12 ไอเดียงานแต่ง ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์จนลืมไม่ลง

วันแต่งงานเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของชีวิตที่ใครๆ ก็อยากให้ออกมาเพอร์เฟ็กต์ ถูกใจพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และแขกที่เชิญมา ยิ่งถ้าหลังจบงานไปแล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เริด! คนที่จะยิ้มจนแก้มปริก็คงไม่พ้นบ่าวสาวป้ายแดงหรอกใช่ไหมละ เพราะฉะนั้น คู่รักคู่ไหนที่อยากให้งานแต่งตัวเองออกมาเจ๋ง แจ๋ว เพอร์เฟ็กต์จนหลายๆ คนจดจำ แพรวเวดดิ้งมี ไอเดียงานแต่ง มาบอก ตามมาๆ

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกการ์ดใบสวยที่แสดงให้เห็นธีมงานอย่างชัดเจน

1. การ์ดงามๆ

การ์ดแต่งงานเป็นปราการด่านแรกที่เหล่าแขกผู้มีเกียรติจะได้ชื่นชม ถ้ามันสวยพวกเขาก็จะชอบ บางคนถึงขั้นเอาไปวางไว้ในตู้โชว์ที่บ้าน และที่สำคัญ การ์ดใบสวยนี่แหละค่ะที่จะแสดงให้แขกรู้ว่างานแต่งคุณจะออกมาเป็นแนวไหน ธีมอะไร ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะเตรียมตัวหาชุดไปงานให้เข้ากับธีมนั้นๆ  รวมถึงตั้งหน้าตั้งตารอดูความสวยงามของงานแต่งคุณด้วย

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกสถานที่ให้เหมาะกับธีมงาน และเพียงพอสำหรับแขกที่เชิญมา

2. เลือกสถานที่สุดพิเศษ

สถานที่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญที่จะสร้างความประทับใจให้กับงานแต่งงานของคุณ ขอแนะนำว่าให้คุณเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับแผนที่วางไว้ โดยให้พิจารณาจากธีมงานที่คุณกำหนด เช่น ถ้าคุณกำหนดธีมงานเป็นสไตล์ชิลๆ ท่ามกลางธรรมชาติ คุณก็อาจจะมองหาสวนสวยๆ สักที่แล้วก็ออกไอเดียว่าจะตกแต่งอะไรเพิ่มเติมบ้าง

นอกจากจะต้องเลือกสถานที่ให้เข้ากับธีมงานแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือ จำนวนแขกที่คุณส่งการ์ดเชิญ คุณต้องเลือกสถานที่ที่สามารถรองรับแขกของคุณได้อย่างพอดี ไม่เช่นนั้นคุณจะได้ยินเสียงบ่นจากแขกว่าสถานที่เล็กไป น่าอึดอัดแน่นอน

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เปิดตัวบ่าวสาวด้วยเพลงเพราะๆ จังหวะดีๆ นัดคิวกับแสงไฟให้ส่องมาที่บ่าวสาว และโปรยกระดาษวิบวับหรือดอกไม้สวยๆ ด้วยก็ได้

3. เปิดตัวบ่าวสาวให้สวยสง่า

ในวันแต่งงาน สายตาทุกคู่จะต้องจับจ้องมาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ซึ่งช่วงเปิดตัวบ่าวสาวก็เป็นอีกหนึ่งช่วงสำคัญที่คุณจะสร้างความพิเศษให้กับงานแต่งของคุณเองได้ ต้องเลือกเพลงเพราะๆ จังหวะดีๆ สักเพลง และนัดคิวกับแสงไฟให้ส่องมาที่คุณและคนรัก อาจจะมีการโปรยกระดาษวิบวับหรือดอกไม้สวยๆ ด้วยก็ได้ สุดท้ายคือ อย่าลืมใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ให้คนทั้งงานตะลึงไปเลย!

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกพิธีกรที่เป็นคนสนิทใกล้ตัวที่รู้จักคุณและคนรักเป็นอย่างดี

4. เลือกพิธีกรที่คุณไว้วางใจ

งานแต่งงานถ้าจะให้บรรยากาศสนุกก็ต้องมีนักเอนเตอร์เทนที่ดี เพราะฉะนั้นการเลือกพิธีกรงานแต่ง ขอแนะนำให้คุณเลือกคนที่คุณไว้วางใจ ถ้าเป็นไปได้ให้เลือกคนสนิทใกล้ตัวที่รู้จักคุณและคนรักเป็นอย่างดี และเท่าที่เราเคยเห็นมา บ่าวสาวหลายคู่มักเลือกเพื่อนสนิทของตัวเองมาเป็นพิธีกร เพราะนอกจากจะมีความสนิทชิดเชื้อและไว้ใจได้แล้ว บางครั้งเขาก็ยังสามารถช่วยให้บ่าวสาวลดความตื่นเต้นบนเวทีลงได้ ที่สำคัญคือ ไม่เสียตังค์ ประหยัดงบเรื่องการจ้างคนได้อีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมนัดแนะลำดับพิธีการกันให้ดีๆ  ด้วยนะจ๊ะ

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกไฟสีส้มที่ช่วยสร้างบรรยากาศงานแต่งให้ดูอบอุ่นและโรแมนติก

5. แสงไฟต้องเจ๋ง

ถ้าคุณอยากให้งานแต่งมีแสงสวยๆ ถ่ายรูปออกมาแล้วรู้สึกได้ถึงความโรแมนติก เราขอแนะนำให้คุณลงทุนกับการตกแต่งไฟในงานสักนิด ซึ่งเราคิดว่าแสงไฟที่ช่วยสร้างบรรยากาศงานแต่งให้ดูอบอุ่นและโรแมนติกคงหนีไม่พ้นไฟสีส้มๆ ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนยังไงก็ดูสวย สุดท้ายก็อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกใช้เป็นไฟราว ไฟหลอดเดี่ยวๆ หรือจะใช้เป็นแสงเทียนก็ได้

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องรถราและที่พักให้เรียบร้อย โดยให้อยู่ในงบประมาณที่จ่ายไหว

6. อย่าลืมเรื่องการเดินทางมาร่วมงาน

สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็คือ การเดินทางมาสถานที่จัดงานของแขกท่านอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจัดงานที่ต่างจังหวัดหรือสถานที่ที่ทำให้แขกต้องเดินทางไกล และอาจมีแขกบางคนไม่สะดวกเดินทางไปเอง เพราะฉะนั้นคุณจะต้องอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องรถราและที่พัก (กรณีจัดงานต่างจังหวัดแล้วต้องค้างคืน) ให้เรียบร้อย อย่าลืมคิดคำนวณงบประมาณในส่วนนี้ด้วยว่าคุณมีงบสำหรับเรื่องนี้เท่าไหร่ แล้วจะต้องจัดสรรอย่างไร

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
แขวนแชนเดอเลียเริดๆเพื่อให้แขกรู้สึกว้าว

7. โคมไฟหรือแชนเดอเลียเริดๆ

ถ้าคุณอยากให้งานแต่งสวยงามน่าจดจำ ต้องใส่ใจพิถีพิถันในการเลือกของตกแต่งกันซักนิด ถ้าจะให้ดีควรเลือกเป็นของตกแต่งที่จะทำให้แขกรู้สึกว้าวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น โดยส่วนมากที่เราพบเจอมา แขกหลายคนมักจะชอบความหรูหราของโคมไฟหรือแชนเดอเลียห้อยระย้าสวยงาม มีทั้งแบบแชนเดอเลียเรียบๆ แต่เก๋ไก๋ ไปจนถึงแชนเดอเลียคริสตัลหรูหรา และแน่นอนว่า ไม่ว่าคุณจะแขวนมันไว้ในห้องบอลรูมหรือในสวนเอ๊าต์ดอร์ก็สวยงามเข้ากับบรรยากาศของงานเสมอ

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกผ้าคลุมโต๊ะและสีเก้าอี้ให้เข้ากับธีมงาน และทำการบ้านเรื่องความสัมพันธ์ของแขกสักนิดเพื่อจัดที่นั่งให้ถูกใจ

8. จัดที่นั่งแขกให้ดูดี

ถึงแม้ว่าช่วงนี้งานแต่งในบ้านเราจะนิยมจัดเลี้ยงแบบค็อกเทลกันซะมาก แต่อีกเทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงคือการจัดเลี้ยงแบบซิทดาวน์ดินเนอร์ หรือสำหรับคนต่างจังหวัดก็ยังนิยมจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนกันอยู่ เพราะฉะนั้นการตกแต่งโต๊ะและเก้าอี้สำหรับแขกก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองเลือกผ้าคลุมโต๊ะและสีเก้าอี้ให้เข้ากับธีมงานก็จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับแขกได้ไม่น้อย ที่สำคัญคือ คุณอาจต้องทำการบ้านเรื่องความสัมพันธ์ของแขกแต่ละคนสักนิด ว่าใครถูกกับใคร และไม่ถูกกับใคร ไม่เช่นนั้นอาจเกิดสงครามย่อยๆ ในงานก็ได้นะ

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกดอกไม้สวยๆที่เข้ากับธีมงานมาประดับตามจุดต่างๆ เช่น บนโต๊ะอาการ ซุ้มประตูทางเข้า

9. ดอกไม้สวยๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการตกแต่งงานวิวาห์ให้สวยงามก็คงจะเป็นดอกไม้สวยๆ ลองคิดดูว่าคุณจะสามารถนำมันไปไว้ตรงไหนภายในงานได้บ้าง เช่น ซุ้มประตูเข้างาน แบ็กดรอปถ่ายภาพ บนโต๊ะอาหาร หรือเก้าอี้นั่งของแขก อย่าลืมเลือกให้เข้ากับธีมงานด้วย

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เลือกอาหารกลางๆ ที่แขกทุกคนทานได้ โดยคำนึงถึงความอร่อยเป็นสำคัญ

10. พิถีพิถันในการเลือกอาหาร

นอกเหนือจากการตกแต่งภายในงาน “อาหาร” ก็เป็นของสำคัญที่ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของงานแต่งเช่นกัน แขกมักจะให้ความสนใจและแอบประเมินความอร่อยอยู่เสมอ ถ้าอาหารอร่อย ถูกปาก คนก็จะชื่นชม แต่ถ้าไม่อร่อย ทานยาก ก็ต้องมีเสียงบ่นตามมา เพราะฉะนั้น เจ้าภาพควรจะพิถีพิถันในการเลือกเมนูจัดเลี้ยงเป็นพิเศษ ขอแนะนำว่าให้คุณเลือกอาหารกลางๆ ที่แขกทุกคนทานได้ เช่น ไก่ ปลา กุ้ง รวมถึงลองชิมรสชาติเสียก่อนที่จะตัดสินใจเลือกเมนูมาเสิร์ฟให้แขกในงาน

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
เสิร์ฟของหวานให้หลากหลาย เช่น ผลไม้ ทาร์ต หรือขนมไทยนานาชนิด โดยคำนึงถึงรสชาติความอร่อยเป็นสำคัญ

11. เลือกขนมอย่างอื่นนอกจากเค้กด้วยนะ

ใครๆ ก็บอกว่าเค้กคือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของงานแต่ง แต่คุณคะ! ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบทานเค้กนะคะ เพราะฉะนั้นของหวานที่จะเสิร์ฟให้แขกภายในงานควรจะหลากหลาย เช่น ผลไม้ ทาร์ต หรือขนมไทยนานาชนิด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับแขก อย่าลืมชิมรสชาติก่อนตัดสินใจเลือกมาเสิร์ฟในงานด้วยนะ

ไอเดียงานแต่งที่ช่วยให้งานของคุณเพอร์เฟ็กต์
จ้างนักเอนเตอร์เทนมืออาชีพเพื่ออาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่สนุกแบบสุดเหวี่ยง

12. จ้างนักเอนเตอร์เทนมืออาชีพ

ถ้าคุณอยากให้ช่วงเวลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้สนุกแบบสุดเหวี่ยง ไม่ขาดตอนให้เสียอารมณ์ ขอแนะนำให้คุณลงทุนอีกสักนิดด้วยการจ้างดีเจหรือวงดนตรีมืออาชีพ เพราะพวกเขารู้ดีว่าจะทำอย่างไรให้คนจำนวนมากสนุกสนาน ต้องเปิดเพลงอะไร ดนตรีแบบไหนคนภายในงานถึงจะซู่ซ่ากล้าลุกจากเก้าอี้แล้วมาออกเสต็ปแดนซ์มันๆ รับรองวว่างานแต่งครั้งนี้จะต้องสุดเหวี่ยงแบบไม่มีวันลืม

12 ไอเดียงานแต่ง ที่แพรวเวดดิ้งแนะนำมานี้ บางอย่างก็ต้องใช้เงินเยอะ บางอย่างใช้เงินน้อย บางอย่างไม่ต้องเสียเงินสักบาท เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญอย่างสุดท้ายที่บ่าวสาวควรจะทำการบ้านเป็นอย่างดีก็คือ การจัดสรรงบประมาณงานแต่ง ลองดูว่าแต่ละที่ต้องใช้เงินนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่ จ่ายไหวไหม งบจะบานปลายหรือเปล่า อย่าลืมคิดเรื่องเงินให้ถี่ถ้วน แล้วคุณก็จะได้งานแต่งสุดเพอร์เฟ็กต์จนลืมไม่ลง พร้อมกับงบที่คุณเอาอยู่

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งงานและไอเดียงานแต่งได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย << 

ภาพและข้อมูล : www.brides.com
ภาพบางส่วน : losangeles.cbslocal.com, www.polkadotbride.com

สารพัดตัวล่อช่วยจัดระเบียบเด็กป่วนในงานแต่ง

แขกรับเชิญตัวจิ๋วช่วยสร้างสีสันและเติมเต็มให้บรรยากาศ งานแต่ง ดูอบอุ่น แต่คงไม่ดีแน่ถ้าเหล่าแขกตัวน้อยจะชวนกันซุกซนจนสร้างความปั่นป่วน ทำให้งานแต่งของคุณขลุกขลัก เราขอเสนอให้รับมือเหล่าตัวป่วนด้วยการเตรียมกิจกรรมที่จะช่วยดึงดูดใจเอาไว้ จะมีกิจกรรมอะไรบ้างที่โดนใจหนูน้อยทั้งหลาย เรามีไอเดียมาฝากกันจ้า

1

ขีดๆ เขียนๆ วาดภาพระบายสี กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการสำหรับเด็กๆ อาจจัดโต๊ะไว้ให้บรรดาแขกตัวน้อยได้โชว์ฝีมือกัน หรือแจกชุดวาดภาพระบายสีเป็นของชำร่วยสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

2

ต่อเลโก้ กิจกรรมที่จะช่วยหลอกล่อเหล่าตัวจิ๋วจอมป่วนให้อยู่นิ่ง ไม่ชวนกันวิ่งซุกซน

3

ไม่ต้องเช่าเครื่องทำฟองสบู่ให้เปลืองเงิน ก็มีฟองสบู่น่ารักๆ มาช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกได้ ด้วยการเตรียมที่เป่าฟองสบู่ไว้ให้เด็กๆ เป่าเล่นกัน เรียกว่าความซนของหนูน้อยจะมีประโยชน์ก็คราวนี้แหละ

4

ต่อจิ๊กซอว์ กิจกรรมฝึกสมองสำหรับวัยซน อาจใช้จิ๊กซอว์ภาพการ์ตูนน่ารักๆ เพื่อดึงดูดใจ แต่ถ้าจะให้ดีใช้จิ๊กซอว์ภาพคู่บ่าวสาวสิคะ

5

ขนมหวานนี่แหละที่เด็กๆ ทั้งหลายโปรดปราน แนะนำว่าควรจัดมุมขนมหวานสำหรับเด็กแยกไว้ต่างหาก และเลือกขนมที่หยิบทานง่าย จะได้ไม่หกเลอะเทอะ

6

จัดเตรียมเต็นท์น่ารักๆ ที่พร้อมสรรพไปด้วยของเล่นครบครัน ให้บรรดาแขกรับเชิญตัวน้อยได้เล่นสนุกกันในนั้น

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ขอบคุณภาพจาก : buzzfeed.com, weddingchicks.com, somethingturquoise.com, theknot.com, enfemenino.com, shutterfly.com, huffingtonpost.com

24 วิธีลดค่าใช้จ่ายในงานแต่งที่ว่าที่บ่าวสาวมือใหม่ต้องจดไว้ให้ไว

ใครๆ ก็รู้ว่าจัดงานแต่งยุคนี้ต้องใช้เงินเยอะแถมบานปลายอย่างน่าทึ่ง เราจึงไปสรรหา 24 วิธี ที่จะช่วย ลดค่าใช้จ่ายในงานแต่ง มาฝากกัน

1. กำหนดงบให้ชัดเจน

หลังตกลงปลงใจว่าเราสองจะแต่งงานกัน สิ่งแรกที่ควรทำคือการกำหนดงบประมาณ เพื่อจะได้รู้ขนาดงานแต่ง และมองหาแพลนเนอร์ที่เหมาะสม พร้อมทั้งแจ้งงบประมาณให้แพลนเนอร์ทราบเพื่อคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้บานปลาย

2. เลือกวันแต่งที่คนไม่ค่อยนิยม 

บ่าวสาวหลายคู่นิยมแต่งงานช่วงหน้าหนาว เราก็เลี่ยงไปแต่งช่วงอื่นของปี หรือแทนที่จะเลือกแต่งวันศุกร์ เสาร์ ก็ไปแต่งวันธรรมดา เพราะช่วงเวลาเหล่านี้โรงแรมอาจมีส่วนลดหรือจัดโปรโมชั่นเด็ดเอาไว้ให้

3. การ์ดเชิญแปลกตา

คู่ที่ไม่อยากได้การ์ดเชิญซ้ำกับใคร เรามีไอเดียเด็ดแถมประหยัดมานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นจ้างนักวาดภาพให้เขาวาดรูปสวยๆ ที่สื่อถึงคู่บ่าวสาวแล้วเอามาทำการ์ดเอง ใช้โปสการ์ดสวยๆ แทนการ์ดแต่งงาน หรือจะใช้เทมเพลทเก๋ๆ ที่แจกฟรีในอินเตอร์เน็ตมาดัดแปลงนิดหน่อย ก็ทำให้ได้การ์ดสวยๆ ราคาย่อมเยา

4. การ์ดเชิญใหญ่กว่าปกติ แต่แผ่นเดียวครบทุกอย่าง

บ่าวสาวหลายคู่อาจจะมีการ์ดเชิญหลายใบเพราะมีทั้งงานเช้า งานเย็น แผนที่ โน้นนี่นั่น แต่จะดีกว่าถ้าใส่รายละเอียดทั้งหมดลงบนการ์ดขนาดใหญ่แผ่นเดียวซึ่งจะทำให้เสียเงินน้อยลง

5. เปลี่ยนจากการ์ดมาเป็น อี-การ์ด

การ์ดแต่งงานที่ใช้กระดาษบางทีก็ราคาสูงลิบลิ่ว ลองเปลี่ยนมาใช้อี-การ์ดแล้วเพิ่มลูกเล่นเป็นวิดีโอง่ายๆ ที่คุณทำเองก็ทำให้ประหยัดเงินได้เยอะ

6. ทำจดหมายตอบรับคำเชิญ

การทำจดหมายตอบรับคำเชิญจะทำให้รู้จำนวนแขกที่แน่นอน แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากก็จัดทำบนโซเชี่ยลมีเดียไปเลย ง่ายทั้งส่งไปหาและตอบกลับ ช่วยลดค่ากระดาษทำจดหมายและที่สำคัญช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

7. จัดเวลาให้เป๊ะ

การควบคุมให้งานแต่งจบลงภายในเวลากำหนดทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าล่วงเวลากับทั้งสถานที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ

8. เป็นสมาชิก หรือบอกรับอีเมลโรงแรมและสถานที่จัดงาน

การบอกรับอีเมลข่าวสารของสถานที่จัดงานแต่งงานทำให้ไม่พลาดข่าวโปรโมชั่นดีๆ จนบางทีอาจทำให้ได้ราคาที่ถูกเหลือเชื่อพร้อมของแถมที่คาดไม่ถึง

9. ใกล้ๆ มันแพง เอาที่อยู่ไม่ไกลมากก็ได้

บ่าวสาวที่กำลังวางแผนแต่งงาน อาจเลือกไปแต่งงานที่บ้านเกิดแทนจัดงานในเมืองหลวงก็ได้ เพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่ามาก

10. นั่งบ้าง ยืนบ้าง

งานแต่งงานไม่จำเป็นต้องมีเก้าอี้ครบสำหรับแขกทุกคนก็ได้ แต่ก็ต้องเตรียมเผื่อเอาไว้บ้างสำหรับแขกที่สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่สะดวกจะยืนนานๆ

11. ทำป้ายกำหนดการตัวใหญ่

ทำป้ายกำหนดการตัวใหญ่ๆ ไว้ที่หน้าทางเข้างาน ดีกว่าทำกำหนดการแจกทุกคนที่มาในงานนะ

12. น้อยแต่มาก

ตกแต่งงานด้วยสไตล์ Less is More ทำให้ใช้ของในการตกแต่งน้อยประหยัดค่าพร็อพไปได้เยอะ แต่ก็ออกมาดูดีไม่แพ้ใคร

13. จัดช่อดอกไม้เองก็ได้

เสียเงินให้คนจัดดอกไม้เฉพาะที่สำคัญๆ อย่างช่อบูเกต์เจ้าสาว หรือดอกไม้แบ็กดร็อป เท่านั้น ส่วนอื่นที่เป็นของประกอบเล็กๆ น้อยๆ จัดเองถูกกว่า

14. เปลี่ยนจากดอกไม้เป็นเทียน

เทียนบนเชิงเทียนมีราคาถูกกว่าดอกไม้นะ เอามาใช้ตกแต่งภายในงานก็สวยหรูไม่ต่างกัน

15. นักดนตรีอาชีพนั้นแสงแพง

คู่แต่งงานที่อยากได้ดนตรีสดมาสร้างบรรยากาศภายในงาน ลองมองหาวงดนตรีของนักเรียน นักศึกษา หรือเหล่าอาจารย์ที่ราคาถูกกว่าวงดนตรีอาชีพแต่ฝีมือไม่เป็นรอง

16. ชุดแต่งงานมันแพง ลองมิกซ์แอนด์แมตช์ดูก็ได้นะ

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าชุดแต่งงานไม่ว่าจะซื้อหรือเช่าก็ราคาสูงทั้งนั้น ลองหาชุดโทนสีขาวแล้วจับมาแมตช์ ก็อาจจะได้ชุดแต่งงานสวยเก๋ในราคาเบาๆ ที่สำคัญคือใช้ในงานอื่นได้อีกด้วย

17. เปลี่ยนจากช่างแต่งหน้าชื่อดังมาเป็นหน้าใหม่ฝีมือเริ่ด

วิธีนี้จะช่วยลดค่าแต่งหน้าในส่วนของเจ้าสาวไปได้เยอะ โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตจะมีชื่อช่างแต่งหน้าพร้อมผลงานขึ้นมากมาย คุณเจ้าสาวอาจโทรนัดวัดลองแต่งหน้าก่อนตัดสินใจก็ได้

18. เค้กก้อนเล็กๆ

งานแต่งงานไม่จำเป็นต้องใช้เค้กหลายชั้นเสมอไป แต่จะใช้เค้กชั้นเดียว หรือเค้กปลอมแทนก็ได้ แล้วเสิร์ฟแขกด้วยคัพเค้กหรือขนมหวานอื่นๆ ก็ได้

19. หากล่องใส่กลับบ้าน

ขนมหวานมักเหลือทิ้งมากมายในงานแต่งงาน ให้คุยกับแคเทอริ่งว่าสามารถหากล่องหน้าตาดี เพื่อจัดขนมให้แขกเอากลับบ้านไปได้ไหม จะได้ไม่ต้องทิ้งให้เสียของ

20. อาหารสำหรับเด็กน้อย

ลองสำรวจประชากรเด็กที่จะมาร่วมในงานของคุณ แล้วแจ้งให้ทางฝ่ายจัดอาหารรู้ จะทำให้ค่าอาหารถูกลงเพราะอาหารเด็กถูกกว่าอาหารผู้ใหญ่ตั้งเกือบครึ่ง

21. แอลกอฮอล์มีจำกัด

ถ้าแขกที่มางานไม่ใช่นักดื่มตัวยง คุณอาจจะใช้วิธีให้แขกสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นแก้วแทนการให้บริกรเดินเสิร์ฟไปทั่วงาน จะได้ไม่ต้องเตรียมพร่ำเพื่อ

22. เปลี่ยนจากค็อกเทลเป็นเบียร์และไวน์

ถ้าจะเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็อยากจะบอกว่า เบียร์และไวน์ถูกกว่าค็อกเทลนะ

23. อย่าวางแอลกอฮอล์บนโต๊ะเด็ดขาด

ก่อนจะวางแอลกอฮอล์ไว้บนโต๊ะได้ก็ต้องเสียเงินให้กับคนจัดก่อนแล้ว แต่ถ้าโต๊ะไหนไม่ได้เปิดดื่มก็ทำให้เสียเงินฟรีนะ สู้เสิร์ฟเป็นรายคนจะดีกว่า

24. No Alcohol

ไม่ผิดถ้างานแต่งงานจะไม่เสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมยังทำให้ประหยัดเงินไปได้เยอะ เพราะจริงๆ แล้ว ตัวผลาญเงินก็เจ้าเครื่องดื่มพวกนี้ล่ะ

แต่ละข้อเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่นึกไม่ถึง แต่ถ้าทำได้ครบรับรองว่าประหยัดเงินไปได้เยอะเลยล่ะ

>> ดูไอเดียงานแต่งและคำแนะนำดีๆ ในการจัดงานแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

เรียบเรียงจาก brides.com
ขอบคุณภาพ Room Bridal Studio 

ว่าที่เจ้าบ่าวต้องรู้! กรรมวิธีสู่ขอสาวและข้าวของต้องเตรียม

หลังจากที่คู่รักตกลงปลงใจกันแล้วว่าจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือ การทาบทามและการ สู่ขอ ซึ่งหลายคนออกอาการตื่นเต้นและกลัวนิดๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปพูดขอลูกสาวต่อหน้าพ่อแม่ และมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทาบทามและสู่ขออย่างไร ต้องมีผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนไปช่วยพูดบ้าง แล้วต้องเตรียมสิ่งของอะไรบ้าง แต่ถ้าคุณพร้อมจะแต่ง ไม่ต้องอะไร เราหาข้อมูลมาฝากกันเรียบร้อยแล้ว

1. ส่งผู้ใหญ่ไปทาบทาม

ตามปกติแล้วถ้าฝ่ายชายจะขอหญิงมาแต่งงานสักคนมักจะเริ่มกันที่ “การทาบทาม” เป็นขั้นตอนแรก ซึ่งในสมัยก่อนฝ่ายชายจะหา “เถ้าแก่” หรือผู้ใหญ่ที่ครอบครัวตนเองนับถือเข้าไปทาบทามกับพ่อแม่ฝ่ายหญิงไว้ก่อนว่าจะให้แต่งหรือไม่ หากว่าฝ่ายหญิงตกลงก็ต้องแจ้งจำนวนสินสอดทองหมั้นที่จะเรียก พร้อมกับนัดวันสู่ขอแบบเป็นทางการกันอีกครั้ง จากนั้นเถ้าแก่จึงจะกลับมาแจ้งผลการสู่ขอให้กับฝ่ายชายได้ทราบ

แต่ในปัจจุบัน ว่าที่เจ้าบ่าวจะเดินทางไปกับเถ้าแก่ด้วย เพื่อเป็นการแสดงตนและแสดงออกถึงความเคารพและให้เกียรติกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงและว่าที่เจ้าสาว

2. วันสู่ขอ

หลังจากเถ้าแก่ไปทาบทามให้เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงวันสู่ขออย่างเป็นทางการ ในวันนี้ทางฝ่ายชายจะเดินทางไปที่บ้านของฝ่ายหญิง พร้อมเถ้าแก่ พ่อ และแม่ (อาจมีญาติผู้ใหญ่ท่านอื่นด้วยก็ได้) เพื่อทำพิธีสู่ขอ ซึ่งไม่ควรไปมือเปล่าเด็ดขาด สิ่งที่จะต้องเตรียมก่อนออกเดินทางได้แก่ พานธูปเทียนแพ พวงมาลัย และกระเช้าขนมหรือผลไม้

เมื่อไปถึงบ้านฝ่ายหญิง เถ้าแก่จะแนะนำตัวเองอีกครั้ง พร้อมแนะนำพ่อ แม่ และตัวผู้ชาย เล่าลักษณะนิสัยใจคอและความประพฤติของฝ่ายชายว่าดีอย่างไร พูดถึงความรักและระยะเวลาคบหาของคู่รักว่าเหมาะสมจะแต่งงานกันแล้ว จากนั้นจะถามความยินยอมของพ่อแม่ฝ่ายหญิงอีกครั้ง ถ้าท่านตกลงก็จะให้ฝ่ายชายนำธูปเทียนแพพร้อมพวงมาลัยเข้ามากราบพ่อแม่ฝ่ายหญิง แล้วจึงตกลงกันเรื่องสินสอดทองหมั้นให้ชัดเจนอีกครั้ง พร้อมทั้งปรึกษาเรื่องการจัดงานว่าจะจัดอย่างไร จัดวันไหน ใครจะเป็นฝ่ายหาฤกษ์ยาม ฯลฯ

2 ข้อที่แพรวเวดดิ้งบอกไปข้างต้นนั้นค่อนข้างที่จะเป็นพิธีการตามประเพณีไทยสักเล็กน้อย แต่ในปัจจุบันอาจลดทอนให้การทาบทามและการสู่ขอมาอยู่ในวันเดียวกันก็ได้ โดยสมัยนี้ทั้งทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมักจะพูดคุยและแจ้งวันสู่ขอกับพ่อแม่ของตนเองกันก่อน จากนั้นจึงนัดพบเพื่อพูดคุยกันตามประเพณี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความสะดวกของทั้งสองฝ่าย สิ่งหนึ่งที่แพรวเวดดิ้งอยากจะแนะนำอีกสักนิดก็คือจำนวนสินสอด คนโบราณว่ากันว่าไม่ควรต่อรอง เพราะฉะนั้นคู่รักควรจะปรึกษาและนัดแนะกันให้ดีก่อนว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเรียกสินสอดเท่าไหร่อย่างไร เมื่อถึงวันสู่ขอก็พูดให้ตรงตามที่เตรียมไว้แบบนี้จะดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม >> พิธีไทยลื่นไหล่ไม่มีสะดุด กับบทเจรจาสู่ขอฉบับสมบูรณ์แบบ

ภาพ : งานแต่งงานของคุณแตงโมและคุณทรัสต์ จาก เศกสกล 1982

รวมสิ่งน่ารู้เกี่ยวกับ มงคลแฝด พร้อมการเก็บรักษาอย่างไรให้ถูกวิธี

รวมสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับ มงคลแฝด

สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับพิธีแต่งงานไทย และช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ่าวสาวก็คือ มงคลแฝด ซึ่งว่าที่บ่าวสาวบางคนอาจจะกำลังกุมขมับว่า แล้วเจ้ามงคลแฝดที่ว่านี้จะหาซื้อได้ที่ไหน แล้วใครจะเป็นคนสวม ที่สำคัญเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการแล้วจะต้องเก็บรักษาอย่างไรให้ถูกต้อง เอามือออกจากขมับแล้วจับมือคนรักมาหาคำตอบไปพร้อมกับเราเลยค่ะ

หาซื้อได้ที่ไหน?

บ่าวสาวสามารถหาซื้อมงคลแฝดได้ตามร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์และร้านขายอุปกรณ์แต่งงาน อย่างตลาดบางลำพู, พาหุรัด กันได้เลยจ้า ในราคาเส้นละไม่เกิน 50 บาท เมื่อซื้อมาแล้วบ่าวสาวสามารถนำไปให้พระอาจารย์หรือพ่อหมอ-ครูพราหมณ์ที่ตนนับถือสวดมนต์ลงคาถาเพิ่มความขลังให้ได้จ้า

มงคลแฝด…ใครเป็นคนสวมให้?

ในสมัยก่อนจะนิยมให้พระสงฆ์ที่มาเป็นประธานเป็นคนสวมและเจิมหน้าผากบ่าวสาวให้ แต่เนื่องจากว่าพระสงฆ์มีกฎห้ามถูกเนื้อต้องตัวสีกา ทำให้พระสงฆ์ต้องจับมือเจ้าบ่าวเพื่อเจิมให้เจ้าสาว แต่ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนให้ฆราวาสที่มาเป็นประธานในงาน เป็นสวมมงคลแฝดและเจิมหน้าผากให้บ่าวสาวแทน โดยฆราวาสคนนั้นต้องมาเป็นคู่ หรือง่ายสุดๆ ก็คุณพ่อ-คุณแม่นี่แหละ ให้ช่วยกันสวมคนละฝั่งสวยๆ เสร็จแล้วก็สามารถถ่ายรูปด้วยกัน เป๊ะเวอร์

ส่วนเวลาถอดก็สามารถให้คุณพ่อ-คุณแม่ถอดให้ได้เช่นกัน แต่ขอกระซิบว่าตอนที่กำลังจะลุกจากแท่นรดน้ำ เชื่อว่าถ้าใครลุกขึ้นก่อนจะมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่ายนะจ๊ะ

เก็บรักษาอย่างไร?

ส่วนการเก็บรักษา หากบ่าวสาวยังไม่ใช้ ขอแนะนำว่าควรเก็บไว้บนที่สูงจะดีกว่าการนำมาวางไว้กับพื้น เพราะอย่าลืมว่ามงคลแฝดเป็นของมงคลและต้องนำมาวางบนหัวคง ไม่มีใครอยากให้มีคนมาเดินข้ามมาสวมหัวใช่ไหมล่ะ

แต่หลังจากเสร็จพิธีรดน้ำสังข์และมีผู้ใหญ่มาปลดออกให้แล้ว บ่าวสาวควรเก็บไว้บนหัวนอนหรือถ้าเตียงไม่มีชั้นบนหัวนอนก็ควรจะเก็บไว้ในที่สูง เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตคู่นะจ๊ะ หรือบางคู่อาจนำไปใส่กรอบแล้วแขวนโชว์ก็ได้เช่นกันจ้า

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดมงคลแฝดที่เรานำมาฝากว่าที่บ่าวสาว เมื่อทราบกันแล้วก็สามารถหาซื้อตระเตรียมแล้วนำไปให้พระอาจารย์ที่เคารพปลุกเสกรอกันได้เลยจ้า

นอกจากมงคลแฝดแล้ว >> มาลัยบ่าวสาว…มาลัยมงคลในวันแต่งงานที่ต้องคล้อง << ก็สำคัญเหมือนกันนะ

5 นิสัยว่าที่เพื่อนเจ้าสาว หากเจ้าสาวเจอแบบนี้อาจต้องคิดหนัก

เจ้าสาวคิดหนัก เพื่อนเจ้าสาว แบบนี้มีดีหรือไม่?!

ในหลายต่อหลายครั้งที่ว่าที่เจ้าสาวอยากชวนเพื่อนคนนั้นคนนี้มาเป็น เพื่อนเจ้าสาว แต่พอชวนแล้ว กลับต้องปวดหัวเพิ่มหรือมีเรื่องจุกจิกกวนใจเกินจำเป็น ชวนมาแล้วจะยกเลิกก็กลัวมีผลต่อความสัมพันธ์ ถ้าอย่างนั้นก่อนตัดสินใจชวนมา เช็คให้ดีก่อนไหมว่า เพื่อนของคุณเข้าข่ายว่ามี 5 นิสัยต่อไปนี้หรือเปล่า ถ้าเข้าข่ายว่ามี และไม่มีแววจะปรับได้เฉพาะกิจล่ะก็ คัดออกจากลิสต์ก่อนไหมล่ะ

ต้องเด่นกว่าใคร

ถ้ารู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของคุณมีนิสัยแบบว่า ชั้นต้องโดดเด่นที่สุดกว่าใครในโลกา เธอคนนี้อาจไม่ยอมอยู่ในกฏเกณฑ์ความเป็นเพื่อนเจ้าสาวในแบบที่คุณต้องการได้ง่ายๆเพราะมีสิทธิ์ที่เธอจะบ่นๆๆ ไม่อยากใส่ชุดเหมือนคนอื่นหรืออาจเป็นประเภทต้องมีซีนพิเศษเหนือใครในแก๊ง นิสัยแบบนี้จะพาให้คุณปวดหัวแน่นอน และเผลอๆ ความต้องเด่นของเธอคนนี้ อาจหนักข้อถึงขั้นอยากเด่นกว่าคุณโดยไม่รู้ตัว

ข้อแม้เยอะ

ไม่ยืนติดคนนั้น  ไม่เดินคู่คนนี้ ไม่ใส่มงกุฏดอกไม้ได้ไหม หรือแม้แต่จะรับหน้าที่ช่วยอะไรสักอย่างก็ต้องเป็นไปตามรูปแบบที่เธอคนนั้นต้องการ ที่วางแผนกันไว้ต้องวุ่นวายเพราะเธอแน่ๆ ถ้าแววเรื่องแบบนี้มีเมื่อไหร่ กากบาทตัวโตๆ ได้เลย เพราะคุณต้องกุมขมับแน่ เอ…ว่าแต่นี่งานแต่งใครไม่รู้เนอะ

ไม่ตรงเวลา

แค่นัดกินข้าว ดูหนังหรืออกทริป คนๆ นี้ยังมาสายแล้วสายอีก อย่าหวังเลยค่ะว่าวันแต่งงานของคุณเธอจะไม่ทำให้คุณต้องลุ้นว่าเธอจะมาไม่มา จะมาถึงกี่โมง ยิ่งถ้าคุณขอให้ช่วยทำหน้าที่สำคัญอะไรสักอย่าง เธอคนนี้จะมาอยู่ประจำตำแหน่งได้ตรงตามฤกษ์มงคลหรือเปล่า ดูจากประวัติของเธอแล้วตัดสินใจใหม่ยังทัน ก็แหม…ถ้าเธอคือสายเลทเสมอ จะเสี่ยงไหมละคะ

ทวงบุญคุณเก่ง

คนบางคนมีนิสัยแบบว่า จำได้ไหมชั้นเคยช่วยแกตอนนั้น นึกออกไหมตอนนั้นที่แกมีปัญหาอันนี้ แล้วชั้นก็ช่วย…เพื่อนที่มีนิสัยแบบนี้มีอยู่ในโลกนะคะ แล้วคุณคิดว่ามีสิทธิ์ไหมที่วันหนึ่งข้างหน้าเธอจะมาพูดกับคุณว่า แกจำได้ไหม ชั้นเคยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้แก…เพราะฉะนั้นแกต้องช่วยชั้นกลับ!!

จ้องจะงาบเจ้าบ่าว

อ่านไม่ผิดค่ะ เรากำลังบอกคุณว่า เพื่อนเจ้าสาวบางคนก็คิดไม่ซื่อหรอกนะคะ แถมยังมีความอิจฉาหน่อยๆ ที่คุณได้ผู้ชายดีๆ ไปครอบครอง (แต่ไม่แสดงอาการ)ซึ่งความใกล้ชิดในช่วงเตรียมงานหรือสิทธิพิเศษของความเป็นเพื่อนเจ้าสาวอาจเป็นกุญแจนำไปสู่เรื่องนี้ได้ ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้มีอะไรแปลกๆ เวลาคุยกับแฟนคุณ หรือพยายามแซะเรื่องของคู่คุณมากๆ หรือแม้แต่มีใครมาสะกิดเตือนเรื่องอะไรทำนองนี้ ขอให้เก็บไว้เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจชวนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวสักหน่อย จากนั้นหันมาดูว่าที่เจ้าบ่าวของคุณสักหน่อย ถ้าเขามีประวัติเจ้าชู้ได้เรื่องอยู่ จะให้น้ำมันกับไฟมาใกล้กันทำไมละค่ะ เพราะโลกใบนี้บิดเบี้ยวกว่าที่คุณคิด และก็มีมาแล้วไม่ใช่หรือคะ ที่เพื่อนแย่งสามีเพื่อน รุ่นน้องแย่งสามีรุ่นพี่ ถ่ายรูปในงานแต่งในฐานะแขกวันนี้ ใครจะรู้ว่าวันหน้า คุณอาจต้องยืนเป็นแขกในงานแต่งของเธอกับอดีตสามีก็เป็นได้

5 นิสัยที่เราบอกไป ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเสมอไปหรอกนะคะ เราเพียงอยากให้คุณรู้ไว้ว่า คนแบบนี้ยังมีใยโลก จึงนำมาเป็นข้อสังเกตให้คุณได้นำไปคิดพิจารณากันไว้ จะได้เลือกเพื่อนเจ้าสาวที่ตรงใจและไม่นำความปวดหัวปวดใจมาภายหลัง

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนเจ้าสาวเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

เตรียมไว้เลย..สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนต้องเจอเมื่อลงมือ จัดงานแต่งเอง

หนุ่มสาวสมัยนี้หลายคู่มักเลือกที่จะจัดงานแต่งงานด้วยตัวเอง อาจจะด้วยเหตุผลว่าอยากประหยัด หรืออยากลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองในวันสำคัญครั้งหนึ่งของชีวิต เพื่อที่จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำว่า งานแต่งนี้ของเรานั้นเกิดจากสองมือของเราเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน แพรว wedding ก็ขอให้ทำใจไว้เลยเพราะนี่เป็น 10 สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคนต้องเจอเมื่อลงมือ จัดงานแต่งเอง

1. คำคอมเม้นต์จากคนรอบข้าง ทั้งดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นบ่าวสาวต้องตั้งมั่นและมั่นใจไม่วอกแวก และคิดอยู่เสมอว่า “ฉันทำดีที่สุดแล้ว”

2. เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ว่าจะเตรียมการไว้ดีแค่ไหน เพราะฉะนั้นต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าไปทีละอย่าง อย่านอยด์

3. คำตัดพ้อจากคนที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงาน อาจจะเกิดจากการหลงลืมหรือตั้งใจไม่ชวน ต้องยิ้มและกล่าวคำขอโทษอย่างสุภาพ

4. อย่าคาดหวังของขวัญหรือเงินใส่ซอง เพราะทุกอย่างที่ทำนั่นคือความฝันและความสุข หากมีคนถามว่างานของคุณได้กำไรหรือขาดทุน ก็ตอบไปเลยว่า งานของคุณนั้นกำไรคือ ความสุขที่ได้เห็นคนที่รักเรามาในวันสำคัญนี้ด้วยความรัก

5. อย่าเบื่อที่จะต้องตอบคำถาม เพราะแต่ละคนเขาก็ต้องการทราบเรื่องราวของเรา ต้องยิ้มและตอบด้วยความจริงใจ

6. หากต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ อย่าคาดหวังหรือหงุดหงิดหากไม่ได้ดั่งใจ ให้ท่องไว้เสมอว่า เราเลือกให้เขามาช่วยเรา และเขาก็มาด้วยใจ ต้องให้เกียรติและมั่นใจในตัวเขา เพราะมิตรภาพนั้นเงินหาซื้อไม่ได้นะจ๊ะ

7. อย่าคิดไปเองว่างานแต่งงานต้องมีพิธีตายตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประเพณี หรือกฏของแต่ละบ้าน หรือที่เห็นทำตามๆ กันมา แม้แต่พิธีทางศาสนา ถึงจะเป็นศาสนาเดียวกัน นิกายเดียวกัน แต่ในแต่ละพื้นที่พิธีกรรมก็ไม่เหมือนกันเป๊ะ ควรทำความเข้าใจและเคารพพิธีอย่างถูกต้อง

8.  จัดงานแต่งเองไม่ได้ถูกกว่าใช้ออร์แกไนเซอร์ เพราะความที่จัดเอง เงินจึงจ่ายออกแบบยิบย่อย ซึ่งพอมารวมกันแล้วก็มากโขอยู่ เพราะฉะนั้นคำนวณและชั่งใจกันให้ดีๆ นะ

9. งานแต่งงานบางครั้งก็อาจจะไม่มีการคล้องมาลัยในช่วงฉลองพิธีสมรส หรือไม่มีเพลงมหาฤกษ์ดื่มอวยพรก็ได้ (อันนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้งสองบ้านนะคะ) ก็แหมอุตส่าห์ออกแบบชุดมาซะสวยงาม เจ้าสาวบางคนก็คงไม่อยากเอามาลัยมารบกวนดีไซน์ของชุดหรอกจริงไหมคะ ส่วนเพลงมหาฤกษ์บางครั้งก็อาจจะไม่ได้จำเป็นเสมอไป เพราะแค่คำอวยพรจากคนที่รู้จักและรักเราอย่างแท้จริงเท่านี้ก็เป็นมงคลแล้ว

10. ข้อสุดท้ายเราขอมอบให้กับแขกในงานแต่ง ของขวัญที่ถูกใจบ่าวสาวเป็นอันดับหนึ่งคือ เงินในซอง (อันนี้เป็นความจริงที่บ่าวสาวหลายคู่คงไม่อาจปฏิเสธได้…จริงไหมคะ!?) ซึ่งมารยาทเบื้องต้นในการคำนวณเงินที่จะใส่ในซองคือ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าบ่าวเจ้าสาว สถานที่จัดงาน จำนวนคนที่ไปด้วย และยุคสมัย อย่าคิดเองว่าแค่นี้ก็พอแล้ว เพราะนั่นจะทำให้บ่าวสาวจดจำคุณไปตลอดชีวิต!!

แต่เงินในซองจะมากหรือน้อย เราในฐานะบ่าวสาวก็ควรจะมองให้โลกสวยเข้าไว้ว่า แค่เขาให้เกียรติมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของเรา เท่านี้ก็พอแล้ว เนอะ ^^

ติดตามไอเดียดีๆ และเคล็ดลับเด็ดๆ ในการจัดงานแต่งงานอีกเพียบที่นี่ คลิกเลย!

ภาพ pinterest.com, unsplash.com

แจกสคริปต์! พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ 2 ภาษา

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พร้อมสคริปต์สุดเป๊ะแบบ 2 ภาษา

ใน พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ต้องพูดอะไรบ้าง ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังงงกรุณาอ่านด่วนๆ นะคะ เราจัดเตรียมบทพูดแบบเป๊ะๆ เอาไว้ให้แล้ว

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
• ผู้ใหญ่นำบ่าวสาวไปนั่งที่ตั่ง โดยเจ้าสาวนั่งทางซ้ายของเจ้าบ่าว
• ผู้ใหญ่สวมมาลัยมงคลและเจิมหน้าผากให้บ่าวสาว (กรณีที่พระสงฆ์ไม่ได้เจิมให้) โดยอาจเป็นผู้ใหญ่คนเดียวกันหรือคนละคนก็ได้
• ผู้ใหญ่สวมมงคลแฝดให้บ่าวสาว เพื่อความเป็นสิริมงคลและเชื่อมโยงทั้งคู่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
• ผู้ใหญ่และแขกรดน้ำอวยพรแก่บ่าวสาวตามลำดับความอาวุโส ทั้งนี้สังข์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนไทย เมื่อบวกกับน้ำมนต์จากพระสงฆ์ การรดน้ำสังข์จึงเปรียบเหมือนการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตคู่
• ผู้ใหญ่ถอดมงคลแฝดแล้วมอบแก่บ่าวสาว เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล
• บ่าวสาวลุกจากตั่งพร้อมกัน (เพราะเชื่อกันว่าหากใครลุกขึ้นก่อนจะมีอำนาจเหนือคู่ครอง)

The Holy Water Pouring Ceremony
              • The senior middlemen bring the groom and the bride to sit on a sofa. The bride sits to the left of the groom.
              • The seniors put the blessed garlands on the groom and the bride, and mark their foreheads (in case the monk has not done it). The person performing both jobs can be the same person or different.
              • The seniors put on the head garlands on the groom and the bride for good luck and to symbolically link them as one.
              • The seniors and guests from older to younger age pour the holy water from a conch shell to bless the groom and the bride. According to Thai belief, a conch shell is a sacred object and the holy water is blessed by the monks. As a result, the water pouring ceremony is to bless the couple’s prosperous marriage.
              • The seniors remove the head garlands for the groom and the bride to keep.
              • The groom and the bride stand up at the same time. (There is a belief that whoever stands up first will have power over the other.)

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย!

เตรียมให้ถูกปรุงให้หอม แป้งกระแจะแป้งเจิมในพิธีแต่งงานไทย

การเจิมหน้าผากถือว่าเป็นอีกพิธีที่สำคัญในงานแต่ง แต่ส่วนใหญ่บ่าวสาวอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า แป้งกระแจะ ที่นำมาเป็นแป้งเจิมหน้าผากนั้นทำมาจากอะไร มีวิธีเจิมอย่างไร และทำไมต้องเจิมหน้าผากของบ่าวสาวในวันแต่งงาน วันนี้ แพรว wedding จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคำถาม เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ดีๆ ให้กับบ่าวสาวมือใหม่ ไปดูกันเลยจ้า

กระแจะ คืออะไร ?

กระแจะ หรือ พญายา เป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมทุกส่วน ในอดีตได้นำทั้งเปลือก เนื้อไม้ ราก และน้ำฝน มาบดรวมกับเครื่องหอมนานาชนิดเช่น แป้งร่ำ(ดินสอพอง) กำยาน ลูกจันทร์ ชะมดเช็ด จนกลายเป็น “กระแจะจันทน์” เครื่องหอมทาผิวของสาวไทยในอดีต ช่วยในเรื่องของฝ้ากระ สิว ทำให้ผิวขาวแลดูกระจ่างใส และดูมีน้ำมีนวล ปัจจุบันได้นำกระแจะเจิมมาใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานแต่ง โดยเจิมที่หน้าผากของบ่าวสาว เป็นต้น

วิธีผสมแป้งกระแจะจันทร์ (แป้งเจิม)

สำหรับในการผสมแป้งเจิมสำหรับใช้ในการพิธีงานแต่งนั้นได้ดัดแปลงนำส่วนผสมที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดมาใช้คือ แป้งร่ำ (ดินสอพอง) น้ำอบไทย น้ำมันจันทน์หรือน้ำมันกะพ้อ และทองคำเปลว บางคนต้องการความเป็นศิริมงคลจึงนำแป้งกระแจะจันทร์ไปปลุกเสก โดยผสมน้ำเทียน หรือพระพุทธมนต์ลงไป เพียงเท่านี้ก็นำไปใช้เป็นแป้งเจิมบ่าวสาวได้เช่นกัน แต่ที่ง่ายกว่านั้นคือซื้อแบบสำเร็จรูปได้ตามท้องตลาดอย่าง ร้านสังฆภัณฑ์ หรือร้านยาโบราณ ไทย-จีน แล้วนำมาผสมกับน้ำมนต์หรือน้ำอบอีกที

Two_Nuch_highlight_035วิธีการเจิม

การเจิมเป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้นที่ดี และการก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน โดยความเชื่อแบบชาวพุทธ จุด 3 จุด เป็นเครื่องหมายแทนแก้ว 3 ประการ ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาว สังเกตได้ว่าจะมีการเชิญพระ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ มาเป็นผู้เจิมในพิธีแต่งงาน เพราะเป็นแบบอย่างของชีวิตคู่ที่ครองรักกันมานานเป็นคนเจิม หรือคล้องพวงมาลัยให้

บางคู่เริ่มต้นด้วยการให้พระเจิม ซึ่งจะเจิมให้ฝ่ายชายก่อน เพราะไม่สามารถแตะตัวฝ่ายหญิงได้ แต่จะจับมือฝ่ายชายไปแตะที่หน้าผากของฝ่ายหญิงแทน หรืออีกวิธีคือการใช้ปลายเทียนแตะที่แป้งแล้วเจิมให้เจ้าสาวก่อน แล้วพระจึงจับมือเจ้าบ่าวพร้อมกับเทียนแล้วแตะที่หน้าผากของเจ้าสาว บอกเลยว่าสามารถเลือกใช้ได้ทุกวิธี ขึ้นอยู่กับความถนัดและความเชื่อของแต่คนเลยจ้า

เป็นไงกันบ้างจ๊ะ กับข้อมูลดีๆ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ แต่อย่างไรแล้วการเจิมหน้าผากนั้น ไม่ใช่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตรักในอนาคตของบ่าวสาวก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนเสมอไป หากทั้งคู่ขาดความรักและเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : Jirayu The Wedding Planner
ภาพเปิดจากงานแต่งงานของคุณแอนและคุณเจมส์ โดย Box’s Wedding

นับถอยหลังตามฝันวันวิวาห์ กับการ 3 สเต็ปการวางแผนแต่งงาน

จัดระเบียบความคิด + ลำดับความสำคัญเพื่อ วางแผนแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ขึ้นชื่อว่า “ว่าที่เจ้าสาว” ใครๆ ก็อิจฉาว่าคงมีความสุขราวกับเจ้าหญิง และ วางแผนแต่งงาน อย่างมีความสุข แต่!! ในโลกแห่งความจริง (ที่คนโสดไม่เคยรู้) คือหลังจากโมเม้นต์หวานๆ ตอนคุณแฟนขอแต่งงานแล้ว มันคือการนับถอยหลังสู่วันวิวาห์ในฝันที่ต้องใช้ทักษะการจัดการขั้นเทพ!! แพรว wedding เลยจัดขั้นตอนการเตรียมการวางแผนจัดงานแต่งมาให้แบบสเต็ปบายสเต็ป

สเต็ป 1 : รีบทำเลยจ้า

วางแผนแต่งงาน

หาฤกษ์ เป็นสิ่งแรกที่ต้องรู้ ส่วนจะใช้ฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวกก็ตามความเชื่อของครอบครัวเลยจ้า

กำหนดงบประมาณ เรื่องนี้จำเป็นมาก เพราะคงไม่มีใครอยากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้ก้อนใหญ่หรอกจริงไหมคะ เมื่อกำหนดงบรวมของงานแล้วค่อยแบ่งว่าจะใช้จ่ายกับแต่ละส่วนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งงานนี้แพว wedding ไม่สามารถบอกบ่าวสาวได้นะคะว่าคุณควรจะใช้จ่ายงบกับอะไรบ้าง เพราะแต่ละคู่ให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ไม่เท่ากัน เช่น บางคู่อาจเน้นอาหารหรูก็ใช้จ่ายกับการจัดเลี้ยงเป็นหลัก หรือบางคู่เน้นการตกแต่งก็ทุ่มกับค่าสถานที่ ดอกไม้ และพร้อพส์ต่างๆ ซึ่งการตั้งงบในแต่ละส่วนนอกจากช่วยให้งบไม่บานปลายในภายหลังแล้ว ยังช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย…ก็ถ้ามันเกินงบมากก็ต้องตัดใจเนอะ ถึงแม้จะ #ร้องไห้หนักมาก ก็ตาม

กำหนดจำนวนแขกคร่าวๆ จะได้รู้สเกลงานและรู้ว่าต้องหาสถานที่ใหญ่-เล็กขนาดไหน

คิดธีมงาน สำหรับคู่ที่อยากมีธีมงานเป็นพิเศษอาจจะต้องเริ่มหาข้อมูลว่าอยากได้แนวไหน

ซึ่ง 4 ข้อนี้บ่าวสาวจำเป็นต้องทำและคิดให้ได้ก่อน เพราะเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการเตรียมงานในสเต็ปต่อไป ซึ่งก็คือการจองสถานที่จัดงานแต่งนั่นเอง

 

สเต็ป 2 : รีบไม่แพ้กัน

วางแผนแต่งงาน

จองสถานที่ อย่าลืมว่าใน 1 เดือนมีฤกษ์ดีแค่ไม่กี่วัน และยิ่งถ้าเป็นศุกร์หรือเสาร์ที่ฤกษ์ดีด้วยแล้ว ตัวเลือกก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่บ่าวสาวบางคู่ต้องจองสถานที่กันแบบข้ามปีเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อบ่าวสาวได้ฤกษ์มาแล้วจงรีบไปดูสถานที่ให้เร็วที่สุด ซึ่งสถานที่นั้นจะต้องเหมาะสมกับจำนวนแขกที่จะเชิญมางาน งบ และธีมงานด้วยนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือสถานที่นั้นจะต้องว่างในวันที่บ่าวสาวจัดงานด้วยนะจ๊ะ

จองตัวกูรู ไม่ว่าจะเป็น ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพพรีเวดดิ้ง ช่างภาพในวันแต่งงาน เพราะช่างดังๆ ทั้งหลายก็คิวแน่นไม่แพ้โรงแรมเลยนะจ๊ะขอบอก แถมมักจะคิวเต็มในวันฤกษ์ดีเช่นกัน

และหากบ่าวสาวคิดจะใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยแล้วล่ะก็ต้องรีบติดต่อตั้งแต่ช่วงหากูรูด้วยเช่นกัน ซึ่งบ่าวสาวจะต้องมีโจทย์ให้กับเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยว่า จะแต่งวันไหน สเกลงานใหญ่หรือไม่ และงบเท่าไหร่ จากนั้นก็เลือกใช้บริการเจ้าที่ชอบและถูกใจเพื่อขอคำแนะนำได้เลย หรือบางคู่อาจจะจองเวดดิ้งแพลนเนอร์ก่อนสถานที่ด้วยซ้ำ เพื่อให้เวดดิ้งแพลนเนอร์ช่วยแนะนำสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะสมให้

ถ้าคุณได้ฤกษ์สุดฮอตและสถานที่ที่เล็งไว้เต็มหมด บ่าวสาวมี 2 ทางเลือกคือ (1) จัดพิธีรดน้ำสังข์ที่บ้านตามวันฤกษ์ดี แล้วจัดพิธีฉลองตามฤกษ์สะดวก เพราะการรดน้ำสังข์ถือว่าบ่าวสาวได้แต่งงานกันถูกต้องตามประเพณีเรียบร้อยแล้ว หรือ (2) มองหาสถานที่นอกกระแส เช่น ศูนย์ประชุม สโมสร หรือร้านอาหารสวยๆ เพื่อจัดงานให้ตรงกับวันฤกษ์ดี”

 

สเต็ป 3 : จัดการตามสเต็ป

ส่งที่ต้องเผื่อเวลาเยอะหน่อย

หาชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว หากตัดใหม่หรือเช่าตัดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะหากบ่าวสาวใช้บริการร้านดังๆ ก็อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ไปอีก

หาแหวน กว่าจะได้เพชรน้ำดีที่เหมาะกับเงินในกระเป๋าไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องเผื่อเวลาในการเสาะหาและสั่งทำตัวเรือนกันไว้สักหน่อยก็ดี ส่วนการเผื่อเวลาจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความถูกใจส่วนตัวของบ่าวสาว เพราะบางคู่เข้าไปร้านแรกแล้วเจอเพชรน้ำงาม หรือแหวนที่ถูกใจเลยก็มี หรืองานนี้บ่าวสาวอาจจะเริ่มมองหาไปพร้อมๆ กับชุดแต่งงานเลยก็ได้นะคะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง และเตรียมทำพรีเซ้นต์เทชั่น (ถ้ามี) เพราะทั้งสองสิ่งนี้มีการทำงานหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาในการปรับแก้หรือปรับไฟล์ภาพดวย เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 3 เดือนก่อนถึงวันงานจะอุ่นใจมากกว่านะคะ

การ์ดเชิญ ต้องเผื่อเวลาสำหรับการสั่งพิมพ์และการจัดส่งด้วย ซึ่งรีบจัดการให้เสร็จภายใน 3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานก็ดีน้า

รายละเอียดการตกแต่ง ข้อนี้ต้องใช้เวลาในการปรับแต่ง และติดต่อทีมงาน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมการล่วงหน้า 2 เดือนขึ้นไปนะ

ทำสวยเสริมหล่อ สำหรับสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือผิวพรรณล้วนต้องใช้เวลาในการอัพเลเวลทั้งสิ้น ซึ่งการค่อยๆ ทำอย่างมีวินัยจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และยังเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการใช้ตัวช่วยอีกด้วย ที่สำคัญหากบ่าวสาวเกิดพลาดพลั้งเกิดอาการแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ยังพอที่จะแก้ไขและฟื้นฟูได้ทันการก่อนถึงวันแต่งงานอีกด้วย

สิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก

สั่งซื้อหรือเช่าข้าวของที่ต้องใช้ในพิธี เช่น ชุดขันหมาก มาลัย ของใช้ในพิธีปูเตียง ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

หาของชำร่วย เพราะส่วนใหญ่มีขายแบบกึ่งสำเร็จรูป คือทางร้านจะมีของอยู่แล้ว ซึ่งบ่าวสาวสามารถสั่งซื้อกับทางร้านได้เลย พร้อมให้ทางร้านบรรจุใส่แพ็คเกจจิ้งพร้อมติดโลโก้ชื่อของบ่าวสาว ซึ่งใช้เวลาไม่นานมาก หรือบ่าวสาวจะซื้อมาแล้วชวนเพื่อนๆ มาชวนแพ็คช่วยติดโลโก้กันเองก็ได้ แต่ถ้าหากบ่าวสาวอยากได้ของชำร่วยเอ็กซ์คลูซีฟแบบสั่งทำ งานนี้ก็ต้องเผื่อเวลากันหน่อยนะ โดยอาจจะสั่งทำพร้อมกับการการ์ดเชิญไปเลยก็ได้

ซึ่งบ่าวสาวจะต้องทำการคอนเฟิร์มทุกสิ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 5-7 วัน บ่าวสาวควรโทรคอนเฟิร์มรายละเอียดต่างๆ กับทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งของคุณอีกครั้ง รวมทั้งยืนยันวันรับของที่สั่งซื้อหรือเช่าไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งแต่ละคู่จะมีเวลาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นลองคำนวณดูจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานว่าคู่ของคุณเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ แล้วเอาสิ่งที่ต้องทำหยอดไปตามลำดับก่อน-หลัง อะไรที่เร่งด่วนให้ทำก่อน ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องเผื่อเวลามากหน่อย แล้วจึงต่อด้วยสิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก เท่านี้การเตรียมงานแต่งที่แสนยุ่งยากก็ไม่ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว วางแผนงานแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืม 8 เรื่องที่บ่าวสาวควรบอกแขกก่อนถึงวันแต่งงาน ด้วยนะ

ภาพ StockSnap.io

ไขข้อสงสัย จำเป็นหรือไม่กับการที่บ่าวสาวต้องไหว้เจ้าที่ในงานแต่ง?

คนไทยมีความเชื่อที่ว่าทุกที่ทุกทางนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักดูแลรักษาอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาจะทำกิจกรรมใดๆ บนพื้นนั้นๆ ก็มักจะมีการจุดธูปจุดเทียนเพื่อกราบ ไหว้เจ้าที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนั้นให้รับรู้เพื่อเป็นการบอกกล่าวและขอพรให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่เว้นแม้กระทั่งในพิธีแต่งงาน แต่หลายครั้งบ่าวสาวก็มักจะหลงลืมหรือละเลยเรื่องนี้กันไปเพราะความวุ่นวายจากการต้องเตรียมการหลายสิ่ง หรือบางคู่ไม่เลือกที่จะทำเพราะยุ่งยากเกินไปก็มี แต่รู้ไหมคะว่าความจริงแล้วการไหว้เจ้าที่เจ้าทางนั้นง่ายนิดเดียว

“ไหว้เจ้าที่” จำเป็นต้องไหว้ไหมและต้องไหว้ที่ไหนบ้าง ?

คงต้องถามกลับก่อนว่า คุณอยากได้ความสบายใจหรือเปล่า ทั้งคุณสองคนรวมถึงญาติผู้ใหญ่ทุกฝ่าย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วค่ะว่า นี่คือเรื่องของความเชื่อของคนไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งถ้าถามว่าจำเป็นไหม ก็ต้องแล้วแต่บ้าน เพียงแต่ทำแล้วดีแน่ๆ อย่างน้อยก็ดีต่อจิตใจ

ส่วนประเด็นที่ว่าจะไหว้ที่ไหนนั้น คำตอบง่ายๆ คือ ถ้าคุณจัดงานบ้านไหนก็ไหว้ที่บ้านนั้น โดยไหว้ในจุดบูชาของแต่ละบ้าน เช่น ห้องพระ ศาลเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ศาลบรรพบุรุษ ตี่จู๋เอี๊ยะ (ศาลเจ้าจีน) เป็นต้น โดยควรไหว้แต่เช้าตรู่ หรือก่อนที่จะดำเนินการเริ่มพิธีใดๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะเชิญพระมาเข้าพิธีเลยก็ว่าได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวและงาน แต่ถ้าจัดงานที่โรงแรมก็ให้จัดเครื่องไหว้ที่ศาลพระภูมิของโรงแรม แต่ไม่ว่าจะไหว้ที่ไหน ความหมายของการไหว้เจ้าที่คือ การบอกกล่าวท่านเจ้าที่เจ้าทาง ศาลพระภูมิ ผีบ้านผีเรือน ให้ทราบว่าวันนี้จะมีงานมงคลเกิดขึ้นที่บ้านหรือสถานที่แห่งนี้ คุณขออนุญาตและขอพรให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

นำอะไรมาไหว้บ้าง?

การไหว้เจ้าที่นั้นต้องมีการถวายอาหาร เครื่องเซ่น ซึ่งอาหารมงคลของไทยที่นำมาไหว้ส่วนใหญ่ที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวสวย หมู เป็ด หรือไก่ อาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว ขนมหวานจำพวกสีทองและขนมน้ำดอกไม้ ผลไม้สด น้ำเปล่า ธูปเทียนและพวงมาลัยอย่างดาวเรือง เป็นต้น แต่จะจัดเป็นชุดเล็กหรือชุดใหญ่ก็แล้วแต่คู่ หรือหากเป็นศาลพระภูมิที่โรงแรม อาจเลือกเพียงพวงมาลัยสวยๆ สักพวงถวายก็ได้ค่ะ

ส่วนอาหารมงคลที่นิยมนำมาไหว้ส่วนใหญ่ก็คือ หมู ไก่ เป็ด และปลา ผลไม้จำพวก ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น สับปะรด ขนมมงคลก็เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู เม็ดบัว ถั่วตัด เกาลัด และธูปเทียน

เริ่มไหว้ได้เลย

เมื่อเตรียมอาหาร และของไหว้เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการไหว้ ซึ่งต้องมีการจุดธูป เพราะเป็นการบูชาด้วยเครื่องหอม ส่วนการจุดเทียนเป็นการบูชาด้วยแสงสว่าง โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. จัดอาหารและของถวายๆ ใส่ถาดเป็นชุด และนำไปวางไว้ที่หน้าสิ่งศักดิ์ที่จะไหว้ เช่น หน้าศาลพระภูมิ 1 ชุด หน้ารูปบรรพบุรุษ 1 ชุด หน้าพระพุทธรูป 1 ชุด หรือหน้าเทพเจ้าที่เคารพนับถือ ถ้าไหว้ฟ้าดิน ก็นำโต๊ะมาตั้งแล้วางกลางแจ้ง แต่ถ้าบ้านไหนมี ตี่จู๋เอี๊ยะก็นำอาหารไปถวายด้วยอีก 1 ชุด
  2. จุดธูปเทียน พร้อมกล่าวคำบูชา ดังนี้

บทสวด : ตั้งนโม 3 จบแล้วกล่าวคำบูชาพระภูมิเจ้าที่ว่า

อิมัสมิง ทิสาภาเค, สันติเทวา มะหิทธิกา, เตปิ อัมเห อะนุรักขันตุ,อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ, สูปะพะยัญชะนะสัมปันนัง, โภชะนัง, ปะริภุญชันตุ, เทวา มะหิทธิกา, สัพพะโทสัง ขะมันตุ, สะทา โสตถี, ภะวันุตุ โน ฯ)

วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี นาย… และนางสาว………จะประกอบพิธีมงคลสมรส ในโอกาสนี้ ลูกหลาน-ทั้งสองได้จัดตกแต่งข้าวปลาอาหาร ฯ นำมาเซ่นไหว้ ขอเชิญผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และเทพาอารักษ์ผู้ทรงฤทธิ์ ซึ่งสถิตอารักขาภูมิภาคเขตนี้ ได้โปรดมาพร้อมกัน ณ สถานที่นี้ และรับเครื่องเซ่นกระยาบวชของลูกหลานทั้งสอง ขอผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และเทพาอารักษ์ทั้งหลาย โปรดแผ่บุญญาภินิหาร อภิบาลลูกหลาน ทั้งสองพร้อมทั้งญาติมิตรให้ปราศจากทุกข์โศกโรคภัยพาลและอุปสรรคนานัป ขอให้ชีวิตสมรสของลูกหลานทั้งสองมีความร่มเย็นเป็นสุข เป็นชีวิตคู่ที่มั่นคงมีความเจริญก้าวหน้า ขอให้มีบุตรธิดาที่มีบุญวาสนามาเกิด มีสติปัญญาเป็นลูกที่ว่านอนสอนง่าย เป็นอภิชาตบุตร และโปรดประทานพรให้ลูกหลานทั้งสองพร้อมทั้งญาติมิตร ประสบแต่สันติสุข และขอให้การประกอบกิจที่ตั้งจิตจำนงไว้ในครั้งนี้ จงสำเร็จสมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเทอญ

ลาตอนไหน?

เมื่อใดก็ตามที่เสร็จสิ้นงานพิธีมงคลเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องมีการลาเจ้าที่เจ้าทาง ถ้าบ่าวสาวไม่ว่างมาลาเอง ก็ให้ผู้ใหญ่ หรือเจ้าพิธีเป็นคนลาให้ แต่ในที่สุดแล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการลา โดยลาหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีแล้ว หรือจนกว่าธูปจะหมด พร้อมกล่าวคำว่า “เสสัง มังคะลัง ยาจามิ ฯ” ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย

ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเลยใช่ไหมล่ะคะกับการไหว้เจ้าที่เจ้าทาง แต่อย่างไรแล้วบ้านไหนจะมีพิธีการ หรือความเชื่ออย่างใดก็ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความสบายใจและความเป็นสิริมงคลของงานนะคะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jirayu The Wedding Planner
ภาพ : งานแต่งงานของคุณปลา-ยุพรัตน์ และคุณนุ้ก-คุณาพร ถ่ายโดย Smallroom Studio
www.pinterest.com

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

งานแต่งแบบไทย เต็มไปด้วยพิธีการและลำดับขั้นตอนที่เยอะแยะ จึงทำให้บ่าวสาวหลายคนพากันเวียนเฮดกันเป็นแถม เพราะกลัวว่าจะดำเนินการผิดขั้นตอน แต่เชื่อเถอะว่าหากบ่าวสาวเตรียมการไปดีรับรองว่าพิธีต่างๆ ใน งานแต่งแบบไทย ไม่ยากอย่างที่คิด แถมเรายังใจดีมีลำดับขั้นตอนพิธีงานแต่งไทยแบบเป๊ะๆ มาฝากด้วย

ในที่นี้สมมติว่าฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. ฤกษ์ส่งตัว 13.29 น. มีแขกราว 100-120 คน จึงเริ่มเคลื่อนขบวนขันหมากตั้งแต่ 8.00 น. ทั้งนี้ การกำหนดกรอบเวลาขึ้นอยู่กับฤกษ์ จำนวนแขก และการจัดการของแต่ละบ้านว่าสามารถดำเนินพิธีแต่ละช่วงไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วเพียงใด

18.00 น. – แห่ขันหมาก

ควรเรียกระดมพลก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อจัดขบวนว่าใครยืนอยู่ลำดับไหน ถือพานอะไร เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาวหรือจุดประกอบพิธี ความจริงเดี๋ยวนี้ก็ตั้งขบวนกันข้างรั้วบ้านหรือโรงแรมนั่นแหละ โห่ฮิ้วสัก 3 รอบก็ถึงแล้ว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* นัดกับคนในขบวนขันหมากล่วงหน้าว่าให้มาถึงงานกี่โมง แต่งกายอย่างไร และมีหน้าที่อะไร
* มีผู้รู้งานซึ่งถือผังขบวนขันหมากพร้อมรายชื่อคนถือพานเพื่อจัดลำดับขบวนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
* ฝ่ายเจ้าสาวเริ่มจัดแถวกั้นประตูเงินประตูทองในเวลาเดียวกัน

 

28.10 น. – เชิญขันหมาก  

เมื่อถึงหน้าบ้านจะมีการเชิญขันหมากโดยเด็กหญิงหน้าตาน่ารักในชุดไทยถือพานเชิญขันหมากรอรับพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวซึ่งจะเป็นผู้เจรจาต้อนรับขบวนขันหมาก ทำนองว่า “ขบวนคึกคักจังเลย จะไปไหนกันคะ” ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะตอบประมาณว่า “จะมาขอลูกสาวบ้านนี้ยินดีต้อนรับหรือไม่” ซึ่งคำตอบจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ยินดี …เชิญเข้ามาเลยค่ะ” จากนั้นเด็กเชิญขันหมากจะส่งพานเชิญขันหมากให้เถ้าแก่ฝ่ายชายซึ่งก็แค่หยิบหมากพลูไปถือพอเป็นพิธีแล้ววางคืนพร้อมให้ซองเงิน

8.15 น. ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง

จากนั้นขบวนขันหมากจึงเคลื่อนสู่บริเวณประกอบพิธี แต่เดี๋ยวก่อน! ระหว่างทางสั้นๆ นี่แหละที่กินเวลานาน เพราะกว่าขบวนจะผ่านประตูเงินประตูทองได้แต่ละด่านบางทีเจ้าบ่าวถึงกับเหงื่อตก ปัญหาที่เราเคยเห็นเยอะสุดคือถูกรีด เอ้ย เรียกหลายซองจนเจ้าบ่าวหมดตัว ต้องหยิบยืมกันให้วุ่น รองลงมาคือกิจกรรมวัดใจจำพวกวิดพื้น ตะโกนบอกรัก ร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งบางทีผู้ใหญ่ในขบวนก็ไม่ได้สนุกด้วยนัก …เอาเป็นว่าสนุกกันพอหอมปากหอมคอ อย่าเล่นจนเสียฤกษ์ และนึกถึงใจคนถือพานผลไม้มงคลหรือกล้วยอ้อยบ้าง (เมื่อยมาก)

งานฉลุยแน่ถ้า…
* เจ้าสาวตกลงกับเพื่อนๆ ไว้ก่อนว่าต้องปล่อยขบวนภายในเวลาเท่าไหร่จึงจะไม่เสียฤกษ์

 

48.45 น. – พิธีล้างเท้า (ถ้ามี)

บางบ้านอาจมีพิธีล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน โดยให้เจ้าบ่าวถอดรองเท้ายืนบนหินล้างเท้ารองใบตอง แล้วญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวตักน้ำล้างเท้าให้ ซึ่งสมัยนี้บางคนอาจแค่ปะพรมไปบนรองเท้าพอเป็นพิธีจะได้ไม่ต้องถอดรองเท้าเข้าๆ ออกๆ เสร็จแล้วจึงให้ซองเงินเป็นรางวัล

59.00 น. – เจรจาสู่ขอ + นับสินสอด  

เมื่อมาถึงบริเวณพิธี คุณแม่เจ้าสาวจะมารับขันหมากแล้วส่งต่อให้คนนำไปวาง โดยพานขันหมาก พานสินสอด พานแหวนหมั้น วางไว้ ณ จุดประกอบพิธี ส่วนพานอื่นๆ วางเรียงยังโต๊ะที่จัดไว้ด้านข้าง (ต้นกล้วยต้นอ้อยวางไว้หน้าประตูได้เลย) จากนั้นเชิญผู้ใหญ่นั่งประจำที่

หลังจากเจรจาสู่ขอกันเป็นที่เรียบร้อย จะเป็นการนับสินสอดซึ่งส่วนใหญ่ก็นับพอเป็นพิธีจึงใช้เวลาไม่นานนัก ปิดท้ายด้วยการโปรยถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ลงบนสินสอดเพื่อสื่อถึงความเจริญงอกงาม แล้วรวบห่อสินสอดให้แม่เจ้าสาวแบกขึ้นบ่าเดินตัวเอียง (สินสอดหนักมาก) เข้าไปเก็บ จากนั้นจึงส่งคนไปรับตัวเจ้าสาว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* มีคนคอยกำกับว่าพานไหนวางไว้ตรงไหน ผู้ใหญ่แต่ละท่านนั่งตรงไหน

 

69.29 น. – สวมแหวนหมั้น

ถ้าฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. ในเวลา 9.20 น. ควรจะไปรับตัวเจ้าสาวมาเข้าพิธีแล้ว จะได้มีเวลากราบผู้ใหญ่และจัดท่านั่งให้เรียบร้อย เมื่อถึงฤกษ์ก็ค่อยบรรจงสวมแหวนช้าๆ อย่างมั่นใจ อย่าลืมค้างท่านี้ไว้สัก 5 วินาที เอียงมือที่สวมแหวนเข้าหากล้องเล็กน้อยแล้วยิ้มเพื่อภาพงามๆ ที่คุณรอคอย

79.45 น. – พิธีสงฆ์

เป็นการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้พร ถวายภัตตาหารเพลและเครื่องไทยธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมทั้งยังได้เก็บน้ำมนต์ไปผสมน้ำสำหรับใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ด้วย ทั้งนี้ ในปัจจุบันหลายคู่นิยมทำบุญตักบาตรเช้าก่อนเริ่มแห่ขันหมากเพื่อความสะดวก

 

810.45 น. – พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ (รดน้ำสังข์)

เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์จะเป็นพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ โดยหลังจากคล้องมาลัยมงคล เจิม (กรณีที่พระสงฆ์ไม่ได้เจิมให้) และสวมมงคลแล้ว จะเป็นการรดน้ำอวยพรโดยผู้ที่มีอาวุโสกว่าบ่าวสาวซึ่งก็จะเรียงลำดับตามศักดิ์และอาวุโสลดหลั่นกันไป โดยระยะเวลาของพิธีนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกที่รดน้ำ

ตามมารยาทแล้ว หากจะให้ผู้ใหญ่ท่านใดทำหน้าที่คล้องมาลัยมงคล เจิม หรือสวมมงคล ควรแจ้งให้ท่านรู้ตัวล่วงหน้า โดยเฉพาะท่านที่สวมมงคลซึ่งต้องอยู่จนจบพิธีเพื่อเป็นผู้ถอดมงคลออกให้บ่าวสาว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* จดชื่อ-สกุล-ตำแหน่งของแขกผู้ใหญ่ พร้อมการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องให้พิธีกรกล่าวเชิญตามลำดับ
* มีคนเชิญแต่ละท่านตามลำดับที่พิธีกรขานชื่อ เพราะบางท่านอาจได้ยินไม่ชัดหรือลุกนั่งไม่สะดวก
* บ่าวสาวรู้ลำดับพิธี จะได้รู้คิวว่าต้องทำอะไรตอนไหน เช่น เมื่อถึงตั่งเจ้าสาวต้องนั่งทางซ้ายของเจ้าบ่าว

911.45 น. – พิธีไหว้ผู้ใหญ่

มักเชิญเฉพาะญาติสนิท โดยบ่าวสาวเตรียมของไหว้ผู้ใหญ่ที่ดูดีมีราคาและสมน้ำสมเนื้อกับของรับไหว้ที่มักจะเป็นเงินทองของมีค่า เช่น ผ้าขนหนูเนื้อดี ผ้าพับอย่างดี ปลอกหมอนผ้าไหม ฯลฯ ทั้งนี้ พิธีไหว้ผู้ใหญ่สามารถขยับไปไว้ในช่วงที่สะดวกได้

 

1012.30 น. – งานเลี้ยง

หลังจากเสร็จพิธีเจ้าภาพมักจัดงานเลี้ยงกลางวันให้แขกรับประทานอาหารร่วมกัน

1113.29 น. – พิธีปูเตียงเรียงหมอน (ส่งตัวเข้าหอ)

ควรเตรียมปูที่นอนด้วยเครื่องนอนชุดใหม่รวมทั้งวางพานส่งตัวไว้ให้พร้อมก่อนถึงฤกษ์ จากนั้นเชิญพ่อแม่บ่าวสาวและคู่สามีภรรยาอาวุโสที่อยู่กินกันอย่างมีความสุขและมีลูกหลานดีมาทำพิธีตามฤกษ์ โดยท่านทั้งสองจะได้รับเชิญให้นอนบนเตียง ทำทีหลับแล้วตื่นขึ้นมาพูดคุยในสิ่งที่เป็นมงคล เช่น “ฝันว่ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” “ที่นอนนี้นอนสบายจริงๆ ถ้าใครได้นอนคงมีแต่ความสุขความเจริญ” เป็นต้น แล้วจึงพรมน้ำมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ จากนั้นเป็นการให้ศีลให้พรพร้อมให้โอวาทในการครองเรือน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางตามสมัยนิยมเท่านั้น บางครอบครัวอาจมีความเชื่อหรือลำดับพิธีที่แตกต่างซึ่งไม่ผิดแต่อย่างใด ของแบบนี้ทำตามความสบายใจของทุกฝ่ายไว้เป็นดีที่สุด

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ภาพเปิด : งานแต่งคุณอ้อม & คุณโน๊ต ถ่ายโดย Pause by Pro Photography, Aitop Friday, Box Wedding

เช็คลิสต์ข้าวของและจำนวนทีมงานในงานแต่งไทย…เช็กให้ชัวร์ไม่มีตกหล่น

ประเพณีงานแต่งงานแบบไทย หรือที่หลายคู่เรียกสั้นๆ ว่า งานแต่งไทย มีขั้นตอนและรายละเอียดค่อนข้างมาก ทำเอาว่าที่หลายคู่ถึงกับหัวหมุน บางคู่มัวแต่จดจ่อกับลำดับพิธีจนพลาดรายละเอียดบางอย่างไป เราจึงรวบรวม “สิ่งที่บ่าวสาวมักลืมนึกถึง” มาให้คุณไว้รีเช็กตัวเอง

งานแต่งไทยพิธีสงฆ์

  • คนรับรองพระสงฆ์-นำสวดมนต์ ควรสอบถามเพื่อนหรือญาติว่ามีใครพอจะทำหน้าที่นี้ได้ไหม จะได้มีคนคอยนิมนต์-ส่งพระ ประเคนเครื่องดื่ม รวมทั้งนำบ่าวสาวจุดธูปเทียน สวดมนต์ และประเคนภัตตาหารหรือสังฆทานได้อย่างไม่ประดักประเดิด
  • ชุดทำน้ำมนต์ ได้แก่ ขันใบโต น้ำสะอาด เทียนขี้ผึ้งอย่างดี ซึ่งน้ำมนต์นี้จะนำไปผสมน้ำสะอาดเพื่อใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ต่อไป
  • ซองปัจจัย บ่าวสาวที่มีออแกไนซ์ดูแลงานมักจะลืมจุดนี้ เพราะวางใจว่ามีคนจัดการแทนหมดแล้ว แต่การดูแลนั้นไม่รวมซองปัจจัยสำหรับทำบุญนะจ๊ะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมเพราะการวิ่งหาธนบัตรตามจำนวนพร้อมซองถึง 9 ซองนั้นวุ่นวายพอดูเลยละ
  • ชุดไหว้เจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งเล็กๆ แต่สำคัญ จัดไว้เถอะเพื่อความสบายใจว่างานจะราบรื่น

งานแต่งไทยแห่ขันหมาก

  • ผู้ถือพานในขบวนขันหมาก บ่าวสาวมักไม่ค่อยนัดแนะไว้เพราะคิดว่าหาเอาหน้างานก็ได้ทุกคนยินดีช่วยอยู่แล้ว แต่ถ้าญาติหรือเพื่อนเกิดมาเลทกันล่ะ จะทำไง …แจ้งล่วงหน้าไว้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องลุ้น
  • ผู้เชิญขันหมากพร้อมโต๊ะตั้งขันหมาก คนในขบวนจะได้นำพานต่างๆ ไปวางไว้ได้ถูกจุด
  • เพื่อนเจ้าสาวในชุดไทย พร้อมสายกั้นประตูดอกไม้เพื่อภาพสวยๆ และเพื่อนเซตนี้แหละที่ควรจะเป็นผู้คอยเติมน้ำและส่งสังข์ให้ผู้ใหญ่ รวมทั้งมอบของชำร่วย เพื่อให้ภาพพิธีออกมาเป็นธีมไทยครบชุด
  • เผื่อซองเงิน (เจ้าบ่าวเตรียม) ใครจะรู้ว่าประตูเงินประตูทองจะงอกอีกกี่ด่าน และมีใครที่เราต้องให้รางวัลเพิ่มอีกบ้าง เช่น บางบ้านอาจมีค่าไถ่รองเท้าเจ้าบ่าว
  • ของชำร่วยสำหรับขบวนขันหมากและของไถ่กล้วยอ้อย (เจ้าสาวเตรียม) ถือเป็นน้ำใจสำหรับคนในขบวนขันหมากโดยมอบให้เมื่อนำพานมาวางแล้ว ส่วนคนถือกล้วยอ้อยมักจะได้ของพิเศษหน่อย เช่น เหล้า ซองเงิน (โดยมากจะขอเป็นเหล้า)

2เจรจาสู่ขอ-สวมแหวนหมั้น-รดน้ำ

  • ผ้าสำหรับรวบห่อสินสอด ได้หมดทั้งผ้าแพร ผ้าโปร่ง ขอให้เป็นสีมงคล (นิยมสีทอง) ที่สำคัญผืนใหญ่พอจะวางสินสอดทั้งหมดแล้วรวบผูกเป็นห่อให้แม่เจ้าสาวแบกขึ้นบ่าได้
  • ข้าวตอก ถั่ว งา และดอกไม้มงคลต่างๆ เช่น บานไม่รู้โรย ดาวเรือง สำหรับโรยพานสินสอด
  • มงคล มาลัยมงคล 1 คู่ แป้งเจิม สำหรับพิธีรดน้ำ (คนมักนึกถึงแต่ชุดตั่งและชุดรดน้ำ)

สิ่งของอื่นๆ

  • ผู้ดูแลสินสอด ของรับไหว้ และซองเงินช่วยงาน กรณีที่ไม่ได้จัดงานที่บ้านของตัวเองก็ต้องดูแลเงินทองของมีค่าเป็นพิเศษ อาจเตรียมกระเป๋าเดินทางใบย่อม (แต่ถ้าสินสอดเยอะก็เพิ่มขนาดได้นะจ๊ะ) มาใส่เงิน ล็อกอย่างดี แล้วมอบให้ญาติที่ไว้ใจได้ถือติดตัวไว้ตลอดจะได้สบายใจว่าไม่มีตกหล่น
  • แผ่นซีดีดนตรีไทย สำหรับเปิดคลอสร้างบรรยากาศ
  • ซองเปล่า แขกเกือบครึ่งจะมาถามหาซองเปล่าหน้างาน ควรเตรียมไว้ที่จุดลงทะเบียนพร้อมปากกา
  • ผ้าปูที่นอนชุดใหม่ สำหรับทำพิธีปูเตียงเรียงหมอน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับแขกสูงอายุ ส่วนใหญ่งานเช้าจะเน้นเชิญแขกผู้ใหญ่ซึ่งบางท่านก็ชราภาพมาก ควรจะเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ท่านด้วย เช่น หากจัดงานชั้นบนของเรือนไทย ควรจัดคนคอยประคองขึ้นบันไดหรือจัดที่นั่งด้านล่างไว้ (สำหรับท่านขึ้นบันไดไม่ไหวแล้ว) หากจัดงานที่บ้านและให้แขกนั่งร่วมพิธีสงฆ์บนพื้น ควรจัดเก้าอี้สำหรับผู้สูงอายุแอบไว้ด้านหนึ่ง หรือหากจัดงานเอ๊าท์ดอร์ ควรจัดที่นั่งในร่มใกล้พัดลมและเตรียมยาดมยาหม่องเผื่อไว้

หากเช็กข้าวของได้ครบไม่มีตกหล่นก็ไปจัด >> ขบวนขันหมาก << รอกันได้เลย

เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมนับถอยหลังสิ่งที่ต้องทำก่อนวันสำคัญจะมาถึง

มาทำ เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมไว้สำหรับวันสำคัญกันเถอะ

เช็กลิสต์สำหรับการวางแผนเตรียมงานแต่งที่จะช่วยให้ “คุณว่าที่” นับถอยหลังสู่วันวิวาห์ได้แบบชิลๆ ไม่ลน ไม่สับสน และไม่เครียดจนกลายเป็นไบรด์ซิลล่าไปซะก่อน อันดับแรกตั้งสติก่อนสตาร์ท แล้วมาดูว่าจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานเหลือเวลาแค่ไหน มีอะไรต้องทำบ้าง ถ้าเหลือเวลาอีก 12 เดือน ก็สามารถดำเนินการไปตาม เช็กลิสต์งานแต่ง นี้ได้เลย แต่ถ้าไม่ถึง ลองปรับให้สอดคล้องกับเวลาที่มีกันดูนะคะ

12 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– อันดับแรกควรหาฤกษ์ก่อนว่าจะแต่งวันเดือนปีไหน

– นึกภาพงานแต่งที่ต้องการเพื่อให้รู้คอนเซปต์กว้างๆ

– กำหนดงบประมาณรวม

– ลิสต์จำนวนแขกคร่าวๆ เพื่อให้รู้ว่าต้องจองสถานที่จัดงานสเกลไหน

– มองหาสถานที่จัดงานที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องฤกษ์ คอนเซปต์งาน จำนวนแขก และงบประมาณ

– เมื่อเจอสถานที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ควรจองเลย เพราะเดือนหนึ่งมีฤกษ์ดีที่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์อยู่แค่ไม่กี่วัน

– ถ้าจะใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ให้เริ่มมองหาเจ้าที่ถูกใจ

– เริ่มดูแลความงามที่ต้องใช้เวลา เช่น รักษาสิว ลดน้ำหนัก ไว้ผมยาว (ถ้าอยากเกล้าผม)

11 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้ายังไม่ได้จองสถานที่ก็ควรจองได้แล้ว อย่าลืมต่อรองราคา ของแถม และเงื่อนไขต่างๆ ก่อนวางมัดจำ

– สรุปรูปแบบงานที่ต้องการอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ธีมสี ธีมงาน การตกแต่ง ลักษณะการจัดเลี้ยง (บุฟเฟต์, โต๊ะจีน, ค็อกเทล, ซิตดาวน์ดินเนอร์)

– หาข้อมูลทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้ที่ตอบโจทย์ (รวมถึงบูเกต์, ดอกไม้ติดหน้าอก มาลัยมงคล ฯลฯ)

– จองคิวช่างภาพนิ่ง ช่างภาพวิดีโอ (ถ้าไม่มีไอเดียว่าควรจะเลือกอย่างไร ลองดูผลงานจากในเว็บไซต์แล้วเลือกที่ถูกใจสัก 3 เจ้า เพื่อนัดพูดคุยเรื่องสไตล์ แนวทางการทำงาน และราคาก่อนตัดสินใจ)

– มองหาแบบชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่ถูกใจ

– ลิสต์รายชื่อแขกอย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดผังที่นั่ง การสั่งอาหาร เครื่องดื่ม และการส่งการ์ดเชิญในภายหลัง

– จองคิวเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่ถูกใจได้เลย

เช็กลิสต์งานแต่ง

10 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดชิมอาหารกับทางโรงแรม / แคทเทอริ่ง เลือกเมนู คอนเฟิร์มปริมาณอาหารและเครื่องดื่ม

– นัดคุยรายละเอียดและจองทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้

– ตัดสินใจว่าจะใช้ดนตรีแนวไหน บรรเลงสดหรือเปิดแผ่น ร้องเดี่ยวหรือเป็นวง ฯลฯ และนัดคุยรายละเอียดกับนักดนตรี ก่อนวางเงินจอง (แนวเพลง รายชื่อเพลงช่วงพิธีสำคัญ ช่วงเวลาที่ต้องโชว์ เรตราคา อุปกรณ์ที่จำเป็น)

9 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– สรุปภาพรวมกับทีมงานฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น รวมทั้งขอดูแบบร่างการตกแต่งจากที่คุยรายละเอียดในครั้งก่อน

– ถ้าจะเช่าอะไรเพิ่มเติม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เต๊นท์ ควรติดต่อตั้งแต่ตอนนี้

– ตัดสินใจเรื่องชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาว ไม่ว่าจะแบบเช่าหรือแบบสั่งตัด

– ทาบทามทีมเพื่อนเจ้าบ่าวและทีมเพื่อนเจ้าสาว พร้อมคุยถึงคอนเซปต์ชุดว่าจะเช่าเป็นเซต หรือซื้อผ้าไปตัดกันเอง อีกอย่างจะได้ให้เพื่อนๆ มีเวลาไปเตรียมความพร้อมสวยหล่อกันด้วย

8 เดือนถ่อนถึงวันแต่งงาน

– มองหาเครื่องประดับและแอคเซสซอรี่ที่เข้ากับชุดเจ้าสาว เช่น เวล เครื่องประดับผม ถุงมือ รองเท้า ชุดชั้นใน หรือซิลิโคนเสริมอึ๋ม!!

– ช่วงนี้ยังไม่ยุ่ง จะวางแผนไปฮันนีมูนพลางๆ ก็ได้นะ

7 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ลองชุดเจ้าสาวครั้งที่ 1

– ดูแบบการตกแต่งงานที่แก้ไขมาแล้ว และสรุปรายละเอียดเป็นครั้งสุดท้าย

6 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้าจะใช้เค้กจริงให้เริ่มหาร้านเค้กที่ถูกใจ ชิมรสชาติ สรุปแบบ การขนส่ง วันรับของ และราคา

– หาแบบการ์ด ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– จองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม (ถ้ามองช่างคิวทองเอาไว้ อาจจะมองหาในช่วงการจองสถานที่ไปเลย ช้าหมดอดแต่งนะจ๊ะ)

– เริ่มกินวิตามินโดยเลือกให้ตรงกับส่วนที่ต้องการจะบำรุง

– หาครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว มาสก์หน้าให้บ่อยขึ้นประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์

– เริ่มทำทรีทเม้นต์ใบหน้าและผิวกายทุก 4-6 สัปดาห์ ถ้าอยากลองคอร์สใหม่ๆ ให้เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหากทำแล้วพลาดยังมีโอกาสฟื้นฟูผิวได้ทัน

5 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– จัดการเรื่องห้องพักหรือที่พักสำหรับแขกคนสำคัญที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ (แนะนำให้จองกับโรงแรมที่จัดงานไปเลยเพื่อความสะดวกของแขก)

– สรุปแบบพร้อมสั่งการ์ดเชิญ ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– หากอยากกำจัดขนถาวร ควรเริ่มทำตั้งแต่ช่วงนี้เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคือง

– เริ่มขัดผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำ 1 ครั้ง/สัปดาห์

4 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ติดต่อประธานในพิธี (เชิญปากเปล่า)

– สรุปลำดับพิธีการ ร่างสคริปต์และคำกล่าวขอบคุณแขก

– กรณีที่เจ้าบ่าวหาชุดเอง ให้เริ่มหาชุดและพร๊อพส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนคไท ถุงเท้า หรือรองเท้า ที่สำคัญเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวที่ต้องเป็นตัวใหม่นะจ๊ะ

– ทำทรีทเม้นต์ผม และลองเปลียนสีผมให้อ่อนลงเพื่อเพิ่มมิติให้ทรงผมในวันงาน

– หากผิวแพ้ง่าย ไปทำสปาหรือทรีทเม้นต์ที่ไหนก็ไม่รอด ให้รีบหาหมอเพื่อรักษาให้หาย แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำซึ่งไม่แพ้เพื่อความปลอดภัย และงดลองใช้ของใหม่ทุกชนิด

3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เริ่มถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และทำวิดีโอพรีเซ้นต์เทชั่น (หากอยาได้เรื่องราวและการถ่ายทำที่ซับซ้อนอาจต้องเผื่อเวลามากกว่านี้)

– ติดต่อพิธีกรในงาน

– สรุปแบบและสั่งทำกล่องใส่ซองและป้ายบอกเบอร์โต๊ะหรือแขกวีไอพี ถ้าทำทุกอย่างเองก็เริ่มลงมือทำเลย

– นัดรับการ์ดเชิญและของชำร่วย

2 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เขียนรายชื่อแขกหน้าซองและส่งหรือเริ่มแจกการ์ดเชิญ

– หากพื้นที่งานมีขนาดใหญ่ควรจัดเตรียมรถกอล์ฟหรือพาหนะต่างๆ สำหรับแขกเพื่อความสะดวก

– ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจต้องใช้ในงาน เช่น แชมเปญยี่ห้อที่ชอบเป็นพิเศษ เป็นต้น

– ลองแต่งหน้า-ทำผมเหมือนวันจริง (สำหรับคนที่มีงบเหลือ)

– ถ้าเจ้าสาวอยากดัดผมเพื่อปล่อยสยายในวันแต่งงานก็ถึงเวลาแล้ว

– ยังทันหากคุณจะเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบจริงจังและจัดเต็ม

1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดคุยลำดับพิธีการกับพิธีกรในงานและกับคนของโรงแรม พร้อมสรุปผังที่นั่ง

– แบ่งหน้าที่ให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยดูแลในวันงาน

– เช็กว่าแจกการ์ดเชิญให้แขกครบหรือยัง ถ้ามีตกหล่นรีบจัดการส่งในสัปดาห์นี้เลย

– คอนเฟิร์ม วัน เวลา และสถานที่กับช่างแต่งหน้า-ทำผม รวมถึงทีมตกแต่งอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครลืม

– คอนเฟิร์มลำดับงานและสิ่งที่ต้องการกับช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอ พร้อมแจ้งภาพที่ต้องการนอกเหนือไปจากภาพบ่าวสาว รวมถึงช็อตเด็ดห้ามพลาด

– คอนเฟิร์มเรื่องเวลาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มทั่วไป แชมเปญ หรือไวน์กับทางสถานที่เป็นครั้งสุดท้าย

– เดินทางไปเชิญประธานด้วยตัวเอง

– เข้มงวดกับตารางการกินผักและผลไม้ตลอด 1 เดือน จะเป็นการช่วยคงสภาพหุ่นสวยเพื่อให้ใส่ชุดแต่งงานได้พอดี

– เช็กของใช้สำหรับวันงานว่ามีครบหรือไม่ และจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

– ตัดผม เล็มผมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมเติมสีผมหรือทำผมสีเดิมให้ชัดขึ้น

– ลองชุดเป็นครั้งสุดท้าย และนัดรับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว

1 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน

– รับชุดแต่งงาน

– รับกล่องใส่ซองและป้ายตั้งโต๊ะ (ในกรณีที่สั่งทำ)

– กำจัดขนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเก็บรายละเอียดให้เรียบเนียนมากที่สุด

– เข้าสปานวดผ่อนคลาย สครับผิว ทำทรีทเม้นต์หน้าและตัวเพื่อความเปล่งปลั่งในวันงาน

– โทรศัพท์ไปย้ำเรื่องเวลากับประธาน รวมถึงสารพัดช่าง ทั้งช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพ ช่างวิดีโอ

– เตรียมของใช้กระจุกกระจิกที่อาจต้องใช้ในวันงานแบบกะทันหัน เช่น กระดาษทิชชู่ คอตตอนบัต เป็นต้น

1 วันก่อนถึงวันแต่งงาน

– ไปทำเล็บให้สวยด้วยสีที่ชอบหรือแบบที่ต้องการ

– เตรียมเสื้อผ้าที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้าเอาไว้ใส่ตอนแต่งหน้า-ทำผม

**แต่ในกรณีที่บ่าวสาวแต่งหน้าทำผมที่โรงแรมก็อาจจะสวมเป็นชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมก็ได้นะคะ

– เตรียมเงินค่าใช้จ่ายที่จะต้องเคลียร์หลังงานเลิก และมอบให้เพื่อนช่วยดูแล (กรณีที่ต้องชำระเป็นเงินสดเท่านั้น)

– ดื่มน้ำมากๆ หากมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายควรกินผัก ผลไม้ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มน้ำเยอะหลังจาก 2 ทุ่มเพื่อลดอาการบวมน้ำในตอนเช้า

– งดอาหารเค็ม หวาน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

– ว่าที่เจ้าบ่าวอย่าลืมโกนหนวดเคราให้เรียบร้อยเพื่อใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา ส่วนว่าที่เจ้าสาวหากจะสระผม ก็ให้สระโดยแชมพูอย่างเดียว ไม่ต้องลงครีมนวดนะจ๊ะ

– พยายามพักผ่อนให้ได้ 8-10 ชั่วโมง ตื่นมาจะได้สดใสตาไม่เป็นหมีแพนด้า

วันแต่งงาน

– ตื่นมากินอาหารเช้าให้เต็มที่ เลี่ยงอาหารที่กากใยหรือเสี่ยงต่อการท้องเสีย

– เผื่อเวลาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวก่อนงานเริ่มอย่างน้อยประมาณ 4 ชั่วโมง

– ซ้อมเหมือนจริงทุกอย่าง 1 รอบ เช่น การเดินเข้างาน ตำแหน่งที่ยืนบนเวที การตัดเค้ก การโยนช่อดอกไม้ (แต่ไม่ต้องเอาช่อที่จะใช่จริงมาซ้อมนะคะ) ซักซ้อมช่วงสำคัญให้เป๊ะก่อนที่จะออกไปถ่ายภาพกับแขก แต่..เซอร์ไพรซ์ที่เตรียมไว้ให้กันก็อาจจะต้องแอบซ้อมเนอะ อิอ

– สุดท้ายผ่อนคลายและปล่อยวางทุกอย่าง พร้อมส่งยิ้มให้คนข้างกาย และโปรยยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน

แต่ถ้าหากบ่าวสาวคนไหนที่มีระยะเวลาเตรียมงานไม่ถึง 12 เดือน ก็อาจจะนำเช็กลิสต์นี้ไปปรับให้เหมาะสมกับระยะเวลาการเตรียมงานของตัวเองกันดูนะคะ อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าต้องทำอะไร และห้ามลืมทำอะไรบ้าง และหมั่นทำเช็กลิสต์บ่อยๆ รับรองว่างานแต่งสุดเพอร์เฟกต์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

เตรียมงานกันแล้วก็ต้องมา >> เช็ก 10 เรื่องพลาดที่บ่าวสาวต้องระวังในช่วงเตรียมงานแต่งงาน << กันด้วยน้าาา

ภาพ : pexels.com, pinterest.com

ปล่อยของจัดเต็มไม่มีหวงกับ 10 เทคนิคจัดงานไทยยังไงให้เก๋และร่วมสมัย

บ่าวสาวคู่ไหนที่ได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะ จัดงานไทย ยังไงให้ดูเก๋ เพราะไม่อยากได้แบบไทยจ๋า แต่ก็ไม่อยากให้ดูเป็นฝรั่งจนขาดความงามอย่างไทยไป เลิกกังวลแล้วคลายปมที่คิ้วได้เลยค่ะ เพราะ แพรว wedding มี 10 เทคนิคจัดงานไทยให้เก๋ ครบทั้งความงามอย่างไทย และความมีสไตล์แบบตะวันตกมาฝาก

10 เทคนิคสำหรับว่าที่บ่าวสาวเตรียม จัดงานไทย แบบร่วมสมัยให้ดูเก๋

1. กำหนดธีมสี

นอกจากงานฉลองแล้ว เจ้าสาวเก๋ๆ ยังนิยมใส่ธีมสีให้งานไทยด้วย โดยสีที่เลือกก็มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้อิงกับสีใบตองหรือดอกไม้มงคลเท่านั้น เทคนิคอยู่ที่การเลือกโทนสีคลาสสิกและการจับคู่สีที่ลงตัว ซึ่งจะทำให้งานไทยดูหรูหราขึ้น เช่น ชมพูกลีบบัว – ครีม – ทอง, ขาว – ครีม – เขียวอ่อน

สำหรับบางคู่ที่มีความจำเป็นต้องใช้สีมงคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีสดตามความเชื่อครอบครัวก็ไม่ต้องกังวล เราสามารถปรับสัดส่วนของสีเพื่อความลงตัวได้ เช่น ถ้าต้องใช้สีทองกับชมพูก็ใช้สีใดสีหนึ่งเป็นหลัก แล้วใช้อีกสีเสริมหรืออาจใช้สีที่ 3 เข้ามาเบรกความจัดจ้าน เช่น ทอง – ชมพู – ขาว

2. ผสมฝรั่ง

การผสมผสานความเป็นสากลเข้าไปในบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดธีมงานและธีมสีให้กลมกลืนกัน การใช้ดอกไม้ฝรั่งและรูปแบบการจัดดอกไม้แบบตะวันตกมาผสมผสานกับดอกไม้ไทยและรูปแบบการจัดดอกไม้ไทย เช่น การ์แลนด์ดอกกล้วยไม้เลื้อยเลาะไปตามพานพุ่มแบบไทย หรือแม้แต่การจัดโต๊ะดินเนอร์เต็มคอร์สแบบตะวันตกจ๋าก็ยังมีหลายเทคนิคที่ช่วยเพิ่มกลิ่นอายความเป็นไทยเข้าไป

จัดงานไทย

3. แบ็กดร็อปบรรเจิด

หมดสมัยใช้ผ้าพลิ้วหรือฉากเขียนลายไทยแล้ว เจ้าสาวและแพลนเนอร์สมัยนี้มีไอเดียบรรเจิดกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฉากฉลุลายละเอียดยิบประดับดอกไม้ แบ็กดร็อปดอกไม้ฝรั่งที่จัดเป็นลายไทย การใช้มาลัยห้อยประดับตามขอบแบ็กดร็อป หรือแม้กระทั่งการใช้วัสดุที่สื่อถึงความเป็นไทยมาจัดแบบฝรั่ง เช่น แบ็กดร็อปใบบัวประดับดอกบัว แบ็กดร็อปใบบัวประดับการ์แลนด์ดอกกล้วยไม้ฝรั่ง เป็นต้น

จัดงานไทย

4. โลโก้อักษรไทย

ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้นจึงจะสวย ตัวหนังสือภาษาไทยถ้าออกแบบดีๆ จับคู่สีโดนๆ ก็สวยงามลงตัวได้เหมือนกัน ทางรอดคือเน้นความเรียบโก้เข้าไว้ ถ้าอยากเยอะ ให้มาตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังแทน เช่น ใช้มาลัยล้อมโลโก้หรือห้อยอุบะ เจ้าสาวบางคนเลือกใช้การปักโลโก้บนผ้าไหมแทนการสกรีนหรือแกะโฟมเพื่อโชว์ความประณีตตามแบบฉบับไทยแท้

5.เซ็นเตอร์พีซแบบไทย

เป็นอีกจุดเด่นสำคัญที่สร้างความสวยงามภายในงาน ปกติแล้วเซ็นเตอร์พีซจะปรากฏในงานฉลองช่วงค่ำ แต่เมื่อนำมาปรับใช้ในงานไทยก็อาจเสริมงานฝีมือไทยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เช่น ใช้ดอกพุดหรือดอกรักร้อยเป็นสายห้อยแทนคริสตัล ใช้ก้านมะพร้าวเสียบดอกพุดปักแทนดอกไม้ก้านยาว ใช้พานพุ่มทรงสูงวางแทนเซ็นเตอร์พีซ เป็นต้น

จัดงานไทย

6. ชุดขันหมากตามธีมงาน

ไหนๆ ทั้งงานก็สวยเป๊ะตามคอนเซ็ปต์แล้ว จะปล่อยให้ขบวนขันหมากซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของงาน “หลุด” ด้วยสีเขียวแก่ของใบตองได้อย่างไร เทรนด์ที่ฮิตมากในช่วงนี้คือการจัดขันหมากตามสีธีมงาน โดยใช้วัสดุทดแทนใบตองที่มีสีตามธีมมาทำพานแทน เช่น ธีมงานสีชมพูก็ใช้กลีบบัวชมพู หรือถ้าหาวัสดุตามสีธีมงานไม่ได้ก็อาจใช้วัสดุสีพื้น เช่น กลีบบัวสีขาวหรือกาบพลับพลึงสีครีมแทน แล้วค่อยใช้ดอกไม้สีตามธีมงานมาประดับ

ขอบอกว่า สมัยนี้มีวัสดุทดแทนให้คุณเลือกใช้ได้ไม่จำกัด หลายอย่างอาจเป็นสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง แต่ช่างดอกไม้ก็เนรมิตออกมาให้คุณได้ ของอย่างนี้อยู่ที่ความสร้างสรรค์และฝีมือล้วนๆ

จัดงานไทย

7. บูโทเนียร์สไตล์ไทย

สิ่งเล็กๆ อย่างบูโทเนียร์ที่ประยุกต์จากงานดอกไม้ไทยหรืองานเย็บแบบไทยในรูปแบบเดียวกับการตกแต่งดอกไม้ในงานก็แสดงถึงความประณีตและใส่ใจในรายละเอียดของเจ้าภาพได้ดี

8. เก็บรายละเอียด

เสน่ห์อย่างหนึ่งของงานไทยคือความประณีต ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแขวนที่ห้อยไว้ตามมุมหรือจุดที่ดูโล่งตา การจัดหามาลัยหรือดอกรักร้อยไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวใช้กั้นประตูเงิน – ประตูทองแทนที่จะใช้ของใกล้มืออย่างสร้อยแฟชั่นหรือเข็มขัดมาใช้ หรือการหาของชำร่วยเก็บรายละเอียด ที่สื่อถึงความเป็นไทย ฯลฯ ก็ล้วนช่วยเสริมให้งานดูสมบูรณ์ขึ้น

จัดงานไทย

9. งามอย่างไทย

งานไทยจะดูมีมนตร์เสน่ห์ขึ้นมากหากแขกในงานแต่งกายด้วยผ้าไทย เท่าที่เห็นนอกจากลุ่มเพื่อนเจ้าสาวที่มักแต่งกายย้อนยุคเป็นเซตเดียวกันตามที่จัดเตรียมไว้และแขกรุ่นใหญ่ที่ส่วนมากจะแต่งกายด้วยผ้าไทยอยู่แล้ว แขกเด็กๆ หลายคนก็มีส่วนร่วมสร้างความกิ๊บเก๋ให้งานได้ด้วยการประยุกต์เอลิเมนต์ไทยๆ เข้ามาในชุด เช่น ใส่เสื้อแขนกุดกับผ้าถุง ใส่เดรสน่ารักที่ตัดจากผ้าไทย ใส่เดรสผ้าฝ้ายแบบเรียบแล้วใส่เครื่องประดับเงินสไตล์ล้านนา เป็นต้น

แต่เรื่องแบบนี้เราคงไม่สามารถกะเกณฑ์แขกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทำได้เพียงระบุในเดรสโค้ด แต่ก็สามารถชักชวนและให้ไอเดียกลุ่มเพื่อนในการร่วมสนุกกับงานเราได้ โดยบางงานอาจมีรางวัลให้แขกที่แต่งกายด้วยผ้าไทยโดดเด่นเป็นสิ่งจูงใจ

10. รื่นเริงบันเทิงใจ

เป็นอีกสิ่งที่สื่อถึงความเป็นไทยได้ชัดเจนและโดดเด่นมาก คือแทนที่จะเปิดดนตรีไทยจากแผ่นซีดีตามปกติ ลองจ้างวงเครื่องสายมาบรรเลงเพลงไทยเดิมเบาๆ คลอไปกับงานก็จะช่วยสร้างบรรยากาศให้สมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้มีชมรมและโรงเรียนดนตรีไทยที่รับออกงานมากมาย แนะนำให้เตรียมเสื้อแบบไทยตามสีธีมไว้ให้น้องๆ ด้วยจะดีมาก (ส่วนมากก็มีชุดประจำวงกันอยู่แล้วแต่มักเป็นสีสดแสบทรวงหรือไม่ก็เสื้อลายดอกงานสงกรานต์ซึ่งอาจจะไปคนละทิศทางกับธีมงานของเรา) นอกจากนี้ บางงานอาจมีการแสดงที่สื่อถึงความเป็นไทย ก็ควรจัดช่วงเวลาให้เหมาะสม ไม่ควรใช้เวลานานหรือไม่ควรมีหลายชุดจนเกินไปเพราะจะรบกวนช่วงพิธีการ

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียที่เราได้เห็นและเก็บมาฝากให้บ่าวสาวได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานไทยของตัวเอง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำให้ครบทั้ง 10 ข้อนะคะ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม มากหรือน้อยก็ขอแค่ให้เหมาะกับงานและงบที่มี เท่านี้งานไทยก็เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแล้วจ้า

ว่าแล้วก็ตามไปส่องกันต่อกับ เสริมลุคงานแต่งไทยให้ดูหรูด้วยสายกั้นประตูเงินประตูทองสุดบรรเจิด

ภาพเปิด : งานแต่งคุณโอ๊ต & คุณฝ้าย ถ่ายโดย Julie Kim & OAT-CHAIYASITH’s team

แฟชั่นชุดแต่งงาน “โบ – เมลดา สุศรี” จาก Monique Wedding ว่าที่เจ้าสาวสายหวานที่อยากได้ความโมเดิร์นห้ามพลาด

เห็นหน้าหวานๆ แพรวเวดดิ้งเลยชวนนางเอกสาวลุคน่ารัก “โบ – เมลดา สุศรี” มาถ่าย แฟชั่นชุดแต่งงาน สวยๆ กับ Monique Wedding ซะหน่อย ซึ่งสำหรับคอลเล็กชั่นแฟชั่นชุดแต่งงานเซตนี้ก็เหมาะกับบุคลิกของสาวโบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งงานทรงทีเลนจ์ที่เหมาะสำหรับว่าที่เจ้าสาวสูงยาวเข่าดี และเหมาะสำหรับสวมใส่ในพิธีแต่งงานในช่วงเช้าหรืองานเลี้ยงฉลองในช่วงเย็นหากธีมงานเป็นแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการมากนัก

ส่วนว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการลุคหรูหราอลังการแบบเจ้าหญิงก็ต้องจัดไปกับชุดแต่งงานแบบเกาะอกชายกระโปรงลากยาว แต่ถ้าต้องการลุคที่ดูโมเดิร์นขึ้นอีกนิดก็ต้องเลือกเสริมความฟูฟ่องให้ช่วยกระโปรงด้วยการเสริมระบายผ้าชีฟอง และสำหรับเจ้าสาวที่เบื่อชุดแต่งงานสีขาวแบบเดิมๆ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เลือกเป็นชุดแต่งงานเฉดสีพาสเทลหวานๆ แล้วเสริมด้วยเวลเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานให้กับลุคเจ้าสาว

ซึ่งสำหรับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นนี้ได้ดีไซน์ออกมาเพื่อเอาใจว่าที่เจ้าสาวทุกสไตล์และทุกรูปร่าง และโดดเด่นด้วยผ้าลูกไม้สวยๆ ดีเทลการปักคริสตัลเพื่อให้ชุดดูหรูหรา รวมไปถึงคัตติ้งสุดเนี้ยบที่จะช่วยให้รูปร่างของว่าที่เจ้าสาวดูเพอร์เฟ็กต์ในวันแต่งงาน ซึ่งทางร้าน Monique Wedding มีทีมงานและทีมดีไซเนอร์มืออาชีพที่จะช่วยเนรมิตทุกความต้องการของว่าที่เจ้าสาวให้เป็นจริงได้ รับรองว่าเจ้าสาวจะสวยแบบ 360 องศาในวันแต่งงานแน่นอน

Monique Wedding 418/8-9 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง  เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

“เช้าไทย เย็นฝรั่ง” 12 ไอเดียจัดงานแต่งงานแบบไทยให้สวยเช้าจรดค่ำ

งานแต่งงานแบบไทย เสกให้สวยได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

สารพัดไอเดียเสก งานแต่งงานแบบไทย ให้สวยครบจบในคราวเดียว ทั้งงานแต่งไทยตอนเช้ายันงานฉลองช่วงเย็น ประหยัดงบ ไม่เหนื่อยแรง แถมเก๋อีกต่างหาก

Ball-2647

1. ธีมสีสวยคลาสสิค

หากคุณคิดจะตกแต่งครั้งเดียวสำหรับงานเช้าและงานฉลองในตอนเย็น สิ่งสำคัญที่ต้องคุมให้ได้คือ “ธีมสี” ควรจะเลือกใช้สีคลาสสิคหรือสีหวานกลางๆ ที่ไปกันได้ดีกับทั้งงานไทยและงานฝรั่ง แนะนำว่าควรมีสีขาวเป็นพระเอกแล้วแซมด้วยคู่สีอื่นๆ เพื่อดึงอารมณ์ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ เช่น อยากได้งานเรียบหรูอาจเลือกสีขาว-เขียว อยากได้งานหวานเลือกสีขาว-ชมพูอ่อน จะช่วยให้คุมภาพรวมของงานให้สวยกลมกลืนทั้งช่วงเช้าและเย็น ข้อดีแบบสุดๆ ของการคุมธีมสีคือ ถ้าคุณจัดในสไตล์เรียบๆ คลาสสิคๆ ต่อให้ใช้การตกแต่งแบบเดียวตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ยังดูไม่ขัดตานัก

2

2. ธีมงานแบบไทยประยุกต์

ข้อนี้เป็นไม้ตายง่ายๆ สำหรับคนที่ขี้เกียจคิดเยอะ เพราะสไตล์การตกแต่งเข้าได้กับทั้งงานเช้าและงานเย็น แต่อย่าลืมจัดการให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกับธีมงานด้วย เช่น ให้เพื่อนๆ แต่งกายย้อนยุค จะเป็นวนิดาหรือเทพบุตรจุฑาเทพก็ว่ากันไป แขกจะได้เห็นแล้วเข้าใจว่าบ่าวสาวจงใจจัดตามธีมนี้นะ

Ball-2463

3. แซมมาลัย

หากสีขาวคือพระเอก เราขอยกให้มาลัยเป็นนางเอก เพราะไม่ว่าจะเอานางไปร้อยรัด ห้อย หรือโอบไว้ตรงไหน ตรงนั้นจะดูเป็น “งานไทยประยุกต์” ขึ้นมาในบัดดล ขนาดเฟอร์นิเจอร์จีน เชิงเทียนฝรั่ง หรือโต๊ะลองเทเบิ้ล แค่เอามาลัยไปโอบหรือห้อยไว้ก็ดูละมุนละไมแบบไทยขึ้นมาทันตา

ข้อดีของวิธีนี้คือคุณสามารถจัดตกแต่งงานฉลองไว้ได้เต็มสตีม แล้วเอามาลัยไปเสริมในจุดต่างๆ เพื่อให้ดูมีอารมณ์ความเป็นไทยสำหรับประกอบพิธีในช่วงเช้า พอเสร็จแค่ถอดมาลัยออก สถานที่นั้นก็พร้อมสำหรับงานฉลองแล้ว

BALL-6242

4. องค์ประกอบแบบไทย

เช่นเดียวกับมาลัย งานฝีมือไทยอย่างอุบะ รักร้อย พุดร้อย พานพุ่ม ฯลฯ เป็นตัวเสริมทัพให้งานแบบฝรั่งดูมีกลิ่นอายไทยขึ้น พอถึงช่วงเย็นก็แค่ถอดออก หรือบางอย่างถ้าออกแบบดีๆ จะไม่ถอดก็ยังได้ เช่น ม่านรักร้อยสลับคริสตัล หรือพานพุ่มสีขาวล้วน (ตัวพานต้องเป็นเซรามิคสีขาวด้วยนะ ไม่ใช่พานทอง) ก็สามารถย้ายไปแซมตกแต่งในส่วนต่างๆ ได้

 

ScoopSummerScript006

5. ดอกไม้ไทยสไตล์ฝรั่ง

การใช้ดอกไม้ไทยมาจัดสไตล์ตะวันตกหรือจัดร่วมกับดอกไม้ฝรั่งถือเป็นการรวมร่างที่น่าสนใจ เพราะอยู่ในงานไทยก็เข้ากันด้วยชนิดของดอกไม้ อยู่งานฝรั่งก็เข้ากันด้วยสไตล์การจัด

s1-627

6. ประกอบร่าง

นี่คือไอเดียอัจฉริยะที่ เราได้พานพบมาจากงานของแพลนเนอร์เจ้าดังหลายๆ เจ้าและคิดว่าน่าจะเอามาประยุกต์กับการจัดงานแบบทูอินวันทั้งเช้าเย็น มีตั้งแต่แบ็กดร็อปหมุนได้ด้านหน้าเป็นดอกบัว-ด้านหลังเป็นภาพวาด ไปจนถึงการจัดดอกไม้สีขาวในสไตล์เรียบคลาสสิคแล้วทำฉากโปร่งแสงมาซ้อน ทำให้มองทะลุไปเห็นดอกไม้เป็นอีกสีหนึ่ง เพื่อให้เดคคอเรทเดียวแต่ได้ 2 ฟีล และใช้ได้ 2 พิธีการ (อุต๊ะ เค้าคิดกันได้ยังไงเนี่ย)

WB111111-3583

7. เปลี่ยนพร็อปส์

งานนี้ไม่ยากแค่จัดดอกไม้ในธีมเรียบหรูสีขาว แล้วค่อยเปลี่ยนพร็อปส์ตามธีมงาน ยกตัวอย่างเช่น ฉากหลังบนเวทีปักกล้วยไม้สีขาวล้วนเต็มพื้นที่ ตอนเช้าอาจประดับด้วยสแตนด์สีขาววางพานพุ่มกลีบบัวไล่ระดับ ถ้าเหลืองบอาจห้อยมาลัยสีชมพูเป็นท้องช้างด้านบนก็สวยเว่อร์วังแล้ว พอตกเย็นยกพานพุ่มออกเปลี่ยนเป็นกระถางทรงโรมันปักดอกไม้สีขาวหรือเขียว ด้านบนเปลี่ยนเป็นห้อยการ์แลนด์ดอกไม้สีขาวหรือเขียว อาจเติมระย้าคริสตัลอีกสักหน่อย แค่นี้ก็กลายเป็นงานฝรั่งสุดเลอค่า ไม่ต้องเสียเวลาเซตงานใหม่ แถมยังได้เปลี่ยนธีมสีอีกด้วย อลังการงานสร้างสุดๆ

ชุดเพื่อนเจ้าสาวทูอินวัน-

8. ชุดเพื่อนเจ้าสาวทูอินวัน

หากหมั้นเช้าแต่งเย็นและเพื่อนเจ้าสาวเป็นเซตเดียวกันอาจเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นแนววนิดาที่เข้ากับทั้งธีมไทยและฝรั่ง พวกนางจะได้ไม่ต้องวิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมให้วุ่น แต่ถ้าอยากวุ่นเพราะกลัวไม่สวยก็ปล่อยพวกนางไปเถอะ บางทีความสุขของสาวโสดที่ยังไร้คู่ก็อยู่ตรงนี้แหละ (สะเทือนใจ)

9. ชุดเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว 2 ธีม

สำหรับผู้ชายอะไรๆ ก็ดูจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไปซะหมด จัดไปกับสูทเต็มยศสีซอฟต์อย่างน้ำตาล เบจ เทา ฟ้า เลือกเอาสักสีที่เข้ากับชุดไทยของเจ้าสาว เพียงแค่นี้คุณเจ้าบ่าวก็หล่อได้ในชุดเดียวตั้งแต่เช้ายันเย็น (ชุดเจ้าสาวงานฉลองส่วนใหญ่เป็นสีขาว เข้าได้กับทุกสีอยู่แล้ว) ส่วนทีมเพื่อนเจ้าบ่าวเลือกสูทสีที่ไม่ซ้ำกับเจ้าบ่าว ตอนเช้าผูกหูกระต่ายหรือเนคไทที่ทำจากผ้าขาวม้าหรือผ้าไทยชนิดต่างๆ ตอนเย็นก็แค่เปลี่ยนเป็นหูกระต่ายหรือเนคไทปกติ สบายจนน่าอิจฉาจริงๆ

เจ้าสาวสวยเป๊ะตั้งแต่ต้นจนจบ

10. เจ้าสาวสวยเป๊ะตั้งแต่ต้นจนจบ

สำหรับเจ้าสาวที่รู้ตัวว่างานเช้ามีแขกเยอะ พิธีการแยะ และน่าจะลากยาวจนบ่ายแก่ ไม่มีเวลาแต่งหน้าทำผมใหม่ แนะนำให้บอกช่างทำผมไว้ตั้งแต่แรกว่าขอทรงที่สวยได้กับทั้งชุดไทยและสากล อาจเปลี่ยนแค่เครื่องประดับผมที่ติดและถอดง่าย ส่วนการแต่งหน้านั้น ปกติแล้วช่างจะแต่งให้สวยงามตามสไตล์เจ้าสาวอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนสีปากให้เข้มขึ้นในช่วงเย็น แต่อย่างไรก็ควรบอกช่างแต่แรก ช่างจะได้ดูให้ว่าต้องแต่งแน่นกว่าปกตินิดหนึ่งไหม หรืออาจฉีดสเปรย์บล็อกเมคอัพไว้แบบเต็มสตีม

การ์ด

11. การ์ด

บ่าวสาวหลายคู่เลือกพิมพ์การ์ดใบเดียวแต่ระบุรายละเอียดไว้ทั้ง 2 ช่วง ซึ่งก็ช่วยประหยัดงบไปได้ประมาณหนึ่ง ถ้าเลือกออปชั่นนี้แนะนำว่ารูปแบบการ์ดควรจะดูคลาสสิค ไม่โดดออกจากงานช่วงใดช่วงหนึ่ง และเรียบร้อยพอสำหรับเชิญผู้ใหญ่ในงานเช้า

งานแต่งงาน

12. ของชำร่วย

ถ้าขี้เกียจปวดหัวหาของชำร่วย 2 แบบ ลองมองหาของชำร่วยที่ดูเหมาะกับทั้งงานเช้าและเย็นอย่างสบู่หอม ผ้าขนหนูผืนน้อยน่ารัก ครีมทามือ โลชั่นขนาดพกพา ฯลฯ ที่แนะนำเป็นของใช้เพราะจะมีแขกบางกลุ่มที่ได้รับเชิญทั้งเช้าและเย็น หากได้ของที่มีประโยชน์คงไม่มีใครติดขัดหากได้ของเหมือนเดิม 2 เซต

จัดงานเช้าควบเย็นอย่างไรไม่เครียด

– เลือกออร์แกไนเซอร์ที่มั่นใจในผลงานและเชื่อมั่น เชื่อถือ เชื่อมือ เชื่อใจในคนที่เราเลือก
– บอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนในทุกเรื่อง อาจพาผู้ใหญ่มาด้วยเพื่อความสบายใจ และทำความเข้าใจกับท่านอย่างกระจ่าง
– ในวันงานควรเป็นตัวของตัวเองและมีความสุข อย่ากังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไม่มีความสุข เอาเวลาไปดูแลแขกให้ดีดีกว่า

อีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยให้งานแต่งแบบไทยสวยหรูดูดี >>> ตกแต่งงานแต่งไทยให้สวยด้วยเครื่องแขวนงานไทยสุดวิจิตร

สวรรค์บนดินอยู่ใกล้แค่ห้องหอ กับเทคนิคการจัดวางทุกอย่างในบ้านให้ลงตัว

เมื่อถึงเวลาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันการแชร์พื้นที่ของคู่ข้าวใหม่ปลามันจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องเยอะแบบคูณสอง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านหรือข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่ต้องใช้ร่วมกัน แต่จะซื้อขนาดไหน แล้วจะจัดวางแบบไหนให้เหมาะกับ ห้องหอ ดี แพรว wedding มีคำแนะนำมาช่วยแล้ว

เตียงนอนใหญ่ให้สองเรา

ห้องหอ

เตียงนอนที่เหมาะสำหรับสองคนชายหญิงนอนอิงพิงกันทุกค่ำคืนอยู่ที่ ขนาด 6 ฟุต หรือที่เรียกว่าเตียงขนาด King Size เป็นเตียงขนาดใหญ่ที่เพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมยามค่ำคืน!! ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเรื่องขนาดของเตียงแล้ว วัสดุที่นำมาทำเป็นเตียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคุณเน้นเรื่องความคงทน ใช้งานได้ยาวนาน แนะนำให้เลือกเป็นเตียงโครงเหล็ก แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าโครงเหล็กดูแข็งเกินไป อาจเลือกใช้เตียงไม้แปรรูปซึ่งมีความแข็งแรงทนทานรองลงมา และยังสามารถเลือกลายไม้ที่สวยงามได้ด้วย ส่วนคู่รักที่ข้าวของเยอะ อยากจะมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม อาจเลือกเป็นเตียงแบบที่มีลิ้นชักด้านล่างก็จะช่วยประหยัดพื้นที่วางตู้เก็บของ แถมยังใช้ประโยชน์จากเตียงมากกว่าการนอนได้อีกด้วย ส่วนฟูกที่เหมาะกับเตียงนอนของสองคน ควรมีความสูงอยู่ที่ 8-10 นิ้ว เพราะถือว่าเป็นความหนาที่พอดีสำหรับน้ำหนักและทำให้เวลาคุณนอนฟูกจะยุบตัวในความสูงที่พอดี

ตู้เสื้อผ้าคู่รักนักช้อป

ห้องหอ

ไม่ว่าจะใช้ตู้เสื้อผ้าคนเดียวหรือใช้ด้วยกันอย่างน้อยความลึกของตู้ควรอยู่ที่ 60 ซม. ส่วนความยาวของตู้ขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าของทั้งคู่เลยค่ะ ถ้าทั้งคู่เป็นหนุ่มสาวช่างช้อปที่มีเสื้อผ้ากองอยู่จนล้นห้องชนิดที่ว่าไม่รู้จะเอาไปยัดไว้ตรงไหนของตู้เสื้อผ้าแล้ว เราขอแนะนำ Walk-in Closet คือการจัดสรรพื้นที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการบิวท์อินตู้และชั้นเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาให้เป็นสัดเป็นส่วนโดยมีประตูขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเข้า-ออกได้เหมือนห้องๆ หนึ่ง ซึ่งการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องให้เป็นแบบนี้ก็ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะและไม่ต้องการให้ห้องหอดูรกหูรกตา และสามารถมีพื้นที่ให้คุณและคู่รักได้เริงร่ากับเสื้อผ้าในห้องนี้โดยเฉพาะ

โทรทัศน์ต้องแค่ไหน

โทรทัศน์ในบ้านมีประเด็นให้คิด 2 เรื่องคือ ความกว้างของจอ และระยะห่างที่คุณจะนั่งดู ซึ่งเรื่องของขนาดจอนั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณทั้งคู่เลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าขนาดหน้าจอต้องสัมพันธ์กันกับพื้นที่ในห้องด้วย ถ้าคุณซื้อหน้าจอกว้าง 52 นิ้ว แต่มีระยะห่างในการนั่งดูเพียง 2 เมตร สายตาของคุณต้องเสียแน่นอน ถ้าจะให้เหมาะสมสำหรับสองคนต้องประมาณ 42 นิ้ว และระยะความห่างในการดูทีวีควรอยู่ที่ 4-5 เมตร และที่สำคัญควรอยู่ในพื้นที่ทึบไม่ติดหน้าต่าง เพราะแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างสะท้อนกับโทรทัศน์ทำให้มองเห็นโทรทัศน์ได้ยากขึ้น

โซฟา หรือโต๊ะอเนกประสงค์ในห้องนอน

สองสิ่งนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้นะคะแล้วแต่ทั้งคู่จะสะดวกใจ แต่ถ้าอยากมีพื้นที่เล็กๆ ไว้ทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะดัดแปลงมาใช้ในกิจกรรมยามว่างของคุณและคู่รัก ก็อาจหาโต๊ะขนาด 1 เมตรสีสันสวยงามเข้ากับการตกแต่งของห้อง ประดับด้วยกรอบรูปน่ารักๆ ไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างเช่น ข้างหน้าต่างที่มีอากาศถ่ายเท แค่นี้คุณก็มีพื้นที่เอาไว้ทำงานหรือทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับคู่รักของคุณอย่างมีความสุขแล้วค่ะ

ห้องน้ำ กับอุปกรณ์พร้อมสรรพ

ส่วนห้องน้ำนั้น ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำในห้องนอนหรือนอกห้องนอน ก็ขอให้คิดถึงช่วงที่ต้องใช้งานในเวลาเร่งรีบ เช่น ออกไปทำงานพร้อมกัน อาจจะต้องแปรงฟันอาบน้ำพร้อมกันยามเช้า อ่างล้างหน้าจึงควรมีขนาดใหญ่สักหน่อย หรืออาจจะมี 2 อ่างเลยก็ได้ (แล้วแต่งบนะคะ) ส่วนบริเวณอาบน้ำอาจหาม่านกั้นเป็นห้องเล็กๆ เพื่อไม่ให้น้ำกระจายออกมาเลอะเทอะบริเวณด้านนอก ซึ่งทางที่ดีควรแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกนะคะจะได้สะดวกในการใช้งาน
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ นอกจากที่จะต้องอยู่ด้วยความสบายกายแล้วก็ต้องอยู่ด้วยความสบายใจด้วย เพราะฉะนั้น อย่าผลีผลามทำอะไรแค่ฝ่ายเดียว อย่าลืมปรึกษาคู่รักของคุณด้วยว่าชอบแบบไหน อยากเพิ่มอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ถ้าได้ของที่ต้องการกับความเข้าใจที่ตรงกัน รับรองว่าห้องหอหลังนี้จะกลายเป็นสวรรค์ชั้นห้าหกเจ็ดเลยทีเดียว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ภาพ : roselawnlutheran.org, langleyhighlands.com