เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมนับถอยหลังสิ่งที่ต้องทำก่อนวันสำคัญจะมาถึง

มาทำ เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมไว้สำหรับวันสำคัญกันเถอะ

เช็กลิสต์สำหรับการวางแผนเตรียมงานแต่งที่จะช่วยให้ “คุณว่าที่” นับถอยหลังสู่วันวิวาห์ได้แบบชิลๆ ไม่ลน ไม่สับสน และไม่เครียดจนกลายเป็นไบรด์ซิลล่าไปซะก่อน อันดับแรกตั้งสติก่อนสตาร์ท แล้วมาดูว่าจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานเหลือเวลาแค่ไหน มีอะไรต้องทำบ้าง ถ้าเหลือเวลาอีก 12 เดือน ก็สามารถดำเนินการไปตาม เช็กลิสต์งานแต่ง นี้ได้เลย แต่ถ้าไม่ถึง ลองปรับให้สอดคล้องกับเวลาที่มีกันดูนะคะ

12 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– อันดับแรกควรหาฤกษ์ก่อนว่าจะแต่งวันเดือนปีไหน

– นึกภาพงานแต่งที่ต้องการเพื่อให้รู้คอนเซปต์กว้างๆ

– กำหนดงบประมาณรวม

– ลิสต์จำนวนแขกคร่าวๆ เพื่อให้รู้ว่าต้องจองสถานที่จัดงานสเกลไหน

– มองหาสถานที่จัดงานที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องฤกษ์ คอนเซปต์งาน จำนวนแขก และงบประมาณ

– เมื่อเจอสถานที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ควรจองเลย เพราะเดือนหนึ่งมีฤกษ์ดีที่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์อยู่แค่ไม่กี่วัน

– ถ้าจะใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ให้เริ่มมองหาเจ้าที่ถูกใจ

– เริ่มดูแลความงามที่ต้องใช้เวลา เช่น รักษาสิว ลดน้ำหนัก ไว้ผมยาว (ถ้าอยากเกล้าผม)

11 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้ายังไม่ได้จองสถานที่ก็ควรจองได้แล้ว อย่าลืมต่อรองราคา ของแถม และเงื่อนไขต่างๆ ก่อนวางมัดจำ

– สรุปรูปแบบงานที่ต้องการอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ธีมสี ธีมงาน การตกแต่ง ลักษณะการจัดเลี้ยง (บุฟเฟต์, โต๊ะจีน, ค็อกเทล, ซิตดาวน์ดินเนอร์)

– หาข้อมูลทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้ที่ตอบโจทย์ (รวมถึงบูเกต์, ดอกไม้ติดหน้าอก มาลัยมงคล ฯลฯ)

– จองคิวช่างภาพนิ่ง ช่างภาพวิดีโอ (ถ้าไม่มีไอเดียว่าควรจะเลือกอย่างไร ลองดูผลงานจากในเว็บไซต์แล้วเลือกที่ถูกใจสัก 3 เจ้า เพื่อนัดพูดคุยเรื่องสไตล์ แนวทางการทำงาน และราคาก่อนตัดสินใจ)

– มองหาแบบชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่ถูกใจ

– ลิสต์รายชื่อแขกอย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดผังที่นั่ง การสั่งอาหาร เครื่องดื่ม และการส่งการ์ดเชิญในภายหลัง

– จองคิวเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่ถูกใจได้เลย

เช็กลิสต์งานแต่ง

10 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดชิมอาหารกับทางโรงแรม / แคทเทอริ่ง เลือกเมนู คอนเฟิร์มปริมาณอาหารและเครื่องดื่ม

– นัดคุยรายละเอียดและจองทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้

– ตัดสินใจว่าจะใช้ดนตรีแนวไหน บรรเลงสดหรือเปิดแผ่น ร้องเดี่ยวหรือเป็นวง ฯลฯ และนัดคุยรายละเอียดกับนักดนตรี ก่อนวางเงินจอง (แนวเพลง รายชื่อเพลงช่วงพิธีสำคัญ ช่วงเวลาที่ต้องโชว์ เรตราคา อุปกรณ์ที่จำเป็น)

9 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– สรุปภาพรวมกับทีมงานฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น รวมทั้งขอดูแบบร่างการตกแต่งจากที่คุยรายละเอียดในครั้งก่อน

– ถ้าจะเช่าอะไรเพิ่มเติม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เต๊นท์ ควรติดต่อตั้งแต่ตอนนี้

– ตัดสินใจเรื่องชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาว ไม่ว่าจะแบบเช่าหรือแบบสั่งตัด

– ทาบทามทีมเพื่อนเจ้าบ่าวและทีมเพื่อนเจ้าสาว พร้อมคุยถึงคอนเซปต์ชุดว่าจะเช่าเป็นเซต หรือซื้อผ้าไปตัดกันเอง อีกอย่างจะได้ให้เพื่อนๆ มีเวลาไปเตรียมความพร้อมสวยหล่อกันด้วย

8 เดือนถ่อนถึงวันแต่งงาน

– มองหาเครื่องประดับและแอคเซสซอรี่ที่เข้ากับชุดเจ้าสาว เช่น เวล เครื่องประดับผม ถุงมือ รองเท้า ชุดชั้นใน หรือซิลิโคนเสริมอึ๋ม!!

– ช่วงนี้ยังไม่ยุ่ง จะวางแผนไปฮันนีมูนพลางๆ ก็ได้นะ

7 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ลองชุดเจ้าสาวครั้งที่ 1

– ดูแบบการตกแต่งงานที่แก้ไขมาแล้ว และสรุปรายละเอียดเป็นครั้งสุดท้าย

6 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้าจะใช้เค้กจริงให้เริ่มหาร้านเค้กที่ถูกใจ ชิมรสชาติ สรุปแบบ การขนส่ง วันรับของ และราคา

– หาแบบการ์ด ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– จองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม (ถ้ามองช่างคิวทองเอาไว้ อาจจะมองหาในช่วงการจองสถานที่ไปเลย ช้าหมดอดแต่งนะจ๊ะ)

– เริ่มกินวิตามินโดยเลือกให้ตรงกับส่วนที่ต้องการจะบำรุง

– หาครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว มาสก์หน้าให้บ่อยขึ้นประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์

– เริ่มทำทรีทเม้นต์ใบหน้าและผิวกายทุก 4-6 สัปดาห์ ถ้าอยากลองคอร์สใหม่ๆ ให้เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหากทำแล้วพลาดยังมีโอกาสฟื้นฟูผิวได้ทัน

5 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– จัดการเรื่องห้องพักหรือที่พักสำหรับแขกคนสำคัญที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ (แนะนำให้จองกับโรงแรมที่จัดงานไปเลยเพื่อความสะดวกของแขก)

– สรุปแบบพร้อมสั่งการ์ดเชิญ ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– หากอยากกำจัดขนถาวร ควรเริ่มทำตั้งแต่ช่วงนี้เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคือง

– เริ่มขัดผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำ 1 ครั้ง/สัปดาห์

4 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ติดต่อประธานในพิธี (เชิญปากเปล่า)

– สรุปลำดับพิธีการ ร่างสคริปต์และคำกล่าวขอบคุณแขก

– กรณีที่เจ้าบ่าวหาชุดเอง ให้เริ่มหาชุดและพร๊อพส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนคไท ถุงเท้า หรือรองเท้า ที่สำคัญเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวที่ต้องเป็นตัวใหม่นะจ๊ะ

– ทำทรีทเม้นต์ผม และลองเปลียนสีผมให้อ่อนลงเพื่อเพิ่มมิติให้ทรงผมในวันงาน

– หากผิวแพ้ง่าย ไปทำสปาหรือทรีทเม้นต์ที่ไหนก็ไม่รอด ให้รีบหาหมอเพื่อรักษาให้หาย แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำซึ่งไม่แพ้เพื่อความปลอดภัย และงดลองใช้ของใหม่ทุกชนิด

3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เริ่มถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และทำวิดีโอพรีเซ้นต์เทชั่น (หากอยาได้เรื่องราวและการถ่ายทำที่ซับซ้อนอาจต้องเผื่อเวลามากกว่านี้)

– ติดต่อพิธีกรในงาน

– สรุปแบบและสั่งทำกล่องใส่ซองและป้ายบอกเบอร์โต๊ะหรือแขกวีไอพี ถ้าทำทุกอย่างเองก็เริ่มลงมือทำเลย

– นัดรับการ์ดเชิญและของชำร่วย

2 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เขียนรายชื่อแขกหน้าซองและส่งหรือเริ่มแจกการ์ดเชิญ

– หากพื้นที่งานมีขนาดใหญ่ควรจัดเตรียมรถกอล์ฟหรือพาหนะต่างๆ สำหรับแขกเพื่อความสะดวก

– ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจต้องใช้ในงาน เช่น แชมเปญยี่ห้อที่ชอบเป็นพิเศษ เป็นต้น

– ลองแต่งหน้า-ทำผมเหมือนวันจริง (สำหรับคนที่มีงบเหลือ)

– ถ้าเจ้าสาวอยากดัดผมเพื่อปล่อยสยายในวันแต่งงานก็ถึงเวลาแล้ว

– ยังทันหากคุณจะเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบจริงจังและจัดเต็ม

1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดคุยลำดับพิธีการกับพิธีกรในงานและกับคนของโรงแรม พร้อมสรุปผังที่นั่ง

– แบ่งหน้าที่ให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยดูแลในวันงาน

– เช็กว่าแจกการ์ดเชิญให้แขกครบหรือยัง ถ้ามีตกหล่นรีบจัดการส่งในสัปดาห์นี้เลย

– คอนเฟิร์ม วัน เวลา และสถานที่กับช่างแต่งหน้า-ทำผม รวมถึงทีมตกแต่งอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครลืม

– คอนเฟิร์มลำดับงานและสิ่งที่ต้องการกับช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอ พร้อมแจ้งภาพที่ต้องการนอกเหนือไปจากภาพบ่าวสาว รวมถึงช็อตเด็ดห้ามพลาด

– คอนเฟิร์มเรื่องเวลาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มทั่วไป แชมเปญ หรือไวน์กับทางสถานที่เป็นครั้งสุดท้าย

– เดินทางไปเชิญประธานด้วยตัวเอง

– เข้มงวดกับตารางการกินผักและผลไม้ตลอด 1 เดือน จะเป็นการช่วยคงสภาพหุ่นสวยเพื่อให้ใส่ชุดแต่งงานได้พอดี

– เช็กของใช้สำหรับวันงานว่ามีครบหรือไม่ และจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

– ตัดผม เล็มผมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมเติมสีผมหรือทำผมสีเดิมให้ชัดขึ้น

– ลองชุดเป็นครั้งสุดท้าย และนัดรับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว

1 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน

– รับชุดแต่งงาน

– รับกล่องใส่ซองและป้ายตั้งโต๊ะ (ในกรณีที่สั่งทำ)

– กำจัดขนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเก็บรายละเอียดให้เรียบเนียนมากที่สุด

– เข้าสปานวดผ่อนคลาย สครับผิว ทำทรีทเม้นต์หน้าและตัวเพื่อความเปล่งปลั่งในวันงาน

– โทรศัพท์ไปย้ำเรื่องเวลากับประธาน รวมถึงสารพัดช่าง ทั้งช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพ ช่างวิดีโอ

– เตรียมของใช้กระจุกกระจิกที่อาจต้องใช้ในวันงานแบบกะทันหัน เช่น กระดาษทิชชู่ คอตตอนบัต เป็นต้น

1 วันก่อนถึงวันแต่งงาน

– ไปทำเล็บให้สวยด้วยสีที่ชอบหรือแบบที่ต้องการ

– เตรียมเสื้อผ้าที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้าเอาไว้ใส่ตอนแต่งหน้า-ทำผม

**แต่ในกรณีที่บ่าวสาวแต่งหน้าทำผมที่โรงแรมก็อาจจะสวมเป็นชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมก็ได้นะคะ

– เตรียมเงินค่าใช้จ่ายที่จะต้องเคลียร์หลังงานเลิก และมอบให้เพื่อนช่วยดูแล (กรณีที่ต้องชำระเป็นเงินสดเท่านั้น)

– ดื่มน้ำมากๆ หากมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายควรกินผัก ผลไม้ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มน้ำเยอะหลังจาก 2 ทุ่มเพื่อลดอาการบวมน้ำในตอนเช้า

– งดอาหารเค็ม หวาน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

– ว่าที่เจ้าบ่าวอย่าลืมโกนหนวดเคราให้เรียบร้อยเพื่อใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา ส่วนว่าที่เจ้าสาวหากจะสระผม ก็ให้สระโดยแชมพูอย่างเดียว ไม่ต้องลงครีมนวดนะจ๊ะ

– พยายามพักผ่อนให้ได้ 8-10 ชั่วโมง ตื่นมาจะได้สดใสตาไม่เป็นหมีแพนด้า

วันแต่งงาน

– ตื่นมากินอาหารเช้าให้เต็มที่ เลี่ยงอาหารที่กากใยหรือเสี่ยงต่อการท้องเสีย

– เผื่อเวลาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวก่อนงานเริ่มอย่างน้อยประมาณ 4 ชั่วโมง

– ซ้อมเหมือนจริงทุกอย่าง 1 รอบ เช่น การเดินเข้างาน ตำแหน่งที่ยืนบนเวที การตัดเค้ก การโยนช่อดอกไม้ (แต่ไม่ต้องเอาช่อที่จะใช่จริงมาซ้อมนะคะ) ซักซ้อมช่วงสำคัญให้เป๊ะก่อนที่จะออกไปถ่ายภาพกับแขก แต่..เซอร์ไพรซ์ที่เตรียมไว้ให้กันก็อาจจะต้องแอบซ้อมเนอะ อิอ

– สุดท้ายผ่อนคลายและปล่อยวางทุกอย่าง พร้อมส่งยิ้มให้คนข้างกาย และโปรยยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน

แต่ถ้าหากบ่าวสาวคนไหนที่มีระยะเวลาเตรียมงานไม่ถึง 12 เดือน ก็อาจจะนำเช็กลิสต์นี้ไปปรับให้เหมาะสมกับระยะเวลาการเตรียมงานของตัวเองกันดูนะคะ อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าต้องทำอะไร และห้ามลืมทำอะไรบ้าง และหมั่นทำเช็กลิสต์บ่อยๆ รับรองว่างานแต่งสุดเพอร์เฟกต์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

เตรียมงานกันแล้วก็ต้องมา >> เช็ก 10 เรื่องพลาดที่บ่าวสาวต้องระวังในช่วงเตรียมงานแต่งงาน << กันด้วยน้าาา

ภาพ : pexels.com, pinterest.com

Recommended