DIY ของชำร่วย ง่ายๆ ด้วย “ดอกไม้แห้งหอม” ทำแจกก็ดีประดับในงานแต่งก็เริด

บ่าวสาวที่กำลังมองหาไอเดียของชำร่วย หรือของตกแต่งงานแต่งแบบน่ารักๆ แพรว wedding จะชวนมาทำ DIY ของชำร่วย ง่ายๆ ด้วย “ดอกไม้แห้งหอม” ทำแจกก็ดี ประดับในงานแต่งก็เริด

DIY ของชำร่วย

ขั้นตอนง่ายๆ ทำไม่ยากและไม่แพงด้วยนะจ๊ะ จะมีอุปกรณ์และขั้นตอนอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

อุปกรณ์

  1. ซิลิก้าเจล
  2. ดอกไม้ที่จะนำมาทำ (เน้นดอกใหญ่ๆ เช่น กุหลาบ เยบีร่า และนำดอกเล็กๆ มาประกอบ เช่น บานไม่รู้โรย)
  3. กล่องพลาสติก ที่มีฝาปิด 2 กล่อง
  4. น้ำมันหอมระเหย
  5. กรรไกร
  6. พู่กัน

วิธีการทำ

  1. นำซิลิก้าเจล มาเทให้ทั่วกล่องพลาสติก โดยมีความสูงจากพื้นกล่องประมาณ 2-3 นิ้ว และให้เหลือพื้นที่อีก 2 นิ้ว เพื่อเทซิลิก้าเจลเพิ่ม

2. นำดอกไม้ที่เตรียมมา ตัดเอาก้านยาวๆ ออก แล้วเหลือก้านติดขั้วดอกประมาณ 1 นิ้ว ไว้สำหรับดึงดอกไม้ออก

3. นำดอกไม้ที่ตัดก้านเรียบร้อย จุ่มลงไปในซิลิก้าเจล ขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวัง ควรทำอย่างเบามือ เพื่อให้กลีบดอกไม้ไม่บานออก

4. นำซิลิก้าเจลที่เหลือ เททับดอกไม้ให้ทั่ว เหลือไว้เพียงก้านให้โผล่พ้นซิลิก้าเจลขึ้นมา

5. นำฝามาปิดกล่องให้มิดชิด ทิ้งไว้ 1 อาทิตย์โดยไม่เปิดออก

DIY ของชำร่วย

เมื่อครบอาทิตย์เราจะได้ดอกไม้แห้งสวยๆ ที่ยังคงสีสันสดใสเอาไว้อยู่ จากนั้นมาเริ่มวิธีการเพิ่มกลิ่นหอมให้กับดอกไม้กันค่ะ

  1. ค่อยๆ นำดอกไม้ดึงขึ้นมาจากซิลิก้าเจล โดยใช้พู่กันค่อยๆ ปัดซิลิก้าเจลออกจากดอกไม้

DIY ของชำร่วย

2. น้ำดอกไม้วางลงบนกล่องพลาสติกกล่องใหม่ให้ทั่ว

3. เทน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปให้ทั่ว แต่อย่าให้มากจนเยิ้มนะคะ กะให้พอดีๆ ก็พอ

4. ปิดฝากล่อง ทิ้งไว้อีก 1 อาทิตย์

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ดอกไม้หอมๆ สีสันสดใสแล้วค่ะ แนะนำให้เลือกสีดอกไม้ในเซตให้แมตช์ไปในโทนเดียวกัน ก็จะสวยมากยิ่งขึ้น และบ่าวสาวสามารถนำมาบรรจุลงถุงผ้าโปร่ง หรือจะใส่กล่องสวยๆ ที่พอมีช่องให้กลิ่นหอมลอยออกมาได้ก็สวยเก๋ไปอีก หรือจะนำไปวางในจานก็ได้นะคะ รับรองว่างานนี้เป็นได้ทั้งของชำร่วย และของประดับตกแต่งไว้ในงานแต่งได้แน่นอน

DIY ของชำร่วย

Read More : สบู่ก้อนสายรุ้ง ของชำร่วยงานแต่ง DIY ทำด้วยตัวเองก็ได้ง่ายนิดเดียว

ภาพจาก : Youtube Channel olga prinku , Pinterest.com

ชุดแต่งงานประดับดอกไม้แสนหวานจาก 15 แบรนด์ชุดแต่งงานชื่อดังคอลเลคชั่น Spring 2018

ว่าที่เจ้าสาวสายหวานขยับเข้ามาใกล้ๆ เพราะแพรว wedding มีแบบ ชุดแต่งงาน ที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้สุดหวานมาฝาก แถมงานนี้บอกเลยว่าหวานอลังเหมือนยกสวนดอกไม้มาไว้บนชุดแต่งงานเชียวล่ะ แถมยังมีหลากหลายสไตล์ของลวดลายดอกไม้ให้เลือกได้ตรงตามความชอบของว่าที่เจ้าสาวแต่ละคนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายดอกไม้จากผ้าลูกไม้สุดหวาน หรือจะเป็นการประดับดอกไม้แบบ 3D ก็ดูอินเทรนด์ไปอีกเอาเป็นว่าไปดูกันดีกว่าแบบไหนที่ถูกใจคุณว่าที่ จะได้นำไปเป็นเซฟเป็นเรฟเฟอร์เรนซ์ให้กับร้านชุดหรือดีไซเนอร์กัน

ชุดแต่งงาน

โรแมนติกสุดๆ สำหรับลุคนี้ เพราะเป็นชุดที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้แบบ 3D สุดอลัง ที่มาในชุดดีไซน์แบบเกาะอก พร้อมถุงมือซีทรูแบบยาวที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้ที่เข้ากันกับชุดแต่งงาน เรียกได้ว่าเป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์ทั้งชุดและแอคเซสซอรี่เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยชุดแต่งงานจากแบรนด์ Lela Rose ชุดนี้เป็นคอลเลคชั่น Spring 2018

อีกหนึ่งชุดจากแบรนด์ชุดแต่งงานสุดหวานจากคอลเลคชั่นเดียวกัน เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่อยากได้ลุคเรียบๆ ขึ้นมาอีกหน่อย แต่ยังไม่ทิ้งความหวานด้วยการประดับชุดด้วยช่อดอกไม้เล็กๆ ไว้บนชุด แต่ก็ยังคงความอินเทรน์ด้วยการปักไว้แบบ 3D และแน่นอนลุคนี้ยังคงแมตช์เข้ากับถุงมือแบบเข้าเซตกับชุดแต่งงานเหมือนเดิม

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความแปลกใหม่ให้กับชุดแต่งงาน การแมตช์เฉดสีขาวและสีครีมเข้าด้วยกันในชุดเดียวก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย และสร้างความโดดเด่นด้วยการประดับลวดลายของดอกไม้ไว้ที่บริเวณช่วงบนของชุดจนถึงบริเวณช่วงสะโพกก็ช่วยให้ชุดแต่งงานสไตล์สายเดี่ยวที่เรียบง่ายดูมีลูกเล่นขึ้นมาทันที และเพื่อไม่ให้ดอกไม้กลืนหายไปกับชุด ว่าที่เจ้าสาวอาจจะเลือกเพิ่มเฉดสีให้กับลวดลายของดอกไม้อีกสักนิด เท่านี้ก็ช่วยให้ลุคโดยรวมของชุดดูโรแมนติกแล้ว ชุดแต่งงานจากแบรนด์ YolanCris คอลเลคชั่น Spring 2018

และอีกหนึ่งชุดจากแบรนด์เดียวกันแต่เน้นไปที่งานแบบ 3D และเน้นความเรียบเก๋มากกว่าชุดแรก ด้วยชุดแต่งงานแบบสายเดี่ยวที่แมตช์เข้ากับกระโปรงทรงเอ-ไลน์ที่เน้นความพลิ้วไหวและเลกเยอร์ที่ช่วงกระโปรง พร้อมประดับด้วยลวดลายดอกไม้ในเฉดสีขาวแต่กลับไม่กลืนไปกับชุดได้เป็นอย่างดี

สำหรับเจ้าสาวสายเก๋ที่ต้องการความเป็นแฟชั่นต้องไม่พลาดแบรนด์นี้ เริ่มต้นกันที่ชุดแรกที่เก๋สุดๆ ด้วยชุดแต่งงานสไตล์คล้องคอที่ช่วงบนของชุดลงมาจนถึงเอวประดับไว้ด้วยดอกไม้สุดหวานแบบ 3D ไว้ทั่วทั้งชุด พร้อมเสริมไว้อีกประปรายที่บริเวณชายกระโปรง กับชุดแต่งงานจากแบรนด์ Viktor&Rolf คอลเลคชั่น Spring 2018

แต่ถ้าหากว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ไม่กล้าประโคมดอกไม้เข้าไปในชุดแต่งงานขนาดนั้น แบรนด์นี้ก็ยังมีอีกหนึ่งรูปแบบชุดแต่งงานที่เรียบเก๋อีกหนึ่งชุด กับชุดแต่งงานที่ช่วงบนเป็นแบบคอกลมแขนกุด แล้วแมตช์เข้ากับช่วงประโปรงทรงเล-ไลน์ที่ประดับประดาไว้ด้วยหมู่มวลดอกไม้แบบ 3D ไว้อย่างสวยงาม

และชุดท้ายจากแบรนด์ Viktor&Rolf ในคอลเลคชั่นเดียวกัน เป็นอีกหนึ่งชุดแต่งงานที่เจ้าสาวสายหวานที่อยากได้ลุคความเป็นเจ้าหญิงไม่ควรพลาด กับชุดแต่งงานแบบเกาะอกและกระโปรงทรงปริ๊นเซสสุดสง่างามที่ด้านบนของชุดเน้นความเรียบง่าย แล้วมาปล่อยพลังความอลังที่กระโปรงแทนด้วยดอกไม้ดีไซน์เก๋ที่ประดับไว้บนผ้าชีฟองบนช่วงกระโปรงพองฟู

สำหรับว่าที่เจ้าสาวสายมุ้งมิ้งที่อยากได้ความงดงามในคำจำกัดความที่ว่า ‘น้อยแต่มาก’ ต้องไม่พลาดชุดนี้ กับชุดแต่งงานแบบเกาะอกที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้ดอกเล็กๆ สวยหวานไว้ทั้วทั้งชุด แต่ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะต้องยกให้กับชายผ้าทูลล์ที่ลากยาวอยู่ด้านหลังชุดแต่งงานที่โปรยปรายดอกไม้ดีไซน์สวยหวานเอาไว้ทั้วทั้งผืน กับชุดแต่งงานจากแบรนด์ Oscar de la Renta

นี่คือความเรียบโก้ที่แท้ทรู กับชุดแต่งงานแบบคอวีที่เน้นความเรียบง่ายของดีไซน์และเฉดสี แล้วเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคเจ้าสาวในชุดนี้ด้วยลายผ้าที่ปริ้นต์ลวยลายดอกไม้ในเฉดสีสดใสแซมไว้ที่ช่วงเอวและชายผ้าด้านในที่ลากยาวไปกับพื้น ชุดนี้จากแบรนด์ Sachin & Babi คอลเลคชั่น spring 2018

เจ้าสาวที่ต้องการความสวยหวานปนความเซ็กซี่เราไม่อยากให้พลาดลุคนี้จริงๆ นะ กับชุดแต่งงานแบบเกาะอกทรงหัวใจที่ประดับไว้ด้วยดอกไม้สวยหวานแบบ appliquéd ที่เรียงรายตั้งแต่ช่วงบนของชุดลงมาจนถึงบริเวณสะโพก ที่ช่วงกระโปรงโดดเด่นแฝงความเซ็กซี่ด้วยเนื้อผ้าแบบซีทรู ให้ว่าที่เจ้าสาวได้โชว์เรียวขาเป็นพิเศษ ชุดแต่งงานจากแบรนด์ Francesca Miranda คอลเลคชั่น Spring 2018

สำหรับว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการความแตกต่างของเฉดสีชุดแต่งงาน การเลือกแมตช์ลูกไม้ในเฉดสีฟ้าเทอร์คอยซ์ให้เข้ากับเฉดสีสีนู้ดของเนื้อผ้าก็ดูเข้ากันดีไม่น้อย แถมยังช่วยเสริมให้ลุคของเจ้าสาวดูสวยสง่าและโดดเด่นอีกด้วย ชุดแต่งงานจากแบรนด์ Rivini คอลเลคชั่น Spring 2018

ปังสุดพลัง! 10 รองเท้าเจ้าสาวคู่เด็ดแห่งปีจากตัวแม่แห่งวงการ

การเลือกชุดแต่งงาน หรือเครื่องประดับต่าง ๆ มักจะเป็นไอเทมลำดับแรกๆที่เจ้าสาวนึกถึงและให้ความสำคัญเมื่อตกลงปลงใจเซย์เยสกับที่รักเรียบร้อย แต่ แพรว wedding ขอนั่งยันและนอนยันตรงนี้เลยว่าอีกไอเทมหนึ่งที่เจ้าสาวทั้งหลายจะต้องให้ความสำคัญและใส่ใจในรายละเอียดไม่แพ้กันก็คือ รองเท้าเจ้าสาว  ซึ่งเป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญ ที่จะมาช่วยเสริมบุคลิกของผู้เป็นเจ้าสาวได้อย่างดี จะเป็นรองเท้าเจ้าสาวส้นสูง รองเท้าเจ้าสาวแบบหัวแหลม รองเท้าเจ้าสาวแบบแฟลต หรือแม้แต่เรื่องสีของรองเท้า ทั้งสีขาว สีเงิน สีฟ้า สีโรสโกล์ด ฯลฯ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการอวดสไตล์ หรือรสนิยมให้กับคุณในวันแต่งงานได้ไม่น้อยไปกว่าไอเทมชิ้นอื่นเลย เพราะฉะนันห้ามมองข้ามเด็ดขาดนะคะสาวๆ

 

เอาล่ะค่ะ วันนี้เรานึกครึ้มเลยลิสต์รองเท้าเจ้าสาวตัวเด็ด 10 คู่ประจำฤดูกาลนี้จากแบรนด์ดังตัวพ่อตัวแม่มาให้ชมกัน เอาเป็นว่าถ้าเงินถึงแล้วไม่ลำบากเราก็เชียร์ให้จัด แต่ถ้าอยากประหยัดก็แค่ดูไว้เป็นแรงบันดาลใจไม่เห็นเสียหาย ว่าแล้วก็ไปยลกันเลยค่ะ

Aquazzura  , crystal-embellished sandals รุ่น “Eden”

รองเท้าเจ้าสาว

Etro , Embroidered lace and satin sandals

Aquazzura 

Gianvito Rossi , Feather trimmed patent leather pumps

Aquazzura 

Gucci , Two-tone metallic leather sandals

รองเท้าเจ้าสาว

Jimmy Choo , faux-pearl embellished flats รุ่น “Leema”

รองเท้าเจ้าสาว 

Nicholas Kirkwood  , embellished mesh sandals รุ่น “Penelope”

รองเท้าเจ้าสาว

Paul Andrew , satin and suede sandals รุ่น “Kalida”

รองเท้าเจ้าสาว

Sophia Webster , velvet sandals รุ่น “Rosalind”

รองเท้าเจ้าสาว

Tom Ford , Leather sandals

รองเท้าเจ้าสาว

Valentino , pumps รุ่น “Rockstud” 

รองเท้าเจ้าสาว

 

 

cr : harpersbazaar.com/wedding/bridal-fashion

สวยอึดตะปือนัง!! เฉดสีสไบ 2 แม่หญิงจาก ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่ว่าที่เจ้าสาวน่าใส่ตาม

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าละครเรื่อง ‘บุพเพสันนิวาส’ นั้นดังเปรี้ยงปรางแบบเอาช้างมาทั้งโคลงก็ฉุดความแรงเอาไว้ไม่อยู่ ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องทางประวัติศาสตร์ที่น่าใจ รวมไปถึงความจิ้นของคุณพี่ขุนกับแม่หญิงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดตา แพรว wedding เป็นอย่างมากก็คือ เฉดสีสไบ สวยๆ ของ 2 แม่หญิงในเรื่องนั่นก็คือแม่หญิงการะเกด กับแม่หญิงจันทร์วาด ที่ปรากฏตัวเมื่อไหร่เฉดสีสไบก็สะดุดตาเราทุกครั้ง แพรว wedding เลยรวบรวบเฉดสีสไบของสองแม่หญิงที่ว่าที่เจ้าสาวน่าใส่ตามมาฝาก จะเฉดสีอะไรบ้าง แล้วจะชอบตรงกันกับเราหรือเปล่า ไปส่องดูกันเลย

 

แม่หญิงการะเกด หรือแม่หญิงเกษสุรางค์ ตัวแทนของว่าที่เจ้าสาวผิวขาว ซึ่งเป็นเฉดสีผิวที่โชคดีเพราะใส่ได้เกือบทุกสีบนโลกใบนี้!! แต่เฉดสีที่เหมาะสมที่สุด เห็นจะเป็นเฉดสีเงิน ฟ้า และขาว ที่หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็สร้างความเปล่งประกายให้กับแม่หญิงผิวขาวได้มากโข

แม่หญิงจันทร์วาด ตัวแทนของว่าที่เจ้าสาวผิวสีน้ำผึ้ง ซึ่งก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเฉดสีที่น่าอิจฉาเพราะถ่ายรูปเมื่อไหร่ก็ขึ้นกล้องเมื่อนั้น ส่วนเฉดสีสไบนั้นก็สามารถห่มสีสันสดใสอย่างเฉดสีแดง แล้วห่มทองทับอีกทีก็ยังได้ เพราะจะช่วยขับสีผิวน้ำผึ้งนั้นให้นวลเนียนน่ามองมากยิ่งขึ้น แต่มีข้อควรระวังตรงที่ว่าอย่าเลือกเฉดสีสไบที่อ่อนจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ

แม่หญิงที่มีผิวขาวเหลือง ก็สามารถสวมใส่เฉดสีเดียวกับแม่หญิงผิวสีน้ำผึ้งได้เช่นกัน และสามารถสวมอีกหลายเฉดสีได้ไม่แพ้กับแม่หญิงการะเกดที่มีผิวขาว อย่างเช่น สีเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำเงินเข้ม หรือสีเขียวเข้ม เป็นต้น เพราะจะช่วยให้ผิวขาวเหลืองการเป็นขางเปล่งประกายแบบมีออร่าแทน

ส่วนแม่หญิงที่มีผิวคล้ำ ก็ไม่ต้องปาดน้ำตา เพราะสามารถใส่สไบเฉดสีสวยอย่าง สีเหลือง สีทอง สีชมพูอ่อน หรือสีโอลด์โรสก็ได้

และแม่หญิงที่มีผิวขาวอมชมพูแบบสุขภาพดี ก็โชคดีไม่แพ้สีผิวไหนๆ เพราะสามารถเลือกเฉดสีได้หลากหลาย แต่ขอแนะนำให้แม่หญิงผิวแบบนี้เลือกสวมเฉดสีที่สดใสไปเลยดีกว่า อย่างเช่น สีชมพูอ่อน สีฟ้าอ่อน หรือสีส้ม เพราะจะช่วยให้สีผิวที่สวยอยู่แล้ว สวยแบบอึดตะปือนังขึ้นไปอีก

ของคุณภาพจาก : thairath, pinterest, tv pool, kapook, mthai

หลากไอเดียแต่งงานหน้าร้อนยังไงให้คลายร้อนแต่อบอุ่นสดใสไปทั้งงาน

บางครั้งฤกษ์ดีๆ ที่บ่าวสาวต้องการก็ดันมาตรงกับหน้าร้อนซะอย่างนั้น ครั้นจะไม่จัดก็กลัวว่าจะต้องรอฤกษ์ดียาวไปถึงปลายปีนู่นอีก แพรว wedding เลยจัด ไอเดีย แต่งงานหน้าร้อน ยังไงให้สดชื่นชุ่มฉ่ำหัวใจมาฝาก รับรองว่างานนี้ทำตามได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งในหรือนอกสถานที่ก็สวยปังได้ไม่แพ้กัน คอนเฟิร์ม

แต่งงานหน้าร้อน

เค้กแต่งงานที่มาพร้อมกับหมอใบใหญ๊ใหญ่ดีไซน์เก๋ ที่ช่วยเสริมให้งานแต่งของบ่าวสาวดูเท่เก๋กว่าใครไปอีก และแน่นอนแต่งงานรับหน้าร้อนทั้งทีก็ต้องตกแต่งเค้กสีขาวให้มีความสดชื่นขึ้นมาหน่อย ด้วยการนำดอกไม้สีสันสดใสประดับไว้ที่เค้กแต่งงาน

หากบ่าวสาวจัดงานแต่งสไตล์เอ้าท์ดอร์ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะตกแต่งทางเดินเข้าสู่งานให้สวยงามเหมาะกับซัมเมอร์ยังไงดี งานนี้ง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่เน้นความเป็นธรรมชาติด้วยทางเข้าที่เรียงรายไปด้วยหมู่มวลดอกไม้ใบหญ้า เท่านี้ก็ช่วยเสริมให้บรรยากาศงานแต่งงานสดชื่นสดใสขึ้นมาแล้ว แถมงานนี้ไม่ได้สงวนไว้แค่งานแต่งกลางแจ้งนะจ๊ะ เพราะงานแต่งแบบอินดอร์ก็สามาถนำไอเดียนี้ไปเสริมได้เช่นกัน หากบ่าวสาวเลือกจัดงานแต่งสไตล์การ์เด้น

ปูทางต้อนรับงานแต่งงานหน้าร้อนของบ่าวสาวตั้งแต่การ์ดแต่งงานไปเลยค่ะ ด้วยการเลือกแบบการ์ดแต่งงานให้เป็นลวดลายดอกไม้สุดสดชื่น โดยอาจจะเลือกแบบภาพวาดสีน้ำก็ได้ เพราะเป็นเทรนด์การ์ดแต่งงานที่กำลังมาแรงในปีนี้ หรือจะเลือกเป็นสไตล์ภาพพิมพ์ หรือภาพกราฟิกสวยๆ ก็ได้ เพียงแค่เลือกให้เหมาะกับรูปแบบงานและสไตล์ของบ่าวสาวเท่านั้นก็พอค่ะ

แจกเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ให้เป็นของชำร่วยสุดชิคที่นอกจากจะเก๋ไก๋แตกต่างจากงานอื่นๆ แล้ว ยังช่วยสร้างโลกของเราให้สวยและสดชื่นอีกด้วยนะคะ โดยอาจจะเลือกเป็นพันธุ์ดอกไม้ที่เติบโตและปลูกง่ายสักหน่อย เพื่อที่แขกที่ได้รับไปจะได้มีกำลังใจในการปลูกและดูแล

เติมบรรยากาศโต๊ะอาหารให้สดชื่นน่ามอง ด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาล รับรองว่าไม่ว่าจะตกแต่งไว้ที่งานแบบอินดอร์หรือเอ้าท์ดอร์ก็ช่วยให้ทั้งแขกและบ่าวสาวสดชื่นชื่นมื่นหัวใจแน่นอนค่ะ

เสิร์ฟออเดิร์ฟก่อนเริ่มงานให้กับแขกที่เดินมาฝ่าร้อนมาร่วมงานแต่งของคุณด้วยของหวานสุดสดชื่นที่มาพร้อมกับดีไซน์เริดช่วยให้ดูน่ากิน อย่างเช่น การนำผลไม้อย่าง สตรอวเบอร์รี่ ส้ม หรือแตงโม มาแช่ให้เย็นฉ่ำแล้วทำเป็นรูปแบบของน้ำแข็งใสหรือไอติม ก็ช่วยดับร้อนแก้กระหายให้กับแขกได้แล้ว

ในเมื่อจะสร้างบรรยากาศในงานแต่งให้คลายร้อนด้วยดอกไม้สุดสดชื่นแล้ว แล้วอย่างนี้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวสุดซี้จะพลาดเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสดชื่นได้ยังไง นี่เลยค่ะ กับการจับมือกันใส่ชุดเดรสลายดอก รับรองงานนี้สดใสสดชื่นกันทั้งงาน

อีกหนึ่งกิมมิกที่ช่วยคลายร้อนแถมยังช่วยให้สบายตาก็คือ การเสริมบรรยากาศด้วยการห้อยดอกไม้รูปแบบสวยงามไว้ในกระถางใบเล็กๆ แล้วนำไปแขวนในจุดต่างๆ ของงานเท่านี้ก็ช่วยให้สดชื่นแล้ว โดยงานนี้อาจจะนำใบไม้รูปแบบสวยๆ มาแซมเสริมด้วยก็ได้นะคะ จะได้มีเฉดสีเขียวที่ช่วยให้สบายตามากขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้สร้างบรรยากาศพร้อมสร้างความหอมสดชื่นให้กับงานแต่งงานของบ่าวสาวไปพร้อมๆ กัน คือการนำกลีบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยเด็ดเอาแต่กลีบแล้วบรรจุไว้ในโถแก้วใสแล้ววางไว้ตามจุดต่างๆ ของงานก็ช่วยให้บรรยากาศของงานหอมสดชื่นแล้ว

อีกหนึ่งไอเดียที่เหมาะกับหน้าร้อนแบบสุดๆ คือ ต้นไม้ทนแดดทนร้อนอย่าง พันธุ์ไม้อวบน้ำ ที่มีรูปทรงน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม โดยสามารถนำมาตกแต่งภายในงานเป็นที่เสียบบอกเลขที่นั่งก็ได้ หรือจะเลือกมอบให้เป็นของชำร่วยก็ดี

งานแต่งไทยในกลิ่นอายแบบสวนของคุณฟ้า & คุณบาส @ สามพราน ริเวอร์ไซส์

คุณฟ้า-นวลนภา และคุณบาส-กิตติคุณตกลงใจกันว่าอยากได้ งานแต่งไทย ในบรรยากาศแบบกลางแจ้ง ให้สัมผัสถึงความเป็นไทยท่ามกลางความร่มรื่นและโปร่งสบาย กับจำนวนแขกที่ไม่มากมายจนเกินไป มีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น

ด้วยความที่คุณฟ้าเจ้าสาวที่น่ารักนั้นเป็นคนนครปฐม สามพราน ริเวอร์ไซด์ จึงกลายเป็นที่หมายของว่าที่บ่าว-สาว การวางแผนเพื่อเตรียมงานจึงเริ่มต้นขึ้น โดยมีทีมงานมืออาชีพที่ไว้วางใจได้เข้ามาช่วยให้วันสำคัญของคุณฟ้าและคุณบาสออกมาได้ตามภาพฝัน

การตกแต่งสวนด้านนอกที่มีต้นไม้อยู่อย่างร่มรื่นนั้นก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว รับกับตัวเรือนไทยบริเวณริมน้ำมีต้นโพ ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาวผสมฟ้าสดใสเป็นแนวยาวลงมาให้ดูเก๋และทันสมัย กระโจมสีขาวและเก้าอี้หวายสำหรับแขกให้ความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งปลายเดือนพฤศจิกายนนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เพราะอากาศเริ่มเย็นสบายและปลอดฝน ภาพรวมของงานในสวนจึงออกมาสวยงามสบายตา

นอกจากการเตรียมงานที่ไหลลื่นแล้ว ในวันงานแต่งงานทั้งคู่ยังได้รับการเติมเต็มภาพฝันจากครอบครัวและเพื่อนสนิทที่มาร่วมยินดีอีกด้วย ทำให้ภาพบรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขและความอบอุ่นท่ามกลางสวนร่มรื่นกับมวลดอกไม้งามในบรรยากาศของความเป็นไทย

 

The Details : Outdoor Ceremony

Venue : สามพราน ริเวอร์ไซด์
Wedding Dress : 88 Image Couture (ไลน์ : 88imagecouture)
Groom Suit : DGRIE (โทร. 0-2658-4898)
Makeup & Hair : Sasiya Makeup (ไลน์ : c-lek)
Wedding Planner : 4lovewedding (ไอจี : @4lovewedding)

ชี้แจ้งให้รู้จุด…ซื้อข้าวตอก ดอกไม้ ถั่วงา ของหาง่ายในพิธีแต่งงานที่ไหนดี?

คำถามยอดฮิตของว่าที่บ่าวสาวหลายคู่ที่มักจะไถ่ถามเข้ามาหลังไมค์ของแฟนเพจเราว่า “พี่คะ ซื้อข้าวตอก ดอกไม้ ถั่ว งา ที่ใช้โรยสินสอดได้ที่ไหนบ้างคะ?” มาค่ะ วันนี้แพรว wedding จะชี้แนะให้เอง

อันว่าของสำคัญอย่าง ข้าวตอก ดอกไม้ ถั่ว งา พวกนี้นะคะ สิ่งที่หาซื้อได้ง่ายสุด ง่ายเวอร์! ก็คือ ถั่ว งา ค่ะ เดินเข้าร้านสะดวกซื้อแถวบ้านก็มี ห้างสรรพสินค้าก็หาได้ ตลาดสด ร้านขายของชำแถวบ้านก็คงไปไม่ยาก แบบนี้ตัดปัญหาไปได้อีก 2 อย่างนะ

อย่างต่อมาก็คือ ดอกไม้ แหม… อันนี้ก็ไม่ยากนะคะ มองหาตลาดสดและร้านขายดอกไม้ใกล้บ้านก็ได้เนอะ แต่ถ้าคุณเป็นชาวกรุงอาศัยอยู่ ณ กทม. แล้วอยากได้ตลาดใหญ่ ซื้อง่ายขายถูก เราก็ขอเชิญไปที่ ปากคลองตลาด เดินเลือกร้านกันให้ขาเปลี้ยไปเลย ถูกใจร้านไหนก็เข้าไปสอบถามต่อรองราคาตามใจตามงบที่มีเลยจ้า

อย่างสุดท้ายที่หาซื้อกันค่อนข้างยาก คือ ข้าวตอก นี่แหละจ้ะ ซึ่งจริงๆ แล้วตามตลาดสด ร้านขายดอกไม้ ร้านรับทำขันหมาก ร้านขายสังฆภัณฑ์เขาก็มีนะ หรือถ้าในกรุงเทพฯ ก็ไปเดินดูที่ปากคลองตลาดหรือย่านเยาวราชก็ได้ แต่ถ้าใครไม่อยากไปเดินหาซื้อให้เมื่อยตุ้มก็ลองทำเองสิคะ เพราะข้าวตอกทำไม่ยากหรอกนะ เพียงแค่นำ “ข้าวเปลือก” ลงไปคั่วในกระทะร้อน ไม่ต้องใส่น้ำมันลงกระทะนะจ๊ะ จากนั้นความร้อนจะทำให้เมล็ดข้าวพองแตกออกเป็นสีขาว คล้ายป๊อปคอร์น จากนั้นจึงนำมาร่อนให้เปลือกสีน้ำตาลหลุดออก แค่นี้ก็ได้ข้าวตอกมาใช้ในงานแล้วจ้า

เห็นไหมคะว่าของแต่ละอย่างไม่ได้หาซื้อยากเลยนะ เพียงแค่เดินเข้าห้าง ไปตลาด ร้านดอกไม้ คุณก็ได้ข้าวตอก ดอกไม้ ถั่ว งา มาใช้โรยสินสอดในงานแต่งแล้ว

ภาพ : NARAKORN PHOTOGRAPHY

ครบเครื่องเรื่องขันหมาก อ่าน!!  จัดพานขันหมากให้ถูกหลักตามตำรับไทยแท้ไม่ยากอย่างที่คิด

ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ กับอาหารรสเลิศรังสรรค์โดยเชฟระดับหนึ่งดาวมิชลิน

เพิ่มระดับความโรแมนติกให้มื้อดินเนอร์ของคุณและคนรักหรูหราขึ้นด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษที่ ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์ ห้องอาหารฝรั่งเศสสไตล์โมเดิร์น ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ที่การันตีคุณภาพด้วยรางวัลล่าสุดที่ได้รับคือ “ห้องอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน” จากหนังสือคู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ ที่อาหารจานพิเศษนี้ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยเชฟลูโดวิค ตูรัค เชฟหนุ่มสุดหล่อไฟแรงสัญชาติฝรั่งเศสมือรางวัลระดับหนึ่งดาวมิชลิน

ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กซ์ชั่นส์

โดยเชฟลูโดวิค รับหน้าที่เป็นเชฟประจำห้องอาหาร Une Table Aud Sud ในเมืองมาร์แซย์ และยังเป็นหนึ่งในเชฟที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัลเชฟมิชลินสตาร์อีกด้วย ซึ่งเชฟลูโดวิคได้ยึดถือแนวคิดและปรัชญาในการทำงานที่ว่า ‘เปลี่ยนทุกสิ่งเพื่อให้ทุกสิ่งคงเดิม’ และยังได้ให้สัมภาษณ์อีกว่า “ทุกเช้าผมจะเลือกปลาที่ดีที่สุดที่จับได้แบบสดๆ จาก The Old Port อีกทั้งยังเก็บผลไม้สดแสนอร่อยนานาชนิดจากธรรมชาติ ที่ได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากเมืองโพรวองซ์ และจากทางเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ นอกจากนี้ผมยังเลือกเนื้อที่มีความนุ่มและมีคุณภาพดีที่สุดอีกด้วย”

ซึ่งเชฟลูโดวิคได้รังสรรค์เซ็ตเมนูอาหารมื้อพิเศษทั้งในมื้อกลางวันและมื้อดินเนอร์ให้มาเลือกอร่อยกันได้ตามสะดวก ซึ่งมื้อกลางวันจะมีทั้งแบบ 3 และ 5 คอร์ส ส่วนเซ็ตเมนูอาหารค่ำจะมี 7 และ 9 คอร์ส ที่จะเลือกทานเดี่ยวแค่เฉพาะอาหาร หรือจะเลือกทานคู่กับไวน์ชั้นเลิศของห้องอาหารก็ได้เช่นกัน ซึ่งเมนูรสชาติเลิศระดับเชฟมิชลินนั้นก็มีทั้ง เมนูปลาตาเดียวสไตล์ Blanquette กระเทียมหอม และจันทร์เทศ, ไข่ต้มสไตล์ “Mollet” ครีมผักชีฝรั่ง และซอสหอยเม่นทะเล, เมนูเนื้อลูกวัว สตูผัก และผักเคี่ยว, ซุปปลาบุยยาเบส ใส่สุดยอดเครื่องเทศอย่างหญ้าฝรั่นจากเมืองโพรวองซ์ ปรุงรสในแบบฉบับของเชฟลูโดวิค, เค้กบาบา กลิ่นดอกชบา เสิร์ฟพร้อมเชอร์เบทส้ม และครีมพริกไทยดำ

Soft Boiled Egg “Mollet” Style (celery cream, sea archin concentrate jus)
Milk Fed Veal “Fondant” (Ratatouille condiment braised fennel and jus
Petit Baba (Hibicus infusion, citrus sherbet, black pepper cream)

เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่อยากไปฉลองวันสำคัญไปพร้อมกับมื้ออาหารสุดพิเศษ ก็สามารถสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0-2650-8800 ต่อ 4333 หรือที่ [email protected] และเว็บไซต์ theluxurycollection.com/theatheneehotel และ www.theatheneehotel.com

เตรียมความสวยเติมความหล่อกัับ 5 แพ็คเกจ สปาในกรุงเทพฯ ส่งตรงจากธรรมชาติ

สำหรับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แถมใกล้วันแต่งงานเข้ามาทุกทีแล้วด้วยสิ จะสวยหล่อทันไหมเนี่ย…ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะแพรว wedding ได้รวบรวมแพ็คเกจ สปาในกรุงเทพฯ ที่เหมาะกับทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายให้ไปผ่อนคลายความเหนื่อยล้า พร้อมฟื้นฟูสุขภาพผิวขาวกระจ่างใสเตรียมความพร้อมก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์ได้ในทันที ว่าแต่จะมีแพ็คเกจอะไรโดนๆ บ้างน้าลองตามมาดูกันเลยค่า

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

ELEMIS SPA BANGKOK

ส่งตรงจากประเทศอังกฤษกับแบรนด์ ELEMIS ที่สะท้อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสู่สปา ELEMIS Bangkok
สปาหรูแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็น 1 ใน 4 แห่งของ ELEMIS Signature Spas ทั่วโลก ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์เหนือกว่าการผ่อนคลายด้วยแพ็คเกจ Urban Escape ผ่อนคลายศีรษะจรดปลายเท้าตลอด 2 ชั่วโมงครึ่ง มอบกลิ่นหอมโดย ELEMIS Intensely Cleansing Salt Scrub ซึ่งมีให้เลือกถึง 2 กลิ่น ได้แก่ Lime and Ginger เพิ่มความสดชื่นให้ผิวของคุณดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น และ Frangipani ความหอมรัญจวนชวนสัมผัส พร้อมช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกมา และสุดท้ายกับ ELEMIS Garden of England Rose Restore พร้อมเทคนิคการนวดในแบบเฉพาะของเอเลมิส ที่ผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมเสมือนเดินอยู่ในสวนกุหลาบอังกฤษ พร้อมบำรุงอย่างล้ำลึก จบด้วยทรีทเม้นท์บำรุงผิวหน้า โดยเทคนิคการนวดที่หลากหลายจากผู้เชี่ยวชาญ ราคาประมาณ 13,300 บาท ที่จะทำให้คุณสวยหล่อครบเครื่องเลยนะคะ

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

HARNN Heritage Spa

ที่สุดแห่งประสบการณ์การผ่อนคลายอย่างเหนือระดับด้วยภูมิปัญญาอันล้ำค่าจากธรรมชาติแห่งเอเชีย ใช้สวนผสมทางพฤกษาศาสตร์ที่ดีที่สุด ซิกเนเจอร์สำหรับสปาทรีตเมนท์คู่รัก Sukhothai Passage (สุโขทัยสุนทรีย์) กับการปรนนิบัติสุนทรียสัมผัสทั้ง 5 สู่การคืนความสมดุลสู่ร่างกายและจิตใจอย่างล้ำลึก เริ่มต้นด้วยการแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายใน Herbal Tea Bath อุ่นๆ ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ตามด้วยการสคลับผิวสูตรธรรมชาติอย่างอ่อนโยน มีกลิ่นมากมายให้เลือก จากนั้นตามด้วยการนวดเท้ากดจุด กระตุ้นการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย ผ่อนคลายด้วยการนวดอโรมาแผนไทย ที่ใช้น้ำมันรำข้าวที่มีวิตามินอีช่วยในการบำรุงผิวพรรณให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เนียวเหนอะหนะผสมผสานกับกลิ่นหอมผ่อนคลายจากเอสเซนเชียลออยล์บริสุทธิ์ที่มีให้เลือกมากถึง 17 กลิ่น ปิดท้ายด้วยการนวดผิวหน้าให้แลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติด้วยคุณค่าบำรุงจากสารสกัดมัลเบอร์รี่ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงผิวของคุณก็จะขาวกระจ่างใสและดูอ่อนกว่าวัยรับวันวิวาห์แน่นอน ในราคา 5,200 บาทต่อคน 

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

PAÑPURI ORGANIC SPA

บนพื้นที่ 472 ตารางเมตร ที่ตกแต่งด้วยความประณีตแสดงให้เห็นซิตี้วิวเป็นฉากหลังของบริการเสริมความงามที่ผสานเข้ากับธรรมชาติวิทยาศาสตร์และศิลปะเข้าด้วยกัน PAÑPURI WELLNESS นำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาด้านสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ที่สามารถปรับแต่งโปรแกรมตามความต้องการส่วนบุคคลของคุณรวมถึงการบำบัดด้วยออนเซนแท้ๆ กับสปาออกแกนิคทรีตเม้นท์ ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายพร้อมให้อาหารผิว และพิเศษสุด หากคุณเข้ารับการปรนิบัติผิวกับแพ็คเกจ Sleep Serenity เพื่อสุขภาพเขาก็มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ในราคา 4,500 บาท (สามารถใช้โปรโมชั่นนี้ได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2561 เท่านั้น) ที่จะช่วยเสริมการนอนหลับ จัดการกับความเครียด ความอ่อนล้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากมลพิษในเมืองที่คุณต้องรับมือในทุกๆ วัน โดยเริ่มจากสครับผิวกายด้วยผลิตภัณฑ์ออแกนิคจากธรรมชาติที่มีให้คุณเลือกมากมาย ตามด้วยการนวดที่จะให้คุณนอนหลับสบายตลอด 1 ชั่วโมงเต็ม และกระตุ้นผิวหน้าในโปรแกรม LOTUS DEFENSE™ ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

YUNOMORI Onsen and Spa

ออนเซนต้นตำหรับจากญี่ปุ่นแห่งแรกในเมืองไทยที่มาในคอนเซ็ปต์ผสมผสานวัฒนธรรมการแช่บ่อน้ำแร่ร้อนออนเซนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นเข้ากับบริการสปาอันเลื่องชื่อของไทย เพื่อให้ผู้มาเยือนได้หลีกหนีความวุ่นวายมาพักกายพักใจ ปลดปล่อยความเมื่อยล้าในบรรยากาศอันแสนเงียบสงบ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยมาในแพ็คเกจ ONSEN & SPA ซึ่งสำหรับสาวๆ เราขอแนะนำเซต 1 ที่จะพาคุณไปแช่ออนเซนเปิดผิวกาย ตามด้วยการนวดสครับผิวที่ทางร้านเลือกสรรทรีตเมนท์คุณภาพที่มีส่วนผสมของเกลือทะเลละเอียด ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกพร้อมเผยผิวใหม่ที่สดใสเนียนนุ่ม พร้อมเติมแร่ธาตุให้ผิวพรรณ และยังเป็นการนวดกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง ควบคู่กับการผ่อนคลายด้วยวิธีการนวดอโรม่าที่เน้นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมสดชื่น อีกทั้งยังช่วยกระชับรูปร่างสลายไขมัน เป็นไงคะ งานนี้นอกจากผิวสวยแล้วยังมีรูปร่างที่ดีด้วย ในราคา 2,250 บาท

 

สปาในกรุงเทพ

สปาในกรุงเทพ

ORGANIKA Secret Spa

สัมผัสกลิ่นอายของสปาออแกนิคระดับลักซ์ชัวรีสัญชาติไทยที่โดดเด่นในธีม ORGANIKA SECRET SPA ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวคลาสสิคของเด็กหญิงตัวน้อยที่เรียนรู้ที่จะรักและปรับสมดุลชีวิตผู้คนจากธรรมชาติ เธอได้ค้นพบความมหัศจรรย์ของการรักษาจากพลังวิเศษในสวน เช่นเดียวกับการตกแต่งภายในที่ทำให้เหมืออยู่ในสวนสไตล์อังกฤษ ที่จะพาคู่ของคุณหลงทางไปยังวันเดอร์แลนด์ถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง กับแพ็คเกจสปาสำหรับ 2 ท่าน ที่จะให้คุณดูสวยหล่อขึ้นและรู้สึกเปล่งปลั่ง โดยเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเวลามหัศจรรย์นี้ด้วยการบำบัดที่ผ่อนคลายและสดชื่นจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสูตรของทางร้าน โดยในโปรแกรมประกอบด้วย การบำบัดด้วยน้ำนม มาส์กและสครับผิวกาย ให้ผิวคุณนุ่มชุ่มชื่นชวนสัมผัส ผ่อนคลายต่อด้วยการนวดบำบัดเต็มรูปแบบ เสร็จแล้วจึงเข้ารับการนวดหน้าแบบออแกนิคปราศจากสารเคมี สวยครบทุกจุดด้วยสปามือและเท้าให้เนียนนุ่ม แล้วจบด้วยการพาไปชิมชาหอมๆ ก่อนกลับ ทั้งหมดในนี้ราคา 14,000 บาทค่ะ

Cr. Elemis Spa Bangkok, HARNN Heritage Spa, okmagazine-thai.com, panpuriorganicspa.com, yunomorionsen.com, organikahouse.com

งานแต่งไทยเรียบง่ายและเป็นตัวเองของคุณจุ๊ซ & คุณนนท์ @ Jim Thompson House

ด้วยความที่คุณจุ๊ซ-ปานวาด เจ้าสาวคนสวยนั้นหลงเสน่ห์ความเป็นไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ บวกกับแรงสนับสนุนจากคุณนนท์-อานนท์ เจ้าบ่าวที่น่ารัก ทั้งคู่จึงตั้งใจเลือกที่จะจัดงานแบบไทยที่เข้ากับตัวเองและแสดงความเป็นตัวตนได้ดีที่สุด ณ Jim Thompson House

Jim Thompson House

เริ่มจากไปดูสถานที่ที่ชอบและที่ใช่ จากโจทย์แรกที่อยากให้งานออกมาในแบบที่เรียบง่ายแต่ดูดีและมีความเป็นไทย จนมาลงตัวที่ Jim Thompson House ที่ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับกลิ่นอายตะวันตกได้อย่างลงตัว จากนั้นจึงใช้สถานที่เป็นตัวกำหนดธีมต่างๆ รวมทั้งจำนวนแขกที่สถานที่สามารถรองรับได้ จากวันที่ทั้งคู่จองสถานที่จนกว่าจะถึงวันงานนั้นมีเวลาเตรียมงานเกือบหนึ่งปีเลยทีเดียว จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการมองหาช่างภาพและช่างแต่งหน้าต่อไป ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นั้น คุณจุ๊ซเล่าให้เราฟังว่า เริ่มในช่วง 3-4 เดือนก่อนงาน และเตรียมงานกันอย่างจริงจังช่วงหนึ่งเดือนสุดท้าย ด้วยความช่วยเหลือจากทีมจิม ทอมป์สัน ทำให้งานในวันนั้นออกมาสวยงามน่าประทับใจ

 

ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ปลีกย่อยนั้น คุณจุ๊ซก็ใช้เวลาว่าง ค่อยๆ หาในแบบที่ชอบและที่เป็นตัวเอง ที่สำคัญจะต้องเก๋และไม่ค่อยซ้ำใคร เช่น ปากกาหรือสมุดเซ็นชื่อ คุณจุ๊ซก็ลงมือประดิดประดอยเอง ส่วนชุดสังฆทานหรือของรับไหว้ก็จะแซมดอกไม้เข้าไปบ้าง รวมถึงการ์ดเชิญก็จ่าหน้าซองแบบแฮนด์เมดด้วยลายมือตัวเอง เพื่อให้เห็นความตั้งใจในการเชิญแขกแต่ละท่าน

สำาหรับชิ้นที่คุณจุ๊ซภูมิใจที่สุดก็คือ ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เธอบอกกับเราว่าตั้งใจทำามากๆ และเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุด เพราะอยากให้วันงานถ่ายภาพออกมาสวยโดดเด่นดูมีเอกลักษณ์ แต่ก็ยังคงความเป็นไทยอยู่ จากความคิดที่เริ่มชินตากับผ้าสไบของเพื่อนเจ้าสาวจากงานแต่งต่างๆ แล้ว งานตัวเองเลยคิดว่าจะตัดเป็นเสื้อสีหวานๆ หลากสีน่าจะสวย เริ่มจากการไปเดินเลือกผ้าเองทั้งผ้าตัดเสื้อและผ้านุ่ง แมตช์สี หาแบบและช่างฝีมือดี ขึ้นแบบออกมาแล้วลองตัดก่อน 1 ชุดก่อนตัดเย็บจริง จนสวยได้ที่แล้วจึงพาเพื่อนๆ ไปตัดจนได้ออกมาสวยสมใจแบบที่เราเห็นแล้วยังปลื้มสุดๆ

 

การเตรียมงานทั้งหมดที่ตอนแรกคุณจุ๊ซคิดว่าจะยุ่งยาก แต่สุดท้ายพอถึงวันจริงทุกอย่างกลับราบรื่นไปเสียหมด จนสุดท้ายงานออกมาอบอุ่นและสวยงามสมใจ ทำให้ได้ข้อคิดในการจัดงานมาฝากว่าที่บ่าว-สาวรุ่นน้องที่กำลังเริ่มแพลนงานว่า การค่อยเป็นค่อยไปและไม่คาดหวังสูงนักจะทำาให้เราได้อะไรกลับมาแบบเกินคุ้มจริง ๆ นะคะ

 

The Details : Thai Contemporary

Venue : พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน กรุงเทพ
Wedding Dress : Miss Saturday(โทร. 09-6642-2822)
Groom Suit : SVN BESPOKE (ไอจี : @SVNBESPOKE)
Makeup & Hair : Hack Makeup (โทร. 09-4454-4965)
Photo : Pingpong Photography

มารยาทที่ดีสำหรับแขกที่ได้รับเชิญไปงานแต่งต้องทำยังไง? เรามีคำตอบ

ถึงแม้จะไม่ได้รับเกียรติให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวในงานแต่ง แต่ถ้าคุณได้รับเชิญจากบ่าวสาวให้ ไปงานแต่ง อย่างเป็นทางการแล้วล่ะก็ งานนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณก็คงมีความสำคัญกับบ่าวสาวไม่น้อยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไปดูกันดีกว่ามีอะไรบ้างนะที่คนเป็นแขกอย่างเราต้องระวัง ไม่เผลอไปทำอะไรจนกลายเป็นแขกที่ไม่พึงประสงค์ให้เจ้าภาพต้องส่ายหน้าหนี

1. ลืมคอนเฟิร์มไปงาน

ถ้าหากในการ์ดเชิญมีข้อความให้คุณตอบยืนยันว่าจะไปร่วมแสดงความยินดี ก็อย่าลืมตอบกลับว่าจะไปหรือไม่ไป เพราะบ่าวสาวอาจกำหนดที่นั่งของแต่ละคนมาแล้ว หรือเป็นงานเฉพาะจริงๆ เขาจะได้เตรียมที่นั่งให้ได้ถูก

2. สายเสมอ

หลายคนถือคติ “ไปสายหน่อยดีกว่าไปก่อนงานเริ่ม” อยากบอกว่าผิดมหันต์ เพราะที่จริงควรไปก่อนเวลาที่ระบุในการ์ดนิดหน่อย และถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาล่ะก็ห้ามไปหลังงานเริ่มเด็ดขาด ลองคิดดูว่าเขากำลังทำพิธีกันอยู่แล้วมีคุณเดินเข้าไปในงาน แค่คิดก็หนาวแล้ว

3. โทรไปถามสารพัดอย่างกับบ่าวสาว

ช่วงก่อนแต่งงานเป็นเวลาที่บ่าวสาวยุ่งกับภารกิจชีวิตมาก ทางที่ดีอย่าโทรไปรบกวนเลย ถ้าสงสัยอะไรก็ลองถามจากเพื่อนในก๊วนที่ไปงานด้วยจะดีกว่า แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีใครตอบได้สักคนค่อยส่งข้อความไปถามบ่าวสาวก็ได้

4. ลืมปิดเสียงโทรศัพท์

อันนี้สำคัญสุดๆ โดยเฉพาะระหว่างกำลังทำพิธีทางศาสนาหรือพิธีที่ต้องการความเงียบสงบ เกิดคุณใช้ริงโทนสุดมันส์แล้วดังแหวกความเงียบขึ้นมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือสายตาคนทั้งงานที่หันมามองไงคะ บรื๊อออ

5. หนีบผู้ติดตามไปด้วย

ก็เข้าใจหรอกนะว่าไปคนเดียวแล้วเหงา แต่ถ้าเจ้าภาพไม่ได้เขียนว่าพาเพื่อนไปได้ก็อย่าพาคนอื่นไปเลยนะคะ เพราะบางทีเขาเตรียมโต๊ะเตรียมอาหารมาพอดีตามจำนวนแขกแล้ว

6. ใส่ชุดขาวและชุดสีเดียวกับเพื่อนเจ้าสาว

คนที่สวยที่สุดในงานแต่งคือเจ้าสาว เพราะฉะนั้นแขกที่ไปงานห้ามแย่งซีน พวกชุดขาว ครีม ออฟไวท์ แชมเปญเหล่านี้ห้ามเลือกมาใส่เด็ดขาดยกเว้นจะเป็นแบบเรียบปลอดภัยจริงๆ  สีเดียวกับชุดเพื่อนเจ้าสาวก็ไม่ควรนะ อ้อ! ยีนส์ก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับชุดไปร่วมงานแต่งงานนะคะ 

7. ชาวก้มหน้า

อาจต้องร้องเพลง “ห่างกันซักพัก” ให้กับโทรศัพท์เครื่องโปรด แล้วเงยหน้าขึ้นมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว เพราะเป็นการเสียมารยาทขั้นสุดจริงๆ หากคุณจะเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์โดยไม่สนใจพิธีแต่งงานเลย

8. สาดแฟลชเจิดจ้า

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ถ่ายภาพได้ แต่ก่อนถ่ายเช็คให้แน่ใจด้วยว่าไม่ได้เปิดแฟลชไว้ ไม่อย่างนั้นแสงแฟลชจะไปรบกวนคนอื่นๆ ในงาน

9. วิ่งหนีพิธีทางศาสนา

บางคนอาจจะบอกว่า “เบื่อจุงพิธีทางศาสนา” แต่ห้ามชิ่งหนีเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องสำรวม แต่ก็เป็นพิธีที่สวยงาม และไม่ได้เห็นกันได้บ่อยๆ อีกอย่างบ่าวสาวเขาเชิญมาเพราะอยากให้คุณร่วมแสดงความยินดีในทุกช่วงเวลานะ

10. เตรียมท้องให้ว่างแล้วไปจัดหนักในงาน

บอกเลยว่าเสียมารยาทมากที่จะล้างท้องเพื่อเตรียมไปซัดโฮกในงานแต่ง แถมการทำแบบนี้จะทำให้อ้วนด้วยนะ เพราะการจัดหนักในมื้อเย็น ร่างกายไม่ค่อยมีกิจกรรมให้ได้เผาผลาญพลังงานแล้ว ต่อให้แดนซ์ลืมโลกแค่ไหนก็เถอะ ไอ้ที่กินเข้าไปได้กลายเป็นไขมันแน่นอน

11. รีบดื่ม รีบเมา

บางคนไปงานแต่งก็กะเมาอย่างเดียว ยิงยาวอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่มตั้งแต่งานยังไม่เริ่ม ยิ่งเมาตั้งแต่งานบนเวทียังไม่เริ่มยิ่งไม่ควรเด็ดขาด บอกเลยว่าไปงานแต่งห้ามเมา!

12. เม้าท์หนัก เม้าท์นาน

แม้จะสนิทกับบ่าวสาวชนิดเล่นมาด้วยกันตั้งแต่เท้าเท่าหอยสังข์ ก็ไม่ควรชวนพูดคุยนาน ปล่อยให้เขาได้ไปต้อนรับแขกคนอื่นๆ ด้วย เพราะนี่ไม่ใช่การนัดพบกันของกลุ่มเพื่อนนะคะ

13. ใส่ส้นสูงปรี๊ด    

รู้ค่ะว่างานแบบนี้ใครๆ ก็อยากสวยสง่า แต่การลากส้นเข็มสูงปรี๊ดเท่าตึก 18 ชั้นมางานก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าเสียมารยาทหรอก แต่ว่าจะทำให้คุณเมื่อยน่าดู เพราะงานแต่งเดี๋ยวนี้นิยมจัดแบบค็อกเทลยืนกิน แถมเวลาแดนซ์ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ไม่ถนัดเอาเสียเลย แต่ถ้าอยากสูงเด่นแข่งกับนางแบบจริงๆ ก็อย่าลืมเอารองเท้ามาเปลี่ยนช่วงหลังงานนะคะ

14. รีบไป-รีบกลับ

ไปงานแต่งทั้งทีก็ควรอยู่ให้จบช่วงพิธีการ แต่ถ้าอยู่ไม่ได้จริงๆ หรือเกิดเหตุด่วนให้ต้องรีบชิ่งในช่วงก่อนหรือระหว่างพิธีการ ก็ควรหายตัวไปเงียบๆ ไม่ต้องไปลามาไหว้ใครทั้งนั้น เพราะขืนเข้าไปลาเจ้าภาพ เขาจะคิดว่า “เอ หรืองานเราจะไม่ดีหว่า” เอาได้

15. ช่อดอกไม้ต้องเป็นของฉัน

การแย่งช่อดอกไม้ เป็นประเพณีที่ทำกันสนุกๆ เท่านั้น ไม่ต้องจริงจังยืนจังก้าอ้าแขนรับดอกไม้จนเผลอเอาศอกไปถองบรรดาสาวโสดคนอื่นที่มารอรับดอกไม้หรอกนะ เอาแค่พอสนุกๆ ก็พอ

16. ไมค์และฟลอร์นี้เป็นของฉัน

ต่อให้ร้องเพลงเพราะระดับดีว่า แต่ไมค์และฟลอร์ในงานแต่งก็ไม่ใช่เวทีเดอะว้อยซ์ที่คุณจะครองไว้คนเดียวไม่สนใจคนอื่น เพราะงั้นแบ่งๆ กันร้องและเต้นนะคะ

17. โสดๆ อยู่ทางนี้

หลายคนก็เจอเนื้อคู่ในงานแต่งของเพื่อน แต่ห้ามเด็ดขาดเชียวที่จะไปป่าวประกาศว่า “ฉันโสดดดดดด” มันไม่งามสมหญิงเลย สู้ยิ้มสวยๆ แล้วปล่อยให้เหยื่อเข้ามาติดกับอย่างเป็นธรรมชาติดีกว่า

18. ก้มหน้าก้มตา ไม่ต้องรู้จักใคร  

 ไปงานแต่งงานนะคะ ยังไงก็ต้องเจอคนแปลกหน้า ถ้าต้องจับพลัดจับผลูไปร่วมโต๊ะกัน ก็ส่งยิ้มให้กันหน่อย แนะนำตัวนิดๆ แล้วก็พูดคุยกันบ้าง อย่าเอาแต่จ้วงอาหารเข้าปากไม่พูดคุยกับใคร เดี๋ยวเหงาแย่เลย

19. ขนของชำร่วยกลับบ้าน

บางคนอยากได้ของชำร่วยหลายอันโดยเฉพาะในงานที่ของชำร่วยมีหลายสี หลายกลิ่น ทำได้แต่ต้องรอให้แขกคนอื่นๆ ทยอยกลับให้หมดก่อน  คุณค่อยเดินไปขอจากเจ้าภาพ เพราะบางงานก็ไม่ได้เตรียมมาเยอะขนาดที่จะแจกคนละ 18 อันได้

20. กลับบ้านคือกลับบ้าน

ถ้าบนเวทีประกาศว่า งานเลี้ยงจบลงแล้วก็จงกลับบ้านซะดีๆ อย่างอแงร่ำไรจะอยู่ต่อ เพราะทุกนาทีที่เกินออกมามันคือเงินที่บ่าวสาวต้องจ่ายเพิ่มนะคะ และเราก็ไม่ควรทำให้เขาต้องเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุเลย

ทั้ง 20 ข้อ อาจเป็นสิ่งที่หลายคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว แต่เราแค่มาเตือนกันเบาๆ เนอะ ว่าห้ามเผลอทำเด็ดขาดเชียว

Read More : 5 เรื่องต้องคิดก่อนตัดสินใจพกใครไปงานแต่งงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.brides.com

15 ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์กับแรงบันดาลใจสู่ชุดแต่งงานจริง

เรฟเฟอร์เรนซ์ชุดแต่งงานที่เป็นที่นิยมในหมู่ว่าที่เจ้าสาวอีกแหล่งหนึ่งก็คือจากภาพยนตร์ต่างๆ นั่นเอง และภาพยนตร์รักเกือบทุกเรื่องก็มักจะมีชุดแต่งงานสวยๆ ให้ว่าที่เจ้าสาวได้เก็บเอาไปฝันมากมาย แต่วันนี้ แพรว wedding ไม่ได้รวบรวมแค่หนังรักโรแมนติกที่มีชุดแต่งงานสวยๆ มาให้ดูเท่านั้นนะ เพราะเราขนมาทั้งหนังบู๊เลือดสาด ไปจนถึงหนังระทึกขวัญที่มีปิศาจเลยล่ะ!! ว่าแต่จะมีภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง และ ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์ จะสวยแค่ไหน ไปดูกันเลย

27 Dresses

ชุดแต่งงานจากภาพยนตร์

ชุดของ มาลิน เอเคอร์แมน ที่รับบทเป็นน้องสาวของ เทส ที่นำมาสู่คอลเลคชั่นจริงบนรันเวย์

2 ชุดแต่งงานที่สวยงามจากภาพยนตร์เรื่อง 27 Dresses กับชุดแรกที่เป็นของ มาลิน เอเคอร์แมน ที่รับบทเป็นน้องสาวของ เทส กับลุคชุดแต่งงานสุดโมเดิร์น ในชุดแต่งงานผ้าซาติน จนนำมาสู่คอลเลคชั่นจริงๆ ของชุดแต่งงาน ส่วน แคทเธอลีน ยังคงไว้ซึ่งลุคสุดคลาสสิคกับดีไซน์ที่เรียบง่าย กับชุดแต่งงานแบบคอวีจากแบรนด์ Amsale

Accidental Husband

ชุดแต่งงานของอูมา เธอร์แมนในเรื่องนี้ก็เป็นชุดแต่งงานจากแบรนด์ Amsale เช่นเดียวกัน โดยเป็นชุดแต่งงานในคอลเลคชั่นที่ชื่อว่า CHRISTOS ซึ่งโดดเด่นในเรื่องของการใช้เนื้อผ้าสุดคลาสสิคที่ให้ลุคโรแมนติก แต่กลับเล่นกับเค้าโครงของชุดในแบบที่ทันสมัย

Bride Wars

จะมีอะไรที่ดีไปกว่าชุดแต่งงานจากแบรนด์ Vera Wang อีกเหรอ? จริงไหม? และนี่คือ 2 ชุดแต่งงานจากแบรนด์ Vera Wang ที่ใส่โดย เคต ฮัดสัน และ แอนน์ แฮตทาเวย์ ที่ปรากฏตัวในชุดแต่งงานในลุคสุดน่าทึ่งทั้งสองชุดนี้ได้อย่างสง่างามไม่แพ้กัน

Funny Face

Funny Face เป็นภาพยนตร์เรื่องฮิตในปี 1957 และชุดแต่งงานผ้าซาตินและผ้าทูลล์ชุดนี้จากแบรนด์ Givenchy ก็ยังคงดูเพอร์เฟกต์และทันสมัยอยู่เสมอ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์ชุดแต่งงานแบบทีเล้นจ์อีกด้วย

Love Actually

ชุดนี้เป็นแบบชุดออริจินัลของ เคียร์ร่า ไนต์ลี่ จากภาพยนตร์เรื่อง Love Actually

แน่นอนว่าฉากที่เป็นไอคอนิคของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือฉากแต่งงานที่ เคียร์ร่า ไนต์ลี่ ได้ปรากฏตัวในชุดแต่งงานประดับขนนกกับผ้าแบบซีทรูของเธอ ซึ่งเหมาะกับคาแรคเตอร์ของหญิงสาวที่โรแมนติก สนุกสนาน และก็สง่างามในเวลาเดียวกัน

Mamma Mia!

ราวกับว่านี่คือลุคของเจ้าหญิงสายโบฮีเมียนที่แท้ทรู อแมนด้า ไซย์ฟรีด ดูเพอร์เฟกต์ในงานแต่งงานเล็กๆ ของเธอที่กรีกในชุดแต่งงานแบบเล่นเลเยอร์ ในเฉดสีสันสว่างสดใสที่ให้ลุคสบายๆ ในสไตล์แบบเจ้าสาวที่เป็นกันเอง และแน่นอนหากคุณคิดจะแต่งตัวแบบนี้อย่าลืมเปิดเพลงของวง ABBA ประกอบเหมือนในภาพยนตร์ด้วยนะคะ

Mr. and Mrs. Smith

ชุดแต่งงานกระโปรงสั้นปิดเข่าและช่วงบนแบบเปิดไหล่ในงานแต่งงานที่เรียบง่าย พร้อมกับเวลที่ประดับไว้บนศีรษะ ไม่ว่าจะสวมในพิธีหมั้นหรือพิธีฉลองก็ดูดีได้แบบไม่ต้องง้อกระโปรงพองฟูแม้แต่นิดเดียว

สบู่ก้อนสายรุ้ง ของชำร่วยงานแต่ง DIY ทำด้วยตัวเองก็ได้ง่ายนิดเดียว

มา DIY ของชำร่วยงานแต่ง ที่บ่าวสาวสามารถทำง่ายๆ ด้วยตัวเองกันเถอะ หรือจะชวนแก๊งเพื่อนๆ มาช่วยกันนั่งทำ ก็ได้ไม่ว่ากัน และสิ่งแพรว wedding นำมาเสนอวันนี้ก็คือ ‘สบู่ก้อนสายรุ้ง’ ที่นอกจากจะทำง่ายแล้วยังประหยัดงบสุดๆ มีขั้นตอนและอุปกรณ์อะไรบ้าง ไปดูกันเลย

ของชำร่วยงานแต่ง

อุปกรณ์

1. กลีเซอรีน เป็นส่วนที่ช่วยให้ผิวนุ่มลื่นเหมือนมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ปกป้องผิวไม่ให้แห้งและดูดซับความชื้นเมื่อสัมผัสกับอากาศ ซึ่งจะทำให้รู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้น อ่อนโยนต่อผิว และไม่อุดตันรูขุมขน

2. หัวน้ำหอมสำหรับใส่สบู่ อาจจะเลือกกลิ่นกลางๆ ที่ไม่หอมหรือฉุนจนเกินไป

3. สีใส่สบู่ สามารถเลือกได้ตามใจ หรือจะเลือกตามสีของธีมงานก็ได้

4. แอลกอฮอล์ล้างแผล ที่บรรจุไว้ในขวดแบบหัวสเปรย์

5. หม้อต้ม

6. แป้นพิมพ์สำหรับใส่สบู่ อย่าลืมหาซื้อแป้นพิมพ์น่ารักๆ นะ

7. ถ้วยสำหรับผสมสี

วิธีการทำ

  1. นำกลีเซอรีนมาละลาย โดยต้มลงในหม้อ (กะขนาดให้พอดีกับจำนวนที่ต้องการ)
  2. นำกลีเซอรีนหรือสบู่จากขั้นตอนแรกเทลงในถ้วย แล้วคนไปเรื่อยๆ ให้เย็นตัวลงนิดนึง พร้อมใส่สีและหัวน้ำหอมตามที่ต้องการ โดยอาจเลือกเฉดสีที่ตัดกันเพื่อให้เกิดความสวยงาม เช่น ชมพู-ฟ้า , เหลือง-เขียว *สาเหตุที่ต้องรอให้เย็นตัวลงเพราะความร้อนอาจจะทำให้กลิ่นและสีผิดเพี้ยนออกไป

ของชำร่วยงานแต่ง3. เทสบู่ลงแม่พิมพ์ โดยตะแคงแม่พิมพ์เล็กน้อย ให้ตัวสบู่เอียงนิดหน่อย แล้วนำแอลกอฮอล์ฉีดทับลงไป 1 รอบ จากนั้นนำสบู่อีกสีที่ตรงข้ามกันมาเททับ แล้วเติมให้เต็มช่องที่เหลือของแม่พิมพ์ เท่านี้ก็จะได้สีของสบู่ที่ไล่เฉดกันอย่างสวยงามแล้ว *แอลกอฮอล์จะช่วยให้สบู่ไม่มีฟองอากาศภายใน

ของชำร่วยงานแต่ง

ของชำร่วยงานแต่ง

4. ฉีดแอลกอฮอร์ทับอีกรอบในขั้นตอนสุดท้าย

5. รอจนเย็นจากนั้นแกะออกจากแม่พิมพ์

ของชำร่วยงานแต่ง

6. ตกแต่งลงบรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม

เพียงเท่านี้บ่าวสาวก็จะได้สบู่น่ารักๆ เป็นของชำร่วยสุดเก๋ ที่ราคาไม่แพง แถมยังมาใช้งานได้อีกด้วย โดยบ่าวสาวอาจจะเช็คราคากลีเซอรีนกันก่อนนะคะ เพราะราคาต่อกิโลกรัมไม่เท่ากัน (แต่ไม่เกิน 200 บาทค่ะ) นอกจากนี้บ่าวสาวยังสามารถเพิ่มความครีเอทด้วยการใส่ดอกไม้แห้งลงไปก่อนที่จะเทสบู่ลงแม่พิมพ์ก็ได้นะคะ ก็จะสวยงามไปอีกแบบ

ของชำร่วยงานแต่ง

Read More : ยังมีงาน DIY อีกเพียบ
เข็มกลัดดอกไม้สไตล์ริบบิ้นติดหน้าอกแบบ DIY สวยง่ายแถมประหยัดด้วย
ช่อดอกไม้ DIY สุดเก๋สำหรับวาเลนไทน์ที่มีช่อเดียวในโลก
DIY ลูกบอลหลากสีช่วยเสริมปาร์ตี้ของบ่าวสาวให้ดูน่ารัก
DIY กล่องใส่แหวนแทนใจที่ประดิษฐ์ง่ายๆ แถมประหยัดงบ
ดอกกล้วยไม้ประดิษฐ์ DIY สุดเก๋ ช่วยเสริมงานแต่งให้น่ารัก

ภาพจาก : Pinterst.com

วิธีการทำ : Youtube  JENerationDIY Channel

งานแต่งหมื่นล้านบรรยากาศเทพนิยายของคุณรัก & คุณหนาม @ ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

ราวกับอยู่ในเทพนิยายสำหรับงานวิวาห์หมื่นล้านระหว่างลูกสาวคิง เพาเวอร์ คุณรัก – วรมาศ ศรีวัฒนประภา กับเจ้าบ่าวหนุ่มนักธุรกิจอนาคตไกล คุณหนาม – รวิ อิทธิระวิวงศ์ โดยมีงานฉลองมงคลสมรส ณ ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ท่ามกลางความยินดีของแขกผู้มีเกียรติคับคั่งทั่วฟ้าเมืองไทย

โดยงานเลี้ยงฉลองพิธีมงคลสมรสเต็มไปด้วยความอบอุ่น บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพรรณตกแต่งในสไตล์ยุโรป–เวสเทิร์น ประดับด้วยคริสตัลสุดอลังการ สร้างความโรแมนติกและสวยงามดุจเทพนิยาย

พร้อมชมโชว์ไฮไลต์ส่วนหนึ่งในงาน เช่น ม้าสาว ผู้เป็นตัวแทนของเจ้าสาว นากหนุ่มผู้เป็นตัวแทนของ เจ้าบ่าว และสายลมผู้ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Wind’s Tale” หรือ “เรื่องเล่าของสายลม” ที่สอดแทรกในทุกตารางนิ้วของพื้นที่จัดงานที่มีสายลมเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกช่วงขณะของความรัก แถมยังมี เซอร์ไพร้ส์กับบทเพลงพิเศษ Voravi’s Tale Song ที่แต่งมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะสำหรับบ่าว-สาวและแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมยินดีในวันแห่งความสุข

นอกจากนี้ระหว่างทางเดินเข้างานแขกผู้มีเกียรติจะได้พบกับนิทรรศการหนังสือเล่มใหญ่และแกลเลอรี่สุดเอกซ์คลูซีฟที่เผยถึงเรื่องราวความรักของทั้งคู่ ที่ทำให้ทุกคนที่ได้สัมผัสกับความสุขและความรักของทั้งคู่ไปด้วย สมกับเป็นงานวิวาห์สุดอลังการแห่งปี

 

The DetailsVenue : The Wind’s Tale

Venue : ฟาวน์เทน สแควร์ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ
Wedding Dress : Chanel
Space Design : Beourfriend Studio
Photo : Jakawin PhotographyThe

จัดงานแต่งบนดาดฟ้ากับสุดยอด 5 โรงแรมหรูในกรุงเทพฯ

การจัดงานแต่งงานแบบ Rooftop หรือ ดาดฟ้า เริ่มเป็นกระแสที่มาแรงในตอนนี้ โรงแรมและร้านอาหารจึงตอบโจทย์สำหรับสถานที่จัดงานแต่งงานบนดาดฟ้า เพราะอาคารสถานที่สูงจะทำให้คุณเห็นวิวแสงสีของเมืองได้อย่าง 360 องศา ให้ความรู้สึกเหมือนมางานปาร์ตี้ชิลล์ๆ ที่ไม่เน้นความเป็นทางการมากนัก แพรว wedding จึงได้เลือกสถานที่จัดงานแต่งงานแบบ Rooftop ในกรุงเทพฯ ที่มีวิวส๊วยยยสวยมาฝาก รับลองถ้าคุณอัพรูปลงโซเชียลยอดไลค์ต้องพุ่งแน่ๆ

ดาดฟ้า

The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok

โรงแรมหรูใจกลางเมืองใกล้สถานีรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดินที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย แถมบรรยากาศยังผ่อนคลายด้วยห้องพักที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ในมาตรฐานโรงแรมระดับ 5 ดาว และคุณกับคนรักยังได้เพลิดเพลินบน Rooftop สถานที่จัดงานเลี้ยงต่างๆ ทั้งแบบ Banquet style ที่จุคนได้ 120 คน และแบบ Cocktail reception จุคนได้ถึง 200 คน ในโซน Altitude ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จัดงานแต่งงานบนความสูงของชั้นดาดฟ้าที่จะทำให้คุณเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างขวางในยามค่ำคืน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,999 บาทต่อท่าน พิเศษ!! คู่บ่าวสาวจะได้รับบัตรของขวัญ 1 ใบสำหรับการรับประทานอาหารค่ำในวันครบรอบ 1 ปี ณ ห้องอาหาร Seasonal Tastes อีกด้วย (โทร. 0-2207-8000)

ดาดฟ้า

Hotel Once Bangkok

Top knot by hotel พื้นที่สุดชิคด้านบนของ Hotel Once ซึ่งได้รับความไว้วางใจในการดูแลจัดงานแต่งงานแบบ Rooftop มาหลายต่อหลายครั้ง ด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกบนพื้นที่สไตล์โมเดิร์นผสมผสานความเป็นคลาสสิคและยังมองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครได้สุดลูกหูลูกตา พร้อมการตกแต่งที่แฝงความเป็นธรรมชาติในพื้นที่สีเขียวเข้ากับเก้าอี้ไม้สีเข้ม จุดเด่นอยู่ที่การต่อชั้นดาดฟ้าขึ้นไปอีกชั้นโดยมีบันไดเหล็กที่จะพาเลี้ยวมาบรรจบกันอย่างสวยงาม บอกเลยว่าสถานที่เหมาะกับการจัดงานแต่งงานเป็นอย่างมาก ซึ่งในปี 2561 นี้ทางโรงแรมและ KTC มีแพคเกจงานแต่งงานในรูปแบบต่างๆ ให้คุณเลือกได้ในสไตล์ที่โดนใจ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์แบ่งชำระค่าใช้จ่ายการจัดเลี้ยงเป็นเวลา 6 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิต KTC ยอด 70,000 บาทขึ้นไป  (โทร. 0-2688-2596)

ดาดฟ้า

Hotel Muse Bangkok by M Gallery Collection

การออกแบบโรงแรมได้รับแรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมทางสถาปัตยกรรมและศิลปะในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ของยุโรป ผสมผสานความเก๋ไก๋และสง่างามอย่างมีลูกเล่นเข้ากับยุคทองของเอเชียซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ในประเทศไทย เหมาะกับคู่บ่าวสาวที่อยากได้ธีมงานแต่งงานในสไตล์บูติก ที่บริเวณดาดฟ้าชั้น 25 ของโรงแรมเหมาะสำหรับจัดงานแต่งงานเล็กๆ ที่มีแขกผู้ร่วมงาน 80 -100 คน และตลอดงานทั้งคู่บ่าวสาวและแขกจะได้สนุกไปกับเสียงดนตรีโดย DJ ที่จะมาเล่นให้ฟังกันสดๆ แถมยังมีค็อกเทลคอยเสิร์ฟให้ตลอดงาน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 300,000 บาทขึ้นไปค่ะ  (โทร. 0-2630-4000)

ดาดฟ้า

Banyan Tree

โรงแรมบันยันทรี ตกแต่งในรูปแบบไทยร่วมสมัย เน้นงานไม้ มีความเรียบง่ายแต่ดูแพง ที่สำคัญแต่ละพื้นที่ของโรงแรมถูกออกแบบมาเพื่อการใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันพร้อมการบริการอย่างดีเยี่ยม จุดเด่นของโรงแรมอยู่ที่ชั้นบนสุดนั่นคือ Vertigo สถานที่ Rooftop ที่มีความสูงถึงชั้นที่ 61 คุณจะสามารถเห็นซิตี้วิวได้แบบ 360 องศาสุดตระการตาที่จะทำให้งานแต่งงานของคุณดูหรูหรากว่างานไหนๆ เลยค่ะ ซึ่งชั้นดาดฟ้ามีพื้นที่เพียงพอให้จัดงานเลี้ยงค็อกเทลได้ 400 คน ส่วนแบบบุฟเฟ่ต์นั้นจุคนได้ 250 คน และมีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000,000 บาท ซึ่งราคานี้รวมค่าสถานที่ ค่าจัดดูแลสถานที่ ค่าอาหาร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางโรงแรมค่ะ  (โทร. 0-2679-1200)

ดาดฟ้า

So Sofitel Bangkok

HI-SO Rooftop พื้นที่บนสุดชั้น 30 ของโรงแรมชื่อดังตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ ออกแบบพิเศษเพื่อให้เหมาะแก่การพบปะหรือจัดงานสังสรรค์ท่ามกลางวิวพิเศษสุดโรแมนติก หยุดโพสท่าแชะภาพสุดชิคบริเวณบันได HI-SO moonlit cabana ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ใครได้ขึ้นมาโซนนี้เป็นต้องหยุดถ่ายภาพ โซ โซฟิเทล รับจัดงานแต่งงานทั้งพิธีช่วงเช้าและงานเลี้ยงในตอนกลางคืน โดยในวันพิธีหมั้นหรือพิธียกน้ำชา สามารถเข้าพักห้อง So Comfy ได้ 1 คืน รวมราคาประมาณ 150,000 บาท และเวดดิ้งปาร์ตี้ ราคาเริ่มต้นประมาณ 200,000 บาท รองรับได้เพียง 50 ท่าน เท่านั้นนะจ๊ะ (โทร. 0-2624-0000)

 

ข้อมูลจาก : The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok, Hotel Once Bangkok, Hotel Muse Bangkok by M Gallery Collection, Banyan Tree

ภาพจาก : voucherthai.com, banyantree.com, siam2nite.com

เจ้าสาว งานแต่งในสวน ต้องคลิก! บิวตี้ไอเท็มใหม่ที่จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้คล้ำแดด

งานแต่งในสวน เป็นเทรนด์ที่กำลังอินสุดๆในช่วงนี้! แต่เจ้าสาวก็จะต้องเผชิญกับแสงแดดกลางแจ้ง และยังมีฝุ่นควันต่างๆอีก ณ วันแต่งงานอาจจะใช้เมกอัพช่วยให้หน้าสวยเด้งได้ แต่หลังวันงานต้องมาแก้ไขปัญหาหน้าหมองคล้ำแถมมีกระฝ้าก็ไม่คุ้มกันนะคะ! แต่อย่าวอรี่ไป เรามาแนะนำผลิตภัณฑ์บิวตี้ใหม่ที่จะช่วยปกป้องผิวคุณว่าที่เจ้าสาวจากแสงแดดในวันแต่งงาน และยังช่วยบำรุงและปกป้องผิวในระยะยาวเพื่อลดการเกิดจุดด่างดำและฝ้ากระอีกด้วย ว่าที่เจ้าสาวที่แพลนจัดงานแต่งแบบเอ้าท์ดอร์ เตรียมแคปหน้าจอเก็บไว้ใช้ตามรัวๆเลยค่ะ

Sulwhasoo Snowise Brightening Exfoliating Mask (2,100 บาท) จาก Sulwhasoo มาส์กชนิดล้างออกเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสและช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ใช้มาส์กผิวหน้าทิ้งไว้ขณะอาบน้ำ แล้วล้างออกเมื่ออาบน้ำเสร็จ ไอน้ำจากน้ำอุ่นจะช่วยในการขัดผิวให้เซลล์ผิวที่ตายหลุดออกเพื่อผิวที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

งานแต่งในสวน

 

Exceptional Youth Essence (1,550 บาท) จาก Yves Rocher เอ้สเซ้นส์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยนไร้สารพาราเบน ช่วยให้ผิวกระจ่างใสลดเลือนจุดด่างดำจากสารสกัดพืชธรรมชาติ White Licorice Powder และ White Lupin Extract

งานแต่งในสวน

 

Anthelios ULTRA CREAM SPF50+ PA++++ (1,300 บาท) จาก La-Roche Posay กันแดดสำหรับผิวหน้า ปรับสูตรใหม่ล่าสุดให้เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เนื้อสัมผัสซึมเร็ว ไม่เหนียว ไม่ทำให้ผิวดูมัน และยังสามารถทาผิวส่วนที่บอบบางอย่างผิวรอบดวงตาได้ด้วยงานแต่งในสวน

 

Clear Stick UV Protector (950 บาท) จาก Shiseido กันแดดชนิดแท่งเนื้อโปร่งใส เหมาะกับเจ้าสาวที่กังวลเรื่องกันแดดลบเลือนจากเหงื่อ เพราะนอกจากจะป้องกันน้ำและเหงื่อได้ดีจากเทคโนโลยี WetForce ยังช่วยป้องกันการก่อตัวของริ้วรอยและจุดด่างดำจากแสงแดดได้ด้วย

งานแต่งในสวน

Clearly Corrective Brightening & Soothing Treatment Water (2,050 บาท) จาก Kiehl’s โลชั่นสูตรน้ำบำรุงผิวหน้าทันทีหลังล้างหน้าเสร็จ นอกจากจะช่วยคืนความชุ่มชื่นให้ผิวแห้งกร้านจากการตากแดดนานๆ สารสกัดจากรากชะเอมและวิตามินซียังช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ เหมาะกับการใช้หลังวันแต่งงานที่ต้องเผชิญแสงแดดนานๆ

งานแต่งในสวน

 

 

เหล่าว่าที่เจ้าสาวที่ตั้งใจจะจัดงานแต่งในสวน นอกจากจะเตรียมความพร้อมผิวให้สวยไม่คล้ำเสียหลังงานแต่งแล้ว ลองคลิกเข้ามาดูไอเดีย ชุดเจ้าสาวที่เหมาะเหม็งกับงานแต่งในสวนสวย ที่นี่ 

รู้ไว้จะได้ไม่โดนติกับ 8 มารยาทบ่าวสาวที่ควรทำในช่วงงานแต่ง

บางครั้งความตื่นเต้นหลังจากที่ตัดสินใจแต่งงานก็มักจะส่งผลให้เราทำอะไรหลายๆ อย่างโดยไม่ทันได้นึกถึงว่าสิ่งนั้นเป็นการเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่หรือคนรอบตัวเราหรือเปล่า วันนี้ แพรว wedding เลยมี 8 มารยาทบ่าวสาว ควรทำตั้งแต่เริ่มต้นตัดสินใจแต่งงานไปจนกระทั่งงานแต่งเสร็จสิ้นมาฝากให้อ่านกันจ้า

 

Etiquette-Donts-engagement-news-fb
ภาพ : Getty Images

1. บอกข่าวดีกับญาติผู้ใหญ่และคนใกล้ตัวก่อน

หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงาน สิ่งแรกที่ควรทำคือ แจ้งเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ในครอบครัวเสียก่อน แน่นอนว่าต้องเริ่มด้วยคุณพ่อและคุณแม่ จากนั้นก็ไล่ลำดับความสำคัญ เช่น ตา ยาย ญาติพี่น้องใกล้ชิด ผู้ใหญ่ท่านไหนที่อยู่ไกลและจำเป็นต้องแจ้งข่าวดีให้ท่านทราบก็อย่ารอช้าให้เสียเวลา จะโทรหรือไลน์ไปบอกก็ได้ จากนั้นจึงค่อยตามด้วยเพื่อนสนิท (บางทีคนกลุ่มนี้ก็รู้ก่อนนะ อิอิ!) และอย่าลืมแสดงความขอบคุณกับบุคคลที่อวยพรให้เราด้วยนะ

สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณระมัดระวังสักนิดคือ การอัพเดตสเตตัสว่าจะแต่งงานแล้วนะลงในโซเชียลมีเดียอย่างเช่น เฟซบุ๊ก ในทันทีทันใดโดยไม่แจ้งใครก่อน เพราะคุณอาจจะได้เจอกับคำพูดที่ว่า “จะแต่งงานแล้วเหรอ ทำไมไม่เห็นบอกป้าเลย / ไม่เห็นบอกอาเลย” และอีกสารพัดคำถามเชิงน้อยใจมากมาย แบบนี้ก็จะดูเป็นการเสียมารยาทกับญาติผู้ใหญ่ไปอีก

Etiquette-Donts-registry-on-invites-holgate-creative
ภาพ : Courtesy of Holgate Creative

2. อย่าเจาะจงลงไปในการ์ดว่าต้องมีของขวัญ!

แน่นอนว่าในการ์ดแต่งงานจะต้องมีรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อบ่าวสาว ชื่อพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ชื่อประธานในพิธี เวลา สถานที่การจัดงาน และรูปแบบการจัดเลี้ยง การ์ดบางใบอาจระบุธีมงาน และเดรสโค้ด เพื่อให้แขกได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวังก็คือ อย่าระบุลงไปในการ์ดว่าคุณอยากได้ของขวัญอะไรในวันแต่งงานเด็ดขาด แบบนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควรนะจ๊ะ

ภาพ : www.memorandum.com
ภาพ : www.memorandum.com

3. อย่าปล่อยให้แขกรอนาน

ข้อนี้ขอแบ่งเป็น 2 กรณีนะคะ กรณีแรกเป็นเรื่องระยะเวลาของงานพิธีไทยที่จัดในช่วงเช้า เจ้าสาวบางคนจะชอบเปลี่ยนชุดระหว่างพิธีสงฆ์และพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งถ้าเจ้าสาวอยากเปลี่ยนชุดก็ได้ค่ะ แต่ต้องบริหารเวลาในการเปลี่ยนชุดให้ดีๆ ไม่ควรเกิน 10-15 นาทีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแขกจะรอนานและเกิดอาการเบื่อ ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็นอย่าเปลี่ยนทรงผมหรือให้ช่างมาเริ่มแต่งหน้าให้ใหม่เด็ดขาด เพราะมันจะเสียเวลามาก แขกผู้ใหญ่หลายท่านอาจจะหงุดหงิดได้

กรณีที่ 2 คืองานเลี้ยงฉลองสมรสช่วงเย็น ซึ่งแขกผู้ใหญ่มักจะมาก่อนเวลาเสมอ ดั้งนั้นถ้าในการ์ดระบุเวลาไว้กี่โมง บ่าวสาวควรจะลงมาเพื่อซักซ้อมคิวงานก่อนหน้านั้นสัก 15 นาที แล้วจึงออกไปรอถ่ายรูปกับแขกให้ตรงเวลา อย่าปล่อยให้แขกผู้ใหญ่รอนาน หากเจ้าสาวอยากเปลี่ยนชุดก่อนเข้าช่วงเปิดตัว ขอแนะนำว่าไม่ควรเกิน 20 นาที ให้เวลามากกว่าช่วงเช้านิดหน่อยได้ เนื่องจากแขกจะทานอาหารอยู่ในงาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรนานจนเกินไป

ภาพ : www.notonthehighstreet.com
ภาพ : www.notonthehighstreet.com

4. ของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับคนสำคัญ

นอกจากในงานแต่งจะมีของชำร่วยที่ต้องให้กับแขกทุกคนแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะแนะนำให้ทำก็คือ ของขวัญแทนคำขอบคุณ โดยให้เฉพาะกับคนสำคัญ เช่น เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว และคนที่มาช่วยเตรียมงานจนงานสำเร็จลุล่วง โดยบ่าวสาวควรจะปรึกษากันดูว่ามีใครบ้างที่คุณควรจะตอบแทนน้ำใจของเขา แล้วลองมองหาของขวัญที่มีรูปลักษณ์และราคาเหมาะสมมอบให้เขา รับรองว่าซึ้งใจทั้งผู้ให้ผู้รับแน่นอน

มาถ่ายภาพ พรีเวดดิ้ง ด้วยโดรนกันดีกว่า ได้ภาพมุมแปลกใหม่ สวยเก๋ ไม่ซ้ำใคร

บ่าวสาวจ๋า มาถ่ายภาพ พรีเวดดิ้ง ด้วยโดรนกันดีกว่า เพราะงานนี้นอกจากจะได้ภาพสวยๆ แล้วยังได้ภาพมุมแปลกใหม่ สวยเก๋ ไม่ซ้ำใคร แน่นอน เพราะเจ้าโดรน สามารถบินขึ้นฟ้า แล้วถ่ายภาพบ่าวสาวจากมุมสูงได้นั่นเอง บ่าวสาวสามารถเลือกโลเคชั่นสวยๆ ทั้งประเทศและนอกประเทศ ไว้เพื่อถ่ายภาพจากโดรนได้ ไม่ว่าจะเป็น วิวภูเขา วิวทะเล วิวทุ่งหญ้า หรือสามารถชวนญาติๆ เพื่อนๆ มาช่วยยืนเรียงกันเป็นรูปทรงต่างๆ ก็เก๋ไปอีกแบบนะคะ

แน่นอนว่าถ่ายพรีเวดดิ้งโดยใช้โดรน นอกจากที่จะได้ภาพสวยแปลกตาแล้ว ก็มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น เพราะช่างภาพต้องนำโดรนมาถ่าย แล้วเจ้าโดรนแต่ละตัวราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ดังนั้นก่อนบ่าวสาวจะหาช่างภาพเพื่อมาถ่ายภาพจากโดรน ลองศึกษาราคาของช่างภาพแต่ละคน ว่าคิดค่าใช้จ่ายอย่างไร เป็นคิวเต็มวันหรือครึ่งวัน รวมไปถึงหาโลเคชั่นที่จะถ่าย ดูช่วงเวลาในการถ่ายที่เหมาะสมก่อนนะคะ เพื่อที่จะได้ไปแล้วไม่เสียเที่ยว และได้ภาพสวยๆ กลับมาค่ะ

และอีกสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ โดรน มีแบตเตอรี่ที่จำกัด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของโดรนนั้นๆ บ่าวสาวและช่างภาพควรเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนถ่ายภาพ เพื่อที่เวลานำโดรนขึ้นแล้วจะได้ไม่เสียเวลา รวมไปถึงควรดูทิศทางลม ถ้าช่วงเวลานั้นมีลมแรง พายุเข้า อันนี้ก็ไม่ควรถ่ายภาพจากโดรนนะคะ มีความเสี่ยงที่จะทำให้สั่นไหวจากลมได้ค่ะ อย่าลืมว่าโดรนเป็นเพียงหนึ่งอุปกรณ์ถ่ายภาพ ที่ช่วยทำให้เราได้มุมมองที่แตกต่างออกไปนะคะ เพราะเจ้าโดรนสุดทันสมัยก็มีข้อจำกัดในเรื่องมุมมองเหมือนกัน เช่น ไม่สามารถถ่ายแบบภาพพรอตเทรตได้ ยิ่งแบบหน้าชัดหลังเบลอก็ยิ่งไม่ได้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับว่าที่บ่าวสาวที่อยากเน้นเป็นการถ่ายวิวทิวทัศน์มากกว่า ดังนั้นบ่าวสาวอาจจะเลือกถ่ายพรีเวดดิ้งแบบทั่วไปเป็นหลัก แล้วเสริมด้วยการถ่ายด้วยโดรนก็ได้นะคะ…แต่!! งานนี้ต้องมั่นใจว่างบสำหรับถ่ายภาพที่วางกันไว้นั้นเหลือเฟือ!!

มาชมตัวอย่าง ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง จากโดรนกันเลย

พรีเวดดิ้ง

ว่าแล้วก็ไปศึกษากันต่อเรื่อง ภาพถ่ายพรีเวดดิ้ง สไตล์ต่างๆ รู้ไว้จะได้เป็นไอเดียไว้คุยกับช่างภาพได้ถูก รับรองว่างานนี้ว่าที่บ่าวสาวได้ภาพพรีเวดดิ้งแบบครบเซตครบทุกมุมแน่นอน

ภาพจาก : Pinterest.com