งานแต่งท่ามกลางขุนเขาของคุณจ๊ะ & คุณเอิน @ โรงแรม The Paz Khao Yai

หลังจากคบหาดูใจกันมานานกว่า 5 ปี ในที่สุดก็ลงล็อกได้ฤกษ์วิวาห์กันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้จัดละครหนุ่มไฟแรง เอิน-ณิธิภัทร์ ทายาทผู้จัดรุ่นใหญ่ ทาริกา ธิดาทิตย์ แห่งค่ายมาสเตอร์วัน กับนักแสดงสาวจ๊ะ-จิตตาภา ที่ได้จูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ โรงแรม The Paz Khao Yai (เดอะปาซ  เขาใหญ่)

โรงแรม The Paz Khao Yai

บ่าว-สาวช่วยกันระดมความคิดและเนรมิตงานด้วยตัวเองทุกขั้นตอน โดยมีไก่ – วรายุฑคอยเป็นแม่งาน เน้นธีมงาน เรียบง่ายเป็นกันเองในบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางต้นไม้ ขุนเขา และสายลมหนาว ให้แขกทุกคนที่มาร่วมงานได้รับ ความสุขเหมือนมาพักผ่อน ซึ่งงานนี้ก็มีบรรดาเพื่อนๆ และพี่น้องในวงการมาร่วมงานมากมาย

 

งานนี้ได้จอย-รินลณี และทีน-สราวุฒิมาทำาหน้าที่พิธีกร โดยหลังจากเชิญบ่าว-สาวเปิดแชมเปญเฉลิมฉลองและต่อด้วยการจุดพลุสวยงามแล้วเสียงเชียร์ให้พระเอกนางเอกของงานหอมแก้มกันก็ดังขึ้นสร้างบรรยากาศสนุกสนานท่ามกลางความอบอุ่นสุดประทับใจ จากนั้นจึงเป็นช่วงโยนดอกไม้ที่สาวๆ รอคอย ซึ่งสาวโสดทุกคนดูมีความมุ่งมั่น  และผู้ที่ได้ครอบครองช่อดอกไม้ซึ่งมีแววจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไปคือดีเจต้นหอม และหญิง-รฐา เรียกเสียงกรี๊ดได้ทั่วทั้งงาน และปิดท้ายความสนุกด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้เปิดฟลอร์เต้นกันสนุกสนานอย่างไม่มีใครยอมใครทำให้งานฉลองสมรสในค่ำคืนนั้นออกมาน่าประทับใจและจะเป็นที่จดจำไปอีกนานแสนนาน

 

The Details : Bliss & Warm

Venue : โรงแรม The Paz Khao Yai (www.thepazkhaoyai.com)
Wedding Dress : PATARASIRI (ไอจี : @patarasiri)
Groom Suit : VINNPATARARIN (ไอจี : @vinnpatararin)
Makeup : ยมิม่ี (ไอจี : @gym_makeup)
Hair : นพสิทธิ์  จีระกุลธนานันท์  (ไอจี : @noppasit_vote)
Photo : Anon (ไอจี : @oad.ari)

งามเลิศในปฐพี..เก็บตกชุดไทยประยุกต์จากงาน ‘อุ่นไอรัก คลายความหนาว’

เสร็จสิ้นลงอย่างสวยงามสำหรับงานประจำปีที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับงาน ‘อุ่นไอรัก คลายความหนาว’ ที่จัดขึ้น ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ซึ่งบรรยากาศภายในงานนั้นก็เต็มไปด้วยบรรดาสาวๆ หนุ่มๆ หรือแม้กระทั่งรุ่นคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยายที่ต่างพากันไปเดินอวดโฉมในชุดไทยสวยๆ กันอย่างไม่ขาดสายในทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาอันน่าประทับใจที่เราเหล่าคนไทยจะได้ใส่ชุดประจำชาติ แต่ถึงแม้งานจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ชุดไทยสวยๆ ก็ยังคงติดตรึงอยู่ในใจของ แพรว wedding เราเลยขอเก็บตกรวบรวมบรรดา ชุดไทยประยุกต์ ของเหล่านักแสดงและเซเลบคนดังมาให้เหล่าสาวๆ หรือหนุ่มๆ ได้ดูกันอีกครั้ง เผื่อใครที่กำลังจะเป็นว่าที่จะได้มีแรงบันดาลใจในการนำไปสร้างสรรค์ชุดไทยของตัวเอง และงานนี้ไม่ได้สงวนไว้แค่ว่าที่บ่าวสาวเท่านั้นนะจ๊ะ เพราะเหล่าแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็สามารถหยิบหนึ่งในลุคเหล่านี้ไปใส่ร่วมพิธีในงานแต่งงานได้เช่นกัน

ฝ้าย – สุภาพร มะลิซ้อน มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2016

สวยสง่างามได้ลุคหญิงไทยแบบผู้ดีในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ต้อนต้นในแบบประยุกต์ โดยเป็นการนุ่งผ้าลายโจงกระเบนสำเร็จสีไวน์แดง ตัวเสื้อเป็นผ้าไหมสีน้ำตาลทองแขนยาว ห่มสไบเฉียงทับบนตัวเสื้ออีกหนึ่งชั้น ซึ่งเป็นสไบผ้าไหมไทยที่วาดลวดลายลงบนผืนผ้าไว้อย่างบรรจงด้วยการปักปล้องอ้อยขนาดเล็กสีทองคำ พร้อมเรียงร้อยแทรกลวดลายเกสรด้วยลูกปัดสีทองขนาดเล็ก และคริสตัลเพชรสวารอฟสกี้สุดเลอค่า พร้อมปล่อยชายสไบให้ลากยาวจรดปลายพื้น

ชุดไทยประยุกต์

โน้ต – วัชรบูล ลี้สุวรรณ นุ่งผ้าโจงกระเบนสำเร็จสีแดง จับคู่กับเสื้อราชประแตนผ้าไหมที่สอดดิ้นสีเทาเข้มที่แลดูเข้ากันเป็นอย่างดี ซึ่งทั้งสองชุดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีที่ว่าที่บ่าวสาวสามารถเลือกนำไปสวมในพิธีแต่งงานแบบไทยได้

ทั้งสองชุดจาก Finale wedding studio เป็นผลงานการออกแบบและตัดเย็บขึ้นใหม่ทั้งชุุดโดยคุณเกสินี กล่ำอยู่สุข และคุณสุดจิตร์ สุดจิตต์ แห่งแบรนด์ ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ

มุก – มุกดา นรินทร์รักษ์ มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2011 และนางเอกดาวรุ่งแห่งช่อง 7

สวยหวานสมวัยในชุดไทยประยุกต์สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนปลาย  ซึ่งได้แรงบันดาลใจการแต่งกายมาจากสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนกลางซึ่งเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกายของคนไทย เนื่องจากรัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จประพาสยุโรป และมีการนำแบบอย่างการแต่งกายของชาวยุโรปกลับมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย จนกระทั่งมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนปลายเหล่าสตรีเริ่มหันมานุ่งโจงกระเบน สวมคู่กับเสื้อลูกไม้ที่ตัดตามแบบอย่างตะวันตก บริเวณแขนยาวพองฟู ช่วงเอวเสื้อตัดเย็บแบบเข้ารูป พร้อมคาดเข็มขัดและสายสะพายผ้าแพร อีกทั้งยังมีการสวมถุงเท้าที่มีลวดลายใส่คู่กับรองเท้าส้นสูง พร้อมกับทรงผมดอกกระทุ่มและมักเลือกใช้เครื่องประดับมุกเป็นส่วนใหญ่ในยุคนั้น

ลุคหรูหราแบบตะวันตกที่ผสมความเป็นไทยสุดสง่างามได้อย่างลงตัว กับโจงกระเบนสำเร็จสีโรสโกลด์ลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์ สวมคู่กับเสื้อลูกไม้ฝรั่งเศสสีงาช้างแบบปิดคอสูง และตัดแบบตะวันตกด้วยรูปแบบของเสื้อแขนยาว พร้อมเล่นเลเยอร์ช่วงไหล่ให้พองฟูแบบสองชั้น บริเวณเอวเสริมด้วยระบายที่โชว์ลวดลายลูกไม้สุดหรูหรา พร้อมคาดเข็มขัดมุก สร้อยคอมุกประดับเพชรที่ใช่ให้ลุคนี้ดูสวยสง่าอย่างสมบูรณ์แบบ

ชุดจาก FINALE WEDDING STUDIO ออกแบบ ประยุกต์ และตัดเย็บขึ้นใหม่โดยเป็นผลงานการออกแบบของสองดีไซเนอร์ไทยคุณเกสินี กล่ำอยู่สุข และคุณสุดจิตร์ สุดจิตต์ แห่ง ฟินาเล่ เวดดิ้ง สตูดิโอ

เมย์ – พิชญ์นาฏ สาขากร

สวยสง่ามดูเลอค่าสุดๆ ในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนต้นแบบประยุกต์ โดยการนำผ้าไหมที่เป็นมรดกอันล้ำค่าและเป็นเอกลักษณ์ของไทยที่มีการถ่ายทอดมาตั้งบรรพชนสู่รุ่นปัจจุบันนั้น นำมาตัดเย็บให้เป็นชุดไทยสุดประณีตชุดนี้ ตัวเสื้อออกแบบและตัดเย็บไว้อย่างบรรจงพร้อมวาดลวดลายคัตติ้งเรียบโก้เอาไว้ได้อย่างลงตัวด้วยไหมไทย 4 เส้นที่ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับลุคนี้ได้เป็นอย่างดี เนื้อผ้ามีความหนาที่พอเหมาะ พร้อมใส่ใจในการคัดคุณภาพของเส้นไหมให้มีความมันวาวเพื่อเพิ่มความสง่างามให้กับผู้สวมใส่

ตัวเสื้อด้านในเป็นเสื้อแขนยาวจับจีบเพิ่มความอ่อนหวานและแลดูสง่างามบริเวณช่วงไหล่ พร้อมเล่นเลเยอร์จับย้วยช่วงเอวสุดอ่อนหวาน นุ่งคู่กับโจงกระเบนสำเร็จสีกลีบบัวเป็นผ้าไหมไทยทอลายลูกแก้ว ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นนับเป็นระยะเวลากว่าร้อยปีที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เพิ่มความสง่างามให้ลุคนี้อีกขั้นด้วยความระยิบระยับแวววาวของตัวสไบที่ห่มเฉียงทับบนตัวเสื้ออีกหนึ่งชั้น โดยสไบเป็นผ้าใยแก้ววาดลวดลายลงบนผืนผ้า พร้อมบรรจงปักปล้องอ้อยขนาดเล็กสีพิงค์โกลด์ โรสโกลด์ ผสมสีเงิน และเรียงร้อยแทรกลวดลายเกสรจากคริสตัลเพชรสวารอฟสกี้สุดล้ำค่า ที่ห่มทับผ้าไหมไทยที่จับจีบพีทปล่อยชายสไบลากยาวจรดปลายพื้น ชุดจาก Finale wedding studio

ริต้า – ศรีริต้า เจนเซ่น และโจเซฟ แองเจโล จาก The Face Men Thailand 

อีกหนึ่งความอลังการของแฟชั่นชุดไทยประยุกต์สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการผสมผสานความงดงามสุดเลอค่า พร้อมความสวยงามสุดวิจิตรที่สะกดต่อทุกสายตา และเป็นอีกหนึ่งลุคชุดไทยที่ว่าที่บ่าวสาว หรือแก๊งเพื่อนเจ้าสาวเจ้าบ่าวไม่ควรพลาด

ฝ่ายชายสวมชุดสูทแบบไทย นุ่งคู่กับโจงกระเบนที่มีลวดลายผ้าแบบไทย เป็นอีกหนึ่งชุดไทยแบบประยุกต์สุดสง่างามที่มาพร้อมคัตติ้งสุดเนี้ยบแบบไร้ที่ติ ทั้งสองชุดจาก Finale wedding studio

ชุดไทยแบบประยุกต์ ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบชุดไทยที่เราคาดว่าน่าจะก่อให้เกิดกระแสในหมู่บรรดาว่าที่เจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวไม่น้อย เนื่องจากเป็นรูปแบบชุดที่ไม่เชยและดูร่วมสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งยังสามารถแมตช์ได้ทั้งเครื่องประดับเงิน ทอง และไข่มุก จึงช่วยสร้างลุคอันหลากหลายให้กับว่าที่เจ้าสาวได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ว่าที่เจ้าบ่าวเลือกแมตช์ชุดเจ้าบ่าวแบบไทยได้ง่าย เพราะเพียงแค่สวมสูทแบบสากลที่ด้านบน พร้อมนุ่งโจงกระเบนที่ด้านล่าง เท่านี้ก็สามารถจับคู่กับชุดไทยแบบประยุกต์ของเจ้าสาวได้แล้ว

ว่าแล้วก็ตามไปส่องชุดสวยๆ ที่เรานำมาฝากกันอีกเพียบ

ชุดจาก Fullrichbride, เครื่องประดับจาก กรุช่างทองโบราณ

ชุดจาก Fullrichbride

ชุดจาก Fullrichbride, เครื่องประดับจาก กรุช่างทองโบราณ

ชุดจาก Fullrichbride

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจาก Finale Wedding Studio

ชุดจากอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย

ชุดจากอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย

ชุดจาก Amitabridal, เครื่องประดับจาก กรุช่างทองโบราณ

ชุดจาก Fullrichbride, เครื่องประดับจาก กรุช่างทองโบราณ

ภาพจากไอจี @guru.chang, @finaleweddingmagazine, @fullrichbride, @warattaya, @davikah, @nuneworanuch

ว่าด้วยเรื่องเล็บที่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ!

เมื่องานแต่งงานใกล้เข้ามาถึงว่าที่เจ้าสาวมีสิ่งที่ต้องเตรียมหลายๆ อย่างตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่สิ่งหนึ่งที่ลืมไปไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของการดูแล เล็บเจ้าสาว ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะนาทีที่สวมแหวน เจ้าบ่าวต้องหยิบเอามือเจ้าสาวขึ้นมาแล้วบรรจงสวมแหวนให้เป็นช่วงเวลาที่ซาบซึ้งและน่าจดจำ ดังนั้นหากเจ้าสาวไม่ดูแลมือให้สวยงาม ไม่ทำเล็บให้สะอาดสะอ้านเรียบร้อย อาจทำให้ดูไม่ดีซักเท่าไหร่ แพรว wedding จึงมีวิธีการดูแลเล็บมือง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้านมาฝากกัน เพื่อเวลาถึงวันงานแต่งงานในพิธีสวมแหวน เจ้าสาวจะได้มีความมั่นใจอวดเล็บสวยให้เจ้าบ่าวและแขกในงานกันนะคะ

 

เล็บเจ้าสาว

วิธีทำให้เล็บใสดูเป็นธรรมชาติ นอกจากทำสปาเล็บตามร้านแล้วเราสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยหามะนาวมาผ่าครึ่ง หรือจะใช้มะนาวที่บีบใช้แล้วมาถูที่เล็บไปมาให้ครบทุกเล็บ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วล้างออก ทำติดต่อกันประมาณ 2-3 วัน เล็บที่สีหมองๆ จะค่อยๆ ใสขึ้น เพราะกรดอ่อนๆ ของมะนาว จะช่วยล้างคราบสกปรกออกจากเล็บเราได้จึงทำให้เล็บเราดูใสเป็นธรรมชาติขึ้น เล็บสะอาดแถมปลอดภัยไม่ต้องกังวลกับอาการแพ้อีกด้วย

อีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เล็บใส คือใช้ตะไบขัดเงาเล็บสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ราคาไม่แพงไม่น่าจะเกิน 100 บาท นำมาขัดๆ ถูๆ เล็บก็ช่วยให้เล็บขาวใสสวยงามได้แล้ว ไม่ต้องพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด สะดวก สะอาด ปลอดภัย

เล็บเจ้าสาว

ทาน้ำยาเคลือบเล็บให้ใส แต่ก่อนทาน้ำยาเคลือบเล็บให้ล้างทำความสะอาดเล็บด้วยสบู่อ่อนๆ และขัดด้วยแปรงนุ่มๆ เช็ดให้แห้ง ตัดแต่งเล็บให้เรียบร้อย จากนั้นเร่ิมลงมือทาน้ำยาเคลือบเล็บโดยทาจากโคนเล็บขึ้นมาถึงปลายเล็บโดยทาจากตรงกลางก่อนแล้วค่อยป้ายทาที่เหลือทีละด้านจากโคนสู่ปลาย

เล็บเจ้าสาว

และหากมีครีมบำรุงที่ทาอยู่เป็นประจำแล้วไม่แพ้อยู่แล้ว ควรหมั่นทาบ่อยๆ เพื่อให้มือและเล็บแข็งแรงมีความชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน และเล็บไม่เปราะหักง่าย

เล็บเจ้าสาว

การดูแลเล็บด้วยวิธีเหล่านี้สามารถทำได้เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันงาน เมื่อวันงานแต่งงานมาถึงเราก็จะมีเล็บที่สวยใส และแต่งแต้มด้วยสีทาเล็บที่เข้ากับสีผิว หรือเลือกสีสวยๆ ได้ตามใจชอบเพียงเท่านี้เจ้าสาวก็มีเล็บมือสวยๆ ไว้รอในพิธีสวมแหวนแล้วค่ะ

 

cr : vineverareviews.com

ชี้เป้า! 8 มาส์คใต้ตา สำหรับเจ้าสาวนอนน้อย ให้ดวงตาสวยบริ๊งค์ทันวันวิวาห์!

ช่วงเตรียมงานแต่งงานทั้งยุ่ง ทั้งเครียด จนนอนไม่หลับ ใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าทำไงดี? เรามาชี้เป้า มาส์คใต้ตา สำหรับเจ้าสาวเวลาพักผ่อนน้อย ให้ผิวรอบดวงตากลับมาดูสดใสทันวันแต่งงาน มีชิ้นไหนบ้างมาดูกัน

ว่าที่เจ้าสาวจะรู้ดีว่าช่วงเตรียมงานแต่งงานนั้นเราจะทั้งยุ่งกับหลายสิ่ง ทั้งเครียดกลัวงานออกมาไม่ดี จนพาลนอนไม่หลับ นอนหลับไม่เต็มอิ่ม รู้ตัวอีกทีใต้ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า แถมยังใกล้วันแต่งงานแล้วอีกต่างหากทำไงดี? เราก็เลยมาชี้เป้ามาส์คใต้ตาสำหรับเจ้าสาวเวลาพักผ่อนน้อย ให้ผิวรอบดวงตากลับมาดูสดใสทันวันแต่งงาน มีชิ้นไหนบ้างมาดูกัน

Sephora Rose Eye Mask มาส์กใต้ตาหอมกลิ่นกุหลาบ และส่วนผสมของน้ำกุหลาบที่เปี่ยมด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติให้ผิวใต้ตาเราอิ่มน้ำจนเปล่งปลั่งสดใสขึ้นด้วย

มาส์คใต้ตา เจ้าสาว
Sephora Rose Eye Mask

Shiseido Benefiance WrinkleResist24 Pure Retinol Express Smoothing Eye Mask ลดเลือนริ้วรอยใต้ดวงตาด้วยมาส์คชิ้นนี้ที่ใช้ส่วนผสมของเรตินอลบริสุทธิ์ซึมซาบเข้ากระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวใต้ตานอกจากจะดูกระจ่างแล้วยังเรียบเนียนขึ้นด้วย

มาส์คใต้ตา
Shiseido Benefiance WrinkleResist24 Pure Retinol Express Smoothing Eye Mask

สวนน้ำและสวนสนุกสุดฟัน ถ่ายพรีเวดดิ้ง ให้ปังในราคาไม่ถึงหมื่น

ปัจจุบันการถ่ายพรีเวดดิ้งนอกสถานได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานที่หลายแห่งเปิดบริการให้คู่บ่าวสาวสามารถเข้าไปถ่ายพรีเวดดิ้งได้อย่างสะดวก พร้อมแพจเกคที่มีราคาสถานที่ไม่สูงมากนัก เช่นเดียวกับสวนน้ำและสวนสนุกที่นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดมันแล้วยังเปิดสถานที่ให้บริการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งได้ไม่ซ้ำใคร ซึ่งถ้าพูดถึงสวนน้ำและสวนสนุกแล้วคงต้องเจาะจงไปฝั่งตะวันตกอย่างชะอำ-หัวหินที่มีเพียง 3 แห่งเท่านั้น เหมาะสำหรับคู่รักที่กำลังมองหาสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง เอ้าท์ดอร์ที่เดินทางสะดวกไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และอยากได้ภาพเก๋ๆ ที่หยิบมาดูกี่ทีก็ไม่เบื่อเลยค่ะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

Vana Nava Water Jungle

วานา นาวา หัวหิน สวนน้ำที่ถูกสร้างมาภายใต้แนวคิด ‘วอเตอร์ จังเกิ้ล’ แห่งแรกในเอเชีย โดยการออกแบบสวนน้ำให้กลมกลืนเข้ากับธรรมชาติบนพื้นที่ 20 ไร่ เต็มไปด้วยต้นไม้และสไลเดอร์เครื่องเล่นมาตรฐานระดับโลกถึง 20 ชนิด มีสีสันสดใสสวยงามชวนให้มาสนุกอย่างไร้กังวลเพราะที่นี่เป็นสวนน้ำแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้หลักปฏิบัติด้านความปลอดภัยตามแบบสากล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกท่าน ส่วนความพิเศษที่นอกเหนือกจากสวนน้ำ สถานที่แห่งนี้ยังเปิดให้ว่าที่บ่าวสาวสามารถถ่ายพรีเวดดิ้งชิคๆ ได้ไม่เหมือนใคร โดยมีราคาค่าสถานที่เริ่มต้นอยู่ที่ 8,000 บาท ให้คุณเลือกถ่ายได้ทั้งบริเวณสวนน้ำทั้งหมดหรือถ้าไม่อยากโพสท่าซ้ำใครทางวานา นาวาก็มีสตูดิโอใต้น้ำที่พร้อมให้คุณแปลงกลายเป็นเจ้าชายเจ้าหญิงเงือกน้อยในลุคชุดแต่งงานโพสท่าสวยๆ ใต้น้ำที่น้อยคู่นักจะมีรูปพรีเวดดิ้งแบบนี้

โทร. 0-3290-9606

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

Black Mountain Waterpark

สวนน้ำที่มีความสะดวกสบายครบครันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพในทุกๆ ด้าน มีความทันสมัยในอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ อีกมากมายและยังมีมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยสูงมากโดยพนักงานดูแลช่วยชีวิตที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี แบล็ค เมาน์เทน มีขนาดใหญ่กว่า 4,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยขุนเขาพร้อมให้คุณสนุกกับการเล่นน้ำท่ามกลางธรรมชาติ ใน 6 สระ 9 เครื่องเล่น ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินจนลืมเวลา สำหรับบ่าวสาวที่ต้องการถ่ายพรีเวดดิ้งในโลเคชั่นสวนน้ำที่มีความเป็นธรรมชาติ มีวิวภูเขาเป็นของแถมในภาพของคุณ ที่นี่เปิดให้ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งได้ในวันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ โดยมีราคาค่าสถานที่ประมาณ 6,000 บาท ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้ทั้งวันไม่มีจับเวลาจ้า

โทร. 0-3261-8444

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

Santorini Park Cha-Am

สวนสนุกและสวนน้ำที่มาในธีมสีฟ้าขาวได้รับแรงบันดาลใจมากจากซานโตรินี ประเทศกรีซ ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ภายในแบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ คือ โซนสวนสนุกให้คุณได้มันสุดเหวี่ยงกับเครื่องเล่นที่ได้มาตรฐานสากลและสวนน้ำดิจิตอลแห่งแรกแห่งเดียวในเอเชียที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ และยังมีบริการต่างๆ มากมาย เช่น แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ที่เที่ยว ที่พัก เรียกได้ว่ามาจบครบในที่เดียวเลยนะคะ ทางด้านคู่รักที่ต้องการมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ซานโตรินี ปาร์ค เปิดให้ถ่ายพรีเวดดิ้งได้ในโซนของสวนสนุกที่จะทำให้คุณได้รูปที่ดูน่ารักสดใสจนใครๆ ต้องอิจฉา ราคาเริ่มต้นที่ 4 ชั่วโมง 7,000 บาท พร้อมห้องแต่งตัวแบบ VIP ให้ด้วยค่ะ

โทร. 0-3277-2999

นอกจากนี้เรายังมี 5 อุทยานแห่งชาติ สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ไกลมากได้ภาพสวยปังประหยัดงบด้วย มาฝากด้วย

ข้อมูลจาก : Vana Nava Water Jungle, Black Mountain Waterpark, Santorini Park Cha-Am

ภาพจาก : bridesonamission.com, tourtooktee.com, promotions.co.th, dealinlove.com

เช็กสักนิด ของชำร่วย ชิ้นไหนบ้างสื่อความหมายกินใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

รู้หรือไม่? ของชำร่วย ที่เราได้รับจากงานแต่งงานนั้นส่วนใหญ่บ่าวสาวจงใจสื่อความหมายดีๆ ผ่านของที่ระลึกแทนใจทั้งคู่ แต่ละชิ้นล้วนมีนิยามความหมายของการใช้ชีวิตคู่ที่แอบแฝงอยู่ หากคุณได้รับเกียรติให้ไปร่วมงานหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าของชำร่วยที่ได้มาแต่ละชิ้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการจะสื่ออะไร วันนี้เราลองมาเช็กกันดีกว่าว่าของชำร่วยที่คุณได้รับมานั้นมีความหมายว่าอะไรกันบ้าง…มาเช็กกันเลยค่ะ

 ของชำร่วย

ช้อนนั้นต้องคู่กับส้อม

ช้อนส้อมที่ใช้เป็นของชำร่วยในงานแต่งงานจะไม่เหมือนกับช้อนส้อมทั่วไปที่เราใช้กินข้าวกัน ต้องเป็นช้อนส้อมแบบพิเศษที่อาจถูกออกแบบให้มีไซส์เล็กลงหรือมีลวดลายน่ารักๆ บริเวณด้ามจับ หากใครชอบแบบเรียบลองใช้โบว์เล็กๆ ผูกก็จะทำให้มีลูกเล่นขึ้นมาทันที ความหมายของช้อนกับส้อมนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นของคู่กัน ซึ่งก็คือการอยู่เป็นคู่ เช่นเดียวกับตะเกียบที่มักจะนิยมนำมาเป็นของชำร่วยงานแต่งงานของบ่าวสาวเชื้อสายจีน เพราะนอกจากความหมายที่อยู่ด้วยกันเป็นคู่แล้ว ตะเกียบยังหมายถึงความอิ่มหนำสำราญ ชีวิตคู่จะมีกินมีใช้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะคะ

ของชำร่วย

ตุ๊กตาที่มาเป็นคู่

หรือตุ๊กตาคู่รักที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นตุ๊กตาคุณตาคุณยายที่ดูกี่ทีก็รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งพอทราบความหมายว่ารักกันไปจนแก่เฒ่าและจะรักกันตลอดไป แทบหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาไม่ทันกันเลยทีเดียว…บางคู่อาจไม่ถูกใจตุ๊กตาคุณตาคุณยายก็จะใช้เป็นตุ๊กตาหนุ่มสาวหรือเป็นตัวแทนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่แสดงถึงความรักที่สดใสเบ่งบานก็ได้ค่ะ

ของชำร่วย

เครื่องสานกิ๊บเก๋

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าของชำร่วยที่เป็นเครื่องสานไม่ได้ทำให้ดูว่าเชยแต่อย่าใด แต่กลับเป็นของชำร่วยที่มีความหมายดีเป็นมงคลกับชีวิตคู่ หมายถึง สานใยรักของคู่บ่าวสาวที่จะสานสัมพันธ์กันต่อไปให้ยืดยาวไม่มีที่สิ้นสุด แถมบางชิ้นยังเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง เช่น ชะลอมที่ข้างในใส่ข้าวต้มมัด หมายถึงทั้งสายใยรักและการที่จะอยู่เป็นคู่กันเหมือนกับข้าวต้มมัดนั่นเอง

ของชำร่วย

กล่องไม้ขีดสุดชิค

ของชำร่วยเป็นกล่องไม้ขีดจะมีความเก๋อยู่ที่กล่อง คุณสามารถเขียนชื่อ วันที่ หรือแม้แต่ข้อความโดนๆ ให้เป็นลิมิเต็ด อิดิชั่นเฉพาะของงานคุณเองเท่านั้น ด้านในบรรจุไม้ขีดที่สามาระนำไปใช้ได้ เกิดประโยชน์กับผู้รับ และแน่นอนของชิ้นนี้ตองมีความหมายค่ะ ซึ่งเปรียบได้ว่า เธอจะเป็นแสงไฟนำทางชีวิตให้แก่ฉัน หรือ การมีชีวิตคู่ที่สว่างไสว นั่นแหละจ้า

ของชำร่วย

ขนมหว๊านหวาน

น่าจะถูกใจสายกินนะคะสำหรับของชำร่วยชิ้นนี้ ทำออกมาเป็นขนมต่างๆ เช่น มาการอง ช็อคโกแลต  อมยิ้ม และอื่นๆ สามารถใช้ได้ทั้งของจริงและของปลอม เพราะทั้งคู่ก็มีความหมายเช่นเดียวกันค่ะ นั่นคือ ความรักที่หอมหวาน มีแต่เรื่องราวดีๆ ให้ทั้งคู่ได้หวานแหววกุ๊กกิ๊กกันตลอดไป

ของชำร่วย

ต้นตะบองเพชรไซส์มินิ

แคคตัสหรือต้นตะบองเพชร เป็นต้นไม้ที่มีความอดทนและเลี้ยงดูง่าย ส่วนใหญ่บ่าวสาวสายฮิปสเตอร์นิยมใช้เป็นของชำร่วย นอกจากความน่ารักของต้นตะบองเพชรไซส์มินิ กระถางต้นไม้ยังสามารถเพ้นท์ตกแต่งให้ไม่ซ้ำใครหรือปักป้ายชื่อคู่บ่าวสาวไปในต้นไม้ด้วยก็น่ารักไปอีกแบบ การแจกต้นไม้เป็นของชำร่วยเปรียบได้ว่าการเจริญเติบโตของต้นไม้นั้นก็เหมือนกับความรัก ที่ต้องการความดูแลเอาใจใส่ รดน้ำ พรวนดิน ให้ความรักค่อยๆ เติบโตด้วยตัวคุณเอง

นอกจากนี้เรายังมี ของชำร่วยงานแต่งสุดเก๋ ฉบับบ่าวสาวรักธรรมชาติ มาฝากอีกด้วย

ภาพจาก : weddingcafehatyai.com, giftshopdesign.weloveshopping.com, khongchamruay.com, poolprop.com, today.line.me, elle.fr, pinterest.com

14 ด้านหลังชุดแต่งงาน ที่เห็นแค่ข้างหลังก็สวยทรงพลังกระชากใจ

บางครั้งว่าที่เจ้าสาวก็อาจจะหลงลืมบางอย่างในชุดแต่งงาน หรือเลือกให้ความสำคัญเพียงแค่บางส่วน เพราะคิดแค่ว่าก็เวลาถ่ายภาพมันก็เห็นแต่ด้านหน้าไม่เห็นด้านหลังชุดแต่งงานสักหน่อย แต่เราขอบอกเลยนะคะว่าไหนๆ จะสวยแล้ว มันก็ต้องสวยให้ครบทุกมุม เพราะเมื่อถึงเวลาที่ว่าที่เจ้าสาวเดินเข้างานตอนนั้นแหละค่ะที่ ด้านหลังชุดแต่งงาน จะสำคัญขึ้นมาทันที แพรว wedding เลยจัดมาให้กับ 14 ด้านหลังชุดแต่งงานที่สวยกระชากใจชนิดที่ว่าขอหันหลังให้กล้องจนจบงานเลยได้ไหมมาฝาก!!

ด้านหลังชุดแต่งงาน

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ยังกล้าๆ กลัวๆ เขินๆ อายๆ อยากจะโชว์แผ่นหลังแต่ก็เหนียมอายไม่อยากเปิดเผยเยอะ อาจจะเลือกดีไซน์ให้ด้านหลังชุดแต่งงานให้เว้าพอประมาณที่ด้านหลัง โดยเลือกแมตช์กับชุดแต่งงานที่ไม่ใช่เกาะอก แล้วเสริมที่บริเวณด้านหลังของคอเสื้อด้วยกระดุมหรือโบ เท่านี้ก็โชว์ความเซ็กซี่แบบสาวเรียบร้อยได้แล้ว

ว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความเรียบหรูดูดีต้องไม่พลาดด้านหลังของชุดแต่งงานแบบนี้ เพราะด้วยดีไซน์แบบตัว U จึงช่วยให้ลุคนี้ดูหวานละมุนปนเซ็กซี่ โดยอาจจะเลือกประดับด้วยไข่มุก ลูกปัด หรือคริสตัลให้ดูแวววาวแทนการใช้ผ้าลูกไม้ก็เก๋ได้ไม่แพ้กัน

อยากจะสวยหวานปนน่ารัก มีความนุ่มละมุนปนโรแมนติก พร้อมดีเทลการดีไซน์สุดเริด ว่าที่เจ้าสาวอาจจะแมตช์ชุดแต่งงานแบบคอสูงสุดทันสมัยที่ด้านหลังเลือกใช้เป็นผ้าโปร่งบางก็ช่วยให้ชุดแต่งงานชุดนี้ดูสวยงามชวนฝันแล้ว

ชุดแต่งงานแบบเปิดหลังที่ประดับด้วยสายสร้อย ก็ช่วยเสริมลุคของเจ้าสาวให้ดูหรูหราขึ้น โดยสามารถเลือกรูปแบบสายสร้อยได้ตามอารมณ์ของว่าที่เจ้าสาว เช่น สายสร้อยไข่มุก หรือสายสร้อยคริสตัล ก็ล้วนสวยงาม แถมงานนี้ยังเลือกประดับได้มากกว่า 1 เส้นอีกด้วยนะจ๊ะ

ถ้าหากการเปิดหลังทั้งหมดอาจจะทำให้เจ้าสาววูบวาบไม่สะดวกใจ ก็อาจจะเสริมด้วยการคาดแถบผ้าไว้ที่ด้านหลังก็ได้นะคะ โดยอาจจะเลือกแมตช์ด้านหลังของชุดนี้ด้วยผ้าโปร่งบางแบบโอบไหล่ก็ได้ แถมยังช่วยให้เจาสาวได้ลุคที่ดูทันสมัยเข้าไปอีก หรือจะเลือกแมตช์กับชุดเกาะอกก็ได้เหมือนกันนะจ๊ะ แถมยังให้ลุคที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงความทันสมัยเอาไว้ด้วย

แต่งงานครั้งเดียวเซ็กซี่ไปให้สุดๆ กันเลยค่ะ กับชุดแต่งงานเปิดหลังไปจนถึงช่วงเอวที่ แมตช์เข้ากับชุดแต่งงานแบบสายสปาเกตตี้และช่วงกระโปรงที่บานออก ก็ช่วยให้เจ้าสาวสวยงามแบบคลาสสิคแล้ว

อีกหนึ่งความสวยงามที่แฝงความทันสมัยของเจ้าสาวไว้ได้เป็นอย่างดี กับการดีไซน์ด้านหลังด้วยเส้นสายที่ไขว้กันไปมาที่ช่วยเสริมให้ลุคของชุดแต่งงานดูโรแมนติก อาจเสริมด้วยดีเทลของลูกไม้นิดๆ ให้ดูชวนฝัน โดยเฉพาะหากแมตช์ลุคนี้ให้เข้ากับกระโปรงทรงปริ๊นเซสด้วยแล้วล่ะก็ เริดสุด!!

มาถ่ายภาพ พรีเวดดิ้ง ด้วยโดรนกันดีกว่า ได้ภาพมุมแปลกใหม่ สวยเก๋ ไม่ซ้ำใคร

บ่าวสาวจ๋า มาถ่ายภาพ พรีเวดดิ้ง ด้วยโดรนกันดีกว่า เพราะงานนี้นอกจากจะได้ภาพสวยๆ แล้วยังได้ภาพมุมแปลกใหม่ สวยเก๋ ไม่ซ้ำใคร แน่นอน เพราะเจ้าโดรน สามารถบินขึ้นฟ้า แล้วถ่ายภาพบ่าวสาวจากมุมสูงได้นั่นเอง บ่าวสาวสามารถเลือกโลเคชั่นสวยๆ ทั้งประเทศและนอกประเทศ ไว้เพื่อถ่ายภาพจากโดรนได้ ไม่ว่าจะเป็น วิวภูเขา วิวทะเล วิวทุ่งหญ้า หรือสามารถชวนญาติๆ เพื่อนๆ มาช่วยยืนเรียงกันเป็นรูปทรงต่างๆ ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะ

แน่นอนว่าถ่ายพรีเวดดิ้งโดยใช้โดรน นอกจากที่จะได้ภาพสวยแปลกตาแล้ว ก็มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น เพราะช่างภาพต้องนำโดรนมาถ่าย แล้วเจ้าโดรนแต่ละตัวราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้นก่อนบ่าวสาวจะหาช่างภาพเพื่อมาถ่ายภาพจากโดรน ลองศึกษาราคาของช่างภาพแต่ละคน ว่าคิดค่าใช้จ่ายอย่างไร เป็นคิวเต็มวันหรือครึ่งวัน รวมไปถึงหาโลเคชั่นที่จะถ่าย ดูช่วงเวลาในการถ่ายที่เหมาะสมก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ไปแล้วไม่เสียเที่ยว และได้ภาพสวยๆ กลับมาค่ะ

และอีกสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ โดรน มีแบตเตอรี่ที่จำกัด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของโดรนนั้นๆ บ่าวสาวและช่างภาพควรเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนถ่ายภาพ เพื่อที่เวลานำโดรนขึ้นแล้วจะได้ไม่เสียเวลา รวมไปถึงควรดูทิศทางลม ถ้าช่วงเวลานั้นมีลมแรง พายุเข้า อันนี้ก็ไม่ควรถ่ายภาพจากโดรนนะคะ มีความเสี่ยงที่จะทำให้สั่นไหวจากลมได้ค่ะ อย่าลืมว่าโดรนเป็นเพียงหนึ่งอุปกรณ์ถ่ายภาพ ที่ช่วยทำให้เราได้มุมมองที่แตกต่างออกไปนะคะ เพราะเจ้าโดรนสุดทันสมัยก็มีข้อจำกัดในเรื่องมุมมองเหมือนกัน เช่น ไม่สามารถถ่ายแบบภาพพรอตเทรตได้ ยิ่งแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ยิ่งไม่ได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับว่าที่บ่าวสาวที่อยากเน้นเป็นการถ่ายวิวทิวทัศน์มากกว่า ดังนั้นบ่าวสาวอาจจะเลือกถ่ายพรีเวดดิ้งแบบทั่วไปเป็นหลัก แล้วเสริมด้วยการถ่ายด้วยโดรนก็ได้นะคะ…แต่!! งานนี้ต้องมั่นใจว่างบสำหรับถ่ายภาพที่วางกันไว้นั้นเหลือเฟือ!!

มาชมตัวอย่าง ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง จากโดรนกันเลย

พรีเวดดิ้ง

ว่าแล้วก็ไปศึกษากันต่อเรื่อง ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง สไตล์ต่างๆ รู้ไว้จะได้เป็นไอเดียไว้คุยกับช่างภาพได้ถูก รับรองว่างานนี้ว่าที่บ่าวสาวได้ภาพพรีเวดดิ้งแบบครบเซตครบทุกมุมแน่นอน

ภาพจาก : Pinterest.com

รู้ไว้จะได้ไม่โดนติกับ 8 มารยาทบ่าวสาวที่ควรทำในช่วงงานแต่ง

บางครั้งความตื่นเต้นหลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานก็มักจะส่งผลให้เราทำอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่ทันได้นึกถึงว่าสิ่งนั้นเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่หรือคนรอบตัวเราหรือเปล่า วันนี้ แพรว wedding เลยมี 8 มารยาทบ่าวสาว ควรทำตั้งแต่เริ่มต้นตัดสินใจแต่งงานไปจนกระทั่งงานแต่งเสร็จสิ้นมาฝากให้อ่านกันจ้า

 

Etiquette-Donts-engagement-news-fb
ภาพ : Getty Images

1. บอกข่าวดีกับญาติผู้ใหญ่และคนใกล้ตัวก่อน

หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงาน สิ่งแรกที่ควรทำคือ แจ้งเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในครอบครัวเสียก่อน แน่นอนว่าต้องเริ่มด้วยคุณพ่อและคุณแม่ จากนั้นก็ไล่ลำดับความสำคัญ เช่น ตา ยาย ญาติพี่น้องใกล้ชิด ผู้ใหญ่ท่านไหนที่อยู่ไกลและจำเป็นต้องแจ้งข่าวดีให้ท่านทราบก็อย่ารอช้าให้เสียเวลา จะโทรหรือไลน์ไปบอกก็ได้ จากนั้นจึงค่อยตามด้วยเพื่อนสนิท (บางทีคนกลุ่มนี้ก็รู้ก่อนนะ อิอิ!) และอย่าลืมแสดงความขอบคุณกับบุคคลที่อวยพรให้เราด้วยนะ

สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณระมัดระวังสักนิดคือ การอัพเดตสเตตัสว่าจะแต่งงานแล้วนะลงในโซเชียลมีเดียอย่างเช่น เฟซบุ๊ก ในทันทีทันใดโดยไม่แจ้งใครก่อน เพราะคุณอาจจะได้เจอกับคำพูดที่ว่า “จะแต่งงานแล้วเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกป้าเลย / ไม่เห็นบอกอาเลย” และอีกสารพัดคำถามเชิงน้อยใจมากมาย แบบนี้ก็จะดูเป็นการเสียมารยาทกับญาติผู้ใหญ่ไปอีก

Etiquette-Donts-registry-on-invites-holgate-creative
ภาพ : Courtesy of Holgate Creative

2. อย่าเจาะจงลงไปในการ์ดว่าต้องมีของขวัญ!

แน่นอนว่าในการ์ดแต่งงานจะต้องมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อบ่าวสาว ชื่อพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ชื่อประธานในพิธี เวลา สถานที่การจัดงาน และรูปแบบการจัดเลี้ยง การ์ดบางใบอาจระบุธีมงาน และเดรสโค้ด เพื่อให้แขกได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวังก็คือ อย่าระบุลงไปในการ์ดว่าคุณอยากได้ของขวัญอะไรในวันแต่งงานเด็ดขาด แบบนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควรนะจ๊ะ

ภาพ : www.memorandum.com
ภาพ : www.memorandum.com

3. อย่าปล่อยให้แขกรอนาน

ข้อนี้ขอแบ่งเป็น 2 กรณีนะคะ กรณีแรกเป็นเรื่องระยะเวลาของงานพิธีไทยที่จัดในช่วงเช้า เจ้าสาวบางคนจะชอบเปลี่ยนชุดระหว่างพิธีสงฆ์และพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งถ้าเจ้าสาวอยากเปลี่ยนชุดก็ได้ค่ะ แต่ต้องบริหารเวลาในการเปลี่ยนชุดให้ดีๆ ไม่ควรเกิน 10-15 นาทีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแขกจะรอนานและเกิดอาการเบื่อ ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นอย่าเปลี่ยนทรงผมหรือให้ช่างมาเริ่มแต่งหน้าให้ใหม่เด็ดขาด เพราะมันจะเสียเวลามาก แขกผู้ใหญ่หลายท่านอาจจะหงุดหงิดได้

กรณีที่ 2 คืองานเลี้ยงฉลองสมรสช่วงเย็น ซึ่งแขกผู้ใหญ่มักจะมาก่อนเวลาเสมอ ดั้งนั้นถ้าในการ์ดระบุเวลาไว้กี่โมง บ่าวสาวควรจะลงมาเพื่อซักซ้อมคิวงานก่อนหน้านั้นสัก 15 นาที แล้วจึงออกไปรอถ่ายรูปกับแขกให้ตรงเวลา อย่าปล่อยให้แขกผู้ใหญ่รอนาน หากเจ้าสาวอยากเปลี่ยนชุดก่อนเข้าช่วงเปิดตัว ขอแนะนำว่าไม่ควรเกิน 20 นาที ให้เวลามากกว่าช่วงเช้านิดหน่อยได้ เนื่องจากแขกจะทานอาหารอยู่ในงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรนานจนเกินไป

ภาพ : www.notonthehighstreet.com
ภาพ : www.notonthehighstreet.com

4. ของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับคนสำคัญ

นอกจากในงานแต่งจะมีของชำร่วยที่ต้องให้กับแขกทุกคนแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำให้ทำก็คือ ของขวัญแทนคำขอบคุณ โดยให้เฉพาะกับคนสำคัญ เช่น เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว และคนที่มาช่วยเตรียมงานจนงานสำเร็จลุล่วง โดยบ่าวสาวควรจะปรึกษากันดูว่ามีใครบ้างที่คุณควรจะตอบแทนน้ำใจของเขา แล้วลองมองหาของขวัญที่มีรูปลักษณ์และราคาเหมาะสมมอบให้เขา รับรองว่าซึ้งใจทั้งผู้ให้ผู้รับแน่นอน

เจ้าสาว งานแต่งในสวน ต้องคลิก! บิวตี้ไอเท็มใหม่ที่จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้คล้ำแดด

งานแต่งในสวน เป็นเทรนด์ที่กำลังอินสุดๆในช่วงนี้! แต่เจ้าสาวก็จะต้องเผชิญกับแสงแดดกลางแจ้ง และยังมีฝุ่นควันต่างๆอีก ณ วันแต่งงานอาจจะใช้เมกอัพช่วยให้หน้าสวยเด้งได้ แต่หลังวันงานต้องมาแก้ไขปัญหาหน้าหมองคล้ำแถมมีกระฝ้าก็ไม่คุ้มกันนะคะ! แต่อย่าวอรี่ไป เรามาแนะนำผลิตภัณฑ์บิวตี้ใหม่ที่จะช่วยปกป้องผิวคุณว่าที่เจ้าสาวจากแสงแดดในวันแต่งงาน และยังช่วยบำรุงและปกป้องผิวในระยะยาวเพื่อลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้ากระอีกด้วย ว่าที่เจ้าสาวที่แพลนจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ เตรียมแคปหน้าจอเก็บไว้ใช้ตามรัวๆเลยค่ะ

Sulwhasoo Snowise Brightening Exfoliating Mask (2,100 บาท) จาก Sulwhasoo มาส์กชนิดล้างออกเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ใช้มาส์กผิวหน้าทิ้งไว้ขณะอาบน้ำ แล้วล้างออกเมื่ออาบน้ำเสร็จ ไอน้ำจากน้ำอุ่นจะช่วยในการขัดผิวให้เซลล์ผิวที่ตายหลุดออกเพื่อผิวที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

งานแต่งในสวน

 

Exceptional Youth Essence (1,550 บาท) จาก Yves Rocher เอ้สเซ้นส์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยนไร้สารพาราเบน ช่วยให้ผิวกระจ่างใสลดเลือนจุดด่างดำจากสารสกัดพืชธรรมชาติ White Licorice Powder และ White Lupin Extract

งานแต่งในสวน

 

Anthelios ULTRA CREAM SPF50+ PA++++ (1,300 บาท) จาก La-Roche Posay กันแดดสำหรับผิวหน้า ปรับสูตรใหม่ล่าสุดให้เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เนื้อสัมผัสซึมเร็ว ไม่เหนียว ไม่ทำให้ผิวดูมัน และยังสามารถทาผิวส่วนที่บอบบางอย่างผิวรอบดวงตาได้ด้วยงานแต่งในสวน

 

Clear Stick UV Protector (950 บาท) จาก Shiseido กันแดดชนิดแท่งเนื้อโปร่งใส เหมาะกับเจ้าสาวที่กังวลเรื่องกันแดดลบเลือนจากเหงื่อ เพราะนอกจากจะป้องกันน้ำและเหงื่อได้ดีจากเทคโนโลยี WetForce ยังช่วยป้องกันการก่อตัวของริ้วรอยและจุดด่างดำจากแสงแดดได้ด้วย

งานแต่งในสวน

Clearly Corrective Brightening & Soothing Treatment Water (2,050 บาท) จาก Kiehl’s โลชั่นสูตรน้ำบำรุงผิวหน้าทันทีหลังล้างหน้าเสร็จ นอกจากจะช่วยคืนความชุ่มชื่นให้ผิวแห้งกร้านจากการตากแดดนานๆ สารสกัดจากรากชะเอมและวิตามินซียังช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ เหมาะกับการใช้หลังวันแต่งงานที่ต้องเผชิญแสงแดดนานๆ

งานแต่งในสวน

 

 

เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่ตั้งใจจะจัดงานแต่งในสวน นอกจากจะเตรียมความพร้อมผิวให้สวยไม่คล้ำเสียหลังงานแต่งแล้ว ลองคลิกเข้ามาดูไอเดีย ชุดเจ้าสาวที่เหมาะเหม็งกับงานแต่งในสวนสวย ที่นี่ 

จัดงานแต่งบนดาดฟ้ากับสุดยอด 5 โรงแรมหรูในกรุงเทพฯ

การจัดงานแต่งงานแบบ Rooftop หรือ ดาดฟ้า เริ่มเป็นกระแสที่มาแรงในตอนนี้ โรงแรมและร้านอาหารจึงตอบโจทย์สำหรับสถานที่จัดงานแต่งงานบนดาดฟ้า เพราะอาคารสถานที่สูงจะทำให้คุณเห็นวิวแสงสีของเมืองได้อย่าง 360 องศา ให้ความรู้สึกเหมือนมางานปาร์ตี้ชิลล์ๆ ที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก แพรว wedding จึงได้เลือกสถานที่จัดงานแต่งงานแบบ Rooftop ในกรุงเทพฯ ที่มีวิวส๊วยยยสวยมาฝาก รับลองถ้าคุณอัพรูปลงโซเชียลยอดไลค์ต้องพุ่งแน่ๆ

ดาดฟ้า

The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok

โรงแรมหรูใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดินที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย แถมบรรยากาศยังผ่อนคลายด้วยห้องพักที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในมาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว และคุณกับคนรักยังได้เพลิดเพลินบน Rooftop สถานที่จัดงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งแบบ Banquet style ที่จุคนได้ 120 คน และแบบ Cocktail reception จุคนได้ถึง 200 คน ในโซน Altitude ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดงานแต่งงานบนความสูงของชั้นดาดฟ้าที่จะทำให้คุณเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างขวางในยามค่ำคืน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,999 บาทต่อท่าน พิเศษ!! คู่บ่าวสาวจะได้รับบัตรของขวัญ 1 ใบสำหรับการรับประทานอาหารค่ำในวันครบรอบ 1 ปี ณ ห้องอาหาร Seasonal Tastes อีกด้วย (โทร. 0-2207-8000)

ดาดฟ้า

Hotel Once Bangkok

Top knot by hotel พื้นที่สุดชิคด้านบนของ Hotel Once ซึ่งได้รับความไว้วางใจในการดูแลจัดงานแต่งงานแบบ Rooftop มาหลายต่อหลายครั้ง ด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกบนพื้นที่สไตล์โมเดิร์นผสมผสานความเป็นคลาสสิคและยังมองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครได้สุดลูกหูลูกตา พร้อมการตกแต่งที่แฝงความเป็นธรรมชาติในพื้นที่สีเขียวเข้ากับเก้าอี้ไม้สีเข้ม จุดเด่นอยู่ที่การต่อชั้นดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นโดยมีบันไดเหล็กที่จะพาเลี้ยวมาบรรจบกันอย่างสวยงาม บอกเลยว่าสถานที่เหมาะกับการจัดงานแต่งงานเป็นอย่างมาก ซึ่งในปี 2561 นี้ทางโรงแรมและ KTC มีแพคเกจงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆ ให้คุณเลือกได้ในสไตล์ที่โดนใจ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์แบ่งชำระค่าใช้จ่ายการจัดเลี้ยงเป็นเวลา 6 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิต KTC ยอด 70,000 บาทขึ้นไป  (โทร. 0-2688-2596)

ดาดฟ้า

Hotel Muse Bangkok by M Gallery Collection

การออกแบบโรงแรมได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมทางสถาปัตยกรรมและศิลปะในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ของยุโรป ผสมผสานความเก๋ไก๋และสง่างามอย่างมีลูกเล่นเข้ากับยุคทองของเอเชียซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ในประเทศไทย เหมาะกับคู่บ่าวสาวที่อยากได้ธีมงานแต่งงานในสไตล์บูติก ที่บริเวณดาดฟ้าชั้น 25 ของโรงแรมเหมาะสำหรับจัดงานแต่งงานเล็กๆ ที่มีแขกผู้ร่วมงาน 80 -100 คน และตลอดงานทั้งคู่บ่าวสาวและแขกจะได้สนุกไปกับเสียงดนตรีโดย DJ ที่จะมาเล่นให้ฟังกันสดๆ แถมยังมีค็อกเทลคอยเสิร์ฟให้ตลอดงาน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 300,000 บาทขึ้นไปค่ะ  (โทร. 0-2630-4000)

ดาดฟ้า

Banyan Tree

โรงแรมบันยันทรี ตกแต่งในรูปแบบไทยร่วมสมัย เน้นงานไม้ มีความเรียบง่ายแต่ดูแพง ที่สำคัญแต่ละพื้นที่ของโรงแรมถูกออกแบบมาเพื่อการใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันพร้อมการบริการอย่างดีเยี่ยม จุดเด่นของโรงแรมอยู่ที่ชั้นบนสุดนั่นคือ Vertigo สถานที่ Rooftop ที่มีความสูงถึงชั้นที่ 61 คุณจะสามารถเห็นซิตี้วิวได้แบบ 360 องศาสุดตระการตาที่จะทำให้งานแต่งงานของคุณดูหรูหรากว่างานไหนๆ เลยค่ะ ซึ่งชั้นดาดฟ้ามีพื้นที่เพียงพอให้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลได้ 400 คน ส่วนแบบบุฟเฟ่ต์นั้นจุคนได้ 250 คน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000,000 บาท ซึ่งราคานี้รวมค่าสถานที่ ค่าจัดดูแลสถานที่ ค่าอาหาร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางโรงแรมค่ะ  (โทร. 0-2679-1200)

ดาดฟ้า

So Sofitel Bangkok

HI-SO Rooftop พื้นที่บนสุดชั้น 30 ของโรงแรมชื่อดังตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ ออกแบบพิเศษเพื่อให้เหมาะแก่การพบปะหรือจัดงานสังสรรค์ท่ามกลางวิวพิเศษสุดโรแมนติก หยุดโพสท่าแชะภาพสุดชิคบริเวณบันได HI-SO moonlit cabana ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ใครได้ขึ้นมาโซนนี้เป็นต้องหยุดถ่ายภาพ โซ โซฟิเทล รับจัดงานแต่งงานทั้งพิธีช่วงเช้าและงานเลี้ยงในตอนกลางคืน โดยในวันพิธีหมั้นหรือพิธียกน้ำชา สามารถเข้าพักห้อง So Comfy ได้ 1 คืน รวมราคาประมาณ 150,000 บาท และเวดดิ้งปาร์ตี้ ราคาเริ่มต้นประมาณ 200,000 บาท รองรับได้เพียง 50 ท่าน เท่านั้นนะจ๊ะ (โทร. 0-2624-0000)

 

ข้อมูลจาก : The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok, Hotel Once Bangkok, Hotel Muse Bangkok by M Gallery Collection, Banyan Tree

ภาพจาก : voucherthai.com, banyantree.com, siam2nite.com

งานแต่งหมื่นล้านบรรยากาศเทพนิยายของคุณรัก & คุณหนาม @ ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ราวกับอยู่ในเทพนิยายสำหรับงานวิวาห์หมื่นล้านระหว่างลูกสาวคิง เพาเวอร์ คุณรัก – วรมาศ ศรีวัฒนประภา กับเจ้าบ่าวหนุ่มนักธุรกิจอนาคตไกล คุณหนาม – รวิ อิทธิระวิวงศ์ โดยมีงานฉลองมงคลสมรส ณ ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ท่ามกลางความยินดีของแขกผู้มีเกียรติคับคั่งทั่วฟ้าเมืองไทย

โดยงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความอบอุ่น บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพรรณตกแต่งในสไตล์ยุโรป–เวสเทิร์น ประดับด้วยคริสตัลสุดอลังการ สร้างความโรแมนติกและสวยงามดุจเทพนิยาย

พร้อมชมโชว์ไฮไลต์ส่วนหนึ่งในงาน เช่น ม้าสาว ผู้เป็นตัวแทนของเจ้าสาว นากหนุ่มผู้เป็นตัวแทนของ เจ้าบ่าว และสายลมผู้ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Wind’s Tale” หรือ “เรื่องเล่าของสายลม” ที่สอดแทรกในทุกตารางนิ้วของพื้นที่จัดงานที่มีสายลมเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกช่วงขณะของความรัก แถมยังมี เซอร์ไพร้ส์กับบทเพลงพิเศษ Voravi’s Tale Song ที่แต่งมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะสำหรับบ่าว-สาวและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุข

นอกจากนี้ระหว่างทางเดินเข้างานแขกผู้มีเกียรติจะได้พบกับนิทรรศการหนังสือเล่มใหญ่และแกลเลอรี่สุดเอกซ์คลูซีฟที่เผยถึงเรื่องราวความรักของทั้งคู่ ที่ทำให้ทุกคนที่ได้สัมผัสกับความสุขและความรักของทั้งคู่ไปด้วย สมกับเป็นงานวิวาห์สุดอลังการแห่งปี

 

The DetailsVenue : The Wind’s Tale

Venue : ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
Wedding Dress : Chanel
Space Design : Beourfriend Studio
Photo : Jakawin PhotographyThe

สบู่ก้อนสายรุ้ง ของชำร่วยงานแต่ง DIY ทำด้วยตัวเองก็ได้ง่ายนิดเดียว

มา DIY ของชำร่วยงานแต่ง ที่บ่าวสาวสามารถทำง่ายๆ ด้วยตัวเองกันเถอะ หรือจะชวนแก๊งเพื่อนๆ มาช่วยกันนั่งทำ ก็ได้ไม่ว่ากัน และสิ่งแพรว wedding นำมาเสนอวันนี้ก็คือ ‘สบู่ก้อนสายรุ้ง’ ที่นอกจากจะทำง่ายแล้วยังประหยัดงบสุดๆ มีขั้นตอนและอุปกรณ์อะไรบ้าง ไปดูกันเลย

ของชำร่วยงานแต่ง

อุปกรณ์

1. กลีเซอรีน เป็นส่วนที่ช่วยให้ผิวนุ่มลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว และไม่อุดตันรูขุมขน

2. หัวน้ำหอมสำหรับใส่สบู่ อาจจะเลือกกลิ่นกลางๆ ที่ไม่หอมหรือฉุนจนเกินไป

3. สีใส่สบู่ สามารถเลือกได้ตามใจ หรือจะเลือกตามสีของธีมงานก็ได้

4. แอลกอฮอล์ล้างแผล ที่บรรจุไว้ในขวดแบบหัวสเปรย์

5. หม้อต้ม

6. แป้นพิมพ์สำหรับใส่สบู่ อย่าลืมหาซื้อแป้นพิมพ์น่ารักๆ นะ

7. ถ้วยสำหรับผสมสี

วิธีการทำ

  1. นำกลีเซอรีนมาละลาย โดยต้มลงในหม้อ (กะขนาดให้พอดีกับจำนวนที่ต้องการ)
  2. นำกลีเซอรีนหรือสบู่จากขั้นตอนแรกเทลงในถ้วย แล้วคนไปเรื่อยๆ ให้เย็นตัวลงนิดนึง พร้อมใส่สีและหัวน้ำหอมตามที่ต้องการ โดยอาจเลือกเฉดสีที่ตัดกันเพื่อให้เกิดความสวยงาม เช่น ชมพู-ฟ้า , เหลือง-เขียว *สาเหตุที่ต้องรอให้เย็นตัวลงเพราะความร้อนอาจจะทำให้กลิ่นและสีผิดเพี้ยนออกไป

ของชำร่วยงานแต่ง3. เทสบู่ลงแม่พิมพ์ โดยตะแคงแม่พิมพ์เล็กน้อย ให้ตัวสบู่เอียงนิดหน่อย แล้วนำแอลกอฮอล์ฉีดทับลงไป 1 รอบ จากนั้นนำสบู่อีกสีที่ตรงข้ามกันมาเททับ แล้วเติมให้เต็มช่องที่เหลือของแม่พิมพ์ เท่านี้ก็จะได้สีของสบู่ที่ไล่เฉดกันอย่างสวยงามแล้ว *แอลกอฮอล์จะช่วยให้สบู่ไม่มีฟองอากาศภายใน

ของชำร่วยงานแต่ง

ของชำร่วยงานแต่ง

4. ฉีดแอลกอฮอร์ทับอีกรอบในขั้นตอนสุดท้าย

5. รอจนเย็นจากนั้นแกะออกจากแม่พิมพ์

ของชำร่วยงานแต่ง

6. ตกแต่งลงบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม

เพียงเท่านี้บ่าวสาวก็จะได้สบู่น่ารักๆ เป็นของชำร่วยสุดเก๋ ที่ราคาไม่แพง แถมยังมาใช้งานได้อีกด้วย โดยบ่าวสาวอาจจะเช็คราคากลีเซอรีนกันก่อนนะคะ เพราะราคาต่อกิโลกรัมไม่เท่ากัน (แต่ไม่เกิน 200 บาทค่ะ) นอกจากนี้บ่าวสาวยังสามารถเพิ่มความครีเอทด้วยการใส่ดอกไม้แห้งลงไปก่อนที่จะเทสบู่ลงแม่พิมพ์ก็ได้นะคะ ก็จะสวยงามไปอีกแบบ

ของชำร่วยงานแต่ง

Read More : ยังมีงาน DIY อีกเพียบ
เข็มกลัดดอกไม้สไตล์ริบบิ้นติดหน้าอกแบบ DIY สวยง่ายแถมประหยัดด้วย
ช่อดอกไม้ DIY สุดเก๋สำหรับวาเลนไทน์ที่มีช่อเดียวในโลก
DIY ลูกบอลหลากสีช่วยเสริมปาร์ตี้ของบ่าวสาวให้ดูน่ารัก
DIY กล่องใส่แหวนแทนใจที่ประดิษฐ์ง่ายๆ แถมประหยัดงบ
ดอกกล้วยไม้ประดิษฐ์ DIY สุดเก๋ ช่วยเสริมงานแต่งให้น่ารัก

ภาพจาก : Pinterst.com

วิธีการทำ : Youtube  JENerationDIY Channel

15 ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์กับแรงบันดาลใจสู่ชุดแต่งงานจริง

เรฟเฟอร์เรนซ์ชุดแต่งงานที่เป็นที่นิยมในหมู่ว่าที่เจ้าสาวอีกแหล่งหนึ่งก็คือจากภาพยนตร์ต่างๆ นั่นเอง และภาพยนตร์รักเกือบทุกเรื่องก็มักจะมีชุดแต่งงานสวยๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้เก็บเอาไปฝันมากมาย แต่วันนี้ แพรว wedding ไม่ได้รวบรวมแค่หนังรักโรแมนติกที่มีชุดแต่งงานสวยๆ มาให้ดูเท่านั้นนะ เพราะเราขนมาทั้งหนังบู๊เลือดสาด ไปจนถึงหนังระทึกขวัญที่มีปิศาจเลยล่ะ!! ว่าแต่จะมีภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง และ ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์ จะสวยแค่ไหน ไปดูกันเลย

27 Dresses

ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์

ชุดของ มาลิน เอเคอร์แมน ที่รับบทเป็นน้องสาวของ เทส ที่นำมาสู่คอลเลคชั่นจริงบนรันเวย์

2 ชุดแต่งงานที่สวยงามจากภาพยนตร์เรื่อง 27 Dresses กับชุดแรกที่เป็นของ มาลิน เอเคอร์แมน ที่รับบทเป็นน้องสาวของ เทส กับลุคชุดแต่งงานสุดโมเดิร์น ในชุดแต่งงานผ้าซาติน จนนำมาสู่คอลเลคชั่นจริงๆ ของชุดแต่งงาน ส่วน แคทเธอลีน ยังคงไว้ซึ่งลุคสุดคลาสสิคกับดีไซน์ที่เรียบง่าย กับชุดแต่งงานแบบคอวีจากแบรนด์ Amsale

Accidental Husband

ชุดแต่งงานของอูมา เธอร์แมนในเรื่องนี้ก็เป็นชุดแต่งงานจากแบรนด์ Amsale เช่นเดียวกัน โดยเป็นชุดแต่งงานในคอลเลคชั่นที่ชื่อว่า CHRISTOS ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของการใช้เนื้อผ้าสุดคลาสสิคที่ให้ลุคโรแมนติก แต่กลับเล่นกับเค้าโครงของชุดในแบบที่ทันสมัย

Bride Wars

จะมีอะไรที่ดีไปกว่าชุดแต่งงานจากแบรนด์ Vera Wang อีกเหรอ? จริงไหม? และนี่คือ 2 ชุดแต่งงานจากแบรนด์ Vera Wang ที่ใส่โดย เคต ฮัดสัน และ แอนน์ แฮตทาเวย์ ที่ปรากฏตัวในชุดแต่งงานในลุคสุดน่าทึ่งทั้งสองชุดนี้ได้อย่างสง่างามไม่แพ้กัน

Funny Face

Funny Face เป็นภาพยนตร์เรื่องฮิตในปี 1957 และชุดแต่งงานผ้าซาตินและผ้าทูลล์ชุดนี้จากแบรนด์ Givenchy ก็ยังคงดูเพอร์เฟกต์และทันสมัยอยู่เสมอ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์ชุดแต่งงานแบบทีเล้นจ์อีกด้วย

Love Actually

ชุดนี้เป็นแบบชุดออริจินัลของ เคียร์ร่า ไนต์ลี่ จากภาพยนตร์เรื่อง Love Actually

แน่นอนว่าฉากที่เป็นไอคอนิคของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือฉากแต่งงานที่ เคียร์ร่า ไนต์ลี่ ได้ปรากฏตัวในชุดแต่งงานประดับขนนกกับผ้าแบบซีทรูของเธอ ซึ่งเหมาะกับคาแรคเตอร์ของหญิงสาวที่โรแมนติก สนุกสนาน และก็สง่างามในเวลาเดียวกัน

Mamma Mia!

ราวกับว่านี่คือลุคของเจ้าหญิงสายโบฮีเมียนที่แท้ทรู อแมนด้า ไซย์ฟรีด ดูเพอร์เฟกต์ในงานแต่งงานเล็กๆ ของเธอที่กรีกในชุดแต่งงานแบบเล่นเลเยอร์ ในเฉดสีสันสว่างสดใสที่ให้ลุคสบายๆ ในสไตล์แบบเจ้าสาวที่เป็นกันเอง และแน่นอนหากคุณคิดจะแต่งตัวแบบนี้อย่าลืมเปิดเพลงของวง ABBA ประกอบเหมือนในภาพยนตร์ด้วยนะคะ

Mr. and Mrs. Smith

ชุดแต่งงานกระโปรงสั้นปิดเข่าและช่วงบนแบบเปิดไหล่ในงานแต่งงานที่เรียบง่าย พร้อมกับเวลที่ประดับไว้บนศีรษะ ไม่ว่าจะสวมในพิธีหมั้นหรือพิธีฉลองก็ดูดีได้แบบไม่ต้องง้อกระโปรงพองฟูแม้แต่นิดเดียว

มารยาทที่ดีสำหรับแขกที่ได้รับเชิญไปงานแต่งต้องทำยังไง? เรามีคำตอบ

ถึงแม้จะไม่ได้รับเกียรติให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานแต่ง แต่ถ้าคุณได้รับเชิญจากบ่าวสาวให้ ไปงานแต่ง อย่างเป็นทางการแล้วล่ะก็ งานนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณก็คงมีความสำคัญกับบ่าวสาวไม่น้อยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไปดูกันดีกว่ามีอะไรบ้างนะที่คนเป็นแขกอย่างเราต้องระวัง ไม่เผลอไปทำอะไรจนกลายเป็นแขกที่ไม่พึงประสงค์ให้เจ้าภาพต้องส่ายหน้าหนี

1. ลืมคอนเฟิร์มไปงาน

ถ้าหากในการ์ดเชิญมีข้อความให้คุณตอบยืนยันว่าจะไปร่วมแสดงความยินดี ก็อย่าลืมตอบกลับว่าจะไปหรือไม่ไป เพราะบ่าวสาวอาจกำหนดที่นั่งของแต่ละคนมาแล้ว หรือเป็นงานเฉพาะจริงๆ เขาจะได้เตรียมที่นั่งให้ได้ถูก

2. สายเสมอ

หลายคนถือคติ “ไปสายหน่อยดีกว่าไปก่อนงานเริ่ม” อยากบอกว่าผิดมหันต์ เพราะที่จริงควรไปก่อนเวลาที่ระบุในการ์ดนิดหน่อย และถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาล่ะก็ห้ามไปหลังงานเริ่มเด็ดขาด ลองคิดดูว่าเขากำลังทำพิธีกันอยู่แล้วมีคุณเดินเข้าไปในงาน แค่คิดก็หนาวแล้ว

3. โทรไปถามสารพัดอย่างกับบ่าวสาว

ช่วงก่อนแต่งงานเป็นเวลาที่บ่าวสาวยุ่งกับภารกิจชีวิตมาก ทางที่ดีอย่าโทรไปรบกวนเลย ถ้าสงสัยอะไรก็ลองถามจากเพื่อนในก๊วนที่ไปงานด้วยจะดีกว่า แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีใครตอบได้สักคนค่อยส่งข้อความไปถามบ่าวสาวก็ได้

4. ลืมปิดเสียงโทรศัพท์

อันนี้สำคัญสุดๆ โดยเฉพาะระหว่างกำลังทำพิธีทางศาสนาหรือพิธีที่ต้องการความเงียบสงบ เกิดคุณใช้ริงโทนสุดมันส์แล้วดังแหวกความเงียบขึ้นมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสายตาคนทั้งงานที่หันมามองไงคะ บรื๊อออ

5. หนีบผู้ติดตามไปด้วย

ก็เข้าใจหรอกนะว่าไปคนเดียวแล้วเหงา แต่ถ้าเจ้าภาพไม่ได้เขียนว่าพาเพื่อนไปได้ก็อย่าพาคนอื่นไปเลยนะคะ เพราะบางทีเขาเตรียมโต๊ะเตรียมอาหารมาพอดีตามจำนวนแขกแล้ว

6. ใส่ชุดขาวและชุดสีเดียวกับเพื่อนเจ้าสาว

คนที่สวยที่สุดในงานแต่งคือเจ้าสาว เพราะฉะนั้นแขกที่ไปงานห้ามแย่งซีน พวกชุดขาว ครีม ออฟไวท์ แชมเปญเหล่านี้ห้ามเลือกมาใส่เด็ดขาดยกเว้นจะเป็นแบบเรียบปลอดภัยจริงๆ  สีเดียวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวก็ไม่ควรนะ อ้อ! ยีนส์ก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับชุดไปร่วมงานแต่งงานนะคะ 

7. ชาวก้มหน้า

อาจต้องร้องเพลง “ห่างกันซักพัก” ให้กับโทรศัพท์เครื่องโปรด แล้วเงยหน้าขึ้นมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เพราะเป็นการเสียมารยาทขั้นสุดจริงๆ หากคุณจะเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์โดยไม่สนใจพิธีแต่งงานเลย

8. สาดแฟลชเจิดจ้า

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ถ่ายภาพได้ แต่ก่อนถ่ายเช็คให้แน่ใจด้วยว่าไม่ได้เปิดแฟลชไว้ ไม่อย่างนั้นแสงแฟลชจะไปรบกวนคนอื่นๆ ในงาน

9. วิ่งหนีพิธีทางศาสนา

บางคนอาจจะบอกว่า “เบื่อจุงพิธีทางศาสนา” แต่ห้ามชิ่งหนีเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องสำรวม แต่ก็เป็นพิธีที่สวยงาม และไม่ได้เห็นกันได้บ่อยๆ อีกอย่างบ่าวสาวเขาเชิญมาเพราะอยากให้คุณร่วมแสดงความยินดีในทุกช่วงเวลานะ

10. เตรียมท้องให้ว่างแล้วไปจัดหนักในงาน

บอกเลยว่าเสียมารยาทมากที่จะล้างท้องเพื่อเตรียมไปซัดโฮกในงานแต่ง แถมการทำแบบนี้จะทำให้อ้วนด้วยนะ เพราะการจัดหนักในมื้อเย็น ร่างกายไม่ค่อยมีกิจกรรมให้ได้เผาผลาญพลังงานแล้ว ต่อให้แดนซ์ลืมโลกแค่ไหนก็เถอะ ไอ้ที่กินเข้าไปได้กลายเป็นไขมันแน่นอน

11. รีบดื่ม รีบเมา

บางคนไปงานแต่งก็กะเมาอย่างเดียว ยิงยาวอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่มตั้งแต่งานยังไม่เริ่ม ยิ่งเมาตั้งแต่งานบนเวทียังไม่เริ่มยิ่งไม่ควรเด็ดขาด บอกเลยว่าไปงานแต่งห้ามเมา!

12. เม้าท์หนัก เม้าท์นาน

แม้จะสนิทกับบ่าวสาวชนิดเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เท้าเท่าหอยสังข์ ก็ไม่ควรชวนพูดคุยนาน ปล่อยให้เขาได้ไปต้อนรับแขกคนอื่นๆ ด้วย เพราะนี่ไม่ใช่การนัดพบกันของกลุ่มเพื่อนนะคะ

13. ใส่ส้นสูงปรี๊ด    

รู้ค่ะว่างานแบบนี้ใครๆ ก็อยากสวยสง่า แต่การลากส้นเข็มสูงปรี๊ดเท่าตึก 18 ชั้นมางานก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเสียมารยาทหรอก แต่ว่าจะทำให้คุณเมื่อยน่าดู เพราะงานแต่งเดี๋ยวนี้นิยมจัดแบบค็อกเทลยืนกิน แถมเวลาแดนซ์ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ถ้าอยากสูงเด่นแข่งกับนางแบบจริงๆ ก็อย่าลืมเอารองเท้ามาเปลี่ยนช่วงหลังงานนะคะ

14. รีบไป-รีบกลับ

ไปงานแต่งทั้งทีก็ควรอยู่ให้จบช่วงพิธีการ แต่ถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ หรือเกิดเหตุด่วนให้ต้องรีบชิ่งในช่วงก่อนหรือระหว่างพิธีการ ก็ควรหายตัวไปเงียบๆ ไม่ต้องไปลามาไหว้ใครทั้งนั้น เพราะขืนเข้าไปลาเจ้าภาพ เขาจะคิดว่า “เอ หรืองานเราจะไม่ดีหว่า” เอาได้

15. ช่อดอกไม้ต้องเป็นของฉัน

การแย่งช่อดอกไม้ เป็นประเพณีที่ทำกันสนุกๆ เท่านั้น ไม่ต้องจริงจังยืนจังก้าอ้าแขนรับดอกไม้จนเผลอเอาศอกไปถองบรรดาสาวโสดคนอื่นที่มารอรับดอกไม้หรอกนะ เอาแค่พอสนุกๆ ก็พอ

16. ไมค์และฟลอร์นี้เป็นของฉัน

ต่อให้ร้องเพลงเพราะระดับดีว่า แต่ไมค์และฟลอร์ในงานแต่งก็ไม่ใช่เวทีเดอะว้อยซ์ที่คุณจะครองไว้คนเดียวไม่สนใจคนอื่น เพราะงั้นแบ่งๆ กันร้องและเต้นนะคะ

17. โสดๆ อยู่ทางนี้

หลายคนก็เจอเนื้อคู่ในงานแต่งของเพื่อน แต่ห้ามเด็ดขาดเชียวที่จะไปป่าวประกาศว่า “ฉันโสดดดดดด” มันไม่งามสมหญิงเลย สู้ยิ้มสวยๆ แล้วปล่อยให้เหยื่อเข้ามาติดกับอย่างเป็นธรรมชาติดีกว่า

18. ก้มหน้าก้มตา ไม่ต้องรู้จักใคร  

 ไปงานแต่งงานนะคะ ยังไงก็ต้องเจอคนแปลกหน้า ถ้าต้องจับพลัดจับผลูไปร่วมโต๊ะกัน ก็ส่งยิ้มให้กันหน่อย แนะนำตัวนิดๆ แล้วก็พูดคุยกันบ้าง อย่าเอาแต่จ้วงอาหารเข้าปากไม่พูดคุยกับใคร เดี๋ยวเหงาแย่เลย

19. ขนของชำร่วยกลับบ้าน

บางคนอยากได้ของชำร่วยหลายอันโดยเฉพาะในงานที่ของชำร่วยมีหลายสี หลายกลิ่น ทำได้แต่ต้องรอให้แขกคนอื่นๆ ทยอยกลับให้หมดก่อน  คุณค่อยเดินไปขอจากเจ้าภาพ เพราะบางงานก็ไม่ได้เตรียมมาเยอะขนาดที่จะแจกคนละ 18 อันได้

20. กลับบ้านคือกลับบ้าน

ถ้าบนเวทีประกาศว่า งานเลี้ยงจบลงแล้วก็จงกลับบ้านซะดีๆ อย่างอแงร่ำไรจะอยู่ต่อ เพราะทุกนาทีที่เกินออกมามันคือเงินที่บ่าวสาวต้องจ่ายเพิ่มนะคะ และเราก็ไม่ควรทำให้เขาต้องเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุเลย

ทั้ง 20 ข้อ อาจเป็นสิ่งที่หลายคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว แต่เราแค่มาเตือนกันเบาๆ เนอะ ว่าห้ามเผลอทำเด็ดขาดเชียว

Read More : 5 เรื่องต้องคิดก่อนตัดสินใจพกใครไปงานแต่งงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com

งานแต่งไทยเรียบง่ายและเป็นตัวเองของคุณจุ๊ซ & คุณนนท์ @ Jim Thompson House

ด้วยความที่คุณจุ๊ซ-ปานวาด เจ้าสาวคนสวยนั้นหลงเสน่ห์ความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ บวกกับแรงสนับสนุนจากคุณนนท์-อานนท์ เจ้าบ่าวที่น่ารัก ทั้งคู่จึงตั้งใจเลือกที่จะจัดงานแบบไทยที่เข้ากับตัวเองและแสดงความเป็นตัวตนได้ดีที่สุด ณ Jim Thompson House

Jim Thompson House

เริ่มจากไปดูสถานที่ที่ชอบและที่ใช่ จากโจทย์แรกที่อยากให้งานออกมาในแบบที่เรียบง่ายแต่ดูดีและมีความเป็นไทย จนมาลงตัวที่ Jim Thompson House ที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับกลิ่นอายตะวันตกได้อย่างลงตัว จากนั้นจึงใช้สถานที่เป็นตัวกำหนดธีมต่างๆ รวมทั้งจำนวนแขกที่สถานที่สามารถรองรับได้ จากวันที่ทั้งคู่จองสถานที่จนกว่าจะถึงวันงานนั้นมีเวลาเตรียมงานเกือบหนึ่งปีเลยทีเดียว จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการมองหาช่างภาพและช่างแต่งหน้าต่อไป ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นั้น คุณจุ๊ซเล่าให้เราฟังว่า เริ่มในช่วง 3-4 เดือนก่อนงาน และเตรียมงานกันอย่างจริงจังช่วงหนึ่งเดือนสุดท้าย ด้วยความช่วยเหลือจากทีมจิม ทอมป์สัน ทำให้งานในวันนั้นออกมาสวยงามน่าประทับใจ

 

ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ปลีกย่อยนั้น คุณจุ๊ซก็ใช้เวลาว่าง ค่อยๆ หาในแบบที่ชอบและที่เป็นตัวเอง ที่สำคัญจะต้องเก๋และไม่ค่อยซ้ำใคร เช่น ปากกาหรือสมุดเซ็นชื่อ คุณจุ๊ซก็ลงมือประดิดประดอยเอง ส่วนชุดสังฆทานหรือของรับไหว้ก็จะแซมดอกไม้เข้าไปบ้าง รวมถึงการ์ดเชิญก็จ่าหน้าซองแบบแฮนด์เมดด้วยลายมือตัวเอง เพื่อให้เห็นความตั้งใจในการเชิญแขกแต่ละท่าน

สำาหรับชิ้นที่คุณจุ๊ซภูมิใจที่สุดก็คือ ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เธอบอกกับเราว่าตั้งใจทำามากๆ และเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะอยากให้วันงานถ่ายภาพออกมาสวยโดดเด่นดูมีเอกลักษณ์ แต่ก็ยังคงความเป็นไทยอยู่ จากความคิดที่เริ่มชินตากับผ้าสไบของเพื่อนเจ้าสาวจากงานแต่งต่างๆ แล้ว งานตัวเองเลยคิดว่าจะตัดเป็นเสื้อสีหวานๆ หลากสีน่าจะสวย เริ่มจากการไปเดินเลือกผ้าเองทั้งผ้าตัดเสื้อและผ้านุ่ง แมตช์สี หาแบบและช่างฝีมือดี ขึ้นแบบออกมาแล้วลองตัดก่อน 1 ชุดก่อนตัดเย็บจริง จนสวยได้ที่แล้วจึงพาเพื่อนๆ ไปตัดจนได้ออกมาสวยสมใจแบบที่เราเห็นแล้วยังปลื้มสุดๆ

 

การเตรียมงานทั้งหมดที่ตอนแรกคุณจุ๊ซคิดว่าจะยุ่งยาก แต่สุดท้ายพอถึงวันจริงทุกอย่างกลับราบรื่นไปเสียหมด จนสุดท้ายงานออกมาอบอุ่นและสวยงามสมใจ ทำให้ได้ข้อคิดในการจัดงานมาฝากว่าที่บ่าว-สาวรุ่นน้องที่กำลังเริ่มแพลนงานว่า การค่อยเป็นค่อยไปและไม่คาดหวังสูงนักจะทำาให้เราได้อะไรกลับมาแบบเกินคุ้มจริง ๆ นะคะ

 

The Details : Thai Contemporary

Venue : พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน กรุงเทพ
Wedding Dress : Miss Saturday(โทร. 09-6642-2822)
Groom Suit : SVN BESPOKE (ไอจี : @SVNBESPOKE)
Makeup & Hair : Hack Makeup (โทร. 09-4454-4965)
Photo : Pingpong Photography

เตรียมความสวยเติมความหล่อกัับ 5 แพ็คเกจ สปาในกรุงเทพฯ ส่งตรงจากธรรมชาติ

สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แถมใกล้วันแต่งงานเข้ามาทุกทีแล้วด้วยสิ จะสวยหล่อทันไหมเนี่ย…ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะแพรว wedding ได้รวบรวมแพ็คเกจ สปาในกรุงเทพฯ ที่เหมาะกับทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายให้ไปผ่อนคลายความเหนื่อยล้า พร้อมฟื้นฟูสุขภาพผิวขาวกระจ่างใสเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์ได้ในทันที ว่าแต่จะมีแพ็คเกจอะไรโดนๆ บ้างน้าลองตามมาดูกันเลยค่า

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

ELEMIS SPA BANGKOK

ส่งตรงจากประเทศอังกฤษกับแบรนด์ ELEMIS ที่สะท้อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสู่สปา ELEMIS Bangkok
สปาหรูแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็น 1 ใน 4 แห่งของ ELEMIS Signature Spas ทั่วโลก ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์เหนือกว่าการผ่อนคลายด้วยแพ็คเกจ Urban Escape ผ่อนคลายศีรษะจรดปลายเท้าตลอด 2 ชั่วโมงครึ่ง มอบกลิ่นหอมโดย ELEMIS Intensely Cleansing Salt Scrub ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 กลิ่น ได้แก่ Lime and Ginger เพิ่มความสดชื่นให้ผิวของคุณดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น และ Frangipani ความหอมรัญจวนชวนสัมผัส พร้อมช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกมา และสุดท้ายกับ ELEMIS Garden of England Rose Restore พร้อมเทคนิคการนวดในแบบเฉพาะของเอเลมิส ที่ผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมเสมือนเดินอยู่ในสวนกุหลาบอังกฤษ พร้อมบำรุงอย่างล้ำลึก จบด้วยทรีทเม้นท์บำรุงผิวหน้า โดยเทคนิคการนวดที่หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญ ราคาประมาณ 13,300 บาท ที่จะทำให้คุณสวยหล่อครบเครื่องเลยนะคะ

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

HARNN Heritage Spa

ที่สุดแห่งประสบการณ์การผ่อนคลายอย่างเหนือระดับด้วยภูมิปัญญาอันล้ำค่าจากธรรมชาติแห่งเอเชีย ใช้สวนผสมทางพฤกษาศาสตร์ที่ดีที่สุด ซิกเนเจอร์สำหรับสปาทรีตเมนท์คู่รัก Sukhothai Passage (สุโขทัยสุนทรีย์) กับการปรนนิบัติสุนทรียสัมผัสทั้ง 5 สู่การคืนความสมดุลสู่ร่างกายและจิตใจอย่างล้ำลึก เริ่มต้นด้วยการแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายใน Herbal Tea Bath อุ่นๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ตามด้วยการสคลับผิวสูตรธรรมชาติอย่างอ่อนโยน มีกลิ่นมากมายให้เลือก จากนั้นตามด้วยการนวดเท้ากดจุด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย ผ่อนคลายด้วยการนวดอโรมาแผนไทย ที่ใช้น้ำมันรำข้าวที่มีวิตามินอีช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เนียวเหนอะหนะผสมผสานกับกลิ่นหอมผ่อนคลายจากเอสเซนเชียลออยล์บริสุทธิ์ที่มีให้เลือกมากถึง 17 กลิ่น ปิดท้ายด้วยการนวดผิวหน้าให้แลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติด้วยคุณค่าบำรุงจากสารสกัดมัลเบอร์รี่ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงผิวของคุณก็จะขาวกระจ่างใสและดูอ่อนกว่าวัยรับวันวิวาห์แน่นอน ในราคา 5,200 บาทต่อคน 

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

PAÑPURI ORGANIC SPA

บนพื้นที่ 472 ตารางเมตร ที่ตกแต่งด้วยความประณีตแสดงให้เห็นซิตี้วิวเป็นฉากหลังของบริการเสริมความงามที่ผสานเข้ากับธรรมชาติวิทยาศาสตร์และศิลปะเข้าด้วยกัน PAÑPURI WELLNESS นำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ที่สามารถปรับแต่งโปรแกรมตามความต้องการส่วนบุคคลของคุณรวมถึงการบำบัดด้วยออนเซนแท้ๆ กับสปาออกแกนิคทรีตเม้นท์ ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายพร้อมให้อาหารผิว และพิเศษสุด หากคุณเข้ารับการปรนิบัติผิวกับแพ็คเกจ Sleep Serenity เพื่อสุขภาพเขาก็มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ในราคา 4,500 บาท (สามารถใช้โปรโมชั่นนี้ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 เท่านั้น) ที่จะช่วยเสริมการนอนหลับ จัดการกับความเครียด ความอ่อนล้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากมลพิษในเมืองที่คุณต้องรับมือในทุกๆ วัน โดยเริ่มจากสครับผิวกายด้วยผลิตภัณฑ์ออแกนิคจากธรรมชาติที่มีให้คุณเลือกมากมาย ตามด้วยการนวดที่จะให้คุณนอนหลับสบายตลอด 1 ชั่วโมงเต็ม และกระตุ้นผิวหน้าในโปรแกรม LOTUS DEFENSE™ ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

YUNOMORI Onsen and Spa

ออนเซนต้นตำหรับจากญี่ปุ่นแห่งแรกในเมืองไทยที่มาในคอนเซ็ปต์ผสมผสานวัฒนธรรมการแช่บ่อน้ำแร่ร้อนออนเซนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับบริการสปาอันเลื่องชื่อของไทย เพื่อให้ผู้มาเยือนได้หลีกหนีความวุ่นวายมาพักกายพักใจ ปลดปล่อยความเมื่อยล้าในบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยมาในแพ็คเกจ ONSEN & SPA ซึ่งสำหรับสาวๆ เราขอแนะนำเซต 1 ที่จะพาคุณไปแช่ออนเซนเปิดผิวกาย ตามด้วยการนวดสครับผิวที่ทางร้านเลือกสรรทรีตเมนท์คุณภาพที่มีส่วนผสมของเกลือทะเลละเอียด ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกพร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสเนียนนุ่ม พร้อมเติมแร่ธาตุให้ผิวพรรณ และยังเป็นการนวดกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง ควบคู่กับการผ่อนคลายด้วยวิธีการนวดอโรม่าที่เน้นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมสดชื่น อีกทั้งยังช่วยกระชับรูปร่างสลายไขมัน เป็นไงคะ งานนี้นอกจากผิวสวยแล้วยังมีรูปร่างที่ดีด้วย ในราคา 2,250 บาท

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

ORGANIKA Secret Spa

สัมผัสกลิ่นอายของสปาออแกนิคระดับลักซ์ชัวรีสัญชาติไทยที่โดดเด่นในธีม ORGANIKA SECRET SPA ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวคลาสสิคของเด็กหญิงตัวน้อยที่เรียนรู้ที่จะรักและปรับสมดุลชีวิตผู้คนจากธรรมชาติ เธอได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของการรักษาจากพลังวิเศษในสวน เช่นเดียวกับการตกแต่งภายในที่ทำให้เหมืออยู่ในสวนสไตล์อังกฤษ ที่จะพาคู่ของคุณหลงทางไปยังวันเดอร์แลนด์ถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง กับแพ็คเกจสปาสำหรับ 2 ท่าน ที่จะให้คุณดูสวยหล่อขึ้นและรู้สึกเปล่งปลั่ง โดยเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเวลามหัศจรรย์นี้ด้วยการบำบัดที่ผ่อนคลายและสดชื่นจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสูตรของทางร้าน โดยในโปรแกรมประกอบด้วย การบำบัดด้วยน้ำนม มาส์กและสครับผิวกาย ให้ผิวคุณนุ่มชุ่มชื่นชวนสัมผัส ผ่อนคลายต่อด้วยการนวดบำบัดเต็มรูปแบบ เสร็จแล้วจึงเข้ารับการนวดหน้าแบบออแกนิคปราศจากสารเคมี สวยครบทุกจุดด้วยสปามือและเท้าให้เนียนนุ่ม แล้วจบด้วยการพาไปชิมชาหอมๆ ก่อนกลับ ทั้งหมดในนี้ราคา 14,000 บาทค่ะ

Cr. Elemis Spa Bangkok, HARNN Heritage Spa, okmagazine-thai.com, panpuriorganicspa.com, yunomorionsen.com, organikahouse.com

ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ กับอาหารรสเลิศรังสรรค์โดยเชฟระดับหนึ่งดาวมิชลิน

เพิ่มระดับความโรแมนติกให้มื้อดินเนอร์ของคุณและคนรักหรูหราขึ้นด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษที่ ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ ห้องอาหารฝรั่งเศสสไตล์โมเดิร์น ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัลล่าสุดที่ได้รับคือ “ห้องอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน” จากหนังสือคู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ ที่อาหารจานพิเศษนี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยเชฟลูโดวิค ตูรัค เชฟหนุ่มสุดหล่อไฟแรงสัญชาติฝรั่งเศสมือรางวัลระดับหนึ่งดาวมิชลิน

ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์

โดยเชฟลูโดวิค รับหน้าที่เป็นเชฟประจำห้องอาหาร Une Table Aud Sud ในเมืองมาร์แซย์ และยังเป็นหนึ่งในเชฟที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลเชฟมิชลินสตาร์อีกด้วย ซึ่งเชฟลูโดวิคได้ยึดถือแนวคิดและปรัชญาในการทำงานที่ว่า ‘เปลี่ยนทุกสิ่งเพื่อให้ทุกสิ่งคงเดิม’ และยังได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า “ทุกเช้าผมจะเลือกปลาที่ดีที่สุดที่จับได้แบบสดๆ จาก The Old Port อีกทั้งยังเก็บผลไม้สดแสนอร่อยนานาชนิดจากธรรมชาติ ที่ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากเมืองโพรวองซ์ และจากทางเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ นอกจากนี้ผมยังเลือกเนื้อที่มีความนุ่มและมีคุณภาพดีที่สุดอีกด้วย”

ซึ่งเชฟลูโดวิคได้รังสรรค์เซ็ตเมนูอาหารมื้อพิเศษทั้งในมื้อกลางวันและมื้อดินเนอร์ให้มาเลือกอร่อยกันได้ตามสะดวก ซึ่งมื้อกลางวันจะมีทั้งแบบ 3 และ 5 คอร์ส ส่วนเซ็ตเมนูอาหารค่ำจะมี 7 และ 9 คอร์ส ที่จะเลือกทานเดี่ยวแค่เฉพาะอาหาร หรือจะเลือกทานคู่กับไวน์ชั้นเลิศของห้องอาหารก็ได้เช่นกัน ซึ่งเมนูรสชาติเลิศระดับเชฟมิชลินนั้นก็มีทั้ง เมนูปลาตาเดียวสไตล์ Blanquette กระเทียมหอม และจันทร์เทศ, ไข่ต้มสไตล์ “Mollet” ครีมผักชีฝรั่ง และซอสหอยเม่นทะเล, เมนูเนื้อลูกวัว สตูผัก และผักเคี่ยว, ซุปปลาบุยยาเบส ใส่สุดยอดเครื่องเทศอย่างหญ้าฝรั่นจากเมืองโพรวองซ์ ปรุงรสในแบบฉบับของเชฟลูโดวิค, เค้กบาบา กลิ่นดอกชบา เสิร์ฟพร้อมเชอร์เบทส้ม และครีมพริกไทยดำ

Soft Boiled Egg “Mollet” Style (celery cream, sea archin concentrate jus)
Milk Fed Veal “Fondant” (Ratatouille condiment braised fennel and jus
Petit Baba (Hibicus infusion, citrus sherbet, black pepper cream)

เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่อยากไปฉลองวันสำคัญไปพร้อมกับมื้ออาหารสุดพิเศษ ก็สามารถสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0-2650-8800 ต่อ 4333 หรือที่ [email protected] และเว็บไซต์ theluxurycollection.com/theatheneehotel และ www.theatheneehotel.com