ทิปส์ลดหุ่น แก้ปัญหาได้ตรงจุดแบบร่างไม่พัง สร้างลุคปังในวันวิวาห์

เพื่อให้คุณว่าที่เจ้าสาวเป็นเจ้าของหุ่นสวยรับวันวิวาห์ แพรว wedding มีคำแนะนำดีๆ ในการ ลดหุ่น แถมวิธีทำก็แสนง่ายมาให้คุณเลือกใช้ จะได้แก้ปัญหาที่คุณกังวลใจได้ตรงจุดกับ 3 เคล็ดลับแสนง่ายให้หุ่นสวยรับวันวิวาห์ ตามนี้เลย

 

ช่วงล่างกลมกลึงได้รูป

1

สำหรับสาวๆ ที่มีช่วงสะโพก ต้นขา และก้นใหญ่กว่าช่วงตัวนั้นเป็นเพราะมีไขมันใต้ผิวหนังปริมาณมาก ดังนั้นเพื่อขจัดไขมันบริเวณดังกล่าวคุณควรเลือกรับประทานอาหารประเภทไขมันต่ำ งดอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง เนื้อ และไขมันทรานส์ (Trans Fat) ที่เกิดจากการเติมไฮโดรเจนเข้าไปในน้ำมันพืชเพื่อให้คงรูปขึ้นและไม่เหม็นหืนง่าย มักพบในอาหารแปรรูป  ครีมเทียม มาการีน ฯลฯ สำหรับการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับสาวๆ กลุ่มนี้คือ การออกกำลังที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อต้นขาอย่างการเล่นเวท  โดยบริหารให้สม่ำเสมอแต่ไม่จำเป็นต้องหักโหม  เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้รูปร่างของคุณกระชับและได้สัดส่วนมากขึ้น

 

หน้าท้องแบนราบ

2

การมีหน้าท้องเกิดจากบริเวณดังกล่าวเต็มไปด้วยไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)  เพื่อกำจัดไขมันในบริเวณนี้แนะนำให้คุณเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งแปรรูปแล้วรับประทานแป้งชนิดโฮลเกรนหรือธัญพืชแทน  สำหรับการออกกำลังที่สามารถลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้ดีคือ การออกกำลังที่ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญของร่างกาย เช่น การวิ่ง การเต้นแอโรบิกประกอบการยกเวทอย่างต่อเนื่อง  และการออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา (Interval Training) เช่น การวิ่ง หรือการเต้นแอโรบิกโดยผ่อนความหนักแล้วเร่งขึ้นมาเป็นระยะ วิธีลดน้ำหนักแบบนี้สามารถช่วยคุณกำจัดได้ทั้งไขมันและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน

 

ดูผอมได้แบบไม่ต้องลดน้ำหนัก

ลดหุ่น

หากคุณต้องเตรียมงานแต่งจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือลดน้ำหนัก  เรามีเทคนิคเลือกชุดแต่งงานที่ช่วยพรางหุ่นมาฝากคือ เลือกชุดแต่งงานที่เน้นการตกแต่งบริเวณช่วงตัวเพื่อดึงสายตาให้ขึ้นมาที่บริเวณลำตัวด้านบน หรือเลือกชุดแต่งงานที่ช่วงคอเป็นแบบ V-Shaped เพื่อให้ลำคอดูเรียวระหงและดึงจุดโฟกัสมาที่ใบหน้า และเลี่ยงชุดแต่งงานที่รัดสะโพก ปิดท้ายด้วยเทคนิคการเล่นสายตาด้วยการเลือกชุดแต่งงานที่มีการจับเดรปช่วงตัวเพื่อให้รูปร่างดูมีสัดส่วนโค้งเว้า เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียเวลาลดน้ำหนักคุณก็ดูสมส่วนได้ในวันแต่งงาน

เราได้รวมเคล็ดลับไม้เด็ดสำหรับลดสัดส่วนพร้อมเทคนิคเลือกชุดแต่งงานที่ช่วยพรางหุ่นไว้ให้คุณพร้อมสรรพแล้ว ก็อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ที่ แพรว wedding เอามาฝากไปทำกันดูน้าาาา

ติดตามเคล็ดลับความสวยความงามเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ : birthandbeyondmagazine.com  eventityinc.com  goodcheapweddingdress.com  our-wedding-day.org, pexels.com

เช็กก่อนสวยก่อนกับทรงกระโปรงเจ้าสาวแบบไหนที่ใช่กับรูปร่างคุณ

เราเคยแนะนำชื่อเรียกท่อนบนของชุดเจ้าสาวกันไปแล้วนะคะ วันนี้ แพรว Wedding ค้นพบความสับสนเกี่ยวกับชุดเจ้าสาวท่อนล่างจากคำถามหลังไมค์ว่าทรง กระโปรงเจ้าสาว แต่ละแบบเรียกว่าอะไรถึงจะถูกต้อง? เจอคำถามแบบนี้เราเลยไปหาคำตอบมาให้จ้า

ballgown1. Ball Gown

ทรงกระโปรงที่ได้รับความนิยมแบบอมตะนิรันดรกาล จะกี่ยุคกี่สมัยสาวๆ ก็ยังนิยมชมชอบที่จะเลือกใส่ โดยลักษณะของกระโปรงจะต่อจากท่อนบนตรงเอว ซึ่งจะรัดช่วงเอวให้ดูเล็กและเข้ารูป และโค้งลงมาเป็นทรงระฆังคว่ำ บาน พอง และฟู เหมาะกับเจ้าสาวที่ตัวสูง เอวหน้า และสะโพกใหญ่

a-line2. A-Line

ตัวกระโปรงจะบานออกตั้งแต่ช่วงเอวทิ้งยาวลงไปถึงพื้นเป็นรูปทรงตัว A แต่ลักษณะโดยรวมจะแคบ และไม่พองฟูมากนัก ช่วยพรางสะโพกและต้นข้าได้ดี แถมยัง เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง โดยเฉพาะกับเจ้าสาวที่ตัวเตี้ย การเลือกใส่ชุดเจ้าสาวทรง A-Line จะช่วยทำให้ดูสูงขึ้น

princess3. Princess

กระโปรงทรงนี้มีพื้นฐานมาจากทรง A-Line มีความพองและฟู แต่ไม่เท่ากับทรง Ball Gown ช่วงบนจะเข้ารูปแล้วจึงบานออกยาวลงมาจนถึงพื้น อาจเน้นให้มีความพองในช่วงด้านหลัง อีกทั้งปลายกระโปรงค่อนข้างยาวจึง เหมาะกับเจ้าสาวที่ตัวผอมสูง

mermaid4. Mermaid

ชุดเจ้าสาวทรงเมอร์เมดจะมีตัวเสื้อท่อนบนยาวขึ้น เข้ารูป เน้นให้เห็นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน ตัวกระโปรงจะเริ่มบานออกตั้งแต่ช่วงต้นขาหรือหัวเข่าลงไป เหมาะกับเจ้าสาวที่มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนสูง หุ่นดี อยากโชว์ความเป๊ะของเรือนร่าง รวมถึงเจ้าสาวที่มีรูปร่างแบบทรงนาฬิกาทรายด้วย ส่วนเจ้าสาวคนไหนที่ตัวเตี้ย เราแนะนำให้ลีกเลี่ยงชุดทรงเมอร์เมด เพราะมันอาจจะทำให้คุณดูเตี้ยและตันมากขึ้น

sheath5. Sheath

ชุดเจ้าสาวทรง Sheath ดูจะเป็นชุดที่ใส่แล้วสบายที่สุดนะคะ ด้วยความที่เป็นชุดเจ้าสาวทรงตรง ดูเรียบง่าย ไม่รัดรูปให้เห็นสัดส่วนมากนัก ลักษณะชุดจะทิ้งตัวลงมาตรงๆ ยาวกร่อมพื้น เหมาะกับเจ้าสาวหุ่นดี สูงเพรียว ส่วนเจ้าสาวที่สะโพกใหญ่หรือมีหน้าท้องต้องระวัง เพราะถ้าใส่อาจจะทำให้เห็นหน้าท้องยื่นออกมาชัดเจน หรือถ้าจะให้ดีก็เลี่ยงไปใส่ชุดแบบอื่นแทนก็ได้

empire6. Empire

ใครที่นึกภาพชุดทรง Empire ไม่ออกต้องลองนึกไปถึงภาพยนตร์แบบกรีกหรือโรมันโบราณนะคะ ซึ่งชุดสาวแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งชุดที่เรียกได้ว่าใส่สบายเหมือนกัน โดยตัวกระโปรงจะต่อลงมาจากใต้อก แล้วแต่ว่าจะปล่อยเป็นชายบานพลิ้ว หรือเข้ารูปก็ได้ เหมาะกับเจ้าสาวสูงเพรียว รูปร่างเล็ก หน้าอกแฟบ ส่วนใครที่มีหน้าอกสะบึ้มคงต้องเลี่ยงนะคะ เพราะชุดนี้จะเน้นอกให้ดูใหญ่มากขึ้น

tea-length7. Tea-Length

อีกหนึ่งทางเลือกของเจ้าสาวที่ไม่อยากใส่ชุดยาวๆ ลากพื้น แต่ก็ไม่อยากใส่ส้นจะดูไม่ดี ชุดเจ้าสาวแบบ Tea-Length จึงเป็นชุดที่ตอบโจทย์คุณมาก ด้วยความยาวของชุดในระดับคลุมเข่า ไม่สั้นไป ไม่ยาวไป ตัวกระโปรงจะบานพลิ้วแบบทรงเอไลน์ ว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่มองหาชุดใส่ในพิธีหมั้นหรือช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ลองเก็บทรงนี้ไว้พิจารณาก็ดีเหมือนกันนะ

จัดมาให้ครบทั้ง 7 แบบ 7 สไตล์ชุดเจ้าสาวกันแล้ว ใครที่ชอบชุดแบบไหน สไตล์ไหน ก็ลองนำกลับไปคิดดูว่าชอบแบบไหน เหมาะกับสภาพร่างกายตัวเองไหม ใส่แล้วจะสวยหรือเปล่า ลองเลือกดูหลายๆ แบบ แล้วคุณก็จะได้ชุดที่ดีที่สุดสำหรับวันสำคัญของตัวคุณเองนะจ๊ะ

ติดตามไอเดียเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ข้อมูลจาก : davidsbridal.com, bubpha-wedding.com
ภาพบางส่วนจาก : www.davidsbridal.com, www.theknot.com

สารพัดวิธีปลดหนี้เกลี่ยค่าใช้จ่ายเพื่อให้ชีวิตคู่ราบรื่นไม่มีสะดุด

สิ่งหนึ่งที่เราเน้นย้ำอยู่เสมอว่าให้คุณและคนรักคุยกันก่อนตัดสินใจแต่งงานก็คือเรื่องเงินๆ ทองๆ ใครมีหนี้หรือมีภาระใดๆ ต้องบอกให้ชัดเจน และแน่นอนว่ามีหลายคนทำตามคำแนะนำ แต่! อยู่ไปอยู่มาหนี้ก็โผล่ขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่เกิดจากความตั้งใจและเกิดจากอาการมือเติบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้บัตรเครดิตที่เป็นปัญหาใหญ่ทำให้หลายคู่ต้องเดินไปเซ็นใบหย่ามานักต่อนัก แต่ก็เอาเถอะค่ะ ไหนๆ หนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว งั้นเรามาดูกันซิว่าจะช่วยกัน ปลดหนี้ ก้อนนั้นให้หมดไปได้อย่างไร
21. สต็อปหนี้

ไม่ว่าคุณจะเป็นหนี้แบบไหนก็ตาม สิ่งแรกที่เราอยากให้คุณตระหนักได้คือ “หยุดสร้างหนี้เพิ่ม” พร้อมกับคิดด้วยว่าหนี้ก้อนนั้นเกิดจากอะไร จากนั้นหยุดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดหนี้ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหนี้บัตรเครดิตจะกี่ใบก็ตามแต่ หยุดใช้มันซะ หักบัตรทิ้งไปเลยยิ่งดี ที่สำคัญอย่าลืมนั่งเปิดอกคุยกันว่าเป็นหนี้ทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วมาคิดว่าจะแก้ปัญหาหรือใช้หนี้ก้อนนั้นอย่างไรได้บ้าง

2. ขายของใช้หนี้

หลังจากรู้ตัวเลขหนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้คุณจะต้องคิดอีกว่ามียอดหนี้อันไหนที่พอจะจ่ายได้ก่อนบ้าง ไม่ว่าจะใช้เงินเก็บที่มีอยู่หรือขายสิ่งของที่พอจะขายได้ (ย้ำว่าขายได้แล้วไม่ลำบาก!) แล้วนำเงินส่วนนั้นไปเคลียร์หนี้ที่มีดอกเบี้ยเยอะเป็นอันดับแรก ถ้าเงินยังพอเหลือก็เคลียร์ยอดอื่นๆ ที่มีดอกเบี้ยเยอะรองลงมา

cover3. คุยกับเจ้าหนี้

ถ้าขายของใช้หนี้ไปแล้วก็ยังไม่หมด ลองเจรจาประนอมหนี้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ของคุณดู โดยอาจเจรจาขอเป็นการชำระขั้นต่ำ ขอยืดเวลาชำระหนี้ หรือเข้าสู่โครงการประนอมหนี้แบบต่างๆ ที่บางสถาบันมีช่องทองให้เลือก

4. Hair Cut ตัดหนี้

เคยได้ยินประโยคที่ว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไหมคะ? นี่แหละค่ะที่ฮีบินกำลังจะบอก ซึ่งไอ้วิธีที่เขาเรียกกันว่า Hair Cut นี้ก็หมายถึงการชำระหนี้ที่มีการเจรจา “ลดจำนวนหนี้” ที่ค้างอยู่ระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ แต่ไม่ใช่ว่าลูกหนี้อย่างคุณจะเดินไปหาเจ้าหนี้แล้วบอกเขาว่าจะทำ Hair Cut นะคะ (แบบนั้นจะไม่ได้นะ)

วิธีนี้มักจะเริ่มจากการที่คุณไม่ชำระหนี้เป็นเวลานานครึ่งปี หนึ่งปี หรือนานกว่านั้นจนมันกลายเป็นหนี้เสีย รับสายทุกครั้งที่มีการติดต่อทวงหนี้ แล้วให้เหตุผลที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ (ถ้าจะแฮร์คัทก็ต้องทนกับการตามทวงหนี้ให้ได้) ต้องใจแข็งให้เจ้าหนี้ทำเรื่องฟ้องศาลและไปชี้แจงเหตุผลกับศาล หลังจากนั้นเจ้าหนี้อาจประนีประนอมการชำระหนี้ด้วยการลดจำนวนหนี้ 30%-50% จากยอดหนี้ที่มีอยู่ (หนี้ลดลงกว่าครึ่ง) ซึ่งมีข้อแม้อยู่ว่าคุณจะต้องให้เจ้าหนี้ออกเอกสารการลดหนี้เป็นลายลักษณ์อักษรและต้องมีเงินก้อนโป๊ะเท่านั้น

15. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

เมื่อรู้ตัวว่าเป็นหนี้แล้วก็ต้องบริหารจัดการเงินให้ดีกว่าเดิม ด้วยการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อดูว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ประหยัดตรงไหนได้อีก เพื่อที่จะได้เก็บออมเงินสำหรับไว้ใช้หนี้ และหากว่าคุณเลือกจะใช้วิธี Hair Cut ในช่วงระยะเวลาที่คุณไม่ได้ชำระหนี้ (นานพอสมควร) ให้คุณเร่งประหยัด อดออม เก็บเงินให้ได้เงินก้อน เพราะเมื่อถึงเวลาที่เจ้าหนี้ยื่นข้อเสนอลดจำนวนหนี้ คุณจะได้มีเงินก้อนไว้โป๊ะหนี้แล้วปิดบัญชีหนี้ไปเลย จบ!

6. หารายได้เสริม

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดหนี้ก็คือ หาไม่พอจ่าย เพราะฉะนั้นคุณและคนรักจะประหยัดกินประหยัดใช้อย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ต้องขยันมากกว่าเดิม ควรจะมองหารายได้เสริมเพื่อให้มีรายรับมากขึ้นเพื่อจะได้สามารถนำไปชำระหนี้ได้

7. อย่าเพิ่งมีลูก

คู่รักคู่ไหนที่แต่งงานกันแล้วและมีภาระหนี้ให้ต้องชดใช้ ถ้าคุณยังไม่มีเจ้าตัวเล็ก เราแนะนำว่าให้คุมกำเนิดและรอไปก่อนค่ะ อย่าเพิ่งให้เขามาปฏิสนธิเด็ดขาด เพราะแค่นี้คุณก็มีรายจ่ายมากพออยู่แล้ว การมีลูกจะยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายให้มากขึ้นไปอีก

หลายคนอาจจะเกิดอาการท้อเมื่อได้รับรู้ว่าคู่รักของคุณมีหนี้ก้อนโตที่ต้องชดใช้ บางคนเลือกที่จะให้กำลังใจและฝ่าอุปสรรคหนี้ไปด้วยกัน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ตัดสินใจเลิกร้างเพราะรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้าคุณและคนรักตั้งใจที่จะเคลียร์หนี้ให้หมดจริงๆ มันก็ต้องมีสักวันที่คุณจะเป็นไทไร้หนี้แน่นอน

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.forbes.com, brettmachtig.com, rollingout.com, crazytogether.com, www.gothandcompany.com

ส่อง 19 ธรรมเนียมแต่งงานจากทั่วโลกที่บ่าวสาวต้องร้องว้าว!!

แพรว wedding ของพาบ่าวสาวไปท่องโลกกว้าง เพื่อตามไปดูว่าเพื่อนๆ ว่าที่บ่าวสาวรอบโลกของเราเขามี ธรรมเนียมแต่งงาน อย่างไรกันบ้าง แอบกระซิบให้ว่าแต่ละที่นั้นมีพิธีและธรรมเนียมที่บ่าวสาวต้องร้องว้าวแน่นอน

1
1. ธรรมเนียมแต่งงานของ ฟิลิปปินส์ บ่าวสาวจะร่วมกันปล่อยนกพิราบคู่ในวันแต่งงาน เพื่อสื่อถึงความสงบสุข ชีวิตคู่ที่ยืนยาวและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไป

2
2. งานแต่งทั่วไปจะเป็นการโปรยกลีบดอกไม้หรือกระดาษสีสันสวยงามใส่บ่าวสาว แต่ที่ อิตาลี เขาโปรยขนมหวานชิ้นเล็กๆ ใส่บ่าวสาวกัน แหม! คงหวานน่าดูเลยทีเดียว

3
3. ซัน-ซัน-คุโดะ เป็นประเพณีแต่งงานของ ญี่ปุ่น ที่บ่าวสาวจะจิบสาเกจากถ้วยเดียวกัน 3 ใบ ใบละ 3 ครั้ง รวมเป็น 9 ครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่าทั้งสองได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว

4
4. ที่ เยอรมนี บ่าวสาวจะต้องช่วยกันเลื่อยท่อนไม้ต่อหน้าแขกทั้งหลาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกันได้ดี อีกทั้งท่อนไม้ยังเปรียบได้กับอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องร่วมฝ่าฟันกันในชีวิตคู่

5
5. Kransekake เป็นเค้กแต่งงานของ นอร์เวย์ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเนื้อเค้กทำมาจากอัลมอนด์ ลักษณะของเค้กจะเหมือนการนำโดนัทขนาดลดหลั่นมาวางซ้อนกันจนสูง

6

6. ธรรมเนียมแต่งงานของ เกาหลี บ่าวสาวจะแลกเป็ดไม้แกะสสักกันในวันแต่งงาน เพื่อแสดงถึงพันธสัญญาของการใช้ชีวิตร่วมกัน

 

7
7. ที่ สกอตแลนด์ มีธรรมเนียมแต่งงานแปลกๆ คือ ก่อนถึงวันแต่งงานบ่าวสาวจะต้องให้ญาติและเพื่อนร่วมกันสาดแอลกอฮอล์ น้ำเชื่อม ขี้เถ้า ขนนก และแป้งใส่ตัวเอง เพราะเชื่อกันว่าเป็นการป้องกันบ่าวสาวจากวิญญาณร้าย และนำมาซึ่งความโชคดี

8
8. ประเพณีการแต่งงานของ ปากีสถาน เจ้าบ่าวจะต้องนำมาลัยมาคล้องคอตัวเอง ส่วนเจ้าสาวนั้นจะคล้องหรือไม่ก็ได้

9
9. Croquembouche เป็นเค้กแต่งงานของ ฝรั่งเศส สร้างสรรค์จากครีมพัฟสอดไส้ลูกเล็กๆ วางเรียงซ้อนกันเป็นรูปพีระมิดแล้วราดด้วยคาราเมล

10
10. ที่ อินเดีย จะมีธรรมเนียมการนำรองเท้าเจ้าบ่าวไปซ่อน โดยผู้ซ่อนจะเป็นพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้าสาว ทั้งนี้เจ้าบ่าวต้องจ่ายสินบนเพื่อให้ได้รองเท้ากลับคืนมา (คล้ายกับธรรมเนียมของไทยเราเลยนะคะ)11. เค้กแต่งงานที่จาเมกาจะเป็นสีดำ โดยทำมาจากผลไม้สีเข้มและลูกเกด

13
11. ธรรมเนียมแต่งงานของ โปแลนด์ เจ้าบ่าวจะเชื้อเชิญให้แขกเต้นรำกับเจ้าสาว แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าบ่าวก่อน โดยเงินที่ได้มานั้นทั้งคู่จะเอาไปใช้สำหรับการฮันนีมูนนั่นเอง

14
12. ในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานที่ กัวเตมาลา จะให้แม่ของเจ้าบ่าวตีระฆังสีขาว เพื่อเป็นการส่งสัญญาณต้อนรับคู่แต่งงานใหม่ โดยในระฆังสีขาวจะบรรจุไปด้วยแป้ง ข้าว และธัญพืช ซึ่งมีความหมายถึงความโชคดีและความเจริญรุ่งเรือง

15
13. Polterabend เป็นประเพณีแต่งงานแปลกๆ ของ เยอรมนี ที่ให้ญาติและเพื่อนของบ่าวสาวช่วยกันตีจานชามที่หน้าบ้านของบ่าวสาวในคืนก่อนวันแต่งงาน

16
14. ที่ โรมาเนีย มีประเพณีแต่งงานสนุกๆ คือ การลักพาตัวเจ้าสาวไปก่อนจะถึงพิธีแต่งงาน โดยเจ้าบ่าวจะต้องไถ่ตัวเจ้าสาวกลับคืนมาด้วยวิธีการต่างๆ อาจจะเป็นการจ่ายเงิน การดื่ม หรือแสดงความรัก

china
15. เจ้าสาวโดยทั่วไปจะใช้ผ้าคลุมหน้าสีขาว แต่ที่ จีน เจ้าสาวจะใช้ผ้าคลุมหน้าสีแดง ร่มสีแดง และเดินทางด้วยเสลี่ยงสีแดง โดยสีแดงหมายถึงความกล้าหาญ ความโชคดี และความรัก

18
16. เจ้าสาวชาว อินเดีย และและผู้ดูแลเจ้าสาวจะต้องเพ้นท์เฮนน่า เพื่อแสดงถึงความสดใส ความหวัง และความรัก

19
17. ที่ เม็กซิโก เจ้าสาวจะมีช่อดอกไม้ 2 ช่อ โดยช่อแรกสำหรับตัวเอง และอีกช่อเป็นตัวแทนของสาวโสด

20
18. ธรรมเนียมแต่งงานของ แอฟริกาใต้ พ่อแม่ของบ่าวสาวจะนำไฟจากเตาผิงที่บ้านไปยังเรือนหอของคู่บ่าวสาว เพื่อให้บ่าวสาวได้ใช้ไฟจากเตาผิงที่บ้านในวัยเด็กก่อไฟในเตาผิงที่บ้านหลังใหม่ที่พวกเขาจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

21
19. ในงานแต่งงานของชาว ออสเตรเลีย จะมีถ้วยที่เรียกว่า Unity Bowl วางไว้ เพื่อให้แขกเหรื่อนำหินมาใส่หลังจากเสร็จสิ้นพิธี โดยบ่าวสาวจะเก็บหินเหล่านี้กลับไป เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าใครๆ ต่างก็พากันมาร่วมแสดงความยินดีในความรักครั้งนี้

>> อ่านการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : www.buzzfeed.com, www.harpersbazaar.co.uk, weddingcafeny.com

เคลียร์คัดชัดเจน 7 ประเด็นที่เจ้าสาวต้องรู้ก่อนไปฟิตติ้งชุดแต่งงาน

ก่อนไป ฟิตติ้งชุดแต่งงาน ต้องรู้อะไรบ้าง?

ก่อนที่จะได้ชุดเจ้าสาวแสนสวยในวันสำคัญ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือการ ฟิตติ้งชุดแต่งงาน เพราะเป็นเหมือนบันไดขั้นแรกที่จะนำเจ้าสาวไปสู่ชุดแต่งงานในฝันที่ใช่ทั้งสไตล์แถมยังฟิตเป๊ะพอดีกับหุ่น เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวและวางแผนเพื่อให้ได้ทั้งสองสิ่งนั้นมาจึงเป็นเรื่องสำคัญ แพรว wedding เลยจัดสิ่งสำคัญที่เจ้าสาวควรรู้ก่อนไปฟิตติ้งชุดแต่งงานมาฝาก จะได้เตรียมตัวล่วงหน้ากันได้ทันเวลา

1. ใช้เวลานานแค่ไหนในการแก้ไขชุดแต่งงาน?

การปรับเปลี่ยนแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขแบบหรือแก้ไขให้พอดีกับรูปร่างนั้นล้วนต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นเจ้าสาวควรมาลองชุดเป็นครั้งแรกก่อนถึงวันงานประมาณ 2 – 3 เดือนเพื่อที่จะได้ปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้ทันเวลา

2. การฟิตติ้งใช้เวลานานแค่ไหน?

ในการฟิตติ้งครั้งแรกเจ้าสาวจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนการฟิตติ้งในครั้งต่อๆ ไปก็จะใช้เวลาน้อยลงมาเรื่อยๆ เนื่องจากชุดเริ่มที่จะพอดีกับรูปร่างของเจ้าสาวแล้ว

3. เจ้าสาวจำเป็นต้องฟิตติ้งชุดแต่งงานกี่ชุด?

โดยปกติแล้วเจ้าสาวควรจะต้องลองชุดแต่งงานประมาณ 3 ชุดเพื่อที่จะได้แน่ใจว่าชุดแบบไหนที่เหมาะกับเจ้าสาวมากที่สุด และในการฟิตติ้งแต่ละครั้งแรกจะมีช่างที่คอยให้การดูแลจนกระทั่งถึงวันที่คุณรับชุดไปใส่ในงาน ซึ่งสิ่งที่เจ้าสาวต้องให้ความสำคัญก็คือ เจ้าสาวควรจะต้องบอกช่างให้ชัดเจนว่าชุดนั้นหลวมหรือคับเกินไป และขนาดประมาณไหนที่เจ้าสาวรู้สึกสบายตัว เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องใส่ชุดนั้นเป็นเวลานานเพราะฉะนั้นความสะดวกสบายใส่แล้วไม่อึดอัดจึงสำคัญที่สุด และอย่าลืมเผื่อเวลาไว้สำหรับการแก้ไขด้วยนะคะ เพราะอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 ครั้งในการปรับแก้เพื่อให้พอดีกับรูปร่าง เพราะฉะนั้นเจ้าสาวควรจะต้องเผื่อเวลาในการฟิตติ้งครั้งสุดท้ายให้เสร็จสิ้นก่อนถึงวันงานประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพราะในช่วงเวลานั้นรูปร่างของเจ้าสาวจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

4. เจ้าสาวต้องเตรียมอะไรไปฟิตติ้งด้วย?

เจ้าสาวควรนำรองเท้าและชุดชั้นในที่จะใส่ในวันงานไปฟิตติ้งด้วย เพื่อที่จะลองดูว่าชุดชั้นในนั้นรับพอดีกับชุดแต่งงานหรือไม่ และความสูงของรองเท้าพอดีกับชุดแต่งงานหรือเปล่า แต่ถ้าเจ้าสาวยังไม่มีรองเท้าที่จะใส่ในวันงาน ก็ให้นำรองเท้าที่มีความสูงเท่ากันหรือใกล้เคียงกับรองเท้าที่เจ้าสาวจะใส่วันงานเตรียมมาแทน เพราะรองเท้ามีส่วนสำคัญในการช่วยกำหนดความงามของชุด

5. จะทำอย่างไรหากเจ้าสาวอ้วนขึ้นหรือผอมลงก่อนที่จะได้ชุดแต่งงาน?

ไม่ว่าจะอ้วนขึ้นหรือผอมลง ชุดแต่งงานก็จะต้องได้รับการแก้ไขให้พอดีกับรูปร่างของเจ้าสาว เช่น ถ้าผอมลงก็ต้องแก้ไขให้เข้ารูปมากขึ้น แต่ถ้าอ้วนขึ้นก็อาจจะต้องใช้วิธีเปิดแนวตะเข็บแล้วเสริมเนื้อผ้าที่เหมือนกับชุดเข้าไป แต่ถ้าเนื้อผ้าไม่พอสำหรับใช้ต่อเติมก็อาจจะต้องมีการสั่งผ้ามาเพิ่ม ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเพราะฉะนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาตามที่เราบอกไว้ข้างต้นด้วยนะคะ

6. ถ้าซื้อชุดแต่งงานลดราคาที่ผิวไซส์กับรูปร่างตัวเองมา จะสามารถแก้ไขให้เข้ากับรูปร่างตัวเองได้ไหม?

หากเจ้าสาวบังเอิญไปเจอชุดแต่งงานเซลล์แบบเทกระจาด ที่รู้สึกว่าชอบสไตล์แต่ไซส์ดันไม่พอดี เราขอแนะนำให้เจ้าสาวเลือกซื้อชุดที่มีขนาดใหญ่แทนที่จะซื้อเป็นไซส์ขนาดเล็ก เพราะการทำชุดให้เล็กลงนั้นง่ายกว่าการทำชุดให้ใหญ่ขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนแก้ไขนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับสไตล์และการประดับตกแต่งบนชุดแต่งงานด้วย และที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้นจะต้องไม่ทำให้สไตล์ของชุดที่ดูดีอยู่แล้วพังพินาศ

7. เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานที่ดีคืออะไร?

อันดับแรกต้องแน่ใจว่าชุดแต่งงานนั้นสามารถนำเสนอตัวตนของเจ้าสาวได้ดีที่สุด และที่สำคัญอีกอย่างคือต้องเลือกให้เข้ากับสถานที่จัดงานแต่งงานด้วย เพื่อให้ภาพรวมของงานนั้นออกมากลมกลืนและดูดีที่สุด

แต่ก่อนไปฟิตติ้ง ต้องทำตามนี้ก่อนนะ ตั้งสติแล้วเลือกชุดแต่งงานตามนี้รับรองไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังชัวร์!!

ภาพ : www.jordanblalockphoto.com, www.videoblocks.com

ในพิธีแต่งงานไทยว่าที่เจ้าสาวต้องตระเตรียมอะไรไว้รอขบวนขันหมากบ้าง…ไปเช็กเลย

เตรียมรอไว้เลยจ้าว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายกับ 3 สิ่งนี้ที่ต้องใช้ใน พิธีแต่งงานไทย

ในเมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเขาแห่ขบวนขันหมากมาสู่ขอเอิกเกริกขนาดนี้ แล้วว่าที่เจ้าสาวอย่างเราจะต้องตระเตรียมสิ่งใดไว้บ้างนะ แพรว wedding จัดมาให้แล้วค่ะ กับ 3 สิ่งต่อไปนี้ที่ฝั่งเจ้าสาวต้องจัดเตรียมไว้ใน พิธีแต่งงานไทย เมื่อขบวนขันหมากแห่มาถึง

 

พานเชิญขันหมาก

พิธีแต่งงานไทย

เมื่อขบวนขันหมากมาถึงหน้าบ้านจะมีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวออกมาเจรจาต้อนรับพร้อมเด็กหญิงถือพานเชิญขันหมาก โดยจัดพานใส่หมากพลูตกแต่งสวยงามเตรียมไว้ให้เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งจะหยิบหมากพลูที่จีบไว้เป็นคำๆ เคี้ยวกินหรือหยิบมาถือไว้พอเป็นพิธีแล้วให้ซองเงินหรือของรางวัล จากนั้นเจ้าบ่าวจึงเดินเข้าบ้านผ่านประตูเงินประตูทอง

 

ทีมกั้นประตูเงินประตูทอง

พิธีแต่งงานไทย
งานแต่งคุณแอน & คุณเจมส์ ถ่ายภาพโดย Box Wedding

สมัยก่อนอาจจะเป็นญาติๆ หรือเพื่อนๆ ผู้หญิงฝ่ายเจ้าสาวถือสายสร้อยมากั้นประตูอย่างสนุกสนาน แต่สมัยนี้นิยมจัดทีมเพื่อนเจ้าสาวแต่งชุดไทยถือสายมาลัยกั้นเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูสวยงามตามธีมงาน ซึ่งถ้าเจ้าสาวอยากให้เป๊ะแบบนี้ก็ต้องเตรียมเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวย้อนยุค ซึ่งปัจจุบันก็มีร้านเช่าชุดไทยมากมายแถมมีราคาให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักพันไปยันหลักร้อย

ซึ่งในลำดับขั้นตอนนี้ แพรว wedding แนะนำให้เจ้าสาวทำความเข้าใจกับเพื่อนๆ ให้สนุกกันพอประมาณ ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและคำนึงถึงฤก์สวมแหวนด้วย

 

ของใช้ในพิธีล้างเท้า

พิธีแต่งงานไทย

ในสมัยโบราณยังไม่นิยมสวมรองเท้าเหมือนในปัจจุบัน ทุกบ้านจะมีการตั้งตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน เมื่อถึงพิธีแต่งงานจึงมีการแทรกการล้างเท้าเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการ โดยใช้ใบตองและหินก้อนใหญ่รองที่เท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง

พิธีล้างเท้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูเงินประตูทองเป็นที่เรียบร้อย ด่านสุดท้ายจะมีน้องหรือญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวยืนดักรอพร้อมขันที่มีน้ำสะอาดผสมมะกรูดและมะนาวเพื่อล้างเท้าให้ ดังนั้นผู้ทำหน้าที่นี้ควรจะอ่อนอาวุโสกว่าเจ้าบ่าวพอสมควร เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองหรือเงินรางวัลเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน

สมัยนี้คนนิยมสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นปกติจึงไม่มีความจำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้ามาเป็นใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าวพอเป็นพิธี ไม่ต้องล้างเท้าจนเปียกเหมือนสมัยก่อน

อ่านเพิ่มเติม คลิกเลย >>
ทำตามได้แบบไม่งงกับสคริปต์! พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว 2 ภาษา

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว พร้อมข้าวของที่ต้องเตรียม และสคริปต์ที่ต้องมี

ภาพเปิด งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH

ติดตามบทความพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

10 คำถามที่ว่าที่บ่าวสาวต้องถามก่อนเซ็นสัญญาจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์

บ่าวสาวที่เลือกใช้ เวดดิ้งแพลนเนอร์ เป็นมือขวาในการอำนวยความสะดวกรอบด้านต้องไม่พลาดคำถามเหล่านี้

เวดดิ้งแพลนเนอร์ คือบุคคลที่จะช่วยจัดการเรื่องงานแต่งงานทุกอย่างแทนว่าที่บ่าวสาวก็ว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกเวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้าดัง เพื่อนแนะนำมา หรือมีคำโฆษณาว่าดีแค่ไหน ว่าที่บ่าวสาวก็ไม่ควรประมาทเซ็นสัญญาว่าจ้างง่ายๆ หากยังไม่ได้คำตอบจาก 10 คำถามเหล่านี้

1. มีตัวอย่างงานให้ดูไหม

นอกจากทำให้ได้เห็นประสบการณ์การทำงานของเวดดิ้งแพลนเนอร์แล้ว ยังได้เห็นว่าสไตล์งานที่ผ่านมาเป็นแบบไหน ตรงใจหรือใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า แม้ทางนั้นจะบอกว่าสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแบบตามต้องการ แต่เชื่อเถอะว่าในเบื้องต้นผลงานที่ผ่านมาจะบอกได้ดีว่าสไตล์งานแต่งงานเหล่านั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า

2. แพ็คเกจที่นำเสนอมีอะไรบ้าง

การซื้องานแบบแพ็คเกจช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ก็จริง แต่บ่าวสาวควรศึกษาในรายละเอียดให้ถี่ถ้วนว่า สิ่งที่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่เวดดิ้งแพลเนอร์เสนอตรงตามความต้องการของคุณจริงหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า คนคิดแพ็คเกจย่อมใช้เทคนิคตัดนี่นิด เพิ่มนี่หน่อย ถ้าพิจารณาไม่รอบคอบ บ่าวสาวอาจต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อแพ็คเกจที่ไม่เป็นประโยชน์ แถมยังต้องซื้อบริการเพิ่มโดยไม่จำเป็นอีกด้วย

3. หลักเกณฑ์การเงินเป็นอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ราคาทั้งหมดอยู่ที่เท่าไหร่ จ่ายทั้งหมดกี่งวด ต้องมีการวางมัดจำก่อนหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ งวดแรก งวดสุดท้ายจ่ายเมื่อไหร่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณและตรวจเช็กความคืบหน้าของงานไปพร้อมๆ กัน

4. หากเกิดการละเมิดสัญญาจะรับผิดชอบอย่างไร

ทั้งในกรณีที่จู่ๆ ก็ยกเลิกกะทันหัน งานไม่เสร็จ ผลงานที่ออกมาไม่ตรงตามที่ตกลง เวดดิ้งแพลนเนอร์จะมีการดูแลความเสียหายและรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ในที่นี้ควรศึกษาสัญญากฎหมายการละเมิดสัญญาว่าจ้างไว้เป็นพื้นฐานด้วยยิ่งดี

เวดดิ้งแพลนเนอร์

5. จะได้ดูแบบการตกแต่งงานตามโจทย์ที่ให้ไปเมื่อไหร่ และสามาถแก้แบบได้กี่ครั้ง

6. เวดดิ้งแพลนเนอร์มีทีมงานกี่คน แบ่งเป็นกี่ทีม ทำอะไรบ้าง ข้อนี้บ่าวสาวน่าจะรู้ไว้เพื่อดูความเหมาะสมกับเงินที่จะจ่าย และควรรู้ด้วยว่าจะมีทีมงานฝ่ายใดบ้างเข้ามาช่วยตกแต่งและเตรียมงาน เวลาคุยเรื่องสถานที่จะได้เจรจาต่อรองถูกหากมีการขอเข้าไปเซตงานเป็นกรณีพิเศษ

7. เวดดิ้งแพลนเนอร์ใช้เวลาตกแต่งนานแค่ไหน เพื่อจะได้กำหนดเวลาเริ่มพิธีการที่พอดีกันและจะได้รู้ว่าต้องเสียเงินค่าใช้สถานที่เพิ่มเติมหรือไม่

8. เวดดิ้งแพลนเนอร์มีทีมดูแลบ่าวสาวหรือไม่ และคนคนนั้นเป็นใครในทีมงาน

9. ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าเสียหายจากการเซตอัพ เรื่องนี้ต้องระบุให้ชัดเจนและแจ้งไปยังเจ้าของสถานที่

10. เมื่อจบงาน สิ่งของตกแต่งใดบ้างที่บ่าวสาวสามารถนำกลับได้ เช่น รูปภาพขนาดยักษ์หรืองานโครงสร้างบางชิ้นที่สร้างขึ้นมาเพื่องานแต่งของคุณเท่านั้น

ภาพ arabiaweddings.com, unsplash.com

ติดตามไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

เทคนิคการประหยัดงบของและเรื่องต่างๆ ในงานแต่งงานไทยไปจนถึงงานฉลอง

เพราะ งานแต่งงานไทย ไปจนถึงงานฉลองในช่วงเย็นนั้นเต็มไปด้วยข้าวของและพิธีการ ถ้าอย่างนั้นมาดูการจัดการเพื่อประหยัดงบกันดีกว่า

เป็นบ่าวสาวสมัยนี้ต้องทำใจเพราะวัฒนธรรมการจัดงานแต่งงานนั้นเปลี่ยนไป เพราะนอกจากจะมีแค่ งานแต่งงานไทย ในช่วงเช้าแล้ว ยังต้องมีพิธีฉลองมงคลสมรสในช่วงค่ำอีกด้วย แถมทั้งสองพิธีก็เต็มไปด้วยข้าวของ คน และพิธีการต่างๆ มากมายที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สตางค์ แต่ในยุคข้าวยากหมากแพงอย่างนี้อะไรประหยัดได้ก็ควรจะประหยัดจริงไหมคะ แพรว wedding เลยจัดมาให้ว่าส่วนไหนที่บ่าวสาวจะประหยัดงบได้บ้างมาฝาก

 

ของในพิธีแต่งงานไทย : ถวายพระ รับไหว้ ขันหมาก

งานแต่งงานไทย

– เปลี่ยนขันหมากใบตองดอกไม้สดเป็นขันหมากระดาษ หรือเช่าชุดขันหมากผ้าก็ช่วยประหยัดได้

– สั่งเฉพาะพานที่จำเป็นอย่างพานขันหมากเอก พานธูปเทียนแพ พานสินสอด พานแหวน และพานรับขันหมาก

– พานขนมหวานและพานผลไม้ใช้ถาดที่ทางร้านจัดมาหรือถาดที่มีอยู่แล้ว

– เลือกของรับไหว้ที่เก็บไว้ใช้ได้เองหากของเหลือ เช่น ผ้าขนหนู ผ้าพันคอ ชุดถ้วยชาม เป็นต้น

– ของถวายพระ อย่าซื้อแบบชุดสำเร็จ 199 บาท แนะนำให้ซื้อของมาแพ็คเองเพราะทั้งประหยัดและได้ของดี

– กล้วยอ้อยจับคู่กัน แล้วผาผ้าสวยๆ หุ้มโคนต้นผูกริบบิ้นแทนก็ได้

The Botanical House เปิดบ้านอันแสนอบอุ่น ต้อนรับบ่าวสาวเยี่ยมชมสถานที่เพื่อวันพิเศษของคุณ

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับงานเพิ่มเติม คลิกเลย >> https://www.thebotanicalhousebangkok.com/pdf/showcase-AW2020%20A4.pdf

3 แบบแหวนแต่งงานสุดฮิตที่อยู่ในใจเจ้าสาวใส่นานกี่ปีก็ไม่มีเบื่อ

แหวนแต่งงาน ในโลกนี้มีเพียบเลยนะคะ แต่วันนี้เราคัดมาให้เน้นๆ  3 อันดับที่เจ้าสาวนิยมใช้กัน บางแบบเรียกกันไปผิดๆ ถูกๆ สื่อสารกันไม่ตรงใจ กลายเป็นตีกันเองระหว่างบ่าวสาวหรือแม้แต่ร้านค้า อ่านบทความนี้รับรองอธิบายแบบแหวนได้ตรงใจ เลือกได้ไม่ตกยุคอีกด้วย

อันดับหนึ่ง : แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว

คลาสิกที่สุดในโลกหล้า ต้องยกให้แหวนแต่งงานหน้าตาแบบนี้ เพราะไม่ว่าจะสาวไทยสาวอินเตอร์ เมื่อนึกถึงหน้าตาคำว่าแหวนแต่งงานก็จะนึกถึงแหวนสไตล์นี้เป็นอย่างแรก แต่ความเข้าใจผิดที่มักเกิดขึ้นคือ คำเรียกชื่อแหวนประเภทนี้กับจินตนาการที่อาจไปคนละทาง เพราะถ้าคุณพูดว่า แหวนเม็ดเดี่ยว คนฟังอาจตีความไปได้ 3 แบบคือ

7ef15c68052a92c88972551379202d2a

  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่หนึ่ง คือ แหวนที่ตัวเรือนเกลี้ยงๆ มีเพชรประดับชูชึ้นเม็ดหนึ่ง (บางร้านเรียกแหวนชู เพราะเพชรมันชูขึ้นนั่นเอง)
  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่สอง คือ แหวนชูนี่แหละค่ะ แต่มีการเพิ่มมูลค่าและความสวยงามด้วยการนำเพชรเม็ดเล็กๆ มาประดับเพิ่มที่ก้านแหวนทั้งสองข้าง ส่วนจะก้านหนาก้านบางก็แล้วแต่ลักษณะรูปทรงนิ้วและมือเจ้าสาว ให้ทางร้านออกแบบไปเลยสวยๆ
  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยวแบบที่สาม คือ แหวนเกลี้ยงแบบที่ฝังเพชรลงไปในตัวเรือน 1 เม็ด ซึ่งในความเป็นจริง แหวนแบบนี้ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มของแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวนะคะ แต่อยู่ในประเภทแหวนเกลี้ยง ซึ่งเป็นแหวนแต่งงานยอดนิยมที่ตีคู่สูสีมากับแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวค่ะ แต่บ่าวสาวบางคู่เห็นว่าฝังเพชรเม็ดเดียวก็เลยสื่อสารคลาดเคลื่อน

อันดันสอง : แหวนเกลี้ยง

แหวนแต่งงานคลาสิกสุดยอดความนิยมรองลงมาจากแหวนเม็ดเดี่ยว เพราะแหวนเกลี้ยงถือว่าเป็นแหวนที่ทุกคู่บ่าวสาวในยุคนี้คิดว่า ต้องมี!! ก็แหมบางคู่ก็รับแนวนิยมมาจากฝั่งตะวันตกว่า แต่งงานทั้งทีต้องมีแหวนเพชรและแหวนเกลี้ยง แต่สำหรับบางคู่งบน้อยหรือชอบอะไรที่ไม่เว่อร์นักก็เอาแหวนเกลี้ยงๆ ไว้เตือนใจกันก็พอ แถมดีไซน์ของแหวนเกลี้ยงก็มีทั้งแบบเรียบๆ ไร้ลวดลาย แบบมีเพชรฝังสักเม็ดสองเม็ดหรือแม้แต่ทำมาจากตัวเรือนพิเศษ สีเดียว สองสี สามสี แล้วแต่ใจอยากออกแบบไปเลย

88e91a95b1de538ab96011679f8bd8cb

นอกจากนี้ในไอเดียเจ้าสาวไทยบางคน ยังได้จับเอาแหวนเพชรรอบนิ้วมาคู่กับแหวนเกลี้ยงสำหรับเจ้าบ่าว ซึ่งถ้าเป้นแบบนั้นแปลว่า คุณไม่ได้ใส่แหวนเกลี้ยงนะคะ เพราะคำว่าเกลี้ยงจริงๆ คือ เกลี้ยงเกลาไม่มีเพชร แต่อาจมีการสลักลาย สลักชื่อ แบบนั้นได้ แต่ก็อีกล่ะค่ะ ผู้หญิงกับเพชรเป็นของคู่กัน บางคนก็เลยเติมเพชรนิดๆ ให้ดูมีอะไร แบบนั้นก็ไม่ว่ากัน

อันดับสาม : แหวนล้อมเพชร

แหวนแบบนี้คือทรงยอดฮิตอันดับสามที่เราเห็นหลายคู่ในยุคนี้เลือกใช้ ด้วยเหตุผลหลักเรื่องงบประมาณที่ไม่สามารถซื้อเพชรเม็ดใหญ่ระดับกะรัตเต็มๆ ได้ แต่จะให้ใส่เม็ดเล็กจิ๋ว เดี๋ยวก็จะแลดูแล้วจมหายไปกับมือ (ก็อย่างที่บอกว่ามือหนามืออวบไม่เหมือนกัน) ตัวเลือกที่นิยมกันก็คือ แหวนล้อมเพชรนี่แหละ

89b49fc4e581896095c32c4b44d59562

แหวนล้อมเพชรเป็นการเลือกเพชรเม็ดกลางขนาดไม่ต้องถึงกะรัตมาหนึ่งเม็ด จากนั้นหาเพชรเม็ดเล็กๆ มาล้อมรอบอีกสักหน่อย มองไกลๆ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพชรเม็ดเดียวกันหรือเปล่า ความใหญ่เล็กที่หลอกตาก็ขึ้นอยู่กันชั้นเพชรที่นำมาล้อมนี่แหละ ซึ่งเบ็ดเสร็จรวมราคาทั้งวงมาแล้วราคาไม่แพงมาก แถมยังสร้างให้เห็นภาพว่าใส่แหวนเพชรเม็ดโตหรือมีเพชรหลายเม็ดอีกด้วย

เอาล่ะทีนี้จะเลือกแหวนใส่เองหรือจะไปดูแหวนแต่งงานเมื่อไหร่ หวังว่าคุณๆ จะแจ้งความต้เองการถูกต้องตรงประเด็นแล้วนะคะ หรือจะเข้าไปดูแบบแหวนแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย >>> แบบแหวนแต่งงาน <<< 

ภาพ : www.pouted.com, www.mirabess.com, www.blingjewelry.com/

เช็กก่อนซื้อ มารู้จักความหมายสีของดอกไม้ก่อนซื้อให้คนที่คุณรัก

ใกล้ถึงวันสำคัญทีไหน ดอกไม้คือของขวัญชนิดแรกที่หลายคนคิดถึง เราจึงปิ๊งไอเดียนำ ความหมายสีของดอกไม้ ยอดนิยมมาพูดถึงกันสักหน่อยเผื่อหนุ่มๆ หรือสาวๆ คนไหนจะซื้อให้แฟน หรือให้คนที่แอบชอบ เพื่อที่จะได้ส่งความหมายดีๆ ให้กับคนที่คุณรัก

แดง(2)_resize

เริ่มที่สีแรกที่นิยมให้กันคือ สีแดง สัญลักษณ์แทนหลายๆสิ่ง ที่เกี่ยวกับความรัก ความสวยงาม ความเข้มแข็ง ความกล้าหาญ

 

ส้ม (1)_resize

สีส้ม เป็นสัญลักษณ์แทนความอบอุ่น  ความกระตือรือร้น และความอดทน

 

เหลือง (1)_resize

สีเหลือง เป็นสัญลักษณ์แทนมิตรภาพ หรืออาจจะแทนความสุข และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

 

ชมพู (1)_resize

สีชมพู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทน ความสง่างาม ความสวยงาม ความวัยเยาว์ ความกตัญญู แต่ถ้าเป็นกุหลาบสีชมพูจะมีหลายแบบและความหมายที่แตกต่างกันออกไป เช่น ชมพูอ่อน จะหมายถึงการเฉลิมฉลอง ในขณะที่ชมพูเข้ม จะหมายถึงความรู้สึกขอบคุณ

 

ขาว (2)_resize

สียอดนิยมสีสุดท้ายคือ สีขาว จะเป็นสัญลักษณ์แทนความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา หรืออาจหมายถึง ความพอประมาณ และความงดงาม

รู้แบบนี้แล้วคุณหนุ่มๆ หรือสาวๆ ที่จะซื้อดอกไม้ให้แฟน สามารถใช้สีของดอกไม้สื่อถึงความหมายสุดโรแมนติกได้เลยนะคะ รับรองว่าคนที่ได้รับจะต้องปลื้ม และซึ้งตรึงใจในความหมายอย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : Pinterest

สูตรคำนวณปริมาณไวน์ในงานแต่งให้ดื่มได้พอดีแบบไม่ขาดไม่เกิน

ว่าที่บ่าวสาวคู่ไหนที่ยังสับสนอยู่ว่า เอ๊ะ! งานแต่งของเราต้องใช้ ไวน์ เลี้ยงแขกเท่าไหร่ถึงจะพอ ตอนนี้วางใจหายงงได้แล้วค่ะ เพราะเรามี “สูตร คำนวณปริมาณไวน์ สำหรับใช้ในงานแต่ง” มาฝากกัน ซึ่งเราจะต้องกะปริมาณให้พอดีกับจำนวนแขกและเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ใช้ในงานด้วย (น้ำเปล่า, น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลม) แต่สำหรับงานไหนที่เจ้าภาพใจป้ำเลือกบริการไวน์ซะเป็นส่วนใหญ่ แนะนำให้ใช้ไวน์แดง 80 % และไวน์ขาว 20 % เพราะแขกส่วนใหญ่นิยมดื่มไวน์แดงมากกว่า ส่วนจัดเลี้ยงแบบไหนต้องคำนวณปริมาณไวน์ยังไง เตรียมเครื่องคิดเลขให้พร้อมแล้วตามไปดูกันเลยจ้า

สำหรับงานเลี้ยงแบบเดิ้นๆ อย่าง “ซิทดาวน์ดินเนอร์” ปริมาณของไวน์ที่ใช้ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดงหรือไวน์ขาวก็ขึ้นอยู่กับเมนูอาหารที่จัดเสิร์ฟเป็นคอร์ส ซึ่งจะต้องเลือกให้เข้ากันกับอาหารแต่ละเมนู เช่น ไวน์แดงต้องทานกับเนื้อ ส่วนไวน์ขาวต้องทานกับปลา เป็นต้น

งานเลี้ยงเอาใจผู้ใหญ่แบบ “โต๊ะจีน” จะนิยมใช้ไวน์แดงเป็นส่วนใหญ่ แขกแต่ละคนจะดื่มประมาณ 1.5 แก้ว สามารถคำนวณไวน์ที่ต้องใช้ได้ตามสูตรด้านล่างนี้

งานเลี้ยงสไตล์ชิลล์ๆ แบบ “ค็อกเทล” ที่เน้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว อาจจะต้องเพิ่มจำนวนไวน์เป็น 2 แก้วต่อแขกหนึ่งคน ถ้ายังงงก็กดเครื่องคิดเลขตามสูตรนี้เลยจ้า
ส่วนงานไหนที่มี “After Party” แนะนำให้เจ้าภาพประมาณจำนวนแขกที่จะอยู่ร่วมปาร์ตี้อีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าต้องเพิ่มจำนวนไวน์เป็น 3-5 แก้วต่อแขกหนึ่งคนด้วย จะได้สนุกกับปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่
บอกวิธีคำนวณกันไปขนาดนี้แล้วหวังว่าบรรดาเจ้าภาพงานแต่งคงจะไม่พลาดเรื่องการเตรียมไวน์นะคะ ส่วนการดื่มไวน์ต้องใช้แก้วแบบใดจึงจะสวย หรู ดูดี ติดตามกันต่อในตอนถัดไปได้เลยจ้า

อ่านเพิ่มเติม >> 4 ข้อมูลเบื้องต้นที่บ่าวสาวควรทราบหากจะเสิร์ฟไวน์ในงานแต่ง <<

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท Ambrose Wine

ชุดแต่งงานเลอะ ! เทคนิคเอาตัวรอดจะทำยังไงเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นกับชุดเจ้าสาว

“SOS! ขณะนี้เกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาวแสนสวย ชุดแต่งงานเลอะ ซึ่งอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าต้องใส่ขึ้นเวทีแล้ว” ถ้านี่คือความกลัวลึกๆ ในใจของบ่าว – สาวที่วันวิวาห์กำลังจะมาถึง แพรวเวดดิ้งขอบอกว่า ณ โมเมนต์ฉุกเฉินแบบนี้คงไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเอง แต่ถ้าเจอแล้วต้องทำอย่างไร อ่านเทคนิคเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในงานแต่งที่คุณไม่อยากเผชิญโดยกูรูเฉพาะทางตรงนี้ได้เลย รับรองว่าเหตุไหนเหตุนั้น คุณคนเดียวก็เอาอยู่ 

SOS no.1 : ไวน์หกใส่ เจออย่างนี้อย่าเพิ่งวีน

ยืนยิ้มสวยอยู่ดีๆ ลุงขี้เมาหมุนตัวเหวี่ยงไวน์แดงมาเลอะชุดซะงั้น ทันทีที่ประสบเหตุขอให้รีบหากระดาษทิชชู ผ้า หรือสำลีสะอาด ๆ มาซับคราบไวน์ออกไปก่อน จากนั้นดึงผ้าให้ตึงโดยให้รอยเปื้อนอยู่ตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทโซดาลงไปที่รอยเปื้อน เมื่อรอยจางลงจนรู้สึกว่าสีอ่อนที่สุดเท่าที่จะอ่อนได้แล้ว ให้หยดน้ำสบู่ลงไปแล้วใช้มือสะอาดขยี้เบาๆ ก่อนจะเทน้ำผ่านรอยเปื้อนเพื่อล้างคราบสบู่ จากนั้นใช้ดรายร์เป่าให้ผ้าแห้ง โดยถือดรายร์ห่างจากผ้าสัก 1 ไม้บรรทัดแล้วดรายร์แบบส่ายไปมา เนื่องจากผ้าบางชนิด เช่น ผ้าในตระกูลไหมไม่ทนความร้อน ถ้านำดรายร์ไปจ่อตรงๆ ผ้าจะย่นทันที ทางที่ดีใช้ลมเย็นหรือพัดลมเป่าจะดีที่สุด ในกรณีที่รอยซึมลึกจนเห็นเป็นวง อาจโรยด้วยแป้งหรือใช้ดินสอเขียนผ้าสีขาวเพื่อกลบรอย

SOS no.2 : เส้นสปาเกตตี้ขาด

ร้านชุดที่ว่าโปร บางทีก็พลาดได้เหมือนกัน เพราะมีหลายครั้งที่เจ้าสาวต้องประสบเหตุสายสปาเกตตี้ขาดผึงเทคนิคเอาตัวรอดเบื้องต้นคือ หาเข็มกลัดเล็กๆ มากลัดไว้ก่อน ถ้าคิดว่าชัวร์ก็จบแค่นั้น แต่ถ้ายังไม่มั่นเต็มร้อยก็แค่จับสายสองด้านให้เท่ากันแล้วเย็บได้เลย

สิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาดคือ ตัดสายทั้งสองออกไปหรือซ่อนสายให้กลายเป็นชุดเกาะอก เพราะชุดสองทรงนี้ออกแบบมาให้แนบเนื้อคนใส่ไม่เท่ากัน ดีไซเนอร์ส่วนใหญ่จะทำชุดเกาะอกให้แน่นตั้งแต่ช่วงหน้าท้องและเอวขึ้นมาต่างจากชุดสายสปาเกตตีที่จะไม่แน่นมากเพื่อให้เจ้าสาวรู้สึกสบาย หายใจโล่ง เจ้าสาวนางไหนปรับชุดให้เป็นเกาะอกชุดจะดูหลวมไม่เป๊ะทันที

SOS no.3 : กระโปรงขาด กางเกงปริ

เหตุขาดๆ เกิดได้ทั้งบ่าว – สาวฉะนั้น ไม่ว่าจะคุณหรือเขาก็ต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทุกเมื่อ ถ้ากระโปรงผ้าทึบขาดให้เอาเข็มกลัดกลัดรอยขาดจากด้านในแค่นี้ก็ปิดจ๊อบ แต่ถ้าเป็นกระโปรงผ้าซีทรูเมื่อไรอันนี้เรื่องใหญ่ ให้ใช้วิธีเย็บด้วยเส้นเอ็นเย็บผ้าที่ทางร้านเตรียมไว้ในกล่องช่วยชีวิต รับรองว่าเกือบเนียนสนิท ถ้าไม่โดนจับผิดซะก่อน

สำหรับเจ้าบ่าวก็ไม่น้อยหน้า เพราะหลายครั้งหลายคราที่เป้าแตกก้นปริ เหตุเพราะตอนไปลองที่ร้านไม่ซ้อมลุกนั่งเหมือนการใช้งานในวันจริงบวกกับผ้าที่ตัดกางเกงไม่ใช่ผ้ายืดเหมือนยีนที่ใส่ประจำ ตอนฟิตติ้งยืนส่องกระจกก็ว่าหล่อดี แต่นั่งลงทีแทบไม่อยากลุก ทางรอดมี 2 ทาง คือเย็บเก็บรอยปริหรือเตรียมกางเกงสีดำสำรองเอาไว้ เพราะเข้าได้กับเสื้อทุกสีและทุกสถานการณ์

SOS no.4 : เลอะหมึกปากกาเป็นเส้น

หมึกปากกาอาจพลาดมาเลอะโดนกระโปรงได้ วิธีแก้ไขเฉพาะหน้าคือ ฉีดสเปรย์ผมหรือเทแอลกอฮอล์ลงบนเส้นหมึก ต่อด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำค่อย ๆ ซับหมึกออก ทำซ้ำไปมาแบบนี้ 4 – 5 รอบ เมื่อสีหมึกเริ่มจางให้ใช้ชอล์กเขียนผ้ากลบซ้ำอีกครั้ง

ถ้าผ้าที่เปื้อนหมึกเป็นไหมแท้หรือไหมชีฟอง ให้ใช้ชอล์กเขียนผ้ากลบรอยได้เลย เพราะสเปรย์จะทำให้ผ้าย่นเป็นคลื่นเสียหายทั้งผืนทันที

SOS no.5 : วิ่งวุ่นเมื่อของไม่ครบ

สองเหตุฮ็อตฮิตที่เจอบ่อยสุดๆ แต่แก้เองได้ไม่ยาก

• ลืมเอาสายคอร์เสตมา : ใช้ริบบิ้นผูกผมสีขาว ขนาดกว้าง 1.5 – 2 เซนติเมตรมาร้อยแทน

• ลืมคัฟลิงค์ : ใช้กระดุมสำรองที่ติดมากับเสื้อแทน

SOS no.6 : ลิปสติกใช้ทาปากไฉนร่วงลงมาอยู่บนชุด

เพราะความรีบร้อนไม่ทันระวัง บางครั้งช่างแต่งหน้าก็พลาดทำพู่กันเขียนปากหล่นใส่ชุดเจ้าสาวได้เหมือนกัน ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไร ให้โทร.ไปขอน้ำตาลทรายขาวเนื้อละเอียดจากโรงแรมมาเป็นอันดับแรก เมื่อได้แล้วนำมาโรยลงบนรอยลิปสติกจากนั้นใช้นิ้วสะอาดค่อย ๆ ถูวนตรงรอยเปื้อนเพื่อขัดให้เนื้อลิปสติกหลุดออก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดซับรอยเปื้อนอีกครั้ง

SOS no.7 : เกสรฟุ้งกระจาย

ดอกลิลลี่ยอดฮิตมีแกนกลางเต็มไปด้วยเกสรที่พร้อมจะฟุ้งกระจายได้ตลอดเวลา ถ้าเมื่อไรที่ลอยละล่องมาตกลงบนชุดเจ้าสาวสีขาว อย่าใช้มือปัด ปากเป่า ผ้าชุบน้ำหรือผ้าแห้งเช็ดโดยเด็ดขาด เพราะละอองเกสรจะย้ายไปเลอะบริเวณอื่นแทน ให้ใช้สก็อตช์เทปที่มีความเหนียวแปะบริเวณที่เกสรปลิวมาตกแล้วดึงออกทีละจุดจากนั้นใช้สำลี ทิชชู หรือผ้าจุ่มผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางมาซับให้คราบเกสรจางหรือหลุดออกไปอีกครั้ง

ข้อแนะนำหากเกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาว
อุปกรณ์ช่วยชีวิตหากเกิดเหตุร้ายกับชุดเจ้าสาว

SOS no.8 : ขึ้น ลง ติด และซิปแตก

เจ้าสาวบางคนมั่นใจว่าฟิตติ้งมาดี รูดซิปขึ้นเบามือ รูดซิปลงก็ไม่หายใจ แต่วันจริงกลับเจอเหตุการณ์ซิปแตกซะงั้น ทางรอดเดียวคือ สนด้ายคู่เข้าเข็ม มัดปม แล้วเริ่มเย็บขวางรอยซิปซ้ำไปซ้ำมาให้ช่องไฟห่างกัน 1 เซนติเมตร และควรเย็บจากด้านล่างข้นึ มาด้านบนวนไปมาอย่างต่ำ 3 รอบ โดยย้ำตรงหัวกับท้ายให้มากเข้าไว้เพื่อความแน่นหนา ไม่ต้องสนใจว่าจะมีรอยรูเข็มอะไรทั้งสิ้น เพราะรูเข็มเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความปลอดภัยในการสวมใส่ ฉะนั้นเย็บให้แน่นเอาชัวร์ไว้ก่อน เสร็จงานเม่อื ไรค่อยเอากรรไกรตัดด้ายออก

ส่วนเรื่องที่ว่าอุปกรณ์จะหาได้จากไหนคำตอบง่ายๆ คือ ขอจากทางโรงแรม แต่ร้านชุดที่เตรียมพร้อมส่วนใหญ่จะให้กล่องช่วยชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ตัดเย็บมาด้วย ฉะนั้นอย่าลืมถามหากล่องนี้ก่อนนำชุดออกจากร้าน

พึงระลึกไว้เสมอว่า เมื่อเจอเหตุฉุกเฉินจงตั้งสติไว้ แล้วพิจารณาว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นค่อยๆ แก้ไปทีละปัญหา อย่าผลีผลามสติแตกทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรเสีย เราขอให้บ่าว – สาวทุกคู่โชคดีไม่เจอเหตุระทึกขวัญวันวิวาห์ดังที่ว่ามานะคะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนงานแต่งงานและดูไอเดียต่างๆ ได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพเปิด : www.devotedtoyou.com

คุยกับเวดดิ้งแพลนเนอร์ยังไงดี หากมีงบจัดงานแต่งน้อยแต่อยากได้งานแต่งงานเริดๆ

แพรวเวดดิ้งรู้มาว่าบ่าวสาวชาวออฟฟิศหลายคู่ไม่กล้าใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ เพราะกังวลว่ามี งบจัดงานแต่ง น้อย คงจะไม่สามารถจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์มาเนรมิตงานแต่งงานได้หรอก เราเลยไปพูดคุยกับ “คุณโอ๊ค – วิทวัส อุดมกิตติ แห่ง Love Indeed The Wedding Planner and Decoration Organizer” เพื่อมาให้คำแนะนำการใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์แบบสบายกระเป๋าพร้อม เทคนิคจัดงานแต่งให้สวยเริดในงบจำกัด

งบไม่เยอะ คุยกับแพลนเนอร์อย่างไร

ควรตั้งงบไว้ในใจและคิดว่าอยากให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด จากนั้นคุยกับแพลนเนอร์ตรงๆ ว่ามีงบเท่านี้อยากได้แบบนี้ ทำได้ไหม หากงบน้อย น่าจะกันเงินไว้สำหรับการตกแต่งราว 20 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังทำได้ โดยเน้นไปที่แบ็กดร็อปกับเวที
เพราะแบ็กดร็อปเป็นเฟิร์สต์อิมเพรสชั่น ส่วนเวทีเป็นจุดรวมสายตาของแขก แต่ถ้างบน้อยลงมาอีก ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมเชียร์ให้เลือกเวทีเพราะเป็นจุดรวมทุกซีเควนซ์ ถ่ายภาพออกมาแล้วเห็นการตกแต่งชัด ส่วนกรณีที่เงินเหลือแนะนำให้เพิ่มซุ้มทางเข้างานเพื่อสร้างความว้าวตั้งแต่แรกเห็น

งบน้อยจัดธีมนี้สิ…รอดชัวร์

แนะนำธีมแกตส์บี้ เพราะไม่ต้องถมดอกไม้เยอะสามารถตกแต่งให้งานดูสวยฟูฟ่าได้ด้วยพร็อปอย่างผ้าเล่อื มขนนก ฯลฯ ซึ่งสามารถเช่าได้ในราคาไม่แพง

ข้อแนะนำพิเศษจาก Love Indeed

1. เลือกโรงแรมที่ตกแต่งสวยอยู่แล้วหรือมีเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่งในงานได้

2. ดูว่าในแพ็คเกจของโรงแรมให้อะไรบ้าง เช่น ถ้าให้ดอกไม้มาตรฐานตามจุดต่างๆ ลองเจรจาขอนำดอกไม้ทั้งหมดมารวมกันในกระถางโรมัน 2 – 4 ใบ แล้วใช้ตกแต่งเวที หน้างาน หรือทางเข้างาน

3. คุยกับแพลนเนอร์ว่าสามารถเตรียมงานเองในส่วนไหนได้บ้าง เช่น สถานที่ อาหาร การ์ดแต่งงาน หรือของชำร่วยจะได้ทุ่นค่าจ้างลง ส่วนที่เหลือค่อยให้แพลนเนอร์จัดการให้

3. กรณีที่ใช้จ่าย Minimum Spend กับโรงแรมแล้วได้ทุกอย่างครบ แต่อยากให้งานดูพิเศษขึ้นอาจขอใช้บริการเช่าพร็อปเสริม หรือใช้บริการจัดโต๊ะแบบลองเทเบิลสำหรับแขกวีไอพีเพื่อสร้างความประทับใจ ซึ่งเราเองก็มีบริการในราคามิตรภาพอย่างที่บ่าวสาวนึกไม่ถึง

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

8 อาหารเจ้าสาวต้องจำให้ดีห้ามกินก่อนลองชุดแต่งงานเด็ดขาด

ไม่ว่าคุณจะออกงานใดๆ สำคัญมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะการเข้าร้าน ลองชุดแต่งงาน ก่อนจะตัดสินใจเลือกชุดสวยชุดไหนมาใส่ต้องไม่ลืมเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนไปถึงร้านนะคะ ซึ่งการเตรียมตัวที่ว่าไม่ใช่เรื่องเตรียมเงินไปช้อป แต่คือการเตรียมร่างกายให้พร้อมด้วยการไม่ทานอาหาร 8 อย่างต่อไปนี้ค่ะ เพราะถ้าทานเข้าไปเมื่อไหร่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกชุดสวยแน่นอนค่ะ

1. นม
เพราะนมเป็นอาหารที่มาจากสัตว์ เอนไซน์ของคนเราจึงไม่สามารถย่อยและจัดการมันได้ทั้งหมด เสี่ยงท้องอืดเอาได้ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนค่ะว่าอาหารท้องอืดส่งผลให้พุงป่อง แล้วอย่างงี้เวลาลองชุดสวยมันจะไปเป๊ะได้ยังไงละคะ

2. น้ำตาลทุกชนิด
ไม่เว้นแม้กระทั่งสารให้ความหวานแบบทดแทนนะคะ อย่าไปคิดถึงแค่น้ำตาลกรวด น้ำตาลทรายแค่นั้น เพราะของที่ทำให้เกิดรสชาติหวานเหล่านั้นทำให้ท้องคุณอืดได้เช่นกัน

3. เกลือ
โซเดียมตัวดีพวกนี้ทำให้คุณดูบวมและอ้วนกว่าน้ำหนักจริงหลายกิโลฯ ทีเดียวเชียว เกลือจึงเป็นเมนูน่ากลัวสุดๆ หากคุณกินเข้าไปมากๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนติดกินเค็มอยู่แล้ว เอาเป็นว่าก่อนไปลองชุดสวยสักวันสองวันขอให้ลดหรืองดไปก่อน เพื่อความสวยเป๊ะบังเกิดค่ะ

4. ของเผ็ดร้อน
สายแซ่บทั้งหลายจงระวังพุงป่องๆ ที่จะตามมา เพราะการทานของเผ็ดร้อนไม่ได้ช่วยเผาไขมันหน้าท้องหรอกนะคะ ฉะนั้นทานให้จืดเข้าไว้ช่วงก่อนไปลองชุดนะคะ

5. ซอสถั่วเหลือง
สาเหตุแห่งอาการท้องบวมเกิดจากเจ้าซอสถั่วเหลืองนี่แหละค่ะ เพราะซอสถั่วเหลืองนั้นจะไปชะลอระบบย่อยอาหารของคุณให้ทำงานช้าลง ผลก็คือเมื่อคุณทานเสร็จขึ้นรถไปลองชุดทันที ความท้องบวมปรากฎให้เห็นแน่นอน

6. ถั่วต่างๆ
(กรุณาย้อนไปอ่านข้อ 5 นะคะสาวๆ) จะทานก็ได้แต่ต้องน้อยปริมาณเท่าแมวดม อย่าเยอะเด็ดขาด!

7. ผลไม้ต่างๆ
ทั้งนี้คุณสามารถทานตอนท้องว่างได้นะคะ แต่อย่าทานหลังมื้ออาหารเด็ดขาดเพราะมันต้องต่อคิวย่อยนานกว่าปกติ แต่ถ้ากำลังจะไปลองเลยละก็ ลองเสร็จก่อนเนอะค่อยกิน

8. เครื่องดื่มอัดแก๊ซ
งดไปเลยนะคะ คงไม่ต้องสาธยายกันให้มากความว่าทำไมใช่มั้ยเอ่ย

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ : purpleorchidbrides.com

10 ขั้นตอนง่ายเว่อร์แค่ทำตามนี้ก็ได้ชุดแต่งงานสุดเพอร์เฟ็กต์

เตรียมพร้อมตะลุยร้าน ชุดแต่งงาน ด้วย 10 ทริคไม่มีวันล้าสมัยที่แพรวเวดดิ้งรวบรวมและเก็บตกมาให้ว่าที่เจ้าสาวท่องจำก่อนวางใจและวางเงินให้ร้านชุดสวยสานฝันต่อ บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อให้แต่งแล้วลูกโต ทริคทั้ง 10 ที่ว่านี้ยังใช้ได้สบายๆ

1. ตั้งงบประมาณ

ตั้งงบประมาณทั้งหมดสำหรับจัดงานแต่ง จากนั้นถามตัวเองว่าจะทุ่มงบประมาณกับ ชุดแต่งงาน เท่าไร คุณอาจกำหนดเป็นวงเงิน 30,000 – 50,000 บาท หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากงบทั้งหมดก็ได้ เช่น 5 เปอร์เซ็นต์สำหรับชุดหมั้น และ 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับชุดเจ้าสาวจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด เป็นต้น ถ้าลงสนามหาชุดแล้วเกิดเจอชุดถูกใจแต่เกินงบ ก็สามารถเพิ่มงบได้ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมลดงบประมาณด้านอื่น ๆ ลงด้วย เพื่อที่ว่างบประมาณที่ตั้งไว้แต่แรกจะได้ไม่บานปลาย

2. ตามหาร้านที่ใช่

ทุกวันนี้ร้านชุดเจ้าสาวในประเทศไทยมีมากมายจนคุณอาจสับสนว่าจะไปร้านไหนดี จึงควรสืบข้อมูลเกี่ยวกับชื่อเสียงและผลงานของร้านต่างๆ ไว้บ้าง ดีกส่าเดินดุ่มๆ เข้าทุกร้านแบบเสี่ยงไปตามดวง เพราะนอกจากจะเหนื่อยเพลียแล้วยังอาจเสียเวลาเสียอารมณ์ เพราะไม่ได้ชุดที่ต้องการ ซึ่งในเรื่องนี้สังคมออนไลน์ช่วยได้ในเบื้องต้น ลองเข้าไปดูคอมเมนต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับร้านชุดเจ้าสาวที่เล็งไว้ประกอบการตัดสินใจ ดีไม่ดีคุณอาจเจอร้านใหม่ ๆ นอกสายตาก็เป็นได้ จากนั้นให้จัดอันดับร้านชุดโดนใจที่มั่นใจว่าตอบโจทย์คุณได้ทั้งเรื่องฝีมือการตัดเย็บและงบประมาณที่ตั้งไว้อย่าลืมเช็กก่อนไปด้วยว่าแต่ละร้านเปิด – ปิดวันไหนเวลาใด และร้านไหนต้องนัดดีไซเนอร์ล่วงหน้าบ้าง จะได้ไม่เสียเที่ยว

3. เตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ

“ชุดเจ้าสาว” เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการตระเตรียม ช่างเสื้อส่วนใหญ่จึงต้องการเวลาในการตัดเย็บอย่างน้อย 4 – 5 เดือน ระหว่างนั้นคุณต้องเข้าไปลองอย่างน้อย 3 ครั้ง (เว้นช่วงห่าง 1 เดือนต่อครั้ง) ฉะนั้นว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายควรเผื่อเวลาสำหรับเรื่องนี้ไว้มากหน่อย เพื่อที่ช่างเสื้อจะได้มีเวลาทำชุดให้คุณอย่างเต็มที่ไร้ซึ่งแรงกดดัน ขณะเดียวกันคุณเองก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าชุดจะเสร็จไม่ทัน แต่ในกรณีที่ได้ฤกษ์มาแบบเร่งด่วน คุณอาจต้องยอมทุ่มเงินเพื่อเร่งเวลาตัดเย็บหรือหันไปหาชุดเช่าแทน

4. มองหาสิ่งที่เป็นตัวคุณ

เมื่อถามถึงชุดเจ้าสาวในฝัน ว่าที่เจ้าสาวบางคนไม่สามารถตอบได้ เพราะชุดนั้นก็สวย ชุดนี้ก็ชอบ สิ่งที่พึงกระทำเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอคือ การหาข้อมูลแบบชุดเจ้าสาวที่ต้องการไว้ให้มากที่สุด ทั้งจากเราและท่องโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อดูแบบชุดเจ้าสาวที่ชอบทั้งของไทยและเทศ อย่าลืมแยกเก็บข้อมูลตามหัวข้อและประเภทที่ชอบไว้ด้วย เช่น แบบชุดที่ชอบ อารมณ์ลูกไม้ที่อยากได้ เนื้อผ้าที่ฝันถึง คอเสื้อที่สนใจ ฯลฯ เพื่อง่ายต่อการนำมาอธิบายให้ดีไซเนอร์เข้าใจความต้องการของคุณ

5. จำกัดจำนวนผู้ติดตาม

ในการลองชุดเพื่อเลือกแบบครั้งแรกว่าที่เจ้าสาวอาจพาเพื่อนไปช่วยคอมเมนต์สัก 2 – 3 คน เพื่อดูว่าเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่าอย่างไร แต่คุณต้องชัวร์ว่าเพื่อนเซตนี้เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่คุณขอร้องให้ไปด้วยกันจริง ๆ ไม่ใช่พาไปร้านชุดเพื่อเปลี่ยนที่นั่งเมาท์ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นคุณคงเซ็งหนักเมื่อถึงวันไฟนอลที่ต้องตัดสินใจเลือกชุดให้ลดปริมาณเพื่อนที่ไปด้วยเหลือแค่ 1 หรือ 2 คนก็พอ ซึ่งคนคนนั้นควรเป็นคนสำคัญของคุณ อาจเป็นเพื่อนซี้หรือพี่น้องที่มั่นใจได้ว่าปรารถนาดีกับคุณ และเมื่อถึงวันงาน คนคนนั้นก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยคุณดูแลชุดแต่งงานไม่ห่าง

6. เตรียมพร้อมในวันลองชุด

อย่างที่บอกไปแล้วว่า ในการตัดเย็บชุดเจ้าสาว คุณจะต้องกลับไปที่ร้านเพื่อลองให้เป๊ะอย่างน้อย 3 ครั้ง ฉะนั้นในการลองชุดแต่ละครั้ง คุณควรเตรียมความพร้อมให้ตัวเองมากที่สุด โดยเฉพาะในการลองครั้งสุดท้ายที่ชุดเกือบเสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นการสวมชุดชั้นในสีเนื้อที่กลมกลืนกับสีผิว (เป็นชุดชั้นในที่จะใส่ในวันจริงได้ยิ่งดี) เพื่อลองเทสต์ว่าสีชุดชั้นในไม่กระเด้งออกมา นอกชุดเจ้าสาวสีขาว หรือหยิบรองเท้าส้นสูงคู่ที่จะใช้จริงในวันงานมาใส่ในวันลองเพื่อเทสต์ว่าความสูงพอดีกับชายกระโปรงไหม รวมไปถึงนำผ้าคลุมหน้าและเครื่องประดับที่จะใช้จริงกับชุดนี้มาใส่วันลอง เพื่อคอนเฟิร์มเป็นครั้งสุดท้ายว่าเข้ากันได้แน่นอน

7. ลองทุกชุดก่อนเซย์เยส

“ไม่อยากได้ชุดเจ้าสาวแบบเกาะอก” หนึ่งในโจทย์ที่ว่าที่เจ้าสาวหลายคนแจ้งกับดีไซเนอร์ทันทีที่เจอหน้า ในความเป็นจริงคุณไม่มีทางรู้เลยว่าชุดแบบไหนจะเหมาะกับคุณถ้ายังไม่ได้ลอง แต่ก็ไม่ผิดที่คุณจะมีโจทย์แบบนี้อยู่ในใจ (ดีกว่าไม่มีอะไรเลย) สิ่งที่พึงกระทำ คือ เปิดใจให้กว้างแล้วลองรับไอเดียชุดสวยจากดีไซเนอร์ดูก่อน เพราะชุดที่คุณไม่อยากได้ อาจเป็นชุดที่สวยและเหมาะกับคุณที่สุดก็ได้ ในทางกลับกัน ถ้าลองชุดตามคำเชิญแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่จงยึดมั่นในความตั้งใจเดิมของตัวเองไว้ อย่าหลงคำหวานของนักขายมืออาชีพที่ต้องการทำยอดเท่านั้น

8. ลืมเรื่องขนาดที่คุ้นเคยไปก่อน

อย่ายึดติดกับไซส์มาตรฐานเพียงไซส์เดียว และอย่าตกใจถ้าไปร้านชุด 3 ร้านแล้วขนาดของแต่ละร้านไม่เท่ากัน เหตุผลเพราะแต่ละดีไซเนอร์มีรูปแบบการวัดขนาดและเทคนิคการตัดเย็บที่ต่างกัน ฉะนั้นถ้าปกติคุณใส่ไซส์ S พอเปลี่ยนร้าน เปลี่ยนยี่ห้อไซส์ก็อาจขยับมาที่ M ได้เช่นกัน ถ้าคุณซื้ชุดเจ้าสาวสำเร็จรูปคงต้องทำใจ แต่ถ้าตัดใหม่ก็วางใจได้ เพราะชุดที่ได้จะเป็นไซส์ของคุณแน่นอน

9. เช็กทุกมุมก่อนรับชุด

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ร้านชุดส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพชุดไปเผยแพร่อย่างเด็ดขาดจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน แต่ปัจจุบันกลับตรงข้าม เพราะยิ่งถ่ายยิ่งอัพยิ่งช่วยโปรโมต แต่จุดประสงค์ของการถ่ายภาพในข้อนี้คือ การเช็กให้มั่นใจว่าใส่แล้วสวยทุกท่วงท่า ถ้าเห็นว่ามีจุดไหนต้องปรับจะได้ส่งแก้ทันท่วงที นอกจากนี้ว่าที่เจ้าสาวต้องไม่ลืมซ้อมลุก – นั่ง – เดิน – ก้าวขณะที่ลองชุดด้วย เพื่อให้การใช้งานในวันจริงไหลลื่นไม่มีสะดุด

10. อ่านเอกสารสัญญาให้มั่นเหมา

ปิดท้ายการคัดสรรชุดเจ้าสาวในฝันของคุณด้วยการตรวจเช็กเอกสารสัญญาก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อยืนยันการสั่งตัดและรับชุด โดยในเอกสารควรมีรายละเอียดดังนี้

  • เอกสารเกี่ยวกับรูปชุดที่จะตัดเย็บ รูปทรงชุด (ส่วนใหญ่แนบรูปสเก็ตช์และภาพตัวอย่างของคุณไว้ด้วย) ชนิดผ้าที่ใช้ในแต่ละส่วนของชุดตัวอย่างผ้าลูกไม้ที่ใช้จริง สีที่เลือกใช้ ชนิดและสีของริบบิ้นเข็มขัด เป็นต้น
  • รายละเอียดการเข้ามาลองชุดตามจำนวนครั้งที่ตกลงกันไว้ (ระบุวันและเวลาชัดเจน) รวมถึงวันนัดรับชุดเพื่อนำไปใช้ในวันจริง หากเป็นชุดเช่าตัดต้องระบุวันที่คืนชุดแลราคาค่าปรับหากเกินกำหนด
  • รายละเอียดราคาและการชำระเงิน ราคาชุดทั้งหมดที่ต้องชำระ แยกเป็นราคามัดจำ (ต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาชุด) ราคาชำระงวดสุดท้าย ถ้าเป็นชุดเช่าตัดต้องมีการวางเงินประกันชุดอีกครั้ง เมื่อนำชุดกลับมาคืนจะได้รับเงินประกันก้อนนี้คืนเต็มจำนวน หรือถ้าทำชุดเสียหายต้องจ่ายค่าปรับเท่าไร
  • เครื่องประดับเสริมอื่นๆ มีอะไรบ้าง ถ้าทำหายหรือเสียหายต้องเสียค่าปรับเท่าไร

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

รีวิวสถานที่จัดงานแต่งที่ตรงใจของคุณวาล์วน้ำ & คุณหนึ่ง @The St. Regis Bangkok

รีวิว สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ตรงใจทุกอย่างของคุณวาล์วน้ำ & คุณหนึ่ง @The St. Regis Bangkok

เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นตอนที่ทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งทั้งสองคนมีความคิดเหมือนกัน ชอบทำงานเหมือนกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน จึงทำให้คุณหนึ่งรู้สึกถูกชะตากับคุณวาล์วน้ำทันที่เมื่อแรกพบ “เขาเป็นเด็กมหัศจรรย์คนหนึ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น ร่าเริงตลอดเวลา ใครอยู่ใกล้ต้องยิ้มตลอดกับพลังบวกของเขา” คุณหนึ่งพูดถึงเจ้าสาวคนสวย

จากพี่น้องที่คอยให้คำปรึกษากันในทุกเรื่อง ก็เริ่มพัฒนากลายเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันจนกลายเป็นคู่รัก และตกลงใจใช้ชีวิตคู่กันในที่สุด แถมงานนี้เจ้าบ่าวยังจัดเซอร์ไพร้ส์ขอแต่งงานชุดใหญ่ด้วยการปิดโรงภาพยนตร์เพื่อขอเจ้าสาวแต่งงานหลังชมภาพยนตร์เรื่องโปรดของทั้งคู่อีกด้วย

บ่าวสาวจัดงานแต่งงานขึ้นในธีม “Seacret Forest ความลับของผืนป่าและท้องทะเล” ซึ่งงานนี้ได้ Chic Planner มาช่วยเนรมิตงานแต่งงานให้ออกมาอลังการไม่เหมือนใคร“เวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้านี้ไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวยๆ ประดับในงานทั่วไป แต่มีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์ให้งานแต่งงานออกมาสวยงามเป็นอีกโลกหนึ่งได้”นี่เหตุผลที่ทั้งคู่เลือกใช้บริการ Chic Planner

บ่าวสาวและแพลนเนอร์ใช้เวลาในการวางแผนและเตรียมงานแต่งงานกันประมาณครึ่งปี ภายใต้โจทย์ที่มีความยากระดับหนึ่งเนื่องจากวันแต่งงานของบ่าวสาวเป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุดในปี 2019 (วันที่ 9 พฤศจิกายน 2019) ซึ่งบ่าวสาวไม่ทราบมาก่อนแต่ที่เลือกจัดวันนี้เพราะเป็นวันเกิดของคุณแม่เจ้าสาว แต่ด้วยความที่เจ้าสาววางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วว่าอยากได้อะไรในงานแต่งงานบ้าง ด้วยการทำเช็กลิสต์ว่าอยากได้ใครมาจัดการในส่วนไหน และหาเจ้าที่ดีที่สุดในเรื่องนั่นๆ จึงทำให้การเตรียมงานไม่มีปัญหามากนัก

ซึ่งสิ่งที่บ่าวสาวหาก่อนเป็นอันดับแรกก็คือโรงแรม และถึงแม้วันแต่งงานจะเป็นวันฤกษ์ดีแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็สามารถคอนเฟิร์มโรงแรมที่อยากใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานได้สำเร็จ นั่นก็คือ โรงแรม The St. Regis Bangkok

“โรงแรม The St. Regis Bangkok เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เราอยากได้เพราะทุกอย่างตรงใจเราไปหมด ไม่ว่าจะเป็นห้องบอลรูมและห้องสวีทที่อยู่ในแพ็คเกจ พอได้ที่นี่ก็ดีใจมาก ตอนเข้าไปดูสถานที่ทุกอย่างเกินความคาดหมายไปหมด เพราะเป็นโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ มีความหรูหราดูลักซ์ชัวรี่มากๆ ทั้งบรรยากาศในโรงแรม ห้องบอลรูม ห้องพัก รวมไปถึงอาหารที่อร่อยมากๆ

สิ่งที่ประทับใจในการได้มาจัดงานแต่งงานที่โรงแรม The St. Regis Bangkok คือประทับใจตั้งแต่เซลล์ที่เข้ามาดูแลเราตั้งแต่วันแรก ซึ่งดูแลเราดีมากๆ คอยตามเรื่อง คอยเช็กความเรียบร้อยต่างๆ และให้บริการเราดีทุกครั้งที่มาจนถึงวันแต่งงาน อย่างในวันแต่งงานเราเห็นเขาคอยวิ่งจัดการเรื่องต่างๆ ให้เราตลอด โดยเฉพาะเรื่องอาหารภายในงานที่ต้องเติมเพิ่มเดี๋ยวนั้น เพราะแขกมาร่วมงานเกินกว่าจำนวนที่เราตั้งไว้จาก 200 – 300 คน เพิ่มมาเป็น 500 คน เลยรู้สึกประทับใจที่เขาสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้เราได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่เขาดูแลใส่ใจเราทุกเรื่อง

อีกอย่างที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกที่นี่คือ ห้องสวีทที่อยู่ในแพ็คเกจที่เราเลือกเป็นห้องนอนสไตล์โคโลเนียลและเป็นมุมห้องที่สวยมากสามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบพาโนรามา ห้องดูกว้างขวาง สะอาด มีความหรูหรา และมีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้องสามารถมองออกไปเห็นวิวกว้างๆ ภายนอกได้ยิ่งพอเราเหนื่อยจากงานแต่งงานขึ้นมาพักบนห้องก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย อีกทั้งเรายังได้ภาพนิ่งและภาพวิดีโอสวยๆ ภายในห้องนี้อีกด้วย เลยทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างดูลงตัวและสวยงามไปหมด

ส่วนการเดินทางก็สะดวกมากๆ เพราะโรงแรมอยู่ใจกลางเมืองติดกับรถไฟฟ้าสามารถเดินเชื่อมมายังชั้น 2 ของโรงแรมได้เลย รวมไปถึงที่จอดรถก็เพียงพอไม่มีปัญหา ซึ่งวาล์วคิดว่าโรงแรม The St. Regis Bangkok เป็นอีกโรงแรมที่ว่าที่บ่าวสาวควรมาใช้บริการเพราะจะได้ภาพลักษณ์งานแต่งงานที่ไม่เหมือนใครแน่นอน อย่างแขกทุกคนที่มางานเราก็ชมว่าโรงแรมสวย เดินทางสะดวก อาหารอร่อย ซึ่งงานแต่งงานเป็นงานสำคัญครั้งเดียวในชีวิต และสถานที่จัดงานแต่งงานก็เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นที่ที่แขกทุกคนตั้งใจมาหาเพื่อแสดงความยินดีกับเรา เพราะฉะนั้นนอกจากที่เราจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในวันแต่งงานแล้ว  เราก็อยากให้แขกที่มางานเราได้รับสิ่งที่ดีสุดในวันสำคัญของเราด้วยเช่นกัน”

ชุดแต่งงานของเจ้าสาวได้รับการดีไซน์ให้ตรงกับธีมงานด้วยการปักนกลงบนชุดเจ้าสาวจากฝีมือของคุณใหม่ – พลัฏฐ์ พลาฎิ ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ Meshmuseum

การได้มาจัดงานแต่งงานที่โรงแรม The St. Regis Bangkok ถือว่าคุ้มค่ามากๆ และบริการของที่นี่สุดยอดจริงๆ ค่ะ


Venue:
 โรงแรม The St. Regis Bangkok
โทร. 02-207-7777
เว็บไซต์ www.stregisbangkok.com
เฟซบุ๊ก www.facebook.com/TheStRegisBangkok
ไอจี @stregisbangkok
Wedding Planner : Chic Planner โทร. 086-322-9508 (เฟซบุ๊ก www.facebook.com/chicplanner)
Dress : ชุดถ่ายรูปหน้าแบคดรอปจาก Meshmuseum (IG: @meshmuseum), ชุดเปิดตัวและพิธีฉลองมงคลสมรสจาก Elizabeth Bridal (IG: @elisabethbridal), ชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้จาก Keke Stylist (IG: @kekestylist_gallery), รองเท้าเจ้าสาว Jimmy Choo
Groom Suit : Poem Men’s Wear (IG: @poem_menswear), รองเท้าเจ้าบ่าว Louis Vuitton
Make-up : IG @tippymakeup
Hair : IG @monttique
Photo : ช่างภาพ&วิดีโอ IG @vinbuddy, ช่างภาพ 2 IG @yuki.kagawa_photographer, @kokorography
ทีมคิดโคโรกราฟเต้นเปิดตัวบ่าวสาวและเซอร์ไพรส์แดนซ์:เฟซบุ๊ก Step Love Wedding Dance

ไอเดียถ่ายพรีเวดดิ้งให้เป็นตัวเองสุดเจ๋ง จากคู่รักตัวจริงที่มีสไตล์สุดๆ

ไอเดีย ถ่ายพรีเวดดิ้ง 2 สไตล์สุดเจ๋งที่เห็นแล้วบ่าวสาวต้องร้องว้าว!

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ค่ะว่า เดี๋ยวนี้บ่าวสาวให้ความสำคัญกับการ ถ่ายพรีเวดดิ้ง มากกว่าเดิมหลายเท่าทวีคูณ แต่จะให้ถ่ายซ้ำๆ แบบคนอื่นๆ ก็เบื๊อเบื่อ แล้วจะทำอย่างไรให้ภาพถ่ายเหล่านั้นน่าจดจำและบ่งบอกถึงตัวตนคุณทั้งคู่มากที่สุด และแน่นอนว่า เราได้ไปเจอภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเจ๋งๆ ที่ขอบอกเลยว่าสองคู่ที่เรานำมาฝากได้ภาพพรีเวดดิ้งสุดมันที่เป็นตัวของตัวเองมาก ว่าแล้วไปพบกับคู่แรกที่เรานำมาฝากกันเลย

 

Sport Lover Theme

พรีเวดดิ้ง

14500295_1194886690557894_1326575253004719799_o

เอาใจคู่รักคอกีฬาหรือคู่ที่มีกิจกรรมยามว่างเป็นการเล่นกีฬากระชับรักด้วยภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสุดมัน โดยคู่รักคู่นี้จูงมือกันเล่นเวคบอร์ด กีฬาทางน้ำสุดเอ็กซ์ตรีม โดยมีช่างภาพมากความสามารถอย่าง Sanit.portfolio เป็นคนเก็บภาพสุดหฤหรรษ์ที่แฝงไปด้วยความสุข

บ่าวสาวคู่นี้เลือกเวคบอร์ด เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งคู่โปรดปรานมาก แบบนี้ทำเอาคนดูภาพสามารถจินตนาการไปได้เลยว่า นี่คือช่วงเวลาที่น่าจดจำระหว่างฉันและเธอในบึงบ่อที่เราได้เล่นกีฬาที่ชอบด้วยกัน โอ๊ย!! อยากมีโมเมนต์แบบนี้บ้างจุง

14524445_1194869190559644_8426911386716249985_o

พรีเวดดิ้ง

เจ้าสาวมาในชุดสีขาวเกาะอกกระโปรงสั้น เพิ่มความเป็นเวดดิ้งอีกนิดด้วยผ้าคลุมเจ้าสาวยาวถึงช่วงเอว (แหม..จะเอ็กซ์ตรีมขนาดนี้ คงไม่เหมาะกับผ้าคลุมแบบยาวลากพื้นไม่อย่างนั้นพันแข้งพันขาลำบากแน่นอน) ส่วนเจ้าบ่าวมาในมาดเท่กับชุดสูทสีเทา และอุปกรณ์ที่พลาดไม่ได้คืออุปกรณ์การเล่นเวคบอร์ด ที่เราขอออกความเห็นส่วนตัวนิดๆ ว่าคุณอาจจะเลือกบอร์ดสีแจ่มๆ หรือลายสวยๆ มาร่วมเฟรมก็ได้นะคะ รับรองว่าเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ ให้ภาพมีความหมายมากขึ้นแน่นอนค่ะ

พรีเวดดิ้ง

รับดอกไม้บนพื้นดูจะธรรมดาไป เจ้าสาวเลยครีเอทโดยการที่เจ้าสาวจะขึ้นแลมป์ด้านซ้ายมือ และยื่นมารับดอกไม้ เขาทั้งสองจะทำได้หรือไม่

พรีเวดดิ้ง

ขึ้นไปแล้วววววว

14542589_1194872113892685_9089737311289036812_o

 ยื่นมือมารับดอกไม้ จะสำเร็จหรือไม่!!!

14524577_1194872110559352_8469934290992077615_o

เย้ๆ รับได้อย่างไม่ยากเย็น

14409864_1194869310559632_1539447185507252547_o

แล้วตอนลงจะเป็นยังไง!!

พรีเวดดิ้ง

เย้ ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เป็นไงกันบ้างคะ กับภาพถ่ายพรีเวดดิ้งสุดแหกกฎที่เรานำมาฝากแต่หากคู่นี้ยังไม่ใช่ทางของคุณ ลองมาดูคู่สองที่ไอเดียแจ่มไม่แพ้กันต่อเลยดีกว่า

 

Thailand Lover Theme

ถ้าคุณคิดถึงภาพถ่ายพรีเวดดิ้งที่เจ้าสาวห่มสไบแสนสวยกับเจ้าบ่าวนุ่งโจงกระเบนสุดเป๊ะอยู่ ขอให้คิดใหม่ เพราะคู่นี้เลือกที่จะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งจากหัวใจไทยด้วยความรู้สึกที่ปลื้มปริ่มในเอกลักษณ์ไทย จึงผุดคอนเซ็ปต์ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งในคอนเซ็ปต์เพลง “ตัวร้ายที่รักเธอ” สะท้อนความรักของทศกัณฐ์ที่มีต่อนางสีดา และถึงแม้จะมีกระแสดราม่าถึงความสัมพันธ์ของทศกัณฐ์และนางสีดาที่เป็นเพียงพ่อลูกกันเท่านั้น แต่คุณก็อาจจะเลือกถ่ายเป็นพระรามกับนางสีดาได้เช่นกัน ซึ่งงานนี้ได้เปรียบตรงที่เจ้าสาวคนสวยเรียนทางด้านนาฏศิลป์มา จึงได้ประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดความประทับใจ โดยภาพถ่ายแสนพิเศษถูกถ่ายทอดผลงานจาก Pherawit Photographer ภาพถ่ายจะออกมาสวยงามเพียงใดมารับชมพร้อมๆ กันเลย

o95phxcr7jufrwvjpq6-o

o95phacsamjjckmdfd3-o

เปิดภาพมาด้วยบ่าวสาวที่สวมชุดโขน โดยเจ้าบ่าวสวมบทบาทเป็นทศกัณฐ์และแน่นอนว่า เจ้าสาวคนสวยคือนางสีดา และประยุกต์ให้เกิดอาการแหกกฎยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยการถ่ายภาพท่ามกลางบรรยากาศแสงสีในยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร สะกดทั้งสายตาคนที่เดินผ่านไปมา ยิ่งมาเห็นภาพถ่ายที่สมบูรณ์แล้วยิ่งรู้สึกราวกับว่าโลกนี้มีเพียงแค่เราสองจริงๆ

o95po3l11prcsjc5552-o

o95poifp44q1fwglpro-o

ภาพจินตนาการสุดล้ำแบบนี้ จะสวยยิ่งๆ ขึ้นไปอีกต้องไม่ลืมเทคนิกขั้นเทพเชิงกราฟิกลงไปด้วยนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้ภาพสวยไม่เวอร์จนเกินไปยังได้กลิ่นอายความเป็นไทยเพิ่มมากขึ้น ดูภาพถ่ายแล้วเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในวรรณคดียังไงอย่างนั้น

เห็นไหมคะว่าจริงๆ แล้วการเลือกถ่ายภาพพรีเวดดิ้งไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณและคู่รักช่วยกันหาไอเดียที่บ่งบอกถึงตัวตนของคุณทั้งคู่ เพื่อให้เกิดเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำ ไม่แน่นะคะว่าไอเดียของคุณอาจจะปังกว่าภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของอีกหลายคู่ที่คุณเคยดูมาก็ได้ นอกจากนี้เรายังมีภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเก๋ๆมาฝากปิดท้ายด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพสวยๆจาก : Sanit.portfolio และ  Pherawit Photographer