ไอเดียจับคู่เค้กแต่งงาน ให้เหมาะกับทุกธีมงานและสถานที่งานแต่ง

หลายครั้งที่การเลือก เค้กแต่งงาน มักจะรวมอยู่ในเช็คลิสต์ของว่าที่บ่าวสาว ซึ่งหลายคู่ก็เลือกให้ความสำคัญในเรื่องดีไซน์เป็นหลักว่าต้องสวย เก๋ ดูดี เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็น

แต่ก่อนที่จะไปเลือก เค้กแต่งงาน กัน หากว่าที่บ่าวสาวอยากให้ภาพรวมของงานแต่งออกมาดูดี ไม่สะดุดตรงส่วนใดส่วนหนึ่งว่า เอ๊ะ! อันนี้ดูไม่เข้าพวก ก็อย่าลืมใส่ใจการเลือกเค้กแต่งงานให้เข้ากับธีมงานหรือสถานที่ด้วย โดยเฉพาะบ่าวสาวที่เลือกใช้เป็นเค้กแต่งงานจริงทั้งหมด เพราะวัตถุดิบบางอย่างอาจไม่เหมาะกับสถานที่แต่งงานของบ่าวสาว เช่น เค้กแต่งงานแบบฟองดองท์ เหมาะกับงานแต่งงานกลางแจ้ง เพราะเป็นเค้กเคลือบน้ำตาลที่ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เป็นต้น

แพรว wedding เลยรวมเค้กแต่งงานหลากดีไซน์ที่เหมาะกับหลายธีมงานและสถานที่แต่งงานมาฝาก จะทำเป็นเค้กแต่งงานจริงก็ได้ หรือเค้กแต่งงานปลอมก็ดีมากบอกเลย!

เค้กแต่งงานในสวน

แน่นอนว่าแต่งงานในสวน เค้กแต่งงานก็ต้องมีดีเทลของใบไม้และดอกไม้เป็นหลัก ซึ่งด้วยบรรยากาศของงานแต่งในสวนที่ชอุ่มไปด้วยสีเขียว การเลือกเค้กแต่งงานสีขาว แล้วประดับดอกไม้สีสันสดใสจะช่วยให้เค้กแต่งงานของบ่าวสาวดูโดดเด่น และถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม


เค้กแต่งงานท่ามกลางขุนเขา

งานแต่งงานแบบเอ๊าท์ดอร์ เป็นเทรนด์งานแต่งในปี 2019 เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกหากบ่าวสาวจะจัดงานแต่งท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขาหรือบนยอดดอย ซึ่งในเมืองไทยก็มีสถานที่อันสวยงามที่รอให้บ่าวสาวไปสร้างความโรแมนติกอยู่มากมาย ส่วนเค้กแต่งงานที่เหมาะกับสถานที่แต่งงานแบบนี้ ก็ต้องเป็นเค้กแต่งงานที่ตกแต่งด้วยกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง หรือดอกไม้ในเฉดสีร้อนแบบฤดูใบไม้ร่วง จะช่วยเสริมบรรยากาศงานแต่งงานให้ดูโรแมนติกมากยิ่งขึ้น


เค้กแต่งงานแบบริมทะเล

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่แต่งงานในฝันของหลายคู่ เพราะฉะนั้นเค้กแต่งงานก็ต้องดีไซน์ให้เข้ากับสถานที่ด้วย เช่น เค้กแต่งงานสีฟ้าเข้ากับผืนฟ้าและท้องทะเล ตกแต่งด้วยเปลือกหอย ปลาดาว หรือปะการัง เป็นต้น หรือถ้าอยากให้ดูเก๋หน่อย อาจเติมดีเทลอย่างนกฟลามิงโก ที่สื่อถึงอารมณ์ของฤดูร้อนและท้องทะเล หรือจะเลือกตกแต่งเค้กด้วยลวดลายแบบรีสอร์ทสไตล์แบบมาราเกชก็เริด


เค้กแต่งงานในร้านอาหาร

หากสถานที่แต่งงานของบ่าวสาวไม่ใช่โรงแรมหรู แต่เป็นสถานที่แต่งงานทางเลือก หรือร้านอาหารเก๋ๆ เค้กแต่งงานก็ต้องดีไซน์เริดไม่แพ้กัน โดยเน้นเป็นเค้กแต่งงานขนาดเล็กที่ไม่ต้องโอเวอร์ไซส์มาก เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่าย ดีไซน์เก๋ไก๋ให้เข้ากับธีมงาน แนะนำให้เลือกเป็นเค้กแต่งงานจริงทั้งหมด เพราะเมื่อจบงานแล้วจะได้ตัดแบ่งให้แขกในงานได้ทาน เป็นการสร้างความอบอุ่นให้งานไปอีก

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

4 ไอเดียงานแต่งสุดน่ารักแถมแขกยังนำกลับบ้านได้ด้วย

ว่าที่บ่าวสาวทุกคู่ก็อยากจะจัดงานแต่งงานให้ออกมาดูดีเป็นที่ประทับใจของแขก หลายคู่จึงพยายามผุด ไอเดียงานแต่ง เพื่อมาเติมสีสันภายในงาน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แพรว wedding เลยขอนำเสนอไอเดียงานแต่งเก๋ๆ ที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งภายในงาน และแขกยังสามารถนำกลับบ้านไดด้วย

 

เครื่องหยอดขนม

ย้อนอดีตวัยหวานด้วยเครื่องหยอดขนมที่เหมาะกับธีมงานแต่งสไตล์วินเทจสุดๆ แถมบ่าวสาวยังสามารถครีเอทการใช้งานเจ้าเครื่องนี้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การใส่ขนมเอาไว้ให้แขกได้มาหมุนทานแบบเพลินๆ หรือจะออกแบบของชำร่วยสุดเก๋ที่สามารถใส่ไว้ในเครื่องนี้ได้ แล้วให้แขกได้เสี่ยงทายด้วยการหมุนด้วยตัวเอง ก็เป็นกิมมิกน่ารักๆ ที่น่าจะสร้างรอยยิ้มให้กับแขกได้ไม่น้อยเลยนะ

 

รองเท้าแตะ

หากบ่าวสาวจัดงานแต่งงานในสวนหรือริมทะเล เราขอให้ลิสต์สิ่งนี้เอาไว้ด้วย เพราะด้วยพื้นที่ของงานที่อาจจะไม่เหมาะหากสาวๆ ต้องใส่รองเท้าส้นสูง หรือหนุ่มๆ ที่ต้องใส่รองเท้าแบบทางก๊ารทางการ ยิ่งในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ด้วยแล้ว ก็ต้องสนุกให้สุดเหวี่ยงแบบไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรค เพราะฉะนั้น รองเท้าแตะ จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ให้กับแขกได้เป็นอย่างดี แถมยังใช้แจกเป็นของชำร่วยไปในตัวได้อีกด้วย

 

บาร์ของหวาน

ถ้าธีมงานแต่งงานของบ่าวสาวเป็นแนวหวานแบบน้ำตาลเรียกพี่ เราขอให้คุณหามุมดีๆ สักมุมแล้วเพิ่ม บาร์ของหวานเก๋ๆ เอาไว้ด้วย เพราะนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งงานได้แล้ว หากแขกมาถึงก่อนที่อาหารจะเสิร์ฟ มุมนี้ก็ถือได้ว่าเป็นมุมที่จะช่วยรองท้องและเรียกน้ำย่อยให้แขกได้เจริญอาหารเป็นอย่างดี โดยอาจจะเลือกของหวานให้มีความหลากหลายและมีดีไซน์ที่น่ารัก และหากกลัวว่าของหวานจะเหลือก็อย่าลืมวางถุงแบบ take away ให้แขกไว้ด้วยนะ

 

ป๊อปคอร์น

อาหารว่างที่สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย จะทานก่อนงานเริ่มก็ได้ หรือจะจัดไว้ในช่วงปาร์ตี้ไว้ทานคู่กับเครื่องดื่มก็เวิร์ค แล้วอย่าลืมมองหาแพ็คเกจจิ้งอย่างถุงกระดาษน่ารักๆ ไว้ด้วยนะ หรือถ้าใจป้ำกว่านั้นก็ลองจัดหาท็อปปิ้ง อย่าง ผงปาปริก้า ชีส หรือคาราเมลไว้ให้แขกได้เลือกทานตามรสชาติที่แต่ละคนชอบ

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ pexels.com

เคล็ดลับเสริมเฮง ทำบุญเสริมรัก แบบนี้สิ รับรองแม่สามีทั้งรักทั้งหลงชัวร์

ทำบุญเสริมรัก นอกจากจะเป็นการทำบุญเสริมดวงชีวิตแล้ว แม่สามียังรักอีกด้วย

สาวทั้งโสดและไม่โสดคงมีอาการหวั่นใจอยู่ลึกๆ ว่าชีวิตนี้ฉันจะต้องเจอปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้แบบในละครไทยหรือเปล่า วันนี้เราจึงหาหนทาง ทำบุญเสริมรัก ให้เกื้อหนุนความเอ็นดูให้แม่ผัวเลิฟ กับ 11 บุญพึงทำ ดังต่อไปนี้

1. ถวายผ้าจีวร

การถวายผ้าจีวรแด่พระสงฆ์ นอกจากจะทำให้ผิวพรรณผ่องใสไม่ต้องเสียเงินรักษาสิวฝ้ากระให้สิ้น และที่สำคัญจะทำให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าตอนถวายอย่าลืมอธิษฐานขอให้แม่ผัวยอมรับในตัวคุณ แถมทิ้งท้ายไว้อีกนิดว่า การถวายผ้าจีวรจะทำให้ฟันฝ่าอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย

2. ไหว้พระพุทธรูปด้วยจิตศรัทธา

อานิสงส์ผลบุญจากการไหว้พระด้วยศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจเนี่ย จะทำให้เป็นที่เคารพนับถือ แต่อย่าไปคิดให้ขุ่นแม่มานับถือนะคะ ประเด็นอยู่ตรงนี้ว่า จะทำให้ชีวิตครอบครัวสุขสบาย ไร้ศัตรูมากวนใจ คุณแม่ที่กำลังวางแผนประหัตประหารลูกสะใภ้ตาดำๆ ต้องชะงักและเห็นในคุณงามความดีที่กวางน้อยอย่างเราๆ ได้เพียรทำมา

3. การทำบุญด้วยการสร้างสะพาน

ทำบุญด้วยการสร้างสะพาน ถือเป็นบุญใหญ่ ในยามยากก็จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นขุ่นแม่สามีที่กางปีกปกป้องหญิงสาวตัวเล็กๆอย่างเรา อีกทั้งยังได้รับรับความรัก ไม่ใช่แค่จากขุ่นสาเท่านั้น แต่รวมไปถึงแม่ผัวด้วยที่จะทั้งรัก ทั้งหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว ข้อสำคัญคือ ความรักจะมั่นคงและแข็งแกร่งมาก ดุจสะพานเสริมใยเหล็กยังไงอย่างนั้น

4. ถวายเชิงรองก้นบาตร

ถวายเชิงรองก้นบาตร จะทำให้มีผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน และแน่นอนว่าในบ้านสามีที่เราไปอยู่ คนที่จะค้ำจุนเราได้ดีที่สุดก็แม่สามีไงค่ะ ถวายเชิงรองก้นบาตรไว้ขุ่นแม่จะได้เกื้อหนุน ไม่ปล่อยทิ้งคุณลูกสะใภ้ไว้กลางทะเลให้ต้องเปล่าเปลี่ยวเอกา ยามมีปัญหากับลูกชายคุณแม่ท่านจะได้เป็นเพื่อนคู่คิด มิให้เราต้องก้าวพลาด

5. ปิดทององค์พระ

การปิดทององค์พระส่วนใหญ่จะเน้นผลทางด้านทรัยพ์สิน ส่วนผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึงเนี่ยก็คือเรื่องของคนรอบข้างที่จะแบบว่ารักใครชื่นชม จะทำอะไรก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย เพราะงั้นยามปิดทองคราใดก็นึกถึงหน้าขุ่นแม่สามีเข้าไว้นะคะ ท่านจะเอ็นดูและเออออห่อหมก

6. ถวายสายโยก

ผู้ที่ทำบุญด้วยสายโยก หรือสายถลกบาตรสำหรับคล้องไหล่ โบราณท่านว่าจะเป็นผู้มีสติตั้งมั่น ไม่หวั่นกับปัญหาต่างๆ ซึ่งอันนี้เหมาะมากกับผู้ที่มีแนวโน้มจะได้แม่สามีที่ขยันสร้างปัญหา กระซิบให้รู้อีกอย่างว่าทำบุญด้วยสายโยกเนี้ย ยังจะทำให้คะแนนความเอ็นดูจากคนรอบกายพุ่งขึ้นอีกด้วยนะ

7. ถวายน้ำยาดับกลิ่นปาก

อันนี้ไม่ได้แก้ปัญหาปากเหม็นแต่อย่างใด  แต่จะช่วยให้มีคำพูดคำจาถูกจริตคนฟังมากขึ้น โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่กำลังเปิดศึกก็จะเปลี่ยนมาหยอดคำหวาน ดลบันดาลให้ชีวิตรักก็ปลอดโปร่งไร้อุปสรรค

8. ทำบุญด้วยดอกธูปเทียน

ยามที่ถวายดอกไม้ขอให้ตั้งใจหนักๆ เพราะเขาบอกว่านอกจากจะทำให้รูปร่างหน้าตาสวยงามแบบไม่ต้องพึ่งหมอที่เกาหลี แล้วยังทำให้คนทุกเพศ ทุกวัยยอมรับแบบไม่มีข้อกังขา เพราะงั้นต่อไป ถวายดอกไม้ครั้งใด ก็อย่าลืมตั้งจิตคิดถึงคุณแม่สามีในอนาคตนะจ๊ะ

9. ถวายกรรไกรตัดเล็บ

บอกเลยว่าถวายสิ่งนี้แล้วโอสุดๆ ทำให้ชีวิตเจอเรื่องดีๆ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ผ่องแผ้วนพคุณ ไปอีก และยังจะได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ซึ่งโตจนแต่งงานแล้ว จะอยากได้ความเอ็นดูจากผู้ใหญ่คนไหนมากที่สุดละคะ ถ้าไม่ใช่แม่สามี จริงม่ะ เพราะงั้นไปหาซื้อกรรไกรตัดเล็บมาถวายให้ไวเลย

10. ถวายตู้ใส่พระไตรปิฎก

เขาบอกว่าจะช่วยให้ไม่โดดเดี่ยวอยู่กลางบ้านทรายทอง แต่ที่เน้นหนักๆคือ เป็นการเสริมเสน่ห์ ให้มีความหมดจดทางรูปร่างน่าตา ใครเห็นใครก็รัก งานเนี้ยถวายตู้พระไตรปิฎกเมื่อไหร่ได้หลงกันตั้งแต่สามียันแม่สามีเลยล่ะคร้า

11. ถวายผ้าคลุมองค์พระ

สาวใดที่ถวายผ้าคลุมองค์พระบอกเลยว่าจะอุดมไปด้วยเครื่องประดับ เสื้อผ้า ยันแก็ดเจตต่างๆ และยังเป็นที่รักใคร่ของผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ต้องถูกแม่สามีจิกหัวใช้เป็นสะใภ้ก้นครัว และยังจะได้รับความเกรงใจจากบรรดาญาติพี่น้องของสามีสุดที่เลิฟอีกด้วย

อ่านครบ 11 อย่าง แล้ว ต้องรีบไปหามาถวายพระท่านอย่างด่วนๆ ถือเป็นการสะสมบุญ จะได้ไม่ต้องเผชิญปัญหาปวดหัวนะจ้ะ แต่ถ้าอยากเจอคู่แท้หรือได้เกิดมาคู่กันอีกก็ต้อง >>>วิธีการการทำบุญให้เจอคู่แท้

 ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.tlcthai.com

สารพัดวิธีบอกรัก ตะล่อมคนข้างกายให้พูดคำว่า ‘รัก’ ให้เราให้ได้

หากรู้สึกว่าความรักไม่ค่อยหวานชื่นเพราะมีแฟนปากแข็ง กว่าจะได้ยินคำว่ารักแต่ละทีนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน ลองนำสารพัด วิธีบอกรัก พร้อมเทคนิคตะล่อมเขาให้พูดความในใจของ เราไปใช้กันดูสิคะ ถ้าแฟนคุณเขาไม่ได้เป็นใบ้ รับรองว่าต้องปริปากออกมาจนได้แหละค่ะ

แกล้งงอนให้ง้อด้วยคำรัก

เรียกว่าเป็นวิธีเบสิกที่บางครั้งก็เป็นสถานการณ์จริงๆ ไม่ได้แกล้งงอนแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะเป็นสาวๆ หรือหนุ่มๆ ถ้าต้องเจอกับคุณแฟนปากแข็งก็ย่อมจะงอนตุ๊บป่องเป็นธรรมดา พองอนได้ที่เมื่อไหร่ก็ถึงคราวไล่บี้ให้เขาเอาคำรักซึ้งๆ มางอนง้อแล้วล่ะค่ะ แต่ต้องระวังหน่อยว่าอย่างอนมากจนเกินงาม เพราะถ้าเขาไม่ง้อขึ้นมาจะหน้าแตกเอาได้

แกล้งป่วยให้ช่วยดูใจ

ติ่งซีรีย์เกาหลีทั้งหลายคงจะรู้ดีว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลขนาดไหน เพราะคนเรามักจะเห็นอกเห็นใจกันในยามป่วยไข้นี่แหละค่ะ ลองแกล้งป่วยเบาๆหรือถือโอกาสตอนป่วยจริงก็ได้ ออดอ้อนออเซาะขอกำลังใจเป็นความในใจหวานๆ จากเขา ถ้าป่วยขนาดนี้แล้วเขายังไม่รีบเอ่ยปากบอกรักก็ใจแข็งเกินไปหน่อยแล้วล่ะค่ะ

แกล้งสตรองให้คิดหนัก

ถ้าอยากเอาชนะคนปากแข็งให้ได้ ลองใช้วิธีแข็งใส่ดูสิคะ แสดงให้เขาเห็นไปเลยว่าคุณสตรองนะไม่มีเขาคุณก็อยู่ได้ มัวปากแข็งอยู่นักใช่ไหม ถ้าคุณเชิดใส่เมื่อไหร่ ระวังจะเสียใจไม่รู้ตัว ทีนี้แหละค่ะเขาจะเริ่มคิดหนักแล้วว่ากลัวจะเสียคุณไป และรีบทำอะไรสักอย่าง ซึ่งสิ่งแรกที่เขาควรจะทำและทำได้ก็คือเผยความในใจให้คุณรู้ยังไงล่ะค่ะ

พูดก่อนให้พูดกลับ

หากถามเขาฝ่ายเดียวแล้วยังเงียบเป็นเป่าสาก ลองใช้วิธีเผยใจให้เขารู้ก่อนสิคะ เชื่อว่าน่าจะโดนใจสำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่รักความแฟร์ คุณพูดไปเขาก็พูดกลับ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แถมยังได้รู้ความในใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องเก็บเอาไว้ให้ค้างคาใจกันเสียเปล่าๆ

พูดสิ…มีรางวัลให้

สำหรับบางคนอาจขาดแรงจูงใจในการเผยความในใจ ดังนั้นลองใช้วิธีหลอกล่อด้วยของรางวัลสิคะ ซึ่งของรางวัลที่ว่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวของเสมอไป อาจจะเป็นไออุ่นจากอ้อมกอดหรือหอมแก้มฟอดใหญ่ๆ ก็ได้ เรียกว่าของรางวัลล่อตาล่อใจขนาดนี้ คุณอาจจะได้ฟังคำรักหวานๆ กันจนหูชาเลยทีเดียว

ถ้าไม่พูดจะเดินจากไปแล้วนะ

ถ้าต้องเจอกับคุณแฟนที่ปากแข็งเสียยิ่งกว่าหิน คงถึงคราวต้องยื่นคำขาดตามตำราสายโหดกันแล้วล่ะค่ะ ประมาณว่า “ถ้าไม่ยอมเผยความในใจเสียที ฉันคงต้องเดินจากไปแล้วนะ” บอกกันตรงจัดชัดเจนขนาดนี้ ถ้าเขายังไม่สนใจใยดี ก็เตรียมเซย์กู๊ดบายได้เลย

หลอกให้พูดแบบเนียนๆ

อีกหนึ่งวิธีตะล่อมแบบบ้านๆ ที่ได้ผลมาแล้วนักต่อนัก โดยในระหว่างที่เขากำลังทำอะไรอยู่อย่างเพลินๆ หรือคุยกันจนเคลิ้ม ก็ปฏิบัติการแบบเนียนๆ เลย เช่น โชว์ของบางอย่างแล้วถามเขาว่าน่ารักไหม ถ้าเขาตอบว่าน่ารักก็ถามต่อทันทีว่า น่ารักแล้วรักไหมล่ะ โดนมุกนี้เข้าไป รับรองว่าเขาต้องตั้งตัวไม่ทันจนเอ่ยปากบอกว่ารักออกมาแน่นอน

ถ้าเขาบอกรักแล้วก็มาอ่านเรื่องนี้กันต่อเลย >> เทคนิค เติมความหวาน ง่ายๆ แบบน้ำตาลเรียกแม่ที่คู่รักต้องทำ <<

เสริมดวงความรัก กระชับความสัมพันธ์ ตั้งแต่คบหา แต่งงาน ยันใช้ชีวิตคู่

เคล็ดไม่ลับเสริมรักให้รุ่งจาก หมอช้าง -ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาตร์คนดัง ที่เผยทริคเด็ด เสริมดวงความรัก กระชับความสัมพันธ์ ตั้งแต่คบหา แต่งงาน ยันการใช้ชีวิตคู่ ใครอยากหวานชื่นตลอดศกต้องอ่าน!

  • จะดูดวงเรื่องคู่ แต่คู่ดันไม่มา จะทำยังไงดี!

“เมืองไทยกับเรื่องดวงเป็นของคู่กัน และมันอยู่ในชีวิตเราทุกขั้นตอน ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย การใช้ชีวิตคู่ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีเรื่องดวงเข้ามาเกี่ยวข้อง

“การดูดวงความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ควรมาเป็นคู่ แต่ส่วนมากผู้หญิงจะมาคนเดียว เข้าใจว่าโอกาสที่ผู้ชายจะมาด้วยเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะถ้าเพิ่งเริ่มคบกัน ดังนั้น ควรมีข้อมูลที่จำเป็นในการไขคำพยากรณ์ คือ วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟาก ซึ่งตรงนี้เป็นเทคนิคของแต่ละคนที่จะหลอกถามแฟนมา

“ก่อนจะมาดูดวง อยากให้เข้าใจว่า การเริ่มต้นความรักเหมือนการซื้อหุ้น ผลประกอบการในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงกำไรในอนาคต บางคนรักกันจะเป็นจะตาย แต่อยู่ไปสัก 10 ปี 15 ปี ผู้ชายไปมีเมียน้อยก็เห็นบ่อย ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ทำช่วงเวลาที่มีอยู่ให้ดีที่สุด ซึ่งนักโหราศาสตร์จะให้คำแนะนำได้ว่าช่วงนี้มีอดีตตามมาหลอกหลอนนะ หรือดูได้ว่าจะเจอมรสุมในช่วงไหน ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น”

  • คำถามยอดฮิตของสาวๆ ผู้ชายคนนี้ใช่คู่เราไหม?

“จริงๆ ก็ถามได้ แต่ต้องบอกว่าถ้าเขายอมคบเรา ทุกคนก็เป็นแฟนกันได้หมด เพียงแต่ว่าเป็นได้นานและมีความสุขหรือเปล่า แต่ถ้าให้แนะนำ ควรถามว่า “อะไรคือสิ่งที่จะทำให้เราอยู่กันได้นานที่สุด” จะเป็นประโยชน์มากกว่า เช่น ดวงผู้ชายคนนี้เดินทางตลอด ถ้าคุณมีเงื่อนไขว่าต้องส่งฉันเข้านอน เสาร์อาทิตย์จับมือไปดูหนังก็คงไปกันลำบาก นี่คือสิ่งที่หมอดูจะพูดให้คุณเข้าใจ

“นักโหราศาสตร์ที่ดีไม่ควรชี้นำ หน้าที่คือแนะนำ เพราะมีกฏของการพยากรณ์ข้อหนึ่งคือ “ห้ามทายสามีภรรยาให้ราคี ห้ามทายชีวิตวิบัติตัดชันษา” บางทีมันมีกรรมของแต่ละคนที่ทำให้ไปกันต่อหรือเลิกรากัน เราอาจบอกได้ว่าช่วงมรสุมจะหมดไปเมื่อไหร่ ควรจะประคองกันไปอย่างไร ซึ่งไม่ใช่แนะนำแล้วทุกคนจะทำได้”

  • ผู้ใหญ่บอกว่าชงกับแฟน จะทำอย่างไรดี?

“ความรักไม่ได้มีแบบเดียวเหมือนในละคร ปีชงเป็นรูปแบบหนึ่งของความรัก ก็รักกันไปแบบชงๆ เช่น อาจมีเรื่องจุกจิกหรือมีมุมมองความคิดต่างกัน ไม่ได้อับเฉาอะไรขนาดนั้น แต่คนจีนจะกังวลเพราะไม่อยากให้คู่แต่งงานต้องปรับตัวเยอะ แต่ปัจจุบันผมว่าคนเราเปิดกว้างมากขึ้น บางคนอาจมองว่าความต่างเป็นการเติมเต็มก็ได้ มีเยอะแยะที่ชงแล้วอยู่ด้วยกันดี”

  • มีวิธีแก้เคล็ดหรือเสริมดวงความรักไหม?

“มีหลายวิธี เช่น บางคู่พื้นดวงบอกว่าจะไม่ได้เจอกันทุกวัน ในทางฮวงจุ้ยอาจแนะนำให้มีห้องส่วนตัว เช่น มี 2 ห้องนอน เพื่อให้แต่ละฝ่ายมีพลังของตัวเอง เหมือนกึ่งๆ ว่าแยกกันอยู่ หรือบางคนดวงอยู่ด้วยกันไม่ได้ อาจไม่จดทะเบียนหรือจดแป๊บหนึ่งแล้วหย่า

“บางคนตามดวงแต่งงานไม่ได้ ลองสังเกตดูว่าบางคนกำลังจะแต่งงานแล้วเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดเรื่องไม่ดี ไม่ได้จะบอกให้งุบงิบไปอยู่กินกันสองคน แต่การแต่งงานไม่จำเป็นต้องจัดอลังการในห้องบอลรูมเสมอไป อาจเลี่ยงเป็นทำบุญร่วมกัน สู่ขอกับผู้ใหญ่ตามธรรมเนียม หรือนัดกินข้าวในครอบครัวเพื่อให้ผู้ใหญ่รับรู้ เข้าใจว่าบางทีผู้หญิงก็มีความฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาว อาจใส่ไปถ่ายพรีเวดดิ้งไว้ดูกันสองคนก็ได้”

“ถ้าเป็นแฟนกันแล้วอยากเสริมดวงความรัก ผมแนะนำเรื่องการทำบุญ ทริคการสร้างบุญร่วมกันคือ ขอให้เป็นการเดินทางไปด้วยกันอย่างเต็มใจและกรวดน้ำอธิษฐานจิตร่วมกัน แต่บางคนชอบไปไหว้คนเดียวแล้วก็ไปขอให้แฟนหนูอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน

“บางคนมองหาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในด้านความรักโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ค่อยมี ส่วนมากเป็นเรื่องของประสบการณ์ เช่น คนนั้นไปขอเรื่องความรักที่นี่แล้วดีจึงบอกต่อกันมา หรือมาจากตำนานความรักอมตะ เช่น เจ้าแม่เขาสามมุก ฯลฯ แต่สำหรับผมสำคัญที่สุดคือการสร้างตำนานร่วมกัน ถ้าอยากไปคนละที่ ทะเลาะกันตั้งแต่เริ่มเดินทางจะดีได้อย่างไร ควรจะเป็นที่ที่อยากไปด้วยกัน การทำบุญจะได้เป็นประสบการณ์ที่ดี ถ้าจะให้มั่นใจขึ้นก็อาจถวายของเป็นคู่ เช่น เชิงเทียนคู่ แจกันคู่ ฯลฯ”

  • แต่งงานอย่างไรให้เปี่ยมสุข

“ว่าที่บ่าวสาวต้องท่องไว้ว่างานแต่งไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ฉะนั้น ถ้าผู้ใหญ่มีความเชื่ออะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ควรจะเป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องของดวง แนะนำว่าหากจะดูฤกษ์ควรเลือกอาจารย์ที่มั่นใจและใช้คนเดียว ไม่ใช่ฝ่ายหญิงมีคนหนึ่ง ฝ่ายชายมีอีกคน จะกลายเป็นมากหมอมากความ

“ในส่วนของพิธีการ งานบุญเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ควรเริ่มต้นพิธีด้วยการทำบุญกรวดน้ำร่วมกันซึ่งก็มีมาแต่โบราณ แต่สมัยนี้บางคนขี้เกียจตื่นหรือต้องเอาเวลาไปแต่งหน้า อยากฝากไว้ว่า ถ้าช่วงเช้าไม่ทันจริงๆ ถวายเพลหรือสังฆทานก็ได้ ใครที่กังวลเรื่องฤกษ์หรือเลือกฤกษ์สะดวกยิ่งควรมีการทำบุญ จะทำให้วันนั้นกลายเป็นฤกษ์ที่ดี ส่วนขั้นตอนอื่นๆ เป็นเรื่องของวัฒนธรรมและความเชื่อของแต่ละครอบครัว

“สำหรับการตกแต่งและรายละเอียดอื่นๆ นั้น เวดดิ้งแพลนเนอร์มักเลือกอะไรที่ดูสดใสสวยงามอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยแนะนำการ์ดที่มีรูโบ๋หรือรูทะลุตรงกลาง ถ้าจะฉลุเน้นตามขอบๆ ก็พอ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

อยากเท่ไม่ซ้ำใครต้องลองใส่แจ็คเก็ตชุดแต่งงาน รับประกับความเก๋เว่อร์!!

5 สไตล์ แจ็คเก็ตชุดแต่งงาน บอกเลยน่าใสมากกก

มาสร้างความทรงจำและความพิเศษให้กับวันสำคัญด้วยลุคเจ้าสาวที่เท่ไม่ซ้ำใครกับ แจ็คเก็ตชุดแต่งงาน ที่บอกเลยว่าสามารถนำมาแมตช์กับชุดแต่งงานที่สวยหวานได้แบบไม่อยากเลย แพรว wedding เลยไปรวบรวมแจ็คเก็ตหนัง 5 สไตล์ที่ว่าที่เจ้าสาวสามารถนำมาแมตช์กับชุดแต่งงานได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะใส่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หรือใส่ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็เก๋เริดแน่นอน

แจ็คเก็ตหนังสไตล์เบสิค

ตัวเลือกสุดคลาสสิคคงหนีไม่พ้นแจ็คเก็ตหนังสีดำ แต่จะหนังแบบดำล้วนมาเลยก็คงไม่ใช่ ว่าที่เจ้าสาวอาจจะมองหาแจ็คเก็ตหนังสีดำที่มีการปักหรือเพ้นต์ลวดลายที่ดูอ่อนหวานเพื่อเบรกความเท่หนักแน่นของสีดำสักนิด โดยเฉดสีที่จะเลือกมาเบรกความเข้มนั้นก็หนีไม่พ้นสีชมพูนั่นเอง

แจ็คเก็ตชุดแต่งงาน

แจ็คเก็ตดีไซน์เก๋

หากว่าที่เจ้าสาวหลงรักลุคที่ดูน่าทึ่ง ก็อาจจะมองหาแจ็คเก็ตในเฉดสีเมทัลลิคที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในปีนี้ (ปี 2018) หรือจะหาแจ็คเก็ตที่มีความหมายดีๆ แปะอยู่ด้านหลังก็ได้เหมือนกัน และเพื่อเพิ่มความเก๋โดดเด่น ว่าที่เจ้าสาวอาจจะเพิ่มดีเทลบางอย่างที่ไม่ซ้ำใครลงไป เช่น รายละเอียดต่างๆ ที่สื่อถึงงานแต่งงานของคุณ ความชอบของเจ้าสาว หรือสัญลักษณ์ที่คุณและว่าที่เจ้าบ่าวรู้กันสองคนก็ได้

เสื้อกั๊กหนัง

อีกหนึ่งรูปแบบแจ็คเก็ตที่จะสร้างลุคเจ้าสาวให้ดูโดดเด่นก็คือ เสื้อกั๊ก เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่อยากโชว์ดีเทลช่วงลำแขนได้เป็นอย่างดี เช่น หากเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานแบบเสื้อแขนยาวซีทรู ก็สามารถหยิบเสื้อกั๊กหนังมาแมตช์ได้อย่างลงตัว แถมยังไม่แข่งกันขโมยซีนอีกต่างหาก แถมยังเป็นอีกหนึ่งลุคที่การันตีความเก๋ไม่ซ้ำใครชัวร์

แจ็คเก็ตสีอ่อนที่เข้ากับชุดแต่งงาน

ใครว่าแจ็คเก็ตหนังจะมีแค่สีดำอย่างเดียวล่ะจ๊ะ เพราะแจ็คเก็ตหนังก็มีหลากหลายเฉดสีให้ว่าที่เจ้าสาวได้เลือก และหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่คิดว่าแจ็คเก็ตหนังสีดำจะดูแมนไปหรือเปล่า อยากปรับลุคให้ซอฟต์ลงมาหน่อย ก็อาจจะเลือกเป็นแจ็คเก็ตเฉดสีอ่อนอย่าง สีชมพูหรือสีครีม เป็นต้น โดนเลือกเฉดสีให้ติดไปทางพาสเทลนิดๆ เพื่อให้ลุคดูนุ่มนวล และเพื่อให้ดูเข้ากับชุดแต่งงานที่เป็นเฉดสีขาวหรือเฉดสีบลัชอีกด้วย

แจ็คเก็ตแนวสปอร์ต

Squad jackets หรือแจ็คเก็ตแนวสปอร์ต ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงแจ็คเก็ตทีมกีฬา อย่างเช่น รูปแบบแจ็คเก็ตของทีมเบสบอลดูก็ได้ค่ะ ซึ่งงานนี้ไม่ว่าจะใส่แบบเดี่ยว หรือใส่แบบคู่สำหรับคุณและว่าที่เจ้าบ่าว หรือจะเลือกโดดเด่นกันเป็นทีมกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวของคุณก็ได้ เพียงแค่เลือกลวดลาย หรือข้อความที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตน ความเป็นคู่ หรือความเป็นทีม รับรองว่านี่จะเป็นแอคเซสซอรี่อีกหนึ่งชิ้นที่สร้างความประทับใจให้กับคุณได้ดีอย่างแน่นอน

มีแจ็คเก็ตเก๋ๆ แล้วว่าที่เจ้าสาวอาจจะลองมองหาชุดแต่งงานเก๋ๆ เสริมด้วยก็ได้นะคะ ตามไปส่องกันไปที่นี่เลยกับ 10 ชุดแต่งงานเก๋ๆ ที่ว่าที่เจ้าสาวจะแต่งในปีนี้ไม่ควรพลาด!!

ภาพจาก www.azazie.com, www.pinterest.com, www.lovemydress.net, wedding.film

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

เครื่องประดับเจ้าบ่าว ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยเสริมหล่อในวันวิวาห์

ส่อง เครื่องประดับเจ้าบ่าว ช่วยเสริมหล่อในวันสำคัญ

คุณเจ้าบ่าวคะใครว่าในวันสำคัญคุณจะใส่สูทแล้วจบพร้อมเดินเข้างาน ไม่จิ๊งงงง เพราะคุณยังสามารถหล่อได้มากกว่านั้นค่ะ ด้วย เครื่องประดับเจ้าบ่าว ที่แพรว wedding รวบรวมมาให้ มาเติมนิดเสริมหน่อยให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง รับรองว่าสูทตัวเดิมที่คุณเคยลองจะดูดีขึ้นในพริบตา ไม่เชื่อก็ลองดู ^^

เครื่องประดับเจ้าบ่าว

– พ็อคเก็ตสแควร์หรือผ้าเช็ดหน้าที่พับไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท แนะนำให้ใช้ผ้ามันเงาเพื่อสร้างความโดดเด่น และควรหลีกเลี่ยงลวดลายหรือเนื้อผ้าที่เหมือนกับเนคไทมากเกินไป

– เข็มขัดควรมีดีไซน์เรียบๆ เส้นเล็ก และสีเดียวกับรองเท้าที่ใส่ บอกลาหัวเข็มขัดใหญ่โตอลังการที่มักขโมยซีนทุกอย่างในร่างกายของคุณไปหมด

– ถ้าเลือกใส่เสื้อกั๊กไว้ด้านใน ก่อนสวมเสื้อสูทให้ปลดกระดุมเม็ดล่างสุดของเสื้อกั๊กออก จะดูเท่กว่าติดครบทุกเม็ด

– เปลี่ยนจากกระดุมข้อมือเสื้อเชิ้ตธรรมดามาเป็นคัฟลิงค์ดีไซน์เท่ที่บ่งบอกความเป็นคุณได้อย่างชัดเจน

– ถุงเท้าต้องไปด้วยกันกับกางเกงและรองเท้า โดยเลือกสีให้ใกล้เคียงกันมากที่สุดหรือสีที่เข้มกว่า ที่สำคัญความยาวของถุงเท้าต้องอยู่ในระดับเลยข้อเท้าขึ้นไป

– รองเท้าควรไปกันได้ดีกับสูท เช่น รองเท้าสีดำเข้ากับสูทสีดำ น้ำตาลเข้ม น้ำเงินเข้ม  ส่วนรองเท้าหนังสีน้ำตาลเหมาะกับสูทสีครีมเข้ม และสีน้ำตาล และถ้าไม่อยากได้ลุคทางการมากนัก ลองหารองเท้าหนังที่มีสายผูกด้านหน้า ก็ดูเท่มีสไตล์ดีเหมือนกัน

– หากใส่เนคไทควรวัดความกว้างของเนคไทให้พอดีกับปกเสื้อเชิ้ตเพื่อความบาลานซ์

– สีเนคไทควรเป็นสีเดียวกันหรือใกล้เคียงกับเสื้อสูท แต่ถ้าอยากเพิ่มลูกเล่น ในกรณีที่เป็นงานสุภาพให้เลือกเนคไทที่มีสีเข้มกว่าเสื้อสูทสักนิด ส่วนงานที่ไม่เป็นทางการสามารถใช้สีอ่อนได้และควรให้ความยาวอยู่บริเวณเอว

– ลองใส่โบไทดูบ้างเพื่อเพิ่มความสนุกในการแต่งตัว แถมยังได้ลุคกึ่งทางการแฝงด้วยความขี้เล่น นอกจากนี้ยังสามารถใส่กับเสื้อเชิ้ตชิลๆ ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพราะมีลวดลายและสีสันให้เลือกตามแต่สไตล์ของแต่ละคน

เมื่อเช็กความหล่อส่องความพร้อมกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาควงกันออกไปสู่ช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิตได้เลย

สุดท้ายอย่าลืมเพิ่มเสน่ห์มัดใจสาวข้างกายด้วย 10 น้ำหอมสำหรับเจ้าบ่าวให้เจ้าบ่าวทั้งหล่อและหอมเพอร์เฟ็คในวันแต่งงาน

ภาพ stylecowboys.nl, pinterest.com, pexels.com

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

คลายความกังวลใจกับคำถามที่ว่า ควรเชิญแฟนเก่ามาร่วมงานแต่งงานหรือไม่?

วันแต่งงานถือเป็นวันเฉลิมฉลองของคุณและความรักของคุณทั้งคู่ที่มีต่อกัน แต่ในส่วนของ แฟนเก่า คุณควรทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ดีล่ะ?

ภาพงานแต่งงานแสนหวานของคุณที่พากันเดินจูงมือเข้าประตูวิวาห์ แลกแหวนแต่งงานกัน และร่วมเฉลิมฉลองกับคนสำคัญอย่างมีความสุข… อาจถูกดับฝันลง เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีภาพ แฟนเก่า ลอยมาในหัว T^T เชื่อว่าบางคนตัดสินใจลำบากไม่น้อยว่าจะเชิญแฟนเก่าของคุณมาร่วมงานด้วยดีไหม ยิ่งถ้าคุณกับคนรักเก่าจบกันไปได้ด้วยดี หรือมีผลประโยชน์ร่วมกันทางด้านธุรกิจแล้ว จะไม่เชิญมางานสำคัญก็กระไรอยู่เนอะ แต่ถ้าเชิญมาแล้วคนปัจจุบันและคนอื่นในงานล่ะจะคิดยังไง โอ้ยยยย ความคิดต่างๆ นานาถาโถเข้ามาให้หัวแบบนี้ก็ให้ แพรว wedding เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจครั้งนี้ดีไหมคะ^^?

ควรเชิญมา ถ้า…

1. เป็นอดีตในวัยเด็ก

เช่น เขาเป็นป๊อบปี้เลิฟ หรือเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในสมัยมัธยม หรือมันเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะมากกว่าที่จะมานั่งเสียใจ โดยหลายๆ คนอาจผ่านความสัมพันธ์รักในวัยใสที่นึกย้อนกี่ทีก็หุบยิ้มไม่ได้ ไม่ใช่ว่าคิดถึงคนรักเก่านะคะ เพียงแต่นึกถึงเรื่องราวความน่ารักของคู่รักวัยเด็กที่ไม่ต้องมีข้อแม้อะไรเยอะแยะ ที่แตกต่างจากความรักในวัยของผู้ใหญ่ ความทรงจำที่ดีก็ควรเก็บไว้เป็นเรื่องดีๆ ไม่ผิดค่ะ ถ้าเขาคนนั้นยังอยู่ในชีวิตของคุณและคุณเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณสามารถเชิญพวกเขาไปงานแต่งงานของคุณได้นะคะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว

2. ทุกคนต้องรู้สึกสบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์

วิธีง่ายๆ ในการตัดสินใจเรื่องนี้ก็คือ ความรู้สึกของบุคคลสำคัญภายในงานนี้ ได้แก่ คู่แต่งงาน พ่อ-แม่ ญาติ พี่-น้อง และเพื่อนสนิทของคุณ จะต้องไม่รู้สึกอึดอัดใจหากมีแฟนเก่าของคุณมาร่วมงานด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรได้รับอนุญาตจากคู่แต่งงานของคุณด้วยค่ะ ถ้าแฟนเก่าทำให้คุณเกิดความกลัวว่าบุคคลเหล่านั้นจะรู้สึกไม่ดี และตัวคุณเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากก็ควรที่จะตัดรายชื่อเขาออกไปได้เลย เพราะงานนี้เป็นงานที่คุณควรจะมีความสุขมากที่สุด ไม่ใช่มีเรื่องที่จะมาทำให้กังวลใจนะคะ

3. เขาเป็นอดีตคู่สมรสที่มีลูกกับคุณ

เมื่อคุณหย่าร้างกับเขาไปได้สักระยะ หลังจากนั้นคุณได้พบเจอกับคนที่คุณตกลงปลงใจที่จะเริ่มต้นการใช้ชีวิตคู่ใหม่อีกครั้ง ในกรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ให้คุณดูที่เงื่อนไข ระยะห่างระหว่างคุณและคู่สมรสเก่าที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น ถ้าคุณทั้งสองตกลงได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ โดยทำหน้าที่พ่อและแม่ให้กับลูกคุณอย่างดีที่สุด คุณก็สามารถทำได้ในการบอกเขาว่าคุณกำลังจะแต่งงานอีกครั้ง ไม่ดูเป็นการเชิญชวนให้มาร่วมงานมากเกินไป และคุณก็จะไม่ซีเรียสหากเขาจะมาร่วมงานด้วย ส่วนการตัดสินใจว่าจะมาหรือไม่นั้นให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาจะไม่มากันหรอกค่ะ ฮ่าๆ นอกจากนี้อยากขอย้ำว่าควรที่จะปรึกษากับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคนปัจจุบันของคุณไว้ด้วยนะคะ ว่าจะสะดวกหรือไม่ถ้าเขาได้มาร่วมงานนี้ด้วย

แฟนเก่า

ไม่ควรเชิญมา ถ้า…

1. มีบางคนที่ไม่สบายใจกับการปรากฏตัวของเขาในงานนี้

เนื่องจากวันนี้เป็นวันของคุณและคนรัก ดังนั้นถ้าคุณไม่ต้องการให้คิ้วของแขกในงานถูกยกขึ้นด้วยความสงสัยว่า ทำไมถึงเชิญเขามาด้วย? ก็ควรหลีกเลี่ยงจะดีกว่าค่ะ เพราะเขาอาจจะกลายเป็นท็อปปิคให้แขกในงานพูดถึงกันอย่างไม่หยุดหย่อน แม้คุณอาจจะอยู่ในจุดที่ดีและเป็นมิตรกับอดีตคนรักเก่า แต่เชื่อเถอะ ไม่ใช่ทุกคนในงานที่จะรู้ว่าตอนนี้คุณทั้งคู่อยู่ในสถานะไหนกันแล้ว โดยเฉพาะคนที่จะเป็นห่วงคุณในเรื่องนี้ นั่นก็คือ คุณพ่อคุณแม่ของคุณนั่นเอง ท่านทั้งสองก็จะมีมุมมองความคิดแบบผู้ใหญ่ที่คนละเจนฯ กับพวกเรา จากความรักและความเป็นห่วงเรื่องชีวิตคู่ของคุณ พวกท่านคงไม่เห็นด้วยที่จะให้อดีตคนรักของคุณมาร่วมงานนี้หรอกน้า

2. เขาเป็นพวกขี้เมา

ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีแน่ๆ ในงานแต่งนี้ บวกกับบรรยากาศงานแต่งงานที่หวานชื่นรื่นรมย์ระหว่างคุณกับคนรักใหม่ เป็นไปได้ง่ายเลยที่คนรักเก่าอย่างเขาเมื่อเห็นภาพนั้นแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้าง ซึ่งวิธีทำให้ลืมความเจ็บปวดของบางคนก็จะตกอยู่กับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยิ่งดื่มก็ยิ่งเมา พอเมาก็ขาดสติสิคะ ยิ่งถ้าแฟนเก่าคุณเป็นพวกขี้เมาด้วยนะ บอกเลยว่าหายนะมาเยือนงานนี้แล้วแน่ๆ ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการเชิญแฟนเก่าประเภทนี้มาร่วมงานแต่งงานของคุณจะดีกว่าค่ะ

3. คุณกังวลใจกับเรื่องนี้มากจนเกินไป

หากเรื่องนี้ทำให้คุณกังวลใจตั้งแต่การนั่งลิสต์รายชื่อแขก เกิดความลังเลด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่าง เราขอแนะนำว่า ถ้าในตอนนี้แฟนเก่าของคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อใดๆ ในชีวิตคุณแล้ว เป็นเพียงคนรู้จักแม้จะอยู่ในสถานะที่ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก ก็ต้องขอบอกเลยนะคะว่าไม่จำเป็นเลยที่จะเชิญเขามา อย่างน้อยๆ ยังได้รักษาความรู้สึกเขาอยู่ เราเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะสามารถทำใจได้เมื่อเห็นภาพแฟนเก่าแต่งงานกับคนรักใหม่ และคุณแฟนเก่าทั้งหลาย ถ้าใจไม่แข็งพอก็อย่าไปเลยค่ะ เราเป็นกำลังใจให้คุณอยู่นะคะ:)

ส่วนคนที่มีเหตุจำเป็นจริงๆ ต้องเชิญแฟนเก่ามาร่วมในงานนี้ ทั้งๆ ที่คุณก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าต้องทำตัวแบบไหนดี เราก็มี >> 7 วิธีเผชิญหน้าแฟนเก่าแบบไหลลื่น << ให้คุณได้ลองนำไปใช้ด้วยนะคะ

เรื่องจาก : theknot.com
ภาพจาก : uk.businessinsider.com, datetricks.com

10 พฤติกรรมทำลายชีวิตคู่ รักมากแค่ไหนก็ไปไม่รอด!

คู่รักหลายคู่มักจะคิดว่าความรักของเรานั้นมั่นคงและแน่นอน ไม่มีใครมาทำให้พังลงได้ หลายคู่รักจึงมีเกราะป้องกันปัญหาภายนอกที่แข็งแกร่ง จนบางครั้งก็ลืมไปว่าปัญหาภายในที่เกิดจากคนสองคนนั่นแหละที่คอยบั่นทอนความสัมพันธ์ของพวกคุณอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคู่ที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันยิ่งต้องระวังให้มาก เพราะบางพฤติกรรมที่คุณคิดว่ารับได้เมื่อตอนแต่งแรกๆ อยู่ๆ ไปเริ่มรับไม่ไหว ใครที่อยากรู้ว่าพฤติกรรมอะไรบ้างที่จะทำให้ ชีวิตคู่ จบเห่ รีบตามมาอ่านด่วนๆ เลย!

1. ไม่รู้จักคำว่า “กึ่งกลาง”

ชีวิตคนเราเกิดมาร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมีลักษณะนิสัยและความต้องการของตัวเองกันทุกคน แต่ในเมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมันก็ต้องรู้จักคำว่า 50:50 บ้างนะคะ หลายคู่ต้องเลิกรากันไปเพราะหากึ่งกลางระหว่างกันไม่เจอ ฉันจะเอาอย่างนี้ เธอจะเอาอย่างนั้น ไม่มีใครยอมใคร ถือเอาความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ พูดง่ายๆ ว่าต่างคนต่างเอาแต่ใจตัวเอง แล้วแบบนี้ชีวิตคู่มันจะไปกันรอดเหรอคะ ถามจริง?

2. หาไม่เจอว่าเธอต้องการอะไร

อย่างที่บอกไปข้อที่แล้วว่าต่างคนต่างมีความต้องการเป็นของตัวเอง และเมื่อมีคนรักแล้วก็หวังจะให้อีกคนเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ยังขาด แต่ในความเป็นจริงหลายคนมักที่จะไม่พูดออกมาตรงๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องการ และอีกหลายคนก็ปากหนักเกินจะถามว่าคนรักของคุณอยากได้สิ่งไหน ยิ่งไปกว่านั้นคือ คิดเองเออเองเสร็จสรรพว่าเขาก็ต้องการสิ่งเดียวกันกับคุณ ซึ่งบางทีมันก็ผิดนะจ๊ะ! ลองคิดดูว่าถ้าคุณไม่พูด เขาไม่ถาม แล้วจะรอให้ตรัสรู้ด้วยตัวเองหรือยังไง! (คนธรรมดานะไม่ใช่ผู้วิเศษ)

3. ต่างคนต่างก็เงียบหายไป

บางครั้งบางทีความเงียบก็ช่วยแก้ปัญหาได้ดีเหมือนกันนะ เพราะเมื่อเวลาทะเลาะกันแล้วลองปล่อยให้ความเงียบเข้ามาจัดการสถานการณ์สักพักอะไรๆ ก็มักจะดีขึ้น แต่! อย่าปล่อยให้เงียบนานจนเกินไป เมื่ออารมณ์คงที่เมื่อไหร่ควรหันหน้ามาคุยกันดีๆ เพราะถ้าขืนคุณเงียบหายไปนานๆ เป็นวันเป็นเดือน แบบนี้ความรักก็คงจะหายตามไปด้วยแน่นอน (เผลอๆ ไปเจอคนใหม่ไฉไลกว่าเดิมอีก!)

ภาพจาก : www.groundworkcounseling.com
ภาพจาก : www.groundworkcounseling.com

4. ปล่อยให้ความรักจืดชืด

สิ่งที่ควรทำสำหรับชีวิตคู่คือ หมั่นเติมความหวานให้กันอยู่เสมอ จะดูหนัง ฟังเพลง หรืออะไรก็ทำเถอะค่ะ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณปล่อยปละละเลยความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่เติมเชื้อรักให้กับชีวิตคู่ เมื่อนั้นความรักที่มีก็คงจะระเหิดระเหยหายไป จากคำว่าคู่รักก็อาจเหลือเพียงแค่คนสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแค่นั้นเอง

5. ไม่ใส่ใจกันและกัน

เรื่องนี้มักจะเกิดกับฝ่ายชายซะเป็นส่วนใหญ่ ไอ้อาการอัลไซเมอร์ชั่วขณะ ไม่ว่าจะลืมวันเกิด ลืมวันครบรอบ ลืมนัดสำคัญ ลืมนั่นลืมนี่ ติดเพื่อน ติดเกมส์ บางทีถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ก็ทำให้อีกฝ่ายคิดได้ว่าตัวเธอนั้นไม่มีความสำคัญพอให้จดจำเลยหรือ? นานวันไปกลายเป็นความน้อยใจ สุดท้ายทนไม่ไหวก็ขอบอกลาเลยแล้วกัน

6. เก็บงำทุกอย่างเอาไว้ในใจ

ปัญหานี้เกิดขึ้นกับทุกคนเลยนะคะ บางครั้งเวลาเราเจอเรื่องร้ายๆ ของคนรักทีไร ถ้ามันไม่หนักหนามากเกินไปก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจไม่พูดไม่เคลียร์ ปล่อยให้มันผ่านไปเงียบๆ แต่! พอเจอพฤติกรรมเดิมๆ บ่อยๆ เข้า สิ่งที่เก็บไว้เริ่มจะเยอะจนล้นใจกลายเป็นระเบิดเวลา วันดีคืนดีหมดความอดทนเมื่อไหร่ก็ตู้ม-ม-ม! ปล่อยออกมาหมด รัศมีทำลายล้างเสียจนความรักพังทลายกู้คืนมาไม่ได้อีกแล้ว

ภาพจาก : www.quotesgram.com
ภาพจาก : www.quotesgram.com

7. ไม่แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

เมื่อชีวิตคู่เจอปัญหาจนบางครั้งทำให้คุณทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่พอพายุอารมณ์สงบ ต่างคนก็ต่างพูดคำว่าไม่เป็นไร ช่างมัน ปล่อยไปเถอะ แล้วก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมต่อไป แบบนี้เหตุการณ์ดูเหมือนจะดีนะ แต่สุดท้ายปัญหาเดิมๆ ก็กลับมาเยือนอีก ทะเลาะกันอีก เป็นแบบนี้วนลูปไปเรื่อยๆ โดยที่ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข ไม่ได้ถูกปรับความเข้าใจ สุดท้ายทะเลาะกันจนเหนื่อย ประคองความรักไปต่อไม่ไหวก็ถอดใจเลิกกันไปอยู่ดี

8. ชอบเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่

ปัญหาข้อนี้เป็นงานถนัดของฝ่ายหญิงค่ะ เอะอะอะไรก็ขุดคุ้ยเรื่องเก่าขึ้นมาพูด ย้อนหลังไปถึงความผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมา แบบนี้ขอบอกเลยว่าไม่มีใครชอบหรอกค่ะ ร้อยทั้งร้อยถ้าโดนบ่อยๆ ก็อยากจะเซย์กู๊ดบายกันทั้งนั้น รวมไปถึงพฤติกรรมจู้จี้จุกจิก คิดเล็กคิดน้อยโดยไม่จำเป็นของผู้หญิงด้วยนะ ถ้าทำพฤติกรรมเช่นนี้เป็นประจำรับรองเลยว่าผู้ชายขอเลิกแน่!

9. ปล่อยให้ความเครียดเข้ามาครอบงำ

ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะคะว่าชีวิตคนเรามันมีเรื่องวุ่นวายมาให้เครียดอยู่เสมอ บางคนจัดการกับความเครียดได้ดีก็รอดตัวไป แต่บางคนรับมือกับความเครียดไม่ได้จนส่งผลกระทบกับชีวิตคู่ เครียดจากที่ทำงานก็มาบ่นมาลงกับคนในบ้าน ทำให้คนรักออกอาการเอือมระอา เจอแบบนี้บ่อยๆ ทั้งคุณและคนรักก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปใหญ่ กลายเป็นการสร้างรอยร้าวให้ความสัมพันธ์ อีกหน่อยก็ต้องเลิกรากันไป เหมือนเพลงของคุณอิทธิที่ร้องว่า “แก้วที่มันร้าวไม่นานก็คงจะแตก!”

10. จะเอาชนะอย่างเดียว

หลายคู่รักอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะคิดอยู่แค่ว่าฉันจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ฉันจะต้องได้ทุกอย่าง ฉันถูกเสมอ ฉันไม่ยอมและยอมไม่ได้ (อย่างกับนางร้ายในละคร) กลายเป็นปัญหาใหญ่โต ทะเลาะกันไปมา เพราะเธอก็ไม่ยอมและฉันก็ไม่ยอม สรุปว่าพอไม่มีใครยอมใครความสัมพันธ์และความรักก็เลยหักเป็น 2 ท่อน และส่วนใหญ่มักจะต่อไม่ติดซะด้วย แม้จะใช้กาวอย่างดีมาทาก็ยังมีรอยต่ออยู่ดีนั่นแหละ

ลองเช็คกันดูซิว่าคุณและคนรักมีพฤติกรรมแย่ๆ ทั้ง 10 ข้อตามที่ว่ามาหรือไม่ ถ้าเกิดว่ามีตามนี้ ก็คงถึงเวลาที่คุณทั้งคู่ต้องรีบหาทางแก้ไข หากว่ายังอยากประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง สิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้คงต้องเริ่มจากการปรับปรุงตัวเองเสียก่อนเป็นอย่างแรก แล้วลองนึกดูสิว่าคุณรักกันเพราะอะไร แต่งงานกันเพราะอะไร แล้วอยากจะให้ชีวิตคู่เป็นแบบไหน สิ่งสำคัญเมื่อเกิดปัญหาก็คือ ลองถอยกันคนละก้าวให้ใจเย็นลงสักนิด พิจารณาว่าอะไรทำให้เกิดปัญหา และจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร สุดท้ายท่องจำให้ขึ้นใจว่า “ใครขอโทษก่อนชนะ” จากนั้นให้ปรับความเข้าใจกัน แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณทะนุถนอมชีวิตคู่ได้ยืดยาว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย! <<

เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ : quotesgram.com,  groundworkcounseling.com, huffingtonpost.com

24 คำถามที่ว่าที่บ่าวสาวต้องถามใจตัวเองก่อนวางแผนจัดงานแต่ง

บ่าวสาวที่กำลังจะวางแผนเพื่อแต่งงานอาจจะกำลังงงงวย นึกไม่ออกว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี เพราะมีสารพัดเรื่องให้ต้องจัดการเหลื๊อเกิน แพรว wedding จึงขอจัดคำถามให้คุณบ่าวสาวตอบกับตัวเองให้ได้ก่อนที่จะลงมือ วางแผนจัดงานแต่ง แล้วจะทำให้การจัดงานเป็นเรื่องง่ายชนิดที่ว่าปอกกล้วยยังยากกว่า

 

1. จัดงานแต่งที่ไหนดีน๊า… เรื่องสถานที่เป็นอะไรที่ทำให้คุณบ่าวสาวกุมขมับมานักต่อนัก เพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะจัดงานที่ไหนดี ลองตั้งคำถามกับตัวเองเกี่ยวกับสถานที่ ที่มีความสำคัญในชีวิตที่ผ่านของคุณทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น

2. เจอกันครั้งแรกที่ไหน เผื่อว่าคุณจะได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อวันที่เจอกันครั้งแรก และก็จัดงานในสถานที่นั้นเสียเลย

3. ตอนเด็กๆ ชอบไปที่ไหน  อาจจะเป็นแคมป์หรือจังหวัดที่คุณประทับใจตอนเมื่อครั้งไปกับคุณพ่อคุณแม่ คราวนี้ก็ไปสร้างความทรงจำกับคุณว่าที่สามีเพิ่มขึ้น

4. ไปเที่ยวด้วยกันที่แรกที่ไหน ก็เป็นการย้อนวันรำลึกความหลัง กระตุ้นให้งานแต่งหวานสวีทยิ่งขึ้น สถานที่นั้นอาจมีแก๊งเพื่อนไปด้วยก็ไม่ผิด ถ้าที่แห่งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำ

5. เดตแรกที่ไหน ลองเช็คดูว่าสถานที่นั้นจัดงานแต่งงานได้ไหม ถ้าจัดได้ก็จัดเลย เวลาใครถามว่าทำไมเลือกที่นี่ก็บอกไปเลยว่าเพราะว่าเราเดตกันครั้งแรกค่ะ หวานป่ะละ

6. ไปที่ไหนด้วยกันแล้วประทับใจเหมือนๆ กัน การจัดงานในสถานที่ที่คุณประทับใจจะยิ่งทำให้ภาพความแต่งงานในความทรงจำยิ่งตราตรึงอยู่ในใจไปอีกนาน ยิ่งเป็นที่ๆ คุณทั้งคู่มีความรู้สึกร่วมกันด้วยยิ่งดี

7. งานฉลองแบบไหนจะเริ่ดที่สุด พูดถึงงานฉลอง เป็นอะไรที่บ่าวสาวทุ่มทุนกันสุดๆ แต่บางคนก็ยังเริ่มต้นไม่ถูกโดยเฉพาะคุณว่าที่เจ้าสาวที่บอกเลยว่าบางทีก็ฟุ้งเกินไปจึงต้องถูกจัดลำดับความคิดด้วย 5 คำถามนี้

8. สีไหนที่คุณชอบที่สุด เป็นการหาธีมจากสีที่คุณชอบ ทำให้คุณได้อยู่ท่ามกลางสีที่ชอบ กับคนที่คุณรัก ดีจะตายไป

9. ดอกไม้อะไรที่คุณชอบ เจ้าสาวส่วนใหญ่ก็เลือกดอกไม้มาประดับงานจากความชื่นชอบนั่นแหล่ะ แต่ถ้าเลือกใช้ดอกไม้สดก็อาจต้องระวังเรื่องแพ้เกสรด้วยนะ  

10. เพลงโปรดในใจ  เพลงที่เปิดในช่วงเวลาสำคัญบางคนอาจมีเป็นลิสต์ หรือไปหาลิสต์ที่มีคนจัดไว้แล้ว แต่ถ้าคุณมีเพลงที่ชอบเป็นพิเศษก็จัดมา ไม่จำเป็นต้องใช้เพลงเหมือนคนอื่นหรอก

11. มีสมบัติชิ้นไหนของครอบครัวที่คุณอยากจะใส่ในวันพิเศษนี้ไหม อย่างพวกเครื่องประดับที่เป็นมรดกตกทอด หรือบางคนถือคติ Something old ก็เอามาเป็นส่วนหนึ่งของชุดแต่งงานหรือการตกแต่งในงานก็ได้

12. คุณมีสัตว์เลี้ยงคล้องใจกันหรือเปล่า ถ้าหากว่าคู่ของคุณมีสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงด้วยกัน ก็เอามาร่วมเป็นสักขีพยานในงานได้นะ น่ารักเก๋ไก๋ดีออก

13. จะดูแลแขกยังไงให้ได้ใจ แถมไม่ถูกบ่นลับหลัง เป็นอีกเรื่องที่คุณบ่าวสาวกังวลใจอยู่ลึกๆ ว่าจะจัดงานออกมาได้ประทับใจแขกหรือเปล่า บางคู่ถึงขนาดที่ว่าทุ่มงบก้อนใหญ่ที่สุดเพื่อการนี้เลยทีเดียว ส่วนวิธีจัดงานให้ได้ใจก็ไม่ยาก ด้วยการลองคิดแบบแทนใจแขกเหรื่อด้วยการตอบคำถามเหล่านี้

14. เครื่องดื่มสุดโปรดของคุณคืออะไร ในการเลือกเครื่องดื่มบางคนอาจคิดไปไกล มีให้เลือก 18 อย่าง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ต้องก็ได้ แค่เลือกชนิดที่คุณชอบมาอย่างเดียวมารับรองแขกก็โอเคแล้ว

15. ทีมกีฬาสุดรัก ถ้าหากคุณมีทีมกีฬาที่ชอบก็อาจจะเอามาเป็นกิมมิคตกแต่งในงานก็ได้ อย่างพวกตราสัญลักษณ์ หรือสีประจำทีมงี้

16. ร้านอาหารที่ชอบทาน ลองติดต่อร้านอาหารที่คุณชอบ ให้เขามาจัดซุ้มอาหารในงานแต่ง เผื่อเป็นทางเลือกให้กับแขกในงานได้กินอาหารที่หลากหลายมากกว่าที่โรงแรมจัดให้

17. อาหารที่กินกันบ๊อยบ่อย คู่ของคุณมีอะไรที่กินกันเป็นประจำหรือเปล่า เช่นอาหารญี่ปุ่น หรืออื่นๆ แบบว่าเอามาไว้ในงาน ตั้งเป็นซุ้มรวมอาหารแห่งความทรงจำก็เก๋นะ

18. สิ่งที่คุณหลงใหลที่สุด  บางคู่ก็เอาความชอบมาเป็นส่วนหนึ่งของงาน หรือมาเป็นธีมงานก็ได้อย่าง ชอบการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ ก็เอามาเป็นธีมงานก็เคยมีมาแล้ว

19. ลงลึกดีเทลละเอียดยิบ ในส่วนของดีเทลอย่างการ์ดเชิญ ของชำร่วย ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะเป็นอะไร และก็อยากลองมองของที่สื่อตัวตนของคนทั้งคู่ คนมองเห็นเมื่อไหร่ก็นึกถึงคุณเมื่อนั้น

20. ของสะสมหรืองานอดิเรกของคุณคืออะไร ก็เอามาทำเป็นของชำร่วยได้นะ อย่างสาวๆ บางคนชอบเทียนหอม ก็เอาเทียนหอมกลิ่นโปรดมาเป็นของชำร่วยให้แขกก็ได้

21. มีความฝันอะไรที่อยากทำในคืนพิเศษหรือเปล่า  ถ้าในวัยเด็กเคยมีความฝันว่าอยากจะทำนู้นนี่นั่นในวันแต่งงาน ขอให้ทำเลยค่ะ เพราะวันแต่งงานไม่มีเทคสองให้กลับมาทำตามความฝันอีกรอบ

22. มีชื่อเล่นอะไรที่เรียกกันระหว่างสองเราหรือเปล่า จะบี๋ จะบู๋ จะลิ่งไหม เพราะชื่อเหล่านี้สามารถเอามาทำเป็น แฮชแทคในงานแต่งงานได้นะ น่ารักดีด้วย แถมพิมพ์ง่ายกว่าชื่อจริงที่ยาวเป็นหางว่าว

23. มีหนังสือเล่มโปรดหรือคำซึ้งๆที่ฟังแล้วกินใจไหม ถ้ามีคุณอาจเอาข้อความมาประดับในงาน เป็นโซน Love Quote ให้แขกมายืนอ่านเพลินๆ ก็ได้นะ

24. หนังเรื่องโปรด อันนี้ใช้เป็นไอเดียสำหรับพรีเซนเทชั่นได้เลยนะ นอกจากให้แขกดูบางครั้งยังเป็นตัวแทนความสัมพันธ์ของคู่บ่าวสาวได้อีกด้วย

หลังตอบคำถามทั้ง 24 ข้อนี้แล้ว จะทำให้เห็นว่าความชอบของคุณบ่าวสาวคืออะไร และเราสามารถนำความชอบเหล่านี้สร้างสรรค์ออกเป็นงานแต่งงานที่พรั่งพร้อมไปด้วยคนที่คุณรัก ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนอบอุ่นและเป็นตัวเองที่สุด

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

สกัด! สต๊อป! ความเยอะของญาติเพื่อการจัดงานแต่งงานอย่างมีความสุข

หรือ งานแต่งงาน จะพังไม่เป็นท่า เพราะความ “เยอะ” ของบรรดาญาติสนิท!!

การเตรียม งานแต่งงาน ถือเป็นช่วงที่วุ่นวายและยุ่งยากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากคู่รักจะต้องปรึกษาหารือในเรื่องรายละเอียดต่างๆ ของงานแต่งแล้ว ยังมีญาติพี่น้องที่มักจะออกความคิดเห็นนู่นนี่นั่นอยู่เสมอ เข้าใจนะคะว่าทุกอย่างเกิดจากความหวังดี แต่บางทีมันก็เยอะเกินไปจนทำให้บ่าวสาวอึดอัด เพราะฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวทุกคนลองมาฝึกวิทยายุทธ์รับมือความเยอะของญาติๆ กับเรากันดีกว่า

“เยอะ” ในเรื่องอะไรบ้าง?

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการรับมือ เราอยากจะบอกให้รู้กันสักนิดว่าญาติผู้ใหญ่จะชอบมา “เยอะ” ใส่บ่าวสาวในเรื่องอะไรบ้าง เริ่ม!

1. “เยอะ” เรื่องความเป๊ะของพิธีการ ความเชื่อ และฤกษ์ยาม

ขบวนขันหมากต้องจัดแบบนี้สิ ฤกษ์นี้ต้องเริ่มก้าวเท้าไหนเคลื่อนขบวนขันหมาก ถึงบ้านเจ้าสาวต้องเวลานี้ สินสอดต้องวางด้านนั้น รดน้ำสังข์อย่างนี้ เจ้าสาวนั่งฝั่งนั้น เจ้าบ่าวนั่งฝั่งนี้ ต้องลุกขึ้นก่อนจะได้มีอำนาจเหนือเมีย และอีกสารพัดความ “เป๊ะเวอร์!” ที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับประโยคที่ว่า “ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันรู้ดีกว่า” ประโยคเด็ดตลอดกาล เอาเป็นว่าทำใจร่มๆ ไว้ก่อนนะ

2. “เยอะ” เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมของเจ้าสาว

เรื่องชุดเจ้าบ่าวคงไม่มีอะไรให้ผู้หลักผู้ใหญ่จะต้องพูดมาก แต่! ชุดเจ้าสาวและหน้าผมก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มักได้การตอบรับดี (รึเปล่า) เสมอ เช่น ทำไมใส่ชุดยกน้ำชาเป็นสีชมพูล่ะ ทำไมไม่ใส่สีแดง ไม่เป็นมงคลเลย (อันนี้สำหรับอาหมวยทุกคน) หรืออาจจะเป็น ชุดเจ้าสาวแบบเกาะอกมันโป๊เกินไปนะ ทรงผมก็ดูเรียบเกินไป แต่งหน้าซีดไปหน่อย ฯลฯ เจ้าสาวที่ได้ยินก็อย่าเพิ่งปรี๊ดนะคะ Keep Calm and Smile เข้าไว้

3. “เยอะ” เรื่องการเชิญแขก

เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาถ้าครอบครัวรักกันดีและมีเงินเยอะ ที่ต้องบอกแบบนี้เพราะอะไร? เพราะบ่าวสาวบางคู่มีงบสำหรับงานแต่งจำกัด และสถานที่จัดงานไม่ได้ใหญ่มาก แต่ผู้ใหญ่บางครอบครัวจะเกิดความเยอะที่ว่า ต้องเชิญแขกคนนี้ ห้ามตัดรายชื่อแขกคนนั้น ต้องเชิญครอบครัวนั้นมาทั้งหมดเพราะคุณพ่อสนิทมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็จะเจอปัญหาที่ว่าอาเจ๊กคนนี้จะไม่มาเพราะว่าไม่ถูกกับอาแปะอีกคนหนึ่ง เฮ้อ…ท่องไว้นะคะว่า อดทน อดทน อดทน!

ใครที่มีแนวโน้มจะ “เยอะ” ได้บ้าง

ข้อนี้ไม่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้ว่าเป็นใคร แต่! ทุกคนในครอบครัวมีสิทธิ์จะ “เยอะ” ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง แต่ขอให้บ่าวสาวจำไว้ว่าที่ท่านพูดก็เพราะท่านหวังดี อยากให้ทุกอย่างถูกต้องตามประเพณีเป๊ะๆ

สกัดความเยอะ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม!

สิ่งที่อยากให้บ่าวสาวทำตั้งแต่เริ่มเตรียมงานแต่งคือ “ประเมินสถานการณ์” ลองสำรวจดูทั้งครอบครัวของคุณและครอบครัวของแฟนว่า ใครมีความเป็นไปได้ว่าจะ “เยอะ” ใส่คุณมากที่สุด และท่านจะเยอะในเรื่องอะไร จากนั้นให้เตรียมคำตอบพร้อมเหตุผลดีๆ ไว้อธิบายให้ท่านฟังด้วย

ในอีกกรณีหนึ่งถ้าท่านเหล่านั้นอยากจะมีส่วนร่วมและช่วยจัดงานแต่ง คุณอาจจะแบ่งหน้าที่การเตรียมงานในส่วนต่างๆ ให้ท่านช่วยรับผิดชอบไปเลย เช่น แบ่งให้ผู้ใหญ่ช่วยจัดงานพิธีเช้าที่ต้องทำตามประเพณี ส่วนคู่บ่าวสาวก็มาเต็มที่ตามสไตล์ของตัวเองในงานช่วงเย็นแทน แบบนี้ก็เวิร์ก!

สต๊อปความ “เยอะ” แบบเฉพาะหน้า!

ถ้าคุณเตรียมการไปได้สักพักแล้ว เกิดมาเจอกับความเยอะที่อยู่ๆ โผล่มาแบบเซอร์ไพร้ส์จนคุณไม่ทันตั้งตัว (ประเมินสถานการณ์พลาด!) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแขก เรื่องพิธีการ หรือเรื่องของเสื้อผ้า คราวนี้ถึงเวลาที่จะต้องมานั่งจับเข่าคุยกันแล้วว่าทำไมคุณถึงเลือกจัดงานแบบนี้ ทำไมถึงเลือกใส่ชุดนี้ และทำไมถึงไม่สามารถเชิญแขกท่านนั้นท่านนี้ได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลด้านเวลา ความสะดวก งบประมาณ และสถานที่ที่เตรียมไว้ แต่ขอให้ระวังเป็นอย่างมากในเรื่องของอารมณ์และน้ำเสียงที่คุณใช้ เพราะว่าคุณเด็กว่า อายุน้อยกว่า ฉะนั้นคุณจะต้องอธิบายเหตุผลด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ และห้ามวีนแตกแบบพ่อไม่เข้าใจตุ้มเด็ดขาด!

อีกวิธีหนึ่งก็คือ “การต่อรอง” อาจจะขอท่านๆ ทั้งหลายว่า หนูชอบงานแบบนี้ แต่ญาติๆ อยากได้แบบนี้ “งั้นเรามาเจอกันคนละครึ่งทางดีไหม” ใครครึ่งไหนก็แล้วแต่จะตกลงกัน

ส่วนวิธีที่ซอฟท์ที่สุด ละมุนละม่อมที่สุดคงเป็นการ “ยอม” อย่างที่บอกไปว่า ผู้ใหญ่ท่านเยอะใส่เพราะว่าความหวังดี อันไหนที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ยอมลงให้ท่านหน่อยก็แล้วกัน ปัญหาจะได้ไม่บานปลายใหญ่โตไปกระทบชีวิตหลังแต่ง

ช่วงระหว่างการเตรียมงานแต่งว่าที่บ่าวสาวหลายคู่อาจเจอสารพัดปัญหาเข้ามาทักทาย ซึ่งถือเป็นบททดสอบก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างดี ไม่ว่าจะเจอใครมา “เยอะ” ใส่คุณสักแค่ไหนก็ขอให้คุณทั้งคู่ Strong! Strong! Strong! เข้าไว้ละกันนะจ๊ะ ไฟท์ติ้ง!!!

Read More 6 เรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมการไว้ให้พร้อมก่อนเริ่มวางแผนจัดงานแต่งงาน

ภาพ : chrishughesphotography.co.uk, pinterest

แชร์ต่อให้เขารู้! 8 เรื่องที่เจ้าสาวอยากให้เจ้าบ่าวช่วยช่วงเตรียมงานแต่ง

แพรว wedding ขอทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนสาวๆ กับเรื่องที่อยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวช่วยร่วมมือกันหน่อยในช่วงการ เตรียมงานแต่ง จะมีเรื่องไหนบ้างไปไล่ดูกัน            

1. ช่วยพูดความจริงเรื่องงบประมาณ

สาวๆ อยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวบอกกันตรงๆ ในเรื่องงบประมาณ อย่าได้ปิดบังว่ามีเงินเท่าไหร่สำหรับการจัดงานแต่ง จะได้รู้ว่าแต่ละอย่างที่จะเลือกมาประกอบร่างเป็นงานแต่งในฝันควรเลือกในระดับไหน ในราคาเท่าไหร่ ไม่ใช่พูดแต่ว่าอยากได้อะไรจัดเลย แต่สุดท้ายเจ้าสาวต้องจ่ายก่อนจนจบงานก็ไม่ได้คืน

2. ช่วยแชร์ความฝันส่วนตัว

สาวๆ เชื่อว่าไม่ใช่แค่พวกเธอเท่านั้นที่มีภาพฝันวันแต่งงาน แต่หนุ่มๆ ก็ไม่ต่าง ก็เลยอยากบอกว่าช่วยเล่าให้เธอฟังบ้างว่าภาพงานแต่งของคุณเป็นแบบไหน เธอจะได้นำมาจับคู่กับฝันของเธอ และช่วยกันสร้างงานแต่งของเราทั้งคู่ไปด้วยกัน

3. ช่วยหาข้อมูลบ้าง

อย่ายกหน้าที่การหาข้อมูลทั้งหมดให้กับเจ้าสาว เพราะเธออยากได้มุมมองของคุณในการพิจารณาข้อมูลต่างๆ มาประกอบการตัดสินใจเหมือนกัน และแพรว wedding ว่า การที่หนุ่มๆ หาข้อมูลมาเสนอบ้าง คุณจะได้กรองข้อมูลในเบื้องต้นด้วยตัวเองว่านี่แหละที่คุณโอเค

4. ช่วยออกความเห็นหน่อย

คำพูดประจำที่สาวๆ เจอกันบ่อยมากก็คือ อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ แต่พอพวกเธอเลือกอะไรมาก็ตินั่นนี่ ฉะนั้นถ้าไม่ชอบอะไรที่สาวๆ เลือก กรุณาออกความเห็นมาตั้งแต่แรก จะได้ไม่ตีกันทีหลังว่า อ้าว…แล้วตอนนั้นบอกว่าอะไรก็ได้

เตรียมงานแต่ง

5. ช่วยเฉียดเวลาไปด้วยกันสักนิด

จริงๆ แล้วพวกเธอก็อยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวไปช่วยดูนั่นนี่ด้วยกันในทุกขั้นตอนการเตรียมงาน แต่พวกเธอก็เข้าใจค่ะว่าหนุ่มๆ อาจรู้สึกว่าไม่ใช่งานถนัดหรือบางคนติดงาน แต่ก็ขอเถอะว่า เฉียดเวลามาร่วมรับรู้หน้างานตอนเจรจาเลือกบ้างจะขอบคุณมาก

6. ช่วยต่อรองราคาในบางโอกาส

ว่าที่เจ้าบ่าวส่วนใหญ่หน้าบางมากถึงมากที่สุด ทั้งที่ลึกๆ ในใจก็รู้สึกว่าแพงแต่กลับไม่กล้าต่อรอง ในความเป็นจริงถ้าคุณช่วยกันออกแรงแข็งขันสองปากพูดเจรจาไปเนี่ย ได้ผลกว่าพูดคนเดียวเยอะเลยนะคะ ลองดูหน่อยจะเป็นไรไปเนอะ

7. ช่วยกล่อมพ่อแม่ด้วย

อย่างน้อยๆ ก็พ่อแม่ของคุณว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละค่ะที่อาจจะมีคอมเม้นสารพัดเกี่ยวกับรายละเอียดการเตรียมงานจนบางทีกลายเป็นสิ่งบีบหัวใจสาวๆ เพราะใจก็อยากจะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้แต่ติดี่พ่อแม่สามีไม่เห็นด้วย หรือไม่เข้าใจในความจำเป็น ฉะนั้นคุณคะ ในฐานะลูกชายก็ช่วยๆ พูดให้ว่าที่เจ้าสาวบ้างก็จะน่ารักมากๆ ค่ะ

8. ช่วยเข้าใจความเป็นเจ้าสาว

ข้อนี้คือสุดยอดแห่งความต้องการที่สาวๆ ฝากแพรว wedding บอกกับคุณว่าที่เจ้าบ่าวค่ะ เพราะหนุ่มๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่างานแต่งงานและตำแหน่งเจ้าสาวเป็นอะไรที่สำคัญในชีวิตของสาวๆ จะมากน้อยหรือเน้นหนักไปที่เรื่องไหนก้แล้วแต่คนไป แต่รวมๆ แล้วเมื่อจะจัดงาน ความฝัน ความต้องการ และความคาดหวังมีในใจพวกเธอแน่นอน

เพราะฉะนั้นถ้าเธอดูใส่ใจกับทุกองค์ประกอบของงานแต่งมากมายก็อย่าได้รำคาญหรือรู้สึกว่าจะอะไรกันนักหนากับแค่วันๆ เดียวเลยค่ะ คอยอยู่ข้างๆ เธอเสมอ เข้าใจในสิ่งที่เธอคิดและต้องการ ที่สำคัญ ช่วยในเรื่องทั้งหมดที่เธอฝากเรามาบอก รับรองค่ะว่าอาการไฝว้กันในช่วงเตรียมงานจะลดน้อยลงจนแทบไม่มีให้ปวดใจค่ะ

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรื่อง :ดอกปีบ
ภาพ : savethedatemagazine.co.uk,Martha Stewart Weddings

รู้ไว้ไม่มีพลาด กับ 5 สิ่งสำคัญที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมักลืมทำในวันแต่งงาน

แน่นอนค่ะว่าวันแต่งงานของเราทั้งทีเป็นใครก็ตื่นเต้นกันทั้งนั้น ซึ่งความตื่นเต้นดีใจนี้อาจทำให้เราหลงลืม และพลาดทำสิ่งสำคัญบางอย่างได้ ดังนั้นเพื่อให้วันสำคัญของคุณว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าสาว ทั้งหลาย ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แพรว wedding จึงรวบรวม 5 สิ่งสำคัญที่บ่าวสาวมักลืมทำในวันแต่งงานมาฝากไว้ให้ระวังกันพลาดนะคะ

ลืมกิน

เพราะงานแต่งมันยุ่งซะจนเจ้าภาพอย่างเราต้องทำอะไรเองไปซะหมด ไม่งั้นไม่สบายใจ และนี่แหละค่ะจึงเป็นสาเหตุให้สาว ๆ ลืมหาอะไรรองท้องก่อนเข้าร่วมงานวิวาห์ได้ ซึ่งงานนี้มันจัดตั้งหลายชั่วโมง ต้องยืน ต้องเดินตลอดงาน ถ้าไม่มีอาหารตกถึงท้องแล้วเกิดเป็นลมขึ้นมาล่ะแย่เลย

ลืมเข้าห้องน้ำ

สาว ๆ ทั้งหลายห้ามลืมเข้าห้องน้ำเด็ดขาดเลยนะก่อนจะใส่ชุดวิวาห์น่ะ เพราะชุดนี้ถ้าใส่แล้วคือมันต้องใส่เลย จะมาถอดเข้าถอดออกง่าย ๆ ไม่ได้ ไม่งั้นหมดสวยกันพอดี เพราะฉะนั้นเตรียมตัวเองให้พร้อมด้วยล่ะ

ลืมดื่มน้ำ

สำคัญพอ ๆ กับอาหารก็น้ำนี่แหละค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราต้องใช้เวลากับงานนี้แทบจะทั้งวัน มันไม่มีเวลาให้เราพักผ่อนหย่อนใจอย่างที่คิดหรอกค่ะ ดังนั้นจิบน้ำให้บ่อย ๆ ก่อนที่ร่างกายจะเป็นอะไรไปด้วยนะ

เผลอใส่เสื้อยืด

วันแต่งงานเราต้องทั้งทำผม ทั้งแต่งหน้า เสียเวลาหลายชั่วโมงเพื่อความสวยของเรา แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำทั้งหมดนั้นในชุดวิวาห์แน่ ๆ หลายคนเผลอตัวดันใส่เสื้อยืดมาให้ช่างแต่งหน้าทำผม พอจะเข้าพิธีก็ไม่สามารถเปลี่ยนเสื้อได้ เพราะไม่อย่างนั้นทรงผมต้องพังทลายแน่ ดังนั้นสาว ๆ ทั้งหลายอย่าลืมใส่เสื้อเชิ้ตในตอนแต่งหน้าทำผมเด็ดขาดเลยน้า

ลืมเตรียมกระเป๋าไว้

เพราะในวันงานเราจะมีสัมภาระเยอะมาก ไหนจะรองเท้าเอาไปเปลี่ยน ไหนจะของใช้จำเป็นทั้งหลายแหล่ ซึ่งบอกเลยว่าถ้าลืมพกกระเป๋าใบเล็ก ๆ ติดไว้ ชีวิตเจ้าสาวต้องยากขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ ในการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

cr : shefinds.com, .thebridalbox.com

7 เรื่องสำคัญที่บ่าวสาวต้องเห็นพ้องต้องกันก่อนจะวางแผนจัดงานแต่ง

คู่รักที่กำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า อะไรบ้างที่จะต้องเตรียม ต้องจัดหาในการวางแผน จัดงานแต่ง แต่เรื่องหนึ่งที่มักจะลืมและเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องไหนๆ คือ ความเห็นพ้องต้องกันในการเตรียมตัวในแต่ละขั้นตอนที่จะต้องเห็นชอบไปในทิศทางเดียวกันก่อน ซึ่งเรื่องที่ว่าก็มีไม่กี่อย่าง แต่เชื่อไหมคะว่าทำให้หลายคู่เกิดอาการขัดใจกันระหว่างเตรียมงานมานักต่อนัก เรามาดูกันค่ะว่า เรื่องไหนบ้างต้องเซย์เยสไปในทิศทางเดียวกันก่อนบ้าง

1. งบประมาณ

เรื่องสำคัญมากสุดคือเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่คุณเชื่อไหมว่า การจะตกลงเรื่องนี้มันยากแสนยาก แต่ถ้าตกลงกันได้เมื่อไหร่ การเตรียมการทุกขั้นตอนจะไหลลื่นไม่มีสะดุด ซึ่งงบประมาณที่เราขอให้คุณตกลงมีทั้งงบประมาณก้อนใหญ่ที่ครอบบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งงาน จากนั้นตั้งงบประมาณให้กับหัวข้อการใช้จ่ายรายย่อยๆ อย่างละเอียด เพื่อที่เวลาเลือกซื้อเลือกหาของมาใช้ในงานแต่งจะได้รู้ว่าควรคุมเงินอยู่ที่เท่าไหร่ และสามารถโยกย้ายหรือผันเงินที่ตั้งไว้ไปตรงจุดไหนได้แบบไม่เกินงบ

2. ลำดับความสำคัญของการใช้จ่าย

แน่นอนว่าคุณก็ฝันว่าอยากจัดงานแต่งงานแบบที่ชอบ อีกฝ่ายก็ฝันเหมือนกัน ซึ่งไม่รู้ว่าหน้าตาของงานในฝันของคุณจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันไหม ซึ่งส่งผลต่อการให้น้ำหนักในค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนต่างกันไปด้วย สาวบางนางซีเรียสเรื่องชุดเจ้าสาวมากถึงมากที่สุดก็อาจทุ่มงบไปกับเรื่องชุด แต่ขณะเดียวกันหนุ่มๆ อาจมองว่าชุดใส่ไม่กี่ชั่วโมง แต่เรื่องอาหารการกินสำคัญกับแขก คุณก็จะต้องมาจับเข่าตกลงกันแล้วว่า คุณทั้งคู่ (ย้ำว่าทั้งคู่) จะให้ความสำคัญกับอะไรมาเป็นอันดับ 1, 2, 3… เพื่อการจัดสรรงบประมาณตามความสำคัญไงคะ

3. สถานที่จัดงาน

พื้นที่จัดงานเป็นเรื่องแรกเลยก็ว่าได้ที่คุณต้องตกลงกันให้ลงตัว ยิ่งถ้าคุณเป็นคนต่างจังหวัดแต่มาทำงานในเมืองหลวงเท่ากับชีวิตคุณมีสังคมที่ต้องดูแลอยู่ 2 พื้นที่ ฉะนั้นตกลงกันก่อนว่าจะจัดงานในกรุงเทพฯ หรือกลับไปจัดที่บ้านเกิด จากนั้นสรุปกันต่อไปว่าจะจัดโรงแรม สโมสร หรือที่บ้าน โดยต้องไม่ลืมนึกถึงความสะดวกสบายของแขกในการตัดสินใจด้วยนะคะ

4. วันที่จัดงาน

คนไทยจะจัดงานมงคลเป็นต้องดูฤกษ์ยาม แต่สมัยนี้ไม่เคร่งเท่าเมื่อก่อน บ่าวสาวหลายคู่นิยมยึดฤกษ์มงคลในช่วงประกอบพิธี แต่งานฉลองส่วนใหญ่เป็นฤกษ์สะดวก ซึ่งเจ้าฤกษ์สะดวกนี่แหละที่ทำเอาตีกันมาหลายคู่แล้ว ฉะนั้นต้องตกลงกันให้ดีนะ ส่วนจะเอาเกณฑ์อะไรมาวัดความสะดวก เราบอกใบ้ให้ว่าลองนึกถึงญาติกับแขกเข้าไว้ ประมาณว่าโหวตกันเองแล้วเสียงส่วนใหญ่น่าจะมากันได้ คุณก็ฟันธงเลยค่ะ

5. รูปแบบงาน

เรื่องรูปแบบการจัดงานส่วนใหญ่หนุ่มๆ จะตามใจสาวๆ แต่อย่างที่บอกไปว่า เมื่อเธอมีฝันได้ เขาก็มีฝันได้เช่นกัน แม้เขาจะบอกว่าให้สาวๆ ได้สานฝัน แต่คุณสาวๆ ต้องรู้ไว้นะว่า บางครั้งฝันของคุณอาจไม่ใช่ฝันแบบเดียวกับเขา เพราะเขาอาจไม่ได้อยากได้งานแต่งในโรงแรมหรูที่เสกตัวเองให้สวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายใน 3 ชั่วโมง เขาอาจต้องการแค่เป็นพรานป่ารูปหล่อจัดงานในสวนสวยที่รายล้อมไปด้วยสีเขียวสดชื่นกับเสียงนกร้องก็เป็นได้ ซึ่งถ้าคุณรักเขาจริง ไม่ต้องทิ้งฝันในการจัดงาน แค่รู้จักปันพื้นที่ให้เขาได้จัดงานอย่างฝันบ้างก็จะได้แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายนะคะ

6. แขกที่เชิญ

เคยไปร่วมงานแต่งมานับร้อยๆ งาน สิ่งหนึ่งที่สงสัยมากคือบ่าวสาวรู้จักแขกทุกคนเลยหรือเปล่า ในหัวข้อนี้จึงอยากบอกว่าที่บ่าวสาวว่า ให้ช่วยกันฟันธงว่าจะส่งการ์ดเชิญไปเชิญใครบ้าง ซึ่งอาจจะต้องสัมพันธ์กับความสนิทสนมส่วนตัว และงบประมาณในการจัดงานด้วยนะคะ แถมบางคนที่เชิญคุณต้องคิดให้หนักว่าเขาจะสะดวกมาร่วมงานด้วยไหม หรือบางทีคนนั้นอาจเป็นคนที่เจ้าบ่าวไม่อยากให้เชิญ แต่เจ้าสาวอยากให้มา ถ้าเชิญไปแล้วเขาจะลำบากใจหรือเปล่า เรื่องแบบนี้ต้องช่วยกันคิดและร่างรายชื่อแขกก่อนจะร่อนการ์ดนะ

7. เวลาที่ใช้ในการวางแผน

แน่นอนว่าคนที่จัดงานแต่งงานไม่ว่าจะจ้างแพลนเนอร์หรือจัดเองล้วนต้องมีเวลาในการเตรียมงาน ฉะนั้นอย่าลืมตกลงกันไปเลยว่า ในหนึ่งสัปดาห์จะมีช่วงเวลาไหนบ้างที่จะใช้ร่วมกันในการเตรียมงาน เพราะถึงแม้ว่าเรื่องนี้คุณจะต้องตัดสินใจร่วมกัน แต่คุณก็ต้องไม่ลืมว่าต่างคนต่างก็มีภาระและหน้าที่ประจำวันที่ยังต้องทำ ไม่ใช่ต้องทุ่มเวลาทั้งหมดมาเตรียมงาน จึงควรจับเข่าคุยกัน นัดแนะเวลาเหมาะๆ ที่จะช่วยกันเตรียมงาน ดีกว่ามางอนกันว่าฉันเตรียมอยู่คนเดียว ส่วนเธอก็เอาแต่ทำงานไม่สนใจ แบบนี้ไม่ดีแน่ จริงไหม

>> ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักทั้งก่อนแต่งหลังแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.marriagemattersbalt.org/

สวยทรงพลังด้วยเทคนิคเลือกชุดแต่งงานในฝันให้เข้ากับรูปร่าง

ชุดแต่งงาน แบบไหนที่เหมาะกับรูปร่างของคุณ ไปเช็กกันเลย

แน่นอนว่าสาวๆ คนไหนก็มีชุดแต่งงานในฝันอยู่ในใจด้วยกันทั้งนั้น และเมื่อถึงวันสำคัญของชีวิตก็อยากที่จะทำชุดแต่งงานในฝันให้กลายเป็นความจริง แต่ช้าก่อน เราอยากให้ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายฉุกคิดสักนิดว่า ชุดแต่งงาน ที่ชอบหรือเล็งไว้นั้นเข้ากับรูปร่างของคุณเจ้าสาวหรือไม่ แพรว wedding เลยจัดคัมภีร์ว่าด้วยการแมตช์ชุดที่ชอบกับรูปร่างที่ใช่มาฝาก เท่านี้ว่าที่เจ้าสาวก็พร้อมเลือกชุดที่ชอบได้อย่างสบายใจแล้ว

เจ้าสาวหุ่นลูกแพร์

สิ่งที่ต้องมองหาในชุดแต่งงานเป็นอันดับแรกสำหรับเจ้าสาวหุ่นแบบนี้ก็คือ กระโปรงทรงเอ-ไลน์ที่ไม่เน้นช่วงสะโพกและต้นขา แต่จะเน้นช่วงบนให้เข้ารูปและช่วงเอวที่เป็นธรรมชาติ ลองเลือกเป็นเนื้อผ้าแบบ duchesse satin หรือผ้า taffeta ก็เวิร์กไม่น้อย โดยสามารถดีไซน์เสื้อช่วงบนให้เป็นแบบเส้นสปาเกตตี้หรือคอวีเพื่อช่วยให้รูปร่างของเจ้าสาวดูเพรียวบาง ซึ่งกระโปรงทรงเอ-ไลน์อาจจะให้ลุคที่ดูเป็นทางการ ซึ่งถ้าหากเจ้าสาวอยากได้ลุคที่สบายๆ ขึ้นมาหน่อยจะเลือกเป็นผ้าลูกไม้แบบ eyelet หรือผ้าไหม Shantung ก็ได้เหมือนกัน

เจ้าสาวอกใหญ่

ลองเลือกชุดเจ้าสาวแบบคอกลม ที่จะช่วยเปิดใบหน้าของเจ้าสาวให้ดูเด่นและไม่เน้นหน้าอกหน้าใจของคุณจนเกินไป แต่ถ้าอยากใส่เป็นชุดแต่งงานแบบเกาะอก แนะนำให้เลือกเกาะอกทรงหัวใจที่บริเวณขอบของเกาะอกมีความหนาสักหน่อย เพื่อช่วยพรางหน้าอกให้ดูเล็กลง และอย่าเด็ดขาดกับการเลือกชุดท่อนบนให้มีความแวววาว อย่างผ้าออแกนซ่า, ผ้าซาติน หรือผ้าไหม เพราะนั่นจะยิ่งเน้นความใหญ่ของหน้าอกหน้าใจเข้าไปอีก

เจ้าสาวไซส์ใหญ่

ต้องเป็นชุดแต่งงานทรงเอมไพร์ถึงจะรอด ที่ช่วงกระโปรงจะเริ่มจากใต้หน้าอกลงมาและเป็นกระโปรงทรงเอ-ไลน์ และเทคนิคการใส่ชุดนี้ให้ดูสวยคือจะต้องเป็นชุดที่ได้รับการตัดเย็บให้พอดีกับรูปร่างเจ้าสาวแบบเป๊ะๆ เพราะถ้าหากชุดดูหลวมเมื่อไหร่จากชุดแต่งงานอาจจะกลายเป็นชุดคลุมท้องได้ง่ายๆ และลองมองหาเนื้อผ้าอย่างผ้าซาตินที่ให้เท็กซ์เจอร์ของความทิ้งตัวเพื่อช่วยพรางหุ่นของคุณให้ดูเล็กลง แต่ถ้าเจ้าสาวอยากได้เนื้อผ้าที่ดูโรแมนติกขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะเลือกเป็นกระโปรงผ้าทูลล์ที่เล่นเป็นเลเยอร์ก็ได้เช่นกัน

เจ้าสาวหุ่นแอปเปิ้ล

เพิ่มกิมมิกเล็กๆ เพื่อเป็นจุดสนใจบริเวณเอว เพื่อช่วยให้หุ่นทรงแอปเปิลดูเป็นนาฬิกาทรายขึ้นมาหน่อย โดยชุดท่อนบนสามารถเล่นรายละเอียดต่างๆ ได้มากมาย เช่น การจับผ้าสไตล์ ruche เป็นต้น เพื่อช่วยพรางรูปร่างให้ดูสมส่วน ส่วนคอเลื้อที่เหมาะที่สุดคือเสื้อแบบคอวี เพื่อช่วยดึงสายตาให้ช่วงตัวดูยาวขึ้น และห้ามเด็ดขาดกับชุดแต่งงานทรงทรัมเป็ต เพราะจะยิ่งเน้นรูปร่างของคุณให้ดูกว้างขึ้นไปอีก

เจ้าสาวรูปร่างสูง

เลือกชุดแต่งงานแบบเอวต่ำที่มีความยาวพอดีกับพื้นเพื่อช่วยลดความสูงของเจ้าสาว และหากจะเลือกสวมชุดแต่งงานแขนยาวก็ต้องเลือกให้มีความยาวเลยข้อมือมาเล็กน้อย และด้วยรูปร่างอันสง่างามของคุณอาจจะทำให้เผลอเรอเลือกชุดมาใส่แบบผิดประเภท เช่น ชุดที่มีระบายหรือกิมมิกการเดรปผ้าเป็นดอกกุหลาบไว้ที่กระโปรง อันนี้เราไม่แนะนำนะคะ

เจ้าสาวหน้าอกเล็ก

การเพิ่มเนื้อผ้าบริเวณท่อนบนของชุดจะช่วยขยายขนาดร่างกายส่วนบนให้เจ้าสาวได้ หรืออาจเลือกเป็นชุดแต่งงานแบบคล้องคอก็ช่วยให้เจ้าสาวดูมีหน้าอกหน้าใจได้เช่นกัน ซึ่งชุดแต่งงานแบบคล้องคอมักเป็นชุดที่ต้องโชว์แผ่นหลังเพราะฉะนั้นอย่าลืมมองหาซิลิโคนหรือแผ่นแปะหน้าอกเอาไว้ด้วยนะคะ จะได้ช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูสวยสมบูรณ์

เจ้าสาวรูปร่างเล็ก

จะเลือกเป็นชุดแต่งงานทรงทรัมเป็ต ชุดแต่งงานแบบเข้ารูปเน้นสัดส่วน หรือชุดแต่งงานทรงเอ-ไลน์สไตล์โมเดิร์นก็ยังได้ แล้วหาเข็มขัดงามๆ สักเส้นคาดไว้ที่เอว เพื่อให้ช่วงตัวด้านล่างดูยาวขึ้น ส่วนเนื้อผ้าก็สามารถเลือกได้เลยตามใจชอบ และหากเจ้าสาวอยากเพิ่มรายละเอียดให้ชุดแต่งงานโดดเด่นขึ้น ก็สามารถเสริมกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ได้แต่นั่นต้องไม่ใช่โบขนาดใหญ่ เพราะจะยิ่งเน้นให้เจ้าสาวดูตัวเล็กมากขึ้น และเลี่ยงชุดทรงบอลกาวน์เพราะจะทำให้ตัวคุณถูกกลืนหายเข้าไปในชุดได้ง่ายๆ สุดท้ายหลีกให้ไกลจากกระโปรงที่มีความยาวระดับ calf-length (ความยาวเลยเข่าลงประมาณครึ่งน่อง) เพราะจะทำให้คุณดูตัวสั้นเข้าไปอีก

เจ้าสาวหุ่นตรง

ต้องหาชุดแต่งงานที่ช่วยสร้างเคิร์ฟให้กับรูปร่าง การเลือกชุดแต่งงานแบบเข้ารูปก็เป็นความคิดที่ไม่เลว เพราะจะทำให้รูปร่างของคุณดูเริดบรรเจิดไปสามสี่โลก หรือจะเลือกเป็นชุดทรงบอลกาวน์ความยาวเสมอพื้นก็ยังได้ แล้วเพิ่มดีเทลช่วงเอวเพื่อให้หุ่นของคุณดูมีเคิร์ฟและดูมีสะโพกขึ้นมาอีกหน่อย และถ้าหากคุณเป็นเจ้าสาวหุ่นตรงแถมยังหน้าอกเล็กอีกให้มองหาชุดแต่งงานที่ท่อนบนมีลูกเล่นขึ้นมาหน่อยจะได้ช่วยเสริมให้มีหน้าอกหน้าใจมากขึ้น

หากรู้แล้วว่ารูปร่างของตัวเองต้องแต่งชุดแต่งงานแบบไหน ก็ไปเลือกแบบชุดแต่งงานกันต่อเลยกับ >> 6 สไตล์ชุดแต่งงานเรียบหรูสุดอินเทรนด์ไม่เชยแถมไม่มีวันตกยุค <<

ภาพ : essensedesigns.com, fashionoah.com, pinterest.com, chicvintagebrides.com, dhgate.com, tbdress.com, queenofvictoria.com

รู้ทันและเอาอยู่ กับ 4 ปัญหากวนใจหลังแต่งงานที่หลายคนต้องเจอ

ชีวิตคู่จะสมบูรณ์ ถ้าไร้ปัญหากวนใจเหล่านี้

อย่างที่หลายคนเคยได้ยินว่า ชีวิตคู่ หลังแต่งงาน อาจไม่เหมือนเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เป็นแฟนกัน การต้องย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกัน และอยู่ใกล้กันตลอดเวลานี่คือตัวแปรสำคัญเลยทีเดียว  เพราะการอยู่ร่วมกันต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง  และนี่คือ 4 เรื่องเล็กๆ ที่ แพรว wedding  ขอแนะนำคู่แต่งงานใหม่ที่อาจจะต้องเจอ และถ้าไม่หาวิธีแก้ปัญหาร่วมกันแต่เนิ่นๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ดังนั้น เรามาเตรียมพร้อมรับสภถานการณ์กันไว้ก่อนดีกว่านะคะ

การจัดการงานบ้าน

หลายคู่เมื่อแต่งงานกันไป ก็ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน และถ้าจะปล่อยปะละเลยให้บ้านสกปรกยังกะรังหนูก็กระไรอยู่ แต่ครั้นจะให้ทำด้วยกัน บางทีก็เกี่ยงกันอีก จนทำให้เกิดการมึนตึงใส่กัน วิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ คือการร่วมมือกัน อาจจะแบ่งหน้าที่ไปเลยว่าใครต้องทำห้องไหน จัดตารางเวรให้เป็นระเบียบ แบ่งหน้าที่ให้เท่ากัน เพราะต่างคนต่างก็เหนื่อยมาจากการทำงานนอกบ้าน ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือวิธีนี้นั่นเอง

เรื่องเสื้อผ้า

เราขอบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม  เพราะแค่เสื้อผ้านี่แหละ ที่สามารถสร้างปัญหาได้สารพัด ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ จนถึงปัญหาตัวเท่าช้าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีจำนวนเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋ามากเกินไป รวมถึงการแชร์พื้นที่ในตู้เสื้อผ้าด้วย รวมถึงปัญหาจุกจิก เช่น ฝ่ายชายไม่อยากให้ฝ่ายหญิงแต่งตัวล่อแหลมเกินควร หรือฝ่ายหญิงอยากให้ฝ่ายชายแต่งตัวคล้ายกัน เช่น ใส่เสื้อคู่ทั้งที่ฝ่ายชายไม่อยากใส่ จนทำเกิดการโต้เถียงกัน

พฤติกรรมการนอน

รู้หรือเปล่าว่าแค่เรื่องเตียงเรื่องเดียวก็กลายเป็นปัญหาได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างก็มีลักษณะนิสัยการนอนที่แตกต่างกัน และความแตกต่างนี้เองอาจทำให้เกิดปัญหาได้ อย่างเช่น บางคนชอบเตียงนอนแข็งๆ บางคนชอบเตียงนอนนุ่มๆ รวมถึงเรื่องอุณหภูมิบางคนชอบเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด ขณะที่อีกฝ่ายชอบแบบพอดีๆ ไหนจะเรื่องของแสงและเสียงอีก เช่น ฝ่ายชายอาจชอบนอนแบบมืดมิด ส่วนฝ่ายหญิงชอบเปิดไฟสลัวๆ นี่ยังไม่รวมถึงท่าทางการนอน และการนอนกรนอีกนะ เห็นไหมว่าแค่เรื่องเตียงเรื่องเดียว ก็มีสิ่งต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ ขึ้นอยู่กับการที่คู่รักแต่ละคู่จะยอมรับ เข้าใจ และถ้อยทีถ้อยอาศัยกันขนาดไหน อย่าปล่อยให้เรื่องบนเตียงเป็นปัญหาระหว่างความรักเด็ดขาดล่ะ

ดูหนัง และฟังเพลง

เมื่อคุณได้เข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันแบบเต็มตัว ดังนั้น หลายสิ่งจึงจำเป็นต้องแชร์กันด้วย เช่นเดียวกับการขับรถไปทำงาน เพื่อเป็นการประหยัดค่าน้ำมัน แต่หลายครั้งก็เกิดปัญหาตรงรสนิยมการฟังเพลง ต่างฝ่ายต่างชอบไม่เหมือนกัน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้ นี่ก็เป็นปัญหา คุณอาจจะแก้ปัญหาเฉพาหน้าไปด้วยการปิดเพลง แล้วเปลี่ยนเป็นคุยกันแทนก็น่าจดีนะคะ ทีนี้พอเลิกงานเสร็จก็กลับมาบ้าน สันทนาการในบ้านคงหนีไม่พ้นทีวี แต่จะทำอย่างไรถ้าคุณอยากดูละคร ส่วนแฟนคุณอยากดูฟุตบอล หลายคู่แก้ปัญหาด้วยการซื้อทีวีสองเครื่อง ไม่ก็ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูผ่านทางอินเตอร์เน็ตไปเลยก็เป็นการจบปัญหาแบบไม่ยืดเยื้อดีเหมือนกัน

เมื่อไร้ปัญหาแล้ว ก็ไปเติมความสดชื่นกันต่อตามนี้เลย >> เติมความสดใสให้ชีวิตคู่ ด้วย 6 ไอเดียเดทสุดสดชื่น! <<

ภาพ www.pexels.com

เคล็ดลับเมคอัพติดทนนานให้เจ้าสาวสวยเป๊ะในวันสำคัญ

ในพิธีแต่งงานแบบไทยในช่วงเช้าหรือพิธีฉลองมงคลสมรสในช่วงเย็นนั้นต่างก็กินเวลาที่ยาวนาน จนทำให้บางครั้งเมคอัพที่อุตส่าห์แต่งมาแบบจัดเต็มค่อยๆ ของเจ้าสาวค่อยๆ ลดเลือนทำให้เจ้าสาวเกิดความไม่มั่นใจ แพรว wedding เลยจัดเคล็ดลับ เมคอัพติดทนนาน มาฝาก รับรองว่าหากทำตามนี้ไม่ว่าพิธีการจะยืดยาวแค่ไหนเจ้าสาวก็มั่นใจได้หายห่วงแน่นอน 

1. สครับผิวหน้าก่อนถึงวันงาน 1 สัปดาห์

หากเจ้าสาวต้องการแต่งหน้าให้ดูสดใสเรียบเนียน สิ่งแรกที่จะต้องจัดการคือ การผลัดเซลล์ผิวโดยการขัดหน้า อาจใช้ครีมบำรุง หรือทำทรีตเมนต์เป็นประจำก็ได้ เพราะจะทำให้สาวๆ เผยผิวที่สดใสออกมา ไม่ว่าจะแต่งหน้าแบบไหนโทนใด ก็เปล่งปลั่ง มีออร่าแน่นอน

2. เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว

ก่อนถึงวันงานเจ้าสาวทั้งหลายจะต้องมั่นใจว่าผิวหน้าของคุณนั้นได้รับความชุ่มชื่นอย่างเต็มที่แล้ว ก่อนที่จะได้รับการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม โดยใช้ครีมบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า เพราะความชุ่มชื่นนี้จะทำให้การแต่งหน้าของคุณติดแน่นทนนานสวยเป๊ะตลอดทั้งวัน

 

3. จำไว้ว่า ง่ายๆ แต่งาม

งานแต่งงานทั้งทีสาวๆ บางคนคิดว่าทุกอย่างฉันต้องเต็ม จนลืมไปว่าการแต่งหน้าให้สวยนั้น ไม่จำเป็นจะต้องจัดเต็มไปซะทุกอย่าง แต่งหน้าแค่พองามแต่ก็สามารถออกมาดูดีได้นะคะ หรือสามารถแต่งเพิ่มเติมระหว่างวันก็ได้ รับรองว่ายังคงสวยเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน

4. อย่าปล่อยให้หน้ามัน

ระหว่างวันที่ต้องเจอกับสิ่งต่างๆ อาจทำให้สาวๆ มีหน้ามันเยิ้ม ฉะนั้นต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสบนใบหน้าให้มากที่สุด แต่ก็อย่าปล่อยให้หน้ามันจนเกินไปนะ ถ้าเริ่มรู้สึกว่าหน้ามันเพียงเล็กน้อยแล้ว ให้ใช้กระดาษซับมัน ซับบนหน้าเบาๆ เพียงเท่านี้ก็กลับมาสวยเป๊ะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความมั่นใจ

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : simplysouthwedding.com, favful.com, amazon.com,
thebaghdadpost.com, thefemalenetwork.com, exquisiteweddingsmagazine.com, liveabout.com, gratismakeupsamples.com

ยิ่งทะเลาะกับแฟนความรักยิ่งสตรอง กับ 5 เหตุผลที่จะทำให้คุณรักกันมากขึ้น

แพรว wedding เชื่อว่าหลายคนมักจะคิดว่าการ ทะเลาะกับแฟน จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง และเป็นการสร้างรอยร้าวให้กับความรักและชีวิตคู่ แต่หารู้ไม่ว่าการทะเลาะกันเนี่ย ถ้าทะเลาะแบบพอดีๆ และมีสติ การทะเลาะนั้นก็ทำให้คุณทั้งคู่รักกันมากยิ่งขึ้นได้นะคะ ประมาณว่า ยิ่งทะเลาะยิ่งสตรอง ไงคะ นอกจากนี้ยังเสมือนเป็นฐานคอนกรีตที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณยิ่งเข้มแข็ง เอาเป็นว่าอ่านตรงนี้และมองโลกในแง่ดีเข้าไว้จากนั้นลองพิจารณาเรื่องเหล่านี้ให้ดี แล้วคุณจะรู้ว่าทะเลาะกันบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร

1. การทะเลาะกันทำให้ได้นึกถึงใจเขาใจเรา

ทุกคนไม่เพอร์เฟ็คไปหมดจริงไหมคะ และก็คงไม่มีคู่รักคู่ไหนเข้าใจกันตลอดเวลาด้วย อยู่ที่ว่าคุณสองคนพยายามจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหนมากกว่า ฉะนั้นการทะเลาะกันทำให้เกิดการเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน และแก้ไขอยู่เสมอ และแน่นอนว่า เมื่อคุณทะเลาะกันก็จะยิ่งเรียนรู้ชีวิตคู่ว่าต่างฝ่ายต่างคิดยังไงบ้าง

2. การทะเลาะกันทำให้ได้หันหน้าเข้าหากัน และช่วยกันหาวิธีแก้ไข

หลังจากวันที่เมาเละเทะ ช่วงนั้นของเดือน หรือแสนเหน็ดเหนื่อยจากงาน ลองตั้งข้อสังเกตดูว่าเพราะเหตุใด คุณจึงทะเลาะกันในช่วงนั้นมากกว่าปกติ ถ้ารู้แล้วก็จงหลีกเลี่ยงการปะทะคารมในช่วงนั้นๆ สิคะ หรือถ้าจะทะเลาะกันก็บอกเขาไปด้วยว่า มันเป็นเพราะสาเหตุนี้นะ หรือหากคุณสองคนเบื่อกับการต้องพูดแต่เรื่องเดิมๆ จนปากเปียกปากแฉะ คุณรู้ว่าปัญหานี้ต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอนแล้วล่ะก็ คุณสองคนจะต้องช่วยกันคิดแก้ปัญหานั้นให้ได้อย่างเป็นระบบที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ปํญหานั้นเกิดซ้ำซากอีกต่อไป

3. การทะเลาะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ที่ทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่การทำลายความสัมพันธ์

อย่าได้ยอมแพ้และรู้สึกว่า ทะเลาะกันทีไรก็อยากเลิกกันทุกที ลองมองการทะเลาะกันให้เป็นเรื่อง “สร้างความเข้าใจ” กัน โดยแยกแยะให้ออกว่ามันคือการทะเลาะกันแบบทำร้ายกันหรือสร้างความเข้าใจให้กัน มองแบบนี้บ้าง การทะเลาะที่คิดว่าคือตัวบ่อนทำลายความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปค่ะ

4. การทะเลาะกันทำให้ได้ฝึกควบคุมสติ และเลือกใช้คำพูด

เมื่อคุณทั้งคู่ต่างมีอารมณ์ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่คุณจะเอาเรื่องราวทุกอย่างมาผสมปนเปเพื่อใช้เป็นถ้อยคำรุนแรงทำร้ายกัน เช่น  “เธอไม่เคย..”  หรือ “เธอเป็น…อย่างนี้เสมอ” ทั้งที่ปัญหาในการทะเลาะกันเป็นแค่เรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้น ขอให้โฟกัสเรื่องที่ทะเลาะกัน และบอกความต้องการแก่แฟนของคุณ แล้วสื่อสารกันให้เข้าใจ ด้วยภาษาแบบเดียวกับที่เราเองก็อยากได้ยิน แบบนี้เรียกวาทะเลาะแล้วยังได้สติไม่บ้าคลั่งจนเผลอพูดอะไรแย่ๆ ที่ต้องมานั่งเสียใจที่หลังออกไป

5. การทะเลาะทำให้ได้มีโอกาสทำเรื่องดีๆ ให้กัน

ทะเลาะแล้วจะทำให้ได้ทำเรื่องดีๆ ให้กันได้อย่างไรใช่ไหมคะ เชื่อเถอะค่ะว่า ในทุกครั้งที่คุณทะเลาะกัน ความรู้สึกผิดที่สำนึกได้หรือรู้ตัวว่าทะเลาะด้วยเรื่องไร้สาระหรืออะไรก็ตาม จะทำให้คุณยิ่งได้คิด และอยากจะปฎิบัติตัวดีต่อกันมากขึ้น ทั้งการให้ความเคารพ ให้ความซื่อสัตย์ ให้ความรัก ให้ความเอาใจใส่กับความรักในทุกๆ วัน เช่น โทรหา ทำกับข้าวให้กิน ซื้อขนมมาฝาก แม้จะไม่ใช่การทำดีแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แต่การค่อยๆ เข้าใจกันจากข้า 1-4 ที่เราบอกไป จะกลายเป็นผลพวงของการทะเลาะที่เสมือนเป้็นจุดเริ่มต้นให้คุณได้ทำเรื่องดีๆ ให้กันมากขึ้นทุกวันไงคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : www.girlsallaround.com