ลูกหลานชาวจีนต้องรู้ .. ที่มาชุดแต่งงานสีมงคลของบ่าวสาวจีน

เมื่อพูดถึงชุดแต่งงาน คนส่วนใหญ่จะต้องนึกถึงชุดสีขาวสะอาดที่แสดงถึงความบริสุทธิ์กันอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน ทำไม ชุดแต่งงานสีมงคล ของลูกหลานชาวจีนถึงใช้สีแดงไม่ใช้สีขาว เรามาดูกัน

สาเหตุที่ชุดเจ้าสาวจีนใช้ สีแดง หรือ สีชมพู แต่ไม่ใช้สีขาวมาเป้นชุดเจ้าสาวแสนสวย ในวันแต่งงาน  เนื่องจากว่า ในวัฒนธรรมจีนเชื่อกันว่า สีขาว เป็นสีที่เกี่ยวกับความตายและงานศพ จึงนิยมใช้สีขาวในงานอวมงคลเป็นส่วนใหญ่

ส่วนทำไมคนจีนถึงใช้ ชุดเจ้าสาวสีแดง หรือชุดหมั้นสีชมพู เนื่องจากเชื่อกันว่า สีแดง เป็นสีที่มงคล แสดงถึงความกล้าหาญ ความจงรักภักดี ความสำเร็จ โชคลาภ และความโชคดี ซึ่งเจ้าสาวจะใส่ชุดสีแดงในช่วงพิธีรับตัวเจ้าสาว พร้อมกับปักปิ่นที่มีคำว่า หยู่อี่ แปลว่าสมหวัง กับ กิ่งทับทิม แปลว่า สาวบริสุทธิ์ ด้วยเชื่อกันว่า จะทำให้คนรักใคร่เอ็นดู ทั้งนี้ รวมไปถึง ให้ครอบครัวของฝ่ายชาย เอ็นดู รักใคร่ ประหนึ่งคนในครอบครัวอีกด้วย

ในปัจจุบัน ได้มีเจ้าสาวหลายๆ คน นิยมใช้ชุดแต่งงานที่มีสีทอง หรือชุดสีแดง ประดับลายสีทองกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นสีที่แสดงถึง ความมั่งคั่ง ความสนุกสนาน และ ความโชคดี  อีกทั้งเมื่อนำสีทั้งสองมาจับคู่กัน ก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของชายหญิงอีกด้วย หรืออาจประดับลวดลายหงส์และมังกรสีทองลงบนชุดสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมดุลของพลังเพศชายและเพศหญิงก็ได้

สำหรับเจ้าบ่าวนอกจากจะนิยมสวมชุดสูทสากลสีสุภาพอย่างสีดำ สีกรม และสีเทา แล้ว นิยมเพิ่มรายละเอียด และใส่ลูกเล่นบริเวณเนคไท และผ้าเช็ดหน้าด้วยสีมงคลแล้ว ยังสามารถเลือกสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีแดง ดำ และสีขาว พร้อมประดับลวดลายมังกร อันเป็นตัวแทนของพลังและเป็นที่เคารพนับถือได้เช่นกัน

นอกจากนี้ไม่ได้มีแค่ชาวจีนเท่านั้นที่เชื่อ ยังมีคนอินเดีย คนเวียดนาม และคนไต้หวันที่เชื่อว่าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและเป็นมงคลเช่นกัน รู้อย่างนี้แล้วบ่าวสาวชาวไทยเชื่อสายจีน อย่าลืม เลือกชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสีมงคลอย่างที่เราแนะนำนะจ๊ะ รับรองว่ามีแต่เฮงกับเฮง

Read More : ผังที่นั่งงานแต่งพิธีจีน จัดง่ายไม่สับสน

เรียบเรียงและแปลข้อมูลจาก : www.marryjim.com, chinese.983invitation.com, iml.jou.ufl.edu
ภาพประกอบจาก : Vin Buddy

4 ข้อว่าที่เจ้าสาวต้องจำให้ขึ้นใจห้ามหลุดเมื่อถึงเวลาลองชุดแต่งงาน

การ ลองชุดแต่งงาน สำหรับว่าที่เจ้าสาวก็เหมือนการจำลองสถานการณ์ของวันจริงที่คุณต้องอยู่ในชุดนั้นๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง ดังนั้นคุณจึงควรเตรียมตัว และเตรียมของจำเป็นให้เหมือนวันจริงมากที่สุด เพราะมีหลายสิ่งที่บรรดาว่าที่เจ้าสาวมักลืมเมื่อไปถึงที่ร้านลองชุด วันนี้ แพรว wedding เลยลิสต์มาเตือนกันไว้ก่อน ถึงวันไปลองชุดทุกอย่างจะได้ราบรื่นอยู่ในการคอนโทรลนะคะ

รองเท้า

ลองชุดทุกครั้งควรสวมรองเท้าส้นสูงคู่ที่จะใส่สำหรับวันงานไปพร้อมกันนะคะ ทั้งคุรและดีไซเนอร์จะได้ดูว่าชุดนั้นคลุมรองเท้าหรือไม่ เพราะหากต้องแก้ไขไม่ว่าจะชุดสั้นหรือยาวไปก็จะได้จัดการได้อย่างทันท่วงที

ชุดกระชับสัดส่วน

คงไม่มีเจ้าสาวคนไหนอยากให้เนื้อดูปลิ้น หรือมีส่วนเกินออกมาใช่ไหมล่ะคะ นี่คือเหตุผลที่เราว่าคุณต้องเตรียมชุดกระชับสัดส่วนเอาไว้ด้วย เพราะถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญเลยทีเดียว โดยเฉพาะเจ้าสาวที่เลือกชุดแนวรัดรูปที่ต้องการความเป๊ะยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการเก็บสัดส่วนให้ดูดีที่สุดใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นเตรียมไว้ย่อมอุนใจกว่าแน่นอนค่ะ

สวมชุดให้เรียบร้อยเหมือนวันงาน

ชุดเจ้าสาวบางแบบที่เป็นแบบคอร์เซ็ตนั้นควรดึงเชือกให้พอดีไม่หลวมหรือไม่แน่นจนเกินไป ใส่ให้เสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอนเหมือนกับวันงานไปเลยจะดีที่สุด เพราะชุดที่สวมใส่แบบหลวมๆ ย่นๆ แค่ส่งๆไปจะทำให้เราไม่เห็นสัดส่วนที่แท้จริงนะคะ

ลองชุดจนลืมเรื่องค่าใช้จ่าย

ข้อสุดท้ายที่สำคัญสุดๆคือ อย่าลืมคำนึงถึงงบประมาณสำหรับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ชุดที่แพงกว่าจะดูสวยกว่าก็จงอย่าวอกแวก นิ่งเข้าไว้เพราะมันจะกระทบต่อค่าใช้จ่ายส่วนอื่นได้ และต้องมานอนก่ายหน้าผากเครียดเอาทีหลังซึ่งไม่คุ้มเลยจริงๆ

>> ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับชุดแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

cr : montenr.com

ฮวงจุ้ยเสริมรัก กับความเชื่อและเคล็ดลับการตกแต่งเรือนหอให้เวิร์ก

เพื่อความสุขสมหวังของคนรักกัน แพรว wedding จะมาแนะการแต่งเรือนหอให้ชีวิตคู่มีแต่สดชื่อสดใสแฮปปี้ดี๊ด๊า ให้ฮวงจุ้ยที่ว่าเป็น ฮวงจุ้ยเสริมรัก ของคุณทั้งคู่ ไปดูกันเลยค่ะว่ามีทริกอย่างไรบ้าง

ภาพคู่เสริมพลังบวก

“ในทางฮวงจุ้ยรูปภาพช่วยเปลี่ยนพลังของบ้าน ดังนั้นภาพคู่ที่ดูอบอุ่นไม่ควรจะอยู่แต่ในอัลบั้มหรือในโซเชียลมีเดียอวดคนอื่นๆ ควรหาที่แขวนรูปในบ้านที่สามารถเปลี่ยนภาพได้สะดวก เพราะความรักต้องมีการพัฒนา มุมมองเราก็เปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา ดังนั้นรูปภาพก็ควรจะสะท้อนความรักที่เป็นปัจจุบัน เช่น ไปเที่ยวด้วยกันกลับมาก็อัดภาพแขวนไว้ จะทำให้มีพลังใหม่ๆ เกิดขึ้น

“โดยเฉพาะรูปที่เปลี่ยนได้จะดีมากในทางฮวงจุ้ย อาจหาแท็ปเลตเก่าๆ มาทำกรอบรูปดิจิตัลแล้วให้รูปเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เวลาเราเห็นรูปที่ไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเมื่อปีก่อนก็อาจจะอยากไปกันอีก เหมือนเป็นการช่วยสร้างความรู้สึกบวกในความรัก”

เธอ + ฉัน = เรา

“ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างสีหรือสไตล์การตกแต่ง ถ้าตามศัพท์วัยรุ่นก็ต้องบอกว่าเอาที่สบายใจ แต่อยากให้เป็นการตัดสินใจร่วมกัน สังเกตว่าคู่รักจะทะเลาะกันตอนทำบ้านใหม่กับแต่งงาน ตรงนี้เป็นการพิสูจน์ว่าพอต้องมาทำอะไรร่วมกันแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าชอบไม่เหมือนกันแนะนำให้เอาตรงที่ต่างคนต่างชอบไปอยู่ในมุมของตัวเอง เช่น ห้องแต่งตัว โต๊ะทำงาน ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องมีเพื่อที่เราจะมีพลังของตัวเอง แต่ส่วนกลางควรเลือกที่รู้สึกสบายใจทั้งสองฝ่าย”

ของต้องห้ามในเรือนหอ

“ความจริงไม่มีอะไรที่ต้องห้ามเป็นพิเศษ แต่ของที่ดูแล้วไม่เป็นมงคล เช่น อาวุธ ของมีคม ดาบที่ไม่อยู่ในฝัก ปืน เขาสัตว์ ก็ไม่แนะนำ นอกจากนี้ก็จะเป็นของที่แสดงถึงความชอบของคนคนเดียว

“คนที่ชอบประดับสัญลักษณ์ปีนักษัตรก็ต้องระวัง เช่น คนเกิดปีหนูที่ชอบตั้งรูปหนูตามจุดต่างๆ ของบ้าน ถ้าเกิดปีนั้นเป็นปีม้าก็จะชงกัน ต้องคอยเก็บออก อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย ถ้ารักสัตว์อาจเลือกเป็นสัตว์อื่นๆ เช่น ยีราฟ จะดีกว่า”

>> ติดตามเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่รักเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ unsplash.com

ใส่ไอเดียแสนหวานให้ธีมงานแต่งสีพาสเทลมุ้งมิ้งในธีมสีชมพู-เขียวมินท์อ่อน

ธีมคู่สีที่เราจะนำเสนอในวันนี้ บอกเลยว่าหวานละมุน พาสเทลมุ้งมิ้งถูกใจสาวๆ แต่ก็ไม่ทิ้งลายความหรูหราตามแบบฉบับของงานแต่งงานกับ ธีมงานแต่งสีพาสเทล สุดหวานตามนี้เลย

้่่้ธีมงานแต่งสีพาสเทล

สีที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือ สีเขียวและชมพู เพิ่มเติมกิมมิคคือ เขียวอ่อนออกมินท์ และชมพูพีชสุดละมุน เพิ่มเติมความหรูหราด้วยสีทองสุดหรูหรา

บ่าวสาว

ธีมงานแต่งสีพาสเทล

งานนี้คุณเจ้าสาวแอนด์เดอะแก๊งค์ ได้ถูกใจแน่ๆ ด้วยสีพาสเทล ไม่ว่าจะเป็นเขียวมิ้นท์และชมพูอ่อนๆ ส่วนทรงผมก็จัดเต็มมาเลยจ้า จะมงกุฎดอกไม้หรือจะใช้ดอกไม้แซมเป็นหย่อมๆ แบบเทพธิดาน้อยๆ ส่วนเครื่องประดับบอกเลยว่ามุ้งมิ้งถูกจริตสาวๆ แถมราคาไม่แรงด้วยเพราะเราขอแนะนำพลอยสีหวานๆ

คุณเจ้าบ่าวไม่ต้องกลัวสีหวานจะทำร้ายลุคหนุ่มหล่อ เพราะเราว่าคุณใส่สูทโทนสีเทาๆ ไม่เข้ม ไม่อ่อน แล้วเพิ่มเติมด้วยไทสีอ่อน ช่อบูโทเนียร์สีหวาน ก็เป็นการคอมพลีทลุคที่เข้ากับธีมงานแล้ว

ดอกไม้บูเกต์

ธีมงานแต่งสีพาสเทล

เป็นการเข้าช่อดอกไม้ที่ทั้งสวยหวานและละมุนมาก ด้วยดอกไม้โทนสีชมพูพีชอมส้ม เข้าคู่กับใบไม้ทรงสวยๆ หรือจะเป็นแคตตัสสีเขียวหม่นอมเทาก็ทำให้ดูแปลกใหม่

เค้ก

ธีมงานแต่งสีพาสเทล

งานนี้เค้กสีหวานก็มา แถมยังประดับด้วยดอกไม้สีสวย เพิ่มเติมกิมมิคด้วยสีทองช่วยดับความหวานของเค้กให้ดูหรูหราอลังการ หรือถ้าเบื่อเค้กแล้ว มาการอง ก็จับคู่สีได้สวยมั่กๆ

การตกแต่ง

ธีมงานแต่งสีพาสเทล

บอกเลยว่าโทนนี้จัดได้หลายทางมาก ทั้งหวานมุ้งมิ้งดุจดั่งเทพนิยายด้วยสีพีชทองแล้วหยอดสีเขียวเพิ่มเติม หรือจะเป็นรัสติคหวานๆ ใช้ใบไม้เป็นวัสดุหลัก และเพิ่มเติมความหวานด้วยดอกไม้

เป็นยังไงบ้างค่ะ โทนสีนี้ถูกใจสาวๆ กันใช่ไหมค่ะ ส่วนหนุ่มๆ ก็อย่าเพิ่มน้อยใจไป เรายังมีโทนสีอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบเลย ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติม >> คลิกเลย <<

6 ไอเดียเก๋ๆ ให้บ่าวสาวเนรมิตงานแต่งเอาท์ดอร์ง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง

หากเปิดโหวตงานแต่งในฝันของสาวๆ หลายคน แพรว wedding เชื่อว่า งานแต่งเอาท์ดอร์ ต้องติดโผเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่บ่าวสาวหลายคู่ต้องพับโครงการกันไป เพราะกังวลใจกับการจัดงานแต่งสไตล์นี้ หากไม่รู้จะเริ่มอย่างไรหรือยังหาไอเดียไม่ได้ ลองมาดูหลากหลายไอเดียเก๋เนรมิตงานแต่งสไตล์เอาท์ดอร์ ทำเองได้ที่เรานำมาฝากในวันนี้กันเลยค่ะ

 

1. เลือกตกแต่งซุ้มเวทีหรือซุ้มเค้กด้วยผ้า ให้บรรยากาศสบายๆ ไม่เป็นทางการมากจนเกินไป

งานแต่งเอาท์ดอร์

2. ป้ายบอกทางที่ทำด้วยไม้ ให้ความรู้สึกเรียบง่าย สไตล์วินเทจ ได้ประโยชน์แบบทูอินวัน ทั้งบอกทางแขกเหรื่อและเป็นพร็อปส์ตกแต่งแสนเก๋

งานแต่งเอาท์ดอร์

3. ริบบิ้นหลากสีสันที่พลิ้วไหวในบรรยากาศลมพัดเย็นสบาย ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี

งานแต่งเอาท์ดอร์

4. สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับงานแต่งเอ๊าท์ดอร์ยามค่ำคืน คือแสงไฟสลัวๆ หรือแสงเทียน ที่นอกจากจะช่วยให้แสงสว่างแล้วยังช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกได้ดีอีกด้วย

http://www.marryinglaterinlife.com

5. ลูกโป่งสีสันน่ารัก ช่วยสร้างบรรยากาศสดใส ย้อนวัย อาจใช้ตกแต่งในงาน หรือเป็นไอเท็มให้เพื่อนบ่าวสาวถือ ก็เก๋ไม่เบานะคะ

งานแต่งเอาท์ดอร์

6. หากจัดงานแต่งในสวน อย่าปล่อยให้ต้นไม้ต้องเหงาเดียวดาย เนรมิตต้นไม้โดยรอบให้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับงานแต่งของคุณโดยการตกแต่งด้วยดอกไม้ ไฟประดับ โคมสีสันสดใส ป้ายข้อความสุดประทับใจ หรือรูปพรีเวดดิ้ง นอกจากจะน่ารักโดนใจแล้วยังถือเป็นไอเดียประหยัดงบประมาณการตกแต่งสถานที่ที่เจ๋งสุดๆ อีกด้วย

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ pinterest

เคล็ดลับปรับลุคออกงานสำหรับผู้ชาย เช็คด้วยตัวเองก็ได้ง่ายนิดเดียว

ลุคออกงานสำหรับผู้ชาย กับการแต่งสูทให้หล่อเนี้ยบ

เมื่อแฟนหนุ่ม หรือสามีต้องออกงานสังคมจะปล่อยให้สวมแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คคงไม่ไหว ถึงเวลาที่แฟนสาว (ที่กำลังจะเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคต) หรือศรีภรรยาต้องทำหน้าที่เป็นกระจกคอยเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ด้วยการดูแลหวานใจให้หล่อทุกมุม เป๊ะทุกองศาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยเคล็ดลับ ลุคออกงานสำหรับผู้ชาย ที่แพรว wedding นำมาฝาก

  • เช็กให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้างานว่าคอปกเสื้อของสูทแนบสนิทดีกับเสื้อเชิ้ตและควรให้ปกเสื้อสูทอยู่ต่ำกว่าขอบคอปกเสื้อเชิ้ตประมาณ 1 นิ้ว
  • ปลายแขนเสื้อสูทควรอยู่บริเวณข้อมือ โดยมีปลายแขนเสื้อเชิ้ตแลบออกมาประมาณครึ่งนิ้ว
  • หากไปงานที่ไม่เป็นทางการมากนัก ลองเปลี่ยนมาสวมเสื้อสูทแบบกระดุมเม็ดเดียวก็ดูอินเทรนด์ไม่น้อย แต่ถ้าต้องการความเป็นทางการต้องเป็นเสื้อสูทกระดุม 2 เม็ดจะเนี้ยบกว่า
  • การกลัดกระดุมเสื้อสูทก็ต้องเป๊ะ หากเป็นเสื้อสูทกระดุม 4 เม็ดให้ติด 2 เม็ดกลาง, เสื้อสูทกระดุม 3 เม็ดให้ติดแค่ 2 เม็ดบน เหลือเม็ดสุดท้ายไว้เพื่อให้สะดวกต่อการเคลื่อนไหว แต่สำหรับสูทกระดุม 2 เม็ดควรติดกระดุมให้ครบทุกเม็ด

ลุคออกงานสำหรับผู้ชาย

และถ้าหากมีเวลาไปเดินช้อปปิ้งสูทตัวใหม่ ลองเปลี่ยนจากสไตล์ Men in Black มาเป็นหนุ่มแคชชวลด้วยการเลือกสูทที่มีสีสัน เช่น สูทสีถ่าน สีเทา สีกรมท่า หรือสีน้ำตาล แต่อย่าไปคว้าสีแดง เขียว เหลือง มาเป็นอันขาดเพราะอาจจะกลายเป็นพนักงานร้านอะไรสักอย่างแบบไม่รู้ตัว และถ้าอยากเพิ่มลูกเล่นให้กับลุค ลองหยิบสูทลายขวางเป็นเส้นเล็กๆ มาลองสักชุด คุณอาจพบว่าใส่แล้วเหมาะก็ได้ ^^

แล้วอย่าลืมการมิกซ์แอนด์แมตช์ปกสูทกับแอคเซศซอรี่ด้วยน้า อ่านเลย >> 10 แบบปกคอเสื้อคุณผู้ชายกับการแมตช์แอคเซสซอรี่ยังไงให้ลงตัว

ภาพจาก www.pexels.com, pinterest.coma a a a a a a a a a a a a

ไม่ใช่สีชมพูก็หวานได้ กับ 10 ธีมสีงานแต่งงานหวานแหววสุดโรแมนติก

เบื่อกันไหมกับ ธีมสีงานแต่งงาน สีชมพูสุดหวานแหวว ซึ่งถ้าคุณกำลังตามหาสีอื่นๆ ที่มาให้ความหวานโรแมนติกในวันงาน แพรว wedding หามานำเสนอแล้ว กับไอเดียสีหวาน 10 สีที่ไม่มีสีชมพูมาเอี่ยว มาเริ่มที่สีแรกกันเลยค่ะ

Soft Gray

หวานได้ด้วยสีเทาอ่อนและการจัดเซ็นเตอร์พีชทรงสูงด้วยไม้ใบแบบนี้ ให้ความรู้สึกเป็นงานแต่งงานที่ใส่ไอเดียไม่ซ้ำใครแถมยังได้อารมณ์สดชื่นและโปร่งสบาย

Peach

เลี่ยงสีสุดฮิตอย่างสีชมพูด้วยการหันมาใช้บริการสีพีชที่ให้ความส้มอ่อนๆ และแซมใส่ด้วยสีเหลืองคู่กับสีขาวกับดอกไม้สวยๆ ที่คู่ควรกับเจ้าสาวแบบคุณ

Sea Glass

งานแต่งงานริมทะเลสุดโรแมนติกด้วยสีฟ้าน้ำทะเลในหลายเฉดที่ให้ทั้งความรู้สึกผ่อนคลายและแสนเข้ากันกับงานแต่งงานในฝันของคุณ 

White & Beige

อ่อนหวานและให้ความละมุนแบบบวกๆ กับการจับคู่สีนุ่มๆ ของสีขาวและสีเบจ ถ้าจะให้ดีและดูมีความเป็นธรรมชาติ ต้องไม่ลืมใส่ดอกไม้แห้งสีน้ำตาลลงไปด้วย

Gentle Blue

สีฟ้าอ่อนๆ ถึงอ่อนมากจับคู่กับเก้าอี้สีขาวและตั้งไว้ในงานแต่งงานเอาทดอร์ รับรองว่าความฟ้านี้จะช่วยเพิ่มความสดใสให้งานแต่งงานภายใต้ท้องฟ้าสีครามอย่างแน่นอน

Muted Orange

ใส่สีส้มให้กับเซ็นเตอร์พีชของงานด้วยการเลือกใช้ผลส้มและลูกพีช ตัดด้วยใบ้ไม้สีเขียวบนโต๊ะไม้ในงานแต่งสไตล์รัสติค

Gray & Marigold

อย่าคิดว่าสีเทาคือความหม่นหมอง ของแบบนี้อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกให้สีเทาอยู่คู่กับอะไร อย่างครั้งนี้คือเทาคู่กับส้มทองที่แซมด้วยสีเหลืองสุดสดใส ให้ความรู้สึกถึงครอบครัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว

Green & White

สีขาวเขียวยังคงเป็นสีสุดฮิตและอมตะนิรันดร์กาล เพราะจับคู่เข้ากันได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากใส่กิมมิคลงไป ลองเอาใบโคลเวอร์มาเป็นอินสไปเรชั่นดูสิคะ

Lavender

เมื่อก่อนคนไทยบอกว่า สีม่วงคือสีแม่ม่าย แต่ตอนนี้สีม่วงคือสียอดฮิตที่ช่วยนำมาซึ่งความสงบ เยือกเย็น แต่แฝงไว้ด้วยความหรูหรา

Soft Yellow 

ไม่มีอะไรที่จะนำความรู้สึกของความสุขได้มากกว่าสีเหลือง และนี่จะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำให้แขกของคุณรู้สึกสดชื่นตามไปกับสตอรี่เลิฟของคุณ ยิ่งถ้าเติมแต่งด้วยคำศัพท์น่ารักๆ หรือประโยครักๆ โดนใจลงไปในงานแต่งแบบนี้ รับรองว่าอินกันทั้งงาน

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 10 สีที่ให้ความหวานในงานไม่แพ้สีชมพู ลองเลือกใช้สีที่เหมาะกับคุณดูนะคะ เราเชื่อว่างานแต่งของคุณจะออกมาดูดีและหวานมากไม่แพ้งานไหนๆ แน่นอนค่ะ

>> ดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย <<

5 เรื่องเช็กให้ชัวร์ก่อนแต่ง ช่วยถนอมชีวิตหลังแต่งงานให้ราบรื่น

แน่นอนค่ะว่าการแต่งงานคือจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ แต่สิ่งสำคัญก็คือ หลังจากวันวิวาห์ผ่านพ้นไปจะประคอง ชีวิตหลังแต่งงาน อย่างไรให้ราบรื่นและมีความสุข เรามีเคล็ดไม่ลับสำหรับชีวิตคู่มาฝากคู่รักที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงานค่ะ

1. ดูให้แน่ใจว่าคุณรู้จักคนรักดีพอ ก่อนจะตอบตกลงแต่งงาน

สิ่งสำคัญของการแต่งงานไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณแต่งงานเร็วหรือช้า แต่อยู่ที่ว่าระหว่างที่คุณและคนรักคบกันได้เรียนรู้อะไรของกันและกันบ้าง เขาเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พูดง่ายๆ ก็คือ “คุณรู้จักเขาดีแค่ไหน” เพราะการแต่งงานคือการใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่หวังว่าแต่งไปแล้วเขาจะเปลี่ยนตัวเองในแบบที่คุณต้องการ ถ้าคุณคิดแบบนี้ก็เตรียมรับมือกับเรื่องปวดหัวหลังชีวิตคู่เริ่มต้นได้เลย

2. แต่งงานกับคนที่มีอะไรคล้ายกัน

เรามักจะได้ยินว่า “เหมือนกันเกินไป” มักจะไปด้วยกันไม่ได้ ซึ่งแพรวเวดดิ้งว่ามันก็จริงนะคะ แต่ถ้าจะให้แต่งงานกับคนที่ “ต่างกันเกินไป” ก็คงไปไม่รอดอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ถ้าเพียงแค่คุณฟังเพลงคนละแนว ชอบดูหนังคนประเภท ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคู่จะล้มเหลวนะคะ สิ่งที่คุณควรจะโฟกัสให้มีคล้ายกันหรือเหมือนกันก็คือ มุมมองการใช้ชีวิต การใช้เงิน การมีลูก และแผนการในอนาคต เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตคู่ ต่างกันนิดหน่อยในเรื่องไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตก็พอไหว แต่เรื่องสำคัญๆ ขอให้คิดไปในทางเดียวกัน ขาเตียงจะได้ไม่หักภายหลัง

3. การสื่อสาร พูดคุย เป็นสิ่งสำคัญ

การหันหน้าเข้าหากันและพูดคุยกันคือเรื่องสำคัญในชีวิตคู่นะคะ หลายครั้งที่คู่ชีวิตต้องเผชิญปัญหาต่างๆ มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ปัญหาคลี่คลายไปได้คือการ “เปิดใจคุยกัน” ช่วยกันคิดหาหนทางแก้ไข ลดทิฐิของตัวเองลงบ้าง แล้วชีวิตคู่ก็จะราบรื่น

4. การแต่งงานคือพันธะสัญญาระหว่างกัน

ขอให้คุณจำไว้ว่าการแต่งงานคือการสร้างพันธะสัญญาสำคัญระหว่างกันและกัน การอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายหรือดี อย่างที่เขาว่ามีสุขร่วมสุข มีความทุกข์ให้ช่วยกันแก้ไข ลองค่อยๆ คิดหาหนทางกันไป ฮีบินเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกค่ะ บางคนอาจคิดว่าการเซ็นใบหย่าคือทางออกที่ดีที่สุดเมื่อพบเจอกับปัญหา แต่ขอให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายแล้วกันนะคะ

5. เราคือทีมเดียวกัน

ช่วงระยะเวลาที่คุณตอบตกลงแต่งงานของให้คุณจำไว้ว่า คุณได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะดีหรือร้ายก็เป็นความรับผิดชอบของคุณทั้งคู่ ถ้าใครคนหนึ่งผิดพลาด ไม่ควรโยนความผิดไปมา เพราะการอยู่เคียงข้างกัน ให้กำลังใจกัน ช่วยเหลือกันจะทำให้คุณเรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณแข็งแรงขึ้นด้วย

5 ข้อที่บอกไปนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนรักกันนะคะ ลองนำไปหรับใช้กับชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้น รับรองว่าความรักจะราบรื่น แข็งแรง ไม่แตกหักง่ายๆ แน่นอน

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

ข้อมูล : www.cheatsheet.com

10 วิธีง้อแฟนให้เธอยอมใจอ่อนแบบง่ายๆ รับรองสำเร็จภายใน 1 วัน

คนรักกันก็ต้องมีบ้างที่กระทบกระทั่งกันจนเกิดอาการพ่อแง่แม่งอน แต่ถ้าคนหนึ่งงอนอีกคนก็ต้องง้อสิคะ แต่จะง้อยังไงให้เขาหรือเธอยอมใจอ่อน เรามีคำแนะนำมาฝากกันกับ 10 วิธีง้อแฟน หากตอนนี้แฟนคุณกำลังงอนตุ๊บป่องอยู่ล่ะก็ ลองเลือกไปใช้ดูสักมุกนะคะ

1. ของขวัญแทนคำขอโทษ

คำขอโทษที่มาพร้อมกับของขวัญถูกใจสักชิ้นน่าจะทำให้เขาหรือเธอใจอ่อนได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณก็ต้องรู้นะคะว่าเขาหรือเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะถ้าของขวัญไม่ถูกใจอาจจะกลายเป็นความแป้กไปเลยก็ได้

2. ง้อด้วยดอกไม้

ผู้หญิงส่วนมากชื่นชอบความสวยงามของดอกไม้ค่ะ ยิ่งถ้าเธอได้รับดอกไม้ที่ชอบพร้อมคำขอโทษอย่างจริงใจสถานการณ์ขุ่นมัวของเธอจะดีขึ้นจนหายสนิทแน่นอน  แต่บอกไว้เลยนะคะว่า ใครที่คิดว่าวิธีนี้เหมาะสำหรับให้หนุ่มๆ นำไปใช้ง้อสาวๆ เท่านั้น ขอให้คิดใหม่ค่ะ เพราะจริงๆ แล้ว การให้ดอกไม้หนุ่มข้างกายเพื่อแทนคำขอโทษก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะดอกไม้ที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนจะช่วยขัดเกลาให้ใจเขาอ่อนยวบก็เป็นได้

3. มอบเพลงแทนใจ

ถ้าเขินอายที่จะง้อหรือขอโทษกันตรงๆ ใช้บทเพลงเป็นตัวช่วยสิคะ จะส่งเพลงที่มีความหมายตรงใจไปให้ฟังเฉยๆ ก็ได้ แต่ถ้ากลัวว่าจะธรรมดาเกินไปก็ร้องเองเล่นเองมันซะเลย จะอัดคลิปแล้วส่งไปให้ดูหรือร้องสดๆ ให้ฟังกันต่อหน้า ถ้าจะให้ดีเริดประเสริฐศรีจัดรีวิวประกอบเพลงไปด้วยเลย รับรองเวิร์คแน่

4. พาไปทานของอร่อย

วิธีนี้ต้องอาศัยการจดจำและใส่ใจรายละเอียด ต้องรู้ว่าเขาหรือเธอชอบทานอะไรและโปรดปรานร้านไหนเป็นพิเศษ ถึงยามเขาหรือเธอมีอาการงอนตุ๊บป่องเมื่อไหร่ จะได้งัดไม้นี้มาใช้แบบไม่พลาด แต่ค่ะแต่…ถ้าคนข้างกายของคุณกำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก จะใช้มุกนี้ต้องคิดก่อนให้จงหนัก โดยเลือกร้านที่ไม่ทำให้เธอพุงป่องน้ำหนักทะลุ ไม่งั้นจะกลายเป็นกริ้วกว่าเดิมไม่รู้ด้วยนะ

5. โชว์ฝีมือให้เธอชิม  

เบื่อแล้วมุกเข้าร้านอาหารพาไปง้องอน งั้นลองมาเช็คดูสิว่าคุณเป็นคนที่มีเสน่ห์ปลายจวักหรือเปล่า ถ้ามีจงงัดมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะอาหารจานโปรดของเขาหรือเธอจากฝีมือคุณ แสดงออกได้ถึงความตั้งอกตั้งใจและความใส่ใจที่คุณมี วิธีนี้จึงน่าจะทำให้เขาหรือเธอบรรเทาความโกรธลงได้ แต่ถ้าคุณคิดว่ารสมือไม่เสถียรหรือรสชาติไม่น่าลองแน่นอนก็ทอดแค่ไข่เจียวให้เขาทานก็ยังได้ เชื่อสิว่าเขาจะเห็นความพยายามของคุณอย่างแน่นอน

6. จัดทริปแสนสวีท

บางทีบรรยากาศเดิมๆ อาจไม่เป็นใจให้เขาหรือเธอหายโกรธ ลองพากันไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยทริปท่องเที่ยวแสนสวีทสิค่ะ จะเป็นภูเขาหรือทะเลก็เลือกกันตามใจชอบ เชื่อสิว่าบรรยากาศดีๆ จะช่วยประสานใจให้คืนดีกันได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าจัดสร้างโมเม้นต์สวีทขึ้นมาระหว่างทริปด้วยละก็ บรรยากาศแห่งความหวานชื่นหวนคืนมาเร็วอย่างแน่นอน

7. พาไปช้อปปิ้ง

วิธีนี้หนุ่มๆ ต้องรีบเมมโมรี่ไว้ เพราะรับประกันได้เลยว่าน่าจะได้ผลชะงัดนัก ถ้านำไปใช้ง้อคุณผู้หญิงขาช้อปทั้งหลาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แค่ประโยคที่ว่า “ไปช้อปปิ้งกันไหม” จะทำให้เจ้าหล่อนอารมณ์ดีขึ้นได้และหายงอนเป็นปลิดทิ้ง

8. ปล่อยมุกให้เธอยิ้ม  

ในช่วงเวลาวิกฤติที่เขาหรือเธอบึ้งตึงใส่ มุกตลกหรือมุกเสี่ยวทั้งหลายก็ใช้ได้ผลเหมือนกันนะคะ หยอดไปทีละมุกสองมุกให้อมยิ้ม พอเขาหรือเธอเริ่มผ่อนคลาย ก็จะเคลียร์กันได้ง่ายขึ้น (แต่ถ้าคุณทำผิดร้ายแรงวิธีนี้ก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลนะคะ)

9. ทำเซอร์ไพร้ส์

ถ้าลองมาสารพัดวิธีแล้วยังไม่สำเร็จ คงต้องงัดไม้เด็ดอย่างการทำเซอร์ไพร้ส์มาช่วยง้อแล้วล่ะ อาจต้องคิดสักนิดว่าอะไรที่จะทำให้เขาหรือเธอประหลาดใจได้บ้าง เช่น ทำในสิ่งที่คุณไม่เคยทำมาก่อน ซื้อของที่เขาหรือเธอไม่คิดว่าคุณจะซื้อให้

10. พูดตรงๆ ไปเลย

สุดท้ายเป็นวิธีง่ายๆ สไตล์แมนๆ ทำอะไรผิดไว้ก็ขอโทษกันไป ขอแค่ใส่ความจริงใจลงไปให้เกินร้อย อาจตบท้ายด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำผิดซ้ำอีก (อันนี้ต้องแน่ใจว่าสามารถทำได้จริงด้วยนะคะ) สำนึกผิดขนาดนี้ คงไม่มีใครใจร้ายใจดำโกรธกันนานๆ หรอก

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

แต่งงานอายุเท่าไหร่ ? สาวไป แก่ไป แต่งตอนนี้เร็วไปหรือช้าไปนะ

หลายคนมักจะมีคำถามว่า แต่งงานอายุเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม? ถ้าย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนก็คงตอบกันว่า 16-17 ปีกำลังเป็นวัยขบเผาะพอดี แต่พอมายุคสมัยนี้บางคนก็ว่า 25 ไหมละ ไม่ช้าไม่เร็ว ถ้าอย่างนั้นไปดูกันดีกว่าว่า หญิงชายเขาคิดจะแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่กันบ้าง

คำถามที่หลายคนสงสัย แต่งงานอายุเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม?

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by freestocks on Unsplash

สาวใส 20-23 ปี : รักวัยรุ่น โลกนี้ยังสีชมพู

อย่างที่รู้ๆ กันว่า หนุ่มสาวสมัยนี้บางคนก็ใจเร็วด่วนได้ อยากรีบแต่งงานกันไวๆ แต่สำหรับใครที่คิดจะแต่งงานในช่วงอายุเท่านี้ แพรวเวดดิ้งขอเตือนให้ระวังและคิดให้ดีๆ เพราะความสัมพันธ์ในช่วงวัยสะรุ่นแบบนี้ 99% มักจะรักร้าง เลิกรา อยู่กันไม่ยืด เนื่องจากมุมมองความรักของหนุ่มสาววัยนี้ยังมีความโลกสวยแบบในซีรี่ส์เกาหลี เพ้อฝันว่ารักฉันดีเป็นสีชมพู บางคนก็ยังไม่ทำงานทำการ บางคู่ยังเรียนไม่จบเสียด้วยซ้ำ พอแต่งงานกันไปแล้วอายุเพิ่มขึ้น ความคิดโตขึ้น ก็มักจะพบความจริงว่ารักที่เคยฝันไว้กลับกลายไม่เหมือนฝันซะแล้ว สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกรา เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบ รออีกสักปีสองปีค่อยคิดแต่งก็ยังทัน

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by Gift Habeshaw on Unsplash

าวพร้อม 25-30 ปี : ช่วงอายุพอดิบพอดี ใครๆ ก็แต่งกัน

ใครที่บ่มเพาะความรักจนเข้าขั้นมั่นใจว่าคนนี้ใช่แล้ว ช่วงอายุนี้แหละค่ะถึงเวลาที่คุณควรจะสละโสดเสียที (รอนานไปเดี๋ยวจะเฉา) ซึ่งอายุส่วนใหญ่ที่สาวๆ ตั้งเป้าไว้ก็จะอยู่ที่ 25-28 ปี เพราะช่วงนี้คุณจะเรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว ได้พบปะคนหลากหลายทำให้มีมุมมองและทัศนคติในเรื่องความรักและชีวิตครอบครัวที่สมเหตุสมผลมากขึ้น ไม่เพ้อฝันโลกสวยแบบตอนเด็กๆ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ร่างกายสมบูรณ์พร้อมผลิตทายาทเต็มที่ ใครที่ไม่โสดแล้วแพรวเวดดิ้งก็ขอบอกว่า แต่งงานเหอะ!

แต่งงานอายุเท่าไหร่
Photo by Gift Habeshaw on Unsplash

สาวใหญ่ 31-35 ปี : รักมาช้า แต่ก็ยังมาให้ได้แต่ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาวๆ หลายคนก็โสดจนอายุเหยียบเลข 3 เรียกได้ว่าเกือบจะไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้าย บางคนเรียนจบปริญญาโท ปริญญาเอกมาหลายปี มีชีวิตหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง พรั่งพร้อมทั้งฐานะและเงินทอง บางคนออกอาการเจ้าสาวกลัวฝน ความรู้เยอะสเป็กคู่ชีวิตก็สูงตาม อยากได้คนที่พร้อมจะรักและแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ หมดเวลาที่จะมาคุยกันเล่นๆ ข้อดีก็คือคนวัยนี้จะมีมุมมองความรักที่ชัดเจนมากขึ้น มีเหตุมีผล และวางแผนอนาคตครอบครัวได้ดี ส่วนเรื่องที่ต้องระวังก็คงเป็นเรื่องลูก เพราะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้าคิดจะมีลูกต้องปรึกษาคุณหมอและดูแลสุขภาพตัวเองมากเป็นพิเศษ

Photo by NATHAN MULLET on Unsplash

ผู้ชายเพียบพร้อม 30-35 ปี : ความจริงที่ผู้ชายคิดไว้

ถ้าคุณวิ่งไปถามผู้หญิงว่าอยากแต่งงานเมื่อไหร่ คำตอบก็จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงตามที่แพรวเวดดิ้งบอกไว้ข้างบน แต่ถ้าคุณถามผู้ชาย 80% มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า อายุ 30-35 ปี เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เพราะว่าผู้ชายจะติดภาพการเป็นหัวหน้าครอบครัว มีหน้าที่ต้องดูแลคนรักและลูกๆ ผู้ชายส่วนใหญ่จึงมองว่าควรจะสร้างเนื้อสร้างตัว และลงหลักปักฐานให้มั่นคงก่อนจะรับใครสักคนเข้ามาดูแล บางคนก็อยากบวชก่อนได้เบียด แต่กว่าจะหาเวลาปลีกตัวจากงานไปบวชได้ก็ 20 ปลายๆ เสียแล้ว ฮ่าๆ

จากความจริงข้อสุดท้ายของผู้ชาย แพรวเวดดิ้งก็เลยแอบคิดว่า ถ้าจะให้หญิงชายบาลานซ์กัน คุณผู้หญิงควรจะมีแฟนแก่กว่าตัวเองสัก 3-5 ปี ส่วนคุณผู้ชายก็ต้องหัดเคี้ยวหญ้าอ่อนกว่าตัวเองสัก 3-5 ปี แบบนี้ Demand และ Supply จะได้พอดีกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะ ความคิดความอ่าน และความรับผิดชอบในชีวิตของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะ

ภาพ : Unsplash.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

คิดก่อนใส่! กับ ชุดไปงานแต่งที่ขอร้องว่าอย่าได้ใส่ไปร่วมงานแต่งจะดีกว่า

เวลาได้รับเชิญไปงานแต่งงาน แขกทั้งหลายมักจะคิดๆๆๆ แล้วก็คิดว่าชุดแบบไหนที่ใส่แล้วสวยใส่แล้วเกิด ใส่แล้วหล่อ แต่สำหรับบางคนไม่ค่อยอยากคิด แต่ขอแบบว่าเอาง่ายเข้าว่าก็เลยแบบว่ามีชุดไหนก็จะใส่ไป โดยมีข้ออ้างสารพัด ไม่ว่าจะเป็นไม่มีเวลาเตรียมตัวจริงๆ หรือแม้แต่ว่า…อ้าวก็ชุดแบบนี้ชั้นว่าสวยนี่นา งั้นมาดูกันไหมว่า มี ชุดไปงานแต่ง แบบไหนที่อย่าได้คิดจะใส่ไปงานแต่งเด็ดขาด

ชุดที่สวนทางกับธีมงาน

เรื่องนี้แพรว wedding ขอบอกว่าคือการให้เกียรติเจ้าภาพเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเขากำหนดธีมงานมาชัดเจนในการ์ดแต่คุณมาดื้อดึงแต่งตัวด้วยธีมตรงข้าม หรือแม้แต่ให้เหตุผลว่าไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่เนี่ย ดูจะเป็นเรื่องไม่น่ารักสักเท่าไหร่ ก็แหม…เขาอุตส่าห์มีธีม คุณก็แค่แต่งตามธีมแค่นั้นดีออกจริงไหม จะมาคิดทำตัวโดดเด่นอะไรมากมายในวันสำคัญของคนอื่น แบบนั้นไม่ค่อยมีมารยาทนะจ้ะ

เดรสสีขาว

แน่นอนว่าการใส่ชุดเดรสสีขาวนั้นมีแต่จะเป็นแฝดกับเจ้าสาว ซึ่งไม่ควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดรสที่มีลูกไม้สีขาวเต็มๆ อย่างไรเสียถ้าไม่มีความจำเป็นบางอย่างจริงๆ หรือชุดสีขาวที่จะใส่เป็นโจทย์สั่งตรงจากเจ้าสาวที่อนุญาตให้อย่างเต็มใจให้ใส่ก็ค่อยจัดไป แบบนั้นโอเคกว่าเนอะ เพราะงานแต่งควรจะมีแต่เจ้าสาวเท่านั้นที่ใส่ชุดเดรสสีขาวนะคะ

ยีนส์

ยีนส์นั้นเป็นการแต่งตัวที่คลาสสิคมาทุกยุคทุกสมัยไม่มีเอาท์เทรนด์ แต่การจะแต่งตัวอย่างเป็นทางการแบบงานแต่งงานนั้นถือว่ายีนส์ไม่ควร เพราะการใส่ยีนส์จะเหมาะกับการแต่งตัวชิลๆ ประมาณไปเที่ยว หรือปาร์ตี้ อะไรทำนองนั้นซะมากกว่างานเป็นทางแบบนี้

ชุดเว่อร์วังเกินหน้าเจ้าสาว

ต่อให้คุณอยากล่าหนุ่มๆ มาเป็นคู่ครองเพราะเบื่อเหลือเกินกับความโสด เราขอให้คุณพับเก็บความคิดนี้ไปก่อนนะจ๊ะ กรุณาอย่ากันซีนเจ้าสาวขนาดนั้นเลย และปล่อยให้เจ้าสาวได้เฉิดฉายอย่างเต็มที่ในวันสำคัญวันนี้ของชีวิต ส่วนคุณก็เก็บชุดที่เล็งไว้ใส่วันปาร์ตี้สละโสดหรือโอกาสอื่นๆ จะเหมาะกว่า

โป๊จนเกินงาม

แม้เราจะต้องการเน้นให้การแต่งกายดูเซ็กซี่และมีเสน่ห์เฉพาะตัวในวันสำคัญเช่นนี้ของใครสักคน แต่การแต่งตัวโป๊โชว์เรือนร่างจนเกินงามถือว่าไม่เหมาะสมกับงานวันมงคลเช่นนี้

รองเท้าแตะ

แต่งตัวโอเคแล้วแต่ใส่รองเท้าแตะนี่ไหวป่ะ? ก็ไม่มีใครห้ามหรอกว่าห้ามใส่รองเท้าแตะไปงานแต่ง หรือให้ใส่แต่ส้นสูงไป แตเราก็ควรจะพิจารณาด้วยว่ารองเท้าแบบไหนที่เราควรใส่ไป

>> ดูไอเดียเรื่องชุดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพ : weddingfact.net a a

รักได้แต่ต้องรักให้เป็น หากริจะรักผู้ชายเจ้าชู้ สาวๆ ต้องฝึกวิทยายุทธรับมือคาสโนว่า

บ่อยครั้งที่สาวๆ มักจะพบเจอกับผู้ชายที่หน้าตาดี ฐานะดี การงานดี เรียกได้ว่า “เพอร์เฟ็กต์สุดๆ” แต่สิ่งที่พ่วงมากับความดูดีเหล่านี้ก็คือกิตติศัพท์ในความเจ้าชู้ของเขา ถึงแม้จะได้ยินมาเยอะแต่พอรู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรัก ผู้ชายเจ้าชู้ ไปซะแล้ว สำหรับสาวคนไหนที่อยากท้าทายความสามารถตัวเองในการปลูกต้นรักกับคนเจ้าชู้ เรามีวิธีรับมือมาฝากกันค่ะ

คิดจะรักกับ ผู้ชายเจ้าชู้ สาวๆ ต้องรู้ทันและแก้เกมพ่อปลาไหลให้เก่ง

ผู้ชายเจ้าชู้
Photo by cottonbro from Pexels

1. ถามใจตัวเองก่อนว่า “ไหวหรือเปล่า?”

ก่อนจะพูดถึงการรับมือข้ออื่นๆ อยากให้คุณลองถามใจตัวเองดูซะก่อนว่า “คุณจะรับความเจ้าชู้ของเขาได้หรือไม่” คุณสามารถทำใจร่มๆ ได้หรือเปล่าเวลาที่เห็นเขาชายตามองสาวคนอื่น ถ้าคุณคิดว่าเรื่องแค่นี้คุณรับได้สบายมากก็สานต่อความสัมพันธ์ได้เลย แต่ถ้าคุณเป็นสาวโลกสวย อ่อนไหวง่าย อยากให้เขาจับจ้องสายตามาที่คุณแค่คนเดียว บอกได้เลยว่าถอยออกมาเถอะค่ะ อย่าไปฝืนคบเขาเลย ไม่อย่างนั้นตัวคุณเองนั่นแหละที่จะไม่มีความสุข

สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจในขั้นนี้ขอให้คุณคิดและพิจารณาผู้ชายคนนั้นให้ดีว่าเขาแค่เจ้าชู้กรุ่มกริ่มแบบชอบมองสาวไปทั่วแต่ไม่คิดอะไรเกินเลย หรือว่าเป็นประเภทที่คบซ้อนซ่อนเงื่อนมีสาวในสต๊อกไว้คุยเป็นโหลๆ ถ้าเป็นอย่างแรกก็พอรับมือไหว แต่ถ้าเป็นอย่างหลังขอให้คิดดีๆ คิดเยอะๆ นะจ๊ะ

2. อย่าคาดหวังกับคนเจ้าชู้

ถ้าคุณตัดสินใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คุณ “เอาอยู่” และอยากจะลองรักกับหนุ่มเฟลิร์ทดูสักตั้ง คุณต้องบอกกับตัวเองว่า “อย่าตั้งความหวังในตัวเขามากจนเกินไป” เขาอาจจะพาคุณไปดินเนอร์ ดูหนัง หรือไปเที่ยว นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเริ่มคาดหวังว่าเขาจะต้องดูแลคุณยามเจ็บป่วย หาหยูกยาอาหารมาป้อนให้ คอยอยู่ใกล้ดูแลไม่ห่างแล้วล่ะก็ ขอให้รู้ตัวไว้เลยว่าคุณเริ่มจะตั้งความหวังในตัวคนเจ้าชู้อย่างเขาสูงเกินไปแล้ว ระวังจะร้องไห้ช้ำใจเพราะเขาไม่เป็นอย่างที่คุณหวังไว้ก็แล้วกัน  (ถือว่าเตือนแล้วนะ!)

3. ชอบไม่ชอบก็บอกกันแล้วทำข้อตกลงซะ

แน่นอนค่ะว่าคนเราก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง ไม่ต้องทำตัวเป็นนางเอกแล้วแสร้งว่าฉันยอมได้ทุกอย่างหรอกนะ คุณควรจะบอกให้เขารู้ไปเลยว่าสิ่งไหนที่คุณรับได้และสิ่งไหนที่คุณรับไม่ได้ อย่างเช่น  คุณไม่ชอบให้เขารับโทรศัพท์ผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าคุณ หรือคุณรับได้ถ้าเขาจะส่งสายตามองผู้หญิงคนอื่น แต่นั่นต้องไม่ใช่เวลาที่คุณทั้งคู่อยู่ด้วยกัน การทำข้อตกลงหรือเปิดใจถึงเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้คุณทั้งคู่ได้รู้ว่าจะสามารถทำตามข้อตกลงของกันและกันได้หรือไม่ และถ้าทำไม่ได้คุณจะได้ถอนตัวถอนใจจากผู้ชายเจ้าชู้ทันเวลา

ผู้ชายเจ้าชู้
Photo by Andrea Piacquadio from Pexels

4. นิ่งเข้าไว้ ใจเย็นๆ อย่าหึงจนเลือดขึ้นหน้าเด็ดขาด

ถามตัวเองดูอีกครั้งว่า “คุณเป็นคนขี้หึงหรือเปล่า?” ถ้าคำตอบคือใช่ ผู้ชายเจ้าชู้ก็ไม่เหมาะจะเป็นคู่ควงของคุณหรอก เพราะแน่นอนว่าคุณจะต้องตามหึงตามหวงจนไม่เป็นอันทำอะไร คอยแต่จะเช็คข้อความ เช็คโทรศัพท์ของเขา รับรองว่าทั้งคุณและเขาจะไม่มีความสุขกับรักครั้งนี้แน่นอน

ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณใจเย็นเป็นน้ำเย็น (น้ำแข็งได้ยิ่งดี) ไม่ว่าโทรศัพท์ของเขาจะดังสักกี่รอบ คุณก็ยังคงนิ่งและไม่สนว่าใครจะส่งข้อความมา ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่าคุณทำถูกต้องแล้ว

5. “ผูกพัน” ได้แต่ไม่ใช่ “ผูกมัด”

เป็นเรื่องปกติที่คนเจ้าชู้มักจะไม่ชอบผูกมัดตัวเองกับใคร เพราะฉะนั้นการที่คุณจะพาเขาไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนสนิทหรือพ่อแม่และคนในครอบครัวย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ยิ่งถ้าคุณกดดันแกมบังคับด้วยล่ะก็ บอกเลยว่าเขาคงไม่ชอบใจและพยายามถอยห่างจากคุณแน่นอน

ทางที่ดีให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมันจะดีกว่า ปล่อยให้ความรักระหว่างคุณและเขาเติบโตขึ้นในแบบที่ควรจะเป็น ไม่เร่งรัดเขาจนเกินไป และถ้าวันหนึ่งเขามั่นใจว่าพร้อมจะหยุดที่คุณ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเองแบบที่คุณไม่ต้องร้องขอเลย

6. อย่าปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลกับคุณ

คิดจะคบกับคนเจ้าชู้คุณก็ต้อง “อยู่คนเดียว” ให้เป็นนะ อย่าไปยึดติดกับเขามากจนเกินไป ถ้าคุณมัวแต่คิดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก เมื่อไหร่จะได้ไปทานข้าวด้วยกันอีก หรือตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ทำอะไรอยู่ และอีกสารพัดความคิดเกี่ยวกับเขามากมาย รับรองเลยว่าตัวคุณเองนั่นแหละที่จะกระวนกระวายจนไม่มีความสุข  คุณควรคิดไว้เสมอว่า ไม่มีเขาก็ไม่เป็นไรคุณก็อยู่ได้สบายมาก!

เขาว่ากันว่าคนเจ้าชู้ถ้าจะให้หยุดที่ใครสักคนก็คงจะยาก เอาเป็นว่าถ้าคุณลองทำตามวิธีเหล่านี้แล้วยังรู้สึกว่ารับมือไม่ไหว รักครั้งนี้กับคนเจ้าชู้มันยากและเหนื่อยเกินไปก็ถอยออกมาดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียใจและไม่เสียเวลาไปหาคนใหม่ที่รักเดียวใจเดียวอีกด้วย

ภาพ : pixabay.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

5 ข้อตกลง “ไม่ควรมี” ก่อนแต่งงาน ถ้าไม่อยากให้ชีวิตคู่ต้องอึดอัด

เราเคยแนะนำคุณผู้อ่านที่กำลังจะตัดสินใจแต่งงานกันแล้วว่า ก่อนที่คุณสองคนจะเซย์เยสใช้ชีวิตคู่ พวกคุณควรจะพูดคุยและมีข้อตกลงกันให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลูก เรื่องเงิน และการวางแผนชีวิตและครอบครัวอีกจิปาถะ แต่! มันก็ยังมีบางเรื่อง ก่อนแต่งงาน ที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจกันสองคน ไม่จำเป็นต้องหยิบยกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงจัง ไม่เช่นนั้นชีวิตคู่ของคุณคงอึดอัดไม่น้อย

1. ตั้งเวลากลับบ้านแบบเป๊ะๆ

เรามักจะเห็นกันตามละครหลังข่าวหรือมุกตลกในหนังสือการ์ตูนที่เหล่าภรรยาจะตั้งเวลากลับบ้านให้กับสามี เช่น เลิกงานปุ๊บต้องกลับบ้านปั๊บ ห้ามเถลไถลไม่เกิน 6 โมงเย็น! หากกลับหลังจากนั้นคุณภรรยาจะยืนถือสากกะเบือหรือไม้กอล์ฟคอยท่าที่หน้าประตู! แหมม…คุณค่ะ สามีก็คนนะคะ ไม่ใช่นาฬิกาปลุกที่จะให้เขาตามเวลาเป๊ะๆ บางวันเขาอาจต้องทำโอทีหรือสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานบ้าง ถ้ามัวแต่คอยจับผิด โทรจิกโทรตามให้กลับบ้านตรงเวลาแบบนี้ก็คงจะอึดอัดและทะเลาะกันได้ง่ายๆ

2. ต้องเก็บเงินที่ฉันทั้งหมด เดี๋ยวจะแบ่งให้ใช้รายวัน

ข้อนี้แพรวเวดดิ้งเจอมากับคนใกล้ชิดค่ะ โดยมักจะเป็นการตกลง (แบบที่สามีรู้เท่าไม่ถึงการณ์) กันก่อนแต่งงานว่า เมื่อแต่งไปแล้วจะต้องรวมเงินเป็นกระเป๋าเดียวกัน แล้วต้องให้ภรรยาดูแลเงินทั้งหมด แบบนี้ถ้าภรรยาเก็บเงินเก่ง ใจดี และไม่ขี้เหนียวจนเกินไป คุณสามีก็ยังพอใช้เงินได้แบบสบายๆ แต่ถ้าบางบ้านภรรยาขี้เหนียวมากๆ แบ่งเงินให้ใช้วันละ 200-300 บาท แบบนี้สามีคงต้องส่ายหน้า เพราะแค่ค่าน้ำมันรถไปทำงาน ค่ากิน ค่ากาแฟก็แทบจะไม่พอแล้ว! ถ้าเป็นแบบนี้นานๆ คุณสามีคงออกอาการเบื่อหน่ายแน่นอน

3. ใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวอาบ อบ นวด (นาบ)

อีกหนึ่งวิธีเด็ดที่สาวๆ หลายคนใช้ปราบพยศผู้ชายเจ้าชู้ด้วยการทำตัวใจกว้างยอมให้เขาเที่ยวกลางคืนได้ เพียงเพราะหวังว่าเขาจะเกรงใจและหยุดพฤติกรรมเจ้าชู้ที่เคยทำ (ทำตัวเหมือนเป็นเมียหลวงที่ดี) โดยยื่นข้อเสนอว่า “อยากจะเที่ยวก็ได้นะ แต่ต้องใส่ถุงยางทุกครั้ง” แหม…แล้วจะรู้ได้ยังไงละคะว่าเขาใช้ condom ทุกครั้งจริงเหรอเปล่า! แพรวเวดดิ้งขอฟันธงเลยว่า 90 % ของคู่สามีภรรยาที่ตกลงกันแบบนี้ก่อนแต่งมักจะต้องแยกทางกันชัวร์! เพราะคงไม่มีใครที่ไหนทนเห็นสามีเที่ยวกลางคืน (กับผู้หญิง) ไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าคิดจะทำข้อตกลงแบบใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างนี้เลย เชื่อเหอะ!

4. กำหนดแบบตายตัวว่าบ้านนี้ 3 วัน บ้านนั้น 4 วัน!

จุ๊ๆๆ บ้านนี้กับบ้านนั้น แพรวเวดดิ้งไม่ได้หมายถึงบ้านเมียหลวงกับบ้านเมียน้อยนะคะ ฮ่าๆ แต่กำลังพูดถึงเรื่องที่พักอาศัยในกรณีที่คู่สามีภรรยาต้องแยกบ้านกันอยู่เนื่องจากเหตุผลต่างๆ อย่างเช่น บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน หรือต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด เป็นต้น ในกรณีแบบนี้คงต้องอาศัยความเข้าอกเข้าใจและไว้ใจกันให้มาก อาจไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าต้องกลับมาบ้านนี้ 3 วัน แล้วต้องไปอยู่ที่อีกบ้านหนึ่ง 4 วัน แบบนี้นอกจากจะเหนื่อยกับการทำงานแล้ว ยังต้องเหนื่อยเดินทางอีกด้วยนะ แต่ก็ใช่ว่าจะกำหนดวันอยู่บ้านไม่ได้เลย จริงๆ แล้วสามารถกำหนดได้นะคะ แต่ในบางครั้งก็ต้องมีหยวนๆ กันบ้างถ้าเกิดว่าเขาติดงานหรือติดธุระสำคัญ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ตรงวันเป๊ะๆ หรือถ้าจะให้ดีก็สลับกันไปสลับกันมา แบบนี้น่าจะเวิร์ก!

5. แบ่งแยกอำนาจกันอย่างชัดเจน!

มีหลายครอบครัวที่มักจะตกลงกันว่า เรื่องในบ้านภรรยาเป็นใหญ่ ส่วนเรื่องนอกบ้านต้องยอมให้คุณสามีเป็นใหญ่ แบบนี้ก็คงจะดูแปลกๆ ไปหน่อยนะคะ เพราะถ้าอยู่ในบ้านคุณสามีอาจจะเกิดอาการอึดอัดขัดใจ จะทำอะไรแต่ละอย่างก็ไม่สบายตัว หรือพอออกนอกบ้านคุณภรรยาก็ต้องคอยแต่จะเป็นช้างเท้าหลัง ออกสิทธิ์ออกเสียงอะไรก็ลำบากเต็มที ถ้าจะให้ดีแพรวเวดดิ้งคิดว่ากระจายอำนาจ 50-50 หรือตามแต่ความเหมาะควรของสถานการณ์จะดีกว่า อย่าลืมนะคะว่านี่คือครอบครัว ไม่ใช่การเมืองนะจ๊ะ อิอิ!

แน่นอนว่าก่อนแต่งงานคุณและคนรักคงมีเรื่องราวมากมายให้ตกลงและทำความเข้าใจกันเยอะแยะ แต่ 5 เรื่องที่แพรวเวดดิ้งกล่าวมาข้างต้นนั้น หลายคู่รักมักจะทำไม่ได้ตามที่ตั้งไว้ จนบางครั้งเลยเถิดไปถึงขั้นทะเลาะกันใหญ่โตเลิกราหย่าร้างไปก็หลายคู่ เพราะฉะนั้น จะตกลงหรือสร้างข้อกำหนดอะไรในการใช้ชีวิตร่วมกันก็ขอให้ดูความเหมาะสม ไลฟ์สไตล์ และหน้าที่การงานของแต่ละคนด้วยนะจ๊ะ

ภาพ : www.kirkcameron.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

รักข้ามรุ่นไม่วุ่นแน่กับ 5 สิ่งที่หนุ่มสาวพึงกระทำถ้าริจะรักคนแก่

ดันไปตกหลุมรักหนุ่มใหญ่หรือสาวรุ่นพี่ที่อายุห่างกันมากกกกกกกก แต่ไม่รู้ว่าจะวางตัวแบบไหนดีให้รักข้ามรุ่นครั้งนี้ไหลลื่นไม่มีติดขัด และพิชิตใจหนุ่ม-สาวรุ่นใหญ่ในฝันได้ แพรว wedding เลยจัดมาให้เต็มๆ หากริจะ รักคนแก่ ข้ามรุ่นต้องทำแบบนี้ รับรองว่าดีแน่น้องเอ๊ย

 

คีฟความสดใสเอาไว้

รักคนแก่กว่าไม่ว่าจะเป็นรักสาวใหญ่หรือหนุ่มใหญ่ ก็ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองให้แก่ตาม ขอให้เก็บความสดใสตามสไตล์เด็กวัยอ่อนกว่าไว้กับตัวให้เหนียวแน่น และใช้ความสดใสที่ว่านี้ไปเติมเต็มความสัมพันธ์ของคุณและคนในฝันให้สตรอง ดีไม่ดีความสดใสของคุณจะช่วยทำให้เขาคนนั้นรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แบบนั้นน่ะกระชุ่มกระชวยจะตาย

ลดช่องว่างของวัยด้วยการรู้ทัน

ส่วนใหญ่รักคนโตกว่ามากๆ แล้วแป้กอกหักไม่เป็นท่าก็เพราะเรื่องของช่วงวัยที่ห่างกัน ที่ส่วนหนึ่งติดที่ความสนใจในเรื่องราวต่างๆ รอบตัวไปคนละทิศคนละทาง ทางที่ดีก็คือ รู้ทันความสนใจในวัยของอีกฝ่ายให้ได้ว่าตอนนี้ คนรุ่นนั้นเขาสนใจอะไรกันอยู่ เวลาคุยกัน อีกฝ่ายจะได้รู้สึกว่าคุณเองก็พูดภาษาเดียวกันกับเขาได้ เวลามีปัญหาเขาก็สามารถมาบ่นๆ หรือขอคำปรึกษาคุณได้ไม่ต่างกับคนวัยเดียวกัน

แต่คำเตือนก็คือ แม้จะรู้ทันแต่อย่าอวดรู้ เพราะยังไงซะเขาก็มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าคุณ ถ้าเกิดพยายามโชว์ภูมิแล้วข้อมูลไม่แน่นจริง ผลที่ได้คือตรงข้ามกับที่คิดเลยนะขอเตือน

มีสติและมีเหตุผล

ส่วนใหญ่ที่การจีบคนอายุมากกว่าต้องพลาดเป้าไปเพราะอารมณ์อันอ่อนไหวและด้อยประสบการณ์ชีวิตทำให้สติที่มีอยู่น้อยเกินไป ส่งผลให้ความอดทนต่ำ ทำอะไรเอาแต่อารมณ์ จนบางครั้งเหตุผลที่ควรมีกลับหลบหายหรือไม่ปรากฏให้เห็นเมื่อจำเป็น เวลาทะเลาะกันหรือแม้แต่ถกเรื่องทั่วๆ ไปที่มองคนละมุมก็กลายมาเป็นเรื่องได้ ฉะนั้นถ้าคิดจะรักข้ามรุ่นให้ประสบความสำเร็จ จงตั้งสติให้มั่นและพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลเสมอ หรือพูดง่ายๆ คือ อย่าเล่นไปซะทุกเรื่อง อย่าร่าเริงผิดเวลา

ทำตัวให้ร่วมวัยและเข้าสังคมได้

อย่างหนึ่งที่ทำให้รุ่นใหญ่ลังเลที่จะตกลงใจรับรักคนวัยอ่อนกว่าก็คือ เวลาต้องพาไปไหนต่อไหนกลัวว่าคนจะมองไม่ดีเหมือนพาลูกไปดูหนังหรือพาหลานไปกินข้าว ดังนั้นคุณค่ะ อย่าไปแคร์และอย่าไปสนว่าคนจะมองคุณว่าอย่างไร ขอเพียงรู้จักวางตัวให้เป็นในยามที่อีกฝ่ายพาคุณเข้าสังคม เพื่อให้เขาวางใจได้ว่า ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและกริยามารยาทของคุณที่แม้จะอ่อนวัยกว่าไม่เป็นอุปสรรคในการพาไปโชว์ตัวหรือควงแขนออกงาน

เคารพพื้นที่ส่วนตัวเสมอ

หลายคนที่อ่อนวัยกว่ามักมองข้ามเรื่องพื้นที่ส่วนตัวไปซะสนิท และคิดเพียงว่าเมื่อจีบติด เป็นแฟนกันแล้วเธอคือหนึ่งเดียวของฉัน แต่ในความเป็นจริง รักข้ามรุ่นไม่ควรคิดแบบนั้นจนกว่าจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายคิดตรงกันจริงๆ เพราะความเป็นผู้ใหญ่กว่าของอีกฝ่ายอาจทำให้มีเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเฉพาะเจาะจงที่คุณเองไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ก็อย่าไปวุ่นวาย เช่นสังคมการทำงานที่คุณอาจจะยังก้าวไปไม่ถึงเพราะด้อยประสบการณ์กว่า จึงไม่ควรก้าวก่ายถ้าเขาไม่อนุญาตหรือขอความเห็น โดยเฉพาะเรื่องแสนจะอ่อนไหวอย่างปัญหาครอบครัวที่คุณอาจจะยังเด็กกว่าและไม่ต้องรับผิดชอบเท่าอีกฝ่าย คุณจึงควรวางตัวให้นิ่ง เคารพและให้เกียรติในการใช้ชีวิตในแบบของเขา โดยคอยอยู่ข้างๆ และสนับสนุนให้กำลังใจและความเห็นในยามที่เขาร้องขอก็พอ

ทำทั้ง 5 ข้อนี้ได้ดี แพรว wedding รับรองว่ารักข้ามรุ่นของคุณจะมีแต่เฮและดี๊ดีจนไม่อยากพรากจากกันไปไหนเชียวละ

เรื่อง : Hoyamemoria
ภาพ : www.insideweddings.com

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

8 พฤติกรรมบอกรักให้รู้ว่า “รัก” คำที่แม้ไม่พูดแต่อีกฝ่ายก็รู้สึกได้

หนุ่มสาวคนไหนที่กำลังอินเลิฟอยู่กับคนปากแข็ง ในใจก็อยากจะได้ยินคำหวานๆ อย่างคำว่า “รัก” บอกรัก ให้ชื่นใจบ้าง แต่พอจะให้ถามว่า “รักกันไหม?” กลับเขินอายไม่กล้าถามออกไปตรงๆ เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้แต่ไม่อยากถามก็สังเกตอาการเหล่านี้ให้ดี ถ้าเขามีตามนี้เขารักคุณชัวร์!

1. คอยเป็นห่วงเป็นใย ดูแลเอาใจใส่เสมอ

เรื่องของการจูงมือ คล้องแขนเป็นอะไรที่ปกติธรรมดามาก ใครๆ ก็ทำกัน แต่ที่อยากให้โฟกัสคือ ในขณะที่คุณกำลังจะข้ามถนนเขามักจะขยับตัวเองย้ายฝั่งมาอยู่ด้านที่รถกำลังจะมา เรียกง่ายๆ ว่าเอาตัวเองกันรถเพื่อความปลอดภัยของคุณ นอกจากนี้เขายังรู้จักสังเกตคุณด้วย เมื่อไหร่ที่คุณไม่สบายหรือมีท่าทีอ่อนเพลียจากการทำงาน เขาก็จะคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ หาอาหารอร่อยๆ ให้ทาน และมักถามคำถามที่แสดงความห่วงใยอย่างเช่น “เหนื่อยไหม?” , “ไหวหรือเปล่า?” เพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นห่วงนะจ๊ะที่รัก

2. แสดงออกว่าหวง

ห่วงกันไปแล้วคราวนี้ก็ต้องหวงกันบ้าง ลองสังเกตดูนะคะว่าเมื่อไหร่ที่คุณคุยกับผู้ชายคนอื่น เขาก็จะเข้ามายืนเลียบๆ เคียงๆ หรือจับมือโอบไหล่คุณสักนิด พอให้ผู้ชายเหล่านั้นรู้ว่าคุณเป็นคนรักของเขานะ คุยได้แต่อย่าคิดมาแหยมเชียวล่ะ!

3. รักษาสัญญา

พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าจะมาก็มาตรงเวลา ไม่มีการโกหกหรือปล่อยให้คุณต้องรอเก้อ และที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเคยเกี่ยวก้อยสัญญาอะไรกันไว้ เขาจะทำให้ตามสัญญาแบบอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องทวงถามสักนิดเดียว

4. ดูแลครอบครัวเราด้วย

นอกจากตัวคุณที่เขาคอยดูแลแล้ว ความเป็นห่วงนี้ยังเผื่อแผ่ไปถึงคนในครอบครัวคุณด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซื้อของมาฝาก ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ จนไปถึงขั้นอาสาพาคนในครอบครัวเราไปหาหมอ หนุ่มสาวคนไหนเห็นอาการแบบนี้แล้วตระหนักไว้เลยว่าเขารักคุณมาก อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวนะ!

5. ยอมง้อเราก่อน

คนรักกันมันก็เหมือนลิ้นกับฟันทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเขายอมใจอ่อนเข้ามาง้อคุณก่อน (ไม่ว่าใครจะผิดก็ตาม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเขาไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ นั่นหมายความว่าคุณได้หัวใจของเขาไปเต็มๆ แล้วนะ

6. พัฒนาตัวเองในทางที่ดีเพื่อคุณ

อย่างเช่น เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเหล้า หรือวันดีคืนดีลุกขึ้นมาทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน หรืออะไรก็ตามเขาไม่เคยทำและไม่คิดจะทำมาก่อนโดยที่คุณไม่ต้องขอ นอกจากคุณจะเซอร์ไพรส์แล้ว รับรองว่าฟินสุดๆ แน่นอน

7. เก็บทุกความทรงจำระหว่างเรา

ข้อนี้เรียกว่าโรแมนติกสุดๆ ลองคิดดูว่าถ้าวันหนึ่งเราบังเอิญไปเห็นตั๋วหนังที่เคยไปดูด้วยกันตั้งแต่เดทแรก ตั๋วรถเมล์ที่เคยนั่งรถเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกัน รวมถึงการ์ดและของขวัญที่มอบให้กันในวันพิเศษ ถ้าเขาเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ฟันธงได้เลยว่ารักนี้ยังเดินต่อไปได้อีกน้านนนน!

8. ร่วมทุกข์ร่วมสุข

สิ่งสำคัญของคนรักกันคือการอยู่เคียงข้างกันในทุกช่วงเวลาของชีวิต ยามเราสุขเขาก็ยิ้มและหัวเราะไปด้วย แต่เมื่อถึงเวลาที่ปัญหารุมเร้า ถ้าเขายังคงอยู่ข้างกายคอยให้กำลังใจไม่ทิ้งกันไปไหนแล้วละก็ แบบนี้ไม่เรียกว่าความรักก็หาคำนิยามอื่นๆ มาอธิบายไม่ได้แล้ว

อย่างที่เขาพูดกันว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” ลองเช็คอาการคนข้างกายนะคะว่ามีตามนี้หรือเปล่า ถ้าตรงเป๊ะทุกข้อก็ควรเลิกสงสัยในความรู้สึกของเขาได้แล้วนะ

>> อ่านบทความเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติม คลิกเลย <<

ภาพ : www.desktopbestwallpaper.com

รวมเคล็ดลับดีๆ ให้ว่าที่บ่าวสาวเลือกเค้กแต่งงานได้โดนใจและถูกจริตกับธีมงาน

หลายคนแอบสงสัยว่า เค้กแต่งงาน สูงตระหง่าน 7 ชั้น 9 ชั้นน่ะ กินได้จริงไหม และหากอยากได้เค้กเลิศหรูมาประดับไว้ที่งาน ต้องเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่กัน แล้วจะเริ่มต้นตรงไหนอะไรยังไงก่อนดี แพรวเวดดิ้งจึงมีสารพัดคำแนะนำดีๆ เรื่อง เค้กแต่งงาน มาฝากบ่าวสาวกัน 

 

รูปแบบเค้ก VS รูปแบบงานแต่ง

เค้กแต่งงาน

สิ่งที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกเค้กแต่งงานนอกจากรูปแบบเค้กที่ต้องการ ขนาดและอุณหภูมิของห้องจัดเลี้ยง จำนวนแขก และงบประมาณนั้น เรื่องคอนเซปต์งานที่ควรสอดรับไปกับหน้าตาของเค้กแต่งงานก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรลืมนะคะ

เค้กแต่งงานจริง

เหมาะสำหรับงานในบรรยากาศอินดอร์ที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เค้กละลาย และหากอยากให้งานดูอบอุ่นเป็นกันเองแนะนำให้เลือกเค้กที่มีขนาดไม่สูงหรือใหญ่มากนักค่ะ

เค้กแต่งงานปลอม

เหมาะสำหรับงานในห้องโถงขนาดใหญ่ เช่น ห้องบอลรูมของโรงแรม หรืองานเอ๊าท์ดอร์ที่มีแขกค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเค้กมีขนาดใหญ่และตกแต่งแบบจัดเต็มจึงสามารถเป็นจุดศูนย์กลางของงาน ช่วยให้งานดูหรูหราอลังการมากยิ่งขึ้น

คัพเค้ก

เค้กแต่งงาน

เหมาะสำหรับงานอินดอร์ที่จัดขึ้นภายในห้องที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง เพราะคัพเค้กไม่ต้องการพื้นที่ในการตัดเค้กมากนัก นอกจากนี้ยังสะดวกและไม่เสียเวลาในการเสิร์ฟเค้กให้กับแขกผู้ใหญ่อีกด้วย

การดูแลเค้กจริงในงานเอ๊าท์ดอร์

สำหรับบ่าวสาวที่อยากได้เค้กแต่งงานจริงทั้งหมดในงานแต่งแบบกลางแจ้ง ขอแนะนำให้ใช้เค้กจริงไม่เกิน 5 ชั้นและเป็นแบบคลุมน้ำตาลฟองดองท์เพื่อช่วยรักษาเค้กให้คงรูปทรงตามต้องการ เพราะเค้กคลุมน้ำตาลจะใช้ครีมระหว่างชั้นเค้กค่อนข้างน้อยจึงละลายช้ากว่าเค้กแบบครีมปกติ อีกทั้งการคลุมด้วยน้ำตาลยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาเค้กให้นานยิ่งขึ้นและยังสามารถตกแต่งเค้กได้หลากหลายแบบอีกด้วย

เค้กแต่งงาน

สิ่งสำคัญในการจัดงานเอ๊าท์ดอร์คือควรนำเค้กออกมาให้ใกล้เคียงกับเวลาเริ่มงานมากที่สุด หากนำออกมาในช่วงตัดเค้กได้จะยิ่งดีเพื่อคงความสวยงามของเค้กไว้ให้นานที่สุด นอกจากนี้ การให้ทางร้านเข้าไปเซตเค้กให้หน้างานก็ถือเป็นอีกทางที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งและการจัดตกแต่งได้

งบประมาณกับการเลือกเค้กแต่งงาน

หากมีงบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่อยากได้เค้กแต่งงานดีไซน์สวยๆ ขอแนะนำให้เช่าเค้กแต่งงานปลอมเพราะมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำกว่าการใช้เค้กจริงหรือคัพเค้ก (ควรโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์) ส่วนบ่าวสาวที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมาหน่อยลองเพิ่มความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเค้กด้วยการเพิ่มตุ๊กตาบ่าวสาวเป็นรูปของตัวเองใส่ชุดแต่งงาน หรือจะออกแบบเค้กเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วตกแต่งด้วยของที่ชอบเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริง (ควรสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน) นอกจากจะดูดีไม่ซ้ำใครแล้วยังเป็นการสร้างความทรงจำพิเศษร่วมกันของคู่บ่าวสาวอีกด้วย

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

ภาพ: kristiwrightphotography.com, oncewed.com, aboutlifez.com, theamericanwedding.com, zingermansbakehouse.com

สวยทะลุเวล!! กับเวลเจ้าสาว 3 สไตล์ที่สวยหวานไม่ทิ้งความเป็นเจ้าสาว

เมื่อนึกถึงเจ้าสาวสิ่งที่นึกถึงรองลงมาจากชุดแต่งงานก็คือ เวลเจ้าสาว ที่ลากยาวไปตามทางเดิน ซึ่งในปัจจุบันเทรนด์เวลเจ้าสาวนั้นพัฒนามาไกลมาก เพราะมีเวลสไตล์ต่างๆ ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะแบบประดับด้วยเฮดพีชหรือคริสตัล หรือจะเป็นเวลแบบสั้นหรือแบบยาว ที่ต่างก็ให้ลุคสวยสง่าไม่แพ้กันเลยสักลุค แต่เวลแบบไหนล่ะที่จะเหมาะกับลุคของคุณเจ้าสาว แพรว wedding จึงรวบเวลเจ้าสาว 3 สไตล์ที่รับรองว่าว่าที่เจ้าสาวจะต้องหลงรักหนึ่งในลุคเหล่านี้แน่นอน

  • The Traditional Bride

สวยงามตามแบบฉบับเจ้าสาวดั้งเดิมด้วยเวลเจ้าสาวลากยาวไปตามทางเดิน (Tradition veil) เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากได้ลุคดูน่าหลงใหลในสไตล์เจ้าหญิง ซึ่งการจะใส่เวลสไตล์นี้ได้นั้นต้องคำนึงถึงเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงานด้วย ถ้าหากเจ้าสาวแต่งงานในสถานที่ที่มีทางเดินทอดยาว เช่น ในห้องบอลรูมกับงานเลี้ยงสไตล์ค็อกเทลปาร์ตี้หรืองานแต่งในโบสถ์ ก็สามารถจัดเวลสไตล์นี้ไปได้อย่างสบายใจ แต่ถ้าเจ้าสาวจัดงานแต่งในสวนหรืองานแต่งแบบโต๊ะจีนที่ต้องเดินสวัสดีแขกทุกโต๊ะแล้วล่ะก็ เราขอให้คุณลืมเวลสไตล์นี้ไปก่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นเวลที่มีความยาวเสมอพื้นแทนจะดีกว่า ซึ่งก็ให้ลุคที่สวยงามไม่แพ้กันแถมยังไม่ต้องระมัดระวังว่าเวลจะพังอีกด้วย

เวลเจ้าสาว

  • The Edgy Bride

หากคุณเป็นเจ้าสาวสมัยใหม่ที่ต้องการความทันสมัยแบบสุดๆ ในวันแต่งงาน แต่ก็ยังอยากได้ความหวานของเวลมาช่วยเสริม เวลสั้นแบบปิดหน้า (Blusher veil) นั้นดูจะเป็นอะไรที่เหมาะสมลงตัวแถมยังให้กลิ่นอายสไตล์วินเทจนิดๆ อีกด้วย ซึ่งเวลสไตล์นี้จะช่วยให้เจ้าสาวดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ซึ่งสามารถใส่แบบเดี่ยวไร้เครื่องประดับ หรือจะเสริมด้วยเฮดแบนด์ประดับคริสตัลก็ยังได้ อยู่ที่ว่าเจ้าสาวชื่นชอบความเรียบหรูแบบธรรมดาที่ไม่อยากให้อะไรมาขโมยซีนทรงผมอันสวยงามของคุณ หรืออยากเสริมทรงผมที่เรียบง่ายให้ดูพิเศษขึ้นมาด้วยเครื่องประดับ

เวลเจ้าสาว

  • The In-Between Bride

หากคุณไม่ใช่เจ้าสาวที่ต้องการลุคแบบเจ้าสาวสไตล์ดั้งเดิม และไม่ได้เป็นเจ้าสาวสุดทันสมัย เวลยาวระดับข้อศอก (Elbow-length veil) ที่มีลูกเล่นของการประดับประดาบนเนื้อผ้านั้นเวิร์กสำหรับเจ้าสาวทางสายกลางสุดๆ และความยาวระดับนี้ก็ให้ลุคสวยงามและน่าหลงใหลไม่แพ้กับสองแบบข้างบนเลย ซึ่งคีย์หลักสำคัญของการเลือกเวลสไตล์นี้คือต้องเน้นการตกแต่งและลูกเล่นบนเนื้อผ้าของเวลเพื่อไม่ให้ลุคเจ้าสาวนั้นดูธรรมดาเกินไป เช่น เน้นเป็นผ้าลูกไม้ทั้งผืน หรือมีลูกเล่นที่ขอบผ้า หรือจะเลือกเท็กเจอร์เนื้อผ้าที่มีความระยิบระยับไปเลย เป็นต้น

เวลเจ้าสาว

มาถึงตรงนี้เราเชื่อว่าว่าที่เจ้าสาวน่าจะเลือกเวลที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเองได้แล้ว เพราะฉะนั้นอย่าลืมนำภาพเวลที่จะใส่ในวันงานไปที่ร้านชุดแต่งงานด้วย เพื่อที่ดีไซเนอร์จะได้หาชุดแต่งงานที่ไปในทางเดียวกันกับเวลของคุณ รวมไปถึงแจ้งช่างแต่งหน้าทำผมของคุณด้วยนะคะ เพื่อที่ช่างแต่งหน้าจะได้รู้ว่าต้องแต่งหน้าให้สวยหวานแค่ไหนให้เข้ากับเวล และต้องทำผมให้เป๊ะปังอย่างไรให้ทั้งทรงผมเจ้าสาวและเวลนั้นสวยได้ไปพร้อมๆ กัน

ภาพ : www.tbdress.com, www.pinterest.com, www.bhldn.com, www.twigsandhoney.com,
pinterest.com, veilsofireland.ie

ติดตามไอเดียเพิ่มเติมได้ที่  >> คลิกเลย!

10 ไอเท็มสุดเก๋ไว้ตกแต่งงานแบบฉบับ ธีมงานแต่ง คู่รักนักเดินทาง

คุณคือคู่รักนักท่องโลกหรือเปล่า? ถ้าใช่ แพรวเวดดิ้งเชื่อว่าต้องถูกใจไอเดียสร้างสรรค์ ธีมงานแต่ง ที่นำมาฝากกันในวันนี้แน่ๆ กับธีมงานเก๋ไก๋เพื่อคู่รักนักเดินทาง (Travel Wedding Theme) ไปดูกันดีกว่าว่ามีไอเท็มอะไรบ้างที่จะทำให้งานแต่งของคุณเป็นงานแต่งของคู่รักนักเดินทางตัวจริง

1. กระเป๋าเดินทาง

นอกจากเป็นพร็อพส์ตกแต่งทั่วไปแล้ว เรายังสามารถครีเอทกระเป๋าเดินทางให้กลายเป็นกล่องใส่ซองแสนเก๋ หรือทำเป็นกระเป๋าเดินทางใบจิ๋วเพื่อใช้เป็นแพคเกจจิ้งของชำร่วยน่ารักๆ

2. Luggage Tag

ใช้ป้ายติดกระเป๋าเดินทางเป็นของชำร่วย เข้ากับธีมแถมแขกเหรื่อยังได้นำไปใช้ประโยชน์อีกด้วย

3. แผนที่

กระดาษแผนที่สามารถนำมาประดิษฐ์เป็นพร็อพส์ต่างๆ แพคเกจจิ้งของชำร่วย นำมาประดิษฐ์เป็นดอกไม้แล้วทำเป็นช่อบูเกต์ บูโทเนียร์ หรือใช้เป็นลวดลายการ์ด เค้ก แบ็กดร็อป

4. ลูกโลก
ธีมงานแต่ง

ให้แขกเหรื่อเขียนคำอวยพรลงบนลูกโลกแทนการเขียนลงบนสมุดอวยพรก็เก๋ไม่เบา หรือจะใช้เป็นพร็อพส์ตกแต่งทั่วไปก็ได้

5. เข็มทิศ

ธีมงานแต่ง

สัญลักษณ์สุดคลาสสิกสำหรับนักเดินทาง ถ้าแจกเป็นของชำร่วยรับรองว่าต้องถูกอกถูกใจแขกเหรื่อแน่นอน

6. Passport

ธีมงานแต่ง

การ์ดเชิญที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Passport เติมความหวานง่ายๆ ด้วยรูปคู่บ่าวสาวน่ารักๆ

7. Boarding Pass

ธีมงานแต่ง

การ์ดเชิญสไตล์ Boarding Pass เป็นอีกหนึ่งไอเดียเก๋ๆ สำหรับ Travel Wedding Theme

8. Postcard

ธีมงานแต่งเหมาะจะเป็นได้ทั้งการ์ดเชิญและบัตรอวยพร อาจใส่ไอเดียน่ารักๆ ด้วยหน้า Postcard รูปคู่บ่าวสาวหรือรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เคยไปเยือน

9. เครื่องบิน

ธีมงานแต่งอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่านี่แหละงานแต่งของคู่รักนักท่องโลก ลองใช้สัญลักษณ์นี้กับสิ่งต่างๆ เช่น การ์ด ป้ายติดของชำร่วย เค้ก แบ็กดร็อป เป็นต้น

10. กล้อง

ธีมงานแต่งเพราะการเดินทางกับการถ่ายภาพเป็นของคู่กัน ดังนั้นพร็อพส์ตกแต่งเท่ห์ๆ อย่างกล้องจึงขาดไม่ได้สำหรับ Travel Wedding Theme

>> ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพจาก : guidesforbrides.co.uk