5 เคล็ดลับให้เพื่อนบ่าวสาวพูด SPEECH ในงานแต่งงานได้ลื่นไหลไม่สะดุด

ปัญหาหนักอกอย่างหนึ่งของบรรดาเพื่อนๆ ที่ได้รับเกียรติและความไว้วางใจจากบ่าวสาวให้ พูด SPEECH ในงานแต่งงาน คือไม่รู้จะพูดอะไร จะเริ่มต้นลงท้ายแบบไหนถึงจะเหมาะ ถึงจะดีและจะซึ้ง แพรวเวดดิ้งขอบอกว่าไม่ยาก ตามมาอ่าน 5 คำแนะนำจากเรา รับรองว่าในวันงานคุณจะไม่เพียงพูดคล่อง แต่พูดแล้วไม่เวิ่นเว้อ ฟังรู้เรื่องและตรงประเด็น

1. สรรหาคำชมเกี่ยวกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว

เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการคิดถึงความดีงามของเพื่อนของคุณ เช่นถ้าคุณคือเพื่อนเจ้าสาวก็คิดค่ะคิด ว่าเจ้าสาวมีอะไรน่าชื่นชมบ้าง เป็นเพื่อนที่ดีกับคุณในแง่ไหน มีน้ำใจ เรียนเก่ง แบ่งปัน ชอบช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาที่ดี หรือแม้แต่ยามยาก คุณเจ้าสาวมีอะไรให้สรรเสริญในฐานะเพื่อนก็พูดออกมาค่ะ แต่อย่ากล่าวหนักจนเว่อร์เกิน เดี๋ยวจะกลายเป็นอวยกันมากไป

2. เรียบเรียงให้ดีและลองซ้อมอ่านแบบเล่าเรื่อง

อย่าลืมเด็ดขาดที่จะลองร่างสิ่งที่ต้องการพูดแล้วเรียงลำดับใจความสำคัญ เทคนิกคือเรียบเรียงสิ่งที่คิดลงไปในกระดาษทั้งหมดก่อน จากนั้นค่อยๆ เรียงแล้วดูสิว่า เรียงแล้วเนียนไหม  ถ้าเรียงแล้วรู้สึกขัดๆ หรือยังวกวนก็เรียงลำดับใหม่จากนั้นค่อยๆ ซ้อมอ่านในลักษณะการเล่าเรื่อง จะได้ดูไม่เหมือนท่องจำ เพราะอย่าลืมว่า นี่คือการพูดจากใจ ฉะนั้นแม้จะเตรียมเขียนมาก็ต้องทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติ

3. อย่าเล่าเเต่เรื่องของตัวเอง

เรื่องนี้หลายคนหลงลืม พอบอกให้พูดก็อาจจะเอาแต่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวของในมุมของตัวเองจนมีเรื่องของเจ้าสาวมาเอี่ยวน้อยมาก ฉะนั้นจำไว้เลยว่า การพูดแบบนี้คุณต้องหาเรื่องที่มีคุณคู่กับเพื่อนของคุณที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวของงาน หรือไม่อย่างนั้นก็พูดเรื่องของบ่าวสาวเต็มไปเลยก็ได้ อ่ะๆๆ ไม่ใช่เผยความลับนะคะ ถ้าไม่เข้าใจก็ย้อนกลับไปอ่านข้อ 1 อีกครั้ง

4. อย่าเอ่ยถึงเเฟนเก่าเด็ดขาด

เรื่องนี้สำคัญมาก ต่อให้แฟนเก่าของเพื่อนคุณจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องดีนักที่คุณจะมาย้อนอดีตถึงยามที่เพื่อนและแฟนเก่ารักกันหรือมีปัญหากัน อย่างประโยคประเภทว่า ครั้งหนี่งที่เจ้าสาวเคยทะเลาะกับแฟนเก่าแล้วมาปรึกษาอะไรพวกนี้อย่าได้เอ่ยเพราะเรื่องมันผ่านไปแล้ว หรือแม้แต่ว่าจะเป็นมุกที่คิดว่าดีประมาณว่า โชคดีเหลือเกินที่เลิกกับคนเก่าแล้วมาเจอคนดีๆ อย่างวันนี้ เลี่ยงได้เลี่ยงเลยจ้า

5. เริ่มต้นด้วยเรื่องเพื่อนของคุณ เเต่ปิดท้ายด้วยเรื่องของทั้งคู่

เมื่อพูดถึงเพื่อนของคุณเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะปิดบทพูดทั้งหมด ต้องไม่ลืมกล่าวถึงคู่ของเพื่อนคุณด้วย นั่นแปลว่า ถ้าคุณคือเพื่อนเจ้าสาว คุณก็เริ่มพูดถึงความดีงามของเจ้าสาว ความทรงจำและเรื่องราวดีๆ ของคุณและเธอ จากนั้นพูดถึงความรักของเจ้าสาวที่มีต่อเจ้าบ่าว แบบนี้จะสวยงามและสมบูรณ์แบบ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เช็คคู่สีมงคลตามวันเกิด กับเทคนิคการนำมาจัดเป็นธีมสีงานแต่งงาน

ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังมีคำถามว่า “จะจัดงานแต่งสีไหนดี?” แพรวเวดดิ้งมีไอเดียดีๆ กับการจัดงานแต่งงานตาม สีมงคล ของว่าที่บ่าวสาว โดยงานนี้มี “อาจารย์เอ๋ – รดา พชรวิจิตรเมธี” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพลังแห่งสีสัน มาให้คำแนะนำดีๆ โดยเฉพาะว่าที่บ่าวสาวที่อยากหาคู่สีมงคล ต้องมามุงด่วน 

1. DAY OF BIRTH

เช็กก่อนว่าคุณทั้งคู่เกิดวันอะไรด้วยหลักการง่ายๆ คือ พระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไรนับเป็นวันใหม่เสมอ

2. Do & Don’ts

เช็กสีมงคลตามตารางด้านล่างนี้  วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์

3. CHOOSE WEDDING THEME COLOUR

ใช้สีมงคลของคุณทั้งคู่เป็นคู่สีในงาน เช่น เจ้าสาวเกิดวันอาทิตย์ เจ้าบ่าวเกิดวันศุกร์ คู่สีมงคลสำหรับการตกแต่งงานในเบื้องต้นคือ ขาว / ครีม/ เหลือง – น้ำเงิน / ฟ้า

4. MORE OPTIONS

เช็กว่าคู่สีที่ได้ตรงกับสีที่ควรหลีกเลี่ยงของแต่ละคนหรือไม่ ในกรณีนี้น้ำเงิน / ฟ้าคือสีที่ฝ่ายเจ้าสาวควรหลีกเลี่ยง ให้แก้ไขโดยจับคู่กับสีมงคลของวันที่จัดงานแต่งงานแทน เช่น จัดงานวันเสาร์ ก็ให้ตกแต่งด้วยธีมสีแดงคู่กับสีมงคลของเจ้าสาวแทน (แต่ถ้าแจ็กพ็อตได้ฤกษ์วันศุกร์ ซึ่งมีสีที่เจ้าสาวควรหลีกเลี่ยง ก็ให้ใช้สีมงคลของเจ้าสาวเพียงฝ่ายเดียว)

อาจารย์เอ๋ฝากทิ้งท้ายว่า หลักการที่ว่านี้ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการเลือกผ้านุ่งของว่าที่บ่าวสาวในพิธีแต่งงานแบบไทยตามประเพณีนิยมได้ด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากอาจารย์เอ๋ – รดา พชรวิจิตรเมธี ผู้เขียนหนังสือ “เปลี่ยนสีเปลี่ยนชีวิต”

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ทิปส์เติมสีสันให้การ์ดแต่งงาน เพิ่มความงามให้ของชำร่วยงานแต่ง

การ์ดแต่งงาน & ของชำร่วยงานแต่ง เป็นหน้าเป็นตาให้กับงานแต่งงานของบ่าวสาวได้นะ

บ่าวสาวที่เบื่อๆ เซ็งๆ กับการ์ดแต่งงาน หรือรูปแบบ ของชำร่วยงานแต่ง แบบเดิมๆ อยากจะเพิ่มความโดดเด่นเก๋ไก๋ แต่ก็ยังนึกไม่ออก บอกไม่ถูกว่าจะเพิ่มหรือเติมอะไรเข้าไปดี แพรว wedding เลยรีบนำไอเดียเด็ดๆ มาฝากคุณว่าที่ทั้งหลาย จะได้สบายใจและวางแผนการออร์เดอร์ได้ทันการ

ของชำร่วยงานแต่ง

ออกแบบการ์ดแต่งงาน ซอง และแพ็ตเกจของชำร่วยในคอนเซปต์ Stationary Suite คือดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกันและสอดรับกับธีมเพื่อช่วยให้ภาพรวมของงานแต่งดูสมบูรณ์แบบ

การติดเพชร ลูกไม้ ริบบิ้น หรือเชือก จะช่วยเน้นธีมงานของบ่าวสาวให้ชัดเจนขึ้นว่าเป็นแนวหรู วินเทจ หรือ DIY

งานเปเปอร์อาร์ตต่างๆ เช่น การฉลุลาย การพับกระดาษ งานตัดแปะ ช่วยเพิ่มดีเทลให้การ์ดของบ่าวสาวดูไม่โหล

ถ้าจัดงานธีมเทพนิยายหรือนิทาน ลองมองหาการ์ดป๊อปอัพรูปปราสาท หรือป่าใหญ่จะได้เข้าธีม

การ์ดเชิญไม่จำเป็นต้องเป็นกระดาษสี่เหลี่ยมเสมอไป เพราะปัจจุบันมีการ์ดไดคัตเป็นรูปร่างต่างๆ มากมาย

แพ็คเกจของชำร่วยสำคัญไม่แพ้ของข้างใน เพราะสื่อถึงความตั้งใจของผู้ให้ ดังนั้นอย่าลืมเลือกแพ็คเกจให้เข้ากับธีมงาน

เคล็ดลับความงาม เมื่อเข้าสู่ 7 วันสุดท้ายก่อนถึงงานวิวาห์

สำหรับว่าที่เจ้าสาวทั้งหลาย ยิ่งใกล้ถึงวันงานมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากมากขึ้น และนั่นอาจจะทำให้คุณต้องทำหลายสิ่งหลายอย่าง จนหลงลืมการเตรียมความพร้อมเพื่อตัวเองกันไป ฉะนั้นขอให้คุณปักหมุดบทความนี้เอาไว้เลยให้ไว แค่ทำตาม เคล็ดลับความงาม 7 ข้อแสนง่ายนี้ คุณก็จะสวยเป๊ะพร้อมสำหรับงานวิวาห์ในฝันของคุณ

1. สำรวจใบหน้าเพื่อดูปัญหาของผิวหรือส่วนที่คุณไม่มั่นใจ และแจ้งช่างแต่งหน้าไว้ก่อนวันงาน และสำหรับสาวผมสั้นที่ต้องการต่อผมด้วยแฮร์พีช ควรปรึกษากับช่างผมเพื่อให้ช่างได้เตรียมตัวจัดหาผมต่อที่สีพอดีกับผมจริงของคุณมากที่สุด

2. สำหรับสาวๆที่ต้องการใส่คอนแทกเลนส์ เพื่อช่วยขับใบหน้าให้สวยและมีเสน่ห์นั้น ควรเตรียมคอนแทกเลนส์ที่ดูเป็นธรรมชาติไว้ 2 คู่ขึ้นไปเพื่อสแตนบายหากคู่ที่จะใส่เกิดขาดหรือหายในวันงาน โดยโทนสีที่เหมาะสมคือน้ำตาลหรือเทา ที่จะช่วยขับให้ใบหน้าหวานขึ้น และเราขอเตือนคุณให้หลีกเลียงบิ๊กอาย หรือคอนแทกเลนส์สีดำเพราะจะทำให้ตาดูโตเกินจริง แถมไม่มีแววตาเวลาถ่ายรูปอีกด้วย

3. อย่าบีบหรือแกะสิวเป็นอันขาด หากมีสิวอักเสบขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อฉีดสิวให้ยุบลงนะคะ

4. งดการขัดหน้าอย่างรุนแรง และงดครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และครีมที่ทำให้ผิวแห้งลอก เพราะอาการเหล่านี้จะทำให้ผิวไม่เรียบเนียน แต่งหน้าไม่ติดทนได้ค่ะ

5. ทำสีผมหรือเติมโคนผมให้ได้สีที่สวยสม่ำเสมอ และสามารถเพิ่มไฮไลท์ได้ เพื่อช่วยสร้างเลเยอร์เวลาเกล้าผมได้เป็นอย่างดี

6. ก่อนวันงาน 2-3 วัน คุณต้องไม่ลืมจัดการกับขนไม่พึงประสงค์ในส่วนต่างๆและทำเล็บมือเล็บเท้า เพื่อให้ผิวเรียบเนียนสวยสมบูรณ์แบบที่สุด

7. ลองฝึกยิ้มหน้ากระจกให้ได้รอยยิ้มที่ดูดีและหามุมสวยของตัวเอง เพื่อให้คุณสวยทั้งในงานและในรูปถ่ายความทรงจำวันพิเศษของคุณ

รู้อย่างนี้แล้วลองนำไปทำตามกันนะคะสาวๆ เรารู้ว่าคุณต้องหัวหมุนเตรียมงานสุดๆ ฉะนั้นงานปังแล้วตัวคุณเองก็ต้องเป๊ะด้วย เพราะคุณน่ะนางเอกของงานนะคะ

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!a a a a a

คอร์สเจ้าสาว Beauty Checklists in 6 Months สวยจัดหนักฉบับเจ้าสาว

หนึ่งในความปรารถนาของผู้หญิงทั้งโลก คือการได้ขึ้นแท่นเป็นเจ้าสาวที่สวยโดดเด่นที่สุดในงาน จึงต้องมีการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อให้คุณพร้อมเผยความงามที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาให้แขกในงานได้ตื่นตะลึงไปกับความเป๊ะตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแบบไร้ที่ติ แพรวเวดดิ้งเลยมี คอร์สเจ้าสาว ง่ายๆ ที่คุณสามารถเตรียมความพร้อมได้ด้วยตัวเอง มานับถอยหลังแล้วทำสวยไปพร้อมๆ กันนะคะ

6 เดือนก่อนวันวิวาห์

o ปรึกษาปัญหาผิวกับหมอผิวหนัง
o เริ่มขัดผิวสัปดาห์ละครั้ง
o ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทั่วเรือนร่าง
o กำจัดขนด้วยเลเซอร์
o ดูแลผมหรือเปลี่ยนสีผมใหม่
o เลิกกินอาหารขยะและคาเฟอีนทุกชนิด
o เริ่มกินวิตามินบำรุงผิวและร่างกาย
o เริ่มออกกำลังกายทุกวัน
13820589_928016937328126_1025350731_n

4 เดือนก่อนวันวิวาห์

o จองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม
o ทดลองแต่งหน้าทำผม (สำหรับเจ้าสาวที่มีงบในส่วนนี้)
o เลือกทรงผมและเครื่องประดับที่จะใช้ในวันงาน
o ฟอกฟันขาว
o นัดดูแลผิวหน้าเป็นรายเดือน
o ลงตารางทำทรีทเม้นต์ผิวตัว

2 เดือนก่อนวันวิวาห์

o ซื้ออุปกรณ์เสริมความงามที่จำเป็นสำหรับที่จะใช้ในวันงาน
o ขัดผิวตัว
o นัดทำโบท็อกซ์
13819329_928016950661458_1180846968_n

2 สัปดาห์ก่อนวันวิวาห์

o คอนเฟิร์มนัดช่างให้เรียบร้อยทั้งเวลาและสถานที่
o ดื่มน้ำเยอะๆ
o ทาสกินแคร์ทุกวัน และทาครีมเยอะเป็นพิเศษบริเวณผิวที่แห้งมาก
o หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและแอลกอฮอล์
o แว๊กซ์ขนส่วนต่างๆ ที่ต้องการกำจัดให้เนียน
o ดูแลผิวหน้า (อย่างอ่อนโยน) เป็นครั้งสุดท้าย
o บำรุงผมด้วยคอนดิชั่นเนอร์เข้มข้น
o ไปนวดผ่อนคลายอารมณ์

1 วันก่อนวันวิวาห์

o ดื่มน้ำเยอะๆ
o สระผมให้สะอาด
o นอนให้ครบ 8-10 ชั่วโมง ทุกวัน
o ทำเล็บมือและเล็บเท้าให้สวยพร้อมสวมแหวน

วันวิวาห์

o อาบน้ำก่อนก่อนเริ่มแต่งหน้าสัก 4 ชั่วโมง และป้องกันผมเปียกด้วยหมวกคลุมอาบน้ำ
o แต่งหน้า-ทำผมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธีอย่างน้อย 1 ชั่วโมง

Beauty Kits for Bridal ตัวช่วยเสกสวยในวันวิวาห์ พกติดตัวรับรองสวยเป๊ะตลอดงาน

o กระดาษทิชชู่ + กระดาษซับหน้ามัน
o เมคอัพรีมูฟเวอร์จัดการมาสคาร่าเลอะ
o ลิปกลอสเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากตลอดวัน
o ยาหยอดตากันตาแดง
o สเปรย์ฉีดล็อกผมให้อยู่ทรงสวย
o กิ๊บติดผมเผื่อปอยผมที่เกล้าไว้ร่วงลงมา
o กระจกขนาดเล็กสำหรับเช็คความสวยตลอดงาน
o หวีและแปรงปัดหน้าขนาดพกพา
o ยาทาเล็บสีใส จัดการปัญหาถุงน่องรัน
o ชอล์กสีขาวสำหรับปกปิดคราบและรอยเลอะบนชุด
o พลาสเตอร์ปิดแผล
o กาวแบบแห้งเร็วสำหรับซ่อมหรือติดส้นรองเท้า
o กาวสองหน้าและเข็มกลัด
13820855_928016953994791_1430245175_n

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความงามเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียงข้อมูลจาก : vestidos-comunion-torrente.com, Colin Cowie Weddings, hitched.co.uk, weddingpartyapp, Jim Hjelm

4 วันสำคัญในพิธีแต่งงานแบบจีนที่เราอยากให้บ่าวสาวอาตี๋อาหมวยได้รู้

4 วันสำคัญใน พิธีแต่งงานแบบจีน ที่เราอยากให้บ่าวสาวอาตี๋อาหมวยได้รู้

พิธีแต่งงานแบบจีน แท้ๆ นั้นถือเรื่องฤกษ์ยามยิ่งชีพ และจะมีหลายฤกษ์มาก ตั้งแต่ฤกษ์สู่ขอ วันทำพิธี วันรับตัวเจ้าสาว วันลงกรรไกรตัดชุด วันส่งตัว และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันแม้จะลดความเคร่งลงไปมาก แต่ฤกษ์หลักๆ ก็ยังมีความสำคัญและจำเป็นอยู่ ดังนั้นเมื่อตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกันสิ่งแรกที่บ่าวสาวควรทำคือรีบแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ เพื่อที่จะได้นำวันเดือนปีเกิดของบ่าวสาว รวมทั้งเวลาเกิดไปดูฤกษ์ดูยามให้ซินแสผูกดวงหาฤกษ์ดีในพิธีต่างๆ ซึ่งแพรว wedding ได้คัด 4 วันสำคัญในพิธีแต่งงานจีนที่มักจะต้องถือฤกษ์ดีมาฝาก ไปดูกันดีกว่ามีวันอะไรบ้าง และบ่าวสาวจะต้องทำอะไรในวันนั้น จะได้เตรียมตัวกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

วันสู่ขอ

ฝ่ายชายจะเดินทางไปบ้านฝ่ายหญิงตามฤกษ์ที่ได้จากซินแส โดยไปพร้อมกับแม่สื่อ (ถ้ามี) เถ้าแก่ พ่อแม่ และตามมารยาทฝ่ายเจ้าบ่าวควรเตรียมของฝากเล็กๆ น้อยๆ เช่น กระเช้าขนมหรือผลไม้ ไปกำนัลบ้านเจ้าสาวด้วย  ซึ่งในวันนี้ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องแจ้งกำหนดการต่างๆ ให้ทางบ้านฝ่ายหญิงรับรู้ รวมไปถึงตกลงกันว่าฝ่ายไหนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในวันใดบ้าง ซึ่งที่นิยมทำกันก็คือ ฝ่ายหญิงจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันหมั้น ส่วนฝ่ายชายจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันแต่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความสะดวกของแต่ละฝ่ายนะคะ เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปเตรียมข้าวของที่จะต้องใช้ในพิธีต่างๆ

** เครื่องแต่งงานทั้งหมดสามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายของมงคลต่างๆ ซึ่งร้านส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ที่ย่านเยาวราช และบ่าวสาวสามารถจ้างกับทางร้านได้เลยว่าต้องการเครื่องแต่งงานชุดเล็กหรือชุดใหญ่

วันพิธี

เมื่อถึงวันพิธีฝ่ายชายจะยกขันหมากมาที่บ้านฝ่ายหญิง จากนั้นทั้งสองฝ่ายจะนำเครื่องขันหมากที่ตกลงกันไว้ในวันสู่ขอมามอบให้กัน โดยฝ่ายหญิงจะมอบเอี๊ยมแดงที่เสียบปิ่นทองไว้ตรงปากกระเป๋า (ฝ่ายชายจะต้องคืนปิ่นทองให้เจ้าสาวนำมาติดผมตอนออกจากบ้านในวันรับตัว) พร้อมมอบส้มเช้ง และคืนขนมแต่งงานกลับไปให้ทางฝ่ายชายครึ่งหนึ่ง ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วในวันนี้จะไม่มีพิธีสวมแหวนหมั้นและนับสินสอด แต่บางครอบครัวที่อยากมีพิธีนี้ก็สามารถแทรกไว้ในช่วงก่อนที่จะมอบเครื่องขันหมากตามประเพณีจีน

พิธีแต่งงานแบบจีน

วันส่งตัว

พิธีส่งตัวเริ่มต้นที่บ้านเจ้าสาว โดยส่วนใหญ่ฤกษ์ในวันนี้มักเป็นเวลากลางคืนจึงเป็นที่มาของคำว่า ‘คืนส่งตัว’ ในวันนี้แม่ของเจ้าสาวจะปักปิ่นทองและเสียบกิ่งทับทิมไว้ที่ผมของเจ้าสาว จากนั้นให้เจ้าสาวทำพิธีไหว้เทพยดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ และกินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้ พร้อมฟังคำอวยพรตามหาอาหารมงคลต่างๆ ที่ท่านคีบให้ทาน ก่อนที่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะมารับเจ้าสาวที่บ้าน

พร้อมเสิร์ฟ 10 อาหารมงคลที่เจ้าสาวชาวจีนต้องกินก่อนส่งตัว

วันที่เจ้าสาวกลับบ้าน

หลังแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายชายไปแล้ว 3 วัน (หรือบางครอบครัวอาจจะกำหนดไว้ 12 วัน) เจ้าสาวก็จะได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่จะต้องมีน้องชายมารับ (ถ้าเจ้าสาวไม่มีน้องชาย สามารถให้หลานชายหรือญาติผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามารับแทนได้) โดยเจ้าสาวจะต้องเตรียมส้ม 12 ผลใส่ถาดกลับบ้านไปด้วย และเมื่อไปถึงบ้านเจ้าสาวแล้วคู่แต่งงานใหม่จะต้องทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่และญาติฝ่ายหญิง จากนั้นจึงต่อด้วยงานต้อนรับลูกเขยที่บ้านเจ้าสาวค่ะ

** ปัจจุบันเพื่อความสะดวกและรวดเร็วจะนิยมรวบพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่ และญาติทั้งสองฝ่ายมารวมไว้ในวันเดียวกัน และมักจะจัดไว้ในช่วงท้ายของพิธี ซึ่งจะยกให้ฝ่ายไหนก่อนก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน

ภาพ nicholaslauphoto.com

สวยงามตามท้องเรื่อง กับ 9 ชุดแต่งงานนานาชาติที่คุณอาจเคยเห็นเป็นครั้งแรก!

โดยปกติแล้วในพิธีแต่งงานเรามักจะคุ้นตากับภาพเจ้าสาวใส่ประโปรงยาวหรือสั้นสีขาว ในขณะที่เจ้าบ่าวก็จะใส่ชุดสูทตามธรรมเนียมปฏิบัติสากล  แต่วันนี้เราจะพาคุณไปชม ชุดแต่งงาน ตามประเพณีของต่างประเทศกันค่ะ บอกเลยว่าสวยงามและมีเสน่ห์ไม่แพ้ชุดเจ้าสาวสีขาวเลยน้า

 

1. กานา

ชุดแต่งงาน

คู่รักชาวกานามักจะใส่ชุดแต่งงานที่แมทช์กันโดยทำจากผ้า Kente ซึ่งเป็นผ้าทอมือที่เป็นแถบยาวและมีสีสันสดใส อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่เก๋ไก๋และดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

2. อินโดนีเซีย

ชุดแต่งงาน

สำหรับประเพณีแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวจาร์กาตา คู่บ่าวสาวนิยมแต่งกายโดยเน้นสีทองและมีเครื่องเพชรระยิบระยับ ทำให้ดูหรูหราและได้ลุคที่ดูแพงสุดๆ

3. โปแลนด์

ชุดแต่งงาน

ในเมือง Łowicz ที่ประเทศโปแลนด์ ชุดเจ้าสาวแบบดั้งเดิมจะมีความพิเศษตรงหมวกที่ประดับไปด้วยดอกไม้ที่เรียกว่า Oczepiny ที่ใช้สวมในระหว่างพิธีกรรมแต่งงาน

4. โปรตุเกส

ชุดแต่งงาน

เจ้าสาวชาวโปรตุเกสนิยมใส่เสื้อแบบ Tunic ที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับแบบห้อยระย้า ในขณะที่เจ้าบ่าวจะใส่เสื้อสูทสีเข้มทับเสื้อสีขาวพร้อมกับสวมหมวก

5. ศรีลังกา

ชุดแต่งงาน

เจ้าสาวชาวศรีลังกาจะใส่ส่าหรีและสวมเครื่องประดับบนศีรษะที่เรียกว่า Nalapata ในขณะที่เจ้าบ่าวจะสวมหมวกที่มีสี่มุม เสื้อแจ็กเก็ตกำมะหยี่และนุ่งผ้าสีขาวที่เรียกว่า Mul anduma

6. ไนจีเรีย

ชุดแต่งงาน

ในประเทศไนจีเรีย คู่บ่าวสาวนิยมใส่ชุดแต่งงานที่มีสันสดใสและมีสีไปทางเดียวกัน สำหรับชุดเจ้าสาวแบบดั้งเดิมนั้นจะมีการสวมสิ่งที่เรียกว่า Gele บนศีรษะ ในขณะที่ผู้ชายจะสวมหมวกผ้าที่เป็นทรงแหลมที่เรียกว่า Fila abeti aja

7. กรีซ 

ชุดแต่งงาน

ในพิธีแต่งงานของชาวกรีซที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอด็อกซ์นั้น บาทหลวงจะสวมมงกุฎที่เรียกว่า Stefana บนศีรษะของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว โดยมันจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของคู่แต่งงานใหม่

8. มองโกเลีย

ชุดแต่งงาน

ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวชาวมองโกเลียจะใส่ชุดทรงยาวที่เรียกว่า Deel ในพิธีแต่งงาน ซึ่งเป็นชุดที่ใส่มาหลายศตวรรษแล้ว อีกทั้งยังมีลวดลายและสีสันสวยงาม รวมถึงมีเครื่องประดับศีรษะเพิ่มความตระการตาอีกด้วย

9. นอร์เวย์

แม้ว่าคู่บ่าวสาวชาวนอร์เวย์จะนิยมใส่ชุดแต่งงานแบบสมัยปัจจุบันคือชุดแต่งงานที่เป็นกระโปรงสีขาวหรือชุดสูท แต่ก็ยังมีเจ้าสาวหลายคนที่ยังคงใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า Bunads ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและดูสวยงาม

ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : mymodernmet.com

5 เทคนิคบอกใบ้ให้เขารู้ว่าแหวนแต่งงานแบบไหนตรงใจคุณที่สุด

สาวๆ หลายคนมักคาดหวังว่า แหวนแต่งงาน ที่เขาจะนำมาเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานต้องมีหน้าตาเป็นอย่างที่ชอบ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขารู้ใจคุณจริงๆ?

แพรว wedding เชื่อว่ามีเจ้าสาวหลายคนทีเดียวที่คาดหวังว่า แหวนแต่งงาน ที่เขาจะนำมาเซอร์ไพร้ส์คุกเข่าขอแต่งงานต้องมีหน้าตาเป็นอย่างที่ชอบ แต่ทีนี้จะรู้ได้ยังไงว่าเขารู้ใจคุณจริงๆ และแหวนวงงามที่คุณจะได้ตรงกับใจคุณแน่ๆ ครั้นจะเดินเข้าไปบอกกันตรงๆ ก็คงไม่ดี เดี๋ยวเขาจะหาว่าคุณเป็นพวกอยากมีอยากได้หรือเป็นผู้หญิงที่เยอะไปซะงั้น วันนี้เราก็เลยหาเทคนิคบอกใบ้เล็กๆ มาฝากกัน ถือซะว่าเป็นการส่งสัญญาณให้เขารู้ในสิ่งที่คุณชอบโดยไม่รู้สึกอึดอัดใจ

หาแหวนแบบที่ชอบมาใส่ให้เห็น

เทคนิคแรกเรียกว่าง่ายๆ มาก ยิ่งถ้าคุณคือสาวที่ชอบซื้อเครื่องประดับประเภทแหวนมาใส่อยู่แล้วละก็ จงหมั่นเอาแหวนแบบที่ชอบสุดๆ มาใส่ให้เขาเห็นบ่อยๆ เพื่อไปสะกิดใจเขาว่า แบบแหวนที่คุณใส่บ่อยๆ นี่แหละคือแหวนในดวงใจ แค่ใส่เฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องพูดอะไร แล้วให้เขาคิดได้เองว่าที่คุณใส่บ่อยๆ ก็เพราะว่าชอบ ส่วนเขาจะเติมเพชรให้กี่เม็ด ตัวเรือนจะสีอะไรก็ปล่อยให้เขาดีไซน์บ้าง เรียกง่ายๆ คือ เอาแค่แบบแหวนคร่าวๆ ให้ตรงใจก็พอ

ชักชวนมาดูช่วงคุณช้อปปิ้ง แต่…

จริงอยู่ที่หนุ่มๆ หลายคนเบื่อสุดๆ ที่ต้องเดินตามแฟนสาวเวลาไปช้อปปิ้ง แต่ในกรณีนี้ เราอยากให้คุณสังเกตจังหวะชีวิตให้ดี คือไม่ต้องชวนเขามาเดินช้อปด้วยตั้งแต่แรกเริ่ม แค่อาจนัดเขามาหาในจังหวะที่กำลังช้อปเครื่องประดับหรือลองดูตอนจะไฟนอลชิ้นที่อยากได้ โดยอาจถามความเห็นนิดๆ หน่อยๆ ก่อนจะปล่อยให้เขาไปเดินเล่นในสไตล์ของเขา แบบนั้นก็เนียนดี แถมไม่อึดอัดด้วย

ทำทีชื่นชมแหวนที่ชอบตอนที่บังเอิญเจอ

เคยไหมละที่นั่งดูทีวีอยู่หรือเปิดนิตยสารอ่าน รวมถึงสไลด์หน้าจอมือถืออยู่แล้วเจอแบบแหวนที่ชอบ ถ้าเคยละก็ จังหวะนั้นแหละค่ะที่เราจะให้คุณใช้เป็นเครื่องมือบอกใบ้เขาว่าคุณชอบแหวนแบบไหน แต่อาจต้องทำการแสดงกันสักนิด ประมาณว่าเห็นแล้วก็หยุดกึก ส่งเสียงออกมาว่า ‘อุ้ย! แหวนแบบนี้สวยดีจัง ตัวๆ มาดูสิ’ หรือนั่งๆ กันอยู่ ในทีวีฉายภาพขึ้นมาพอดีก็แค่แบบว่าพูดลอยๆ ให้เขาได้ยินก็ได้ ถ้าเขาใส่ใจคุณละก็ เขาจะจำได้ไม่มากก็น้อย

เนียนๆ ถามความเห็นเรื่องแฟชั่นเครื่องประดับ

แม้คนรักของคุณจะไม่ใช่หนุ่มๆ สายแฟชั่น แต่เพราะการพูดคุยกันสารพัดเรื่องระหว่างคนรักกันคือสิ่งที่พึงทำ แล้วทำไมไม่เอาหัวข้อเครื่องประดับมาเป็นหนึ่งในหัวข้อการสนทนาเพื่อเป็นการบอกใบ้เขาล่ะคะ วิธีการง่ายๆ แบบนี้ไม่ต้องเตรียมข้อมูลเท่าไหร่ แต่คุณต้องใส่ข้อมูลของคุณให้เขาได้รู้ต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นการบอกเรื่องมุมมองตัวเรือนที่คุณชอบ หรือทรงเพชรที่คุณเห็นว่าสวย แต่เทคนิคคืออย่าได้พูดว่า คุณชอบแบบนั้นแบบนี้มากๆ เพราะนั่นน่ะ ออกจะโจ่งแจ้งในความต้องการเกินไป

อาศัยจังหวะเม้ากับเพื่อนให้เขาได้รู้

เพื่อนนี่แหละตัวดีที่คุณจะใช้เป็นเครื่องมือบอกใบ้ให้เขาได้รู้ คุณอาจยกหูคุยสายกับเพื่อนซี้ตามปกติ แต่หยิบยกเอาหัวข้อแหวนแต่งงานของเพื่อนคนอื่นๆ หรือดาราที่กำลังเป็นกระแสมาพูดกันตามประสาสาวๆ แต่ต้องให้เขาที่นั่งอยู่แถวๆ นั้นได้ยินด้วย แบบนั้นแหละค่ะที่เรียกว่า เนียนมากๆ แถมคุณยังใส่ความอยากได้ของคุณลงไปในบทสนทนาได้อย่างเนียนๆ กับประโยคประเภทว่า ‘ถ้าเป็นชั้นนะแก จะทำแหวนแบบนี้ๆ’ อะไรแบบนั้น

5 เทคนิคทั้งหมดที่เรานำเสนอ อยากให้คุณได้ลองนำไปใช้เพื่อบอกใบ้เขาดูนะคะ แต่ขอเตือนไว้นิดนึงว่า แม้จะบอกใบ้ไปแล้ว ถ้าแหวนที่ได้ไม่ตรงใจก็อย่าได้บ่นให้เขาได้ยินเชียวล่ะ เพราะเขาอาจตั้งใจออกแบบและทำแหวนแบบนั้นๆ มาให้คุณจริงๆ จงยิ้มแย้ม ยืนมือซ้ายให้เขาสวมซะดีๆ แล้วอย่าลืมกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มด้วยล่ะ

ความหมาย สีเครื่องประดับ รู้ไว้เพิ่มความมั่นใจให้เจ้าสาว

มาเช็คความหมาย สีเครื่องประดับ สำหรับเจ้าสาวกันดีกว่าว่าเครื่องประดับสีไหนใส่แล้วจะช่วยเสริมในเรื่องอะไรบ้าง เพราะเจ้าสาวหลายคนอาจจะมีประเภทของอัญมณีในดวงใจที่ชื่นชอบอยู่แล้ว หรือใครที่ยังไม่มีก็ลองมาอ่านความหมายดีๆ ของเครื่องประดับแต่ละสีที่แพรว wedding นำมาฝากก่อนก็ได้นะจ๊ะ เพราะสีเครื่องประดับแต่ละสีมีพลังในการช่วยเหลือด้านต่างๆ ที่แตกต่างกันไป แถมงานนี้ว่าที่เจ้าสาวยังสามารถเลือกใส่ได้ทั้งกับชุดแต่งงานไทย และชุดแต่งงานแบบสากลได้อีกด้วย จะมีเครื่องประดับสีอะไร และให้ความหมายแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลย (ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนจ๊ะ)

ทับทิม (สีแดง)

เป็นสียอดนิยมที่เห็นบ่อยมากในชุดแต่งงานไทย ซึ่งดีแดงหรือสีชมพูของทับทิมนั้นระดับความเข้มข้นของสีจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดของทับทิมว่ามาจากที่ใด และทับทิมนั้นนอกจากจะช่วยเพิ่มความสง่างามให่แก่ผู้สวมใส่แล้ว สีแดงหรือสีชมพูยังเป็นสีที่สื่อถึงความรักอีกด้วย แถมยังช่วยในเรื่องระบบเลือดและหัวใจอีกด้วยนะคะ

มรกต (สีเขียวใส)

มรกต หรืออัญมณีสีเขียวใสนี้ มีความหมายที่สื่อถึงความเป็นอมตะหรือการคงอยู่ชัวนิรันดร์ ช่วยให้ผู้สวมใส่อารมณ์ดี เฉลียวฉลาด โชคดี มีอำนาจ โดยมรกตก็มีสีเข้มอ่อนแตกต่างกันออกไปตามแหล่งที่พบ แต่จะไม่เขียวขุ่นเหมือนกับหยก และนิยมนำมาทำ จี้ กำไร หรือหัวเข็มขัดค่ะ

ไพลิน (สีคราม)

ไพลิน คนส่วนมากนิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้น มีความหมายที่สื่อถึงความสำเร็จ ความราบรื่น ในต่างประเทศเชื่อว่าไพลินจะช่วยทำให้ชีวิตคู่ และความสัมพันธ์กับคนรักดำเนินไปอย่างราบรื่น และเป็นรักที่มั่นคง ซื่อสัตย์ และมีความสุข

เพชร

เพชร คือสุดยอดเครื่องประดับในหมู่อัญมณีและเป็นที่นิยม เพราะให้ประกายแวววาวดูหรูหรา และมีราคาสูง นิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้น และเนื่องจากเพชรเป็นแร่ที่แข็งแกร่งที่สุด จึงมีความหมายที่สื่อถึงรักที่นิรันดร์อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องสุขภาพ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และเชื่อว่าเพชรยังมีอำนาจช่วยทำให้ผู้สวมใส่มีชัยชนะอีกด้วย

บุษราคัม (สีเหลือง)

บุษราคัมช่วยในเรื่องสติปัญญา ความกล้าหาญ การผูกมิตร และความซื่อสัตย์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมบารมีให้ผู้ใส่มีวาสนาดี ติดต่อค้าขายได้อย่างสะดวกอีกด้วย

นิล (สีดำ)

นิลอยู่คู่กับสังคมไทยมานาน แต่ก่อนนิยมนำมาทำเป็นเครื่องรางในการออกศึก เพื่อช่วยให้พ้นจากอันตรายต่างๆ นอกจากนี้ความหมายของสีดำ ยังเป็นสีที่ช่วยปัดเป่าความทุกข์ยากและการเจ็บป่วยให้ออกไปนั่นเอง

เป็นยังไงบ้างคะ ได้รู้ถึงความหมายของสีเครื่องประดับแต่ละสีไปแล้ว หากว่าที่เจ้าสาวต้องการเสริมเรื่องไหน ก็ลองหามาสวมใส่ดูนะคะ ไม่ว่าจะใส่ในวันงานหรือสวมใส่ในชีวิตประจำวันก็สามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าสาวได้แน่นอน

ดูเรื่องราวเกี่ยวเครื่องประดับเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพจาก : Pinterest.com

รู้ไว้ก่อนจัด Bachelor Party ปาร์ตี้สละโสดทิ้งทวนของหนุ่มๆ

ก่อนหน้านี้ แพรว wedding เคยพาทัวร์งาน Hen’s night และ Bridal Shower ของสาวๆ กันมาแล้ว ก็เลยกลัวว่าฝั่งคุณผู้ชายจะน้อยใจ ว่าไหงเราถึงไม่มีปาร์ตี้สละโสดกับเขาบ้าง ถ้าอย่างนั้นเราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ต้องน้อยใจไป เพราะแก๊งหนุ่มๆ ก็มี ปาร์ตี้สละโสด เหมือนกับสาวๆ เหมือนกันโดยใช้ชื่อว่า Bachelor Party จะมันสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนทางฝั่งสาวๆ ไหมไปดูกันเลย  

คำว่า Bachelor ที่เราคุ้นเคยกันดี ส่วนใหญ่จะหมายถึงผู้ที่จบปริญญาตรี แต่อย่าเพิ่งคิดว่า Bachelor Party จะหมายถึงปาร์ตี้จบ ป. ตรีนะคะ เพราะอีกความหมายของคำนี้ก็คือชายที่ยังไม่แต่งงาน หรือชายโสดนั่นแหละ งานนี้จึงแปลตามตัวได้ว่า งานปาร์ตี้ชายโสด เป็นงานที่เหล่าบรรดาชายโสดและโฉดแบบไม่โสดก็ได้มารวมตัวกันจัดงานเลี้ยงให้กับเจ้าบ่าวที่กำลังจะสิ้นเสรี เพราะต่อแต่นี้อาจจะต้องร้องเพลง “มีเมียมาคุม มีเมียมาคอยยืนคุม” ก็ได้

งานปาร์ตี้สละโสดของหนุ่มๆ มีทั้งจัดยาวๆ เป็นทริปเอาท์ดอร์ใช้ชีวิตแบบลูกผู้ชายตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือจะเป็นแค่คืนเดียวให้มันส์สุดเหวี่ยง ทั้งกิน ดื่ม ดูบอล และดูโชว์สาวน้อยบิกินี่แบบส่วนตั๊วส่วนตัว ซึ่งเวลาที่เหมาะเจาะลงตัวสำหรับจัดงานนี้ก็คือ ช่วงประมาณ 1 เดือนก่อนวันแต่งงานเพื่อให้คุณเจ้าบ่าวได้แฮงค์โอเวอร์อย่างเต็มที่ และมีเวลาเหลือมากพอสำหรับรีบู๊ตตัวเองให้หล่อพร้อมควงเจ้าสาวเข้างาน

สำหรับสถานที่จัดก็แล้วแต่กิจกรรมของหนุ่มๆ เลยค่ะ เพราะได้ตั้งแต่ แคมป์ปิ้งกลางป่าเขาลำเนาไพร หรือจะเป็นผับ บาร์ ร้านอาหาร ไนต์คลับสำหรับสุภาพบุรุษ ห้องหับในโรงแรม หรือหากพื้นที่บ่าวของว่าที่เจ้าบ่าวใหญ่โตมีพื้นที่เหลือเฟือให้เพื่อนๆ ได้สนุกจะจัดที่บ้านก็ไม่แปลกแถมยังเป็นส่วนตัวและสนุกได้เต็มที่แบบยันเช้าอีกด้วย

แต่จริงๆ แล้วในปาร์ตี้นี้ไม่มีแบบแผนอะไรตายตัวนะคะ แต่เราก็อยากจะเตือนหนุ่มๆ ไว้หน่อยว่า อย่าสนุกเพลินจนลืมตัวว่ากำลังจะเข้าประตูวิวาห์นะคะ และที่สำคัญ เมาไม่ขับ!!

ดูไอเดียเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก theknot.com

ต้นกล้วยต้นอ้อย ในขบวนขันหมากพิธีแต่งงานไทยมีไว้เพื่ออะไรกัน

“ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาว ใครมีลูกสาวมาแลกลูกเขย เอ้าวะเอ้าเหวย ลูกเขยกลองยาว ตะละลา หุย ฮา โห่ ฮิ้ว” เสียงแห่ ขบวนขันหมาก ดังมาโน่นแล้ว แต่เอ๊ะ! ไหนล่ะมะกรูดมะนาว เห็นก็แต่ “ต้นกล้วยต้นอ้อย” ที่สูงเด่นมาแต่ไกล เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีคำถามว่าเหตุไฉนทำไมจึงต้องมีต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมาก วันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจถึงความหมายและความสำคัญของต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากกันนะคะ

ต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากมีความหมายมงคล ต้นอ้อยหมายถึงความหวาน ส่วนต้นกล้วยหรือหน่อกล้วยหมายถึงความเจริญงอกงาม โดยต้นกล้วยต้นอ้อยที่นำมาในขบวนขันหมากนี้คู่บ่าวสาวจะต้องทำการปลูกร่วมกันเปรียบเสมือนเป็นการเสี่ยงทายอย่างหนึ่ง หากต้นกล้วยเจริญเติบโตออกดอกออกผลสมบูรณ์ ต้นอ้อยเติบโตหอมหวาน เชื่อกันว่าความรักของทั้งคู่จะเป็นไปอย่างราบรื่นสดชื่นหอมหวาน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และฐานะทางเศรษฐกิจก็สมบูรณ์พูนสุข ดังนั้นต้นกล้วยต้นอ้อยที่นำมาใช้ในขบวนขันหมากจึงต้องขุดมาให้ติดรากหรือมีตา และเลือกเอาต้นหรือหน่อที่สมบูรณ์

นอกจากนี้ยังมีกิมมิคเล็กๆ ตามธรรมเนียมไทยเกี่ยวกับต้นกล้วยต้นอ้อยในขบวนขันหมากที่ว่า เมื่อคนของฝ่ายเจ้าบ่าวยกขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาวแล้ว จะไม่ยอมมอบต้นกล้วยต้นอ้อยให้โดยง่าย จะถือหรืออุ้มไว้จนกว่าจะได้น้ำมารดเพื่อความเจริญงอกงาม บางครั้งอาจใช้เป็นน้ำมนต์หรือน้ำฝนสะอาด แต่น้ำที่ถูกอกถูกใจผู้อุ้มมากที่สุดเห็นจะเป็นน้ำสุรา ดังนั้นในวันยกขบวนขันหมากบรรดาคอสุราทั้งหลายจะพากันจับจองขออาสาเป็นคนอุ้มต้นกล้วยต้นอ้อย เพราะนอกจากจะได้ของถูกอกถูกใจติดไม้ติดมือกลับบ้านแล้ว ยังได้ต่อรองหยอกเย้ากับคนของฝ่ายเจ้าสาวเป็นที่สนุกสนานอีกด้วย

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

10 ที่เที่ยวเกาหลีพร้อมพิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รักสายท่องเที่ยว

หากพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวโรแมนติกสำหรับคู่รัก ประเทศแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงต้องเป็นเกาหลีใต้อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะไปฤดูกาลไหนก็เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวทั้งนั้น เดินทางง่ายสะดวกสบาย แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยว และคาเฟ่น่ารักใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เรียกได้ว่าเที่ยวได้ไม่รู้จักเบื่อเลยทีเดียว แพรวเวดดิ้งเลยจัด ที่เที่ยวเกาหลี พร้อมพิกัดที่คู่รักต้องไปเช็กอินมาฝาก

คู่รักนักท่องเที่ยวที่อยากมีประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจในประเทศเกาหลีใต้ กับทริปที่งดงามด้วยบรรยากาศของสถานที่สวยๆ อากาศดีๆ และอาหารอร่อยๆ หากคุณต้องการทั้งหมดนี้เอาเป็นว่าเรามาวางแผนกันกับ 10 ที่เที่ยวเกาหลีพิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รัก แต่ถ้าคุณคิดว่าแค่หาสถานที่เที่ยวก็เหนื่อยแล้ว ยังต้องมาแพลนเรื่องค่าใช้จ่ายอีกเหรอ เราจะบอกความลับให้ถ้าไม่อยากเหนื่อยและกังวลลองวางใจใช้บริการทัวร์คุณภาพดีแบบมืออาชีพสิ ไม่ว่าคุณจะอยากไปไหนก็สามารถไปได้อย่างสบายใจ ซึ่งสามารถจองทัวร์เกาหลี กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) ได้เลย  กับเว็บไซต์ที่รวบรวมทัวร์ที่ดีที่สุดมากมาย เที่ยวกับทัวร์ ไปกับทัวร์ครับ

ทัวร์เกาหลี  กับ  ทัวร์ครับ   (Tourkrub) คลิกที่นี่

และนี่คือ 10 สถานที่ในเกาหลีที่คู่รักไม่ควรพลาด

1. สวนลอยฟ้า Seoullo 7017

ประเดิมสถานที่ท่องเที่ยวแรกด้วย สวนลอยฟ้า Seoullo 7017 ย่านสถานีรถไฟกรุงโซล แลนด์มาร์กยอดฮิตกลางเมือง ที่เกิดจากแนวคิดการปรับปรุงทัศนียภาพผังเมือง จากไฮเวย์ร้างกลางกรุงโซล เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม มีระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร มีดอกไม้และต้นไม้กว่า 200 สายพันธุ์ ถือเป็นจุดที่คนนิยมเดินเล่นเป็นอย่างมาก แถมมีบริการ Wifi ให้ใช้ และยังสามารถไปได้ทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ถ่ายรูปสวย ถ้าได้เดินจูงมือกับคนรักมันต้องสวีทมากแน่ๆ

พิกัด : สวนลอยฟ้า Seoullo 7017

 

2. เกาะนามิ

เกาะนามิ ดินแดนของคู่รักที่ชอบความโรแมนติก ตั้งอยู่กลางทะเลสาบชองเพียง เมืองชุนซ็อน จังหวัดคังว็อน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นด้วยความงามของทัศนียภาพ อีกทั้งตัวเกาะยังมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว หากจะมาเที่ยวแนะนำให้มาช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี มีให้ชมทั้งสีเหลือง สีแดง และสีส้ม นอกจากนั้นแล้ว เกาะนามิ แห่งนี้ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ให้ได้ฟินอีกมากทั้ง สวนสนุก สวนน้ำ และมีจักรยานให้เช่า ร่วมดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติกับคนข้างๆ วินาทีนั้นคุณอาจจะลืมโลกภายนอกไปเลยก็ได้

พิกัด : เกาะนามิ

 

3. สวนพฤกษศาสตร์ (Garden of Morning Calm)

สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปเอาใจสายชิล รักธรรมชาติ สวนพฤกษศาสตร์ Garden of Morning Calm เมืองกาพยอง จังหวัดเกียงกิโด เป็นสวนที่เงียบสงบ ที่มีดอกไม้และพืชพันธุ์ให้ชมกว่า 5,000 ชนิด ตื่นตาตื่นใจไปกับทัศนียภาพ ซึ่งแต่ละฤดูกาลจะมีการจัดธีมดอกไม้ที่แตกต่างกัน ถ้ามาในช่วงที่จัด Lighting Festival คุณจะได้พบกับสวนที่ประดับประดาไปด้วยไฟหลากหลายสีในตอนกลางคืน เรียกว่าสวยอลังการจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ให้มากที่สุด แถมยังมีคาเฟ่น่ารักๆ ให้ได้นั่งพักดื่มกาแฟชิลๆ เรียกได้ว่าถูกใจคู่รักสายชิล

พิกัด : สวนพฤกษศาสตร์ Garden of Morning Calm

 

4. หมู่บ้านเทพนิยาย

หมู่บ้านเทพนิยาย จังหวัดอินชอน เป็นย่านที่มีความโดดเด่นสะดุดตา เพราะเต็มไปด้วยบ้านที่มีการเพนท์ตกแต่งกำแพงด้วยสีสันสดใสจากการ์ตูนชื่อดังที่เป็นที่รู้จักในสมัยวัยเด็กอย่าง ปีเตอร์แพน อลาดิน สโนไวท์ หนูน้อยหมวกแดง สถานที่นี้จึงให้ความรู้สึกเหมือนการเดินทางเข้ามาสู่ดินแดนเทพนิยาย จากเมืองที่เงียบเหงาจึงกลายมาเป็นพื้นที่ที่คึกคักไปด้วยชาวเกาหลีเอง รวมถึงนักท่องเที่ยว และเป็นที่นิยมสำหรับการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก มองไปทางไหนก็น่ารักไปหมด อีกทั้งยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านของเล่นให้ได้เดินช้อปปิ้งกันเพลินๆ ถือเป็นอีกสถานที่ที่ต้องไปให้ได้เลย

พิกัด : หมู่บ้านเทพนิยาย

 

5. หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง

หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวย้อนยุคโบราณสู่สมัยปลายโชซอนของเกาหลี และยังคงสภาพดั้งเดิมที่ให้อารมณ์เกาหลีในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี สามารถเช่าชุดวินเทจสวยๆ มาใส่ เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างมาก อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ที่ถูกตกแต่งให้เข้ากับธีมของหมู่บ้านโบราณอีกด้วย เรียกว่าถ่ายรูปตรงไหนก็สวย หากได้มาเที่ยวย่านนี้กับคู่รัก รับรองถ่ายรูปไม่หยุด

พิกัด : หมู่บ้านโบราณอิกซอนดง

 

6. ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท

ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท เป็นลานสกีที่จะทำให้คุณได้สัมผัสชิดใกล้กับธรรมชาติ และเป็นสถานที่พักผ่อน อยู่ในหุบเขา ด็อกโจซาน หุบเขาที่มีความสวยงามตั้งอยู่ใน คยองกิโด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมท้าทายลมหนาว ซึ่งในทุกๆ ปีจะมีการจัดการแข่งขันสโนว์บอร์ดและการแสดงสโนว์บอร์ดจากนักเล่นมืออาชีพ ที่นี่จึงเป็นจุดที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ได้ลองเปิดประสบการณ์อย่าง สโมสรไพน์กอล์ฟ สระว่ายน้ำในร่มและกลางแจ้ง ห้องกีฬาในร่ม เครื่องกีฬากลางแจ้ง สนามฟุตบอล สนามวอลเลย์บอล ศูนย์ยิงธนู สนามบาส เรียกได้ว่าแน่นครบครัน อีกทั้งยังได้ถ่ายรูปกับหิมะขาวสวยงาม บรรยากาศดีแบบนี้ต้องลองมาเที่ยวให้ได้

พิกัด : ยางจิไพน์ สกีรีสอร์ท

 

7. สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ เป็นสวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่และดีที่สุดในเกาหลี ตั้งอยู่หุบเขาในเมืองยงอิน ทางตอนใต้ของกรุงโซล สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เอเวอร์แลนด์ ถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนหลักๆ คือ โซนเครื่องเล่นที่จะทำให้หัวใจเต้นแรงสนุกสนานไปกับการย้อนวัย โซนสวนดอกไม้ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ช่วยให้ผ่อนคลาย และได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อีกโซนเป็นโซนซาฟารี สามารถขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ชมบรรยากาศของสองข้างทางผ่านหุบเขา และเยี่ยมชมสัตว์น่ารักนานาชนิด และปิดท้ายด้วยการแสดงตอนกลางคืนของ Moonlight Parade และ Dream of Laciun ที่เต็มไปด้วยแสง สี ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ

พิกัด : สวนสนุกเอเวอร์แลนด์

 

8. พระราชวังเคียงบ็อค

พระราชวังเคียงบ็อค หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “พระราชวังคยองบกกุง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวและถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล ซึ่งเป็นพระราชวังเก่าแก่โบราญมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีขนาดใหญ่อลังการ ถูกล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติเขาพูกักซาน นับเป็นที่ตั้งที่สมบูรณ์แบบที่สุด การได้มาท่องเที่ยว พระราชวังเคียงบ็อค นั้นจะทำให้คุณได้สัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมในแบบเกาหลียุคเก่าได้มากขึ้น อีกทั้งภายในยังมีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลีให้ได้เชี่ยมชม เรียกได้ว่าเหมือนได้ย้อนเวลาเดินทางเพื่อศึกษาวิถีชีวิตเกาหลีใต้แบบดั้งเดิมไปในตัว

พิกัด : พระราชวังเคียงบ็อค

 

9. เมียงดง

มาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต้องได้ไปถ้าได้มาเยือนเกาหลี ที่นี่คือย่าน เมียงดง เป็นย่านช้อปปิ้งใจกลางกรุงโซล เต็มไปด้วยศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นต่างๆ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รวมไปถึงร้านจำหน่ายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็สามารถหาได้ง่ายจากย่านนี้ เมียงดง จะครึกครื้นเป็นพิเศษในช่วงหลัง 6 โมงเย็น เพราะจะมีของกิน Street Food ให้เลือกกินมากมาย คู่รักคู่ไหนถ้าไปได้เดินรับรองกินของอร่อยกันไม่หยุดหย่อน แถมเช็คอินและถ่ายรูปชิคๆ  กันทุกคู่

พิกัด : เมียงดง

 

10. สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด

สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงโซล เป็นสวนสนุกที่มีชื่อเสียงของเกาหลี และเป็นสวนสนุกในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จึงสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศว่าจะมีฝนตก หรือหนาวเกินไปจนไม่สนุก สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด นั้นถูกแบ่งหลักๆ ออกเป็น 2 โซน คือ โซนผจญภัย จะอยู่ในที่ร่ม และโซนเกาะเวทมนต์ ที่เป็นสวนสนุกกลางแจ้งด้านนอก เต็มไปด้วยเครื่องเล่นแสนสนุก อยู่ติดกับทะเลสาบซกชอนโฮซู นอกจากนั้นแล้วยังมีร้านอาหารนานาชาติคอยให้บริการ เที่ยวสนุก ถ่ายรูปสวย รับรองว่าเลิฟ

พิกัด : สวนสนุกลอตเต้เวิล์ด

แค่10 ที่นี้ก็ฟินแล้วกับพิกัดยอดฮิตบรรยากาศดีๆ ในเกาหลีใต้กับ 10 ที่เที่ยวเกาหลี พิกัดถ่ายรูปสวยสำหรับคู่รักหากยังไม่รู้ว่าไปเที่ยวที่ไหนถึงจะทำให้แฟนประทับใจ พิกัดต่างๆ ที่ได้คัดมานั้นล้วนเหมาะสมที่จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ อีกทั้งยังเป็นไอเดียใหม่ๆ ที่จะได้วางแผนทำกิจกรรมน่ารักๆ กับคนข้างกาย เลือกสิ่งดีๆ ให้ตัวเองกับคนที่รักได้ด้วยการท่องเที่ยวและใช้เวลาแห่งความสุขด้วยกันแบบนี้ดีกว่า โรแมนติกสุดๆ บอกเลย

6 ทิปส์ช่วยแก้ปัญหาหลับยากของว่าที่บ่าวสาวในคืนก่อนแต่งงาน

พรุ่งนี้จะแต่งงาน ร้อยทั้งร้อยคนที่เป็นว่าที่บ่าวสาวต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา ยิ่งตื่นเต้นเท่าไหร่ ก็ยิ่ง หลับยาก มากเท่านั้น แต่ไม่ได้นะคะ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญที่คุณทั้งคู่ต้องตื่นขึ้นมาอย่างสดใส แพรว wedding เลยมีทิปส์ดีๆ ที่จะช่วยให้ว่าที่บ่าวสาวหลับได้ง่ายขึ้นมาฝาก

ทิปส์ดีๆ แก้ปัญหาบ่าวสาว หลับยาก เพราะตื่นเต้นในคืนก่อนแต่งงาน

Photo by Carolyn V on Unsplash

1. ปิดไฟในห้องนอนให้สนิท

เมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องเข้านอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันแต่งงานในวันพรุ่งนี้ ก็จงทำให้ห้องนอนมืดสนิทซะ ไม่ว่าจะเป็นไฟในห้องหรือไฟหัวเตียงก็ปิดให้หมด เพราะการที่ห้องมืดไร้แสงสว่างจะช่วยให้ดวงตาของคุณปรับแสงภายนอกแล้วสั่งการไปยังสมองเพื่อให้เกิดความผ่อน

2. ผ่อนคลายด้วยแสงเทียน

จุดเทียนขนาดเล็กที่มีสันสันผ่อนคลายสบายตา เช่น สีขาวหรือสีม่วงลาเวนเดอร์ แสงเทียนที่นุ่นนวลและแสงที่กะพริบสั่นไหวไปมาจะช่วยให้อารมณ์ของคุณผ่อนคลายลง แต่อย่าลืมดับก่อนนอน หรือนำเทียนลอยไว้ในน้ำก่อนนอนนะ

3. ผ่อนคลายด้วยอะโรมาเธอราปี

อะโรมาเธอราปีสำเร็จรูปมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น แบบแท่ง, สเปรย์ที่สามารถฉีดลงบนหมอนได้ หรือจะใช้น้ำมันหอมระเหยนวดให้หอมฟุ้งก็ได้ เพราะสภาพแวดล้อมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นที่สงบจะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายอย่างเช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ล กลิ่นคาโมมาลย์ หรือกลิ่นแซนเดิลวู้ด

Photo by TeaCora Rooibos on Unsplash

4. ชาร้อนๆ

ดื่มชาคาโมมาลย์เติมน้ำผึ้งเล็กน้อยๆ ก่อนนอน เพราะกลิ่นและรสชาติของชาจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย

5. ปิดรับข้อความใดๆ

คืนก่อนวันแต่งงานคือคืนที่บ่าวสาวควรจะปล่อยวางจากสิ่งต่างๆ ได้แล้ว เพราะช่วงเวลานี้ไม่มีอะไรเหลือให้บ่าวสาวต้องทำอีกต่อไป นอกจากปล่อยใจให้สบายแล้วพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อเตรียมรับความสุขในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น แนะนำให้คุณเปิดเพลงชิลๆ สบายๆ ฟังเบาๆ แล้วปิดรับข้อความใดๆ จากโทรศัพท์มือถือไม่ว่าจะเป็น ข้อความไลน์ เฟซบุ๊ก หรือไอจี เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะมีเรื่องจุกจิกกวนใจจนทำให้คุณกังวลใจจนเครียดไปเปล่าๆ

6. ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย

ตกแต่งห้องนอนด้วยดอกไม้โดยการนำมาไว้ใกล้ๆ เตียงนอน กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศขณะที่คุณหลับ และสีสันของดอกไม้ที่สวยงามจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายเมื่อตื่นขึ้นมา

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ unsplash.com

4 วิธีสร้างความบันเทิงให้แขกมีส่วนร่วมในงานแต่งงานแบบน่ารักๆ

งานแต่งงาน จะปัง งานไอเดียต้องมา!!

ว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายคงไม่อยากให้แขกที่เชิญรู้สึกว่างานนี้ช่างน่าเบื่อ ถ่ายรูปเสร็จแล้วชิ่งกลับบ้านดีกว่าใช่ไหมละ แต่จะทำยังไงให้ งานแต่งงาน นี้สนุกสนานและน่าสนใจประมาณว่าแขกได้มีส่วนร่วมในนาทีแห่งความสุข แพรว wedding หาวิธีมาให้คุณเลือกใช้ค่ะ

  • หาวิธีร่วมกันบันเทิงระหว่างคนในครอบครัวและแขก

งานแต่งงาน

ปกติที่เจอกันในงานแต่งคือแม้จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่จัดงาน แต่คนในครอบครัวกับแขกคนอื่นหามีสัมพันธ์กันไม่ ซึ่งนี่แหละคือส่วนหนึ่งของความน่าเบื่อ งั้นลองมาดูสิคะว่าญาติหรือเพื่อนของคุณคนไหนมีความสามารถทางด้านเสียงเพลง ก็เชิญให้มาโชว์มาขับกล่อมและเปิดฟลอร์แดนซ์กันซะหน่อย แต่งานนี้บ่าวสาวต้องออกตัวเชิญประมาณว่าคือตัวกลางหรือคนเริ่มก่อนนะคะ จะได้ลดอาการเคอะเขินจากอารมณ์เป็นผู้เสนอตัวของแขกและสร้างความรู้สึกมีส่วนร่วมให้คนในงานได้ไม่ยาก ประมาณว่าเจ้าภาพเอ่ยปากชวนแล้วจะแดนซ์จนไฟลุกก็ไม่มีใครว่า

  • เรียก Food Trucks มาสร้างความคึกคัก

งานแต่งงาน

จริงอยู่ที่ในงานแต่งงานยุคนี้มีทั้งโซนบุฟเฟ่ต์และซุ้มอาหารให้เลือกทานมากมาย แต่จะดีแค่ไหน ถ้าคุณเพิ่มเติมสีสันในงานให้สนุกขึ้นด้วยการจ้าง Food Trucks เมนูเด็ดมาตั้งไว้ในงานแต่งงาน รับรองค่ะว่านอกจากจะได้อาหารอร่อยทาน ยังได้บรรยากาศความสนุกประหนึ่งอยู่ในเทศกาลสำคัญที่แขกจะได้ภาพสวยๆ กับรถอาหารที่ตกแต่งเก๋ๆ อีกด้วย ซึ่งถ้าจะให้ดีและดูกลมกลืน อาจขอให้เจ้าของรถตกแต่งรถเพิ่มโดยเติมกิมมิคงานแต่งของคุณรลงไป เช่นติดโลโก้หรือมีเมนูพิเศษให้เฉพาะงานนี้ แบบนั้นก็ดีงามน่าลองทำตามนะคะ

  • TATTOO Bar แจกรอยสักเกร๋ๆ แบบไม่เจ็บตัว

งานแต่งงาน

อีกหนึ่งความบันเทิงที่งานไหนมีงานนั้นมีความบันเทิงเกิดขึ้นแน่นอน นั่นคือการตั้งโต๊ะเล็กๆ แจกรอยสักที่ไม่ต้องเจ็บตัว เพราะคุณบ่าวสาวคัดมาแล้วกับสารพัดลายรอยสักชั่วคราวให้แขกได้เลือกมาติดตามตัว โดยอาจแบ่งลายเป็นทีมเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือแม้แต่ทีมคนแอบรักอะไรแบบนั้น รับรองสนุกไม่พอ ยังแอบได้ขำ ถ้าคนที่เลือกรอยสักเป็นผู้ใหญ่ในงาน

  • จัดโชว์ Street Performance ในงานแต่ง

งานแต่่งงาน

ลองเลือกการแสดงที่เคยเห็นอยู่ตามริมถนนหรือแม้แต่ในตลาดชิคๆ และเทศกาลต่างๆ มาโชว์ในงานแต่งงานของคุณดูสิคะ รับรองว่าเรียกความสนใจแขกได้มากมาย ถือว่าเป็นการดูโชว์ฆ่าเวลาก่อนงานเริ่ม แต่เคล็ดลับสำคัญคือ อย่าเลือกเพียงโชว์เดียวและจัดแสดงไว้แค่จุดเดียว เพราะการแสดงเล่านี้มักจะเป็นโชว์สั้นๆ ไม่กี่นาทีก็จบ แขกจะเบื่อหนักไปอีกเพราะไม่จุใจ ถ้าจะให้ดี (และไม่เดือดร้อนงบประมาณจัดงาน) ลองเลือกมาสัก 2-3 โชว์เล็กๆ แล้วจัดโชว์ให้แขกได้เดินดูสลับกับเดินกิน เพื่อรอร่วมพิธีการสำคัญของคุณค่ะ

แต่ถ้าอยากให้งานแต่งปัง และดูเป็นตัวเองด้วยก็ต้อง ธรรมดาโลกไม่จำ! 10 ไอเดียใส่ความเป็นตัวเองลงไปในงานแต่งงานของคุณ!

เรื่อง : ดอกปีบ
ภาพ : www.marthastewartweddings.com, www.thecelebrationsociety.com, pinterest

ขนมมงคลงานแต่งความหมายดี 9 อย่างที่ต้องมีในงานแต่ง

ขนมมงคลงานแต่ง ความหมายดี 9 อย่างที่ต้องมีในงานแต่ง

ขนมไทยมีเอกลักษณ์และแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล ที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก และสำหรับในงานมงคลสมรสนิยมใช้ ขนมมงคลงานแต่ง 9 อย่าง

ส่วนที่ว่าทำไมต้อง 9 อย่าง นั่นเพราะคนไทยมีความเชื่อว่า เลข 9 เป็นเลขดีเลขมงคล หมายถึง  ความก้าวหน้า ก้าวไกล หรือก้าวไปข้างหน้า และยึดเลขนี้มาใช้ในเรื่องของฤกษ์ยาม ไม่ว่าจะขึ้นต้นหรือลงท้ายก็มักใช้เลข 9 เพื่อเป็นสิริมงคล

ขนมไทย 9 มงคลที่ว่า ได้แก่

  • ทองหยิบ หมายถึง ทำให้มั่งคั่งร่ำรวย ทำให้ชีวิตคู่รุ่งเรือง หยิบจับงานการก็เป็นเงินเป็นทอง
  • ทองหยอด หมายถึง มีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้นประดุจให้ทองคำ
  • ฝอยทอง หมายถึง ให้มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว โดยถือเคล็ดว่าห้ามตัดขนมให้สั้น เพื่อที่คู่บ่าวสาวจะได้ครองคู่และรักกันอย่างยืนยาวตลอดไป
  • ขนมชั้น หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
  • ทองเอก หมายถึง เป็นที่หนึ่ง มักใช้ในงานฉลองการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เป็นการอวยพรให้บ่าวสาวเจริญในหน้าที่การงาน
  • เม็ดขนุน หมายถึง มีคนสนับสนุนไม่ขาด ช่วยให้มีคนสนับสนุนคู่บ่าวสาวในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน หรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่
  • จ่ามงกุฎ หมายถึง มีเกียรติยศที่สูงส่ง เป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้คู่บ่าวสาวเจริญก้าวหน้า เพียบพร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์
  • ถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู ให้ชีวิตคู่และครอบครัวมีแต่ความเจริญ
  • เสน่ห์จันทน์ หมายถึง มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์

นอกจากขนมแล้ว ยังมีทั้งอาหารและดอกไม้ที่เป็นมงคลรวมอยู่ด้วย สำหรับใครที่อยากให้วันแต่งงานเต็มไปด้วยความสิริมงคล อย่าลืมนำขนมมงคลทั้ง 9 อย่างมาใช้ในงานพิธีด้วยนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลจาก: wedding.boxza.com , sites.google.com, oknation.net
ขอบคุณพานขนมมงคลจาก ร้านปากคลองตลาด

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

5 สิ่งต่อไปนี้ในพิธีแต่งงานจีน ที่ว่าที่อาตี๋อาหมวยต้องทำในวันส่งตัว

5 สิ่งต่อไปนี้ใน พิธีแต่งงานจีน ที่ว่าที่อาตี๋อาหมวยต้องทำในวันส่งตัว

พิธีแต่งงานจีน เป็นอีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่มีธรรมเนียมปฏิบัติและขั้นตอนต่างๆ เยอะแยะไม่แพ้กับพิธีแต่งงานไทย และหนึ่งในพิธีสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติกันมายาวนานก็คือ วันส่งตัว ที่งานนี้ไม่ใช่แค่ไปส่งเจ้าสาวให้ถึงบ้าน หรือกล่าวคำอวยพรกับบ่าวสาวบนเตียงนอนเหมือนพิธีแต่งงานไทยนะคะ เพราะในวันส่งตัวของคนจีนนั้น ประกอบไปด้วยขั้นตอนและข้าวของต่างๆ มากมาย เอาเป็นว่ามีขั้นตอนอะไร และต้องเตรียมอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

กินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้

วันส่งตัว พิธีส่งตัวเริ่มที่บ้านเจ้าสาว โดยส่วนใหญ่ฤกษ์ส่งตัวของเจ้าสาวมักเป็นช่วงเวลากลางคืน จึงเป็นที่มาของคำว่า คืนส่งตัว ในวันนี้คุณแม่ของเจ้าสาวจะติดปิ่นทองและทับทิมให้ที่ผมเจ้าสาว จากนั้นเจ้าสาวจะทำพิธีไหว้เทพยาดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษ และกินอาหาร 10 อย่างที่พ่อแม่คีบให้ พร้อมฟังคำอวยพรที่พ่อแม่ช่วยกันเอ่ยตามความหมายของอาหารมงคลชนิดต่างๆ

ได้เวลาเจ้าบ่าวมารับ

จากนั้นก็จะถึงเวลาที่เจ้าบ่าวมารับ เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงบ้านเจ้าสาวพร้อมเถ้าแก่และเดินฝ่าประตูเงินประตูทองแล้วจะเจอเจ้าสาวในชุดแต่งงานนั่งถือพัดแดงคอยอยู่ จากนั้นทั้งคู่จะต้องกินขนมอี๊สีชมพูด้วยกันโดยผลัดกันป้อนในคำแรก จากนั้นจะป้อนกันจนหมดชามหรือต่างคนต่างกินก็ได้ แต่ก็มีบางบ้านตั้งโต๊ะให้คู่บ่าวสาวป้านแดงกินอาหารมงคล 10 อย่างด้วยกัน ก่อนจะลาพ่อแม่ขึ้นรถแต่งงานออกไป โดยมีเคล็ดว่าระหว่างทางเจ้าสาวห้ามเหลียวหลังกลับมามองบ้านเป็นอันขาด (ในขั้นตอนนี้พ่อแม่เจ้าบ่าวจะรออยู่ที่บ้าน และไม่ปรากฏตัวจนกว่าจะถึงพิธียกน้ำชา ถ้าออกมาก่อนเวลาเชื่อว่าจะไม่ถูกกับลูกสะใภ้)

พิธีแต่งงานจีน

ในรถแต่งงาน (หรือในขบวนรถ)

จะต้องขนกระเป๋าเสื้อผ้า ทรัพย์สิน ของติดตัวเจ้าสาวที่พ่อแม่ให้มา ตลอดจนของขวัญที่เจ้าสาวเตรียมไว้แจกญาติเข้าบ่าวไปด้วย นอกจากบ่าวสาวนั่งในรถแล้ว จะต้องมีญาติเจ้าสาวซึ่งเป็นผู้ชายถือตะเกียงนำขบวนไปด้วย เพื่อเป็นเคล็ดให้คู่บ่าวสาวได้ลูกชายไว้สืบสกุล

เมื่อถึงบ้านฝ่ายเจ้าบ่าว

บ่าวสาวต้องทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ ไหว้บรรพบุรุษเพื่อแจ้งให้ศักดิ์สิทธิ์รับรู้ว่าครอบครัวนี้กำลังมีสมาชิกใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน และเพื่อขอพรให้อยู่กันอย่างราบรื่น โดยเจ้าบ่าวจะต้องเตรียมของไหว้ดังนี้ ส้ม 5 ผล, ขนม 1 จาน, ชา 5 ถ้วย, ขนมอี๊ 5 ชาม, เทียนแดง, กระถางธูป, และธูป 10 ดอก (เจ้าสาว 5 ดอก เจ้าบ่าว 5 ดอก) ส่วนเจ้าสาวเตรียมแค่เชิงเทียนมา 1 คู่

ยกน้ำชา

จากนั้นจึงเป็นพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชาย โดยเจ้าสาวจะต้องเป็นฝ่ายเตรียมชุดน้ำชาที่ใส่น้ำตาลกรวดประมาณ 1 หยิบมือเพื่อเป็นเคล็ดให้ญาติเจ้าบ่าวที่ดื่มชารักและเอ็นดู เมื่อดื่มชาแล้วผู้ใหญ่จะให้เงินทองหรือของขวัญ ซึ่งเจ้าสาวจะต้องแสดงความขอบคุณด้วยของที่เตรียมมา

ภาพ www.pinterest.com

เคล็ดลับวางแผนชุดเพื่อนเจ้าสาวยังไงให้ลงตัวสวยเริดเจิดกันยกแก๊ง

ไม่ใช่แค่เจ้าสาวนะที่ปวดหัวเรื่องชุด เพราะแก๊งเพื่อนสาวของคุณก็มึนไปกับ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ของพวกเธอเหมือนกัน!!

หากวันแต่งงานเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของเจ้าสาว ก็ขอให้วันนี้เป็นวันแห่งความทรงจำสำหรับกลุ่มเพื่อนของคุณด้วยเช่นกัน ตามมาดูคำแนะนำจากแพรว wedding ที่จะช่วยให้เจ้าสาวแอนด์เดอะแก๊งสวยจบ สวยเจิด สวยเริดกันยกกลุ่ม กับเคล็ดลับการวางแผนเรื่อง ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่เรานำมาฝาก

สเต็ปเลือกชุดสุดเพอร์เฟกต์ ลำดับขั้นตอนง่ายๆ ที่ไม่ว่าเพื่อนซี้กลุ่มไหนก็ทำตามได้ไม่ยาก

  1. เริ่มต้นที่เจ้าสาว ก่อนการออกแบบชุดเพื่อนเจ้าสาว ต้องเริ่มต้นจากตัวของเจ้าสาวก่อนว่าอยากแต่งตัวแบบใด และอยากให้กลุ่มเพื่อนในวันงานออกมาเป็นแบบไหน
  2. วางคอนเซปต์ชุด โดยปกติแล้วเจ้าสาวจะมีภาพรวมชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้ในใจ ดังนั้นเจ้าสาวและเพื่อนควรพูดคุยกันเพื่อวางคอนเซปต์ให้ชัดเจน ขั้นตอนนี้ให้ยึดความต้องการของเจ้าสาวเป็นหลัก จากนั้นค่อยต่อยอดรายละเอียดปลีกย่อย
  3. เพื่อนเจ้าสาวเลือกแบบชุด เลือกแบบที่ตัวเองมั่นใจ แต่ต้องอยู่ในความพอดี ไม่น้อยหรือเยอะจนเกินไป และไม่เด่นเกินเจ้าสาว ถ่ายรูปออกมาจะได้ดูบาลานซ์และไปด้วยกันกับกลุ่มเพื่อน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

เลือกเนื้อผ้าอย่างไรให้สวยหรูดูแพง

เปลี่ยนความคิดที่ว่าชุดจะสวยถ้าตัดด้วยผ้าราคาแพง เพราะผ้าแต่ละชนิดก็เหมาะสำหรับแบบชุดที่แตกต่างกันไป ซึ่งถ้าหากเจ้าสาวมีงบมากหน่อย (กรณีที่เจ้าสาวรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้) หรือคุณเป็นแก๊งเพื่อนเจ้าสาวสายเปย์ที่อยากได้ลุคดูสวยหรู แนะนำให้เลือกผ้าซิลค์ซาติน แต่ถ้าอยากได้เท็กซ์เจอร์แบบผ้าชีฟอง แนะนำให้เลือกเป็นผ้าซิลค์ชีฟองแทน แต่ถ้าอยากลดงบลงสักหน่อย ก็อาจจะเลือกผ้าราคากลางๆ ที่มีเนื้อมันวาวที่เมื่อตัดออกมาแล้วดูดีไม่แพ้เนื้อผ้าแพงๆ แนะนำให้เลือกเป็นผ้าออร์แกนดี้

ชุดเจิด คนจบ งบไม่บาน

สิ่งสำคัญอันดับแรกเมื่อเริ่มตัดชุดคือ เรื่องผ้า แนะนำให้เจ้าสาวซื้อผ้าเผื่อให้เพียงพอและซื้อแบบครั้งเดียวจบ เพราะมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นได้รับส่วนลดจากการซื้อผ้าจำนวนมาก ตัดชุดได้หลากหลายแบบเมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อผ้าแบบจำกัด ไม่ต้องวิ่งหาผ้าชนิดอื่นมาผสมกันหากผ้าไม่พอ และข้อสุดท้ายคือ คุณสามารถนำผ้าที่เหลือไปใช้ทำอย่างอื่นได้อีก

เรื่องต่อมาคือภาพรวมชุดเจ้าสาว แนะนำให้ ตัดชุดเพื่อนเจ้าสาวจากร้านเดียวกัน เพราะร้านหรือดีไซเนอร์แต่ละคนจะมีซิกเนเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ภาพรวมของชุดที่ออกมาดูกลมกลืนไปด้วย การสั่งตัดชุดแบบแยกร้าน แม้จะใช้ผ้าสีและชนิดเดียวกัน แต่เมื่อมาอยู่รวมกันอาจดูโดดไปกันคนละทาง

เรื่องสุดท้ายที่แก๊งเพื่อนเจ้าสาวต้องใส่ใจและให้ความสำคัญคือ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่อยากสวย แต่อย่าลืมว่างานแต่งงานนั้นเป็นงานของเจ้าสาว ฉะนั้นไม่ว่าสไตล์ชุดหรือธีมสีที่เจ้าสาวเลือกจะถูกใจคุณหรือไม่ ก็ขอให้ยิ้มรับและมีความสุขกับงานครั้งสำคัญของเพื่อนสาวดีกว่านะคะ … แล้วค่อยไปจัดเต็มในงานตัวเนอะ ^^

ถ้าตกลงกันได้แล้วก็ตามไปส่องชุดสวยๆ กับร้านดังที่เรานำมาฝากเลย >>> รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพ sheknows.com, greenweddingshoes.com, insideweddings.com

3 เรื่องต้องทำหากแหวนแต่งงานไม่โดนใจ

ช่วงเวลาที่แฟนหนุ่มคุกเข่าตรงหน้าและเปิดกล่องแหวนพร้อมพูดคำว่า “แต่งงานกันนะครับ” ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับสาวๆ ทุกคนนะคะ บางคนแค่เห็นว่าเป็นแหวนก็ยิ้มจนแก้มปริ พอเวลาผ่านไปความตื่นเต้นเริ่มเบาลงประกอบกับว่าได้มีเวลาพินิจพิจารณาแหวนชัดๆ กลับพบว่าหลวมไปนิด แน่นไปหน่อย ไม่ค่อยชอบดีไซน์ แหวนแต่งงาน เท่าไหร่  เอ้า! เจอสถานการณ์แหวนแต่งงานไม่โดนใจแบบนี้ แพรว wedding มี 3 ข้อที่คุณควรทำกับแหวนมาฝาก

1. อย่าผลีผลามตัดสินใจว่าไม่ชอบ

หลังจากที่ได้สวมแหวนกับนิ้วนางข้างซ้ายแล้ว เราอยากจะให้คุณมองแหวนให้ครบทุกมุมค่ะ ลองหมุนมือซ้ายขวา ดูว่ามันสวยรับพอดีกับมือไหม ถ้ามองแล้วยังรู้สึกว่าไม่ใช่ก็ลองให้เวลากับมันสักนิด ลองใส่ดูสัก2-3วัน หรือใส่นานหน่อยประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ได้ ระหว่างนั้นก็ค่อยๆ สังเกตไปเรื่อย เมื่อมันได้มาอยู่ในมือคุณนานๆ ความถูกใจ ความชอบก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้เวลาทำความรู้จักกับแหวนแต่งงานที่แฟนหนุ่มตั้งใจเลือกให้สักนิด ถ้าในที่สุดแล้วยังไม่ถูกใจก็ค่อยดำเนินการขั้นต่อไปเนอะ

2. ถามเขาสักนิดว่า “ทำไมถึงเลือกแหวนวงนี้ล่ะ?”

แต่ก็อย่างที่เขาเคยพูดกันว่า อย่าตัดสินใจหนังสือเพียงแค่ดูหน้าปก ฉันใดก็ฉันนั้นจ้ะ ลองถามแฟนหนุ่มของคุณสักหน่อยว่า “ทำไมเขาถึงเลือกแหวนวงนี้มาให้คุณล่ะ?” บางทีแหวนวงนี้อาจมีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่มากกกว่าที่คุณเห็น เช่น มันเป็นแหวนมรดกหรือมีดีไซน์คล้ายคลึงกับแหวนของคุณแม่ของเขา หรืออาจจะมีเรื่องราวความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับเขาซ่อนอยู่ ไม่แน่ว่าแหวนวงนี้อาจจะมีคุณค่าทางใจมากกว่าที่คุณเห็นก็ได้นะ

3. บอกเขาว่าคุณชอบนะ แต่มันยังไม่ใช่อ่ะ!
ถ้าดูก็แล้ว ใส่ก็แล้ว สุดท้ายก็ยังไม่ถูกใจ เราขอแนะนำว่าให้เปิดใจคุยกับคนที่ให้แหวนคุณนั่นแหละค่ะ แต่ก็ต้องค่อยๆ พูดนะคะ และคุณควรตระหนักไว้ว่าแหวนที่เขาให้มาเกิดจากความตั้งใจเลือกของเขา แต่มันก็อาจจะมีบางจุดที่ยังไม่ถูกใจคุณเสียทีเดียว คุณอาจจะเริ่มพูดว่า “แหวนสวยดีนะ แต่ว่า….” แล้วก็ตามด้วยเหตุผลที่คุณไม่ชอบ เช่น หลวมไป แน่นไป ดีไซน์แหวนยังไม่ถูกใจ เป็นต้น แต่จงจำไว้ว่าหลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้วก็ถามเขาด้วยว่า จะสามารถปรับแหวนได้หรือไม่ จากนั้นก็พากันไปที่ร้านแหวน แล้วค่อยดูว่าจะปรับแก้ไขอย่างไรให้ได้ตามที่คุณชอบ

อย่าลืมนะคะว่าแหวนแต่งงานจะเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต คุณจะต้องเห็นมันทุกครั้งที่ตื่น เดิน กิน นอน ลองพิจารณาดูว่ามันเป็นแหวนในแบบที่คุณชอบจริงหรือไม่ ใส่พอดีหรือเปล่า ถูกใจอย่างที่คุณต้องการจริงๆ ไหม เพราะไหนๆ ก็ต้องใส่ติดตัวตลอดชีวิตอยู่แล้ว เราก็อยากจะให้สาวๆ ทุกคนยิ้มและนึกถึงความทรงจำดีๆ ทุกครั้งที่ยกมือขึ้นมาดูมันนะคะ

ดูแบบแหวนแต่งงาน และคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรียบเรียงจาก bridesmaidforhire.com
ภาพจาก clarajewellery.com