รวมไอเดียของ ตกแต่งโต๊ะอาหาร ในงานแต่งงานที่ไม่ใช่ดอกไม้

สำหรับบ่าวสาวที่กำลังมองหาไอเดีย ตกแต่งโต๊ะอาหาร ภายในงานเลี้ยงแต่งงานแต่ยังคิดไม่ออก แล้วก็เบื่อที่จะใช้ดอกไม้มาประดับแล้ว ขอบอกเลยว่าบ่าวสาวสามารถประยุกต์เอาสิ่งของใกล้ๆ ตัว มาประดับตกแต่งได้ นอกจากจะครีเอทีฟ แปลกใหม่แล้ว ราคาก็ไม่แพงเท่ากับดอกไม้ด้วยนะจ๊ะ

แพรว Wedding ขอนำไอเดียของ ตกแต่งโต๊ะอาหาร มาแนะนำให้บ่าวสาวได้ลองตัดสินใจนำมาประยุกต์ใช้กันดู ตามนี้เลย

1. เทียน

เทียนสามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทรงยาวๆ แบบที่เราเคยเห็นทั่วไป หรือทรงเรขาคณิตแบบต่างๆ นอกจากจะให้ความรู้สึกแปลกตาแล้ว เราสามารถจุดเทียนในเวลางานได้ ก็จะให้ความรู้สึกโรแมนติก เสริมให้ภายในงานอบอวลไปด้วยความรักอีกด้วย ซึ่งเทียนในที่นี่บ่าวสาวก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้งเทียนแบบจริงๆ หรือเทียนปลอมก็ได้แล้วแต่สะดวก แต่ถ้าหากเลือกใช้เทียนจริงนั้นก็อาจจะต้องหาที่รองเพื่อป้องกันน้ำตาเทียนไหลเลอะเทอะกันด้วยนะคะ ส่วนคู่ไหนที่อยากได้เทียนปลอมก็ลองคำนวณงบประมาณกันดีๆ ว่าต้องใช้จำนวนเท่าไหร่ถึงจะออกมาสวยงาม

ตกแต่งโต๊ะอาหาร

2. กิ่งไม้แห้ง

อย่าดูถูกกิ่งไม้แห้งไปนะจ๊ะ เราสามารถนำกิ่งไม้แห้ง มาจัดวางเรียงในแจกันสวยๆ แล้วประดับด้วยไฟระยิบระยับ หรือจะพ่นสเปรย์สีเงินหรือสีทองเพื่อช่วยเพิ่มความหรูหราก็ได้ หรือจะประดับด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ มาแซมพอให้ดูมีชีวิตชีวาก็ได้ แถมบอกเลยว่า ไม่แพงอย่างที่คิดนะ เพราะต้นทุนหน่ะถูกสุดๆ ไปเลย

ตกแต่งโต๊ะอาหาร

3. แก้ว

บนโต๊ะอาหารวางแก้วน้ำสิถึงจะเหมาะ ไอเดียนี้คือการนำเเก้วน้ำทรงสูงและเตี้ยมาวางรวมกลุ่มกัน เติมน้ำให้เต็มแก้ว แล้วนำดอกไม้มาใส่นิดๆ หน่อยๆ ให้ดูสดชื่น ถ้าเบื่อดอกไม้ก็อาจจะนำเทียนมาประดับวางสลับกันไป ก็สวยเก๋แน่นอน

ตกแต่งโต๊ะอาหาร

4. เทอราเลียม

หรือสวนในขวดโหลนั่นเอง บ่าวสาวสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ขวดโหลเล็กหรือใหญ่แต่ก็ต้องดูให้มีขนาดที่พอดีกับโต๊ะด้วยนะคะ แถมงานนี้บ่าวสาวยังสามารถครีเอทสวนจิ๋วได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มที่อีกด้วย ว่าอยากจะใช้พืชอะไร มีตัวฟิกเกอร์แบบไหน รับรองว่าจะช่วยให้พื้นที่บนโต๊ะอาหารสดชื่นขึ้นไม่แพ้การประดับดอกไม้เลยล่ะ ยิ่งถ้าหากได้สร้างเรื่องราวลงไปภายในขวดโหลด้วยแล้ว รับรองแขกจะได้ถ่ายภาพเพลินๆ ก่อนงานเริ่มได้แบบไม่เบื่ออีกด้วย แถมพอจบงานแล้วก็ยังนำมาใช้ตกแต่งบ้านได้อีกด้วยน้า แต่นั่นแหละคะ ถ้าโต๊ะยิ่งเยอะก็อาจจะต้องเตรียมงบกันไว้เยอะหน่อยนะจ๊ะ

ตกแต่งโต๊ะอาหาร

5. ข้าวโอ๊ต

เอาใจบ่าวสาวสายอินดี้ ที่ชื่นชอบธรรมชาติกันซะหน่อย ด้วยการนำข้าวโอ๊ต หรือดอกหญ้ามามัดรวมให้เป็นช่อๆ แล้วมาวางตกแต่งบนโต๊ะอาหารได้เลย ไม่ว่าจะจัดในโรงแรมหรู หรือกลางสวนสไตล์เป็นกันเองก็เวิร์ค เพราะให้ลุคสวยงาม แตกต่าง แต่ไม่แปลกตาแน่นอน

ตกแต่งโต๊ะอาหาร

พอจะได้ไอเดียดีๆ กันไปแล้วใช่ไหมคะ ลองเปลี่ยนจากดอกไม้มาเป็นอย่างอื่นบ้างก็ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบเนอะ และอย่าลืมใส่ใจรายละเอียดอื่นๆ บนโต๊ะอาหารกันด้วยน้า รวบตึง 5 รายละเอียดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามใน การจัดโต๊ะอาหาร

ภาพจาก : Pinterest.com

คู่มือเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางฮันนีมูนต่างประเทศให้ไร้กังวล

คู่รักที่กำลังเตรียมตัวไป ฮันนีมูนต่างประเทศ รู้สึกตื่นเต้นไหมคะ?

ถ้าเป็นการไปต่างประเทศด้วยกันครั้งแรกของทั้งคู่ คงมีอาการตื่นเต้นกันบ้างแหละ ทีนี้เมื่อพูดถึงเรื่องการเตรียมตัว อันดับแรกต้องมาตั้งสติกันก่อนเลยค่ะ แล้วค่อยๆ ทำตามขั้นตอนที่ แพรว wedding กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ เพื่อการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดสำหรับการไป ฮันนีมูนต่างประเทศ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำอะไรให้ดูวุ่นวายมากเกินไปจนเกิดความสับสน สุดท้ายแพลนไม่ดีทริปพังขึ้นมางานกร่อยเลยน้าา

ฮันนีมูนต่างประเทศ

1. ตรวจเช็กพาสปอร์ตและทำวีซ่า

พาสปอร์ตเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ อันดับแรกเมื่อแพลนไปฮันนีมูนต่างประเทศคุณควรเริ่มไปทำพาสปอร์ต เพราะจำเป็นต้องใช้ในการจองตั๋วเครื่องบิน หรือหากใครมีพาสปอร์ตอยู่แล้วให้หยิบขึ้นมาตรวจเช็กวันหมดอายุ ซึ่งควรมีวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนับจากวันที่คุณจะเดินทาง ไม่เช่นนั้นอาจไปมีปัญหากับตม.เข้าประเทศไม่ได้ไม่รู้ด้วยน้า ต่อมาให้คุณเช็กข้อมูลว่าประเทศที่คุณต้องการไปฮันนีมูนจู๋จี๋กับคนรักของคุณนั้นต้องใช้วีซ่าผ่านประเทศหรือไม่ ถ้าเกิดต้องใช้ให้รีบไปทำวีซ่าที่สถานทูตของประเทศนั้นๆ ที่อยู่ตั้งอยู่ในไทย คำนวณวันให้ดีนะคะเพราะบางคนขอปุ๊บอาจยังไม่ได้ปั๊บต้องกลับมาขอใหม่ก็ยังมีเลยค่ะ

2. ศึกษาข้อมูลและติดตามข่าวสารของประเทศนั้นๆ

ลองศึกษาข้อมูลทางด้านวัฒนธรรม กฎระเบียบหรือกฎหมายต่างๆ ก่อนการเดินทาง เนื่องจากในแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป บางทีไปเห็นเขาทำอะไรแปลกๆ ตัวคุณอาจเกิดความไม่ชอบใจทีนี้ทริปก็หมดสนุก แต่ถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่คนในประเทศนั้นทำว่ามันคือวัฒนธรรมของเขา คุณก็สามารถปล่อยผ่านมองข้ามมันไปได้ ก่อนการเดินทางไปต่างประเทศก็ควรที่จะติดตามข่าวสารไว้บ้างนะคะ เผื่อมีกรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่แทบจะไม่สามารถคาดเดาอะไรไว้ได้เลย แต่ก็ไม่ต้องถึงกับระแวงจนเกินไปนะคะ ถ้าเกิดประเทศนั้นมีสถานการณ์ที่แย่จริงยังไงก็ต้องเป็นข่าวใหญ่ให้คุณได้ผ่านหูผ่านตากันบ้างล่ะ อ้อ! ที่สำคัญคุณจะไปประเทศไหนก็หาข้อมูลที่ตั้งหรือวิธีการติดต่อสถานทูตไทยที่อยู่ในประเทศนั้นไว้ด้วยก็ดีน้า

3. ลิสต์รายชื่อสถานที่ที่ต้องไปโดน!

วางแพลนร่วมกับคนรักของคุณเลยค่ะ อยากไปสถานที่ไหนบ้างให้ลิสต์รายชื่อไว้ จากนั้นก็นำมาจัดตารางทัวร์กันได้เลยว่าในแต่ละวันคุณจะเลือกไปสถานที่ไหนบ้าง ควรแบ่งเป็นโชนไปๆ เช่น วันแรกอยู่ในเขตนี้ก็จะไปในสถานที่ที่อยู่ในโซนนี้เท่านั้น เพื่อประหยัดเวลา ลดค่าเดินทาง เพราะในประเทศที่มีอากาศดีคุณสามารถใช้วิธีการเดินทางโดยการเดินด้วยขาสองข้างของคุณไปในแต่ละสถานที่ได้ด้วยแทบไม่ต้องเสียค่ารถ อีกทั้งการแบ่งโซนท่องเที่ยวยังช่วยให้คุณและคนรักไม่เหนื่อยจนเกินไป พยายามอย่าจัดทริปให้อัดแน่นไปด้วยกิจกรรม เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ทั้งวัน แบบนี้ก็ไม่ดีนะคะ

4. เช็กสภาพอากาศ

การตรวจเช็กสภาพอากาศนอกจากดูข่าวพยากรณ์อากาศแล้วยังสามารถดูได้จากเว็บไซต์พยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาที่มีการพยากรณ์สภาพอากาศจากทั่วโลก โดยเฉพาะการดูจากภาพถ่ายดาวเทียมจะมีความแม่นยำมากที่สุด แต่ก็อาจดูยากนิดนึงนะคะ หรือใครถนัดการใช้แอปพลิเคชั่นตรวจเช็กสภาพอากาศก็สามารถทำได้เช่นกัน วิธีการดูควรเจาะจงไปยังเมืองที่คุณจะไป ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีสภาพอากาศที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เมื่อตรวจเช็กสภาพอากาศเรียบร้อยแล้ว ทีนี้คุณก็รู้แล้วนะคะว่าจะช้อปปิ้งเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแบบไหนไปฮันนีมูนทริปนี้ดี อิอิ

5. ทำเช็กลิสต์เพื่อการเตรียมตัว

เริ่มจากทำเช็กลิสต์เรื่องการวางแพลนท่องเที่ยวในหัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่ หนังสือเดินทาง, ทำวีซ่า(ถ้ามี), จองตั๋วเครื่องบิน, จองที่พัก, ประกันการเดินทาง, แลกเปลี่ยนเงินตรา จากนั้นเมื่อคุณได้ทำเรื่องไหนเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยไปแล้วก็ให้ขีดหัวข้อนั้นๆ ทิ้งไป เพื่อเป็นการเตือนสติว่าเรายังเหลืออะไรที่ต้องทำอีกบ้าง หลังจากนั้นมาทำเช็กลิสต์ฉบับย่อยเกี่ยวกับการจัดกระเป๋าที่คุณผู้หญิงอาจต้องเตรียมตัวกันยุ่งยากหน่อย สำหรับเสื้อผ้าให้ลิสต์ไปว่าวันนี้จะใส่ชุดไหน จะเอาชุดไหนไปบ้าง โรงแรมมีสระว่ายน้ำหรือไม่ ต้องเอาชุดว่ายน้ำไปหรือเปล่า ลิสต์รายชื่อเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด คุณจะได้เหลือพื้นที่กระเป๋าได้ช้อปก่อนกลับบ้านเพลินๆ แถมช่วยให้คุณประหยัดเวลาในแต่ละวันไม่ต้องมาเลือกเสื้อผ้าว่าวันนี้จะใส่ชุดไหนแมตช์กับอะไรดีอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญคนที่ป่วยง่ายรู้สึกร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงควรทำเช็กลิสต์ของใช้ที่จำเป็น เตรียมไปให้ครบยามฉุกเฉินนะคะ อย่าลืมล่ะ

ฮันนีมูนต่างประเทศ

สำหรับคู่ไหนที่สนใจไปต่างประเทศในร้อนนี้ แต่ก็ไม่รู้จะไปปักหมุดยังประเทศไหนดี แพรว wedding ก็มีประเทศที่ตอนนี้อากาศเย็นกำลังดีให้คุณได้เลือกไปเหมือนกันน้า พาความรักหนีความร้อนไปฮันนีมูนสุดหนาว 5 ที่ในต่างแดน

Cr : flytographer.com, jrrny.com, bagovit.com.ar

รวมของเด็ด! ทรีทเม้น เตรียมผิวเจ้าสาว EP. 3: กำจัดขนเพื่อผิวเนียนเรียบถึงขีดสุด

เพื่อผิวกายเรียบเนียนและผิวหน้าสวยใส ทรีทเม้น กำจัดขน ช่วยเจ้าสาวได้ค่ะ! มาอ่านกันเลยว่าคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจะมีคำแนะนำอย่างไรบ้าง

เป็นอีกหนึ่งทรีทเม้นสุดฮิตที่เจ้าสาวจะต้องขอบุ๊คคิวไว้ทำ เพราะชุดเจ้าสาวยุคโมเดิร์นที่เน้นการเผยผิวสวยใสนั้น ผิวกายจะต้องดูนวลเนียนไร้ขนมากวนใจจึงจะได้ลุคที่สวยเพอร์เฟ็ค รวมทั้งว่าที่เจ้าสาวบางคนยังมีความกังวลใจเกี่ยวกับขนส่วนเกินบนใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหนวดที่ทำให้ใบหน้าเราดูหมองคล้ำ ทรีทเม้นเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนจึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อให้ผิวหน้าเราดูกระจ่างขึ้น เมกอัพได้ง่ายขึ้น เผยผิวได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ 

และเพื่อให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวได้ข้อมูลในการเตรียมตัวที่ถูกต้อง แพรวเวดดิ้ง เลยขออาสาเป็นตัวแทนไปปรึกษา คุณหมอ ต้องหทัย ตั้งสินมั่นคง แห่ง Immagini & Daisy Diva Clinic  ว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีในวันแต่งงาน

 

Immagini Daisy Diva Clinic

Q: ต้องเตรียมตัวก่อนมาทำเลเซอร์กำจัดขนอย่างไรบ้าง

A: ห้ามแว็กซ์ หรือถอนขนอย่างน้อย 1-2 เดือนก่อนทำเลเซอร์ เพราะรากขนจะหายไปทำให้เลเซอร์ไม่สามารถจับเม็ดสีที่รากขนเพื่อจะกำจัดได้  และควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดก่อนมาทำเลเซอร์  เนื่องจากจะทำให้ร่างกายสร้างเม็ดสีขึ้นมาที่ชั้นผิวหนัง และอาจไปแย่งจับพลังงานของเลเซอร์ ทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดขนไม่ดีเท่าที่ควร  นอกจากนี้หากคุณเป็นคนที่มีผิวแห้งมาก แพทย์อาจแนะนำให้บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นมากขึ้นก่อนแล้วค่อยกลับมาทำเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองซึ่งอาจเกิดหลังการทำเลเซอร์

Q: ต้องทำอย่างน้อยกี่ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์

A: ควรทำต่อเนื่องกัน  5-8 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างครั้งละประมาณ 4-6 สัปดาห์ หลังการรักษาด้วยเลเซอร์เส้นขนที่ขึ้นใหม่จะค่อยๆ ลดปริมาณลงประมาณ 20% หลังการทำแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่พบว่าหลังการทำเลเซอร์ 8-10 ครั้ง เส้นขนจะลดลงกว่า 90% แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์ในการกำจัดขนอาจแตกต่างระหว่างบุคคลได้ ขึ้นอยู่กับบางปัจจัย เช่น ฮอร์โมนของแต่ละบุคคลด้วย

livingly.com

Q: ควรเตรียมตัวล่วงหน้าในการเลเซอร์กำจัดขนนานเท่าไหร่

A: ยิ่งนานยิ่งดีเพราะเลเซอร์กำจัดขนนั้นไม่สามารถกำจัดขนได้หมดภายในครั้งเดียว ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเลเซอร์กำจัดขนควรจะอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือนล่วงหน้าก่อนถึงวันแต่งงานเป็นอย่างต่ำ

Q: ความรู้สึกและผลข้างเคียงของการทำเลเซอร์กำจัดขน

A: ระหว่างทำเลเซอร์จะรู้สึกอุ่นหรือร้อนบ้างในบริเวณที่ทำ แต่โดยปกติแล้วระหว่างทำเลเซอร์จะใช้เครื่องเป่าลมเย็น หรือเจลเย็นทาบริเวณที่จะทำ ซึ่งทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น หรือในบางกรณีอาจสามารถทายาชาช่วยด้วย หลังจากทำเลเซอร์กำจัดขนอาจจะเกิดตุ่มแดงที่รูขุมขนเนื่องจากความร้อน แต่ตุ่มแดงนี้ปกติจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง

ทรีทเม้น
himisspuff.com

Q: การดูแลตัวเองหลังจากเลเซอร์กำจัดขน

A: ทามอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว เพราะหลังการทำเลเซอร์ผิวอาจจะแห้งขึ้นนิดหน่อย จึงแนะนำให้ทามอยเจอร์ไรเซอร์ทุกวันเป็นประจำสม่ำเสมอ หรือในบางรายที่มีปัญหาผิวแห้งมากและแพ้ง่ายอยู่แล้ว เมื่อยิงเลเซอร์ไปแล้วอาจจะมีจุดแดงขึ้นตามรูขุมขน ซึ่งสามารถทายาเพื่อช่วยให้รอยแดงเหล่านั้นจางหายไปได้

เอาละค่ะ เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่ตั้งใจอยากกำจัดขนด้วยทรีทเม้นเลเซอร์ อ่านคำแนะนำจากคุณหมอแล้วก็อย่าลืมเตรียมตัวกันแต่เนิ่นๆนะคะ ใครที่เพิ่งเข้ามาอ่านคอนเท้นต์นี้ของเราเป็นคอนเท้นต์แรก อยากบอกว่าเรามี ทรีทเม้น เด็ดๆ เพื่อเตรียมความงามเจ้าสาวให้สวยปังในวันวิวาห์ที่นำเสนอไปแล้วอีกนะ ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ

EP. 1:แก้ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนด้วย อี เมทริกซ์

EP. 2:สร้างรูปหน้าสวยสมส่วนด้วยโบท็อกซ์และฟิลเลอร์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Immagini Daisy Diva Clinic  

โทร. 0-2937-1288-9, 0-2059-0478-9

ขอบคุณ แพทย์หญิงต้องหทัย ตั้งสินมั่นคง Immagini & Daisy Diva Clinic 

วิธีรักษา สิว แบบมือโปร ให้หน้าใสทันวันวิวาห์ ที่เจ้าสาวต้องอ่าน!

ใครบ้างไม่เคยเป็น สิว ยิ่งว่าที่เจ้าสาวบางคนปกติสิวไม่เค๊ย ไม่เคยจะขึ้น พอใกล้วันสำคัญเท่านั้นแหละ ดันขึ้นมาซะได้ ไม่เข้าใจเลยจริงจริ๊งง แม้จะแน่ใจว่าดูแลผิวหน้าดีแล้ว สิวก็ยังมาเยือนอยู่ดี ก่อนจะพุ่งตัวไปหาคุณหมอผิวหนัง เราขอให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่กำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องสิวๆ อ่านข้างล่างนี้ก่อน เพราะอันที่จริงแล้วปัญหาสิวของคุณอาจจะเกิดจากสาเหตุที่ใกล้ตัว และแก้ไขง่ายแสนง่ายจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้นะ

สังเกตประเภทสิวของตัวเอง

-สิวหัวดำและหัวขาว คือสิวประเภทที่ไม่อักเสบ แต่เป็นตุ่มเล็ก ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน สิวชนิดนี้เกิดจากต่อมไขมันในรูขุมขนที่ผลิตน้ำมันออกมาไม่สามารถระบายออกทางรูขุมขนตามปกติได้ เพราะอาจจะถูกบล็อคด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือสิ่งตกค้างบนผิวอื่นๆ ไขมันจึงอุดตันในรูขุมขนจนกลายเป็นสิว

-สิวหัวหนอง หรือ สิวอักเสบที่มีหัวหนองสีขาวโผล่ออกมาให้เห็น เกิดจากสิวประเภทหัวดำและหัวขาวที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นมา หากกดรอบๆหัวสิวแล้วไม่เจ็บมาก หรือไม่รู้สึกถึงก้อนๆไตๆบริเวณใต้ผิวหนัง แสดงว่าการติดเชื้อเกิดอยู่บนผิวหนังชั้นบนเท่านั้น

-สิวซีสต์ หรือสิวอักเสบใต้ผิวหนัง สิวชนิดนี้อาจจะมีหัวหนอง หรือไม่มีก็ได้ แต่จะรู้สึกเจ็บไปถึงใต้ผิวหนัง ผิวหนังบริเวณนั้นจะบวมและแดง รวมทั้งรู้สึกถึงก้อนๆไตๆบริเวณใต้ผิวหนังด้วยเช่นกัน สิวชนิดนี้มักเกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เช่น ช่วงใกล้มีประจำเดือน ความเครียด หรือการพักผ่อนน้อย

สิว
allure.com

จัดการกับสิวแต่ละประเภทให้ถูกวิธี!

สิวหัวดำและหัวขาว

ลดการเกิดสิวชนิดนี้ได้ด้วยการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งทำความสะอาดผิวหน้าในแต่ละวันอย่างสะอาดหมดจดจริงๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งตกค้างที่บล็อคน้ำมันในรูขุมขนไม่ให้ถูกระบายออกมา

มีงานวิจัยที่พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ BHA หรือ Salicylic Acid ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนได้ ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันได้ดี

ข้อควรระวังคือไม่ควรขจัดเซลล์ผิวด้วยการสครับผิวหน้าบ่อยเกินไป ทำแค่ประมาณอาทิตย์ละครั้งก็พอ รวมทั้งเลือกผลิตภัณฑ์ขจัดเซลล์ผิวที่อ่อนโยน และอย่าลืมทาครีมกันแดดอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะช่วงที่ขจัดเซลล์ผิวเก่าออกไป มีโอกาสที่ผิวจะไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ

สิว
Paula’s Choice 2%BHA Liquid

สิวหัวหนอง

เนื่องจากสิวประเภทนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เราจึงต้องกลับไปคำนึงถึงความสะอาดเป็นอย่างแรก ลองเช็คดูว่า หมอน ผ้าเช็ดตัว แปรงแต่งหน้า ของใช้ต่างๆที่ต้องสัมผัสกับใบหน้าเราประจำสะอาดพอหรือไม่ บางทีอาจจะเป็นของใกล้ตัวที่เรานึกไม่ถึงอย่างโทรศัพท์ก็เป็นไปได้นะ

ยาทาภายนอกที่มีส่วนผสมของ  benzoyl peroxide ช่วยลดการอักเสบของสิวได้ ทาบนหัวสิวหลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว เช้าและก่อนนอน โดยผลข้างเคียงคือคือยาชนิดนี้อาจจะทำให้ผิวรอบๆสิวแห้งและลอกได้

สิว
Neutrogena® Rapid Clear Stubborn Acne Spot Gel

สิวซีสต์

  • สิวประเภทนี้เกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล หากเรารู้ตัวว่าช่วงมีประจำเดือนสิวประเภทนี้จะมาแบบเป็นๆหายๆอยู่แล้ว ลองปรึกษาคุณหมอเรื่องการทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนดู (แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณหมอเท่านั้นนะ)
  • สิวประเภทนี้เกิดจากอาหารที่เราทานได้เช่นกัน มีงานวิจัยว่าอาหารประเภทนม หรือชีส ที่มีฮอร์โมนชื่อแอนโดรเจน สูง สามารถทำให้เกิดสิวได้ รวมทั้งอาหารที่มียีสต์ อย่าง ขนมปัง หรือเห็ดก็เช่นกัน หากสงสัยว่าช่วงนี้เรามีสิวมากกว่าปกติ ลองสังเกตอาหารที่เราทานดูและลองงดอาหารเหล่านี้ดูค่ะ
  • ถ้าหากว่าทำตามสองข้อข้างต้นแล้ว อาการของสิวยังไม่ดีขึ้นหรือไม่มีท่าทีว่าจะลดลง เราแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเลยค่ะ เพราะการรักษาสิวซีสต์นั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองเหมือนสิวสองประเภทแรก แต่จะต้องทานยาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาจากภายในร่างกายค่ะ

    สิว
    allure.com

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพื่อลดการเกิดสิวที่ว่าที่เจ้าสาวควรรู้!

สกินแคร์ประเภทที่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารสังเคราะห์มากๆ ไม่ควรใช้ในช่วงเวลาที่ผิวหน้าเรามีสิวนะคะ เพราะสกินแคร์เหล่านี้จะยิ่งไปรบกวนผิวหน้า ทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจจะกระตุ้นให้สิวแย่กว่าเดิมด้วยค่ะ

หากมีสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบ ควรงดการสครับผิวหน้าหรือขัดถูผิวหน้าแรงๆ

ไม่ควรบีบสิวด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวหัวหนองหรือสิวซีสต์ เพราะสิวจะยิ่งติดเชื้อจากมือของเราที่ไม่สะอาด จนลุกลามแย่กว่าเดิมได้

รักษาความสะอาดของสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่สัมผัสกับผิวหน้าของเรา เช่น โทรศัพท์ แปรงแต่งหน้า หมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ

สุดท้ายนี้หวังว่าเกร็ดความรู้จากเราจะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่กำลังกลุ้มใจกับเรื่อง สิว สิว คลายความกังวลได้บ้างนะคะ รักษาสิวแล้วก็อย่าลืมดูแลผิวหน้าให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่องด้วยละ คลิกอ่าน วิธีอัพเกรดสกินแคร์ที่ใช้อยู่ให้ยิ่งเห็นผล! ที่นี่เลย

credit story: Allure.com

16 ไอเดียการ์ดแต่งงานแบบเซต ช่วยสร้างความประทับใจให้แขกราวกับรักแรกพบ

การ์ดเชิญงานหมั้น การ์ดเชิญงานฉลอง บัตรคำอวยพร และซองใส่การ์ด ทั้งหมดนี้จะสวยงามแบบเข้าธีมภายใต้ การ์ดแต่งงานแบบเซต ที่เรานำมาฝาก

ก่อนที่จะถึงวันแต่งงานจริงที่แขกจะได้ไปพบกับธีมงานแต่งที่บ่าวสาวตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้น แพรว wedding อยากจะชวนบ่าวสาวมาสร้างความประทับใจแรกให้กับแขกที่คุณจะเชิญมาร่วมงานด้วยการ์ดแต่งงาน แต่งานนี้ไม่ใช่แค่การ์ดแต่งงานแผ่นเดียวธรรมดาๆ นะจ๊ะ เพราะเราจะชวนบ่าวสาวมาทำ การ์ดแต่งงานแบบเซต ที่จะช่วยสร้างความประทับใจแรกให้กับแขกที่บ่าวสาวจะเชิญมาร่วมงาน แถมบางเซตยังสามารถให้แขกนำไปเก็บสะสมเป็นของประดับบ้านหรือโต๊ะทำงานได้อีกด้วย

การ์ดแต่งงานแบบเซต

ภาพวาดสไตล์ Illustrated เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการ์ดแต่งงานที่เหมาะกับว่าที่บ่าวสาวยุคใหม่ที่อยากได้การ์ดแต่งงานที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร อีกทั้งบ่าวสาวยังสามารถสร้างเรื่องราวบนการ์ดแต่งงานแต่ละใบผ่านภาพวาดได้อีกด้วย

การ์ดแต่งงานสไตล์โมโนแกรม หรือการสร้างเอกลักษณ์ให้กับการ์ดแต่งงานของบ่าวสาวผ่านลายกราฟฟิกของตัวอักษร หรืออักษรย่อของบ่าวสาว โดยอาจจะเน้นตัวการ์ดที่เรียบง่าย แต่มีลูกเล่นที่น่าสนใจภายลวดลายโมโนแกรมของตัวอักษณที่บ่าวสาวเลือก

หากบ่าวสาวมีคาแรคเตอร์ที่สดใส และงานแต่งที่บ่าวสาวคิดไว้ก็เป็นธีมปาร์ตี้สนุกๆ แล้วอย่างนี้การ์ดแต่งงานจะหลุดธีมไปได้ยังไงจริงไหมคะ ต้องนี่เลย กับการ์ดแต่งงานสีสันสดในสุดคัลเลอร์ฟูลที่บ่งบอกสไตล์และธีมงานแต่งของบ่าวสาวได้ชัดเจนที่สุด

ลายแผ่นกระเบื้องเก๋ อีกหนึ่งเทรนด์การ์ดงานแต่งที่นอกจากจะได้ลุคไม่ซ้ำใครแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการ์ดที่อินเทรนด์ในปี 2018 อีกด้วยนะคะ โดยเฉพาะลวดลายกระเบื้องลวดลายโปรตุเกสที่มีลวดลายและเอกลักษณ์อันสวยงามเป็นของตัวเอง รับรองว่าแขกที่ได้การ์ดเซตนี้ไปจะต้องร้องว้าวในความสร้าสรรค์ของบ่าวสาวแน่นอน

การ์ดแต่งงานที่ให้อารมณ์เซ็กซี่นิดๆ น่าค้นหาหน่อยๆ ด้วยเลือกเฉดสีเข้มเป็นเฉดสีหลักในการ์ดแต่งงาน ซึ่งบ่าวสาวสามารถทำให้เฉดสีเข้มนี้ด้วยนุ่มนวลขึ้นได้ด้วยการใช้เท็กซ์เจอร์แบบสีน้ำ

หากคุณเป็นคู่รักนักเดินทาง หรือความรักของคุณมีจุดเริ่มต้นจากการเดินทางแล้วล่ะก็ การ์ดแต่งงานแบบพาสพอร์ตก็เป็นอีกหนึ่งดีไซน์การ์ดแต่งงานที่บ่งบอกเรื่องราวความรักของบ่าวสาวได้เป็นอย่างดี แถมยังมีดีไซน์น่ารักที่แขกได้รับแล้วต้องอมยิ้มอีกด้วย

อีกหนึ่งรูปแบบการ์ดแต่งงานที่หวานนนนนจนน้ำตาลยังอาย กับลวดลายดอกไม้นานาพันธุ์ที่บ่าวสาวจะขนมาไว้ให้อยู่บนการ์ดแต่งงาน แต่ๆๆ ใครว่าการ์ดดอกไม้จะต้องเป็นสีหวานแบบชมพู๊ชมพูได้อย่างเดียว เพราะบ่าวสาวสามารถเลือกเฉดสีให้ดาร์กกว่านั้นได้อีกนะคะ อย่างเช่น ในโทนสีม่วงที่เป็นสีแพนโทนในปีนี้ ที่ถึงแม้ว่าสีจะเข้มแค่ไหนแต่เมื่อเติมดอกไม้สวยหวานลงไปก็ดูซอฟต์นุ่มนวลขึ้นมาได้ทันที

สำหรับบ่าวสาวสายอาร์ตต้องไม่พลาดการ์ดแต่งงานสไตล์นี้ กับการออกแบบฉลุหรือการซ้อนทับกันของตัวอักษร เพื่อเล่นกับมุมมองของสายตา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งดีไซน์ที่ไม่อิงกับกระแสหรือเทรนด์ใดๆ แต่กลับดูมีสไตล์เป็นของตัวเองสุดๆ

ไอเดียจัดงานแต่ง เพิ่มความฟรุ้งฟริ้งให้กับงานด้วยกลิตเตอร์

ไอเดียจัดงานแต่ง แน่นอนว่ามีเยอะแยะมาก แต่วันนี้จะขอเอาใจเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ชื่นชอบความระยิบระยับ โดยมีของตกแต่งที่มีกลิตเตอร์ เข้ามาช่วยเพิ่มความฟรุ้งฟริ้งให้กับงาน บอกเลยว่าสวยงาม และทำให้งานดูแพงเข้าไปอีก (แต่ต้องทำให้ถูกนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนงานโชว์ได้)

มาดูกันดีกว่าว่าเราสามารถเติม ไอเดียจัดงานแต่ง ที่มีกลิตเตอร์ เข้าไปในสิ่งใดได้บ้างให้ดูสวยงาม และไม่ดูเยอะจนเกินไป

1. ผ้าปูโต๊ะอาหาร

โต๊ะอาหารคือโต๊ะที่แขกทุกคนจะนั่ง เราสามารถหาผ้าปูที่เป็นผ้ากลิตเตอร์มาปูได้ จะเลือกตัดกับผ้าปูสีขาว หรือจะใช้ผ้ากลิตเตอร์ผืนเดียวสวยๆ ก็ได้นะจ๊ะ แต่ของที่วางบนโต๊ะ ไม่ควรมีกลิตเตอร์แล้ว เช่น จาน แก้ว เพราะจะดูแล้วเยอะเกินไป จากงานแต่งเดี๋ยวจะกลายเป็นงานโชว์เอาได้ง่ายๆ

ไอเดียจัดงานแต่ง

2. ชุดเพื่อนเจ้าสาว

ถึงแม้เพื่อนเจ้าสาวจะไม่ใช่ของตกแต่งในงานแต่งงาน แต่เป็นถึงเพื่อนของเจ้าสาวเลยนะ! เราสามารถให้เพื่อนเจ้าสาวใส่ชุดที่มีกลิตเตอร์ หรือระยิบระยับได้ แถมยังเป็นชุดที่ไม่ต้องหาอะไรเติมให้ปวดหัว เพราะสวยด้วยเนื้อผ้าอยู่แล้ว แต่เจ้าสาวควรใส่ชุดสีเรียบๆ นะจ๊ะ จะได้ดูโดดเด่นออกมาจากกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวนั่นเอง

ไอเดียจัดงานแต่ง

3. ของตกแต่ง

เช่น เทียน แจกัน ที่ใช้ตกแต่งภายในงาน ลองเอาผ้าเทปที่เป็นกลิตเตอร์มาพันรอบๆ ดู ให้ตัดกับสีที่ขาวใสของตัวแก้วหรือแจกันก็ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ แถมยังช่วยให้พร็อพธรรมดาดูหรูหรามีค่าขึ้นมาทันทีอีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นงาน DIY ง่ายๆ ที่บ่าวสาวสามารถทำได้ด้วยตัวเองอีกด้วย

ไอเดียจัดงานแต่ง

4. อาหารและขนม

ใครว่าไม่สามารถใส่กลิตเตอร์ลงไปในอาหารและขนมได้จ่ะ … แต่อันนี้ต้องปรึกษากับเชฟภายในงาน หรือซัพพลายเออร์ด้านอาหารและของหวานที่บ่าวสาวหามาด้วยนะคะ ว่าอยากให้เพิ่มกลิตเตอร์ลงไปในอาหารหรือขนมอันไหน แล้วปล่อยให้เชฟหรือทางร้านจัดการให้เราเอง และไม่ต้องกังวลใจไปว่าแล้วกลิตเตอร์ทานเข้าไปจะเป็นอันตรายต่อแขกหรือเปล่า เพราะมีกลิตเตอร์แบบที่สามารถกินได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพค่ะ

ไอเดียจัดงานแต่ง

5. พลุกลิตเตอร์

ในช่วงเวลาสำคัญๆ ของบ่าวสาว เช่น โมเม้นต์เปิดตัวของทั้งสองที่กำลังเดินเข้ามาในงาน ลองหาพลุกลิตเตอร์มาช่วยยิงประกอบให้โมเม้นต์นั้นดูฟรุ้งฟริ้ง ระยิบระยับเพิ่มยิ่งขึ้นดู แถมถ่ายรูปออกมาแล้วสวยปังแน่นอนจ่ะ

ไอเดียจัดงานแต่ง

6. เครื่องแต่งตัวเจ้าสาว

สามารถใช้รองเท้าที่มีกลิตเตอร์สวยๆ ได้ หรือจะทำเล็บสวยๆ ก็ได้อีก แต่ถ้าคิดว่ายังปังไม่พอ จะกระซิบบอกช่างแต่งหน้าให้ทาอายแชโดว์เป็นกลิตเตอร์ก็ได้นะไม่ว่ากัน แถมยังได้ลุคสวยโดดเด่นมีออร่าสุดๆ อีกด้วย

ไอเดียจัดงานแต่ง ไอเดียจัดงานแต่ง

 

สวยงามระยิบระยับสุดๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวสามารถนำไอเดียกลิตเตอร์ไปใส่ในธีมงานแต่งได้เลยนะจ๊ะ โดยที่ไม่จำเป็นว่างานแต่งของคุณต้องเป็นธีทกลิตเตอร์ก็ได้ เพราะเพียงแค่ใส่ดีเทลของกลิตเตอร์ลงไปในของตกแต่ง แค่นี้ก็สวยและดูแพงแล้วค่ะ แต่ถ้ายังไม่มีไอเดียว่าจะใช้ธีมแบบไหนดีน้า ลองดูตามนี้เลยค่ะ ธีมงานแต่ง สีบลัชพิ้งค์ เทรนด์ใหม่เพิ่มความน่ารักมุ้งมิ้งให้กับงาน

ภาพจาก Pinterest.com , theknot.com

อิจหนักไปอี๊กกก กับโมเม้นต์ ขอแต่งงาน กลาง Bridal Fashion Week!

โมเม้นต์ฆ่าคนโสดมาอีกแล้ว เมื่อชายหนุ่มผู้นี้ตัดสินใจ ขอแต่งงาน แฟนสาว กลางรันเวย์ดังที่เพิ่งจบลงไปหมาดๆ รายละเอียดเป็นอย่างไร? มาเผือกกันเร้วว

โอ๊ย อิจหนักอะไรเบอร์นี้คะ! เมื่อชายหนุ่มผู้นี้วางแผนขอแฟนสาวของเขาแต่งงานกลางรันเวย์แฟชั่นโชว์ พีคหนักกว่านั้นคือแฟชั่นโชว์ที่ว่านี้เป็น Bridal Fashion Show ชุดเจ้าสาวไปอี๊กกก ชายหนุ่มผู้นี้คือใคร? และแฟนสาวผู้โชคดีคือใคร? เบื้องหลังแผนการขอแต่งงานสุดอลังนี้เป็นอย่างไร? มาอ่านเรื่องราวของทั้งสองกันค่ะ

IG @thefittestdentist

ทุกๆปีในช่วงเดือนเมษายน จะเป็นช่วงเวลาของการนำเสนอคอลเลกชั่นชุดเจ้าสาวประจำฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับเดือนเมษายนปีนี้ ก็จะเป็นการนำเสนอคอลเลกชั่นชุดเจ้าสาวของฤดูใบไม้ผลิปี  2019 และเหล่าแบรนด์ชุดเจ้าสาวต่างๆ ก็จะพากันจัดงานแฟชั่นโชว์เพื่อเปิดตัวคอลเลกชั่นของแบรนด์ตัวเอง รวมทั้งแบรนด์สัญชาติอเมริกันอย่าง Watters เช่นกัน

ขณะที่แฟชั่นโชว์ดำเนินไปจนถึงชุดสุดท้ายที่เราเรียกว่าชุดฟินาเล่ สวมใส่โดยนางแบบสาว Nicole Kaspar เธอเดินหมุนตัวเพื่อกลับไปยังหลังเวที แต่ถูกเรียกให้หยุดกลางคันโดยช่างภาพ เพื่ออ้างว่าจะขอถ่ายภาพ (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่เตี๊ยมกันไว้ก่อนแล้ว) เธอหยุดและโพสอยู่สักพัก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จู่ๆ แฟนหนุ่มของเธอ นามว่า Chad Stapleton  ก็โผล่ออกมาด้านหน้าเวที และพูดกับเธอ ท่ามกลางสายตาสักขีพยานนับร้อยๆคู่ ว่า

ขอแต่งงาน
IG @thefittestdentist

นิโคล ผมอยากทำสิ่งนี้มานานแล้ว และผมอยากให้โมเม้นต์นี้พิเศษมากๆเท่าๆกับที่คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผมและผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า คงไม่มีโอกาสไหนที่จะดีเท่าโอกาสนี้แล้ว บนรันเวย์ และคุณก็กำลังทำในสิ่งที่คุณรัก…”

แน่นอนว่าพอมาถึงจุดนี้ สาวเจ้าก็น้ำตารื้นขึ้นมา (ผู้เขียนเองพิมพ์อยู่ก็ต้องหยุดจิกหมอนเป็นระยะๆนะ 555) หลังจากนั้น แฟนหนุ่มก็พูดต่อ

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบจริงๆจังๆ แต่ผมต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่พบคุณ มันช่างเป็นความรู้สึกที่แตกต่าง ผมมีความรู้สึกบางอย่างภายในหัวใจ ที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน และผมก็อธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้จากโมเม้นต์นั้นมาจนถึงบัดนี้ คุณทำให้ผมมีความสุขอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีได้ ผมจะขอใช้ชีวิตที่เหลือทำให้คุณรู้สึกแบบเดียวกันและแล้ว เขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ

IG @nasparcat

นิโคลผงกหัวเป็นการตอบตกลง ตามด้วยแชดสวมแหวนหมั้นใส่นิ้วมือของเธอ แน่นอนว่าหลังจากนั้น เสียงปรบมือและร้องโห่ด้วยความดีใจจากเหล่าสักขีพยานทั้งหลายอัดแน่นไปทั้งฮอลล์

IG @brides
IG @nasparcat

แพรวเวดดิ้ง ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองด้วยนะคะ เป็นการขอแต่งงานที่โรแมนติกแถมยังครีเอทมากๆ งานนี้ต้องมอบโล่ห์ให้ว่าที่เจ้าบ่าวของเราเลยค่ะ คนโสดคนไหนอ่านแล้วอย่าเพิ่งจิกหมอนขาดกันล่ะ มาคลิกอ่าน ความเชื่อเรื่องเนื้อคู่ ทำตามนี้รับรองลงจากคานชัวร์! กันไปพลางๆก่อนละกันนะ..เฮ้อออ

credit story: brides.com

มาทำไอศกรีมแท่งผลไม้ ง่ายๆ เตรียมเสิร์ฟใน งานแต่งงานหน้าร้อน กันดีกว่า

เมื่อพูดถึง งานแต่งงานหน้าร้อน แล้ว … แค่คิดก็เหงื่อออกแล้วใช่ไหมจ๊ะ เพราะอากาศเมืองไทยนี่เรียกได้ว่าแค่ตากผ้า ผ้าก็ไหม้แล้ว ถ้าจัดงานแต่งเอ้าท์ดอร์ช่วงหน้าร้อนนี่ไม่ต้องพูดถึง

แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เรามาหาวิธีดับร้อนง่ายๆ ให้ร่างกายสดชื่นใน งานแต่งงานหน้าร้อน กันดีกว่า นั่นก็คือ การทำไอศกรีมแท่งผลไม้ ทำง่ายๆ แถมอร่อยอีกด้วยล่ะ แถมยังได้ประโยชน์จากผลไม้เต็มๆ เราคัดมาให้แล้ว 3 สูตรด้วยกัน ทำง่าย อร่อย อย่ารอช้า ไปหาซื้อวัตถุดิบ อุปกรณ์กันดีกว่า

 

งานแต่งงานหน้าร้อน

สูตรที่ 1

อุปกรณ์

  1. พิมพ์สำหรับทำไอศกรีม (สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป)
  2. ผลไม้ที่ชื่นชอบ แต่แนะนำให้เป็นผลไม้รสหวานเปรี้ยว เช่น สตรอว์เบอร์รี่ , บลูเบอร์รี่ , กีวี่ , ส้ม
  3. น้ำผลไม้ที่ชื่นชอบ

วิธีทำ

  1. นำผลไม้ที่เตรียมไว้มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วหยิบใส่แม่พิมพ์ เลือกเองได้ตามใจว่าจะใส่ให้เต็มหรือบางๆ
  2. นำน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้เทตามลงไป
  3. ปิดฝาแม่พิมพ์ นำไปเข้าช่องแช่แข็ง ประมาณ 4-5 ชม.
  4. จากนั้นก็นำมาเสิร์ฟได้เลยจ้า
  • สำหรับใครที่อยากให้รสชาติออกหวาน สามารถผสมน้ำเชื่อมลงไปได้นะจ๊ะ

งานแต่งงานหน้าร้อน

สูตรที่ 2

อุปกรณ์

  1. ลูกกีวี่สด
  2. น้ำเชื่อม
  3. พิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
  4. เครื่องปั่นน้ำผลไม้
  5. น้ำเปล่า 1 แก้ว

วิธีทำ

  1. นำกีวีมาปอกเปลือกและหั่น
  2. นำน้ำเชื่อมเทลงไปในเครื่องปั่น พร้อมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว จากนั้นนำกีวี่ที่หั่นใส่ลงไป
  3. ปั่นให้เนื้อละเอียด พร้อมชิมว่าได้ความหวานตามที่ต้องการหรือไม่ (สามารถใส่น้ำเชื่อมได้ตามต้องการ แต่ระวังจะหวานจนเสียสุขภาพนะจ๊ะ)
  4. นำน้ำกีวี่ที่ปั่นลงแม่พิมพ์ไอศกรีม และสามารถหั่นเนื้อกีวี่ใส่เพิ่มลงไปได้เพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ขณะรับประทาน
  5. ปิดฝาให้เรียบร้อย แช่เย็น 4-5 ชม.
  6. แกะออกพร้อมเสิร์ฟจ้า

 

งานแต่งงานหน้าร้อน

สูตรที่ 3

อุปกรณ์

  1. ผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น องุ่น แอปเปิ้ล ลิ่นจี่
  2. เยลลี่รูปทรงต่างๆ (อย่าให้ชิ้นใหญ่จนเกินไป)
  3. น้ำอัดลม แต่ขอแนะนำเป็นน้ำสไปรท์หรือเซเว่นอัพนะคะ เพราะตัวน้ำเป็นสีขาวจะได้มองเห็นเยลลี่ได้
  4. พิมพ์สำหรับทำไอศกรีม

วิธีทำ

  1. หั่นผลไม้ลงไปในพิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
  2. ใส่เยลลี่ตามลงไป หรือจะเลือกใส่เป็นผลไม้ก็ได้นะคะ
  3. เทน้ำอัดลมไปลงไปให้เต็ม
  4. ปิดฝาพิมพ์ไอศกรีมแล้วนำไป แช่เย็น
  5. แช่เย็น 4-5 ชม.
  6. พร้อมรับประทานค่ะ

งานแต่งงานหน้าร้อน

เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ ทำไม่ยากเลยใช่มั้ย และคอนเฟิร์มเลยว่าอร่อยแน่นอน แถมบ่าวสาวยังสามารถเปลี่ยนชนิดผลไม้ได้ตามชอบเลยนะจ๊ะ ยิ่งถ้าเป็นผลไม้ตามฤดูกาลราคาก็ไม่แพงอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นออเดิร์ฟเวลคัมสุดสดชื่นรับงานแต่งงานหน้าร้อนแน่นอน แต่ถ้าจะให้ดีเตรียมเครื่องดื่มไว้ให้ดับร้อนด้วยก็ดีน้า รวม เครื่องดื่มในงานแต่ง เย็นชื่นใจ คลายร้อนรับซัมเมอร์ 

ภาพจาก : Pinterest.com , Youtube-RinS CookBook , EDT guide

รวบตึงไอเดียการจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลสุดฮิต!

การ จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล นั้น การเลือกและการกำหนดปริมาณให้เหมาะสมถือเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจกันเป็นอันดับแรกเลยนะคะ เพราะต้องคำนวณให้เพียงพอกับจำนวนแขกที่มาร่วมงานโดยการจัดเลี้ยงงานแต่งงานแบบค็อกเทลนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เครื่องดื่ม ส่วนอาหารก็มักจะเป็นของว่างหรือเมนูเรียกน้ำย่อยซะเป็นส่วนใหญ่พร้อมจัดวางเป็นคำๆ จะได้หยิบรับประทานได้สะดวก การเลี้ยงแบบค็อกเทลนั้นถือเป็นรูปแบบที่นิยมกันมากสำหรับคู่รักยุคใหม่ เพราะเน้นความเป็นกันเองที่สนุกสนาน และมีบรรยากาศน่ารักสดใส วันนี้ แพรว wedding จึงไม่รอช้าพร้อมเสิร์ฟไอเดียการ จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล แบบรวบตึงมาฝากกัน ให้อ่านจบเข้าใจแบบครบถ้วนไปเลย 😉

 

เมนูอาหารค็อกเทลที่นิยมเสิร์ฟในงานแต่งงาน

สำหรับเมนูแบบค็อกเทลนั้น ทางผู้จัดงาน ต้องตกลงกับคู่บ่าวสาวก่อนเป็นอันดับแรก ว่าต้องการใช้เมนูแบบ ไทย จีน ญี่ปุ่น หรือนานาชาติ จะได้เลือกทำเมนูได้ถูกต้อง หรือบางครั้งอาจจะนำเมนูของ 2 ชาติมาผสมกัน เพื่อให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่คงความอร่อยถูกปากคนไทยเอาไว้ก็ได้ เพราะการจัดเลี้ยงนอกสถานที่แบบค๊อกเทลนั้น สามารถเลือกเมนูมารับประทานได้หลายแบบ

 จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล

เริ่มจากคานาเป้ชนิดต่างๆ ที่เป็นแชนวิชเปิดหน้า สัญชาติฝรั่งเศสที่ให้รสชาติกลมกล่อมเต็มๆ คำ และถึงแม้จัดไว้เป็นคำเล็กๆ แต่ถ้าทานหลายๆ คำก็อิ่มได้เหมือนกัน อีกเมนูที่น่าสนใจก็คือ หมูตะไคร้พันเบคอน ที่ต้องบอกเลยว่า มีความเป็นไทยผสมกลิ่นอายฝรั่งได้อย่างลงตัว จัดไว้แบบพอดีคำน่ารับประทานแบบสุดๆ หอมอร่อยแถมได้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ตามมาด้วยหมูสะเต๊ะที่ต้องบอกเลยว่า นี่คือเมนูบ้านๆ ที่เราเห็นได้ทั่วไป แต่เมื่อนำมาจัดใส่แก้วใสๆ ราดน้ำจิ้มก็เพิ่มความดูดีและน่ากินขึ้นมาอีกเท่าตัว

จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล

ต่อกันด้วยของหวาน เช่น ทาร์ตมะม่วง หรือขนมไทยต่างๆ จัดใส่กระทงเล็กๆ ที่มีความหอมหวานอร่อย เหมาะกับคู่บ่าวสาวที่ชอบความเป็นไทย แค่นี้ก็อร่อยฟินๆ กันได้แล้วล่ะค่ะ

เครื่องดื่มที่ใช้เสิร์ฟ

จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล

งานแต่งแบบค็อกเทลจะสมบูรณ์แบบไปไม่ได้เลยถ้าขาดเครื่องดื่ม ซึ่งเครื่องดื่มแบบไร้แอลกอฮอล์ส่วนใหญ่ที่นิยมดื่มกันก็คือ น้ำพันซ์แตงโมที่ให้ความหวานสดชื่นแสนอร่อย หรืออาจจะเป็นไอศกรีมแท่งในเครื่องดื่ม อันนี้ก็ถือว่าเป็นของหวานอีกไอเดียหนึ่งที่น่านำไปใช้เช่นกัน เพราะเราจะได้รสชาติของไอศกรีมที่ละมุมลิ้น แทรกอยู่ในตัวเครื่องดื่มได้อย่างกลมกล่อม ขอบอกเลยว่าดื่มแล้วฟินแน่นอน

จัดเลี้ยงแบบค็อกเทล

ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับงาน ก็อย่าลืมคิดถึงแชมเปญแบล็คเบอรี่ที่ผสานกันได้อย่างลงตัวด้วยรสชาติที่กลมกล่อมของแชมเปญกับความหวานอมเปรี้ยวของแบล็คเบอรี่ รับรองว่าแขกหลายๆ ท่านในงาน จะต้องถูกใจกันอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็ถือว่าเป็นเมนูค๊อกเทลยอดนิยม สำหรับการจัดเลี้ยงงานแต่งส่วนใหญ่ เพราะความอร่อยและใช้เวลาในการทำไม่นาน แถมยังรับประทานง่าย เด็กๆ ก็สามารถรับประทานได้

ที่สำคัญเราควรสำรวจดูเรื่องเพศและวัยของแขกส่วนใหญ่กันด้วยนะคะ เพื่อปรับปริมาณอาหารให้เพียงพอกับแขก ไม่ควรเหลือเยอะมากเกินไป และมีความพร้อมบริการแขกอยู่ตลอดเวลา

 

cr : nccfb.com, ediblelongisland.com, orderin.com.au, khuntoy.com, reddiwip.com

รวม ของชำร่วยงานแต่ง เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร … จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

มาดูไอเดีย ของชำร่วยงานแต่ง ที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร กันดีกว่า บ่าวสาวหลายคู่อาจจะเริ่มเบื่อกับไอเดียของชำร่วยแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น ช้อน ส้อม ตะเกียบ หมอน ถ้วยจานชาม พวงกุญแจ ต่างๆ นานา … บอกเลยว่าแขกที่มาร่วมงานก็เบื่อไม่แพ้กับบ่าวสาวนั่นแหละจ่ะ

ไอเดีย ของชำร่วยงานแต่ง ยูนีคสุดๆ รับรองไม่มีใครเหมือน 

ถ้าอย่างนั้นเรามาลองดู ของชำร่วยงานแต่ง ที่ไม่ซ้ำใครกันดีกว่า รับรองว่าถูกใจผู้รับแน่นอน เรียกได้ว่าเมื่อแขกที่มาร่วมงานได้รับไปแล้ว จะไม่แอบวางทิ้งไว้ในงานแน่นอน

1. น้ำมันมะกอก

เอาใจบ่าวสาวสายเฮลธ์ตี้ ลองแจกน้ำมันมะกอกดูนะ ด้วยสรรพคุณที่เรียกได้ว่าชนะเลิศ เพราะสามารถนำมาปรุงอาหารหรือทำสลัดผักก็ได้ แถมยังช่วยลดความอ้วน และยับยั้งโรคเบาหวานได้อีกนะจ๊ะ แล้วอย่าลืมหาขวดสวยๆ พร้อมผูกริบบิ้นตกแต่งนิดหน่อย เท่านี้ก็พร้อมแจกให้แขกแล้ว

ของชำร่วยงานแต่ง

2. เกลือหิมาลายัน

เอ๊ะ ไม่คุ้นหูใช่ไหมจ๊ะ เกลืออะไรนะ … เกลือหิมาลายัน หรือเกลือสีชมพูค่ะ สามารถหาซื้อได้ตามร้านสปา หรือสั่งออนไลน์ก็ได้นะ ส่วนสรรพคุณของเกลือหิมาลายันก็มีเยอะมากๆ เช่น นำมาทำเป็นก้อนแล้วประคบตรงที่ปวดกระดูก กล้ามเนื้อได้ หรือจะนำไปละลายน้ำแล้วนอนแช่ตัวก็จะช่วยให้ร่างกายได้ดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ได้ดีขึ้น นอกจากจะมีสรรพคุณเยอะมากแล้ว สียังสวยอีกด้วยอ่ะ 🙂

ของชำร่วยงานแต่ง

3. เทียนหอม

ลองเลือกเทียนหอมกลิ่นดีๆ หรือกลิ่นที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ในร่างกายดู เช่น ลดอาการเวียนหัว ลดความเครียด เพราะจะได้เป็นสิ่งของที่มอบแล้วเกิดประโยชน์ต่อแขกที่มาร่วมงานนั่นเองค่ะ

ของชำร่วยงานแต่ง

4. แว่นกันแดด

ฟังไม่ผิดค่ะ ใช่แล้วแว่นกันแดด ให้ไปรับรองได้ใช้แน่นอน แถมเก๋อีกด้วย และไม่ซ้ำใครไปอีก เพียงแค่ลองเลือกแบบสวยๆ สีสดๆ ดูก็เริ่ดนจ๊ะ … แถมแขกรับไปมีประโยชน์ชัวร์ ก็แหม สภาพแดดเมืองไทยไม่ว่าจะฤดูอะไร ยังไงก็ได้ใช้แน่นอน คอนเฟิร์มเลย!!

ของชำร่วยงานแต่ง

5. เมล็ดพันธุ์พืช

เพียงแค่บรรจุลงถุงสวยๆ ให้ดูน่ารักมุ้งมิ้งก็ไม่แย่นะจ๊ะ เลือกไปเลยว่าจะให้เมล็ดพันธุ์แบบใดบ้าง อาจจะแยกเป็นแบบทานได้ กับทานไม่ได้ ยิ่งถ้าเป็นเมล็ดดอกไม้มงคลด้วยก็ยิ่งดีเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้นำไปปลูกแล้วยังช่วยเสริมความมงคงให้กับแขกที่ได้รับไปอีกด้วย น่ารักแล้วยังดูเป็นคู่รักรักษ์โลกอีกด้วยนะเนี่ย

ของชำร่วยงานแต่ง

เอาเป็นว่า ลองเปลี่ยนจากของชำร่วยแบบเดิมๆ มาเป็นของชำร่วยที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง แถมแขกที่ได้รับไปยังอยากเก็บไว้เพื่อที่จะนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ด้วย และแน่นอนว่าเมื่อมีของชำร่วยที่น่าแจกน่ารับแล้ว ก็ต้องมี 5 ของชำร่วยที่แขกได้มีแอบบ่น เพราะฉะนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะจ๊ะ

ภาพจาก  marthastewartweddings.com , pinterest.com

ดูกันเพลินๆ กับ 10 เครื่องประดับเพชร สุดเลอค่าและมูลค่ามากมายที่สุดในโลก

แพรว wedding ขอยกขบวน เครื่องประดับเพชร แสนสวยสุดเลอค่ามาให้ว่าที่เจ้าสาวได้ดูกันเพลินๆ เผื่อว่าคุณเจ้าบ่าวจะใจดีจัดมาให้ในขบวนขันหมาก ซึ่งที่ว่าเลอค่านี้เลอค่าทั้งความงามและมูลค่า เพราะแต่ละชิ้นเนี่ย…แพงได้อีก แต่จะแพงขนาดไหนไปดูกันเลยค่ะ

อันดับ 10 สร้อยคอเพชรรูปหยดน้ำ มูลค่า 401,120,000 บาท

10สร้อยคอประดับจี้เพชรน้ำงามอันดับ 10 เส้นนี้มาจากร้าน Christie’s ประเทศฮ่องกง ออกแบบโดย William Goldberg ใช้เวลาผลิตถึง 6 เดือน โดยการเจียระไนเพชรให้เป็นรูปหยดน้ำให้ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก 75.36 กะรัต นอกจากนี้ยังประดับด้วยเพชรสีชมพูทรงเมล็ดข้าวที่อยู่ด้านบนของจี้ สายคล้องคอทำจากทองคำขาว 18 กะรัต รายละเอียดเยอะขนาดนี้ราคาก็แค่ 401,120,000 บาท เท่านั้น โอ้ว มาย ก๊อททท!!!

อันดับ 9 สร้อยคอเพชรสุดโรแมนติก Heart of the Kingdom  มูลค่า 505,917,000 บาท

9Heart of the Kingdom สร้อยคอเพชรที่ใครเห็นก็ต้องชอบและประทับใจ เส้นนี้ทำจากทับทิมพม่าเจียระไนเป็นรูปหัวใจ น้ำหนักถึง 40.63 กะรัต เพิ่มความหรูหราด้วยการประดับเพชร 150 ชนิด น้ำหนักรวม 155 กะรัต ผลิตโดย Garrard บริษัทเครื่องประดับที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก สนนราคาของแหวนวงนี้ก็เบาๆ ก็แค่ 505,917,000 บาทเท่านั้นค่ะ

อันดับ 8 หนึ่งในแหวนเพชรสามเหลี่ยมที่แพงที่สุดในโลกจาก Bvlgari  มูลค่า 567,350,000 บาท

8แหวนเพชร Blue Diamond ทรงสามเหลี่ยมจาก Bvlgari วงนี้มีความพิเศษตรงที่มีเพชรสองสีอยู่ในวงเดียวกันนั่นคือเพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond) 10.95 กะรัต และเพชรใสไร้สี 9.85 กะรัต ซึ่งราคาต่อกะรัตของเพชรสีนี้มีมูลค่าถึง $1.8 ล้านดอลลาห์ เมื่อความพิเศษสองสิ่งมาอยู่ในที่เดียวกันพร้อมกับเป็นแบรนด์หรูอย่าง Bvlgari ด้วยแล้วราคาก็ไม่ธรรมดาสิคะจัดไปเบาะๆ 567,350,000 บาท

อันดับ 7 เพชรสีน้ำเงินดีเทลเก๋ จาก Chopard Swittzerland มูลค่า 587,587,000 บาท

7แหวนเพชร Blue Diamond จาก Chopard (ร้านเพชรและนาฬิกาชื่อดังของประเทศสวิตเซอร์แลนด์) ที่เห็นราคาแล้วก็แทบจะลมจับเพราะมีราคาสูงถึง 587,587,000 บาท ไฮไลท์อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบของเพชร Blue Diamond รูปไข่ 9 กะรัตที่เสริมความงามด้านข้างด้วยเพชรสามเหลี่ยมคล้ายปีกนางฟ้า ตัววงทำจากทองคำขาว 18 กะรัต สวย เวอร์วัง จนอยากได้เป็นเจ้าของสักวงเลยใช่ไหมล่ะ

อันดับ 6 สุดยอดหัวใจมหาสมุทร จากไททานิค มูลค่า 722,739,000 บาท

6หากใครเคยชมภาพยนตร์เรื่องไททานิค คงจะคุ้นตากับ Heart of Ocean เส้นนี้ เพราะโรสใส่ตอนที่แจ๊คกำลังจะวาดภาพสยิวของเธอนั่นเองค่ะ สร้อยเส้นนี้ถูกทำขึ้นโดย Harry Winston ใช้เพชรสีน้ำเงินขนาด 15 กะรัตมาเจียระไนเป็นรูปหัวใจเพื่อสื่อถึงหัวใจของมหาสุมทร สร้อยเส้นนี้นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังอย่าง Gloria Stuart ก็เคยใส่ไปงาน Academy Awards ในปี 1998 และยังเป็นสร้อยที่แพงที่สุดในงานนี้ด้วยค่ะ มีความเชื่อกันว่า Heart of Ocean นั้นเป็นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และยังเป็นส่วนหนึ่งของมงกุฎที่พระองค์สวมใส่ด้วยค่ะ

อันดับ 5 ความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของ Perfect Pink มูลค่า 838,377,958 บาท

5เพชรสีชมพูขึ้นชื่อว่าหายากมากๆ และมีมูลค่าสูงมากด้วย จึงไม่แปลกนะคะที่แหวนอย่าง Perfect Pink จะแพงมหาศาล ด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วนะคะว่าต้องยอดเยี่ยม แหวน Perfect Pink มีมูลค่าถึง 838,377,958 บาท วงนี้ประกอบด้วยเพชรสีชมพูบริสุทธิ์น้ำหนัก 14.23 กะรัต และเพื่อเพิ่มความสง่างามให้กับเพชรสีชมพู ด้านข้างจึงประดับด้วยเพชรสีขาว น้ำหนัก 1.67 และ 1.73 กะรัต เพิ่มความหรูหราให้สมกับความเพอร์เฟ็คท์ไปอีกด้วยตัววงที่ทำมาจากทองคำขาว 18 กะรัต

อันดับ 4 สวย หรู ไปกับ The Graff Pink มูลค่า 1,671,243,000 บาท

4The Graff Pink แหวนเพชรสีชมพูอีกวงที่นำเพชรมาถูกเจียระไนให้เป็นรูปสีเหลี่ยมมุมโค้งขนาด 24.78 กะรัตประดับด้วยเพชรสีขาวบริสุทธิ์รูปโล่สองข้าง แหวนเพชรสีชมพูวงนี้ถูกขายในวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี 2010 ในงานประมูลเพชรที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ด้วยมูลค่าถึง 1,671,243,000 ให้กับนักเก็บอัญมณีและเพชรผู้มีชื่อเสียง Laurence Graff แหวนสีชมพูวงนี้เห็นแล้วต้องบอกว่าที่สวยที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้แต่ราคาก็แพงมากกกกเช่นกันค่ะ

อันดับ 3 สร้อยคอที่แพงที่สุดในโลก L’Incomparable Diamond มูลค่า 1,989,576,000 บาท

3แหวนที่ราคาแพงสุดติ่งเราก็เห็นกันมาจนเต็มอิ่มแล้วนะคะ เราจะพามาดูสร้อยคอที่แพงที่สุดในโลกกันบ้าง L’Incomparable Diamond ถูกจัดอันดับโดย Guinness World Records ว่าเป็นสร้อยเพชรที่แพงที่สุดในโลกค่า สร้อยคอเส้นนี้มีน้ำหนักเพชรถึง 637 กะรัต ตัวจี้ทำจากเพชรสีเหลืองมีน้ำหนัก 407 กะรัต และตัวสร้อยทำจากทองคำขาวประดับด้วยเพชร 230 กะรัต สร้อยคอเส้นนี้ถูกทำขึ้นที่ Mouawad ตั้งอยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ส่วนคำถามที่ทุกคนสงสัยว่าทำไมสร้อยเส้นนี้ถึงแพงมากที่สุดในโลก ผู้ให้คำตอบคือสถาบัน Gemological ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเกี่ยวกับจิเวลรี่และหินต่างๆ บอกว่าเพชรสีเหลืองนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและสมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลกอีกทั้งยังถูกค้นพบโดยเด็กสาวคองโกค่ะ โอ้โหหห ประวัติยาวนานขนาดนี้ก็ต้องยกให้เป็นสร้อยที่แพงอันดับหนึ่งของโลกเลยล่ะค่ะ

อันดับ 2 แหวนเพชรที่ทำจากเพชร 100 % มูลค่า 2,532,187,000 บาท

2เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เราได้เห็นแหวนเพชรที่ทำจากเพชรทั้งหมด ไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมถึงได้แพงเว่อขนาดนี้ แหวนเพชร 100% วงนี้เจียระไนจากเพชรทั้งหมดน้ำหนัก 150 กะรัต ถูกทำขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ปี 2012 โดย Shawish  Jewelry ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และราคาที่ไม่ธรรมดาที่บอกเลยว่าแพงมากกกกถึงมากที่สุด เพราะมีราคาสูงถึง 2,532,187,000 บาท

อันดับ 1 Pink Star แหวนเพชรสีชมพูที่แพงที่สุดในโลก มูลค่า 3,006,868,000 บาท

1นับถอยหลังจนมาถึงอันดับ 1 กันแล้วนะคะ หลังจากที่เราดูทั้งแหวนและสร้อยที่ละลานตากันมาแล้ว มาดูกันค่ะว่าอันดับหนึ่งของเราจะเว่อ จะเริ่ดขนาดไหน Pink Star วงนี้ทำจากเพชรสีชมพูที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ และยังเป็นเพชรแฟนซีที่มีสีชมพูสวยธรรมชาติมากที่สุด

เพชรชิ้นนี้ถูกเจียระไนออกจากเพชรสีชมพูที่มีขนาด 132.5 กะรัต โดย De Beers ในแอฟริกาปี 1999 และถูกนำมาประมูลเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ในปี 2012 ที่งาน Christie’s เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดย Isaac Wolf เป็นผู้ประมูลไปในราคา 83.01 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือเมื่อตีเป็นเงินไทยแล้วมีมูลค่าสูงถึง 3,006,868,000 บาท เพชรสีชมพูชิ้นนี้ถูกเจียระไนเป็นรูปไข่ขนาด 59.06 กะรัต โดยใช้เวลาถึง 2 ปีในการเจียระไน

เห็นวงนี้แล้ว เราอยากกรี๊ดร้องให้ดังไปแปดบ้านเจ็ดบ้านว่าอยากได้มากกกกก แต่เห็นราคาแล้วก็หันไปปลอบใจตัวเองเบาๆ ว่านอนฝันหวานไปก่อนแล้วกัน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : www.topteny.com, www.graffdiamonds.com, vogue.com

5 กิจกรรมที่จะทำให้ฮันนีมูนในฝัน ณ มัลดีฟส์ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ควรไปทำอะไรที่ มัลดีฟส์ กันดี?

มัลดีฟส์ สถานที่ฮันนีมูนในฝันของคู่รักส่วนใหญ่ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อพูดถึงที่นี่ทุกคนก็จะต้องนึกถึงทะเลสีเขียวมรกต น้ำใสกริ๊งจนมองเห็นปลาน้อยใหญ่ หาดทรายเม็ดละเอียดสีขาวสะอาด มาพร้อมที่พักรีสอร์ทสุดหรูที่ตั้งอยู่ภายใต้สถานที่อันเงียบสงบ เหมาะแก่การเดินทางไปฮันนีมูนพักผ่อนยิ่งนัก แต่เดี๋ยวก่อนนนน! มัลดีฟส์ไม่ได้มีดีแค่การไปพักผ่อนนั่งเล่น นอนเล่นเพียงเท่านั้นนะคะ ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมายให้คุณสนุกได้แบบไม่มีเบื่อเลยล่ะ

มัลดีฟ

ดำน้ำ

กิจกรรมดำน้ำของเกาะสวรรค์แห่งนี้คุณทั้งคู่สามารถเช่าสน็อคเกิ้ลกระโจนลงน้ำได้ทั้งบริเวณหน้าที่พัก หรือใครที่อยากชมความสวยงามของใต้ท้องทะเลแบบเต็มๆ ตาก็สามารถซื้อทัวร์วันเดย์ทริปเลือกทริปดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและแบบน้ำลึกที่จะมีวิทยากรให้คำแนะนำ พร้อมครูสอนการใช้อุปกรณ์ การดำน้ำหลักสูตรเร่งรัดที่คนดำน้ำไม่เป็นก็ยังสามารถดำลงไปเซย์ไฮกับเหล่าบรรดาสัตว์ใต้น้ำได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมีกิจกรรมสุดตื่นเต้นที่ต้องขอบอกก่อนว่าคนใจไม่ถึงอย่าลงไปเลยเน้อ นั่นคือ ดำน้ำเคียงคู่ปลาฉลามนั่นเองจ้า แค่ได้ยินชื่อก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้แล้วอ่ะ งั้นขอเชิญคู่รักที่ชอบความตื่นเต้นท้าทายอย่างพวกคุณลงไปเปิดประสบการณ์ที่หาได้ยาก ลงไปแล้วถ้ามีโอกาสได้กลับขึ้นมา อย่าลืมมารีวิวให้ฟังกันด้วยน้า ฮ่าๆ

มัลดีฟ

ไปดูสัตว์โลกน่ารัก

ของเด่น ของดัง ของขึ้นชื่อที่นี่ต้องยกให้คุณโลมาเขาล่ะ ถึงขั้นมีการจัดทัวร์พานักท่องเที่ยวไปชมปลาโลมาที่จะมาโชว์ลีลาการว่ายน้ำไปพร้อมๆ กับเรือของนักท่องเที่ยว แถมไม่ได้มาเพียงแค่ตัวเดียวนะคะพวกนางมากันเป็นฝูงเลยจ้า แต่จะออกมาให้พวกเราได้เห็นกันเฉพาะในวันที่อากาศดี ไร้วี่แววของฝน และต้องอาศัยดวงกันหน่อย หากไปแล้วไม่ได้เจอปลาโลมาก็อย่าเสียใจไปค่ะ เพราะทัวร์นี้คุณจะสามารถได้ชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ วิวที่ต้องมาดูกับคู่รักถึงจะฟินสุด นอกจากมีปลาโลมาให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิดแล้ว ในท้องทะเลแห่งนี้ก็ยังมีวาฬ ให้คุณได้ออกกลางทะเลไปพร้อมกับไกด์ทัวร์พาชมวาฬยักษ์ใหญ่ราชาแห่งท้องทะเล และยังไม่หมดนะคะ สำหรับการดูสัตว์โลกน่ารักตระกูลปลา ในบางรีสอร์ทยังมีกิจกรรมให้อาหารปลาฉลามในช่วงเย็น โดยคุณปลาฉลามก็ช่างแสนรู้เสียเหลือเกิน มารอรับอาหารตรงเวลาเป๊ะบริเวณที่รีสอร์ทจัดโซนไว้โดยเฉพาะด้วยนะคะ


มัลดีฟ

ตกหมึก-ตกปลา

การตกหมึกตกปลารอบๆ เกาะของมัลดีฟส์เป็นสิ่งที่ห้ามทำเลยนะคะ เพราะที่นี่มีการอนุรักษ์ธรรมชาติทางทะเลไว้ ตามรีสอร์ทจะรู้กันดีต่างตั้งกฎระเบียบข้อห้ามตกหมึก ตกปลาบริเวณรีสอร์ทเด็ดดขาด อ้าว แล้วทีนี้จะบอกว่ามีกิจกรรมตกปลาได้ยังไงกันล่ะ? หากใครที่ชื่นชอบกิจกรรมนี้ เล่นพอสนุก ไม่ได้มีความต้องการตกกันอย่างจริงจังจนนำกลับมาประกอบอาหารแบบนี้ ที่มัลดีฟส์ก็มีบริษัททัวร์เป็นการจัดทัวร์สำหรับตกหมึก-ตกปลาโดยเฉพาะ โดยทางทัวร์จะพาไปบริเวณที่ได้จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวมาร่วมกันตกปลาสนุกๆ แข่งกันพอหอมปากหอมคอ ซึ่งมีทัวร์ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ในตอนกลางคืนจะเป็นการออกไปกับชาวประมงของรีสอร์ทที่ออกไปจับปลาเป็นปกติ ในตอนนี้คุณจะได้เจอกับปลาที่หลากหลายมากๆ ปลาบางชนิดตกได้แล้วก็ต้องปล่อยคืนสู่ทะเลเช่นกันอย่างปลาฉลามท้องถิ่นที่กลัวจะสูญพันธุ์ในอนาคต

มัลดีฟ

การเล่นกีฬาทางน้ำ

ที่นี่ก็มีหลากหลายมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกระดานโต้คลื่นที่เป็นกิจกรรมยอดนิยมบนหมู่เกาะ เพราะมีจุดที่มีคลื่นม้วนใหญ่บางแห่ง (ส่วนตรงไหนสงบน้ำก็นิ่งเชียว) ซึ่งสามารถเดินทางไปได้จากรีสอร์ทที่อยู่ใกล้กับ Male Surfing Safaris หรือการนั่งเรือเพื่อไปเล่นกระดานโต้คลื่นตามเกาะที่อยู่ห่างออกไปก็สามารถให้ทางรีสอร์ทหรือทัวร์จัดให้ได้ ต่อกับอีกหนึ่งความสนุกอย่างไคร์ทเซิร์ฟสุดมันท้าทายคลื่น ลม ทะเล เหมาะกับคนที่ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น เพราะบางจังหวะอาจทำให้คุณถึงกับตีลังกาผาดโผนเลยทีเดียว ส่วนใครที่อยากชิลลงมาอีกนิดแนะนำการเล่นวินด์เซิร์ฟที่ต้องอาศัยการควบคุมใบเรือคล้ายเรือใบแล่นฝ่าคลื่นไปตามท้องทะเล นอกจากนี้ยังมีกีฬาทางน้ำอีกมากมายให้คู่รักที่ชื่นชอบกีฬาเอ็กซ์ตรีมได้สนุกสุดมันไม่รู้ลืม


มัลดีฟ

พายเรือ

ปัจจุบันกิจกรรมพายเรือคายัคและการพายเรือแคนูบนท้องทะเลพร้อมแชะภาพชิคๆ กำลังเป็นที่นิยมของเหลาคู่รักวัยรุ่นที่อยากโพสต์ลงบนโซเชียลให้ดูมีไลฟ์สไตล์อย่างคนคูลๆ ความเป็นจริงแล้วกิจกรรมพายเรือคายัคก็เป็นกีฬาทางน้ำประเภทหนึ่ง ที่ต้องใช้แรงมหาศาลพายกันจนกล้ามแขนขึ้น เพื่อโต้คลื่นขึ้นไปไม่ให้ซัดกลับเข้าฝั่ง และยังเป็นกีฬาที่มองดูยังไงก็เหมาะกับคู่รักดีนะคะ ต้องอาศัยความสามัคคีของทั้งสองคนช่วยกันพายเรือคายัคผ่านกระแสคลื่นลมที่เปรียบได้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา ฮิ้ววว ดูดีมีความหมายไปอีก สำหรับคู่รักที่ไม่ได้ชอบกีฬาโลดโผนมาก แค่อยากมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำพอคลายความเบื่อการพายเรือในทะเลมัลดีฟส์ก็เป็นหนึ่งกิจกรรมที่น่าลอง แถมยังได้พร็อพมาถ่ายภาพชิคๆ อีกด้วยน้า

กิจกรรมน่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ? ส่วนใครที่สนใจไปฮันนีมูนต่างประเทศที่มัลดีฟส์ก็ลองมาศึกษาขั้นตอนต่างๆ ให้ดีกันก่อนออกเดินทางได้ใน คู่มือเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางฮันนีมูนต่างประเทศให้ไร้กังวล ค่ะ

Cr : pinterest.com

9 เมนูผักผลไม้ปั่น เพื่อรูปร่างในฝันทันวันวิวาห์!

อย่างที่สาวๆเคยได้ยินกันมานั่นแหลค่ะ ว่าอยากลดน้ำหนักให้กินผลไม้แทนมื้อเย็น นั่นก็เป็นเพราะตอนเย็นเราไม่ได้ทำกิจกรรมไรมาก อย่างมาก ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเบาๆ แล้วเข้านอน ฉะนั้นถ้าจะให้ร่างกายไม่สะสมเราเองจึงควรทานอาหารเบาๆ เอาไว้ และผลไม้ก็มักเป็นตัวเลือกแรกๆสำหรับใครหลายคน ทีนี้เราจะชวนคุณเปลี่ยนมาเป็นน้ำผลไม้ดูกันค่ะ ผลไม้พอปั่นให้อณูเล็กละเอียดหรือคั้นเป็นน้ำแล้วก็ดูดซึมได้ง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้ทันที ไม่เกิดการสะสมจนกลายเป็นห่วงยางน้อยๆ วันนี้ แพรว wedding จึงนำ น้ำผักผลไม้ เพื่อสุขภาพ 9 สูตรง่ายๆ ใครๆก็ทำตามได้มามาแบ่งปันกันค่ะ

 

น้ำมะละกอ

น้ำผักผลไม้

มะละกอสีเหลืองๆ ส้มๆ นี่มหัศจรรย์ ปั่นเป็นน้ำผลไม้ลดน้ำหนักแช่เย็นดูสิ ช่วยระบบขับถ่ายดีชะมัด ช่วงไหนลดราคาซื้อมาทิ้งไว้ติดตู้เย็นได้เลย ไม่มีผิดหวัง

น้ำแอปเปิลเขียว

น้ำผักผลไม้

ผลไม้สุดฮิตของคนลดความอ้วน จะกินสดหรือปั่นเป็นน้ำผลไม้ไว้ลดน้ำหนักก็ได้ เพราะแอปเปิลเขียวแคลอรีต่ำเหมาะกับคนที่ต้องการพุงยุบแต่อิ่มอร่อย

น้ำแก้วมังกร

น้ำผักผลไม้

จะสีม่วงหรือสีขาวก็จัดมาเลย จะกินสด หรือจะปั่นเป็นน้ำผลไม้ลดน้ำหนักก็ได้ทั้งนั้น แถมเปลือกยังมีประโยชน์ไม่ต้องทิ้ง เอาไปชุบแป้งทอดหรือยำก็อร่อยเฉยเลย

น้ำทับทิม

น้ำผักผลไม้

เมนูนี้แหละที่ดาราฮิตฮอตกันเหลือเกิน จะดื่มแบบสดๆ หรือจะซื้อแบบสกัดสำเร็จรูปก็ได้นะ ให้คุณประโยชน์ไม่ต่างกัน สะดวกแบบไหนจัดไปเลยค่ะคุณ

น้ำมะเขือเทศ

น้ำผักผลไม้

พืชผลตระกูลผักที่ได้ยินมาตั้งแต่รุ่นแม่ยังสาวยังคงฮิตไม่เลิกรา ก็มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อย่าให้สาธยายเลยว่าดีต่อผิวและรูปร่างอย่างไร เย็นนั้นไปจัดเลยค่ะ ซื้อมาตุนทิ้งไว้ในตู้

น้ำเบอร์รี่ กับเมล็ดเจีย

น้ำผักผลไม้

จริงๆ สูตรนั้นคือ เมล็ดเจียพระเอกของการลดน้ำหนักที่ได้ผลดี นำมาปั่นรวมกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดใดก็ได้ คุณสมบัติของผลไม้วิเศษ 2 ชนิดรวมกัน เราก็ได้น้ำผลไม้ลดน้ำหนักที่พร้อมจะช่วยคุณไดเอ็ทแล้ว

น้ำแอปเปิล กับอบเชย

น้ำผักผลไม้

เมนูสุดฮิตของเซเลปดารา เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยโปรตีน แคลเซียม ไฟเบอร์ และวิตามินจากแอปเปิล จับมาปั่นๆ รวมกันอิ่มอยู่ท้องนาน

น้ำบลูเบอร์รี่ กับสับปะรด

น้ำผักผลไม้

ใครอยากพุงยุบจัดสูตรดีท็อกซ์ไปเลย จะเพิ่มแอปเปิลลงไปด้วยก็ได้นะ รับรองได้เรื่อง

น้ำแอปเปิลเขียว กับกล้วย

น้ำผักผลไม้

สูตรนี้ก็ดีท็อกซ์เช่นกัน ใครที่รู้สึกหนักๆ ตัว จัดไปเลย เช้าๆ ดื่มเป็นน้ำผลไม้ลดน้ำหนักก่อนออกกำลังกายสักครึ่ง ชม. รับรองว่าดีเว่อร์

 

cr : organicfacts.net, bostonmagazine.com, skinnyms.com, foodnetwork.com,  fannetasticfood.com

Dry Brushing เทรนด์ขัดผิวแบบใหม่เพื่อเตรียมผิวเจ้าสาวให้สวยวิ๊งกว่าเดิม!

Dry Brushing หรือ “การ ขัดผิว แบบแห้ง” คืออะไร? ดียังไง? แล้วมีวิธีขั้นตอนยังไงบ้างนะ? มาดูกัน

เหล่าว่าที่เจ้าสาวคงคุ้นเคยกับประโยชน์ของการ สครับผิว หรือการ ขัดผิว เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เผยผิวใหม่ที่สดใสเนียนกิ๊งกว่าเดิม แถมปัจจุบันนี้ในท้องตลาดก็ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่มช่วยขจัดเซลล์ผิวต่างๆวางขายอยู่มากมายจนเลือกไม่ไหว แต่ทว่าล่าสุด เราได้รับรายงานมาว่าเหล่าเซเลบริตี้และนางแบบชื่อดังของฮอลลีวูด เค้ากำลังฮิตเทรนด์การขัดผิวแบบใหม่ที่เรียกว่า Dry Brushing หรือแปลตรงๆตัวคือการขัดผิวแบบแห้ง ที่เชื่อกันว่าเป็นขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ผิวสวยกว่าเดิม! เราไม่รอช้านำมาเทรนด์นี้มาบอกเล่ากับเหล่าว่าที่เจ้าสาวที่กำลังอยากได้วิธีการเตรียมผิวกายและผิวหน้าให้สวยใสพร้อมสำหรับวันวิวาห์ มาดูกันเลยว่าการขัดผิวด้วยวิธีนี้เวิร์คจริงไหม? และมีขั้นตอนอย่างไรกันบ้าง

Dry Brushing คืออะไร?

คือวิธีการขจัดเซลล์ผิวเก่า ด้วยการขัดผิวโดยไม่ต้องใช้น้ำ ใช้เพียงอุปกรณ์คือแปรงขนธรรมชาติที่ทำจากพืช ปัดตามร่างกายเพื่อให้ขนแปรงดึงเอาเซลล์ที่ตายแล้วออกไป

ขัดผิว
Credit photo: peacefuldumpling.com

ประโยชน์ของ Dry Brushing

  • ไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองจากสครับ: เพราะหลายคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายจะประสบปัญหาแพ้สครับหรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่วางจำหน่ายทั่วไป นอกจากนั้นสครับบางประเภทยังมีเม็ดสครับที่ใหญ่และหยาบเกินไป ยิ่งทำให้ผิวเกิดรอยขีดข่วนและระคายเคืองมากกว่าเดิม
  • ช่วยให้ผิวได้รับอ็อกซิเจนได้ดีกว่า: ซึ่งในระยะยาวจะช่วยลดการเกิดเซลลูไลท์ ลดสีผิวไม่สม่ำเสมอ เพราะอ็อกซิเจนที่เข้าสู่ผิวหนังจะช่วยลำเลียงสารอาหารให้เม็ดเลือดได้ดีขึ้นค่ะ
  • ช่วยขจัดแบคทีเรียบนผิวหนัง และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย: ในขณะที่เราปัดแปรงไปมาทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่มีต่อมน้ำเหลือง จะเป็นการกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานในการขับของเสียให้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวเราดูใสขึ้น และลดอาการบวมน้ำได้ด้วย
  • ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด: ณ ขณะที่เราปัดแปรงไปมา นอกจากจะกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานดีขึ้นแล้วยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ผิวดูมีเลือดฝาดแบบสุขภาพดี และยังช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นจากการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้นด้วย
  • ขัดผิว
    Credit Photo: KARMAMEJU SKINCARE

อยากทำซะแล้วละ!  แล้วขั้นตอนละ มีอะไรบ้าง

ขั้นตอนง่ายๆ เพียงมีอุปกรณ์ก็คือ แปรงสำหรับขัดผิวแบบแห้งโดยเฉพาะ ซึ่งเจ้าแปรงที่ว่าจะมีลักษณะพิเศษดังนี้ค่ะ…

  • เป็นแปรงที่ทำมาจากขนแปรงธรรมชาติ ตอนนี้มีแปรงหลากหลายยี่ห้อที่ทำขึ้นมาเพื่อการ Dry Brushing โดยเฉพาะ ซึ่งขนแปรงจะทำจากเยื่อของพืชหลากชนิด
  • ถ้าหาซื้อไม่ได้ เราสามารถใช้เป็นแปรงขนสัตว์แทนก็ได้ แต่แนะนำว่าควรเป็นแปรงจากขนธรรมชาติที่ค่อนข้างอ่อนนุ่มจะดีกว่าขนสังเคราะห์ค่ะ
    Green People Age Defy & Body Brush

    Aromatherapy Associates Body Brush

ขั้นตอนคือ…

  1. ตื่นตอนเช้า ก่อนอาบน้ำ เริ่มแปรงผิวโดยเริ่มจากขา ปัดแปรงขึ้นด้านบนเป็นทิศทางเดียวกัน ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆตามร่างกายโดยปัดแปรงไปในทิศทางเดียวกันตลอดคือปัดขึ้นด้านบน ทิปส์คือคิดภาพเหมือนเวลาเราใช้ช้อนตักไอติม จะเป็นการปัดในลักษณะเหมือนการวนเป็นวงกลมนิดๆค่ะ
  2. หลังจากปัดทั่วร่างกายแล้ว ปิดท้ายด้วยการอาบน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน
  3. เช็ดตัวให้แห้ง แล้วทาโลชั่นบำรุงผิวตามปกติค่ะ
    ขัดผิว
    Credit Photo: bluekarmaresort.com

    Credit Photo: skin-brushing.com

เสร็จเรียบร้อยสำหรับเทคนิคการ Dry Brushing เพื่อเตรียมผิวกายเจ้าสาวให้สวยพร้อมในวันวิวาห์ ใครลองทำแล้วได้ผลเป็นอย่างไรมากระซิบบอกเราบ้างนะคะ ^^ ส่วนใครที่ยังอยากฟินกันต่อกับทิปส์การเตรียมผิวกายกิ๊บเก๋จากเรา คลิกอ่าน รวมสูตรความงามจากแม่หญิงการะเกดที่เจ้าสาวเอามาใช้ได้จริง! ที่นี่เลย

Credit Story: vogue.comelle.com

แปะทริค ขั้นตอนการทำการ์ดขอบคุณ ให้ผู้รับประทับใจเก็บไว้เป็นที่ระลึก

การ์ดขอบคุณ มันคืออะไร? แล้วจำเป็นต้องให้กันด้วยหรอ?

Thank you Card หรือ การ์ดขอบคุณ สำหรับคนพิเศษที่มาร่วมงานแต่งงาน เป็นสิ่งหนึ่งที่ตอนนี้เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา สำหรับใครที่ไม่รู้จักก็ให้นึกถึงการ์ดทั่วไปเลยค่ะ ซึ่งขึ้นอยู่กับการดีไซน์ของบ่าว-สาวว่าจะครีเอทออกมาเป็นแบบไหน ความพิเศษอยู่ที่การเขียนขอบคุณให้กับผู้ที่มาร่วมงานแต่งงาน บ้างก็ให้เฉพาะแขกเพื่อนสนิทส่งตามไปให้ทีหลังพร้อมแนบรูปถ่าย บ้างก็แจกให้ทุกคนคล้ายกับของชำร่วยก็ยังได้ เพราะเป็นของเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าว-สาวต้องการอยากจะให้เป็นที่ระลึกและใช้บอกความรู้สึกที่มีต่อแขกคนพิเศษ แต่ในปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยได้เห็นการ์ดขอบคุณตามงานแต่งงานมากเท่าไหร่นัก เพราะบ่าว-สาวส่วนใหญ่เลือกที่จะกล่าวขอบคุณแขกทุกคนบนเวทีในวันแต่งงานไปแล้ว เดี๋ยวนี้จึงไม่ค่อยได้เห็นเสน่ห์ของการเขียนการ์ดขอบคุณที่คนให้เต็มใจและผู้รับก็สุขใจที่ได้อ่านเช่นกัน 🙂

การ์ดขอบคุณ

แหนะ เริ่มมีความสนใจอยากเขียนการ์ดขอบคุณขึ้นมากันบ้างแล้วยังคะ คู่ไหนที่สนใจก็อย่าเสียเวลา ตามมาอ่านเทคนิคการทำการ์ดขอบคุณกันต่อเลยดีกว่าค่า

 1. การเลือกกระดาษ

ควรใส่ใจตั้งแต่การเลือกกระดาษ เลือกใช้สีสุภาพ เช่น สีขาวนวล สีชมพูอ่อน สีงาช้างออกครีมๆ หรือใครจะสะดวกใช้การ์ดขอบคุณสำเร็จรูปแบบสวยๆ หาซื้อได้ตามร้านการ์ดของชำร่วยก็ไม่ว่ากันค่ะ ยิ่งหากคุณมีงบหน่อยจะเลือกใช้เป็นกระดาษถนอมสายตาก็จะดีมากเลยค่ะ เพราะนอกจากจะดูใส่ใจผู้อ่านแล้ว ยังเป็นกระดาษที่มีสีคลาสสิคแลดูอาร์ตๆ บ่งบอกความมีรสนิยมของบ่าว-สาวได้อีกด้วยน้า

2. เลือกปากกา

เมื่อเลือกกระดาษเสร็จแล้วมาต่อกันที่การเลือกหมึกปากกากันดีกว่าค่ะ ให้ใช้สีสุภาพ เส้นคมชัด ทำให้อ่านง่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกใช้สีดำเข้ม เพราะดูเป็นทางการและสุภาพสุดแล้ว หากจะเลือกใช้สีน้ำเงินควรใช้เป็นปากกาน้ำเงินแบบเจลที่ให้สีเข้มก็จะมีความสวยมากกว่าการใช้ปากกาสีน้ำเงินธรรมดาทั่วไป แต่ก็มีข้อควรระวังกันนิดนึงนะคะ เพราะปากกาแบบเจลจะทำให้เลอะได้ง่าย เวลาเขียนจบ 1 บรรทัด ก็ควรรอให้แห้งดีเสียก่อนแล้วค่อยเขียนต่อ ซึ่งก็ทำให้เสียเวลาอยู่เหมือนกันนะคะ จึงไม่เหมาะกันบ่าว-สาวที่ต้องการส่งการ์ดขอบคุณไปให้แขกทุกคนที่มาร่วมงานค่ะ

3. เรียบเรียง

ก่อนจะลงมือเขียนลงบนการ์ดที่คุณได้จัดเตรียมไว้ ให้คุณร่างแบบว่าจะดีไซน์การ์ดออกมาให้รูปแบบไหน คิดข้อความเขียนใส่ลงกระดาษเปล่าให้เรียบร้อยไว้ก่อน ป้องกันการเขียนข้อความผิดแล้วคุณต้องมานั่งขีดฆ่า ลบให้เลอะเทอะหรือเปลี่ยนแผ่นใหม่ให้สิ้นเปลือง ที่สำคัญถ้าคุณต้องการแจกการ์ดขอบคุณเฉพาะแค่คนพิเศษที่มาร่วมงาน คุณควรเขียนข้อความที่ออกมาจากความรู้สึกที่อยากจะขอบคุณจากใจจริงๆ โดยแต่ละใบไม่ควรมีประโยคที่เหมือนๆ กันนะคะ

การ์ดขอบคุณ

4. ลงมือเขียน

ตั้งสติให้ดี เลือกนั่งเขียนในท่านั่งที่สบายและอยู่ในที่สงบๆ ไม่มีอะไรจะมารบกวนสมาธิเราได้ค่ะ เริ่ม! ลงมือเขียนการ์ดในบรรทัดแรกให้ระบุชื่อคนที่คุณจะเขียนถึง ต่อมาก็ลอกประโยคข้อความที่คุณได้เขียนร่างไว้ในข้อก่อนหน้านี้ ในประโยคควรมีการกล่าวถึงของขวัญที่ได้รับว่าสร้างความประทับใจให้กับคุณแค่ไหน โดยไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับของขวัญนะคะว่าคุณได้รับอะไรมา อาจเขียนเป็นกลางๆ ก็ได้ เขียนว่าคุณทั้งคู่ชอบของขวัญชิ้นนั้นเพราะอะไร เพื่อทำให้ผู้มอบรู้สึกมั่นใจว่าคุณทั้งคู่ได้รับของขวัญชิ้นนั้นจริงๆ หรือถ้าสิ่งที่คุณได้รับอาจไม่ใช่ของขวัญ แต่เป็นในรูปแบบการกระทำ การลงแรงช่วยงาน ก็ให้คุณเขียนกล่าวถึงในส่วนนั้นด้วยว่าคนพิเศษของคุณได้ช่วยเหลือในเรื่องอะไรบ้างและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานออกมาได้อย่างราบรื่น จะเน้นไปในทางการเขียนชื่นชมให้เขาหายเหนื่อย  หรือกรณีที่ได้รับเงินเป็นของขวัญ ไม่จำเป็นต้องระบุจำนวนเงินที่ได้รับลงไปในการ์ดขอบคุณ นอกเสียจากจำนวนเงินของขวัญที่ได้รับเป็นจำนวนเงินก้อนใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นให้คุณเขียนคำขอบคุณแล้วควรบอกว่าจะนำเงินก้อนนั้นไปใช้สร้างประโยชน์อะไรก็จะยิ่งดีมากเลยค่ะ

5. เขียนเสร็จเรียบร้อย

เมื่อเขียนข้อความทุกอย่างครบเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมลงชื่อคุณทั้งคู่ด้านล่างสุดให้ชัดเจน ส่วนการใส่ซองกลับไปให้ก็แล้วแต่นะคะว่าจะมีหรือไหม เพราะการ์ดขอบคุณบางคู่ก็เป็นเพียงการ์ดใบเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องมีซองใส่ก็ได้ค่ะ ขอเสริมทริคการเลือกการ์ดขอบคุณนิดนึงนะคะ คือ ควรเลือกการ์ดที่มีขนาดเล็กถึงปานกลางประมาณครึ่งกระดาษ A4 พอค่ะเพราะจะดูน่าอ่านกว่าเลือกใช้กระดาษแผ่นใหญ่ อย่าลืมว่าเขียนคำขอบคุณนะคะไม่ได้เขียนเรียงความ อิอิ

ปล.งานแต่งงานที่มีขนาดใหญ่ มีแขกร่วมงานเป็นจำนวนมาก อนุโลมให้คู่บ่าวสาวใช้การ์ดขอบคุณที่เป็นข้อความกลางๆ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว เพราะการ์ดขอบคุณไม่ควรส่งถึงมือแขกเกิน 1 เดือน หลังจากสิ้นสุดงานแต่งงานค่ะ

รู้วิธีเขียนการ์ดขอบคุณกันไปแล้ว มาดูการเขียนการ์ดเชิญงานแต่งงานในพิธีเช้ากันบ้างค่ะ ว่าต้องเขียนรายละเอียดอะไรลงไปในงานเชิญบ้าง เขียนให้ถูก แขกไม่งง กับข้อความใน การ์ดแต่งงานพิธีเช้า

ข้อมูลจาก : weddingmarriagelove.blogspot.com, weddingsquare.com

ภาพจาก : lolalouiepaperie.com, pinterest.com

รวมสถานที่ขอแต่งงานสุดโรแมนติกกับบรรยากาศสุดฟินบน Rooftop Bar

ตามมาส่อง สถานที่ขอแต่งงาน กันดีกว่า … แน่นอนว่ามีหลายที่ ตามไลฟ์สไตล์ที่ว่าที่เจ้าบ่าวชอบ แต่ลองมาดูกันสิว่ามี สถานที่สุดโรแมนติกพร้อมบรรยากาศสุดฟินบน Rooftop Bar ที่ไหนบ้าง

แพรว wedding ขอแนะนำ Rooftop Bar สถานที่ขอแต่งงาน อีกหนึ่งสไตล์ที่อาจเป็นสถานที่ในใจของหนุ่มๆ หลายคน ที่กำลังมองหาสถานที่สุดฟินไว้ขอสาวแต่งงาน งานนี้เราเตรียมสถานที่มาให้แล้ว หนุ่มๆ ก็แค่เตรียมคิดเซอร์ไพรส์ดีๆ คำพูดซึ้งๆ และแหวนเพชรสวยๆ เตรียมไว้เลย

 

1. Sirocco Sky Bar – โรงแรมเลอบัว แอท สเตท ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ

Rooftop Bar ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านบางรัก คุณและคนรักจะได้วิวสุดฟินบนชั้น 63 ของโรงแรม เรียกได้ว่าสูงได้ใจและสวยมากๆ แถมยังสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจน ส่วนการเดินทางก็สะดวกมาก หากใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็เพียงแค่เดินทางโดยรถไฟฟ้า บีทีเอส แล้วมาลงที่สถานีสะพานตากสินได้เลยค่ะ แถมขอแต่งงานเสร็จแล้วหากยังรับประทานอาหารที่โรงแรมไม่อิ่ม ก็สามารถมาฟินกับอาหารย่านบางรักที่เขาว่ากันว่าเป็นย่านที่มีแต่ของอร่อยกันต่อได้อีกด้วย

เวลาเปิด-ปิด: 18:00 – 01:00 น.
โทร : 02-624-9555

สถานที่ขอแต่งงาน
ภาพจาก : Lebua.com

2. Horizon Bar – โรงแรมฮิลตัน พัทยา

ตั้งอยู่บนชั้น 34 ของโรงแรมฮิลตัน พัทยา (โรงแรมอยู่ติดกับเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช) คอนเฟิร์มเลยว่าบรรยากาศนั้นสุดแสนจะโรแมนติก เพราะสามารถมองวิวเมืองพัทยาได้ถึง 360 องศา หากเป็นในตอนกลางวันก็สามารถชื่นชมกับฟ้าใสทะเลสวยได้อย่างเต็มตา แต่ถ้าเป็นในยามค่ำคืนก็จะได้ตื่นตาไปกับแสงไฟอันระยิบระยับที่แทบไม่เคยหลับใหล นับว่าเป็นภาพที่สวยงามชวนให้ฟินไปอีก นอกจากนี้ที่ Horizon Bar ยังมีโซฟาขนาดใหญ่ไว้ให้บริการ ที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าที่นี่คือพื้นที่ส่วนตัวของคุณสองคนที่จะได้นั่งดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและช่วงเวลาสุดพิเศษ โอย แค่คิดก็ฟินเว่อร์

เวลาเปิด-ปิด : 17:00 – 01:00 น.
โทร : 038-253-000

สถานที่ขอแต่งงาน
ภาพจาก : siam2nite

3. Myst Maya – เมญ่า เชียงใหม่ ไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์

ลองหลบหลีกความวุ่นวายจากเมืองกรุง ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ที่เชียงใหม่กันบ้าง Myst Maya ตั้งอยู่บนชั้น 6 ของ เมญ่า เชียงใหม่ ไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ที่ถึงแม้จะสูงไม่ถึงหลัก 10 ชั้นแต่บอกเลยว่าเรื่องขอวิวนั้นไม่ธรรมดา เพราะสามารถมองเห็นวิวตัวเมืองเชียงใหม่ได้แบบ 360 องศาเลยนะคะคุณ แถมภายในก็มีการตกแต่งคล้ายๆ กับ โคลอสเซียม โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซน นอกจากนี้ยังสามารถมาชมวิวพระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้าตรงดอยสุเทพได้แบบพอดีอีกด้วยนะคะ รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมแต่งตัวสไตล์กรีกไปให้เข้ากับธีมของสถานที่กันด้วยนะ อิอิ

เวลาเปิด-ปิด : 18.00-01.00 น.
โทร : 061-5126768

สถานที่ขอแต่งงาน
ภาพจาก : siam2nite

4. Gravity Bar – โรงแรมโนโวเทล หัวหิน ชะอำ บีชรีสอร์ทแอนด์สปา

เหมาะกับคู่รักที่วางแผนไปพักผ่อนที่หัวหินท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นริมทะเล Gravity Bar ตั้งอยู่บนชั้น 24 ของโรงแรมโนโวเทล หัวหิน ชะอำ บีชรีสอร์ทแอนด์สปา ภายในมีการตกแต่งที่โดดเด่นด้วยศิลปิน Street Artists หรือการทำกราฟิตี้ตกแต่งนั่นเอง แถมยังสามารถมองวิวทะเลอ่าวไทยได้แบบ 360 องศาอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้ไปแล้วนอกจากจะได้ภาพถ่ายกับวิวทะเลสวยๆ แล้ว ยังได้ภาพถ่ายเท่ๆ กับลายกราฟิตี้กลับมาเป็นของแถมไปอีก เริดนะคะบอกเลย

เวลาเปิด-ปิด : 16.00-24.00  น.
โทร : 032-708-300

ภาพจาก : novotel huahin

5. Vertigo Moon and Bar – โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ

เตรียมชุดให้พร้อมและเซอร์ไพรส์ดีๆ ไว้รอ แล้วจูงมือคนรักไปรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามกลางคืน ที่บอกเลยว่าอาหารระดับพรีเมียมนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็น สเต็ก หรืออาหารซีฟู้ดที่รับรองว่าฟินไม่แพ้วิวกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน นี่แค่คิดว่าจะได้ทานอาหารอร่อยถูกปากพร้อมชมวิวที่สวยถูกใจเราก็รู้สึกมีความสุขแทนสาวเจ้าแล้วนะเนี่ย แถมวิวที่นี่ก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะเพราะร้านอาหารนั้นอยู่สูงถึงชั้น 61 ที่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาได้สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้วก็ซ้อมคุกเข่าเตรียมขอสาวแต่งงานได้เลยนะหนุ่มๆ เพราะด้วยวิวหลักล้านขนาดนี้เธอต้องเคลิ้มเซย์เยสแน่นอน ^^

เวลาเปิด-ปิด : 17.00-01.00 น.
โทร : 026791200

สถานที่ขอแต่งงาน
ภาพจาก : Banyantree Bangkok

6. Red Sky – โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

อีกหนึ่ง Rooftop Bar ที่ขึ้นชื่อใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่วิวนั้นดีไม่แพ้พัทยา เชียงใหม่ หรือหัวหินเลยนะจ๊ะ เพราะคุณและคนรักจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่มีวิวของเมืองกรุงให้ชม แถมที่นี่ก็มีให้เลือกถึงสองชั้นไปอีก (อยู่ดาดฟ้าแล้วยังมีสองชั้น!!) โดยชั้นล่างนั้นเป็นร้านอาหารเหมาะกับการออกเดทกับคนสำคัญ ส่วนชั้นบนเป็น Rooftop Bar สุดชิลไว้นั่งรับลม พร้อมมีอาหารรสเลิศคอยบริการ รวมไปถึงค็อกเทลสูตรพิเศษด้วยน้า งานนี้อาจจะฟินกับอาหารที่ชั้นล่างแล้วจูงมือหวานใจไปขอแต่งงานที่บรรยากาศสุดฟินพร้อมวิวพานอรามาของเมืองกรุงที่ชั้นบน ไปทั้งที่ต้องใช้พื้นที่ให้คุ้ม!!

สถานที่ขอแต่งงาน
ภาพจาก : Centarahotel&Resort

เวลาเปิด-ปิด : 16.00-01.00 น.
โทร : 02-100-1234

ได้ไอเดียแล้ว ก็รีบวางแผนดีๆ นะจ๊ะ จองที่แล้วพาว่าที่เจ้าสาวไปเซอร์ไพรซ์ได้เลย และทางที่ดี มารู้วิธี เซอร์ไพรซ์!!…ขอแต่งงานยังไงให้ว่าที่เจ้าสาว Say Yes!! กันดีกว่า

ย้อนส่องชุดแต่งงานมินฮโยริน ที่ขึ้นแท่นเป็นชุดแต่งงานไอคอนิคของวงการเค-ป๊อป

ชุดแต่งงานมินฮโยริน ชุดแต่งงานไอคอนิคของวงการเค-ป๊อป ที่สาวค่อนโลกอยากใส่ตาม!!

ถึงแม้จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ ชุดแต่งงานมินฮโยริน ก็ได้กลายเป็นชุดแต่งงานไอคอนิคของวงการเค-ป๊อปไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะด้วยความสวยงามที่เรียบหรู เน้นความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ จึงทำให้ชุดแต่งงานของเธอนั้นกลายเป็นชุดแต่งงานที่สาวๆ กว่าค่อนโลกอยากจะใส่ตามขึ้นมาทันที แพรว wedding เลยจะขอพาย้อนไปส่องถึงที่มาที่ไปของชุดแต่งงานไอคอนิคนี้กันว่า กว่าจะออกมาสวยสมบูรณ์แบบขนาดนี้เขาต้องวางแผนและทำยังไงกันบ้าง

ชุดแต่งงานมินฮโยริน
Photo: Hong Jang Hyun

หลายคนอาจจะได้เห็นบรรยากาศงานแต่งงานที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกของมินฮโยริน และแฟนหนุ่ม (ที่ตอนนี้เป็นสามีไปแล้ว T^T) แทยัง แห่งวง Bigbang กันไปแล้ว และเหนือกว่าบรรยากาศงานแต่งที่สวยงามราวเทพนิยายนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากคือ ชุดแต่งงานของมินฮโยริน จากแบรนด์ Oscar de la Renta จากคอลเลคชั่น Fall 2018 ที่สวยงามไม่แพ้บรรยากาศของงานแต่งงานเลย

“การได้ใส่ชุดแต่งงานเป็นสิ่งที่ต้องทำสักครั้งในชีวิต และมันก็สำคัญมากเพราะมันจะนำเสนอความเป็นตัวเองและสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของฉันด้วย” มินฮโยรินได้ให้สัมภาษณ์กับ Vogue และเธอก็หวังว่าเธอจะได้ร่วมงานกับ ลอว์ร่า คิม ดีไซเนอร์ชาวเกาหลี และทันทีที่ทีมงานได้รู้ถึงความต้องการนี้ของเธอจึงมีการติดต่อหาเธอแทบจะทันทีเพื่อออกแบบและสเก็ตช์ภาพชุดแต่งงานที่เธอจะสวมในพิธีฉลองมงคลสมรส หลังจากนั้น คิม และ เฟอร์นานโด การ์เซีย ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ทั้งสองของแบรนด์ Oscar de la Renta ก็ได้นำเสนอชุดผ้าแพรทำด้วยไหมทั้งชุดที่ให้อารมณ์ความละเอียดอ่อน พร้อมการประดับด้วยดอกไม้ไว้ทั่วทั้งชุด ซึ่งชุดนี้ใช้เวลาทำจนกระทั่งเสร็จสิ้นเป็นเวลาถึง 240 ชั่วโมงในนิวยอร์ก โดยใช้ผ้าไหมอิตาเลียน 10 หลา และประดับประดาไปด้วยดอกไม้ที่เรียงรายไปทั่วทั้งตัวเสื้อช่วงบนและกระโปรง พร้อมกลีบดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์และแซมด้วยกลีบเกสรตัวผู้เพื่อช่วยเพิ่มมิติให้กับชุดแต่งงาน ในขณะที่ช่วงบนของเกาะอกดีไซน์ให้เหมือนกับกลีบดอกไม้ที่ห่อหุ้มอยู่ โอโห นี่มันชุดเทพธิดาแห่งหมู่มวลดอกไม้ชัดๆ!!

ชุดแต่งงานมินฮโยริน
Photo: Hong Jang Hyun
ชุดแต่งงานมินฮโยริน
Photo: Hong Jang Hyun

และวันหนึ่งในหน้าหนาวเดือนมกราคม คิมมาถึงที่สตูโอส่วนตัวของเธอที่ย่านคังนัม, เกาหลีใต้ เพื่อมาพบกับมินฮโยรินสำหรับการฟิตติ้งชุดแต่งงาน “ทันทีที่ฉันเห็น ฉันก็รู้ทันทีว่านี่แหละคือชุดแต่งงานของฉัน” มินฮโยรินกล่าว “ผ้าไหมอันสวยงามกับดีเทลของดอกไม้แบบ 3D ที่ใช้เทคนิคการปักแบบ appliqué ที่อ่อนหวานช่วยให้ชุดนี้เป็นชุดแต่งงานที่เพอร์เฟกต์”

และทันทีที่เวลเจ้าสาวได้ประดับลงบนศีรษะของเธอ พร้อมเทียร่าประดับเพชรจาก Joséphine Aigrette Impériale by Chaumet แมตช์กับตัวเวลที่โปรยปรายไว้ด้วยดอกป๊อปปี้ก็ช่วยให้ลุคทั้งหมดของ มินฮโยรินดูสวยงามราวกับเจ้าหญิงในชุดแต่งงานจากแบรนด์ Oscar de la Renta “ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันกำลังฝัน” มินฮโยรินกล่าว

แถมงานนี้มินฮโยรินเธอไม่ได้เฉิดฉายในชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวนะจ๊ะ เพราะอีกหนึ่งชุดที่เธอเลือกมาก็สวยงามไม่แพ้กัน กับชุดแต่งงานผ้าทูลล์ที่เล่นระบายช่วงหน้าอกจากแบรนด์ Jenny Packham ในคอลเลคชั่น 2018 ที่ชื่อ Adorn

ตามไปส่อง 10 ชุดแต่งงานคนดังฝั่งโคเรีย กันต่อเลย

เรียบเรียงข้อมูลและภาพจาก vogue.com, elle.sg, preview.ph

อัพเดทเทรนด์ เมกอัพ และ ทรงผมเจ้าสาว ส่งร้อนๆ จากรันเวย์ Bridal Spring 2019

ปีหน้า ทรงผมเจ้าสาว ทรงไหนกำลังจะมา เมกอัพเจ้าสาวแบบไหนกำลังจะอินชัวร์ เรารวมคำตอบมาให้แล้ว ถ้าไม่อยากเป็นเจ้าสาวตกเทรนด์ เลื่อนลงมาอ่านเลย!

จบลงไปแล้วอย่างสวยงาม สำหรับแฟชั่นวีคชุดเจ้าสาวประจำฤดูใบไม้ผลิปี 2019  หรือ Bridal Fashion Week Spring 2019 ที่เหล่าแบรนด์ชุดเจ้าสาวและแบรนด์แฟชั่นที่มีไลน์ชุดเจ้าสาวจากหลากหลายเมืองแฟชั่นทั่วโลก พากันจัดแฟชั่นโชว์เพื่อนำเสนอคอลเลกชั่นชุดเจ้าสาวที่จะกลายเป็นเทรนด์หลักของปีหน้า ซึ่งนอกจากเหล่าชุดเจ้าสาวใหม่ๆจะอลังการและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราเหมือนเคย เทรนด์เมกอัพเจ้าสาวและทรงผมจากรันเวย์ต่างก็มีความอลังการงานสร้างเช่นกัน อดไม่ไหวจนเราต้องนำมารายงานเหล่าว่าที่เจ้าสาว ใครที่ไม่อยากตกเทรนด์ มาดูกันเลยค่ะว่า ปีหน้านี้ เมกอัพลุคไหนจะมาแรง ทรงผมทรงไหนที่ทำแล้วปังกว่าใครแน่นอน

เจ้าสาวผมสั้น นี่คือยุคของคุณ!

เจ้าสาวผมสั้นสามารถปล่อยผมให้ดูเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องรวบหรือพยายามเกล้าผม อาจจะใช้การม้วนสร้างเลเยอร์ให้ดูพองฟูน่ารักแทน

Amsale Spring 2019

งานที่คาดผมก็มา ดูเป็นเจ้าสาวคุณหนูน่าทะนุถนอม

อีกหนึ่งแอ็คเซสเซอรี่ผมเจ้าสาวอย่างที่คาดผมกำลังจะกลับมาอินเทรนด์แล้ว แถมยังมีให้เลือกหลากแบบหลายสไตล์ด้วย

BHLDN Spring 2019

หรือจะเปลี่ยนจากคาดผมเป็นผ้าผูกคอก็เก๋ไปอีกแบบ

และยังได้อารมณ์เจ้าสาววินเทจที่ดูไม่แก่ ไม่เชย แต่เก๋ไก๋มีสไตล์สุดๆ

Lela Rose Spring 2019