6 ข้อท่องไว้เจ้าสาวจะสวยเพอร์เฟกต์ในชุดแต่งงานได้แบบไม่ยาก

หากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังลังเลใจตัดสินใจเรื่อง ชุดแต่งงาน ไม่ได้สักที แถมยังเกิดอาการกังวลใจว่าเราจะดูสวยในชุดแต่งงานที่เลือกไหมนะ? เอาเป็นว่าคุณว่าที่เจ้าสาวไม่ต้องนั่งถอนหายใจกันอีกต่อไปค่ะ เพราะ แพรว wedding มีเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกชุดแต่งงาน และเคล็ดลับดีๆ ในการสร้างลุคสุดเพอร์เฟกต์มาฝากว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนห้าม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เจ้าสาวหาชุดแต่งงานที่ตรงใจ และช่วยเพิ่มความมั่นใจในวันแต่งงานได้แล้ว

1. หาสถานที่หรือสไตล์งานให้ได้ก่อน

การรู้สถานที่จัดงานแต่งงานที่แน่นอนจะช่วยให้เจ้าสาวจำกัดขอบเขตหรือรูปแบบชุดแต่งงานของตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น งานแต่งแบบเป็นทางการมาก ก็อาจจะเลือกเป็นชุดเจ้าสาวที่ดูคลาสสิค ให้ลุคที่ดูอมตะตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบกระโปรงทรงเอ-ไลน์ หรือทรงบอลกาวน์ที่แมตช์เข้ากับเนคไลน์แบบสี่เหลี่ยมหรือแบบเกาะอก

ชุดแต่งงาน

แต่ถ้าหากเจ้าสาวจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์และจัดเลี้ยงในช่วงกลางวัน เราขอแนะนำให้เจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานเกาะอกที่แบบเข้ารูป โดยอาจเลือกเป็นเนื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดีอย่างเช่น ไหมออแกนซ่า

หรือถ้าหากคุณเลือกจัดงานที่ชายทะเล อาจจะเลือกเป็นชุดแต่งงานทรงที-เล้นจ์ที่ช่วยให้เจ้าสาวสามารถเดินได้อย่างกระฉับเฉง โดยที่ชายกระโปรงไม่ต้องเปียกน้ำทะเลให้เสียลุค แล้วอาจจะเลือกแมตช์กับรองเท้าดีไซน์สวยส้นแบนที่สามารถเปียกน้ำได้ หรือจะเลือกเป็นสไตล์ barefoot wedding เราว่าก็เก๋ดีเหมือนกันนะคะ

ข้อควรระวัง!! ชุดแต่งงานชายกระโปรงลากยาวประดับเลื่อมลูกปัดหรือผ้าลูกไม้ลายฉลุ เพราะหากว่าที่เจ้าสาวเดินลงไปบนชายหาดที่เต็มไปด้วยเม็ดทรายอันละเอียดแล้วล่ะก็ งานนี้ชุดแต่งงานขาวสะอาดอาจจะเต็มไปด้วยทรายที่ฝั่งอยู่ในอณูความสวยงามบนชุด


2. รองเท้าต้องเข้ากับชุด

อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับชุดแต่งงานจนหลงลืมแอคเซสซอรี่สำคัญอย่าง รองเท้าเจ้าสาว นะคะ โดยรองเท้านั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกแค่แบบที่ชอบหรือสวยอย่างเดียว เพราะชุดกับรองเท้านั้นต้องไปในทางเดียวกันเพื่อให้ลุคของเจ้าสาวออกมาเพอร์เฟกต์ เช่น หากเจ้าสาวเลือกเป็นชุดแต่งงานแบบยาวมาก ก็อาจจะเลือกสวมเป็นรองเท้าส้นสูงแบบส้นตึกหรือส้นไม่แหลมมากเพื่อจะได้สะดวกต่อการเดิน และอาจจะเลือกหัวรองเท้าให้มีดีไซน์ที่สวยงามสักนิด เพื่อที่ว่าเวลาเดินหากหัวรองเท้าโผล่พ้นชุดออกมาก็ยังช่วยให้ลุคของเจ้าสาวยังดูดีอยู่

แต่ถ้าหากเจ้าสาวเลือกสวมเป็นชุดแต่งงานทรงทีเ-เล้นจ์ ก็อาจจะต้องเลือกรองเท้าที่สวยงามสักหน่อย เพราะด้วยชุดแบบนี้จะทำให้ทุกคนมองเห็นรองเท้าของคุณได้แบบ 360 องศา และอาจจะเลือกส้นให้สูงแหลมสักหน่อยเพื่อที่ขาของเจ้าสาวจะได้ดูเรียวยาวในชุดสไตล์นี้

3. ฉีกลุคเจ้าสาวแบบเดิมๆ

หากคุณเป็นว่าที่เจ้าสาวหัวสมัยใหม่ที่รักในความแตกต่าง และชุดแต่งงานแบบเดิมอย่างทรงเอ-ไลน์ หรือบอลกาวน์ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังมองหา ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณสามารถเพิ่มลูกเล่นที่สนุกสนานให้กับลุคของคุณได้อย่างมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเป็นชุดที่ฉีกกฏจนอาจทำให้ผู้ใหญ่ถึงขั้นต้องเอามือทาบอกล่ะก็ เราขอแนะนำให้ว่าที่เจ้าสาวได้ปรึกษาหรือบอกกล่าวกับทางผู้ใหญ่ให้ได้รับทราบซะก่อน เพื่อที่ท่านจะได้เข้าใจและไม่ช็อกตกใจในวันงาน

ระวัง!  สีขาวไม่ได้มีแค่เฉดเดียว

อย่าลืมเช็กให้ดีว่าเฉดสีขาวของชุดแต่งงานที่เจ้าสาวเลือกนั้นเป็นเฉดสีขาวที่เหมาะกับผิวของเจ้าสาวหรือไม่ เพราะสิ่งนี้สำคัญกว่าสไตล์ของชุดซะอีก เพราะถ้าหากเลือกเฉดสีผิวอาจจะทำให้ผิวของเจ้าสาวไม่เปล่งปลั่ง เผลอๆ อาจจะดูหมองคล้ำไปเลยก็ได้ โดยชุดแต่งงานสีขาวมี 3 เฉดสีหลักๆ ก็คือ White , Off white และ Ivory champagne

White หรือ สีขาว เหมาะกับเจ้าสาวผิวขาว

Off white หรือ สีออฟไวท์ เป็นเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีขาว แต่จะให้สีที่อมฟ้าหน่อยๆ ซึ่งให้ฟีลที่อ่อนโยนกว่าสีขาว และเหมาะกับเจ้าสาวทุกเฉดสีผิว แถมยังเป็นเฉดสีที่นิยมนำมาตัดเป็นชุดเจ้าสาวอีกด้วย

Ivory champagne หรือ สีแชมเปญ เป็นสีขาวออกไปทางเหลือง เหมาะกับเจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้งไปจนถึงเจ้าสาวผิวเข้ม

4. โดดเด่นมีสไตล์ด้วยแอคเซสซอรี่

โชว์ตัวตนของเจ้าสาวผ่านแอคเซสซอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับลุคของเจ้าสาวได้ และถ้าหากเจ้าสาวเลือกชุดแต่งงานที่เป็นทางการมากๆ ก็อาจจะเพิ่มสีสันหรือความสนุกให้กับชุดเจ้าสาวด้วยการเติมเครื่องประดับที่อาจจะมีสีสันโดดเด่น เครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่ หรือต่างหูที่มีประกายเพชรระยิบระยับ แต่เครื่องประดับที่จะช่วยให้ลุคของเจ้าสาวดูดีไปนานอีกหลายปีคงหนีไม่พ้นเครื่องประดับสุดคลาสสิคอย่างเช่น ไข่มุก เป็นต้น

ข้อควรระวัง!! อย่าเลือกเครื่องประดับที่ชิ้นใหญ่จนเกินไป เพราใบหน้าและชุดแต่งงานอาจจะโดนขโมยซีนได้แบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกเครื่องประดับชิ้นเล็กๆ และไม่ควรโถมใส่ทุกอย่างประโคมเข้าไป โดยอาจจะเลือกเป็นสักชิ้นสองชิ้นกำลังพอดี แต่ถ้าคุณว่าที่ไม่อยากปวดหัวมาเสียเวลาหาเครื่องประดับก็อาจจะสวมแค่แหวนหมั้นเพียงอย่างเดียวก็ได้นะคะ


5. เปิดใจกับรูปแบบชุดแต่งงานที่หลากหลาย

อย่าเพิ่งปิดทางเลือกให้กับตัวเองเพียงเพราะกลัวว่าสรีระของคุณอาจจะดูไม่เหมาะกับชุดแต่งงานแบบนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ลอง หรือบางครั้งเจ้าสาวบางคนอาจจะมีภาพชุดแต่งงานในฝันที่ยังไงก็อยากจะใส่ชุดนี้ให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาได้ลองชุดนั้นจริงๆ กลับออกมาไม่เพอร์เฟกต์อย่างที่คิดก็มี เพราะฉะนั้นการเปิดใจลองชุดแต่งงานหลากหลายแบบก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้คุณว่าที่ได้เจอกับชุดแต่งงานในฝันที่รอคอย ซึ่งจำนวนชุดแต่งงานที่ลองนั้นควรจะลองกันไม่เกินประมาณ 3-4 ชุด (ถ้าเยอะกว่านี้อาจจะตัดสินใจยากไปอีก) และที่สำคัญอย่าลืมเปิดใจให้กับคำแนะนำจากร้านชุดหรือดีไซเนอร์ด้วยนะคะ เพราะเขาคือบุคคลที่จะช่วยเนรมิตลุคของคุณให้สวยสง่างามในวันสำคัญได้อย่างแน่นอน

6. ชุดชั้นในสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งหมด

ชุดแต่งงานถึงแม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้าชุดชั้นในดันไม่เข้ากันก็อาจจะทำให้ทั้งลุคนั้นพังได้ในพริบตา เพราะฉะนั้นการเลือกแมตช์ชุดชั้นในให้เข้ากับชุดแต่งงานจึงเป็นสิ่งที่ว่าที่เจ้าสาวควรให้ความสำคัญมากๆๆๆ ที่สำคัญควรเลือกให้แมตช์กับรูปทรงของชุดแต่งงานด้วย เพราะอย่าลืมว่าชุดชั้นในก็มีรูปแบบให้เลือกมากมายไม่แพ้ชุดแต่งงาน ซึ่งที่สำคัญที่สุดการเลือกให้เข้ากับสีของชุดแต่งงานและให้พอดีกับรูปร่างและหน้าอกของเจ้าสาวนั้นสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้หน้าอกหน้าใจของคุณว่าที่เจ้าสาวดูสวยสมส่วนเข้ากัน

หรือจะเพิ่มความมั่นใจอีกนิดให้กับลุคสวยสง่าในวันสำคัญก็สามารถตามไปเช็ก 4 ส่วนสำคัญในชุดแต่งงานช่วยสร้างความงามให้กับเจ้าสาว กันต่อได้เลย

ภาพ : essensedesigns.com, olegcassinistore.com, pronoviasbrides.com, aucklandweddings.co.nz, pinterest

Recommended