Step by Step พิธีแต่งงานจีน แบบเป๊ะๆ จัดอย่างนี้สิผู้ใหญ่ปลื้ม

พิธีแต่งงานจีน แบบ Step by Step การันตีความเป๊ะ

“พิธีแต่งงานจีนที่ตรงตามประเพณีเป๊ะๆ จัดกันอย่างไร” เป็นคำถามที่เราเองก็สงสัยไม่แพ้กัน เพราะแม้ว่าจะได้รับเกียรติให้ได้เข้าร่วมหลายครั้ง แต่จนวันนี้ก็ยังงงๆ กับสูตร พิธีแต่งงานจีน ที่ไม่เหมือนกันสักครอบครัว เพราะบางบ้านก็จัดแบบรวบรัดขั้นตอน หรือมีผสมงานไทยเข้ามาด้วย เอาเป็นว่าบ่าวสาวคู่ไหนที่สงสัยเหมือนกัน และอยากจัดให้ถูกต้องตามประเพณี อ่านบทความนี้แล้วค่อยลงมือจัดงานก็ยังทันนะจ๊ะ

สิ่งแรกที่บ่าวสาวต้องทำหลังจากตกลงว่าจะแต่งงานกันแน่นอนแล้วคือนำวัน เดือน  ปีและเวลาเกิดไปให้ซินแสผูกดวงเพื่อหาวันมงคลในการทำพิธีต่างๆ (สมัยก่อนหน้าที่นี้จะเป็นของฝ่ายชาย แต่ปัจจุบันบ่าวสาวคล้องแขนไปด้วยกันก็ไม่ผิด) ซึ่งวันมงคลที่ว่าไม่ได้หมายถึงวันสู่ขอหรือวันทำพิธีเท่านั้น แต่บางบ้านที่เคร่งมากๆ อาจรวมถึงวันและเวลาที่จะลงกรรไกรตัดชุดแต่งงานด้วย

วันสู่ขอ

ฝ่ายชายจะเดินทางไปบ้านฝ่ายหญิงตามฤกษ์ที่ได้จากซินแส โดยไปพร้อมกับแม่สื่อ (ถ้ามี) เถ้าแก่ และพ่อแม่ ตามมารยาทที่ดีควรเตรียมของฝากเล็กๆ น้อยๆ ไปกำนัลครอบครัวฝ่ายหญิง อาจเป็นขนมที่สืบรู้มาว่าชอบกินกันเป็นพิเศษหรือจะเป็นกระเช้าผลไม้ก็ได้เหมือนกัน

วันนี้ฝ่ายชายต้องแจ้งกำหนดการจัดพิธีต่างๆ ให้ครอบครัวฝ่ายหญิงได้รับรู้ รวมถึงต้องไม่ลืมตกลงกันว่าฝ่ายไหนจะดูแลค่าใช้จ่ายในวันใดบ้าง ที่นิยมทำกันคือ วันหมั้นฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายงานเลี้ยง ส่วนวันแต่งงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย แต่ข้อกำหนดนี้ไม่ตายตัว สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามฐานะและการตกลงกันของบ่าวสาว หากคู่ไหนตกลงใจสร้างบ้านใหม่ก็อาจพูดคุยหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะปลูกที่ไหน บนพื้นที่ของใคร เมื่อตกลงทุกเรื่องเรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายค่อยแยกย้ายไปเตรียมของสำหรับใช้ในพิธีต่างๆ เพื่อรอวันยกขันหมาก

เจ้าสาวตระเตรียม

ฝ่ายหญิงต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้และเครื่องแต่งงานไว้ ดังนี้

  1. เอี๊ยมแต่งงาน คือ เอี๊ยมแดงที่ตรงกลางเป็นช่องกระเป๋าปักตัวอักษรจีน ซึ่งแปลว่าอยู่กินกันจนแก่ 100 ปี ในกระเป๋าใส่เมล็ดพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ถั่วเขียว สาคู ถั่วแดง (ห่อไว้ในกระดาษแดง) เพื่ออวยพรให้รุ่งเรืองงอกงาม พร้อมใส่เหรียญทองลายมังกร (บางบ้านใส่เงินเพิ่มเติมลงไปด้วย) เพื่ออวยพรให้ร่ำรวย จากนั้นเสียบปิ่นทองไว้ที่ปากกระเป๋าเอี๊ยมเพื่ออวยพรให้สมปรารถนา พร้อมใส่ต้นชุงเฉ้า ต้นไม้มงคลที่หมายถึงความมีเกียรติ
  2. ต้นชุงเฉ้าหรือต้นเมียหลวง 2 ต้น ให้ความหมายว่าเป็นเมียเพียงคนเดียว
  3. ส้มเช้ง 1 ถาดใหญ่ ติดตัวหนังสือ “ซังฮี้”แปลว่าคู่ยินดี (ปริมาณมากน้อยแล้วแต่กำหนด)
  4. ชุดลำไยแห้ง 2 ชุดและลูกลำไยแห้งอวยพรให้มีความหวานชื่น
  5. ใบทับทิม เตรียมไว้ประดับของทุกถาดที่ฝ่ายชายต้องยกกลับ
  6. เซฟแดง สำหรับใส่เงินทองและเครื่องประดับที่เจ้าสาวนำติดตัวออกไปจากบ้าน
  7. ของใช้สำหรับเจ้าสาว ได้แก่ กะละมังสีแดง 2 ใบ ถังน้ำสีแดง 2 ใบ กระป๋องน้ำสีแดง 2 ใบ กระโถน 1 ใบ กระจก กรรไกร ด้าย เข็ม
  8. ถาดใส่ของ จัดเตรียมไว้เป็นคู่กี่คู่ก็ได้
  9. แผ่นรูปหัวใจสีแดง สำหรับติดเครื่องประดับทองและเพชร จะมีจำนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานะเจ้าสาว
  10. พัดแดง สำหรับเจ้าสาวถือตอนส่งตัว
  11. รองเท้าเกี๊ยะสีแดง 1 คู่ สำหรับใส่ในเช้าวันแรกที่อยู่บ้านฝ่ายชาย
  12. หมอน 1 ชุด ได้แก่ หมอนข้าง 1 คู่ หมอนหนุน 1 คู่ หมอนหนุนใบยาว 1 ใบ (มีหรือไม่มีก็ได้) ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม 1 ผืน
  13. ตะเกียง เชิงเทียน ชุดน้ำชา และกาเหล้าสีแดง
  14. ไข่ต้มย้อมเปลือกเป็นสีแดง จัดเตรียมเป็นจำนวนคู่ เพื่ออวยพรให้มีลูกหลานมากๆ
  15. ของขวัญ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติฝ่ายชาย

พ่อแม่เจ้าสาวจะจัดของให้มากกว่านี้ก็ไม่ผิด เพื่อเป็นหน้าตาของครอบครัวและบอกโดยนัยว่าเจ้าสาวไม่ได้มาแต่ตัว ซึ่งเท่าที่ แพรว wedding เคยเห็นมามีทั้งโทรทัศน์จอยักษ์ ชุดโฮมเธียเตอร์ ตู้เย็นขนาดใหญ่ และรถยนต์ แต่ที่หลายคนมองข้ามและมักจะลืมจัดเตรียมไว้คือ หวี 4 เล่ม หรือ “ซี้ซี้อู่หอซิว” แปลว่า มีทรัพย์ตลอดเวลานั่นเอง

เลขใช้แล้วดี – เลขใช้แล้วร่วงกับความเชื่อเรื่องตัวเลขฉบับนานาชาติ

เลขใช้แล้วดี – เลขใช้แล้วร่วงความเชื่อเรื่องตัวเลขฉบับนานาชาติ

ไม่ว่าจะชนชาติไหนก็อยู่คู่มากับความเชื่อด้วยกันทั้งนั้นนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของ เลขใช้แล้วดี ที่มีความเชื่อทั้งคนไทย คนจีน แม้แต่ชาวยุโรป-อเมริกายังมีความเชื่อเรื่องเลขนำโชคหรือเลขบอกลาง เมื่อมีการจัดงานสำคัญจึงมักเอา ตัวเลขเข้ามาใช้คู่กับการประกอบพิธี อย่างเช่น พิธีแต่งงานที่จะนำตัวเลขมงคลมาใช้ตั้งแต่การกำหนดวันที่ ช่วงเวลาการทำพิธีการ จำนวนสิ่งของที่นำมาใช้ หรืออย่างความเชื่อของคนไทย-คนจีนที่เลือกตัวเลขมงคลมาใช้เป็นตัวกำหนดค่าสินสอดทองหมั้น เราก็พอเข้าใจนะคะว่าเรื่องสินสอดในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่บางทีการเลือกใช้ตัวเลขที่ถูกโฉลกก็ช่วยให้อุ่นใจไม่ใช่น้อย จริงมั้ยล่ะคะ?

ความเชื่อของคนไทย

ความเชื่อเรื่องตัวเลขกับคนไทยเป็นของคู่กันมานมนานมากก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องใช้เรื่องฤกษ์งามยามดีซึ่งก็เกี่ยวข้องกับตัวเลขอีกเช่นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่จัดงานพิธีมงคลสมรสหรืองานแต่งงาน เกือบทั้งพิธีที่มีความเกี่ยวข้องกับตัวเลข ได้แก่ วันที่จัดงาน เวลาของพิธีการต่างๆ จำนวนอาหารและขนมที่นำมาใช้ เงิน-ทองค่าสินสอด หรือแม้แต่จำนวนเงินที่ใส่ซองบางคนยังต้องใส่ซองเป็นจำนวนเงินที่เป็นเลขคู่ เพื่อให้บ่าว-สาวได้อยู่เป็นคู่กันตามความเชื่อนะคะ

ตัวเลข

เลขมงคล

  • 8 ความเชื่อของคนไทยมี 2 ความหมาย ทางด้านความหมายดีเชื่อว่าเลขแปดหมายถึง ความร่ำรวยเงินทอง ซึ่งคล้ายๆ กับความเชื่อของคนจีนเลยค่ะ ส่วนอีกความเชื่อให้ตามไปดูในหัวข้อถัดไปนะคะ อิอิ
  • 9 เลขนี้ต้องมาแน่นอนจ้า เพราะเลขเก้าออกเสียงพ้องกับคำว่า ก้าว ที่หมายถึง การก้าวไปข้างหน้าหรือความเจริญก้าวหน้านั่นเองค่า และยังมีอีกความเชื่อที่หมายถึง การมีอายุยืนยาว เลขเก้าจึงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นฤกษ์ดี เช่น วันที่ 9 เดือน 9 เวลา 09.09 น. ได้ทั้งเลขสวยเลขดีเลยทีเดียวค่า

เลขที่ไม่เป็นมงคล

  • 6 เป็นเลขที่สื่อความหมายกับคำว่า หก ได้อย่างตรงตัวเลยค่ะ เหมือนกับเวลาเราทำน้ำหกก็อดดื่มใช่ไหมล่ะคะ เลขหกในความเชื่อที่มีความหมายไม่ดีก็เช่นกัน ทำให้นึกถึงการทำอะไรก็ไม่ราบรื่น พังก่อนที่จะสำเร็จลุล่วง แสดงถึงความล้มเหลวในชีวิต ซึ่งตรงกันข้ามกันเลขเก้าเลยเนอะ
  • 7 มีคำกล่าวโบราณเป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ที่ว่า โทษทุกข์ ทายเสาร์ เลข 7 เป็นเลขแห่งความทุกข์ ความอมทุกข์ ทำอะไรก็ไม่มีความสุข เป็นความเชื่อจากคำกล่าวของคนที่มีความรู้ด้านโหราศาสตร์ คนทั่วไปจึงไม่ได้คิดว่าเป็นเลขอวมงคลซะเท่าไหร่ค่ะ
  • 8 มาต่อกันที่เลขแปดจากเป็นตัวเลขที่เป็นมงคล แต่บางความเชื่อก็กลับกลายให้เป็นเลขที่ไม่ดีไปได้นะคะ โดยคนไทยบางกลุ่มมีความเชื่อที่ว่า เป็นเลขของราหู เลขไม่ดีสื่อถึงการทะเลาะวิวาท จะนำพาความเดือดร้อนมาให้ หากจะนำตัวเลขนี้ไปใช้ก็ต้องอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคลแล้วนะคะว่าจะมองในมุมไหนมากกว่ากัน

คนจีนก็มีความเชื่อเรื่องตัวเลขเหมือนกันนะ เลขไหนดี-เลขไหนร่วงตามความเชื่อจีน คลิกที่หน้าต่อไป >>>

5 วิธีง่ายๆ ช่วยบ่าวสาวสร้างแฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ใช้ได้แบบไม่ซ้ำใคร

ทำยังไงถึงจะมี แฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ไว้ใช้ในงานของเรา??

เดี๋ยวนี้เวลาจะโพสต์อะไรก็ตามในโลกโซเชียล มักจะมีการใส่ # แฮชแท็ก เสมอว่าไหมคะ ยิ่งถ้าเป็นในอีเว้นต์สำคัญๆ ของชีวิตอย่างงานแต่งงาน บ่าวสาวทั้งหลายก็ไม่พลาดที่จะมี แฮชแท็กงานแต่งเก๋ๆ ประจำงานแน่นอน แต่ปัญหาก็คือ บางคู่คิดไม่ออกว่าจะสร้างเจ้าแฮชแท็กนี้ยังไงให้จำง่าย ใช้ได้ และไม่ซ้ำใคร ลองมาดูคำแนะนำจาก แพรว wedding ก่อนจะเริ่มครีเอทคำเจ๋งๆ ของคุณกันค่ะ

 

ขั้นที่ 1 : เริ่มต้นด้วยชื่อของคุณทั้งคู่

หัวใจสำคัญของการสร้างแฮชแท็กก็คือ  การครีเอทคำง่ายๆ จำไม่ยากรวมถึงเดาทางไม่ยาก และต้องไม่ยาวจนเกินจำเป็น  ซึ่งจุดเริ่มต้นธรรมดาๆ ที่ใครๆ ก็ทำกัน นั่นคือการนำเอาชื่อของคุณทั้งคู่มาสร้างเป็นแฮชแท็ก ไม่ว่าจะเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริง (ถ้าเป็นชื่อเล่นก็ขอให้เป็นชื่อเล่นจริงๆ นะคะ ไม่ใช่ชื่อในวงการหรือสมญานามที่เพื่อนๆ เรียกกัน) เพราะอย่างน้อยๆ แขกที่มาร่วมงานจะต้องรู้อยู่แล้วว่า บ่าวสาวชื่ออะไร การติดแฮชแท็กของงานนี้จึงไม่ควรพลาดนำชื่อที่ว่าเป็นจุดตั้งต้น เช่น #modandfern เป็นต้น

ขั้นที่ 2 : ใช้ตัวเลขมาทำให้ต่าง

ขั้นต่อมาคือ นำเอาตัวเลขมาประกอบการตั้งชื่อแฮชแท็ก ซึ่งแน่นอนว่า ตัวเลขที่มาวินสุดๆ ก็คือ ตัวเลขของวันที่จัดงานแต่งงานยังไงละคะ เช่น #modandfern310516

ขั้นที่ 3 : นำคำเรียกพิธีการมาใส่เพิ่ม

นอกจากชื่อบ่าวสาวและวันที่จัดงานแล้ว คุณอาจเพิ่มเติมคำเรียกพิธีการลงไปได้ เพื่อแยก #แฮชแท็ก กันอย่างชัดเจน เช่นคุณจัดพิธีแต่งงานเช้าและงานฉลองมงคลสมรส ก็ใส่คำเฉพะลงไป เช่น #modandfernengagement หรือ #modandfernwedding อะไรแบบนี้

ขั้นที่ 4 : กลัวจะยาวไปก็ใช้แบบย่อ

ในกรณีที่คุณรู้สึกว่าใส่ชื่อจะพิมพ์ยาวเกินไป ก็ลดทอนลงได้ โดยหยิบเอาตัวอักษรแรกของชื่อที่คุณอาจใช้ทำเป็นโลโก้มาสร้างเป็นแฮชแท็กของคุณ เช่น #MFWedding + กับขั้นตอนที่ 2 และ 3 ที่ว่ากันไปแล้ว

ขั้นที่ 5 : ใส่คำเฉพาะคู่ของคุณลงไปต่อท้าย

คำเฉพาะที่ว่านี้ อาจเป็นคีย์เวิร์คที่บ่งบอกสถานะที่กำลังจะเปลี่ยนไปของคุณทั้งคู่ เช่น #modfernthenewbeginning หรือคำแสดงเอกลักษณ์หรือสไตล์ของคนทั้งคู่ เช่น #modfernthehipster อะไรแบบนั้น

https://juliannaarendashphotography.wordpress.com

เมื่อได้แฮชแท็กแบบที่คุณคิดว่าชอบใจแล้ว อย่าเพิ่งผลีผลามใช้ทันทีนะคะ แพรว wedding อยากให้คุณเช็คกันอีกสักนิด ไม่ว่าจะเป็น…

1. ยังไม่มีคนใช้แฮชแท็กนี้แน่นอนนะ เพราะอย่าลืมว่า คู่รักหลายคู่ก็ชื่อซ้ำๆ กันถมเถไป การจะดึงตัวอักษรแรกมาใช้ก็ยิ่งเพิ่มความซ้ำเข้าไปอีก ฉะนั้นถ้าตั้งเสร็จแล้วต้องไม่ลืมกดเช็คก่อนเสมอว่า คำที่ว่าตรงกับคู่อื่นๆ ไหม ภาพที่โพสต์จะได้ไม่ปนกันเละเทะ ซึ่งถ้าเกิดว่ามีคนชื่อซ้ำขึ้นมาก็เพิ่มลูกเล่นหรือเปลี่ยนคำซะ ก็เท่านั้นเอง

2. เช็คกันให้มั่นใจว่าคำที่เลือกมีความเสี่ยงจะสะกดผิดง่ายหรือเปล่า โดยเฉพาะพวกคำห้อยต่อท้ายในขั้นตอนที่ 5 ซึ่งถ้าแขกไม่คุ้นเคยกับคำนั้นๆ แล้วแค่ฟังต่อๆ กันมาว่าใช้คำๆ นี้ต่อท้ายแฮชแท็กก็อาจพิมพ์ผิดกันได้เหมือนกันนะคะ

ส่วนถ้าใครยังกังวลหรือไม่มั่นใจว่า การใช้ตัวเล็กตัวใหญ่จะมีผลกับแฮชแท็กไหม แพรว wedding ขอยืนยันให้ชื่นใจว่า ไม่มีผลนะคะ วันนี้คุณจะพิมพ์ตัวเล็กทั้งหมด พรุ่งนี้จะพิมพ์ตัวใหญ่ทั้งหมดก็พุ่งไปที่จุดเดียวกันได้แบบสบายๆ ขอแค่การติดแฮชแท็กที่ว่า เช็คให้ดี และสร้างสรรค์ให้เฉพาะตัวแบบที่เราแนะนำก็พอ เสร็จแล้วก้ลงมือ ชวนแขกที่เชิญมาติดแฮชแท็กได้เลยค่ะ

คิดแฮชแท็กเก๋ๆ กันได้แล้ว ก็อย่าลืมคิดภาพถ่ายกัน โดยเฉพาะ รวมช็อตเด็ดที่ต้องมีใน ภาพถ่ายงานแต่ง ลิสต์เตรียมไว้กันพลาด

ภาพเปิด : insideweddings.com

เลื่อนจัดงานแต่ง ต้องบอกใครก่อนกันนะ!? เรามีคำตอบมาให้แล้ว

เลื่อนจัดงานแต่ง ยังไงให้ราบรื่น มาดูกัน

แม้จะมีการกำหนดวันฉลองมงคลสมรสเรียบร้อยแล้ว แต่หากเกิดเหตุไม่คาดคิดที่จะทำให้วันแต่งงาน ซึ่งกำหนดไว้อย่างดิบดีมีอันต้องเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลง บ่าวสาวหลายคู่คงเกิดอาการสับสน ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลัง เพราะมีหลายหน่วยเหลือเกินที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งในครั้งนี้ ลองพิจารณาคำแนะนำจากเราไปใช้ดูนะคะ เผื่อแผนนี้จะช่วยทำให้การ เลื่อนจัดงานแต่ง คลี่คลายไปได้

กำหนดวันใหม่ได้เลยไหม

ก่อนที่จะแจ้งกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราอยากให้คุณทั้งคู่ลองคุยกันก่อนนะคะว่า เมื่อต้องเลื่อนวันอย่างกะทันหัน คุณสามารถกำหนดวันใหม่ได้เลยไหม เพราะหากสามารถกำหนดวันใหม่ได้เลย จะดีต่อการแจ้งกับหน่วยงานอื่นๆ ในเรื่องทิศทางการเตรียมงานและมาร่วมงาน โดยกำหนดการวันแต่งงานใหม่นี้ อาจเลือกจากฤกษ์รองลงมาที่เคยได้รับจากหมอดูฤกษ์ยามที่ช่วยกำหนดวันมงคลเป็นทางเลือกแรก  แต่ถ้าไม่มีฤกษ์รองก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วค่ะว่า จะเลือกฤกษ์สะดวกหรือให้หมอดูเช็คเพื่อหาฤกษ์ดีให้อีกครั้ง

แจ้งกับเจ้าของสถานที่จัดงานแต่งงาน

ไม่ว่าคุณจะเช่าแค่สถานที่อย่างเดียวหรือเช่าสถานที่พร้อมการดูแลการจัดงานทั้งหมด หลังจากที่แจ้งว่างานแต่งครั้งนี้ต้องเลื่อนออกไปเป็นวันใหม่แล้ว คุณต้องเช็คให้แน่ใจทันทีว่า ห้องจัดเลี้ยงห้องเดิมที่เลือกไว้ยังว่างหรือไม่ในวันที่กำหนดขึ้นมาใหม่ และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่าไหร่ในกรณีที่ต้องเปลี่ยนวัน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มอาจไม่ได้มีเพียงค่าใช้ห้องเท่านั้น อาจเกี่ยวโยงไปถึงค่าอาหาร ค่าดอกไม้ (ซึ่งราคาดอกไม้มักขยับไปตามฤดูกาลจัดงาน)

หากวันใหม่ที่เลื่อนไม่มีห้องว่างอย่างต้องการ ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่า จะเปลี่ยนวันจนกว่าจะได้ห้องเดิมหรือจะเปลี่ยนสถานที่ไปเลย แต่ถ้าจะให้ดี ควรเช็คกับสถานที่เดิมก่อน เพราะทุกอย่างได้คุยกันไว้หมดแล้ว การเปลี่ยนสถานที่ไปเลย เท่ากับคุณต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ลองดูสถานที่เดิมให้ได้ก่อนนะคะ

แจ้งกับเวดดิ้งพลนเนอร์

เมื่อสรุปวันใหม่คู่ไปกับการยืนยันห้องจัดเลี้ยงได้แล้ว จึงแจ้งการเลื่อนวันกับหน่วยงานต่อไป นั่นก็คือ “เวดดิ้งแพลนเนอร์” ซึ่งหน่วยงานนี้เป็นหน่วยที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังจากที่สรุปเรื่องสถานทีได้ เพราะทีมเวดดิ้งแพลนเนอร์ต้องมีการเตรียมแผนการจัดงานไม่ต่างกัน โดยเฉพาะแผนในการทำงานอื่นๆ ของทีมงาน ที่อาจมีการรับงานอื่นอยู่แล้วในวันที่คุณเปลี่ยนกำหนดการใหม่ รวมไปถึงเรื่องราคาดอกไม้ ซึ่งอาจมีผลต่องบประมาณและค่าใช้จ่ายเดิมที่เคยคุยไว้

แจ้งกับแขกตามลำดับความสำคัญ

หลังจากสรุปวันจัดงานใหม่และคอนเฟิร์มสถานที่ได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องนำกำหนดการใหม่นี้ไปแจ้งกับแขกที่จะเชิญมาร่วมงาน เราขอแนะนำว่า ให้ต่อสายตรงไปยังแขกคนสำคัญๆ เช่นประธานในพิธี  ญาติผู้ใหญ่ที่สนิท เจ้านายหรือหัวหน้างานด้วยตัวเองเป็นลำดับต้นๆ จากนั้นจึงกระจายข่าวบอกเพื่อนๆ ทุกสาย โดยอาจใส่กำหนดการใหม่ไว้ในกรุ๊ปไลน์ หรือแจ้งผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่เป็นช่องทางการติดต่อที่ใช้กันอยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือ อย่าลืมลงท้ายว่า การเลื่อนครั้งนี้มีเหตุปัจจุบันทันด่วนจริงๆ จึงจำเป็นต้องใช้ช่องดังกล่าวเพื่อกระจายข่าวให้ถึงกับทุกคนเพื่อความรวดเร็ว และถ้าเป็นเพื่อนสนิท อาจขอให้เพื่อนๆ ช่วยกระจายข่าวแทนด้วยก็จะยิ่งช่วยให้แขกได้รู้กันอย่างทั่วถึงมากขึ้น

แจ้งกับหน่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

แม้จะเป็นหัวข้อสุดท้ายที่เราเขียนถึง แต่คงต้องบอกว่า หน่วยที่คุณอาจจะต้องรีบแจ้งความเปลี่ยนแปลงนี้ในลำดับต้นๆ ควบคู่ไปกับการแจ้งกับเจ้าของสถานที่ เพราะแม้จะเป็นเพียงหน่วยที่เกี่ยวข้องเล็กๆ น้อยๆ แต่บอกเลยว่ามีผลอย่างมาก นั่นคือ ทีมงานปลีกย่อยทั้งหลายที่คุณจ้างมาในวันงาน ไม่ว่าจะเป็น

  • ร้านขันหมาก : อย่าลืมนะคะว่าในชุดขันหมากไม่ว่าจะเป็นขันหมากไทยหรือจีนมีของสดอยู่ในชุดขันหมาก ยิ่งเมื่อจำเป็นต้องเลื่อนแบบปัจจุบันทันด่วนประมาณว่าก่อนงาน 2-3 วันยิ่งต้องรีบแจ้งอย่างเร็วที่สุด
  • ช่างแต่งหน้า-ทำผม และช่างภาพ : ทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเนรมิตความสวยหล่อและเก็บความทรงจำดีๆ ในโมเม้นสำคัญกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่รับงานเป็นคิวๆ ไป แถมบางคนต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ปีๆ ถ้าคุณจะคืนคิวต้องรีบแจ้งพร้อมล็อกคิวใหม่ทันทีไม่งั้น อาจมีวืดได้
  • ร้านเค้กแต่งงานและซุ้มอาหารต่างๆ ที่นำเข้ามาเอง : นี่ก็เช่นกันค่ะ เป็นหน่วยงานที่คุณต้องรีบแจ้ง เพราะสัมพันธ์กับการเตรียมวัตถุดิบต่างๆ ที่เก็บไว้ข้ามวันข้ามคืนไม่ได้

เราเชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีคู่บ่าวสาวคู่ไหนที่อยากจะเลื่อนวันแต่งงานที่กำหนดไว้แล้วออกไป แต่หากต้องมีเหตุให้เลื่อนจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลามากหรือน้อย หากคุณยังมีรักให้กันอยู่เต็มหัวใจ ไม่ว่าจะเลื่อนไปไกลแค่ไหน เลื่อนด้วยเหตุผลใด แขกที่รอเวลามาร่วมยินดีต้องเข้าใจถึงความจำเป็นอย่างแน่นอนค่ะ เราก็ขอให้ว่าที่บ่าวสาวทุกคนผ่านพ้นช่วงวุ่นวายได้อย่างราบรื่นทุกคนนะคะ

อยากถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง แบบง่ายๆ ไม่ต้องจ้างช่างภาพ ทำได้อย่างไร ต้องอ่าน

ถึงว่าที่บ่าวสาวที่กำลังอยาก ถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง กันเองแบบง่ายๆ โดยไม่อยากจ้างช่างภาพ สามารถทำได้นะจ๊ะ บอกเลยว่าไม่ยาก

เพราะในปัจจุบัน บ่าวสาวหลายคู่อาจจะไม่สะดวกเรื่องเวลาในการต้องเดินทางไป ถ่าย ภาพพรีเวดดิ้ง ในสถานที่ต่างๆ บ้างก็อยากจะประหยัดงบประมาณ เพื่อไปใช้จ่ายด้านอื่น  วันนี้ แพรว wedding เลยถือโอกาศมาแนะนำวิธี ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง กันแบบง่ายๆด้วยตัวเอง เพียงแค่รู้ทริค บ่าวสาวก็สามารถตั้งขาตั้งกล้องถ่ายภาพสวยๆ กันเองได้ไม่ยากเลย หรือจะลองชวนเพื่อนๆไปเป็นตากล้องให้ก็ได้ สนุกดีไปอีกแบบ ว่าแต่จมีทริคอะไร หรือต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างนั้นไปดูกันค่ะ

  1. วางแผนสถานที่ให้พร้อม

สิ่งสำคัญของการ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง หลักๆ ก็คือ บ่าวสาว สถานที่ และความหมายเรื่องราวในภาพ การจ้างช่างภาพสักคนที่สามารถจัดฉาก และเนรมิตสถานที่ให้ออกมาสวยมากกว่าเดิมได้จึงเป็นเรื่องที่นิยมทำกัน เพราะการันตีผลงานแล้วในรดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณอยากจะไปถ่ายกันเอง ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีคนมาช่วยหามุม เซทอัพฉาก ดังนั้นขั้นตอนการวางแผน และหาข้อมูลของสถานที่ที่จะไปถ่ายให้ดี จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากๆเลยล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ไปถึงแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว เสียเวลายังไงล่ะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

2. เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะ

สิ่งที่ได้เปรียบหากจ้างช่างภาพแพงๆ ก็คือ จะมีทีมงานมืออาชีพคอยดูเสื้อผ้า หน้าผม ของคู่บ่าวสาวให้ออกมาสวยเป๊ะปัง แบบที่ว่า สมมติเจอลมแรงๆ จะไม่มีภาพเจ้าสาวผมฟูๆ ออกมาแน่นอน แต่… ถ้าไป ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง กันเองล่ะทำอย่างไรดี ง่ายๆ เลยค่ะ เจ้าบ่าวต้องช่วยเช็คความเรียบร้อยของการแต่งกาย เมคอัพ และผม ของเจ้าสาว ในทางกลับกันเจ้าสาวก็ต้องช่วยดูแลความเรียบร้อยให้กับเจ้าบ่าว ช่วยๆกันเสียเวลาดูซักหน่อย เพื่อภาพถ่ายที่ออกมาจะได้ดีงามสมความตั้งใจอย่างไรล่ะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

3. อุปกรณ์กล้อง เตรียมให้พร้อม

สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะมีภาพสวยๆ ออกมาก็คือ กล้องนั่นเอง บ่าวสาวควรวางแผนกันก่อนว่าใครจะเป็นคนถ่ายภาพให้ จะถ่ายกันเอง หรือรบกวนเพื่อนๆ ให้ช่วย ถ่ายภาพ ให้ จากนั้นมาเลือกอุปกรณ์กล้องที่สะดวกกับผู้ถ่ายเช่น ถ้าถ่ายกันเอง ต้องเตรียมขาตั้งกล้อง กล้องถ่ายภาพ หรือ อาจจะเป็นกล้องแอคชั่นแคม ที่ถือถ่ายแบบสะดวกๆ ในกรณีที่ให้เพื่อนถ่ายให้ ก็เลือกกล้องที่พวกเขาสามารถกดใช้งานได้ง่ายๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งสอนกันให้ปวดหัวเนอะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

4. ดูภาพตัวอย่างเยอะๆ

ก่อนจะออกไป ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ก็ต้องทำการบ้านกันหน่อยนะจ๊ะ ลองดูภาพผลงานตามสถานที่ที่เราอยากไป ว่ามีคู่บ่าวสาวเคยไปถ่ายมาแล้วหรือยัง ถ้ามีลองดูมุมถ่ายภาพ ดูวิธีการแอคชั่นถ่ายภาพของพวกเขาดู เพื่อที่เราจะได้มีไอเดียมาครีเอทภาพถ่ายของเราเอง อย่าย่ามใจว่ามันไม่ยาก บอกได้เลยว่าไปถึงสถานที่แล้ว จะคิดมุมกล้อง คิดท่าทางในการถ่ายภาพสดๆน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคะ

ภาพพรีเวดดิ้ง

5. ทำตัวเป็นธรรมชาติ

บ่าวสาวหลายคนถึงแม้จะคบหากันมาเป็นระยะเวลายาวนาน แต่พอถึงเวลา ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง จริงๆ ก็จะเขินกันเสียเอง ซึ่งถ้าไปกับช่างภาพ พวกเขาจะช่วยบิ้วให้บ่าวสาวผ่อนคลายและไม่เขินกันเอง แต่ถึงแม้เราไปเองก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ฝึกโพสต์ท่ากันไปก่อนเลย ไม่ว่าจะ มองตากันบ่อยๆ แกล้งเขิน หัวเราะ มีความสุข เพียงเท่านี้ พอเวลาไปถ่ายภาพจริงๆ เราก็จะชิน และสามารถแอคชั่นออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ภาพพรีเวดดิ้ง

 

เป็นอย่างไรบ้างคะ ทำตามได้ไม่ยากเลย เพียงแค่ต้องทำการบ้านเตรียมตัวบางอย่างไปก่อนเพียงเท่านั้นเอง ไม่แนะนำให้ไปตายเอาดาบหน้า ณ สถานที่นะคะ เพราะอาจจะไม่รอดเอาได้ … แล้วถ้าใครยังหาสถานที่ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ไม่ได้ เราขอแนะนำ 5 อุทยานแห่งชาติ สถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้ง ไม่ไกลมากได้ภาพสวยปังประหยัดงบด้วย ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ ก็ฟินได้ ในงบสบายกระเป๋า ขอให้ฟินๆแลได้ภาพสวยกันถ้วนหน้าเลยนะจ๊ะ

 

ภาพจาก : Pinterest.com

บ่าวสาวควรรู้ มาดูวิธีทำให้ตัวเองสดชื่นเตรียมตัวก่อนแต่งงานกันดีกว่า

การ เตรียมตัวแต่งงาน มีหลายเรื่องที่บ่าวสาวจะต้องเตรียมให้พร้อมก่อนถึงวันสำคัญ ตั้งแต่สถานที่ เสื้อผ้า หน้าผม แต่อีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การเตรียมความพร้อมของร่างกาย

การ เตรียมตัวก่อนแต่งงาน เป็นสิ่งที่บ่าวสาวต้องคำนึงถึงอย่างมาก ซึ่งก่อนจะถึงงานแต่งงานวันจริง บ่าวสาวอาจจะเจอหลากหลายปัญหาที่เข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาการเตรียมงานทั้งหลายเหล่านี้ จะทำให้เกิดความเครียด และถ้าเครียดมากๆ วันงานแต่งจริงจะทำให้คู่บ่าวสาวไม่สดชื่นเอาได้น้า 

ดังนั้นมาดูวิธีทำให้สดชื่นกันดีกว่า ถึงแม้จะเจอปัญหาจากการเตรียมตัวแต่งงานมากเพียงใด ก็สู้ไหวอยู่แล้ว

1. ออกกำลังกายแต่เช้า เป็นประจำ

การออกกำลังกายแต่เช้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายบ่าวสาวฟิตแอนด์เฟิร์มแล้ว การออกกำลังกายยังช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนยามเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดีสุดๆ ดังนั้นลองตื่นเช้าๆ มาาออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อสักหน่อย จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นนะจ๊ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

2. ดื่มน้ำตอนตื่นนอน

สิ่งที่ควรทำเมื่อตื่นนอนคือ การดื่มน้ำเปล่า 1-2 แก้ว ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพราะน้ำเปล่ามีประโยชน์มหาศาล และที่สำคัญยังช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายดีอีกด้วยค่ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

3. ทานอาหารเช้าเป็นประจำ

สังคมการทำงานในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะไม่รับประทานอาหารเช้ากัน แต่จะเลือกเป็นดื่มกาแฟ หรือนมแทน ซึ่งจริงๆ แล้ว อาหารเช้าคือสิ่งที่สำคัญที่ร่างกายต้องนำไปใช้ ทางที่ดีที่สุดคือตื่นเช้า มาทานอาหารเช้า และลดการดื่มกาแฟ หรือชาในช่วงเช้าลง ถึงแม้เครื่องดื่มเหล่านี้จะช่วยให้พลังงานที่ดีๆ แต่ดื่มบ่อยๆ จะทำลายสุขภาพนะคะ

เตรียมตัวแต่งงาน

4. ก่อนนอนควรแง้มหน้าต่างไว้ เพื่อแสงจะได้เข้าห้องในตอนเช้า

การที่เราจะตื่นขึ้นมาโดยสดชื่นในทุกๆ วัน คือการให้แสงสว่างช่วยปลุก เพราะแสงแดดจะไปกระตุ้นร่างกายของเราให้หยุดขับสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ร่างกายอยากจะนอน ทางที่ดีที่สุดคือก่อนนอนควรแง้มหน้าต่างห้องหรือม่านไว้สักหน่อย เพื่อให้แสงแดดสามารถส่องถึงเราในตอนเช้าได้ค่ะ

เตรียมตัวแต่งงาน

5. ฟังเพลงเพราะๆ ก่อนเริ่มกิจกรรมประจำวัน

ลองหาเพลงเพราะๆ เปิดเบาๆ หลังจากตื่นนอนในทุกวันดูค่ะ เพราะมีผลการวิจัยออกมาว่าถ้าเราฟังเพลงเบาๆ เช่นเพลงคลาสสิคเป็นประจำ จะช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าฟังเพลงเบาๆ แล้วง่วง ลองหาเพลงมันๆ เปิดแทนก็ได้ เพราะการเปิดเพลงสนุกๆ ก็เป็นการช่วยกระตุ้นให้สมองตื่นตัวได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน

เตรียมตัวแต่งงาน

เป็นอย่างไรบ้างคะกับการทำตัวเองให้สดชื่นเพื่อเตรียมตัวรับวันสำคัญ บอกเลยว่าทำได้ง่ายๆ และควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนะคะ นอกจากเราจะเริ่มต้นวันแบบสดชื่นแล้ว สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ควรนำไปทำในเช้าวันแต่งงานนะ เพราะดูแล้วไม่ทันแน่นอนจ้าาาาา

นอกจากนี้ ถ้าเจ้าสาวเครียดเพราะวิตกกังวลก่อนงานแต่งงานจะมาถึง ลองมาอ่าน รวม ผลิตภัณฑ์กลิ่นหอม ช่วยให้ เจ้าสาว ผ่อนคลายหายเครียด

ภาพจาก : Pinterest.com

เคล็ดลับสร้างเล็บสวยให้มีออร่า เพื่อความเจิดจ้าในวันวิวาห์พร้อมแหวนวงสวย

จะเป็นเจ้าสาวทั้งทีก็ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า ผิวกาย หรือว่ารีดหุ่นให้เป๊ะก็ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าสาวต้องให้ความสำคัญทั้งนั้น แต่บางครั้งก็อาจจะหลงลืมกับส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายอย่าง เล็บ เพราะอย่าลืมนะคะว่าในช่วงสวมแหวนหมั้นนั้นภาพหนึ่งช็อตที่จะมีก็คือ ภาพที่เจ้าบ่าวกำลังบรรจงสวมแหวนเพชรให้กับเจ้าสาวนั่นเอง ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าเล็บมือของคุณดูไม่น่ามองเอาเสียเลย จากช็อตประทับใจอาจกลายเป็นช็อตเสียใจได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้น แพรว wedding เลยจัดเคล็บลับการดูแลให้ เล็บสวย มาฝาก รับรองว่าทำง่ายแต่ผลลัพธ์ได้ใจแน่นอน

1. กินอาหารที่ดีและรับประทานวิตามินไบโอติน

อะไรที่ดีกับร่างกายก็จะดีกับเล็บด้วย เพราะเล็บถือว่าเป็นผิวหนังชนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเล็บจึงต้องการความนุ่มนวล การดูแลเอาใจใส่ และการดูแลทางด้านอาหารไม่ต่างกับผิว แถมอาหารสำหรับบำรุงเล็บนั้นก็เป็นอาหารประเภทเดียวกับการไดเอตอีกด้วย เนื่องจากเล็กสร้างขึ้นมาจากโปรตีน เพราะฉะนั้นอาหารที่จะช่วยบำรุงเล็บได้ดีก็คือ ปลาแซลมอนหรือเนื้อไก่ เพราะในปลาแซลมอนนั้นอุดมไปด้วยทองแดงและซีลีเนียมที่จะช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ที่เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของเล็บให้แข็งแรง ซึ่งเนื้อสัตว์ทั้งสองประเภทนี้อุดมไปด้วยแร่ธาตุสังกะสีที่เล็บต้องการ อีกทั้งเล็บยังต้องการวิตามินเอ, บี, ซี และกรดโฟลิคซึ่งสามารถพบได้ในผักใบเขียวและอาหารที่มีไขมันดี อย่างเช่น อะโวคาโดหรือน้ำมันมะพร้าว และถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ดีไปกว่านั้น แนะนำให้ทานวิตามินไบโอตินประมาณ 1-2 วันต่อสัปดาห์

เล็บสวย

2. สร้างความชุ่มชื้นให้เล็บ

อย่างที่บอกว่าเล็บเป็นส่วนหนึ่งของผิว เพราะฉะนั้นเล็บก็ต้องการความชุ่มชื้นเช่นกัน เพราะหากคุณมีผิวหน้าหรือเล็บที่แห้ง ต่อมาความหยาบกร้านและความอ่อนแอก็จะถามหา แนะนำให้นำครีมบำรุงผิวหน้า น้ำมะพร้าว หรือน้ำมันอัลมอนด์มาทาลงบนผิวบริเวณรอบๆ เล็บอย่างน้อยวันละสองครั้ง หรือเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกว่าผิวรอบเล็บเริ่มแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมพกโลชั่นสำหรับบำรุงมือและเล็บติดกระเป๋าไว้ด้วยนะคะ และอีกอย่างที่ต้องระมัดระวังคือการสัมผัสกับสารเคมีต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างห้องน้ำ ฉะนั้นสวมถุงมือทุกครั้งก่อนทำกิจกรรมดังกล่าวนะคะ จะได้ถนอมทั้งมือและเล็บไปพร้อมๆ กัน

3. ไม่ใช้เล็บทำกิจกรรมที่รุนแรง

ในเมื่อเล็บเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังเพราะฉะนั้นก็ย่อมไม่ต้องการการถูกทำร้ายที่รุนแรง เช่น การพยายามใช้เล็บแก้สายไฟหรือสร้อยคอที่พันกัน หรือการใช้ขอบเล็บเพื่อขูดหรือขีดสิ่งต่างๆ เพราะนั่นจะทำให้เล็บของคุณเกิดความเสียหาย หัก หรือบิ่นได้แบบไม่ทันรู้ตัว เพราะฉะนั้นก่อนถึงวันงานควรดูแลเล็บสวยของคุณไว้ให้ดีนะคะ

4. ทำเล็บสวยๆ ไว้รอสวมแหวน

ไม่ว่าจะเป็นการเพ้นต์เล็บ ทาสีเล็บ หรือต่อเล็บเจล ก็ช่วยสร้างความสวยงามให้กับเล็บได้ทั้งนั้น แต่อย่าเลือกลวดลายหรือสีที่ฉูดฉาดเกินไปนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการขโมยซีนแหวนเพชรเม็ดโตเอาได้ และไม่ต้องรีบไปทำล่วงหน้านะคะเพราะกว่าจะถึงวันงานเล็บอาจเสียหายจากการทำกิจกรรมต่างๆ ของเจ้าสาวได้ เพราะฉะนั้นเลือกแบบเลือกสีไว้ในใจ พร้อมหาร้านที่ไว้ใจได้ แล้วค่อยไปทำก่อนถึงวันงาน 1-2 วันก็ยังทัน

สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการบำรุงทั้งจากภายในหรือภายนอกที่เราเสนอไป ถึงแม้จะเห็นผลช้าสักหน่อยก็อย่าเพิ่งท้อใจแล้วหยุดทำไปเสียก่อนนะคะ เพราะผลลัพธ์ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน การที่จะสร้างความแข็งแรงให้กับเล็บนั้นอาจจะต้องใช้กระบวนการที่นานสักหน่อยกว่าจะเห็นผล การดูแลเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเข้าถึงเส้นชัยได้มากที่สุด ให้เวลาเล็บของคุณได้ตอบสนองกับอาหารและวิตามินต่างๆ ที่คุณกินเข้าไปสักหน่อย และถ้าหากเล็บของคุณมีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่แนะนำให้คุณเข้าร้านเพื่อให้มืออาชีพทำการช่วยเหลือหรือซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย รับรองว่าเล็บสวยอยู่แค่ปลายนิ้วมือแน่นอน

 

ติดตามเคล็ดลับความงามดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

 

ภาพ : www.pinterest.com, blog.biosculpture.com.au

3 สถานที่จัดงานแต่งงานยอดฮิต กับไอเดียการตกแต่งงานให้สวยเริด

3 ธีมงานแต่ง กับ 3 สถานที่จัดงานแต่งงาน สุดฮิต … รับประกันความงามและความประทับใจ

สถานที่จัดงานแต่งงาน หลักๆ ที่อยู่ในใจว่าที่บ่าวสาวก็คงไม่อยู่ไม่กี่อย่าง แพรว wedding เลยคัดมาให้กับ 3 สถานที่จัดงานแต่งงานยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็น ภายในห้องบอลรูมสุดหรู งานแต่งมินิมอลในสวนสวย และงานแต่งสุดชิลริมทะเล แถมงานนี้เราขนไอเดียการตกแต่งงานทั้ง 3 ธีมมาให้ด้วยนะ

Ballroom Wedding

สถานที่จัดงานแต่งงาน

การจับเดรปช่วยพรางส่วนที่ไม่ต้องตา ลดพื้นที่ของเพดานที่อาจสูงเกินไป ตลอดจนช่วยลดค่าใช้จ่ายในการถมดอกไม้สด

พร็อปส์และงานโครงสร้างเป็นอีกตัวช่วยในการสร้างธีมเก๋ๆ ให้ฉีกแนวไปเลย โดยไม่ต้องพึ่งดอกไม้สดมากนัก (เซฟไปได้เยอะ)

“การจัดโต๊ะแบบลองเทเบิลเป็นเทคนิคเพิ่มความหรูหราได้ดีอีกวิธีหนึ่ง”

หากไม่สะดวกจัดดอกไม้เป็นเซ็นเตอร์พีชไว้บนโต๊ะอาหาร สามารถวางแชนเดอเลียหรือเชิงเทียนสวยๆ แทนได้แบบไม่ขัดเขิน ถ้ามีจำนวนไม่ครบจะวางเฉพาะบางโต๊ะสลับกับแจกันใส่ดอกไม้ธรรมดาก็ได้

“คริสตัลระยิบระยับช่วยส่งให้งานในห้องบอลรูมดูหรูหราถึงขีดสุด ไม่จำเป็นจะต้องเป็นแชนเดอเลียกลางห้องเท่านั้น คุณสามารถใช้คริสตัลสร้างความเจิดจรัสได้ทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น การประดับเป็นเซ็นเตอร์พีช การห้อยเป็นสายระย้าหน้าแบ็กดร็อป หรือฉากหลังเวที”

ลองหากรอบรูปสวยๆ มาใส่เมนูอาหารหรือเบอร์โต๊ะดูสิ รับรองเป๊ะเวอร์!! แถมหลังงานยังเก็บไว้ใช้ต่อได้ด้วยนะ

“สเปรย์น้ำหอมหรือน้ำมันหอมระเหย ช่วยสร้างอารมณ์โรแมนติกได้ตั้งแต่ก้าวเข้างาน”

การตกแต่งพนักเก้าอี้ ช่วยให้งานของคุณดูมีรายละเอียดที่น่าชื่นชม

จับปูน้อยใส่ธีม…บรรดาเด็กๆ ที่ติดตามพ่อแม่มาด้วยก็ช่วยสร้างสีสันได้ เพียงเตรียมเอเลเม้นต์ที่เข้ากับธีมงาน เช่น ปีกนางฟ้า ที่คาดผมรูปโบอันโต โบไทอันเล็กสีตามธีมงาน ไว้ให้เหล่านางฟ้าเทวดาตัวน้อยใส่วิ่งเล่นทั่วงาน เท่านี้ก็เรียกรอยยิ้มจากแขกได้แล้ว

 

Garden Wedding

  • ใครว่าแชนเดอเลียมีไว้สำหรับห้องบอลรูมเท่านั้น ลองใช้แชนเดอเลียคริสตัลตกแต่งงานในสวนของคุณดูสิ ไม่ว่าจะห้อยจากต้นไม้ เต็นท์ กระโจม หรือตั้งโต๊ะ จะช่วยให้งานของคุณดูหรูหราและโรแมนติกขึ้นอีก 10 เท่าตัว!!
  • คุมโทนความเป็นงานแต่งในสวนด้วยการห้อยการ์แลนด์ดอกไม้เพิ่มเข้าไปกับแชนเดอเลีย ถ้าอยากให้ติดหรูก็ให้เน้นการใช้สีขาว แต่ถ้าอยากให้งานดูหวานก็แค่เปลี่ยนมาใช้เป็นโทนสีพาสเทลแทน

โต๊ะเก้าอี้สีขาวทรงสวยจะช่วยอัพงานในสวนของคุณให้ดูไฮโซราวกับจัดอยู่หลังพระราชวังบัคคิงแฮม

  • ไอเท็มที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ไม้ กรงนก จักรยาน กิ่งไม้ เชือกป่าน ฯลฯ รวมทั้งงานคราฟต์อย่างลูกไม้ เชือกถัก ตาข่ายดักฝัน ฯลฯ ล้วนช่วยเสริมบรรยากาศให้งานในสวนดูมีดีเทล
  • ชิงช้ากับไม้เลื้อยดูจะเป็นกิมมิกยอดนิยมที่ทำให้งานแต่งในสวนของคุณดูน่ารักสุดๆ มีไว้รับรองว่าแขกเข้าคิวถ่ายรูปกันเพียบ หรือจะใช้เป็นจุดถ่ายภาพแทนแบ็กดร็อปก็ไม่เลวนะ

ใช้ต้นไม้สร้างเสน่ห์…ไหนๆ ก็จัดงานแต่งในสวนแล้ว อย่าลืมใช้พระเอกอย่างต้นไม้ใหญ่มาช่วยสร้างบรรรยากาศ ไม่ว่าจะใช้ห้อยตะเกียง ห้อยฟลาวเวอร์บอล ติดรูปพรีเวดดิ้ง หรือแม้แต่ใช้เป็นฉากหลังเวที รับรองว่าไม่เหมือนใครและได้ฟีลสุดๆ

  • เต็นท์สีขาวดูจะเป็นไอเท็ม Must-Have สำหรับงานแต่งในสวน โดยเฉพาะในเมืองไทยที่ฝนจะตกแดดจะออกเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ เตรียไว้ก่อนดีกว่ามานั่งปวดหัววันงานเนอะ
  • ไม่จำเป็นต้องใช้ดอกไม้สดตกแต่งงานเสมอไป ใบไม้นี่แหละเข้าธีมสุดๆ แถมราคาย่อมเยาอีกด้วย

ถ้าในสวนมีน้ำพุ เอาดอกไม้ไปลอย หรือเลื้อยไว้ รับรองว่าเก๋!!

  • ถ้าคุณเป็นเจ้าสาวประเภทสวยลืมตาย อย่างไรฉันก็จะขอใส่รองเท้าส้นสูงในงานแต่ง แพรว wedding มีไอเท็มเด็ดมาแนะนำ นั่นคือ High Heel Protectors จุกเสียบส้นรองเท้าที่จะช่วยให้คุณเฉิดฉายบนพื้นหญ้าหรือพื้นกรวดได้สบายขึ้น แต่เจ้าสาวบางคนก็ใช้จุกไม้ก๊อกมาเจาะรูแล้วสวมส้นรองเท้าแทนนะ
  • ธีมงานแน่นขนาดนี้ อย่าลืมชวนเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวให้เข้ากับธีมด้วย สำหรับเพื่อนเจ้าสาวอาจเปลี่ยนจากชุดราตรีหรูหรามาใส่เป็นชุดพลิ้วไหวลายดอก หรือเดรสสั้นกับรองเท้าส้นแบนดีไซน์สวยๆ ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวก็ไม่ต้องมาดแมนสวมทักซิโดมาให้เหงื่อซกนะคะ เพราะแค่หยิบทักซิโดมาใส่คู่กับเสื้อกั๊ก แล้วแมตช์ด้วยโบไทสีตามธีม เท่านี้ก็หล่อลื๊มมม!!

ไฟราวและแสงเทียนช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและโรแมนติกได้เป็นอย่างดี

  • อย่าลืมวางสเปรย์หรือโลชั่นกันแมลงไว้ให้แขกใช้ด้วย จะได้อยู่ร่วมในงานอย่างมีความสุข

 

Sea Wedding

การแจกแว่นกันแดดดูจะเข้ากับงานของคุณมว๊ากกกก!! เพราะแขกสามารถใช้ได้ทันที ทั้งใช้กันแดดหรือใส่ถ่ายรูปเก๋ๆ ก็ได้ แถมยังทำให้ภาพถ่ายบรรยากาศงานแต่งของคุณดูมีกิมมิกอีกต่างหาก หรือจะใช้แจกเป็นของชำร่วยไปเลยก็ได้นะ

ผ้าสีขาวหรือริบบิ้นพลิ้วไหวไปตามแรงลมยังคงเป็นไอเท็ม Must-Have สำหรับบีชเวดดิ้งอยู่วันยังค่ำ คุณอาจใช้ทำเป็นซุ้มพิธี ผูกไว้กับพนักเก้าอี้ของแขก หรือจะผูกไว้กับสแตนด์ดอกไม้ก็ได้

ใครๆ ก็รู้ว่าทะเลสวยแต่ร้อน!! พัดจึงเป็นอีกไอเท็มที่จะช่วยคลายร้อนให้กับแขกได้ แต่แทนที่จะแจกให้แขกได้ใช้พัดคลายร้อนเฉยๆ ก็ดูจะธรรมดาไป ลองพิมพ์กำหนดการ เมนูอาหาร หรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยากแจ้งให้แขกทราบลงไปบนพัด ทั้งเก๋ไก๋และได้ประโยชน์อีกต่างหาก

เปลี่ยนจากสมุดเซ็นอวยพรธรรมดามาเป็นให้แขกเขียนคำอวยพรใส่กระดาษแล้วม้วนใส่ขวดแก้ว นัยว่าเป็น Message in a Bottle ให้แขกได้ส่งต่อความรู้สึกดีๆ ถึงบ่าวสาวผ่านช่องทางสุดคลาสสิค นอกจากจะดูคูลแล้ว คุณยังนำขวดนี้ไปวางแต่งบ้านได้อีก โกรธเคืองกันวันไหนก็แค่แกะออกมาอ่านข้อความนั้นอีกครั้ง เชื่อเถอะว่าโกรธจะหายแต่จะได้ความซึ้งมาแทนแน่นอน

เจ้าสาวสุดมั่นที่รักธรรมชาติ และอยากถอดรองเท้าเดินในงานแต่ง แพรว wedding ขอแนะนำ Barefoot Sandals หรือสาดคาดเท้าสุดเก๋ไก๋ ที่ดูเหมือนใส่รองเท้าแต่ฟรุ้งฟริ้งทั้งทีจริงๆ แล้วเดินเท้าเปล่าอยู่ต่างหาก

งานริมทะเลมักมีลมแรง หากคิดจะจุดเทียนสร้างบรรยากาศ แนะนำให้จุดแล้วใส่ไว้ในโหลแก้วจะได้ไม่ดับก่อนงานเริ่ม หรือจะเพิ่มอารมณ์บีช เวดดิ้งอีกหน่อยด้วยการโรยทราย และเรียงเปลือกหอยสวยๆ ไว้ที่ก้นโหล หากทำดีๆ สามารถใช้แทนเซ็นเตอร์พีชได้ด้วยนะ

วิวทะเลสวยสุดใจอยู่แล้วเพราะฉะนั้นแบ็กดร็อปถ่ายภาพอาจไม่จำเป็น แต่ถ้าบ่าวสาวอยากมีจุดถ่ายภาพแบบเป็นกิจจลักษณะ แนะนำให้จัดเป็นซุ้มดอกไม้แบบโปร่งๆ ที่มีท้องฟ้าและผืนน้ำสีครามเป็นฉากหลังจะดีกว่านะ

แขกที่มางานแต่งริมทะเล อาจประวบปัญหาเม็ดทรายติดเท้าน่ารำคาญ ลองหารองเท้าแตะสีขาววางไว้ให้แขกเปลี่ยนก่อนเดินลงชายหาด หรือหาแปรงวางไว้ให้แขกปัดทรายออกจากเท้าหลังจบงานแทนก็ได้ เชื่อเถอะว่าความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ นี้จะทำให้แขกประทับใจไปอีกนาน

ลองนำเปลือกหอยสวยๆ มาใส่แหวนแทนกล่องกำมะหยี่แบบเดิมๆ ดูสิ ก็ดูเข้าธีมเป็นเจ้าหญิงแอเรียลไปอีก

ภาพ pinterest, pexels.com

ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง สไตล์ต่างๆ รู้ไว้จะได้เป็นไอเดียไว้คุยกับช่างภาพได้ถูก

วันนี้แพรว wedding ขอนำเสนอตัวอย่าง ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง เพื่อเป็นไอเดียให้ว่าที่บ่าวสาวได้นำไปคุยกับช่างภาพ และงานนี้ไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ เพราะถึงแม้ช่างภาพที่บ่าวสาวจ้างมาจะมีแนวทางการถ่ายภาพ หรือมุมมองเป็นของตัวเองแต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเปิดรับฟังความต้องการของคู่บ่าวสาวเสมอ เพราะฉะนั้นหากบ่าวสาวมีแนวภาพถ่ายพรีเวดดิ้งในดวงใจที่เคยเห็นผ่านๆ ตามาบ้าง และอยากได้ภาพถ่ายสไตล์นี้ก็จงบอกช่างภาพไปตรงๆ แต่ปัญหาอาจจะบังเกิด ถ้าหากบ่าวสาวดันเรียกไม่ถูกว่ามันคือภาพแนวไหน เพราะฉะนั้นก่อนเสิร์ชหาหรือบอกเรฟเฟอร์เรนซ์ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง เราขอนำเสนอหลักสูตรเร่งรัดที่ว่าด้วยการเรียกชื่อสไตล์ภาพถ่ายแต่ละแบบ รับรองรู้แล้วเรียกถูกบอกช่างภาพได้เป๊ะแน่นอน

1. ภาพ Silhouette

หรือเรียกว่าภาพซิลลูเอท คือภาพถ่ายย้อนแสงค่ะ สามารถถ่ายย้อนแสงในช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดินได้ โดยจะได้ภาพแสงสุดท้ายของวันที่งดงามมากๆ หรือจะถ่ายย้อนแสงไฟ แสงแฟลช ก็สวยไปอีกแบบเหมือนกันนะคะ

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

2. ภาพ Close up

นอกเหนือจากการถ่ายภาพบ่าวสาวแบบเต็มตัวหรือครึ่งตัวแล้ว บ่าวสาวก็สามารถมาโคลสอัพถ่ายภาพสิ่งของใกล้ๆ ตัวบ่าวสาวได้ ไม่ว่าจะเป็นแหวนหมั้น มือที่กำลังกุมกัน หรือใบหน้าของบ่าวสาวที่กำลังยิ้มให้กันอย่างสดชื่น ก็จะได้ภาพถ่ายแนวใหม่ที่เปลี่ยนมุมมองออกไปอีกแบบ

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

3. ภาพ Bird Eye View

หรือมุมมองของนก ถ้านกมองก็หมายความว่าต้องเป็นมุมสูงถูกต้องไหมคะ เบิร์ดอายวิว คือภาพถ่ายมุมมองจากที่สูงที่ มองกดลงมา ก็จะได้อีกหนึ่งมุมที่แปลกตาออกไปค่ะ

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

4. ภาพ Worm Eye View

มีมุมมองของนกแล้ว ก็ต้องมีมุมมองของหนอนเช่นกัน วอร์มอายวิวคือมุมถ่ายช้อนขึ้น เป็นลักษณะแหงนกล้องขึ้นฟ้า ถ้าจะให้สวยต้องตั้งกล้องติดพื้นไปเลยค่ะ แต่เจ้าสาวควรระวัง มุมนี้ต้องดูแลตัวเองดีๆ เพราะมันอาจจะกลายเป็นมุมเสยเหนียงได้ง่ายๆ นะคะ

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

 

5. ภาพกั้นกรอบ

เมื่อคิดอะไรไม่ค่อยออกแล้ว สามารถหากรอบมาทำเป็นกรอบภาพได้ ทั้งนี้อาจจะใช้กรอบรูปจริงๆ เลย หรือหาอย่างอื่นมากั้นกรอบให้บ่าวสาวดูเด่นขึ้นมา เช่น แหวน หรือแนวต้นไม้ เป็นต้น

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

6. ภาพ Foreground-Background

Foreground คือภาพที่เป็นฉากหน้า ส่วน Background คือภาพที่เป็นฉากหลัง โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้โฟร์กราวนด์ชัด หรือแบลค์กราวนด์ชัด โดยบ่าวสาวสามารถเลือกคลีเอทภาพถ่านสไตล์นี้ได้ตามความต้องการ โดยอาจเน้นความชัดไปที่สิ่งที่บ่าวสาวอยากให้ความสำคัญ อย่างเช่น การให้ภาพโฟร์กราวนด์เป็นแหวนแต่งงาน โดยมีภาพแบ็คกราวนด์เป็นบ่าวสาวที่กำลังพลอดรักกันอยู่ภายใต้เวล เป็นต้น

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

7. ภาพแสงแฟร์

ภาพถ่ายสไตล์นี้จะสวยและทรงพลังมาก หากบ่าวสาวเลือกใช้แสงแฟร์ที่มาจากแสงธรรมชาติ อย่างเช่น แสงพระอาทิตย์ ที่ช่วยให้อารมณ์ของภาพดูหวาน อบอุ่น และโรแมนติก

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

8. ภาพ High Key

หรือภาพที่ส่วนประกอบภายในภาพส่วนใหญ่เป็นสีขาว สว่าง ให้ความรู้สึกสะอาดตา ฝันๆ ฟุ้งๆ แต่ทั้งนี้ต้องเลือกสถานที่ดีๆ เพื่อให้ได้ภาพขาวๆ อย่างที่บ่าวสาวต้องการนะคะ

ตัวอย่างภาพถ่าย Prewedding

เป็นยังไงบ้างคะกับสไตล์ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งที่เรานำมาฝาก รู้อย่างนี้ก็ท่องจำให้ขึ้นใจแล้วเลือกสไตล์ที่ชอบไปคุยกับช่างภาพได้เลย แต่ระหว่างนี้หากทีมช่างภาพยังไม่ว่าง ระหว่างรอออกไปถ่ายพรีเวดดิ้งบ่าวสาวอาจจะลองไปฝึกโพสต์ท่าเล่นๆ ไว้ก่อนเพื่อที่จะเตรียมพร้อมรอถ่ายภาพก็ได้นะคะ แต่ถ้าอยากได้ภาพพรีเวดดิ้งสไตล์โอปป้าสายเกา ก็ลองเข้าไปดู ชอบสามีสไตล์อปป้า ต้องดูไอเดียถ่ายพรีเวดดิ้งสายเกานี่เลย รับรองฟิน!!!

ภาพจาก : Pinterest.com

4 ปก 4 นักแสดง สวยครบทั้งชุดสากลและชุดไทย นิตยสารแพรว wedding ฉบับ มิ.ย. 63

“พลอย – แพนเค้ก” & “แมท – ไอซ์” นิตยสารแพรว Wedding ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 จัดเต็ม 4 ปกจุใจสุดๆ กับแฟชั่นชุดแต่งงานสากลและชุดไทยกว่าร้อยชุดที่เจ้าสาวไม่ควรพลาด!

สาวๆ ที่กำลังมีแพลนจะแต่งงานต้องมีนิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือน มิ.ย. 63 เล่มนี้ไว้ในมือด่วนๆ! เพราะเรารวมแบบชุดแต่งงานทั้งสากลและไทยให้ดูแบบเต็มอิ่มชนิดที่ว่าไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว

ซึ่งนอกจากจะมี 4 นักแสดงคนดังมาร่วมถ่ายแฟชั่นเซตปกกับแพรวเวดดิ้งแล้ว เรายังได้คนดังมาร่วมถ่ายแฟชั่นสวยๆ ทั้วชุดสากล และชุดไทยอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น

  • โฟร์ – ศกลรัตน์
  • เจนิส – เจณิสตา 
  • ไอซ์ – อามีนา
  • แพท- ณปภา
  • ริชชี่ – อรเณศ

ทุกเล่มอัดแน่นด้วยเนื้อหาที่ว่าที่บ่าวสาวต้องทราบ!

  • สวยเว่อร์! เจาะลึกซิลูเอทชุดแต่งงานยอดนิยม พร้อมทริคเด็ดเลือกชุดแต่งงานให้เหมาะกับรูปร่าง
  • เอาใจเจ้าสาวสายประหยัดกับ 3 แบบชุดแต่งงานที่ตัดครั้งเดียวแต่นำกลับมาใส่ได้หลายโอกาส พร้อม How To มิกซ์แอนด์แมตช์ใส่ในวันธรรมดาอย่างไรให้ลงตัว
  • เคล็ดลับเสกชุดเพื่อนเจ้าสาวทั้งชุดไทยและชุดราตรีให้สวยเป๊ะยกทีม และรู้ก่อนเริดกว่า! กับ  5 สไตล์ชุดเพื่อนเจ้าสาวสุดฮ็อต
  • ครบเครื่องความสวยกับ 4 ทรงผมสไตล์ “มินิมอลลิสต์” ที่ทำปีไหนก็ไม่เอ้าท์ พร้อมทริคจับคู่เครื่องประดับผมให้เจ้าสาวดูสวยต่างระหว่างวันในผมทรงเดิม
  • 4 แบบชุดไทยประยุกต์ไอเดียเด็ดจาก 4 ร้านชุดแต่งงานชื่อดัง ที่ผสานความเป็นไทยและสากลเอาไว้ด้วยกันในชุดเดียว

พลอย – เฌอมาลย์ & แพนเค้ก – เขมนิจ

นิตยสารแพรว wedding

นิตยสารแพรว wedding

ไอซ์ – อภิษฎา & แมท – ภีรนีย์

นิตยสารแพรว wedding

นิตยสารแพรว wedding

ว่าที่บ่าวสาวที่มีแพลนแต่งงาน หรือสาวๆ ที่อินกับแฟชั่นเวดดิ้ง สามารถซื้อ นิตยสารแพรว wedding ฉบับเดือน มิถุนายน 2563 ได้แล้วที่ร้านหนังสือนายอินทร์ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ส่วนใครที่พรีออเดอร์ไว้แล้วก็รอรับนิตยสารได้เลย ส่วนใครที่สนใจก็สามารถสอบถามสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ที่ ร้านนายอินทร์ หรือติดต่อแผนกสมาชิกนิตยสาร โทร. 02-423-9999 กด 1 ได้เลยค่ะ

เจ้าสาวเตรียมตัวไว้ 9 คำถามนี้ต้องตอบหลังจบงานหมั้น

ก่อนหมั้นทุกคนก็ถาม “เมื่อไรจะหมั้น” พอจบ งานหมั้น อีก 108 คำถามก็ยังจะตามมาชนิดที่อาจทำให้คุณคลื่นเหียนวิงเวียนไปชั่วขณะ เพราะอาจจะเยอะจนคุณตั้งรับไม่ทัน ถ้างั้นมาเตรียมรับมือกับคำถามที่ว่าที่บ่าวสาวมักจะเจอกันดีกว่า ตั้งใจอ่านให้ดี เพราะเรามีคำตอบดีๆ ที่รับรองได้ว่า ถูกใจมนุษย์ขี้สงสัยเหล่านั้นแน่นอน

“ขอดูแหวนหน่อยสิ”

จะว่าประโยคนี้เป็นประโยคบอกเล่าคงไม่ถูกเป๊ะ จะบอกว่าเป็นคำถามก็แบบว่า กึ่งๆ ถามความสมัครใจอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง จงรู้ไว้เถอะค่ะว่าใครๆ ก็อยากเห็นแหวนของคุณใกล้ๆ กันทั้งนั้น ดังนั้นประโยคที่ว่า ขอดูหน่อยซิระยิบระยับแค่ไหนอะไรแบบนี้จึงเกิดขึ้นแน่ๆ ฉะนั้นคุณควรเตรียมมือให้พร้อมโดยเริ่มจากเลิกกัดเล็บก่อนเลย หรือไม่ก็ลงทุนเข้าเนลซาลอนก็เข้าท่าสุดๆ เวลาโชว์แหวนจะได้สวยพร้อมทั้งมือทั้งนิ้ว แต่ถ้าเหล่าบรรดาทั้งหลายได้ดูแล้วยังไม่หนำใจ อาจเจอคำถามต่อเนื่องประเภทว่า “กี่กะรัตคะเนี่ย” ขอแนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องตอบ แค่ยิ้มเล็กๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยก็ได้ไม่น่าเกลียด

“เค้าขอแต่งงานยังไงเหรอ”

ขอแนะนำให้คุณเตรียมคำตอบไว้ 2 แบบไปเลยค่ะ แบบแรกคือ ดีเทลจัดเต็มสำหรับเพื่อนสนิทและครอบครัว เข้มข้นทุกอารมณ์ประหนึ่งร่วมเหตุการณ์แบบริงไซด์ ส่วนแบบที่ 2 ก็ตามมารยาทสั้นๆ พอเป็นพิธี สำหรับคนรู้จักทั่วไปค่ะ เช่นว่า ก็ปกติแหละค่ะ จากนั้นยิ้มเบาๆ ก็พอ หรือถ้าอยากใส่ดีเทลอีกนิดก็อาจเติมพวกภาพกว้างของเหตุการณ์ลงไป เช่น ไปเที่ยวทะเลแล้วเขาขอ หรือดินเนอร์อยู่แล้วคุยๆ กันอะไรประมาณนี้ก็พอดีๆ แล้วค่ะ

“แต่งวันไหน”

จริงๆ ทุกคนก็คงจะรู้ว่าการกำหนดวันนี่ยุ่งยากขนาดไหน แต่ทำไงได้…ใครๆ ก็ล้วนตื่นเต้นไปกับคุณนี่นา คำถามคลาสสิคนี้เลยต้องมาแน่ๆ แต่ถ้าคุณยังไม่รู้วันที่แน่นอน ก็ตอบกว้างๆ ไปก่อนก็ได้ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหน หรือจะเลี่ยงตอบเรื่องเวลาไปเลย ประมาณว่าสถานที่ยังไม่ลงตัวก็เป็นคำตอบที่โออยู่

“เลือกชุด ธีมสี หรือดอกไม้ได้แล้วยัง”

การที่มีคำถามนี้เกิดขึ้นมา เป็นโอกาสดีที่จะทำให้คุณจะมีโมเม้นท์จับเข่าคุยหาไอเดียงานแต่งอย่างสนุกสนานกับใครก็ตามที่ถามคำถามนี้กับคุณ จนเกิดไอเดียอีกล้านแปดฟุ้งกระจาย แต่ถ้าตอนนี้อะไรๆ ยังตีกันยุ่งไปหมด เราขอแนะนำให้คุณบอกไปกลางๆ ว่า ดูๆ อยู่ อาจะเป็นธีมทั่วๆ ไปแหละค่ะ ถ้าคนถามฟังแล้วไม่จบหรือมีการเสนอร้านรวงต่างๆ แล้วอาจเลยไปถามถึงงบประมาณล่ะก็ จึงยืนหยัดกอดตัวเลขบัดเจ็ทให้แน่น แล้วมั่นคงกับไอเดียตัวเองไว้ก่อนเป็นดี อย่าเพิ่งคล้อยตามไปเด็ดขาด

“แต่งแล้วจะมีลูกเลยไหม”

คำถามนี้ส่วนใหญ่จะมาจากคนใกล้ตัวอย่างผู้ใหญ่ในครอบครัว แล้วอาการมองบนก็มักจะเป็นคำตอบแรกๆ ของคนส่วนใหญ่ เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่คำถามที่หยาบคายอะไร ดูเป็นความหวังดีซะมากกว่าด้วย เราแนะนำให้คุณลองถามกลับด้วยคำถามเดียวกัน ให้เกิดบทสนทนาที่อบอุ่นและแฝงความอ่อนน้อมต่อญาติผู้ใหญ่เหล่านั้นไว้ได้เป็นอย่างดี

“จะเปลี่ยนนามสกุลไหม”

เรื่องการเปลี่ยนไปใช้นามสกุลว่าที่สามี หรือยังใช้นามสกุลเดิมในสมัยนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสุดๆ เหมือนคุยกันเรื่องดินฟ้าอากาศ กินข้าวแล้วยังอะไรทำนองนี้ ก็แค่ตอบไปตามตรง เปลี่ยนก็บอกเปลี่ยน ไม่เปลี่ยนก็บอกไม่เปลี่ยนแค่นั้นเอง

“เชิญใครบ้าง”

เราสรุปให้ว่าจะมีคน 2 กลุ่มที่ถามคำถามนี้  กลุ่มแรก คืออยากรู้ว่าตัวเองได้รับเชิญหรือเปล่า ส่วนกลุ่มที่ 2 คืออยากรู้ว่าจะมีคนรู้จักมาร่วมงานไหม ซึ่งกลุ่มนี้มั่นใจว่าตัวเองได้รับเชิญแน่นอน.. แต่ถ้าเขาเหล่านั้นไม่อยู่ในลิสต์ คุณอาจตอบให้เหมือนเป็นการบอกใบ้ไปว่า คุณกับแฟนอยากจะจัดงานเล็กๆ ส่วนใครก็ตามที่กล้าถามว่าคุณจะเชิญแฟนเก่าไหม เราขอแนะนำให้คุณมองแรงใส่ทันทีค่ะ!

“ฮันนีมูนที่ไหน”

ถ้าคุณยังไม่ได้แพลนไว้ในใจ ตอบไปก่อนว่าหลังเสร็จงานแต่งถึงจะคิดก็ได้ ดีไม่ดีก็ขอไอเดียคนถามตุนไว้ซะเลย เพราะคุณเองอาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อย่างเช่น ทะเลแคริบเบียนไม่ควรไปช่วงไหน หรือพักหาดไหนในภูเก็ตถึงจะได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด เป็นต้น

“มีปาร์ตี้สละโสดไหม”

ไม่ว่าคุณจะแพลนไว้อย่างไรก็ไม่จำเป็นต้องตอบไปทั้งหมด เพราะปาร์ตี้นี้เป็นอะไรที่ดีเทลยิบย่อย แถมทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่คุณคนเดียว ปัญหาคุณว่าง-เพื่อนไม่ว่าง เพื่อนว่าง-คุณไม่ว่างที่น่าปวดหัว แค่ตอบไปว่ายังไม่แน่ใจก็น่าจะจบ.. แต่ถ้าคนถามพยายามแรงมาก แต่คุณแน่ใจว่าจะไม่มีชื่อนางอยู่ในลิสต์แน่ๆ ก็ปล่อยเบลอไปเลยแล้วบอกว่าคุณวุ่นวายกับการเตรียมงานแต่งสุดๆ เรื่องปาร์ตี้นี้เอาไว้ทีหลังละกันนะจ๊ะ

ดูไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ stocksnap.io

15 สไตล์ผมเจ้าสาว ตั้งแต่ผมสั้นไปจนถึงผมสั้นมากของเจ้าสาวตัวจริง

เจ้าสาวหลายคนพอรู้ตัวว่าจะต้องเตรียมตัวเข้าสู่ประตูวิวาห์ก็เร่งเตรียมการไว้ผมยาวกันใหญ่ เพราะกลัวว่าจะไม่สวยในวันสำคัญ บางคนก็กินวิตามิน บางคนก็ใช้ทางลัดอย่างการต่อผม โดยบางคนก็ยอมทิ้งตัวตนที่รักในการไว้ผมสั้นเพื่องานใหญ่ในชีวิตโดยเฉพาะ ซึ่งเราอยากจะบอกว่าในวันสำคัญของชีวิตคุณควรที่จะเป็นตัวเองให้มากที่สุด เพราะไม่ว่าผมสั้นแค่ไหนเจ้าสาวก็ดูสวยได้ในแบบของตัวเอง แพรว wedding เลยไปรวบรวม ผมเจ้าสาว รุ่นพี่ที่มีตั้งแต่ผมสั้นนิดๆ ไปจนถึงผมสั้นมากมาฝาก รับรองว่าดูแล้วได้ไปเดียไปปรับใช้กับทรงผมตัวเองแน่นอน

1. หากคุณเป็นเจ้าสาวผมหยิก ไม่ว่าจะหยิกแบบธรรมชาติหรือไปดัดมาก็ตาม เพียงแค่เซตผมให้เข้าทรงไม่ชี้ฟู แล้วปล่อยผมของคุณให้เป็นธรรมชาติเท่านี้ก็สวยในแบบของตัวเองแล้ว

2. เติมความสดชื่นให้กับผมเจ้าสาวด้วยดอกไม้สีสันแสนแหวนที่ไม่ต้องมากมายนักก็ช่วยให้เจ้าสาวสดใสดูมีอะไรแล้ว

3. งานนี้สวยได้แบบไม่ต้องพึ่งดอกไม้ เพียงแค่เติมใบไม้สีเขียวที่มีรูปทรงสวยงาม อย่างเช่น ใบเฟิร์น ที่จะโค้งรับพอดีกับรูปทรงศีรษะของเจ้าสาว แล้วติดเวลเพิ่มความอ่อนหวานให้ดูพลิ้วไหว เท่านี้ก็สวยจนขนลุกแล้ว

4. หากคุณมีความยาวของเส้นผมในระดับคาง เพียงแค่เพิ่มการทำสีและไฮไลต์ที่เหมาะกับตัวเองและโทนสีผิว ส่วนในวันงานก็ดัดลอนไว้พออ่อนๆ ก็ดูสวยได้แบบไม่ต้องพยายามแล้ว

5. เจ้าสาวผมสั้นประบ่าพร้อมหน้าม้าสุดน่ารัก ลองปรึกษากับช่างทำผมว่าจะเบี่ยงหน้าม้าไปไว้ด้านไหนให้รับกับใบหน้าดี แล้วเพิ่มวอลลุ่มให้กับผมด้วยการดัดลอน ก็สวยน่ารักแบบไม่ต้องเก็บหน้าม้าให้ยุ่งยากแล้ว

6. เครื่องประดับศีรษะประดับเพชรระยิบระยับเป็นอีกหนึ่งลุคที่เรียบง่ายแต่ให้พลังความงามมหาศาล ชนิดที่ว่าเป็นลุคที่กาลเวลาฆ่าไม่ตาย

7. เจ้าสาวผมสั้นมากกกกกก ก็สวยหวานสไตล์เจ้าหญิงได้นะจ๊ะ เพียงแค่ประดับเวลไว้ที่ด้านหลังก็ดูเป็นเจ้าสาวสวยหวานขึ้นมาทันที

8. เจ้าสาวผมสั้นทำสีที่มีไฮไลต์สุดโดดเด่น ลองเพิ่มเวลประดับศีรษะผ้าตาข่ายโปร่งบางที่เผยให้เห็นสีผมสุดแซ่บของคุณก็เป็นลุคที่เวิร์กไม่น้อยเหมือนกัน

9. ไม่ต้องทำผมให้ยุ่งยาก เพียงแค่สวมมงกุฎดอกไม้ก็ได้ลุคเจ้าสาวทันใจทันที

10. เพียงแค่หยิบแอคเซสซอรี่ที่บ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวตนของคุณ ที่เข้ากับธีมงานและชุดเจ้าสาว ก็ช่วยให้คุณสวยได้แล้วในพริบตา แถมยังประหยัดค่าช่างทำผมไปอีก

11. เจ้าสาวเด็กแนวต้องไม่พลาดการติดเวลแบบ birdcage veil ที่เบี่ยงมาบังใบหน้าด้านข้างนิดๆ ให้ลุคสุดคลาสสิคแบบทันสมัย

12. เจ้าสาวลุคเปรี้ยวกับผมซอยสั้นแบบไล่เลเยอร์ เพียงแค่เซตผมให้อยู่ทรงโดยไม่ต้องเพิ่มแอคเซสซอรี่ใดๆ ให้มากมาย ก็ให้ลุคสุดเฉี่ยวได้ง่ายๆ แล้ว

13. ดัดผมให้เป็นลอนอ่อนๆ โดยที่ไม่ต้องอัดสเปรย์ให้ผมแข็งโป๊กมากนัก เพราะลุคนี้เราอยากให้ผมของเจ้าสาวดูพลิ้วไหวไปตามจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ

14. โดดเด่นให้สุดด้วยการประดับดอกไม้สีสันสดใสดอกใหญ่สุดพลัง ซึ่งลุคนี้เหมาะกับเจ้าสาวสายชิลที่แต่งงานในสวยภายในบรรยากาศแบบเป็นกันเอง

15. ให้ลุคสวยหวานแบบผ่อนคลายด้วยการประดับดอกไม้ไว้ที่ด้านข้าง ที่สามารถเพิ่มกิมมิกให้กับดอกไม้ได้ เช่น ดอกไม้ที่ทำจากผ้าชนิดเดียวกับชุดแต่งงาน เป็นต้น

ดูเรื่องราวความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ภาพและข้อมูล : www.brides.com, www.bridestory.com

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

4 ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หากคิดจัดงานแต่งงานในช่วงวันหยุดยาว

สำหรับคู่รักที่เซย์เยสตกลงปลงใจจะเข้าสู่ประตูวิวาห์กันแล้ว และกำลังเริ่มวางแผนจัด งานแต่งงาน กันอยู่ หนึ่งในขั้นตอนแรกๆที่สำคัญมากนั่นก็คือ การกำหนดวันแต่งงาน หรือหมายกำหนดการนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นฤกษ์สะดวก หรือฤกษ์งามยามดีที่ได้มาจากสำนักดังก็แล้วแต่ วันนี้ แพรว wedding มาสะกิดคุณไว้ก่อน ถึงความเสี่ยงในการเลือกจัด งานแต่งงานช่วงวันหยุดยาว รู้ไว้เสียก่อนจะได้ประเมิณในเบื้องต้นได้ไม่พลาดนะคะ

จัด งานแต่งงานช่วงวันหยุดยาว บ่าวสาวควรต้องเตรียมพร้อมและเตรียมใจรับความเสี่ยงกันสักนิด

งานแต่งงานช่วงวันหยุดยาว
Photo by freestocks on Unsplash

1.แขกบางคนอาจไม่สามารถมาร่วมงานได้

แขกบางคนอาจมีกิจกรรมส่วนตัวที่แพลนไว้อยู่แล้วในช่วงวันหยุดสำคัญ อาจจะต้องออกเดินทางไกลสำหรับการพักผ่อนหรือเยี่ยมญาติ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่แขกบางคนต้องการใช้เวลาตลอดสามวันของช่วงวันหยุดพักผ่อนในการพักผ่อนอย่างแท้จริง ที่สำคัญอีกข้อ คือ ไม่ใช่แขกทุกคนที่จะมีวันหยุดเหมือนคนอื่นในช่วงวันหยุดยาวนะคะ บางคนอาจจะต้องทำงานหรือมีงานด่วนที่ต้องแก้ไข ดังนั้นงานแต่งงานในช่วงวันหยุดยาวอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถมาร่วมในงานแต่งงานได้ ดังนั้นคู่บ่าวสาวจึงควรเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิเสธที่จะเกิดขึ้นได้ถ้าทุกอย่างที่วางแผนไว้ไม่เป็นตามที่คาดหวังไว้เบื้องต้น

2. ไม่ได้ประหยัดเงินเสมอไป

เป็นเรื่องจริงที่การจัดงานแต่งงานในช่วงวันหยุดยาวอาจจะมีประโยชน์บางอย่าง เช่น ถ้าจัดงานวันอาทิตย์จะมีราคาถูกกว่า แต่สิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในงานแต่งงานอย่างดอกไม้ในวันวาเลนไทน์หรือสถานที่จัดงานแต่งงานในคืนปีใหม่จะมีราคาแพงกว่าในช่วงเวลาอื่น และอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับการต้อนรับแขกมากขึ้น เช่น ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับแขกที่อาจต้องเดินทางมาจากสถานที่ไกลๆ หรือค่าที่พักโรงแรมที่อาจมีราคาสูงขึ้นในช่วงวันหยุดพักผ่อนตามเทศกาล

3. ปัญหาการจราจร

ปัญหาการจราจรจะขึ้นอยู่กับสถานที่จัดงานแต่งงาน บางสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากจะแออัดในช่วงวันหยุดยาว ซึ่งหมายความว่าแขกที่จะมาร่วมงานต้องใช้เวลาในการเดินทางมากขึ้นกว่าจะมาถึงสถานที่แต่งงาน และทำให้ทุกคนๆ รวมทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเองต้องใช้เวลามากขึ้นในการเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานแต่งงาน

4. สถานที่แต่งงานอาจถูกจองไปแล้ว

วันหยุดยาวเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทุกๆการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็น งานแต่งงาน(ที่ใจตรงกับคุณ) งานเลี้ยงรุ่น งานวันเกิด หรืองานสำคัญอื่นๆ ดังนั้นสถานที่จัดงานที่เป็นที่นิยมก็มักจะถูกจองไปแล้วอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคุณจึงควรวางแผนแต่เนิ่นๆ เพื่อจองสถานที่จัดงานแต่งงานที่คุณต้องการในวันเวลาที่กำหนดได้ไม่พลาด

ติดตามไอเดียและคำแนะนำในการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

 

cr : asyouwishweddings.ca, shefinds.com

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

สิ่งที่เจ้าสาวต้องทำ 6 เดือนก่อนงานแต่ง เพื่อความสวยงามแบบไร้ที่ติ

หลังจากกำหนดวันจัดงานกันได้แล้ว คุณเจ้าสาวควรลิสต์ สิ่งที่เจ้าสาวต้องทำ ออกมาให้เร็วที่สุด เพราะเวลาไม่เคยรอใคร กลับเดินหน้าไปเรื่อยๆ คิดช้าไปอาจจะไม่ทันการณ์ โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงาม ที่จะรีรอไม่ได้

สิ่งที่เจ้าสาวต้องทำ 6 เดือนก่อนงานแต่งงานนั้น มีมากมายหลากหลายเรื่องเลยเชียวละ และอันดับต้นๆคงหนีไม่พ้นเรื่องความงาม จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แพรว wedding มีคำตอบมาให้

1.กำหนดเป้าหมาย
พูดคุยเกี่ยวกับความกังวลที่สุดของคุณกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสามารถวางแผนการรักษาความกังวลนั้นให้เหมาะกับระยะเวลาและงบประมาณได้

เจ้าสาว

2.ค้นหาช่างหน้าช่างผม
ลองหาทรงผมและการแต่งหน้าในแบบที่คุณชอบจาก Pinterest หรือตามเว็บไซต์ต่างๆ แล้วนำแบบไปสอบถามช่างที่คุณหมายปองไว้ ว่าเขาสามารถทำตามแบบนั้นได้หรือไม่ แต่ทางที่ดี ควรเลือกช่างจากการดูผลงานที่ผ่านมาของเขาเสียก่อน ว่าถูกใจคุณมั๊ย และถ้ามีโอกาสซ้อมแต่งก่อนในการถ่ายพรีเวดดิ้งก็จะดี

3.ไว้ผมให้ยาวที่สุด
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมยาวจะทำผมเจ้าสาวออกมาได้หลากหลายที่สุด ถ้าคุณยังเลือกทรงผมที่จะทำในวันงานไม่ได้ก็ควรไว้ผมให้ยาวที่สุดก่อน แล้วปรึกษาช่างทำผมอยู่เป็นระยะๆ ก่อนวันงานก็แค่จัดการให้เรียบร้อยเข้าทรง พร้อมให้ช่างทำผมต่อได้ง่าย

เจ้าสาวผมยาว

4.เลเซอร์กำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์
สำหรับเจ้าสาว ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง มักเป็นสิ่งที่กวนใจอยู่ไม่น้อย กำจัดออกไปได้เลยค่ะ ศึกษาวิธีที่คิดว่าเหมาะสมกับเราและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

5.รักษาผิวหน้าให้ขาวใส
ผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เป็นประจำทุกวันคือครีมกันแดด และช่วงเวลานี้ควรทำสปาผิวอย่างสม่ำเสมอ หรือถ้าทำงานจนยุ่งไม่มีเวลา ก็ควรมาส์กหน้าอย่างสม่ำเสมอแทน ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ออกใหม่ สดๆ ร้อนๆ โอเลย์ มาส์กกู้ชีพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับชีวิตที่เร่งรีบ โดยมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้เปล่งปลั่งมีออร่า

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก www.facebook.com/olaythailand

 

สิ่งที่เจ้าสาวต้องทำ

 

6.ปั้นหุ่น
ปั้นหุ่นสวยด้วยการออกกำลังกาย ร่วมกับการควบคุมอาหาร เพื่อให้ได้หุ่นสวยเป๊ะ ใส่ชุดทรงไหนก็สวย แต่สำหรับใครที่ชอบแบบเร่งด่วน ลองปรึกษาทาง ฟิลิป เวน เพราะเขามี โปรแกรม Body Perfecta เพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน ออกมาใหม่ รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก www.phillipwain-thailand.co.th

เจ้าสาว

เรื่องง่ายๆแค่นี้เอง ถ้าทำตามนี้อย่างเคร่งครัด รับรองวันงานคุณจะสวยเจิดที่สุด

 

เครดิตภาพ : pinterest

ติดตามไอเดียและเทคนิคต่างๆเกี่ยวกับงานแต่งงานได้ที่ praewwedding

6.ปั้นหุ่น
ปั้นหุ่นสวยด้วยการออกกำลังกาย ร่วมกับการควบคุมอาหาร เพื่อให้ได้หุ่นสวยเป๊ะ ใส่ชุดทรงไหนก็สวย แต่สำหรับใครที่ชอบแบบเร่งด่วน ลองปรึกษาทาง ฟิลิป เวน เพราะเขามี โปรแกรม Body Perfecta เพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน ออกมาใหม่ รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก6.ปั้นหุ่น
ปั้นหุ่นสวยด้วยการออกกำลังกาย ร่วมกับการควบคุมอาหาร เพื่อให้ได้หุ่นสวยเป๊ะ ใส่ชุดทรงไหนก็สวย แต่สำหรับใครที่ชอบแบบเร่งด่วน ลองปรึกษาทาง ฟิลิป เวน เพราะเขามี โปรแกรม Body Perfecta เพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน ออกมาใหม่ รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก

 

ริชชี่ สวยหวานเบอร์แรง แฟชั่นชุดแต่งงานไทยในนิตยสารแพรวเวดดิ้ง มิ.ย. 63

ริชชี่ – อรเณศ ดีคาบาเลส สะท้อนความอ่อนโยนของเจ้าสาวผ่านชุดไทยจากร้าน Deep Love Wedding รับประกันความงามที่ใจละลายแน่นอน

ชุดไทยมีหลายแบบให้เลือก แล้วจะเลือกยังไงให้ทั้งเหมาะ ทั้งสวย Deep Love Wedding แนะนำมาว่า

อย่างแรกเลยต้องดูก่อนว่าบุคลิกของเจ้าสาวเป็นลักษณะใด มีรูปร่างแบบไหน เช่น  เป็นคนตัวผอม สมส่วน เจ้าเนื้อ สูง หรือเตี้ย ต่อมาก็ต้องมาดูที่สถานที่จัดงานแต่งงาน หรือธีมของงานแต่ง ว่ามีลักษณะแบบไหน สีอะไร เพื่อที่เวลาเจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานไทยแล้วเข้าไปยืนถ่ายภาพในงานแล้ว จะได้ไม่จมหายไปพร้อมกับสถานที่

วิธีการเลือกสีชุดแต่งงานไทยให้สวย

จริงๆ แล้วไม่ยากเลย ควรเลือกสีชุดให้แตกต่างกับสีผ้านุ่ง อย่างเช่น ถ้าเสื้อสีชมพูอ่อน ผ้านุ่งควรเป็นชมพูเข้ม หรือเป็นสีอื่นไปเลย เพราะถ้าสังเกตดีๆ ชุดไทยจะเป็นชุดทรงกระบอก เพราะฉะนั้นเราควรเลือกสีให้มีความแตกต่างกัน ให้คอนทราสต์กันนิดหน่อยเพื่อที่จะได้ให้เห็นทรวดทรงของเจ้าสาวได้อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้น ถ้าเราใส่สไบสีทอง ผ้านุ่งสีทอง เวลาดูแล้วก็จะเหมือนแท่งสีทองๆ เดินได้ แต่ในกรณีที่เสื้อเป็นสีเดียวกับผ่านุ่ง ก็อาจจะนำสไบมาห่มทับอีกชั้นก็ได้

นอกจากนี้ เนื้อผ้า ยังมีผลต่อความสวยงามของชุดแต่งงานไทยด้วย เพราะเนื้อผ้าจะเพิ่มความหนา-บางให้กับตัวของเจ้าสาวได้ ในกรณีที่เจ้าสาวตัวผอมมาก ควรเลือกผ้าที่พริ้วๆ บางๆ เพื่อที่จะได้เพิ่มเนื้อหนังให้เจ้าสาวมากยิ่งขึ้น  แต่ถ้าเจ้าสาวเป็นคนเจ้าเนื้อ ต้องเลือกหนาขึ้นมานิดนึงจะได้จับทรงให้เข้ารูปได้ง่าย

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

ชุดแต่งงานไทย

ดูแบบชุดแต่งงานร้าน Deep Love Wedding เพิ่มเติมคลิกเลย!

ชุดแต่งงานจาก Deep Love Wedding
ซอยอุดมสุข 49 ถนนสุขุมวิท 103 กรุงเทพฯ
โทร. 0-2398-5739, 0-2399-1693, 09-5789-9556
เว็บไซต์ : www.deeplovewedding.com
เฟซบุ๊ก : DeepLove ชุดแต่งงาน ชุดไทย
ไอจี : @deeplove_official
ไลน์ : @deeplovewedding

ขอบคุณสถานที่: วังราชพฤกษ์ Acts Studio โทร.02-997-3919

เซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวในงานแต่งงาน ยังไงให้เขาประทับใจเราไม่ลืม

เซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวในงานแต่งงาน เป็นสิ่งที่น่ารักและทำให้คนโดนเซอร์ไพรส์ประทับใจน้ำตาแตกเอาได้ง่ายๆ  แต่จะเลือกเซอร์ไพรส์แบบไหน? แพรว wedding มีวิธีดีๆ มาแนะนำ

เซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวในงานแต่งงาน มีมากมายหลากหลายวิธี ลองเลือกจากลิสต์ด้านล่างนี้ดูสิ

1. มีความสามารถพิเศษอะไรงัดเอาออกมาใช้ได้เลย

ร้องเพลง ใครเสียงดีร้องเพลงเพราะ จัดไปเลยค่ะ แนะนำว่าให้เลือกเพลงความหมายดีๆ ช้าๆซึ้งๆ มาสักเพลง หมั่นแอบฝึกร้องเอาไว้ ให้ชำนาญ เมื่อถึงเวลาต้องร้องเพลงจริงๆในวันงานร้องเพลงไป จ้องตาไปจะได้ไม่เขินกัน

ร้องเพลง

เพลงแนะนำ : แค่คุณ(Musketeers), ของขวัญ(Musketeers), เพราะอะไร(ป้าง), เธอทั้งนั้น(Groove rider), หยุด(Groove rider), คู่ชีวิต(Cocktail)

เต้น ใครมีความสามารถด้านการเต้น เปิดฟลอร์แดนซ์ วาดลวดลายได้เลย  แนะนำว่าให้เลือกเพลงที่มีท่าเต้นฮิตๆในช่วงนั้น หรือเพลงที่มีเนื้อหาและท่าเต้นน่ารักๆ เพราะจะทำให้เขาเอ็นดูคุณเพิ่มขึ้นอีกเป็นกอง

เต้น

เล่นดนตรี ถนัดดนตรีชิ้นไหนเอามาเล่นโชว์แสดงฝีมือกันสดๆไปเลย กีตาร์ เปียโน ไวโอลิน ได้หมด การที่คุณเล่นดนตรีได้ ทำให้คุณดูเป็นคนที่มีความสามารถและมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

เปียโน

แต่งเพลง ข้อนี้นี่พิเศษสุดๆ ใครๆก็อยากมีเพลงเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคุณมีความสามารถในการแต่งเพลงแล้วล่ะก็ จัดไปเลย เขาประทับใจคุณแน่ๆ

เพลง

ทำของขวัญ DIY มอบของขวัญให้เขา แต่เป็นฝีมือเราเอง ข้อนี้ต้องทำการบ้านมาว่า อะไรที่เขาชอบ อะไรที่เหมาะกับเขา และเราอยากทำให้ เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็ลงมือได้เลย

ของขวัญ

2. ทำในสิ่งที่ทำไม่เป็น

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ให้ทำในสิ่งที่เราทำไม่เป็น ไม่ถนัด และไม่เคยทำมาก่อน แต่เราอยากเรียนรู้มันเพื่อเขา  รับรองว่านี่แหละ คือสิ่งที่เซอร์ไพรส์เขาอย่างจริงจัง อย่างเช่น ลองหัดตีกลองแล้วโชว์ให้เขาดูในวันงาน หัดเล่นกีตาร์ และร้องเพลงบอกรักเขา หรือจะหัดเต้นก็ได้ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราเรียนรู้เพื่อเขา คุณคิดหรือว่าเขาจะไม่ประทับใจ  แต่ว่าคุณต้องมุ่งมั่นหน่อยนะ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แต่ถ้ามีความตั้งใจทำเพื่อคนที่เรารักมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

3. เชิญศิลปินคนโปรดของเขามาร้องเพลงในงาน

ข้อนี้เหมาะกับคนที่มีศิลปินในดวงใจที่ชัดเจน ให้แอบติดต่อศิลปินคนนั้น อย่าให้เขารู้เป็นอันขาด เขาจะประทับใจแค่ไหนถ้าศิลปินในดวงใจมาร้องเพลงให้ในวันสำคัญของเขา

4. คลิปวิดีโอ

ใครที่ขี้อาย ยังเขินๆถ้าต้องแสดงสด ให้ใช้เป็นคลิปวิดีโอแทนก็ได้นะ อาจจะเป็นคลิปบอกรัก คลิปแสดงความสามารถหรือคลิปอวยพรจากศิลปิน ก็ได้ทั้งนั้น

ไม่ว่าเราจะเซอร์ไพรส์เขาด้วยวิธีไหน ถ้าเราทำด้วยความตั้งใจ ยังไงก็เวิร์ค

เครดิตภาพ : pinterest

ไอเดียงานแต่งเพิ่มเติม
5 ไอเดียงานแต่งเก๋ๆ สร้างความประทับใจให้แขกทันทีทีเดินเข้างาน

 

มิกซ์แอนด์แมตช์ชุดเพื่อนเจ้าสาว 4 สไตล์สวยกันได้แบบยกแก๊ง

ได้รับเชิญให้ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวทั้งทีงานนี้ก็ต้องสวยกันหน่อย แต่พอคนยิ่งเยอะความคิดก็ยิ่งแยะ คนนั้นก็อยากสวยอย่างนี้ คนนี้ก็อนากสวยอย่างนั้น แพรว wedding เลยอาสามาไกล่เกลี่ยสิ่งนี้ให้ด้วยการรวบ 4 สไตล์ ชุดเพื่อนเจ้าสาว ที่สวยได้แบบยกแก๊งมาฝาก

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

1. พาสเทลเย็นตา

เปลี่ยนโลกเพื่อนเจ้าสาวจากชุดในเฉดสีบลัช ชมพูหวานฉ่ำ หรือเฉดสีอ่อนนุ่มอื่นๆ มาเป็นเฉดสีเย็นตาในสไตล์พาสเทลที่ช่วยให้ลุคของสาวๆ ดูสดชื่นขึ้น เช่น เฉดสีเทา, สีมิ้นต์, หรือชมพูนม ที่ให้ความสวยงามอ่อนหวานไม่แพ้เฉดสีอื่นๆ ถ้าหากอยากโดดเด่นแบบยกแก๊งไปทางเดียวกันก็อาจจะเลือกเพียงเฉดสีใดเฉดสีหนึ่ง แต่ถ้าหากอยากโดดเด้งสไตล์ใครสไตล์มันก็อาจจะมิกซ์เฉดสีเย็นตาเหล่านี้เข้าด้วยกันก็ได้

2. ขาวดำสุดทันสมัย

สีขาวดำในบ้านเราอาจไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะเป็นสีที่ดูมืดหม่นซึมเศร้าไปหน่อย แต่ถ้าหากบ่าวสาวคู่ไหนที่หัวสมัยไม่ยึดติดอยู่กับที่ (รวมไปถึงครอบครัวของบ่าวสาวต้องเข้าใจด้วยนะจ๊ะ) การจับคู่สีขาวดำของแก๊งเพื่อนเจ้าสาวก็ให้อารมณ์สวยเก๋ทันสมัยที่น่าสนใจอีกหนึ่งลุค แถมยังช่วยพรางรูปร่างสำหรับสาวเจ้าเนื้อได้ดีอีกด้วย โดยอาจจะเพิ่มกิมมิกให้กับแก๊งด้วยการเลือกเนื้อผ้าที่ต่างกันออกไปเพื่อความน่าสนใจ เช่น ผ้ากำมะหยี่หรือผ้าลูกไม้ก็ให้ลุคที่น่าสนใจไม่น้อย หรือเพื่อความปลอดภัยและใส่เฉดสีนี้ได้อย่างหายห่วง อาจจะเปลี่ยนมาใส่ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ให้ลุคเรียบหรูดูมันได้ไม่แพ้กันนะจ๊ะ

3. เฉดสีสุดโรแมนติกของพระอาทิตย์ตก

ไม่ว่าจะเป็น เฉดสีส้ม เฉดสีฟ้า หรือเฉดสีม่วงอ่อนๆ ก็ให้ลุคที่สวยหวานโรแมนติกไม่ต่างกัน และไม่ว่าจะเลือกใส่ในเฉดสีเดียวกันทั้งแก๊ง หรือคละสีให้ต่างกันก็รับประกันความดูดีไม่แพ้กันแน่นอน เพราะทั้งหมดนี้เป็นเฉดสีที่สามารถไปด้วยกันได้ดีทั้งหมด ยิ่งถ้าหากงานแต่งของเพื่อนสาวเป็นงานแต่งริมทะเลด้วยแล้ว รับรองว่าลุคนี้ของแก๊งเพื่อนเจ้าสาวจะเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติชนิดที่ว่าเข้ากับบรรยากาศแบบสุดๆ และแนะนำให้เลือกเป็นผ้าแบบพลิ้วไหวจะได้เข้ากับลมทะเลที่พัดมา แล้วอย่าลืมเลือกเนื้อผ้าที่มีความลื่นสักนิดจะได้ไม่เหนียวเหนอะหนะจากลมทะเลยังไงล่ะคะ

4. เฉดสีอัญมณีสุดหรู

เฉดสีอัญมณีต่างๆ จะช่วยให้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวได้ลุคที่หรูหราโดยเฉพาะในเฉดสีเข้มที่เหมาะกับงานทางการในตอนกลางคืน ซึ่งเฉดสีนี้เป็นเฉดสีสุดอัศจรรย์เพราะไม่ว่าจะหยิบจับมาใส่ในโทนสีไหนก็ให้อารมณ์ที่หรูหราสง่างามขึ้นมาทันที อย่างเช่น เฉดสีแดงทับทิม เฉดสีแซฟไฟร์ หรือเฉดสีเขียวมรกตก็ตาม ยิ่งถ้าหากเลือกเป็นชุดราตรีประดับเลื่อมด้วยแล้วยิ่งช่วยให้ลุคของสาวๆ ดูน่าทึ่งเข้าไปอีก แถมในเฉดสีเข้มของอัญมณีเหล่านี้ยังช่วยทำให้รูปร่างของแก๊งเพื่อนเจ้าสาวดูดีเพรียวบางช่วยพรางรูปร่างได้อีกด้วย และเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะโดดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแก๊งเพื่อนเจ้าสาวในชุดเฉดสีสุดหรูนี้แน่นอน

หาก 4 ลุคนี้ยังไม่ถูกใจตามไปดูลุคอื่นตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า
พาเลตต์ 3 เฉดสีสุดฮิตให้ชุดเพื่อนเจ้าสาวดูดีตลอดปี 2018
ชุดเพื่อนเจ้าสาวลายดอก ให้ลุคสวยหวานสดใสกันแบบยกแก๊ง
เทคนิคเลือกโทนสีชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ใช่ให้เหมาะกับสไตล์ของแก๊ง

Cr. www.marthastewartweddings.com, www.everafterguide.net

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a 

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a

จัดไปแบบไม่กั๊ก 11 เรื่องที่ไม่มีใครเคยบอกก่อนไปลองชุดแต่งงาน

มีบางเรื่องบางอย่างที่ว่าที่เจ้าสาวควรรู้ เพื่อเตรียมตัวรับมือให้ดีก่อนจะเข้าร้านไปลอง ชุดแต่งงาน ในฝัน แต่ละเรื่องจะสุดลับท็อปซีเคร็ต แค่ไหนอ่านได้เลย เราจัดมาให้แบบไม่มีกั๊ก

1. กินให้อิ่ม

ก่อนจะไปช้อปปิ้งชุดเจ้าสาว สาวๆ ควรต้องกินให้อิ่มท้องเสียก่อน โดยเฉพาะว่าที่เจ้าสาวที่มีชุดทรงเมอร์เมด หรือชุดแต่งงานเข้ารูปอยู่ในใจ ไม่อย่างนั้นตอนลองหน่ะ หน้าท้องเรียบแปล้ใส่ได้พอดีเป๊ะ แต่พอวันจริงดันป่องกลางแถมคับติ๋วเพราะอาหารที่กินเข้าไป แย่เลยนะ

2. พาเพื่อนไปด้วย

ว่าที่เจ้าสาวควรลากเพื่อนสนิทไปเลือกชุดแต่งงานด้วย เพราะร้านชุดเจ้าสาวส่วนใหญ่มักจะปากหวาน ใส่อะไรก็ดีงามทั้งนั้น จนบางครั้งอาจทำให้เจ้าสาวสับสนได้ว่า เอ๊ะ ฉันใส่แล้วดูดีจริงหรือเปล่า ซึ่งคนที่จะช่วยสาวๆ คอนเฟิร์มได้ก็คือเพื่อนสาวที่พูดอะไรตรงๆ อย่าง “ชุดนี่มันไม่เหมาะกับเธอหรอก ใส่แล้วตันเชียว” แบบเนี้ยก็จะทำให้คุณเลือกชุดได้ง่ายขึ้น แถมได้ชุดที่ใส่แล้วสวยจริงๆ อีกต่างหาก

3. แต่งหน้าจัดเต็มไปเลย

สาวๆ ไม่ควรแต่งหน้าเอฟวี่เดย์ลุคไปลองชุดแต่งงานนะจ๊ะ แต่ควรแต่งหน้าทำผมที่คิดว่าอยากจะทำในวันงานไปเลือกชุดด้วย เพื่อที่จะได้เลือกชุดที่ดูลงตัวและให้คุณเจ้าสาวนึกสภาพตัวเองออกว่าในงานแต่งฉันใส่ชุดนี้ แต่งหน้าทำผมแบบนี้ แล้วสารร่างจะเป็นเยี่ยงไร

4. เตรียมถูกเปลื้องผ้า

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ  แล้วก็ยอมให้เขาเอาชุดออกจากร่างไปซะ ในห้องลองชุดแต่งงานหน่ะ พนักงานจะมาช่วยคุณใส่และถอดชุดเจ้าสาว ทางที่ดีสาวๆ ควรเลือกใส่บราไร้สายและกุงเกงลิงสีอ่อนในวันที่ไปลองชุดด้วย เผื่อต้องตาต้องใจกับชุดผ้าบางเบา หรือเกาะอกสุดเซ็กซี่

5. เชื่อคำแนะนำของพนักงานร้านชุด

หากพนักงานในร้านชุดมีคำแนะนำให้กับคุณ ลองเชื่อเขาสักหน่อยก็ดีนะ เพราะพนักงานพวกนี้เห็นเจ้าสาวมาเป็นร้อยเป็นพันคน แถมรู้ดีว่าหุ่นแบบไหนเหมาะกับชุดแบบไหน และจะเจ๋งมากถ้าคุณเจ้าสาวบอกในสิ่งที่ตัวเองชอบกับพนักงานร้าน คราวนี้ก็จะได้ชุดที่ทั้งถูกใจและถูกกาย

6. ไซส์มันเป็นเพียงแค่ตัวเลข

อย่ายึดติดกับไซส์ของชุดว่าฉันต้องใส่ไซส์ S ตลอดไป แม้ว่าชุดในชีวิตประจำวันจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับชุดแต่งงานนั้นมันไม่เหมือนกัน ชุดที่ใส่จะเป็นไซส์อะไรก็ได้ ขอแค่ใส่สบายไม่อึดอัดก็พอ

7. ลองชุดหลายๆ แบบ

เจ้าสาวที่ดีควรต้องลองชุดหลายๆ แบบนะคะ อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าจะใส่ได้แค่ทรงใดทรงหนึ่งเท่านั้น หรือหาแต่ที่ปักใจหลงชอบ บางทีถ้าได้ลองชุดทรงอื่น คุณเจ้าสาวอาจจะเจอชุดที่ใช่แบบไม่คาดคิดเลยก็ได้ หรือจะลองมองดูเป็นชุดแต่งงานของคุณแม่ก็ได้นะ บางทีอาจจะช่วยให้คุณเปล่งประกายแบบ ว้าว ว้าว ว้าววววว

 8. แบ่งปันชุดให้คนอื่นได้ลองบ้าง

ใช่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าคนเดียวของร้านเสียเมื่อไหร่ ต้องทำใจนะว่าบางทีชุดที่คุณลองก็อาจจะมีลูกค้าคนอื่นอยากลองบ้าง และบางทีคุณเองก็อยากลองชุดคนอื่นด้วย อ้อ…อย่าจับจองพื้นที่หน้ากระจกไว้คนเดียวนะ แบ่งปันให้คนอื่นด้วย

9. อย่าเอาแต่ยืนนิ่ง ขยับตัวด้วย

ลองชุดแต่งงานทั้งที ก็อย่าเอาแต่ยืนนิ่งอยู่บนแท่น ต้องลองเดินไปเดินมา และทำให้ครบทุกอิริยาบถ เพื่อจะทดสอบว่าชุดเจ้าสาวที่ใส่อยู่มันใช่คุณจริงๆ ไม่ทำให้เคลื่อนไหวลำบากและอึดอัดเพราะเป็นชุดที่คุณต้องใส่อยู่ตลอดเวลาทั้งวัน ทั้งคืน

10. เป็นเจ้าสาวต้องเข้มแข็ง

บางครั้งชุดที่คุณเลือก ชุดที่คุณใส่ก็อาจไม่โดนใจคนรอบข้างจนบางทีก็มีเสียงนกเสียงกาเข้ามาถึงหูเจ้าสาว ณ จุดนี้อยากบอกว่า อย่าไปแคร์ อย่าไปเอาคำพูดบั่นทอนของพวกขี้เมาท์เหล่านี้มาทำให้เสียความเป็นตัวเองไปเด็ดขาด จงมั่นใจในตัวเองและชุดที่เลือกค่ะ

11. ลองถามหาส่วนลดได้นะ

หลังจากที่เจ้าสาวตกลงปลงใจได้ชุดสุดเลิฟมาแล้ว ก่อนจ่ายเงินลองถามพนักงานดูว่า “มีส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษอะไรหรือเปล่าคะ” คุณคงไม่ได้ส่วนลด 50 % หรอก แต่ก็อาจจะได้ราคาพิเศษ หรือของแถมเด็ดๆ อย่างชุดเพื่อนเจ้าสาว หรือเวลผืนสวยที่เข้าชุดกันก็เป็นได้

นอกเหนือจาก 11 ข้อนี้แล้ว อีกอย่างที่อยากฝากไว้ก็คือ สาวๆ อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอนะจ๊ะ วันลองชุดจะได้สวยสดใส มองอะไรก็ดูดี ไม่หงุดหงิดง่าย เพราะวันลองชุดก็เป็นอีกวันที่เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลย

ยังมีไอเดียดีๆ และแบบชุดแต่งงานสวยๆ อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก www.huffingtonpost.com

ขอบคุณภาพจาก www.easyweddings.com.au

a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a a