอาไว้ใช้ในงานของตัวเองเลยใช่ไหมล่ะคะ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลจาก: wedding.kapook.com, weddingatthailand.com, formumandme.com
ภาพเปิด : Doglookplane

รวมวิธีเลือก โต๊ะจีน อย่างไรให้แขกอิ่มครบจบในงานเดียว

การเลือกจัดงานเลี้ยงแบบ โต๊ะจีน เรามักพบเห็นบ่อยมากที่สุด อาจเพราะช่วยเบาแรงบ่าว-สาวไม่ต้องวุ่นวายกับการจัดการเรื่องที่นั่งและอาหารมากนัก ในวันงานแต่งงานเพียงแค่เชิญแขกมานั่งประจำโต๊ะที่ได้จัดเตรียมไว้และรออาหารเสิร์ฟตามลำดับ เท่านี้แขกทุกท่านก็อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าแล้วค่ะ

เลือกอาหาร โต๊ะจีน แบบคุ้มค่า คุ้มราคา อร่อยถูกใจทุกคน

เห็นมั้ยคะบ่าว-สาวก็สบาย ส่วนแขกก็สะดวก จึงได้เป็นที่นิยมในการจัดงานเลี้ยงฉลอง แต่ความสะดวกสบายอาจแลกมาด้วยความเสี่ยงก็ได้นะคะใครจะไปรู้ เพราะธุรกิจโต๊ะจีนมีมากมายหลายเจ้า เราไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าเด็ดที่เราเลือกจะถูกใจแขกในงานคุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหม ซึ่งของแบบนี้มันก็มีวิธีเลือกอยู่เหมือนกันน้า

 โต๊ะจีน

1. เลือกจากคำแนะนำของคนที่เคยมีประสบการณ์ใช้บริการจัดโต๊ะจีนมาก่อน ใช้การสอบถามจากคนรอบข้างที่เคยมีประสบการณ์จัดงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ขอคำปรึกษาแนะนำเผื่อคุณจะได้เจ้าเด็ดที่ได้รับการการันตีจากคนรู้จักแล้วดูคุณภาพเรื่องการบริหารงานและรสชาติ หากถามคนรอบตัวแล้วได้คำตอบว่าเจ้าที่เคยมาจัดให้ไม่เวิร์ค! ให้ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ค่ะ หาข้อมูลอ่านรีวิวจากหลายช่องทางแล้วทำตามขั้นตอนต่อไปได้เลย

2. ทดลองชิม เรื่องของกินดูด้วยตาเปล่าไม่ได้ค่ะต้องเชื่อมั่นในปากของตัวเองเป็นหลัก ดังนั้นต้องไปชิมให้ถึงที่ หาข้อมูลเลือกร้านที่ถูกโฉลกแล้วสอบถามรายละเอียดให้เรียบร้อยทางร้านก็จะนำอาหารมาเสิร์ฟในเมนูที่คุณสนใจให้ทดลองชิมฟรี สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าก่อนการตัดสินใจเลือก แนะนำควรเลือกร้านที่มีรสชาติกลางๆ ที่คิดว่าถูกปากคนส่วนใหญ่ ไม่เลือกร้านที่ทำอาหารรสชาติจัดจ้านเกินไป เพราะต้องอย่าลืมว่าในงานอาจมีญาติๆ ของคุณที่เป็นน้องๆ หนูๆ มาร่วมงานด้วย สำหรับเมนูอาหารของโต๊ะจีนส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่  ออเดิร์ฟพวกขนมขบเคี้ยว อาหารจานร้อนประเภทต้มๆ น้ำๆ ทั้งหลาย ตามด้วยอาหารประเภทอบหรือนึ่ง อาหารที่เป็นข้าวหรือจำพวกเส้น และมีขนมหวานปิดท้ายค่ะ

3. งบประมาณที่ได้ตั้งไว้ ศึกษาเรทราคาของโต๊ะจีน ซึ่งขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณโต๊ะละ 1,200 บาทขึ้นไปและยิ่งงานแต่งงานของคุณต้องใช้โต๊ะจีนหลายโต๊ะราคาก็ถูกลงไปอีก ถ้าเกิดคุณหาได้ราคาถูกกว่านี้ให้สอบถามรายละเอียดให้ดี เผื่อบางที่จะจัดโปรโมชั่นเรียกลูกค้าช่วยคุณประหยัดงบได้อีกทางนะคะ

4. ดูจากการให้บริการ สามารถดูได้จากตอนคุณไปชิมอาหารที่ร้านว่าเขามีการบริการที่ดีไหม ยินดีที่จะให้คุณทดลองชิมอาหารก่อนได้หรือเปล่า อย่าลืมให้ทางร้านแจกแจงรายละเอียดการทำงานว่าส่วนของโต๊ะจีนนั้นมีการบริการและรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้าง ต้องเลือกจากการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าอย่างเราก่อนถึงเชื่อได้ว่าทางทีมงานจะช่วยดูแลแขกของเราได้ ขอบอกเลยนะคะการบริการที่ดีสำคัญไม่แพ้รสชาติอาหารที่อร่อยเลยล่ะค่ะ

5. เลือกจากสิ่งที่คุณต้องการ จากทุกข้อที่กล่าวมาด้านบนให้คุณเลือกว่าต้องการสิ่งไหนมากที่สุด อย่างเช่น ต้องการเน้นรสชาติอาหารที่อร่อยที่สุด คุณก็ต้องเลือกร้านที่อร่อยแต่อาจมีราคาแพงกว่าร้านอื่นขึ้นมาหน่อยก็ต้องยอมแลกกันนะคะ แต่ถ้าคุณทั้งคู่มีเวลามากพออาจสามารถหาร้านรับทำโต๊ะจีนที่มีทั้งรสชาติอร่อย การบริการดีเยี่ยม แถมราคาย่อมเยาว์…เชื่อเหอะต้องมีสักร้านแหละที่ตอบโจทย์คุณได้

ติดตามเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพจาก : says.com, bigonioncaterer.com.my

4 อุปกรณ์ดูแลชุดเจ้าสาวยามฉุกเฉิน เพื่อวันแต่งงานผ่านฉลุย!

สำหรับวันนี้ ตัวช่วยที่ แพรว wedding จะบอกให้ว่าที่เจ้าสาวเตรียมไว้อย่าได้ลืมใน วันแต่งงาน เป็นตัวช่วยสำหรับชุดเจ้าสาว และเครื่องประดับสวยๆ โดยเฉพาะ จะมีอะไรบ้างไปเริ่มดูกันเลยค่ะ

 

กรรไกร

แน่นอนว่าชุดเจ้าสาวที่แม้ว่าจะตัดเย็บมาเนี้ยบแค่ไหนก็ตาม บางครั้งก็อาจจะมีอาการด้ายรันหรือเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่นชายกระโปรงลุ่ยเพราะแขกเหยียบชายกระโปรง การเตรียมกรรไกรไว้ก็เพื่อการณ์นี้แหละคะ ด้ายรันมาเมื่อไหร่ ตัดทิ้งเก็บรายละเอียดได้ทันที

เข็มด้ายและเข็มกลัด

วันแต่งงาน

อย่าเพิ่งคิดว่าชุดที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างเนี้ยบแล้วจะไม่ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ เพราะบางทีคนที่ต้องใช้อาจไม่ใช่เจ้าสาวแต่เป็นคุณเจ้าบ่าวที่ต้องการย้ำกระดุมให้แน่นขึ้น หรือบางทีในการทำผมก็อาจต้องใช้ด้ายเข็มร้อยเก็บแฮร์พีชก็เป็นได้ นอกจากนี้บรรดาเพื่อนเจ้าสาวหรือแม้แต่เด็กน้อยในขบวนที่อาจจะต้องอารนำดอกไม้มาร้อยติดที่ข้อมือก็อาจต้องการใช้เข็มด้ายเป็นตัวช่วยยึดไงคะ

ลูกกลิ้งกาว

วันแต่งงาน

สำหรับบ่าวสาวที่รักสัตว์น่าจะคุ้นเคยกับลูกกลิ้งกาวนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ขนน้องหมาน้องแมวหลุดออกไปจากเสื้อผ้าได้โดยที่เสื้อผ้ายังไม่ยับ ในวันแต่งงานจึงควรมีเตรียมไว้ เพื่ออย่างน้อยๆ แม้จะไม่มีสัตว์เลี้ยงในโรงแรม แต่เอาไว้เก็บความเรียบร้อยบนสูทเจ้าบ่าวได้

กาว

“กาว” ใช่ค่ะ เราบอกให้คุณมีกาวเตรียมไว้ด้วย ไม่ว่าจะแบบน้ำหรือแห้ง ยิ่งถ้าแห้งเร็วยิ่งดี เพราะใครจะรู้ว่าส้นรองเท้าเกิดหักขึ้นมาจะทำยังไง แล้วถ้าแป้นต่างหูเจ้าสาวพังละจะหาอะไรมาติด ก็ต้องกาวใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าจะให้ดี มีสติตอนใช้ด้วยนะคะ ไม่ใช่รีบมากจากกาวหกใส่ชุด แบบนั้นอาการพังหนักมาก

เอาล่ะค่ะ ทีนี้ก็ได้เวลาจัดเตรียมทุกอย่างลงกระเป๋าใบเก่งแล้วพกไว้ให้ใกล้ตัวที่สุดในวันงาน คราวนี้คุณก็อุ่นใจได้เลยว่าจะสามารถรับมือกับเรื่องพลาดๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงทีแน่นอน

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เจ้าสาวที่อยาก ลดน้ำหนัก ฟัง! นี่คือพฤติกรรมการกินที่ยิ่งทำยิ่งอ้วน!

ใกล้วันสำคัญเจ้าสาวทุกคนก็อยาก ลดน้ำหนัก เพื่อใส่ชุดเจ้าสาวแล้วจะได้ดูหุ่นดีเพอร์เฟ็ค แต่ถ้าหากคุณว่าที่เจ้าสาวยังทำพฤติกรรมการกิน เหล่านี้อยู่ละก็ บอกเลยว่าคุณกำลังไปผิดทาง!

เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยาก ลดน้ำหนัก และมีหุ่นสวยเพรียวใช่ไหมละคะ ยิ่งพอกำลังจะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวยิ่งอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและฟิตหุ่นเพื่อให้เราดูสวยในชุดเจ้าสาวที่เล็งไว้มานาน แต่ประเด็นคือถ้าหากเราไม่ใส่ใจเรื่องพื้นฐานอย่างพฤติกรรมการกิน ต่อให้ออกกำลังกายเท่าไรก็ไม่เห็นผล หรือเห็นผลช้าลงมากๆอยู่ดี นอกเหนือจากนั้นพฤติกรรมการกินแบบผิดๆก็มักจะเป็นอะไรที่ทุกคนทำจนเคยชินอีกด้วย เราเลยอยากมาเรียกสติ! เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่อยากลดน้ำหนัก ว่าพฤติกรรมการกินเหล่านี้ ทำให้หุ่นของคุณพังไม่รู้ตัว ถ้าอยากหุ่นดีสุขภาพดี จง ลด ละ เลิก ซะค่ะ!

ลดน้ำหนัก
1. ไม่กินข้าวเช้า
รู้นะว่ายุ่ง แต่การไม่ทานอาหารเช้า นอกจากจะทำให้เรารู้สึกหิวโหยมากขึ้นในตอนกลางวันจนเผลอซัดราดหน้าหรือข้าวผัดจานใหญ่ ยังทำให้สมองของเรามีประสิทธิภาพที่ลดลงระหว่างวันด้วย เดี๋ยวนี้มีเมนูอาหารเช้าง่ายๆมากมายที่เราหาจากอินเตอร์เน็ทได้ที่ใช้เวลาทำไม่นาน อีกทั้งร้านสะดวกซื้อยุคนี้ยังรู้ใจหนุ่มสาวออฟฟิศรักสุขภาพ มีอาหารสะดวกซื้อที่แคลอรี่ต่ำมากมายให้เราเลือกอีกด้วย

2. ไม่กินแป้ง กลัวอ้วนใช่ไหมล่ะแต่กลับกลายเป็นว่าการตัดคาร์โบไฮเดรตออกจากร่างกายโดยสิ้นเชิงนั้นจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีซะอีก เพราะร่างกายของเราใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลัก น้ำหนักที่ลดลงจากการงดแป้งนั้นเป็นน้ำหนักกล้ามเนื้อไม่ใช่ไขมัน ทำให้เราไม่ได้ผอมลงในระยะยาว แต่เป็นการผอมแบบชั่วคราวที่รอโยโย่กลับมาอ้วนกว่าเดิมต่างหาก!

ลดน้ำหนัก

3. ดื่มน้ำน้อยกว่าวันละ 2 ลิตร ร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำมากกว่า 60% การกินน้ำน้อยไม่ใช่แค่ทำให้ระบบร่างกายภายในทำงานได้ไม่ดีเท่านั้น ผิวพรรณของเราจะแห้งกร้าน ริมฝีปากแตก ตาแห้ง และยังเสี่ยงต่อการบวมน้ำเพราะร่างกายต้องขับโซเดียมออกมาจากปัสสาวะอีกด้วย (หากทานน้ำน้อยก็ปัสสาวะน้อยนั่นเองแหละ)

4. กินกาแฟมากกว่าวันละ 1 แก้ว ยิ่งถ้าหากเป็นกาแฟหวานๆ ใส่นม ใส่น้ำตาลด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง (บางเมนูของกาแฟเหล่านี้แก้วเดียวปาเข้าไป 500 แคลอรีนะจ๊ะ!) แต่บางทีแค่การกินกาแฟอะไรก็ตามมากกว่าวันละ 1 แก้ว คาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด สามารถกระตุ้นให้เรารู้สึกหิว อยากของหวาน อยากแป้ง จนบางทีถ้าเราลืมตัวเผลอกินตามใจปากก็อ้วนได้

ทิปส์การกินเพื่อหน้าท้องแบนราบ

  • ทานอาหารที่เปี่ยมด้วยโพรไบโอติกอย่างกรีกโยเกิร์ต เพราะอาหารเหล่านี้ช่วยเสริมสมดุลแบคทีเรียดีในลำไส้ กระตุ้นการขับถ่ายให้เป็นปกตินั่นเอง (แต่ดูดีๆล่ะ ว่ากรีกโยเกิร์ตที่เราทานเป็นกรีกโยเกิร์ตแท้ๆแบบไม่ใส่น้ำตาลและแป้ง)
  • ทานอาหารที่ช่วยขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย อย่าง หน่อไม้ฝรั่ง  ผักชีฝรั่ง อาหารเหล่านี้เปี่ยมด้วยแมกนีเซียมช่วยขับโซเดียมหรือเกลือส่วนเกินออกจากร่างกาย บางทีที่เรารู้สึกว่าตัวบวมๆ หน้าบวมๆ นิ้วบวมๆใส่แหวนแล้วคับ ไม่ใช่เพราะเราอ้วนขึ้นหรอก แต่เราทานเค็มมากไปจนร่างกายสะสมน้ำเอาไว้นั่นเอง
  • งดนมวัว เพราะมีผลวิจัยที่พบว่านมวัวก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้ได้ในหลายๆคน ทำให้ท้องป่องและขับถ่ายไม่ปกติ และในบางคนอาจจะไปกระตุ้นให้เกิดสิวจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุลได้ด้วย

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อย่าลืมเซฟเก็บไว้ทำตามกันนะคะ และถึงแม้ว่าเราจะทานอาหารอย่างครบถ้วนถูกต้องแล้ว การออกกำลังกายก็สำคัญละ คลิกอ่าน ทิปส์การออกกำลังกายเพื่อเจ้าสาวโดยเฉพาะจากเทรนเนอร์มืออาชีพ ที่นี่เลย

Credit Photo: elle.com, lovelens-rnd.com, IG @toddgoodphoto

บ่าวสาวยิ้มได้ยาวๆ กับเทคนิคการนั่งในพิธีรดน้ำสังข์ยังไงไม่ให้เมื่อย 

ถึงแม้ใน พิธีรดน้ำสังข์ จะนั่งบนเก้าอี้ แต่ถ้านานๆ ก็เมื่อยได้เหมือนกันนะ … งั้นไปหาวิธีแก้เมื่อยกันดีกว่า

หมดปัญหาบ่าวสาวปวดแขน ปวดหลัง เมื่อต้องนั่งรับน้ำสังข์นานๆ

หนึ่งพิธีที่ยาวนานและบ่าวสาวต้องใช้เวลากับช่วงนั้นยาวๆ ก็คือช่วง พิธีรดน้ำสังข์ ที่ถึงแม้จะนั่งบนเก้าอี้แต่เชื่อเถอะว่าการนั่งอยู่ในอิริยาบถนั้นเป็นเวลานานๆ อาการเมื่อยล้าก็ถามหาได้ เพราะฉะนั้นเรามีวิธีการรับมือกับการนั่งรับน้ำสังข์เป็นเวลานานมากฝาก รับรองว่าไม่ว่าแขกจะต่อแถวยาวเป็นหางว่าวแค่ไหน บ่าวสาวก็รับมือไหวแน่นอน

สำหรับคู่ที่นั่งพับเพียบกับพื้น เมื่อเกิดอาการเหน็บชาให้ลองเปลี่ยนข้างด้วยการเท้ามือไปด้านหน้า โน้มตัวเล็กน้อย ยกตัวขึ้น พลิกขาเปลี่ยนไปอีกข้างหนึ่ง โดยผลัดเท้าไปทางด้านหลัง ดูเรียบร้อยสวยงาม ไม่กระโดกกระเดก ส่วนคู่ที่นั่งบนตั่งรดน้ำสังข์ ไม่ควรนั่งจนเต็มเก้าอี้ ควรนั่งสักครึ่งหนึ่งเพื่อให้ตัวใกล้กับตั่งมากที่สุด จะได้ไม่ต้องโน้มตัวมากจนเมื่อยหลัง วางปลายเท้าให้ถึงพื้นและกระจายน้ำหนักให้เท่ากันทั้งสองข้าง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเมื่อยล้าได้ไม่น้อย

ไม่ว่าจะนั่งพับเพียบหรือนั่งบนตั่งรดน้ำสังข์ สิ่งที่เมื่อยเหมือนกันก็คือแขน เพราะทั้งบ่าวสาวต้องเอนตัวไปด้านหน้าเพื่อรอรับน้ำสังข์จากญาติผู้ใหญ่ ดังนั้น ให้หาจังหวะระหว่างคิวรดน้ำของผู้ใหญ่ท่านถัดไป ขยับหัวไหล่และแขนเล็กน้อย ก็จะช่วยให้หายจากอาการเมื่อยได้บ้าง

ความเมื่อยล้าเป็นสิ่งที่ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหลีกเลี่ยงไม่ได้ในวันสำคัญ แต่เพื่อไม่ให้ความเมื่อยเหล่านั้นมาคอยกวนใจ จนถึงกับต้องหน้ายู่บ่นโอดโอยกลางงานแต่ง ลองเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้ รับรองว่าจะนั่งจะยืนก็ยิ้มได้แน่นอน

แก้ปัญหาเรื่องการนั่งได้แล้ว ก็อย่าลืมแก้เรื่องที่มักเกิดขึ้นในงานแต่งไทยบ่อยๆ เหล่านี้ด้วยนะ >>> แก้ปัญหา 6 ช่วงพิธีการติดขัดในงานแต่งไทยยังไงให้ลื่นปรืด

ตอบทุกข้อสงสัย มงคลแฝดคืออะไร หาได้ที่ไหน ใครเป็นคนสวม

มงคลแฝด ของสำคัญขาดไม่ได้เด็ดขาดในพิธีแต่งงานไทย

บ่าวสาวน้อยคนนักที่จะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของ มงคลแฝด รวมไปถึงเรื่องที่ว่า แล้วจะต้องไปหาจากที่ไหน มีขายหรือเปล่า และเมื่อได้มาแล้วก็ยังต้องมาเถียงกันอีกว่า แล้วใครที่จะเป็นคนสวมมงคลแฝดให้กับบ่าวสาวในวันแต่งงานกันล่ะ แพรว wedding เลยอาสาตอบทุกข้อสงสัยให้หายข้องใจเรื่องมงคลแฝด ดังนี้

มงคลแฝด…คือ?

ขอบอกก่อนว่ามงคลแฝดก็คือสายสิญจน์ที่เรารู้จักกันนั่นแหละ เพียงแต่นำมาจับทบกัน 9 เส้น ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วม้วนเป็นห่วงวงกลม 2 ห่วง ในขนาดที่สามารถวางบนหัวของบ่าวสาวได้พอดี แต่จะต้องเว้นให้มีระยะห่างระหว่างห่วงประมาณ 2 ศอก เพื่อที่จะทำให้บ่าวสาวขยับตัวได้สะดวกนั่นเอง

หาซื้อได้ที่ไหน?

สำหรับมงคลแฝดในท้องตลาดมีให้คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์และร้านที่ขายอุปกรณ์ อย่างตลาดบางลำพู, พาหุรัด เป็นต้น โดยมีให้เลือกซื้อทั้งแบบนำมาจับเองและแบบสำเร็จรูป ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่า เหตุเพราะมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากและซับซ้อน ต้องใช้สมาธิสูง ดังนั้นมงคลแฝดแบบสำเร็จรูปจึงตอบโจทย์ความสะดวกสบายของบ่าวสาวในยุคปัจจุบันมากที่สุด

แต่หากใครกลัวว่าซื้อมงคลแฝดแบบสำเร็จมาแล้วจะไม่ขลัง ก็สามารถนำไปให้พระอาจารย์หรือพ่อหมอ-ครูพราหมณ์ที่ตนหรือครอบครัวนับถือสวดมนต์ลงคาถาให้ก็ได้เช่นกัน

มงคลแฝด…ใครเป็นคนสวม?

ในอดีตจะให้พระสงฆ์ที่มาเป็นประธานเป็นคนสวมและเจิมหน้าผากให้ แต่เนื่องจากว่าพระสงฆ์ไม่สามารถถูกเนื้อต้องตัวสีกาได้ พระสงฆ์จึงต้องจับมือเจ้าบ่าวเพื่อเจิมให้เจ้าสาว แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนให้ฆราวาสที่เป็นประธาน มาสวมมงคลแฝดและเจิมหน้าผากให้บ่าวสาวแทนเพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น

เก็บรักษาอย่างไร?

สำหรับการเก็บรักษา หากยังไม่ได้ใช้แนะนำว่าควรเก็บไว้บนที่สูงดูจะดีงามกว่าการนำมาวางไว้กับพื้นนะจ๊ะ ก็แหมของมงคลที่ต้องนำมาวางบนหัวคงไม่มีใครอยากให้มีคนมาเดินข้ามไปมาใช่ไหมล่ะ แต่หลังจากเสร็จพิธีรดน้ำสังข์ และมีผู้ใหญ่มาปลดออกให้แล้ว บ่าวสาวควรเก็บไว้บนหัวนอนหรือหากเตียงไม่มีชั้นบนหัวนอนก็ควรจะเก็บไว้ในที่สูงเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตคู่ เช่น หิ้งพระ หรือบางคู่อาจนำไปใส่กรอบแล้วแขวนโชว์ก็ได้เช่นกัน

ทั้งหมดนี้ก็คือความหมายและรายละเอียดเกี่ยวกับมงคลแฝดที่เรานำมาฝากว่าที่บ่าวสาว เมื่อทราบกันแล้วก็สามารถหาซื้อตระเตรียมแล้วนำไปให้พระอาจารย์ที่เคารพปลุกเสกรอได้เลยจ้า

อ่านเรื่องราวมงคลแฝดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย ความหมามงคลแฝด หรือมงคลจักรมีความเป็นสิริมงคลต่อบ่าวสาวยังไง?

8 วิธีเด็ดเลือกพิธีกรและวงดนตรีในงานแต่งงานแบบสุดคุ้ม

เลือกพิธีกร และวงดนตรีใน งานแต่งงาน ให้คุ้มได้ยังไง? มาดูกัน

สำหรับใน งานแต่งงาน เรื่องของพิธีกร เพลงและวงดนตรี คืออีกหนึ่งเรื่องที่บ่าวสาวต้องจัดงบประมาณไว้อีกหนึ่งก้อน เพื่อสร้างสีสันและเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับงานแต่งงานครั้งเดียวในชีวิตของคุณ ซึ่งถ้าคุณกำลังคิดว่าต้องเสียเงินเพียบแน่ๆ ขอให้ลองทำตามที่โปรบ๊อบบี้ – นัฐณิชชา สรัลธยาธรณ์ ผู้จัดการบริษัท Jirayu the Wedding Planner แนะนำดูค่ะ รับรองว่าคุ้ม

1. ยกหน้าที่พิธีกรให้กับเพื่อนญาติหรือคนรู้จักที่กล้าแสดงออกและรู้จักบ่าวสาวเป็นอย่างดี

2. ไม่จำเป็นต้องจ้างพิธีกรมืออาชีพ เลือกเอ็มซีงานอีเว้นต์ คล่องแคล่ว แถมประหยัด

3. เชิญญาติผู้ใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ดำเนินพิธีหรือเป็นประธานในพิธีแต่งงานมาแล้ว ช่วยเป็นเจ้าพิธีให้

4. จ้างคนที่เป็นได้ทั้งพิธีกรและเจ้าพิธีในคนเดียวกัน แต่แนะนำว่า ต้องเตรียมลูกมือในช่วงพิธีการให้ด้วย เพราะเจ้าพิธีต้องหยิบจับจัดสินสอดระหว่างพิธี

5. เปลี่ยนจากการจ้างวงดนตรีเล่นสดมาเป็นเปิดแผ่นแทน

6. เลือกวงดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีน้อยชิ้น แต่สร้างเสียงเพลงได้หลายรูปแบบ บางงานใช้เครื่องดนตรีชิ้นเดียวอย่างอิเล็กโทนหรือกีตาร์ก็เอาอยู่แล้ว

7. หลีกเลี่ยงเครื่องดนตรีหายากที่นอกจากต้องจ้างคนเล่นแล้วยังต้องจ่ายค่าเช่าเครื่องดนตรีพิเศษเพิ่ม

8. จ้างวงดนตรีของมหาวิทยาลัย (โดยเฉพาะที่มีคณะเกี่ยวกับดนตรี) ฝีมือดีราคาย่อมเยากว่ามืออาชีพ

แต่ถ้าอยากให้งานออกมาเป๊ะต้องไม่พลาด  คำแนะนำการเลือก วงดนตรีในงานแต่ง จากกูรู…เลือกอย่างไรให้ปัง

Wedding Dress Bustle ดีเทลกระโปรงชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสายแฟชั่นห้ามพลาด

ชุดแต่งงาน ถือเป็นว่าเป็นชุดที่สาวๆ สามารถครีเอทสิ่งต่างๆ ที่ชอบเข้าไปได้มากที่สุด เพราะสามารถเพิ่มลูกเล่นได้หมดไม่ว่าจะเป็นที่ช่วงบนของชุด ช่วงเอว หรือช่วงกระโปรง โดยเฉพาะช่วงกระโปรงที่เรียกได้ว่ามีพื้นที่ที่มากที่สุดในบรรดาพื้นที่ของชุดทั้งหมด จึงอาจเพิ่มนู่นเติมนี่ได้มากกว่าบริเวณอื่นๆ และอีกหนึ่งลูกเล่นสำหรับช่วงกระโปรงของเจ้าสาวที่แพรว wedding อยากนำเสนอก็คือ Wedding Dress Bustle อ่ะๆ ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกภาพของชุดแต่งงานสมัยก่อนที่กระโปรงด้านหลังจะมีความพองออกมา หรือมีขนาดใหญ่คล้ายๆ การเสริมช่วงบั้นท้ายให้กับเจ้าสาว ทำให้ชุดแต่งงานมีความพองฟูหรูหราอลังการมากเข้าไปอีก หรืออธิบายอีกอย่างก็คือ การนำผ้ามาติดไว้ที่ด้านหลังชายกระโปรงแล้วปล่อยชายให้ลากยาวออกไป ซึ่งเจ้าสิ่งนี้สามารถเพิ่มความสวยงามและอัพความหรูหราอลังให้กับชุดเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ชุดแต่งงาน

ซึ่งปัจจุบัน bustle ถูกปรับให้มีความทันสมัยมากขึ้น และไม่เน้นความใหญ่เวอร์วังอลังการเหมือนช่างเช่นชุดแต่งงานสมัยก่อน โดยเพียงแค่เน้นการจับจีบชายกระโปรงให้ยกขึ้นแบบเล่นเลเยอร์และความซ้อนทับกันไว้อย่างสวยงาม และอาจเพิ่มลูกเล่นด้วยการประดับโบว์ หรือเข็มกลัดเพชร ก็ช่วยให้ชุดดูมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นไปอีก

เอาเป็นว่าหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนอยากเสริม bustle เข้าไว้กับชุดแต่งงาน อาจจะต้องแจ้งทางร้านหรือดีไซเนอร์ให้ทราบด้วยนะคะ เพราะทางร้านจะได้คำนวณความยาวของชายผ้าให้พอดีกับชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสวมใส่

Read More : ชุดแต่งงานประดับดอกไม้แสนหวานจาก 15 แบรนด์ชุดแต่งงานชื่อดังคอลเลคชั่น Spring 2018

CR. ikadecor.com, nearsay.com, ledieze.com, pinterest, phillipalepley.com

วิธีรับมือกับข้อแม้สถานที่แต่งงานไม่สามารถจัดงานแต่งงานในฝันให้ได้

ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่หรือแทบจะทุกคู่ในปัจจุบันเลือกใช้ทีมผู้เชี่ยวชาญให้มาเนรมิตงานแต่งงานในฝัน แต่จะทำยังไงถ้า สถานที่แต่งงาน ที่คุณมองไว้บอกว่า “ไม่สามารถที่จะทำตามความต้องการนั้นได้” ก่อนที่คุณจะตีโพยตีพายโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ แพรว wedding คิดว่าช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่คู่บ่าวสาวควรจะรับฟังพร้อมกับคิดและวิเคราะห์คำแนะนำหรือข้อมูลที่คุณได้รับมาเพื่อที่จะประเมินสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไปมากกว่า และนี่คือวิธีการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวที่เราอยากจะบอกต่อ

 

คุณยังมีตัวช่วยด้านอื่นๆ อีก

เมื่อว่าที่บ่าวสาวบอกกับสถานที่แต่งงานว่า อยากได้อย่างนั้น อยากทำอย่างนี้ บางสถานที่อาจจะให้คำตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ/ครับ” อย่าเพิ่งตกใจ เสียใจ แล้วเปลี่ยนสถานที่ไปซะก่อนนะ เพราะอย่าลืมว่างานแต่งงานของบ่าวสาวยังมีหน่วยอื่นๆ ที่พร้อมจะช่วยและซับพอร์ต ไม่ว่าจะเป็น ดีไซเนอร์รับจัดงานแต่ง, นักจัดดอกไม้, แคเทอริ่ง หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ พวกเขาเหล่านี้คือครีเอทีฟผู้ช่วยเชี่ยวชาญที่ผ่านศึกงานแต่งงานมาเป็นร้อยๆ เพราะฉะนั้นคำว่า “ไม่ได้” จะกลายเป็นความท้าทายให้พวกเขาเนรมิตงานแต่งงานในฝันของคุณให้ออกมาได้ในที่สุด

ทุกสถานที่แต่งงานอาจมีข้อแม้ว่าไม่สามารถทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ หรือหากทำได้ก็อาจจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ว่าที่บ่าวสาวควรทำความเข้าใจ และเลือกใช้ตัวช่วยจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ในการปรับเปลี่ยนดีไซน์ที่ต้องการให้ตรงกับสิ่งที่บ่าวสาวอยากได้ให้มากที่สุด

 

เช็คและไตร่ตรองถึงเหตุผลที่ทำไม่ได้

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่อาจจะคิดว่า “ก็ไม่ได้ขออะไรมากมายนัก ทำไมถึงทำไม่ได้” อย่าเพิ่งโมโหไป แต่ตั้งสติรับฟังถึงเหตุผลของทางสถานที่ก่อน แล้วนำเหตุผลหรือความคิดเห็นเหล่านั้นไปปรึกษาและบอกกับผู้จัดงานหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพื่อที่บ่าวสาวจะได้ลองเช็คดูว่าข้อมูลที่ได้มาจากสถานที่แต่งงานนั้นจริงหรือไม่ หรือไม่สามารถทำได้จริงอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า อีกทั้งว่าที่บ่าวสาวยังจะได้ความคิดเห็น คำแนะนำ ไอเดียดีๆ และทางออกที่คุณอาจจะคิดไม่ถึงจากผู้จัดงานหรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วย และสุดท้ายหากว่าที่บ่าวสาวได้รับรู้ถึงความคิดเห็นจากทุกหน่อยในงานแต่งงานแล้ว ถึงตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่บ่าวสาวจะต้องตัดสินใจว่าจะยังใช้สถานที่แต่งงานที่นี่อยู่หรือไม่อีกด้วย

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, pixabay.com

เช็กด่วน!! 10 เรื่องพลาดที่บ่าวสาวต้องระวังในช่วงเตรียมงานแต่งงาน

ถ้าไม่อยากพลาดในช่วง เตรียมงานแต่งงาน มาเช็กกันด่วน!!

แน่นอนว่าว่าที่บ่าวสาวแต่งงานเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นคงไม่มีใครเป๊ะหรือรู้ดีไปมากกว่ากัน และช่วง เตรียมงานแต่งงาน นี่แหละเป็นช่วงที่บ่าวสาวจะปวดหัวมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง หรือบางครั้งก็ศึกษาและวางแผนไว้อย่างดี แต่สุดท้ายก็ยังลืมนู่นนี่ หรือพลาดบางเรื่องไปจนได้ แพรว wedding เลยรีบจัดเช็กลิสต์สิ่งที่บ่าวสาวมักจะพลาดในช่วงเตรียมงานแต่งงานมากที่สุดมาให้ ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น ไปเช็กกันเลย

1. วางแผนทุกสิ่งก่อนตั้งงบประมาณ

ว่าที่บ่าวสาวส่วนใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองจะแต่งงาน ก็มักจะนึกถึงภาพตัวเองในชุดเจ้าสาว ยืนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศงานแต่งในฝัน โดยหลงลืมไปว่า เรื่องสำคัญกว่านั้นคือต้องตั้งงบประมาณในการจัดงานให้เรียบร้อยซะก่อน  โดยการตั้งงบประมาณที่ว่า ขอแนะนำให้ตั้งคร่าวๆ ก่อนได้ แต่ต้องตั้งในทุกหัวข้อที่เกี่ยวข้อง และอย่าลืมเผื่องบเบ็ดเตล็ดไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาการงบบานปลายจนไปไม่ถึงฝันจะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

2. ลืมแผนสำรองยามฝนพรำ

ฝนหลงฤดูจะมาตอนไหนไม่มีใครบอกได้ แต่บ่าวสาวชาวเราก็ยังลืมเรื่องแผนสำรองที่ว่าเสมอ ซึ่งในที่นี้เราไม่ได้หมายถึงแค่คนที่จัดงานเอ้าท์ดอร์นะคะ บ่าวสาวที่จัดงานในห้องก็ต้องไม่ประมาท คุณควรคิดเผื่อเวลาด้านนอกฝนตกด้วย เพราะส่งผลถึงการมาล่าช้าของประธานและแขกคนสำคัญ จึงควรเตรียมแผนสำรองประเภทลำดับงานที่อาจเริ่มได้ช้าด้วยนะ ประมาณว่าถ้างานยังเริ่มไม่ได้ บนเวทีควรมีอะไรเคลื่อนไหวไหม เป็นต้น

3. พื้นที่จัดงานสมบูรณ์แบบ แท้จริงแล้วอาจแฝงไปด้วยเรื่องยิบย่อย

จัดงานแต่งเอ้าท์ดอร์ไม่ได้เป็นการจัดประเภทที่ยกทุกสิ่งจากในห้องมาวางไว้แล้วจบนะคะ ยังมีเรื่องเต๊นท์ว่าขนาดไหนดี ต้องตั้งหรือเปล่า พื้นที่ทำครัวอยู่ไหน ส่วนเตรียมอาหารล่ะ ห้องน้ำไกลเกินไปไหม ต้องมีรถสุขาเพิ่มหรือเปล่า หรือแม้กระทั่งพื้นดินที่ใช้จัดงาน เดินยากเดินง่ายก็มีผล แขกสาวๆ จะลำบากไหม เป็นต้น ทั้งหมดนี้คือส่วนที่หลายคนมองข้าม อย่าลืมนะคะว่า แม้พื้นที่จัดงานที่ว่าจะแลดูสมบูรณ์แบบมีทุกอย่างครบ แต่เพียงพอแน่หรือ โอเคจริงไหม คิดดูดีๆ ล่ะ

4. วางแผนงานเลี้ยงยาวเกินไป

บ่าวสาวหลายคู่ฝันอยากทำนั่นทำนี่ในงานแต่งงาน ทั้งเรื่องเซอร์ไพร้ส์ ทั้งประธานมากกว่าหนึ่งคน ไหนจะการแสดงสารพัดโชว์ รวมถึงเกมการละเล่นแจกของ เรียกว่ามีมากมายเยอะแยะเต็มไปหมดจนลำดับพิธีมีแววจะไม่จบลงง่ายๆ เอาแบบนี้ไหม เลือกมาแค่พอดี แล้วเก็บบางอย่างไว้จัดกันเองกับเพื่อนๆ นอกรอบ

5. ขนาดสถานที่ไม่สมดุลกับจำนวนแขก

เรื่องนี้พลาดมานักต่อนัก ทั้งแบบที่พื้นที่ใหญ่ไปจนรู้สึกเหงาใจ และพื้นที่เล็กมากกับแขกที่มากล้น ปัญหาอาจอยู่ที่คุณไม่ชัวร์เรื่องปริมาณแขก แถมยังมั่นใจเกินไปจนไม่ปรึกษาหรือเชื่อคำที่เจ้าของสถานที่ผู้มีประสบการณ์ดูแลลูกค้าแนะนำ เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้น สิ่งที่คุณต้องเจอมีอยู่ 2 อย่างคือ แขกเม้าส์ว่าห้องเล็กจังประหยัดเงินเหรอ กับ ว้าย…ทำไมไม่ค่อยมีแขกเลย หรือบ่าวสาวคู่นี้ไม่น่าคบ!!!

เตรียมงานแต่งงาน

6. วางลำดับพิธีโดยลืมดูแสงแดดสายลม

บ่าวสาวที่ต้องการจัดงานแต่งริมทะเลและงานในสวน มักลืมไปว่า ช่วงเวลาในการทำพิธีสวมแหวนต้องการแดดอ่อนๆ ลมกลางๆ ที่เอื้ออำนวย ลองคิดดูสิว่า ถ้าแดดเปรี้ยงตอนที่คุณจะสวมแหวน  ภาพที่ออกมาจะเป็นแบบไหน ไหนจะสภาพเหงื่อท่วมของคุณอีก หรือบางนางลืมดูทิศทางลม จัดสวมแหวนริมทะเลทีเวลปลิวตีหน้า เอ่ยปากให้คำสัตย์สาบานก็ทรายปลิวเข้าปาก แบบนี้ไม่โออย่างแรงนะคะ

7. เซ็นสัญญาโดยไม่อ่านรายละเอียด

เรื่องนี้พลาดไม่ได้เด็ดขาด แต่หลายคู่ก็ยังคงพลาด อาจเพราะมีหลายสิ่งต้องเตรียม การลงรายละเอียดเงื่อนไขการจ้างงานในแต่ละส่วนจึงถูกละเลย บางคู่คิดว่าอ่านดีละเอียดแล้วแต่เอาเข้าจริงตกหล่นจนโดนเอาเปรียบ แล้วต้องมานั่งเจ็บใจทีหลัง ฉะนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายก็ต้องรอบคอบเสมอนะคะ แต่ถ้าคุณคิดว่าทั้งคุณและคนรักยุ่งมากจนไม่มีสติพอที่จะตั้งใจอ่าน ก็จงหาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้มาช่วยอ่านช่วยพิจารณาอีกทางก็ดีนะ

8. พยายามเอาใจทุกคนมากเกินไป

เคยได้ยินไหมคะว่าคุณไม่สามารถเอาใจทุกคนได้ครบหมดหรอกค่ะ เพราะถ้าคุณทำแบบนั้น ความเป็นคุณจะเหลืออยู่หรือเปล่า จริงอยู่ที่บางคู่โดนกดดันจากครอบครัวมา จึงอยากตัดปัญหาด้วยการยอมและพยายามทำให้ทุกสิ่งอย่าง แต่ถามใจคุณไหมว่าคุณโอเคหรือเปล่า และที่สำคัญที่เราอยากให้คุณแคร์คือ คู่ของคุณโอเคด้วยไหม ถ้าคุณอยากเอาใจญาติพี่น้องฝั่งคุณ ถามความเห็นเขาด้วยนะ แล้วลองเปลี่ยนจากการเอาใจทุกคนมาเป็นทำให้เท่าที่สามารถและไม่ขัดต่อความรู้สึกของคุณทั้งคู่ดีไหม

9. ลืมใส่ใจรายละเอียดในการ์ดแต่งงาน

การ์ดแต่งงานสมัยนี้ไม่ได้จบแค่พ่อแม่เป็นใคร บ่าวสาวชื่ออะไร จัดงานที่ไหน แต่คุณควรลงรายละเอียดประเภท Dress Code รวมถึงประเภทการจัดเลี้ยงลงไปด้วย นอกจากนี้ถ้าไม่ลำบากอย่าลืมแนบแผนที่ลงไปอีกนิด ให้ข้อมูลกับแขกให้ครบมากที่สุด (ยกเว้นเรื่องที่จะเก็บไว้เซอร์ไพร้ส์) ถือซะว่าพิมพ์การ์ดครั้งเดียวบอกครบ จะดีกว่าให้แขกงงๆ ต้องยกหูโทรฯ ถาม

10. คิดเองเออเอง

อาจเพราะขี้เกียจมากเรื่อง อยากเตรียมงานให้เรียบง่ายที่สุด หรือคิดว่านี่งานของเราจะทำยังไงก็ได้ เวลาตัดสินใจเรื่องใดๆ จึงถามแค่ใจตัวเอง ผลที่ตามมาคือ คุณอาจเจอภาวะเตรียมงานไม่จบสักเรื่อง เช่น สั่งการ์ดเชิญไม่ถามครอบครัวให้แน่ชัดว่าจะเชิญแขกเท่าไหร่ ทีนี้ทำไงล่ะเมื่อการ์ดเชิญไม่พอ ก็ต้องสั่งพิมพ์เพิ่มทีหลังเสียเงินมากไปอีก หรือประเภทว่าคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงโอเค แต่แท้จริงแล้วอีกฝ่ายคิดคนละแบบ ผลคือ ไม่ได้ข้อสรุปแถมยังตีกันอีก

อ่านครบจบทั้ง 10 ข้อแล้วลองเช็คคู่ของตัวเองดูนะคะว่า หลงลืมหรือละเลยข้อไหนไปบ้าง จะได้อุดรอยรั่วได้ทัน เพื่อให้งานแต่งงานของคุณทั้งคู่ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากอุดรอยรั่วแล้วยังหลุด อย่าเสียใจ แต่ให้มองให้เป็นความทรงจำครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีร่วมกันซะ เพราะงานแต่งงานคือเรื่องดีๆ ที่มีคุณกับคนรักเป็นหัวใจสำคัญนี่นา

ส่วน 5 ข้อเจ้าสาวควรทำก่อนงานแต่งงาน 1 สัปดาห์! สำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะ

ภาพ Pinterest, pexels.com

ชุดเจ้าสาวสีสันสวยๆ สีไหนกันที่ใช่ และเข้ากับเจ้าสาวแต่ละสีผิวมากที่สุด

ชุดเจ้าสาวยุคใหม่ไม่ได้มีแค่สีขาวและสีครีมอีกต่อไป เห็นได้จากหลายๆ รันเวย์ ที่มีการทำชุดเจ้าสาวหลากสีสันออกมาให้ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยและดูแตกต่าง ลองเลือก ชุดเจ้าสาวสีสัน ให้ดูโดดเด่นด้วยสีสันสวยๆ ดูสิ

และนี่คือเทคนิคการเลือกสี ชุดเจ้าสาวสีสัน สวยๆ ที่เข้ากับสีผิวของคุณ เพื่อให้คุณเป็นเจ้าสาวที่สวยสะดุดตาไม่ว่าจะในชุดแต่งงานไทยหรือชุดแต่งงานสากลก็ตาม

  • ผิวขาวเหลือง

สำหรับเจ้าสาวที่มีสีผิวขาวเหลือง มีข้อควรระวังคือ เสื้อผ้าโทนสีเข้มอย่างสีเทา สีเขียวหม่น หรือสีอ่อนอย่าง สีครีม สีเบจ สีนู้ด จะทำให้ผิวดูเหลืองซีดกว่าเดิม ควรเลือกใส่เสื้อผ้าโทนสีอบอุ่น เช่น สีชมพู สีส้ม จะสวยเจิดที่สุด

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวคล้ำหรือผิวสีแทน

เจ้าสาวผิวคล้ำหรือผิวสีแทนควรเลือกใส่ชุดสีกลางๆ เป็นสีเอิร์ธโทนที่ไม่เข้มหรืออ่อนเกินไป เช่น สีนู้ด สีเหลืองอ่อน สีชมพูอ่อน สีพีช สีม่วงลาเวนเดอร์ และสีขาว สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีแดง สีเหลือง เพราะจะทำให้สีผิวดูคล้ำขึ้นกว่าเดิม

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวขาวอมชมพู

เจ้าสาวผิวขาวอมชมพู ถ้าอยากสวยโดดเด่น ควรเลือกเสื้อผ้าสีอ่อน สดใส และถ้าเป็นโทนสีพาสเทลจะยิ่งทำให้ดูโดดเด่น สะดุดทุกสายตา เช่นสีฟ้าอมเขียว สีฟ้าอ่อน สีโกโก้ สีชมพูอ่อน สีส้ม

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวขาวซีด

สำหรับเจ้าสาวผิวขาวซีด แนะนำให้เลือกสีชุดโทนเข้ม เช่น สีแดงเข้ม สีน้ำตาลไหม้ สีเขียวเข้ม โทนสีเข้มจะตัดกับสีผิว และช่วยขับผิวของเราให้ดูเด่นขึ้น สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีม่วง และสีเทา เพราะจะยิ่งทำให้ผิวซีด ไม่สดใส

ชุดเจ้าสาว

  • ผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสองสี

ผิวสีนี้เป็นสีผิวที่เซ็กซี่และมีสเนห์ สีที่จะทำให้สีผิวดูโดดเด่นยิ่งขึ้น คือสีชมพูอมส้ม ชมพูอมม่วง ฟ้าอมเขียว หรือเขียวอมฟ้า หรือจะเป็นสีเข้มอย่าง น้ำตาลอมแดง แดงเลือดนก และชมพูหม่น สีที่ควรหลีกเลี่ยงคือสีนีออน และสีกรมท่า น้ำตาล เทา เพราะจะทำให้ผิวหมองลงได้

ชุดเจ้าสาว

 

เครดิตภาพ : pinterest

ดูแบบชุดแต่งงานไทยและชุดแต่งงานสากลสวยๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

7 ข้อบ่าวสาวควรรู้ก่อนตระเวนชิมอาหารงานแต่ง อร่อยอย่างเดียวไม่พอต้องคุ้มด้วย

งานจะปังหรือพัง เรื่องอาหารก็มีส่วนเอี่ยวนะคะ แพรว Wedding ก็เลยสรุปมาให้คุณว่าที่บ่าวสาวได้ท่องจำให้ขึ้นใจ ก่อนจะเดินทางไปทำการเลือกและชิม อาหารงานแต่ง สำหรับงานแต่งงานครั้งสำคัญของคุณ ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าว่ามีเรื่อง อาหารงานแต่ง เรื่องอะไรบ้างที่ว่าที่บ่าวสาวควรรู้

1. โดยปกติแต่ละแคเทอริ่งจะมีลิมิตสำหรับเมนูเทสติ้งกันอยู่แล้ว ซึ่งโดยส่วนมากก็เป็นเมนูเรียกน้ำย่อย สลัด และของหวานอย่างละประมาณ 2 เมนู กับจานหลักอีก 3 เมนู ง่ายๆ คือเลือกที่คุณชอบ แต่ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็ลองเลือกจากเมนูดังของแคเทอริ่งนั้นๆ ก็ได้ ไม่ว่ากัน ก็แหม…เมนูดังน่าจะมีความการันตีอยู่แล้วป่ะล่ะ

2. ถ้าคุณรู้ว่าแขกส่วนใหญ่ของคุณชอบทานอะไรล่ะก็ อย่าลืมเลือกเมนูที่ไม่ทิ้งห่างจากความชอบของแขกเหล่านั้นเข้าไปด้วยก็จะดีมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะอย่างน้อยคุณก็มั่นใจได้ว่าแขกทานแน่ โดยอาจจะสั่งเมนูที่ว่านี้มากหน่อยอะไรแบบนั้น

3. ฟีดแบ็คเรื่องรสชาติที่ตรงไปตรงมาของคุณสำคัญกับแคเทอริ่งมาก เมนูเทสติ้งมักถูกเสิร์ฟในรสชาติกลางๆ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเพิ่มหรือลดอะไรเป็นพิเศษก็บอกแคเทอริ่งไปได้เลยค่ะชิมอาหาร

4. คุยกับแคเทอริ่งเรื่องรูปแบบการเทสต์ของคุณให้ชัดเจน จะเป็นแบบเทสต์แยกที่มีแต่คู่ของคุณ หรือเทสต์รวมกับคู่อื่นๆ นั้นต้องคุยให้เคลียร์ เพราะถ้าคุณชอบความเป็นส่วนตัวแล้วล่ะก็การเทสต์แบบกลุ่มคงไม่ใช่แบบที่คุณปรารถนาซักเท่าไรนัก

5. คุณอาจต้องลางานสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะงานแคเทอริ่งส่วนมากก็คืองานรูทีนแบบงานออฟฟิศทั่วไปที่มีเวลาเข้าและเลิกงานเหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นตารางที่คุณจะต้องเข้าไปเทสต์เมนูอาจตรงกับช่วงเวลาการทำงานของคุณก็ได้ อย่าได้คิดแค่ว่า เทสต์มื้อเย็นหย่อนไปทางหัวค่ำหน่อยดีกว่า จะได้อิ่มท้องยาวๆ ไปอะไรแบบนั้นเพราะบางเจ้าเขาไม่รับนัดบริการคุณตอนนั้นหรอกนะคะ

6. การเทสต์เมนูต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละแคเทอริ่งนะคะ บางที่ฟรีเพราะรวมอยู่ในบริการที่คุณจะมาจับจองสถานที่ใช้งานด้วย แต่บางที่ก็ต้องจ่ายเพิ่มถ้าเป็นในลักษณะจ้างแคเธอริ่งมาเสริม ดังนั้นคุณควรดูสัญญาจ้างแคเทอริ่งให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเลยนะคะ จะได้ไม่เหวอหลังทานอิ่มท้อง

7. ไม่ต้องชวนเพื่อนไปเยอะนะคะ เราแนะนำว่าแค่คู่ของคุณก็น่าจะพอ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณเป็นสปอนเซอร์ของล่ะก็ อย่าได้ลืมเชิญท่านไปด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่ายิ่งน้อยคนก็ยิ่งตัดสินใจง่ายกว่า เพราะมากคนก็ออกจะมากความคิดเห็นกันไปอีก

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ชวลิดา

ชวนเจ้าสาวมาเลือก ชุดเพื่อนเจ้าสาว 5 สไตล์ แบบไหนดีที่เข้ากับงานแต่งที่สุด

ชุดเพื่อนเจ้าสาว ก็สำคัญนะ แต่จะเลือกสไตล์ไหนให้เหมาะกับธีมงานแต่งมากที่สุดกันล่ะ?

ชุดเพื่อนเจ้าสาว เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นในงานแต่ง ที่เจ้าสาวเป็นผู้เลือกว่า อยากให้ลุคของเพื่อนเจ้าสาวออกมาเป็นแบบไหน เพื่อให้เข้ากับตัวเจ้าสาวและธีมงานแต่งมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันเจ้าสาวก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะนอกจากเพื่อนเจ้าสาวเป็นคนข้างกาย ที่คอยช่วยเหลือเจ้าสาวตลอดทั้งงานแล้ว เพื่อนเจ้าสาวยังเป็นคนที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้กับงานอีกด้วย เรียกได้ว่า เพื่อนเจ้าสาวเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว xoxo แพรว wedding เลยจัด 5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าสาว ไม่ว่าจะแบบทางการและไม่ทางการมาให้ รับรองว่าดูดี โดดเด่น แต่ไม่ขโมยซีนเจ้าสาวแน่นอน แต่จะแตกต่างจากงานอื่นแบบไหน ต้องมาเลือกกัน

1. เรียบๆ แต่ดูดีในแบบทางการ

ใช่แล้ว นี่เป็นแบบชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เป็นทางการ ซึ่งส่วนมาก ดีไซน์ของชุดก็จะคล้ายคลึงกันในหลายๆ งาน เพื่อให้ชุดของเพื่อนเจ้าสาวดูเรียบที่สุด ทั้งดีไซน์และสีของชุดเดรสด้วย ก็เพราะงานนี้สาวๆ เขาอยากให้เจ้าสาวเป็นคนที่พิเศษที่สุดในงานแต่งนั่นเอง

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

2. ดีไซน์แพ็คทีม แต่เริดแปลกใหม่

ชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบนี้ ดูก็รู้เลยว่าสั่งตัดพร้อมกันทั้งทีม แต่ก็จะไม่เหมือนชุดเพื่อนเจ้าสาวทั่วไป เพราะดีไซน์นั้นต้องแตกต่าง ทั้งการเล่นเลเยอร์ผ้า และช่วงบนของชุดที่ถือว่าสำคัญมากๆ หากเป็นสายเดี่ยว หรือเกาะอก ก็เป็นดีไซน์แบบเบสิกไปหน่อย ลองเปลี่ยนเป็นแบบที่แตกต่าง ด้วยการจับผ้าไขว้ช่วงคอและเปิดแผ่นหลัง หรือสายเดี่ยว แขนล้ำ ทรงหัวใจ หรือคอเต่า คอจีน ซึ่งขอแนะนำให้ดีไซน์ช่วงบนของชุดของแต่ละคนให้ไม่เหมือนกัน เพื่อให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละคน รับรองว่างานนี้ออกมาสวยเก๋ชัวร์

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. คนละสไตล์ แต่ก็ทีมเดียวกัน

จัดมาเลยค่ะ ไม่ว่าจะชุดเดรสสั้น เดรสสามส่วน เดรสสี่ส่วน หรือเดรสยาว เรียกได้ว่าเป็นชุดเพื่อนเจ้าสาวสุดวาไรตี้ ไม่ว่าจะสั่งตัดทั้งเซ็ต หรือว่าซื้อแยกกัน แต่ก็ดูเข้าทีม ด้วยสไตล์ที่หลากหลาย จึงทำให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวได้อย่างเป็นตัวของตัวเองได้แบบมั่นใจ แต่อย่าลืมว่าลุคเพื่อนเจ้าสาวที่ออกมาต้องเป็นหนึ่งเดียวกันนะ เพราะถึงจะต่างแค่ไหนแต่ก็ต้องดูดีคุมธีมไปทางเดียวกันไว้ก่อน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

4. สีแตกต่าง แต่โทนเดียวกัน

เดรสแบบนี้คือ เพื่อนเจ้าสาวต่างคนต่างหาชุดเดรสมา อาจจะเป็นงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก หรือเจ้าสาวอาจจะมีธีมงานแต่งที่สบายๆ ลุคของเพื่อนเจ้าสาวสาวเลยดูมีชีวิตชีวา จากการกำหนดสี หรือดีไซน์ว่าชอบหรืออยากให้เพื่อนเจ้าสาวมีลุคออกมาแบบไหน แถมยังเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อนเจ้าสาวได้ครีเอทชุดตัวเองอย่างสบายใจมากๆ ด้วย

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

5. คัลเลอร์ฟูล แต่เข้ากันสุด

เป็นอีกหนึ่งสไตล์ของงานแต่งที่เป็นกันเอง หรือการจัดงานแต่งภายในบ้านหรือสวน ให้บรรยากาศที่น่ารักและอบอุ่น ธีมของงานส่วนมากจึงสบายๆ และเหมาะกับเจ้าสาวที่ของสีสันแบบคัลเลอร์ฟูล เพื่อนเจ้าสาวเลยยกทีมแต่งตัวด้วยชุดเดรสที่ดีไซน์แตกต่าง และสีสันที่จัดเต็ม ทำให้ mood ของงานแต่งดูเฮฮาและเฟรนลี่มากๆ เพราะเพื่อนเจ้าสาวเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศภายในงานให้สดใส

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

หรือหากงานแต่งมีการจัดพิธีทั้งวัน เพื่อตามหาชุดเดรสที่เหมาะที่สุด เราแนะนำ 5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่สวยได้ทั้งงานกลางวันและงานยามค่ำคืน

ภาพจาก Pinterest

งานแต่งริมทะเล กับเรื่องดอกไม้ที่ไม่ควรมองข้าม

การจัดงานแต่งงานริมทะเลเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนที่อยากมีงานแต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติก ท่ามกลางเสียงคลื่นทะเล สายลม แสงแดด และสองเรา แต่สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเป็นอุปสรรคที่ทำให้การจัด ดอกไม้งานแต่ง มีข้อจำกัด เพราะงานริมทะเล มีทั้งคลื่นลม แสงแดด ที่ทำให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา และบอบช้ำเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ข้อจำกัดที่ว่าก็คือ การเลือกชนิดของดอกไม้ที่จะนำมาจัดในงานจะต้องเลือกดอกไม้ที่มี ความแข็งแรง ทนทานต่อความร้อน สายลม และแสงแดดได้ดี ทำให้การจัดงานแต่งงานริมทะเลนั้นต้องดูแลเรื่องของการจัดดอกไม้เป็นพิเศษ

 

ดอกไม้งานแต่ง

  • ดอกไม้ที่นิยมจัดในงานแต่งงานอย่าง ดอกไฮเดรนเยีย ลืมไปได้เลยหากจะนำมาจัดในงานแต่งริมทะเล เพราะเป็นดอกไม้ที่กลีบดอกบาง เพียงแค่โดนลมนิดหน่อยก็เหี่ยวเฉาแล้ว
  • คาร์เนชั่น ก็เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่กลีบดอกบางมาก หากโดนลม โดนแดดแล้วไม่น่าจะรอดจนจบงาน
  • สโนว์บอล เป็นดอกไม้ที่คล้ายๆ กับดอกไฮเดรนเยีย เป็นช่อสวยงาม แต่กลีบดอกบางเช่นเดียวกัน
  • ดอกโบตั๋นก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่สวยงามแต่บอบบางเกินกว่าจะรับมือกับลมแรงริมทะเล
  • และดอกไลเซนทันก็เป็นอีกหนึ่งชนิดที่มีความบอบบางไม่ควรนำมาจัดในงานแต่งริมทะล

ส่วนดอกไม้ที่เหมาะสำหรับนำมาจัดตกแต่งในงานแต่งงานริมทะเล จะเป็นจำพวก กล้วยไม้ กุหลาบ (ยกเว้นกุหลาบพวง) หน้าวัว ลิลลี่ ดอกบัว โดยเฉพาะดอกไม้ที่หาง่ายๆ อย่าง กล้วยไม้ และบัว สองชนิดนี้หากได้นำไปจัดตกแต่งอย่างสวยงามก็สวยไม่แพ้ดอกไม้แพงๆ เลย ที่สำคัญ แข็งแรง คงทน อยู่สวยคู่งานแต่งงานริมทะเลแน่นอน

ติดตามไอเดียดีๆ และเคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานอีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : phuketmag.com, beyondweddings.com

สารพัดเรื่องที่บ่าวสาวต้องเตรียมรับมือเมื่อคิดจะจัดงานแต่งที่บ้าน

คุณคือหนึ่งในบ่าวสาวที่กำลังคิดว่าจะ จัดงานแต่งที่บ้าน อยู่หรือเปล่าคะ ถ้าใช่ละก็ แพรว wedding อยากให้คุณเตรียมหาทางออกและรับมือกับเรื่องเหล่านี้ก่อนจะคอนเฟิร์มใช้บ้านเป็นที่จัดงานแต่งในฝัน

จัดงานแต่งที่บ้าน ต้องวางแผนให้ดี วันสำคัญจะได้ราบรื่น ไม่มีสะดุด

Photo by Eduard Militaru on Unsplash

1. ข้าวของในบ้านจะเอาไว้ที่ไหน

เมื่อคุณเลือกใช้พื้นที่ในบ้านรองรับแขกในงานแต่งงาน ต้องมีการเคลียร์พื้นที่เพื่อเอาโต๊ะเก้าอี้มาลงเพิ่ม ต่อให้คิดว่าเก้าอี้ในบ้านบางส่วนใช้รับแขกได้ก็เถอะแต่ก็ไม่ใช่ทุกชิ้น ยังมีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่ต้องขยับเพื่อปรับพื้นที่แน่นอน ฉะนั้นอย่าลืมเล็งไว้เลยค่ะว่า เฟอร์นิเจอร์ที่ย้ายออกไปชั่วคราวจะเก็บไว้ที่ไหนได้บ้าง

2. ห้องน้ำเพียงพอแค่ไหน

ต่อให้บ้านหลังใหญ่ก็ไม่การันตีว่าจะมีห้องน้ำเพียงพอต่อการใช้งานของจำนวนแขกที่เชิญมานะคะ เพราะส่วนใหญ่จะเปิดห้องน้ำให้ใช้แค่ชั้นล่างเท่านั้น นี่จึงเป็นอีกโจทย์ที่บ่าวสาวต้องหาทางออกไว้รับมือ จะเป็นการเช่ารถสุขาเคลื่อนที่มาใช้งานหรือยอมเปิดห้องน้ำชั้นบนไว้ให้แขกใช้ก็ว่ากันไป

3. กำลังไฟเพียงพอหรือเปล่า

ในการจัดงานงานแต่งงาน แสงสีเสียงต้องพร้อม แล้วคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่า กำลังไฟของบ้านคุณเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ต้องหารถปั่นไฟมาสำรองการใช้งานหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ากำลังกล่าวคำซึ้งแล้วไฟดับพรึ่บ แบบนั้นเกิดขึ้นมาแล้วนะคะ เตรียมพร้อมไว้หน่อยก็ดี

4. ข้าวของในบ้านจะหายไหม

ความเสี่ยงระดับสิบที่คุณต้องระวังแต่เกิดมาแล้วกับหลายคู่คือเรื่องนี้แหละค่ะ คุณไม่มีทางรู้เลยว่าแขกคนไหนจะเป็นนักจิ๊ก แถมของหายมาจะจับมือใครดม ก็แหม..แขกที่เชิญมาก็เพียบ ถึงจะเจอมือดีผ่านกล้องวงจรปิดจะกล้าไปขอของคืนไหม โอ๊ย…ลำบากใจแทน

จัดงานแต่งที่บ้าน

5. โอเคไหมถ้าเจอแขกช่างสำรวจบ้าน

เรื่องนี้เลี่ยงไม่ได้เพราะคุณเปิดบ้านให้แขกเข้ามาเดินป้วนเปี้ยนเองนี่นา จะมียามเฝ้าตามจุดต่างๆ หรือตั้งป้ายห้ามเดินห้ามผ่านก็ดูกระไรอยู่ เรื่องนี้ก็เลยเป็นอะไรที่คุณคงต้องทำใจว่าเกิดขึ้นแน่นอน และเมื่อสำรวจบ้านแล้วจะมานั่งเม้าอะไร อันนี้คุณก็ต้องรับมือกันต่อไป

6. ไม่ว่ากันนะถ้าบ้านเละเทะ

ที่ไหนมีปาร์ตี้ที่นั่นมีความเละ ซึ่งถ้าเละไปแล้วใครจะทำความสะอาด คุณว่าที่บ่าวสาว? หรือจะจ้างแม่บ้านมาดูแล? อันนี้ก็แล้วแต่เงินในกระเป๋ากับความถนัดของแต่ละคู่ แต่ถ้าข้าวของเสียหายล่ะ คุณจะว่ายังไง จะเข้าใจหรือโวยวายดี อันนี้คือเรื่องเสี่ยงๆ ที่คุณมองข้ามไม่ได้เลยนะคะ

7. จะรบกวนเพื่อนบ้านมากไหม

คุณอาจจะเชิญเพื่อนข้างบ้านมาร่วมงานแต่งงาน แต่นับๆ แล้วจะกี่หลังกันล่ะค่ะ ที่สำคัญเพื่อนบ้านจะอยู่ในงานนนานสักแค่ไหนเชียว ถ้าเพื่อนบ้านกลับไปแล้ว แต่แขกยังเหลืออีกเพียบ เสียงที่ดังจากงานจะรบกวนเวลานอนพักผ่อนแค่ไหน รวมถึงถ้ามีแขกเมาโวยวาย งานเลิกแล้วยังติดลม คุณเพื่อนบ้านจะเข้าใจหรือหน่ายใจอันนี้ต้องตรองให้หนักว่าคุ้มกันไหมกับมิตรภาพระยะยาว

8. จอดรถได้ตรงไหนบ้าง

ปกติแล้วถ้าบ้านของคุณอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สถานที่จอดรถล้วนถูกจำกัด ซึ่งนี่แหละคืออีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเตรียมให้พร้อม เพราะไม่มีทางที่แขกจะจอดรถได้ที่หน้าบ้าน คุณอาจต้องดิวที่จอดรถในโซนใกล้บ้านแล้วหารถมารับส่งแขกอีกทีอะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าดูแลได้ เรื่องนี้ก็ไม่เป็นปัญหา

เช็ค 8 ข้อที่ว่านี้ให้ดี เพื่องานแต่งงานในฝันที่จะมีมากกว่าความอบอุ่นนะคะ ติดตามไอเดียดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : lovemydress, weddinglovely