แต่งงานในโบสถ์ทั้งทีบ่าวสาวลองมาดูจุดเด่น-จุดด้อยกันก่อนดีกว่า

การแต่งงานตามแบบฉบับพิธีทางศาสนาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคู่รักที่มีความศรัทธาร่วมกัน ซึ่งการ แต่งงานในโบสถ์ เป็นพิธีที่อบอุ่นน่ารัก เชื่อว่าว่าที่บ่าวสาวที่อยากมีงานแต่งงานเล็กๆ ต้องอยากจัดพิธีในที่แห่งนี้แน่นอน แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่มากมายที่บ่าวสาวควรคำนึงก่อนที่จะจัดงานฉลองในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เราอยากให้คุณพิจารณาข้อดี-ข้อเสียต่อไปนี้เพื่อตัดสินใจว่างานแต่งงานที่คุณวาดฝันไว้เหมาะที่จะเลือกโบสถ์เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานจริงหรือ? หากคุณมั่นใจว่าต้องการงานแต่งงานที่มีแบบแผนไม่ใหญ่โตก็ลุยโลดค่ะ

 แต่งงานในโบสถ์

จุดเด่น

1. คริสตจักรจะมีการเตรียมพร้อมสำหรับพิธีการในทุกขั้นตอน

การตกแต่งภายในของโบสถ์ออกแบบมาเพื่องานที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาอยู่แล้ว จึงมีการตกแต่งมีที่ความคลาสสิคสวยงามเข้ากับพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ คุณแทบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย ในส่วนกำหนดการพิธีต่างๆ ทางโบสถ์ก็จะมีให้คู่บ่าวสาวเข้าอบรม ฝึกซ้อมสำหรับการเข้าพิธีแต่งงาน และช่วยดูแลภาพรวมของงาน จัดการในเรื่องต่างๆ ให้เป็นซะส่วนใหญ่ คุณแค่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็พอค่ะ

2. มีที่นั่งมากมาย

คริสตจักรมักมีที่นั่งมากมายเพื่อรองรับคริสต์ศาสนิกชน ซึ่งใช้เป็นเก้าอี้ไม้แบบยาว เรียงกันหลายแถว แบ่งเป็นสองฝั่งสามารถนั่งด้วยกันได้หลายคน นอกจากช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าแขกทุกคนจะมีที่นั่งแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดเงินค่าประดับตกแต่งเก้าอี้ในแต่ละตัวแบบงานอื่นๆ อีกด้วย

3. เพลงบรรเลงที่มีอยู่แล้ว

ไม่ว่าจะเป็นคณะนักร้องประสานเสียงหรือวงดนตรี คริสตจักรส่วนใหญ่จะจัดเตรียมดนตรีไว้สำหรับงานแต่งงานให้คุณโดยเฉพาะ โดยบทเพลงที่ใช้ตลอดพิธีแต่งงานจะต้องเป็นบทเพลงในพิธีกรรมที่ได้รับการรับรองจากทางโบสถ์ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่าเพลงจะไม่ทันสมัยแล้วแขกจะเบื่อหรือเปล่า เพราะบทเพลงของศาสนาคริสต์มีความไพเราะที่เป็นเอกลักษณ์เข้ากับบรรยากาศแน่นอนค่ะ

4. ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ

ไม่ว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นใจท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตก แดดแรงร้อนจัด คุณไม่ต้องเป็นกังวลเลยหากคุณจัดงานแต่งงานในที่ร่มอย่างในโบสถ์ที่เตรียมรับมือเรื่องสภาพอากาศไว้อย่างดี เช่น ในประเทศไทยมีอากาศที่ร้อนจัดภายในคริสตจักรจึงต้องมีการติดแอร์เปิดให้ในงานเย็นฉ่ำ โดยบ่าวสาวจะต้องชำระเงินในส่วนของค่าไฟเท่านี้เองค่ะ

5. ทุกคนได้มีส่วนร่วม

เพราะแขกร่วมงานทุกคนถือว่าได้มาเป็นสักขีพยานรักให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนภายในงานต้องเห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งคู่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีส่วนร่วมมากที่สุด จะเห็นได้จากตอนเริ่มพิธีที่เจ้าสาวต้องเดินคล้องแขนเข้าโบสถ์มาพร้อมคุณพ่อของเจ้าสาวค่ะ

แต่งงานในโบสถ์

จุดด้อย

1. ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงฉลองได้

หากคุณต้องการจัดทั้งงานที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาและงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองในสถานที่เดียวกัน ต้องบอกเลยว่าโบสถ์จะไม่ใช่ทางเลือกของคุณ เพราะส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลอง นอกเสียจากโบสถ์บางแห่งที่มีห้องโถงแยกออกมาให้สามารถใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงได้ หรืออนุญาตเพียงแค่แจกสแน็คบ๊อกให้กับแขกที่มาร่วมงาน อย่างไรก็ตามจะมีกฎข้อห้ามสำหรับเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใช้ในงานเลี้ยงอยู่ดี

2. การตกแต่งอย่างจำกัด

คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือประดับประดาพื้นที่ให้เป็นในแบบที่คุณชื่นชอบหรือจัดเรียงเฟอร์นิเจอร์ภายในได้อย่างอิสระ การตกแต่งใช้พร๊อพได้น้อยชิ้น ไม่เน้นความสวยงามจากการปรุงแต่ง เพราะสถานที่มีความสวยงามในตัวเองอยู่แล้ว หากตกแต่งมากไปอาจดูรกและไม่เข้ากับบรรยากาศแบบเรียบง่ายไม่หวือหวาหรอกค่ะ

3. กฎระเบียบเรื่องการถ่ายภาพ

คริสตจักรแต่ละแห่งมีกฎของตัวเองซึ่งรวมถึงสิทธิ์หรือข้อห้ามในการถ่ายภาพด้วยแฟลชรวมไปถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของช่างภาพมืออาชีพ และบางแห่งยังจำกัดจำนวนช่างภาพในงานไม่เกิน 1-2 คน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรคุยกฎระเบียบข้อตกลงกับช่างภาพให้้เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกินความวุ่นวายจนพิธีต้องสะดุดแล้วจะโดนดุเอานะจ๊ะ

4. กฎระเบียบเยอะ

ก็ต้องเข้าใจนะคะว่างานที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนามักมีกฎระเบียบเป็นของคู่กัน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทุกอย่างต้องเป๊ะ เช่น ต้องมาให้ตรงเวลาห้ามมาสายมาเลทเป็นอันขาด การแต่งกายสุภาพให้เกียรติสถานที่ ไม่สามารถแต่งตัวได้อย่างอิสระตามแฟชั่นเหมือนกับไปงานแต่งงานในสถานที่อื่นนะคะ

ส่วนคู่ไหนที่มั่นใจแล้วว่าจะใช้โบสถ์เป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงานแน่นอน ลองมาศึกษาระเบียบของแต่ละนิกายอีกสักนิดให้รู้ลึกรู้จริงกันไปเลยค่ะ ยิ่งบ่าวสาวยิ่งต้องรู้! งานแต่งศาสนาคริสต์ มีกฎระเบียบข้อห้ามไหนให้ต้องเตรียมตัว

Cr : insideweddings.com, romeoandjuliet-weddings.com, pinterest.com

สีสูทเจ้าบ่าว แมทช์ให้เข้ากับชุดเจ้าสาวหล่อสวยเป๊ะ! ไม่ง้อสีดำ

เพราะสีดำไม่ใช่คำตอบของชุดเจ้าบ่าวอีกต่อไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าสีสูทเจ้าบ่าว จะมีสีสันอื่นๆ แต่ถ้าจะให้เพิ่มความเก๋ยิ่งขึ้น สีสูทเจ้าบ่าว ต้องแมทช์ให้เข้ากับสีชุดเจ้าสาวด้วยสิ รับรองเลิศ ถ่ายรูปออกมาสวยเป๊ะปังแน่นอน

ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะแมทช์ สีสูทเจ้าบ่าว ให้เข้ากับชุดเจ้าสาวยังไง แบบไหนดี แพรว wedding มีคำตอบ

1. สีเดียวกันเป๊ะๆ

คุณทั้งคู่ ต้องเลือกสีชุดที่มีสีเดียวกัน ขาวก็ต้องขาวทั้งคู่ ครีมก็ต้องครีมทั้งคู่ เพราะฉนั้น ต้องเลือกสีกันให้ดีๆ เพราะว่าไม่ใช่ทุกสีที่จะเข้ากับคุณทั้งคู่ได้

ชุดเจ้าบ่าว

2. โทนสีเดียวกัน แต่คนละเฉด

อย่างเช่นว่า คุณเจ้าบ่าวใส่สูทสีน้ำตาลเข้ม คุณเจ้าสาวก็ควรเลือกสีชุดที่เป็นสีในโทนเดียวกัน อาจจะเฉดอ่อนลงมาเป็นน้ำตาลอ่อนๆก็ได้

สีสูทเจ้าบ่าว

สีสูทเจ้าบ่าว

3. มีอย่างใดอย่างนึงที่สีลิงก์กันได้

แบบนี้เป็นที่นิยมทำกัน เพราะทำง่าย และออกมาดูดี สีที่ลิงก์กันนั้นอาจจะเป็น เนคไท เสื้อกั๊ก หรือ ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งผมของเจ้าสาวก็ได้เช่นกัน

สีสูทเจ้าบ่าว

ถ้าเราจัดเสื้อผ้าของเราให้เข้ากันได้แล้ว ก็อย่าลืมหาเครื่องประดับเก๋ๆ มาให้เข้ากันด้วยนะ จะได้ เป๊ะ อย่างสมบูรณ์

เฉดสีสำหรับงานแต่งงานในปี 2019 นี้ จะเน้นเฉดสีหลักที่หนักขึ้นกว่าปีก่อนๆ อย่างสีที่มาแรงสุดๆอยู่ในขณะนี้คงต้องยกให้สีแดงเบอร์กันดี ที่มองไปทางไหนก็เห็นสีนี้กระจายอยู่ในหลายๆงาน แต่เฉดสีที่จะมารับช่วงต่อและเป็นพระเอกในปีหน้า ก็คือเฉดสีในตระกูลสีม่วงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น พลัม อเมทิส ลาเวนเดอร์ ออร์คิด หรืออัลตร้าไวโอเล็ต ซึ่งเป็นสีแพนโทนหลักของปี 2018 ที่ Jenny Wren เวดดิ้งแพลนเนอร์ชาวอังกฤษ ออกมาบอกว่าจะฮิตยาวไปจนถึงปีหน้า และเว็บไซต์ด้านงานแต่งงานต่างๆทั่วโลก ต่างก็ยกให้สีม่วงเป็นสีที่มาแรงในปีหน้าเช่นกัน

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

5 สิ่งต้องพกเพื่อทัชอัพหน้าในงานแต่ง ให้สวยปิ๊งตลอดทั้งวัน

ในงานแต่งงาน หน้าของเจ้าสาวที่แต่งมาเป็นอย่างดีโดยช่างผู้เชี่ยวชาญมีอันต้องเลือนหายไป โดยเฉพาะเจ้าสาวในงานกลางแจ้ง ซึ่งคนที่มีช่างอยู่ด้วยทั้งงานก็ดีไป แต่คนที่ไม่มีช่างแต่งหน้าอยู่ด้วยก็ต้องรู้เทคนิค ทัชอัพหน้าในงานแต่ง ด้วยตัวเอง ซี่งไม่ต้องห่วงไป เราเอาทริค และของที่ต้องเตรียมมาฝากแล้ว

ของสำคัญต้องมีไว้ในกระเป๋าฉุกเฉิน (กระเป๋าที่เจ้าสาวต้องมีไว้เพื่อใส่ของจำเป็น)

  1. สเปรย์น้ำแร่
  2. กระดาษซับหน้ามัน
  3. กระดาษทิชชู่
  4. แป้งฝุ่น (โปร่งแสงได้ก็จะดี)
  5. ลิปสติก
  6. บรัชออน

เทคนิคทัชอัพ ให้สวยเป๊ะ

  1. ใช้กระดาษทิชชู่ ซับความมันเยิ้มออกไปให้ทั่วใบหน้า
  2. พ่นสเปรย์น้ำแร่ลงบนใบหน้า ขั้นตอนนี้นอกจากจะช่วยล้างความมันบนใบหน้าแล้ว ยังสร้างความชุ่มชื่น สดชื่นให้กับผิวอีกด้วย
  3. ใช้กระดาษทิชชู่ทั้งแผ่นกางลงบนใบหน้า แล้วค่อยๆ ซับใช้นิ้วกดลงไปเบาๆ ให้ทั่ว เป็นการซับน้ำแร่ที่เปียกอยู่
  4. ใช้แป้งฝุ่นลงให้ทั่วใบหน้า เทคนิคพิเศษตรงนี้คือควรใช้พัฟแตะแป้งฝุ่น เบาๆ แล้วค่อยตบๆ บนใบหน้าเก็บในส่วนที่ความมันสูงๆ อย่างปีกจมูก คาง และหน้าผาก
  5. ปัดบรัชออนลงบนแก้มตามรอยเดิมที่ช่างปักไว้ แต่ให้เข้มกว่าปกตินะ เพราะในงานแต่งงานต้องเจอทั้งแสงไฟ แสงแฟลช ขืนแต่งตามปกติได้กลายเป็นเจ้าสาวหน้าจืดแน่นอน
  6. ใช้ทิชชู่เม้มที่ริมฝาก เพื่อเก็บคราบต่างๆ นานาๆ รวมไปถึงขุยปากที่เริ่มแห้ง
  7. ทาลิปสติคทับ แต่ต้องใช้พู่กันนะ งานจะได้ละเอียด จะมาป้ายๆ แบบปกติไม่ได้

ง่ายๆ เพียงแค่นี้คุณเจ้าสาวก็ทัชอัพเองได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าสาวสายบิวตี้บล็อกเกอร์ก็ตาม ทริคเพิ่มอีกนิดก็คือ ควรใช้บรัชออนและลิปสติคสีเดียวกับที่ช่างลงไว้นะ จะได้ดูสวยเป๊ะ ไม่มีโป๊ะ นอกจากนี้เรายังมีเทคนิคสวยๆ เพื่อคุณเจ้าสาวอีกเพียบ คลิกอ่านเลย

ภาพ pexels.com

ระวัง 5 สิ่งที่บ่าวสาวมักพลาด เวลาเลือก ธีมสีงานแต่ง

ธีมสีงานแต่ง เป็นอะไรที่สำคัญ เพราะช่วยคุมโทนให้งานแต่งออกมาสวยดูดี แต่บ่าวสาวก็มักพลาดกันบ่อยๆ กับขั้นตอนนี้ ซึ่งมีอะไรบ้างที่ต้องระวัง เรามาบอกแล้ว

1. เลือกสีออนไลน์

เวลาที่บ่าวสาวตัดสินใจเลือกสีกับแพลนเนอร์ แล้วเลือกผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางคอมพิวเตอร์ มักมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะแต่ละหน้าจอมีการตั้งค่าสีที่ไม่เหมือนกัน ทางทีดีบ่าวสาวจึงควรเลือกสีจากหน้าจอเครื่องเดียวกันกับแพลนเนอร์ เพื่อให้เห็นสีที่แท้จริง

2. เลือกสีไม่สนสถานที่

เรื่องนี้บ่าวสาวควรมีสีอยู่ในใจ แล้วบอกให้แพลนเนอร์รู้ เพื่อที่ว่าเขาจะได้จัดหาสถานที่ที่ไปกันได้กับสีที่เลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแต่งงานกลางแจ้ง ที่มีสีชัดเจน อย่างในสวนก็สีเขียวของหญ้า ริมทะเลก็สีของชายหาด หรือท้องน้ำ เพื่อไม่ให้สีของงาน และสีของสถานที่ตีกัน จนกลายเป็นไม่สวย

3. สีเดียวทั้งงาน

หลังจากที่ได้ ธีมสีงานแต่ง แล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องไม่ยึดติดกับสีมากจนทุกอย่างต้องเป็นสีเดียวกันหมด แต่อาจจะเลือกของที่คละสี แต่เป็นในโทนเดียวกัน หรือมีการไล่เฉดสี จะทำให้งานแต่งดูมีมิติมากขึ้นกว่าการที่ทั้งงานจะถูกอาบด้วยสีเดียว โทนเดียว

4. เลือกสีที่เข้าได้กับทุกคน

แม้ว่างานนี้จะเป็นงานของคุณทั้งคู่ สีที่ควรปรากฎในงานก็ควรเป็นสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ แต่… บ่าวสาวก็ไม่ควรเลือกสีที่มีความเฉพาะตัว หรือหายากจนเกินไป เช่น สีส้มเขียวหัวเป็ดตอนโดนแสงอาทิตย์ อะไรแบบนี้ และสีที่ใช้ก็ควรเป็นสีที่เข้าได้กับทุกคน ทางที่ดีคือสีพื้นๆ ที่ไม่ต้องระบุดีเทลมากมายนักเป็นดี

5. ให้ความสำคัญกับสีของดอกไม้มากเกินไป

หลายๆ คู่ กำหนดสีมาแล้วแต่ก็เพียงแค่ใช้กับดอกไม้ จนลืมนึกไปถึงสิ่งต่างๆ ว่ามันก็ใส่สีลงไปได้ด้วยนะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้ธีมสีของงานไม่โดดเด่นเอาเสียเลย แถมจะโดนกลบเอาได้ง่ายๆ

รู้อย่างนี้แล้วบ่าวสาวก็ต้องระวังเรื่องการเลือกสีงานแต่งให้ดี อย่าให้ผิดพลาดตาม 5 ข้อนี้ได้ ส่วนวิธีเลือกธีมสีที่ดีสุดก็คือ เลือกจากสีที่ทั้งคู่ชื่นชอบ แค่นี้ก็จะได้สีที่ดีที่สุด แถมยังทำให้เป็นงานแต่งของคุณออกมาสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนไอเดียสวยๆ ในการจัดงานแต่งเราก็มีอีกเพียบ คลิกอ่านเลย

ภาพ unsplash.com

5 ทริคพลิกความงามเจ้าสาว หากเกิดปัญหาก่อนงานจะเริ่ม

ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องที่ไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องความสวยความงามบนใบหน้าที่เจ้าสาวเตรียมการมาเป็นอย่างดี แพรว wedding เลยขอสกัดจุดอ่อนด้วย 5 ทริคแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหากความพลาดบนใบหน้ามาเยือน ไปดูกันสิว่าจะมีปัญหาอะไรบ้างแล้วต้องแก้ไขยังไง เพื่อจะเรียก ความงามเจ้าสาว กลับคืนมาได้ทันก่อนงานจะเริ่ม

1. มาสคาร่าเลอะเทอะเปรอะใต้ตา

บางครั้งมาสคาร่าที่ว่ากันน้ำกันเหงื่อก็อาจจะงอแงได้ในช่วงเวลาสำคัญ ทันทีที่คุณหรือเพื่อนสาวสังเกตเห็นว่าใต้ขอบตาเริ่มมีรอยคล้ำดำให้เห็นจางๆ ให้รีบหากระดาษทิชชู่เนื้อนิ่มสะอาดๆ ชุบน้ำให้หมาดเล็กน้อย แล้วนำไปปัดเบาๆ ย้ำ!! เบาๆ ที่รอยเลอะใต้ดวงตา ห้ามเช็ดหรือถูเด็ดขาดนะคะไม่อย่างนั้นเมคอัพใต้ดวงตาได้หลุดออกมาอยู่บนทิชชู่แน่นอน จากนั้นให้นำแปรงหัวเล็กๆ ที่ใช้สำหรับทาคอลซีลเลอร์ แตะไปที่รองพื้นที่เจ้าสาวใช้ในวันนั้นและนำมาปัดเบาๆ ที่คราบมาสคาร่าที่เลอะ เท่านี้ก็ช่วยกลบได้แล้ว เพราะฉะนั้นในวันงานอย่าลืมพกแปรงและรองพื้นไว้ใกล้ๆ ตัวกันด้วยนะจ๊ะ

ความงามเจ้าสาว

2. ตื่นมาพร้อมสิวเม็ดเป้ง

ไม่ว่าจะเป้งแค่ไหนถึงจะวิ่งไปฉีดในวันงานก็คงไม่ทันอยู่ดี และห้ามบีบ แคะ หรือเค้นเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอาจจะลุกลามใหญ่จนโตจนเกิดเป็นแผลล่ะก็เรื่องจะใหญ่ไปอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ว่าจะโบ๊ะเมคอัพลงไปแค่ไหนก็คงกลบร่องรอยความพังพินาศไม่ได้อยู่ดี เพราะฉะนั้นทำใจให้สบายแล้วลองวิธีนี้ดูค่ะ ก่อนจะแต่งหน้าให้ทาครีมหรือยาแต้มสิวที่คุณใช้เป็นประจำลงไปบางๆ จากนั้นตามด้วยคอลซีลเลอร์แบบกันน้ำลงไปให้ทั่วบริเวณเท่านี้ก็เรียบร้อย และอย่าไปกังวลใจกับมันจนทำให้คุณยิ้มไม่ออก จงคิดไว้ว่ามันเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือปกปิดมันไว้ไม่ใช่การลบมันให้หายไปจากใบหน้า และจงมั่นใจในฝีมือของช่างแต่งหน้าว่าเขาจะต้องเนรมิตคุณออกมาได้อย่างดีที่สุดแน่นอน

3. ตื่นมาตาบวมตุ่ย

แก้ได้ง่ายๆ แบบไม่ยุ่งยากด้วยการใช้ช้อนที่แช่ตู้เย็นเอาไว้แล้วนำช้อนด้านที่นูนมาประคบบริเวณใต้ตาที่บวมตุ่ย โดยช้อนนั้นจะต้องแช่เย็นไว้ประมาณ 15 นาที เพราะความเย็นจะเข้าไปช่วยระบายของเหลวที่เป็นส่วนเกินที่คั่งค้างบริเวณหลอดเลือดรอบดวงตาของคุณ หรืออีกหนึ่งวิธีเจ้าสาวสามารถใช้น้ำแข็งแล้วนำมากลิ้งเบาๆ บริเวณส่วนใต้ตาที่บวมได้เช่นกัน แถมให้อีกหนึ่งวิธีที่ง่ายกว่านั้นด้วยการกระเซ็นน้ำเย็นเจี๊ยบลงไปก็ช่วยได้เช่นกัน

ความงามเจ้าสาว

4. เล็บฉีกแบบไม่คาดฝัน

ก่อนอื่นต้องระมัดระวังอย่าให้มันฉีกมากไปกว่าเดิม แล้วรีบขอสก๊อตเทปใสและกรรไกรกับทางสถานที่หรือผู้จัดงาน จากนั้นตัดสก๊อตเทปใสให้ได้ขนาดพอดีหรือใหญ่กว่ารอยเล็บที่ฉีก จากนั้นบรรจงแปะลงไปเบาๆ โดยต้องระมัดระวังให้สก๊อตเทปใสนั้นแนบไปกับเล็บให้มากที่สุด จากนั้นให้ตัดส่วนที่เกินออกมาจากปลายเล็บด้วยกรรไกร เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการแก้ขัดที่จะช่วยไม่ให้เล็บของเจ้าสาวเสียหายหนักมากไปกว่าเดิม

5. ลิปสติกติดฟัน

แน่นอนว่าเจ้าสาวสามารถหลบมุมไปเช็ดออกได้ แต่คงไม่ดีแน่หากหลบมุมเข้าไปเช็ดอยู่บ่อยๆ เพราะบางครั้งลิปสติกที่เป็นเนื้อมันวาวก็ง่ายต่อการติดฟันเพียงแค่เจ้าสาวขยับปากหรือยิ้ม เพราะฉะนั้นแนะนำให้เจ้าสาวเปลี่ยนมาใช้ลิปสติกเนื้อแมตต์แทนลิปที่มันวาวในวันสำคัญจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลอยู่บ่อยๆ หรือหากเกิดเหตุการณ์นี้หน้างานให้ทาทับด้วยลิปไลเนอร์ที่โดยส่วนมากเป็นเนื้อแมตต์อยู่แล้วลงไปอีกชั้นก็ถือเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี และจะไม่เกิดปัญหานี้กวนใจอีกจนจบงาน แต่อย่าลืมเลือกเฉดสีที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับเฉดสีลิปสติกในชั้นแรกให้มากที่สุดด้วยนะคะ

ติดตามเคล็ดลับความงามเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : brides.com, wembleyclinic.co.za, hellogemma.com

อยากสมหวังเรื่องความรัก มาดูความเชื่อเรื่อง “ด้ายแดง” บอกเลยต้องอ่าน!!!

หากพูดถึงเรื่องการ สมหวังเรื่องความรัก แน่นอนว่ามีหลายวิธี หลายเคล็ดลับให้ลองทำกัน ในประเทศไทยก็มีความเชื่อเรื่อเนื้อคู่อยู่ว่า เราทุกคนมาเจอกันเพราะบุพเพสันนิวาส แต่ก็ยังมีความเชื่อ เรื่อง “ด้ายแดง” อีกหนึ่งเรื่อง ที่จะช่วยให้คนโสดสมหวังเรื่องความรักนะจ๊ะ

แพรว wedding เลยจะขอพาทุกคนมารู้จักกับตำนานด้ายแดง ที่ช่วยให้ผู้คน สมหวังเรื่องความรัก กันค่ะ ไม่อยากนก หรือเบื่อกับการวิ่งตามหาเนื้อคู่ต้องอ่านนะจ๊ะ ^^

สมหวังเรื่องความรัก

ตำนานเรื่องด้ายแดงมีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยมีความเชื่อว่า ด้ายแดงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นเหมือนแรงอธิษฐานของหนุ่มสาวที่ซื่อตรงต่อความรักซึ่งกันและกันแต่ไม่สามารถครองรักกันได้ ก่อนที่ทั้งสองจะตายจากกันไปได้ขอพรต่อสวรรค์เพื่อให้ทั้งคู่ได้กลับมาครองรักกันอีกในภพชาติต่อไป เพราะฉะนั้นจึงได้เกิดเป็นความเชื่อที่ว่า คนที่คู่กันจะเกิดมาพร้อมกับด้ายแดงผูกไว้ที่นิ้วก้อยของแต่ละฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ด้ายแดงยังมีความยาวถึงสองรอบของโลก!! ซึ่งด้ายแดงจะค่อยๆ ขดกลับเข้าหากันเพื่อให้หนุ่มสาวได้มาเจอกัน และจะขาดจากกันเมื่อทั้งคู่ตายจากกันไปนั้นเอง

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ เฒ่าจันทรา (เทพเย่ว์เหล่า) ซึ่งเป็นเทพผู้เดียวที่สามารถมองเห็นด้ายแดงของมนุษย์ และสามารถตัดด้ายแดงให้ขาดออกจากกันได้ หากหนุ่มสาวคู่ไหนที่อยากให้ตนเองสมหวังเรื่องความรัก สามารถไปขอพรเฒ่าจันทราได้ที่ วัดหลงซาน ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นสถานที่ขอพรเรื่องความรักยอดนิยม ภายในมีรูปปั้นของเฒ่าจันทราอยู่ นอกจากนี้ยังมีเทพเจ้าจากหลายลัทธิที่สามารถไปกราบไหว้ได้อีกด้วย

สมหวังเรื่องความรัก

ซึ่งวิธีขอพรจากเฒ่าจันทราก็ไม่ยากค่ะ เราต้องเริ่มจากการสักการะที่กระถางธูปก่อน มีทั้งหมด 7 กระถาง และกระถางสุดท้ายคือกระถางที่อยู่หน้ารูปปั้นของเทพจันทรา ผู้ขอพรต้องบอกชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด จากนั้นให้ขอกับเฒ่าจันทราถึงเนื้อคู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา เมื่อขอเสร็จแล้วต้องโยนไม้เสี่ยงทาย และต้องให้ไม้ออกมาไม้ซ้ำกันถึง 3 ครั้ง จากนั้นจึงขอด้ายแดงจากเฒ่าจันทราให้เราพบเจอเนื้อคู่ โดยนำด้ายแดงที่ได้มาเดินวนรอบกระถางธูปสามรอบ และก่อนกลับต้องไปยืนขอพรต่อหน้าเฒ่าจันทราอีกรอบจึงจะสมบูรณ์ แล้วนำด้ายแดงที่ได้มาพกติดตัวเอาไว้ เฒ่าจันทราก็จะนำพาเนื้อคู่มาให้เรานั่นเองค่ะ

สมหวังเรื่องความรัก

เอาล่ะ ถ้าอยากสมหวังในเรื่องความรักก็ทำตามได้ไม่ยาก เตรียมหยอดกระปุก แพ็คกระเป๋า แล้าเฝ้าตั๋วโปร!! กันได้เลย หรือถ้ากลัวว่าไปวัดเดียวแล้วจะยังนก ก็ยังสามารถไปตามลิสต์นี้ที่เรานำมาฝากกันได้ต่อ (ถ้างบเหลือ!!) ขอได้ไม่นก! แชร์พิกัด ขอพรเรื่องความรัก วัดดังทั่วเอเชีย

ภาพจาก  : cleothailand.com , thairath.com , oknation.nationtv.tv , youtube.com

วิธีรับมือง่ายๆ หากแขกงานแต่งเยอะ ทำตามนี้มีระเบียบเป๊ะไม่วุ่นวาย

หากงานแต่งงานของบ่าวสาวเป็นงานใหญ่ที่ แขกงานแต่งเยอะ จนดูเหมือนว่าคุณจะรับมือไม่ไหว อย่าเพิ่งคิดมากขนาดนั้น เพราะทุกอย่างสามารถควบคุมได้หากว่าที่บ่าวสาววางแผนกันไว้ดีๆ เอาเป็นว่า ลองทำตามเคล็ดลับดีๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากกันดูน้าาา

1. ต้องคำนวณจำนวนแขกให้ค่อนข้างแน่นอน จากนั้นหาโรงแรมให้เหมาะสม โดยควรมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและมีเพดานห้องสูง เพราะจะทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย และควรคิดไว้ล่วงหน้าว่าจะจัดงานแบบไหน หากแขกมีจำนวนมากควรจัดงานแบบค็อกเทลซึ่งประหยัดพื้นที่ที่สุด

2. โต๊ะวีไอพีต้องมีจำนวนไม่เยอะเกินไป ประมาณ 6-8 โต๊ะกำลังดี เพื่อเผื่อพื้นที่ให้แขกที่เหลือยืนอย่างสะดวก

3. ควรมีชื่อแขกวีไอพีแปะไว้ที่โต๊ะให้ชัดเจน เพื่อกันไม่ให้แขกคนอื่นไปนั่ง

4. นำซุ้มอาหารบางส่วนไว้นอกห้องจัดเลี้ยง เพื่อให้แขกได้หมุนเวียนเข้าออก ช่วยให้ภายในห้องไม่แน่นเกินไป

5. เพิ่มบริกรในการเสิร์ฟอาหารให้เพียงพอกับจำนวนแขก และโต๊ะวีไอพีควรมีบริกรประจำโต๊ะละ 1 คน

6. ควรให้บริกรเก็บจานบ่อยขึ้น

7. เตรียมของชำร่วยให้เกินจากจำนวนที่ตั้งไว้ เพราะแขกบางคนอาจขอมากกว่า 1 ชิ้น และคสรมีแค่สีเดียวหรือ 2 สีเพื่อไม่ให้เกิดข้อเปรียบเทียนและการเลือกเยอะจนทำให้แขกด้านหลังรอนานขึ้นไปอีก

8. อาจตัดการตกแต่งบางส่วนออกเพื่อนำซุ้มอาหารเข้ามาแทนที่ให้เพียงพอกับปริมาณแขก เพราะซุ้มอาหารถือเป็นจุดสำคัญของงานเช่นกัน

ติดตามไอเดียและเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ managemywedding.com, pinterest.com

Floral Calendar ปฏิทินถ่ายพรีเวดดิ้ง ตามเส้นทางสายดอกไม้

ไอเดียสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมองหาสถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง แนวอิงแอบธรรมชาติ เราคัดเฉพาะทุ่งดอกไม้งามจากทั่วฟ้าเมืองไทยมาจนครบ 12 เดือน เรียกว่าพร้อมเมื่อไรก็ล้อหมุนได้ตลอดปี แค่เช็คสภาพอากาศ และเวลาที่ดอกไม้บานให้เหมาะ แล้วอย่าลืมชุดให้เหมาะกับสถานที่ รับรองเลยว่างานนี้มีแต่ปัง และสำหรับใครที่ยังลังเล เราขอกระซิบดังๆว่าสถานที่เหล่านี้ไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการถ่ายภาพนะจ๊ะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มกราคม : นางพญาเสือโคร่ง, ภูลมโล จ.เลย

เมื่อลมหนาวมาในช่วงต้นจนถึงปลายเดือนมกราคม ต้นนางพญาเสือโคร่งบนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่บนภูลมโล จะพากันผลิดอกสีชมพูเล็กจิ๋วอวดความงามแห่งขุนเขา อาจต้องขับรถขึ้นเขากันสักหน่อย แต่คุณจะได้สถานที่ ถ่ายพรีเวดดิ้ง ที่สวยงามคุ้มค่าแน่นอน (ททท. สำนักงานเลย โทร. 0-4281-2812, 0-4281-1405)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

กุมภาพันธ์ : ดอกเสี้ยวบาน, บ้านป่าเหมี้ยง จ.ลำปาง

สีขาวของดอกเสี้ยวยามตัดกับผืนฟ้าสีสดใส เนรมิตผืนป่าเขียวขจีให้กลายเป็นดินแดนในฝัน กลายเป็นความสุขกลางผืนป่าที่โอบกอดวิถีชีวิตอันน่าหลงใหลของชาวป่าเหมี้ยง ชุมชนเล็กๆ สุดอันซีนเอาไว้ อาจจะต้องเดินทางไกลซักหน่อย แต่คุณจะได้ภาพแห่งความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน (ศูนย์ท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง โทร. 0-5422-6919)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มีนาคม : ชมพูพันธุ์ทิพย์, ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม

ทั้งสองฟากฝั่งของถนนภายใน ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี จะฟุ้งไปด้วยสีชมพูแสนหวาน เมื่อดอกสีชมพูของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่เรียงรายกว่า 200 ต้น พร้อมใจเบ่งบานต้อนรับการมาเยือนของคู่รักที่มาเก็บภาพสวยๆกันไม่ขาดสาย (ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน โทร. 0-3428-1053)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

เมษายน : ดอกเสลาบาน, อ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี

ดอกเสลาสีม่วงขาวบานเต็มที่ประหนึ่งคลื่นดอกไม้ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาขนานไปกับถนนเลียบอ่างเก็บน้ำ กลายเป็นแลนด์มาร์คสุดโรแมนติกสำหรับการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ (อ่างเก็บน้ำบางพระ โทร. 0-3831-1234)

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

พฤษภาคม : ทุ่งดอกเปราะภู, อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

อาจจะต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถเพื่อเข้าถึงอุทยานสักหน่อย แต่ภาพของคุณท่ามกลางความงดงามของดอกเปราะภูที่บานไปทั่วทุ่งภูหินร่องกล้าตัดกับสีเขียวของใบหญ้าที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน ก็งามจับตาจนคุณหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง คุ้มค่าทุกนาทีและหยาดเหงื่อที่เสียไปจริงๆ (อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โทร. 0-5523-3527)

 

 ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มิถุนายน : ทุ่งดอกกระเจียว, อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ

เมื่อเข้าสู่หน้าฝน ถนนทุกสายของคนรักดอกไม้จะมุ่งสู่ชัยภูมิ ดอกกระเจียวที่จะเริ่มออกดอกเบ่งบานทั้งสีชมพู และสีขาว ตัดกับทุ่งหญ้าสีเขียวชะอุ่ม ใต้หมอกฝนสีขาวจึงดูงดงามราวกับโลกในจินตนาการ ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในสถานที่สุดฮิตในการถ่ายพรีเวดดิ้งสายธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร. 0-4489-0015

 

ถ่ายพรีเวดดิ้ง

มิถุนายน : ทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อ, ดอยหัวหมด จ.ตาก

กลีบดอกที่ไหวไปตามลมให้ความรู้สึกเหมือนผีเสื้อขยับปีก คล้ายจะเปลี่ยนยอดดอยให้กลายเป็นแดนสวรรค์สีชมพูที่จะทำให้คุณลืมการเดินเท้าสู่ยอดดอยเกือบ 30 นาทีไปได้เลย เราเชียร์ว่าที่บ่าวสาวที่รักการผจญภัยว่าไม่ควรพลาดที่นี่จริงๆ (ททท. สำนักงานตาก โทร. 0-5551-4341-3)

5 คำถามเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน ที่สร้างความกระอักกระอ่วนสุดๆ!!

หากคุณกำลังจะ วางแผนจัดงานแต่ง ที่เป็นงานสำคัญในชีวิต นั่นหมายถึง ว่าที่บ่าวสาวกำลังจะต้องเจอกับเหล่าคำถามที่ยากจะตอบ ถ้าอย่างนั้นเรามาเตรียมใจและหาวิธีจัดการกับ 5 คำถามเหล่านี้กันดีกว่า

 

  • A และ B เชิญเราไปงานแต่ง แล้วเราต้องเชิญพวกเขาให้มางานแต่งเราหรือเปล่า?

ถ้าคุณไม่ได้เจอหรือพูดคุยกับ A และ B มานานมากกกกก ประมาณสัก 3 ปีผ่านมาแล้ว ก็คงไม่เสียหายอะไรหากคุณจะไม่ได้เติมรายชื่อของพวกเขาลงไปในลิสต์ เพราะ แขกยิ่งเยอะ = เงินที่คุณต้องจ่ายออกไป และอาจทำให้คุณต้องตัดงบส่วนไหนออกไปสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ว่าที่บ่าวสาวก็อาจจะต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณจะรู้สึกอย่างไรหาก A และ B ไม่ได้มาปรากฏตัวที่งานแต่งงานของคุณทั้งคู่ ซึ่งหากคำตอบของว่าที่บ่าวสาวคือ ไม่ได้กระทบความรู้สึกของคุณมากนัก ก็ไม่ต้องกังวลที่จะตัดชื่อของเขาออกไปจากลิสต์ แต่สุดท้ายแล้วเลือกทำตามความสบายใจของว่าที่บ่าวสาวนั่นแหละดีที่สุด

  • ลูกพี่ลูกน้องอยากจะพาแฟนมางานแต่งงานด้วย จะบอกเขาอย่างไรดีนะ?

หากงานแต่งของว่าที่บ่าวสาวคืองานแต่งแบบซิตดาวน์ดินเนอร์ที่จำเป็นต้องจำกัดจำนวนคน หรือเป็นงานแต่งภายในที่เชิญเฉพาะคนสนิทหรือครอบครัวเท่านั้น คุณต้องมั่นใจก่อนว่า การ์ดเชิญที่คุณแจกไปนั้นได้ระบุไว้อย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดนี้ หรืออาจจะแจ้งให้แขกที่คุณเชิญมาได้รับทราบก่อนที่เขาจะได้รับการ์ดเชิญ เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้ถึงข้อจำกัดนี้ อย่างเช่น สถานที่ที่จำกัดจำนวนคน หรืองบประมาณที่คุยวางไว้เพียงพอที่จะรองรับแขกได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นต้น

  • คุณแม่ว่าที่สามีจะให้ใส่สร้อยของท่านในวันแต่งงาน แต่มันไม่สวยเอาซะเลย! แล้วจะบอกท่านยังไงดี?!

เมื่อคุณแม่ว่าที่สามีอยากให้ว่าที่เจ้าสาวสวมสร้อยที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล เพราะอยากที่จะช่วยเหลือว่าไม่ต้องไปเปลืองทรัพย์ซื้อเครื่องประดับใหม่ ใช้ของแม่ก็ได้ลูกกกก … แต่!! สร้อยหรือเครื่องประดับชิ้นนั้นมีดีไซน์ที่ไม่เข้ากันซะเลยกับลุคหรือชุดแต่งงานของคุณ ซึ่งการตอบรับและจำใจใส่ เชื่อเถอะว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ เราขอแนะนำให้คุณตอบกลับท่านไปอย่างสุภาพว่า ขอบคุณคุณแม่มาก แต่คุณมีเครื่องประดับที่จะสวมใส่ในวันแต่งงานอยู่แล้ว และอาจจะขอเปลี่ยนให้ท่านไปช่วยเหลือในเรื่องอื่นแทน เพื่อที่จะได้ไม่ดูเป็นการทำลายความหวังดีของท่านจนเกินไป และเพื่อให้ท่านได้รู้สึกมีส่วนร่วมในวันสำคัญของคุณทั้งสองด้วย

จัดงานแต่งงาน

  • งบของว่าที่บ่าวสาวไม่พอ จะบอกให้ครอบครัวช่วยเหลือได้ยังไงบ้างนะ?

พูดคุยกับท่านและโชว์งบทั้งหมดที่เรา เทียบกับงบที่ต้องใช้ว่ามันห่างไกลกันแค่ไหน และเพื่อให้ท่านได้รู้ว่า คุณไม่ได้ใช้จ่ายงบส่วนไหนไปอย่างฟุ่มเฟือย แต่มีแต่สิ่งที่จำเป็นต้องจ่ายทั้งนั้น เช่น ค่าสถานที่ หรือค่าอาหาร เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวผ่านข้อนี้ไปได้คือ ว่าที่บ่าวสาวจะต้องเปิดกว้าง เปิดใจ และซื่อสัตย์ ที่สำคัญต้องพูดกันด้วยเหตุและผล ห้ามใช้อารมณ์ใส่กันเด็ดขาดนะคะ เพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใครแม้แต่คนในครอบครัวก็ตาม

  • อยากจะจัดปาร์ตี้สละโสดที่ต่างจังหวัด แต่ก็กลัวว่าเพื่อนจะไม่ได้ หรือเกรงใจที่จะให้เพื่อนช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย แล้วจะทำยังไงดี?

ข้อนี้เราข้อบอกว่า “ขึ้นอยู่กับคุณล้วนๆ” เลยล่ะ เพราะหากภาพที่คุณวาดไว้คือปาร์ตี้สุดเหวี่ยงริมทะเล หรือจะไปชิลๆ เบาๆ บนดอย คือภาพปาร์ตี้ที่คุณวาดฝันไว้ อันดับแรก คุณต้องถามความสมัครใจเพื่อนในกลุ่มก่อน ทั้งเรื่องวัน สถานที่ และงบประมาณที่จะต้องจ่าย หากเพื่อในกลุ่มเซย์เยสเห็นด้วย ก็ไฟเขียวแล้วจัดไปโลด แต่หากเกิดความลังเลใจขึ้นในกลุ่มของคุณ เราขอแนะนำให้คุณลองจองห้องจัดเลี้ยง หรือร้านอาหาร แล้วจัดเป็นปาร์ตี้เล็กแบบส่วนตั๊วส่วนตัวที่ไม่ต้องเดินทางไกลกันให้ลำบากแทน แถมยังเซฟงบไปได้โขอีกด้วย

ติดตามไอเดียและเคล็ดลับการจัดงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

แต่งแล้วจ้า! งานแต่งงานมิว นิษฐา และเซนต์ ธราภุช กับพิธีแต่งงานไทยที่เป็นไปอย่างอบอุ่น

งานแต่งงานมิว นิษฐา กับแฟนหนุ่ม เซนต์ ธราภุช ควงคู่เข้าพิธีแต่งงานเช้านี้ ฤกษ์ดี 7 โมง 9 นาที พร้อมแห่ขบวนขันหมากสุดคึกคัก

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ‘มิว – นิษฐา จิรยั่งยืน’ และแฟนหนุ่มนักธุรกิจ ‘เซนต์ – ธราภุช คูหาเปรมกิจ’ ได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณีไทย ที่โรงแรม Park Hyatt Bangkok โดยถือฤกษ์ดี 7.09 น. เริ่มแห่ขบวนขันหมาก ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวกว่า 20 คน สวมใส่ชุดไทยประยุคสูทสีครีม โจงกระเบนสีชมพู  นำโดย น็อต วิศรุต, ต๊อด ปิติ, กึ้ง เฉลิมชัย, ป๊อก ภัสสรกรณ์, หลวง พสุ และอีกมากมาย

ขณะที่เพื่อนๆ เจ้าสาวกว่า 20 คน ก็สวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีชมพู นำโดย มาร์กี้ ราศรี, มิ้นต์ ชาลิดา, แมท ภีรนีย์, แต้ว ณัฐพร, เต้ย จรินทรพร, ฟอร์ด กุลวิทย์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, คิด คณชัย ที่มากั้นประตูเงินประตูทองที่มีทั้งหมดถึง 8 ประตู

ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีสู่ขอ โดยมีคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าว และคุณชาลอต โทณวณิก เป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว ซึ่งคุณสุเมธ คุณพ่อของมิวก็ได้พาเจ้าสาวเข้าสู่บริเวณงาน โดยเจ้าสาวปรากฎตัวในชุดไทยจักรีสีครีมทอง ตัวสไบเป็นเทคนิคปักสะดึงกรึงไหมบนผ้าแพร จากอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินทอง ขณะที่เจ้าบ่าวอยู่ในชุดไทยประยุกต์ สูทสีเทาสั่งตัดจากประเทศเกาหลี พร้อมนุ่งโจงกระเบน จากอาจารย์วีรธรรม และเข้าสู่พิธีหมั้นโดยมีฤกษ์สวมแหวนเจ้าสาวเวลา 08.09 น. ส่วนสินสอดประกอบไปด้วย เงิน ทอง และแหวนเพชร

ต่อมาเวลา 09.09 น. ได้มีพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ และในเวลา 10.00 น. คู่บ่าว-สาวก็ได้เข้าพิธียกน้ำชาตามประเพณีจีน และถวายเพลพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เป็นการเสร็จพิธี

โดย ‘มิว นิษฐา’ และ ‘เซนต์ ธราภุช’ จะมีพิธีฉลองมงคลสมรสพระราชทานด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและซาบซึ้งพระเมตตาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกอบพิธีสมรสพระราชทาน ในวันที่ 10 มกราคม 2563 ต่อไป แพรวเวดดิ้งขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบคลิกเลย! 

อมรินทร์กรุ๊ปชวนคู่รักสายบุญมาทำบุญผ่านโครงการ “ผลบุญ” ที่แค่ซื้อพวงหรีดหนังสือก็เหมือนได้บริจาคหนังสือให้กับสังคมไทย

ช่วงใกล้จะปีใหม่แบบนี้คู่รักคู่ไหนที่อยากจะทำบุญเพื่อเสริมสร้างพลังงานดีๆ ให้กับชีวิตในปีหน้าอยู่ล่ะก็ แพรวเวดดิ้งมีโครงการดีๆ มาบอกต่อที่ทำได้ง่ายๆ กับโครงการ “ผลบุญ” ของอมรินทร์กรุ๊ป กับช่องทางใหม่ในการ บริจาคหนังสือ สู่สังคมไทย ที่แค่ซื้อพวงหรีดหนังสือก็เหมือนกับได้บริจาคหนังสือ 100% แถมงานนี้ยังได้ 3 ศิลปินนักออกแบบชื่อดังมาร่วมโครงการด้วย

โครงการ “ผลบุญ”  หรือโครงการพวงหรีดหนังสือ เป็นโครงการดีๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัท อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจจัดจำหน่ายสิ่งพิมพ์อันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า ซื้อพวงหรีดเท่าไหร่ ก็เหมือนได้บริจาคหนังสือเท่ากับยอดซื้อ 100% เต็มให้แก่องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรพันธมิตรกรมราชทัณฑ์, มูลนิธิกระจกเงา, มูลนิธิส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน CYF, มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กบ้านเด็กอ่อนพญาไท, โรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย หรือจะเป็นองค์กรอื่นๆ ที่ผู้ซื้อพวงหรีดผลบุญมีความประสงค์ที่อยากจะบริจาคหนังสือให้แก่องค์กรนั้นๆ ก็ได้

โดยโครงการ “ผลบุญ” ได้ดึง 3 ศิลปินนักออกแบบชื่อดัง ได้แก่ พัชรพล แตงรื่น หรือ ALEX FACE, กชวัช บูรณภิญโญ และกรศริน ภัทรโสภาคย์ หรือ REENP มาร่วมออบแบบพวงหรีดหนังสือให้กับโครงการนี้อีกด้วย เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่อยากร่วมทำบุญง่ายๆ ด้วยกันสามารถสั่งซื้อพวงหรีดผลบุญได้ที่ www.phonboon.com , Line @phonboon หรือโทร. สอบถามข้อมูลเพิ่มเจิมได้ที่ 02-423-9889

ผลงานของคุณพัชรพล แตงรื่น หรือ ALEX FACE

ผลงานของคุณกชวัช บูรณภิญโญ

ผลงานของคุณกรศริน ภัทรโสภาคย์ หรือ REENP

รู้ลึกก่อนเลือก 3 แบบ การ์ดแต่งงาน แบบสวยถูกใจและไม่เกินงบ

รวบมาให้แล้วกับเรื่อง การ์ดแต่งงาน ที่บ่าวสาวต้องรู้

“การ์ดแต่งงานมีกี่แบบ” เป็นประโยคคำถามที่ว่าที่บ่าวสาวเกือบทุกคู่เอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกเมื่อเข้าไปในร้าน การ์ดแต่งงาน แต่ต่อไปนี้คำถามที่ว่าจะลดลง เพราะเราทำสรุปมาให้ตรงนี้เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนตัดสินใจ รับรองว่าอ่านแล้วเข้าใจง่าย ช่วยให้คุณออเดอร์ได้ไวขึ้นเยอะ

ก่อนอื่นขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า รูปแบบการ์ดแต่งงานในปัจจุบันมีด้วยกัน 3 แบบหลักๆ แต่ว่าทั้ง 3 แบบนี้ไม่ได้มีอยู่ในทุกร้านนะคะ เพราะขึ้นอยู่กับขนาดของร้านที่เล็กใหญ่ต่างกัน รวามถึงความถนัดและรูปแบบธุรกิจที่แต่ละร้านดำเนินกิจการ ซึ่งถ้าคุณเลือกแบบใดแบบหนึ่งใน 3 แบบต่อไปนี้ได้แล้ว ก็ต้องไม่ลืม ถามกับร้านที่เล็งไว้นะคะว่า มีรูปแบบที่ว่าจำหน่ายไหม

การ์ดแต่งงานแบบดีไซน์ใหม่ทั้งหมด

ขึ้นชื่อว่าเป็นการ์ดดีไซน์ใหม่ ความหมายก็จะชัดเจนอยู่ในตัวแล้วนะคะว่า  ทางร้านจะออกแบบการ์ดให้กับคุณตามความต้องการใหม่ทั้งหมด ฉะนั้นคุณสามารถฝันได้เต็มที่เลยค่ะว่าอยากได้การ์ดขนาดใหญ่เล็ก รูปทรงใด มีกี่พับ กี่สี ภายในจะมีการ์ดย่อยๆ กี่แผ่น ต้องการใส่รายละเอียดการปั๊มตัวอักษรแบบนูนหรือยุบ ใช้ฟรอยด์สีเงิน ทองหรือสีพิเศษอย่างสีแชมเปญ โดยเงื่อนไขของการ์ดดีไซน์ใหม่มีอยู่ไม่กี่ข้อดังนี้ค่ะ

 

  1. ออกแบบได้ตามใจคุณ แต่ขอเวลาให้กับทางร้านก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างน้อย โดย 1 เดือนเพื่อการออกแบบ 1 เดือนเพื่อการผลิต และ 1 เดือนเพื่อคุณจะนำการ์ดไปแจกแขก
  2. ราคาในการผลิตการ์ดแบบนี้จะไม่ได้มีแค่ค่าพิมพ์การ์ดเท่านั้น แต่คุณต้องเผื่องบประมาณในการออกแบบด้วย ซึ่งราคาค่าออกแบบจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-10,000 บาท
  3. ในกรณีที่ต้องการให้ซองใส่การ์ดมีการใส่โลโก้บ่าวสาวให้ล้อไปกับหน้าการ์ดสามารถทำได้ แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ
  4. จำนวนการผลิตการ์ดแต่งงานแบบดีไซน์ใหม่ขอแนะนำให้เริ่มที่ 300 ชิ้น เพื่อราคาที่คุ้มค่าจะจ่าย โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 50 บาทขึ้นไปต่อชิ้น

การ์ดแต่งงานแบบสำเร็จรูป

 

การ์ดแบบนี้ค่อนข้างหาง่ายในท้องตลาดค่ะ เพราะด้วยรูปแบบการผลิตไม่ซับซ้อน โดยทางร้านจะมีการ์ดที่ออกแบบเสร็จแล้วเตรียมไว้ บ่าวสาวแค่นำโลโก้ (บางร้านมีบริการรับออกแบบโลโก้ให้ด้วยนะ) และรายละเอียดงานมาให้ ถูกใส่แบบไหนก็แค่พิมพ์รายละเอียดที่ว่าลงไปเป็นอันจบ ฉะนั้นบ่าวสาวจึงสามารถสั่งพิมพ์และรับการ์ดไปแจกได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีเวลาเพียง 5 วัน ซึ่งเงื่อนไขในการใช้การ์ดแต่งงานแบบสำเร็จรูปที่ต้องรู้ไว้คือ

  1. ไม่สามารถเปลี่ยนสีหรือแบบในการ์ดได้ เพราะกระดาษที่ใช้ทำการ์ดได้ถูกออกแบบมาแล้วอย่างตายตัว
  2. ตำแหน่งการจัดวางโลโก้และรายละเอียดต่างๆ ก็จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่การ์ดแบบนั้นกำหนดเสมอ
  3. ขนาดของการสำเร็จรูปที่ร้านการ์ดส่วนใหญ่มีจำหน่าย คือ 5” x 7” และ 6” x 8”
  4. ราคาเริ่มต้นพร้อมซองคือ 18 บาท ซึ่งถ้าจะให้คุ้มค่าแนะนำให้สั่งขั้นต่ำที่ 100 ใบ

การ์ดแต่งงานกึ่งสำเร็จรูป

 

การ์ดนี้อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 แบบแรกค่ะ เพราะบ่าวสาวสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลายกว่าการ์ดสำเร็จรูป แต่ไม่สามารถออเดอร์ให้ออกแบบเพิ่มใหม่ได้มากเท่ากับการ์ดแบบดีไซน์ใหม่ ราคาเริ่มต้นจึงอยู่กึ่งกลางระหว่างการ์ดสองแบบแรก โดยระยะเวลาในการสั่งทำการ์ดนี้หลังจากที่สรุปในรายละเอียดแล้วก็ไม่ต่างจากการ์ดสำเร็จรูปเท่าไหร่ บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านมาสักนิดหลังจากเห็นรูปแบบการ์ดว่าอยากจะปรับเพิ่มเติมหรือขยับตำแหน่งตรงไหน ซึ่งเงื่อนไขในการใช้การ์ดแต่งงานแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ต้องรู้ไว้คือ

  1. สามารถเปลี่ยนสี และตำแหน่งการจัดวางโลโก้และรายละเอียดในการ์ดได้ แต่ไม่สามารถปรับลวดลายได้
  2. มีขนาดให้เลือกมากกว่าการ์ดสำเร็จรูป
  3. ราคาเริ่มต้นพร้อมซองคือ 25 บาท ซึ่งถ้าจะให้คุ้มค่าแนะนำให้สั่งขั้นต่ำที่ 100 ใบ
  4. การ์ดกึ่งสำเร็จรูป อาจจะมีค่าออกแบบอยู่ที่ 1,000 บาทขึ้นไป

เป็นยังไงกันบ้างคะ การ์ดแต่งงาน 3 แบบที่เรานำเสนอ เข้าใจไม่ยากใช่ไหมล่ะ ทีนี้ก็อยู่ที่ว่า คุณจะเลือกแบบไหน ภายใต้ความชอบใจ งบประมาณที่มี ก็เท่านั้นเองค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ร้านการ์ด Anya, the luxury wedding invitation ทองหล่อ 16 โทร. 0-2714-9414, 08-1890-4044

หรือหากบ่าวสาวคู่ไหนอยากได้การ์ดแต่งงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต้องนี่เลย >>> แนะนำ 5 นักวาดภาพประกอบ การ์ดแต่งงานสุดเจ๋ง! สำหรับภาพคู่บ่าวสาว

เทรนด์ชุดแต่งงาน 2020 ที่ว่าที่เจ้าสาวจะแต่งปีนี้หรือปีหน้าไม่รู้ไม่ได้!!

Bridal Fashion Week ที่ผ่านมา เทรนด์ชุดแต่งงาน เต็มไปด้วยดีเทลของความโรแมนติก และแน่นอนว่าชุดแต่งงานที่อยู่บนรันเวย์นั้นกำลังเป็นเทรนด์ชุดแต่งงานในปี 2020 ด้วย สาวๆ คนไหนที่กำลังวางแผนแต่งงานในปีนี้หรือปีหน้าต้องห้ามพลาดมาอัพเดทเทรนด์ชุดแต่งงานที่เรารวบรวมมาฝาก รับรองว่าทั้งสวย ทั้งอินเทรนด์ ไม่มีเชยจ้า

ซึ่งแนวโน้มของเทรนด์ชุดแต่งงานในปีหน้าดูท่าว่าจะเป็นรูปแบบชุดแต่งงานแนวคลาสสิคสไตล์ อย่างเช่น ชุดแต่งงานแบบเปิดไหล่, ชุดแต่งงานแบบคอวี, ชุดแต่งงานแบบมินิเดรส, ชุดแต่งงงานเฉดสีบลัช และชุดแต่งงานแบบกางเกง

หากคุณคือว่าที่เจ้าสาวในปี 2020 นี่คือแนวโน้มเทรนด์ของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวจะต้องรู้

  • บลาเซอร์สไตล์เจ้าสาว

เป็นการจับสไตล์สาวนักธุรกิจมาแมตช์เข้ากับลุคเจ้าสาวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Danielle Frankel, Viktor & Rolf, Cushnie, Reem Acra และ Ines Di Santo เป็นต้น

Cushnie
Danielle Frankel
Ines Di Santo
Reem Acra
Sahroo Bridal
Viktor & Rolf

 

  • ลูกไม้สไตล์โครเชต์

เทรนด์นี้น่าจะถูกใจว่าที่เจ้าสาวสไตล์โบฮีเมียนไม่น้อย เอาเป็นว่าว่าที่เจ้าสาวที่เลือกชุดแต่งงานแบบนี้ก็ต้องมีธีมงานที่ไปด้วยกันได้ดีกับชุดแต่งงานด้วยนะ เราอาจจะได้เห็นลูกไม้โครเชต์กับชุดแต่งงานแบบแขนยาว หรือแม้กระทั่งชุดแต่งงานแบบคอสูง อย่างแบรนด์ Mira Zwillinger , Monique Lhuillier หรือ Berta เป็นต้น

Berta
BHLDN
Mira Zwillinger

 

  • สูทสุดเท่จับคู่ชายยาวสุดหวาน

ในขณะที่เทรนด์ชุดเจ้าสาวแบบจั๊มพ์สูทหรือชุดแต่งงานแบบกางเกงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าเจ้าสาวจะเลือกสไตล์กางเกงเป็นชุดแต่งงานก็ไม่ใช่ว่าจะต้องหมดโอกาสในการมีชายกระโปรงลากยาวแกรนด์ๆ ไว้เดินเข้างาน เพราะดีไซเนอร์อย่าง Gracy Accad, Oscar de la Renta และ Sébastien Luke ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กางเกงขายาวสุดมั่นสามารถมาแมตช์กับชายกระโปรงลากยาวได้อย่างลงตัว แถมยังดูทันสมัยด้วย หรือจะเพิ่มความหวานด้วยดีเทลลูกไม้หรือโบก็ได้ ขึ้นอยู่กับความหวานที่อยากได้และสไตล์ของเจ้าสาวแต่ละคนไปเลย

Carolina Herrera
Cushnie
Gracy Accad
Oscar de la Renta
Phuong My
Viktor & Rolf

 

  • ชุดแต่งงานเรียบหรูสไตล์ Old Hollywood

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความเรียบแต่ดูหรูหราชุดแต่งงานสไตล์นี้แหละคือสิ่งที่คุณกำลังตามหา กับชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ที่ตัดเย็บจากผ้าซาตินล้วนๆ ไร้ทั้งการปัก งานลูกไม้ หรือเลื่อมระยิบระยับใดๆ ทั้งสิ้น แต่ชุดแต่งงานที่เน้นงานคัตติ้งแบบเนี้ยบๆ ล้วนๆ

Amsale
Danielle Frankel
Justin Alexander Signature
Oscar de la Renta
Reem Acra
Viktor and Rolf

 

  • ชุดแต่งงานเน้นแขนเสื้อพองฟูดูโรแมนติก

ช่วงแขน เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยสร้างจุดเด่นให้กับชุดแต่งงานได้ ซึ่งบรรดาดีไซเนอร์ทั้งหลายได้นำแรงบันดาใจความสวยงามจากยุคเรเนซองส์มาออกแบบเป็นแขนเสื้อชุดแต่งงานพองฟูดูโรแมนติก เพราะฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวที่หลงใหลในชุดแต่งงานแบบแขนยาวจะต้องหลงรักชุดแต่งงานสไตล์นี้แน่นอน

Costarellos
Francesca Miranda
David’s Bridal
Lela Rose
Monique Lhuillier
Oscar de la Renta
Sébastien Luke
Vera Wang

ดูแบบชุดแต่งงานอื่นๆ เพิ่มเติมอีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพจาก brides.com

ว่าที่เจ้าสาว อายุ 30+ ต้องดูแลผิวยังไง เราหาคำตอบมาให้แล้ว

ผิวของ ว่าที่เจ้าสาว ช่วงอายุ 30+ ต้องการ การดูแลที่เซ้นซิทีฟกว่าเจ้าสาวในวัย 20+ นะคะ มาดูกันเลยว่าวิธีไหนบ้างจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณสวยเปล่งปลั่งในวันวิวาห์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้ ผู้หญิงเราแต่งงานช้าลงนะคะ เราก็เลยได้พบเจอกับเหล่า ว่าที่เจ้าสาว อายุ 30+ กันมากขึ้น แต่ทีนี้พอผู้หญิงเราอายุเริ่มขึ้นเลขสาม ปัญหาผิวหน้าที่เผชิญก็จะแตกต่างจากสาวๆอายุ 20+ แน่นอนละค่ะ นอกเหนือจากเรื่องริ้วรอยเล็กๆที่เริ่มสังเกตได้ง่ายขึ้นเมื่อเราแสดงอารมณ์ ไหนยังจะมีเรื่องฝ้ากระจากแดดที่เมื่ออายุน้อยกว่านี้ยังไม่ค่อยเห็นได้ชัด แถมยังเรื่องโครงหน้าเปลี่ยนที่ทำให้เราดูไม่อ่อนเยาว์เหมือนเคยอีก ว่าที่เจ้าสาวในช่วงอายุนี้ จึงจะต้องเริ่มดูแลผิวหน้าอย่างจริงจังด้วยสกินแคร์สำหรับสาววัยสามสิบโดยเฉพาะ มาดูกันเลยค่ะว่ามีสกินแคร์อะไรบ้างที่จะช่วยให้ว่าที่เจ้าสาววัยสามสิบสวยเปล่งปลั่ง ดูเด็กลง ในวันวิวาห์ค่ะ

 

  • ครีมกันแดด

แหงละค่ะเป็นอะไรที่เราขาดไม่ได้ไปจนอายุ 40-50 เลยแหละ เพราะเมื่ออายุย่างเข้าเลขสาม ผิวหน้าของเราจะเซ้นซิทีฟต่อแดดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเกราะป้องกันผิวอาจจะบางลง หรือความแข็งแรงของเซลล์ที่เคลือบชั้นบนของผิวไม่แข็งแรงเหมือนเก่า ทำให้แสงแดดตรงเข้าทำร้ายผิวได้ง่ายและลงลึกขึ้น แสงแดดจึงทำให้เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอได้ เลือกครีมกันแดดเนื้อสัมผัสที่คุณชอบ แต่ต้องทาผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอทุกวันแม้จะเป็นวันที่คุณไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดโดยตรงก็ตาม อย่าลืมทาบริเวณที่เราอาจจะโดนแสงแดดแบบไม่รู้ตัว เช่น ใบหู ลำคอ หลังคอ ด้วยนะคะ

  • มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว

เพราะเมื่อขึ้นเลขสาม เกราะป้องกันผิวของสาวๆ มักจะเริ่มอ่อนแอลง ฟื้นฟูตัวเองได้ช้าขึ้น และอาจจะไม่เกาะกลุ่มกันแน่นเหมือนสมัยเรายังสาวกว่านี้ ผลที่ตามมาคือเราอาจจะรู้สึกว่าหน้าแห้งขึ้น ใครที่เคยหน้ามันมากๆ พออายุเข้าเลขสามจะรู้สึกว่าจากหน้ามันกลายเป็นหน้าแห้ง หรือหน้าแห้งบางจุด สกินแคร์ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว อย่างเหล่าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือวิตามินบี 3 จะสามารถช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื่นและสารอาหารไว้ภายในได้ดีขึ้น ช่วยให้เรารู้สึกว่าผิวหน้าชุ่มชื่นและดูแข็งแรงขึ้นค่ะ

  • สกินแคร์สูตรช่วยลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่ม

คำว่าริ้วรอยแรกเริ่มหมายถึงริ้วรอยของผุ้หญิงอายุเข้าเลขสามที่ยังไม่ใช่ริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยเหล่านี้อาจจะเกิดจากผิวขาดความชุ่มชื่น เพราะเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรงอย่างที่กล่าวมาข้างต้น และอาจจะเกิดจากคอลลาเจนใต้ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ สกินแคร์สำหรับริ้วรอยแรกเริ่มจึงมักจะเน้นเติมความชุ่มชื่นให้ผิว และเพิ่มสารสกัดที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ริ้วรอยเหล่านี้ดูลดเลือนลงได้ค่ะ

  • อายครีมสูตรช่วยลดเลือนริ้วรอย

ในวัยยี่สิบกว่าๆ เราอาจจะเน้นใช้อายครีมสูตรเพื่อรอบดวงตาดูกระจ่างใสเป็นหลัก แต่ในวัยเลขสามนำหน้า เราควรจะเปลี่ยนมามองหาอายครีมเพื่อลดเลือนริ้วรอยเป็นหลักแทน เพราะนอกเหนือจากรอยคล้ำใต้ตาเพราะพักผ่อนน้อยแล้ว ช่วงนี้แหละที่ริ้วรอยรอบดวงตาจะเริ่มมาจู่โจมเรา ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมีอายครีมไว้หลายๆสูตรหรือเปล่า เพราะสมัยนี้หลายแบรนด์มีอายครีมสูตรที่ทั้งช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความกระจ่างใสรอบดวงตาในชิ้นเดียวค่ะ 

และเหล่านี้คือสกินแคร์ที่ว่าที่เจ้าสาวในวัย 30+ ควรจะต้องมีเพื่อเตรียมผิวให้สวยทันวันวิวาห์ แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า อายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข ถ้าเราดูแลตัวเองดีซะอย่าง รับรองว่าจะเป็นเจ้าสาวที่สวยสะพรั่งจนแขกลืมดูอายุคุณไปเลยล่ะค่ะ!

ถ้าอยากอ่านเกี่ยวกับทรีตเม้นต์ผิวที่จะช่วยลดเลือนรูขุมขนและจัดการรอยสิว? คลิกที่นี่เลย

เป็นเจ้าบ่าวต้องหล่อเป๊ะแค่เลือกสูทเจ้าบ่าวให้ถูกก็เสริมความหล่อได้ไม่อั้น

ในวันแต่งงานนอกจากคุณเจ้าสาวจะต้องสวยเป๊ะเป็นนางเอกของงานแล้ว คุณเจ้าบ่าวเองก็ต้องหล่อเนี้ยบไม่แพ้กันนะจ้ะ ซึ่งชุด สูทเจ้าบ่าว คือปัจจัยหลักที่จะเสริมให้หนุ่มๆ หล่อสมฐานะจะยืนเคียงนางเอกได้ ว่าแต่การเลือกสูทจะเป็นอย่างไร สูทมีกี่แบบ แบบไหนดียังไง มาดูกัน

เลือกสูท-เลือกกระดุม

ชุดสูทยอดนิยมที่เจ้าบ่าวเลือกใส่จะมีจุดต่างที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบอกว่า ชุดสูทแบบไหนเหมาะกับคุณนั่นก็คือ กระดุมค่ะ โดยกระดุมมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบหลักๆ

กระดุมแบบแถวเดี่ยว คือ ชุดสูทที่มีกระดุมตรงกลางแถวเดียว ซึ่งเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยชุดสูทแบบนี้มีให้เลือก 2 แบบคือ

1– สูทแบบกระดุมหนึ่งเม็ด สูทแบบนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในงานที่เป็นทางการ ควรใช้เป็นสูทลำลองจะดีกว่า

2-2– สูทแบบกระดุมสองเม็ด กระดุมแบบนี้เหมาะกับคนที่มีรูปร่างอวบและมีความสูงไม่มากนัก เพราะกระดุมแบบนี้จะช่วยทำให้รูปร่างแลดูสูงขึ้น และถ้าไม่อยากให้ดูโป๊ะ อย่าลืมติดกระดุมแค่เม็ดบนนะจ๊ะ

3– สูทแบบกระดุมสามเม็ด เหมาะกับคนที่มีช่วงตัวสั้น เพราะกระดุมแบบนี้จะช่วยหลอกสายตาทำให้ช่วงตัวดูยาวขึ้น แต่จะต้องติดเฉพาะเม็ดกลางเท่านั้นนะ ถ้าคุณหนุ่มๆ เผลอไปติดเม็ดบนด้วยละก็ จากที่จะดูตัวยาว จะกลายเป็นตันเอานะจ๊ะ

กระดุมแบบแถวคู่ เป็นชุดสูทที่มีกระดุมเรียงกัน 2 แถว ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 2 คู่ และ 3 คู่ ที่สำคัญสูทแบบนี้ยังช่วยเก็บ กระชับหุ่นได้เป็นอย่างดี

4

– สูทแบบกระดุม 4 เม็ด วางแถวคู่ 2 แถว เป็นสูทแบบดั้งเดิม เหมาะกับผู้ชายที่ที่มีพุง หรือตัวใหญ่มากเพราะปกปิดรูปร่างได้ดี

6-2

– สูทแบยกระดุม 6 เม็ด วางแถวคู่ เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาทั้งสองแบบ เหมาะกับคนที่มีที่รูปร่างผอมที่สุด แต่หากว่าคุณเป็นคนเจ้าเนื้อ ก็ควรเลือกชุดแพทเทิร์นสวยๆ ตัดเย็บประณีต จะช่วยทำให้รูปร่างดูสง่าขึ้นได้ ถ้าอยากจะให้แล้วดูเท่แบบหนุ่มอังกฤษ เวลาติดกระดุมก็อย่าลืมปล่อยกระดุมคู่บนไว้นะจ๊ะ

เพียงเท่านี้คุณหนุ่มๆ ก็จะได้ชุดสูทสวยๆ ที่เหมาะกับรูปร่างกันแล้ว อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับชุดเจ้าบ่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลและเนื้อหาจาก : www.songsmai-garment.com
ขอบคุณรูปภาพจาก : www.lyst.com, www.moss.co.uk, www.blacklapel.com, www.voguetailors.com

ว่าที่บ่าวสาวเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถือไมค์เซย์ Thank You! ในวันแต่งงาน

ก่อน วันแต่งงาน จะมาถึง เราเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวคงมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยบนเวที ไม่ว่าจะเป็นความในใจหรือคำขอบคุณสำหรับคนสำคัญทุกคน แต่พอเอาเข้าจริง มือไม้แขนขาก็ดูจะเก้ๆ กังๆ ตื่นเต้นจนทำให้ลืมสิ่งที่จะพูดซะอย่างงั้น! ไม่ต้องกังวลค่ะ เรามีวิธีป้องกันการลืมและวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามาบอก

1. สั้น กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ

ว่าที่บ่าวสาวควรจะลิสต์ไว้ก่อนว่าอยากจะพูดอะไรและอยากจะขอบคุณใครบ้าง แล้วลองเขียนความคิดเหล่านั้นออกมาให้ครบถ้วน ปรับแต่งคำพูดให้กระชับ อย่าให้เยิ่นเย้อหรือยาวจนเกินไปนัก เพราะถ้ายิ่งยาวมากก็ยิ่งจำยากและลืมง่าย

2. ซ้อมพูดกับคนในกระจก

เมื่อได้ถ้อยความที่อยากจะพูดแล้วก็ควรจะซ้อมซักหน่อย ลองยืนหน้ากระจกแล้วพูดสิ่งที่เขียนไว้ ระหว่างที่พูดไปก็มองดูคนในกระจกไปพร้อมกับปรับสีหน้า แววตา ท่าทาง และน้ำเสียงให้เป็นตัวของตัวเองเพื่อสื่อความจริงใจให้ไปถึงผู้ฟังได้มากที่สุด

3. พูดถึงใครให้มองไปที่คนนั้น

ตอนนี้ว่าที่บ่าวสาวต้องใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ กล่าวถึงใครก็ขอให้มองไปที่คนๆ นั้น ส่งผ่านความรู้สึกซาบซึ้งไปทางแววตา ให้ผู้ฟังสัมผัสถึงคำขอบคุณที่กล่าวออกมาจากหัวใจของคุณทั้งคู่ แต่เราเข้าอกเข้าใจสำหรับงานแต่งในห้องบอลรูมที่มีแสงสปอตไลท์ส่องหน้า มองไม่เห็นว่าใครเป็นใคร เพียงคุณหันหน้าไปทางทิศที่โต๊ะ VIP ตั้งอยู่ก็พอจะเนียนได้ หรืออย่างน้อยกวาดสายตาไปอย่างทั่วถึงก็จะดีกว่ามองต่ำหรือมองเพดานแน่นอน

4. นิ่งไว้และใจเย็น

เป็นเรื่องปกติมาก (ก.ไก่ล้านตัว) ถ้าคุณจะเกิดอาการลืมสคริปต์แค่ชั่วคราว พูดตะกุกตะกัก หรือหลุดไปจากที่คิดไว้บ้างสักเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะใครๆ ก็ตื่นเต้นได้เป็นธรรมดา แต่เมื่อคุณเริ่มสะดุดหรืออึกๆอักๆ แล้วก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ขอให้นิ่งเข้าไว้ ทำใจร่มๆ ค่อยๆ นึก แล้วพูดต่อไปแบบสำนวนอังกฤษที่ว่า “The show must go on”

5. สุดท้ายก็ลืมจนได้

ข้อสุดท้ายนี้แถมให้สำหรับบ่าวสาวที่ขี้ลื้ม ขี้ลืม โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะซ้อมมาดีแค่ไหน แต่ความตื่นเต้นก็เอาชนะทุกอย่างได้ ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อลืมจนนึกไอ้ที่ท่องๆ มาไม่ออกแล้วขอให้จำคีย์เวิร์ดนี้ไว้ให้ขึ้นใจ “ขอบคุณทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงาน” แน่นอนว่าคำนี้ใช้ได้ทุกเวลา ลืมเมื่อไหร่ให้พูดคำนี้แล้วส่งไมค์ให้คนข้างตัว หรือพิธีกรพูดต่อทันที แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบนี้ไปก่อน แล้วค่อยไปขอบคุณทีหลังเป็นรายบุคคลแล้วกันเนอะ!

งานสำคัญทั้งทีความรู้สึกที่มีอยู่ในใจมันคงล้นเอ่อ อยากจะพูดอยากจะบอกออกมาเต็มที่ แต่จะพูดทั้งทีก็ควรซ้อมและท่องมาให้แม่นๆ หากว่าบ่าวสาวคู่ไหนเตรียมตัวมาดีแล้วแต่ก็ยังหวั่นใจว่าจะลืม ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้ ป้องกันการตกม้าตายบนเวทีได้ดีนักแล เราคอนเฟิร์ม!!

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานและดูไอเดียเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ตีเนียนแล้ววัดไซส์แหวนสาวกับเทคนิคง่ายๆ ไม่ทันให้เธอได้รู้ตัว

ปัญหาของคู่รักที่มีความอยากจะเซอร์ไพร้ส์คนรักด้วยการซื้อแหวนแทนใจให้คือ ไม่แน่ใจว่าขนาดแหวนที่เลือกมาให้จะพอดิบพอดีกับขนาดนิ้วของคนรักหรือเปล่า ก็เดี๋ยวถ้าเกิดซื้อพลาด แทนที่จะหวานแหววน้ำตาซึ้งอาจจะต้องกุมขมับเคลียร์กันยาวว่านี่มันไซส์แหวนของใครย่ะ  มาดูสารพัดวิธีที่มีหลายคนใช้แล้วสำเร็จผลกันมาแล้วดีกว่ากับ วิธี วัดไซส์แหวน หลากแบบหลายสไตล์ที่หนุ่มๆ สามารถเลือกไปใช้ได้ตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด พร้อมแล้วก็ลุยเลย!

  • แหวนปั๊มดินน้ำมัน

เทคนิกแรกมีหนุ่มหลายคนใช้ ซึ่งอาจได้แรงบันดาลใจมาจากการดูหนังโจรกรรมหรือเปล่า อันนี้ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะวิธีนี้เห็นกันบ่อยๆ ในหนังประเภทที่จังหวะที่ตัวเองต้องปั๊มกุญแจอะไรทำนองนั้น ฉันใดฉันนั้นเลยค่ะ หาดินน้ำมันมาไว้สักก้อน ถ้าจะให้ดียัดใส่ในตลับเล็กๆ ที่แหวนจะลงไปนอนอยู่ได้ จากนั้น ทำการโจรกรรม เอ๊ย..แอบหยิบเอาแหวนที่เป้าหมายของคุณสวมประจำที่นิ้วที่คุณอยากให้ใส่ (ส่วนใหญ่ก็นิ้วนางข้างซ้าย) นำแหวนมาปั๊มลงบนดินน้ำมันค่ะ แค่นี้ก็ได้ขนาดแหวนที่อย่างที่ต้องการแล้ว

  • ร้อยด้ายเข้านิ้ว

เทคนิคนี้ใครเรียนลูกเสือเนตรนารีมาได้เปรียบค่ะ เพราะสิ่งที่ต้องทำคือการเตรียมด้ายไว้ โดยอาผูกด้ายทำเป็นห่วงเงื่อนแล้วหาจังหวะที่หวานใจหลับใหล สวมห่วงด้ายนี้ลงไปที่นิ้ว ดึงด้ายให้พอดีกับนิ้วแล้วมัดปม ทำสัญลักษณ์ แค่นี้ก็ได้ขนาดแหวนแล้ว แต่ข้อควรระวังสำหรับวิธีนี้คือ ให้แน่ใจจริงๆ นะว่า ฝ่ายนั้นหลับจริง ไม่ใช่ตื่นมากลางดึกคือแผนแตกแน่นอน

  • เนียนๆ ชวนช้อปแหวนแฟชั่น

บางคู่ใช้นิสัยช่างช้อปของสาวข้างกายในเกิดประโยชน์ โดยทำทีชวนเธอแวะไปซื้อแหวนแฟชั่น แล้วคะยั้นคะยอให้เธอลองสวมแหวนแบบนั้นนี่ที่นิ้วนางข้างซ้าย จากนั้นจำค่ะ จำให้ได้ว่าวงไหนที่เข้าเป้าพอดีนิ้ว ก่อนจะย้อนกลับมาช้อปแหวนวงที่ว่าไปเป็นต้นแบบ อ้อ…วิธีนี้ถ้าจะให้เนียนขึ้น แนะนำให้นัดแนะกับทางร้านไว้ก่อนว่า ช่วยเชียร์ให้เธอสวมนิ้วนางและช่วยแยกแหวนที่เธอใส่ได้ไว้ที แบบนี้แผนการวัดไซส์จะบังเกิดผล

  • วัดเส้นผ่านศูนย์กลางเก็บไว้

วิธีนี้ง่ายที่สุดค่ะ แค่คุณรู้ว่าแหวนวงไหนที่หวานใจใส่ที่นิ้วนาง (หรือนิ้วที่อยากให้สวม) ก็แอบเอาแหวนที่ว่านั้นมาวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเก็บไว้ แล้วนำตัวเลขที่ได้ไปหาร้านเพชร จะทำแหวนแหวนหรือวัดวงที่มีอยู่ก็จัดไปได้เลยรับรองเป๊ะ

  • นิ้วก้อยของผมเท่ากับนิ้วนางของเธอ

วิธีนี้คือความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ ยังไม่ได้มีการยืนยันมาว่า จริงหรือไม่ เพราะหลายคู่เชื่อว่าคู่กันแล้วต้องมีขนาดแหวนแบบหัวข้อที่ว่านี้ ก็เลยเอาแหวนของตัวเองที่สวมที่นิ้วก้อยไปทำไซส์ บางคู่ก็ประสบความสำเร็จแต่บางคู่แป้ก ฉะนั้นวิธีนี้จึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณนะคะ

  • สวมแล้วจำ

เทคนิคสุดท้ายนี้ได้มาจากประสบการณ์ของเจ้าของร้านเพชนท่านหนึ่งแชร์ให้เราฟังว่า ลูกค้าหนุ่มๆ หลายคนใช้วิธีหยิบแหวนที่หวานใจสวมที่นิ้วนางอยู่แล้วมาลองสวมที่นิ้วของตัวเอง แต่จำความรู้สึกที่แหวนลงมาพอดีนิ้ว จากนั้นมาที่ร้านแล้วนำพวงแหวนวัดไซส์ของทางร้านมาลองสวมดู ไซส์ไหนได้ตำแหน่งเดียวกัน ไซส์นั้นแหละ เป๊ะ!!

สุดท้ายนี้ หากคุณหาแหวนที่เธอใส่ประจำที่นิ้วนางข้างซ้ายไม่ได้จริงๆ แล้วต้องกะเองด้วยสายตา ให้ประเมินแบบโอเว่อร์กว่าที่คิดนิดนึง เพราะเวลาสวมเพื่อเซอร์ไพร้ส์อย่างน้อยๆ ไม่ควรคาที่ข้อนิ้ว แต่แหวนควรลงไปอยู่ที่โคนนิ้ว เพราะอย่างน้อยๆ ถ่ายรูปสวยและค่อยเอาไปปรับขนาดให้เล็กลง

นี่ละค่ะ เทคนิกที่หลายคนใช้และเรารวบรวมมาให้ ถ้าคุณมีเทคนิกเจ๋งๆ มากกว่านี้ แชร์มาให้เรารู้บ้างนะคะ แผนเซอร์ไพร้ส์คนหัวใจมีรักจะได้เข้าเป้าดั่งหวังสักที เอาล่ะรู้เทคนิกวัดไซส์กันไปแล้วก็ถึงเวลาไปดู แบบแหวนหมั้นสไตล์คลาสสิก กันต่อ

คอร์สรวบตึง!! ซื้อแหวนแต่งงานผ่านทางออนไลน์ยังไงไม่ให้เสียเงินฟรี

ว่าที่บ่าวสาวบางคู่เต็มไปด้วยภารกิจอันยุ่งเหยิง ทั้งงานประจำก็ต้องทำ งานแต่งก็ต้องเตรียม จนถึงขั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะไปดู แหวนแต่งงาน แต่โชคดีนะคะที่เดี๋ยวนี้เรามีอินเทอร์เน็ตจึงช่วยให้บ่าวสาวสามารถช้อปออนไลน์อยู่ที่บ้านได้ แต่!! ในข้อดีย่อมมีข้อเสียค่ะ เพราะถ้าหากว่าที่บ่าวสาวไม่ศึกษาหาข้อมูลให้ดีแทนที่จะได้แหวนเพชรสุดปัง อาจจะได้แหวนเพชรพังๆ มาแทน เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ มาเข้าคอร์สเร่งรัดฉบับรวบตึงกับวิธีการซื้อแหวนเพชรผ่านทางออนไลน์ยังไงไม่ให้เสียเงินฟรีกันดีกว่า

1. เช็กข้อมูลเพชร 4Cs ให้ครบถ้วน

เมื่อบ่าวสาวได้แบบแหวนที่ต้องการแล้ว จะต้องเช็กข้อมูลเพชร 4Cs ให้ครบก่อนที่จะตัดสินใจกดใส่ตะกร้า เพราะข้อมูลนี้คือตัวกำหนดมูลค่าของเพชรที่บ่าวสาวจะซื้อ ซึ่งประกอบไปด้วย

– Carat Weight ขนาดหรือน้ำหนักของเพชรที่ใช้หน่วยสตางค์ในการวัด เช่น 1 กะรัต เท่ากับ 100 สตางค์

– Color สีของเพชรตามธรรมชาติ ซึ่งจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษในการแบ่งก็คือ เริ่มจาก D Color คือเพชรน้ำ 100% ซึ่งเป็นเพชรที่น้ำดีที่สุด และค่อยๆ ไล่ระดับลงมาจากตัว D เรื่อยๆ

– Clarity หรือความสะอาดของเพชร หรือตำหนิของเพชรนั่นเอง โดยจะเริ่มนับจากความสะอาดแบบไร้ซึ่งตำหนิ (IF), VVS1, VVS2, VS1, VS2 ไปเรื่อยๆ จนถึง I3

– Cut หรือการเจียระไนเพชร ซึ่งเพชรที่ได้ชื่อว่าสวยงามและราคาสูงที่สุดคือเพชรที่เจียระไนแบบ H&A (Hearts & Arrows) ที่ได้รับการยอมรับว่าสะท้อนประกายของเพชรออกมาได้งามที่สุด

2. รวบรวมข้อมูลอีกทีก่อนตัดสินใจหย่อนใส่ตะกร้า

– น้ำหนักเพชร เพราะเพชรแต่ละเม็ดเมื่อได้รับการเจียระไนออกมาแล้วจะมีน้ำหนักและขนาดแตกต่างกันไป ยิ่งเพชรที่มีน้ำหนักมากราคายิ่งสูง แต่ร้านออนไลน์โดยมากมักลงข้อมูลแค่ว่า แหวนเพชร 1.00 กะรัต น้ำ 100% ราคา 30,000 บาท แต่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่า น้ำหนัก 1.00 กะรัตที่บอกไว้นั้นหมายถึงแค่เพชรเม็ดกลางเม็ดเดียว หรือน้ำหนักเพชรทุกเม็ดบนตัวเรือน เพราะถ้าหากเป็นน้ำหนักแค่เพชรเม็ดกลางเม็ดเดียว ราคาจะสูงกว่าน้ำหนักของเพชรรวมทั้งหมด เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรสอบถามข้อมูลตรงนี้จากร้านค้าให้ชัดเจน

– สีของเพชร แน่นอนว่าเพชรน้ำ 100% หรือ D Color เป็นเพชรที่ราคาสูงและหายากและได้รับความนิยมมากกว่าแบบอื่นๆ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าเพชรน้ำ 100% เม็ดนั้นหากมีปริมาณสารเรืองแสงซ่อนอยู่ในเนื้อเพชรแล้วล่ะก็ จะทำให้เพชรดูไม่ขาวใสหรือวิ้งวับอย่างที่ควรจะเป็น เพราะฉะนั้นหลักในการเลือกซื้อคือ ไม่ว่าบ่าวสาวจะเลือกซื้อเพชรน้ำเท่าไหร่ ก็ไม่ควรให้มีสารเรืองแสงนี้ปะปนอยู่ในเพชรเลยเป็นดีที่สุด

*สามารถตรวจสอบว่าเพชรมีสารเรืองแสงหรือไม่ได้ด้วยแสงฟลูออเรสเซนต์หรือไฟสีม่วงที่ใช้ตรวจธนบัตร

– ความสะอาดของเพชร ขอแนะนำให้บ่าวสาวเลือกระดับความสะอาดที่ IF หรือ VVS1 และ VVS2 ก่อนเพราะเป็นระดับที่ไม่สามารถเห็นตำหนิของเพชรได้ด้วยตาเปล่า แต่ถ้าหากต่ำกว่านี้อาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าประมาณ 1 จุดเป็นอย่างน้อย

*หากบ่าวสาวต้องการซื้อเพชรไว้ลงทุนในระยะยาวแนะนำให้เลือกซื้อที่ระดับ IF รับรองว่าราคาดีไม่มีตก

– การเจียระไน ส่งผลต่อราคาของเพชร ซึ่งเพชรที่เจียระไนถูกต้องตามหลัก Ideal Cut จะมีประกายสวยกว่าและราคาสูงกว่าเพชรที่เจียระไนตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งบางครั้งบ่าวสาวอาจจะเลือกเพชรที่เม็ดเล็กหน่อยแต่มีการเจียระไนที่ดีเริดกว่าเพชรเม็ดใหญ่ ก็จะส่งผลให้เพชรเม็ดเล็กที่บ่าวสาวเลือกนั้นส่องประกายและเตะตามากกว่าเพชรเม็ดใหญ่เสียอีก

แหวนแต่งงาน

3. สำรวจตรวจสอบความจริงใจของคนขาย

แน่นอนว่าในโลกออนไลน์นั้นการตรวจสอบความจริงใจอาจเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าคนขายกล้าให้ข้อมูลแก่บ่าวสาวอย่างเปิดเผยไม่มีอ้อมแอ้มและชัดเจนมากพอ ก็อาจจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของบ่าวสาวได้ง่ายขึ้น และบ่าวสาวควรจะหาข้อมูลร้าน หรือการรีวิว การคอมเม้นต์จากลูกค้าที่เคยใช้บริการท่านอื่นๆ ด้วย สิ่งนี้จะช่วยนำมาประกอบการตัดสินใจของบ่าวสาวได้เป็นอย่างดีแน่นอน และเพื่อชี้ให้ชัดว่างานนี้ไม่โดนหลอกก็ควรจะหาเวลาไปดูหน้าร้านจริงอีกสักครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ

4. การชำระเงิน และจัดส่งสินค้า

การชำระเงินอาจมีทั้งแบบโอนเงิน, ตัดผ่านบัญชี หรือตัดผ่านบัตรเครดิต ส่วนการจัดส่งสินค้าหากเป็นในกรุงเทพฯ บางร้านอาจมีบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือนัดมารับของตามสถานที่ต่างๆ หรือบางร้านอาจจัดส่งทางไปรษณีย์ ส่วนลูกค้าต่างจังหวัด ทางร้านอาจมีการโทร. แจ้งก่อนว่าจะจัดส่งสินค้าให้วันไหน พร้อมทั้งถ่ายภาพที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ให้ลูกค้าได้ดูก่อนว่ามีการแพ็คไปอย่างแน่นหนาก่อนจัดส่ง และอาจส่งทางไปรษณีย์หรือทางเครื่องบิน

*ในข้อนี้เราขอแนะนำให้บ่าวสาวทำประกันสินค้าไว้ด้วยเพื่อความสบายใจว่าของที่สั่งจะส่งถึงนิ้วแน่นอน

และสุดท้ายอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับการซื้อเพชรทางออนไลน์ก็คือ ใบเซอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะการันตีคุณสมบัติของเพชรเม็ดนั้นว่ามีจุดดีและจุดด้อยตรงไหนบ้าง และเพื่อที่จะได้ตรวจสอบว่าคนขายคิดราคาเกินจริงหรือไม่อีกด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อสั่งซื้อทุกครั้งอย่าลืมถามถึงใบเซอร์กันด้วยนะคะ

Read More : 3 เรื่องต้องทำหากแหวนแต่งงานไม่โดนใจ

Cr. shesimply.com, pexels.com