4 เทคนิคตั้งต้นการจับมิกซ์ & แมตช์คู่สีสำหรับธีมสีงานแต่งให้เก๋

มิกซ์ & แมตช์คู่สีสำหรับ ธีมสีงานแต่ง ให้เก๋

นอกจากธีมงานที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้แล้ว อย่างเช่น ธีมปาร์ตี้ ธีมสวนสนุก หรือธีมเทพนิยาย ก็ต้องมี ธีมสีงานแต่ง ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยคุมโทนให้บรรยากาศของงานโดยรวมออกมาสวยงามแล้ว ยังเป็นกิมมิกสนุกๆ ในการนำมาสร้างสีสันในส่วนต่างๆ ภายในงานแต่ง และเป็นเดรสโค้ดให้แขกได้อีกด้วย

และนี่คือ 4 เทคนิคจับคู่สีที่บ่าวสาวสามารถนำไปสร้างธีมสีงานแต่งให้กับงานของตัวเองได้

สีเดียวไล่น้ำหนัก (MONOTONE) คือ การใช้คู่สีที่เป็นเฉดเดียวกัน แต่มีความเข้มอ่อนต่างกัน เช่น สีน้ำเงินเข้ม คู่กับ สีน้ำเงินอ่อน เป็นต้น

สีใกล้กัน (HARMONY) คือ การใช้คู่สีที่มีเฉดใกล้เคียงกัน เช่น สีน้ำเงิน คู่ สีเขียวอมน้ำเงิน และสีเขียว เป็นต้น

สามสีเยื้องกันเป็นตัว Y (TRIADS) คือ การใช้คู่สี 3 เฉด ที่เป็นคู่สีแยกตรงข้าม (เป็นสีที่อยู่แยกไปทางซ้ายและขวาของสีตรงข้ามเป็นรูปตัว Y) เช่น สีส้มอมแดง/สีน้ำเงิน/สีเขียว เป็นต้น

สีตรงกันข้าม (CONTRAST) คือ จับคู่โดยใช้สีเฉดที่อยู่ตรงข้ามกัน เช่น สีเขียวอมเหลือง คู่ สีม่วงอมแดง

TIP

  • สีแดงไปกันได้กับสีเขียวและสีในโทนแดงที่ระดับความเข้มลดหลั่นกันไป แต่อาจไม่เหมาะกับสีฟ้าและสีเหลืองเท่าไหร่นัก
  • แมตช์สีฟ้าหรือสีน้ำเงินกับสีเขียว, สีม่วง และสีส้ม ถ้าต้องการความเรียบง่ายกว่านั้น ให้เลือกจับคู่กับสีโทนเดียวกันหรือสีกลางอย่างขาว เทา แต่ต้องระวังสีแดงและสีเหลือง
  • สีเหลืองเป็นที่สีที่แมตช์ยาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้ม และความสว่างของสี ซึ่งสีม่วงเป็นสีคู่บุญของสีเหลือง และยังมีสีข้างเคียงอย่างสีเขียวและสีส้มด้วย
  • สีฟ้า สีเหลือง และสีแดง จับคู่กับสีเขียวได้ดีเสมอ แต่ยังไงก็ต้องคำนึงถึงความเข้ม ความสว่างของสีที่มาแมตช์กันด้วยว่าไปกันได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เมื่อใดที่เลือกจะใส่สีเขียวแล้ว สีที่ไม่ควรใส่คู่กันคือ สีม่วงและส้ม
  • สีที่เหมาะกับสีส้ม เป็นสีในตระกูลสีแดงและเหลือง แต่ต้องเป็นเฉดอ่อน หรือจะเป็นสีตรงกันข้ามอย่างสีน้ำเงินและสีฟ้าก็ได้เช่นกัน

ภาพ pinterest

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! a a

พอเถอะกับบางความเชื่อเรื่องงานแต่งเพราะบางอย่างมองข้ามบ้างก็ดี

ความเชื่อเรื่องงานแต่ง กับคนเรานี่แยกกันไม่ได้เลยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความเชื่อที่จะทำให้รู้สึกดี มีความสุข เกิดมงคลเนี่ย โอ๊ยยยยยย คุณคะ เราอยากจะบอกว่าเชื่อมากไปบางทีก็เหนื่อยไปนะ แถมบางอย่างเมื่ออยู่ในช่วงเวลาสมัยใหม่เนี่ย เปลี่ยนๆ ปรับๆ ไปบ้างก็ได้ แล้วคุณจะได้สัมผัสกับความทรงจำดีๆ ในวันแต่งงานที่แบบว่า คิดถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกว่าอิ๊นนนนนอินละ

  • ความเชื่อที่ว่า…บ้านใดบ้านหนึ่งต้องจ่ายทุกอย่าง

พอกันทีกับความเชื่อนี้ เพราะยุคนี้แล้ว เป็นเวลาที่คุณทั้งคู่ต้องมาจับเข่าคุยกันแล้วล่ะ งานแต่งงานคือแต่งกันสองคนสองบ้านนะจ้ะ อย่าได้คิดว่าเป็นเรื่องต้องรับผิดชอบของใครทั้งหมดแต่ฝ่ายเดียวเลย บ่าวสาวจึงควรช่วยกันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดงานค่ะ ยิ่งถ้ารู้ว่าบ้านไหนมีมากก็ช่วยจ่ายมากหน่อย บ้านไหนมีน้อยก็จ่ายตามกำลัง แบบนี้สิเรียกว่าเริ่มต้นเรียนรู้และรับกันได้อย่างแท้จริง ลงท้ายที่งานแฮปปี้กันทุกฝ่ายแน่นอน

  • ต้องแหวนเพชรเท่านั้น…เหรอ?

โอ๊ยยย อันนี้เชยมากกกกกก สมัยนี้ไม่ต้องเพชรก็ได้ว่าไหมสาวๆ อย่างที่เห็นว่าทุกวันนี้แหวนแต่งงานจากพลอยหลากสีมีให้เห็นอยู่มากมาย บ้างใช้เป็นโอปอล์ หรือไข่มุกเม็ดงามก็มี ขอให้สวยถูกใจและมีความหมายกับคนทั้งคู่ก็พอ

  • ชุดแต่งงานต้องสีขาวเท่านั้น…เหรอ?

จะด้วยความเชื่อหรือความนิยมก็ตามแต่ ดูเหมือนว่าสีขาวยังคงครองใจเจ้าสาวมาโดยตลอด แต่ก็มีประปรายที่เจ้าสาวเลือกใส่สีแชมเปญ สีพาสเทลอ่อนๆ หรือสายแข็งบางท่านก็เลือกใส่สีเจ็บๆ อย่างสีช็อกกิ้งพิ้งค์ หรือแดงสดไปเลยก็มี งานนี้จะเอาความชอบนำความเชื่อบ้างก็ได้ โตแล้ว แม่ไม่ว่า (มั้ง)

  • ชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบยกโหลเป็นไง?

ในสมัยโรมันมีความเชื่อที่ว่าเพื่อนเจ้าสาวจะต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งหมด เพื่อทำให้วิญญาณร้ายที่จะเข้ามาป่วนในงานเกิดความสับสน จนทุกวันนี้เค้ารางนั้นก็ยังคงอยู่ เว้นแต่มีการปรับเปลี่ยนไปบ้างสำหรับเพื่อนเจ้าสาว ที่ส่วนมากยังคงยึดธีมสีชุดเดียวกัน แต่แตกต่างที่การออกแบบและการสวมใส่กันไป ก็แหมชุดแบบนึงจะให้ใส่ออกมาสวยทั้ง 10 คนมันก็ไม่ใช่ไหม

  • เพื่อนเจ้าสาวต้องเป็นหญิงสาว เพื่อนเจ้าบ่าวก็ต้องชายล้วนจริงหรือ?

อันนี้เราบอกเลยว่าไม่จำเป็นค่ะ คนที่คุณรักและสนิทด้วยที่สุดเป็นคนไหนก็คนนั้นเลยค่ะ จะชายหรือหญิงก็ไม่ใช่ประเด็น จะมีแบบคละกันไปก็เก๋ไปอีก และชัดเจนสุดๆ ว่าคุณน่ะดึงดูดและน่ารักกับเพื่อนทุกเพศทุกวัย

ความเชื่อไหนยังอยากเชื่อต่อเราไม่ว่ากัน ความเชื่อไหนคิดว่าอยากปรับเปลี่ยนและไม่เดือนร้อนความรู้สึกใครก็ทำเถอะ แหม…งานแต่งงานของคุณมีครั้งเดียวนะ ทำอะไรก็ขอให้สุดๆ สุขๆ แบบที่อยากทำดีกว่าเนอะ

5 สไตล์หัวแหวนแต่งงานดีไซน์สวยกับการฝังเพชรที่ช่วยสะท้อนความเป็นประกาย

5 สไตล์หัว แหวนแต่งงาน ที่ช่วยส่งให้แหวนแต่งงานระยิบระยับ

รูปแบบการฝังเพชรที่หัว แหวนแต่งงาน มีหลายแบบ แต่ละแบบก็ช่วยสร้างความแตกแต่งให้กับภาพรวมของแหวนทั้งวง แถมยังช่วยเสริมเรื่องการสะท้อนแสงของประกายเพชรได้ด้วย แล้วรูปแบบการฝังเพชรแบบไหนล่ะที่เป็นตัวคุณ

หัวแหวน
Four-Prong
six-prong
Double-Prong

Four-Prong / Six-Prong / Double-Prong

การฝังหนามเตยสุดฮิต แถมบางร้านยังสามารถออกแบบหนามเตยเป็นรูปหัวใจได้อีกด้วย หรืออาจจะดีไซน์เป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อเพิ่มสีสันและรูปแบบให้ดูเก๋ไก๋มากขึ้น

bar-set

Bar Set

คือ การฝังแบบหนีบ ซึ่งก็คือการหนีบเพชรเอาไว้เฉยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้กับแหวนที่ต้องใส่ทุกวัน โดยเฉพาะการใส่ทำงานแบบสมบุกสมบัน เพราะพื้นที่ตัวเรือนที่ยึดกับเพชรนั้นมีน้อยจึงอาจทำให้เพชรหลุดออกจากตัวเรือนได้ง่าย

bezel-set

Bezel Set

การฝังแบบหุ้มทั้งเม็ด มีข้อดีคือทำให้เพชรดูเด่นและดูเม็ดใหญ่ขึ้นได้จากระยะไกล แต่ข้อเสียคือการฝั่งแบบนี้อาจจะบดบังประกายระยิบระยับวิบวับของเพชรได้ จึงได้มีการพัฒนาให้เกิดการฝังแบบ Half-Bezel ขึ้นเพื่อช่วยให้เห็นเนื้อเพชรมากขึ้นนั่นเอง

v-prong

V-Prong

คนไทยนิยมเรียกการฝังแบบนี้ว่า การฝั่งแบบหุ้มหัวเรือ ซึ่งการฝังแบบนี้นิยมใช้กับเพชรที่มีมุม เช่น เพชรทรงสี่เหลี่ยม, เพชรทรงมาร์คีส์ และเพชรทรงหัวใจ เพื่อเป็นการช่วยปกป้องส่วนมุมของเพชรไม่ให้เกิดความเสียหายนั่นเอง

diamond-tipped

Diamond Tipped

เป็นการฝังเพชรเม็ดเล็กๆ ลงในหนามเตยที่ใช้ยึดเกาะเพชรอีกที ทำให้เมื่อมองไปตรงไหนของตัวเรือนก็เห็นเพชรคมชัดทุกรายละเอียด สร้างความระยิบระยับแบบคูณสองไปอีก

เลือกหัวแหวน หรือรูปแบบการฝังได้แล้ว ก็ลองมาดู แตกต่างแต่เป็นตัวเองกับ 5 หัวแหวนแต่งงานแสนเลอค่า เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับแหวนแต่งงานกันนะคะ

ภาพ www.puregemsjewels.com, www.diamondnexus.com, www.ebay.com, www.mdcdiamonds.com, www.karadanieljewelry.com, www.nataliediamonds.com, www.pinterest.co.uk

รู้ไว้ซะ เด็กถือแหวนในพิธีแต่งงานแบบคริสต์…ไม่ใช่ใครก็เป็นได้

เด็กถือ แหวนแต่งงาน สุดคิ้วท์ในงานแต่ง ไม่ใช่ใครก็เป็นได้นะ

เคยสังเกตกันไหมว่าในพิธีแต่งงานของชาวคริสต์ จะมีเด็กถือ แหวนแต่งงาน ตัวน้อยๆ เดินนำหน้าขบวน โดยในมือจะถือหมอนที่มีแหวนแต่งงานวางไว้ เด็กคนนี้เป็นใคร ทำไมต้องเป็นเด็ก ไปพบกับคำตอบที่ แพรว wedding หามาให้เลยจ้า

ว่ากันว่าหน้าที่เด็กถือแหวนมีมาตั้งแต่ในสมัยอียิปต์โบราณ โดยเด็กคนนี้จะเป็นผู้ถือหมอนที่ประดับอัญมณีสำหรับใช้ในงานสำคัญๆ อย่างพิธีแต่งงาน

แต่บางหลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็บอกว่าเด็กถือแหวนเพิ่งจะมีและเป็นที่แผ่หลายในสมัยยุคกลางนี่เอง โดยเด็กถือแหวนคนแรกคือเด็กรับใช้ชาวอังกฤษ ที่เดินทางมาในขบวนรถไฟที่มีเจ้าสาวอยู่ แต่เนื่องจากหมอนเป็นสิ่งที่หายากและมีราคาแพง จึงนำแหวนมาวางไว้ที่ปลายดาบแทน ต่อมาเหล่าบรรดาเศรษฐีได้เปลี่ยนจากการใช้ดาบที่ดูน่ากลัวมาเป็นวางแหวนบนหมอน และให้เด็กถือแหวนสวมชุดลูกไม้คอปกสีขาวพร้อมสายสะพาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนมีความมั่งคั่งและร่ำรวยนั่นเอง

แต่ยุคที่เด็กถือหมอนได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ยุควิคตอเรีย เพราะว่ากันว่าทุกงานแต่งจะต้องมีเด็กถือแหวนร่วมงานเสมอ บางบ้านถึงกับให้เด็กถือแหวนแต่งตัวด้วยเสื้อแจ็คเก็ตกำมะหยี่ ปกผ้าลินินคู่กับกางเกงขาสั้นเพื่อแสดงความหรูหราเลยทีเดียว ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นชุดทักซิโด้แบบที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้

ตามหลักศาสนาแล้ว เด็กที่จะทำหน้าที่นี้ จะต้องเป็นเด็กผู้ชายที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาว และมีอายุระหว่าง 4-10 ปี หรืออย่างเต็มที่ต้องไม่เกิน 13 ปีเท่านั้น ส่วนเด็กผู้หญิงจะมีหน้าที่ถือตะกร้าสำหรับโปรยกลีบดอกไม้นำหน้าเจ้าสาวและต้องเดินตามหลังเด็กถือแหวนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจำนวนเด็กผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง หรือบางบ้านอาจไม่มีเด็กผู้ชายเลย ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เด็กผู้หญิงมาทำหน้าที่ถือแหวนแทนเด็กผู้ชายได้เช่นกัน

เนื่องจากเป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญมาก ชาวต่างชาติถึงกับออกหนังสือคู่มือเพื่อตำแหน่งนี้โดยเฉพาะเลยล่ะ สำหรับบ่าวสาวที่เป็นห่วงกลัวว่าแหวนจะหาย อาจเปลี่ยนไปใช้แหวนปลอมก็ดูจะปลอดภัยกว่านะจ๊ะ

ทั้งหมดนี้คือที่มาและประวัติของเด็กถือแหวนในพิธีแต่งงานที่เรานำมาฝาก เห็นอย่างนี้แล้วหากว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนสนใจอยากนำไปใช้กับงานของตัวเองบ้าง เราก็ไม่ขอขัดนะจ๊ะ เพราะถือว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ

อ่านเพิ่มเติม ชุดเด็กถือดอกไม้ มีวิธีเลือกแบบไหนให้ปังและน่ารักเหมาะสมกับวัย

เรียบเรียงข้อมูล : www.littlethingsfavors.com, www.saphireeventgroup.com, www.blacknbianco.com
ภาพ : somethingturquoise.com, londonjaeapparel.com

10 ลุคเจ้าสาวกับชุดแต่งงานวินเทจ เรียบโก้ดูดีในกลิ่นอายแบบย้อนยุค

ชุดแต่งงานวินเทจ อีกหนึ่งลุคสุดปังที่เจ้าสาวสายแฟชั่นต้องไม่พลาด

ว่าที่เจ้าสาวที่เบื่อชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ หรือชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด และกำลังมองหาดีไซน์ของชุดแต่งงานที่ดูแตกต่างไปจากเดิม ชุดแต่งงานวินเทจ เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่ แพรว wedding อยากแนะนำ ที่งานนี้เราขนมาให้เลือกถึง 10 สไตล์ รับรองว่าหนึ่งในนี้ต้องมีโดนใจว่าที่เจ้าสาวแน่นอน

 

Edwardian Style

ชุดแต่งงานวินเทจ

ในยุคเอ็ดวาร์เดียน ราวปี ค.ศ. 1901-1910 คอร์เซตยังทำหน้าที่รัดเอวดอคกิ่วของผู้หญิง กระโปรงยาวกรอมเท้า คอเสื้อตั้งปิดขึ้นไปถึงคอหอยที่เรียกว่า Wedding Band Collar หรือคอเสื้อแหวนแต่งงาน แขนเสื้อพองช่วงต้นเขนและลีบเล็กตั้งแต่ช่วงศอกลงมาจนถึงข้อมือที่เรียกว่า Gigot Sleeves หรือแขนเสื้อขาแกะ

 

Paul Poiret

ในปี ค.ศ. 1905 ปอล ปัวเรต์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสได้นำเสนอดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า Nouvelle Vague ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชุดกรีกโบราณที่เน้นการจับเดรป และปล่อยให้ชายผ้าทิ้งตัวลู่ไปตามสรีระของผู้หญิง โดยไม่มีคอร์เสคเข้ามาช่วยจัดแจงรูปร่าง ต่างจากแฟชั่นแบบเอ็ดวาร์เดียนที่ขัยเน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน

 

Bohemian Gown

ลูซิล (Lucile) และเอด้า วูล์ฟ (Aida Woolf) สองดีไซเนอร์สร้างสไตล์ใหม่ที่ถือว่าเป็นแฟชั่นอาวองต์-การ์ด หรือแฟชั่นที่มาก่อนกาลในทศวรรษ 1900 จากโครงสร้างรูปตัว S ที่เน้นอก เอว และสะโพกของผู้หญิง จึงทำให้แฟชั่นยุคนี้เน้นชุดเป็นเชปทรงตรงเหมือนหลอด ช่วงเอวสูง และแขนเสื้อมีระบาย

 

Royal Wedding

พิธีแต่งงานในราชวงศ์หลายคู่ส่งผลต่อเทรนด์ชุดแต่งงานในห้วงเวลานั้นๆ เนื่องจากสื่อมวลชนกระจายข่าวอย่างแพร่หลาย เช่น เจ้าหญิงแมรี พระธิดาในพระเจ้าจอร์จที่ 5 กับเฮนรี วิสเคานต์ลาสเชลส์ ในปี ค.ศ. 1922 หรือเจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุคแห่งยอร์ก กับเลดี้เอลิซาเบท โบวส์-ลีออน พระบิดาและพระมารดาของควีนเอลิซาเบทที่ 2 ในปี ค.ศ. 1923 จนเรียกได้ว่าชุดแต่งงานของราชวงศ์นั้นเป็นเทรนด์เซตเตอร์สำหรับแฟชั่นชุดแต่งงานก็ว่าได้

 

Jazz Age

ยุคนี้วัฒนธรรมทางดนตรีแจ๊ซ บลูส์ และการเต้นรำเฟื่องฟูมาก จึงทำให้ชุดของผู้หญิงในยุคนี้หดสั้นลง เพื่อจะได้ออกสเต็ปได้ง่ายขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากว่าที่เจ้าสาวจัดงานแต่งงานสไตล์แกสบี้ และมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดแซ่บหลังจบงาน การเลือกใส่ชุดสไตล์นี้นอกจากจะช่วยให้ภาพรวมของงานออกมาสวยงามแล้ว ยังช่วยให้แดนซ์ออกสเต็ปลีลาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

บุคลิกกับรูปทรงเพชรของแหวนแต่งงานแบบไหนกันนะที่ใช่ตัวคุณ

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่า แหวนแต่งงาน ของเราจะดีไซน์แบบไหน หรือจะประดับเพชรรูปทรงอะไรดี แพรว wedding มีคำแนะนำดีๆ จะมาบอกว่า … ว่าที่เจ้าสาวอาจจะลองเลือกรูปทรงของเพชรให้มีความเชื่อมโยงกับบุคลิกของตัวเองดูก็ได้นะ เพราะนอกจากจะสวยเข้ากับบุคลิกและความเป็นตัวเองของผู้ใส่แล้ว ยังช่วยเสริมจุดเด่นของว่าที่เจ้าสาวให้แข็งแกร่งมั่นคงขึ้นด้วยนะ มาค่ะ อย่ารอช้า มาเช็คกันดีกว่าว่า สาวแบบเราต้องใส่รูปทรงเพชนแบบไหนถึงจะเวิร์ก

เพชรรูปทรงกลม

แหวนมั้น

เหมาะกับสาวน่ารัก บุคลิกอ่อนหวาน มองโลกในแง่ดี ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกสบายใจ

เพชรรูปทรงไข่

แหวนหมั้น

เหมาะกับสาวมีสไตล์ที่ชอบงานศิลปะ มีความคิดสร้างสรรค์

เพชรรูปทรงหัวใจ

เหมาะกับสาวโรแมนติกที่น่าค้นหา อ่อนไหวแต่เข้มแข็ง และทะเยอทะยาน

เพชรรูปทรงหยดน้ำ

เหมาะกับสาวนักผจญภัย รักอิสระ และชอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

เพชรรูปทรงปริ๊นเซส

เหมาะกับสาวที่ยึดมั่นในความถูกต้อง มีทั้งความน่ารัก และน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน

เพชรรูปทรงแปดเหลี่ยม

เหมาะกับสาววินเทจย้อนยุคผู้มีเสน่ห์ดึงดูด เป็นคนมีรสนิยม มีจุดยืนของตัวเองชัดเจน มั่นใจ กล้าที่จะแตกต่าง รักและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

เพชรรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

เหมาะกับผู้หญิงที่มีความเป็นผู้นำ มีเหตุ มีผล และมีอารมณ์มั่นคง

เพชรรูปทรงมาคีย์

เหมาะกับสาวเปรี้ยวที่เชื่อมั่นในตัวเอง ชื่นชอบชัยชนะ และการแข่งขัน

ไม่รู้ว่าพอจะตรงกับสาวๆ บ้างไหม แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเพชรรูปทรงอะไรแต่ถ้าคนรักซื้อให้ก็แฮปปี้สุดๆ ล่ะเนอะ

ยังมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับแหวนแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest, pixabay.com

ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว ในงานแต่งงานใครมาก่อนใครตามหลัง?

ตอนติด ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว บนเวทีเคยสะดุดใจคิดกันบ้างไหมคะว่า ควรติดชื่อใครขึ้นก่อน–หลัง เรื่องนี้ตอบง่ายนิดเดียวค่ะ ปกติแล้วถ้าเป็นตามธรรมเนียมของไทยเรามักจะใช้ชื่อฝ่ายเจ้าสาวขึ้นก่อน เพื่อเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิง อีกทั้งงานส่วนใหญ่ก็จะเตรียมและจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายหญิง จึงไม่แปลกที่ชื่อฝ่ายหญิงจะขึ้นก่อนนะ

ต่อมาก็มีคนถามเข้ามาอีกว่า “เคยเห็นการ์ดที่เอาชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน ร้านการ์ดพิมพ์ผิดหรือเปล่าเนี่ย?” หยุดค่ะ! อย่าเพิ่งโวยวาย การที่นำชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อนอาจมีเหตุผลว่า บ้านฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนจีน ซึ่งถือว่าลูกชายเนี่ยสำคัญมาก และสังคมจีนก็ยังเชื่อว่า ผู้ชายคือหัวหน้าครอบครัว เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องให้ชื่อผู้ชายนำชื่อผู้หญิง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติตามประเพณีจีนที่จะใช้ชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน

ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า เคยมีคู่รักทะเลาะกันเพราะเรื่องชื่อบนการ์ดเชิญ บ้านเจ้าสาวเป็นคนไทย พ่อแม่บอกว่ายังไงก็ต้องเอาชื่อเจ้าสาวขึ้นก่อนตามธรรมเนียมไทย ส่วนบ้านเจ้าบ่าวแน่นอนว่าอาป๊าอาม้าก็จะเอาชื่อลูกชายขึ้นก่อนเช่นกัน เจอะปัญหาแบบนี้ก็เคืองกันไปตามระเบียบ ซึ่งจริงๆ ทางออกมันง่ายนิดเดียวแค่ “คุยกันสิคะ”

หลายคนที่ผ่านปัญหานี้มาได้บอกว่า แบ่งการ์ดออกเป็น 2 ส่วน การ์ดเชิญแขกฝ่ายเจ้าสาวก็เอาชื่อเจ้าสาวขึ้นก่อน ส่วนการ์ดเชิญแขกฝ่ายเจ้าบ่าวก็เอาชื่อเจ้าบ่าวขึ้นก่อน แบบนี้ก็แฟร์ๆ จบปัญหา แต่ขอให้รู้ไว้ว่า การพิมพ์การ์ดแยกเป็นสองส่วนแบบนี้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นถามราคากับร้านการ์ดให้แน่นอน ถ้าคุณยอมจ่ายเงินมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อความสบายใจของทั้งสองครอบครัว แบบนี้ก็ทำโลด แต่ถ้าไม่อยากเสียเงินเพิ่ม กลัวจะเปลืองงบก็ต้องหาข้อตกลงกันให้ได้นะคะ

ส่วนป้ายชื่อ ณ สถานที่จัดงานก็เช่นกัน ใช้ตรรกะเดียวกันนี่แหละง่ายดี แต่ถ้าบังเอิญจัดที่โรงแรมไม่ใช่บ้านบ่าวสาวขอแนะนำว่า ตกลง ประนีประนอมกันให้ดีๆ นะคะ หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็เลือกใช้สัญลักษณ์อักษรย่อแทนติดชื่อเต็มก็ได้เช่นกัน

หวังว่าเรื่องชื่อใครมาก่อนมาหลังคงจะไม่เป็นปัญหากับคู่บ่าวสาวแล้วเนอะ เรื่องเล็กนิดเดียวเองแก้ไขได้สบายมากอยู่แล้ว จริงไหม?

Read More เขียนให้ถูก…ข้อความในการ์ดแต่งงานพิธีเช้า

รวมช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง ลิสต์เตรียมไว้กันพลาด

ภาพถ่ายงานแต่ง เป็นภาพถ่ายที่สำคัญมาก เพราะงานแต่งงานเป็นงานสำคัญที่จัดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวของบ่าวสาว และแน่นอน ไม่มีบ่าวสาวคู่ไหน อยากจะให้พลาดช็อตเด็ดในงานแต่งงานแน่นอน แต่ด้วยตนเองยังเป็นมือใหม่ในงานแต่งงานทั้งคู่ ก็เลยยังไม่รู้ใช่ไหมล่ะ ว่าช็อตเด็ดช็อตไหนที่ห้ามพลาดที่ต้องกระซิบบอกช่างภาพล่วงหน้าเอาไว้

แพรว wedding เลยขอนำช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง มาแนะนำกันค่ะ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน ขอบอกก่อนว่าไม่ใช่แค่บ่าวสาวเท่านั้นที่สามารถอ่านได้ ช่างภาพจะเข้ามาดูไปเป็นไอเดียไว้แคปเจอร์โมเม้นต์สำคัญก็ได้น้า ไม่ว่ากันจ้าาาา 🙂

1. ช่วงเวลาที่บ่าวสาวกำลังแต่งตัว

ในขณะที่บ่าวสาวกำลังเตรียมสวยเตรียมหล่ออยู่นั้น เป็นช่วงเวลาที่ควรเก็บภาพไว้มากๆ เพราะกว่าจะได้หน้าสวยๆ ทรงผมสุดปัง และการแต่งตัวในชุดต่างๆ ไม่ได้ง่ายเลย ลองให้ช่างภาพถ่ายภาพขณะที่ช่างแต่งหน้า กำลังบรรจงแต่งหน้าให้กับเจ้าสาว หรือในขณะที่แต่งชุดไทยแล้วช่างกำลังช่วยกันบรรจงจับจีบสไบ และนุ่งผ้านุ่งผืนงามๆ ให้อย่างประณีต แต่ถ้าอยากได้โมเม้นต์มุ้งมิ้ง ก็ลองให้เจ้าสาวช่วยแต่งตัวให้เจ้าบ่าว ก็จะได้ภาพที่น่ารักและดูได้ไม่เบื่ออีกหนึ่งรูปนะจ๊ะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

2. แหวนหมั้น

ไม่ใช่แค่ถ่ายไว้แค่วงใดวงหนึ่ง แต่ต้องถ่ายมาทั้งแหวนบ่าวสาวเลยนะ จะถ่ายเดี่ยวทีละวง หรือนำมารวมกันในเฟรมเดียวก็ได้ หรือจะถ่ายบนนิ้วของบ่าวสาวในขณะที่ทั้งคู่กำลังบรรจงสวมแหวนให้แก่กัน หรือจะนำมาจัดเรียงใหม่ให้สวยงามบนพานดอกไม้ หรือกล่องใส่แหวนก็ได้นะจ๊ะ ลงทุนซื้อแหวนเพชรเม็ดงามทั้งทีก็ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ หน่อย 

แต่ๆๆๆ ถ้าอยากได้ภาพแหวนแต่งงานสวยๆ แบบจัดลงบนพร็อพสุดเก๋ หรือประดิษฐ์ประดอยจนได้มุมภาพเริดๆ เราขอแนะนำให้บ่าวสาวทำพิธีในงานแต่งทุกอย่างให้เสร็จสิ้น แล้วค่อยมาเก็บภาพเหล่านี้กันทีหลังจะดีกว่านะคะ เพราะหากว่าที่บ่าวสาวมัวแต่ถ่ายภาพแหวนก่อนพิธีจะเริ่ม อาจจะเกิดอาการตะกุกตะกักตามหาแหวนกันให้วุ่นว่าอยู่ไหน เพราะฉะนั้นให้พิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้น ไร้ฤกษ์ยาม แล้วบ่าวสาวจะถ่ายกี่รูปเราว่าก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาแน่นอน

ภาพถ่ายงานแต่ง

3. เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาว

เป็นกลุ่มสาวๆ ที่ควรเก็บภาพเอาไว้เลยนะจ๊ะ เพราะเพื่อนเจ้าสาวมีส่วนช่วยเหลือเจ้าสาวในทุกๆ ด้าน เมื่อแต่งตัวสวยกันเสร็จแล้ว ลองมายืนโพสต์ท่าถ่ายรูปกันก่อน ไม่ว่าจะในห้องแต่งตัว หน้าแบ็กดร็อป หรือขณะตั้งแถวก็ได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สาวๆ กำลังยืนคุย ยิ้ม หัวเราะ จังหวะเหล่านี้แหละค่ะที่น่ากดชัดเตอร์มากที่สุด (รู้อย่างนี้แล้ว สาวๆ ก็ต้องมีสติสวยๆ กันตลอดเวลานะ อิอิ) ส่วนแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวไม่ต้องน้อยใจค่ะ เพราะช็อตเด็ดของหนุ่มๆ นั้นสามารถก๊อปปี้ช็อตของสาวๆ ไปใช้กับแก๊งตัวเองได้เลยจ้า

ภาพถ่ายงานแต่ง

4. ดีเทลต่างๆ ภายในงาน

ไม่ว่าจะเป็นเค้กแต่งงานก้อนโต การตกแต่งต่างๆ ภายในงานแต่ง ไล่ตั้งแต่ โต๊ะลงทะเบียเข้างาน อาหารที่ใช้เลี้ยงแขก ก็ควรที่จะเก็บภาพมาให้หมดนะจ๊ะ เพราะดีเทลในแต่ละงานก็เปรียบเสมือนซิกเนเจอร์งานแต่งงานของบ่าวสาวนั่นเอง และทางที่ดีควรให้ช่างภาพเก็บภาพก่อนที่แขกจะเริ่มเข้ามาในงานจะดีที่สุด เพราะคุณจะได้ภาพบรรยากาศงานแต่งสวยๆ ที่ไร้ผู้คนเดินกันให้วุ่น จะได้นำมาเก็บไว้ในอัลบั้มสวยๆ ไว้ดูในวันครอบรอบเพื่อระลึกความหลังยังไงล่ะคะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

5. โมเม้นต์หวานระหว่างบ่าวสาว

ตัวเอกในงานแต่งก็คือบ่าวสาว ลองหามุมสวยๆ ภายในงานแต่งงานแล้วถ่ายภาพโมเม้นต์หวานๆ ของทั้งสองก่อนที่จะมีแขกมาจนล้นในงานดีกว่านะคะ ไม่ว่าจะกอด จะหอม หรือส่งสายตาหวานๆ ให้กัน ก็จะยิ่งฟินเข้าไปอีก หรือจะให้ช่างภาพโคลสอัพแค่อ้อมกอด สายตาหวานๆ หรือหน้าสวยหล่อของบ่าวสาว ก็เก๋ๆ ดีเหมือนกันนะคะ

ซึ่งที่เราอยากให้คุณเก็บภาพความหวานกันก่อนที่แขกจะมาหรืองานจะเริ่มนั้นก็เป็นเพราะว่า บ่าวสาวยังไม่เหนื่อยล้าจากการยืนถ่ายภาพที่แบ็กดร็อปกับแขกนับร้อย หรือต้องอยู่ในช่วงพิธีการบนเวทีเป็นชั่วโมง ทั้งเมื่อย ทั้งล้าจากแสงไฟ แล้วถ้าต้องมาถ่ายรูปซึ้งๆ หวานๆ กันอีก เราว่าสายตาที่น่าจะหวานหยดย้อย อาจจะกลายเป็นสายตาที่ร่วงโรยจากอาการเหนื่อยล้าแทน แบบนี้ไม่เวิร์กแน่นอนค่ะ

ภาพถ่ายงานแต่ง

งานแต่งงานเป็นงานสำคัญและเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว ดังนั้นถ่ายภาพให้เยอะเข้าไว้นะคะ 🙂 แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าควรพูดกับช่างภาพอย่างไรให้ได้ภาพปัง ลองอ่านเพิ่มดูนะ  เตรียมไว้เลยเช็กลิสต์หัวข้อไว้ คุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง

ภาพ Pinterest

ข้อผิดพลาดที่แขกในงานแต่งเผลอทำที่ควรจำและไม่ควรทำในงานแต่ง

เมื่อได้รับเชิญให้ไปเป็น แขกในงานแต่ง ไม่ใช่แค่ว่าจะแต่งตัวสวยๆ ไปถ่ายรูปกับบ่าวสาวเท่านั้นนะ เพราะอย่าลืมว่าเราเป็นคนสำคัญที่บ่าวสาวเขาอยากให้มาร่วมแสดงความยินดี ฉะนั้นก็ควรที่จะไปร่วมงานด้วยความเต็มใจ และที่สำคัญต้องพกมารยาทไปร่วมงานแต่งงานด้วย แพรว wedding เลยทำไกด์ไลน์มาให้เหล่าแขกได้เช็กกันว่า มีสิ่งไหนที่ไม่ควรทำที่เราอาจจะเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัวบ้าง

1. มาร่วมงานช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ไปเลย

อย่างที่บอกว่าการที่บ่าวสาวเชิญให้คุณมาร่วมงานแต่งงานแสดงว่าคุณเป็นคนสำคัญในชีวิตของเขา เพราะฉะนั้นคุณก็ควรให้เกียรติความจริงใจนี้ด้วยการไปร่วมแสดงความยินดีในช่วงพิธีการ ซึ่งก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ไม่ใช่ช่วงพิธีการนะ

2. ดื่มหนักก่อนพิธีการจะเริ่ม

บาร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีเพื่อให้แขกได้สนุกกับปาร์ตี้ไปยาวๆ เพราะฉะนั้นการที่บ่าวสาวจะเปิดบาร์ก่อนหรือหลังพิธีการเริ่มก็ไม่แปลก แต่แขกอย่างเราจะต้องจำกัดลิมิตการดื่มแอลกอฮอล์ของตัวเองให้ดีก่อนที่พิธีการจะเริ่ม แต่ถ้ารู้ตัวเองดีว่าแอลกอฮอล์เข้าปากเมื่อไหร่บุคลิกจะเปลี่ยนไปล่ะก็ อดใจรออีกนิดแล้วค่อยจัดเต็มในช่วงปาร์ตี้ไปเลยดีกว่า

3. ดื่มมากเกินไป

ปาร์ตี้ทั้งทีบ่าวสาวก็ต้องจัดหนักให้แขกได้สนุกแบบโนลิมิตอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวคุณเองจะดื่มแบบโนลิมิตไปด้วย และที่สำคัญ “เมาไม่ขับ” นะทุกคน

ภาพจาก today.com

4. รับช่อดอกไม้เหมือนแข่งโอลิมปิก

ช่วงเวลารับช่อดอกไม้ถือเป็นช่วงสนุกสนานและเต็มไปด้วยช่วงที่มีความหวังของบรรดาสาวโสด แต่ถึงอย่างนั้นสาวๆ ก็ไม่ต้องถึงขั้นแย่งกันแบบเอาเป็นเอาตายหรอกนะ บางคนถึงขั้นออกลีลาแขน ขา เข่า ศอก แบบจัดเต็มเพื่อคว้าช่อดอกไม้แห่งความหวังนี้ ถึงแม้จะมีความเชื่อที่ว่า ใครรับได้จะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาแห่งความสนุกและสีสันในงานแต่งงานเท่านั้นเนอะ

5. อย่าลืมระงับกลิ่นกายสักหน่อย

เป็นเรื่องสำคัญถ้าคุณได้รับเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงานแบบเอ๊าต์ดอร์ โดยเฉพาะสำหรับอากาศเมืองไทยที่ร้อนถึงขั้นอ้าวจนทำให้เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีกลิ่นกายก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับใครที่มีและกังวลเรื่องนี้ การฉีดสเปรย์ระงับกลิ่นกายเป็นเรื่องที่ควรทำและห้ามลืม (หรือจะพกไปด้วยเพื่อเติมระหว่างวันก็ได้) ทั้งนี้ก็เพื่อความมั่นใจของตัวคุณเอง

6. แต่งยีนส์ไปงานแต่ง

ถึงแม้ว่าในคำเชิญจะบอกว่าเป็นงานแต่งไม่เป็นทางการไม่ต้องแต่งสูทแบบจัดเต็มมาก็ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหนุ่มๆ หรือสาวๆ จะแต่งยีนส์ไปร่วมงานแต่งได้นะ นอกเสียจากว่าเดรสโค้ดจะระบุมาว่าเป็นธีม “ยีนส์” เท่านั้น

7. ขอของชำร่วยมากเกินไป

ส่วนมากจำนวนของชำร่วยในงานบ่าวสาวจะคำนวณจากจำนวนการ์ดแต่งงานที่แจกไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีแจกแบบอันลิมิต และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะขอเพิ่มจนมากเกินไปตอนที่คุณเพิ่งไปถึง เพราะอย่าลืมว่ายังมีแขกอีกหลายท่านที่กำลังเดินทางมา แนะนำให้คุณรอจนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธีการก่อนแล้วค่อยไปขอเพิ่มที่โต๊ะลงทะเบียนด้านหน้าทีหลังจะดีกว่า

8. ไม่มีอังคอร์สำหรับอาฟเตอร์ปาร์ตี้

เมื่อสิ้นสุดเสียง “ขอบคุณ สวัสดี ขอให้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ” ถ้าได้ยินอย่างนี้ก็เตรียมตัวเก็บของแล้วโบกมือลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้กันได้เลย ถึงแม้จะสนุกแค่ไหน แต่การต่อเวลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เท่ากับว่าบ่าวสาวจะต้องเสียค่าล่วงเวลาที่เกินมาจากที่ตกลงกับทางสถานที่เอาไว้ คิดไปคิดมาก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ เราในฐานะเพื่อนก็ต้องช่วยเขาเซฟเงินกันหน่อย

9. เปรียบเทียบ วิเคราะห์ วิจารณ์ดีเทลต่างๆ ในงาน

คู่รักที่ได้รับเชิญไปงานแต่งงาน และ/หรือกำลังจะเป็นว่าที่บ่าวสาวเช่นกัน เราเข้าใจค่ะว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่คุณจะได้ไปเก็บเกี่ยวรายละเอียดต่างๆ จากงานแต่งงานจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าการเก็บเกี่ยวนี้จะรวมไปถึง การเปรียบเทียบหรือการวิจารณ์ในทางลบ เพราะบ่าวสาวเขาอยากเชิญให้คุณมาร่วมสนุกและแสดงความยินดี ไม่ได้เชิญให้มาเป็นคอมเมนเตเตอร์ เอาไว้มีอะไรอยากจะติชมก็ไปหลังไมค์คุยกันสองคนที่อื่นดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่า

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด insideweddings.com a

9 สไตล์แหวนแต่งงานเลือกที่ใช่เพราะคุณต้องใส่ไปตลอดชีวิต

เพราะ แหวนแต่งงาน คือ สัญลักษณ์แสดงความรักอันเป็นนิรันดร์ ทั้งคำมั่นสัญญาและสักขีพยานในวันที่สวมใส่อีกเพียบ คุณเลือกแล้วว่าจะใส่แหวนวงนี้ไปตลอดชีวิตของคุณ ฟังดูเรื่องใหญ่ว่าไหมคะ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่ว่าคุณต้องใส่แหวนวงนั้นไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นเรามีตัวช่วยให้คุณได้พบกับแหวนวงนั้น วงที่เป็นตัวคุณจริงๆ มาบอกต่อ 

1. หากคุณหลงใหลความงามที่อยู่เหนือกฎแห่งกาลเวลา แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวบนตัวเรือนเกลี้ยงๆ คือความคลาสสิกที่คุณมองหา สไตล์ที่อยู่ยั้งยืนยงมายาวนานกว่า 100 ปีคือสุดยอดแห่งปรารถนาจากการรังสรรค์ของแบรนด์ระดับตำนาน อย่างทิฟฟานี่ แอนด์ โค ถึงคาเทียร์ และส่งต่อไปยังมือสาวๆทั่วทุกมุมโลก

2. ถ้าคุณชอบความเป็นเทรดดิชั่น แต่ก็อยากได้ความเก๋บางอย่างมาผสมเพราะคุณไม่ใช่สาวพิมพ์นิยมขนาดนั้น แหวนตัวเรือนเกลี้ยงประดับอัญมณีรูปลูกแพร์ แล้วออกแบบเซตติ้งเก๋ๆ เพิ่มลงไปที่ส่วนปลายของเพชรทรงลูกแพร์แบบอีรี่ เบซินก็ดูจะตอบโจทย์ได้ดี มีความเป็นเทรดิชันนัลิสต์แต่ก็แฝงความเป็นกบฏเล็กๆ ไว้

3. สาวที่มีความเกิร์ลลี่อยู่ในตัวสูงปรี๊ดดดดด เฟมินีนแสนหวานงานนี้ต้องไม่พลาดแหวนที่จะช่วยขับความเป็นตัวคุณเองออกมาให้มากขึ้นไปอีก ซึ่งงานนี้อัญมณีสีหวานต้องมา แล้วเซ็ตติ้งรูปดอกไม้หรือผีเสื้อที่น่ารักมากๆ ก็ดี๊ดี

4. สาวห้าวต้องมามุงให้ไว ถ้าคุณหลงรักกิจกรรมกลางแจ้งแถมสีชมพูยังเป็นสีต้องห้ามในชีวิตคุณไปอีก เอาล่ะ.. เรามีช้อยส์ของแหวนหมั้นที่เหมาะกับคุณสุดๆ อย่างแหวนเกลี้ยงกับเซ็ตติ้งอัญมณีแบบเบเซิลที่จะล้อมอัญมณีหัวแหวนของคุณไว้อย่างแน่นหนาสุดๆ รับรองว่าสาวขาลุยสามารถดำเนินชีวิตหัวหกก้นขวิดในสไตล์ของคุณได้แบบไร้กังวลแน่นอนค่า

5. จะทองหรือเงินดีนะ.. แล้วทำไมต้องเลือกอย่างใดอย่างนึงด้วยล่ะถ้าคุณชอบทั้งสองอย่าง เอามารวมกันก็ได้นะคะสาวๆ เราว่าสวยแปลกตาดีซะอีก ไม่เชื่อลองดูตัวอย่างแหวนผสมแมทีเรียลสวยๆ จากแมคเทก์ แอนด์ แมคเคนแลนด์ ฟลอร่า วงนี้เลยค่า

6. คุณเป็นสาวเทรดดิชันนัลลิสต์ แต่ขอเซย์โนกับหัวแหวนทรงกลม ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในสไตล์อาร์ท-เดโคเลยค่ะ เทรดดิชันนัลด้วย แถมไม่กลมอีกต่างหาก ลองดูจากนิ้วนางข้างซ้ายของเซเลบฝั่งตะวันตกหลายๆ นางเลยค่า เก๋กู้ดและมีไสตล์สุดๆ

7. ในส่วนของสาวนักผจญภัยที่เสพติดความตื่นเต้นในทุกรูปแบบนั้น แหวนเพชรทรงเผ็ดๆ อาจเป็นคำตอบสำหรับคุณ ลองเลือกเพชรเจียระไนหลายๆ ทรงมาประกอบร่างกันอย่างสนุกสนาน ให้เกิดเป็นเซ็ตติ้งแปลกใหม่ที่ให้ความรู้สึกน่าค้นหาทุกครั้งที่ได้จ้องมอง

 

8. ก็งบที่มีมันจำกัด แต่ยังไงชั้นก็ยังอยากได้เพชรตู้มๆ นี่นา.. ไม่ยากเลยค่ะสาวๆ เพราะแหวนเซ็ตติ้งสไตล์ฮาโลช่วยคุณได้ เซ็ตติ้งในสไตล์นี้จะมีแถบเพชรล้อมเพชรหัวแหวนอีกที เหมือนกับมายากลอย่างนึงที่จะช่วยพรางสายตาให้เพชรที่หัวแหวนดูตู้มแบบที่สาวๆ ปรารถนาเลยล่ะค่ะ

9. และสุดท้ายสำหรับสาวๆ สายโรแมนติก เราบอกแค่ว่าเพชรเจียระไนรูปหัวใจต้องมาค่ะงานนี้

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับแหวนแต่งงานและเครื่องประดับเพิ่มเติม คลิกเลย!

จัด งานแต่งแบบประหยัด ยังไงให้ถูกใจแขก…มาดูกันเลย

งานแต่งแบบประหยัด แต่ได้ใจแขก เป็นไปได้จริงเหรอ??

เราได้ยินมาบ่อยเหลือเกินว่า บ่าวสาวทั้งหลายมักกังวลว่า สิ่งที่เตรียมไว้ในงานแต่งจะไม่ถูกใจแขก อย่างบางคนกลัวว่าอาหารไม่พอ บางคนกลัวต้อนรับได้ไม่ดี สารพัดความกังวลที่เราขอบอกเลยว่าคุณไม่มีทางทำให้ทุกคนพอใจได้หมดหรอกค่ะ ลองมาผ่อนหนักให้เป็นเบากับเรา ด้วย 6 ความลับที่จะช่วยให้คุณว่าที่ทั้งหลายจัด งานแต่งแบบประหยัด แถมยังได้ใจแขกเป็นของแถมอีกด้วย

 

ความลับที่ 1 ได้ใจแขกด้วยการตั้งป้ายชื่อประจำที่นั่ง

วิธีนี้จะทำให้ได้ใจแขกตรงที่คุณใส่ใจในตัวแขกทุกคนที่มาในงาน ด้วยการหาที่นั่งให้กับทุกคน แต่มีข้อแม้ว่า งานเลี้ยงของคุณต้องเป็นงานแบบซิทดาวน์ดินเนอร์นะคะ ไม่อย่างนั้นแล้วคุณคงจะหาป้ายชื่อมาตั้งลำบาก แต่ถ้าถามว่างานโต๊ะจีนทำได้ไหม อันนี้คงต้องบอกว่า อาจปรับจากป้ายชื่อมาเป็นป้ายโต๊ะเพื่อระบุให้กลุ่มไหนนั่งตรงโต๊ะไหน

ความลับที่ 2 ประหยัดค่าเค้กได้แค่ไม่ต้องแจกครบทุกคน

หลังจากที่คุณลงดาบตัดเค้กก้อนโตแล้ว บ่าวสาวสมัยนี้จะมีคัพเค้กแจกคนในงาน ซึ่งสิ่งที่เราเห็นบ่อยๆ คือ เค้กที่สั่งมาแจกในวาระนี้เหลือบานค่ะ เราก็เลยขอแนะนำให้คุณสั่งเค้กที่ว่านี้ในปริมาณที่ไม่ต้องครบทุกคน โดยอาจสั่งอยู่ที่ 30-40 % ของแขกในงานก็พอ เพราะแขกไม่ได้ต้องการบริโภคเค้กแต่งงานทุกคนหรอกนะคะ แล้วแบบนี้คุณจะไปสั่งเค้กมากมายไปเพื่ออะไร


ความลับที่ 3 ได้ใจแขกด้วยการจัดโซนดูแลเด็กไว้โดยเฉพาะ

อย่าได้มองข้ามโซนเด็กน้อยและพี่เลี้ยงในงานแต่งงานอย่างเด็ดขาดนะคะ เพราะคุณเองก็ไม่สามารถออกกฎว่าห้ามพาลูกพาหลานมาร่วมงานแต่ง และก็ไม่สามารถไปบอกพ่อแม่เด็กว่าเก็บลูกไว้ที่บ้านห่างตัวสักคืนได้ไหม และแน่นอนว่า คุณเองก็ไม่อยากให้แขกคนอื่นรู้สึกรำคาญเสียงร้องของเด็กน้อย ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำให้คุณใส่ใจเรื่องนี้สักนิด ด้วยการจัดหาห้องหรือเก็บมุมหนึ่งไว้เพื่อให้เด็กๆ ได้ร่าเริงในสายตาพ่อแม่ และยิ่งบ้านไหนมีพี่เลี้ยงมาดูแล แขกจะได้รู้ว่าพี่เลี้ยงพาลูกสุดที่รักของเขาอยู่เป็นที่เป็นทาง แบบนี้ดีกับแขกทุกคนใช่ไหมล่ะ


ความลับที่ 4 ได้ใจแขกด้วยการเริ่มงานไว มีเส้นตายให้ลำดับงาน

หลายครั้งที่แขกบ่นกันเหลือเกินว่าเมื่อไหร่งานจะเริ่มสักที พอถามไปถามมาก็ได้รับคำอธิบายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประธานยังไม่มา เจ้าสาวยังเติมหน้าอยู่ หรือแม้แต่เครื่องเสียงยังไม่พร้อม แบบนี้แขกในงานจะไม่ประทับใจเอานะคะ ลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนแล้วต้องมีจังหวะการเบรกอาหารเพื่อให้พิธีการเริ่ม แขกต้องรอไปนานแค่ไหน รวมถึงหลังพิธีการเสร็จ แขกยังต้องฝ่ารถติดเพื่อกลับบ้าน ฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนแขกเม้า จงมีเส้นตายให้กับลำดับพิธีการทั้งหลายในงาน และร่วมมือกับแพลนเนอร์ที่ดูแลงาน ปฏิบัติตามให้เป็นตามที่กำหนดไว้จะได้ใจแขกแน่นอน


ความลับที่ 5 ได้ใจแขกด้วยพิธีการที่ต้องกระชับ

ข้อนี้บอกเลยว่า เป็นความลับที่อาจไม่เรียกว่าลับ แต่กลายเป็นสิ่งที่หลายคนทำตามได้ยาก โดยเฉพาะการที่มีประธานในงานมากกว่าหนึ่งท่าน แถมแต่ละท่านยังพูดยาวเป็น 10 นาที ความลับให้รอดจากการเม้าในประเด็นนี้คือ เจาะจงไปเลยว่างานนี้จะมีประธานแค่ 1 หรือ 2 คน (จากฝ่ายละคน) ก็พอ จากนั้นเพิ่มความลับเด็ดอีกนิดคือ ต้องทำใจกล้าบอกคุณประธานเลยว่า ขอให้พูดสั้นกระชับ โดยอาจยกเหตุผลเรื่องฤกษ์ยามมาอ้าง แบบนี้ก็พอไปรอด


ความลับที่ 6 ประหยัดด้วยการแจ้งจำนวนแขกน้อยกว่าการ์ดเชิญ

ความลับนี้คุณอาจจะรู้สึกงงๆ เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าเหลือดีกว่าขาด แต่เราขอแนะนำในกรณีที่คุณคือบ่าวสาวที่ต้องการคุมงบประมาณและสามารถเดาพฤติกรรมแขกที่เชิญได้ ซึ่งความลับนี้บ่าวสาวหลายคนที่อยู่ในกรณีที่ว่านี้กระซิบบอกเรามาว่าทำแล้วช่วยประหยัดได้พอควร เนื่องจากการที่ร่อนการ์ดเชิญออกไป 500 ใบ ไม่ได้หมายความว่า แขกจะมาครบทั้ง 500 คน ฉะนั้นเขาหรือเธอเหล่านั้นจึงเลือกที่จะแนะนำเพื่อนๆ ให้แจ้งจำนวนแขกกับทางโรงแรมหรือร้านที่ดูแลเรื่องอาหารให้น้อยกว่าจำนวนเชิญจริง เพื่อประหยัดนั่นเอง แต่สำหรับบางคนที่ไม่มั่นใจว่าความลับนี้จะเวิร์คจริงไหม จะแจ้งจำนวนแขกให้พอดีเป๊ะๆ กับการ์ดเชิญก็ได้ แต่ก็ต้องไม่บ่นเรื่องอาหารเหลือนะคะ

แต่ละความลับอาจเหมาะหรือไม่เหมาะกับงานแต่ละงาน ฉะนั้นเลือกนำไปประยุกต์ใช้ได้เป็นข้อๆ นะคะ อันไหนดี ขอให้บอกต่อ แต่รับรองว่าทำแล้วดีแน่นอนค่ะ

แต่ถ้าอยากจัดงานแบบประหยัด และได้ใจแขก แถมให้งานออกมาปังด้วย ต้องนี่เลย >>> 6 แนวทางจัดงานแต่งแบบประหยัด สำหรับบ่าวสาวที่มีงบจำกัดแต่อยากให้งานปัง

DIY กล่องใส่แหวนแต่งงานแทนใจที่ประดิษฐ์ง่ายๆ แถมประหยัดงบ

บางครั้งก่องใส่ แหวนแต่งงาน แทนใจก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กล่องที่มาพร้อมกับร้านที่ไปซื้อเสมอไป เพราะบ่าวสาวสามารถเพิ่มไอเดียสุดเก๋ให้กับกล่องใส่แหวนให้สนุกมากขึ้น อย่างเช่นที่เราได้นำไอเดีย DIY สุดพิเศษอย่างกล่องใส่แหวนรูปกระเป๋าเดินทางใบจิ๋วที่ทําได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพื่อให้ฮอลิเดย์นี้มีแต่กลิ่นอายความสุขและความประทับใจ

Untitled-2

วัสดุและอุปกรณ์ :
กล่องไม้ขีดไฟ กระดาษสี กาว กรรไกร ไม้บรรทัด คัตเตอร์

DIY-011-กล่อง

วิธีทำ :
แยกกล่องไม้ขีดไฟออกจากกัน จากนั้นนํากระดาษสีหุ้มกล่องไม้ขีดทั้งสองชิ้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว ตัดกระดาษสีน้ําตาลเข้มเป็นสายคาดกระเป๋า มุมกระเป๋า และหูจับ แล้วติดลงไปบนกล่อง จากนั้นตกแต่งให้สวยงามด้วยกระดาษสีตามชอบ

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

5 เรื่องเจ้าสาวควรคิดก่อนหยิบชุดแต่งงานแบบสั้นมาใส่ในวันแต่งงาน

แพรว wedding ไม่เคยบอกว่าชุดแต่งงานต้องยาวกร่อมพื้นหรือหางยาวเป็นเมตรเสมอไป ถ้าคุณคิดจะใส่ ชุดแต่งงานแบบสั้น ก็ไม่มีใครว่า ยิ่งถ้าเป็นสาวขาเรียวด้วยแล้วล่ะก็ ใส่เถอะค่ะ ถ้าสบายใจ เพราะนอกจากคุณจะได้โชว์เรียวขายังได้โชว์ความโมเดิร์นสุดมั่นโดยไม่รู้ตัวด้วยนะ เพียงแต่ว่าก่อนจะชัวร์ว่าจะสั้น เราอยากให้คุณคิดถึงเรื่องเหล่านี้ก่อน

  • อากาศเป็นไงบ้าง

คือถ้าอยู่ในช่วงฤดูร้อนจะเลือกชุดสั้นที่มาแบบแขนกุด สายเดี่ยว เกาะอก ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเมื่อไหร่รู้ว่าจะแต่งงานหน้าหนาวที่มีแนวโน้มว่าจะหนาวจริงๆ หรือขึ้นดอยไปแต่งงาน จะสั้นก็ไม่ว่าแต่ช่วงบนควรเลือกแบบที่ให้ความอบอุ่นซะหน่อย จะเป็นสไตล์ช่วงบนมีแขน ติดขนนกหรือถมเฟอร์เข้าไปก็ลองดู แต่เพื่อความอบอุ่นอย่าได้เลือกแบบว่าทั้งสั้นทั้งเปิด เพราะถ้าภูมิคุ้มกันไม่ดี หลังแต่งงานคุณจะมีสภาพเป็นคนป่วยน้ำมูกยืดอย่างแน่นอน

  • สถานที่ก็ต้องเช็ค

หัวข้อสถานที่ในที่นี่มีหลายประเด็นอยู่นะคะ อย่างแรกคือ จัดงานที่ไหน ถ้าคุณเป็นคู่รักเรียบง่ายจัดงานในวัดแบบว่าแค่เลี้ยงพระ ฟังเทศน์ พรมน้ำมนต์ จะมาเลือกชุดสั้นนี่ไม่น่าจะถูกต้อง แต่ถ้าเป็นจัดงานง่ายๆ ในบ้านอะไรแบบนั้นจะสั้นก็ทำเถอะ นอกจากนี้เรื่องสถานที่ๆ อยากให้ดูก็คือ เป็นงานกลางแจ้งหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นกลางแจ้งแถมยังหน้าร้อนก็ควรเลือกผ้าที่บางเบาและถ่ายเทอากาศได้ดี ถ้าเกิดสั้นพอดีแต่อยู่ในหน้าหนาวก็เอาผ้าที่หนามาหน่อย อย่าได้ติดแค่ว่าผ้าอะไรก็ได้ขอให้ได้ดีและสวย เพราะนั่นน่ะ มันไม่เวิร์คเวลาใส่จริง

  • ชิ้นเดียวหรือสองชิ้นดี

การเลือกชุดแต่งานแบบสั้นที่ง่ายมากๆ อีกอย่างคือ การหาองค์ประกอบชุดชิ้นบนกับชิ้นล่างที่เข้ากัน แถมเสร็จงานยังเอาไปต่อยอดใช้ในวาระโอกาสอื่นๆ ได้ด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณต้องมั่นใจคือ คุณรู้จักการจับคู่บนล่างที่ลงตัวเข้ากันได้จริงๆ นะ

  • ชุดสั้นไม่ต้องสั้นรอบทิศก็ได้นะ

ชุดแต่งงานแบบกระโปรงหน้าสั้นหลังยาวก็ฮิตอยู่เรื่อยๆ นะคะ เพียงแต่ถ้าคุณเลือกแบบนี้เมื่อไหร่ต้องระวังสักหน่อยว่า ความสมดุลระหว่างความสั้นด้านหน้ากับความยาวด้านหลังมันต้องไปด้วยกันได้ ไม่ใช่ว่าข้างหน้าสั้นเกินข้างหลังยาวไป ระวังเถอะคนจะคิดว่าแบ่งเนื้อผ้าผิดแบบนั้นตลกมากนะ แถมน่าอายด้วย

  • ทรงกระโปรงช่วยกลบความไม่เป๊ะของขา

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าคุณเลือกทรงกระโปรงเป็นก็ช่วยกลบข้อบกพร้อมของขาได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความนูนโป้งของกล้ามเนื้อช่วงหน้าขาที่อาจมีมากเกินไป การเลือกทรงกระโปรงแบทรงเอ ไม่รัดรูปแบบกระโปรงทรงสอบคือการช่วยให้ไม่ต้องเน้นต้นขาอะไรแบบนั้นไงคะ

ไม่ว่าคุณจะเลือกกระโปรงสั้นแบบไหนก็ตาม เราอยากให้คุณใส่ใจในชนิดของผ้าก็ด้วยนะคะ คือเรียกว่าห้ามมองข้ามเด็ดขาด ถ้าจัดงานกลางแจ้งที่ลมแรงมากๆ ก็ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีความทิ้งตัว ไม่ใช่บางเบาจนต้องคอยจับเพราะกลัวกระโปรงเปิดอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องของเครื่องประดับก็ควรต้องใส่ใจเลือกให้เข้ากันกับชุดสวยของคุณ นอกจากนี้เรื่องของระดับความยาวและความสั้นของกระโปรงก็สำคัญ ถ้าคุณคือสาวขายาวก็สบายไป จะระดับไหนก็มักใส่ออกมาสวย เพียงแค่ดูทรงไม่ให้ออกมาเหมือนใส่กระโปรงทำงาน สาวหรูอาจเลือกความยาวที่เลยเข่าลงไปเล็กน้อย ในขณะที่สาวตัวเล็กเราแนะนำให้คุณใส่เหนือเข่าเพื่อเพิ่มช่วงขาให้ดูยาวขึ้น

ดูไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : unsplash.com

รวมสารพัดสิ่งของเครื่องแต่งกายสำรองที่ต้องมีในวันแต่งงาน

ว่ากันว่าเรื่องเครื่องแต่งกายของบ่าวสาวควรเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อยที่ 3 เดือนก่อนถึงวันงาน แต่ในการเตรียมส่วนใหญ่ บ่าวสาวก็มักจะลืมว่าต้องเตรียม เครื่องแต่งกายสำรอง ไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินด้วยนะคะ ซึ่งถ้าคุณอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง แพรว wedding ลิสต์มาให้แล้ว พร้อมแล้วก็เตรียมซะ

 

  • ต่างหูและแป้นต่างหูสำรอง

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ต่างหูนี่แหละที่เราอยากให้เตรียมคู่ไปกับแป้นต่างหูสำรอง เพราะมีมาแล้วนะคะ ที่อยู่ๆ ต่างหูหลุดหล่นหายไป แต่ผมก็ทำเสร็จแล้ว ทีนี่ทำไงล่ะ ครั้นจะให้วิ่งไปเปิดกรุสมบัติเจ้าคุณแม่ที่บ้านคงไม่ทัน หรือจะหยิบยืมใครในงานคงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวไม่เข้ากับชุดจะทำยังไง ถ้าอย่างนั้นก็แค่เตรียมเพิ่มเติมไว้แบบนั้นสบายใจกว่า

เครื่องแต่งกายสำรอง

  • รองเท้าสำรอง

สำหรับเจ้าสาวนั้น แพรว wedding อยากเตือนให้เตรียมทั้งแบบส้นสูงและส้นแบนค่ะ เพราะในยามที่ส้นหักแต่ยังคงต้องยืนสวยๆ ถ่ายรูปกับแขกก็ต้องใช้ ส่วนรองเท้าสำรองนั้นไม่ต้องพูดถึง เวลาเดินหาแขกหรือเมื่อยเท้าจะได้มีไว้พักเท้าไงค่ะ ส่วนคุณเจ้าบ่าวเองก็อย่าประมาท ถึงคุณจะไม่ได้ใส่ส้นสูงก็เถอะ มีติดไว้บ้างดีออกเนอะ

  • เนคไทสำรอง

ต่อให้ฟันธงมาแล้วว่าเนคไทอันนี้แหละที่เหมาะที่สุด แต่จะแปลกอะไรถ้าคุณจะเตรียมเอาไว้อีกชิ้นเผื่อสลับเปลี่ยนหรือบางทีแสงไฟที่จัดไว้อาจทำให้สีเนคไทเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ รวมถึงความด้านและขึ้นเงาของเนื้อผ้าก็อาจมีผลทำให้คุณหล่อขึ้นหรือลดลงนะคะ

  • คัฟลิ้งสำรอง

อันเล็กนิดเดียวมีสิทธิ์จะหล่นหายไปได้ไม่ต่างกับต่างหูเจ้าสาว ฉะนั้น ไม่น่าจะใช่เรื่องยากถ้าจะพกคัฟลิ้งเพิ่มอีกสักคู่จริงไหม

  • ชุดเดรสสีขาวหรือสีอ่อนสำรอง

อุบัติเหตุยามสนุกเกิดขึ้นได้ไม่จำกัดเวลานะคะ หลายๆ ครั้งที่แขกไม่ได้ตั้งใจหรือเด็กน้อยวิ่งมาชน จนทำให้น้ำสีๆ ทั้งหลายหกใส่ชุดสีขาวของเจ้าสาวได้โดยไม่ตั้งใจ แล้วทีนี้จะทำยังไงละ ชุดเจ้าสาวมีชุดเดียวนี่นา นี่จึงเป็นเหตุผลที่แพรว wedding อยากให้คุณเตรียมชุดเดรสสำรองเอาไงคะ

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : pxhere, pexels

เจ้าสาวต้องจำ! 8 สิ่งไม่ควรทำก่อนตระเวนหาชุดแต่งงาน

วันนี้เรามี 8 เรื่องที่อยากบอกกับคุณว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะออกตระเวนหา ชุดแต่งงาน ว่า อย่าทำ! อย่าทำ! และอย่าทำเด็ดขาด เพราะบางเรื่องถ้าทำไปจะเป็นผลร้ายมากกว่าดี บางเรื่องที่คิดว่าทำได้สิ แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เรียกว่าคิดผิดมหันต์ จะมีเรื่องไหนบ้าง และคุณกำลังอยู่ในข่ายทำเรื่องไม่ควรหรือเปล่า ไปเช็คกันเลย

 

  • ไม่ตั้งงบประมาณ

เรื่องงบประมาณสำคัญที่สุดและคือสิ่งแรกที่พึงวางแผนเมื่อคิดจะแต่งงาน โดยการวางแผนงบประมาณที่ว่า คือวางทั้งงานว่ามีงบประมาณที่เท่าไหร่ จากนั้นจัดสรรงบประมาณในส่วนของชุดเจ้าสาวว่าจะตั้งไว้ที่เท่าไหร่จึงจะเรียกว่าพอดีและสมน้ำสมเนื้อ และขอบอกไว้ตรงนี้เลย อย่าได้คิดว่าแต่งครั้งเดียวเรื่องชุดแต่งงานต้องเต็มที่เสมอไป เพราะเรื่องแบบชุดกับราคาเป็นคนละเรื่องกันค่ะ

ถ้าเป็นในเรื่องสไตล์สวยงามอันนั้นอยากใส่สักครั้งในชีวิตและพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เรายอมให้คุณไฟเขียวกับสิ่งที่อยากได้ แต่ถ้าเรื่องราคาจะปล่อยผ่านแบบงบไม่จำกัดก็คงไม่ไหว เพราะข้อดีของการมีงบประมาณคุมไว้ก่อนจะช่วยให้คุณแตะเบรกความไม่จำเป็นได้ไปในตัว จะได้เก็บเงินไว้สานฝันวันแต่งงานด้านอื่นๆ ต่อไป (ยกเว้นว่าคุณมีเงินถุงเงินถังที่จะเอามาลงกับชุดเจ้าสาวที่ใส่เพียง 3 ชั่วโมงแล้วพับเก็บเข้ากรุ)

  • ไม่หาข้อมูลเตรียมไว้

เจ้าสาวหลายคนคิดแค่ว่าอยากใส่ชุดแต่งงานทรงไหนเพียงอย่างเดียว ขอบอกเลยว่าข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอนะจ้ะ คุณควรจัดเตรียมข้อมูลอื่นๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะข้อมูลของร้านชุดแต่งงานที่จะพุ่งตัวไปว่าเล็งร้านไหนไว้บ้าง ร้านอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า มีชุดแต่งงานในแบบที่ชอบไหม แล้วร้านนี้ถนัดชุดไทยหรือสากล รวมถึงข้อมูลของดีไซเนอร์ที่ร้านหรือดีไซเนอร์คนไหนที่ฝีมือถูกจริต หรือแม้แต่เรื่องหน้าผมที่จะทำให้วันงานก็ต้องมีไว้ด้วน

  • มุ่งมั่นกับแบบชุดแค่แบบเดียว

การมุ่งมั่นอยู่กับชุดแต่งานแค่แบบเดียวคือการปิดกั้นตัวเองจากชุดอื่นๆ ที่อาจจะเหมาะกับตัวคุณมากกว่าแบบชุดที่ฝันไว้ การมีความชอบในชุดแบบไหน ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บางทีชุดที่คุณชอบเมื่อใส่ไปแล้วอาจไม่ใช่ชุดที่เกิดมาเพื่อคุณก็เป็นได้ ฉะนั้นเปิดใจให้กว้าง รับคำแนะนำจากทางร้านเพื่อเปิดโอกาสให้คุณได้เจอชุดที่นอกจากจะใช่แล้วยังเข้ากันได้ดีกับรูปร่างของคุณด้วย

  • ไม่นัดหมายล่วงหน้า

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ขอเถอะว่าอย่าได้ทำ อย่าได้ประมาท เพราะคำว่าเสียเที่ยวจะเกิดขึ้นทันที การที่คุณมีร้านในใจ ไม่ได้แปลว่าจะมีคนที่รู้งานดูแลคุณเสมอไป เพราะมีถมไปที่พอไปถึงที่ร้านแล้ว มีแค่เด็กเฝ้าร้านที่มีความรู้เพียงว่า ชุดแต่ละแบบมีวิธีสวมแบบไหน แต่ไม่สามารถให้คำแนะนำที่ดีได้ หรือบางรายเมื่อเจอปัญหาหนักๆ จากสรีระที่ไม่สมบูรณ์แบบของว่าที่เจ้าสาวแล้วเกิดอาการมึนมาก ตอบไม่ได้ พูดเพียงว่าเดี๋ยวต้องเข้ามาอีกทีจะดีกว่าหรือรอพี่เจ้าของร้านมาก่อนไหมคะ แบบนั้นเสียเวลาและเสียอารมณ์มากจริงไหม

ชุดแต่งงาน

  • วางแผนกินซะพุงกาง

ประเด็นนี้เกิดขึ้นจริงๆ กับว่าที่เจ้าสาวที่คิดผิดว่ากินให้เต็มไว้ก่อน พุงจะได้ขยายแบบธรรมชาติๆ เวลาช่างวัดตัวตัดชุดก็จะได้รู้ว่า วันงานพ่อกินอิ่มแล้วพุงขยายประมาณนี้ใส่ชุดไปไม่อึดอัดชัวร์ ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่คิดใหม่นะคะ เพราะนอกจากชุดที่ตัดออกมาจะแลดูไม่สวยแล้ว เราอยากให้ลองคิดในมุมว่าถ้าช่วงก่อนวันงานน้ำหนักลงล่ะ ทีนี้ต้องแก้ชุดซ้ำไปมาวุ่นวายไปอีก

  • เมาปลิ้น นอนไม่พอในคืนก่อนเข้าร้านชุด

แม้รุ่งขึ้นจะยังไม่ใช่วันงานแต่งงานจริงๆ ก็ตาม แต่การไปพบร้านชุดแต่งงานในสภาพที่สมองไม่โปร่งโล่งจะทำให้การตัดสินใจเลือกชุดพลาดไปได้ง่ายๆ เพราะคุณอาจมึนมากจนขี้เกียจคิด หรืออาจกลายเป็นเลือกชุดผ่านๆ ส่งๆ ไปก่อน รวมถึงการที่ใบหน้าทรุดโทรม จะทำให้เวลาส่องกระจกมองตัวเองในชุดแต่งงานดูแย่ดูไม่สวยดูไม่สดใส ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วชุดที่เลือกอาจจะดูดีดูเหมาะมากอยู่แล้วก็เป็นได้

  • เชิญผู้ติดตามแก๊งใหญ่มาร่วมช้อป

เข้าใจค่ะว่า การเข้าร้านชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวมักต้องการผู้ช่วยที่จริงใจ ให้คอมเม้นท์ที่ตรงไปตรงมาและเป็นคนที่รู้จักตัวคุณไม่ต่างจากคุณรู้จักตัวเอง แต่การขนกันไปเป็นโขยงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะอย่าลืมว่า 8 คน 8 คอมเม้นท์ แต่ชุดแต่งงานมีชุดเดียว แล้วทีนี้จะฟังใคร เกิดเชื่อคนนี้ ไม่เชื่อคนนั้น ทีนี้ก็เกิดวิวาทและมีอาการงอนกันแน่นอน ฉะนั้นถ้าคุณคือเจ้าสาวเพื่อนเยอะ เราขอแนะนำให้คัดเอาแบบเพื่อนคนที่เรียกว่าเป็นสุดยอดแห่งความรู้ใจ รู้จริงไปสักคนสองคนก็พอ แล้วรับรองว่าการช้อปชุดแต่งงานของคุณจะง่ายขึ้นเยอะ

  • อัดแน่นนัดสารพัดร้านในวันเดียว

เรื่องสุดท้ายที่ขอบอกว่า อย่าทำเด็ดขาดคือการอัดแน่นการนัดหมายร้านชุดแต่งงานในหนึ่งวันหลายๆ ร้าน เพราะรู้ไว้เลยนะคะว่าการเข้าไปที่ร้านชุดแต่งงานคุณจะต้องเวลาอย่างต่ำๆ เป็น 1-1.30 ชั่วโมง แน่นอน เริ่มตั้งแต่เข้าไปนั่งคุยบอกเล่าความต้องการให้ที่ร้านได้รับรู้ การพิจารณาราคาในเบื้องต้น ไหนจะเวลาลองชุดที่เหมาะ และกว่าจะเจอชุดที่น่าจะใช่ ซึ่งไม่ได้ลองแค่ชุดสองชุดจบแน่นอน ฉะนั้น การนัดหมายร้านชุดเจ้าสาวในหนึ่งวันเต็มที่ 2 ร้านก็เกินพอ เพื่อคุณจะได้ร้านที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและตรงใจจริงๆ

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

6 สิ่งบ่าวสาวควรรู้ก่อนเขียนสคริปต์กล่าวขอบคุณแขกบนเวที

เพราะเรารู้ว่ากว่าจะพูดขอบคุณบนเวทีในวันแต่งงานได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แพรว wedding จึงจัด 6 เทคนิคเขียน สคริปต์กล่าวขอบคุณแขก บนเวทีมาฝากกัน ลองค่อยๆ อ่าน ทำตามเป็นขั้นตอน แล้วรับรองเลยค่ะว่าบทพูดขอบคุณแขกของคุณจะไหลลื่นสุดๆ 

1. ปรึกษากันสองคนงุ้งงิ้ง

แทนที่จะเอาเวลาไปคิดถึงบทพูดอื่นๆ ที่เคยได้ยินมาจากงานแต่งที่เคยไปด้วย ก็หันหน้ามาปรึกษากันเองดีกว่า จะพูดสั้นยาวแค่ไหน หรือเรื่องของเราจะเป็นเรื่องตลกหรือแนวซึ้งกินใจดี แต่ก็ไม่ต้องบอกกันทุกอย่างก็ได้นะจ๊ะ ถ้าหากคุณอยากเก็บบางส่วนของบทพูดขอบคุณเอาไว้เซอร์ไพรส์คนข้างๆ อิอิ

2. หาที่เงียบๆ รื้อลิ้นชักความทรงจำ

หาที่เงียบๆ อากาศโปร่งๆ ค่อยๆ รื้อฟื้นความทรงจำที่มีร่วมกันมา ว่าตอนนั้นเราเคยสัญญาอะไรกันไว้ ตอนนู้นเขาทำให้เราประทับใจอย่างไรบ้าง หรือว่าเราแพ้ใจเขาที่ตรงไหน แบบนี้จะทำให้เขียนอะไรออกมาได้อย่างพรั่งพรูแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

3. ลิสต์ไว้เป็นข้อๆ

ถ้านึกไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้ลองลิสต์สิ่งที่อยากพูดออกมาเป็นข้อๆ ตั้งแต่รักเขาเพราะอะไร ไปจนถึงแผนที่วางไว้ในอนาคตว่าอยากมีลูกสักสองโหล เป็นต้น ปิดท้ายด้วยคำสัญญาที่คุณจะทำให้กับเขา แค่นี้ก็ทำให้คนฟังซึ้งกินใจแล้ว

4. หาแนวทาง

ง่ายสุดๆ ถ้าคิดอะไรไม่ออกปรึกษาเพื่อนๆ ที่เคยผ่านประสบการณ์มาแล้ว ลองดูว่าที่ผ่านๆ มา มีคนพูดอะไรแบบไหน แล้วคุณรู้สึกว่าชอบจุงแบบเนี่ย ก็ลองเอามาปรับให้เป็นตัวคุณ เล่าเรื่องในแบบของคุณ เท่านี้ก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ

5. พักสมองสักนิด

ถ้าหาข้อมูลก็แล้ว ลิสต์ก็แล้ว เขียวรอบแรกก็แล้ว แต่ยังไม่โดนสักที ลองออกไปเดินเล่นทำอะไรอย่างอื่นสักพัก แล้วกลับมาเขียนอีกรอบ จะทำให้ความคิดลื่นไหลมากขึ้น เขียนง่ายมากขึ้น แถมระหว่างทางออกไปสวีทกันอาจจะได้อะไรกลับมาเขียนเพิ่มเติมก็ได้นะคะ

6. อย่าเขียนในนาทีสุดท้าย

อย่าคิดว่าเขียนเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วมาทำเอานาทีสุดท้ายเด็ดขาด ถึงจะเป็นบทพูดสั้นๆ แต่เชื่อเถอะว่าเขียนไม่ง่ายขนาดที่ใช้เวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เพราะกว่าคุณจะสรรหาคำที่ถูกใจ กว่าจะเขียนถึงสิ่งที่พูดทั้งหมดต้องใช้เวลานาน แถมบางทีเขียนไปซึ้งเองไปต้องหยุดร้องไห้อีก เพราะอย่างนั้นเผื่อเวลาสำหรับเขียนสักสองสามอาทิตย์กำลังดีค่ะ

นี่แหละค่ะ 6 เทคนิคให้บ่าวสาวเขียนคำขอบคุณบทเวทีได้ง่ายขึ้น แถมไม่พูดแบบตะกุกตะกักให้เสียอารมณ์ซึ้งอีกด้วย ลองทำตามกันดูนะคะ

สคริปต์งานไทย 2 ภาษาจัดเต็มทั้ง เจรจา สู่ขอ นับสินสอด และสวมแหวน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com
ภาพจาก robynsrussell.com

สร้อยคอสวยๆ จับคู่กับคอเสื้อเจ้าสาว แค่ใส่ตามนี้ก็สวยเพอร์เฟ็กต์

ปัญหาอย่างหนึ่งของว่าที่เจ้าสาวที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าทำเอาปวดหัวไม่แพ้เรื่องไหนคือการจับคู่สร้อยคอสวยๆ กับ คอเสื้อเจ้าสาว แต่ละแบบ เพราะเจ้าสาวแต่ละคนรูปร่างต่างกัน ความชอบก็ต่างกัน แต่ถ้าอยากสบายใจ ไม่ต้องคิดกังวลมากนัก แพรว wedding จับคู่มาให้แล้วค่ะ

สร้อยคอหลายเส้นกับชุดแต่งงานคอปาด

สำหรับสร้อยคอที่เหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบคอปาดแบบนี้ แพรว wedding อยากบอกว่าไม่ได้จำกัดแค่ว่ามีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงหัวใจสำคัญก็คือ ความยาวของสร้อยคอต่างๆ ที่ควรยาวลงมาถึงประมาณเนินอกช่วงบนๆ ไม่ลงมาต่ำถึงหว่างอก และถ้าจะให้ดี ความมีความบางในเส้นสายสร้อยสักหน่อย จะได้ไม่ดูเป็นแผง

ย้ำความหวานให้คอเสื้อรูปหัวใจด้วยสร้อยคอช่วยนำสายตา

จุดเด่นของคอเสื้อเจ้าสาวแบบรูปหัวใจคือความเว้าที่กลางอกที่ส่งให้เจ้าสาวดูหวานขึ้นแบบบวกๆ และเพื่อเป้ฯการย้ำความหวานสร้อยคอที่เลือกอาจมีจี้หรือดีไซน์ที่มีลักษณะการนำสายตาให้ย้ำอีกนิดว่าชุดเจ้าสาวแสนหวานที่เลือกชุดนี้คือเกาะอกรูปหัวใจ

ชุดเจ้าสาวแบบไหล่เฉียงที่มีเพียงต่างหูก็พอ

เพราะชุดเจ้าสาวแบบไหล่เฉียงมีเนื้อผ้ามากองที่ด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีสร้อยคอมาทำให้คุณกลายเป็นเจ้าสาวที่ดูเยอะเกินไป ฉะนั้นแค่เลือกต่างหูสักคู่ที่ไม่เล็กจนจมหายไปกับใบหน้ามาเพิ่มความหรูหราก็พอ

เกาะอกแบบตัดตรงกับสร้อยคอแบบแผง

สร้อยคอที่มีความหนาหลายแบบ ทั้งที่มีเพชรพลอยประดับหรือจับมุกมาเรียงเป็นสร้อยคอก็ช่วยเติมเต็มความเป็นเจ้าสาวได้ดี นอกจากนี้หากคุณคือเจ้าสาวไหล่ใหญ่ การเลือกชุดเกาะอกคู่สร้อยคอแบบแผงจะช่วยทำให้พื้นที่ไหล่ดูแคบลงค่ะ

ชุดเจ้าสาวคอวีกับสร้อยคอเส้นบางพร้อมจี้

ความดีงามของชุดเจ้าสาวแบบคอวีคือช่วยทำให้ช่วงคอของคุณดูระหงส์มากขึ้น ยิ่งเพิ่มเติมด้วยสร้อยคอเส้นบางทีมาพร้อมจี้ ทิ้งตัวลงหว่างอกแบบนี้ สวยหรูแต่แอบเก๋นะคะ

How To เลือก เพลงในงานแต่งยังไงให้บ่าวสาวอินและโดนใจแขก

เพลงในงานแต่ง จะเลือกยังไงดีน้าาา??

ไม่ว่าใครเมื่อได้ยินเพลงรักก็มักเกิดอาการวิ้งๆ ยิ้มๆ และนึกถึงคนรักขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว หรือบางครั้งภาพความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณและคนรักก็ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินเพลงโปรดโดนใจ ซึ่งเมื่อคุณได้ยินเพลงบางเพลง อาจทำให้คุณเกิดการเชื่อมโยงเหตุการณ์ หรือความสัมพันธ์ของคุณและคนรักเข้ากับเพลงๆ นั้น จึงทำให้หลายคู่มี “เพลงรักของตัวเอง” ในงานแต่ง เพราะเนื้อหามันช่างใกล้เคียงกับคู่เราซะเหลือเกิน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวจะเลือก เพลงในงานแต่ง เพื่อเปิดในช่วงพิเศษในงาน เพลงๆ นั้นก็ควรจะเป็นเพลงที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ด้วยนะถึงจะอิน

แต่ว่าที่บ่าวสาวบางคนก็อาจยังตัดสินใจเลือกเพลย์ลิสต์ที่จะเปิดในงานแต่งไม่ได้ หรือบางครั้งการเลือกเปิดเพียงแค่เพลงใดเพลงหนึ่งอาจเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ แพรว wedding เลยมีวิธีที่จะทำให้ขั้นตอนนี้ไม่ลำบากใจและไม่ยุ่งยาก แถมยังทำให้การเลือกเพลงสนุกมากขึ้นด้วย

และนี่คือคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่ยังเลือกเพลงเปิดในงานแต่งไม่ได้

1. อย่ารับฟังความคิดเห็นที่มากเกินไป

โปรดจำไว้ว่าทุกคนมีเทสต์หรือรสนิยมในการฟังเพลงที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวขอคำแนะนำจากคนอื่นเมื่อไหร่ คุณอาจพบว่ากำลังพยายามทำให้คนอื่นพอใจมากกว่าตัวคุณเอง ดังนั้นการพูดคุยและตกลงกันเพียงคุณและคนรักนั้นดีที่สุด โดยลงความเห็นว่าเพลงไหนที่ดูเป็นคู่ของเรามากที่สุดก็เข้าวินไปเลย

2. ฟังเพลงก่อนแล้วค่อยเลือก

แต่ละคนก็มีรสนิยมในการฟังเพลงต่างกันไป บางแค่ได้ยินทำนองก็ถึงขั้นขยับร่างกายเข้าจังหวะได้แบบตรงเป๊ะ หรือสำหรับบางคนเนื้อเพลงก็มีผลต่อหัวใจมากๆ เพราะฉะนั้นการฟังเพลงหนึ่งเพลงให้ลึกซึ้งแล้ววิเคราะห์ไปถึงขั้นว่า เมื่อได้ยินเพลงๆ นี้มันทำให้ภาพช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของคุณกับคนรักลอยมาหรือเปล่า หรือเพลงๆ นี้สามารถอธิบายเรื่องราวความรักของคุณทั้งคู่ได้ดีไหม เพราะสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญในการตัดสินใจเลือกเพลงมาเปิดในงานแต่งเหมือนกัน รับรองว่าถ้าเลือกเพลงที่อินมากๆ โมเม้นต์เรียกน้ำตาต้องมาแน่นอน

3. เตรียมเพลย์ลิสต์ให้พร้อมตลอดช่วงพิธี

บ่าวสาวต้องจัดเตรียมเพลย์ลิสต์ไว้ให้พร้อมตลอดช่วงพิธีการ และนำเพลย์ลิสต์นี้ไปให้กับผู้ดูแลงาน ดีเจ หรือวงดนตรีในงาน รวมไปถึงการแจ้งด้วยว่าช่วงไหนบ่าวสาวอยากใช้เพลงอะไรในการสร้างบรรยากาศ และหากบ่าวสาวเลือกจ้างวงดนตรีมาเล่นภายในงานก็อย่าลืมส่งเพลย์ลิสต์รายชื่อเพลงให้วงได้ทราบล่วงหน้า เพื่อที่นักดนตรีและนักร้องเขาจะได้ไปซักซ้อมกันก่อน ที่สำคัญอย่าลืมก๊อปปี้เพลย์ลิสต์เหล่านี้ไว้สำรองด้วย เพราะหากเตรียมไว้แต่ไฟล์เดียวหรือซีดีแผ่นเดียวหากวันงานเกิดขัดข้องเล่นไม่ได้คราวนี้ล่ะงานกร่อยแน่ๆ

4. เปิดใจให้กว้างสักหน่อย

ไม่ว่าบ่าวสาวจะชอบแนวเพลงแบบใดแบบหนึ่งหรือสามารถฟังได้ทุกประเภท เราขอแนะนำให้คุณลองฟังแนวเพลงที่แตกต่างจากที่ชอบหรือเคยฟังดูบ้าง เพราะไม่แน่ว่าคุณอาจจะเจอกับเพลย์ลิสต์เพลงใหม่ที่กระแทกโดนใจทะลุเข้าไปในโซตประสาทจนทำให้หัวใจอบอุ่นได้ ว่าแล้วก็ลองชวนคนรักมาเปิดประสบการณ์แล้วท่องไปในโลกของเสียงเพลง แถมปัจจุบันแอปเพลงออนไลน์ต่างๆ เขาก็มีกรุ๊ปหมวดหมู่แนวเพลงมาให้ ทำให้ง่ายต่อการค้นหา ไม่แน่ว่าแนวเพลงบางแนวหรือเพลงบางเพลงที่คุณไม่เคยฟังมาก่อนอาจจะเป็นหนึ่งในเพลย์ลิสต์ที่ถูกเปิดในงานแต่งงาน หรือสามารถจุดประกายความคิดไอเดียบางอย่างให้กับบ่าวสาวก็ได้นะ

5. ทำตามหัวใจ

ข้อสุดท้ายนี่ง่ายมากๆ เพราะจากบทเพลงทั้งหมดเป็นสิบๆ เพลง บ่าวสาวก็แค่หาว่าเพลงไหนบ้างที่คุณชอบและอยากที่จะเปิดในวันสำคัญ เพียงแค่เชื่อในสัญชาตญาณและเพลงที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายที่สุดสำหรับวันแต่งงานของคุณ

ดูไอเดียงานแต่งดีๆ และคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ภาพ pexels.com