การแต่งงานตามแบบฉบับพิธีทางศาสนาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับคู่รักที่มีความศรัทธาร่วมกัน ซึ่งการ แต่งงานในโบสถ์ เป็นพิธีที่อบอุ่นน่ารัก เชื่อว่าว่าที่บ่าวสาวที่อยากมีงานแต่งงานเล็กๆ ต้องอยากจัดพิธีในที่แห่งนี้แน่นอน แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่มากมายที่บ่าวสาวควรคำนึงก่อนที่จะจัดงานฉลองในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เราอยากให้คุณพิจารณาข้อดี-ข้อเสียต่อไปนี้เพื่อตัดสินใจว่างานแต่งงานที่คุณวาดฝันไว้เหมาะที่จะเลือกโบสถ์เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานจริงหรือ? หากคุณมั่นใจว่าต้องการงานแต่งงานที่มีแบบแผนไม่ใหญ่โตก็ลุยโลดค่ะ
จุดเด่น
1. คริสตจักรจะมีการเตรียมพร้อมสำหรับพิธีการในทุกขั้นตอน
การตกแต่งภายในของโบสถ์ออกแบบมาเพื่องานที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาอยู่แล้ว จึงมีการตกแต่งมีที่ความคลาสสิคสวยงามเข้ากับพิธีกรรมของศาสนาคริสต์ คุณแทบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย ในส่วนกำหนดการพิธีต่างๆ ทางโบสถ์ก็จะมีให้คู่บ่าวสาวเข้าอบรม ฝึกซ้อมสำหรับการเข้าพิธีแต่งงาน และช่วยดูแลภาพรวมของงาน จัดการในเรื่องต่างๆ ให้เป็นซะส่วนใหญ่ คุณแค่เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็พอค่ะ
2. มีที่นั่งมากมาย
คริสตจักรมักมีที่นั่งมากมายเพื่อรองรับคริสต์ศาสนิกชน ซึ่งใช้เป็นเก้าอี้ไม้แบบยาว เรียงกันหลายแถว แบ่งเป็นสองฝั่งสามารถนั่งด้วยกันได้หลายคน นอกจากช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าแขกทุกคนจะมีที่นั่งแล้ว ยังเป็นการช่วยประหยัดเงินค่าประดับตกแต่งเก้าอี้ในแต่ละตัวแบบงานอื่นๆ อีกด้วย
3. เพลงบรรเลงที่มีอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นคณะนักร้องประสานเสียงหรือวงดนตรี คริสตจักรส่วนใหญ่จะจัดเตรียมดนตรีไว้สำหรับงานแต่งงานให้คุณโดยเฉพาะ โดยบทเพลงที่ใช้ตลอดพิธีแต่งงานจะต้องเป็นบทเพลงในพิธีกรรมที่ได้รับการรับรองจากทางโบสถ์ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะว่าเพลงจะไม่ทันสมัยแล้วแขกจะเบื่อหรือเปล่า เพราะบทเพลงของศาสนาคริสต์มีความไพเราะที่เป็นเอกลักษณ์เข้ากับบรรยากาศแน่นอนค่ะ
4. ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศ
ไม่ว่าสภาพอากาศจะไม่เป็นใจท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนตก แดดแรงร้อนจัด คุณไม่ต้องเป็นกังวลเลยหากคุณจัดงานแต่งงานในที่ร่มอย่างในโบสถ์ที่เตรียมรับมือเรื่องสภาพอากาศไว้อย่างดี เช่น ในประเทศไทยมีอากาศที่ร้อนจัดภายในคริสตจักรจึงต้องมีการติดแอร์เปิดให้ในงานเย็นฉ่ำ โดยบ่าวสาวจะต้องชำระเงินในส่วนของค่าไฟเท่านี้เองค่ะ
5. ทุกคนได้มีส่วนร่วม
เพราะแขกร่วมงานทุกคนถือว่าได้มาเป็นสักขีพยานรักให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทุกคนภายในงานต้องเห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งคู่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีส่วนร่วมมากที่สุด จะเห็นได้จากตอนเริ่มพิธีที่เจ้าสาวต้องเดินคล้องแขนเข้าโบสถ์มาพร้อมคุณพ่อของเจ้าสาวค่ะ
จุดด้อย
1. ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงฉลองได้
หากคุณต้องการจัดทั้งงานที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาและงานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองในสถานที่เดียวกัน ต้องบอกเลยว่าโบสถ์จะไม่ใช่ทางเลือกของคุณ เพราะส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลอง นอกเสียจากโบสถ์บางแห่งที่มีห้องโถงแยกออกมาให้สามารถใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงได้ หรืออนุญาตเพียงแค่แจกสแน็คบ๊อกให้กับแขกที่มาร่วมงาน อย่างไรก็ตามจะมีกฎข้อห้ามสำหรับเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใช้ในงานเลี้ยงอยู่ดี
2. การตกแต่งอย่างจำกัด
คุณไม่สามารถปรับแต่งหรือประดับประดาพื้นที่ให้เป็นในแบบที่คุณชื่นชอบหรือจัดเรียงเฟอร์นิเจอร์ภายในได้อย่างอิสระ การตกแต่งใช้พร๊อพได้น้อยชิ้น ไม่เน้นความสวยงามจากการปรุงแต่ง เพราะสถานที่มีความสวยงามในตัวเองอยู่แล้ว หากตกแต่งมากไปอาจดูรกและไม่เข้ากับบรรยากาศแบบเรียบง่ายไม่หวือหวาหรอกค่ะ
3. กฎระเบียบเรื่องการถ่ายภาพ
คริสตจักรแต่ละแห่งมีกฎของตัวเองซึ่งรวมถึงสิทธิ์หรือข้อห้ามในการถ่ายภาพด้วยแฟลชรวมไปถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของช่างภาพมืออาชีพ และบางแห่งยังจำกัดจำนวนช่างภาพในงานไม่เกิน 1-2 คน เพราะฉะนั้นบ่าวสาวควรคุยกฎระเบียบข้อตกลงกับช่างภาพให้้เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการเกินความวุ่นวายจนพิธีต้องสะดุดแล้วจะโดนดุเอานะจ๊ะ
4. กฎระเบียบเยอะ
ก็ต้องเข้าใจนะคะว่างานที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนามักมีกฎระเบียบเป็นของคู่กัน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทุกอย่างต้องเป๊ะ เช่น ต้องมาให้ตรงเวลาห้ามมาสายมาเลทเป็นอันขาด การแต่งกายสุภาพให้เกียรติสถานที่ ไม่สามารถแต่งตัวได้อย่างอิสระตามแฟชั่นเหมือนกับไปงานแต่งงานในสถานที่อื่นนะคะ
ส่วนคู่ไหนที่มั่นใจแล้วว่าจะใช้โบสถ์เป็นสถานที่จัดพิธีแต่งงานแน่นอน ลองมาศึกษาระเบียบของแต่ละนิกายอีกสักนิดให้รู้ลึกรู้จริงกันไปเลยค่ะ ยิ่งบ่าวสาวยิ่งต้องรู้! งานแต่งศาสนาคริสต์ มีกฎระเบียบข้อห้ามไหนให้ต้องเตรียมตัว
Cr : insideweddings.com, romeoandjuliet-weddings.com, pinterest.com