เจ้าสาวหน้ากลม เลิกเครียด! เรามาบอก ผมเจ้าสาว ที่เหมาะกับคุณแล้ว!

ว่าที่เจ้าสาวหน้ากลมมีกรี๊ด เรารวบรวม ผมเจ้าสาว ที่เหมาะกับเจ้าสาวไม่เซล์ฟแก้ม ไม่เซล์ฟเนื้อใต้คาง มาดูกันว่าทรงผมแบบไหนช่วยปรับให้หน้าเราเรียวเว่อร์!

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่มีรูปหน้าค่อนข้างกลม เรารู้ว่าการหา ทรงผมเจ้าสาว ที่ใช่สำหรับคุณดูเหมือนเป็นเรื่องยากใช่มั้ยคะ (แต่อันที่จริงแล้วเราชอบสาวหน้ากลมนะ เราว่าช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย!) แต่ถ้าคุณว่าที่เจ้าสาวรู้เคล็ดลับว่าทรงผมสไตล์ไหนที่จะช่วยพรางใบหน้าให้ดูเรียวขึ้น แค่นี้คุณก็ไม่ต้องเครียดกับการหาทรงผมเจ้าสาวที่ใช่อีกต่อไป มาดูกันเลยค่ะว่าทรงผมเจ้าสาวทรงไหนที่ สาวหน้ากลม ควรทำ และทรงไหนที่ควรหลีกหนีให้ไกลเพราะจะทำให้หน้ายิ่งดูกลมค่ะ!

Do’s: ผมปาดแสกข้าง

ผมทรงนี้ช่วยเชฟรูปหน้าของเราให้ดูเรียวขึ้นโดยช่วยดึงจุดสนใจออกจากแก้มของเราค่ะ

ทรงผมเจ้าสาว หน้ากลม

ทรงผมเจ้าสาว สำหรับ สาวหน้าเหลี่ยม ไม่เซล์ฟกราม ช่วยเชฟรูปหน้าให้สวยละมุน

สาวรูปหน้าเหลี่ยมคลิกด่วนเลยค่ะ เรามาบอก ทรงผมเจ้าสาว ที่จะช่วยเชฟให้รูปหน้าสาวหน้าเหลี่ยมดูมนขึ้น ไม่ต้องกังวลกับโหนกแก้มหรือกรามอีกต่อไป!

หลังจากที่สาวหน้ากลมได้ทราบกันไปแล้วว่าทรงผมเจ้าสาวแบบไหนที่ช่วยให้หน้าเราดูยาวขึ้น ก็มาถึงตาของว่าที่เจ้าสาวรูปหน้าเหลี่ยมกันละ! เรารู้นะว่าปัญหาของสาวหน้าเหลี่ยมคือความรู้สึกว่าโหนกแก้มเราแหลมไป กรามเราใหญ่ไปเหมือนหน้าผู้ชาย T^T เวลาจะทำผมทีก็ต้องพยายามเอาปอยผมมาปิดกรอบหน้า ทำให้ยิ่งดูหน้าหมองหมดราศีกันไปใหญ่ พอจะหาทรงผมเจ้าสาวที่ใช่ก็ลำบากอีก แต่นี่จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เพราะเรามาบอกคุณแล้วว่า ทรงผมเจ้าสาว ที่จะช่วยพรางสายตาให้ใบหน้าคุณดูละมุนนี ไม่แข็งกระด้างเหมือนผู้ชาย จะต้องทำยังไง รวมทั้งทรงผมที่คุณควรหลีกเลี่ยงเพราะจะยิ่งทำให้หน้าเราดูเหลี่ยมยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ! 

DO’s: รวบมวยต่ำหลวมๆ ปล่อยผมด้านหน้าประมาณคาง

การเกล้ามวยต่ำจะทำให้เมื่อมองเจ้าสาวจากด้านหน้า เราจะสามารถเห็นมวยผมได้ผ่านคอของเจ้าสาว ช่วยดึงความสนใจออกจากส่วนกราม ผมด้านหน้าที่คลอเคลียอยู่บริเวณกรอบหน้ายังช่วยเหลาให้ใบหน้าเราดูมีเชฟโค้งมนมากขึ้นค่ะ

ทรงผมเจ้าสาว หน้าเหลี่ยม

Serealscape สถานที่แต่งงานจัดโปรสุดคุ้มที่งาน “SEREAL&NCC OPEN HOUSE 2019”

เวลาแห่งความสุขครั้งสำคัญที่สุดของคุณและคนรักได้เริ่มขึ้นแล้ว ซีเรียลสเคป (Serealscape) สถานที่แต่งงาน แห่งใหม่บนถนนราชพฤกษ์ – ตลิ่งชัน ที่โดดเด่นด้วยสไตล์เฉพาะตัวกับการตกแต่งพื้นที่ในแต่ละส่วนให้มีบรรยากาศเสมือนหนังโรแมนติคสุดคลาสสิค พร้อมเปิดบ้านต้อนรับคู่บ่าวสาวแล้ว โดยงานนี้ซีเรียลสเคปได้ร่วมกับ Ncc Catering ( เอ็นซีซีแคเทอริ่ง) ออร์แกไนซ์และแคเทอริ่งระดับมืออาชีพที่ให้บริการจัดเลี้ยงและจัดงานแต่งงานมาจำลองการจัดงานแต่งงานในบรรยากาศเสมือนจริง ณ สถานที่จริงๆ ให้คู่รักได้มาสัมผัส อีกทั้งยังมอบแพ็กเกจงานแต่งสุดคุ้ม!! พร้อมส่วนลดพิเศษกว่า 60,000 บาทให้แก่คู่บ่าวสาวอีกด้วย โดยงานจะมีในวันเสาร์ที่ 20 และวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 20.00 น.

นอกจากนี้ภายในงานว่าที่บ่าวสาวยังจะได้พบกับการออกร้านพร้อมโปรโมชั่นดีๆ จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานวิวาห์ อาทิ ชุดเจ้าสาว, สูทเจ้าบ่าว, ร้านเครื่องประดับ, ช่างภาพงานแต่งมืออาชีพ, บริการด้านสปาและความงาม, การ์ดและของชำร่วยที่พร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาแบบครบจบในที่เดียว

ว่าที่บ่าวสาวที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษตามลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลย ที่สำคัญงานนี้เข้าร่วมงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะ

https://forms.gle/5MCokXvjLnGewP8x7

5 สิ่งที่ต้องทำก่อนเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน ในฝันของคุณ

ถ้าการมองหา สถานที่จัดงานแต่งงาน ของคุณเป็นเรื่องที่ยากเย็นไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ไหนจะเรื่องจำนวนแขกที่มางานและค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก เกิดมาก็ไม่เคยแต่งงานซะด้วยแล้วจะทำอย่างไรดีนะ? หากคุณเกิดคำถามเหล่านี้อยู่ จงคลายกังวลไปได้เลยค่ะ เพระวันนี้ แพรว wedding ขอมากระซิบบอกวิธีการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานให้ตรงใจไร้ปัญหา เพียงคุณเช็กลิสต์ตามเราดังต่อไปนี้การเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานจะกลายเป็นเรื่องง่ายในทันที ไปดูกัน

สถานที่1. จัดลำดับความสำคัญ

อันดับแรกคิดธีมแล้วช่วยกันจดรายชื่อสถานที่ในดวงใจที่เข้ากับธีมพร้อมรายละเอียดในวันงานว่าอยากทำออกมาเป็นแบบไหน อยากให้มีอะไรบ้าง สิ่งสำคัญของงานคืออะไร จัดลำดับความสำคัญให้เรียบร้อย เป็นการมองภาพรวมแบบกว้างๆ ยังไม่เจาะลึกลงรายละเอียดในสถานที่นะคะ แล้วค่อยช่วยกันลงคะแนนในแต่ละที่เพื่อนเป็นการตัดตัวเลือกให้เหลือน้อยลงจะได้เลือกง่ายขึ้นด้วยค่ะ

2. ลิสต์คำถาม

เช่น สถานที่นั้นสามารถจอดรถได้กี่คัน การเดินทางไปสะดวกหรือไม่ ทางสถานที่มีกฎระเบียบหรือข้อจำกัดอะไรบ้าง ทางสถานที่จะมีบริการอะไรให้บ้าง ราคาค่าใช้จ่ายทั้งหมดกี่บาท เป็นต้น เมื่อลิสต์คำถามครบถ้วนแล้วให้คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรไปถามในแต่ละแห่งที่ได้ปักหมุดไว้ได้เลย

3. ทำตารางเปรียบเทียบ

สร้างตารางเปรียบเทียบง่ายๆ โดยนำคำถามจากข้างต้นมาใส่ในตารางแล้วนำข้อมูลที่ได้จากการสอบถามมาใส่เพื่อทำการเปรียบเทียบว่าที่ไหนจะคุ้มค่าและสะดวกสบายมากที่สุด ตารางเปรียบเทียบจะช่วยให้คุณมั่นใจว่าได้ถามคำถามที่จำเป็นทั้งหมดในแต่ละสถานที่นั้นหรือยัง และจัดเรียงตามความแตกต่างให้เห็นได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญอย่าลืมใส่งบประมาณค่าบริการที่นอกเหนือจากค่าสถานที่ด้วยนะคะ

4. ปรึกษาออแกไนซ์หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์

กรณีที่คุณจ้างทีมออแกไนซ์หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์แนะนำให้ปรึกษาโดยตรง เพราะทางออแกไนซ์หรือแพลนเนอร์คือผู้ที่มีประสบกาณ์การจัดงานแต่งงานมานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมรู้จักสถานที่ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งงานมากมาย โดยคุณสามารถเสนอราคาวางงบประมาณเรื่องสถานที่แล้วให้พวกเขาแนะนำรายชื่อสถานที่ โปรโมชั่นต่างๆ ที่จะเพียงพอต่องบประมาณของคุณได้

5. เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเอง

บ่าวสาวต้องถามตัวเองว่าจากการวิเคราะห์มาทั้งหมดคุณมีตัวเลือกที่ดีอย่างน้อย 3-5 ตัวเลือก อยู่ในรายการของคุณหรือไม่ ให้คุณพยายามชั่งน้ำหนักจากตัวเลือกเหล่านี้ให้ดีก่อนตัดสินใจ สามารถเลือกได้จากการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ที่สำคัญจงเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณว่าสถานที่นั้นเหมาะสมที่จะทำให้ครอบครัว เพื่อนสนิท และผู้ร่วมงานทุกคนสนุกสนานกับการเฉลิมฉลองความรักให้แก่คุณทั้งคู่นั่นเอง

และถ้าหากบ่าวสาวได้สถานที่จัดงานแต่งงานในฝันแล้ว ก่อนจองสถานที่อย่าลืมเช็ก 15 คำถามต้องได้คำตอบก่อนเซ็นต์สัญญาจองสถานที่จัดงานแต่งงาน ด้วยนะคะ รับรองว่างานแต่งในฝันจะออกมาสวยงามไม่มีสะดุดุแน่นอน

cr : marthastewartweddings.com, paradiseweddingsworldwide.com

“เวดดิ้งแพลนเนอร์” เลขาฯ ส่วนตัวของบ่าวสาวยุคใหม่ จำเป็นไหมที่ต้องมี?

“จำเป็นไหมที่ต้องจ้างเวดดิ้งแพลนเนอร์” กลายเป็นคำถามแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของว่าที่คู่แต่งงานในยุคนี้ ปัญหาสำคัญคือหลายคู่ไม่รู้ว่า เวดดิ้งแพลนเนอร์ ทำอะไรบ้าง เราจึงเชิญคุณกุ้ง – สุริยา ครุฑทอง Creative Director แห่ง Chic Planner มาไขความกระจ่าง

  • รู้จักเวดดิ้งแพลนเนอร์

“เรื่องแรกที่บ่าว – สาวสับสนกันมากคือ ‘เวดดิ้งแพลนเนอร์’ และ ‘เวดดิ้งออร์แกไนเซอร์’ มีหน้าที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร คำตอบคือออร์แกไนเซอร์จะทำงานเฉพาะในวันงาน เหมือนเป็นแม่งานที่คอยตรวจดูความเรียบร้อยและควบคุมลำดับพิธีให้ดำเนินไปตามแผนงาน แต่แพลนเนอร์จะมีขอบเขตการทำงานที่กว้างกว่า มีหน้าที่วางแผนการทำงานทั้งหมดให้งานแต่งหนึ่งงานจบลงอย่างสมบูรณ์แบบตามที่บ่าว – สาวต้องการ ไม่ใช่แค่เสนอแบบการตกแต่ง แต่เสนอทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน แต่จะมีข้อยกเว้นอยู่ 2 ข้อ คือ ไม่เข้าไปยุ่งกับการดูแลทรัพย์สินมีค่าไม่ว่าจะเป็นการหาคนมานั่งเฝ้ากล่องรับซองหรือดูแลสินสอด รวมถึงการเชิญแขก”

  • ส่งแบบล่าช้าราคาเพิ่งมา จำใจยอมจ้าง

“หลายคู่เจอกรณีนี้เพราะไม่ได้ตกลงกันให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะมีการส่งแบบให้ดูเมื่อไร รายละเอียดการทำงานเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ต้องใช้งานเพราะหนีไปทางไหนไม่ทันแล้ว ทางออกคือ ควรชัดเจนตั้งแต่ตอนแรก ทั้งเรื่องรูปแบบงานและกระบวนการทำงาน มีเงื่อนไขอะไรแจงมาให้หมด เพราะแพลนเนอร์เองก็อยากได้ลูกค้า ส่วนบ่าว – สาวก็ต้องการคนทำงานที่จริงใจ ฉะนั้นวิน ๆ คือบ่าว – สาวต้องร้องขอรายละเอียดเหล่านั้นทันทีที่ตกลงว่าจ้างงาน อ่านรายละเอียดก่อนเซ็นสัญญา แล้วค่อยเดินตามแผนงานทั้งหมดที่วางร่วมกัน”

  • วิธีคุยกับพ่อแม่ให้ยอมรับเวดดิ้งแพลนเนอร์

“เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่อยู่ในยุคที่ยังไม่มีอาชีพนี้เกิดขึ้น วิธีที่จะทำให้ท่านยอมรับคือ  พาท่านมานั่งคุยกับแพลนเนอร์เพื่อให้เห็นภาพว่า การทำงานมีมากกว่าการตกแต่งและบ่าว – สาวจะได้รับบริการมากกว่าให้โรงแรมจัดงานเพียงฝ่ายเดียว บางบ้านอาจคิดว่าให้ญาติพี่น้องเพื่อนสนิทช่วยก็ได้ แต่การที่ไม่ได้ใช้เงินจ้างจะกลายเป็นบุญคุณและใช้งานไหว้วานกันได้ไม่เต็มปาก จึงมีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะทำให้งานไม่ไหลลื่น สิ่งเหล่านี้คือประเด็นสำคัญที่จะช่วยโน้มน้าวใจคุณพ่อคุณแม่ เพราะความสะดวกสบาย และสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเป็นการดูแลโดยมืออาชีพที่คุณพ่อคุณแม่และญาติ ๆ ไม่ต้องเหนื่อยเลย แค่แต่งตัวสวยๆ ยิ้มรับแขกก็พอ”

  • แพลนเนอร์เสกงานได้ทุกแบบไหม

“ผมเชื่อว่าแพลนเนอร์ทุกเจ้าในเมืองไทยสามารถจัดงานแต่งได้ทุกสไตล์ที่บ่าว – สาวต้องการ แต่ขณะเดียวกันทุกเจ้าก็มีคาแร็คเตอร์ของตัวเอง บ่าว – สาวยุคใหม่รู้จักทำการบ้านมาก่อนและค่อนข้างรู้จักตัวเอง จึงมักหาตัวอย่างงานที่ชอบมาเก็บไว้และค้นหาแพลนเนอร์ที่เคยทำผลงานในสไตล์ที่ชอบหรือเทสต์ที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่สิ่งที่จะประกอบการตัดสินใจไม่ได้จบแค่เรื่องตกแต่ง แต่เป็นเรื่องบริการที่ต่างกันไปในแต่ละเจ้า”

ดูไอเดียงานแต่งงานและคำแนะนำดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

เรื่อง : ยุวพร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : CHIC PLANNER WORLDWIDE SERVICE 

วิธีแบ่งเครื่อง ขันหมาก อย่างง่าย แบบที่ไม่ต้องแย่งกันให้มีเคือง!

หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานตอนเช้าหลายคนก็มักจะสงสัยว่า ของที่มากับขบวน ขันหมาก จะต้องแบ่งสันปันส่วนกันอย่างไร รวมถึงความเชื่อที่ว่า บ่าวสาวห้ามกินขนมขันหมาก นั้นจริงหรือไม่ เราจะมาเฉลยข้อข้องใจทั้ง 2 ข้อนี้กัน 

การแบ่งเครื่องของที่มากับขบวนขันหมาก เช่น พานขนมงคล 9 อย่าง พานผลไม้ ฯลฯ หลังเสร็จพิธีให้แบ่งของออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งให้ฝ่ายเจ้าสาวเก็บไว้และอีกส่วนหนึ่งให้ทางเจ้าบ่าวนำไปเลี้ยงแขก พร้อมกับส่งถาดและพานต่างๆ ที่ใส่ของมาคืนให้ทั้งหมด เวลาส่งคืนต้องไม่คืนเป็นถาดเปล่า ให้มีหมากพลู ขนม และของแถมพกติดไปด้วย เพื่อเป็นรางวัลให้กับผู้ทำหน้าที่ยกของขันหมากมา

ส่วนความเชื่อที่ว่า “บ่าวสาวห้ามทานขนมขันหมาก” ขอบอกว่าเป็นเพียงแค่ความเชื่อของบางบ้านบางครอบครัวค่ะ จริงๆ แล้วทุกคนสามารถทานได้ เพราะถือว่าเป็นขนมมงคลและมีความหมายดีอยู่ในชื่อขนมแต่ละชนิดอยู่แล้ว รวมถึงความเชื่อที่ว่า สาวโสดห้ามทานขนมขันหมาก เพราะจะทำให้ไม่มีคนมาขอแต่งงาน อันนี้ก็แล้วแต่สาวๆ จะปักใจเชื่อกันนะคะ ใครสบายใจจะไม่ทานก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ (แต่จริงๆ แล้วมันทานได้นะ!)

Read More : มารู้จักกับ “พานรับขันหมาก” กันเถอะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Jirayu The Wedding Planner

11 เรื่องที่บ่าวสาวต้องรู้ในวันแต่งงาน ฉุกเฉินแค่ไหนก็รับมือได้ไม่มีหวั่น

ใน วันแต่งงาน ต่อให้เตรียมตัวมาเป๊ะ พร้อมผจญทุกสิ่งอย่าง แต่บางทีก็อาจมีพลาดเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่ถ้าเราเตรียม 11 สิ่งต่อไปนี้ก่อนหน้าวันงาน รับรองว่าต่อให้เกิดอะไรก็รับมือได้สบายมาก

1. ก่อนส่งคืนชุดบ่าวสาวที่เช่ามา อย่าลืมตรวจเช็คร่องรองต่างๆ ถ้ามีคราบเปื้อนอยู่ให้ใช้ทิชชู่เปียกลองเช็ดดู เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ามัดจำไปฟรีๆ

2. ถ้าคืนแต่งงานแดนซ์เพลินจนเผลอทำไวน์แดงหกใส่ชุด อย่าเพิ่งเครียดให้ใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือ ไวน์หก ก็ใช้ไวน์ขาวเทซ้ำลงไปเลย คราบจะออกง่ายขึ้นนะจ๊ะ

3. เวลชอบหลุดนักใช่ไหม!! กิ๊ฟ 18 ตัวก็เอาไม่อยู่หรือเปล่า!! ให้ใช้สเปรย์ฉีดผมฉีดลงไปบนเวลในตำแหน่งที่ต้องการติดกับผมเลย จะทำให้เวลาเหนียวหนึบอยู่ทรงไม่ลื่นหลุดง่าย

4. เจ้าสาวบ่อน้ำตาตื้น จะปล่อยให้น้ำตาไหลพรากไร้การซับก็ไม่งาม จะถือทิชชู่โต้งๆ ก็ไม่สวย ให้ซ่อนทิชชู่เอาไว้ในมือที่ถือช่อดอกไม้ หรือฝากไว้ในกระเป๋าสูทของเจ้าบ่าวก็ได้นะ น้ำตาร่วงปุ๊บ ก็ออกมาซับปั๊บ

5. ยังไงอาหารที่เตรียมไว้ในงานแต่งก็เหลือ เพราะฉะนั้นให้ถามคนจัดการเรื่องอาหารก่อนเลยว่า ถ้างานเลิกแล้วมีภาชนะให้ใส่กลับบ้านหรือเปล่า ถ้าไม่มี เราเตรียมไว้เองเลย

6. เกิดเค้กสวยๆ ดันมีรอยบุบ จะเคาะ ปะ พ่นสีเหมือนรถก็ไม่ได้ ให้หาดอกไม้ที่ประดับอยู่ไกลๆ มาติดลงบนเค้กเพื่อซ่อมแซมนะจ๊ะ

7. ถ้าจะจัดงานเอาท์ดอร์ ห้ามลืมแจกสเปยร์ไล่แมลงให้แขกเด็ดขาด และอย่าลืมฉีดสเปรย์ที่ขาโต๊ะเตรียมไว้ก่อนนะจะช่วยไล่แมลงให้ออกห่างจากโต๊ะ

8. ผมมันใช่ไหม โรบแป้งลงบนผมเลยค่ะ แล้วสะบัดๆ ความมันจะหายวับทันตา

9. ทำให้เครื่องดื่มเย็นเร็วทันใจ ต้องแช่ลงในถังน้ำแข็งที่มีน้ำอยู่ด้วย จะทำให้เย็นภายใน 5 นาทีเลยล่ะ

10. ถามคนจัดดอกไม้ว่า ตอนงานเลิก จะช่วยห่อดอกไม้เป็นช่อแบบง่ายๆ ให้แขกนำกลับบ้านได้หรือเปล่านะ

11. บ่าวสาวควรกินยาแก้แพ้ก่อนเริ่มงาน เพราะอาจจะมีอาการแพ้เกสรดอกไม้ แพ้เครื่องสำอางโดยไม่รู้ตัว

และนี่คือ 11 ข้อ ที่จะช่วยให้วันแต่งงานออกมาสวยเพอร์เฟ็กต์ แม้เกิดเหตุไม่คาดฝัน แถมอุปกรณ์ช่วยชีวิตทั้งหมดก็เป็นของใกล้ตัว ที่หยิบมาใช้สอยได้แบบง่ายดายด้วย

อ่านคำแนะนำดีๆ และดูไอเดียจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

รวมเคล็ดลับดีๆ ให้บ่าวสาวเลือกเค้กแต่งงานได้ตรงงบแถมโดนใจ

เค้กแต่งงาน เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมให้งานดูดีขึ้นแถมมีให้เลือกมากมายหลายแบบ คุณปู-สุชาดา เอกไพฑูรย์ เจ้าของร้าน Sugaries Station ที่เน้นการออกแบบเค้กให้ตรงกับธีมงาน ซึ่งมีบริการครบวงจรทั้ง เค้กจริง เค้กปลอม และคัพเค้ก มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเทคนิคการเลือกเค้กที่ใช่ในแบบที่ชอบมาฝากบ่าวสาวกัน

  • รูปแบบเค้ก VS รูปแบบงานแต่ง

สิ่งที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกเค้กแต่งงานนอกจากเรื่องคอนเซปต์งาน รูปแบบเค้กที่ต้องการ และงบประมาณแล้ว ยังต้องคำนึงถึงขนาดห้อง ความสูงของเพดาน อุณหภูมิห้อง และจำนวนแขกด้วย

เค้กแต่งงานจริง :

เหมาะสำหรับงานในบรรยากาศอินดอร์ที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้เค้กละลาย และหากอยากให้งานดูอบอุ่นเป็นกันเองแนะนำให้เลือกเค้กที่มีขนาดไม่สูงหรือใหญ่มากนัก

เค้กแต่งงานปลอม :

เหมาะสำหรับงานในห้องโถงขนาดใหญ่ เช่น ห้องบอลรูมของโรงแรม หรืองานเอ๊าท์ดอร์ที่มีแขกค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเค้กมีขนาดใหญ่และตกแต่งแบบจัดเต็มจึงสามารถเป็นจุดศูนย์กลางของงาน ช่วยให้งานดูหรูหราอลังการมากยิ่งขึ้น

คัพเค้ก :

เหมาะสำหรับงานอินดอร์ที่จัดขึ้นภายในห้องที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง เพราะคัพเค้กไม่ต้องการพื้นที่ในการตัดเค้กมากนัก นอกจากนี้ยังสะดวกและไม่เสียเวลาในการเสิร์ฟเค้กให้กับแขกผู้ใหญ่อีกด้วย

ทั้งนี้การเลือกรูปแบบเค้กขึ้นอยู่กับความชอบของบ่าวสาวและคอนเซ็ปต์ของงานเป็นหลัก

  • การดูแลเค้กจริงในงานเอ๊าท์ดอร์

สำหรับบ่าวสาวที่อยากได้เค้กแต่งงานจริงทั้งหมดในงานแต่งแบบกลางแจ้ง ขอแนะนำให้ใช้เค้กจริงไม่เกิน 5 ชั้นและเป็นแบบคลุมน้ำตาลฟองดองท์เพื่อช่วยรักษาเค้กให้คงรูปทรงตามต้องการ เพราะเค้กคลุมน้ำตาลจะใช้ครีมระหว่างชั้นเค้กค่อนข้างน้อยจึงละลายช้ากว่าเค้กแบบครีมปกติ อีกทั้งการคลุมด้วยน้ำตาลยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาเค้กให้นานยิ่งขึ้นและยังสามารถตกแต่งเค้กได้หลากหลายแบบอีกด้วย

Untitled-2

สิ่งสำคัญในการจัดงานเอ๊าท์ดอร์คือควรนำเค้กออกมาให้ใกล้เคียงกับเวลาเริ่มงานมากที่สุด หากนำออกมาในช่วงตัดเค้กได้จะยิ่งดีเพื่อคงความสวยงามของเค้กไว้ให้นานที่สุด นอกจากนี้ การให้ทางร้านเข้าไปเซตเค้กให้หน้างานก็ถือเป็นอีกทางที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายระหว่างการขนส่งและการจัดตกแต่งได้

  • งบประมาณกับการเลือกเค้กแต่งงาน

หากมีงบประมาณค่อนข้างจำกัดแต่อยากได้เค้กแต่งงานดีไซน์สวยๆ ขอแนะนำให้เช่าเค้กแต่งงานปลอมเพราะมีต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำกว่าการใช้เค้กจริงหรือคัพเค้ก (ควรโทรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์) ส่วนบ่าวสาวที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมาหน่อยลองเพิ่มความพิเศษและเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับเค้กด้วยการเพิ่มตุ๊กตาบ่าวสาวเป็นรูปของตัวเองใส่ชุดแต่งงาน หรือจะออกแบบเค้กเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วตกแต่งด้วยของที่ชอบเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตนที่แท้จริง (ควรสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน) นอกจากจะดูดีไม่ซ้ำใครแล้วยังเป็นการสร้างความทรงจำพิเศษร่วมกันของคู่บ่าวสาวด้วย

อ่านคำแนะนำดีๆ จากกูรูด้านต่างๆ ในเรื่องงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ภาพ pexels.com

หมดปัญหา! เจ้าสาวหน้าทิ่มเพราะชายกระโปรงเจ้าสาวยาวเกินเหตุ

ชุดเจ้าสาวสีขาวเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้สวมใส่ให้งามราวกับเจ้าหญิง ว่าที่เจ้าสาวทุกคนจึงพิถีพิถันเลือกสรรชุดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุดที่ทรงพองยาวมีชายหลายเมตรยิ่งสวยสง่า แต่เดี๋ยวก่อน! ไอ้ชุดขาวๆ ยาวๆ สวยๆ นี่แหละที่ทำให้เจ้าสาวหลายคนสะดุดชาย กระโปรงเจ้าสาว หกล้มกลางงานมาแล้วนับไม่ถ้วน เรามีวิธีหลีกเลี่ยงเหตุการณ์หน้าอับอายนี้มาฝากค่ะ

1. อย่าเดินถอยหลัง!

ขอบอกว่าที่เจ้าสาวหลายๆ คนไว้ ณ ที่ตรงนี้เลยนะคะ ถ้าคุณตัดสินใจจะใส่ชุดเจ้าสาวที่กระโปรงยาวจนชายลากพื้นแล้วละก็ ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินถอยหลังเด็ดขาด!” เพราะว่านอกจากจะดูเก้ๆ กังๆ แล้ว คุณอาจมีสิทธิ์ที่จะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง แล้วหงายหลังก้นจ้ำเบ้าเอาได้ เอ๊ะ! แต่ถ้าต้องย้อนกลับไปตรงจุดที่เดินผ่านมาแล้วจะทำยังไงล่ะ? แหม! ก็ต้องเดินวนสิคะคุณขา อ้อมนิดอ้อมหน่อยก็ดีกว่าเงิบกลางงานนะคะคุณ!

2. เหยียบได้ แต่อย่าดึง!

ในเมื่อชายกระโปรงแผ่ขยายไปรอบตัว มันก็เลี่ยงไม่ได้หรอกนะที่จะถูก “เหยียบ” แต่ว่าเมื่อถูกเหยียบแล้วสิ่งที่ทำได้คือ “ห้ามดึง” ชายกระโปรงขึ้นมาเพราะว่ามันอาจจะทำให้ชายกระโปรงขาดได้ ทางทีดีให้เดินต่อไปข้างหน้าแล้วเดี๋ยวชายกระโปรงก็จะหลุดออกมาเอง

3. เย็บเก็บหน่อยก็ได้นะ

เจ้าสาวที่ยืนตอนรับแขกและถ่ายรูปอยู่หน้าแบ็กดรอปไอ้เจ้าชายกระโปรงที่มันยาวก็ทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยดีนะ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้างานควรให้ช่างเย็บชายเก็บเข้ามาสักนิดจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดิน หรือให้เจ้าบ่าวช่วยดูซ้ายดูขวาหยิบจับบ้างนิดหน่อยคงจะได้ภาพที่น่ารักอบอุ่นไม่เบาทีเดียว

4. เริ่มโงนเงนไม่มั่นคง

สภาวะนี้เป็นสภาวะที่ถ้าเจ้าสาวรู้ตัวทันก่อนล้มก็จะดีมาก เพราะเมื่อคุณรู้สึกโอนเอนเหมือนจะล้มแล้วละก็ รีบไขว่คว้าหาแขนคนข้างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเพื่อนเจ้าสาว คุณก็ควรจะรีบเกี่ยวแขนกับหลักยึดนั้นไว้ก่อนที่ก้นจะจ้ำเบ้าลงไปเป็นภาระกับพื้นนะจ๊ะ

5. ว้าย ล้มแล้ว!

ถ้ามาถึงจุดๆ นี้ เราคงบอกได้แค่ว่า “ตั้งสติ” แล้วก็ “ยิ้มเข้าไว้” นะคะ จากนั้นค่อยๆ จัดระเบียบร่างกายเสียใหม่ แขน ขา เท้า รวมไปถึงรองเท้าจัดวางให้ถนัดถนี่เพื่อป้องกันการลุกขึ้นมาแล้วล้มลงไปอีก สุดท้ายยื่นมือไปหาเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างๆ เราเสมอ ให้เขาช่วยพยุงเราขึ้นมาและช่วยโอบประคองให้เรายืนได้อย่างมั่นคง แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน

จะใส่ชุดขาวๆ ยาวๆ ทั้งทีมันก็ต้องมีข้อควรระวังป้องกันไม่ให้เหยียบชายกระโปรงกันบ้าง แต่ถ้าพลาดล้มลงไปแล้วละก็ ลองเอาวิธีที่เราแนะนำไปใช้แก้เก้อกันนะคะจะได้ไม่หน้าแตกกลางงาน เน๊อะ!

ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมที่นี่ได้อีกเพียบ คลิกเลย!

เคล็ดลับแต่งหน้าเจ้าสาวที่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพพร้อมเผยให้สาวๆ ได้รู้

ว่าที่เจ้าสาวที่กำลังหนักอกหนักใจกับปัญหาเมคอัพในวันแต่งงาน ไม่ว่าจะเรื่องหนวดเอย หรือเรื่องโบท็อกซ์ฟิลเลอร์ที่เพิ่มไปทำมาเพราะอยากให้หน้าเป๊ะ แล้วอย่างนี้จะแต่งหน้าในวันแต่งงานยังไงให้กลบข้อบกพร่องเหล่านี้ได้บ้าง แพรว wedding  มีเคล็ดลับและเทคนิคการแต่งหน้าโดย คุณมล กมล ฉัตรเสน มาเผย เทคนิคการ แต่งหน้าเจ้าสาว เพื่อไขข้อข้องใจเหล่านี้มาฝากจ้า

  • จุดเล็กๆ ที่เจ้าสาวมักมองข้ามอย่างขนเหนือริมฝีปาก เป็นปัญหาในการแต่งหน้าไหม

เป็นเหมือนกันเพราะอาหารสมัยนี้มีสารเร่ง ฮอร์โมน ทำให้ผู้หญิงมีขนเหนือริมฝีปากมากขึ้น บางคนดำด้วย แนะนำให้เลเซอร์แว็กซ์ หรือย้อมให้สีอ่อนลงหน่อย หรือ จะลองปรึกษาแพทย์ดูก็ได้ เดี๋ยวนี้มีหลายทางเลือกที่ปลดภัย แต่ถ้ามาเจอในวันแต่งงาน ทำอะไรไม่ทันก็ต้องกันออก แต่ไม่แนะนำให้ทำบ่อย เพราะจะทำให้ขนแข็ง ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า

  • ถ้าไปฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหมหรือฉีดฟิลเลอร์มาแล้วมีปัญหาเมคอัพช่วยได้แค่ไหน อย่างไร

ถ้าไม่บวม ช้ำ หรือผิดรูปมาก ก็ใช้เฉดดิ้ง คอนซีลเลอร์ หรือรองพื้นช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่แนะนำว่า ถ้าจะทำควรทิ้งช่วงก่อนวันแต่ง 3 – 6 เดือนเผื่อว่ามีปัญหาจะได้แก้ไขทัน ทั้งนี้รวมถึงทรีตเมนต์ต่างๆ ด้วย เพราะถ้าโชคร้ายแพ้ขึ้นมาจะเป็นปัญหามากเคยเจอเจ้าสาวที่ไปกินยาหรือทำเลเซอร์ก่อนวันงานเพราะอยากให้หน้าใสกิ๊กดูด้วยตาผิวสวยใสก็จริง แต่พอทาแป้งลงไปแล้วกลายเป็นเกล็ดเลย เพราะผิวแห้งมาก แถมเจ้าสาวเองก็แสบและคันเพราะว่าผิวบางจนแพ้ทุกอย่าง เคสนั้นแทบจะแต่งอะไรไม่ได้เลย แนะนำว่าช่วง 1 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงานควรหยุดทุกอย่างแล้วบำรุงผิวตามปกติ

  • มีคำแนะนำสำหรับเจ้าบ่าวบ้างไหมคะ

ก่อนวันงานควรดูแลตัวเองนิดหนึ่ง และเช่นเดียวกับผู้หญิงคือ อย่าไปทำอะไรกับผิวในระยะกระชั้นชิด สิ่งหนึ่งที่เจอบ่อยมากและอยากแนะนำคือ คุณผู้ชายชอบไปตัดผมก่อนวันงานซึ่งจะทำให้ดูเด๋อ จริงๆ แล้วควรตัดผมก่อนสัก 1 สัปดาห์ หรืออย่างน้อย 3 – 4 วัน เพื่อให้ผมดูเข้าที่ในวันแต่ง ส่วนการแต่งหน้า สมัยนี้มีเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ จะทำให้ดูหล่อและคมเข้มขึ้น

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

สารพัดเคล็ดลับให้เจ้าสาวยืนนานในงานแต่งได้สบายไม่มีเมื่อย

สถานการณ์ที่น่าเห็นใจอย่างมากคือการ ยืนนาน ถ่ายภาพหน้างาน แขกเหรื่อที่เชิญมาก็ไม่ใช่น้อย คนนั้นถ่ายมุมนี้ คนนี้ถ่ายมุมนั้น เล่นเอาเจ้าสาวหันไปหันมา ยืนโพสท่าบนรองเท้าส้นสูงจนขาแทบหัก เอาเป็นว่าถ้าเริ่มรู้สึกเมื่อยให้ทำแบบนี้ค่ะ…

หย่อนขาสักข้างหนึ่งเพื่อผ่อนคลาย หรือหากว่าติดพันอยู่กับการชักภาพประทับใจ หันไปหาเจ้าบ่าวข้างกาย ให้เขาช่วยประคอง โอบไหล่ โอบเอว เพื่อให้เราได้ผ่อนน้ำหนักที่ขาลงบ้าง แบบนี้ได้ทั้งพักเรียวขาและได้ภาพที่สวยงามอบอุ่นไปในตัว

นอกจากนี้รองเท้าเจ้าสาวก็เป็นตัวการหนึ่งที่สร้างความเมื่อยล้าได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นเวลาเลือกรองเท้าสำหรับใช้ในงานแต่งงานต้องมีทริกบ้าง ไม่ว่าจะเป็น..

1. เลือกทรงและขนาดให้พอดีกับรูปเท้า

2. เลือกรองเท้าที่มีความสูงพอเหมาะ

3. เลือกรองเท้าที่ใส่เดินสบาย ถ้าเป็นรองเท้าที่มีแพลตฟอร์มด้านหน้าจะช่วยลดวามเมื่อยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเลี่ยงส้นเข็มได้จะดีมาก อย่ายึดติดว่าตัวฉันจะต้องงามระหงบนส้นเข็มแต่เพียงเท่านั้น (อันนี้ขอให้กาดอกจันตัวโตๆ)

4. หากอยากใส่ส้นเข็มหรือส้นสูงมากๆ จริงๆ ควรเตรียมรองเท้าส้นเตี้ยหรือส้นตึก (แต่ต้องสวยงามด้วยนะ) เปลี่ยนสลับกับส้นสูงบ้าง เท้าจะได้ผ่อนคลายและไม่รับน้ำหนักจนนานเกินไป

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ไอเดียงานแต่งไทยกับการจับไอเดียไทยๆ มาใส่ไว้ในงานแต่งงาน

แพรว wedding ขอเอาใจว่าที่บ่าวสาวที่ชื่นชอบในความคลาสสิกและดูหรูหราของงานแต่งสไตล์ฝรั่ง แต่ก็ยังแอบหลงรักในเสน่ห์ความงดงามแบบไทยๆ ด้วยหลากหลาย ไอเดียงานแต่งไทย ที่นำกลิ่นอายความเป็นไทยมาประยุกต์ใช้ในงานแต่ง (ในกรณีที่ไม่ใช่งานพิธีไทย) แบบเนียนๆ ที่รับรองว่าเริดและไม่ทำให้ดูเชยอย่างที่คิดแน่นอน

1
ใช้ดอกไม้ไทยๆ อย่างดอกบัวในการประดับตกแต่ง แต่ประยุกต์รูปแบบให้ดูทันสมัย

2

สอดแทรกกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยการใช้ใบตองตกแต่งทั่วไปหรือประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่างๆ เช่น แผ่นรองจาน ภาชนะใส่อาหาร กรวยใส่กลีบดอกไม้สำหรับโปรย เป็นต้น

0

เจ้าสาวหัวใจไทยต้องไม่พลาดกับบูเกต์ดอกบัว ที่รับรองว่าสวยเก๋กว่าใครและช่วยเติมเสน่ห์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี

4

เปลี่ยนมาโปรยดอกมะลิแทนการโปรยกลีบกุหลาบแบบทั่วไป ให้อารมณ์แบบไทยๆ ได้ดีทีเดียว

3
เลือกใช้ขนมหวานของไทย แต่ดีไซน์การจัดเสิร์ฟในสไตล์โมเดิร์น เราขอยกตัวอย่างข้าวเหนียวมะม่วงไว้เป็นไอเดียให้เห็นภาพกันนะคะ

6
เครื่องจักสาน งานแฮนด์เมดของไทย ไม่ว่าจะแจกเป็นของชำร่วยหรือใช้เป็นแพคเกจจิ้งของชำร่วยก็ดูดีในสไตล์รัสติก

7
งานนี้บอกเลยว่าคัพเค้กหลบไป ใช้ขนมไทยสร้างสรรค์เป็นเค้กแต่งงานกันดีกว่า เรื่องความน่ารักนั้นอาจจะคู่คี่สูสีกันอยู่ แต่เรื่องประหยัดงบประมาณขนมไทยชนะขาดแน่นอน

8
ช้างถือเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทย อาจนำมาใช้เป็นลวดลายการ์ด ของชำร่วย หรือประดับตกแต่งทั่วไป ก็ช่วยเสริมกลิ่นอายความเป็นไทยได้ดี

ดูเรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณภาพจาก : www.farawayweddings.com, www.bridetobe.com.au, www.modernweddingshawaii.com, www.afterglobe.net, www.beau-coup.com, www.christinechangphotoblog.com, www.etsy.com, www.weddingsquare.com, www.wedding.theknot.com, www.thelane.com, www.flowerstudio.vn, www.fourseasons.com, www.picard.fr, www.poorgirleatswell.com, www.shesimmers.com, www.magazine.fourseasons.com,Thanyasa Singhapreecha, PiaNina, Nok Nuy Ngoensombat, Jodie P

ประหยัดงบจัดดอกไม้งานแต่งด้วย 6 ทางเลือกสุดเวิร์กจ่ายน้อยแต่ได้ดอกไม้สวยในงาน

คุณคงไม่อยากทุ่มเงินแสนไปกับดอกไม้ที่ใช้ในงานเพียง 3 ชั่วโมงใช่ไหมคะ ถ้าคำตอบคือใช่ เรามีวิธี ประหยัดงบ จัดดอกไม้งานแต่ง  มานำเสนอ ลองดูเอาเองว่าข้อไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคู่คุณ แต่รับประกันได้ว่าเวิร์กทุกวิธี แถมยังได้ดอกไม้สวยๆ บานสะพรั่งเต็มงานแต่งงานแน่นอนค่ะ

1. ใช้ดอกไม้ที่พร้อมจะบานในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าราคาจะถูกกว่าการใช้ดอกไม้ตูมที่กว่าจะบานต้องรอข้ามวัน

2. แต่งงานในช่วงเดือนเข้าพรรษา รับรองค่าดอกไม้ถูกลงไปเยอะ เพราะเป็นช่วงที่หนุ่มสาวไม่ค่อยนิยมจัดงาน ความต้องการดอกไม้จึงมีไม่มาก ราคาไม่สูงเพราะไม่ต้องแย่งชิงกับใคร

3. หาดอกไม้ปลอมแซมสลับดอกไม้จริงบ้างก็ได้ประหยัด คุ้ม ทนทาน ใช้ได้หลายงานอีกด้วย

4. แพ็คเกจตกแต่งงานด้วยดอกไม้ที่มาพร้อมโต๊ะจีน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดค่าดอกไม้ไปได้มากโข

5. การแซมใบไม้สีเขียว เช่น ใบเฟิร์นนาคราชใบโปร่งฟ้า ใบพุด ใบมอนสเตอร่า นอกจากจะช่วยให้ดอกไม้เด่นขึ้น ยังช่วยประหยัดค่าดอกไม้ได้อีกด้วย

6. ดอกไม้ย้อมสีเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับบ่าว – สาวที่อยากได้ดอกไม้สีแปลกตาตรงตามคอนเซ็ปต์ โดยไม่ต้องทุ่มเงินไปกับดอกไม้เมืองนอกสีแปลกที่บ้านเราไม่มี

อ่านคำแนะนำและไอเดียงานแต่งงานดีๆ อีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอขอบคุณภาพสวยๆ จากงานฉลองมงคลสมรสของคุณโรสและคุณซอมี่จาก Marisa The Planner and Organizer

6 สิ่งสำคัญตามนี้ที่บ่าวสาวมักจะลืมทำในงานแต่งงานของตัวเอง

ใน งานแต่งงาน มักจะมีอะไรที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวลืมทำไปตั้งมากมาย เราจึงต้องลิสต์มาย้ำเตือนกันหน่อยว่า 6 สิ่งเหล่านี้ห้ามลืมทำเด็ดขาดนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณอาจพลาดความทรงจำดีๆ ในวันสำคัญของขีวิตไปได้

1. ลืมใช้เวลาพิเศษอยู่กับเจ้าบ่าว

บ่าวสาวหลายคนมักจะใช้เวลาในงานแต่งงานไปกับการต้อนรับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง จนละเลยคนพิเศษอีกคนอย่างคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาว และห้ามคิดว่าแต่งงานกันแล้วเดี๋ยวก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งชีวิต แต่ถ้าหมดจากวันนี้ไปแล้ว คุณจะไม่มีงานแต่งงานกับผู้ชายผู้หญิงคนนี้แล้วนะ เพราะงั้นห้ามลืมคนข้างกายเด็ดขาด

2. ลืมใช้เวลาส่วนตัวในงานตัวเอง

ไหนๆ ก็มีงานแต่งที่สวยงามทั้งทีแล้ว คุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวห้ามลืมควงคู่เข้าไปสำรวจงานตัวเองก่อนที่แขกจะหลั่งไหลมาเด็ดขาด ลองคิดดูว่าทั้งงานจะมีแค่คุณและว่าที่สามี มันจะโรแมนติคแค่ไหน ได้ชมดอกไม้ ดูการตกแต่งที่คุณและเจ้าบ่าวช่วยกันออกแบบ มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดๆ ห้ามลืมที่จะไปดูเด็ดขาดเลยนะ

3. ลืมกิน

วันแต่งงานบ่าวสาวจะยุ่งมากจนบางคนลืมที่จะกินอะไรให้ท้องอิ่ม เราขอเตือนเลยว่าห้ามเด็ดขาด เพราะไม่งั้นคุณอาจจะไม่ได้กินอะไรไปตลอดคืน กว่าจะมีเวลาว่างได้กินก็อาจจะดึกดื่น จนเหนื่อยที่จะปวดท้อง แทนที่จบงานแต่งจะได้ไปฮันนีมูน อาจได้ไปหาหมอเพราะโรคกระเพาะ หรือเป็นลมไปเสียก่อน

4. ลืมสนุก

บ่าวสาวทั้งหลายค่ะ แม้ว่าวันนั้นคุณจะอยู่ในลุคเจ้าหญิงสวยหวาน เจ้าชายสุดหล่อ แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามเจ้าบ่าวเจ้าสาวสนุกกับงานตัวเอง ฉะนั้น จงมีความสุขและสนุกให้สุดเหวี่ยง อยากแดนซ์ก็แดนซ์ อ้อ! แต่ห้ามเมา และเหนื่อยเกินกว่าจะไปสนุกกับคุณเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงลำพังสองต่อสองนะ อิอิ

5. ลืมเอารองเท้าไปเปลี่ยน

ผู้หญิงทุกคนรู้ดีว่า ใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ มันเมื่อยและปวดเท้ามาก แต่เจ้าสาวส่วนใหญ่ก็มันจะลืมหนีบรองเท้าสบายๆไปเปลี่ยนในงาน ผลคือยืนเมื่อยเหมือนเขย่งอยู่ตลอดเวลา แล้วจากงานแห่งความสุขมันจะปนความทรมานไปในทันที

6. ลืมขอบคุณพ่อแม่ และผู้มีส่วนที่ทำให้เกิดงานนี้

บ่าวสาวมักจะคิดว่า การกล่าวขอบคุณพ่อแม่และผู้ที่ทำให้เกิดงานแต่งงานบนเวที มันเพียงพอแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่พอหรอก ทางทีดีบ่าวสาวอย่าลืมเข้าขอบคุณกับเจ้าตัวเองจะดีกว่า รับรองว่าคุณจะได้คะแนนจากพ่อแม่อีกฝ่ายอีกเพียบเลย

นี่คือ 6 สิ่งที่บ่าวสาวชอบลืมทำในงานแต่งตัวเอง อ่านเสร็จแล้ว อย่าลืมไปจดลงใน To Do List ของตัวเองนะ จะได้พลาดโอกาสพิเศษที่ทั้งชีวิตมีแค่ครั้งเดียว

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก  simplylushphoto.com
ขอบคุณภาพจาก  jeune mariée | Tumblr   ฟ  ฟ  ฟ ฟ   ฟ  ฟ ฟ ฟ  ฟ ฟ ฟ ฟ  ฟฟ  ฟ ฟ  ฟ  ฟ  ฟ ฟ

พึงระวัง!! 4 เรื่องนี้แขกในงานแต่งบ่นแน่ถ้าว่าที่บ่าวสาวทำพลาด

ถ้าไม่อยากให้แขกที่มาร่วม งานแต่ง หมดสนุกจนเกิดอาการอยากกลับบ้านไปเลยล่ะก็ 4 ข้อนี้ ว่าที่บ่าวสาวอย่าได้ทำพลาดเชียวนะ

 

1. ฤกษ์ไม่สะดวก!

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าการเลือกวันแต่งงานของคนไทยมักจะขึ้นอยู่กับฤกษ์ดีฤกษ์งามยามมงคล แต่ไอ้วันฤกษ์ดีที่หาๆ มาเนี่ยมักจะไปสะดุดกับวันที่แขกหลายคนไม่สะดวก บางครั้งก็ไปได้เอาวันหยุดยาวๆ อย่าง วันหยุดช่วงเทศกาลที่หลายคนวางแผนมาเนิ่นนานว่าจะไปเที่ยวลั้นลา จะไม่ไปงานแต่งคนสำคัญก็เสียมารยาท พอเจอแบบนี้เข้าแขกส่วนใหญ่ก็ออกอาการหน้าเหวอไปตามๆ กัน แหม…ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปแล้วนี่นา!

ในกรณีแบบนี้ขอแนะนำว่าที่บ่าวสาวเลยว่า ก่อนจะตัดสินใจเลือกวันแต่งงาน นอกจากจะดูว่าเป็นวันดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาประกอบกันคือ เป็นวันธรรมดาหรือวันหยุด ถ้าเป็นวันหยุดก็ต้องดูด้วยว่าเป็นวันหยุดธรรมดาหรือเป็นวันหยุดยาว ทางที่ดีควรจะเลือกเป็นวันฤกษ์ดีที่เป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะดีกว่า

2. ถูกจัดให้นั่งผิดที่!

การจัดผังที่นั่งงานแต่งก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ที่ตอนนี้ในบ้านเรากำลังฮิต หรือแม้กระทั่งการนั่งแบบโต๊ะจีน พบว่าแขกจำนวนไม่น้อยเกิดปัญหาว่าพอนั่งลงไปแล้วไม่รู้จะคุยกับใคร หันซ้ายหันขวาก็ไม่รู้จักใครสักคน เกิดเป็นความเหงากลางโต๊ะอาหารกันไปอีก!

หากว่าที่บ่าวสาวกำลังนั่งงมผังที่นั่งสำหรับแขกผู้ใหญ่วีไอพีอยู่ล่ะก็ ขอแนะนำว่าให้ทำการบ้านสักนิดว่ารายชื่อนั้นๆ เขารู้จักกับใครบ้าง แล้วจัดให้เขาไปนั่งด้วยกัน ที่สำคัญคือ อย่าจัดให้คนที่กินแหนงแคลงใจกันนั่งใกล้กันเด็ดขาด มิเช่นนั้นเดี๋ยวมันจะยุ่งไปใหญ่!

3. บ่าวสาวพูดนานเกินไป

เรื่องนี้บ่นกันมาทุกงาน แต่เข้าใจนะคะว่ากว่าจะคบกัน กว่าครอบครัวจะยอมรับ กว่าจะได้แต่งงาน ทั้งคู่คงผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย มีความในใจอยากจะพูดและอยากจะขอบคุณคนรอบตัวจนล้นใจ แต่ขอนะคะว่า ถ้าสิ่งที่ต้องการพูดบนเวทีมันเยอะมาก แนะนำว่าให้เลือกพูดเฉพาะสิ่งที่สำคัญสุดๆ พูดให้สั้น กระชับ สอดแทรกมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้เรียกรอยยิ้มไว้ด้วยก็ดี เพราะขืนถ้าคุณพูดนานเกินไปแขกจะเริ่มรู้สึกเบื่อ ส่วนเรื่องไหนที่ไม่ได้พูดบนเวทีก็สามารถพูดปากเปล่ากับคนที่เราอยากให้เขาได้ยินแบบตัวต่อตัวเลยจะดีกว่า

4. ประธานหลายคนเกินจำเป็น

เป็นสิ่งที่แขกหลายคนรู้สึกเบื่อคือ การมีประธานขึ้นพูดมากกว่า 3 คน และแต่ละท่านก็พูดค่อนข้างนาน ทางที่ดีคุณควรจะเลือกเฉพาะประธานคนสำคัญขึ้นพูด ถ้าจะให้ดี 2 คนกำลังเหมาะ ประมาณว่าแบ่งกันเชิญฝ่ายละคนก็กำลังเหมาะ โดยอาจกระซิบบอกท่านสักนิดว่า ขอให้พูดสัก 3 นาทีกำลังดี แบบนี้รับรองว่าแขกจะโอเคและไม่ปริปากบ่นว่าเบื่อแน่นอน

4 เรื่องที่ว่ามานี้จัดว่าเป็นเรื่องเด่นๆ ที่แขกหลายคนมักจะส่ายหน้า ว่าที่บ่าวสาวในอนาคตทั้งหลายถ้าไม่อยากให้งานแต่งได้รับเสียงบ่นต่างๆ นานา คุณคงต้องเอาใจใส่ในรายละเอียดกันสักหน่อยแล้วนะ

อ่านคำแนะนำและดูไอเดียงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

เรียบเรียง : www.brides.com
ภาพ : www.arabiaweddings.com,  www.brides.com, www.huffingtonpost.com, www.yourbigday.im

แตกต่างแต่เป็นตัวเองกับ 5 อัญมณีหัวแหวนแต่งงานแสนเลอค่า

แม้เพชรจะเป็นอัญมณีที่ถือว่าแข็งและแกร่งที่สุดในโลกแล้ว ยังมีอัญมณีอีกกลุ่มหนึ่งบนหัว แหวนแต่งงาน ที่สามารถนำมาสร้างความแตกต่างและเป็นตัวของตัวเองให้กับว่าที่เจ้าสาวได้ไม่แพ้กัน แถมแต่ละเม็ดยังแฝงไปด้วยความเชื่อดีๆ ที่บ่าวสาวรู้แล้วรับรองว่าเลือกไม่ถูกกันเลยค่ะ

โอปอล (Opal)

opals

“โอปอล” อัญมณีที่ส่องสีรุ้งที่ชาวตะวันตกเชื่อกันว่า เป็นหินแห่งโชคลาง สามารถบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือเหตุร้าย และสีรุ้งนี้ยังสื่อความรู้สึกถึงความหวังที่เต็มเปี่ยม ใครที่ใส่ไปแล้วรับรองว่าจะได้รับแต่ความสมหวังดั่งต้องการ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าคุณเลือกเอาโอปอลมาเป็นหัวแหวนแต่งงานเมื่อไหร่ คุณจะเป็นคู่รักที่สมหวังทุกสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าจะให้สวยเด้งสมกับการเป็นแหวนหมั้น ขอแนะนำให้เลือกเพชรเม็ดกลมมาล้อมที่หัวแหวนอีกทีนะคะ

มอร์แกไนต์ (Morganite)

morganite

เชื่อกันว่า “มอร์แกไนต์” คือหินชนิดหนึ่งที่เป็นตัวแท้แห่งความรักได้ อาจด้วยความที่มีสีชมพูหวานที่สะท้อนเข้าตากระแทกความรู้สึกจนฉุดไม่อยู่จนมีคนนำหินชนิดนี้ไปตีความให้เข้ากับเรื่องของความรักว่า หากใครได้ครอบครองเป็นเจ้าของจะมีความสุขหอมหวานเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ และในจิตวิทยาเชื่อกันว่า คู่รักที่ใส่แหวนประดับด้วยมอร์แกไนต์แม้อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดก็สามารถปรับความรู้สึกให้เกิดความสมดุลย์กันได้

เพชรรูปหยดน้ำ (Pear-Shaped Diamonds)

pear-shaped

ด้วยรูปทรงของหยดน้ำ ทำเอาเจ้าสาวไทยขยายไปตามๆ กันเพราะถือว่าคือหยดน้ำตา แต่เราขอบอกเลยนะคะว่า ถ้าคุณก้าวข้ามความเชื่อรูปหยดน้ำไปได้ เพชรรูปหยดน้ำอาจจะกลายมาเป็นหัวแหวนเพชรหนึ่งเดียวในด้วยใจของคุณเลยก็เป็นได้ เพราะด้วยความเก๋ไก๋ที่รูปทรงไม่เท่ากันตรงที่ด้านหนึ่งแหลมอีกด้านหนึ่งมนสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวให้กับเครื่องประดับชิ้นสำคัญของคุณได้ไม่ยาก

หินสี (Colored Stones)

หัวแหวน

หลายต่อหลายนางเลือกหินสีมาเป็นหัวแหวนแต่งงาน เพราะด้วยสีสันอันสดใส แจ่มชัด ที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างดี ผสานกับคัดเลือกเพชรเม็ดสวยที่ส่องประกายคู่ไปกับความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ ทำให้ไพลิน, ทับทิม, เพชรสีเหลืองและสีมรกตทั้งหลาย เจิดจ้าให้ความเป็นตัวของตัวเอง และเป็นแหวนหมั้นที่บอกได้เลยว่า เป็นทางเลือกใหม่ไม่ซ้ำใครจริงๆ ค่ะ

มูนสโตน (Moonstone)

หัวแหวน

“มูนสโตน” หินแห่งความรัก ที่เชื่อกันว่าจะนำความผูกพันธ์มาสู่ผู้เป็นเจ้าของ และเชื่อว่าสำหรับคู่แต่งงานใหม่แล้วจะทำให้การครองคู่นั้นยืนยาว และมีความศรัทธาไว้วางใจในกันและกัน สำหรับสีสันของหินสวยเลอค่าชนิดนี้พูดเลยว่าเป็นสีเรืองแสงที่ออกสีคล้ายๆ  Rose Gold ที่แม้ไม่ได้นำมาประดับจับคู่กับเพชร เพียงจัดวางลงบนตัวเรือนสีทองชมพูก็สร้างความโดดเด่นได้อย่างสุดเจ๋งค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 5 หัวแหวนจากอัญมณีหินสีและเพชรที่แหวกแนวไปจากเดิม  เราอยากให้คุณลองปรับลองเปลี่ยนความคิดกันดูนะคะ แล้วแหวนหมั้นของคุณจะไม่ซ้ำใคร แถมบอกความเป็นตัวเองได้ดีสุดๆ เลยล่ะค่ะ

งานแต่งงานสุดแนวของคุณจี๊ป & คุณเก่ง ที่บ่าวสาวและเหล่าแขกจัดหนักจัดเต็มแบบไม่มีใครยอมใคร

งานแต่งงาน สุดแนวนี้เป็นงานของคู่รักสายอาร์ตคุณจี๊ปและคุณเก่ง ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 15 ปีที่ทั้งคู่ได้รู้จัก ได้รัก และได้เดินทางมาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ การแต่งงาน และแน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเด็กสายอาร์ตเรียนศิลปะด้วยกันมาทั้งคู่ งานแต่งสุดแนวงานนี้จึงเกิดขึ้นในธีม My Fair Lady ที่จัดขึ้นที่ About Studio บอกเลยว่าจัดเต็มตั้งแต่เจ้าบ่าว เจ้าสาว ไปจนถึงแขกที่มาร่วมงานเลยทีเดียว

“ส่วนตัวจี๊ปเป็นคนชอบดอกไม้ ชอบพวก headdress พวกหมวก ก็เลยสรุปกันว่างั้นจัดเป็นธีม My Fair Lady ซึ่งเป็นธีมที่มาจากภาพยนตร์เลยล่ะกัน” คุณจี๊ป เจ้าสาวสุดแนวเล่าถึงที่มาของธีมงานที่เธอและคุณเก่ง เจ้าบ่าวลงมือทำกันเองทั้งหมดจะมีก็แค่เฉพาะทีมรันคิวเท่านั้นที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้ไม่ได้ลงมือทำ โดยใช้เวลาเตรียมงานประมาณ 3 เดือน เชิญแขก 550 คน

“ตอนแรกจี๊ปกับแฟนไม่รู้เลยว่างานแต่งงานต้องเริ่มทำอะไรยังไงบ้าง แต่โชคดีที่ก่อนหน้านี้จี๊ปมีโอกาสได้ไปช่วยงานเพื่อนสนิท 2 คู่ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมงานก็เลยได้รู้คร่าวๆ ว่าเขาต้องทำอะไรกันก่อนบ้าง คือช่วยแทบจะทุกขั้นตอนแล้วเพื่อนก็บอกว่าต้องมีอย่างนี้ๆ นะ จนได้รู้ว่ามันมีเวดดิ้งแพลนเนอร์ มีทีมรันคิว มีทีมนู่นนี่เยอะมาก”

ส่วนเหตุผลหลักๆ ที่คุณจี๊ปและแฟนเลือกที่จะลงมือจัดงานแต่งงานด้วยตัวเองก็เพราะว่า บรรดาเพื่อนๆ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จริงๆ แล้วเวดดิ้งแพลนเนอร์ก็คล้ายๆ กับอาชีพของคุณจี๊ปอยู่ไม่น้อย ซึ่งไม่น่าจำเป็นที่จะต้องจ้าง “เพื่อนๆ บอกกับจี๊ปว่า จี๊ปสามารถคิดรายละเอียดธีมงานเองได้ สามารถติดต่อประสานงานกับซัพพลายเออร์ต่างๆ ที่เรามีอยู่แล้วได้ จี๊ปกับแฟนก็เลยตัดสินใจทำกันเอง แล้วจ้างแค่เฉพาะทีมรันคิว เพราะเราไม่รู้พวกพิธีต่างๆ ซึ่งทีมรันคิวก็ช่วยตรงนี้ได้เยอะ”

นอกจากธีมงานของคุณจี๊ปจะแตกต่างไม่เหมือนใครแล้ว ไทม์ไลน์การจัดงานของเธอก็ยังไม่เหมือนใครอีกด้วย “พิธีหมั้นเริ่มแห่ขันหมากประมาณบ่ายโมง แล้วเลี้ยงฉลองต่อในช่วงเย็นยาวไปถึงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ สาเหตุที่จี๊ปเลือกไทม์ไลน์แบบนี้เพราะเข็ดจากงานแต่งงานของเพื่อน 2 งานที่บอกไป ตอนนั้นเราไปช่วยเขาเยอะ ต้องตื่นเช้า ทำทุกอย่าง พอตอนกลางคืนเรารู้สึกว่าเราสนุกได้ไม่เต็มที่มันเหนื่อยจนเหมือนเราน็อคไปเลย ก็แอบคิดว่าถ้าเป็นงานตัวเองต้องตายกว่านี้แน่ๆ ถ้าต้องตื่นตี 4 มาแต่งหน้ารู้สึกว่าเราต้องเหนื่อย กลัวงานตอนกลางคืนเราจะไม่เต็มที่ แล้วเราก็จัดงานกันเองหมดทุกอย่างด้วย ก็เลยดูแค่ฤกษ์วันอย่างเดียว ส่วนเวลาเอาที่เราสะดวกเป็นหลัก ซึ่งงานพิธีก็มีแค่สวมแหวน รดน้ำสังข์ แล้วก็ยกน้ำชา”

“ส่วนที่เลือกจัดงานแต่งงานที่ About Studio เพราะว่าเพื่อนเราเป็นสายปาร์ตี้ คิดว่าถ้าจัดที่โรงแรมไม่น่าจะเหมาะเพราะเราคอนโทรลแขกไม่ได้ เช่น เดี๋ยวไวน์หก หรือโน่นนี่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เลยมาจบที่สตูดิโอที่เป็นพื้นที่โล่ง แล้วเราเสกทุกอย่างให้มาอยู่ในที่โล่งดีกว่า ถึงจะเหนื่อยแต่เพื่อนๆ ที่มาร่วมงานก็จะได้สนุกกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งก็เหนื่อยจริงๆ (หัวเราะ)”

แบ็คดร็อปก้อนเมฆที่ออกแบบให้เป็นเลเยอร์โดยเป็นงานเพ้นต์มือทั้งหมด งานนี้น้องๆ ของคุณจี๊ปมาช่วยกันทำเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ไฮไลต์คือสามารถใช้ไฟยิงก้อนเมฆให้เปลี่ยนเป็นแบบต่างๆ สามารถเล่นสีสันได้ เช่น เปลี่ยนให้เป็นแสงตอนเย็น แสงตอนพระอาทิตย์ตก หรืออย่างงานตอนเช้าก็ให้เป็นแสงธรรมชาติไปเลย

และแน่นอนว่าเรื่องชุดแต่งงานของเจ้าสาวเป็นเรื่องที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ “ชุดงานหมั้นเป็นชุดจากแบรนด์ T AND T ช่วยตัดให้ ส่วนชุดเย็นเป็นชุดจากแบรนด์ Theatre โดยทุกชุดจี๊ปบอกไปแค่ธีมงานว่าเป็นแบบนี้ การ์ดแต่งงานเป็นแบบนี้ ซึ่งเขาก็คงเห็นความเป็นเราเลยดีไซน์ออกมาให้เป็นเรามากที่สุด ซึ่งเราก็ชอบตั้งแต่แบบสเก็ตที่เขาส่งมาให้ดูเลย อย่างชุดเย็นจาก Theatre ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ซื้อบ่อยอยู่แล้ว อีกอย่างจี๊ปรู้จักกับพี่อาร์ต อารยา ซึ่งพี่อาร์ตสนิทกับพี่จ๋อมที่เป็นเจ้าของแบรนด์ พี่ๆ ทั้งสองคนก็เลยช่วยกันออกแบบชุดแต่งงานให้เรา ส่วนชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้คุณธีร์ ผาสุก ทำชุดให้เป็นของขวัญค่ะ

“นอกจากนี้พี่อาร์ตและพี่จ๋อมก็ช่วยดูเรื่องชุดเจ้าบ่าวให้ด้วยว่าลุคโดยรวมควรเป็นแบบไหน เพราะสูทเจ้าบ่าวเราสั่งตัดที่ร้านสูทปกติ เป็นสูทสไตล์วินเทจแบบ 3 ชิ้น อย่างชุดสูทตอนเย็นพี่อาร์ตบอกว่าต้องเป็นสีโดรฟเกรย์เท่านั้น เพราะเจ้าบ่าวผิวค่อนข้างเข้มแล้วสีนี้ก็เข้ากับชุดเจ้าสาวด้วย ที่พิเศษอีกอย่างคือโบไทที่พี่จ๋อมทำให้เพื่อให้ลิงค์กับผ้าของชุดเจ้าสาว ส่วนผ้าเช็ดหน้าก็เป็นสีโอโรสด์เพราะชุดเจ้าสาวเป็นโบสีขาวขลิปขอบเป็นสีโอโรสด์จะได้ดูไปด้วยกัน พี่ๆ ดูไปถึงเรื่องความสูงของรองเท้า ซึ่งรองเท้าเจ้าบ่าวหาซื้อไม่ได้พี่อาร์ตถึงขั้นสั่งให้เลยว่าต้องเป็นแบบนี้ เลือกหนัง เลือกสีให้ ซึ่งเราสองคนดีใจมากที่ได้พี่ทั้งสองมาช่วย”

เดรสโค้ดมันๆ ที่แขกมาร่วมงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “เรื่องนี้ตอนแรกก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะมันไม่ใช่งานปาร์ตี้แต่เป็นงานแต่งงานที่มีแขกหลากหลายกลุ่ม เราก็เกรงใจแขกท่านอื่นๆ ว่าเขาจะหาชุดยังไง ลำบากไหม เราก็เลยออกแบบเป็น mood board ให้ว่าผู้หญิงแต่งประมาณนี้ ผู้ชายแต่งประมาณนี้ ซึ่งเราไม่ได้กำหนดโทนสีสามารถใส่สีอะไรมาก็ได้ เพราะด้วยธีมมันก็ยากอยู่แล้ว อย่างผู้หญิงก็มีทั้งชุดใหญ่ ชุดกลางที่หาได้ทั่วไป หรือจะใส่สูทมีหมวกแบบผู้ชายก็ได้ ส่วนผู้ชายจะง่ายหน่อยเพราะใส่สูทธรรมดาก็เข้าธีม หรือบางคนอาจจะเพิ่มพร็อพพวกหมวกทรงสูง ไม้เท้า ซึ่งตอนส่งธีมเดรสโค้ดไปก็บอกเขาว่าจะแต่งหรือไม่แต่งก็ได้เอาที่สะดวกเลยขอแค่มาร่วมงานเท่านั้นเอง อยากให้มาสนุกด้วยกัน”

การ์ดแต่งงานและของชำร่วยที่คุณจี๊ปออกแบบด้วยตัวเอง

และด้านล่างคือลิ้งก์ของพี่ๆ แลเพื่อนๆ ที่มาให้ความช่วยเหลือเจ้าบ่าวเจ้าสาวในเรื่องต่างๆ ซึ่งคุณจี๊ปทำกราฟิกออกมาได้น่ารักมากกกกก

https://www.facebook.com/sakyai.mongkonprasert/media_set?set=a.10217555432891521&type=3&sfns=mo

ช่างภาพงานแต่งงานส่งงานช้า มารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันดีกว่า

ช่างภาพงานแต่งงาน ส่งงานช้า ทำอย่างไรดี? มารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันดีกว่า บ่าวสาวหลายๆ คู่ อาจจะกังวลเรื่องการส่งงานของเหล่า ช่างภาพงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายพรีเวดดิ้งหรือแม้กระทั่งภาพถ่ายในวันแต่งงานจริงๆ ว่าจะส่งงานล่าช้าไหมนะ ซึ่งหลายคู่มักจะเกิดอาการกังวลใจไว้ก่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะในปัจจุบันมีกระทู้ร้องเรียนช่างภาพที่ส่งงานช้าอยู่มากมาย เลยทำให้ว่าที่หลายคู่เกิดอาการเครียดไปตามๆ กันว่าคู่เราจะโดนอย่างนี้ไหมนะ ดังนั้นมารู้วิธีรับมือและแก้ไขกันไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

1. หาช่างภาพมืออาชีพ

ช่างภาพมืออาชีพในที่นี้ ไม่ใช่แค่มีผลงานภาพถ่ายที่ดีนะคะ แต่หมายถึงความเป็นมืออาชีพในการทำงานค่ะ คือการถ่ายภาพสวย จัดการเวลาได้ และพร้อมรับผิดชอบในการทำงานค่ะ ซึ่งเราจะหาได้อย่างไรนั้น ไม่ยากเลย ก็อาจจะต้องอาศัยการอ่านรีวิวตามเว็บไซต์ ตามแฟนเพจ หรือคนที่แนะนำต่อๆ กันมาค่ะ ซึ่งก่อนที่บ่าวสาวจะจ้างช่างภาพนั้น อาจจะลองเช็คดูก่อนว่า ช่างภาพคนนี้มีความเป็นมืออาชีพหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ ก่อนที่จะมีปัญหาการส่งงานล่าช้าตามมานะคะ

2. ทดลองจากประสบการณ์จริง

ถ้าเราจ้างช่างภาพคนนี้ทั้งวันถ่ายพรีเวดดิ้ง และวันแต่งงานจริงแล้วล่ะก็ ลองสังเกตก่อนว่า เขารับผิดชอบงานของเราไหม ส่งงานภาพถ่ายพรีเวดดิ้งตรงตามกำหนดเวลาหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็ลองพิจารณาใหม่นะจ๊ะ ว่าวันแต่งจริงยังจะใช้บริการอยู่หรือเปล่า

 

3. ภาพสวย ไม่ใช่ทุกคำตอบ

อย่าเพิ่งตัดสินใจจากการดูภาพผลงานอย่างเดียวนะคะ เพราะภาพสวย หรือมีงานเยอะ แต่ถ้าช่างภาพบริหารจัดการเวลาการในการส่งงานไม่ดี แน่นอนว่าบ่าวสาวก็จะได้ภาพล่าช้าแน่นอน ยิ่งถ้าหากช่างภาพคนนั้นมีงานเยอะมาก แทนที่เขาจะได้ใช้เวลาในการทำภาพให้บ่าวสาวได้อย่างเต็มที่ ก็อาจจะต้องแบ่งเวลาไปรับงานถ่ายภาพให้คู่อื่นด้วย เพราะฉะนั้นทางแก้ไขปัญหาของข้อนี้ก็จะคล้ายกับข้อที่ 1 คืออ่านรีวิวเยอะๆ นะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากบ่าวสาวเลือกดีๆ ก็จะได้ช่างภาพที่ทั้งถ่ายภาพสวย แถมงานเยอะการันตีความป๊อปปูลาร์ และส่งงานตรงเวลาฉับไวแน่นอน

4. ตกลงเวลาในการส่งงานที่แน่นอน

ก่อนจะทำสัญญาจ้าง ให้บ่าวสาวถามช่างภาพไปตรงๆ เลยค่ะ ว่าจะได้ภาพเมื่อไหร่ หรือไม่ก็บอกไปเลยว่า อยากได้ภาพในช่วงเวลานี้จะทันไหม แต่ก็ไม่ใช่ว่าถ่ายเสร็จแล้วขอภาพที่โพรเซสเสร็จทุกรูปภายใน 1 วันนะคะ เพราะอันนี้ช่างภาพน่าจะเสกให้ไม่ทันแน่นอน เพราะฉะนั้นลองเผื่อเวลาให้ช่างภาพได้จัดการแต่งรูปภาพของคุณให้สวยงามสักหน่อย โดยอาจจะเป็น 2 อาทิตย์หรือ 1 เดือน ก็ลองคุยกันตรงๆ ตกลงให้เข้าใจไปเลยค่ะ เพราะถ้าเราไม่บอกเขาไปว่าอยากได้ภาพช่วงไหน ก็เท่ากับไม่มีเดทไลน์ที่ตายตัวให้กับช่างภาพนั่นเอง หรือทางที่ดีก็ระบุไปในสัญญาเลยก็ได้นะคะ ว่าช่างภาพจะต้องส่งงานภายในระยะเวลาเท่าไหร่ เพื่อเป็นการการันตีว่าบ่าวสาวจะได้ภาพตามวันที่ต้องการแน่นอน

 

5. คุยเรื่องแบ่งจ่ายเป็นงวด

อันนี้ต้องคุยกันให้เข้าใจนะคะ เพราะขึ้นอยู่กับการตกลงของช่างภาพแต่ละคน ซึ่งถ้าเป็นมืออาชีพจริงๆ อาจจะไม่สามารถขอแบ่งจ่ายเป็นงวดได้ค่ะ เนื่องจากงานเขาการันตีความมีคุณภาพและระยะเวลาในการส่งงานอยู่แล้ว แต่ถ้ายังไม่แน่ใจลองคุยกับช่างภาพดูก็ได้ว่า จะสามารถขอแบ่งจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งงวดแรกอาจจะจ่ายในวันที่ถ่าย ส่วนอีกงวดอาจจะจ่ายหลังจากช่างภาพส่งภาพมาให้แล้ว ซึ่งถ้ากลัวว่าจะมีปัญหาบ่าวสาวก็สามารถทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรได้นะคะ แถมน่าจะเป็นวิธีที่แฟร์ด้วยกันทั้งคู่อีกด้วย

ช่างภาพงานแต่งงาน

เพราะฉะนั้นบ่าวสาวลองศึกษากันให้ดีนะคะ ซึ่งสิ่งที่เราอยากเน้นย้ำก็คือ บ่าวสาวจะต้องทำการบ้านและอ่านรีวิวเยอะๆ แต่โดยส่วนมากแล้วช่างภาพที่เป็นมืออาชีพจริงๆ จะส่งงานไวและตรงตามกำหนดเวลา แต่ก็นั่นแหละค่ะ คุณภาพก็อาจจะตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง แต่บ่าวสาวก็อาจจะเบาใจในเรื่องของความเสี่ยงที่จะได้ภาพล่าช้าไปได้ เพราะฉะนั้นก่อนตกลงจ้างใครมาเป็นช่างภาพก็ควรคุยกันให้เข้าใจ และกำหนดเวลาให้ชัดเจนไปเลยเนอะ จะได้ไม่เกิดปัญหามาตั้งกระทู้ร้องเรียนช่างภาพกัน เพราะงานสำคัญทั้งทีบ่าวสาวก็อยากได้ภาพมาอวดพ่อแม่ อวดเพื่อนๆ ได้ไวๆ เพราะยิ่งนานไปความตื่นเต้นยิ่งลดน้อยลงใช่ไหมล่ะจ๊ะ

ส่วนบ่าวสาวที่อยากได้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่งงาน ก็สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มได้เลยกับ 3 ข้อแนะนำ จาก 3 ช่างภาพเวดดิ้งมือโปร รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนจ้างช่างภาพงานแต่ง เพราะงานนี้ได้ช่างภาพมือโปรเขามาแนะนำเองเลยนะ

ภาพจาก : Pinterest.com