จัดงานแต่งไทยด้วยตัวเองอย่างไรให้ราบรื่น รับมือไม่ยากอย่างที่คิด

ตั้งสติให้ดีแล้วมาดูวิธีรับมือกับการ จัดงานแต่งไทย กัน

ถึงแม้ว่างานแต่งไทย (บางงาน) จะมีสเกลที่เล็กกว่างานฉลองมงคลสมรสในช่วงเย็น แต่กลับเป็นงานที่เต็มไปด้วยพิธีและรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้บ่าวสาวงงงวยกันมาแล้วหลายคู่ แพรว wedding เลยมีวิธีรับมือกับการ จัดงานแต่งไทย มาฝาก รับรองทำตามนี้พิธีเรียบลื่นไม่มีสะดุด

การจัดงานแต่งไทยที่มีรายละเอียดเยอะจะรับมืออย่างไรดี

ความยุ่งยากในการจัดงานแต่งงานไทยเป็นเรื่องของพิธีการเสียเป็นส่วนมาก เพราะเป็นประเพณีและมีความเชื่อที่ยึดถือและปฏิบัติกันมาช้านาน ซึ่งไม่ใช่ความรู้ทั่วไปแต่เป็นความรู้ที่เฉพาะทางมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษามาอย่างดีก็อาจจะสับสนได้ ยิ่งถ้าหากบ่าวสาวมาจากพื้นเพที่ต่างกัน เช่น มาจากคนละภาค หรือฝ่ายหนึ่งมีเชื้อสายจีน ก็จะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันอีก ซึ่งก็ไม่มีฝั่งไหนที่ถูกหรือผิดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายจึงควรคุยกันให้ชัดเจนว่าจะยึดธรรมเนียมปฏิบัติของบ้านไหนเป็นหลัก ซึ่งอาจจะยกธรรมเนียมปฏิบัติให้กับบ้านที่เคร่งกว่าเป็นหลักก็ได้ แล้วธรรมเนียมของอีกบ้านมาเสริมเพื่อให้เกิดความสบายใจในทุกฝ่าย

จัดงานแต่งไทย

และถึงแม้ว่างานแต่งไทยจะมีขนาดหรือสเกลที่เล็กกว่างานฉลองในตอนเย็น แต่แขกเกือบทุกคนที่มาร่วมพิธีงานแต่งไทยก็มักจะมีส่วนร่วมกันงาน เช่น ถือขันหมาก หรือรดนำสังข์ เป็นต้น จึงมักจะสร้างความสับสนงุนงงให้เกิดขึ้นได้ว่า ใครต้องทำอะไร ที่ไหน ตอนไหน อย่างไร แถมพิธีแต่งงานไทยก็อัดแน่นไปด้วยช่วงพิธีการที่มักจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่จึงไม่ได้มีเวลาเพียงพอให้แขกแต่ละคนได้ซักซ้อมหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวมีงบประมาณเพิ่มเติมอีกสักนิด อาจจะหาผู้รู้จริงมาคอยประสานงานว่าต้องทำอะไรตอนไหน โดยอาจจะให้คนๆ นั้นทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินพิธีการต่างๆ ไปในตัวเลยก็ได้ เพื่อช่วยให้งานออกมาราบรื่นมากที่สุด

งานแต่งไทยใช้เงินเยอะไหม

ปัจจุบันบ่าวสาวเริ่มหันมาใส่ใจงานแต่งเช้ากันมากขึ้น และอยากที่จะให้ออกมาดูดีมีเอกลักษณ์ ซึ่งสำหรับคู่ที่ต้องบริหารค่าใช้จ่าย อาจนำเรื่องของดีไซน์เข้ามาช่วย ถ้าดีไซน์ภาพรวมของงานออกมาลงตัว งบจะมากจะน้อยงานก็ออกมาประทับใจได เพราะงานที่สวยไม่จำเป็นต้องโถมดอกไม้ให้เยอะเสมอไป ซึ่งหากบ่าวสาวมีงบจำกัด อาจเน้นการตกแต่งไปที่จุดหลักๆ ที่ต้องมีการถ่ายรูป เช่น ฉากหลังของพิธีหมั้น ฉากหลังพิธีรดน้ำสังข์ ซุ้มประตูทางเข้า หรือชุดขันหมากเพราะถ้าหากขบวนมีความสวยงามตอนเดินเข้ามาก็จะทำให้ภาพรวมของงานออกมาดูดีด้วย หรือจะเลือกตกแต่งดอกไม้แบบสากลแล้วนำดอกไม้ไทยที่มีความสวยงาม (ซึ่งส่วนมากจะราคาสูง) เข้าไปเพิ่มด้วยอีกนิดหน่อย เพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาดูร่วมสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายแบบไทยๆ บ่าวสาวถูกใจ ผู้ใหญ่ชอบ แถมยังช่วยทุ่นเรื่องงบด้วย

จัดงานเล็กๆ ที่บ้านได้ไหม

หลายบ้านคิดว่างานแต่งแบบไทยมีแค่คนกันเอง จัดที่บ้านก็ได้จะได้ประหยัดค่าสถานที่ด้วย แต่ลืมคิดไปว่ามีแต่เจ้าบ้านเท่านั้นที่คุ้นเคยกับสถานที่ เพราะฉะนั้นพอมีอะไรติดขัดนิดๆ หน่อยๆ ทุกคนก็จะวิ่งเข้าหาเจ้าของบ้านซึ่งตอนนั้นคุณอาจจะกำลังอยู่ในช่วงพิธีการก็ได้ เช่น ไฟสว่างไม่พอ เปิดไฟตรงไหน เก็บมาลัยมงคลไว้ตรงไหน ห้องน้ำไม่พอขึ้นไปเข้าชั้นบนได้ไหม เป็นต้น กลายเป็นความวุ่นวายแทนที่จะได้ความอบอุ่น นี่ยังไม่รวมปัญหาเรื่องแอร์ที่อาจจะเย็นไม่พอสำหรับแขก 40-50 คนที่มานั่งรวมกันอีก (แล้วถ้ายิ่งบ้านไม่มีแอร์นี่จะเป็นอย่างไร) รวมไปถึงกองทัพรองเท้าอีกนับร้อยที่กองอยู่หน้าบ้าน จนช่างภาพปวดหัวว่าแล้วจะเก็บภาพกว้างของบรรยากาศอย่างไรดี เพราะฉะนั้นหากพื้นที่บ้านของบ่าวสาวไม่ได้มีขนาดที่กว้างขวางเพียงพอจะรับจำนวนแขกที่เชิญมาได้ การเลือกเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยแล้วไปจัดยังสถานที่ที่รับจัดงานแต่ง เราว่าน่าจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาดูดีกว่านะคะ

ภาพ : Room Bridal Studio

แต่ถ้าหากแขกที่บ่าวสาวจะเชิญมานั้นน้อยจริงๆ 20-30 คนที่คิดว่าพื้นที่บ้านน่าจะรองรับได้ อันนี้เราก็ไม่ติดที่บ่าวสาวจะจัดงานหมั้นสุดอบอุ่นที่จะได้ใกล้ชิดกันญาติมิตรและคนสนิทของบ่าวสาวนะคะ

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพปก : งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH

ข้าวของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงานแบบไทย มีอะไรบ้างไปเช็คกันเลย

พิธีแต่งงานแบบไทย เต็มไปด้วยรายละเอียดและข้าวของที่ต้องเตรียมมากมาย แพรว wedding จึงรวบรวมข้าวของสำคัญที่บ่าวสาวต้องเตรียมให้พร้อมและถูกต้องตามประเพณีมาให้ โดยแบ่งเป็นของในพิธีต่างๆ เริ่มตั้งแต่พิธีแห่ขันหมาก พิธีล้างเท้า พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีรับไหว้ พิธีปูเตียงเรียงหมอน พร้อมแทรกความหมายมงคลของแต่ละอย่างที่บ่าวสาวควรรู้เพื่อบ่าวสาวจะได้จัดของเข้า พิธีแต่งงานแบบไทย ได้อย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น 

1. ชุดขันหมาก ใช้ในพิธีแห่ขันหมากและรับไหว้ ซึ่งแต่โบราณนั้นหากจัดเตรียมแบบเต็มรูปแบบต้องมีทั้งขันหมากเอกและขันหมากโท แต่ด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้ชุดขันหมากถูกลดทอนจำนวนลงไปค่อนข้างมากตามขนาดพิธีและงบประมาณที่มี แต่ก็ยังคงความเป็นมงคลด้วยองค์ประกอบหลักในชุดขันหมาก ดังต่อไปนี้

พิธีแต่งงานแบบไทย

พานขันหมากเอก ในพานประกอบด้วย

  • พลูจีบ สื่อความหมายถึงการต้อนรับด้วยไมตรีจิต นำมาจากธรรมเนียมการต้อนรับแขกที่มาเยือนเรือนชาน ซึ่งเจ้าบ้านจะเตรียมเชี่ยนหมากที่มีหมากพลูเป็นเครื่องต้อนรับ โดยเมื่อนำมาอยู่ในพานขันหมากเอกนิยมทำเป็นพลูจีบจัดเป็นคำๆ จำนวน 9 คู่จัดวางให้ขนาดพอดีกับพาน
  • ถั่ว งา ข้าวเปลือก ข้าวตอก ใส่ไว้ในถุงเงินถุงทอง โดยถั่ว งา ข้าวเปลือกเปรียบเสมือนเป็นการอวยพรให้บ่าวสาวมีความเจริญ ทรัพย์สินเพิ่มพูน หากทำการค้าใดๆ ก็ให้รุ่งเรืองด้วยดี ส่วนข้าวตอกเปรียบเสมือนการอวยพรให้ความรักของบ่าวสาวเบ่งบานเช่นเดียวกับข้าวตอก
  • ดอกไม้ชื่อเป็นมงคล มักนำมาใช้โรยสินสอด ได้แก่ ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ และดอกบานไม่รู้โรย  เปรียบเสมือนการอวยพรให้บ่าวสาวครองรักกกันมั่นคงยืนยาว และให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข
  • ใบเงิน ใบทอง ใบนาค วางเรียงหรือจัดเป็นช่อให้สวยงาม

ทั้งนี้หากมีการจัด “พานขันหมากโท” ก็จะจัดให้มี ขนาดพานที่เล็กกว่า โดยในพานบรรจุใบพลู 9 เรียง เรียงละ 9 ใบ หมากจำนวน 9 คู่ที่ไม่ต้องเจียนออกเป็นคำๆ  แต่ให้ใส่ลงไปทั้งลูก โดยปาดส่วนหัวออกเล็กน้อยแล้วใช้ปูนแดงทาให้สวยงาม จากนั้นจัดวางหมากทั้งหมดเป็น 3 กระจุก ซึ่งหมายถึงครอบครัว ที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก

2. พานแหวน

นิยมจัดทำเป็นพานขนาดเล็กพอดีกับการวางกล่องแหวน ซึ่งหากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแต่ดั้งเดิมจะมีเพียงแหวนที่ฝ่ายชายนำมาหมั้นฝ่ายหญิงเพียงวงเดียว ส่วนการสวมแหวนให้ฝ่ายชายเป็นการรับเอาวัฒนธรรมการแลกแหวนแต่งงานของชาวตะวันตกมาใช้ พานแหวนในปัจจุบันจึงทำขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิดเพื่อวางกล่องแหวนได้สองกล่อง หรือกล่องเดียวแต่ใส่แหวนลงไป 2 วง

 

3. พานธูปเทียนแพ

ประกอบด้วยกระทงดอกไม้ครอบด้วยกรวยใบตอง ธูปแพไม้ระกำ 10 ดอก และเทียน 10 เล่มวางอยู่บนพาน ซึ่งจะตกแต่งสวยงามอลังการอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามวางธูปกับเทียนสลับกันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งสุดมงคลจะกลายเป็นงานอวมงคลไปทันที  เพราะในงานอวมงคลอย่างงานศพจะวางเทียนไว้ด้านบนตามด้วยธูป โดยธูปเทียนแพเป็นเครื่องแสดงความเคารพอย่างสูงและยังเป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อความผิดที่เคยกระทำมา และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ต้องเจาะจงว่า พานธูปเทียนนั้นเจ้าบ่าวต้องเป็นคนถือ ใครอื่นจะมาถือแทนไม่ได้ โดยในพิธีรับไหว้ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการสวมแหวนก็จะนำพานธูปเทียนแพที่เจ้าบ่าวถือมากับขบวนขันหมากนี้มาใช้ในพิธี

โดยพิธีรับไหว้นี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บ่าวสาวได้ทำความเคารพ แนะนำตัว และฝากเนื้อฝากตัวกับครอบครัวของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันก็ถือเป็นการแสดงความขอบคุณและขอขมาผู้มีพระคุณ โดยผู้ที่จะขึ้นมารับไหว้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่าบ่าวสาว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง หรือแขกผู้ใหญ่คนสำคัญที่บ่าวสาวเคารพ

4. พานต้นกล้วยต้นอ้อย 

เดิมทีจะนำต้นกล้วยต้นอ้อยที่ติดรากมาเข้าพิธีแบบไม่ลงไว้ในพาน โดยนำมาเข้าในขบวนขันหมากอย่างละสองต้น  แต่ปัจจุบันนิยมจัดใส่ในพานสวยงามให้เดินถือง่ายขึ้น แต่ยังคงให้ความสำคัญว่าจะต้องมีรากติดทุกต้นเพื่อบ่าวสาวนำกลับไปปลูกที่บ้านเรือนหอนั่นเอง สำหรับต้นกล้วยที่นิยมนำมาใช้ในพิธีแต่งงานคือ กล้วยน้ำว้า เพราะออกดอกออกผลง่าย เจริญเติบโตดี และเป็นกล้วยพันธุ์แข็งแรงที่ไม่ต้องดูแลมากเหมือนพันธุ์อื่นๆ  เสมือนให้ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า และมีลูกหลานที่สมบูรณ์แข็งแรง ส่วนต้นอ้อยที่นิยมนำมาใช้คืออ้อยแดง ซึ่งหมายถึงให้ชีวิตคู่มีแต่ความหอมหวานและราบรื่นไปด้วยดี

 

5. พานขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย

  • ทองหยิบ หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย ให้ชีวิตคู่รุ่งเรือง หยิบจับงานการก็เป็นเงินเป็นทอง
  • ทองหยอด หมายถึง มีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้นประดุจให้ทองคำ
  • ฝอยทอง หมายถึง มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว โดยถือเคล็ดว่าห้ามตัดขนมให้สั้นเพื่อที่คู่บ่าวสาวจะได้ครองคู่และรักกันอย่างยืนยาวตลอดไป
  • ขนมชั้น หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนชั้นเลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
  • ทองเอก หมายถึง เป็นที่หนึ่ง เป็นการอวยพรให้บ่าวสาวเจริญในหน้าที่การงาน
  • เม็ดขนุน หมายถึง มีคนสนับสนุนไม่ขาด คู่บ่าวสาวได้รับการสนับสนุนในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงานหรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่
  • จ่ามงกุฎ หมายถึง มีเกียรติยศที่สูงส่ง เป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้คู่บ่าวสาวเจริญก้าวหน้า เพียบพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
  • ถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู ให้ชีวิตคู่และครอบครัวมีแต่ความเจริญ
    เสน่ห์จันทน์ หมายถึง มีเสน่ห์คนรักคนหลง ดังเสน่ห์ของผลจันทน์

6. ชุดล้างเท้า ใช้ในพิธีล้างเท้า พิธีนี้มีมาแต่สมัยโบราณเมื่อครั้งที่ยังไม่มีการสวมรองเท้าเช่นทุกวันนี้ ซึ่งตามบ้านเรือนทุกหลังจะมีตุ่มน้ำที่เจ้าบ้านเตรียมไว้ให้แขกที่มาเยือนล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน เมื่อมีการจัดพิธีแต่งงานจึงมีการแทรกพิธีการล้างเท้านี้เข้ามาด้วย โดยปัจจุบันเมื่อมีการใส่รองเท้าจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นการใช้ก้านมะยม 9 มัดจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้แล้วพรมบนรองเท้าเจ้าบ่าว ไม่ได้ล้างเท้าจริงๆ เหมือนสมัยก่อน โดยคนที่จะมาทำหน้าที่ล้างเท้าให้เจ้าบ่าวต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าบ่าว สาว เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน

 

7. ชุดหอยสังข์ ใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือที่เรียกกันว่าพิธีรดน้ำสังข์ ประกอบด้วยพวงมาลัยบ่าวสาวซึ่งนิยมใช้เป็นมาลัยสองชาย โดยมีความเชื่อว่าให้ใช้มาลัยบ่าวสาวคู่เดียวกันคล้องคอทั้งพิธีแต่งงานช่วงเช้าและช่วงเย็น จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างราบรื่นไม่มีการเปลี่ยนคู่ ส่วนในชุดหอยสังข์สำหรับทำพิธีนั้นประกอบด้วยแป้งเจิม มงคลแฝด และน้ำมนต์สำหรับใช้ในการรดน้ำ ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้นิยมให้พระที่นับถือเป็นผู้ทำพิธีให้ก่อนนำมาใช้ในพิธีจริง

องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าขาดไม่ได้คือ หอยสังข์ ซึ่งมีความเชื่อว่าคือ 1 ในของวิเศษ 14 อย่างที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร และหอยสังข์ยังเป็นหนึ่งในศัสตราวุธที่พระนารายณ์ทรงถือ นอกจากนี้ความที่เปลือกหอยสังข์มีสีขาวบริสุทธิ์และมีลักษณะเวียนขวาอันเป็นทิศมงคล จึงมีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นน้ำมงคลเหมาะแก่การใช้รดน้ำในงานมงคลประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิ่งงานวิวาห์ที่นิยมใช้หอยสังข์ในการรดน้ำสังข์ให้แก่คู่บ่าวสาวเพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดี

8. ชุดส่งตัว ใช้ในพิธีปูเตียงเรียงหมอนจะเชิญคู่สามีภรรยาที่ผ่านการใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันมาอย่างยาวนาน  อบอุ่นและสมบูรณ์แบบมาทำพิธี เพื่อเป็นเคล็ดให้บ่าวสาวใช้ชีวิตคู่ได้ดีเช่นเดียวกัน โดยมีของประกอบพิธีดังนี้

  • หินบดยา 1 ก้อน หมายถึง คู่ชีวิตมีจิตใจหนักแน่น
  • แมวคราว (แมวตัวผู้ที่อายุมากแล้ว) 1 ตัว หมายถึง อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ปัจจุบันใช้รูปปั้นแมวเพื่อความสะดวก
  • ไก่ขาว 1 ตัว หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร
  • ไม้เท้า 1 อัน หมายถึง ครองรักกันจนแก่เฒ่า
  • ฟักเขียว 1 ลูก หมายถึง ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
  • ถั่วและงา อย่างละ 1 ถุง หมายถึง ความเจริญงอกงาม
  • ภาชนะใส่น้ำ 1 ที่ หมายถึง ความสามัคคีกลมเกลียว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ขอบคุณพานขันหมาก : ร้านบายศรีวิจิตร

เครื่องแขวนดอกไม้สด ช่วยเพิ่มบรรยากาศงานแต่งไทยให้สมบูรณ์ พร้อมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนสั่งทำ

เพิ่มความงามให้งานแต่งพิธีไทยด้วย เครื่องแขวนดอกไม้สด

นอกจากบรรดาดอกไม้ไทยๆ หรือพร็อปส์บางอย่างที่บ่าวสาวจะจัดหามาประดับตกแต่งไว้ในงานแต่งงานแบบพิธีไทยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่มักจะมองข้าม หรือนึกไม่ถึงก็คือ เครื่องแขวนดอกไม้สด ที่สามารถนำมาแขวนประดับไว้ยังส่วนต่างๆ ของงานเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูไท๊ยไทย แพรว wedding เลยไปรวบรวมเครื่องแขวนงานแต่งไทยมาให้ว่าที่บ่าวสาวได้ดูกัน เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับว่าที่บ่าวสาวได้นำไปใช้ในงานแต่งงานของตัวเองกัน

เครื่องแขวนไทยมีอะไรบ้าง?

เครื่องแขวนไทยเป็นภูมิปัญญาการประดิษฐ์ประดอยสิ่งของสวยงามของไทยที่มีมาเนิ่นนาน นิยมใช้กันทุกงานประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหยิบจับมาใส่ในงานแต่งไทยแล้ว ก็ยิ่งสวยและเพิ่มบรรยากาศไทยๆ ให้มากขึ้นไปอีก โดยเครื่องแขวนแต่ละชนิดก็มีลวดลายและชื่อเรียกเพราะๆ แตกต่างกันไป เช่น บันไดแก้ว บันไดเงิน บันไดทอง กลิ่นจีนดอกรัก วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น พวงชมพู พวงแก้ว และอีกมากมาย (ตามดูรูปได้ข้างล่างจ้ะ) ซึ่งแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ร้อยเรียงมาจากดอกไม้มงคลอย่าง ดอกรัก ดอกพุด ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ดอกกุหลาบ ดอกจำปี ดอกจำปา และหากว่าใช้ดอกไม้สดในการทำ เมื่อนำไปแขวนในสถานที่จัดพิธีก็จะโชยกลิ่นหอมรื่นจมูก

พัดจีนประยุกต์

เครื่องแขวนดอกไม้สด

ลักษณะคล้ายพัดจีน ตัวพัดร้อยเป็นตาข่ายด้วยดอกพุด เมื่อนำมาตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสจะเพิ่มความสะดุดตาชวนมอง ปลายด้ามพัดและส่วนล่างตกแต่งด้วยอุบะและตุ้งติ้ง เหมาะสำาหรับแขวนประดับช่องประตู หน้าต่าง หรือตามฝาผนัง

เอาไปแขวนที่ไหนดี?

ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเครื่องแขวนไทย ก็ไม่วายจะมีถามว่า แขวนที่ไหนดีล่ะ? ข้อนี้ตอบไม่ยากค่ะ เพราะส่วนใหญ่มักจะนำไปแขวนตามทางเข้างาน หน้าต่าง ประตู ฝาผนัง ตามฉาก ตามมุมต่างๆ ของสถานที่ บางครั้งก็ห้อยระย้าลงมาจากเพดานสวยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ความกว้างใหญ่และลักษณะของสถานที่ที่ใช้จัดงานว่าจะสามารถแขวนตรงไหนได้บ้าง แขวนแล้วจะสวยงามหรือไม่ ซึ่งว่าที่บ่าวสาวอาจต้องใช้ศิลปะในการจัดวางองค์ประกอบกันสักนิด

ขนาดของเครื่องแขวนแต่ละประเภทก็สำคัญกับการเลือกนำไปใช้เช่นกัน โดยเครื่องแขวนจะมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่มาก วัดขนาดกันเป็นนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีว่าที่บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านว่า บริเวณที่ต้องการจะแขวนมีความกว้างยาวเท่าไหร่ เครื่องเขวนที่จะนำมาใช้จะได้ไม่ใหญ่ไป เล็กไป และสวยงามพอดีกัน

กลิ่นตะแคงประยุกต์

ลักษณะคล้ายต่างหู เป็นแบบที่ดัดแปลงมาจากกลิ่นตะแคง คือรูปดาว 6 แฉกอยู่ตรงกลาง ส่วนบนเป็นดาวครึ่งดวง ส่วนล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมติดกัน 2 อัน นำทุกส่วนมาผูกโยงเชื่อมกัน แล้วผูกอุบะและตุ้งติ้ง ให้ความรู้สึกที่โปร่งบางเบา เมื่อมีลมพัดเพียงเล็กน้อยก็จะไหว

 

ระย้าประยุกต์

ประกอบด้วยโครงสร้างทรงกลมแบนถักตาข่ายจอมแหด้วยดอกพุด ส่วนบนร้อยดอกรักเป็นสาย ส่วนล่างถักตาข่าย ดอกพุดชายห้อยอุบะตุ้งติ้ง ประดับเฟื่องมาลัยแบน ติดอุบะไทยลายประยุกต์ ส่วนล่างของระย้าประดับด้วยอุบะไทย

 

วิมานพระอินทร์

ประยุกต์ใช้ประดับประตู-หน้าต่าง ประดิษฐ์เพิ่มเติมจากตาข่ายหน้าช้าง ระหว่างจั่วบนและจั่วล่างจะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายช่องหน้าต่าง ตรงกลางหน้าจั่วอาจติดแบบพระอินทร์ และติดแบบกระหนกบนจั่วล่าง หรืออาจจะไม่ติด เลยก็ได้

กลิ่นคว่ำประยุกต์

โครงสร้างเป็นกลิ่นตะแคง 6 แฉก ถักด้วยดอกรัก ส่วนบนและล่างร้อยดอกรักเป็นสายผูกรวบด้วยกัน ประดับด้วยเฟื่องมาลัยแบน ลูกโซ่ ตามมุมห้อยอุบะด้วยสร้อยสนจากดอกรัก ส่วนชายห้อยอุบะไทยทรงเครื่องด้วยกลีบดอกไม้

การสั่งทำ

เนื่องจากเครื่องแขวนไทยมีมากมายหลายขนาด สิ่งสำคัญของการสั่งทำคือ งบประมาณ ว่าที่บ่าวสาวต้องดูว่าอยากได้แบบไหน ราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่าถ้าเป็นอันใหญ่ๆ ใช้วัสดุและดอกไม้เยอะก็มีราคาแพง แต่ถ้าเป็นอันเล็กๆ ใช้ดอกไม้ไม่มากราคาก็ถูกลงมา รวมถึงว่าที่บ่าวสาวควรสั่งทำกับทางร้านตั้งแต่เนิ่นๆ และแจ้งวันที่จะใช้งานจริงให้ชัดเจน เพราะเครื่องแขวนบางแบบจะต้องใช้เวลาในการขึ้นโครงก่อนที่จะลงดอกไม้จริง

 

บันไดเงินประยุกต์

ลักษณะคล้ายขั้นบันได 3 ขั้น นำมาผูกโยงกันด้วยสายร้อยด้านข้าง และสายร้อยไขว้กากบาท ตกแต่งด้วยตุ้งติ้ง ใช้ดอกไม้หลากสีสันและลวดลายตกแต่งที่แปลกตาออกไป

 

กระเช้าสีดาประยุกต์

โครงสร้างเป็นรูปกระเช้า ส่วนบนร้อยดอกรักเป็นสายผูกรวบตรงกลางห้อยอุบะแขก ตัวกระเช้าร้อยดอกพุดแล้วรวบปลาย ที่ชายห้อยอุบะพู่ประดิษฐ์ด้วยดอกกุหลาบ

เห็นไหมคะว่ามีแต่แบบสวยๆ งามๆ ทั้งนั้นรับรองว่าหากว่าที่บ่าวสาวนำไปประดับในงาน นอกจากแขกจะชมเรื่องความสวยงามแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศงานแต่งของบ่าวสาวให้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเหล่าหมู่มวลดอกไม้ได้ด้วยน้า โอยยย แค่คิดก็ฟิน โรแมนติกสุดๆ ไปเลย ^^

ขอขอบคุณเครื่องแขวนจาก : หลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือนมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี

ตามติดเทรนด์ 7 ดอกไม้งานแต่งของไทยที่มีความหมายเป็นมงคล

งานแต่งงานแบบไทยเป็นงานที่ค่อนข้างจะเลือกใช้พร็อพได้เพียงน้อยนิด ซึ่งส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ดอกไม้ เพราะมีความคลาสสิค จัดตกแต่งง่าย และที่สำคัญเข้ากับบรรยากาศแบบไท๊ยไทย แล้วยิ่งเป็นดอกไม้ไทยก็ยิ่งทำให้เข้ากับบรรยากาศแบบไทยมากยิ่งขึ้น แถมช่วยคุณประหยัดงบประมาณ และยังแฝงไว้ซึ่งความหมายอันเป็นมงคลที่จะมาช่วยเสริมดวงชีวิตคู่ของบ่าวสาวได้ด้วย ว่าแต่ ดอกไม้งานแต่ง ไทยความหมายดีนั้นจะมีดอกอะไรบ้างเรามาดูกันค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

เริ่มที่ดอกแรกคงหนีไม่พ้น ดอกมะลิ ดอกไม้มงคลตั้งแต่โบราณที่ต้องไปโผล่เกือบทุกงานแต่งงานแบบไทยทุกยุคทุกสมัย นิยมใช้ร้อยเป็นพวงมาลัยบ่าวสาว พวงมาลัยพานขันหมาก พวงมาลัยบูชาพระ สีขาวของดอกมะลิแทนความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าสาวบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สื่อถึงเสน่ห์ของผู้หญิง ดอกมะลิจึงถือเป็นดอกไม้ที่แทนตัวของผู้หญิงไทยและเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ โดยหมายถึงความกตัญญู ได้รับความปรารถนาดีหรือเป็นที่รักของทุกๆ คนอีกด้วย

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกดาวเรือง เป็นดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่มาจากสรวงสวรรค์ มีความหมายมงคลรุ่งเรือง ทำให้ครอบครัวมีเงินทองไหลมาเทมา นอกจากงานแต่งแล้ว งานมงคลอื่นๆ ก็นิยมนำมาใช้เช่นกันค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกเบญจมาศ เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามของสีสัน เพราะมีหลากหลายสี หลายขนาดให้เลือก และเป็นอีกหนึ่งดอกที่ความหมายสื่อถึงเจ้าสาว นั่นคือ ความงดงามตลอดกาล เชื่อว่าความสวยงามกับผู้หญิงนั้นเป็นของคู่กันอยู่แล้วถูกมั้ยคะ นอกจากนี้ ในประเทศญี่ปุ่นยังมีเรื่องราวของดอกเบญจมาศเล่ากันว่า หญิงสาวผู้หนึ่งมีสามีที่ป่วยหนักเธอพยายามหาดอกไม้เพื่อไปขอพรกับเทวดาให้ตนเองได้อยู่กับสามีให้ได้นานที่สุด แต่ก็ไม่พบดอกไม้สักที เธอจึงนำดอกไม้ที่มีกลีบมากที่สุด 17 กลีบ มากรีดเป็นฝอยแล้วไปบูชากับศาลเจ้า และสุดท้ายเธอก็ได้อยู่กับสามีตลอดไป ดอกไม้ที่เธอได้ทำขึ้นจึงได้ใช้ชื่อ ดอกคิคุโนะหรือดอกเบญจมาศของไทยเรานั่นเอง

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกบานไม่รู้โรย ส่วนใหญ่ใช้สีม่วงเข้มตัดกับสีขาวของดอกมะลิและดอกรัก ง่ายต่อการนำมาจัดพาน เนื่องจากดอกบานไม่รู้โรยมีรูปทรงกลมกลีบแน่นไม่หลุดร่วงง่าย เช่นเดียวกับชื่อที่สื่อความหมายถึงความรักของคู่บ่าวสาวที่มั่งคงยั่งยืนไม่โรยราจากกันไป

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกบัว อดีตดอกบัวยังไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งในงานแต่งงานเท่าไรนัก เพราะจะใช้ไหว้พระเสียมากกว่าเพราะถือเป็นดอกไม้ประจำพระพุทธศาสนา และเป็นสัญลักษณ์แทนคุณงามความดี แต่ในปัจจุบันได้มีการสร้างสรรค์นำดอกบัวมาใช้จัดตกแต่งสถานที่เพื่อให้เข้ากับงานแบบไทยๆ มากยิ่งขึ้น เช่น ทำแบ็คดรอป จัดพาน จัดเป็นช่อดอกไม้ หรือแม้แต่นำมาลอยในอ่างน้ำก็ดูมีลูกเล่นเบาๆ

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกทานตะวัน มักเบ่งบานเมื่อเจอกับแสงแดด ให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใส เป็นดอกไม้ที่มีความสู้แดดเปรียบถึงความอดทน มั่นคงในชีวิตคู่ที่ต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค มีรักเดียวใจเดียวเสมอ ถ้าบ่าวสาวคิดจะนำดอกทานตะวันมาตกแต่งในงานแต่งแบบไทยอาจจะมีความยากตรงที่มีขนาดใหญ่ จึงมักจะใช้ตกแต่งแบ็คดรอปให้ดูมีความชิคไม่เหมือนใครดีค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

สุดท้าย ดอกรัก คุณสมบัติเหมือนดอกมะลิเลยค่ะ เพราะนิยมนำมาทำเป็นพวงมาลัยคู่กับดอกมะลิ และนอกจากนี้ยังนำมาใช้โปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอนของประเพณีงานแต่งงานแบบไทยอีกด้วย เหตุผลที่นิยมนำมาใช้ในงานพิธีมงคลคงจะเป็นเพราะชื่อที่มีความหมายดี หมายถึงความรักของคู่บ่าวสาว แต่บางความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่าต้นรักทำให้ความรักยุ่งเหยิงจนกลายเป็นคนมากรัก แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนนะจ๊ะ

>> ติดตามบทความเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพจาก : 9mahawed.blogspot.com, longdoosee.com, tamroitawan.blogspot.com,
pinterest.se, board.postjung.com, pxhere.com, my.dek-d.com

แต่งงานโรงพยาบาลสงฆ์ ว่าที่บ่าวสาวได้บุญแถมประหยัดเงินได้เพียบ

ในยุคที่เศรษฐกิจกระท่อนกระแท่นฟื้นตัวไม่เต็มที่ คู่รักหลายคู่ที่วางแผนจะแต่งงานมักจะมองหา สถานที่จัดงานแต่งงาน ราคาไม่แพง วันนี้เราเลยอยากจะแนะนำ แต่งงานโรงพยาบาลสงฆ์ ให้กับว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายที่อยากแต่งงานแบบได้บุญไปในตัว แถมประหยัดงบประมาณได้อีกมากโข

สำหรับโรงพยาบาลสงฆ์แบ่งการจัดพิธีสมรสเป็น 2 รูปแบบ คือ พิธีสมรสหมู่ และ พิธีสมรสเดี่ยว

1. พิธีสมรสหมู่ในช่วงเช้า

ทางโรงพยาบาลสงฆ์จะจัดพิธีสมรสหมู่วันละ 20 คู่ พิธีรดน้ำสังข์วันละ 7 คู่ และสามารถเชิญแขกร่วมรดน้ำสังข์ได้คู่ละ 30 ท่าน โดยลำดับขั้นตอนในพิธีมีดังนี้

  • 6:30 น. พิธีกรเชิญบ่าวสาวถวายภัตตาหารพระอาพาธจำนวน 9 รูป ณ ตึกอาพาธ
  • 7:00 น. พระพิธีมาถึงหอฉัน พิธีกรเชิญบ่าวสาวถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
  • 7:30 น. พิธีกรเชิญบ่าวสาว ญาติ และแขกผู้มีเกียรติรับศีล และเชิญบ่าวสาวถวายดอกไม้ธูปเทียน ปัจจัยแด่พระพิธี 9 รูป จากนั้นพระพิธีจะพรมนำพระพุทธมนต์ให้บ่าวสาวทีละคู่ เป็นอันเสร็จพิธีสงฆ์

2. พิธีสมรสเดี่ยว (ช่วงเพล)

เหมาะสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่อาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวในการจัดพิธีแต่งงาน ซึ่งจะได้บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากญาติและแขกที่เชิญมามากกว่าพิธีสมรสหมู่ โดยโรงพยาบาลสงฆ์จะรับจัดพิธีเพียง 5 คู่ต่อวัน และมีเจ้าพิธีมืออาชีพ ซึ่งลำดับขั้นตอนมีดังนี้

  • 9:30 น. บ่าวสาวมาถึงห้องจัดพิธี หากว่ามีพิธีหมั้นจะต้องทำพิธีให้เสร็จก่อนเวลา 10:15 น.
  • 10:30 น. เริ่มพิธีสงฆ์ โดยพระสงฆ์เจริญน้ำพระพุทธมนต์ให้กับบ่าวสาว
  • 11:00 น. บ่าวสาวถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 9 รูป และถวายดอกไม้ ธูป เทียน และจตุปัจจัยไทยธรรม 9 ชุดแด่พระสงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับบ่าวสาว
  • 11:30 น. เริ่มพิธีรดน้ำสังข์ และเสร็จสิ้นพิธีเวลา 12:00 น.

อัตราค่าบริการ

  1. พิธีสมรสหมู่ (ไม่มีพิธีรดน้ำสังข์) : ค่าสถานที่ และค่าภัตตาหารพระพิธี 9 รูป 6,000 บาท
  2. พิธีสมรสเดี่ยว (มีพิธีรดน้ำสังข์) : : ค่าสถานที่ ค่าภัตตาหารพระพิธี 9 รูป และรดน้ำสังข์ที่หอฉัน 13,160 บาท

อุปกรณ์สำหรับพิธีรดน้ำสังข์ที่ทางโรงพยาบาลสงฆ์จัดเตรียมไว้ให้

  • พานดอกไม้ 1 คู่
  • พวงมาลัยบ่าว-สาว
  • มงคลแฝด

อุปกรณ์ที่บ่าวสาวต้องเตรียมมาเอง

  • ดอกไม้ ธูปเทียน ซองปัจจัยถวายพระพิธี อย่างละ 9 ชุด
  • ป้ายโฟมชื่อบ่าว-สาว

หมายเหตุ

  1. ถ้าต้องการใช้ไฟฟ้าของโรงพยาบาลเพื่อบันทึกเทปต้องเสียค่าบำรุง 200-500 บาท
  2. เจ้าภาพต้องเตรียมดอกไม้ธูปเทียนและปัจจัยถวายพระ 9 ชุด
  3. โปรดแต่งกายสุภาพ และสวมชุดบ่าว-สาว
  4. การจองห้องพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเลี้ยงแขกไม่รับสั่งจองทางโทรศัพท์ กรุณามาติดต่อด้วยตัวเองพร้อมชำระเงินในวันที่มาจอง
  5. กรุณาอย่านำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทานในห้องพิธีสงฆ์

สำหรับรายละเอียดราคาข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกรับจอง ณ อาคารพิธีสงฆ์ (ห้องกระจก) โรงพยาบาลสงฆ์ ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 06.00 -1600 น. โทรศัพท์ 0-2354-4271-2 หรือ 0-2354-4310 ต่อ 3501 ,3502

งานนี้นอกจากบ่าวสาวจะได้จัดงานแต่งที่ถูกต้องตามหลักศาสนาแล้ว ยังได้บุญอันยิ่งใหญ่ด้วย เนื่องจากรายได้จะถูกนำไปใช้สำหรับการดูแลรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธ ดังคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ใครที่ได้ดูแลแก่สงฆ์ที่เจ็บป่วยอาพาธถือว่าได้ดูแลพระพุทธเจ้าด้วย จึงเป็นมหาบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่” อิ่มบุญ อิ่มใจ และยังเป็นสิริมงคลกับการเริ่มต้นชีวิตคู่อีกด้วย

Read More : 35 สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ไม่ใช่โรงแรม

หลีกทางให้ 7 ร้านพานขันหมากสวยโมเดิร์นแบบไม่ง้อใบตองกันหน่อย!!

ลืม พานขันหมาก ใบตองแบบเดิมไปได้เลย! มาดูพานขันหมากสไตล์โมเดิร์นช่วยอัพเกรดงานแต่งของคุณกันดีกว่า

สำหรับว่าที่บ่าวสาวสมัยใหม่ที่ไม่อยากได้ พานขันหมาก ใบตองแบบเดิมๆ ก็แหม จัดงานแต่งไทยสไตล์โมเดิร์นทั้งทีก็อยากจะ keep look ให้ดูดีกันหน่อย แพรว wedding เลยรวบรวม  7 รับจัดพานขันหมากสุดเก๋มาให้ ที่มีตั้งแต่ดอกไม้ประดิษฐ์ โหลแก้ว ไปจนถึงกระดาษ!! แต่ไม่ว่าจะโมเดิร์นทันสมัยแค่ไหนแต่ก็ยังไม่ทิ้งดีไซน์ความเป็นไทยนะจ๊ะ

 

ร้าน Achieved.bkk

เป็นทั้งออแกไนซ์และรับตกแต่งงานแต่งงาน archieved.bkk ยังรับออกแบบพานขันหมากและทำเองทุกพานเพื่อให้เข้ากับธีมพิธีของงานอีกด้วย มีให้เลือกตั้งแต่แบบผสมดอกไม้ตามสี หรือจะเลือกเป็นโครงสีทองล้วนก็ดูหรูหรา

พานขันหมาก พานขันหมาก

 

ร้าน Dreamista Studio

ร้านพานขันหมากให้เช่าโดยเฉพาะ แถมมีขันหมากหลากหลายสัญชาติให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบก็มีการปรับดีไซน์ให้ดูโมเดิร์นและมีลูกเล่น ไม่ว่าจะทั้งแบบจีน แบบไทย หรือจะแบบครึ่งจีนครึ่งไทยก็มีให้ได้เลือกกัน เป็นอีกหนึ่งร้านที่นำเสนอพานขันหมากในรูปแบบแปลกใหม่ น่าสนใจ และไม่ซ้ำใครแน่นอน

ร้าน Flowers Skill

ร้านพานขันหมากฝีมือปราณีตที่เคยฝากผลงานในงานแต่งแห่งปีของ มาร์กี้-ราศรี และป๊อก-ภัสสรกรณ์ มาแล้ว ซึ่งที่ร้านก็มีทั้งพานขันหมากแบบสวยงามดั้งเดิมและแบบโมเดิร์นให้บ่าวสาวได้เลือก เสริมด้วยดอกไม้และต้นไม้เล็กๆ น่ารักก็ยังมีไว้เอาใจบ่าวสาวสายมินิมอลด้วย

พานขันหมาก

 

ร้าน Fordeara

นอกจากจะรับจัดงานแต่งงานแล้ว ร้านนี้ยังรับทำพานขันหมากสไตล์โมเดิร์นอีกด้วย ที่มีทั้งแบบแก้วครอบและโครงผ้าสุดทันสมัยผูกริบบิ้น ล้อมด้วยดอกไม้ที่ตกแต่งไว้อย่างลงตัว เป็นพานขันหมากที่น้อยแต่มากเรียบแต่โก้จริงๆ

พานขันหมาก พานขันหมาก พานขันหมาก

 

ร้าน Phutarita

ร้านรับตกแต่งสถานที่แต่งงานและทำขันหมากรูปทรงแปลกตา ทั้งแบบเรขาคณิต หรือขันหมากในโหลแก้วก็ดูมินิมอลน่ารักไม่แพ้กัน บอกเลยว่าเห็นแล้วน่าถือมากๆ

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ร้าน พับ เพียบ เรียบ ร้อย

ร้านออกแบบเครื่องไหว้และพวงมาลัยที่ทุกอย่างทำจากกระดาษ! นอกจากนี้ทางร้านยังปรับรูปทรงของดอกไม้สดให้ออกมาเป็นกระดาษพับทรงเรขาคณิต ซึ่งจากฝีมืออันปราณีตและแนวคิดแบบใหม่ทำให้ได้พานขันหมากที่ไม่เหมือนใครดูทันสมัยและไม่มีวันเน่าเสียจนทำให้ได้รางวัล brand’s GEN 6 มาแล้ว

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ร้าน Phi-ti

ไม่มีพานขันหมากที่ขัดธีมอีกต่อไป เพราะ ปิติ สามารถออกแบบพานขันหมากให้เข้ากับธีมงานแต่งได้ทุกแบบ แถมยังดูแฟชั่นทันสมัย หรือตามแต่ใจบ่าวสาวเพื่อให้งานออกมาสวยเพอร์เฟ็กต์มากที่สุด ซึ่งนอกจากพานขันหมากแล้ว ทางร้านก็ยังมี พานรับขันหมาก สายกั้นประตูเงินประทอง ยันเครื่องสังฆทานถวายพระ แต่ถ้าบ่าวสาวอยากได้เลยเถิดไปจนถึงช่อดอกไม้รับตัวเจ้าสาว หรือช่อบูโทเนียร์ติดอกฃของคุณเจ้าบ่าว ที่นี่เขาก็มีเหมือนกัน โอโห นี่สิวันสต็อปเซอร์วิสของจริง!

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ติดตามบทความเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิกเลย! <<

ครบสูตรทุกขั้นตอนกับ พิธีแต่งงานไทย แบบสเต็ปบายสเต็ป

หนึ่งในปัญหาคับอกของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคือ พิธีแต่งงานไทย เพราะมีหลายขั้นตอน ทั้งยังหาคนที่ “รู้งาน” ค่อนข้างยาก จะทำอะไรก็กลัวจะผิดจะพลาดไปหมด เราเข้าใจคุณผู้อ่านดี จึงขอช่วยแบ่งเบาด้วยสกู๊ปพิธีแต่งงานแบบไทยตามสมัยนิยมมาให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ใช้เป็นแนวทาง

เจรจาสู่ขอ

ตามธรรมเนียมไทยนั้นเมื่อหมายมั่นจะขอลูกสาวบ้านไหน พ่อแม่ฝ่ายชายจะต้องหา “เถ้าแก่” ซึ่งก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่านับถือไปทาบทามผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง ทางฝ่ายหญิงจึงต้องถามไถ่ถึงนิสัยใจคอของว่าที่เจ้าบ่าวว่าเป็นคนดีไหม ขยันขันแข็งไหม ฯลฯ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถดูแลลูกสาวของตัวเองได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเถ้าแก่ฝ่ายชายที่จะต้องช่วยรับรองให้ เดี๋ยวนี้ว่าที่พ่อตาแม่ยายอาจจะรู้จักมักจี่ว่าที่ลูกเขยกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงถามตามธรรมเนียม ประมาณว่าได้ยินผู้ใหญ่รับประกันแล้วสบายใจขึ้น (แม้จะรู้ว่าเถ้าแก่ก็ต้องพูดแต่สิ่งดี ๆ ก็ตาม) เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงจึงจะเป็นการเจรจาเรื่องสินสอดทองหมั้นและเตรียมหาฤกษ์งามยามดีรอไว้

พิธีหมั้น

เมื่อถึงฤกษ์หมั้น ฝ่ายชายจะจัดพานขันหมากหมั้นซึ่งประกอบด้วยหมาก พลู และของหมั้นอื่น ๆ ตามที่ตกลง ผูกผ้าห่อมาอย่างดี พานแหวน กรณีให้บ้านพร้อมที่ดิน อาจทำกิมมิกเก๋ ๆ ด้วยการปั้นขนมปังสีเป็นรูปบ้านน่ารักๆ วางมาด้วยก็ได้ ท้ายขบวนตามมาด้วยพานขนมมงคลอีกตามสมควรไปยังบ้านฝ่ายหญิงโดยไม่มีการแห่เหมือนขันหมากแต่ง (ยกเว้นบางพื้นที่) พอผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเปิดดูข้าวของว่าถูกต้องครบถ้วนก็ยกไปเก็บแล้วตามตัวเจ้าสาวออกมารับหมั้น

สมัยนี้นิยมหมั้นเช้าแต่งเย็น ก็จะยุบขั้นตอนนี้ไปรวมไว้ในวันแต่งเลย หรือถ้าจะมีการหมั้นก่อนก็อาจแค่หยิบกล่องแหวนหมั้นออกมาสวมโดยไม่มีขันถาดหมากพลู ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน

 

แห่ขันหมาก

ฝ่ายเจ้าบ่าวจะตั้งขบวนขันหมากแห่มายังบ้านเจ้าสาวอย่างครึกครื้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าลูกสาวบ้านนี้ขายออก เอ๊ย ออกเรือนแล้วจ้า

กั้นประตูเงินประตูทอง

คราวนี้ละ บรรดาญาติ ๆ และพื่อน ๆ ของเจ้าสาวมักจะนำสายสร้อยบ้าง มาลัยดอกไม้บ้าง มากั้นเป็นประตูเงินประตูทองเพื่อเรียกค่าผ่านทาง สมัยนี้เพื่อนที่สนิทกันก็อาจแกล้งให้เจ้าบ่าวทำอะไรเพี้ยนๆ เพื่อพิสูจน์รักแท้เช่น ตะโกนบอกรักเจ้าสาว ฯลฯ เป็นที่สนุกสนานแต่จากประสบการณ์ของ เราขอแนะนำว่า ควรให้อยู่ในขอบเขตของความเหมาะสม เพราะถ้าแกล้งมากไปทั้งขบวนอาจยกขันหมากรอจนเซ็ง หรือบางงานมีประตูเยอะหลายสิบประตูแขกผู้ใหญ่ก็ต้องรอนาน จนบางครั้งต้องส่งคนออกมาเตือนว่าจะเลยฤกษ์แล้วก็มี เอาพอหอมปากหอมคอ แหม…เจ้าสาวรอผู้ชายคนนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ให้พวกเขาได้สมรักกันเสียทีเถอะค่า

ชิญขันหมาก

หลังฝ่าด่านอรหันต์มาได้แบบเหงื่อตกฝ่ายเจ้าสาวจะส่งเด็กหญิงหน้าตาน่ารักถือพานเชิญขันหมากออกมาต้อนรับ เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องรับโดยหยิบหมากมาเคี้ยวพอเป็นพิธีจึงคืนพานให้พร้อมกับซองเงินหรือของรางวัลเล็กน้อย จากนั้นเด็กหญิงจะนำฝ่ายเจ้าบ่าวไปยังที่นั่งที่จัดไว้

พิธีนับสินสอด

เมื่อวางพานเรียบร้อย ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะเริ่มจากการเปิดพานขันหมากเอกแล้วจึงเปิดพานสินสอดเพื่อทำการตรวจนับสินสอดว่าครบถ้วนไหม (ออกแนวแอ๊คติ้งมากกว่า เพราะเงินเยอะมาก นับเสร็จคงค่ำพอดี)
ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะใส่เงินเกินกว่าที่ตกลงกันเพื่อเป็นเคล็ดว่าต่อไปเงินทองจะได้งอกเงย จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะโปรยถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ เพื่อสื่อถึงความเจริญงอกงาม จากนั้นคุณแม่เจ้าสาวจะทำการรวบผ้าเพื่อห่อสินสอดทั้งหมดแล้วยกขึ้นบ่าแล้วพูดเอาเคล็ดทำนองว่า “เงินหนักจริง ๆ คงจะมีเงินทองงอกเงยมากมาย”…ช็อตนี้เขินกันทุกราย ฝากแม่เจ้าสาวซ้อมท่าไว้ก่อน ถ่ายรูปแล้วจะได้ออกมาสวย

พิธีหมั้น

ส่วนใหญ่จะมีฤกษ์งามยามดีในการสวมแหวน ดังนั้นเมื่อได้ฤกษ์มาแล้วให้เผื่อเวลาไว้สักครึ่งชั่วโมงสำหรับตั้งต้นยกขบวนขันหมาก ครั้นได้เวลา ญาติฝ่ายเจ้าสาวจะไปตามตัวเจ้าสาวลงมานั่งเคียงข้างเจ้าบ่าวแล้วจึงค่อยสวมแหวน เมื่อสวมเสร็จเจ้าสาวจะกราบเจ้าบ่าวหนึ่งครั้ง แล้วเจ้าบ่าวจึงรับไหว้เบา ๆ เป็นนัยว่าฝากฝังตัวให้เธอดูแลฉันนับจากนี้ เคล็ดลับในการสวมแหวนคือ ควรสวมช้า ๆ เมื่อสุดถึงโคนนิ้วให้ค้างไว้เอียงมือ 45 องศา และหันมายิ้มให้กล้อง อย่ามัวสบตากันเพลิน ไม่อย่างนั้นจะมีเสียงเรียกร้องจากกองทัพช่างภาพให้รีเพลย์ซ้ำจนเขินหนักเข้าไปใหญ่

พิธีสงฆ์

คู่บ่าว – สาวนิยมนิมนต์พระมาสวดมนต์ให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล ถวายเพล รับศีล รับพร ประพรมน้ำมนต์ พร้อมเก็บน้ำมนต์ก้นบาตรไว้ใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์

พิธีไหว้ผู้ใหญ่

จากนั้นบ่าว – สาวจะต้องทำพิธีไหว้ผู้ใหญ่ โดยยกพานธูปเทียนแพและพานผ้าไหว้ (จะเป็นผ้าขนหนู ผ้าไหม หรือผ้าพื้นก็ได้) กราบผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาทีละคู่ตามลำดับอาวุโส โดยผู้ใหญ่จะอวรพรพร้อมให้ของรับไหว้เป็นของมีราคาตามฐานะ เช่น โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน ทอง เงิน ฯลฯ ธรรมเนียมบางแห่งอาจมีการผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ขณะอวยพร (สำหรับคู่ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมาก อาจขยับขั้นตอนนี้ไปไว้หลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์แขกท่านอื่นจะได้ไม่ต้องรอรดน้ำนานจนเกินไป)

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์

ในที่สุดก็มาถึงช่วงไฮไลต์เสียที แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าความสุขของคู่บ่าว – สาวจะทะลักล้นจนกลบความอ่อนล้าได้อย่างมิดชิด แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมอาศัยช่วงชุลมุนตบแป้งเติมปากให้ฉ่ำหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะแพ้บรรดาเพื่อนเจ้าสาวด้านหลังที่เติมความสวยกันเป็นระยะมาตั้งแต่เช้า

เมื่อถึงฤกษ์ที่กำหนด บ่าว – สาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วก็ไปนั่งบนตั่งคู่กันหญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา มีเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวยืนด้านหลังประธานคล้องพวงมาลัย เจิมหน้าผากและสวมมงคลตามลำดับ จากนั้นจึงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พร้อมกล่าวอวยพร ต่อด้วยพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และแขกที่มีอาวุโสมากกว่าคู่บ่าว – สาว ส่วนน้องๆ หลานๆ ไม่ต้องรดค่ะ ขืนรดกันทั้งงาน บ่าว – สาวอาจเหน็บกินได้ (หากน้ำมนต์มีน้อย ให้ตักน้ำสะอาดใส่ขันน้ำพานรองแล้วค่อยรินน้ำมนต์ลงไปผสม)

หลังจากเสร็จพิธี ผู้ใหญ่จะปลดด้ายมงคลออกจากศีรษะบ่าว – สาว โดยเชื่อกันว่า ถ้าใครได้ปลดมงคลและลุกจากตั่งก่อนจะได้เป็นใหญ่ในครอบครัว แน่ะ! รู้นะว่าเตรียมชิงลุกก่อนกันเป็นแถว

 

งานเลี้ยง

ส่วนใหญ่นิยมจัดเลี้ยงฉลองสมรสแบบสากลในช่วงเย็นอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีแต่ก็มีบางคู่ที่เลี้ยงพระเพลแล้วต่อด้วยการจัดเลี้ยงมื้อกลางวันหลังจากพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์เลยแล้วค่อยไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้มัน ๆ กันในหมู่เด็ก ๆ ตอนเย็น หรือจะจบแค่นี้แล้วเอางบจัดเลี้ยงไปฮันนีมูนรอบโลกก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

พิธีปูเตียงเรียงหมอน (ส่งตัวเข้าหอ)

แล้วก็ถึงเวลาที่บ่าว – สาวรอคอยนั่นคือการส่งตัวเข้าหอ ซึ่งจะต้องผ่านพิธีปูเตียงเรียงหมอนเสียก่อน โดยเชิญคู่สามีภรรยาอาวุโสที่แต่งงานครองเรือนกันมานานและมีลูกหลานดีทุกคนมาปูที่นอนและเรียงหมอนให้ นัยว่าจะได้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เหมือนท่าน

ด้านข้างที่นอนจะวางพานของมงคลซึ่งประกอบด้วยฟักเขียว แมวคราว หินบดยาและถุงเงิน ถุงทองบรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย หรือดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล สื่อความหมายว่าเย็นเหมือนฟัก หนักแน่นเหมือนแฟง แข็งแกร่งเหมือนหินบดยา เจริญงอกงามเหมือนถั่วงา

จากนั้นคู่สามีภรรยาอาวุโสจะได้รับเชิญให้นอนบนเตียง โดยผู้หญิงนอนซ้าย ผู้ชายนอนขวา ทำทีหลับแล้วตื่นขึ้นมาพูดสิ่งที่เป็นมงคล เช่น “ที่นอนนี้นอนสบายจริง ๆ ถ้าใครได้นอนคงจะมีแต่ความสุขความเจริญ” หรือ “ฝันว่ามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง” ฯลฯ แล้วจึงพรมน้ำมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ เสร็จแล้วเจ้าสาวทำความเคารพเจ้าบ่าว กล่าวฝากตัวกันทั้งสองฝ่าย ญาติผู้ใหญ่ให้ศีลให้พร พร้อมโอวาทในการครองเรือน เป็นอันจบพิธี(คู่ที่ส่งตัวที่โรงแรมควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนใหม่ของตัวเองไปปูทับของโรงแรม เสร็จพิธีแล้วจะได้เก็บมาใช้ต่อที่เรือนหอ)

ขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อมูลนี้เรียบเรียงมาสำหรับใช้เป็นแนวทางเท่านั้น หากลำดับพิธีของคุณไม่ตรงกับของเราก็ไม่ได้แปลว่าผิดเพราะธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละท้องถิ่นหรือแต่ละครอบครัวนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความพึงพอใจของแต่ละครอบครัวเป็นสำคัญ

>> ดูข้อมูลเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยอื่นๆ เพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก createweddingplanner.com

เลือกแบบ ชุดแต่งงานไทย ให้เหมาะสมแต่ละช่วงพิธีงานแต่งไทยแบบกุลสตรี

ชุดแต่งงานไทย ต้องเลือกให้สวยและไปด้วยกันได้กับการประกอบพิธี

นอกจากว่าที่เจ้าสาวจะตื่นเต้นไปกับการเลือกแบบชุดแต่งงานสากลสีขาวที่มีแบบอยู่ในใจกว่า 10 แบบขึ้นไปแล้ว!! อีกหนึ่งชุดแต่งงานที่ว่าที่เจ้าสาวก็ตื่นเต้นและเลือกยากไม่แพ้กันก็คือ ชุดแต่งงานไทย แต่ก่อนจะคิดกันจนหัวแตกว่าควรใส่ชุดแบบไหน แพรว wedding แนะนำให้ถามตัวเองก่อนว่าลักษณะงานของคุณเป็นอย่างไร เพราะกำหนดการของงานจะเป็นโจทย์หลักในการกำหนดรูปแบบชุดให้กับคุณได้นั่นเอง

สมรสพระราชทาน

เนื่องจากบ่าวสาวต้องเข้าวังเพื่อรับสมรสพระราชทาน บ่าวสาวจึงต้องแต่งกายตามระเบียบ โดยเจ้าสาวใส่ชุดไทยบรมพิมาน ไม่กำหนดธีมสีหรือชนิดของผ้า แต่ต้องไม่ผ่าหน้าหรือผ่าหลัง แนะนำให้ช่างเสื้อจับจีบหน้านางประมาณสองจีบ ซึ่งกว้างพอให้หมอบกราบได้สะดวก ส่วนรองเท้าต้องเป็นหุ้มส้นเท่านั้น ถ้าเจ้าบ่าวเป็นข้าราชการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ถ้าเป็นพลเรือนให้สวมชุดราชปะแตนพร้อมติดเครื่องหมายเข้าเฝ้าที่คอเสื้อ (สามารถเช่าได้ตามรานชุดรับปริญญา)

ชุดแต่งงานไทย
ชุดจากร้านอมิตา ทองหล่อ 20

 

มีพิธีสงฆ์

ถ้างานของคุณมีพิธีสงฆ์ด้วย ก็ยิ่งควรแต่งกายให้เรียบร้อยมิดชิด เช่น ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย (คล้ายชุดไทยบรมพิมานแต่ห่มสไบทับอีกชั้น) หรือชุดไทยประยุกต์ที่ท่อนบนเป็นเสื้อลูกไม้ ท่อนล่างเป็นผ้าถุง ไม่แนะนำให้ใส่สไบเปิดไหล่เห็นเนินเนื้อ แต่ถ้าอยากใส่จริงๆ ควรเปลี่ยนชุดในช่วงรดน้ำสังข์แทน แต่ปัจจุบันเจ้าสาวส่วนมากก็มักนิยมแต่งชุดไทยห่มสไบในพิธีสงฆ์กันมากขึ้น

ชุดแต่งงานไทย
ชุดไทยบรมพิมานจากร้าน เจ้านางเวดดิ้ง
ชุดแต่งงานไทย
ชุดไทยศิวาลัยจากร้าน Vanus Couture
ชุดแต่งงานไทย
ชุดไทยประยุกต์จากร้าน เรือนวิวาห์ ชลบุรี

ไม่มีพิธีสงฆ์

ถ้าคุณจัดแค่พิธีหมั้นและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ก็เลือกชุดสวยงามได้ตามความชอบ ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเลือกห่มสไบสวยหวาน ส่วนเจ้าสาวที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยมักเลือกชุดไทยบรมพิมาน หรือชุดไทยประยุกต์เพราะดูสง่าภูมิฐาน

ชุดแต่งงานไทย
ชุดไทยจากร้าน bubpha wedding dress
ชุดแต่งงานไทย
ชุดไทยประยุกต์จากร้าน Deeplove

ส่วนเรื่องลุกนั่งสะดวกหรือสวมใส่ง่ายเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะส่วนใหญ่ร้านชุดจะตัดแบบสำเร็จรูป จับจีบสไบและจับหน้านางผ้าถุงไว้อย่างสวยงามแล้ว แค่รูดซิปด้านหน้าทีเดียวก็เข้าทรงสวย ทีทั้งเย็บแบบติดกันเป็นชุดเดียว และแบบแยกท่อนบนกับท่อนล่างเพื่อให้สลับคู่สไบหรือเสื้อกับผ้าถุงได้ ส่วนที่ตัดแบบโบราณต้องให้ช่างมาจับจีบแล้วเย็บตรึงกับตัว หรือที่เรียกว่าการนุ่งสดนั้นก็ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่เจ้าสาวปัจจุบัน

แต่ปัจจุบันนี้ว่าที่เจ้าสาวส่วนมากไม่ค่อยซีเรียสเรื่องรูปแบบของชุดแต่งงานไทยมากเท่าสมัยก่อน เนื่องจากดีไซน์ที่ทำออกมาค่อนข้างสวยงาม รัดกุม และช่วยเซฟไม่ให้เจ้าสาวโป๊จนเกินงาม จึงทำให้ปัจจุบันรูปแบบชุดไทยที่ว่าที่เจ้าสาวให้ความนิมยมคือชุดแต่งงานที่มีสไบ ไม่ว่าจะเป็น ชุดไทยจักรพรรดิ หรือชุดไทยจักรี เอาเป็นว่าเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง และเลือกรูปแบบชุดที่เจ้าสาวใส่แล้วมั่นใจเป็นพอ

ถ้าเลือกชุดได้แล้ว ก็มาดูเคล็ดลับดีๆ เพิ่มเติมต่อเลย >>> เทคนิคการเลือกชุดแต่งงานไทยของบ่าวสาวยังไงให้ดูเข้ากัน

กำหนดการพิธีไทยเขียนในการ์ดเชิญงานแต่งไทยยังไงไม่ให้แขกงง

เพราะด้วยความที่พิธีแต่งงานไทยนั้นมากไปด้วยขั้นตอนและคำศัพท์ที่เฉพาะทาง จึงทำให้บางครั้งบ่าวสาวเกิดอาการมึนตึ๊บว่า แล้วคำแบบไหนที่ถูกต้องกันแน่ที่จะใช้ใน การ์ดเชิญงานแต่งไทย เพื่อไม่ใหแขกงง แพรว wedding เลยไปเจาะลึกจากกูรูมาให้ รับรองว่าหลังจากนี้แขกเคลียร์ชัดไม่งงอีกต่อไปแน่นอน

พิธีแห่ขันหมาก

สำหรับบ่าวสาวที่มีการจัดงานแต่งงานตามประเพณีและต้องการใส่รายละเอียดในการ์ดเชิญว่ามีพิธีการใดเกิดขึ้นก่อนหลัง มักมีความสับสนอยู่กับคำที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ขันหมาก” ซึ่งที่ถูกต้องแล้วนิยมใช้ตามนี้ค่ะ

แห่ขันหมาก

คือคำที่พบเจอบ่อยที่สุดในการ์ดเชิญ หมายถึง ในเวลาที่กำหนดในการ์ดนั้น จะเป็นเวลาที่ขบวนขันหมากเริ่มออกเดินทางไปยังบริเวณบ้านเจ้าสาว หรือพื้นที่ทำพิธีสู่ขอ ซึ่งเมื่อแขกเห็นคำนี้ในการ์ด ขอให้เข้าใจได้เลยว่า หากต้องการร่วมเดินในขบวนต้องมาก่อนเวลาที่กำหนดนี้ และอีกนัยยะหนึ่งคือ หากไม่ร่วมเดินขบวนก็ให้มาทันช่วงเวลาที่ว่า เพราะลำดับพิธีการสู่ขอกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากเวลาดังกล่าว แต่หากคู่ไหนมีการแลกแหวนไปด้วย ในการ์ดเชิญอาจใส่รวบไปเลยทีเดียวว่า “พิธีแห่ขันหมากและพิธีหมั้น”

ส่วนคำที่มักจะทำให้เข้าใจผิดก็คือคำว่า “เชิญขันหมาก” และ “รับขันหมาก” ซึ่งสองคำนี้มีความหมายแบบนี้ค่ะ

เชิญขันหมาก หมายถึงคนที่ทำหน้าที่เชิญขันหมากของฝ่ายชายเข้าบ้าน ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงที่มายืนรอหน้าขบวนกั้นประตูเงินประตูทอง พร้อมเด็กสาวที่ถือพานเชิญขันหมาก

รับขันหมาก หมายถึง ผู้ที่นั่งอยู่บนเวที ซึ่งมักจะเป็นพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าสาว จะนั่งรอรับพานขันหมากเอกจากขบวนขันหมากเจ้าบ่าวเมื่อเข้ามาถึงบริเวณพิธี

ส่วนการเชิญแขกมาร่วมพิธีรดน้ำสังข์ จะใช้คำว่า “หลั่งน้ำพระพุทธมนต์และประสาทพร”  ซึ่งก็คือการเชิญมาร่วมรดน้ำสังข์และอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาวนั่นเอง

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูล จาก ร้านวิริยา การ์ดแต่งงานและของชำร่วย โทร. 08-1900-4041
ภาพ : www.theknot.com

งานแต่งไทยผสมจีน อีกหนึ่งรูปแบบงานแต่งของเขย-สะใภ้สไตล์ลูกครึ่ง

สมัยนี้คนไทยแท้กับคนไทยเชื้อสายจีนแต่งงานกันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะอาป๊าอาม้าอาม่าอากงไม่ได้เคร่งครัดธรรมเนียมปฏิบัติเหมือนอย่างแต่ก่อน เพราะฉะนั้นเราจึงได้เห็น งานแต่งไทยผสมจีน กันมากขึ้นในปัจจุบัน

นั่นก็คือการผสมผสานพิธีแต่งงาน 2 ประเพณีเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นด้วยพิธีไทย คือมีพิธีสงฆ์ พิธีแห่ขันหมาก พิธีหมั้น พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และงานเลี้ยงกลางวัน แล้วผสานความเป็นจีนเข้าไปในบางช่วงเพื่อความสะดวก ซึ่งลำดับพิธีการมักเป็นไปตามต่อไปนี้

ขันหมากไทยผสมจีน ในขบวนขันหมากจะมีการแทรกขันหมากจีนเข้าไปด้วย เช่น มีถาดส้มเช้ง และผลไม้ติดอักษรจีน “ซังฮี้” ถามขนมงานแต่ง ถาดหมูชุด ฯลฯ (ดูขันหมากเจ้าบ่าวจีนเพิ่มเติม คลิก)

ขันหมากฝ่ายเจ้าสาว บางบ้านอาจเตรียมขันหมากฝ่ายเจ้าสาวเอาไว้ตามธรรมเนียมจีนด้วย เช่น ต้นชุนเช่า ส้ม กล้วย อ้อย ขนมมงคล ฯลฯ โดยจัดวางเตรียมไว้ใกล้จุดประกอบพิธี แต่แยกจากขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าว หลังเสร็จพิธีจะต้องแบ่งผลไม้และขนมขันหมากจากทั้งสองฝ่ายมามอบให้ทางฝ่ายเจ้าบ่าวนำกลับไปด้วย (ดูขันหมากเจ้าสาวจีนเพิ่มเติม คลิก)

พิธีหมั้น เมื่อขันหมากฝ่ายชายมาถึงก็เป็นการสู่ขอ จากนั้นจึงไปรับตัวเจ้าสาวเพื่อมาทำพิธีหมั้น และทำพิธีสวมแหวน

– ป้อนขนมอี๊ หลังจากสวมแหวนแล้วอาจแทรกการป้อนขนมอี๊ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความกลมเกลียว

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีหมั้น และการป้อนขนมอี๊แล้ว ก็จะเป็นการรดน้ำสังข์ตามประเพณีไทย

พิธียกน้ำชา ตามธรรมเนียมดั้งเดิม เมื่อเจ้าสาวไปถึงบ้านเจ้าบ่าว เจ้าสาวจะต้องยกน้ำชาให้พ่อแม่และญาติของเจ้าบ่าวดื่ม แต่ครอบครัวไหนที่ไม่เคร่งมากอย่างเช่น คู่ไทย-จีน ก็อาจจะนำพิธีนี้มาไว้ก่อนหรือหลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ก็ได้ แล้วเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว หรือจะเชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นมารับน้ำชาแทนพิธีรับไหว้ไปเลยก็ได้ เพราะทั้งสองพิธีนี้มีจุดประสงค์เดียวกัน เพียงแค่เปลี่ยนจากพานธูปเทียนแพมาเป็นการยกน้ำชาแทน จากนั้นผู้ใหญ่จะให้ของรับไหว้เป็นเงินทองหรือของมีค่า ส่วนบ่าวสาวก็มอบของขวัญคืนให้แก่ผู้ใหญ่เพื่อเป็นการขอบคุณ

picture : pinterest

‘แม่สื่อและเถ้าแก่’ 2 คนสำคัญในพิธีแต่งงานจีนที่ต้องมี

2 คนสำคัญใน พิธีแต่งงานจีน ที่ขาดไม่ได้อย่าง แม่สื่อ และ เถ้าแก่ มีความสำคัญอย่างไร เป็นคนเดียวกันหรือเปล่า เรามีคำตอบมาฝากกันจ้า

ก่อนอื่นขอเฉลยว่า แม่สื่อ กับ เถ้าแก่ เป็นคนละคน คนละตำแหน่งกันนะจ๊ะ รวมถึงมีหน้าที่ที่ต่างกันอีกด้วย ซึ่งตำแหน่งแรกที่เลดี้จะพูดถึงคือ “แม่สื่อ” ผู้ที่เป็นสื่อกลางนำพาคนสองคนให้มาเจอกัน ซึ่งอาจจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ และเหตุผลที่มีแม่สื่อเนื่องจากในสมัยก่อนบ้านไหนที่มีลูกอยู่ในวัยพร้อมที่จะมีครอบครัว ทางพ่อแม่ก็จะติดต่อกับทางแม่สื่อให้ช่วยหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับลูกตัวมาให้เป็นคู่ครอง ซึ่งหากสองคนที่แม่สื่อหามาเจอกัน ตกลงปลงใจแต่งงาน และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแต่งงานเรียบร้อย ทางพ่อแม่ของคนที่ไหว้วานให้ จะมอบขาหมู 1 ขาเป็นการตอบแทนแม่สื่อ แต่ในปัจจุบันอาจมีการเปลี่ยนมาเป็นเงินทองเพื่อความสะดวกสบายก็ได้

แต่ในปัจจุบันนี้ดูเหมือนว่าบุคคลที่มาเป็นแม่สื่อให้ชายหญิง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเบรรดาเพื่อนๆ ในแก๊งค์หรือกลุ่มเดียวกันซะมากกว่า เลดี้ถือว่าดีเลยล่ะ เพราะเพื่อนจะรู้ใจเราดีที่สุด ย่อมรู้ว่าเราชอบแบบไหน เป็นอย่างไร และที่สำคัญเราไม่ต้องเสียเงินจ้างอีกด้วย แต่ถ้าสมรักกันแล้วจะเซย์แต้งกิ้วด้วยของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ผิดนะจ๊ะ

แล้วเถ้าแก่ล่ะ…เขาคือใคร

อีกตำแหน่งสำคัญก็คือ “เถ้าแก่” ซึ่งหมายถึงผู้ใหญ่ที่ครอบครัวของบ่าวสาวให้ความไว้วางใจและเคารพนับถือมาทำหน้าที่ทาบทามสู่ขอ ซึ่งเราจะเรียกเถ้าแก่ที่ทำหน้าที่ไปทาบทามฝ่ายหญิงจะเรียกว่า เถ้าแก่ทาบทาม เมื่อถึงวันงานแต่งงาน เถ้าแก่ท่านนี้ยังมีหน้าที่ช่วยแจกซองแดงคนกั้นประตูเงินประตูทอง เพื่อให้เจ้าบ่าวข้ามไปรับตัวเจ้าสาวได้สำเร็จ นอกจากนี้บางบ้านอาจให้เถ้าแก่ไปเป็นประธานในพิธีสู่ขอและพิธีหมั้นอีกด้วย

สำหรับการแสดงน้ำใจขอบคุณนั้น หากเถ้าแก่มาทำหน้าที่เพียงทาบทามและแจกซอง คุณก็สามารถให้เป็นซองก็เพียงพอแล้ว ส่วนถ้ามาเป็นประธานในพิธี ก็อาจจะเพิ่มของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เข้าไปด้วย ก็จะดีไม่น้อย

เพียงเท่านี้หนุ่มสาวตระกูลแซ่ก็จะได้คลายความสงสัยเรื่องหน้าที่และความสำคัญของแม่สื่อกับเถ้าแก่ รวมไปถึงจะได้หายสับสนกันเสียทีว่าแม่สื่อและเถ้าแก่คือคนเดียวกันหรือคนละคน กันนะจ๊ะ

>> ติดตามประเพณีและความเชื่อเกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

เรียบเรียงข้อมูลจาก : www.klothailand.com, hakkapeople.com, www.all-chinese.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก : TheBigPlans.com

ชุดเจ้าสาว 2 in 1 สองสไตล์ภายในชุดเดียวช่วยเจ้าสาวประหยัดงบได้

เรียกได้ว่าเกือบจะกลายเป็นเทรนด์ของเจ้าสาวส่วนใหญ่ไปแล้วกับการมี ชุดเจ้าสาว มากกว่า 1 ชุด ไม่รวมชุดไทยที่ใช้ในพิธีแต่งงานไทยนะ เพราะนี่เรากำลังพูดถึงชุดแต่งงานสำหรับพิธีฉลองมงคลสมรสล้วนๆ บางคนก็สวมชุดหนึ่งสำหรับถ่ายภาพที่แบ็คดร็อป และอีกชุดหนึ่งสำหรับเดินเข้างานและชุดในพิธี แถมบางคนยังมีชุดสำหรับอาฟเตอร์ปาร์ตี้แยกเพิ่มมาอีก 1 ชุด ซึ่งบางครั้งสิ่งที่ต้องการก็สวนทางกับงบในกระเป๋า แพรว wedding เลยมีเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการออกแบบชุดแต่งงาน 2 in 1 ที่ทั้งสวยตอบโจทย์แถมสบายสตางค์ในกระเป๋าด้วย

ตอบโจทย์ได้ แต่ไม่ทั้งหมด

ชุดสไตล์ 2 in1 นี้เหมาะกับเจ้าสาวที่มีเวลาเปลี่ยนชุดน้อย เช่น หมั้นเช้าแล้วต่อด้วยกินเลี้ยงตอนเที่ยงซึ่งบางคนอาจมีเวลาแค่ 5- 10 นาทีเท่านั้น หรือพิธีฉลองตอนเย็นแล้วต่อด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่มีเวลาให้มันได้เต็มที่แค่ 1-2 ชั่วโมง เจ้าสาวบางคนจึงอยากร่นระยะเวลาการแต่งตัวเพื่อมาสนุกกับเพื่อนๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงต้องออกแบบชุดให้มีแค่การสวมเพิ่มหรือถอดบางชิ้นออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอีกลุคได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขที่เจ้าสาวต้องทำความเข้าใจและยอมรับให้ได้ว่าชุดสไตล์นี้อาจไม่สามารถตอบโจทย์สิ่งที่เจ้าสาวต้องการทั้งหมดอย่างถ้าฝันว่าอยากใส่ชุดกระโปรงพองฟูเหมือนเจ้าหญิงและมีลูกไม้เยอะๆ อาจมีข้อจำกัดที่ทำให้ชุดออกมาไม่สมบูรณ์แบบได้ จึงจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นหลัก

cr. Needle & Thread Bridal Cropped Embellished Tulle Cape

ออกแบบให้เหมาะกับลักษณะงาน

ก่อนที่จะออกแบบชุดได้ต้องทราบถึงลักษณะการใช้งานเป็นอันดับแรก เช่น สวมในพิธีหมั้นก่อนจึงเปลี่ยนมาเป็นกินเลี้ยงตอนกลางวัน หรืองานฉลองตอนเย็นแล้วต่อด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ จากนั้นจึงดีไซน์ชุดให้เหมาะกับแต่ละพิธีการ ถ้าเป็นช่วงพิธีหมั้นอาจต้องดูเรียบร้อยสักนิดส่วนช่วงกินเลี้ยงอาจเปลี่ยนสไตล์ให้ดูหรูขึ้นซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องให้เหมาะกับกาลเทศะของแต่ละพิธี ตามด้วยการออกแบบให้เหมาะกับบุคลิกและหุ่น สุดท้ายจึงบวกความชอบของเจ้าสาวเข้าไปโดยดูให้เหมาะกับชุดโดยรวม ส่วนใหญ่ถ้าหมั้นก่อนแล้วกินเลี้ยงมื้อกลางวันมักเพิ่มดีเทลให้กับชุดช่วงเช้า เช่น ดีไซน์ให้มีผ้าคลุมเพื่อความเรียบร้อย

ต้องสวมได้ง่ายและเปลี่ยนได้เร็ว

สิ่งสำคัญที่สุดในการทำชุดสไตล์นี้คือต้องออกแบบโดยคำนึงถึงความง่ายและสะดวกสำหรับการสวมใส่เป็นหลัก ฉะนั้นการกำหนดจุดในการนำสองชิ้นมาประกบกันจึงสำคัญมาก เช่น ถ้าเป็นผ้าคาดไหล่หรือเข็มขัดอาจต้องติดกระดุมแป๊กพลาสติกไปเลย ซึ่งนอกจากจะง่ายต่อการใส่หรือถอดแล้วยังช่วยล็อกไม่ให้ผ้าหรือเข็มขัดเลื่อนไปมาจนทำให้เจ้าสาวเกิดความกังวลอีกด้วย ซึ่งเจ้าสาวจะต้องเรียนรู้วิธีการสวมใส่ก่อนในวันที่ไปรับชุดเพื่อไปบอกต่อกับผู้ที่จะมาช่วยแต่งตัวในวันงานอีกที หรือถ้าจะให้ดีก็หนีบเพื่อนหรือคนนั้นไปด้วยซะเลย ส่วนช่วงฉลองตอนเย็นอาจเน้นให้มีไอเท็มขนาดใหญ่อย่างกระโปรงพองฟูหรือมีโบด้านหลังในช่วงที่เจ้าสาวขึ้นเวทีเพื่อให้ดูโดดเด่นจากระยะไกลเพราะหากชุดมีรายละเอียดที่เล็กมากแขกอาจมองไม่เห็น และเมื่อเข้าสู่ช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็เพียงแค่ถอดกระโปรงด้านนอกออกให้เหลือเป็นเกาะอกแบบมินิสเกิร์ตเพื่อการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวมากขึ้น เป็นต้น

ชุดแต่งงาน Lanvin – ภาพ Samm Blake

>> ดูไอเดียและคำแนะนำเกี่ยวกับชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพเปิด unsplash.com

เคล็ด(ไม่)ลับ วิธีเลือก สถานที่จัดงานแต่งงาน อย่างไรให้ชัวร์ที่สุด

หลังจากคุณทั้งคู่ได้ประกาศแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วก็จะมาถึงขั้นตอนการวางแผนเรื่องที่สำคัญที่สุดเห็นทีจะเป็น สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ตัดสินใจไม่ได้สักที ที่นู่นก็สวยถูกใจแต่กลับจุคนได้น้อยซะงั้น ส่วนที่นี่ก็มีราคาสบายกระเป๋าตังค์แต่ยังไม่ค่อยถูกใจเลย เมื่อความคิดทุกอย่างตีกันอยู่ในหัวแบบนี้คุณจะตัดสินใจจากอะไรดีล่ะคะ แพรว wedding จึงอยากช่วยคุณมาเปิดมุมมองการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ว่านอกจากเรื่องบรรยากาศ ความสวยงามของสถานที่ ราคาโปรโมชั่นต่างๆ จะมีเรื่องอะไรที่ต้องคำนึงถึงนอกเหนือจากนี้อีกบ้างเรามาดูกันค่ะ


สถานที่จัดงานแต่งงาน

  • ความปลอดภัย

ควรตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่ทั้งภายนอกและภายใน เช่น ภายนอก สถานที่ตั้งอยู่ในซอยเปลี่ยวหรือเปล่า ในตอนกลางคืนพื้นที่แถวนั้นมีแสงสว่างมากเพียงพอหรือไม่ ส่วนลานจอดรถต้องมีความปลอดภัยในทรัพย์สินและตัวบุคคล ซึ่งดูได้จากการติดตั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ การรักษาความปลอดภัยของรปภ.เข้มงวดมากแค่ไหน ส่วนภายใน เวลาคุณลงไปเซอร์เวย์สถานที่ให้เช็กวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการจัดงานว่าอุปกรณ์มีความเก่าหรือมีอะไรชำรุดเสียหายหรือไม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อทุกคนในงาน

  • รายชื่อแขก

คำนวณจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานก่อนเลือกสถานที่ บางโรงแรมถึงมีห้องบอลรูมขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจุคนได้ไม่อั้น ทางสถานที่ต้องจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่ม อุปกรณ์อำนวนความสะดวก จำนวนที่นั่ง ให้เพียงพอไม่ขาดตกบกพร่องหรือคำนวณให้เกินมานิดหน่อยคิดซะว่าเหลือไว้ยังดีกว่าขาดค่ะ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องทราบรายชื่อแขกเพื่อนับจำนวนคนและประสานงานกับทางสถานที่ให้ดี ขอย้ำนะคะ! ต้องทราบจำนวนแขกที่มาร่วมงานก่อนเลือกสถานที่ค่ะ

  • การเดินทาง

สถานที่ที่มีความสะดวกในการเดินทางส่งผลต่อการตัดสินใจมาร่วมงานของแขกเหมือนกันนะคะ หากเป็นไปได้ควรเลือกสถานที่ที่มีการเดินทางสะดวก ทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวและการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ยิ่งมีระบบขนส่งมวลชนครบที่พร้อมอำนวยความสะดวกในเขตพื้นที่นั้นยิ่งดีเลยค่ะ เพราะนอกจากแขกที่มาร่วมงานจะเดินทางสะดวกแล้วการขนส่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้ในการจัดงานก็จะมีความสะดวกด้วยเช่นกันค่ะ

  • พิธีการและกิจกรรมในงาน

งานแต่งงานบางคู่อาจมีการแบ่งวันจัดงานเป็นวันพิธีหมั้นกับวันเลี้ยงฉลอง การเลือกสถานที่จึงต้องคำนึงถึงพิธีการหรือกิจกรรมต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องใช้พื้นที่มากน้อยแค่ไหน และบรรยากาศในพิธีเหมาะกับสถานที่แบบไหน เช่น พิธีหมั้นแบบไทย เป็นงานเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่มีผู้ร่วมงานเฉพาะเครือญาติและเพื่อนสนิท จึงเหมาะกับการใช้บ้านทรงไทยเป็นสถานที่จัดพิธีหมั้นหมาย และในอาทิตย์ถัดมาคุณอาจจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างหรูหรา แขกมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง คุณจึงต้องการโรงแรมที่มีห้องโถงขนาดใหญ่เพื่อตอบโจทย์งานแต่งงานของคุณค่ะ

>> ดูไอเดียงานแต่งและคำแนะนำดีๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย! <<

Cr : insideweddings.com, pinterest.com

สวยอลังงดงามในทุกพิธีกับ 2 เคล็ดลับเด็ดเลือก ชุดไทย ให้เหมาะกับคุณ

ชุดไทย เต็มยศ แทบจะมีโอกาสเดียวที่ได้ใส่คือในงานแต่งงาน ซึ่งก็เพราะไม่เคยนี่ละ ทำให้ว่าที่เจ้าสาวหลายคนเกิดอาการคิดไม่ออกว่าจะเลือกอย่างไรให้ “เหมาะ” ไม่อยากโหมโรงเยอะขอพูดสั้นๆ ว่าแพรวเวดดิ้งมีคำตอบ 

1. เลือกให้เหมาะกับพิธี

ก่อนจะคิดกันจนหัวแตกว่าควรใส่ชุดแบบไหนให้ถามตัวเองว่าลักษณะงานของคุณเป็นอย่างไรเพราะกำหนดการของงานจะเป็นโจทย์หลักในการกำหนดรูปแบบชุด

สมรสพระราชทาน เนื่องจากบ่าว–สาวต้องเข้าวังเพื่อรับสมรสพระราชทานบ่าว – สาวจึงต้องแต่งกายตามระเบียบโดยเจ้าสาวใส่ชุดไทยบรมพิมาน (ไม่กำหนดสีหรือชนิดของผ้า) ไม่ผ่าหน้าหรือผ่าหลัง แนะนำให้ช่างเสื้อจับจีบหน้านางประมาณสองจีบซึ่งกว้างพอให้หมอบกราบได้สะดวกส่วนรองเท้าต้องเป็นหุ้มส้นเท่านั้น ถ้าเจ้าบ่าวเป็นข้าราชการให้แต่งเครื่องแบบเต็มยศถ้าเป็นพลเรือนให้สวมชุดราชปะแตนพร้อมติดเครื่องหมายเข้าเฝ้าที่คอเสื้อ (สามารถเช่าได้ตามร้านชุดรับปริญญา)

ชุดจากร้าน BOBO Studio จังหวัดภูเก็ต

มีพิธีสงฆ์ ถ้างานของคุณมีพิธีสงฆ์ด้วยก็ยิ่งควรแต่งกายให้เรียบร้อยมิดชิด เช่น ชุดไทยบรมพิมานชุดไทยศิวาลัย (คล้ายชุดไทยบรมพิมานแต่ห่มสไบทับอีกชั้น) หรือชุดไทยประยุกต์ที่ท่อนบนเป็นเสื้อลูกไม้ท่อนล่างเป็นผ้าถุง ไม่แนะนำให้ใส่สไบเปิดไหล่เห็นเนินเนื้อแต่ถ้าอยากใส่จริงๆ ควรเปลี่ยนใช้ในช่วงรดน้ำ

ชุดจากร้าน Deep Love Wedding

ไม่มีพิธีสงฆ์ ถ้าคุณจัดแค่พิธีหมั้นและหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ก็เลือกชุดสวยงามได้ตามความชอบ ส่วนใหญ่เจ้าสาวจะเลือกห่มสไบสวยหวาน ส่วนเจ้าสาวที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยมักเลือกชุดไทยบรมพิมานหรือชุดไทยประยุกต์เพราะดูสง่าภูมิฐาน ส่วนเรื่องลุกนั่งสะดวกหรือสวมใส่ง่ายเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะส่วนใหญ่ร้านชุดจะตัดแบบสำเร็จรูปจับจีบสไบและจับหน้านางผ้าถุงไว้อย่างสวยงามแล้ว แค่รูดซิปด้านหน้าทีเดียวก็เข้าทรงสวยมีทั้งแบบเย็บติดกันเป็นชุดเดียวและแบบแยกท่อนบนกับท่อนล่าง เพื่อให้สลับคู่สไบหรือเสื้อกับผ้าถุงได้ (ส่วนที่ตัดแบบโบราณต้องให้ช่างมาจับจีบแล้วเย็บตรึงกับตัวไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในปัจจุบัน)

ชุดจากร้าน Coco Chic Wedding

2. เลือกให้เหมาะกับเจ้าสาว

ได้แต่งชุดไทยกับเขาทั้งทีเชื่อว่าทุกคนคงอยากดูสง่าราวสตรีผู้สูงศักดิ์มากกว่าสวยแบบนางเอกหนังจักรๆ วงศ์ๆ แต่จะทำอย่างไรล่ะ

สี สีครีมทองเป็นสียอดฮิตเพราะดูหรูและสง่าแถมเจ้าสาวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่แล้วรอด ถ้าใจคุณชื่นชอบสีสันอย่างชมพูฟ้าส้ม ฯลฯ แต่ดันเป็นสาวไทยแท้ผิวเข้มกลัวว่าใส่แล้วจะตัดกับผิวฉึบฉับหรือเป็นสาวไทยเชื้อสายจีนตาตี่ผิวขาวซีดที่ใส่สีสดแล้วอาจดูเป็นอาเจ๊ ขอบอกว่าการเลือกสีโทนเบรกลงมาพอจะช่วยได้เช่นเลือกสีชมพูนู้ดๆ หรือสีกะปิแทนสีชมพูสดเลือกสีฟ้าอมเทาแทนสีฟ้าสดเลือกสีจำปาแทนสีส้มแจ๊ด ฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกลัวหมองเพราะชุดไทยมักตัดเย็บจากผ้าไหมซึ่งมีความวาวและมีการปักดิ้นทอง ซึ่งจะช่วยขับผิวให้ดูผ่องขึ้น ถ้าจะให้ชัวร์ควรเอาผ้ามาทาบกับตัวเลยว่าเหมาะกับผิวไหม

ชุดจากร้าน Vanus Couture

รูปร่าง ส่วนใหญ่เจ้าสาวรูปร่างท้วมมักไม่กล้าใส่สไบ แต่พอเลี่ยงไปใส่ชุดแขนยาวมิดชิดติดกระดุมถึงคอก็กลายเป็นดูอึดอัดทึบตันไปทั้งตัว แนะนำว่าของแบบนี้ต้องมั่นใจเพราะการห่มสไบก็มีทั้งแบบเข้ารูปโชว์ช่วงเอวและแบบผืนใหญ่ห่มปิดหมดทั้งร่าง โดยมากคนท้วมต้องใส่เปิดๆ หน่อยให้เห็นเส้นเอวจะได้ไม่ดูตัน แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพด้วยบางคนท้วมแต่พอห่มสไบมิดชิดกลับดูดีกว่าเพราะมีบุคลิกสง่าราวนางพญา ดังนั้นการลองสวมจริงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าชุดแบบไหนเหมาะกับคุณ

ชุดจากร้านเจ้านางเวดดิ้ง

กรณีที่เลือกใส่ชุดไทยแขนยาวคอปิด อย่างชุดไทยบรมพิมานการตัดเย็บให้เอวต่ำกว่าปกติจะช่วยให้ช่วงลำตัวดูโปร่งและสมส่วนขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

รองเท้า เนื้อคู่ของชุดไทยคือ รองเท้าส้นสูงหัวแหลมที่มีความเป็นเมแทลลิกจะเงินทองหรือพิ้งค์โกลด์ก็ขึ้นอยู่กับสีเครื่องประดับและดิ้นที่ปักบนชุด แต่แนะนำให้เป็นเฉดอ่อนจะดูมีคลาสกว่ากรณีที่หน้าเท้ากว้างใส่หัวแหลมแล้วไม่สวย ลองเลือกแบบที่มีแพลตฟอร์มด้านหน้าจะช่วยพยุงให้น้ำหนักไม่เทไปหน้ามากนักดูดีขึ้นแถมยังเมื่อยน้อยลงด้วย เจ้าสาวบางคนต้องการสวมรองเท้าสีพื้นเรียบๆ เพื่อจะได้เก็บไว้ใส่ในชีวิตประจำวันด้วยก็อาจเลือกสีที่ไปกันได้กับสีของชุดท่อนบนหรือท่อนล่าง

เครื่องประดับ ถ้าบ้านไหนมีเครื่องทองของเก่าเก็บก็โชคดีไป แต่ถ้าไม่มีต้องเช่าเครื่องประดับเทียมมาใส่ก็ควรเลือกที่ฝีมือประณีตและไม่ต้องประโคมเยอะเดี๋ยวจะดูเหมือนไปรำแก้บน แค่เข็มขัดต่างหูและสร้อยคอหรือข้อมืออีกสักชิ้นก็สวยแล้ว

ชุดเจ้าบ่าว พอเจ้าสาวเลือกชุดได้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูคนข้างๆ ด้วยส่วนใหญ่เจ้าบ่าวมักจะโนไอ-เดีย ใส่อะไรก็ได้ มีบ้างที่งอแงไม่ยอมใส่ชุดไทยเพราะเขินอาจพบกันครึ่งทางด้วยชุดเจ้าบ่าวไทยประยุกต์ ท่อนบนเป็นสูทท่องล่างเป็นโจงกระเบนหรือท่อนบนเป็นเสื้อราชปะแตนท่อนล่างเป็นสแล็คก็ตามสะดวก แต่เพื่อความสวยงาม แนะนำให้เจ้าบ่าวเลือกคู่สีที่เข้ากับสีชุดของเจ้าสาวหรือมีสีที่ลิงค์กับชุดเจ้าสาวอยู่ในตัวบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสีเดียวกันเป๊ะและถ้าคนหนึ่งใส่โทนอ่อนอีกคนควรเป็นโทนเข้มเพื่อความลงตัวเช่นชุดเจ้าสาว สีครีมทอง – ชุดเจ้าบ่าวสีเบจชุดเจ้าสาวสีชมพู–ชุดเจ้าบ่าวสีเทาหรือน้ำตาลช็อกโกแลต เป็นต้น

ชุดจากร้าน Vanus Couture

เมื่อเข้าร้านชุดคุณควร…

• พกความมั่นใจไปด้วย ทั้งมั่นใจในตัวดีไซเนอร์และมั่นใจในตัวเอง

• หยิบเรเฟอเรนซ์ไปด้วย ชอบแบบไหนอยากได้อะไรให้เอาติดมือไปเพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้สื่อสารกับดีไซเนอร์ได้ง่ายขึ้น

• ลองก่อนตัดสินใจ อย่ามึนหรือเกรงใจจนยอมเซ็นซื้อแพ็คเกจก่อนลองเด็ดขาด เพราะเซ็นแล้วก็เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง ช้างไม่ยอมคายแน่ๆ ต่อให้คุณต่อว่าช้างแค่ไหนก็ตามและอย่าตาโตกับโปรโมชั่นลดเฉพาะวันนี้ ชั่วโมงนี้ เพราะถ้าเซ็นไปแล้วเกิดร้านนั้นไม่มีชุดที่ชอบเลย จะน้ำตาตกใน

• ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นไปบ้าง อย่างน้อยควรแยกออกว่าผ้าไหมแท้ต่างจากไหมเทียมอย่างไร ลูกไม้เซาะดอกเป็นอย่างไร ฯลฯ เพราะบางร้านอาจยกความวิจิตรของชุดไทยสารพัดลุคมาอัพราคาถ้าดูเป็นจะได้ไม่โดนย้อมแมว

• ถ้าคิดจะเช่าชุดต้องทำใจ บางร้านทำเป็นเอวยางยืดเพื่อให้ทุกคนสวมใส่ได้ แต่จะดูไม่เข้ารูป ขณะที่ถ้าเป็นร้านที่มีความประณีตจะเย็บแก้ทรงใหม่เพื่อให้เข้ากับหุ่นลูกค้า นอกจากนี้ชุดที่ผ่านการใช้งานมาหลายครั้ง อาจจะเก่าซีดเป็นขุยดิ้นหลุด ฯลฯ ต้องถามใจตัวเองว่ารับได้ไหมถ้ายอมรับได้ก็จะเซฟงบประมาณไปได้มากกว่าครึ่ง

• ราคา การตัดชุดใหม่มีข้อดีคือ ได้เลือกสีเลือกเนื้อผ้าเองได้ไซส์พอดีตัวเราเป๊ะและชุดเป็นของเรา (จะเก็บเป็นที่ระลึกหรือเผื่อเป็นมรดกให้ลูกหลานก็ว่ากันไป) แต่ราคาจะสูง โดยเฉพาะถ้าเป็นผ้าไหมแท้ทั้งชุด ส่วนการเช่าตัดจะได้เลือกสีเลือกเนื้อผ้าและได้ไซส์พอดีกับเราเหมือนกัน แต่ชุดจะต้องคืนร้านไปราคาจะต่ำกว่าตัดประมาณ 30 – 50 เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ร้านสุดท้ายคือการเช่าราคาก็จะต่ำลงกว่าเช่าตัดอีกประมาณ 20 – 40 เปอร์เซ็นต์แต่ก็จะต้องเลือกของเท่าที่มีในร้านและมีข้อจำกัดดังที่กล่าวมาทั้งนี้ขอหมายเหตุตัวโตๆ ว่าเรตราคาเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละร้านราคานี้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น

>> ดูแบบชุดแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : งานแต่งงานของคุณแอนและคุณเจมส์ โดย Box Wedding

ข้าวของอะไรบ้างที่ว่าที่สะใภ้จีนต้องเตรียมไว้ห้ามขาดในพิธีแต่งงานจีน

พิธีแต่งงานจีน เป็นอีกหนึ่งพิธีแต่งงานที่มีความยุ่งขิงไม่แพ้พิธีแต่งงานไทย แถมยังมีการแต่งเข้าบ้านสามีคล้ายๆ กับธรรมเนียมไทยอีกด้วย แต่อาจจะมีรายละเอียดมากกว่าตรงที่ว่า สะใภ้จีนจะไม่สามารถเดินตัวเปล่าเข้าบ้านได้แบบชิลๆ นะจ๊ะ เพราะใน พิธีแต่งงานจีน เจ้าสาวจะต้องเตรียมข้าวของตามธรรมเนียนติดตัวเข้าไปด้วย ส่วนจะต้องเตรียมอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน

1. กล่องใส่ของหรือเซฟสีแดง ตามธรรมเนียมจีน เจ้าสาวจะต้องเตรียม ‘สินเดิม’ หรือสิ่งของติดตัวตามฐานะเข้าบ้านสามีด้วย ซึ่งต้องเก็บไว้ในกล่องหรือเซฟสีแดง เช่น เครื่องประดับที่เป็นมรดกตกทอดหรือของขวัญจากพ่อแม่ พร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อใส่ในบ้านใหม่ที่เจ้าสาวจะเข้าไปอยู่ (หรือก็คือบ้านสามีนั่นแหละ)

พิธีแต่งงานจีน

2. ของใช้สำหรับเจ้าสาว ที่ต้องเป็นของใหม่เอี่ยมสีแดงหรือสีชมพูติดตัวเข้าไปด้วยอย่างละคู่ ไม่ว่าจะเป็น ถังน้ำ, กะละมัง, กระโถน, กระจก, กรรไกรตัดผ้า, ไม้วัด, เข็ม, ด้าย, ถาดใส่ของ, หมอนหนุนและหมอนข้าง, ผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม,พัดสีแดงไว้ถือตอนส่งตัว, หวีอีก 4 อัน, รองเท้าเกี๊ยะสีแดง

3. เอี๊ยมแต่งงานสีแดง ปักลายกิเลน มังกร หรือหงส์ และอักษรจีน ‘แป๊นี้ไห่เล่า’ ที่แปลว่า อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ซึ่งถ้าหากบ้านเจ้าสาวมีฐานะสักหน่อยจะเตรียมสายคล้องเอี๊ยมทองคำหนัก 4 บาทไปเลยก็ได้ เพราะชาวจีนถือกันว่าเลข 4 คือเลขมงคล โดยในเอี๊ยมจะต้องประกอบไปด้วยสิ่งของดังต่อไปนี้

– ธัญพืช 5 ชนิด (โหงวเจ๊งจี้) คือ ข้าวเปลือก, ข้าวสาว, ถั่วเขียว, ถั่วดำ และสาคู ที่ห่อไว้ในกระดาษสีแดง เพราะมีความเชื่อที่ว่าเพื่อให้ครอบครัวและลูกหลานของบ่าวสาวเจริญรุ่งเรืองงอกงาม

– ต้นชุงเฉา เป็นต้นไม้มงคล หมายถึงการมีเกียรติ

เหรียญกิมเล้ง หรือเหรียญทองลายมังกร เพื่ออวยพรให้ร่ำรวย

– ปิ่นทองยู่อี่ โดยจะมีคำว่า ยู่อี่ อยู่ปลายปิ่น มีความหมายว่าให้ทุกสิ่งสมปรารถนา เสียบไว้ที่ปากกระเป๋าเอี๊ยม

หรือบางครอบครัวใส่เงินเพิ่มเติมลงไปด้วย เพื่อถือเคล็ดให้ร่ำรวยมีเงินมีทองตลอดปี พร้อมกันนี้ให้วางสำลี 2 คู่ สื่อความหมายว่าบ่าวสาวจะอยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า และอาจมีเมล็ดแป้งจีน 2 ห่อที่สื่อความหมายว่าเงินทองเฟื่องฟูลงไปด้วย 

4. ส้มเช้ง ติดอักษร ‘ซังฮี้’ ทุกลูก โดยต้องเตรียมไว้เป็นจำนวนเลขคู่ และสามารถปนส้มสีทองจำนวน 4 ลูกลงไปได้

5. ชุดหัวใจหมู ให้มีปอดและตับติดอยู่ด้วย (สามารถสั่งให้ร้านทำให้ได้เป็นพิเศษ โดยแจ้งว่าใช้สำหรับพิธีหมั้น)

6. ชุดต้นซุงเฉา, น้ำตาลทรายแดง และเชือกแดง ในพิธีแต่งงานแบบจีนใช้ต้นชุงเฉ้าจำนวน 2 ต้น แต่ให้ความหมายว่าเป็นเมียเพียงคนเดียว ถ้ามองเผินๆ อาจคิดว่าเป็นต้นไม้ในห่อ แต่จริงๆ แล้วในห่อกระดาษแก้วสีแดงนั้นบรรจุน้ำตาลทรายแดงที่มัดด้วยเชือกแดงไว้ เมื่อเสร็จพิธีนิยมนำน้ำตาลทรายแดงมาปรุงอาหารทานได้

7. ขนมถั่วดำคลุกน้ำตาล นิยมใช้ทั้งหมด 7 คู่

8. เผือก หรือโอวเท้า เตรียมไว้ในจำนวนเลขคู่ ในภาษาจีนมีความหมายว่าความอุดมสมบูรณ์

9. ใบทับทิม หรืออังฮวย สำหรับใส่ประดับไว้ในทุกถาด ซึ่งจะต้องเป็นถาดที่ฝ่ายชายจะนำกลับ

10. เม็ดสาคู ใช้สำหรับโรยของต่างๆ เพื่อเป็นเคล็ดให้คู่รักรักกันเหนียวแน่นกลมเกลียวเหมือนเม็ดสาคู

11. ใบทับทิม เชื่อว่ามีไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยปัดเป่าชำระสิ่งชั่วร้ายไปให้หมด บ่าวสาวจึงต้องเตรียมไว้สำหรับประดับของทุกถาด

12. ชุดน้ำชาและกาเหล้าสีแดง จะใช้สำหรับพิธียกน้ำชาแก่ญาติผู้ใหญ่ พร้อมกับการเเนะนำตัวแก่ญาติทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งพิธีนี้ถือเป็นการแสดงความเคารพแก่ญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ขาเทียนหรือเชิงเทียนรูปซังฮี้ ใช้ในช่วงก่อนถึงฤกษ์ส่ง ตัวที่เจ้าสาวต้องทานอาหารมงคล 10 อย่างพร้อมครอบครัวและใช้ไหว้ฟ้าดินเมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว

13. ตะเกียง หมายถึง เเสงสว่างในชีวิตและการมีทายาทคนแรกเป็นผู้ชาย ชาวจีนจึงถือเคล็ดว่าตะเกียงนี้ห้ามผูกโบหรือติดของตกเเต่งให้ดูเป็นผู้หญิงเด็ดขาด

14. ไข่ต้ม ย้อมเปลือกเป็นสีแดง จัดเตรียม เป็นจำนวนคู่ สื่อความหมายให้มีลูกหลานมากๆ

15. ชุดลำไยแห้ง 2 ชุด

16. ของขวัญ สำหรับมอบให้พ่อแม่และญาติ ฝ่ายชาย

รูอย่างนี้แล้วก็รีบเตรียมข้าวของเอาไว้ให้พร้อมนะจ๊ะคุณเจ้าสาว จะได้สร้างความประทับใจให้กับคุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าวเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย

>> ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน และความเชื่อในเรื่องงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

สถานการณ์ที่คู่รักต้องรับมือแต่งงานช่วง COVID 19 ว่าที่บ่าวสาวจะไปต่อหรือรอก่อน!?

แต่งงานช่วง COVID 19 ไปต่อหรือรอก่อน!!

ด้วยสภาวะการณ์แบบนี้อาจทำเอาหลายคู่ที่กำลังจะแต่งงานถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูกหากต้อง แต่งงานช่วง COVID 19 บางคู่อาจได้ฤกษ์ดีมาเลยไม่อยากเลื่อนงานแต่งออกไป เพราะกว่าจะได้ฤกษ์ดีฤกษ์ใหม่ก็อาจต้องรอนานอีกเป็นปี แต่ถ้าดันทุรังจะจัดต่อก็ต้องพร้อมรับมือกับความเสี่ยงหลายๆ อย่างที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยงต่อการติดโรค และเสี่ยงต่อการที่จะไม่มีแขกกล้ามาร่วมงาน แถมการเดินทางข้ามพื้นที่ยังมีความลำบาก เอาเป็นว่าแทนที่ว่าที่บ่าวสาวจะตื่นตระหนกไปกับเหตุการณ์โรคระบาดและงานแต่งงานของตัวเอง แพรวเวดดิ้งขอให้รวบรวมสติแล้วมาวางแผนกันใหม่ดีกว่าว่าเราจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง และมีวิธีไหนที่จะช่วยบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวลนี้ลงได้บ้าง แล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้งานแต่งงานครั้งนี้อาจไม่ต้องเลื่อน!

1. ว่าที่บ่าวสาวต้องหยุดการดำเนินการใดๆ ก่อน

หากกำหนดการงานแต่งงานของว่าที่บ่าวสาวจะเริ่มต้นในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เราขอให้คุณหยุดการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานของคุณลงก่อน ไม่ว่าจะเป็น การพิมพ์การ์ดแต่งงาน ของชำร่วย แล้วรีบปรึกษากับผู้จัดงาน เวดดิ้งแพลนเนอร์ โดยเฉพาะสถานที่จัดงานแต่งงาน หรือโรงแรมที่บ่าวสาวจะจัดงานแต่ง เพื่อหารือกันว่าจะเลื่อนหรือยกเลิกไปก่อน

ซึ่งถ้าหากเป็นการเลื่อนงานแต่งงานออกไปแต่ยังใช้เป็นสถานที่เดิม ว่าที่บ่าวสาวต้องสอบถามถึงกำหนดการใหม่ว่าสถานที่ว่างวันไหนบ้าง เพราะอย่าลืมว่าอาจจะไม่ใช่แค่คู่คุณคู่เดียวที่จะเลื่อนงานแต่งงานและเปลี่ยนวันจัดงานใหม่

และหากว่าที่บ่าวสาวพิมพ์การ์ดเชิญและสั่งทำของชำร่วยไปแล้วก็ไม่ต้องตกใจว่าต้องทิ้งแล้วต้องสั่งทำใหม่ทั้งหมด ตราบใดที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดแต่งงาน แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้ทำสติ๊กเกอร์วันจัดงานใหม่แปะทับวันเดิมไปเลย ถึงจะดูไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่ก็ประหยัดงบได้นะคะ

2. ว่าที่บ่าวสาวต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องในงานแต่งงานให้ทราบ

หากว่าที่บ่าวสาวตัดสินใจเลื่อนการจัดงานแต่งงานออกไป และได้วันแต่งงานใหม่พร้อมสถานที่เป็นที่เรียบร้อย อย่าลืมแจ้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานแต่งงานของคุณทุกฝ่าย เพื่อแจ้งการเลื่อนหรือยกเลิกไปก่อน แล้วค่อยทำการนัดหมายใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ช่างภาพ ช่างวิดีโอ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม แคเทอริ่ง วงดนตรี ฯลฯ โดยเฉพาะหากคู่ไหนจ้างช่างภาพ ช่างแต่งหน้า และช่างผมชื่อดังที่จองคิวยากยิ่งต้องรีบแจ้งกำหนดการใหม่ด่วนๆ (หากมี)

เรื่องชุดแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ว่าที่บ่าวสาวไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากคุณมีแผนที่จะเลื่อนงานแต่งงานออกไปช่างอาจจะต้องนัดให้ว่าที่บ่าวสาวไปฟิตติ้งใหม่อีกครั้งเพื่อความพอดีของชุด ฉะนั้นว่าที่บ่าวสาวควรแจ้งกำหนดการใหม่ให้ทางร้านได้ทราบไว้ด้วย

3. ว่าที่บ่าวสาวต้องดูเอกสารการเซ็นสัญญาการจ่ายเงินใหม่

ในกรณีที่ว่าที่บ่าวสาวต้องเลื่อนกำหนดการจัดงานแต่งงานออกไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการเซ็นสัญญากับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สถานที่จัดงานหรือโรงแรม เวดดิ้งแพลนเนอร์ แคเทอริ่ง ช่างภาพและช่างวิดีโอ ร้านชุดแต่งงาน ฯลฯ หรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ที่ว่าที่บ่าวสาวได้เซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ เพื่อแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลจากสัญญาเดิม หรือการรับประกันเรื่องอื่นๆ เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย โดยจะต้องลงข้อมูลอย่างละเอียดถึงสาเหตุการเลื่อน กำหนดการใหม่ และจำนวนเงินมัดจำที่จ่ายไปแล้ว รวมถึงจำนวนเงินที่ยังคงเหลือจ่ายว่าจะมีการเลื่อนกำหนดจ่ายจากวันเดิมออกไปหรือไม่ หรือต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาอย่างไรบ้าง อย่าลืมอ่านให้ละเอียดก่อนเซ็นใหม่กันด้วยนะคะ

4. ว่าที่บ่าวสาวอย่าลืมแจ้งให้แขกทราบ

หากว่าที่บ่าวสาวตกลงกันอย่างชัดเจนแล้วว่าจะเลื่อนงานแต่งงานออกไป อย่าลืมแจ้งให้แขกทุกคนที่บ่าวสาวเชิญให้มาร่วมงานได้ทราบ โดยเฉพาะแขกที่อาจจะต้องเดินทางมาจากพื้นที่อื่นที่จองห้องพักเอาไว้เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของคุณเพื่อที่แขกจะได้มีเวลาในการจัดการยกเลิกแผนการเดินทางและห้องพักที่จองไว้ และอย่าลืมแจ้งกำหนดการใหม่และสถานที่ให้แขกได้ทราบด้วย งานนี้ทั้งเจ้าบ่าว เจ้าสาว ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และบรรดาเพื่อนๆ อาจจะต้องช่วยกันกระจายข่าวกันหน่อยนะจ๊ะ ไม่ว่าจะด้วย การประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม การยกหูโทรหา หรือวิธีใดๆ ก็ตามที่จะทำให้แขกทราบการเปลี่ยนกำหนดการวันแต่งงานได้เร็วที่สุด

5. ว่าที่บ่าวสาวที่ตัดสินใจจะจัดงานแต่งงานต่อ!

หากว่าที่บ่าวสาวมีความจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานจริงๆ และวางแผนไว้ว่าจะมีทั้งงานหมั้นและงานฉลองมงคลสมรส และสถานที่จัดงานหรือโรงแรมไม่มีปัญหาใดๆ งานนี้ว่าที่บ่าวสาวและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอาจจะต้องมานั่งคุยกันอย่างจริงจังถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงาน เช่น ลดขนาดของสถานที่จัดงานแต่งงาน และงดการจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค

โดยเฉพาะการลดจำนวนแขกให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งแขกที่มาร่วมงานจะต้องเป็นแขกที่มีความสำคัญจริงๆ เท่านั้น และว่าที่บ่าวสาวจะต้องเตรียมความพร้อมในการจัดงานให้ดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ

  • การคัดกรองแขกที่จะมาร่วมงานว่าเคยไปพื้นเสี่ยงหรือไม่
  • มีการวัดไข้ของผู้ที่จะเข้างาน
    ** หากแขกคนใดเคยไปยังพื้นที่เสี่ยง และมีไข้เกินที่กำหนด ว่าที่บ่าวสาวอาจจะต้องขออนุญาตให้แขกคนนั้นงดเข้างาน
  • มีจุดแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ตามที่ต่างๆ
  • ดูแลความสะอาดของอาหารและเครื่องดื่มที่จะเตรียมให้แขก
  • จัดให้มีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนวันแต่งงาน
  • การรักษาระยะห่าง Social distancing

แต่หากตัดใครไม่ลงแพรวเวดดิ้งขอให้ลองพิจารณาเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนจะดีที่สุดนะคะ

ส่วนคู่ไหนที่ต้องเดินทางไปจัดงานแต่งงานที่ต่างจังหวัดอาจจะต้องมีความจำเป็นในการเลื่อนงานแต่งงานออกไปก่อนแทนที่จะดื้อรั้นยืนยันจัดงานแต่งงานต่อไปนะคะ แพรวเวดดิ้งทราบว่าเป็นเรื่องยากที่หลายคู่จะต้องรับมือ และยากที่จะคาดการณ์ว่าจะอีกนานเท่าไหร่สถานการณ์ถึงจะเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของทั้งตัวบ่าวสาวและแขกที่จะมาร่วมงานด้วย

สุดท้ายนี้แพรวเวดดิ้งขอให้ว่าที่บ่าวสาวทำใจให้ดี รักษาสุขภาพ และคิดบวกเข้าไว้นะคะ อดทนอีกนิด รักษาสุขภาพให้แข็งแรงเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายเมื่อไหร่จะได้มีแรงกำลังมาลุยจัดงานแต่งงานกันได้อย่างเต็มที่ แพรวเวดดิ้งขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่รักนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

พิธีเปิดเตียบ อีกหนึ่งประเพณีงานแต่งไทยที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

ขึ้นชื่อว่าประเพณี ก็มักจะเป็นอะไรที่ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้ใหญ่ท่านยึดถือปฏิบัติต่อๆ กันมา บางอย่างก็ยังคงอยู่ บางอย่างก็ถูกประยุกต์ หรือบางอย่างก็อาจจะสูญหายไปตามกาลเวลา อย่างเช่น พิธีเปิดเตียบ ที่น้อยคนนักจะรู้จัก แพรว wedding เลยขอเปิดตัวเปิดเตียบงานแต่ง ให้ว่าที่บ่าวสาวได้ทำความรู้จักกับพิธีนี้ให้มากขึ้น

เมื่อขบวนขันหมากเข้ามาในบ้านพร้อมแล้ว ทางฝ่ายเจ้าสาวจะต้องจัดชาย-หญิง 2 คู่ที่เป็นสามีภรรยากันโดยการแต่งงานมาทำพิธีเปิดเตียบ โดยให้คนที่ยกเตียบฝ่ายเจ้าบ่าวอุ้มส่งให้ผู้เปิดเตียบหญิงทั้ง 2 คน เมื่อวางลงกับพื้น ให้เปิดผ้าคลุมออก แล้วเอาแป้งหอม น้ำมันหอม และกระแจะประพรมสิ่งของในเตียบทั้ง 4 อย่าง แล้วยกเตียบส่งให้สามีของตนรับไว้ แล้วนำเข้าไปในห้องของพ่อแม่เจ้าสาว ก่อนจะยกอีก 2 เตียบที่เหลือตามเข้าไป

จากนั้นผู้เปิดเตียบจะต้องนำผ้าขาวกว้าง 4 ศอก ยาว 4 ศอกปูที่พื้น แล้วยกเตียบทั้ง 4 และสำรับผ้าไหว้วางไว้กลางผ้า จุดธูปเทียนคู่ ดอกไม้สด 2 ช่อ เพื่อบูชาเทวดา ผีบ้านผีเรือน และปู่ย่าตายายที่ล่วงลับให้ปกป้องคุ้มครอง เฒ่าแก่แต่ละฝ่ายจะจูงมือเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าไปในห้อง เมื่อนั่งลงกับพื้น เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะจับมือขวาเจ้าบ่าวประสานกับมือซ้ายของเจ้าสาว แล้วยกมือของทั้งคู่ขึ้นเหนือศีรษะเจ้าบ่าวแล้วค่อยยกไปเหนือศีรษะเจ้าสาว แล้วให้ก้มลงกราบที่พื้น ก่อนจะมาไหว้พ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว เป็นอันสิ้นสุดพิธีเปิดเตียบ อันเป็นพิธีที่ถือว่าบ่าวสาวได้เป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้อง เพราะได้รับการอนุญาตจากบรรพบุรุษผู้ล่วงลับเรียบร้อยแล้ว

หลังเปิดเตียบ จะมีการนำขันทุนของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวออกมาตรวจสอบว่าเท่ากัน แล้วนำเงินทุนทั้งคู่มาวางลงบนผ้าขาว นำกระแจกแป้งหอมมาประพรม แล้วนำถั่วงาถุงต่างๆ ในขันหมากมาคลุกเคล้าให้ทั่วเงินทุน เฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวคลุกเวียนขวาไปซ้าย ส่วนเฒ่าแก่ฝ่ายเจ้าสาวคลุกเวียนซ้ายไปขวา ตามความเชื่อว่า เงินทุนนี้เมื่อนำไปลงทุนแลกเปลี่ยนจะมีกำไรงอกงาม ส่วนสินสอดและของในขันหมาก เมื่อตรวจนับ ประพรมด้วยของหอม แล้วนำออกจากภาชนะแล้ว ห้ามนำภาชนะซ้อนกัน และห้ามเด็กสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานกินขนมขันหมาก เพราะเชื่อว่าจะเป็นหม้ายขันหมากในอนาคต

>> หากอยากรู้ว่า เตียบงานแต่ง นั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง คลิกเลย! <<

เตรียมการให้ดี 4 ข้อควรระวังในงานแต่งที่บ่าวสาวต้องจดไว้

ในงานแต่งงานใครๆ ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาเป๊ะไม่มีจุดผิดพลาด แต่ก็อาจมีเหตุไม่คาดฝันในงานแต่งงานเกิดขึ้นได้ แพรว wedding เลยมาเตือน 4 ข้อควรระวังในงานแต่ง โดยงานนี้คุณตั้ม จาก Marisa the Planner and Organizer จะมาช่วยเตือนให้ว่าที่บ่าวสาวได้ฟังว่า 4 เรื่องที่ว่านี้มีอะไรบ้าง

1. พูดยาวไป

ช่วงเช้าเป็นช่วงที่พิธีกรรมต่างๆ เยอะมากมายจึงต้องมีเจ้าพิธีที่คอยดูแลงานให้เป็นตามขั้นตอน ซึ่งก็มักดำเนินงานไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรน่าห่วง แต่!!! เจ้าพิธีก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งหนึ่งได้ นั่นก็คือ เฒ่าแก่และญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว หลายๆ ครั้งเฒ่าแก่หรือญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาวที่ต้องพูดในช่วงสู่ขอ อาจพูดเกินเลยไปนอกเรื่องนอกราว แถมนอกบทนอกสคริปต์ที่จัดเตรียมไว้ จนทำให้เสียฤกษ์แถมพิธียืดเยื้อออกไปอีก

ทางแก้ ในกรณีที่เป็นเฒ่าแก่อาจให้พิธีกรหาจังหวะตัดบท แต่ถ้าในกรณีที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว ก็อาจจะต้องให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยสะกิดท่านนิดหนึ่งว่า อ่า…..ถึงเวลาอันสมควรแล้วนะ อะไรแบบนี้ แต่ถ้าบ่าวสาวยังนึกไม่ออกว่าถ้าอย่างนั้นควรพูดยังไงแค่ไหน เราก็มีบทสู่ขอ (ลิงค์) ให้บ่าวสาวสามารถนำไปให้เฒ่าแก่และญาติผู้ใหญ่ใช้ได้เลย

2. จับกบกลางงาน

ชุดสวยๆ ของเจ้าสาวที่มีชายยาวระพื้นอาจทำให้หน้าแตกกลางงานได้เพราะเดินๆ ไปก็ล้ม เดินๆ ไปก็เหยียบชายกระโปรงตัวเองหรือบางทีก็มีคนอื่นมาเหยียบจนล้มลงไปจับกบอายแขกเหรื่อนับร้อยที่อยู่ในงาน แถมทำให้ชุดเสียหายอีกต่างหาก

ทางแก้ : รับชุดมาแล้วก็ซ้อมเดินกับรองเท้าคู่จริงเสียก่อนจะได้คล่อง ถ้าเหยียบชายกระโปรงตรงไหนก็ให้สอยง่ายๆ เก็บขึ้นไป  หรือจะหาคนมาช่วยมาช่วยจับ ช่วยยกชายกระโปรงสิค่ะ ช่วยได้เยอะเลย

3. อกใหญ่เรื่องเล็ก อกเล็กเกาะอกหลุด….เป็นเรื่อง

เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดจากชุดแต่งงานที่ถ้าพลาดไปเนี่ย ยิ่งกว่าอายเป็นล้านเท่า สำหรับสาวที่เลือกชุดแต่งงานแบบเกาะอก อาจต้องเผชิญปัญหาเกาะอกเลื่อนลงไม่ใช่เพราะอกเล็กๆ อย่างเดียว แต่น้ำหนักของชุดก็มีส่วน

ทางแก้ :  ต้องให้คนใกล้ชิดคอยสังเกตยามเลื่อนลง และบังสายตาคนอื่นยามเจ้าสาวดึงเกาะอกขึ้น และตอนลองชุดต้องมั่นใจว่าชุดรัดแน่นแล้ว และมั่นใจขึ้นอีกชั้นด้วยการใส่เกาะอกซับในไว้อีกรอบ

4. สัญญาเป็นมั่นเหมาะ

เป็นเรื่องการของยืนยันวันในกรณีที่บ่าวสาวได้ทำการเจรจาตกลงกับกลุ่มเพื่อนให้ทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ ในงานแต่ง หรือโชว์ที่กลุ่มเพื่อนบอกว่าจะทำในงานแต่ง แต่ไม่มีการเตือนกัน จนลืมทำไม่ทัน

ทางแก้ : บ่าวสาวต้องไม่ลืมคอนเฟิร์มวันและย้ำเตือนกับเพื่อนของตัวเองว่างานแต่งฉันแล้วนะ ที่เธอรับปากจะทำไปถึงไหนแล้ว ไม่งั้นลำดับพิธีที่เตรียมไว้ล่มแย่

นี่ละคะ 4 ข้อที่คุณตั้ม แพลนเนอร์มืออาชีพบอกกับเราว่าเป็นข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นในงานแต่ง ซึ่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องพึงระวังเอาให้ดีเลยทีเดียว

ติดตามไอเดียและคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณตั้ม Marisa Planner
ภาพเปิด : www.walldevil.com