วันนี้เรามี 8 เรื่องที่อยากบอกกับคุณว่าที่เจ้าสาวที่กำลังจะออกตระเวนหา ชุดแต่งงาน ว่า อย่าทำ! อย่าทำ! และอย่าทำเด็ดขาด เพราะบางเรื่องถ้าทำไปจะเป็นผลร้ายมากกว่าดี บางเรื่องที่คิดว่าทำได้สิ แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เรียกว่าคิดผิดมหันต์ จะมีเรื่องไหนบ้าง และคุณกำลังอยู่ในข่ายทำเรื่องไม่ควรหรือเปล่า ไปเช็คกันเลย
- ไม่ตั้งงบประมาณ
เรื่องงบประมาณสำคัญที่สุดและคือสิ่งแรกที่พึงวางแผนเมื่อคิดจะแต่งงาน โดยการวางแผนงบประมาณที่ว่า คือวางทั้งงานว่ามีงบประมาณที่เท่าไหร่ จากนั้นจัดสรรงบประมาณในส่วนของชุดเจ้าสาวว่าจะตั้งไว้ที่เท่าไหร่จึงจะเรียกว่าพอดีและสมน้ำสมเนื้อ และขอบอกไว้ตรงนี้เลย อย่าได้คิดว่าแต่งครั้งเดียวเรื่องชุดแต่งงานต้องเต็มที่เสมอไป เพราะเรื่องแบบชุดกับราคาเป็นคนละเรื่องกันค่ะ
ถ้าเป็นในเรื่องสไตล์สวยงามอันนั้นอยากใส่สักครั้งในชีวิตและพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เรายอมให้คุณไฟเขียวกับสิ่งที่อยากได้ แต่ถ้าเรื่องราคาจะปล่อยผ่านแบบงบไม่จำกัดก็คงไม่ไหว เพราะข้อดีของการมีงบประมาณคุมไว้ก่อนจะช่วยให้คุณแตะเบรกความไม่จำเป็นได้ไปในตัว จะได้เก็บเงินไว้สานฝันวันแต่งงานด้านอื่นๆ ต่อไป (ยกเว้นว่าคุณมีเงินถุงเงินถังที่จะเอามาลงกับชุดเจ้าสาวที่ใส่เพียง 3 ชั่วโมงแล้วพับเก็บเข้ากรุ)
- ไม่หาข้อมูลเตรียมไว้
เจ้าสาวหลายคนคิดแค่ว่าอยากใส่ชุดแต่งงานทรงไหนเพียงอย่างเดียว ขอบอกเลยว่าข้อมูลแค่นี้ยังไม่พอนะจ้ะ คุณควรจัดเตรียมข้อมูลอื่นๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะข้อมูลของร้านชุดแต่งงานที่จะพุ่งตัวไปว่าเล็งร้านไหนไว้บ้าง ร้านอยู่ตรงไหน ไกลหรือเปล่า มีชุดแต่งงานในแบบที่ชอบไหม แล้วร้านนี้ถนัดชุดไทยหรือสากล รวมถึงข้อมูลของดีไซเนอร์ที่ร้านหรือดีไซเนอร์คนไหนที่ฝีมือถูกจริต หรือแม้แต่เรื่องหน้าผมที่จะทำให้วันงานก็ต้องมีไว้ด้วน
- มุ่งมั่นกับแบบชุดแค่แบบเดียว
การมุ่งมั่นอยู่กับชุดแต่งานแค่แบบเดียวคือการปิดกั้นตัวเองจากชุดอื่นๆ ที่อาจจะเหมาะกับตัวคุณมากกว่าแบบชุดที่ฝันไว้ การมีความชอบในชุดแบบไหน ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่บางทีชุดที่คุณชอบเมื่อใส่ไปแล้วอาจไม่ใช่ชุดที่เกิดมาเพื่อคุณก็เป็นได้ ฉะนั้นเปิดใจให้กว้าง รับคำแนะนำจากทางร้านเพื่อเปิดโอกาสให้คุณได้เจอชุดที่นอกจากจะใช่แล้วยังเข้ากันได้ดีกับรูปร่างของคุณด้วย
- ไม่นัดหมายล่วงหน้า
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ขอเถอะว่าอย่าได้ทำ อย่าได้ประมาท เพราะคำว่าเสียเที่ยวจะเกิดขึ้นทันที การที่คุณมีร้านในใจ ไม่ได้แปลว่าจะมีคนที่รู้งานดูแลคุณเสมอไป เพราะมีถมไปที่พอไปถึงที่ร้านแล้ว มีแค่เด็กเฝ้าร้านที่มีความรู้เพียงว่า ชุดแต่ละแบบมีวิธีสวมแบบไหน แต่ไม่สามารถให้คำแนะนำที่ดีได้ หรือบางรายเมื่อเจอปัญหาหนักๆ จากสรีระที่ไม่สมบูรณ์แบบของว่าที่เจ้าสาวแล้วเกิดอาการมึนมาก ตอบไม่ได้ พูดเพียงว่าเดี๋ยวต้องเข้ามาอีกทีจะดีกว่าหรือรอพี่เจ้าของร้านมาก่อนไหมคะ แบบนั้นเสียเวลาและเสียอารมณ์มากจริงไหม
- วางแผนกินซะพุงกาง
ประเด็นนี้เกิดขึ้นจริงๆ กับว่าที่เจ้าสาวที่คิดผิดว่ากินให้เต็มไว้ก่อน พุงจะได้ขยายแบบธรรมชาติๆ เวลาช่างวัดตัวตัดชุดก็จะได้รู้ว่า วันงานพ่อกินอิ่มแล้วพุงขยายประมาณนี้ใส่ชุดไปไม่อึดอัดชัวร์ ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่คิดใหม่นะคะ เพราะนอกจากชุดที่ตัดออกมาจะแลดูไม่สวยแล้ว เราอยากให้ลองคิดในมุมว่าถ้าช่วงก่อนวันงานน้ำหนักลงล่ะ ทีนี้ต้องแก้ชุดซ้ำไปมาวุ่นวายไปอีก
- เมาปลิ้น นอนไม่พอในคืนก่อนเข้าร้านชุด
แม้รุ่งขึ้นจะยังไม่ใช่วันงานแต่งงานจริงๆ ก็ตาม แต่การไปพบร้านชุดแต่งงานในสภาพที่สมองไม่โปร่งโล่งจะทำให้การตัดสินใจเลือกชุดพลาดไปได้ง่ายๆ เพราะคุณอาจมึนมากจนขี้เกียจคิด หรืออาจกลายเป็นเลือกชุดผ่านๆ ส่งๆ ไปก่อน รวมถึงการที่ใบหน้าทรุดโทรม จะทำให้เวลาส่องกระจกมองตัวเองในชุดแต่งงานดูแย่ดูไม่สวยดูไม่สดใส ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วชุดที่เลือกอาจจะดูดีดูเหมาะมากอยู่แล้วก็เป็นได้
- เชิญผู้ติดตามแก๊งใหญ่มาร่วมช้อป
เข้าใจค่ะว่า การเข้าร้านชุดแต่งงานของว่าที่เจ้าสาวมักต้องการผู้ช่วยที่จริงใจ ให้คอมเม้นท์ที่ตรงไปตรงมาและเป็นคนที่รู้จักตัวคุณไม่ต่างจากคุณรู้จักตัวเอง แต่การขนกันไปเป็นโขยงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะอย่าลืมว่า 8 คน 8 คอมเม้นท์ แต่ชุดแต่งงานมีชุดเดียว แล้วทีนี้จะฟังใคร เกิดเชื่อคนนี้ ไม่เชื่อคนนั้น ทีนี้ก็เกิดวิวาทและมีอาการงอนกันแน่นอน ฉะนั้นถ้าคุณคือเจ้าสาวเพื่อนเยอะ เราขอแนะนำให้คัดเอาแบบเพื่อนคนที่เรียกว่าเป็นสุดยอดแห่งความรู้ใจ รู้จริงไปสักคนสองคนก็พอ แล้วรับรองว่าการช้อปชุดแต่งงานของคุณจะง่ายขึ้นเยอะ
- อัดแน่นนัดสารพัดร้านในวันเดียว
เรื่องสุดท้ายที่ขอบอกว่า อย่าทำเด็ดขาดคือการอัดแน่นการนัดหมายร้านชุดแต่งงานในหนึ่งวันหลายๆ ร้าน เพราะรู้ไว้เลยนะคะว่าการเข้าไปที่ร้านชุดแต่งงานคุณจะต้องเวลาอย่างต่ำๆ เป็น 1-1.30 ชั่วโมง แน่นอน เริ่มตั้งแต่เข้าไปนั่งคุยบอกเล่าความต้องการให้ที่ร้านได้รับรู้ การพิจารณาราคาในเบื้องต้น ไหนจะเวลาลองชุดที่เหมาะ และกว่าจะเจอชุดที่น่าจะใช่ ซึ่งไม่ได้ลองแค่ชุดสองชุดจบแน่นอน ฉะนั้น การนัดหมายร้านชุดเจ้าสาวในหนึ่งวันเต็มที่ 2 ร้านก็เกินพอ เพื่อคุณจะได้ร้านที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและตรงใจจริงๆ
ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!