Let’s stay in shape! กับ 5 ท่าโยคะง่ายๆเพื่อเจ้าสาวหุ่นสวย

การฟิตหุ่นให้มีรูปร่างดีขึ้นก่อนถึงวันแต่งงานด้วยการออกกำลังกายด้วย โยคะ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเวลา และความมุ่งมั่นตั้งใจ โดยทั่วไปการเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานจะมีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้ากันอยู่แล้วประมาณ 3 เดือน 6 เดือน หรือบางคู่เตรียมตัวกันเป็นปีก็มี ซึ่งเป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับการฟิตหุ่น เมื่อคู่บ่าวสาวทราบกำหนดวันแต่งงานเป็นที่แน่นอนแล้วก็ลุยฟิตหุ่นกันได้เลย

 

ในปัจจุบันมีวิธีการออกกำลังกายให้เลือกมากมายแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน แต่การออกกำลังกายที่กำลังมาแรง และหลายๆ คนให้ความสนใจกันคือการเล่นโยคะ เพราะเป็นกีฬาในร่มเลือกเวลาฝึกได้ตามใจชอบ โดยเจ้าสาวอาจจะชวนเจ้าบ่าวไปเล่นโยคะด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นก็ยิ่งดี ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ตั้งเป้าหมายด้วยกันว่าจะฟิตหุ่นให้สวย หล่อก่อนถึงวันแต่งงาน

การฝึกโยคะนอกจากจะได้ร่างกายที่แข็งแรงแล้วยังได้ฝึกสมาธิอีกด้วย การฝึกโยคะช่วงแรกๆ อาจจะมีอาการปวดเมื่อยบ้าง แต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ร่างกายก็จะเกิดความเคยชิน ช่วงแรกๆ อาจจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล หากฝึกไปจนคล่องแล้วก็สามารถฝึกเองที่บ้านได้ และในวันนี้เรามีท่าโยคะสำหรับลดสัดส่วน ทำให้ร่างกายฟิต เฟิร์ม จะเป็นท่าอะไรบ้างมาดูกันค่ะ

ท่าตรีโกณ ช่วยบริหารต้นขา และส่วนน่องให้ดูเรียวงาม

โยคะ

ท่าเรือ สำหรับคู่บ่าวสาวที่กังวลเรื่องต้นแขนต้นขาใหญ่ ต้องท่านี้เลยช่วยลดไขมันแขน ขา และสะโพกได้ดี

โยคะ

ท่านั่งเก้าอี้ หากชุดเจ้าสาวเป็นชุดที่เน้นสัดส่วน ท่านี้ช่วยกระชับสัดส่วนได้อย่างดีทีเดียวค่ะ

โยคะ

ท่ากระดานข้าง ช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดสะโพก และต้นขา ทำให้มีกล้ามแขนที่สวยงาม สำหรับเจ้าสาวที่ใส่ชุดแต่งงานแบบเปิดแขนเปิดไหล่ท่านี้ช่วยได้ค่ะ

โยคะ

ปิดท้ายกันด้วย ท่าอาสนะ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน

โยคะ

การฝึกโยคะเป็นการรักษาสมดุลของร่างกาย ช่วยให้รูปร่างดีขึ้น ฟิต เฟิร์ม เมื่อฝึกไปซักพักจะรู้สึกได้ว่าร่างกายสมดุลขึ้น และมีสมาธิมากขึ้น คู่บ่าวสาวบางคู่เมื่อได้ใช้เวลาฝึกโยคะด้วยกันจากที่เคยเป็นคนใจร้อน อาจจะกลายเป็นคนใจเย็นลง มีสติในการครองคู่มากขึ้นนับว่าเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่าจากการฝึกโยคะทีเดียวเลยนะคะ

 

cr : shape.com, fitnessvsweightloss.com, beautyepic.com, yogajournal.com

มาทำขนมอาลัวแจกเป็น ของชำร่วยงานแต่ง ดีกว่า เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแถมกินได้ด้วย

ของชำร่วยงานแต่ง ในปัจจุบันนั้นมีมากมายให้บ่าวสาวได้เลือก แต่ถ้าบ่าวสาวคู่ไหนอยากจะลองลงมือทำของชำร่วยที่มีสีสันด้วยตัวเอง แถมยังมีดีไซน์สวยงาม น่ารัก และสามารรับประทานได้ เราขอแนะนำ ขนมอาลัว เลยค่ะ

หลายคนคงเคยเห็นและคุ้นหน้าคุ้นตาขนมจิ๋วสุดน่ารักชนิดนี้มาแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า แม่มะลิ หรือ มารี กีมาร์ เป็นผู้คิดค้นขนมชนิดนี้ขึ้นมา และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมี 2 แบบ คืออาลัวชาววัง และอาลัวจิ๋ว แตกต่างกันตรง อาลัวชาววังจะมีส่วนผสมของกะทิเยอะกว่า และมีขนาดใหญ่กว่านั่นเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูวิธีการทำและส่วนผสม ของชำร่วยงานแต่ง สุดน่ารักนี้กันดีกว่า บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิดนะจ๊ะ

ของชำร่วยงานแต่ง

อุปกรณ์

  1. แป้งเค้ก หรือแป้งเอนกประสงค์ 1 ถ้วย
  2. น้ำตาลทราย  1 ถ้วย
  3. น้ำกะทิ 2 ถ้วย
  4. สีผสมอาหารที่ชอบ
  5. กลิ่นมะลิ 2-3 หยด
  6. กระทะเทฟร่อน หรือกระทะทองเหลือง
  7. ไม้ตีแป้ง
  8. ตะแกรงร่อนแป้ง
  9. กระดาษ และหัวบีบสำหรับใช้บีบตัวแป้ง

ของชำร่วยงานแต่ง

วิธีทำ

  1. นำแป้งเค้ก หรือแป้งเอนกประสงค์ที่เตรียมไว้ มาเทลงตะแกรงร่อน เพื่อให้แป้งไม่เกาะตัวเป็นก้อน
  2. นำแป้งที่ร่อนจนเป็นผงละเอียดมาใส่ในถ้วยใบใหญ่ พร้อมเทน้ำกะทิลงไป ผสมให้เข้ากัน
  3. เทน้ำตาลลงไป แล้วผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  4. นำไปตั้งไฟ โดยใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ ผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน
  5. พอแป้งสุก ผสมสีผสมอาหารที่ต้องการลงไป และเมื่อแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนเหนียวๆ ให้ปิดไฟ
  6. นำแป้งที่ได้มาใส่ถุงกระดาษที่มีหัวบีบอยู่
  7. บีบแป้งลงไปในจาน หรือถาดแบนๆ ให้เป็นก้อนสวยๆ
  8. จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง ใช้เวลา 1 วัน

ของชำร่วยงานแต่ง

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนมอาลัวสวยๆ ที่จะทานเองก็ได้ หรือจะนำมาแจกเป็นของชำร่วยในงานแต่งก็ดี สวยงามน่ารัก มุ้งมิ้งสุดๆ … แต่ถ้าทำทานเองก็ดูปริมาณให้พอดีนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นหุ่นจะเสียได้ และเบาหวานอาจจะมาหาโดยไม่รู้ตัว

นอกจากนี้บ่าวสาวสามารถหากล่องเล็กๆ หรือถุงสวยๆ มาบรรจุลงขนมอาลัวลงไป ก็จะเพิ่มความสวยงามและความเก๋ไก๋ให้กับขนมมากยิ่งขึ้นค่ะ … นอกเหนือจากอาลัวแล้ว ยังมีของชำร่วยงานแต่งอีกหนึ่งสิ่งที่อยู้คู่กับคนไทยมาแสนนานนั่นก็คือ ‘จำปาดอง’ ภูมิปัญญาชาววัง ที่แจกเป็นของชำร่วยงานแต่งก็ดีของรับไหว้ก็เริด ลองทำดูนะจ๊ะ

ภาพจาก : Pinterest.com

5 อันดับ สถานที่แต่งงานสุดแปลก! จะแปลกขนาดไหนต้องมาดูกัน

จัดอันดับ สถานที่แต่งงาน สุดแปลก!

หลายคนใฝ่ฝันจัดงานแต่งงานในสถานที่สุดโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็น ริมทะเลบริเวณชายหาด ดาดฟ้าโรงแรมหรู หรือแม้แต่ในโบสถ์สวยๆ สักแห่งก็อยู่ในภาพจินตนาการที่สาวๆ หลายคนฝันถึง แต่ก็ไม่รู้นะคะว่าสถานที่ธรรมดาที่คนทั่วไปนิยมจัดงานแต่งงานจะเอ้าท์ไปแล้วรึเปล่า ก็ดูอย่างในต่างประเทศสิคะคู้ณณณณ สรรหา สถานที่แต่งงาน สุดแปลก ที่เห็นแล้วต้องถึงกับอึ้ง! ฮันแน่ อยากรู้กันแล้วสินะคะว่าสถานที่แปลกๆ ที่ว่าเนี่ยจะมีที่ไหนกันบ้าง ตามมาดูเป็นตัวอย่างกันได้เลยเผื่อคุณอยากแต่งงานในสถานที่พวกนี้ หรือเห็นแล้วอาจจะขอเซย์กู๊ดบายดีกว่า ต้องลองมาดูกันก่อนค่ะ

อันดับ 5 ดำดิ่งลงไปใต้สมุทร

สถานที่แต่งงาน
ภาพจาก : dissenyviatges.cat

วิวาห์ใต้มหาสมุทรเคยเป็นกระแสอยู่สักพักใหญ่ คุณอาจจะเคยเห็นตามข่าวในโทรทัศน์ว่ามีบ่าวสาวดำดิ่งลงไปจัดพิธีแต่งงานกันใต้ท้องทะเล ซึ่งมีทั้งต่างประเทศและในประเทศของเราอย่างที่ จังหวัดตรัง ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และก็มีบ่าวสาวที่ให้ความสนใจไม่น้อยในแต่ละปีเช่นเดียวกัน โดยคู่บ่าวสาวต้องใส่ชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำที่ทางทีมงานได้จัดเตรียมไว้ให้ หรือถ้าอยากจะใส่เป็นชุดแต่งงานแบบสากลก็ย่อมได้นะคะ แต่ยังไงก็ต้องมีอุปกรณ์ดำน้ำ คิดซะว่าเป็นเครื่องประดับเก๋ๆ ไม่เหมือนใคร ฮ่าๆ ซึ่งบ่าวสาวจะดำน้ำลงไปพร้อมทีมงานรักษาความปลอดภัย โดยภายในพิธีก็มีทั้งจดทะเบียนสมรส รสน้ำสังข์ ถ่ายรูปเป็นทีระลึก การแต่งงานใต้ท้องทะเลมีบรรกาศที่ไม่ซ้ำจำเจ แถมยังเห็นเหล่าบรรดาสัตว์น้ำ วิวแปลกตา แถมไม่มีแขกเยอะแยะให้วุ่นวายอีกด้วย

อันดับ 4 สวนสนุกสุดฟัน

สถานที่แต่งงาน
ภาพจาก : popwed.co

ส่วนใหญ่สถานที่แห่งนี้เรามักจะเห็นผู้คนไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันซะมากกว่า เพราะถ้าจัดงานแต่งงานอาจจะไม่มีบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวมากนัก แต่ก็แปลกไปอีกแบบนะคะ เหมือนได้ประกาศให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่แขกของเราได้รับรู้ถึงการแต่งงานในครั้งนี้ไปด้วย สวนสนุก Coney Island ในนิวยอร์ก เป็นหนึ่งในสวนสนุกที่คู่บ่าวสาวมักเลือกใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน โดยมักจัดขึ้นบริเวณใกล้รถไฟเหาะที่เป็นจุดเด่นของสวนสนุกแห่งนี้ เมื่อเสร็จพิธีด้านล่างกันเรียบร้อยแล้ว บ่าวสาวก็สามารถพาแขกของคุณเปิดประสบการณ์มาร่วมงานแต่งงานที่ไม่เหมือนกับงานแต่งงานไหนๆ ด้วยการขึ้นรถไฟเหาะที่น่าหวาดเสียว ซึ่งงานนี้ทุกคนในงานจะได้สนุกสุดมันเหมือนกันถ้วนหน้าจ้าไม่ต้องห่วง อิอิ

อันดับ 3 พิพิธภัณฑ์ก็จัดงานแต่งได้เหมือนกัน

สถานที่แต่งงาน
ภาพจาก : emilychappellphotography.com

การแต่งงานในพิพิธภัณฑ์ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากนัก เพราะมีเพียงไม่กี่แห่งที่อนุญาตให้จัดงานในพิพิธภัณฑ์ได้ แต่พิพิธภัณฑ์หลายแห่งทางฝั่งตะวันตกนั้นเปิดให้บ่าวสาวได้เข้ามาจัดงานวิวาห์ได้ เช่น Perot Museum of Nature and Science และ Fernbank Museum พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่จะมาทำให้ภาพงานแต่งงานเกิดฉากหลังที่มีภาพเป็นของหายากอย่าง โครงกระดูกไดโนเสาร์ เชื่อว่าจะเปิดมาดูกี่ปีๆ ก็ไม่เบื่อเลยค่ะ หรือบ่าวสาวสายอาร์ตก็อาจจะชอบพิพิธภัณฑ์ที่ดูมีความโมเดิร์นขึ้นมาหน่อย ซึ่งที่สหรัฐอเมริกาก็มีนะคะ ตั้งอยู่ที่ชิคาโกมีชื่อว่า The Modern Wing พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะสมัยใหม่ที่เปิดโอกาสให้คู่รักเข้ามาจัดงานแต่งงานได้ แต่อาจจะต้องจัดแบบเรียบร้อยเป็นทางการ เพราะถ้ามันเกิดไปหากทรัพย์สินในพิพิธภัณฑ์เสียหายแล้วจะหนาวววว

อันดับ 2 พิสูจน์รักบนภูเขาเอเวอเรสต์

สถานที่แต่งงาน
ภาพจาก : nepalisite.com

ปีนขึ้นมายังภูเขาที่สูงที่สุดในโลกกันค่ะ สูงขนาดนี้ก็ยังมีคู่รักที่มีความมุมานะ รักการผจญภัยพยายามปีนกันขึ้นมาแต่งงานกันถึงบนภูเขาเอเวอเรสต์ (แต่แขกในงานไม่มีนะคะ เป็นการแต่งงานแบบเรียบง่าย เพียงการสวมแหวนและขึ้นไปถ่ายรูปเพียงเท่านั้น) อ่า เดี๋ยวจะหาว่าโม้ คู่แต่งงานที่เคยขึ้นไปแต่งกันถึงบนภูเขาเอเวอเรสต์ คือ คู่ของ Ashley Schmeider และ James Sisson เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ใช้เวลาในการเดินทางขึ้นไปถึง 9 วันเลยทีเดียว แต่ก็อยู่จัดพิธีแต่งงานพร้อมถ่ายรูปสวยๆ ได้เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศข้างบนไม่ค่อยเป็นใจมากนัก ถึงอย่างไรก็ขอชื่นชมในความรักของคู่บ่าวสาว รวมไปถึงทีมงานที่ขึ้นไปกับคู่นี้ด้วยนะคะ เก่งมากๆ เลยนะคะเนี่ยนับถือเลยอ่ะ

อันดับ 1 กองขยะซากปรักหักพัง

สถานที่แต่งงาน
ภาพจาก : สำนักข่าว China Xinhua News

ใช่ค่ะพวกคุณอ่านกันไม่ผิดหรอก กองขยะนี่แหละค่ะที่คู่รักชาวจีนเขาไปแต่งงานกัน เห็นเป็นกองขยะที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังแบบนั้น งานแต่งนี้ก็ยังคงมีความหมาย มีที่มาที่ไปนะคะ เพราะที่คู่รักชาวจีนคู่หนึ่งต้องมาแต่งงานกันในบรรยากาศที่ดูจะเป็นมลพิษขนาดนี้ เหตุเกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่มณฑลเสฉวน ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง บ้านเรือน และพลัดพรากชีวิตไปหลายคนด้วยกัน ความผูกพันของบุคคลกับสถานที่ ความสูญเสียในทรัพย์สิน และความมุ่งมั่นที่จะแต่งงานของคู่รักชาวจีนคู่นี้ จึงแสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ไม่ต้องมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ขอแค่ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันก็พอ ไม่ว่างานแต่งงานจะเกิดขึ้นในสถานที่แบบไหนก็ตาม…

กลายเป็นดึงดราม่าเฉยยยย เป็นไงบ้างคะทุกคน สนใจจัดงานแต่งงานใน 5 สถานที่นี้ไหมคะ? หากคุณไม่ได้เป็นคนมีไลฟ์สไตล์แปลกแหวกแนวจนเกินไป งั้นกลับมาที่การจัดงานแต่งงานแบบไทยๆ ในสถานที่ไทยๆ ปกติกันดีกว่าเนอะ ^^”  5 สถานที่ในแบบไทยๆ ที่ไม่ใช่เรือนไทยแต่เหมาะกับ พิธีงานหมั้นไทย เป็นที่สุด

ข้อมูลจาก : wedding.kapook.com, thairath.co.th, nepalisite.com, manager.co.th

สุดยอดบิวตี้ไอเท็มสำหรับ เจ้าสาว โหวตจากเมืองนอก! มีชิ้นไหนบ้างมาดูด่วนเร็ว!

เว็บไซด์เจ้าสาวชื่อดังของเมืองนอกจัดโหวตให้ผลิตภัณฑ์ความงามเหล่านี้เป็น best of ของว่าที่ เจ้าสาว เราคัดมาให้เฉพาะชิ้นที่มีขายในเมืองไทยให้เจ้าสาวตามไปสอยกันด่วนๆ

ในทุกๆปี เว็บไซด์เวดดิ้งชื่อดังของเมืองนอกอย่าง brides.com และ marthastuartwedding.com  จะจัดให้มีการโหวตผลิตภัณฑ์บิวตี้ที่ดีที่สุด โดยคะแนนเสียงจะมาจากเหล่าเจ้าสาวที่แต่งงานไปแล้ว บิวตี้กูรู และเมกอัพอาร์ทิสต์ ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการโหวตให้เป็นชิ้นที่เลิศที่สุดนั้นจะต้องกลายมาเป็น wish list ที่เหล่าว่าที่เจ้าสาวจะต้องพุ่งตัวไปสอยกันแน่นอน ถึงแม้ว่าหลายชิ้นจะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่มีขายในเมืองไทย (แง้) แต่ก็มีอีกหลายชิ้นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาได้ที่บ้านเราและเชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีด้วย! เราก็เลยรวมรวบผลโหวตบิวตี้ไอเท็มกลุ่มบำรุงผิวและเส้นผมจากทั้งสองเว็บมาให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวได้แคปหน้าจอเก็บกันรัวๆ แล้วรีบซิ่งไปซื้ออย่างไว เพราะซื้อก่อนก็สวยก่อนนะจ๊ะ

เมกอัพรีมุฟเวอร์: Garnier Micellar Cleansing Water (249 บาท)

เคลนซิ่งลบเครื่องสำอางสูตรน้ำที่นอกจากราคาน่ารักน่าคบ คุณภาพยังดีเวอร์วัง ใช้เทคโนโลยีไมเซลล่าที่ช่วยดึงเอาสิ่งสกปรกบนผิวหน้าออกอย่างอ่อนโยน และที่เราเลิฟเป็นพิเศษนั้นเป็นเพราะสูตรปราศจากน้ำหอมทำให้ผิวแพ้ง่ายยังสามารถใช้ได้ด้วย

มาส์กหน้า: Origins Clear Improvement Active Charcoal Mask (1,250 บาท)

มาส์กชาร์โคลจากถ่านไม้ไผ่ (Bamboo Charcoal)ที่ช่วยดูดสิ่งสกปรกส่วนเกินออกจากรูขุมขน โดดเด่นด้วยสูตรอ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหรือลอกหลังใช้ และยังมีส่วนผสมของเลซิตินที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย

มอยซ์เจอไรเซอร์ผิวหน้า: Clinique Dramatically Different Moisturizing Gel (1,650 บาท)

มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่มีมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่! โดดเด่นด้วยการช่วยกระตุ้นให้ผิวเพิ่มความชุ่มชื่นในผิวตามธรรมชาติ ในตอนนี้พัฒนาสูตรให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกด้วยเนื้อสัมผัสแบบเจล ทำให้สาวผิวมันก็สามารถใช้ได้ แถมยังไม่ทิ้งความมันไว้บนผิวหน้า เหมาะกับการใช้ทั้งกลางคืนก่อนนอนและใช้ก่อนแต่งหน้าในตอนเช้า

ออยล์บำรุงผม: Moroccan Oil Treatment

ออยล์เนื้อเข้มข้นจากส่วนผสมออยล์ธรรมชาติหลากชนิดเหมาะกับใช้หลังสระผมก่อนนอนจาก ว่าที่เจ้าสาวที่ทำสีผมหรือทำเคมีเยอะๆ แล้วมีปัญหาปลายผมแห้งแตกปลาย ใช้ออยล์ชิ้นนี้ลูบเบาๆที่ปลายผมเป็นประจำ ผมจะค่อยๆสุขภาพดีขึ้น นอกจากสูตรเข้มข้นแล้วยังมีสูตรเนื้อบางเบาให้เป็นตัวเลือกสำหรับใครที่ไม่ชอบออยล์เนื้อหนักเกินไปด้วย

แชมพูและครีมนวดผม สูตรผมธรรมดา: Pantene Pro-V Daily Moisture Renewal Shampoo and Conditioner

แชมพูสูตรสำหรับผมธรรมดาถึงผมแห้งที่ต้องการบำรุงให้ผมดูสุขภาพแข็งแรงขึ้น มีน้ำหนักและเงางามมากขึ้น จากส่วนผสมของออยล์ธรรมชาติที่ทำให้ผมชุ่มชื่นแต่ไม่ลีบแบน และยังช่วยลดปัญหาผมแตกปลายด้วย

แชมพูและครีมนวดผม สูตรผมเสียหรือผมเส้นใหญ่: Kérastase Discipline Bain Fluidealiste และ Fondant Fluidealiste

แชมพูที่เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่ผมผ่านการทำเคมี ทำสี หรือแห้งเสียมาก ได้รับการพัฒนาสูตรจากช่างผมมืออาชีพให้ช่วยบำรุงล้ำลึกเพื่อกู้คืนเส้นผมให้กลับมาสุขภาพดีและมีน้ำหนักขึ้น อีกทั้งลดผมชี้ฟูได้อีกด้วย

เอาละค่ะ แคปหน้าจอเก็บไว้กันหรือยังเอ่ย! ถ้ายังไม่ฟินกับลิสต์สกินแคร์เพื่อเตรียมผิวเจ้าสาว เรายังมี ลิสต์ ออยล์บำรุงผิวสำหรับเจ้าสาว ชิ้นเดียวใช้ได้หัวจรดเท้า มาแนะนำอีกนะ คลิกเลย

credit story: brides.com, marthastewartweddings.com

ไอเดียกล่องใส่แหวนสุดเก๋ ที่เจ้าสาวเห็นแล้วอยากเซย์ I Do อีกรอบแน่นอน

เก็บกล่องใส่แหวนกำมะหยี่สีแดงแบบเดิมๆ ไว้ในตู้ไปก่อน แล้วลองเปลี่ยนมาใช้เป็น กล่องใส่แหวน ดีไซน์เก๋ที่รับรองว่ายูนีคไม่ซ้ำใคร ส่วนหนุ่มๆ คนไหนที่มีแพลนขอสาวแต่งงานก็ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าสาวเจ้าใจอ่อน say yes ทันทีแน่นอน เชื่อสิ

หากคุณจัดงานแต่งงานริมทะเล ต้องไม่พลาดกับกล่องใส่แหวนดีไซน์รูปเปลือกหอยที่เข้ากับบรรยากาศท้องทะเลเป็นที่สุด

สำหรับบ่าวสาวที่อยากเปลี่ยนรูปแบบกล่องใส่แหวน แต่ไม่ต้องการดีไซน์ที่แปลกล้ำมากนัก ลองเพิ่มหมอนเล็กๆ ที่วางเคียงกันพร้อมกับผูกแหวนด้วยริบบิ้นติดไว้กับหมอน เพื่อป้องกันแหวนหล่นหายขณะเคลื่อนย้าย

กล่องใส่แหวนดีไซน์เป็นหนังสือ เปรียบเสมือนบทบันทึกความรักของบ่าวสาวตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันแต่งงาน ด้านในลองดีไซน์เป็นริบบิ้นเพื่อใช้แขวนแหวนไว้ก็ได้ เก๋ไก๋ไปอีก

แหวนแต่งงานเปรียบเหมือนของขวัญที่ดีที่สุดของบ่าวสาว เพราะฉะนั้นกล่องใส่แหวนดีไซน์เรียบหรูก็ดูจะเข้าธีมไม่น้อย แล้วอย่าลืมเลือกกล่องที่มีความแข็งแรงสักหน่อยจะได้มีความปลอดภัยในการช่วยเก็บรักษาของล้ำค่าของคุณ

กล่องใส่แหวนทรงกลมสุดโรแมนติก ที่ดูเผินๆ เหมือนกับดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนกับความรักของคุณ

กล่องใส่แหวนรูปกล่องของขวัญ กับแหวนแต่งงานที่อยู่ภายในซึ่งเป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ได้เป็นอย่างดี

ถ้าบ่าวสาวอยากให้สุนัขตัวโปรดที่ต้องอยู่เฝ้าบ้านในวันแต่งงานได้มาเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญด้วย ลองมองหากล่องใส่แหวนที่ดีไซน์เป็นสายพันธุ์สุนัขตัวโปรดของคุณดู ก็ซึ้งดีไปอีกแบบนะคะ

สำหรับสุภาพสตรีอันเป็นที่รัก กล่องใส่แหวนกำมะหยี่สีสันสวยงามพร้อมโลโก้ Mrs. เรียบหรูดูดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

กล่องใส่แหวนรูปรถฟักทองของเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า ดูสวยสง่ามงามเหมาะกับเจ้าสาวที่เป็นเจ้าหญิงของคุณเจ้าบ่าวเป็นที่สุด

เลือกดีไซน์กล่องใส่แหวนได้แล้วก็ไปเลือกแหวนกันต่อเลย 22 ดีไซน์แหวนแต่งงานช่วยสร้างคาแร็กเตอร์เจ้าสาวให้โดดเด่น

ภาพ : brides.com

เมแกน มาร์เคิล เลือก ช่างผมเจ้าสาว ในวันเสกสมรสแล้ว! จะเป็นใครมาดูกัน!

ถึงแม้เราจะยังไม่รู้เรื่องชุดเจ้าสาว แต่ในตอนนี้ ช่างผมเจ้าสาว ผู้จะเนรมิตทรงผมในวันสำคัญของว่าที่ดัชเชส  เมแกน มาร์เคิล ก็ได้รับการยืนยันแล้ว

ซึ่งเขาคนนั้นมีชื่อว่า มิเกล เปเรซ (Miguel Perez) เป็นเซเลบบริตี้แฮร์สไตล์ลิสต์ชาวสเปนโดยกำเนิดแต่มาเติบโตที่ลอนดอน

 

ลูกค้าเซเลบของเขาแต่ละคนนั้นโปรไฟล์ไฮโซไม่เบา ยกตัวอย่างเช่น Amal Clooney ภรรยาคนสวยของดาราชายดาวค้างฟ้าอย่าง จอร์ช คลูนีย์  ซี่งเป็นคนเดียวกันกับที่แนะนำมิเกลให้รู้จักกับเมแกนเมื่อเมแกนเพิ่งย้ายมาอยู่ลอนดอนใหม่ๆ เพราะทั้งสองนั้นซี้กันอยู่

เมแกน มาร์เคิล
usmagazine.com

โดยก่อนหน้าที่เขาจะได้รับเลือกให้เป็นช่างทำผมเจ้าสาวในวันเสกสมรสของเมแกน เขาเคยทำผมให้เมแกนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการตัดผม ทำสีผม หรือสไตล์ลิ่งผมออกงาน ซึ่งทรงผมออกสื่อของเมแกนในระยะหลังๆ ก็เป็นผลงานของมิเกล

gettyimages

สื่ออังกฤษวิเคราะห์กันว่า ด้วยความที่สไตล์ทรงผมของมิเกลที่โดดเด่นคือสไตล์ปล่อยสลายและพองฟูมีวอลูมแบบเป็นธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเป็นไปได้สูงว่าทรงผมที่เมแกนจะเลือกใช้ในวันเสกสมรสคือทรงผมปล่อยยาวสยายแบบเดียวกันกับ เคธ มิดเดิลตัน แต่พักหลังๆนี้สื่อก็สังเกตว่าเมแกนทำผมเกล้าหลวมสไตล์ Messy Bun บ่อยเหมือนกัน ก็เป็นไปได้อีกว่าเธออาจจะเลือกทำทรงนี้สำหรับวันเสกสมรสก็ได้

ช่างผมเจ้าสาว
brit.co

ปัจจุบันนี้มิเกลทำงานอยู่ในซาลอนชื่อ Salon Sloane ในกรุงลอนดอน และค่าตัวของเขาในการตัดผมลูกค้าต่อหนึ่งครั้งนั้นสูงถึง 250 เหรียญสหรัฐ!!! (ราวๆ 9,000 บาท!) หรือถ้าอยากจะใช้บริการทำผมออกงาน ราคาก็จะอยู่ที่ 210 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 7,500 บาท!) เท่านั้นเอง

https://www.instagram.com/p/BcrIRmuFXrV/?taken-by=salonsloane

 

แหม่…สมชื่อเซเลบริตี้แฮร์สไตล์ลิสต์จริงๆค่ะ  ว่าที่เจ้าสาวคนไหนมีโอกาสไปเที่ยวกรุงลอนดอน อยากจะแวะเวียนไปทำผมกับช่างผมเซเลบคนนี้ก็สามารถแวะเวียนไปได้ เพราะเขาบอกว่าซาลอนแห่งนี้ คนธรรมดาที่ไม่ใช่เซเลบเค้าก็เวลคัมนะจ๊ะ..

..แต่จะสู้ราคาได้มั้ยเนี่ย อีกเรื่องนะ…ปาดเหงื่อแพพ

ติดตามข่าวล่าสุดของ งานเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ได้ที่นี่ คลิกเลย

Credit Story: brides.com

วิธีอบร่ำผ้าแบบโบราณ รู้ไว้เป็นไอเดีย เพิ่มความหอมให้ ชุดแต่งงานไทย

พูดถึง ชุดแต่งงานไทย แน่นอนว่ามีความสวยงามอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราลองมาอบร่ำผ้ากันดู เพื่อที่ ชุดแต่งงานไทย นั้นจะได้ทั้งสวยและมีกลิ่นหอมแบบโบราณแท้ๆ โดยไม่ต้องพึ่งน้ำหอมราคาแพง

ชุดแต่งงานไทยขั้นตอนการทำ ชุดแต่งงานไทย ให้หอมก็ไม่ยากและไม่ง่ายเสียทีเดียว มีขั้นตอนอะไร และอุปกรณ์ใดบ้าง มาดูกัน

อุปกรณ์

  1. หีบไม้ ทำความสะอาดให้ดีไม่ให้มีฝุ่นผง (ถ้าไม่มีให้หากล่องพลาสสติกมีฝาปิดมิดชิด)
  2. น้ำปรุง (คนละประเภทกับน้ำอบ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายน้ำอบ หรือร้านขายของออนไลน์)
  3. เทียนอบ
  4. เปลือกมะกรูดป่น
  5. น้ำตาลทราย
  6. ดอกมะลิ ดอกกระดังงา ดอกการเวก จำปี ใบเตย กุหลาบมอญ (ดอกสด)

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

วิธีการทำ

  1. ทำความสะอาดหีบไม้ หรือกล่องพลาสสติกให้สะอาด ไม่ให้มีฝุ่งผงใดๆ เลยนะจ๊ะ เพราะต้องใช้เก็บผ้าไว้ ถ้าสกปรกผ้าก็จะสกปรกตาม และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย
  2. นำผ้าที่ซักแล้ว มาตากให้แห้ง และพับลงหีบ
  3. นำน้ำปรุง เปลือกมะกรูดป่น น้ำตาลทราย มาผสมกัน แล้วนำไปเผา (แค่พอให้ไฟติด ไม่ต้องเผาจนไหม้เกรียม) จากนั้นหาถ้วยใบเล็กๆ บรรจุของที่เผาแล้ว และวางเทียนอบไว้ด้านบน
  4. จุดไฟให้เทียนอบติด และปิดฝาให้สนิท ทำแบบนี้ให้ครบ 5 ครั้ง ครั้งล่ะครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง
  5. เมื่อทำจนครบแล้ว เปิดฝาแล้วนำดอกไม้สดที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหีบ
  6. ปิดฝาทิ้งไว้ 3-4 วัน

ชุดแต่งงานไทย

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ชุดไทยแต่งงานที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นของการอบร่ำผ้าแล้วล่ะจ่ะ งามแบบไทยอีกทั้งยังหอมแบบไทยอีก รับรองว่าเป็นบ่าวสาวที่มีเสน่ห์สุดๆ ไปเลยล่ะ หรือถ้าใครจะนำมาอบเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ทำได้นะจ๊ะ การันตีว่าหอมแน่นอน … นอกจากนี้ยังมีวิธีการทำแป้งเจิม ที่วิธีการทำคล้ายๆ กัน ไหนๆ อบร่ำผ้าแล้ว จะทำแป้งเจิมด้วยก็ได้นะ  แป้งเจิม กระแจะจันทร์ คืออะไรมาดูกัน … พร้อมรู้วิธีการทำ ไม่ยากอย่างที่คิด

ภาพปกจาก : tatnewsthai.org/
ภาพประกอบจาก : yanisanaimsom.wordpress.com , thinsiam.com , เฟสบุค คนรักไม้ดอกหอมและเครื่องหอมไทย

รวม 5 เมืองสุดโรแมนติก เป็น สถานที่ขอแต่งงาน ก็ได้หรือฮันนีมูนก็ดี

แพรว wedding จะพาทุกท่านมาดู 5 เมืองสุดโรแมนติก ที่เป็น สถานที่ขอแต่งงาน ก็ได้ หรือว่าที่เจ้าบ่าวจะไปคุกเข่าขอว่าที่เจ้าสาวแต่งงานก็ฟิน หรือถ้าแต่งแล้วจะพาไปฮันนีมูนก็ยิ่งฟินไปใหญ่

และเพราะการเดินทาง เป็นการสร้างเรื่องราว และโมเม้นต์อันแสนประทับใจ ยิ่งไปกับคนรู้ใจก็ยิ่งพิเศษเข้าไปใหญ่ ว่าแล้วก็รีบวางแผน เก็บตังค์ให้ดีๆ แล้วจองตั๋วเครื่องบินไปยัง สถานที่ขอแต่งงาน สุดฟินกันเลย

1. เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย นอกจากเมืองจะสวย และคิ้วท์สุดๆ ขอรับรองเลยว่าไปแล้วมีกิจกรรมให้ได้ทำเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ลjองเรือชมเมือง เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สวยๆ เยี่ยมชมตลาดดอกไม้ ได้เที่ยวถ่ายรูปจนคุ้มแล้วก็สามารถไปแวะจิบกาแฟพร้อมชิมวาฟเฟิลได้อีก ลองแพลนดูดีๆ นะว่าจะใช้ช่วงเวลาใดคุกเข่าขอแต่งงานเพราะตารางกิจกรรมแน่นเอี๊ยดแน่นอนจ่ะ

สถานที่ขอแต่งงาน สถานที่ขอแต่งงาน

2. เมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองยอดนิยมของใครหลายๆ คน เพราะเป็นเมืองที่สวยงามทั้งสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ มีความเงียบสงบ และคลาสสิค ลูเซิร์นมีสถานที่ที่มีชื่อเสียงคือ สะพานไม้ชาเปล เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก สามารถพาว่าที่เจ้าสาวไปยืนกลางสะพาน แล้วยื่นแหวนเพชรเม็ดโตให้ได้นะจ๊ะ เพราะสามารถเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ยังสามารถไปล่องเรือในทะเลสาบลูเซิร์นก็ได้อีก บอกเลยว่าโรแมนติดสุดๆ

สถานที่ขอแต่งงาน สถานที่ขอแต่งงาน

3. เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส

อีกเมืองที่ถูกขนานนามว่าสุดแสนจะโรแมนติก เห็นได้จากคู่รักดาราหลายๆ คู่ที่มักจะไปคุกเข่าขอแต่งงานกันหน้าหอไอเฟลนั่นเอง ปารีสมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ฌองเซลิเซ่ โรงละครปาเลส์การ์นิเย่ หรือพิพิธภัณฑ์ลูฟ และปารีสขึ้นชื่อว่าเป็๋นเมืองแห่งอาหารรสเยี่ยม และน้ำหอม ไปแล้วก็เตรียมเงินไปช็อปปิ้งด้วยนะจ๊ะ

สถานที่ขอแต่งงาน สถานที่ขอแต่งงาน

4. เมืองฮัลล์สตัทท์ ประเทศออสเตรีย

เมืองฮัลล์สตัทท์ เป็นเมืองริมทะเลสาบที่สวยงามที่สวยที่สุดในโลก ภายในเมืองนั้นน่ารักสุดๆ นอกจากนี้ยังมีหงส์ที่เล่นน้ำอยู่ในทะเลสาบอีกด้วย ฮัลล์สตัทท์เป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่เงียบสงบ และมีอากาศที่ดีตลอดทั้งปี จากภูมิศาสตร์ที่มีภูเขาและป่าไม้โอบล้อมอยู่นั่นเอง

สถานที่ขอแต่งงาน สถานที่ขอแต่งงาน

5. เมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

ลองเปลี่ยนมุมมาทวีปอเมริกาดูบ้าง ถึงแม้ขั้นตอนการทำวีซ่าจะวุ่นวายสักเล็กน้อย และระยะทางการเดินทางที่ไกลจนเมื่อยไปตามๆ กัน แต่รับประกันความฟินไปเลย ลองพาหวานใจไปยืนอยู่ท่ามกลางไทม์สแควร์ดู รอบกายเราจะมีแต่สีสันที่สวยงามของป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์ หรือถ้าหากเบื่อจะนั่งซับเวย์ไปฝั่งบลุคลินก็เก๋เท่ไปอีกแบบ ให้ความรู้สึกชิคๆ คูลๆ และโรแมนติกสุดๆ ก่อนกลับยังสามารถแวะทานนิวยอร์กชีสเค้กเพิ่มความหวานได้อีกด้วยนะจ๊ะ

สถานที่ขอแต่งงาน สถานที่ขอแต่งงาน

เป็นอย่างไรบ้าง แต่ล่ะสถานที่สวยๆ ทั้งนั้น ควรลิสต์เอาไว้เป็นสถานที่ขอแต่งงานเอาไว้เลยนะ และรีบเก็บตังค์ พร้อมจองตั๋วเครื่องบินให้พร้อม รับรองว่าจะเป็นทริปในความทรงจำแน่นอนค่ะ … แต่ถ้าไม่อยากไปไกลลองดู รวมสถานที่ขอแต่งงานสุดโรแมนติกกับบรรยากาศสุดฟินบน Rooftop Bar

ภาพจาก : Pinterest.com

ย้อนดูบรรยากาศงาน Royal Wedding ที่ผ่านมา สวยงามอลังการแค่ไหนมาดู

Royal Wedding ของเมแกน มาร์เคิล กับเจ้าชายแฮรี่ ที่เป็นกระแสที่คนทั่วโลกต่างจับตามอง เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิลจะเข้าพิธีเสกสมรส ณ โบสถ์เซนต์จอร์จ ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ ตอนเที่ยงวันของวันที่ 19 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น)

งั้นเราลองมาย้อนดูภาพ Royal Wedding ที่ผ่านมากันหน่อยไหมคะว่าสวยงามอลังการแค่ไหน

Royal Wedding

1. เจ้าหญิงไดอาน่า และเจ้าฟ้าชายชาร์ล

พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างไดอาน่า สเปนเซอร์ และเจ้าฟ้าชายชาร์ลเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 ประกอบพิธี ณ มหาวิหารเซนต์พอล ซึ่งนิยมใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรส (Royal Wedding)ในราชสำนักมาเป็นเวลายาวนาน พระราชพิธีอภิเษกสมรสนี้ยิ่งใหญ่ หรูหรา อลังการ จนมีคนเปรียบเปรยว่างดงามราวกับงานแต่งงานในเทพนิยาย ภายในระหว่างการทำพิธีมีการถ่ายทอดสดพระราชพิธีนี้และมีผู้รับชมทางโทรทัศน์มากกว่า 750 ล้านคนทั่วโลก ไดอาน่าได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ดัชเชสแห่งคอร์นวอล ดัชเชสแห่งรอธเซย์ และเคาน์เตสแห่งเชสเตอร์

ชุดที่ไดอาน่าสวมใส่ในวันแต่งงาน เป็นผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า “เดวิด แอนด์ อลิซาเบธ มานูเอล” สองดีไซเนอร์สามีภรรยา เป็นชุดผ้าแพรแข็งสีงาช้าง โดยใช้เวลาตัดเย็บชุดแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่าเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ตัวชุดเป็นเสื้อแขนยาวและกระโปรงบานในสไตล์เจ้าหญิง และความยาวของชายกระโปรงก็ยาวถึง 25 ฟุต และชุดแต่งงานของเจ้าหญิงไดอาน่า ก็เป็นชุดเจ้าสาวยอดนิยมในยุค 80s และเป็นชุดแต่งงานไอคอนิคมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจากนี้ ไดอาน่าเลือกแหวนหมั้น ซึ่งประกอบจากเพชร 14 เม็ดล้อมแซฟไฟร์ซีลอนสีน้ำเงินน้ำหนัก 12 กะรัต ซึ่งแหวนหมั้นวงนี้มีความคล้ายกับแหวนหมั้นขอมารดาของไดอาน่านั่นเอง โดยผลิตและประกอบโดยร้านเพชรเจอร์ราร์ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตอัญมณีสำหรับราชสำนัก ส่วนภายในงานจะมีความสวยงามอลังการขนาดไหน มาดูกัน

Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding

 

2. เจ้าชายวิลเลียมส์ และ แคทเธอรีน มิดเดลตัน ดยุคและดัชเชสแห่งแคมบริดจ์

เป็นอีกหนึ่งงานที่สวยงามราวกับเป็นงานแต่งงานของเจ้าหญิงเจ้าชายในเทพนิยาย และทั้งสองพระองค์ก็เหมาะสมกันเหมือนกิ่งทองใบหยกอีกด้วย พิธีมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554 ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในกรุงลอนดอน

ภายในวันพิธี เจ้าหญิงเคททรงสวมชุดกระโปรงยาวสีขาว เป็นชุดที่สวยสง่างาม ออกแบบโดย ซาราห์ เบอร์ตัน จากแบรนด์ Alexander McQueen กับชุดเดรสแขนยาวทำจากผ้าซาตินและกระโปรงผ้าไหมทูลล์ ชายกระโปรงยาวประมาณ 9 ฟุต สวมมงกุฎราชินีคาร์เทียร์ และต่างหูเพชรจาก Robinson Pelham โดยนักออกแบบเครื่องแต่งกายชาวอังกฤษ ส่วนเจ้าชายวิลเลียม ทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารยศพันเอกประจำกองทหารไอริชรักษาพระองค์ มีเพื่อนเจ้าบ่าวคือ เจ้าชายแฮร์รี แห่งเวลส์ และ เพื่อนเจ้าสาวคือ พิปพา มิดเดิลตัน น้องสาวของเจ้าหญิงเคทนั้นเอง

ภายในวันพระราชพิธี เจ้าหญิงเคททรงมาพร้อมกับไมเคิล มิดเดิลตัน หรือบิดา เดินทางออกจากโรงแรมกอริง โดยรถยนต์โรลส์รอยส์สีดำ จากนั้นก็เข้าสู่พิธีปฏิญาณตนในพิธีเสกสมรส

และเมื่อเจ้าชายวิลเลียม ทรงสวมพระธำมรงค์ให้กับเจ้าหญิงเคท หลังจากนั้นทั้งสองพระองค์ทรงพระดำเนินออกจากมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ประทับรถม้าพระที่นั่งไปยังพระราชวังบักกิงแฮม ตลอดทางทรงโบกพระหัตถ์ทักทายประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จ ก่อนที่จะเสด็จออก ณ สีหบัญชรพระราชวังบักกิงแฮม ตามแบบอย่างพระราชบิดาและพระราชมารดาเมื่อ 30 ปีก่อน (เจ้าฟ้าชายชาร์ลและเจ้าหญิงไดอาน่า) โดยเจ้าชายวิลเลียม ได้จุมพิตพระชายาถึง 2 ครั้ง เป็นภาพสุดโรแมนติก ท่ามกลางประชากรที่มาร่วมยินดีอย่างล้นหลาม เรามาดูภาพไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า

Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding Royal Wedding

เป็นภาพที่สุดแสนจะโรแมนติก งดงามราวกับอยู่ในเทพนิยายจริงๆ เลยนะคะ … ถ้าไม่อยากตกข่าว มาอ่าน อัพเดทข่าวคราว พิธีเสกสมรส ของ เจ้าชายแฮร์รี่ และ เมแกน มาร์เคิล

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Wikipedia, praew.com, manager.co.th
ภาพจาก : Pinterest.com

3 แบรนด์ดีไซเนอร์ที่คาดว่าจะเป็นผู้ได้ครอบครอง ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิล

ดีไซเนอร์คนไหน คือคนที่จะได้ทำ ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิลกันนะ??

พิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล ที่กำลังจะเกิดในเร็วๆ นี้ต่างก็เป็นที่จับตาของคนทั่วโลก ว่าพิธีนั้นจะออกมายิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน และจะมีสิ่งใดที่เกิดขึ้นในงานบ้าง และสิ่งที่ทุกคนรอคอยมากที่สุดอย่างหนึ่งก็เห็นจะเป็น ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิล แต่คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นทีจะเป็นเหล่าแบรนด์ดีไซเนอร์ที่ต่างก็ลุ้นกันตัวโก่งว่าดีไซเนอร์คนไหนที่จะเป็นผู้โชคดีที่จะได้สร้างสรรค์ชุดแต่งงานให้กับเมแกน มาร์เคิลในวันแต่งงานกันนะ??

โดยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าแบรนด์ดังสัญชาติบริติชอย่าง Alexander McQueen อาจจะได้เป็นผู้ออกแบบชุดแต่งงานให้กับเมแกน เพราะแบรนด์ดังกล่างเคยได้ร่วมงานกับเคต มิดเดิลตัน มาแล้วในชุดแต่งงานประดับผ้าลูกไม้ที่เป็นที่พูดจนกลายเป็นชุดแต่งงานไอคอนิคไปแล้ว

นอกจากนี้อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นที่น่าจับตาว่าอาจจะได้เป็นผู้ออกแบบชุดให้กับเมแกนก็คือ ดีไซเนอร์ชาวอิสราเอลที่ชื่อ อินบัล ดรอร์ (Inbal Dror) แถมยังเป็นม้ามืดที่สุดเพราะเป็นแบรนด์ที่เมแกน มาร์เคิล ชื่นชอบเป็นพิเศษ กับซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่เน้นรูปทรงชุดที่มีกลิ่นอายความเซ็กซี่นิดๆ ด้วยผ้าลูกไม้และการประดับลูกปัดสุดระยิบระยับ ซึ่งแน่นอนว่าชุดนั้นจะดูแตกต่างจากลุคสุดคลาสสิคของชุดแต่งงานของเคต มิดเดิลตัน อย่างแน่นอน (ถ้าหากเธอเลือกสวมชุดจากแบรนด์นี้จริงๆ)

ชุดแต่งงานเมแกน

และอีกหนึ่งแบรนด์ที่คาดกันว่าอาจจะได้เป็นผู้ออกแบบชุดแต่งงานของเมแกนก็คือแบรนด์ Roland Mouret นักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่ได้ย้ายมาใช้ชีวิตและตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศอังกฤษมาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและมักมาพร้อมกับดีไซน์สุดทันสมัย เน้นไลน์ผ้าที่เรียบง่ายแต่ว่าโดดเด่น และเต็มไปด้วยดีเทลสุดเพอร์เฟกต์ของชุดแต่งงานที่เป็นปรารถนาของเจ้าสาว และแน่นอนแบรนด์นี้คือแบรนด์ที่ผสมผสานดีเทลชุดแต่งงานแบบเดิมๆ ให้เข้ากับชุดแต่งงานแบบร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เหมาะกับบุคลิกของเมแกน มาร์เคิลอยู่เหมือนกันน้า

และนี่คือ 3 แบรนด์ดีไซเนอร์ที่น่าจับตาว่าหนึ่งในแบรนด์ดังกล่าวจะเป็นแบรนด์ที่เมแกน มาร์เคิลเลือกหรือไม่ แอบตื่นเต้นแทนเหมือนกันนะเนี่ย

แบรนด์ชุดแต่งงานเพิ่มเติมที่อาจจะได้รับเลือกให้เป็นชุดแต่งงานของเมแกน มาร์เคิลในวันแต่งงาน
เค้าว่ากันว่า 1 ใน 5 แบรนด์นี้จะได้เสกชุดเจ้าสาวให้เมแกน มาร์เคิล!
หรือหนึ่งในภาพสเกตซ์เหล่านี้จะกลายเป็นชุดแต่งงานของ เมแกน มาร์เคิล!!

เรียบเรียงข้อมูลจาก www.azazie.com
ภาพ www.refinery29.com, kensingtonroyal, pinterest, www.elespanol.com, www.azazie.com

หนีเมืองกรุงไปสัมผัสธรรมชาติกับทริปสุดประทับใจพร้อม กระชับความสัมพันธ์

วิธี กระชับความสัมพันธ์ ที่ง่ายและเห็นผลที่สุดคือการใช้เวลาว่างร่วมกัน ว่าที่บ่าวสาวที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นก่อนแต่งหรือหลังแต่งงาน เราขอแนะนำให้จับมือกันวางแผนทริปสักทริปแล้วออกไปเที่ยวกันค่ะ

ซึ่งระหว่างทางคู่รักจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ และบอกเลยว่าการเดินทางเป็นการเพิ่มความทรงจำที่ดีมากๆ อย่างหนึ่ง … แพรว wedding เลยขอรวมทริปสุดประทับใจพร้อม กระชับความสัมพันธ์ กับการหนีเมืองกรุงไปสัมผัสธรรมชาติที่ไปไม่ยากเพราะอยู่ภายในประเทศแค่นี้เอง เตรียมตัวให้พร้อม แพ็กกระเป๋า แล้วไปกันค่ะ

1. จังหวัดจันทบุรี

ดินแดนฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 238 กิโลเมตร แต่เดิมจัทบุรีเคยถูกฝรั่งเศสยึดไว้ถึง 11 ปี จึงทำให้เมืองจันท์มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา ภายในตัวเมืองเป็นชุมชนริมน้ำจันทบูรที่เงียบสงบและสวยงาม มีอาสนวิหารพระนางมารีอา ปฎิสนธินฤมล ซึ่งเป็นศาสนสถานของศาสนาคริสต์ที่ผู้คนนิยมไปถ่ายภาพ เนื่องจากภายในมีศิลปะแบบโกธีคสวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ถ้าขับรถออกนอกเมืองจะได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็น ความสวยงามของหาดเจ้าหลาว น้ำตกกระทิง … ถ้าใครอยากไปพักผ่อน ใช้เวลากับคู่รักแบบเงียบๆ ไม่วุ่นวาย จันทบุรี นับเป็นอีกจังหวัดที่ควรไป และที่สำคัญเมืองจันท์เป็นเมืองของพลอยน้ำงาม ว่าที่เจ้าบ่าวสามารถหาซื้อให้เจ้าสาวได้นะจ๊ะ

กระชับความสัมพันธ์ กระชับความสัมพันธ์

2. เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ขึ้นชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ถ้าหาสถานที่ที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ขอแนะนำเขาค้อเลยค่ะ เพราะเขาค้อมีภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส ถ้าเราไปช่วงที่ฝนตก จะได้สัมผัสกับสายหมอกงามๆ ที่ค่อยๆ ลอยพัดผ่านหน้าเราไป เขาค้อสามารถขับรถไปได้ เดินทางประมาณ 380 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานคร มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตคือ ภูทับเบิก เราจะได้เห็นภูเขาและไร่กะหล่ำที่สวยงาม, วัดผาซ่อนแก้ว วัดยอดฮิตที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จะถ่ายภาพมุมไหนก็สวย และพระตำหนักเขาค้อ นอกจากนี้วิวสองข้างทางก็สวยงามมาก นับว่าเป็นวิวหลักล้านที่สามารถไปสัมผัสได้ด้วยตัวคุณเอง

กระชับความสัมพันธ์

กระชับความสัมพันธ์

3. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย

จับมือพาคนรักไปพิสูจน์รักแท้บนภูกระดึงกันดีกว่า สามารถขับรถยนต์ส่วนตัวไปได้ หรือจะนั่งรถทัวร์ไปก็ได้นะจ๊ะ ภูกระดึงจะเปิดให้เที่ยวในช่วงเดือนตุลาคม – พฤษภาคมเท่านั้น ถ้าคิดว่ารักกันมากพอแล้ว ลองไปภูกระดึงกันดูก่อน เราจะได้เห็นคนเราของเราในอีกมุมมองหนึ่งยามที่เหนื่อยจากการเดินทาง รับรองว่ากระชับความสัมพันธ์แน่นอนค่ะ แต่ก่อนไปเช็คสภาพอากาศให้ดีก่อนนะ ถ้าไปฤดูฝนต้องเตรียมพบกับการเดินป่าที่ลำบากนิดนึง และทากตัวน้อยๆ ที่จะมาทักทายตลอดทาง แต่ถ้าจะให้ดีขอแนะนำให้ไปช่วงฤดูหนาว เพราะเย็นชื่นใจแน่นอนค่ะ แล้วอย่าลืมจูงมือกันไปชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น หรือนอนนับดาวในเต๊นท์ก็ดีไปเสียหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินนะจ๊ะ บอกเลยว่าเยอะ!!หมูกระทะก็มีนะเออ เตรียมตัวให้พร้อมก็พอแล้ว

กระชับความสัมพันธ์ กระชับความสัมพันธ์

กระชับความสัมพันธ์
ภาพจาก : Thanan Maksutas

4. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่

ถ้าไปเชียงใหม่ทั้งที ห้ามพลาดดอยอินทนนท์นะจ๊ะ เพราะว่าดอยอินทนนท์เป็นดอยที่สูงที่สุดของประเทศไทย มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นอกจากนี้สามารถไปสักการะ พระมหาธาตุนภเมทนีดล นภพลภูมิสิริซึ่งเป็นพระมหาธาตุคู่พระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินี เพื่อเพิ่มสิริมงคลให้กับเราได้ ถ้าไปช่วงฤดูฝนขอแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกาดูนะคะ จะได้พบกับต้นไม้ใส่เสื้อ หรือพืชจำพวกมอส ข้าวตอกฤาษี ที่ขึ้นปกคลุมเขียวชอุ่มอยู่ทั่วบริเวณ ไม่เพียงเท่านี้ ถ้าไปในช่วงปีใหม่หรืออากาศกำลังหนาวๆ จะได้พบกับดอกนางพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งอยู่ทั่วดอยอินทนนท์ ราวกับเป็นภูเขาสีชมพูเลยทีเดียว

กระชับความสัมพันธ์กระชับความสัมพันธ์ กระชับความสัมพันธ์

5. อุ้มผาง จังหวัดตาก

หนีความวุ่นวายจากตัวเมืองไปสัมผัสความเงียบสงบที่อุ้มผางกันดูบ้าง ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการไปเที่ยวคือช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ หรือเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวนั่นเองค่ะ อุ้มผางเป็นเมืองที่ติดชายแดนไทย-พม่า มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และมีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ ก่อนถึงอุ้มผางเราจะได้เจอกับหมู่บ้านอุ้มเปี้ยม เป็นหมู่บ้านชาวเขาขนาดใหญ่ สวยงามมากๆ ถ้าไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนขอแนะนำให้ไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูนะจ๊ะ บอกเลยว่าต้องไปเห็นด้วยตาของตัวเองสักครั้ง สามารถติดต่อซื้อทัวร์กับไกด์ท้องถิ่นได้ เพราะทางเข้าค่อนข้างลำบากและอันตรายควรมีผู้ชำนาญทางพาไปค่ะ เบื่อน้ำตกแล้วจะไปล่องแก่งต่อก็ได้นะจ๊ะ บอกเลยว่ามาแล้วฟิน ไร้ความวุ่นวายแน่นอน

กระชับความสัมพันธ์ กระชับความสัมพันธ์

ลองดูตารางวันหยุดแล้วแพลนกันนะจ๊ะ จะได้มีทริปกระชับความสัมพันธ์ซะหน่อย ไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงต่างประเทศ ก็สวยและสนุกกับการเดินทางได้ … แต่ถ้าคิดว่าไม่ต้องกระชับความสัมพันธ์แล้วแต่งเลยดีกว่า เราขอแนะนำ  5 อุทยานแห่งชาติ สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ไกลมากได้ภาพสวยปังประหยัดงบด้วย

ภาพจาก : เพจเฟซบุ๊ก Photobyboonchanok , Thanan

“Intermitten Fasting” ไดเอต ลดอายุ! ที่เหล่าเซเลบกำลังอิน คืออะไร มาดูกัน

ชวนว่าที่เจ้าสาวมาส่องการ ไดเอต แบบใหม่ ที่นอกจากจะช่วยให้หุ่นดียังช่วยลดอายุผิวได้ด้วย! ต้องทำยังไง? ปลอดภัยต่อร่างกายไหม? เราหาคำตอบมาให้แล้ว

อะไรนะ?! มี ไดเอตแบบใหม่ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยลดรอบเอว แต่ยังช่วยให้ผิวโกลว์ แถมลดเลือนริ้วรอยด้วยน่ะเหรอ! จะดีเกินไปละมั้ง? อย่าบอกนะว่าจะมาขายอาหารเสริม! เปล่าเลยค่ะคุณว่าที่เจ้าสาว เราอยากจะบอกว่า เทรนด์ไดเอตแบบใหม่นี้กำลังมาแรงจริงๆ ในหมู่เซเลบและดาราฮอลลีวูด แถมยังมีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันแล้วด้วย และที่ดียิ่งไปกว่านั้นคือ คุณว่าที่เจ้าสาวยังสามารถทานคาร์โบไฮเดรตและไขมันได้! ขุ่นพระ! บอกมาไวๆเลยค่ะจะรีบทำตามด่วน!

แหม่…อย่าเพิ่งรีบร้อนขนาดนั้นค่ะ เรามาดูกันก่อนดีกว่า ว่าที่มาที่ไป และวิธีการทำงานของไดเอตแบบใหม่นี้ต่อร่างกายของเราน่ะเป็นยังไง แล้วถ้าหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนอยากลองดู เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกทีว่าเหมาะกับสภาพร่างกายเราไหม เพื่อความเซฟ ไม่งั้นพลาด ป่วยก่อนงานแต่งไม่รู้นะเออ!

เจ้าไอเดตแบบใหม่นี้มีชื่อว่า “Intermitten Fasting” หรือแปลตรงตัวคือ “การไดเอตโดยการอดอาหารเป็นระยะๆ” การไดเอตนี้พัฒนาต่อเนื่องมาจากทฤษฏี Autophagy หรือ การกลืนกินตัวเองของเซลล์ ของ Yoshinori Ohsumi นักชีววิทยาผู้ทำการศึกษาเรื่องเซลล์อย่างลึกซึ้ง เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขา Physiology or Medicine ในปี ค.ศ. 2016 ที่ผ่านมาจากการศึกษาเรื่องนี้ด้วย

ไดเอต
Yoshinori Ohsumi ภาพโดย AFP

ทฤษฏีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คนในยุคปัจจุบันทานอาหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงก่อนนอน เมื่อเราทานอาหาร ร่างกายจะทำงานเพื่อย่อยอาหาร และผลิตอินซูลินออกมา กลไกการทำงานเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีๆ ทำให้เซลล์ในร่างกายของเราอ่อนล้า ส่งผลไปถึงส่วนอื่นๆทั่วร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง หรือสมอง และยังสามารถส่งผลให้เราเป็นโรคเบาหวานหรือมะเร็งได้ นอกเหนือจากการศึกษานี้ ยังมีหนังสือที่เขียนโดยนายแพทย์ Yoshinori Nagumo ที่มีชื่อว่า “ยิ่งหิวยิ่งอายุยืน” ซึ่งออกมาซัพพอร์ตทฤษฏีเดียวกันนี้อีกด้วย และความทึ่งของเราก็คือ คุณหมอ Yoshinori มีการนำเอาภาพของเขาก่อน และหลังการทดลองอดอาหารมายืนยัน ซึ่งเขาดูเด็กลงมากจริงๆ!

Yoshinori Nagumo
ภาพโดย mthai.com

Luiza Petre, M.D.,  แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ และผู้ให้คำปรึกษาด้านการลดน้ำนักจาก New York กล่าวว่า ร่างกายของเราสามารถทนการอดอาหารได้มากกว่าที่เราคิด การอดอาหารเป็นระยะๆ ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง จะช่วยให้เซลล์เกิดการ “รีไซเคิลตัวเอง” และบังคับให้ร่างกายดึงไขมันสะสมออกมาใช้เพื่อให้พลังงาน “เมื่อเซลล์ทิ้งของเสียออกไปและเริ่มซ่อมแซมตัวเอง เราจะเริ่มสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น สมองที่ปลอดโปร่งขึ้น ผิวพรรณกระจ่างขึ้น ริ้วรอยลดลง และรูปร่างที่ดีขึ้น” ด็อกเตอร์ Luiza Petre กล่าว

วิธีการของการ “Intermitten Fasting” คร่าวๆ คือ ทานอาหารตามปกติ 4 วันต่ออาทิตย์ โดยเน้นหนักโปรตีนในมื้อเช้า และคาร์โบไฮเดรตในมื้อเย็น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เพราะคาร์โบไฮเดรตจะทำให้ร่างกายหลั่งสารอินซูลินที่กระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันในร่างหาย ในทางตรงกันข้าม การทานคาร์โบไฮเดรตในตอนเย็นจะทำให้เรารู้สึกสงบและพร้อมเข้านอน นอกจากนั้นในวันที่เราทานอาหารตามปกติ การไดเอตวิธีนี้ยังแนะนำให้เราทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกายอย่าง ดาร์กช็อคโกแล็ต หรือ ไวน์แดง ได้ด้วย

Credit: simplemente-maria.tumblr.com

แต่อีก 3 วันต่ออาทิตย์ ที่เหลือ คุณจะต้องอดอาหารเป็นระยะเวลา 16 ชั่วโมง ติดต่อกัน นั่นหมายความว่าหากคุณทานอาหารมื้อสุดท้ายตอน 1 ทุ่ม คุณจะทานได้อีกครั้งตอน 11 โมงของวันรุ่งขึ้น (ระหว่างนั้นทานได้เฉพาะน้ำเปล่า) และในวันที่คุณอดอาหาร คุณควรเลือกทานอาหารที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ และ 3 วันที่คุณอดหารนี้ ไม่ต้องติดต่อกัน หมายความว่า ใน 1 อาทิตย์ คุณอาจจะเลือกอดอาหาร วันจันทร์ วันพฤหัส วันเสาร์ เป็นต้น

ส่วนคำแนะนำอื่นๆ เช่น ในวันที่คุณไม่อดอาหาร ควรไปออกกำลังกาย โดยเน้นการออกกำลังกายแบบ High Intensity (HIIT) ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดึงไขมันออกมาใช้มากกว่าคาร์โบไฮเดรต

ไดเอต

เอาละค่ะ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่อยากลองการไดเอตลดอายุ เราขอเตือนว่าให้คุณปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะเราคิดว่าคุณจะต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และเคยออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอก่อนถึงจะเหมาะที่จะลองทำดูนะคะ ถ้าหากคิดว่าร่างกายเราไม่พร้อม ก็หาวิธีไดเอตแบบอื่นที่เหมาะกับเราดีกว่า เพื่อความเซฟไม่ให้เราป่วยก่อนแต่งงานเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทันค่ะ

ถ้าชอบคอนเท้นต์นี้ เราขอแนะนำให้คลิกอ่าน ทิปส์การออกกำลังกายที่บ้านยังไงให้ได้ผลเหมือนไปฟิตเนส ที่นี่เลย!

Credit story: harpersbazaar.com, dietdoctor.com , manager.co.th

Credit Featured Photo: davidsbridal.com , thebach.com

Sweet Sparkle เสริมลุคเจ้าสาวด้วยเครื่องประดับเจ้าสาวสุดหรู

เสริมลุคเจ้าสาวให้ดูดีด้วย เครื่องประดับเจ้าสาว สุดหรู

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่อยากให้ลุคของตัวเองหรูหราสวยงามไม่โล่งจนเกินไป การเลือก เครื่องประดับเจ้าสาว มาช่วยเสริมความงามนั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะเครื่องประดับแบบเข้าเซตทั้ง ต่างหู สร้อยคอ และแหวนเพชร ที่บรรจงพิถีพิถันในการออกแบบมาเพื่อให้เข้ากันทั้งเซต รวมถึงเป็นสไตล์ที่เข้ากับชุดแต่งงานและบุคลิกของเจ้าสาวด้วย แพรว wedding เลยนำตัวอย่างเครื่องประดับเพชรจากร้าน Vijittra’s Jewellery มาให้ว่าที่เจ้าสาวได้ชมกันเพลินๆ เพื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจดีๆ นำไปสร้างสรรค์หรือเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับชุดและตัวเองได้ สวยแค่ไหนไปดูกันเลย

เครื่องประดับเจ้าสาว

เครื่องประดับเพชร : Vijittra’s Jewellery โทร. 06-1614-5096 ไลน์ : vijittra-jewellery
ชั้น 3 เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ชั้น 1 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, ชั้น 1 เจ.เจ.มอลล์, ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางกะปิ, ชั้น 2 เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
เสื้อผ้า : Mirror Mirror Bangkok โทร. 09-7086-5512 เฟซบุ๊ก : ชุดแต่งงาน By MirrorMirror ไอจี : @mirrormirrorbkk

5 โรงแรมหรูกับแพ็คเกจจัดงานแต่งงานริมทะเล ณ ทะเลชะอำ-หัวหิน

5 แพ็คเกจสถานที่จัด งานแต่งงานริมทะเล ชะอำ-หัวหิน 

ซัมเมอร์นี้บ่าว-สาวที่สนใจจัดงานแต่งงานมีสถานที่ในดวงใจหรือยังเอ่ย? ถ้าพูดถึงฤดูร้อนสถานที่จัดงานแต่งงานที่เข้ากับบรรยากาศคงต้องนึกถึงริมทะเลสวยๆ สักแห่ง อย่างทะเลที่ชะอำ-หัวหิน นอกจากมีบรรยากาศดี มีความเงียบสงบดูเป็นส่วนตัวแล้ว ยังใกล้กรุงเทพฯ อีกด้วยน้า งั้นแพรว wedding ก็ขอนำเสนอแพ็คเกจ 5 สถานที่จัด งานแต่งงานริมทะเล สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เป็นหาดส่วนตั๊ววส่วนตัวของทางโรงแรมจะมีที่ไหนมีแพ็คเกจน่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลยยยย

งานแต่งงานริมทะเล

Hua Hin Marriott Resort & Spa

นับว่าเป็นโรงแรมที่สร้างสรรค์เอกลักษณ์แห่งสถาปัตยกรรมของงานไม้ โดยนำองค์ประกอบที่งดงามอ่อนหวานของดอกพิกุลมาใช้กับการออกแบบสมัยใหม่ผสมผสานรูปแบบโคโลเนียลได้อย่างลงตัว ตั้งอยู่ริมชายหาดที่ต้องการันตีเลยว่าหาดนี้สวยงามที่สุดในหัวหินแล้ว จึงเป็นสถานที่พักตากอากาศที่ดึงดูดให้ผู้เดินทางมาเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน รวมไปถึงทางด้านเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่สนใจมาจัดงานแต่งงานริมทะเลที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในย่านหัวหิน ทางโรงแรมก็มีแพ็คเกจจัดพิธีแต่งงานแบบตะวันตกมาแนะนำกันค่ะ ขอบอกเลยนะคะว่าคุ้มสุดๆ เพราะมีของแถมมากมาย เช่น Sparkling Wine 1 แก้วให้กับแขกทุกคนในงาน สปาทรีตเม้นต์ 1 ชั่วโมงสำหรับเจ้าสาว ห้องพัก 1 คืน พร้อมการตกแต่งแบบฮันนีมูนสำหรับคู่บ่าว-สาว ชุดน้ำชายามบ่ายสำหรับบ่าว-สาว และอื่นๆ อีกมากมาย แขกร่วมงาน 30 คน ราคา 149,000 บาท และ 50 คน ราคา 159,000 บาท แพ็คเกจนี้รวมค่าตกแต่งสถานที่ให้แล้วด้วยน้า

งานแต่งงานริมทะเล

Marrakesh Hua Hin Resort & Spa

มาราเกซ หัวหิน รีสอร์ท แอนด์สปา แห่งนี้สามารถเนรมิตงานวิวาห์ริมทะเลสวยๆ ดั่งใจหวัง ท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ให้ความรู้สึกคล้ายกับนครแห่งความรักในตำนานของโมร็อกโก ในเสน่ห์ของความหรูหรา มีรสนิยม และโรแมนติก กลมกลืนกับหาดทรายขาวสะอาดของหัวหิน ด้วย 3 แพ็คเกจงานแต่งงานสำหรับ 50 ท่าน คือ

  • Journey to the Ocean Wedding Package ราคา 199,000 บาท รวมค่าตกแต่งสถานที่ บาทหลวงนำพิธี  ช่างภาพ 4 ชั่วโมง เค้กแต่งงาน เครื่องดื่ม บาร์บีคิวบุฟเฟ่ต์ ห้องพักเซเลสเทียล สวีท ในคืนระหว่างจัดงานสำหรับคู่บ่าว-สาวจำนวน 2 คืน ฟรี!! บัตรกำนัลฮันนีมูน 2 วัน 1 คืน ห้องจากุซซี่ สวีท พร้อมอาหารเช้า
  • Love at Sea Wedding Package ราคา 159,000 บาท รายละเอียดแพ็คเกจจะคล้ายกับอันแรกเลยค่ะ เพียงแต่ว่าอาหารในแพ็คเกจนี้ จะเป็นแบบค็อกเทลดินเนอร์ และห้องพักระหว่างจัดงานจะเป็นห้องโอเชี่ยนฟร้อนท์ สวีทค่ะ
  • Thai Wedding Package อันนี้จะเป็นแพ็คเกจงานแต่งงานแบบไทยนะคะ ราคา 159,000 บาท รวมค่าตกแต่งสถานที่ ค่าชุดขันหมาก ค่าขบวนแห่กลองยาวและนางรำ พิธีสงฆ์ พิธีรดน้ำสังข์ ช่างภาพ 4 ชั่วโมง ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ส่วนทางด้านห้องพักและบัตรกำนัลจะเหมือนกับแพ็คเกจที่สองนะคะ
    **โดยแพ็คเกจทั้งหมดสามารถเริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2019 ปีหน้านู่นเลย

งานแต่งงานริมทะเล

Novotel Hua Hin Cha Am Beach Resort & Spa

หากคุณฝันอยากจัดงานแต่งงานแบบตะวันตกสุดโรแมนติกริมชายทะเลแล้วล่ะก็ทางโรงแรมโนโวเทลที่มีชื่อเสียงในด้านสถานที่พักที่หรูหราและการบริการที่ดีเลิศ สามารถจัดทีมงานอีเว้นท์มืออาชีพที่จะคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานแบบตะวันตกที่สมบูรณ์แบบในบรรยากาศสวยงามของริมชายหาดชะอำ คุณจะได้พบกับความประทับใจในการเฉลิมฉลองงานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณเลยล่ะค่ะ สำหรับบ่าว-สาวที่เลือกจัดงานแต่งงานริมทะเล ในบริเวณพื้นที่จะสามารถจุแขกผู้มาร่วมงานทั้งหมดได้ถึง 300 ท่าน งานแต่งแบบไทยก็สามารถจัดริมทะเลได้ด้วยเหมือนกันน้า ราคาเริ่มต้นที่ 85,000 บาท ส่วนงานแต่งแบบสากล ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 69,000 บาท ซึ่งก็จะมีทีมงานออแกไนซ์ และเวดดิ้งแพลนเนอร์คอยให้คำปรึกษา รวมไปถึงช่างภาพมืออาชีพ เค้กแต่งงาน สปาผิวหน้า มือและเท้าสำหรับเจ้าสาวอีกด้วยนะคะ

งานแต่งงานริมทะเล

So Sofitel Hua Hin

สัมผัสสายลมเย็นบนชายหาดส่วนตัว เชิญชวนเพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานสุดหวานริมชายหาดชะอำ บนแนวชายหาดอันแสนสวยงามพร้อมความเป็นส่วนตัว ที่โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ที่จะมาเนรมิตงานแต่งงานสไตล์เทพนิยายให้กับคุณ ในราคา 149,000 บาท สำหรับแขกจำนวน 40 ท่าน แพ็คเกจนี้ ประกอบด้วย บริการตกแต่งพื้นที่บริเวณปรัมพิธีตามธีมที่คุณต้องการ บริการช่อดอกไม้หรือดอกไม้ต่างๆ ที่จะมาช่วยเสริมบ่าว-สาวและผองเพื่อน เค้กแต่งงาน  สปาร์กลิงไวน์ 1 ขวด พร้อมฟรีโฟลว์เครื่องดื่มสมุนไพรและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และพิเศษ!! ที่พัก 2 คืนในห้องโซ สตูดิโอ (SO Studio) ที่ตกแต่งแบบฮันนีมูน พร้อมอาหารเช้าสำหรับคู่บ่าวสาว แถมในตอนบ่ายคุณยังได้ไปนั่งชิลจิบน้ำชาและชิมขนมที่ทางโรงแรมได้จัดไว้ให้ และไปผ่อนคลายกันต่อได้ที่บริการสปาอีก 60 นาทีแหน่ะ

งานแต่งงานริมทะเล

Centara Grand Beach Resort & Villas Hua Hin

โรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีบรรยากาศหรูหราไม่เหมือนใคร ภายใต้สถาปัตยกรรมยุคอาณานิคมที่ได้รับการบูรณะอย่างพิถีพิถัน มีสวนที่ออกแบบอย่างประณีต ล้อมรอบด้วยหาดทรายสีทองอร่าม เติมเต็มบรรยากาศด้วยการบริการที่มาพร้อมเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ทำให้งานแต่งงานของคุณพิเศษน่าจดจำยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะต้องการงานแต่งงานแบบไทย หรือแบบตะวันตก แบบดั้งเดิม หรือแบบร่วมสมัย สถานที่แห่งนี้ก็สามรถเนรมิตให้คุณได้กับแพ็คเกจราคา 150,000 บาท สำหรับแขก 40 ท่าน แต่ที่บริเวณชายหาดสามารถรองรับแขกได้ถึง 100 ท่านเลยนะคะ ซึ่งราคาก็จะต้องเพิ่มขึ้นไปเช่นกัน โดยราคาดังกล่าวจะรวมค่าประกอบพิธี ค่าอุปกรณ์และการตกแต่งสถานที่ เค้ก เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ บริการถ่ายภาพจำนวน 40 ภาพ (ไฟล์ดิจิตอล) และความพิเศษที่ไม่แพ้ที่อื่นๆ กับห้องพัก Premium Deluxe 1 คืน ไวน์แดง 1 ขวดให้คุณทั้งคู่ได้มีเวลาร่วมฉลองกันแบบสองต่อสอง และบริการนวดอโรม่า 90 นาที ที่ห้อง  SPA Cenvaree

เมื่อปักหมุดสถานที่จัดงานแต่งงานกันไปแล้ว บ่าว-สาวที่สนใจจัดงานแต่งงานริมทะเลก็ลองหาข้อมูลในการจัดงานกันสักนิด เพราะมีทริคบางอย่างที่คุณควรรู้ไว้ ซึ่งจะเป็นเรื่องของอะไรบ้างนั้น ต้องมาดูกันใน  เทคนิค จัดงานแต่งริมทะเล ให้เหมือนมืออาชีพมาจัดให้ไม่ยากอย่างที่คิด

Cr : wortmusik.info, facebook.com/Huahinmarriott, Marrakesh Hua Hin Resort & Spa, Novotel Hua Hin Cha Am Beach Resort & Spa, so-sofitel-huahin.com, centarahotelsresorts.com

มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับ ผมเจ้าสาว ด้วยทรงพระเกศาเจ้าหญิงระดับราชวงศ์

งานพิธีอภิเษกสมรส หรือพิธีเสกสมรส ของเหล่าราชวงศ์ของประเทศต่างๆ แน่นอนว่าเป็นที่จับตามองของเหล่าพสกนิกรในประเทศนั้นๆ (อย่างเช่นงานเสกสมรสที่กำลังจะมาถึงของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล!) และยังได้รับการจับตามองจากผู้คนนอกประเทศและสื่อต่างๆทั่วโลกอีกด้วย ยิ่งในประเด็นของชุดเจ้าสาว เมกอัพ และ ผมเจ้าสาว ของเจ้าหญิงเชื้อพระวงศ์ หรือเจ้าหญิงสามัญชนที่กำลังจะได้เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์ นับได้ว่าเป็นประเด็นที่สื่อให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเลยละค่ะ

ทั้งนี้เพราะว่าภายใต้ลุคสวยของเจ้าสาวเชื้อพระวงศ์นั้น จะต้องมาจากการครีเอทของดีไซน์เนอร์ เมกอัพอาร์ทิสต์ และแฮร์สไตล์ลิสต์ที่เก่งที่สุดเท่านั้น เพราะฉะนั้น ลุคเจ้าสาวของเหล่าเชื้อพระวงศ์จึงกลายมาเป็นแรงบันดาลให้กับเหล่าว่าที่เจ้าสาวมากมาย แพรวเวดดิ้งก็เลยขอรวบรวม ผมเจ้าสาว ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่สวยระดับตำนาน มาให้เป็นแรงบันดาลใจของว่าที่เจ้าสาวในการหาทรงผมสุดคลาสสิคในวันแต่งงานของคุณค่ะ

แคเธอริน หรือ เคธ มิดเดิลตัน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์, สหราชอาณาจักร (2011)

ผมเจ้าสาว

เจ้าหญิงโซเฟียแห่งสวีเดน (2015)

ผมเจ้าสาว
Source: AP

เจ้าหญิงแคลร์แห่งลักเซมเบิร์ก (2013)

ผมเจ้าสาว

ซาร่า ฟิลลิปส์  พระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2, สหราชอาณาจักร (2011)

ผมเจ้าสาว
Source: REX features

เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโค (2010)

ผมเจ้าสาว

สมเด็จพระราชินีรานยาแห่งจอร์แดน (1993)

ผมเจ้าสาว

เจ้าหญิงมาซาโกะ มกุฎราชกุมารีแห่งญี่ปุ่น (1993)

Source: AFP

ซาราห์ เฟอร์กูสัน, ดัชเชสแห่งยอร์ก (1986)

Source: PA

ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์, สหราชอาณาจักร (1981)

Source: mirror.co.uk

เจ้าหญิงมาร์กาเรต เคาน์เตสแห่งสโนว์ดอน, สหราชอาณาจักร (1960)

Source: townandcountrymag.com

วอลลิส ซิมป์สัน ดัชเชสแห่งวินด์เซอร์, สหราชอาณาจักร (1937)

ผมเจ้าสาว

เกรซ เคลี่ เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโค (1956)

Source: Pinterest

เต็มอิ่มกันไปหรือยังคะ กับภาพทรงผมเจ้าสาวระดับเชื้อพระวงศ์กว่า 10 พระองค์ หวังว่างานนี้ว่าที่เจ้าสาวจะได้ไอเดียทรงผมสุดคลาสสิคไว้ใช้สำหรับวันสำคัญกันแล้วนะคะ!

credit story: brides.com , vogue.com.au

รวมแบรนด์รองเท้าผ้าใบสำหรับใส่ในอาฟเตอร์ปาร์ตี้แดนซ์ได้ไม่กลัวล้ม

อาฟเตอร์ปาร์ตี้ คือช่วงปิดท้ายงานแต่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้แดนซ์กันแบบสุดเหวี่ยงถูกต้องไหมจ๊ะ แต่จะดีกว่าไหมนะ ถ้าเจ้าสาวเลือกใส่รองเท้าผ้าใบในอาฟเตอร์ปาร์ตี้ แทนที่จะใส่คัชชูสูง 3 นิ้ว แค่คิดก็ปวดเท้าแล้ว เผลอๆ อาจส่งผลให้สเต็ปการแดนซ์มีปัญหาอีกด้วย

แพรว wedding เลยคัด 5 แบรนด์รองเท้าที่ดีไซน์สวยงามไม่ซ้ำกัน ที่สำคัญใส่สบายถนอมเท้าสุดๆ จะแดนซ์ใน อาฟเตอร์ปาร์ตี้ เท่าไหร่ก็จัดได้เลย มาดูกันค่ะว่าจะมีคู่ไหนที่ถูกใจ หรือเล็งเอาไว้บ้างแล้ว

 

งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้1. New Balance 247 สี Pink Sand Stone

บอกเลยว่ารองเท้า New Balance ทำออกมาเอาใจสาวๆ สุดๆ ไปเลยจ่ะ โดยเฉพาะสีชมพูสีสวยหวานมากกกกกก ตัวรองเท้าทำมาจากหนังสังเคราะห์ แถมน้ำหนักรองเท้าก็เบาอีกต่างหาก (เบากว่ารุ่นอื่นๆ อีกน้า) และถึงแม้จะมีสีชมพูมุ้งมิ้ง แต่รับประกันความถึกและทน รองรับแรงกระแทกจากวัตถุต่างๆ ได้ดีมาก ที่สำคัญว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องกลัวว่าสีชมพูจะโดดเด่นหรือขโมยซีนหรือไม่ เพราะสีชมพูเฉดนี้สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้กับชุดทุกสีเลยล่ะคะ

 

งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้

2. Adidas NMD  Primeknit Pink

มาต่อที่รองเท้าสีชมพูอีกสักคู่นะจ๊ะ กับรองเท้าแบรนด์ Adidas รุ่น NMD นั่นเอง ที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวสายหวานสุดๆ เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะว่าสีสวยมากหวานละมุนได้อีก ดีไซน์รองเท้าคู่นี้ไม่เน้นลวดลายอะไรเยอะ มีเพียงตาข่ายเล็กๆ ที่มาคู่กับขอบยางสีขาวที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี แถมใส่แล้วการันตีว่าสบายเท้าสุดๆ จะแดนซ์เท่าไหร่ก็ไม่ต้องห่วงเลยจ่ะ

 

งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้

3. Nike Air Max 90 Ultra 2.0

มาดูรองเท้า Nike สีขาวคลีนๆ สวยๆ กันบ้าง กับรองเท้า Nike รุ่น Air Max เป็นรองเท้าที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นได้ดีมาก ตัวรองเท้าสามารถรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี และมีน้ำหนักเบา ทนทาน ตัวพื้นของรองเท้าเป็นพื้นโฟมยิ่งเพิ่มความสบายให้กับเท้าได้อย่างดียิ่ง ขอกระซิบบอกอีกหน่อยว่า รองเท้าคู่นี้มีเทคโนโลยี Visible Max Air บริเวณส้นเท้าที่ช่วยเพิ่มความนุ่มสบายอีกด้วยนะจ๊ะ อาจจะช่วยเพิ่มสเต็ปกระโดดของเจ้าสาวได้

 

งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้

4. Converse Chuck Taylor All Star Classic White Low

รองเท้าคอนเวิร์สสุดเท่ที่สาวๆ หลายคนคุ้นกันอยู่แล้ว เพราะแฟชั่นนิสต้าอย่าง ชมพู่-อารยา ได้สวมในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ของเธอมาแล้ว แน่นอนว่าคอนเวิร์สขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิค และสามารถแมตช์เข้ากับการแต่งงานได้หลายสไตล์ แม้กระทั่งกับชุดแต่งงานก็ใส่ได้แบบไม่เคอะเขิน แถมยังแฝงความเท่เอาไว้ด้วย บอกเลยว่าสามารถใส่ลุยได้ทุกสถานการณ์ ใส่กับชุดสีไหนแบบไหนก็รอดค่ะ

 

งานอาฟเตอร์ปาร์ตี้

 

5. FILA court deluxe bold shiny

รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้มีให้เลือกถึงสองแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบผูกเชือก หรือแบบแถบแปะที่ด้านหน้า เจ้าสาวสะดวกแบบไหนก็เลือกเอาได้เลยนะ FILA court deluxe bold shiny มาพร้อมดีไซน์ที่น่าหลงใหลสุดๆ เพราะเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวตัดกับสีชมพูเมทัลลิค ซึ่งกระแสเมทัลลิคก็กำลังมาแรงมากในปีนี้ แถมยังเป็นสีชมพูโรสโกลด์อีกด้วยน้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าสาวสาวหวานหรือสาวเปรี้ยวแซ่บก็ใส่ได้นะบอกเลย

เอาเป็นว่าในอาฟเตอร์ปาร์ตี้เราขอแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวโยนรองเท้าส้นสูงทิ้งไปก่อน แล้วเปลี่ยนมาใส่รองเท้าผ้าใบที่จะสามารถให้คุณแดนซ์ได้แบบลืมโลก ได้รองเท้าแล้วก็ไปดู ไอเดียชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้สีดำสำหรับเจ้าสาวสายแซ่บ ใส่แล้วปังไม่ซ้ำใคร กันต่อเลย

ภาพจาก : Twitter , Converse.com , extremefootwear.pt , Nike , New Balance

มีข่าวลือว่า ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิล อาจจะไม่ได้มีแค่ชุดเดียว!!

วันสำคัญขนาดนี้ ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิล จะมีชุดเดียวได้ยังไง!!

ผู้คนกว่าทั่วโลกและเหล่าแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานทั้งหลายต่างก็ตื่นเต้นไปกับ ชุดแต่งงานเมแกน มาร์เคิล ที่ใกล้จะได้อวดโฉมสู่สายตาสาธารณชนในเร็ววันนี้ แต่!! ความตื่นเต้นสำหรับชุดแต่งงานชุดแรกยังไม่ทันผ่านพ้นไป ก็มีคลื่นความตื่นเต้นลูกใหม่ถาโถมเข้ามาทันมี เมื่อมีข่าวลือแว่วๆ มาว่างานนี้เมแกน ไม่ได้มีชุดแต่งงานแค่ชุดเดียวนะจ๊ะ!! เพราะเธออาจจะสวมชุดแต่งงานอีกหนึ่งชุดเมื่อพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี่ในช่วงกลางวันเสร็จสิ้นลงในวันที่ 19 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เรียกได้ว่าเมื่อมีข่าวลือออกมาอย่างนี้ก็ทำให้วงการชุดแต่งงานถึงกับต้องเอามือทาบอกเพราะในขณะที่ผู้คนและเหล่าดีไซเนอร์กำลังคากการณ์กันถึงชุดแต่งงานของเธอที่จะได้รับการเฉลยในเร็ววันนี้ กลับมีเรื่องชุดแต่งงานอีกหนึ่งชุดของเธอเป็นปริศนาโผล่มาให้ผู้คนและคนในวงการต้องเดากันไปอีก

“เมแกน อาจจะเปลี่ยนชุดสำหรับพิธีฉลองในช่วงเย็น” แคโรไลน์ คาสติเกลียโน เจ้าของแบรนด์ Caroline Castigliano ดีไซเนอร์ชุดแต่งงานชั้นนำของประเทศอังกฤษคาดการณ์ ซึ่งถ้าเมแกนจะเปลี่ยนชุดแต่งงานอีกหนึ่งชุดจริงๆ นั่นก็เท่ากับว่าเธอกำลังเดินรอยตาม เคท มิดเดิลตัน ที่ได้สวมชุดแต่งงานที่ออกแบบโดยซาราห์ เบอร์ตัน จากแบรนด์ Alexander McQueen กับชุดเดรสผ้าซาตินที่มีความคล่องตัวมากขึ้นสำหรับการสวมใส่ในงานฉลองช่วงเย็นกับเจ้าชายวิลเลียม

อย่างไรก็ตามแคโรไลน์ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า “เจ้าสาวชาวอังกฤษไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะใส่ชุดแต่งงานสองชุด เพราะพวกเธอมักชอบสวมชุดแต่งงานที่สามารถปรับจากลุคกลางวันมาสวมใส่ในช่วงกลางคืนต่อได้ ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายความว่า พวกเขาอาจจะเพิ่มแจ็คเก็ตแขนยาวผ้าลูกไม้หรืออาจจะเป็นแจ็คเก็ตแบบสั้น (shrug jacket) และจะถอดมันออกในช่วงงานกลางคืนเพื่อเผยให้เห็นชุดแต่งงานด้านใน และอาจจะเติมแอคเซสซอรี่อย่างเข็มขัดที่มีดีไซน์อันโดดเด่น และเครื่องประดับเพชรสุดหรู” แต่เดี๋ยวก่อน!! ทั้ง เคท และ เมแกน เป็นเจ้าสาวของราชวงศ์ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่านักแสดงหญิงอเมริกันคนนี้จะแหวกประเพณีด้วยการใส่ชุดแต่งงานสองชุดไม่ได้จริงไหม?!

และสืบเนื่องมาจากเรื่องเค้กแต่งงานของเธอและเจ้าชายแฮร์รี่ที่แหวกประเพณีดั้งเดิมมาแล้ว (พวกเขาเลือกใช้เค้กเลมอนแทนการใช้เค้กผลไม้ตามแบบดั้งเดิมที่ราชวงศ์มักปฏิบัติกัน) จึงทำให้หลายคนคาดการณ์ว่าเธออาจจะแหกประเพณีอีกครั้งกับชุดแต่งงานของเธอ “ชุดแต่งงานที่เธอจะสวมในพิธีช่วงตอนกลางวันนั้นจะเป็นอะไรที่คลาสสิค ส่วนชุดแต่งงานในช่วงเย็นอาจจะเป็นแบบแขนยาว หรืออาจจะมีดีเทลปกปิดช่วงไหล่ของเธอ” แคโรไลน์คาดเดา แต่อย่างไรก็ตาม ชุดแต่งงานชุดนั้นจะต้องมอบความสะดวกสบายในการสวมใส่ให้กับเธอ และแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นชุดที่งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อแน่นอน (ถ้าเธอเลือกที่จะสวมสองชุดจริงๆ อ่ะนะ)

“ชุดที่เมแกนจะสวมในช่วงเย็นนั้นอาจจะเป็นชุดที่พอดีกับรูปร่างและเข้ารูปนิดหน่อย” แคโรไลน์เชื่อว่าอย่างนั้น และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอคิดก็คือ เมแกนอาจจะเลือกเป็นชุดแบบมีแขนและเปลือยหลัง “เพื่อโชว์รูปร่างที่งามสง่าของเธอ” และแน่นอนว่าชุดนั้นจะต้องเต็มไปด้วยความระยิบระยับของลูกปัดที่ปักไว้อย่างบรรจง

และแน่นอนว่าเมื่อมีข่าวลือว่าเมแกน มาร์เคิล อาจจะมีชุดแต่งงานเพิ่มอีกหนึ่งชุด ก็เป็นจังหวะเวลาเดียวกับที่เหล่าดีไซเนอร์เพิ่งปล่อยคอลเลคชั่นชุดแต่งงาน spring 2019 ออกมาพอดี ซึ่งไม่แน่ว่าหนึ่งในชุดจากคอลเลคชั่นนี้ของดีไซเนอร์อาจจะเป็นชุดที่เมแกนเลือกก็ได้

และนี่อาจจะเป็นรูปแบบชุดแต่งงานชุดที่สองที่เมแกน มาร์เคิล อาจจะเลือกสวมในวันแต่งงาน

ชุดแต่งงานเมแกน
“Anastasia” wedding dress by Theia
Backless wedding dress by Galia Lahav
Beaded sleeveless wedding dress by BHLDN
Chiffon and lace wedding dress by Caroline Castigliano
Lace sheath wedding dress by Elie Saab

ซึ่งจากการคาดการณ์ของดีไซเนอร์ชั้นนำของอังกฤษที่บอกว่าเมแกนอาจจะเลือกสวมชุดที่สองของเธอในสไตล์แบบเข้ารูป แต่เราก็ไม่อาจทราบได้ว่าลุคนี้ของเธอจะสามารถผ่านด่านควีนของอังกฤษไปได้หรือไม่? (ถ้าหากเธอเลือกที่จะใส่ชุดสไตล์นั้นจริงๆ) เอาเป็นว่าเราก็ยังต้องคาดเดากันต่อไป และเตรียมพบกับของจริงได้วันที่ 19 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ แต่ที่เราเชื่อแน่ๆ ไม่ว่าเธอจะใส่ชุดแต่งงานกี่ชุด ทุกชุดที่เธอสวมจะกลายเป็นชุดแต่งงานไอคอนิคในตำนานอย่างแน่นอน

แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้เธอเลือกแล้วจ้า เมแกน มาร์เคิล เลือกช่างผมเจ้าสาวในวันเสกสมรสแล้ว! จะเป็นใครมาดูกัน!

เรียบเรียงข้อมูลจาก Brides.com
ภาพจาก Brides.com, commons.wikimedia.org

คอนเฟลกคาราเมล ขนมหวานทำง่าย เสกเป็นของชำร่วยก็ได้ด้วย

มีไอเดีย ของชำร่วย ในงานแต่งหรือยังจ๊ะ ถ้ายังไม่มีแพรว wedding จะสอนวิธีทำของชำร่วย DIY ที่ทำง่ายๆ ได้ด้วยตนเอง นั่นก็คือคอนเฟลกคาราเมลนั่นเองจ้า เมนูธัญพืชทแสนอร่อย ทานง่าย และมีประโยชน์อีกด้วย

เราอาจจะเคยเห็นตามร้านขายเบเกอรี่ที่บางกล่องก็มีราคาสูงน่าตกใจ แต่เราบอกเลยว่าเจ้าคอนเฟลกแสนหวานนี้ทำง่าย แถมต้นทุนก็ไม่แพงด้วย ขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก สามารถนำมาประยุกต์เป็น ของชำร่วย ให้แขกได้เพลินๆ รองท้องก่อนงานเริ่มไปอีก เอาเป็นว่ามาเตรียมอุปกรณ์ และดูวิธีทำไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ของชำร่วยDIY

ส่วนผสม

  1. คอนเฟลก 300 กรัม (รสจืดยี่ห้อใดก็ได้)
  2. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
  3. น้ำผึ้ง 30 กรัม
  4. เนยจืด 100 กรัม
  5. นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
  6. นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
  7. น้ำตาลทราย 120 กรัม
  8. เกลือป่น 1 หยิบมือ
  9. เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 200 กรัม
  10. อัลมอนด์สุก 100 กรัม
  11. ลูกเกด 100 กรัม

อุปกรณ์

  1. กระทะ
  2. ไม้พายสำหรับผสมส่วนผสม
  3. เตาอบ
  4. ถาดสำหรับอบ พร้อมกระดาษไข
  5. ขวดโหลสำหรับใส่คอนเฟลก

ของชำร่วยDIY

วิธีการทำ

  1. ก่อนอื่นเราต้องทำน้ำคาราเมลเพื่อผสมคอนเฟลกก่อน ด้วยการนำแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำผึ้ง เนยจืด นมข้นหวาน นมสด น้ำตาลทราย เกลือ มาผสมกันและนำไปละลายบนกระทะ คนให้เข้ากัน (ตั้งไฟปานกลาง อย่าให้ร้อนจนเกินไป)
  2. เคี่ยวไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน
  3. นำคอนเฟลกมาเทลงถ้วยเพื่อใช้ในการผสม จากนั้นนำน้ำคาราเมลที่ได้มาเทราดให้ทั่วคอนเฟลก และค่อยๆ ผสมให้เข้ากัน
  4. เทเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ และลูกเกด ลงไปผสมให้เข้ากัน
  5. ลองดูว่าคาราเมลที่ราดลงไปชุ่มจนทั่วคอนเฟลกหรือยัง ถ้ายังก็เติมเข้าไปอีก แล้วผสมไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที แต่ระวังอย่าให้คอนเฟลกเกาะกันเป็นก้อน
  6. นำคอนเฟลกที่ผสมเสร็จ มาเทลงบนถาดที่รองด้วยกระดาษไข
  7. นำเข้าเตาอบที่ 130 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง และพัดลม อบประมาณ 10 นาที นำออกจากเตาอบแล้วผึ่งไว้
  8. พอคอนเฟลกเริ่มเย็นตัว สามารถเทบรรจุลงขวดโหล หรือถุงได้เลยค่ะ

เพียงเท่านี้ เราก็จะได้คอนเฟลกคาราเมล ของชำร่วย DIY ที่ทำง่ายอร่อยด้วย แถมแขกในงานได้ไปก็ยังอิ่มท้องก่อนงานเริ่มกันได้อีก นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์จากเหล่าธัญพืชกับน้ำผึ้งอีกด้วยนะจ๊ะ … หรือคู่ไหนจะลองทำขนมอาลัว ของชำร่วยแบบไทยๆ ดูก็ได้นะ มาทำขนมอาลัวแจกเป็น ของชำร่วยงานแต่ง ดีกว่า เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแถมกินได้ด้วย

ของชำร่วยDIY

วิธีการทำจาก : cooking.kapook.com
ภาพจาก : pantip.com , homebakery.lnwshop.com ,
littleprincesssecretgarden.blogspot.com