มาดูการเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว โค้งสุดท้าย! 1 เดือนก่อนแต่งงาน

ว่าด้วย ความงามเจ้าสาว ในโค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนแต่งงาน ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้สวยปังไม่มีหลุด!

และแล้วก็ใกล้วันสำคัญเข้าไปทุกทีแล้วสินะ! โค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนวันงานของเรานี่แหละสำคัญมาก! ว่าที่เจ้าสาวควรเช็คลิสต์การเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว ให้ดีแบบไม่มีหลุด ส่วนว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังไม่ได้ใกล้วันสำคัญขนาดนั้น เรามี ลิสต์การเตรียมตัวช่วง 1 ปี – 6 เดือน และ 5 เดือน – 2 เดือน มาให้อ่านด้วยนะ จะได้เช็คตัวเองได้ครบถ้วนไม่มีหลุด ถ้าทำอะไรช้าไปหรือเร็วไปละก็ นอกจากจะเสียเงินฟรีอาจจะไม่ทันการเอา มาดูกันดีกว่าโค้งสุดท้ายก่อนแต่งงาน มีอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวต้องเตรียมการบ้าง!

ความงามเจ้าสาว

1. นัดพบทันตแพทย์เพื่อขูกหินปูนและฟอกฟันขาว ในกรณีที่สุขภาพฟันของคุณไม่ได้มีอะไรต้องรักษาเป็นพิเศษ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนก่อนแต่งงานคุณสามารถเข้าไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและฟอกฟันขาว โดยการฟอกฟันขาวทำได้ทั้งแบบที่ซื้อเซทฟอกฟันขาวจากคลินิกไปทำเองที่บ้าน (ซึ่งราคาถูกกว่า) วิธีนี้จะใช้เวลามากกว่าการฟอกฟันขาวที่คลินิกเลย บางคนทำเพียงแค่ 2 อาทิตย์ติดต่อกันฟันก็ขาวเป็นที่พอใจแล้ว แต่ทางที่ดีเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 เดือนดีกว่า เช่นกันสำหรับการฟอกฟันขาวที่คลินิก ไม่ควรฟอกใกล้กับวันแต่งงานมากเกินไปเพราะสีฟันจะยังไม่เข้าที่ แถมอาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันในวันสำคัญได้ด้วยค่ะ

ความงามเจ้าสาว

2. สองอาทิตย์ก่อนแต่งงาน ย้อมสีผม สำหรับใครที่ทำสีผมและอาจจะไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่องจนสีผมงอกใหม่กลายเป็นคนละสีกับสีผมที่ทำมา เวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่คุณจะเดินเข้าซาลอนเพื่อให้ช่างย้อมสีผมให้เท่ากันทั้งศีรษะ เราแนะนำว่าเลือกโทนสีสุภาพอย่างน้ำตาลมะฮอกกานี น้ำตาลช็อคโกแลต หรือน้ำตาลเข้มอมทอง ไว้ก่อนดีกว่า เป็นโทนสีที่ทำแล้วรอดทุกสีผิวค่ะ เชื่อเรา

3. ประมาณสามวันก่อนวันงาน กำจัดขน ในทีนี้ไม่ได้หมายถึงเลเซอร์ขนตามคลินิกนะคะ แต่ในกรณีที่คุณต้องการกำจัดขนด้วยตัวเองโดยการใช้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ชนิดทำเองที่บ้าน สามารถทำได้ในช่วงเวลาประมาณนี้ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าเราไม่แพ้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ยี่ห้อที่จะใช้นะคะ (เราแนะนำให้ซื้อมาทดลองตั้งแต่ก่อนแต่งงานเนิ่นๆ) อ่อกำจัดเฉพาะขนแขนหรือขนขา (ในกรณีใส่เดรสสั้นโชว์เรียวขา) ไม่แนะนำให้กำจัดขนหน้าและแว็กซ์คิ้วนะคะ! เพราะในวันแต่งงานจริงช่างแต่งหน้าจะจัดการให้เราอยู่แล้ว และการแว็กซ์คิ้วเองอาจจะทำให้ไม่ได้รูปทรงสวยงามเหมือนช่างทำ ซึ่งมีผลต่อการแต่งหน้าได้ค่ะ

ความงามเจ้าสาว

4. หนึ่งวันก่อนวันแต่งงาน ไปทำเล็บ อย่าลืมโทรนัดซาลอนทำเล็บของคุณแต่เนิ่นๆ ป้องกันการฉุกละหุกหากทางร้านไม่มีคิว เราจะลงเอยด้วยการวิ่งหาร้านในนาทีสุดท้ายกันให้วุ่นค่ะ (รวมทั้งอาจจะไม่ได้ร้านที่ถูกใจด้วย) อย่าลืมหาแบบสีเล็บที่เราชอบ เป็นเรฟเฟอร์เร้นต์ให้ช่างทำเล็บดูละคะ หากไม่แน่ใจก็ให้ลองสีที่ชอบจนกว่าจะได้สีที่ถูกใจ บอกช่างไปตรงๆ ว่าทำเล็บแต่งงานค่ะ รับรองว่าช่างทำเล็บร้อยทั้งร้อยจะทุ่มสุดฝีมือให้คุณเลยล่ะ

5. คืนก่อนวันแต่งงาน สระผมโดยไม่ต้องลงครีมนวดผม เพื่อไม่ให้ผมลื่นเกินไปจนเกล้าไม่อยู่ อย่าลืมมาส์กหน้าด้วยมาส์กชิ้นเด็ดที่เราชอบ สครัปผิวปากและมาส์กปากด้วยลิปบาล์มชิ้นโปรดของเรา (แนะนำสูตรสครับผิวปากแบบบ้านๆ ใช้น้ำมะนาว 2-3  หยด และไวน์ขาว 2-3 หยด ผสมน้ำตาลทรายแดงเนื้อละเอียด 1 ช้อนชา ผสมกันให้เหนียวแล้วสครับปากได้เลย!) ทาแฮนด์ครีมให้ผิวมือชุ่มชื่น ทำใจให้สบาย ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วเข้านอนแต่หัวค่ำ เตรียมพร้อมสำหรับวันสำคัญของเราวันรุ่งขึ้นค่ะ

สุดท้ายแล้ว หวังว่าซีรี่ส์การเตรียมตัวเจ้าสาวตั้งแต่  1 ปี จนถึงคืนก่อนวันแต่งงานของเรา จะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาว สวยออร่า และแฮ้ปปี้ที่สุดในวันสำคัญของคุณนะคะ

credit story: brides.com

ไอเดียตกแต่งงาน ด้วยการจับเดรปผ้างานดีมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครชัวร์!!

การจับเดรปผ้า งานฝีมือสุดปราณีต ไอเดียตกแต่งงาน ที่แบบนี้มีงานคุณแค่งานเดียวเท่านั้น

งานผ้า แม้ไม่ใช่ดาวเด่นของงานแต่ง แต่การตกแต่งด้วยผ้าก็สามารถช่วยให้งานของคุณดูหรูอลังการเวอร์วังอย่างลงตัว ตามมาดูคำแนะนำดีๆ ที่แพรว wedding นำมาฝากว่าที่บ่าวสาวกันกับ ไอเดียตกแต่งงาน สุดเริดที่จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับงานแต่งของคุณไม่ซ้ำใครแน่นอน

งานจับเดรปผ้ากับงานแต่ง

สมัยก่อนงานผ้ามักใช้ตกแต่งตามงานรื่นเริงหรืองานประเพณีต่างๆ ทำให้คนทั่วไปคิดว่างานผ้าไม่สวยและล้าสมัย แต่งานผ้าก็มีจุดเด่นที่การตกแต่งด้วยวัสดุอื่นทำไม่ได้นั่นก็คือ สามารถสร้างความนุ่มนวลจากความพลิ้วไหวของจีบและเนื้อผ้า รวมทั้งทำให้งานดูมีระดับขึ้นได้ เพียงแต่ต้องรู้จักดีไซน์ให้ดูหรูหราและเข้ากับงาน

ไอเดียตกแต่งงาน

ผ้าแบบไหนใช่สำหรับงานคุณ

ผ้าเนื้อนิ่ม : ให้อารมณ์นุ่มนวล อ่อนหวาน เมื่อนำมาจับเดรปจะดูละเมียดละไมอ่อนช้อยยิ่งขึ้น

ผ้าเนื้อแข็ง : ด้วยเท็กซ์เจอร์ที่ค่อนข้างแข็ง จะช่วยให้งานของคุณดูมีน้ำหนัก และดูเต็ม

ผ้ากำมะหยี่ : เท็กซ์เจอร์ที่มันวาวของผ้ากำมะหยี่จะทำให้งานดูหรูหราขึ้น

ข้อดีของงานผ้าในงานแต่งที่คุณอาจไม่รู้

งานที่ตกแต่งด้วยดอกไม้เป็นหลัก เมื่อเสริมด้วยงานผ้าจะทำให้สถานที่โดยรวมดูเต็มไม่โหรงเหรง จึงดูอลังการและสวยงามมากขึ้น เช่น ในห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่มาก หากใช้ดอกไม้สดอย่างเดียวอาจดูไม่ตระการตา ก็ต้องใช้งานเดรปผ้าเสริมเข้าไป หรือใช้งานผ้าซ้อนกันเป็นชั้นๆ ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้งานดูมีมิติขึ้น เป็นต้น

สำหรับคู่บ่าวสาวที่มีงบจำกัดก็สามารถเป็นเจ้าของงานแต่งที่ดูสวยหรูได้โดยเติมงานผ้าเข้าไป ริ้วลาย และการจับจีบผ้าจะช่วยให้งานของคุณดูงดงามอ่อนช้อย อีกทั้งยังทำให้งานดูหรูโดยไม่จำเป็นต้องทุ่มงบไปกับดอกไม้สดจำนวนมาก เช่น ใช้อุโมงค์ผ้าตกแต่งบริเวณทางเข้างานแทนการใช้ดอกไม้ ใช้ผ้าตกแต่งบริเวณแบ็กดร็อปและเวทีโดยไม่จำเป็นต้องใช้ดอกไม้ หรือใช้เพียงเล็กน้อย เป็นต้น

อีกหนึ่งจุดเด่นของการเดรปผ้าในงานแต่งคือ เป็นการสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นเฉพาะงาน ทำให้งานของคุณไม่เหมือนใคร นักจับเดรปผ้าต้องดูภาพรวมหน้างานในวันจริงและออกแบบทันที อีกทั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงด้านการตกแต่งใดๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า จะต้องดีไซน์ให้งานผ้าออกมาสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย

นักจับเดรปผ้าต้องสามารถดัดแปลงงานผ้าให้เข้ากับงานแต่งงานได้ทุกธีม และนำมาตกแต่งได้แทบทุกบริเวณของงาน ไม่ว่าจะเป็น แบ็กดร็อป ทางเดินเข้างาน เวที และมุมดิสเพลย์ต่างๆ เพียงแค่เลือกสีและชนิดของผ้า ดีไซน์ รูปแบบ และจับจีบผ้าให้เข้ากับธีมงาน ก็สามารถทำให้คู่บ่าวสาวเป็นเจ้าของงานแต่งที่สวยงามได้ไม่ว่าจะมีงบประมาณมากหรือน้อยก็ตาม

ไอเดียตกแต่งงานแต่งเพิ่มเติม >>> รวม 11 ไอเดียตกแต่งงานแต่ง ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน

ภาพ tanisjevents.com, pinterest

เลือกแคทเทอริ่งงานแต่งอย่างไรให้ “ใช่” สำหรับงานคุณ

หากว่าที่บ่าวสาวกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะจัดเลี้ยงงานแต่งอย่างไร วันนี้ แพรว wedding มาพร้อมกับคำแนะนำดีๆ ที่จะช่วยเสกสรรให้งานแต่งของบ่าวสาวเพอร์เฟกต์ได้อีก อย่ารอช้ารีบไปดูเคล็ดลับการเลือก แคทเทอริ่งงานแต่ง กันเลย

 

รูปแบบการจัดเลี้ยง

ในการจัดแคทเทอริ่งนั้นปัญหาอันดับแรกคือ คู่บ่าวสาวไม่รู้ความต้องการของตัวเองว่าต้องการเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มแบบไหน รวมทั้งไม่รู้ว่าแขกที่จะมาร่วมงานชอบรับประทานอะไร ดังนั้นอันดับแรกจึงต้องเลือกก่อนว่าจะจัดเลี้ยงแบบใด  ซึ่งในงานแต่งงานมี การจัดเลี้ยงประมาณ 5 แบบคือ ค็อกเทล ซิตดาวน์ดินเนอร์ บุฟเฟต์ โต๊ะจีน และฟู้ดสเตชั่น (Food Station)

จำนวนแขก

เมื่อบ่าวสาวเลือกสไตล์การจัดเลี้ยงได้แล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับต่อมาคือ จำนวนแขก คู่บ่าวสาวควรทราบจำนวนแขกที่ค่อนข้างแน่นอน เพื่อจะได้จัดเตรียมปริมาณอาหารและเครื่องดื่มให้เพียงพอ อีกหนึ่งเคล็ดลับของการเตรียมงานในส่วนนี้คือ ให้บ่าวสาวถือคติที่ว่าเหลือดีกว่าขาด เพราะอย่าลืมว่าแขกที่คุณเชิญมาอาจมีผู้ติดตามเพิ่มเติมมาด้วยก็ได้ (แถมบางคนอาจจะพ่วงมาถึง 2)

วัยของแขก

เรื่องต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือ วัยของแขก หากแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 25-35 ปี สิ่งที่ควรเตรียมเผื่อไว้คือ ของหวานและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากชนิดเพื่อรองรับแขกกลุ่มนี้ที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ หรือหากแขกที่เชิญมาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ คุณอาจไม่จำเป็นต้องเตรียมของหวานมากนัก เป็นต้น

ความชื่นชอบส่วนใหญ่

เรื่องต่อมาคือ ความชอบ คู่บ่าวสาวควรจัดเตรียมอาหารที่เป็นที่นิยมในปริมาณมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เพื่อใหแขกที่มาถึงทีหลังได้รับประทานด้วย เช่น ซุ้มอาหารญี่ปุ่นที่มักจะหมดเป็นซุ้มแรกๆ ในงาน หรือซุ้มของหวานแบบฝรั่งอย่างฟองดูที่ได้รับความนิยมสูง เป็นต้น

จำนวนผู้ให้บริการ

เรื่องสุดท้ายที่คู่บ่าวสาวหลายคู่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญคือ จำนวนผู้ให้บริการ หากมีแขกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก คู่บ่าวสาวต้องอย่าลืมดูว่าจำนวนผู้ให้บริการอย่างพนักงานเสิร์ฟหรือพนักงานตักอาหารสอดคล้องกับจำนวนแขกที่มาร่วมงานหรือไม่

“ฟู้ดสเตชั่น” สไตล์แคทเทอริ่งที่น่าลอง

สำหรับการจัดแคทเทอริ่งที่มีหลากหลายรูปแบบ ฟู้ดสเตชั่น นับเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งจุดเด่นของการจัดเลี้ยงแบบฟู้ดสเตชั่น หรืองานที่มีฟู้ดสเตชั่นประกอบคือ แขกได้รับประทานอาหารแบบร้อนๆ หลังปรุงเสร็จทันที และไม่ค่อยเกิดปัญหาอาหารเหลือทิ้งเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดแคทเทอริ่งแบบอื่นๆ เช่น ค็อกเทล หรือบุฟเฟต์ เป็นต้น

บทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกแคทเทอริ่ง >>> บ่าวสาวต้องใส่ใจสั่ง แคทเทอริ่ง อย่างไรให้โดนใจแขกร่วมงาน!

ภาพ unsplash.com, pinterest

เคล็ดลับเพิ่มเสน่ห์ให้การ์ดงานแต่งไทย เลือกยังไงไม่ให้เชย

การ์ดงานแต่งไทย ไม่จำเป็นต้องเชยเสมอไปนะ

การ์ดงานแต่ง ถือเป็นสิ่งแรกที่แขกจะได้เห็นกัน นอกจากหน้าที่หลักในการบอกให้ทราบว่าเป็นงานแต่งของใคร วันเวลาอะไร และสถานที่ไหนแล้ว ยังสามารถบอกถึงธีมงานได้อีกด้วยนะคะ แล้วถ้าหากเป็นงานแต่งไทยล่ะ จะใส่ไอเดียลงใน การ์ดงานแต่งไทย อย่างไรให้แขกเห็นปุ๊บแล้วรู้ปั๊บ เรามีเทคนิคมาฝากกันค่ะ

ลวดลายไทย

www.chanidapacardตกแต่งการ์ดเชิญด้วยลวดลายไทย รับรองว่าความอ่อนช้อยงดงามของศิลปะไทยจะทำให้การ์ดเชิญสวยโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ และเข้ากับธีมงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดี

สัญลักษณ์สื่อถึงความเป็นไทย

2ใส่กิมมิกให้การ์ดงานแต่งไทยด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไทยๆ เช่น ดอกบัว ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกจำปี หรือสัตว์ เช่น ช้าง นกยูง สัตว์ในวรรณคดี

ตัวอักษรไทย

IMG_5308การ์ดก็ต้องใช้ตัวอักษรไทยสิคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโลโก้ชื่อย่อบ่าวสาวที่เราขอแนะนำเลยว่าให้ใช้อักษรไทย เพราะจะช่วยบอกให้แขกเหรื่อทราบว่าเป็นงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ

สีสันแบบไทย

Kevin-Yenเลือกใช้สีสันที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแบบไทยๆ อย่างสีทอง โดยอาจใช้เป็นสีของตัวการ์ดหรือสีของตัวอักษรก็ได้ บอกเลยว่านอกจากจะดูเป็นการ์ดงานแต่งไทยแล้วยังดูโก้หรูอีกด้วยนะคะ

กลิ่นหอมสไตล์ไทย

ของชำร่วยการ์ดเชิญส่วนใหญ่นิยมทำให้มีกลิ่นหอม ดังนั้นอาจเติมเสน่ห์ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้กลิ่นหอมแบบไทยๆ เช่น กลิ่นดอกมะลิ  กลิ่นดอกจำปี กลิ่นน้ำอบไทย เป็นต้น

เลือกการ์ดสไตล์ไทยได้แล้ว ก็มาเลือกเพลงไทยเพื่อเพิ่มบรรยากาศกันต่อเลย >>> ลิสต์เพลงไทยไพเราะจับใจช่วยสร้างบรรยากาศได้ในงานแต่ง

ขอบคุณภาพจาก : etsy.com, redmarigold.com, bollywoodShaadis.com, chanidapacard.com, Kevin Yen, www.expertise.com

เจ้าพิธี คือใคร? มีบทบาทในงานแต่งไทยอย่างไร? มาดูกัน

เจ้าพิธี เหมือนหรือต่างกับพิธีกรไหม? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน

อีกหนึ่งบุคคลที่หลายงานแต่งไทยมักจะใช้บริการก็คือ เจ้าพิธี ซึ่งคำนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของบ่าวสาวยุคใหม่มากนัก แพรว wedding เลยจะขอพาว่าที่บ่าวสาวไปทำความรู้จักกับ เจ้าพิธี ว่าหน้าที่คืออะไร แล้วต้องทำอะไรในงานแต่งบ้าง

เจ้าพิธีคือใคร

“เจ้าพิธี” คือคนนำบ่าว – สาวทำพิธีในงานแต่งงาน ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับพิธีกรในงาน แต่ต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าแค่การพูดคุยสร้างบรรยากาศหรือแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า นั่นคือต้องรู้ทุกรายละเอียดในประเพณีแต่งงานตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นควรมีหรือไม่ควรมีอะไรบ้างในงานแต่ง รวมไปถึงเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในสิ่งของเครื่องใช้และลำดับพิธีทุกขั้นตอน

คุณสมบัติพิเศษที่พึงมี

นอกจากคุณสมบัติข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว เจ้าพิธีที่ดีต้องสามารถบอกความสำคัญของงานเพื่อความภาคภูมิใจของเจ้าภาพและผู้ร่วมพิธีได้ รวมถึงสามารถตอบข้อสงสัยในรายละเอียดของสิ่งของและพิธีการได้อย่างชัดเจน สิ่งสำคัญคือ ควรมีวาทศิลป์ในการพูดแนะนำสิ่งต่างๆ ให้เจ้าภาพหมดกังวล รวมถึงมีความสามารถในการคุมบรรยากาศงานให้ราบรื่น เพื่อความเป็นมงคล และก่อให้เกิดความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์อันจะมีผลต่อความรู้สึกของบ่าว – สาวนั่นเอง นอกจากนี้ เจ้าพิธีที่ดีควรมีส่วนร่วมในการกำหนดลำดับพิธีร่วมกับเจ้าภาพด้วยโดยยังคงอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องของประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา

ใครเป็นเจ้าพิธีได้บ้าง

ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างเป็นเจ้าพิธีโดยเฉพาะ สนนราคาตลาดตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่น อยู่ที่ประสบการณ์และชื่อเสียงของเจ้าพิธีท่านนั้นๆ รวมถึงลักษณะการจ้างงานด้วย เพราะบางคู่จะจ้างเจ้าพิธีเพื่อทำหน้าที่นำพิธีให้บ่าว – สาวทำตามเพียงอย่างเดียว ในขณะที่บางคู่ก็เลือกจ้างเจ้าพิธีที่สามารถเป็นพิธีกรได้ในคนเดียวกัน ส่วนญาติพี่น้องเพื่อนฝูง คนรู้จักก็สามารถมาเป็นเจ้าพิธีได้เช่นกันแต่ควรมีคุณสมบัติดังกล่าวไว้จะดีที่สุด

จำเป็นต้องมีเจ้าพิธีหรือไม่           

ถ้าอยากให้งานเป๊ะถูกต้องทุกสิ่งอย่างและดำเนินพิธีไปอย่างมั่นใจ เจ้าพิธีคือสิ่งที่ควรลงทุน เพราะจะทำให้งานสมบูรณ์ไหลลื่นและเรียบร้อยยิ่งถ้าได้เจ้าพิธีที่มีสามารถจะยิ่งทำให้งานแต่งของคุณเป็นไปตามที่ต้องการและนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวอย่างแน่นอน

มาถึงจุดนี้บ่าวสาวคงได้คำตอบแล้วว่างานแต่งแบบไทยควรมี “เจ้าพิธี” หรือไม่และควรเลือกคนแบบไหนมานำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

อ่านเพิ่มเติม ลำดับพิธีสงฆ์ในงานแต่งแบบไทยจัดมาให้แบบเป๊ะทุกขั้นตอน

ขอบคุณข้อมูลจาก “ร้อยโท วิชัย เมืองนก” เจ้าพิธีมืออาชีพ

เลือก ชุดแต่งงาน ที่ทั้งสวย คุ้มค่า และเป็นชุดในฝันที่อยากใส่ ทำได้ยังไง มาดูเลย

3 คีย์หลักเลือก ชุดแต่งงาน คุ้มค่า ไม่เกินงบ เป็นชุดที่อยากใส่

“ผู้หญิงอยากสวยที่สุดในวันสําคัญ” นี่คือเหตุผลที่ทําให้ ชุดแต่งงาน กลายเป็นเรื่องสําคัญอันดับต้นๆ ของว่าที่เจ้าสาว แต่จะ เลือกอย่างไรให้ฉลาด คุ้มค่า และเติมเต็มหัวใจของตัวเองได้ด้วย

การตั้งงบประมาณสําหรับชุดเจ้าสาว 

ควรจัดงบประมาณตามลำดับความสําคัญ ซึ่งการให้คุณค่าของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนบรรยากาศงานต้องเหมือนสรวงสวรรค์ บางคนอาหารต้องอร่อย หรือบางคนคือการที่ฉันต้องสวยที่สุดในชีวิต ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้งบของชดุก็ต้องพิเศษหน่อย วิธีนี้จะทําให้เจ้าสาวรู้ว่าถ้าต้องประหยัดควรจะต้องไปตัดงบส่วนไหน แน่นอนว่าต้องตัดจากลําดับท้ายขึ้นมาไม่ใช่ตัดทั้งหมด

ชุดเจ้าสาวที่คุ้มค่าคือ?

ชุดที่ตอบโจทย์และเติมเต็มความสุขของเจ้าสาว เรื่องที่อยากแนะนําคือการคิดถึงเรื่องความคุ้มค่า อย่ามองแค่ต่ัวเงิน แต่ให้มองในแง่ที่ชุดเจ้าสาวจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตทั้งในภาพถ่าย (ทั้งของตัวเอง และของเพื่อน) และความทรงจํา อย่าเลือกอะไรที่จะต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่า “รู้อย่างนี้น่าจะเลือกชุดนั้น” เช่น เจอชุดที่ใช่แต่เกินงบมาประมาณ 20,000 บาท ถ้าชั่งใจแล้วว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จากวันที่ลองจนถึงวันงานก็อีกหลายเดือน อาจงดมื้อหรู แล้วหยอดกระปุกเดือนละ 2,000 กว่าบาท ก็จะมาเติมตรงนี้ได้โดยไม่กระทบงบโดยรวมแล้ว

ชุดแต่งงานแบบ 2 in 1

ชุดสไตล์ 2 in 1 เหมาะกับว่าที่เจ้าสาวที่เกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง แบบนี้ก็อยากได้ แบบนั้นก็อยากโดน ก็อาจจะนําเอาสิ่งที่อยากได้ต่างๆ มามัดรวมกันไปซะเลย คือแทนที่จะตัด 2-3 ชุดสําหรับงานเช้า งานเย็น อาฟเตอร์ปาร์ตี้ ก็ตัดเพียงชุดเดียวแล้วปรับเปลี่ยนลูกเล่นเพื่อให้ใช้ได้กับทุกพิธี แถมชุดสไตล์นี้ยังเหมาะกับเจ้าสาวที่มีเวลาเปลี่ยนชุดน้อย เช่น หมั้นเช้าแล้วต่อด้วย กินเลี้ยงตอนเที่ยง ซึ่งบางคนอาจมีเวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้น หรือพิธีฉลองตอนเย็นแล้วต่อด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่มีเวลาให้มันได้เต็มที่แค่ 1-2 ชั่วโมง (เพราะอย่าลืมว่า สถานที่จํากัดเวลาในการใช้พื้นที่นะจ๊ะ) เจ้าสาวบางคนจึงอยากร่นระยะเวลาการแต่งตัวเพื่อมาสนุกกับเพื่อนๆ ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นชุดที่ดีไซน์มาให้สวมใส่ง่าย หรือชุดที่ออกแบบให้มีแค่การสวมเพิ่มหรือถอดบางชิ้นออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอีกลุคได้ในเวลาอันรวดเร็วจึงตอบโจทย์สําหรับเจ้าสาวมากที่สุดอีกด้วย

เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งความสวยงาม ความสร้างสรรค์ และความคุ้มค่าได้อย่างครบครันจริงๆ แล้วอย่าลืม เลือกชุดแต่งงานในฝันให้เข้ากับรูปร่าง กันด้วยน้า

มาดูแบบ เล็บเจ้าสาว ตามราศี เสริมดวงให้เจ้าสาวในวันแต่งงาน!

บุคลิกที่แตกต่างกันของสาวทั้ง 12 ราศี นำมาซึ่งแบบเรียว เล็บเจ้าสาว ทั้ง 12 แบบที่ไม่ซ้ำกัน มาดูกันค่ะว่าบุคลิกแบบราศีเรา เหมาะกับเล็บเจ้าสาวสไตล์ไหนกันนะ

ในวันแต่งงานทั้งที ถ้าจะมีอะไรเสริมดวงได้ก็ต้องลองกันหน่อยละค่ะ! และเชื่อหรือไม่ว่า เล็บเจ้าสาว ก็สามารถเป็นตัวช่วยเสริมดวงเราในวันแต่งงานได้เหมือนกันนะ และทั้งนี้ก็ไม่ได้จำเป็นว่าเจ้าสาวจะต้องยอมเปลี่ยนสีเล็บให้จี้ดจ้าดหรือแปลกประหลาดจนหลุดความเป็นเจ้าสาว เพราะสีเล็บเสริมดวงสำหรับเจ้าสาวโดยเฉพาะเหล่านี้เป็นสีที่เจ้าสาวทาได้ไม่หลุดชัวร์

ราศีเมษ

สาวราศีเมษอาจจะไม่ใช่สาวหว๊านหวาน ทว่าความคล่องแคล่วว่องไว และความสามารถในการ multi-tasking หรือทำหลายๆอย่างพร้อมกันนั้นชนะเลิศสาวราศีอื่นๆค่ะ สีเรียวเล็บเจ้าสาวที่เหมาะกับสาวราศีเมษคือสีแดงคลาสสิกสไตล์วินเทจนิดๆ หรือจะเปลือยเล็บตามธรรมชาติแล้วแค่เคลือบท็อปโค้ดแวววาวก็ได้อีกเหมือนกัน

เล็บเจ้าสาว

ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ เจ้าสาว ผิวแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยง!

เป็นเจ้าสาว ผิวแพ้ง่าย ต้องระวังในการเลือกสกินแคร์มากเป็นสองเท่า! ส่วนผสมอะไรบ้างที่ไม่ควรมี เราหาคำตอบมาให้แล้วค่ะ

จะเตรียมผิวเจ้าสาวก่อนแต่งงานว่ายากแล้ว เป็นสาวผิวแพ้ง่ายที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวนี่ยากขึ้นเป็นสองเท่านะคะ! เพราะอยากอัพเกรดการดูแลผิวหน้าให้ยิ่งสวยเด้งก็ทำไม่ได้ จะลองนั่นลองนี่ที่ใครเค้าว่าดีก็กลัวจะแพ้ไปหมด แต่จะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็กลัวว่าวันแต่งงานผิวจะไม่โลกว์สวยออร่าดังใจ ฮืออออ….อย่าร้องไห้ไปค่ะ เรารู้ใจเหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่าย เลยรวบรวมความรู้มาให้แล้วว่า ส่วนผสมไหนในสกินแคร์ที่ ไม่ควรมี! เหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่ายจะได้มีไอเดียเวลาเลือกซื้อสกินแคร์ที่ใช่แบบไม่ต้องกลัวแพ้ค่ะ

 

น้ำหอม & สีสังเคราะห์

ข้อนี้ชัวร์ค่ะ เพราะส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้คือส่วนผสมจากสารสังเคราะห์ นอกจากนั้น กลิ่นหอมของสกินแคร์หนึ่งชิ้นอาจจะประกอบขึ้นมาจากหัวน้ำหอมนับร้อยๆกลิ่นมาผสมกัน มีโอกาสสูงมากๆที่ผิวของเราจะแพ้อย่างใดอย่างหนึ่งในเหล่าส่วนผสมนับร้อยนี้

แอลกอฮอล์

เพราะว่าแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำลายเกราะป้องกันผิวชั้นบน และยังทำลายจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยให้ผิวเราสมดุลอีกด้วย

Retinol

ถึงแม้ว่ากรดวิตามินเอ หรือ เรตินอล จะสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยได้ แต่ไม่เหมาะกับการใช้บนผิวแพ้ง่ายอย่างยิ่ง เพราะผลข้างเคียงของสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลคือการทำให้ผิวแห้งตึงกว่าปกติ อาจจะยิ่งทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคืองจนลุกลามกลายเป็นอาการแพ้ได้ค่ะ

เอสเซนเชียล ออยล์

เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ว่าเอสเซนเชียลออยล์คือส่วนผสมจากธรรมชาติ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ เพราะสารสกัดออยล์บางประเภท เช่น ซิตรัส มิ้นต์ ยูคาลิปตัส สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคนได้ เพราะฉะนั้นสำหรับสาวผิวแพ้ง่ายทางที่ดีหลีกเลี่ยงเลยดีกว่าค่ะ

ซัลเฟต

ส่วนผสมที่เขียนบนฉลากว่า sodium laureth sulfate หรือ sodium laurel sulfate ก็คือซัลเฟต ที่มีคุณสมบัติดึงเอาความมันออกจากพื้นผิว (ก่อนหน้านี้จึงนิยมใช้กับแชมพูเพื่อให้ช่วยดึงเอาความมันบนหนังศีรษะออกไป แต่ปัจจุบันไม่นิยมแล้ว) การใช้ซัลเฟตจึงเป็นการดึงน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบปกป้องผิวชั้นนอกอยู่ออกไป เพราะฉะนั้นกับผิวแพ้ง่ายที่บอบบางอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะยิ่งทำให้ผิวของคุณแย่ลงค่ะ

สารกันเสีย & พาราเบน

สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำจะใช้สารกันเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทำปฏิกริยาจนส่วนผสมอื่นๆเสียไปด้วย สารกันเสียที่นิยมใช้กันมากคือ พาราเบน ซึ่งที่จริงแล้วไม่มีอันตราย แต่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้กับผิวของบางคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวที่เคยเป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือลมพิษ ซึ่งโครงสร้างเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรง อีกหนึ่งส่วนผสมที่ไม่ควรมีในสกินแคร์คือ methylisothiazolinone ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้และยังอันตรายต่อผิวอีกด้วย

เอาละค่ะ! รู้แล้วว่าส่วนผสมไหนที่ควรหลีกเลี่ยงให้ดี สำหรับเหล่าว่าที่เจ้าสาวผิวแพ้ง่าย ก็อย่าลืมดูกันดีๆ เวลาไปช้อปสกินแคร์ใหม่รอบหน้านะคะ แต่ทั้งนี้ ถ้าไม่ชัวร์จริงๆ เราแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญชัวร์สุดค่ะ หรือจะคลิกอ่าน ลิสต์สกินแคร์สำหรับเจ้าสาวผิวแพ้ง่าย ที่เราเคยนำเสนอไว้ก็ได้นะ 🙂

Credit Story: self.com
Credit Cover Photo: home.bt.com

ศึกแห่ง วงดนตรีในงานแต่ง ระหว่างดนตรีสด vs. เปิดแผ่น แบบไหนเวิร์กกว่ากัน

วงดนตรีในงานแต่ง อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกของว่าที่บ่าวสาว

ถือเป็นปัญหาโลกแต่ไม่ใช่น้อยกับคำถามที่ว่า “ในงานแต่งของเราควรใช้ วงดนตรีในงานแต่ง แบบไหนดี ระหว่างดนตรีสด หรือว่าเปิดจากแผ่น แบบไหนจะดีกว่ากันนะ” แพรว wedding เลยจะนำขอเปรียบเทียบศึกแห่งเสียงเพลงนี้ให้ว่าที่บ่าวสาวได้ดูว่า เลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับงานแต่งงานของคุณ

ดนตรีสด

– ความสดทำให้งานดูมีชีวิตชีวา และวงดนตรีระดับมืออาชีพก็สามารถสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแขกกับวงดนตรีได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เช่น การขอเพลง การร่วมร้องเพลง จึงทำให้งานดูมีสีสัน และแขกสามารถสนุกและรู้สึกมีส่วนร่วมกับงานได้อย่างเต็มที่

– ต้องจัดหาพื้นที่และอุปกรณ์สำหรับวงดนตรี ไม่ว่าจะเป็น ขนาดของเวทีนั้นเหมาะสมและเพียงพอสำหรับวงดนตรีที่หามาหรือไม่ หรือบ่าวสาวจะต้องจัดหาห้องพักให้กับนักดนตรีเพื่อเก็บตัวก่อนงานเริ่มหรือเปล่า แม้กระทั่งเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นนั้นบ่าวสาวจะต้องเป็นผู้จัดหาหรือทางวงดนตรีจะเตรียมมาเองก็เป็นสิ่งที่ต้องพูดคุยกันให้เรียบร้อย

– ใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้กรณีเกิดเหตุสุวิสัย เช่น ประธานมาช้า เป็นต้น ซึ่งวงดนตรีระดับมืออาชีพจะสามารถช่วยเอนเตอร์เทนและสร้างบรรยากาศให้แขกไม่รู้สึกว่างานกำลังเลท

– ยิ่งดังยิ่งคิวแน่น ต้องแย่งชิงกับคู่อื่น แถมถ้าไม่คอนเฟิร์มให้เป๊ะอาจเสี่ยงต่อการถูกเบี้ยวเอาดื้อ ถึงตอนนั้นมาเตรียมแผ่นไปเปิดก็คงไม่ทันการเสียแล้ว

– เล่นไม่ได้ทุกเพลง ดังนั้นบ่าวสาวจึงควรให้รายชื่อเพลงที่ต้องการให้วงดนตรีเล่นในงานกับนักดนตรีไปก่อนล่วงหน้า

– อาจมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ เช่น อุปกรณ์พัง นักร้องมาสาย ลำโพงแตก เป็นต้น เพราะฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องมีแผนสำรองหากเกิดกรณีฉุกเฉินเหล่านี้ขึ้น

วงดนตรีในงานแต่ง

เปิดจากแผ่น

– ทางเลือกนี้เหมาะกับบ่าวสาวที่ต้องการเน้นการขับคลอของเสียงเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศมากกว่า และอาจจะต้องทำใจนิดนึงว่าการเปิดแผ่นอาจไม่ดึงดูดความสนใจได้เท่ากับวงดนตรีสด

– ไม่ต้องจัดหาพื้นที่และใช้อุปกรณ์น้อย เพราะบ่าวสาวเพียงแค่เตรียมซีดี หรือเตรียมไฟล์ไว้ก็สามารถเปิดได้เลยทันที

– หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น ประธานมาช้า อาจดึงดูดความสนใจคนได้ไม่มากพอ

– ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและค่าใช้จ่าย บ่าวสาวสามารถเตรียมเพลงมาได้แบบไม่อั้น แถมยังไม่ต้องเสียสตางค์ไปจ้างใครอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเป็นผู้ควบคุมเสียงเพลงได้ด้วยตัวเองว่าจะให้เล่นหรือหยุดเล่นตอนไหนก็ได้

– ชอบเพลงไหนเตรียมเองได้เลย เตรียมเซตเพลงที่ชอบไว้ได้เต็มที่ โดยไม่ต้องห่วงว่านักดนตรีจะเล่นได้หรือไม่

– เสี่ยงต่อเหตุฉุกเฉินน้อย เพราะบ่าวสาวสามารถรับมือได้ เช่น เตรียมแผ่นสำรองไว้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องดนตรีจะเสีย หรือลำโพงจะพัง หรือนักดนตรีจะสาย เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าไม่มีทางไหนเพอร์เฟกต์ เพราะทั้ง 2 ทางเลือกก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง ดังนั้นบ่าวสาวต้องไม่ลืมกฎของความจริงที่ว่า คนเรามักจะชอบจำอยู่สองอย่าง คือจำสิ่งที่ดีที่สุด กับจำสิ่งที่แย่ที่สุด ดังนั้นบ่าวสาวอยากให้งานแต่งของคุณครั้งนี้ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำในด้านไหน คุณสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเองนะคะ

หากเลือกได้แล้วว่าการสร้างเสียงเพลงแบบไหนที่ใช่งานคุณ ลองมาระวังเรื่องต่อไปนี้กันด้วยกับ อย่าปล่อยให้ดนตรีในงานแต่งมาทำให้งานของคุณพังมาดูวิธีรับมือกันดีกว่า

ภาพ www.pexels.com

วิธีเซฟ ทรงผม และ เมกอัพเจ้าสาว จากสายฝนและอากาศเปลี่ยนแปลง!

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จะเซฟ ทรงผม และ เมกอัพเจ้าสาว ให้สวยตลอดงานแต่งที่อาจจะเต็มไปด้วยแรงลม สายฝน หรือแสงแดดร้อนได้อย่างไร? มาดูกัน

ฤดูกาลที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างช่วงนี้ คาดการณ์อะไรแน่นอนไม่ได้เลยนะคะ พยากรณ์อากาศอาจจะบอกว่าวันวิวาห์ของคุณเป็นวันท้องฟ้าแจ่มใส แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ ฝนอาจจะตก ลมแรง หรืออากาศร้อนอบอ้าวขึ้นมาเฉยๆ ถ้าหากจัดงานในบอลรูมโรงแรมอาจจะรอดอยู่ แต่บ่าวสาวยุคใหม่ที่ชอบจัดงานในร้านอาหารหรือสเปซกึ่งเปิดกึ่งปิด อาจจะต้องพยายามหาแผนสองเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ เช่นเดียวกันกับสิ่งสำคัญอย่างทรงผมและ เมกอัพเจ้าสาว ที่จะต้องอยู่กับเจ้าสาวตลอดทั้งวันทั้งคืน มาดูกันว่าวิธีการเซฟเมกอัพและทรงผมเจ้าสาวจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นเจ้าสาวที่สวยปิ๊งตลอดเวลา มีอะไรบ้าง

เมกอัพเจ้าสาว

เลือกทรงผมที่เหมาะกับสภาพอากาศ

ช่างผมมืออาชีพต่างก็ไม่แนะนำให้เจ้าสาวที่แต่งงานกลางแจ้งหรือริมทะเลปล่อยผมสยาย แม้ผมทรงนี้จะดูสวยในภาพถ่ายแฟชั่น แต่ความจริงนั้นผมคุณจะดูยุ่งเหยิงด้วยแรงลมหรือไม่ก็ลีบแบนด้วยความชื้นในอากาศ เพราะฉะนั้นเลือกทรงผมเกล้ามวย หรือถักเปียเก็บลูกผมจะเซฟมากกว่าค่ะ

อุปกรณ์เสริมสวยฉุกเฉินที่ต้องให้เพื่อนเจ้าสาวพกไว้!

  • กระดาษทิชชู รู้หรือไม่คะ ว่ากระดาษทิชชูเนื้อละเอียดนั้นซับความมันออกจากผิวหน้าได้ดีกว่ากระดาษซับมัน! ถ้าหากเจ้าสาวต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างอบอ้าว หรือชื้นจนเหงื่อออกหรือความมันออกบนใบหน้า ให้เพื่อนเจ้าสาวพกกระดาษทิชชูไว้ซับผิวหน้าเบาๆ ตลอดเวลา ช่วยได้ดีกว่ากระดาษซับมันค่ะ
  • กิ๊บติดผมสีเดียวกับผมของคุณ เผื่อว่าแรงลมทำให้ปอยผมหลุดออกมา เราจะได้ใช้เจ้ากิ๊บนี้ติดกลับเข้าไปได้อย่างทันท่วงที ทิปส์จากช่างผมมืออาชีพคือ ติดปอยผมส่วนปลายเข้ากับกิ๊บ หมุนๆปอยผมให้พันรอบกิ๊บ แล้วค่อยเหน็บเก็บเข้าไปค่ะ

เมกอัพเจ้าสาว

อย่าใช้เมกอัพเนื้อครีมหรือกลอส

หลังจากที่ช่างแต่งหน้าเรากลับไป แน่นอนว่าเจ้าสาวก็จะต้องเติมเมกอัพด้วยตัวเองบ้างใช่ไหมคะ แต่เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงลิปกลอส บลัชเนื้อครีม หรือลิปสติกเนื้อครีมที่เสี่ยงทำให้ปอยผมเราไปปลิวไปติดกับใบหน้าและริมฝีปากเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นเจ้าสาวที่แต่งงานริมทะเลค่ะ

Less is more

เมกอัพสวยธรรมชาติที่ไม่ต้องเยอะมากจะยิ่งช่วยเซฟลุคเจ้าสาวให้ดูสวยได้ยาวนานค่ะ ระวังการติดขนตาปลอมที่เยอะเกินไปจะเสี่ยงต่อขนตาปลอมปลิวหลุดหรือหลุดร่วงเพราะความชื้นและแรงลม ลิปสติกสีจัดจ้านก็อาจจะเสี่ยงต่อการเลอะเลือนมานอกริมฝีปากถ้าอากาศร้อนหรือชื้นมากเช่นกัน

เมกอัพเจ้าสาว

ได้ทิปส์สำหรับเซฟลุคสวยท่ามกลาสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนในงานแต่งงานของเราแล้ว มาอ่านทิปส์อื่นๆ ที่เราเคยรวบรวมไว้เพื่อให้เมกอัพและทรงผมเจ้าสาวยังคงสวยตลอดงานกันต่อ ที่นี่เลย

credit story: marthastewartwedding.com

มาดูวิธีเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาว สำหรับสาวพลัสไซส์ทริคง่ายๆ ไม่ต้องกังวล

กำลังมองหา ชุดเพื่อนเจ้าสาว กันอยู่หรือเปล่าจ๊ะ แน่นอนว่าหาได้ไม่ยาก แต่อาจจะยากหน่อยหากคุณเป็นสาวพลัสไซส์ (สาวอวบ)

แต่เอาเป็นว่าสาวๆ พลัสไซส์ไม่ต้องกังวลไปกันนะ ว่าจะหา ชุดเพื่อนเจ้าสาว สวยๆ ใส่ไม่ได้ หรือต้องไปหาแบบไหนกันดี เพราะแพรว wedding นำเคล็ดลับดีๆ มาบอกต่อ แถมทำตามกันได้ง่ายๆ ไม่ต้องมามัวเขินสรีระกันแล้วนะ

ชุดเพื่อนเจ้าสาว1. เลือกชุดสีเข้ม

คนอวบใส่ชุดสีดำแล้วจะผอมนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ในงานแต่งงานใครเขาจะใส่สีดำไปกันล่ะ เราสามารถเปลี่ยนสีชุดจากสีดำ มาเป็นชุดสีเข้มๆ ได้ เพื่อจะได้ช่วยอำพรางหุ่นของเรา เช่น สีแดงเข้ม สีน้ำเงิน สีน้ำตาล เป็นต้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกสีให้เข้ากับผิวเราด้วยนะจ๊ะ ถ้าผิวเข้มแต่ใส่สีน้ำตาล ถึงแม้จะดูเพรียวบาง แต่แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนชุด อันไหนคนก็ลำบากหน่อย

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

2. เลือกชุดราตรียาว

ชุดราตรียาวเหมาะกับสาวพลัสไซส์เพราะจะช่วยอำพรางสัดส่วนได้ดี ทางที่ดีควรเลือกชุดราตรีที่ปล่อยชายกระโปรงตั้งแต่เอวลงมา จะช่วยซ่อนพุงได้ดีเลยล่ะ และที่สำคัญคนใส่จะดูผอมเพรียวอย่างมาก ด้วยการใส่รองเท้าส้นสูง เพราะหากลากส้นแบนเข้างานเมื่อไหร่ ก็คงไม่พ้นสาวอวบแถมตัวดูตันแน่นอน

ชุดเพื่อนเจ้าสาว

3. เลือกชุดปิดไหล่

สาวพลัสไซต์ส่วนใหญ่แขนจะใหญ่ ดังนั้นลองเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ปิดไหล่ หรือแขนยาวดู ถ้าเลือกใส่เป็นสายเดี่ยว หรือเกาะอกจะยิ่งไปเพิ่มความเด่นให้กับไหล่นะจ๊ะ แต่ถ้าไม่ได้ซีเรียสเรื่องแขนก็สามารถใส่สายเดี่ยว หรือเกาะอกได้ ถ้าหากเป็นชุดแขนยาว ก็อย่าเลือกชุดที่รัดแขนมากเกินไป ลองเลือกผ้าลูกไม้ดู จะได้ดูโปร่งๆ ไม่แน่นเกิน เราจะได้สวมใส่สบายและมั่นใจมากยิ่งขึ้นค่ะ

4. เสื้อปาดคอ

สำหรับสาวๆ ที่หน้าอกใหญ่แล้วไม่มั่นใจถ้าหากจะใส่เกาะอก เพราะจะยิ่งเน้นทรวงทรงบริเวณนั้นให้ตู้มต้ามขึ้นไปอีก อาจจะลองเลือกเป็นชุดแบบคอปาดดูก็ได้นะคะ หรือจะเลือกแบบมีสายพาดบ่าก็ดูสวยเก๋ แต่ถ้าหากอยากเลือกชุดที่เป็นเสื้อแขนยาว ลองออกแบบให้บริเวณช่วงคอนั้นลึกลงมาหน่อย จะได้ช่วยให้ช่วงคอดูสง่า และไม่ตันนั่นเอง

5. เลือกผ้าที่ไม่หนามาก

สำหรับสาวพลัสไซส์ที่กำลังมองหาชุดเพื่อนเจ้าสาวอยู่ อยากให้ลองโฟกัสที่ผ้าด้วยนะจ๊ะ ไม่ควรเลือกผ้าที่หนาจนเกินไป เพราะแน่นอนจะยิ่งเพิ่มความหนาให้กับตัวเรา ทางที่ดีเลือกผ้าโปร่งๆ ผ้าลูกไม้ หรือผ้าที่มีความมันวาว ก็จะช่วยอำพรางหุ่นได้ดีค่ะ

เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องเครียดกันแล้วนะ ว่าสาวๆ พลัสไซส์จะหาชุดเพื่อนเจ้าสาวแบบไหนให้เข้ากับตัวเอง และสามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ ถ้าได้แบบที่ถูกใจแล้ว ลองมาดูร้านชุดเพื่อนเจ้าสาวราคาไม่แรงกันบ้างดีกว่า รวมร้านเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวสวยงามอลังการ ราคาแค่หลักร้อยถึงหลักพัน

ภาพจาก : Pinterest.com

เจ้าสาวที่อยากผมยาว เรามีคำตอบเรื่อง ต่อผม เจ้าสาว จากช่างผมมืออาชีพมาให้!

เป็นเจ้าสาวผมสั้น หรือผมบาง ที่กลัวว่าผมจะยาวไม่ทันวันงานแน่ๆ แล้วจะ ต่อผม ดีไหมนะ? หรือช่างผมจะแก้ไขยังไงให้เราได้บ้าง ไม่ต้องนั่งมโนเอง เพราะเราหาคำตอบมาให้แล้ว!

เป็นอีกหนึ่งปัญหาของเจ้าสาวหลายคน เพราะไม่ใช่เจ้าสาวทุกคนที่จะมีผมยาวสลวยดกหนาประหนึ่งนางเอกโฆษณาแชมพูใช่มั้ยละคะ! ว่าที่เจ้าสาวที่มีผมสั้น หรือผมบาง แต่อยากได้ผมยาวสลวยแบบเจ้าหญิงในวันแต่งงานจะทำยังไงดี? จะต่อผมไปเองเลยจะดีไหมนะ? หรือจะใส่วิก? หรือช่างผมเจ้าสาวจะมีทางแก้ปัญหาอะไรให้เราได้บ้างนะ? ไม่ต้องมโนคำตอบไปเอง เพราะ แพรวเวดดิ้ง หาคำตอบมาให้แล้วจากการโทรสายตรงสัมภาษณ์ คุณ รัชนี รัศมี ช่างผมเจ้าสาวมืออาชีพผู้คร่ำหวอดในวงการผมเจ้าสาวและโฆษณามากว่า 10 ปี!

ต่อผม
bride.com

ปัญหาของเจ้าสาวผมสั้นหรือผมบางในการทำผมเจ้าสาวในวันแต่งงาน…

“ขึ้นอยู่กับทรงผมที่เจ้าสาวต้องการ ถ้าหากผมสั้น หรือผมบาง แต่อยากทำทรงเกล้ามวยเล็กๆ ไม่อลังการมาก ก็สามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องต่อผม แต่ถ้าอยากทำทรงหางม้ายาว ทรงปล่อยผมยาวสยาย อันนี้จะต้องใช้การต่อผมเข้ามาช่วยค่ะ”

การต่อผมเจ้าสาว ณ วันจริง ช่างผมจะใช้เทคนิคอะไรคะ?

“ส่วนใหญ่ที่นิยมกันคือ แฮร์พีซที่เป็นคลิป เพราะใช้งานสะดวกและช่วยให้ทรงผมออกมาดูธรรมชาติที่สุด โดยช่างผมจะใช้เทคนิคการติดแฮร์พีซซ่อนในช่อผมเป็นช่อๆ แล้วใช้ผมจริงของลูกค้าช่วยในการเบลนด์ให้ทรงผมโดยรวมดูเป็นธรรมชาติเหมือนผมจริงของลูกค้ามากที่สุด แต่ทั้งนี้ช่างก็จะดูความสั้นและความบางของเนื้อผมจริงลูกค้าด้วย ถ้าบางคนผมบางมาก จะติดแฮร์พีซหลายชั้น ลูกค้าก็อาจจะเจ็บได้เพราะน้ำหนักของแฮร์พีซจะถ่วงลงมาเยอะ อาจจะต้องคุยกันเรื่องการปรับเปลี่ยนทรงผมค่ะ”

ต่อผม
himisspuff.com

แล้วถ้าเจ้าสาวต่อผมมาเองแล้ว จะได้ไหมคะ?

“ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้อยากให้คุยกับช่างผมก่อน ว่าเจ้าสาวจะมีการต่อผมเข้ามานะ ช่างจะได้เตรียมตัว เพราะช่างอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเทคนิคหน้างาน เพื่อให้ได้ทรงผมที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด”

แล้วถ้าเจ้าสาวอยากใส่วิกผม ได้ไหม? แล้วต้องทำยังไงบ้างคะ?

“ได้เหมือนกันค่ะ เคยมีเหมือนกันที่เจ้าสาวซื้อวิกผมเข้ามาเอง แล้วให้ช่างผมใส่ให้ แต่วิกผมจะมีหลายประเภทแล้วหลายราคา บางทีวิกผมราคาถูกที่ทำจากผมสังเคราะห์อาจจะมีปัญหาว่าดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนผมจริง รวมทั้งใช้งานได้ครั้งเดียวแล้วก็ต้องทิ้งเลย เจ้าสาวที่อยากใส่วิกผม สามารถลองปรึกษากับช่างผมเจ้าสาวเรื่องการเลือกวิกผมก่อนได้ก็จะดีมากค่ะ”

ต่อผม
weddingone.date

สรุปแล้ว มีอะไรที่เจ้าสาวควรบอกช่างผมก่อนเจอกันในวันแต่งงานจริงบ้างคะ?

“เซฟรูปทรงผมที่อยากได้ และอาจจะบอกช่างว่าตอนนี้ผมเราเป็นยังไง สั้นยาวแค่ไหน ถ้าอยากทำอะไรมาก่อน เช่น อยากต่อผมมาเอง อยากซื้อวิกผมมาเอง ก็สามารถบอกช่างก่อนเพื่อปรึกษากันก่อนได้ค่ะ”

คำแนะนำในการเตรียมเส้นผมของเจ้าสาว เพื่อให้ช่างผมทำงานง่าย

“จริงๆแล้ว ช่วงใกล้วันงานมากๆ ไม่ควรทำอะไรกับผมเยอะ เพราะยิ่งทำมากผมก็จะยิ่งลื่น ทำให้การจับช่อผมหรือม้วนลอนจะยากค่ะ ถ้าเป็นคนผมแห้ง แค่สระผมคืนก่อนวันแต่งงานแบบไม่ต้องลงครีมนวดผม ส่วนเจ้าสาวที่ผมมัน สระผมเช้าวันแต่งงานเลยก็ได้ ไม่ต้องลงครีมนวดผมเหมือนกัน

ไม่แนะนำให้ทำสีผมหลังช่วง 1 อาทิตย์ ก่อนแต่งงาน เพราะบางทีกลิ่นน้ำยาทำสีผมจะยังอยู่ และสีผมก็ยังไม่เข้าที่ด้วยค่ะ”

ต่อผม
moncheribridals.com

ว่าที่เจ้าสาวผมสั้น หรือผมบาง ได้ยินแบบนี้คงเบาใจขึ้นเยอะเลยใช่ไหมคะ? อย่าลืมเตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลุคสวยสุดเพอร์เฟคในวันแต่งงานกันนะ

ชอบคอนเท้นต์นี้ของเรา? คลิกอ่าน ทิปส์การเลือกผมเจ้าสาวที่เหมาะกับตัวเองจากช่างผมมืออาชีพ ที่นี่เลย

การลิสต์รายชื่อแขก ปัญหาโลกแตกสำหรับคู่บ่าวสาว!

สิ่งหนึ่งที่บ่าวสาว มักจะเป็นกังวลและต้องทำการบ้านอย่างมากในการเตรียมงานแต่งงาน คือ การลิสต์รายชื่อแขก จนบางครั้งอาจกลายเป็นเรื่องตัดสินใจยาก ทำให้เกิดความเครียดหรือขัดใจกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่มีปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ และความจุของสถานที่มาเกี่ยวข้อง และการตัดรายชื่อแขกออกก็เป็นอีกพาร์ทในการเตรียมงานที่ยากแสนยาก โอ๊ยยย..เกร็งไปหมด ดังนั้น แพรว wedding จะมาแนะนำเทคนิคการเคลียร์รายชื่อแขกร่วมงานแบบมีเหตุมีผล ให้คุณไม่ต้องกังวลกับดราม่าที่จะตามมาอีกด้วยค่ะ

 

งบแค่ไหน ที่เราจ่ายได้

ก่อนอื่นคุณจะต้องคำนึงถึงเรื่องงบประมาณ เพราะคุณเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับแขกทั้งหมด ดังนั้นหากไม่สามารถรองรับแขกครบทุกคนได้ ก็ควรจะจำกัดจำนวนแขกเท่าที่พอรับไหวดีกว่า จากนั้นจึงเลือกประเภทแพ็กเกจการจัดเลี้ยง และเมนูอาหาร ค่าเครื่องดื่ม แล้วนำมาคำนวณงบเพื่อสรุปค่าใช้จ่ายต่อหัวว่าสามารถสอดคล้องไปกับงบประมาณหลักได้หรือไม่ ซึ่งตัวเลขนี้จะทำให้คุณได้รู้ว่าคุณจะเชิญแขกได้กี่คนนั่นเอง

พิจารณาความสัมพันธ์

ถ้าหากมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ได้คุยกันมานานเป็นปี นั่นหมายถึงเพื่อนเก่า และญาติที่ห่างเหินมานานมาก คนกลุ่มนี้ก็อาจจะตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณได้ หรือแม้แต่เพื่อนใน Facebook ที่เข้ามาเม้นต์หรือโพสต์แม้อาจบ่อยครั้งก็สามารถตัดออกจากรายชื่อแขกได้เช่นกัน กระทั่งเพื่อนของพ่อแม่ที่คุณเองไม่เคยได้ยินชื่อก็สามารถตัดออกได้ตามความเหมาะสม

แบ่งลิสต์รายชื่อ A, B และ C

รายชื่อ A จะประกอบไปด้วยชื่อของครอบครัว และญาติสนิท รายชื่อ B จะเป็นบรรดาเพื่อนสนิท ซึ่งสองกลุ่มนี้จะได้รับคำเชิญอย่างแน่นอน ส่วนกลุ่มคนที่คุณอาจจะอยากเชิญแต่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมางานได้หรือไม่ ทั้งเพื่อนที่ไม่สนิทมาก หรือคนรู้จักต่างๆ ให้ใส่รายชื่อไว้ในกลุ่ม C ที่คุณจะตัดออกได้ง่ายที่สุดนั่นเอง

เพื่อนร่วมงาน

อาจเป็นมารยาทที่เราต้องเชิญเพื่อนร่วมงานในทีมเดียวกันไปด้วยทุกคน แม้กระทั่งหัวหน้าและเจ้านายของคุณ ส่วนเขาจะไปหรือไม่นั้นก็ต้องว่ากันอีกที ถ้ามีเพื่อนร่วมงานทีมอื่นด้วย ก็ต้องดูที่ระดับความใกล้ชิด คนไหนที่คุณพูดคุยแล้วสบายใจก็เชิญมา แต่ถ้าคนไหนไม่สนิทจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน ตัดออกจากรายชื่อแขกของคุณไปได้เลย

พลัสวัน

ลองนึกดูว่าแขกท่านใดที่มีคู่อยู่แล้วบ้าง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะควงกันออกงาน แต่ก็ต้องนึกถึงว่ากลุ่มคนเหล่านั้นคบกันนานรึยัง ถ้าพวกเขาแต่งงานแล้ว หรือคบกันมานาน แถมเราสะดวกใจกับทั้งคู่ ก็สามารถชวนคู่ของพวกเขามาได้ แต่สำหรับคู่รักที่ยังคบหากันได้ไม่นานนั้น ก็คงไม่น่าเกลียดนักหากคุณจะตัดออกจากลิสต์ของคุณ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย!

cr : marthastewartweddings.com

ปัญหาโลกแตก! จัดเลี้ยงแบบไหนที่ใช่สำหรับงานแต่งงานของคุณ?

ปัญหาหลักสำหรับอาหารในงานแต่งงาน นั่นก็คือคนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่า จัดเลี้ยง อาหารแบบไหนเข้ากับงานแต่งงานของตัวเองมากที่สุด โดยปกติแล้วอาหารงานแต่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆด้วยกัน ได้แก่ บุฟเฟต์ ค็อกเทล และโต๊ะจีน เอาล่ะค่ะ ถึงจะมีแค่ 3 รูปแบบการจัดเลี้ยงหลักๆก็เถอะ แต่เราจะใช้อะไรมาเป็นตัวตัดสินว่าใช้แบบไหนจะเหมาะกับงานของเรากันล่ะ คิดๆ แล้วก็ปวดหัวขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะคะ เพราะว่ารูปแบบการจัดเลี้ยงนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย วันนี้แพรว wedding จึงได้รวบรวมปัจจัยหลัก 2 ข้อที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกรูปแบบการจัดเลี้ยงมาฝากกันค่ะ รู้ไว้ไม่มีพลาดแน่นอนค่ะ 😉

งบประมาณ

อย่างแรกที่สุดนั้น จำเป็นจะต้องดูปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการจัดงานแต่งงาน นั่นก็คืองบประมาณของคุณลูกค้า เนื่องจากอาหารแต่ละอย่างนั้นจะมีราคาไม่เท่ากัน ดังนั้นเมื่อรู้งบประมาณสำหรับค่าอาหารที่แน่ชัดแล้ว จะสามารถตัดสินใจได้อย่างแน่นอนว่าควรเลือกอาหารประเภทไหน

จำนวน / เพศ และวัยของแขก

สิ่งต่อมาที่ควรทำคือ การนับจำนวนแขกให้แน่ชัด และศึกษาเกี่ยวกับอายุของแขกส่วนใหญ่ในงาน เนื่องจากคนที่มีอายุต่างกัน ย่อมมีการใช้ชีวิต หรือความชอบต่างๆที่ไม่เหมือนกัน

ผู้สูงอายุ และผู้ใหญ่จะชอบนั่งสบายๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ มากกว่าที่เดินไปเดินมา ยืนอยู่กับที่เพื่อรับประทานอาหาร หรือการหยิบอาหารด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้างานแต่งงานมีผู้สูงอายุเยอะ จึงควรจัดงานเลี้ยงในแบบโต๊ะจีน

สำหรับวัยรุ่น จะชอบงานเลี้ยงแบบค็อกเทล หรือบุฟเฟต์ มากกว่าโต๊ะจีน เพราะว่าพวกเขาไม่ชอบความรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้กิน ในทางกลับกัน สำหรับงานเลี้ยงแบบค็อกเทลหรือบุฟเฟต์นั้น จะสามารถเดินไปไหนมาไหนรอบงานก็ได้ อยากรับประทานอะไรก็เลือกสรรได้ตามใจชอบ คุยกับคนโน้นคนนี้โดยไม่ต้องนั่งเหงาอยู่ที่โต๊ะ อย่างไรก็ตามอาหารแบบค็อกเทลจะมีบริการที่นั่งเล็กๆตามมุมต่างๆของงาน หรือโต๊ะยืนไว้สำหรับวางอาหารเพื่อรับประทานร่วมกันเป็นกลุ่ม

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานและดูไอเดียงานแต่งเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย — https://praewwedding.com/planning

cr : theknot.com

โบราณเขาบอกไว้ว่า…ทำแบบนี้ใน งานแต่ง ชีวิตคู่จะยืนยาวนะคุณขา

ชีวิตคู่ที่ยืนยาวเป็นสิ่งที่ทุกคู่รักปรารถนา ถ้าเช่นนั้นลองมาดูความเชื่อ ความเชื่อในชีวิตคู่ ที่จะส่งเสริมให้อยู่ด้วยกันยืดยาวดีไหม เริ่มกันตั้งแต่เช้ากับการคัดเลือกคนมาช่วยแห่ขันหมากใน งานแต่ง กันเลย

ในขบวนขันหมากเจ้าบ่าวควรเชิญผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและมีคุณสมบัติทุกด้านดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นมีครอบครัวที่ดี มีคู่แต่งงานที่อยู่กันยืดยาว มีหน้าที่การงานใหญ่โต และมีชีวิตสมบูรณ์พูนทรัพย์ มาเป็นคนนำขบวน เชื่อกันว่าจะทำให้บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่ดีเหมือนกับท่านนั่นเอง และจงจำไว้ว่าหากสาวๆ ไม่อยากให้พ่อแม่ของเราไม่ลงรอยกับเจ้าบ่าวก็อย่าให้ท่านไปเผชิญหน้ากับขบวนขันหมากเด็ดขาด แต่ให้ส่งผู้ใหญ่ท่านอื่นมาเป็นผู้รับขบวนขันหมากก่อนแล้วเจอกันที่บริเวณทำพิธี

หากคุณเป็นลูกหลานชาวจีน ต้องไม่ลืมเช็คคนเกิดปีชงกับบ่าวสาวด้วย เพราะคนจีนเชื่อว่าในพิธีรับเจ้าสาวห้ามให้คนที่มีราศีเป็นกาลกิณีกับบ่าวสาวเข้ามาในพิธีเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ชีวิตของทั้งคู่ไม่เป็นสุขนั่นเอง (แต่ในเมื่อเราเช็คแขกเป็นร้อยๆ ไม่ได้ ให้เช็คแค่ญาติสนิทก็พอ)

สำหรับพิธีส่งตัวเข้าหอ ถ้าอยากให้ชีวิตครอบครัวยั่งยืน มีลูกหลานที่ดี ต้องให้ผู้เฒ่าที่ครองคู่กันยาวนาน มีครอบครัวลูกหลานที่ดีเป็นคนมาปูที่นอนให้เท่านั้นนะ

Read More : ทริคเด็ดพูดให้ผ่านประตูเงินประตูทองแบบฉลุย!

คุยกับ ช่างวิดีโอในงานแต่ง อย่างไรให้งานออกมาเป๊ะ ไม่มีพลาด

ช่างวิดีโอในงานแต่ง เมื่อเราจ้างเขามาแล้ว แน่นอนว่าเราอยากได้วิดีโอที่บันทึกช่วงเวลาสำคัญๆ เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน และสมบูรณ์แบบที่สุด

แต่บ่าวสาวคงสงสัยใช่ไหมว่า แล้วเราต้องคุยกับ ช่างวิดีโอในงานแต่ง อย่างไรดี เพื่อให้งานออกดีและสมบูรณ์แบบ ขอบอกเลยว่าไม่ยากค่ะ เพียงแค่อ่าน 5 ข้อต่อไปนี้

1. ใช้กล้องกี่ตัว

กล้องที่ใช้ในการถ่ายวิดีโอมีส่วนทำให้งานออกมาดีนะคะ การที่มีหลายมุมมอง จะช่วยกันเก็บบันทึกช่วงเวลาสำคัญๆ ได้ดียิ่งขึ้น หรือถ้าหากโดนบัง หรือวุ่นวายก็จะมีอีกกล้องสำรอง แต่ขึ้นอยู่กับราคาที่จ่ายไปด้วยนะจ๊ะ ถ้าจ่ายไปนิดเดียวแต่ขอกล้องสองสามตัว อันนี้น่าจะยากหน่อย

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

2. การตั้งค่าเสียง

จำเป็นต้องมีไมค์เสียบบนหัวกล้องไหม หรือใช้ไมค์แยก หรือไมค์โครโฟนไร้สา ที่ติดกับตัวพิธีกร หรือบ่าวสาว เพื่อช่วยเก็บบันทึกเสียงให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ลองวางแผนแล้วคุยกับช่างวิดีโอดูนะจ๊ะ

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

3. โทนสีที่อยากได้

ลองสังเกตวิดีโองานแต่งดีๆ จะมีหลายโทนสี ขึ้นอยู่กับความถนัด และความต้องการของบ่าวสาว ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถมาปรับแก้ไขในคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแค่บ่าวสาวต้องคุยกับช่างวิดีโอให้เข้าใจก่อนเท่านั้นเองค่ะ จะได้เห็น mood & tone ภาพที่ตรงกัน

4. ไฟในงาน

ช่างวิดีโอบางคนจะมีไฟที่ช่วยเพิ่มแสงสว่างภายในงานอยู่แล้ว โดยจะพกมาเองแล้วคิดค่าใช้จ่ายรวมกับราคาวิดีโอไปเลย แต่ถ้าช่างวิดีโอที่บ่าวสาวจ้างมาไม่มีไฟมาด้วยแล้วล่ะก็ อันนี้ก็เป็นหน้าที่ของบ่าวสาวแล้วนะจ๊ะ ที่ต้องสอบถาม และเตรียมเอาไว้ เพื่อไม่ให้เวลาถ่ายวิดีโออกมาแล้วมืดตึ้บ กลายเป็นงานแต่งงานแนวดาร์คๆ ไปซะได้

5. ทำมุมไว้ให้ช่างวิดีโอบันทึกภาพ

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปวดหัวของทั้งช่างภาพและช่างวิดีโอเลยล่ะจ่ะ เพราะพอถึงช่วงโมเม้นต์สำคัญๆ กำลังจะกดชัตเตอร์ หรือกดบันทึกวิดีโอจะมีกลุ่มเพื่อน หรือกลุ่มญาติบ่าวสาว ยกกล้องมือถือมาบดบังกล้องหลักกันให้พรึ่บ หรือไม่ก็ไลฟ์สดลงโซเชียลประหนึ่งว่าตนเองเป็นนักข่าวอยู่ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ผิดหรอกนะคะ แต่มันดันผิดตรงช่างภาพหลักไม่ได้ภาพเนี่ยล่ะค่ะ ดังนั้นบ่าวสาวควรกันไว้ดีกว่ามานั่งเซ็งทีหลัง ว่าภาพตอนตัดเค้กแต่กลายเป็นมีมือถือมาบังอยู่กลางหน้าของบ่าวสาว เพราะฉะนั้นจึงควรจัดพื้นที่ให้ช่างภาพ หรือช่างวิดีโอยืนไปเลย และกันไม่ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปวุ่นวายจะดีที่สุดนะจ๊ะ

ช่างวีดีโอในงานแต่ง

รับรองว่าถ้าทำตามนี้ยังไงบ่าวสาวก็จะได้วิดีโอแบบเป๊ะปังแน่นอน … นอกจากนี้ ลองมาดูกันว่าต้องคุยอะไรกับช่างภาพบ้างน้า เตรียมไว้เลยเช็กลิสต์หัวข้อไว้ คุยกับช่างภาพก่อนงานแต่งงานจะมาถึง

ไขข้อข้องใจพร้อมคายความลับ 3 จุดบนหน้าผากบ่าวสาว คืออะไรไปดูกัน

หลายครั้งเวลาไปร่วมงานแต่งงานพิธีไทยเรามักจะเห็นจุดสีขาว 3 จุดแต้มอยู่บนหน้าผากของบ่าวสาวเสมอ แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่า 3 จุดบนหน้าผากบ่าวสาว นั้นหมายถึงอะไรและแต้มไปเพื่ออะไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

1. เจิมเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็น “สิริมงคล”

เรื่องความเป็นสิริมงคลนั้นเป็นความเชื่อทั้งทางคติพุทธและพราหมณ์ค่ะ ซึ่งจุด 3 จุดบนหน้าผากนั้นมีความหมายคล้ายคลึงกัน ต่างกันบ้างเล็กน้อยดังนี้

คติพราหมณ์ : จุด 3 จุดในคติพราหมณ์นั้นเปรียบเสมือนพระเจ้าสามพระองค์ หรือที่เรียกว่า “พระตรีมูรติ” เทพเจ้าแห่งความรักตามความเชื่อแบบพราหมณ์ เมื่อมาเจิมอยู่บนหน้าผากของคู่บ่าวสาวแล้วจึงเปรียบได้กับความเป็นสิริมงคลของพระเจ้าได้อยู่กับคู่บ่าวสาวนั้น และจะช่วยดลบันดาลให้ชีวิตคู่ราบรื่นด้วยดี

คติพุทธ : ในความเชื่อแบบชาวพุทธเราถือว่าจุด 3 จุด เป็นเครื่องหมายแทนแก้ว 3 ประการ อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาวนั่นเอง

2. เจิมเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ

คติความเชื่อนี้คนไทยรับมาจากอินเดียค่ะ โดยมักจะใช้สีแดงเจิมหน้าผากสตรีอินเดียในวันวิวาห์ เรียกอีกว่าว่า ติกะ (Tika) หรือ บินดิ (Bindi) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าหญิงผู้นั้นได้แต่งงานมีเจ้าของและมีพันธะในด้านการครองเรือนแล้ว

3. เจิมเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการเริ่มต้น

การแต่งงานถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ของชายหญิงที่ตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นในพิธีแต่งงานจึงมักจะนิยมให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตคู่ที่ดี มีการปฏิบัดีติตนที่ดี มาเป็นผู้เจิมหน้าผากให้กับคู่บ่าวสาว เพื่อให้เป็นตัวอย่างในใช้ชีวิตร่วมกัน

การเจิมหน้าผากนั้นมักจะเริ่มจากจุดตรงกลาง ส่วนจุดต่อไปจะเป็นซ้ายหรือขวาก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน แต่เพียงจุด 3 จุดคงจะช่วยให้ชีวิตรักและชีวิตครอบครัวราบรื่นไม่ได้ หากปราศจากความรักและความเข้าใจในกันและกัน

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย — https://praewwedding.com/thai-wedding

ข้อมูล : www.oknation.net

งานแต่งบรรยากาศเรียบหรูของ เติม เติมตระกูล & ซี หทัยภัทร @ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ

“สัญญาว่าจะรักตลอดไป! รักที่เรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ แค่ทำทุกวันให้ดีก็เพียงพอ” นิยามความรักของ เติม เติมตระกูล กมลวิศิษฐ์  และ ซี หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช จนเกิดเป็น ธีมงานแต่งงาน เรียบหรู

ด้วยความที่ทั้งคู่รู้จักเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเด็ก จนได้พัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรัก และผ่านอะไรหลายอย่างมาด้วยกัน รวมถึงมีความรักแบบ long distance มาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะคุณเติมต้องไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย แต่สุดท้ายแล้วรักแท้ 9 ปีของทั้งคู่ก็ไม่แพ้ระยะทาง เมื่อฝ่ายชายคุกเข่าขอฝ่ายหญิงแต่งงาน พร้อมแผนการขอแต่งงานที่หนุ่มเติมบอกว่าวางแผนล่วงหน้าไว้ถึง 5 เดือน และเกิดเป็น ธีมงานแต่งงาน เรียบหรูขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ

“ผมรู้ว่าซีเป็นคนที่ใช่ตั้งแต่แรกพบ ยิ่งพอเริ่มคุยกันก็ยิ่งใช่ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมก็เลยขอซีแต่งงาน”

ก่อนที่จะเริ่มคิดธีมงาน คุณซีได้เจอกับชุดแต่งงานที่ถูกใจและชอบชุดนี้มากๆ ทางคุณน้ำ – ไข่แดงดีไซน์ ผู้จัดงานจึงได้คิดธีมงานแต่งขึ้นมาจากชุดของเจ้าสาวเป็นหลัก โดยเน้นให้รูปแบบงานออกแนวหวานๆ แต่มีความเรียบโก้และคลาสสิคอยู่ในตัว เน้นการตกแต่งในโทนสีทองและสีคอปเปอร์ให้ดูหรูหรา บวกกับได้มาเจอกับสถานที่จัดงานแต่งงานที่ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม ของโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ที่มีความเรียบโก้อยู่ในตัว พร้อมมีการตกแต่งที่หรูหราทันสมัยเข้ากับธีมมากๆ และยังเป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ จึงตอบโจทย์และตรงใจของบ่าวสาวมาก

ส่วนแพลนเนอร์บ่าวสาวเลือกคุณเก่ง wedding is me ให้มาทำหน้าที่จัดการดูแลงานแต่งงานให้ โดยใช้เวลาเตรียมงานกันอยู่ประมาณ 7 เดือน โดยทางทีม wedding is me ได้ทำงานร่วมกับทีมไข่แดงดีไซน์เพื่อสร้างสรรค์รูปแบบงานแต่งงานให้ออกมาตรงใจบ่าวสาวให้มากที่สุด รวมไปถึงยังได้ทีมจัดเลี้ยงของโรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ที่คอยให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดี จนทำให้งานแต่งงานออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่บ่าวสาวคิดไว้

และงานนี้ยังได้รับเกียรติจาก พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก มาเป็นประธานในพิธี รวมไปถึงผู้ใหญ่อีกหลายๆ ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงาน รวมไปถึงยังได้พิธีกรมากความสามารถอย่าง แบม – ปีติภัทร คูตระกูล มาทำหน้าที่พิธีกรให้ทำให้บรรยากาศภายในงานลื่นไหลและเป็นไปด้วยความสนุกสนาน

The Details

Venue : ห้องแมกโนเลีย บอลรูม โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ โทร. 02-846-8888 เว็บไซต์ http://waldorfastoria3.hilton.com
Wedding Dress :  ELIE SAAB Bridal
Groom Suit :  P.MITH (มีแฟลกชิปสโตร์ @ สยามเซ็นเตอร์)
Make-up & Hair :  lindsaymagic (ไอจี @lindsay_magic)
Photo : sixtysix, narakornphotography, thesixthfloor, tachpasit