ว่าด้วย ความงามเจ้าสาว ในโค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนแต่งงาน ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้สวยปังไม่มีหลุด!
และแล้วก็ใกล้วันสำคัญเข้าไปทุกทีแล้วสินะ! โค้งสุดท้าย 1 เดือนก่อนวันงานของเรานี่แหละสำคัญมาก! ว่าที่เจ้าสาวควรเช็คลิสต์การเตรียมตัวเพื่อ ความงามเจ้าสาว ให้ดีแบบไม่มีหลุด ส่วนว่าที่เจ้าสาวคนไหนที่ยังไม่ได้ใกล้วันสำคัญขนาดนั้น เรามี ลิสต์การเตรียมตัวช่วง 1 ปี – 6 เดือน และ 5 เดือน – 2 เดือน มาให้อ่านด้วยนะ จะได้เช็คตัวเองได้ครบถ้วนไม่มีหลุด ถ้าทำอะไรช้าไปหรือเร็วไปละก็ นอกจากจะเสียเงินฟรีอาจจะไม่ทันการเอา มาดูกันดีกว่าโค้งสุดท้ายก่อนแต่งงาน มีอะไรที่ว่าที่เจ้าสาวต้องเตรียมการบ้าง!

1. นัดพบทันตแพทย์เพื่อขูกหินปูนและฟอกฟันขาว ในกรณีที่สุขภาพฟันของคุณไม่ได้มีอะไรต้องรักษาเป็นพิเศษ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนก่อนแต่งงานคุณสามารถเข้าไปพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูนและฟอกฟันขาว โดยการฟอกฟันขาวทำได้ทั้งแบบที่ซื้อเซทฟอกฟันขาวจากคลินิกไปทำเองที่บ้าน (ซึ่งราคาถูกกว่า) วิธีนี้จะใช้เวลามากกว่าการฟอกฟันขาวที่คลินิกเลย บางคนทำเพียงแค่ 2 อาทิตย์ติดต่อกันฟันก็ขาวเป็นที่พอใจแล้ว แต่ทางที่ดีเผื่อเวลาไว้ประมาณ 1 เดือนดีกว่า เช่นกันสำหรับการฟอกฟันขาวที่คลินิก ไม่ควรฟอกใกล้กับวันแต่งงานมากเกินไปเพราะสีฟันจะยังไม่เข้าที่ แถมอาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันในวันสำคัญได้ด้วยค่ะ

2. สองอาทิตย์ก่อนแต่งงาน ย้อมสีผม สำหรับใครที่ทำสีผมและอาจจะไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่องจนสีผมงอกใหม่กลายเป็นคนละสีกับสีผมที่ทำมา เวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่คุณจะเดินเข้าซาลอนเพื่อให้ช่างย้อมสีผมให้เท่ากันทั้งศีรษะ เราแนะนำว่าเลือกโทนสีสุภาพอย่างน้ำตาลมะฮอกกานี น้ำตาลช็อคโกแลต หรือน้ำตาลเข้มอมทอง ไว้ก่อนดีกว่า เป็นโทนสีที่ทำแล้วรอดทุกสีผิวค่ะ เชื่อเรา
3. ประมาณสามวันก่อนวันงาน กำจัดขน ในทีนี้ไม่ได้หมายถึงเลเซอร์ขนตามคลินิกนะคะ แต่ในกรณีที่คุณต้องการกำจัดขนด้วยตัวเองโดยการใช้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ชนิดทำเองที่บ้าน สามารถทำได้ในช่วงเวลาประมาณนี้ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าเราไม่แพ้ครีมกำจัดขนหรือแว็กซ์ยี่ห้อที่จะใช้นะคะ (เราแนะนำให้ซื้อมาทดลองตั้งแต่ก่อนแต่งงานเนิ่นๆ) อ่อ…กำจัดเฉพาะขนแขนหรือขนขา (ในกรณีใส่เดรสสั้นโชว์เรียวขา) ไม่แนะนำให้กำจัดขนหน้าและแว็กซ์คิ้วนะคะ! เพราะในวันแต่งงานจริงช่างแต่งหน้าจะจัดการให้เราอยู่แล้ว และการแว็กซ์คิ้วเองอาจจะทำให้ไม่ได้รูปทรงสวยงามเหมือนช่างทำ ซึ่งมีผลต่อการแต่งหน้าได้ค่ะ

4. หนึ่งวันก่อนวันแต่งงาน ไปทำเล็บ อย่าลืมโทรนัดซาลอนทำเล็บของคุณแต่เนิ่นๆ ป้องกันการฉุกละหุกหากทางร้านไม่มีคิว เราจะลงเอยด้วยการวิ่งหาร้านในนาทีสุดท้ายกันให้วุ่นค่ะ (รวมทั้งอาจจะไม่ได้ร้านที่ถูกใจด้วย) อย่าลืมหาแบบสีเล็บที่เราชอบ เป็นเรฟเฟอร์เร้นต์ให้ช่างทำเล็บดูละคะ หากไม่แน่ใจก็ให้ลองสีที่ชอบจนกว่าจะได้สีที่ถูกใจ บอกช่างไปตรงๆ ว่าทำเล็บแต่งงานค่ะ รับรองว่าช่างทำเล็บร้อยทั้งร้อยจะทุ่มสุดฝีมือให้คุณเลยล่ะ
5. คืนก่อนวันแต่งงาน สระผมโดยไม่ต้องลงครีมนวดผม เพื่อไม่ให้ผมลื่นเกินไปจนเกล้าไม่อยู่ อย่าลืมมาส์กหน้าด้วยมาส์กชิ้นเด็ดที่เราชอบ สครัปผิวปากและมาส์กปากด้วยลิปบาล์มชิ้นโปรดของเรา (แนะนำสูตรสครับผิวปากแบบบ้านๆ ใช้น้ำมะนาว 2-3 หยด และไวน์ขาว 2-3 หยด ผสมน้ำตาลทรายแดงเนื้อละเอียด 1 ช้อนชา ผสมกันให้เหนียวแล้วสครับปากได้เลย!) ทาแฮนด์ครีมให้ผิวมือชุ่มชื่น ทำใจให้สบาย ปล่อยวางทุกสิ่ง แล้วเข้านอนแต่หัวค่ำ เตรียมพร้อมสำหรับวันสำคัญของเราวันรุ่งขึ้นค่ะ
สุดท้ายแล้ว หวังว่าซีรี่ส์การเตรียมตัวเจ้าสาวตั้งแต่ 1 ปี จนถึงคืนก่อนวันแต่งงานของเรา จะช่วยให้เหล่าว่าที่เจ้าสาว สวยออร่า และแฮ้ปปี้ที่สุดในวันสำคัญของคุณนะคะ
credit story: brides.com









ตกแต่งการ์ดเชิญด้วยลวดลายไทย รับรองว่าความอ่อนช้อยงดงามของศิลปะไทยจะทำให้การ์ดเชิญสวยโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ และเข้ากับธีมงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดี
ใส่กิมมิกให้การ์ดงานแต่งไทยด้วยสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ไทยๆ เช่น ดอกบัว ดอกรัก ดอกมะลิ ดอกจำปี หรือสัตว์ เช่น ช้าง นกยูง สัตว์ในวรรณคดี
การ์ดก็ต้องใช้ตัวอักษรไทยสิคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโลโก้ชื่อย่อบ่าวสาวที่เราขอแนะนำเลยว่าให้ใช้อักษรไทย เพราะจะช่วยบอกให้แขกเหรื่อทราบว่าเป็นงานแต่งไทยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
เลือกใช้สีสันที่ให้อารมณ์ความรู้สึกแบบไทยๆ อย่างสีทอง โดยอาจใช้เป็นสีของตัวการ์ดหรือสีของตัวอักษรก็ได้ บอกเลยว่านอกจากจะดูเป็นการ์ดงานแต่งไทยแล้วยังดูโก้หรูอีกด้วยนะคะ
การ์ดเชิญส่วนใหญ่นิยมทำให้มีกลิ่นหอม ดังนั้นอาจเติมเสน่ห์ง่ายๆ ด้วยการเลือกใช้กลิ่นหอมแบบไทยๆ เช่น กลิ่นดอกมะลิ กลิ่นดอกจำปี กลิ่นน้ำอบไทย เป็นต้น







1. เลือกชุดสีเข้ม












































