โดยชั้นล่างสุดของโรงแรมจัดแบ่งพื้นที่เป็น S Gallery ที่มีงานศิลปะจากศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศหมุนเวียนเข้ามาร่วมจัดแสดง ด้านห้องพักนั้นเติมเต็มด้วยภาพถ่ายที่บอกเล่าความหมายของกรุงเทพฯ และปารีส อิ่มอารมณ์การพักผ่อนด้วยการปูเตียงแบบพิเศษอันเป็นซิกเนเจอร์ของโซฟิเทล พร้อมด้วยโปรแกรม My Bed Experience ที่ช่วยให้ผู้เข้าพักนอนหลับฝันดียิ่งขึ้น ซึ่ง My Bed Experience นี้มีให้เลือกทั้งความนุ่มของหมอน กลิ่นอะโรมาที่ใช้ในห้อง โปรดักส์สปาในห้องน้ำ รวมไปถึงเครื่องดื่มอุ่นๆ ที่จัดเสิร์ฟก่อนนอน และสำหรับคู่ฮันนีมูนและคู่แต่งงาน ทางโรงแรมยังมีชุดอาฟเตอร์นูนทีสุดน่ารัก รวมทั้งแชมเปญให้ได้ดื่มฉลองในวันสุดพิเศษอีกด้วย
นอกจากห้องพักแล้ว Le Spa เป็นอีกไฮไลต์ที่คู่รักทั้งหลายห้ามพลาด ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์สปาจาก L’ Occitane และห้องทรีตเมนต์ที่ออกแบบเป็นเตียงคู่สำหรับคู่รักแล้ว ที่นี่ยังมีห้องซิกเนเจอร์ที่ครบทั้งห้องสตรีม และอ่างจากุชชี่สุดผ่อนคลาย
มาถึง โซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท แล้วห้ามพลาดกับห้องอาหารฝรั่งเศส L’ Appart ที่นำเอาเสน่ห์ของวิลล่าหรูในปารีสและไลฟ์สไตล์ของชาวปารีเซียงมาเป็นแรงบันดาลใจ เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับพร้อมด้วยวิวดาวบนดินกลางมหานครเป็นของหวาน
อย่างที่เราเกริ่นไปแล้วว่า ความเด็ดของ The Chic Man อยู่ที่สปาทรีตเม้นต์ใบหน้า 75 นาที กับ ELEMIS Skin IQ+ Facial for Men ซึ่งครั้งนี้เราได้เชิญ Mr. GG ว่าที่เจ้าบ่าวตัวจริงมาเป็นผู้พิสูจน์คุณภาพของสปาตัวนี้กับเรา ส่วนทรีตเม้นต์ที่ว่านี้ดีงามแค่ไหน มาทำความรู้จักรายละเอียดของทรีตเม้นต์และฟังความรู้สึกจากผู้ที่ได้พิสูจน์ด้วยตัวคุณเองได้เลยค่ะ
ELEMIS Skin IQ+ Facial for Men คือโปนแกรมดูแลริ้วรอยบนใบหน้าในลดลง โดยการใช้ผลิตภัณฑ์จาก ELEMIS ประเทศอังกฤษ ควบคู่ไปกับฝีมือการนวดประทินผิวหน้าในแบบฉบับของอนันตรา สปา ค่ะ กระบวนการแรกสู่การหล่อเด้งคือ การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ซึ่งการทำความสะอาดผิวหน้าในขั้นแรกคือการช่วยเปิดรูขุมขน ก่อนที่จะลงโทนเนอร์ ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกอีกครั้ง
“ELEMIS Skin IQ+ Facial for Men” จาก The Chic Man สร้างสรรค์มาเพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งต่อให้คุณไม่ใช่เจ้าบ่าว แต่รักที่จะดูแลตัวเอง บอกเลยว่าไม่ควรพลาดโปรแกรมนี้
คัชชูว์หนังสีขาวใส่ได้กับทุกสิ่งอย่าง เหมือนรองเท้าหนังสีขาวฉุลายดอกไม้จาก Christian Louboutin คู่นี้ที่ไม่ต้องหวานฟรุ้งฟริ้งมากมายแต่ก็เข้าได้ดีกับชุดแต่งงานสีขาว แถมยังมีกิมมิคที่ส้นรองเท้าไม่ต้องตรงเป๊ะ แต่มีลายคลื่นให้ดูสนุกสนาน
รองเท้า Something Blue จาก Jimmy Choo คู่นี้หวานละมุนไม่เว่อร์วังจนเกินไปที่จะหยิบมาใส่ในชีวิตประจำวัน แต่ก็ไม่เรียบเปี๊ยบจนไร้จุดเด่นด้วยเครื่องประดับวิบวับที่ด้านหน้าจึงสวยเด่นได้ในวันแต่งงาน
เมทัลลิคไหมละเธอว์ รองเท้าหนังสีเงินดอกไม้จาก Oscar de la Renta สวยหรูสมฐานะเจ้าสาวแถมจับคู่กับกางเกงยีส์ก็ดูเป็นสาวร็อคได้เหมือนกัน
สาวสายหวานมุ้งมิ้งจุ้งจิ้งต้องชอบ Charlotte Olympia คู่นี้ ลองนึกภาพว่าจับคู่กับกระโปรงสั้นฟู่ฟ่องสิ น่ารักสุดๆ ไปเลย แถมเรียกสายตาด้วยคริสตัลเม็ดเป้งยิ่งทำให้สวยโดดเด่น
เจ้าสาวที่ไม่อยากได้ลุคมุ้งมิ้งกระดิ่มแมวต้องถูกใจรองเท้าดีไซน์เท่จาก Stuart Weitzman ที่ผสมผสานงานหนังและสีเมทัลลิคได้อย่างกลมกลืนแน่ๆ เพราะนอกจากจะมีความร็อคอยู่นิดๆ ยังใส่กระชับเพราะที่รัดเท้าด้านหน้ากว้างกว่าคู่อื่นๆ
รองเท้าประดับลูกไม้แต่ไม่หวานจ๋าจาก Ivanka Trump ใส่ในวันแต่งงานก็ได้ลุคเจ้าสาวเซ็กซี่ ใส่ในวันอื่นๆ ของชีวิตก็สร้างลุค Working Woman ที่มีความปราดเปรียวไม่ต่างจากเจ้าของแบรนด์เลยทีเดียว
ด้านห้อง Sky Pool Villa ที่อยู่ในอาคารเดียวกันได้เพิ่มฟังก์ชั่นความว้าวด้วยการเสกสระว่ายน้ำส่วนตัวมาไว้ยังชั้นดาดฟ้า และที่จะขาดไม่ได้ของโซนนี้คือ Spa Pool Villa ที่นอกจากจะมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่พร้อมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนืออ่าวไทยอย่างไม่มีอะไรมาบดบังแล้ว ในห้องนี้ยังมีการนำเตียงสปามาจัดวางไว้ในห้องพัก เพื่อให้คู่รักสามารถทำทรีตเมนต์สปาได้แบบส่วนตัว
และเพื่อให้การพักผ่อนสวีตหวานยิ่งกว่า ทางวิรันดา รีสอร์ต หัวหิน จึงเปิดห้องพักโซนใหม่ Pool Suite ที่ตกแต่งให้โมเดิร์นขึ้นด้วยการใช้โทนสีขาวดำมาตัดกับความจัดจ้านของแสงไฟ พร้อมด้วยมุมพักผ่อนที่มีครบทั้งสระว่ายน้ำส่วนตัว สวนขนาดย่อม อีกทั้งบางห้องยังมีสไลเดอร์ให้ได้ไถลลื่นลงสู่สระว่ายน้ำสุดไพรเวทอีกด้วย
วันนี้เราขอนำตัวอย่างงานแต่ง Black & White Reception ของคู่รักอินเตอร์ มากาเร็ตและอารอน มาให้คุณๆ ได้ลองนำไปเป็นไอเดียคัดสรรธีมงานแต่งสุดคลาสิกบ้าง ขอบอกตรงนี้ก่อนว่า นอกจากสีขาวดำที่เรียบๆ แต่คลาสิก ยังมีเรื่องของสถานที่จัดงานแต่งงานที่ทั้งคู่เลือก โดยจัดพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาคริสต์กันที่โบสถ์ St Monica Catholic School Church มิชิแกน ที่โดดเด่นด้วยงานไม้และความเรียบง่ายทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ซึ่ง WEweddingguide เห็นว่า ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมายจนงบประมาณบานปลาย แต่ทั้งคู่กลับไปงานแต่งงานอย่างฝันไปจริงๆ นั่นแปลว่า บ่าวสาวชาวไทยอย่างเราๆ ท่านๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แค่เลือกโบสถ์สวยๆ จะได้ประหยัดงบตกแต่ง
ต่อด้วยงานฉลองมงคลสมรสกันที่ Kalamazoo Country Club ภายในห้องจัดเลี้ยงสีขาวที่เพิ่มความโรแมนติกด้วยการโยงผ้าโปร่งที่เพดานและประดับไฟหยดน้ำเป็นเส้นเรียงไปตามการทิ้งตัวของเนื้อผ้า สำหรับโต๊ะทานอาหารจัดเป็นโต๊ะยาวแบบง่ายๆ เน้นการจัดวางอุปกรณ์บนโต๊ะ ซึ่งแน่นอนว่าคุมโทนสีขาวครีมเป็นหลัก เพิ่มรายละเอียดที่ทุกจานวางขนมปังแท่งเคลือบช้อกโกแลตในโทนสีขาวดำตามธีมงาน