เรื่อง : คุณนายชิล ณ WE
คุณนายเล่าถึงบรรยากาศในแหล่งท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของกรุงโฮจิมินห์แล้ว ก็อยากจะเล่าถึงที่พักและการกินอยู่บ้าง เนื่องจากมาเวียดนามครั้งนี้ WE และชาวคณะกินหรูอยู่ดีมากๆ เพราะเราได้พักที่ Hôtel des Arts Saigon โรงแรม 5 ดาวสุดหรูหราใจกลางเมืองเลยทีเดียว
ที่สุดของความหรูหราและมีดีไซน์
Hôtel des Arts Saigon เป็นโรงแรม 5 ดาวใจกลางกรุงโฮจิมินห์ที่สวยงามและมีดีไซน์ในทุกจุด ตั้งแต่ล็อบบี้โอ่โถงแฝงกลิ่นอายความเป็นโอเรียนทัลที่สื่อถึงความเป็นเวียดนามอย่างลงตัว ไปจนถึงห้องพักหรูหราสะดวกสบาย เรียกว่าดีไซน์ครบเครื่องสมมาตรฐานโรงแรมในเครือ M Gallery
ระหว่างที่คุณนายเช็คอินกับเจ้าหน้าที่คนสวยซึ่งคอยให้บริการเป็นอย่างดี ชาวคณะของเราได้ผ่อนคลายกับเวลคัมดริ้งค์เย็นชื่นใจบนโซฟานุ่มนิ่มสุดหรูบริเวณล็อบบี้ หลังจากนั้นจึงพากันขึ้นห้องพัก …แค่ก้าวเข้าไปก็ต้องว้าวกับผนังกระจกที่มองออกไปเห็นวิวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สลับตึกรามบ้านช่องสุดสายตา รวมทั้งการออกแบบภายในที่เรียบโก้ลงตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างครบครัน
คุณนายประทับใจวิวของที่นี่มาก ยืนมองแล้วรู้สึกสบายตา (คุณนายโชคดีได้พักห้องหัวมุมจึงได้มองวิว 2 ด้านพร้อมกันเลย) ส่วนภายในห้องชอบเตียงกับห้องน้ำสุด เตียงของเขานุ่ม หมอนนิ่ม ทำให้หลับสบาย มีพลังในการตะลุยเมืองในทุกเช้า ส่วนห้องน้ำชอบตรงเป็นหินอ่อนดูลักซ์ชัวรี่ เรนชาวเวอร์แรงได้ใจ สบู่กับแชมพูก็หอมและใช้ดีมาก อาบน้ำสระผมสบายใจเลย
สัมผัสไลฟ์สไตล์ลักซ์ชัวรี่ที่ Infinity Rooftop Pool & Rooftop Bar
อีกจุดไฮไลท์ของโรงแรมแห่งนี้คือ Infinity Rooftop Pool สระว่ายน้ำบนรูฟท็อปที่ผนังสระเป็นกระจก ให้คุณแหวกว่ายท่ามกลางแสงแดดยามเช้าหรือยามเย็นอย่างอิสระ มองออกไปเห็นวิวเมืองกว้างไกล (และแอบเสียวเบาๆ) เป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายรูปได้งามมาก จะใส่เดรสสวยๆ มาถ่ายริมสระหรือนุ่งบิกินี่ลงไปแช่แล้วแอ็คติ้งก็เก๋จัดไม่แพ้กัน บอกเลยว่าวิวตรงนี้ดูไฮคลาสและอินเตอร์สุด อัพขึ้นโซเชียลมีเดียแล้วยอดไลค์กระฉูดแน่ และถึงแม้จะไม่ได้มาว่ายน้ำหรือถ่ายภาพโชว์เพื่อนๆ อย่างน้อยก็ควรขึ้นมาชมพระอาทิตย์ตกตรงจุดนี้ หรือจะชวนกันมานั่งจิบเครื่องดื่มชมวิวเมืองที่ฉาบด้วยแสงสีส้มอ่อนๆ กันที่ Rooftop Bar ข้างๆ สระน้ำก็เริดเพราะบรรยากาศดีและโรแมนติกสุดๆ
ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมตัวของหนุ่มสาวมีสไตล์ในวงสังคมของโฮจิมินห์อีกด้วย ตอนนั่งรถชมเมืองคุณนายเห็นร้านเสื้อผ้าสวยๆ ชิคๆ เยอะ ก็ยังคิดอยู่ว่าจะพบเห็นสาวๆ ที่แต่งตัวเก๋ขนาดนี้ได้ที่ไหน มาถึงบางอ้อก็ตอนเดินขึ้นไปที่ Rooftop Bar ในช่วงกลางคืน …พวกเธอมารวมตัวกันที่นี่เอง สรุปว่าจุดนี้ Don’t Miss ด้วยประการทั้งปวง!
มื้อพิเศษสำหรับคนพิเศษ
นอกจากความสวยงามของโรงแรมแล้ว อีกอย่างที่คุณนายประทับใจมากคืออาหารเช้า แม้จะดูเป็นเรื่องเบสิกแต่อยากบอกว่ามันคือขุมพลังของผู้ที่มาพัก เพราะไม่ว่าแขกจะมาฮันนีมูน มาท่องเที่ยว หรือติดต่อธุรกิจ ทุกคนก็ต้องอิ่มท้องก่อนออกไปลุย อาหารเช้าของโรงแรมเสิร์ฟที่ Saigon Kitchen บนชั้น 2 มีอาหารหลากหลายทั้งแนวเวียดนามยุคใหม่และยุโรป จัดแต่งอย่างสวยงาม บางเมนูที่ต้องปรุงร้อนก็มีสเตชั่นคอยทำให้ใหม่ๆ แม้จะเป็นบุฟเฟ่ต์แต่อาหารทุกอย่างดูประณีต ตั้งใจทำ และอร่อย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่เด็ดมาก เพราะเขามีสเตชั่นทำน้ำผลไม้คั้นสดและสมูทธีโดยเฉพาะ แนะนำสมูทธีมะม่วงอร่อยละมุนลิ้นและน้ำมะพร้าวอ่อนที่เปิดกะลาเสิร์ฟสดๆ มะพร้าวเวียดนามลูกเล็กแต่หอมหวานทุกลูกเลย เด็ดจริงอะไรจริง
สำหรับใครที่อยากหาห้องอาหารดีๆ สำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษ ไม่ต้องไปไหนไกล มาที่ Social Club บนชั้น 23 เลย หรูจัดเต็มด้วยฝีมือการออกแบบของบริษัทอินทีเรียชื่อดัง มองออกไปเห็นวิวเมืองตื่นตาตื่นใจ เสิร์ฟอาหารยุโรปสมัยใหม่ปรุงด้วยวัตถุดิบคุณภาพตามฤดูกาล
นอกจากความดีงามทั้งปวงที่กล่าวมานี้ ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรมซึ่งอยู่กลางเมืองทำให้ที่นี่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สามารถเดินทางไปชมสถานที่เที่ยวและย่านท่องราตรีได้สะดวก โดยเฉพาะ Notre Dame Cathedral และ Main Post Office ที่เดินไปได้เลย ทางเดินก็ร่มรื่น ดูบ้านเมืองเพลินๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ส่วนพิพิธภัณฑ์ก็นั่งรถแค่อึดใจเดียวเอง ดีงามมากๆ





ผลิตภัณฑ์ตัวแรกของเซ็ตนี้คือ
ผลิตภัณฑ์ต่อมาคือ
สุดท้ายคือ




































สำหรับภารกิจเล็บสวยของเรา เริ่มการจากการตะไบเล็บให้ได้รูป หลังจากนั้นทาสีเจลใส และตามด้วยเทคนิคฟองน้ำสำหรับทำลายกลิตเตอร์ปิ้งแว้บ ประดับแอคเซสซอรี่ส์เพื่อเพิ่มความหวานอย่างดอกไม้และเม็ดมุกขนาดจิ๋วที่ปลายเล็บ ตามด้วยการทาเคลือบด้วยยาทาเล็บเจลแบบใสอีกชั้น เผลอแป้ปเดียวก็ได้เล็บฟรุ้งฟริ้งไว้อวดแฟนแล้ว ที่สำคัญทางร้านเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างดีเพื่อให้เล็บของสาวๆ สวยอยู่ทนนานถึง 3 สัปดาห์อีกด้วย โดยไม่กระทบการใช้ชีวิตชิคๆ ตามประสาหญิงสาวอย่างเรา ไม่ว่าจะพิมพ์ไลน์ เคาะแป้นคีย์บอร์ด ซักผ้าหรือหรือเข้าครัวก็ทำได้สบายมาก ไม่ต้องมานั่งประคบประหงมดูแลเล็บที่ทำมา เพราะทางร้านใช้สีเจลที่มีความแข็งแรง ทนต่อรอยขีดข่วนต่างๆ แหม…ดีงามจริงๆ
สำหรับไฮไลท์ของทางร้านอย่างเครื่องปริ้นท์ลายเล็บสุดไฮเทค ที่เหมาะสาวๆ สายหวานนั้น สามารถเลือกจิ้มลวดลายกันจนตาแฉะกว่าหลายร้อยแบบ คุณภาพคมชัดและสมจริงกว่าการเพ้นท์ด้วยมือ ซึ่งใช้เวลาเพียง 40 วินาทีต่อเล็บเท่านั้น น่ารักแถมยังประหยัดเวลาในการทำ ที่สำคัญคือราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินสุดๆ แอบกระซิบว่าถ้าทาเล็บเจลสีพื้นเรียบๆ เริ่มต้นเพียง 200 บาทเท่านั้นเองนะยูววววว 










































2. “แดงแรงฤทธิ์ เว่อร์วังแบบกุ๊บกิ๊บ” ชุดยกน้ำชาสีแดง จาก Amita Bridal


ชุดแต่งงานตามประเพณีของสาวชาวเมียนมาร์มีความงดงามตามแบบฉบับเจ้านายฝ่ายหญิงในราชสำนัก เจ้าสาวจะสวมเสื้อชิ้นในหรือเกาะอกเรียกว่า “ไถ่มะเตงอีงจี่” และมีเสื้อทับบางๆ สวมทับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนผ้าซิ่นจะเป็นซิ่นไหมเรียกว่า “โจจีเจ้ะ” ซึ่งทั้งชุดจะมีลวดลายและสีเดียวกัน สีที่นิยมมากที่สุดได้แก่ สีชมพูอ่อนและสีเหลืองอ่อน ความพิเศษของชุดนี้อยู่ตรงที่ผ้าคลุมไหล่ลูกไม้ที่เรียกว่า “ปะหว่า” ซึ่งจะใช้คลุมจากไหล่ปล่อยชายยาวไปถึงปลายเท้า
ชุดเจ้าสาวตามประเพณีของประเทศลาว หญิงสาวจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อแขนกระบอกและห่มสไบทับอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งผ้าซิ่นและสไบนั้นจะทอมาจากผ้าไหมปักดิ้นสีทองอย่างดีทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จุดเด่นของเจ้าสาวชาวลาวจะอยู่ที่ทรงผมค่ะ ทรงผมจะเกล้าเป็นมวยยกสูงประดับด้วยสร้อยแบบโบราณ
“บาจูกรุง”
ประเทศเวียดนามนั้นมีวัฒนธรรมคล้ายคลึงกับประเทศจีนค่ะ ชุดแต่งงานของสาวชาวเวียดนามจึงมีลักษณะคล้ายกับกี่เพ้าของประเทศจีน ชุดแต่งงานของเวียดนามเรียกว่า “ชุดอ่าวหญ่าย” ทำจากผ้าไหมอย่างดีและมีสีสันสวยงาม สีที่นิยมคือสีแดง เพราะเป็นสีแห่งความรัก ความรุ่งเรืองและโชคดี เพิ่มความมีเสน่ห์และน่าค้นหายิ่งขึ้นโดยการใส่หมวกผ้าแบบโบราณ ตามแบบฉบับของเจ้าสาวเวียดนามเลยค่ะ
เจ้าสาวชาวมาเลเซียที่มีเชื่อสายมลายูจะสวมชุดแต่งงานที่เรียกว่า “บาจู มลายู” ส่วนฝ่ายชายจะเรียกว่า “บาจู กุรุง” ชุดแต่งงานของมาเลเซียจะคล้ายกับของบรูไนค่ะ แต่ต่างกันในเรื่องของสีสันและเนื้อผ้า ทางมาเลเซียจะมีความเรียบง่ายและสีสันไม่ฉูดฉาดมากเท่ากับชุดเจ้าสาวชาวบรูไน
ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ พิธีแต่งงานจึงจัดในโบสถ์ค่ะ เจ้าสาวนิยมใส่ชุดแต่งงานตามแบบคนตะวันตก ส่วนของผู้ชายจะนุ่งกางเกงและสวมเสื้อที่มีลักษณะคอตั้ง แขนยาวปักลาย ตัดเย็บมาจากใยสับปะรด เสื้อแบบนี้เรียกว่า “บารอง ตากาล็อก”
ประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลายอย่างประเทศสิงคโปร์นั้น มีการผสมผสานของคนหลายเชื้อชาติแต่ส่วนใหญ่นั้นจะมีเชื้อสายจีนและมาเลเซียมากที่สุด ชุดเจ้าสาวในขณะที่ทำพิธีแบบดั้งเดิม เช่น พิธียกน้ำชา จึงมีทั้งแบบที่เป็นชุดกี่เพ้าและชุดบาจู มลายู แบบทางมาเลเซีย ส่วนงานเลี้ยงตอนเย็นอาจปรับเป็นชุดแบบตะวันตกก็ได้ค่ะ
เดินทางมาถึงประเทศสุดท้ายแล้วนั่นคือประเทศไทยนั่นเอง กว่าสาวๆจะเลือกชุดแต่งงานได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเลยทีเดียวค่ะ เพราะชุดเจ้าสาวตามประเพณีไทยนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกกันตาลาย ทั้งชุดไทยจักรพรรดิ ประกอบด้วยผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทอง ห่มด้วยสไบ ตกแต่งด้วยเครื่องประดับอย่างสวยงามหรือจะเป็นชุดไทยจักรี เสื้อตัวในไม่มีแขน ไม่มีคอ ห่มด้วยสไบนุ่งทับด้วยผ้าซิ่นยกไหมสีทอง อีกหนึ่งชุดไทยที่ใส่ตอนพระราชทางน้ำสังข์หรือตอนรดน้ำสังข์คือชุดไทยบรมพิมาน เสื้อเข้ารูปแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่นไหมยกดิ้นทองตัดแบบหน้านางมีชายพก ทั้งสามชุดที่กล่าวมาได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันค่ะ


















เราเชื่อว่าช่วงปีที่ผ่านมา ไม่มีรองเท้าคู่ไหนที่จะถูกกล่าวถึงมากที่สุดอย่างรองเท้าแก้วจากซุปเปอร์แบรนด์สัญชาติอิตาลี Dolce & Gabbana ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1985 โดย Domenico Dolce กับ Stefano Gabbana จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ การออกแบบที่ไม่ยึดติดตามเทรนด์ เน้นสีสันสดใสและลวดลายดอกไม้ มีการใช้วิธีปักแบบยุโรปโบราณที่มีความประณีตมาก เลดี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆ ค่อนโลกถึงกรีดร้องอยากจะครอบครองกันซะเหลือเกิน เจ้าสาวคนไหนที่รักสนุกชอบความ Colorful ลองเลือกไว้ใส่ในช่วง After Party ก็ดีนะ










