เปลี่ยนหุ่นพังเจ้าสาวให้ปังด้วย 5 วิธีลดน้ำหนักก่อนวันแต่งงาน

ลดน้ำหนัก เท่าไหร่ก็เหมือนจะไม่เห็นผลสักที ถ้าอย่างนั้นลองมาดูวิธีที่แพรว wedding นำมาฝากกันนะคะ

หนึ่งในปัญหาระดับชาติของเจ้าสาวทุกคนก็คือเรื่องรูปร่าง ยิ่งต้องเตรียมงานแต่งไปด้วย ทำงานไปด้วย ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน รู้ตัวอีกทีหุ่นที่คิดว่าจะปังดันใกล้จะพังเพราะตามใจปาก แต่ช้าก่อนกับความคิดที่ว่า ฉันต้องออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง และอดอาหารจนเป็นลม เราขอให้คุณเลิก! แล้วหันมาเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันแบบง่ายๆ ด้วย 5 วิธี ลดน้ำหนัก ที่ได้สุขภาพดีเป็นของกำนัล แถมหุ่นยังปังไม่พังในวันวิวาห์อีกด้วย


1. เลี่ยงน้ำหวาน โซดาซ่า หันมาดื่มน้ำเปล่า

ข้อดีคือ ช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย ลดอาการท้องอืด ช่วยให้ผิวพรรณดูมีน้ำมีนวลไม่แห้งกร้าน เพิ่มระดับพลังงานและลดอาการอยากกินจุกจิก โดยในหนึ่งวันควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือจะลองคำนวณปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวันก็ได้ ตามนี้ค่ะ

น้ำหนักตัว ÷ 2 = ปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวัน (มีหน่วยเป็นออนซ์)

Tip : ลดความน่าเบื่ออันจืดชืดของน้ำเปล่า แล้วเพิ่มความสดชื่นด้วยการผสมน้ำมะนาว หรือเลมอนลงไป

ลดน้ำหนัก

2. กินให้บ่อย ในปริมาณที่น้อยกว่าเดิม

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักแนะนำว่าควรรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ ประมาณ 4-5 มื้อต่อวันในปริมาณที่ปานกลาง (หรือใครจะแบ่งย่อยกว่านี้ก็ได้นะคะ) แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ 2-3 มื้อ นั่นแปลว่าคุณยังสามารถกินของที่ชอบได้ แต่ในปริมาณที่น้อยลง แล้วท่องไว้เสมอว่า กินอาหารที่ดีเมื่อหิว และหยุดทันทีเมื่ออิ่ม

Tip : พกของว่างที่ดีกับสุขภาพติดตัวไว้ระหว่างวัน เช่น ผลไม้, ผัก, ถั่ว หรือซีเรียลธัญพืชแบบอัดแท่ง สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และทำให้กินอาหารมื้อใหญ่ได้น้อยลง

ลดน้ำหนัก

3. เพิ่มผักและผลไม้ต่อวันให้มากขึ้น

ทิ้งขนมกรุบกรอบที่สต๊อกไว้ให้หมด!! แล้วเลือกเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย แล้วพกติดกระเป๋าไว้เวลาออกไปข้างนอกด้วย หิวเมื่อไหร่ก็กินได้ทันที แทนที่จะทนหิวแล้วไประเบิดอีกทีที่ร้านบุฟเฟต์

Tip : เมื่อลดปริมาณแคลอรี่ต่อวันลง ต้องทานวิตามินรวมเสริมด้วย เพราะอาจขาดวิตามินและธาตุเหล็กจนทำให้อ่อนล้าอ่อนเพลีย จนเผลอเอื้อมมือไปแตะของหวานหรือขนมกรุบกรอบ

ลดน้ำหนัก

4. บอกลาปาร์ตี้ค็อกเทล

คงไม่ดีแน่หากเจ้าสาวยังคงปาร์ตี้สละโสดแบบไม่หยุดหย่อน เพราะเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มจำนวนแคลอรี่ให้ร่างกายได้มากถึง 150 แคล!! ทางที่ดีขอให้ตัดปาร์ตี้ออกไปจากตารางชีวิตก่อนในช่วงนี้ แล้วค่อยเต็มที่ในอาฟเตอร์ปาร์ตี้หลังงานแต่งทีเดียวน่าจะคุ้มกว่า

Tip : ถ้าไม่อยากพลาดปาร์ตี้ที่เพื่อนจัดให้ แนะนำให้เพิ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในปาร์ตี้ด้วย จะได้สนุกกับเพื่อนได้เต็มที่ แต่อย่าเผลอคว้าแก้วผิดนะ ไม่อย่างนั้นที่ฟิตมาพังพินาศ

ลดน้ำหนัก

5. ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ

หาเวลาให้ตัวเอง 30-45 นาทีต่อวัน และออกกำลังกายประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์ และขอให้อดทนผ่านพ้น 20 นาทีแรกไปให้ได้ เพราะนั่นเป็นแค่การเริ่มต้นเผาผลาญเท่านั้น และก่อนออกกำลังกายควรกินอาหารมาอย่างเพียงพอ รวมถึงดื่มน้ำมาในปริมาณที่พอเหมาะทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย เพื่อลดการสูญเสียน้ำในร่างกายจากการเสียเหงื่อ แล้วเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันอย่าง เดินขึ้นบันไดด้วยกำลังขา หรืออาสาเช็ดกระจกหน้าต่างห้างสรรพสินค้าไปเลย (อันหลังนี้ล้อเล่นอย่าทำจริงนะคะ)

Tip : เลือกวันหรือเวลาที่คุณรู้สึกเกิดแรงบันดาลใจและมีความกระตือรือร้นมากที่สุด เพราะคุณจะได้มีกำลังใจในการทำสิ่งนี้ได้ดีที่สุด

ควบคุมน้ำหนักก็ต้องดูแลเรื่องอาหารด้วย เราเลยมี 10 อาหารโปรตีนเสริมกล้ามเนื้อ ที่จะเติมเต็มให้อิ่มท้องและยังช่วยลดน้ำหนักอีกด้วย มาฝาก

ภาพ : fulfordfitness.co.uk, remediesforme.com, wnova.com

รู้จักการลงทุนหลังแต่งงานแบบความเสี่ยงน้อย เพื่อชีวิตคู่มั่นคงไม่สั่นคลอน

หนึ่งในปัญหาชีวิตคู่ที่ทำเอาหลายคนหย่าร้างกันมานักต่อนักคือ ปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เพราะต่อให้เป็นสามีภรรยาที่สาบานตนว่าจะรักกันจนวันตายก็ไม่วายทะเลาะกันได้เมื่อเกิดอาการเงินทองสะดุดแต่ปัญหานี้ป้องกันได้ เพราะฉะนั้นการ ลงทุนหลังแต่งงาน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่สามีภรรยาไม่ควรมองข้าม ลองทำตามสเต็ปชีวิตที่ แพรว wedding แนะนำดู แล้วคุณจะพบว่ายังมีช่องทางดีๆ ช่วยลดความเสี่ยงแห่งหายนะเงินทอง พร้อมกับการสร้างสุขให้ชีวิตคู่ของคุณ

 

สเต็ป 1 : เปิดใจ เปิดปาก และวางเป้าหมายร่วมกัน

ก่อนจะเลือกลงทุนเพื่อลดปัญหาชีวิตคู่สิ่งแรกที่ แพรว wedding อยากให้ทุกคู่รักพึงกระทำคือปูพื้นฐานทำความเข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ระหว่างคุณและเขา โดยเปิดใจคุยกันเรื่องรายรับรายจ่ายของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องหนี้สินที่มีอยู่ พร้อมกันนี้ต้องไม่ลืมแจกแจงด้วยว่า คุณมีวิธีใช้จ่ายอย่างไร รวมถึงจัดการชำระหนี้แบบไหน ลำดับต่อไปคือ พูดคุยถึงเป้าหมายชีวิตที่มีร่วมกันว่าคุณทั้งคู่วางแผนกันไว้อย่างไร เพื่อจะได้รู้ว่าควรจัดสรรลงทุนกับอะไรจึงจะเหมาะสมที่สุด เช่น มีเป้าหมายร่วมกันในเรื่องการศึกษาบุตร ชีวิตหลักเกษียณ หรือแผนการท่องเที่ยว เป็นต้น

สเต็ป 2 : เช็กความเข้าใจเรื่องการลงทุน และการยอมรับความเสี่ยง

ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า คุณและเขามีความรู้เรื่องการลงทุนหรือเปล่า ถ้ามีก็ไม่ยาก แต่หากไม่มีเลยต้องเริ่มศึกษาก่อนตัดสินใจเลือกลงทุน และแพรว wedding ขอย้ำว่า อย่ารู้เรื่องแค่คนเดียว เพราะผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีมากมายหลายแบบ ซึ่งต่างก็มีความเสี่ยงสูงต่ำไม่เท่ากัน ดังนั้นก่อนที่คู่รักจะร่วมกันเลือกว่าจะลงทุนกับอะไร ควรพิจารณาความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินแต่ละประเภทด้วยปัจจัย 3 ประการดังต่อไปนี้

1. ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ก่อนลงทุนควรรู้ระดับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเอง

2. ระยะเวลา เมื่อรู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบใดเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่คุณรับได้ ก็ควรทราบระยะเวลาที่สามารถลงทุน เพื่อจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้

3. อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง ในกรณีที่คุณมีประเภทผลิตภัณฑ์ที่ต้องการลงทุนอยู่ในใจแล้ว ควรเช็กอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนว่าได้ตามที่ต้องการหรือไม่ เพื่อให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับที่คาดหวังมากที่สุด

ลงทุนหลังแต่งงาน

ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินจะมีความเสี่ยงต่างกันแล้ว การประกอบอาชีพของแต่ละฝ่ายก็สะท้อนความเสี่ยงที่ต่างกันออกไป ดังนั้นควรนำความรู้เรื่องการลงทุนมาพิจารณาร่วมกับรูปแบบอาชีพของคู่สมรสเพราะลักษณะอาชีพที่แตกต่างกัน รายรับ รายจ่าย สวัสดิการที่ได้ จะทำให้คู่รักมีการยอมรับความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย

ข้าราชการ รายได้สม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่สูงนัก แต่มีสวัสดิการ ได้รับบำเหน็จบำนาญ ลักษณะงานมีความมั่นคงสูง ความเสี่ยงต่ำ การลงทุนที่เหมาะสมคือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

รัฐวิสาหกิจ รายได้สม่ำเสมอและอาจมากกว่าข้าราชการ มีสวัสดิการ ได้รับบำเหน็จจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและเงินชดเชย ลักษณะงานมีความมั่นคงสูง ความเสี่ยงต่ำ การลงทุนที่เหมาะสมคือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง

เอกชน รายได้พอสมควร ถึงรายได้สูง มีประกันสังคม บำเหน็จจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงเงินชดเชย สวัสดิการ องค์กรเล็กอาจะมีความมั่นคงน้อยกว่าองค์กรที่มีขนาดใหญ่ การลงทุนที่เหมาะสมคือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง

เจ้าของกิจการหรืออาชีพอิสระ รายได้ผันผวนตามผลของงาน ไม่มีสวัสดิการ จะมีก็แค่บัตรทองเท่านั้น จึงควรมีประกันสุขภาพเพิ่มเติม ลักษณะงานหากเปรียบเป็นความเสี่ยงถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่สุด การลงทุนที่เหมาะสมคือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ

ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและประสบการณ์การลงทุนด้วย

สเต็ป 3 : ช่วยกันวางแผนค่าใช้จ่ายในบ้านและบริหารเงินส่วนกลาง

หลังจากสำรวจแล้วว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินและอาชีพของแต่ละฝ่ายมีความเสี่ยงอย่างไร ลำดับถัดไปคือ ตกลงกันให้ดีว่าจะแบ่งหน้าที่รับผิดชอบค่าใชจ่ายในครอบครัวอย่างไร

แยกกระเป๋า แบ่งเงินเดือนที่ได้มาออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัวทุกประเภท อีกส่วนคือค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกัน เช่น ฝ่ายชายรับภาระผ่อนบ้านและรถ ฝ่านหญิงรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเทอมลูก เป็นต้น วิธีนี้ควรแยกทำบัญชีส่วนตัวกับบัญชีครัวเรือน

รวมกระเป๋า นำเงินเดือนทั้งหมดมารวมกันแล้วค่อยจัดสรรค่าใช้จ่าย วิธีนี้ต้องมีการจดบันทึกรายรับ รายจ่ายทุกครั้งที่มีการนำเงินออกไปใช้ จะได้ไม่มีปัญหาใช้เงินเพลินจนไม่พอจ่าย

ทั้งรวมและแยกกระเป๋า แบ่งเงินเดือนที่ได้ออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกสำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว อีกส่วนนำเข้ากองกลางแล้วค่อยจัดสรรค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

ลงทุนหลังแต่งงาน

สเต็ป 4 : จับคู่เป้าหมายที่วางไว้ กับการลงทุนที่เหมาะสม

ย้อนกลับไปดูเป้าหมายที่วางไว้แล้วเริ่มแมตช์กับการลงทุนที่เล็งไว้ได้เลย เช่น

1. เป้าหมายเพื่อการศึกษาบุตร อาจแบ่งเป้าหมายตามระดับชั้น เช่น ระดับชั้นที่ใกล้อย่างอนุบาล อาจเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ สำหรับการศึกษาระดับสูงขึ้นที่มีระยะเวลาในการลงทุนมากหน่อย ก็อาจเลือกลงทุนสินทรัพย์ที่มีระยะเวลายาวนานขึ้น ส่วนการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่ยังมีเวลาอีกนานกว่าลูกจะเข้าเรียน หากต้องการเริ่มสะสมตั้งแต่ตอนนี้ อาจเลือกกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มอีกสักหน่อย หรือการทำประกันแบบสะสมทรัพย์ เป็นต้น

2. เป้าหมายเพื่อชีวิตหลังเกษียณ เป็นเป้าหมายระยะยาวแต่มีความสำคัญมาก ดังนั้นระหว่างที่มีรายได้จึงต้องให้ความสำคัญกับการออมเงินสำหรับใช้หลังเกษียณด้วย เช่น พนักงานบริษัทเอกชนที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้เลือกแบบหักเปอร์เซ็นต์สูงที่สุด หรือหากเป็นเจ้าของธุรกิจเอง กองทุนที่น่าสนใจคือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมถึงประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เป็นต้น

3. เป้าหมายเพื่อการท่องเที่ยว หากมีแผนเดินทางในระยะเวลาใกล้ๆ อาจจะออมเงินในกองทุนตลาดเงินที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ แต่หากวางแผนเดินทางในระยะยาวประมาณ 6-12 เดือน อาจลงทุนไปกับกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 6-12 เดือน ส่วนคู่รักที่วางแผนเที่ยวระยะยาวมากๆ เช่น อีกราวๆ 2 ปี ไม่ควรลงทุนไปกับกองทุนที่มีความเสี่ยงสูง อาจเลือกลงทุนไปกับการฝากประจำที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี โดยฝากเป็นจำนวนเท่าๆ กันทุกเดือน เป็นต้น

ภาพ homesales.com.au, francofurniture.es, clg-llc.com

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ให้ราบรื่นเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!

3 เคล็ดลับดูแลความงาม จากนางแบบชื่อดัง ที่จะทำให้คุณรู้ว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข!

เคล็ดลับดูแลความงาม เพื่อคงความสวยเหนือกาลเวลาจาก เมย์ มักส์ ทำได้ง่ายๆ เพียงเริ่มต้นลงมือทำด้วยตัวคุณเอง

เคล็ดลับดูแลความงาม แบบฉบับของ เมย์ มักส์ ไอคอนสไตล์ผู้มีชื่อเสียงในการดูแลสุขภาพองค์รวมที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การใส่ใจดูแลสุขภาพ จะทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงและดูเด็กอย่างไม่เชื่อสายตาเลยล่ะ เมย์ มักส์ทำงานในวงการนางแบบมานานถึง 50 ปี และประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงระดับโลก กับผลงานการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์เครื่องสำอาง CoverGirl ที่สร้างประวัติศาสตร์นางแบบที่มีอายุมากที่สุด เพราะอายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ นอกจากนี้เธอยังถือปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์โภชนาการถึง 2 ใบ เธอมีวินัยในการดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ที่เธอมักจะมีวัตถุดิบและอาหารเพื่อสุขภาพติดตู้เย็นไว้เสมอ

และที่สำคัญไม่แพ้การดูแลร่างกายจากภายในก็คือ การดูแลรูปลักษณ์ภายนอก เมย์ กล่าวว่า “การรับประทานอาหารที่ดี การนอนพักผ่อนที่ดี การแต่งตัวที่ทำให้ฉันดูดี และการแต่งหน้าอย่างเบาบางเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเอง

วันนี้ แพรว wedding จึงได้รวบรวม 3 เคล็ดลับความงาม ให้แลดูอ่อนเยาว์เหนือกาลเวลา จากเมย์ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด เพราะความสวยควรมาควบคู่กับการมีสุขภาพที่แข็งแรงนะ

1. ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF และเมื่ออยู่กลางแจ้งก็ควรจะสวมหมวก

จริงๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่เคล็ดลับที่ไม่มีใครรู้กันหรอกนะ แต่ว่าทุกคนอาจจะมองข้ามกันไป เวลาออกไปข้างนอก หรือที่กลางแจ้ง เราควรจะพกหมวกและสวมหมวกเสมอ เพราะหากตากแดดเป็นเวลานาน ครีมกันแดดก็ไม่สามารถทนทานต่อพลังแสงอาทิตย์ที่ทำร้ายผิวได้ และยังเสี่ยงต่อสุขภาพในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย เราจึงควรหาวิธีที่จะป้องกันและหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด และการบริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยังช่วยเพิ่มวิตามิน D ให้ร่างกายได้ซ่อมแซมผิวหนังได้อีกทางหนึ่งด้วย

2. ใช้เวลากับคนที่คุณไว้ใจอย่างมีความสุข และเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง

เมย์ กล่าวว่า “บ่อยครั้งที่ความเชื่อมันของเรา มักจะหล่นหายไปตามทาง แต่สิ่งที่เราทำได้คือ ต้องผลักดันตัวเองที่จะเดินต่อไป เพื่อพบเจอผู้คนที่ดีและช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้า” แต่ถ้าพวกเขาไม่สนับสนุนคุณล่ะ? เมย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ถ้าความสัมพันธ์ของคนรัก หรือเพื่อนที่ทำงานไม่ดี คุณก็ไม่ควรสนใจและเดินไปข้างหน้า” มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราควรจะถอยห่างความสัมพันธ์นี้ และพาตัวเองไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ กับผู้คนดีๆ ที่จะให้พลังงานบวกกับคุณ เพราะการรับพลังงานบวก จะทำให้เราใส่ใจและเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น

เคล็ดลับดูแลความงาม

3. ค้นหาลุคแต่งหน้าที่เข้ากับเรา และมั่นใจเข้าไว้

ถึงแม้เราจะรู้กันดีว่า ซูเปอร์โมเดลมักจะแต่งหน้ากันมาหลากหลายสไตล์และแต่งตัวสวมใส่เสื้อผ้าไฮแฟชั่น เพื่อถ่ายแบบกันมานับไม่ถ้วน แต่เมย์ รู้สึกสบายใจกับการแต่งหน้าที่เบาบาง การลงรองพื้นที่จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมกับการถ่ายแบบเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง การเขียนอายไลน์เนอร์ที่เพิ่มความมั่นใจ และการทาสีเล็บที่เป็นสีธรรมชาติ เพื่อที่เวลาถ่ายแบบหรือเดินพรมแดงจะได้ไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป เพราะสีเล็บที่ได้รับความนิยมมักจะเป็นสีนู้ด ซึ่งช่วยทำให้เล็บดูมีสุขภาพดี

เป็นเคล็ดลับที่ทำได้ง่ายๆ และไม่มีอะไรที่ยุ่งยากหรือซับซ้อน เพียงแค่ใส่ใจในการดูแลตัวอย่างสม่ำเสมอ และทำจิตใจให้แจ่มใสเข้าไว้ ก็เป็นการสวยจากภายในที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอกได้จริงๆ

เคล็ดความงาม จากนางแบบดังที่เรานำมาบอกต่อ แต่ยังมีอีกนะ เคล็ดลับเตรียมผิว เจ้าสาว จากเซเลบฮอลลีวูดส์ก่อนเดินพรมแดง เพราะนอกจากจะดูแลคนข้างๆ แล้ว เราก็อยากชวนทุกคนมาดูแลตัวเองกันด้วยนะสาวๆ

แปลและเรียบเรียงจาก wellandgood
ภาพจาก mayemuskmodel

แบบนี้ก็มีด้วย! รวม 11 ประเพณีแต่งงานสุดแปลกจากทั่วทุกมุมโลก

แพรว wedding จะพาทัวร์แบบอะราวเดอะเวิลด์ เพื่อไปดู ประเพณีการแต่งงาน สุดยูนีคของประเทศต่างๆ จากทั่วโลก จะพิเศษ จะแปลกแหวกแนว หรือรู้แล้วจะเงิบแค่ไหน ไปดูกัน

ประเพณีการแต่งงาน

1. พิธีเลื่อยไม้ของคู่บ่าวสาวในเยอรมนี

บ่าวสาวจะต้องช่วยกันเลื่อยท่อนไม้ต่อหน้าแขกทั้งหลาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกันได้ดี อีกทั้งท่อนไม้ยังเปรียบได้กับอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องร่วมฝ่าฟันกันในชีวิตคู่

ประเพณีการแต่งงาน

2. เป็นเจ้าสาวซูดานต้องแกร่งแค่ไหน

ทางตอนใต้ของประเทศซูดานนั้น การแต่งงานจะไม่มีผลจนกว่าหญิงที่เป็นภรรยาจะให้กำเนิดลูก 2 คน ถ้าหากเธอทำไม่ได้ ฝ่ายชายสามารถขอหย่าได้เลย และกรณีที่ฝ่ายชายเสียชีวิต หญิงผู้นั้นจะตกเป็นสมบัติของชายอื่นในครอบครัวของสามีทันที

ประเพณีการแต่งงาน

3. ทุบระฆังเพื่อเพื่อนำความเจริญมาสู่ชีวิตคู่ของชาวกัวเตมาลา

ในช่วงฉลองของงานแต่งที่กัวเตมาลา แม่เจ้าบ่าวจะทุบระฆังสีขาวให้แตก เพื่อเป็นการส่งสัญญาณต้อนรับคู่แต่งงานใหม่ โดยในระฆังสีขาวจะบรรจุไปด้วยแป้ง ข้าว และธัญพืช ซึ่งมีความหมายถึงความโชคดีและความเจริญรุ่งเรือง

ประเพณีการแต่งงาน

4. การลักพาตัวเจ้าสาวสุดบันเทิงในโรมาเนีย

เจ้าสาวจะรู้เห็นเป็นใจให้ครอบครัว หรือเพื่อนพ้องของตัวเองแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นโจรมาลักพาตัวเธอไปซ่อนก่อนถึงวันแต่งงาน หลังจากนั้นก็รอให้เจ้าบ่าวมาไถ่ตัวด้วยเงินพอกรุบกริบ บางทีก็เป็นไวน์ 1 ลัง ไม่ก็ให้จูบโชว์ หรือให้ทำอะไรห่ามๆแต่น่ารักสร้างรอยยิ้มก็ว่าไป

ประเพณีการแต่งงาน

5. พิธีเหยียบแก้วไวน์ในงานแต่งของชาวยิว

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสาบานตน บ่าวสาวชาวยิวจะเหยียบแก้วไวน์ที่ใส่ในถุงให้แตก เพื่อประกาศว่าทั้งคู่พร้อมเข้าสู่บทใหม่ของชีวิตไปด้วยกัน สัญญาจะไม่ทอดทิ้งกันในเวลาที่ยากลำบากหรือเจ็บปวด จะเคียงข้างกันไม่ว่าทุกข์หรือสุข

ประเพณีการแต่งงาน

6. วิวาห์กันแสงของชนกลุ่มน้อยถูเจีย ประเทศจีน

หนึ่งเดือนก่อนวันงาน เจ้าสาวต้องร้องไห้วันละ 1 ชั่วโมง อีก 10 วันต่อมาแม่เจ้าสาวจะร้องด้วย ตามด้วยยาย จนวันสุดท้ายก่อนแต่งผู้หญิงทุกคนในครอบครัวจะร้องด้วย ถือเป็นการแสดงความสุขร่วมกัน ว่ากันว่าเมื่อผู้หญิงหลายคนมาร้องไห้รวมกันด้วยโทนเสียงที่แตกต่างนั้นฟังแล้วไพเราะ เหมือนได้ฟังเพลง

ประเพณีการแต่งงาน

7. พิธีเมเฮนดี หรือพิธีเพ้นท์เฮนน่าแบบอินเดีย

ผู้หญิงในครอบครัวฝั่งเจ้าสาวและเจ้าสาวจะเพ้นท์เฮนน่าลวดลายต่างๆ ตั้งแต่บริเวณมือไปจนถึงข้อศอกและเท้า เพราะเชื่อกันว่าสีน้ำตาลแดงที่ใช้เพ้นท์ตามร่างกายเป็นตัวแทนของความมั่งคั่งร่ำรวย ความงดงาม และความรัก

ประเพณีการแต่งงาน

8. ขนมปังโรยเกลือหน้าเรือนหอ ของรัสเซีย

พ่อแม่ของบ่าวสาวจะออกมาต้อนรับคู่แต่งงานใหม่เข้าหอ ด้วยขนมปังกับเกลือ เมื่อบ่าวสาวรับมาก็โรยเกลือแล้วหักขนมปังแบ่งครึ่งแล้วป้อนกัน เชื่อกันว่าใครได้ครึ่งที่ใหญ่กว่าจะเป็นช้างเท้าหน้า จากนั้นจึงแบ่งขนมปังให้แขกเหรื่อที่มาในงาน

ประเพณีการแต่งงาน

9. ตุ๊กตาตัวแทนเจ้าสาวที่เปอร์โตริโก

จะมีการแต่งตัวตุ๊กตาให้เหมือนกับเจ้าสาว ไม่ว่าจะชุดหรือเครื่องประดับ จากนั้นจึงสวมเครื่องรางไว้บนตัว จากนั้นตุ๊กตาจะถูกวางไว้ที่หัวโต๊ะของงานเลี้ยง และสุดท้ายแขกผู้มาร่วมงานจะได้เครื่องรางบนตัวตุ๊กตาไป โดยต้องให้เงินเพื่อเป็นการตอบแทนตามธรรมเนียม

ประเพณีการแต่งงาน

10. ถ่มน้ำลายรดเจ้าสาวของชาวเคนย่า

ชนเผ่า Massai ในประเทศเคนย่ามีประเพณีดั้งเดิมสุดพิสดาร ที่ปัจจุบันยังคงสืบทอดกันมาอยู่คือ พ่อของเจ้าบ่าวจะถ่มน้ำลายลงบนศีรษะและหน้าอกของลูกสาวเพื่อเป็นการอวยพรให้พบเจอแต่ความโชคดีก่อนที่จะแยกย้ายออกไปมีครอบครัว

ประเพณีการแต่งงาน

11. ห้ามเข้าห้องน้ำหลังพิธีแต่งงาน 3 วันของเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียว

ประเพณีของเผ่า Tidong บนเกาะบอร์เนียวในประเทศอินโดนีเซียหลังจากที่บ่าวสาวเข้าพิธีแต่งงานแล้วห้ามเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายและขับถ่ายเป็นเวลาสามวันเพราะเชื่อกันว่าบ่าวสาวคู่ใดที่ไม่สามารถอั้นการเข้าห้องน้ำได้เป็นเวลาสามวัน จะทำให้ต้องหย่าร้าง แท้งบุตรหรือลูกที่เกิดจะต้องเสียชีวิตในวัยเด็ก บอกเลยว่าต้องอาศัยความอดทนขั้นสูงสุดกันเลยทีเดียว

Cr. brightside.me
ภาพ : babaramad.com, rbth.com

ติดตามเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับการแต่งงานเพิ่มเติม คลิกเลย!

ปักหมุด 5 วัดดังที่อนุญาตให้ว่าที่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานในวัดได้

ใครที่คิดว่าการทำพิธีสงฆ์ต้องนิมนต์พระมาประกอบพิธีนอกวัดเท่านั้นขอให้คิดใหม่ เพราะแพรว wedding มี 5 วัดดังที่อนุญาตให้บ่าวสาวเข้าไปทำพิธีแต่งงานได้ โดยภายในแต่ละวัดมีสถาปัตยกรรมงดงามที่มาพร้อมประวัติศาสตร์อันยาวนาน แถมเงื่อนไขการใช้พื้นที่ยังมีไม่มาก ที่สำคัญช่วยคุณประหยับงบประมาณได้มากโขอีกด้วย แต่จะมีวัดไหนบ้างที่อนุญาตให้เข้าไปทำพิธี แต่งงานในวัด และสวมแหวนได้ เราสำรวจมาให้แล้ว

 

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร

จากการยกหูโทรฯ ไปสอบถามกับท่านพระมหาบุญรุ่ง ได้ความว่า ทางวัดอรุณฯ รับประกอบพิธีแต่งงานให้กับคู่บ่าวสาวที่ประสงค์จะจัดงานภายในวัดนะคะ โดยขอบเขตของการจัดพิธีคือ ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในอาคารหลังใดหลังหนึ่ง ซึ่งว่าที่บ่าวสาวต้องเดินทางไปยังวัดเพื่อแจ้งรายละเอียดการจัดพิธี จำนวนแขกที่จะเข้าร่วมในพิธี และมีการจัดโต๊ะจีนเลี้ยงอาหารแขกด้วยหรือไม่ ทางวัดจะช่วยแนะนำพื้นที่ๆ สามารถจัดงานได้

arun

ส่วนถ้าคุณอยากรู้ว่าแล้วช้อตสวมแหวนล่ะ สามารถทำได้ไหม คำตอบคือ สามารถทำได้ แต่จะสวมในพื้นที่เดียวกันกับพิธีเจริญพระพุทธมนต์เลยหรือย้ายสถานที่ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกและความสะดวกของวัดในขณะนั้นว่า พื้นที่ตรงไหนเหมาะ เพราะในบางครั้งวัดฤกษ์ดีที่คุณเลือกมา อาจมีการประกอบพิธีอื่นๆ อยู่ค่ะ สำหรับค่าใช้จ่ายนั้นทางวัดบอกว่า แล้วแต่จะถวายเพื่อช่วยบำรุงเรื่องค่าไฟฟ้าที่ใช้หรือบำรุงสถานที่ตามศรัทธา รวมถึงปัจจัยถวายพระก็แล้วแต่จัดมาถวายได้เลยค่ะ หากมีข้อสงสัยติดต่อได้ที่ ท่านพระมหาบุญรุ่ง โทร. 08-1250-6538 โดยตรงเลยค่ะ

2. วัดเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี

แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปทางเมืองนนท์ แต่บอกเลยนะคะว่า วัดแห่งนี้สวยงามด้วยรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยผสมจีนตามแบบพระราชนิยมจนบ่าวสาวหลายคู่เดินทางไปประกอบพิธีแต่งงานมานักต่อนัก แถมบริเวณที่ตั้งของวัดยังอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ว่าที่บ่าวสาวสามารถเก็บภาพสวยๆ ได้มากกว่าที่คิด

แต่งงานในวัด
ภาพ : mapio.net

สำหรับพื้นที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีแต่งงานที่พระอาจารย์มหาชาติแห่งวัดเฉลิมพระเกียรติแนะนำกับ เราว่า เป็นบริเวณ วิหารหลวง หรือที่เรียกกันว่า วิหารพระศิลาขาว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระประธาน “พระศิลาขาว” มาประดิษฐานไว้ภายในเมื่อปี พ.ศ. 2401 จะเหมาะที่สุด เพราะนอกจากตัววิหารเพิ่งจะได้รับการบูรณะมาสดๆ ร้อนๆ แล้ว รอบๆ บริเวณยังสามารถตั้งโต๊ะทานข้าวได้ด้วย แต่จะจัดแบบไหนหรือกฎเกณฑ์อย่างไร โทรฯ สอบถามได้ที่ พระอาจารย์มหาชาติ โทร. 08-7089-3613

3. วัดชลประทานรังสฤษฎ์

เป็นอีกหนึ่งวัดที่อนุญาตให้ว่าที่บ่าวสาวเข้าไปจัดงานแต่งงานได้ โดยที่คุณสามารถแจ้งกับทางวัดได้ว่ามีแขกทั้งหมดกี่คน จะเลี้ยงพระเช้าหรือฉันเพล รวมถึงจะตั้งโต๊ะจีนกี่โต๊ะ โดยพื้นที่ในการจัดพิธีมีให้เลือกทั้งขนาดเล็กอย่าง  ศาลาเกิดพาณิชย์ ที่เหมาะจะรองรับแขกที่มาร่วมงานไม่เกินร้อยคน แต่ถ้าจัดใหญ่และนิยมกันมากๆ ได้แก่ ศาลา 100 ปี

แต่งงานในวัด
ภาพ : galakung.com

หลังจากที่เราได้โทรฯ เข้าไปสอบถามกับ พระมหาวัชรินทร์แล้ว สรุปความได้ว่า ในวันแต่งงาน จะมีการจัดเทศน์ให้กับทั้งคู่และแขกในงานได้ฟังจากนั้นเป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเลี้ยงเพล ซึ่งในการเทศน์นั้นสามารถเลือกได้ทั้งแบบที่นิมนต์พระมาเทศน์หรือเปิดเป็นวีดีธรรมะ ซึ่งอันนี้ก้เลือกได้เลยตามความต้องการ หลังจากที่ทำกิจทางสงฆ์เรียบร้อยแล้ว สามารถทำพิธีสวมแหวนได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นจะพากันไปถ่ายภาพที่ระลึกในอุโบสถหรือบริเวณโดยรอบก็ตามแต่สะดวกเลยค่ะ โดยทั้งหมดนี้มีข้อแม้เพียงว่า ต้องโทรฯ มาระบุวันและแจ้งจำนวนแขกกับทางวัดก่อนล่วงหน้า โดยติดต่อได้ที่ พระมหาวัชรินทร์ โทร. 09-1016-2913

4. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือวัดโพธิ์ที่เลื่องชื่อเรื่องนวดแผนไทยจะมีพื้นที่สำหรับจัดงานแต่งงานซ่อนอยู่ แถมยังสามารถจัดพิธีได้แบบครบถ้วน ทั้งพิธีสงฆ์ สวมแหวนและรดน้ำสังข์ โดยพิธีทั้งหมดนี้สามารถจัดได้เบ็ดเสร็จในที่เดียวคือ ห้องประชุมสงฆ์ คณะ น.16

แต่งงานในวัด
ภาพ : rallyratanakosin523.wordpress.com

ภายในห้องประชุม คณะ น.16 นี้ ค่อนข้างกว้างขวาง สามารถรับแขกได้ถึง 50 คน  โดยลำดับพิธีที่พระครูศิริวีราภรณ์แนะนำคือ เริ่มต้นที่การทำบุญตักบาตรร่วมกันของบ่าวสาว จากนั้นเข้าสู่พิธีเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นต่อด้วยพิธีสวมแหวนและอื่นๆ ตามที่ต้องการ โดยเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่บ่าวสาวว่าจะถวายเท่าไหร่ ไม่ได้มีเรทราคาขั้นต่ำแต่อย่างใด ส่วนที่หลายคนกังวลว่า รดน้ำสังข์ต้องนำอุปกรณ์เข้าไปด้วยไหม บอกให้ได้เลยตรงนี้ว่า ที่วัดมีครบ ถ้าอยากเช็คเพื่อความชัวร์ โทรฯ สอบถามได้ที่ พระครูศิริวีราภรณ์ โทร. 08-6608-0556 (ระบุวันทำพิธีแต่งงานล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน)

5. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร

วัดสุดท้ายที่เราสำรวจมาให้เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่ว่าที่บ่าวสาวสามารถเดินทางไปจัดงานแต่งงานได้ โดยมีข้อแม้ว่าให้แจ้งล่วงหน้ากับทางวัด 1 เดือน โดยพื้นที่ในการจัดพิธีเป็นในส่วนของห้องโถง คณะ 5 หรือบางคนเรียกว่า ลานธรรม

แต่งงานในวัด
ภาพ : edtguide.com

ภายในห้องโถงที่ว่านี้สามารถรองรับสมาชิกของสองครอบครัวและแขกเหรือรวมกันประมาณ 30 คนกำลังพอดี แต่ทั้งนี้ถ้ามีการเชิญแขกมากกว่าจำนวนนี้ ทางวัดแนะนำให้เช่นเต๊นท์กางอีกบริเวณจะเหมาะกว่า สำหรับรายละเอียดของพิธีนั้น พระมหาสมศักดิ์แนะนำว่า หากมาประกอบพิธีแต่งงานโดยการตักบาตรพระ ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเลี้ยงเพล สามารถเข้ามาติดต่อแจ้งวันและจำนวนแขกได้เลย แต่ถ้ามีการรดน้ำสังข์ ทางวัดต้องทำเรื่องแจ้งขออนุญาตไปยังเจ้าอาวาสก่อน และทางบ่าวสาวต้องเตรียมอุปกรณ์ในการประกอบพิธีเช่น ตั่งรดน้ำ มงคลแฝดและแป้งกระแจะเจิมมาเอง ซึ่งหากไม่แน่ใจในเรื่องการขออนุญาตจัดงานแต่งงานในวัดมหาธาตุ สอบถามได้ที่ พระมหาสมศักดิ์ โทร. 08-7404-0521

5 วัดสวยๆ ที่สามารถจัดงาน แต่งงานในวัด ได้ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ มีข้อแม้ร่วมกันเพียงข้อเดียวคือ จะต้องไม่มีการแห่ขันหมากเสียงดังเอิกเกริกเป็นพอและทำตามเงื่อนไขที่วัดกำหนด เรื่องค่าใช้จ่ายในการขอใช้พื้นที่ก็ตามกำลังศรัทธา ทีนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วค่ะว่า จะเลือกจัดงานแต่งงานที่เป็นมงคลกับชีวิตคู่ที่วัดไหน

ภาพ : sitphotograph

ติดตามสถานที่จัดงานแต่งงาน พร้อมเคล็ดลับดีๆ เพิ่มเติม คลิกเลย!

อยากแต่งงาน ใจพร้อม แต่เงินไม่พร้อม! มาดูวิธีการจัดการกับปัญหานี้กัน

หลากหลายคู่รักที่ฟูมฟักสัญญาณเลิฟกันมาเนิ่นนานจน อยากแต่งงาน แล้ว พอถึงเวลาอายุเหมาะ ความรักสุกงอม ใครๆ ก็เฝ้าแต่ถามว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวดี พอเจอคำถามนี้บางคนถึงกับยิ้มแห้งๆ ตอบอยู่ในใจว่า “อยากแต่งใจจะขาด แต่ที่ยังพลาดคือเรื่องเงิน” เอาล่ะค่ะคุณผู้อ่านที่เขามาทัศนาบทความนี้ แพรวเวดดิ้งเชื่อว่าคุณก็คงจะอยู่ในสถานการณ์ใจพร้อมเงินไม่พร้อมใช่ไหมล่ะ งั้นวันนี้แพรวเวดดิ้งมี 5 คำแนะนำมาให้คุณเลือก ไปดูกันก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือกว่าจะทำตามข้อไหน

1. ช่วยกันเก็บ ช่วยกันออม
1

ใครที่คิดว่าพร้อมจะแต่งงานเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เร่งรีบอะไรมากมาย เราขอแนะนำให้ลองเกริ่นๆ ถามค่าสินสอดทองหมั้นกันเสียก่อนว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเรียกเท่าไหร่ แล้วลองคิดว่าถ้าจะแต่งงานจริงๆ จะต้องใช้เงินเท่าไหร่และจะแต่งกันปีไหน จากนั้นก็วางแผนการออมเงินกันให้ดีๆ ว่า กว่าจะถึงวันวิวาห์คุณต้องแบ่งเงินมาเก็บเป็นค่าแต่งงานเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอดีกับแผนงานแต่งที่คุณวางเอาไว้ แนะนำว่าให้วางแผนออมเงินมากกว่าตัวเลขจริงที่คิดไว้ด้วยนะคะ เพราะถ้าเกิดว่าเตรียมงานแล้วงบบานปลายจะได้ไม่ลำบาก

2. จัดแบบเล็กๆ เท่าที่มี

2

หากคุณคิดว่าพร้อมแต่งแล้ว เงินเก็บก็พอมีอยู่บ้าง และไม่อยากจะรอนานไปกว่านี้ (เดี๋ยวมีลูกไม่ทันใช้ อิอิ!) ลองเลือกจัดงานแต่งตามงบที่มีก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้สถานที่เป็นโรงแรมหรูหรา เพียงแค่สโมสร หอประชุม หรือจะเป็นร้านอาหารสักแห่ง ฉลองกันแบบกับเล็กๆ กับคนในครอบครัว เพื่อนฝูง และคนสนิท ถึงจะไม่ใหญ่โตมากมาย แต่เราคอนเฟิร์มว่าอบอุ่นใจแน่นอน

3. หยิบยืมคนรอบตัว

3

สำหรับคู่รักที่ใจพร้อม กายพร้อม และเงินพร้อม แต่ดันเกิดเหตุฉุกเฉินงบบานปลายเกินกว่าที่วางแผนไว้ หรือจู่ๆ แม่เจ้าสาวขอเพิ่มค่าสินสอดขึ้นมาซะอย่างงั้น! ไอ้เงินที่เตรียมไว้ก็ทำท่าจะไม่พอ ถ้าเกิดเหตุการณ์เงินขาดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เราแนะนำให้หยิบยืมจากคนรอบตัว เช่น พ่อ แม่ พี่น้อง หรือเพื่อนสนิทก่อนก็ได้ แต่ก็ต้องตกลงกันให้ชัดเจนว่าจะใช้คืนอย่างไร แบ่งจ่ายหรือโป๊ะทีเดียวให้หมดหนี้กันไป เคลียร์กันให้ชัดจะได้ไม่หมางใจกันทีหลัง

4. สินเชื่อเพื่องานแต่ง

4

ดูแล้วก็จะคล้ายๆ กับข้อที่แล้วนะคะ แต่เราขอบอกว่าต้องมีความจำเป็นจริงๆ ถึงเลือกทำตามข้อนี้นะ ความจำเป็นที่ว่าก็เหมือนกับข้อที่ 3 คือ เตรียมงานแล้ว วางแผนแล้ว แต่เกิดเหตุฉุกเฉินงบบานปลาย แม่ยายขึ้นค่าสินสอด และไม่สามารถหายืมใครได้จริงๆ แบบนี้ก็พอจะอนุโลมให้เดินหาสถาบันการเงินเพื่อขอสินเชื่อได้ แต่แนะนำว่าไม่ควรกู้มาเยอะ เอาแค่พอใช้จ่ายเท่านั้น แล้วก็ต้องทำใจไว้ด้วยว่านี่คือเงินกู้ ไม่ใช่เงินยืม เพราะฉะนั้น “ดอกเบี้ย” มีแน่นอน หลังจากแต่งงานก็จัดการบริหารหนี้ก่อนนี้ให้ดีๆ แล้วกัน

5. จดทะเบียนก่อนก็ได้นะ

5

เอาล่ะคะ ข้อสุดท้ายนี้สำหรับใครที่อยากแต่งงาน อยากใช้ชีวิตคู่จริงจัง อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา แต่ทว่า No Money จริงๆ ไม่พร้อมที่จะใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ด้วยเหตุผลนานัปการ (อาจจะเพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือพ่อแม่ป่วยต้องใช้เงินรักษา) ในกรณีนี้ถ้าถึงเวลารถด่วนขบวนสุดท้าย ยืดเยื้อไปเดี๋ยวขาดใจตาย ฮีบินแนะนำให้ไปจดทะเบียนสมรสกันก่อน อย่างน้อยๆ คุณก็ได้เป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อยู่กินกันได้แบบยืดอกว่าฉันไม่ได้ผิดผีผิดธรรมเนียมแต่อย่างใด (นี่ไงจดทะเบียนแล้วนะ!) ส่วนเรื่องงานฉลองพร้อมเมื่อไหร่ค่อยจัดก็แล้วกัน

แพรวเวดดิ้งเข้าใจค่ะว่าคนรักกันก็อยากจะแต่งงาน ยิ่งรักกันมานานความต้องการจะใช้ชีวิตคู่แบบถูกธรรมเนียมประเพณีก็มีมากขึ้น ไหนจะเกี่ยวพันกับการให้เกียรติทั้งฝ่ายหญิงฝ่ายชายอีก แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันแหละคะว่า แต่งงานหนึ่งครั้งใช้เงินน้อยๆ ซะที่ไหน ใครที่พร้อมจะแต่งงานแต่เรื่องการเงินยังติดๆ ขัดๆ ก็ลองตัดสินใจใช้ 5 วิธีนี้ดูก็ได้จ้า

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.shaaditowedding.com, www.pinterest.com, www.nextavenue.org, www.gobankingrates.com, www.upyim.com, science-all.com

รวมมิตร 11 ร้านสูทเจ้าบ่าวสุดเท่หลากสไตล์ทั่วกรุงพร้อมราคา

11 ร้าน สูทเจ้าบ่าว ทั่วกรุงที่ว่าที่เจ้าบ่าวต้องไปโดน

เจ้าบ่าวที่กำลังมองหา สูทเจ้าบ่าว ในวันสำคัญตั้งใจฟังให้ดี เพราะเรามีร้านสูททั่วกรุงหลากแบบหลายสไตล์มาฝาก พร้อมราคาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ ใครอยู่แถวไหน สะดวกไปที่ใด เคลียร์คิวให้ว่างแล้วอย่าลืมควงแขนว่าที่เจ้าสาว หรือแก๊งเพื่อนเจ้าบ่าวไปด้วยนะ

1. SUITCUBE

ร้านสูทที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพที่มาพร้อมดีไซน์สุดเฉียบในราคาแบบเป็นมิตรที่เจ้าบ่าวเอื้อมถึง โดยคุณผู้ชายที่ก้าวเข้ามาในร้านทุกคนจะได้มีโอกาสทดลองสวมสูทในแบบต่างๆ เพื่อค้นหาสไตล์ที่เข้ากับตัวเองมากที่สุด และที่นี่เลือกการใช้ผ้าขนสัตว์ (Wool) เพราะเป็นเนื้อผ้าที่น้ำหนักเบาทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบายตัว ผสานกับการใส่ใจในทุกรายละเอียดขอการตัดเย็บอย่างประณีต โดยมีทั้งสูทแบบพร้อมใช้และบริการสั่งตัดแบบพิเศษให้เลือกตามความต้องการของเจ้าบ่าว ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือการปรับแก้ขนาดให้พอดีกับรูปร่างผู้สวมใส่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะด้วยความชำนาญของช่างผู้มีประสบการณ์ที่สามารถมองออกได้อย่างทันทีว่าลูกค้าต้องใส่สูทขนาดเท่าไหร่ และต้องปรับแก้อย่างไรให้พอดีตัว จึงทำให้เจ้าบ่าวจะได้รับสูทภายในระยะเวลาเพียง 10-14 วันเท่านั้น (ในกรณีที่สั่งตัดแบบพิเศษ)

ราคาเริ่มต้น : สูทตัดตามแบบและผ้าที่ลูกค้าเลือก รวมราคาวัดตัวและผ้าทั้งหมดอยู่ที่ 6,000 บาท (เสื้อสูทพร้อมกางเกง) โดยราคาขึ้นอยู่กับประเภทเนื้อผ้า

ที่ตั้ง : มีทั้งหมด 6 สาขา สยามสแควร์ วัน ชั้น 3 (ข้างร้านสตาร์บัค), เทอมินอล 21 ชั้น 2, เดอะ พรอมานาด รามอินทรา (บริเวณลานน้ำพุ ติดกับร้าน Bread Talk), พระราม 3 ใกล้กับถนนนราธิวาส, ซีคอนสแควร์ (ข้างร้านสตาร์บัค), เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ชั้น 1 เบอร์ติดต่อส่วนกลาง 08-7504-3333 www.suitcube.com

 

2. Tailor on Ten

สูทเจ้าบ่าว

ร้านสูทที่มีไม้เด็ดอยู่ที่การโชว์ให้ลูกค้าได้เห็นถึงวิธีการตัดเย็บในทุกขั้นตอน เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นถึงความละเอียดละเมียดละไมจนได้เป็นสูทสุดเพอร์เฟกต์ที่คุณจะใช้สวมในวันสำคัญ พร้อมด้วยช่างที่มากด้วยประสบการณ์ในด้านการตัดสูทมาอย่างโชกโชน แถมที่นี่ยังมีเนื้อผ้าให้เลือกมากมายหลายชนิดเพื่อให้ตอบรับได้สำหรับทุกสไตล์ของเจ้าบ่าว ยกตัวอย่างเช่น ผ้าขนสัตว์จากออสเตรเลีย แต่ถ้าเจ้าบ่าวคนไหนต้องการความพิเศษเพิ่มเติมไม่เหมือนใครก็สามารถสั่งผ้าที่มีเนื้อละเอียดจากประเทศอิตาลีได้เช่นกัน

ราคาเริ่มต้น : 14,500 บาท

ที่ตั้ง : 93 ถ.สุขุมวิท ซอย 8 (ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีบางนา) เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.30-19.00 น. โทร. 08-4877-1543

3. Narin Couture

สำหรับเจ้าบ่าวที่ต้องการควาหรูหราผสานกลิ่นอายแบบคลาสสิคต้องไม่พลาดร้านนี้ เพราะด้วยประสบการณ์ของเจ้าของร้านที่ไปฝึกฝนวิชามาจาก Chambre Syndicale de la Couture Parisienne ประเทศฝรั่งเศส จึงการันตีได้ว่าเจ้าบ่าวจะได้ลุคชุดสูทที่ดูดีแน่นอน แถมร้านนี้ยังรับตัดสูทแบบ Canvassed ที่ปัจจุบันไม่ค่อยมีร้านไหนรับทำแล้วอีกด้วย

ราคาเริ่มต้น : 15,500 บาท

ที่ตั้ง : ซอยสุขุมวิท 11/1 (ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีนานา) 10 เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-21.00 น. โทร. 0-2251-9237

4. July Tailor

ร้านสูทรุ่นเก๋าที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่า 77 ปี การันตีคุณภาพได้จากผลงานการตัดเย็บฉลองพระองค์ของราชวงศ์ไทย โดดเด่นด้วยงานละเอียดสุดพิธีพิธันที่สอยทุกฝีด้ายด้วยมือล้วนๆ เพราะฉะนั้นจึงการันตีได้ว่าเจ้าบ่าวจะได้คำแนะนำจากมืออาชีพที่นี่ได้เป็นอย่างดีแน่นอน

ราคาเริ่มต้น : 25,000 บาท

ที่ตั้ง : ศาลาแดงซอย 1 (ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีศาลาแดง) เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-19.00 น. โทร. 0-2235-9210 และ 0-2233-0171

5. 612 Sixtwelve

สูทเจ้าบ่าว

เจ้าบ่าวที่อยากได้ลุคดูดีในสไตล์วินเทจแบบในภาพยนตร์เรื่อง Kingsman หรือ The Great Gatsby ต้องไม่พลาดกับร้านนี้ การันตีได้จากสไตล์สุดแฟชั่นของเจ้าของร้านอย่างคุณพิชญ์ กาไชย ที่ลงทุนเข้าคอร์สไปเรียนการตัดทำแพตเทิร์น ออกแบบ และเสาะหาช่างเย็บฝีมือดีมาไว้ที่ร้าน แถมยังมีผ้านำทั้งจากอังกฤษ อิตาลี และอเมริกา หรือถ้าหากเจ้าบ่าวมีผ้าของตัวเองอยู่แล้วก็สามารถนำมาเองได้ไม่ว่ากัน ส่วนระยะเวลาในการตัดเย็บก็ไม่ช้าไม่นานประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้น

ราคาเริ่มต้น : ตัดสูททั้งชุด 16,500 บาท

ที่ตั้ง : PT Court 1 ถนนรางน้ำ ราชเทวี โทร. 09-5904-4546 และกรุณานัดหมายล่วงหน้าที่ Line ID: 612sixtwelve

6. JBB*

สูทเจ้าบ่าว

ร้านเสื้อผ้าผู้ชายแบบมัลติฟังก์ชั่นที่เริ่มต้นจากการเชิ้ตของผู้ชาย ที่ต่อมาได้พัฒนาจนมีทั้งแจ็กเกตสูท โค้ท กางเก รวมไปถึงกระเป๋าที่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเกิดขึ้นภายใต้การสร้างสรรค์ของช่างผู้มากด้วยประสบการณ์ ที่ถึงแม้ร้านจะเป็นแบบ Ready-Made แต่กลับใส่ใจในรายละเอียดด้วยขั้นตอนการผลิตแบบ Tailor-Made หรือการตัดเย็บด้วยมือที่ให้คัตติ้งสุดเนี้ยบ โดดเด่นด้วยสไตล์อันหลากหลายที่มีพร้อมรองรับเจ้าบ่าวทุกสไตล์ ไม่ว่าจะแบบคลาสสิคหรือโมเดิร์น เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวที่รักการมิกซ์แอนด์แมตช์ต้องไม่พลาดร้านนี้ เพราะทุกชิ้นได้รับการออกแบบมาอย่างดีทำให้สามารถจับมาเข้ากันได้แบบง่ายดาย

ราคาเริ่มต้น : เสื้อเชิ้ตและกางเกง 3,600 บาท, แจ็คเกตผ้าญี่ปุ่น 13,500 บาท, ผ้าจากอิตาลี 18,500 บาท

ที่ตั้ง : โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ ชั้น LL เปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 11.00-20.00 น. โทร. 0-2252-8786 e-mail: [email protected]

7. Bangkoksuits

ร้านสูทที่มีให้เลือกทั้งสูทแบบสั่งตัดและแบบเช่าที่มาพร้อมกับ 12 ไซส์ให้เลือกเพื่อให้เข้ากับรูปร่างของเจ้าบ่าวชาวไทยโดยเฉพาะ จุดเด่นของร้านคือสูทแบบเข้ารูป และเป็นร้านที่ได้รับการการันตีในเรื่องคุณภาพเพราะเปิดมานานกว่า 30 ปีแล้ว

ราคาเริ่มต้น : 1,900 บาท

ที่ตั้ง : ซอยวิภาวดี 16/21 เปิดวันจันทร์-พฤหัส เวลา 10.00-20.00 น. วันศุกร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เปิด 10.30-19.00 น. โทร. 0-2277-9777

8. Pinky Tailor

ร้านตัดสูทสไตล์ Bespoke ซึ่งเป็นสไตล์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะสามารถออกแบบและตัดเย็บได้ตรงตามใจลูกค้า หรือหากจะเข้าไปขอรับคำปรึกษาก็สามารถทำได้ การันตีได้จากความเก๋าของร้านที่เปิดมายาวนานกว่า 30 ปี พร้อมผ้ามากมายที่มีให้เลือกภายในอาคารพาณิชย์ที่สูงถึง 3 ชั้น ซึ่งไฮไลต์ของร้านนี้อยู่ที่ผ้าจากแบรนด์ดังอย่าง Valentino หรือ Ermenegildo Zegna และพร้อมด้วยช่างผู้มีประสบการณ์แบบเฉพาะทางถึง 3 คน 3 สไตล์ที่พร้อมรองรับทั้งเจ้าบ่าวสไตล์คลาสสิค, เจ้าบ่าวที่อยากได้ลุคเป็นทางการ และเจ้าบ่าววัยรุ่นที่ต้องการรูปแบบที่ทันสมัย พร้อมจุดเด่นกับการใส่หางม้าแทนกระดาษแข็งไว้ด้านในสูทจึงทำให้ยิ่งใส่สูทจะยิ่งนิ่มและเข้ารูปพอดีกับรูปร่างเจ้าของสูทมากขึ้น ส่วนสูทที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ต้องยกให้กับสูทแบบกระดุมสองแถว (Double-breasted) เพราะฉะนั้นเจ้าบ่าวที่กำลังมองหาสูทสไตล์นี้ก็ลองเข้าไปขอรับคำปรึกษากันดูนะคะ

ราคาเริ่มต้น : ตัดสูททั้งชุด 8,000-30,000 บาท โดยราคาจะขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า และฝีมือของช่างที่สามารถตัดเย็บสูทในเนื้อผ้านั้นได้

ที่ตั้ง : อาคารมหาทุนพลาซ่า ถ.เพลินจิต (ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีเพลินจิต) เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.00-19.30 น. (วันอาทิตย์เฉพาะผู้ที่นัดไว้) โทร. 0-2253-6328

9. Button Up

ร้านสูทสไตล์เซเลบที่เหล่าคนในวงการบนเทิงแห่มาใช้บริการไม่ว่าจะเป็น มาริโอ้ เมาเร่อ หรือบอย ปกรณ์ โดดเด่นด้วยเนื้อผ้าที่นำเข้าจาก Loro Piana บริษัทผ้าที่มีชื่อเสียงของประเทศอิลาตี ที่ร้านสูทชั้นนำในประเทศลอนดอนยังเลือกใช้ จึงการันตีได้ถึงคุณภาพที่เจ้าบ่าวจะได้รับ และเจ้าบ่าวยังสามารออกแบบสูทได้ตามใจทำให้ได้สไตล์ที่ดูเป็นตัวเองที่สุด

ราคาเริ่มต้น : 10,000 บาท

ที่ตั้ง : ทองหล่อซอย 5 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. โทร. 0-2712-6111-2 และที่สยามพารากอน, Zen, เซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล บางนา, เอ็มโพเรียม และเดอะ มอลล์ บางกะปิ

10. Toast Bespoke

ร้านสูทสุดชิคแบบครบวงจรเพราะมีทั้งบริการตัดผม คลับบรรยากาศดี วิสกี้รสเลิศ และข้าวของสไตล์วินเทจให้เลือกสรร โดยร้านนี้ให้บริการตัดสูทแบบ Toast Bespoke ที่ทางร้านให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดจนได้เป็นสูทฟิตพอดีหุ่นมากที่สุด แถมยังใช้เวลาในการตัดเย็บเพียงน้อยนิดแค่ 14 วันเท่านั้นเอง

ราคาเริ่มต้น : สูทอย่างเดียว 10,500 บาท ทั้งชุด 14,000 บาท

ที่ตั้ง : ชั้น 3 Black Amber Thonglor Social Club ทองหล่อ 6 (ถ้าเดินทางด้วย BTS ให้ลงสถานีทองหล่อ) โทรนัดล่วงหน้าก่อนเท่านั้น โทร. 08-7509-7654

11. Tailorbird Shop

ร้านสูทในตำนานที่อยู่คู่กับเจ้าบ่าวเมืองไทยมานานกว่า 70 ปี ด้วยการทำงานพร้อมเทคนิคแบบมืออาชีพด้วยการให้เจ้าบ่าวลองสูทแบบมาตรฐานก่อนที่จะตัดสูทใหม่ให้เหมาะกับสมกับหุ่นของเจ้าบ่าว โดยใช้เวลาในการตัดเย็บประมาณ 3 อาทิตย์ เรียกได้ว่าถึงจะรอนานแต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าแน่นอน

ราคาเริ่มต้น : 10,000 บาท

ที่ตั้ง : 8 ซ.สุขุมวิท 28 ถ.สุขุมวิท เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.30-18.00 น. และวันเสาร์ เปิดเวลา 10.00-19.00 น. โทร. 08-1633-4884

ภาพ : www.cosmopolitan.com, www.tailoronten.com,
FB: PinkyTailor, FB: JBB, FB: 612sixtwelve, FB: Tailorbirdshop, FB: ToastBespoke
FB: thebuttonup, FB: suitcube

>> อ่านเรื่องต่างๆ ที่เจ้าบ่าวควรรู้ได้อีกเพียบที่นี่ คลิกเลย <<

5 เฉดสีเครื่องประดับเจ้าสาวช่วยปรับลุคสาวให้สวยเลอค่าในวันแต่งงาน

5 เฉดสี เครื่องประดับเจ้าสาว ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นผู้หญิงมีธีมที่เปรี้ยวเก๋สุดๆ 

เครื่องประดับสีแดง

สีแดงเป็นสีของพระอาทิตย์และไฟ จึงเป็นสีที่ให้ความรู้สึกร้อน มีพลังงาน ทั้งยังสื่อถึงความกระตือรือร้น ความกล้าหาญ พละกำลัง ความมุ่งมั่น ความต้องการปรารถนา และความรัก แม้ว่าจะเป็นสีของอารมณ์ที่รุนแรงทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่กระนั้นก็ยังเป็นสีที่ก่อให้เกิดความมีชีวิตชีวาด้วย แม้ว่าสีแดงจะเป็นสีมงคลตามความเชื่อของจีน แต่หากไม่ใช่พิธียกน้ำชาหรือแต่งงานแบบจีนแล้ว สีแดงไม่นิยมนำมาใช้ในการตกแต่งสถานที่จัดงานแต่งสักเท่าไร อาจเพราะให้ความรู้สึกที่แผดเผาอยู่ในที

แต่สำหรับการแต่งหน้าแล้ว การใช้สีแดงแต่งแต้มเรียวปากนั้นกลับเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมาช้านาน เป็นสีสุดโปรดของสาวมั่นทุกนาง ไม่เพียงทำให้ปากดูโดดเด่น แต่ยังช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้นอีกด้วย เสริมลุคเจ้าสาวของคุณให้ดูเซ็กซี่มีเสน่ห์น่าค้นหามาก

อัญมณีที่มีสีแดงคือ โกเมนสีแดง (Red Garnet) เป็นอัญมณีแห่งชัยชนะ อำนาจ บารมีต่างๆ โกเมนเหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีมังกร เพราะราศีมังกรเป็นราศีที่บ่งบอกถึงอำนาจ ความยิ่งใหญ่มีความสามารถในการปกครองสูง ทำให้เจ้าสาวดูมีความสง่างาม ดุจดั่งองค์ราชินีผู้มีอำนาจครอบครองความสวยงามไว้แต่เพียงผู้เดียว


เครื่องประดับสีขาว

สีขาวเป็นสีของความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นตัวแทนของความหวัง ความถูกต้อง ความเรียบง่าย เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณ พรหมจารี และความศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิต ชุดเจ้าสาวจึงเป็นสีขาวเพื่อบ่งบอกความหมายของสัญลักษณ์เหล่านั้น ส่วนสีเทาเป็นสีที่แสดงออกถึงความมั่นคง ปลอดภัย แม้จะเป็นสีที่มีส่วนผสมของสีดำเด่นชัดกว่าสีอื่น (ซึ่งคนไทยเชื่อว่าไม่เป็นมงคล)

แต่สีเทาก็ให้ความรู้สึกทางบวกได้เพราะช่วยให้เกิดความรู้สึกสมดุล เป็นกลาง และช่วยสร้างความน่าเคารพ ส่วนสีเงินเป็นสีของพระจันทร์ ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงหรือผันแปร มีลักษณะคล้ายกับอารมณ์และบุคลิกภาพพื้นฐานของผู้หญิงที่ไวต่อความรู้สึก แต่ก็มีดุลยภาพ ทั้งยังเป็นสีที่มีความหรูหรามีระดับ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูโฉบเฉี่ยวอยู่ในที การแต่งหน้าด้วยโทนสีทั้งสามนี้ใช้ได้ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานหมั้น งานแต่ง อาฟเตอร์ปาร์ตี้ หากเน้นความเป็นทางการก็เลือกเทาเด่น แต่ถ้าเน้นสนุกสนานก็ฟาดสีเงินได้เต็มที่ เด็ดสุดคือทาปากสีเงิน แซบเว่อร์ที่สุดในปฐพี

เพชร (Diamond) เป็นอัญมณีที่มีสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ความสำเร็จและกระตุ้นให้เกิดความกล้าหาญ เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีเมษ ส่วนไข่มุก (Pearl) เป็นแร่รัตนชาติที่มีความบริสุทธิ์ ความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีกรกฏ ช่วยเสริมความมีสง่าราศี ให้กับเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนโยนและการปกป้อง และก่อให้เกิดความนุ่มนวล อ่อนหวาน

บางคนก็ว่ามุกเป็นน้ำตามหาสมุทร ถ้าไม่อยากใส่ยกเส้น เลือกมาเป็น element เด่นบนชุดก็ไม่ผิด


เครื่องประดับสีน้ำเงิน

สีน้ำเงินเป็นสีของความสงบ สุขุม เยือกเย็น และหนักแน่น เป็นตัวแทนของช่วงกลางคืน จึงให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ลุ่มลึก และละเอียดรอบคอบ ส่วนสีฟ้าเป็นโทนซอฟต์ของน้ำเงินด้วยการผสมสีขาวลงไป จึงให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันแต่ปลอดโปร่ง สบาย และเป็นอิสระกว่า สำหรับสีเขียวนั้นช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศของความผ่อนคลาย สงบ

ด้วยความที่สีน้ำเงินเป็นสีที่มีความหรูหรา สง่างาม และน่าเกรงขามอยู่ในตัว จึงถูกเลือกใช้เป็นธีมการจัดงานแต่งอยู่บ่อยครั้ง ส่วนสีเขียวนั้นเห็นบ่อยยิ่งกว่า ความสดชื่นจากแมกไม้ช่วยสร้างความร่มรื่นให้กับห้องสี่เหลี่ยมในโรงแรมได้มากแต่เนื่องจากทั้งสองสีนี้มีสีสันที่เด่นชัดมาก จึงไม่ค่อยนิยมใช้ในการแต่งหน้าเจ้าสาว แต่หากเป็นการดินเนอร์ส่งท้ายคำว่า “นางสาว” รับรองว่าเปรี้ยวจนมะนาวสามเข่งต้องยอมสยบ จะเล่นกับเปลือกตาหรือทาเล็บก็เก๋ไม่แพ้กัน

อัญมณีที่มีสีฟ้าคือ อะความารีน (Aquamarine) เป็นอัญมณีที่มีความเยือกเย็นสามารถคลายความเร่าร้อนทุรนทุรายในจิตใจ ทำให้จิตใจสงบ อะความารีนเป็นอัญมณีที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีมีน ซึ่งเป็นราศีของเจ้าสาวช่างฝัน รักความสงบ มีจิตใจที่มั่นคง อัญมณีที่มีสีเขียวคือ มรกต (Emerald) ซึ่งเป็นอัญมณีที่มีสีเขียวโดยสมบูรณ์ เป็นอัญมณีแห่งขุมทรัพย์ ความร่ำรวย ร่มเย็นและเป็นพลังแห่งชีวิต เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีพฤษภ ทำให้เจ้าสาวมีชีวิตชีวา มีพลังแห่งความสดชื่น ทำให้ดูร่าเริงแจ่มใส

เครื่องประดับสีชมพู

สีชมพูเป็นสีที่มีความหวานละมุน ให้ความรู้สึกอบอุ่นเพราะเกิดจากการผสมของสีแดงและสีขาว มีลักษณะปลอบประโลมจิตใจ จึงถูกเลือกให้เป็นตัวแทนแห่งความรัก ส่วนสีส้มเป็นสีแห่งความเบิกบานและความรื่นเริง สำหรับสีพีชนั้นเป็นอีกโทนสีหนึ่งของสีส้ม แต่มีความซอฟต์กว่า จึงให้อารมณ์ที่อ่อนโยนกว่า

แม้การแต่งงานในแง่หนึ่งจะหมายถึงการผูกมัด แต่สีพีชก็ยังให้ความรู้สึกของการลดความเห็นแก่ตัวลง และสร้างความยินดีที่จะแบ่งปัน อันเป็นคุณลักษณะสำคัญของการครองคู่อีกด้วย สีชมพูและสีพีชถือเป็นโทนสีคลาสสิกสำหรับเจ้าสาวในทุกยุคทุกสมัย การแต่งหน้าด้วยสองโทนนี้นอกจากจะทำให้ลุคของคุณดูหวานใสคลาสสิกประดุจดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยายแล้ว ยังทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีและสวยอย่างเป็นธรรมชาติด้วย ที่สำคัญคือ ใช้ได้ทุกจุดตั้งแต่หน้าผากจรดปลายคาง และขอบอกว่า รอดทุกนางจริง

อัญมณีที่มีสีชมพูคือ แซปไฟร์สีชมพู (Pink Sapphire) เป็นไพลินชนิดหนึ่งที่มีความสวยงาม และมีพลังอำนาจเสริมความเจริญก้าวหน้าต่าง ๆ แซปไฟร์สีชมพูเป็นเครื่องประดับที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เกิดในราศีตุลย์ เพราะราศีตุลย์เป็นราศีของคนที่รักความสงบ รักความสวยงามแต่แฝงด้วยความร้อนแรง

 

เครื่องประดับสีทอง

สีเหลืองเปรียบเสมือนสีแห่งอรุณรุ่งของพระอาทิตย์ บ่งบอกถึงการเริ่มต้นที่ดี มักเป็นสีของความสุข ความเบิกบาน ความมีชีวิตชีวาให้อารมณ์ความรู้สึกที่สดชื่นแจ่มใส เกี่ยวข้องกับเรื่องของสติปัญญาและสมอง ทั้งยังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และก่อให้เกิดการมองโลกในแง่ดี ส่วนสีทองเป็นสีที่จัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของพระอาทิตย์เช่นเดียวกับสีเหลืองและมักจะเกี่ยวเนื่องกับพลังและความอุดมสมบูรณ์

นอกจากนี้สีทองยังหมายถึงการให้ชีวิตใหม่ ให้พลังใหม่ แค่พิจารณาความหมายข้างต้นคุณก็ไม่อาจปฏิเสธได้แล้วว่า สีทองและสีเหลืองเหมาะแก่การเลือกใช้ในวันแต่งงานมากขนาดไหน การเลือกแต่งเปลือกตาด้วยสีทองที่แวววาวเป็นประกายย่อมทำให้ใบหน้าของคุณดูเปล่งปลั่งสุดพลังชาติเกิด เลือกแมตช์กับสีน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นอายแชโดว์ อายไลเนอร์ หรือมาสคาราสำหรับปัดคิ้ว ก็ดูเข้ากันและช่วยลดทอนความแรงของสีทอง ทำให้ลุคเจ้าสาวไม่เหนือจริงจนเกินไป แต่ถ้าเป็นงาน rehearsal มื้อค่ำมื้อสุดท้ายก่อนเข้าพิธีวิวาห์ คุณก็จะดูเป็นแฟชั่นนิสต้าสาวสุดมาดมั่น

ทองคำ คือ สัญลักษณ์ของความหรูหรา ดูสูงศักดิ์ บ่งบอกถึงฐานะอันร่ำรวยและทรงอำนาจ ทองคำเหมาะกับเจ้าสาวที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งมั่นคงในฐานะของตน ส่วนอัญมณีที่มีสีเหลืองคือ บุษราคัม (Yellow Sapphire) ซึ่งเป็นหนึ่งในอัญมณีนพเก้าที่มีความทรงอำนาจในการผูกมิตร การมีสติปัญญาที่ดี บุษราคัมเป็นเครื่องประดับที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้หญิงที่เกิดในราศีเมถุน เพราะจะช่วยทำให้มีสติปัญญาที่ดี เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วหล้า

เจ้าสาวห้ามลืม! 8 สิ่งเสริมความเป๊ะให้สวยมั่นตลอดวันแต่งงาน

ความงามขั้นเทพคือ สิ่งที่เจ้าสาวทุกนางปรารถนา แต่เมื่อก้าวขาออกจากห้องแต่งตัว แน่นอนว่าทุกท่วงท่าอิริยาบถประกอบกับความวุ่นวายยุ่งขิงกับทุกสิ่งอันในแต่ละซีเควนซ์ของงานนั้น ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายทางกายภาพที่คุณอาจคาดไม่ถึง และส่วนใหญ่มักปราศจากช่างหน้า ช่างผมมือฉมังผู้สร้างสรรค์ในขั้นต้นมาคอยดูแลใน วันแต่งงาน (เพราะต้องจ่ายค่าเสียเวลาเพิ่ม) 

แพรวเวดดิ้งจึงขอนำเสนอ 9 สิ่งที่คุณต้องมีติดตัวใน วันแต่งงาน 9 สิ่ง ของที่เจ้าสาวต้องพก เพื่อบันดาลความงามให้คุณเลอเลิศตลอดรอดฝั่งกระทั่งงานจบ

 1. กิ๊บติดผม – แม้ว่าศีรษะอันสวยงามสง่าของคุณจะได้ช่างทำผมมือหนึ่งจัดทรงบรรจงประดิษฐ์มาอย่างพิถีพิถันแล้ว แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อเกิดหลุดลุ่ยขึ้นมา จะโทร.ตามช่างผมคงเป็นไปไม่ได้ จะใช้เพื่อนเจ้าสาวออกไปตามล่าหากิ๊บมาติดซ่อมก็คงไม่ทันกาล กิ๊บดำแผงละ 5 บาทช่วยคุณได้

2. แป้งฝุ่น – การซับมันและการเช็ดเหงื่อคือการทำความสะอาดใบหน้าให้ดูสดใส แต่ถ้าจะให้โดดเด้งไกลไปห้าร้อยเมตร คงต้องพึ่งแป้งฝุ่นเนื้อบางเบาชั้นดีสักตลับ จะให้สะดวกกว่านั้นคือ เตรียมพัฟฟ์ที่วอร์มแป้งไว้เรียบร้อยให้พร้อมใช้ทันที เติมหน้าเบาๆ เพียง 2 นาทีก่อนขึ้นเวทีเท่านั้น แล้วคุณก็จะดูเหมือนใหม่อีกครั้ง

3. ลิป – ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าแบ็กดร็อปแค่ 10 นาที กล่าวคำขอบคุณเกินร้อยครั้งได้ มีหรือที่สีปากที่ทาทาบมาอย่างดีจะไม่หลุดล่อน เตรียมลิปให้พร้อมเติมอยู่เสมอ จะเป็นแบบสติ๊กหรือเป็นกลอสก็ตามแต่ชอบเลย แนะนำว่าควรเป็นสีเดียวกันกับที่ช่างแต่งหน้าทาให้

4. ลูกอม – แม้จะเพิ่งแปรงฟันตอนอาบน้ำแต่งตัวก่อนลงมาร่วมงาน แต่การชิทแชตอย่างออกรสออกชาติกับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดีจนน้ำลายแตกฟอง ย่อมนำมาซึ่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แน่นอน เพราะฉะนั้นพกลูกอมติดตัวไว้เสริมความมั่นใจดีกว่า แล้วอย่าลืมแบ่งคนให้เจ้าบ่าวด้วยนะ

ภาพ : https://tanarievents.files.wordpress.com

5. ออยล์ล้างหน้า + คอตต้อนบัดส์ – การแต่งหน้าทำให้ดวงตาสกปรกจากเครื่องสำอางที่ใช้สร้างความงามให้ดวงตา ขี้ตาออกง่ายเวอร์ ใช้คอตต้อนบัดส์เริดสุด อายแชโดว์ไม่เลอะแน่นอน ยิ่งวันสำคัญเยี่ยงนี้มีหรือที่เจ้าสาวเซ้นสิทีฟจะไม่ซึ้งจนน้ำตาไหลพราก แม้มาสคารา อายไลเนอร์จะกันน้ำ แต่หากคุณเผลอเอามือปาดก็จบกัน คอตต้อนบัดส์ชุบออยล์ล้างเครื่องสำอางที่เตรียมไว้คงได้เวลาออกโรง

6. ทิชชู่ – อุปกรณ์สารพัดประโยชน์ ซับหน้า ซับน้ำตา ซับเหงื่อใต้รักแร้ยามตื่นเต้นสุดพลัง ได้หมด ยิ่งชุดแต่งงานสีขาวแสนจะบริสุทธิ์เวอร์นั้นสวยงาม แต่ไม่ง่ายที่จะดูแลรักษา มันมีอะไรให้พะวงมากกว่านั้น หากเลอะเปรอะเปื้อนขึ้นมา ให้นำทิชชู่ชุบโซดาแล้วค่อยๆ ซับรอยเปื้อนเบาๆ ดีกว่าใช้น้ำเปล่าเยอะ

7. เข็มกลัด – เมื่อสถาบันความงามชื่อดังกับโปรแกรมควบคุมน้ำหนักไม่ใช่เพื่อนรักสุดเลิฟของคุณ มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่ชุดจะขาดในวันงาน ไม่ได้หมายความว่าคุณอ้วน แต่การลุกนั่งขยับกายาในชุดเข้ารูปสุดรุ่มร่ามที่ไม่คุ้นชินก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ จะให้ดีควรพกเข็มด้ายไว้ครบชุดเลย

 8. น้ำหอม – เรื่องตัวมีกลิ่นไม่น่าเป็นไปได้ ด้วยยุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่นิยมจัดงานกันตามโรงแรมนั่นเอง แต่ความหอมหวนอาจจางหายไปตามกาลเวลา น้ำหอมกลิ่นโปรดชนิดพกพาเท่านั้นที่คุณคู่ควร

รับรองว่ามี 8 สิ่งนี้แล้วชีวิตเจ้าสาวจะสวยเป๊ะตลอดทั้งคืนแน่นอนค่ะ

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมอีกเพียบได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพเปิด : stylemepretty.com

ทำไม & จำเป็นหรือไม่ที่เจ้าสาวต้องใส่ เครื่องประดับแบบเซ็ต ในวันสำคัญ

เครื่องประดับแบบเซ็ต เสริมความงามให้เจ้าสาวในวันสำคัญได้จริงหรือ?

เครื่องประดับที่ใช้ในงานแต่งงานก็สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้นะคะ เพียงแต่ต้องวางแผนให้ดีตั้งแต่เริ่มต้นมองหาแหวนแต่งงานกันเลย ซึ่งหัวใจสำคัญคือทั้งสองจะต้องเข้าชุดกันก่อน เพราะเมื่อคุณนำมาประดับคู่กับชุดเจ้าสาวจะได้สวยเป๊ะสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นเมื่อจบงานแล้วยังสามารถนำ เครื่องประดับแบบเซ็ต นั้นมาแยกชิ้นและหยิบใช้งานได้ในหลายวาระโอกาสด้วยนะคะ

  • แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว คือแหวนแต่งงานอันดับหนึ่งของเจ้าสาวทุกคน

จากการสำรวจความสงสัยของว่าที่เจ้าสาวเกี่ยวกับแหวนแต่งงาน เราได้คำตอบว่า คำถามยอดฮิตคือ แหวนแต่งงานแบบไหนที่สามารถใช้ได้หลายโอกาสและยังสามารถจับคู่กับเครื่องประดับเซ็ตได้ทุกรูปแบบ คำตอบคือ แหวนเพชรเม็ดเดี่ยว (Solitaire Ring) และ แหวนคู่ (Wedding Band) ค่ะ

Untitled-2

เหตุผลที่แหวนสองแบบนี้สามารถจับคู่กับเครื่องประดับเซ็ตได้ทุกรูปแบบคือ ความเรียบง่ายที่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดอย่างที่คุณคาดไม่ถึง เพราะด้วยการออกแบบของแหวนทั้งสองนี้เน้นไปที่ความคลาสิค เรียบหรูและเอื้อต่อการหยิบมาใส่คู่กับเสื้อผ้าทุกรูปแบบ ทำให้แหวนสไตล์ที่ว่านี้ครองใจเจ้าสาวมายาวนาน

จุดเด่นของแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวอยู่ที่ความเรียบง่ายของตัวเรือนและเพชรกลมเม็ดงามที่นำมาประดับ ซึ่งในความเรียบง่ายนี้ไม่ได้ตีกรอบไว้จนว่าที่เจ้าสาวไม่สามารถออกแบบอะไรได้เลย เพราะคุณยังสามารถใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปในแหวนได้ตามที่ต้องการไม่แพ้แหวนสไตล์ไหน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัวเรือนที่สามารถเลือกก้านแหวนให้เป็นแบบบางหรือหนาเพื่อให้รับกับรูปทรงนิ้วผู้สวม หรือจะเป็นการปรับจำนวนหนามเตยให้สอดรับกับขนาดของเพชร นอกจากนี้ยังสามารถลงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติม เช่นการเลเซอร์สลักชื่อบ่าวสาวหรือลงวันที่แต่งงานบนท้องแหวนที่หลายคู่นิยม

Untitled-1

ส่วนแหวนคู่นั้นเป็นแหวนแต่งงานที่บ่าวสาวทุกยุค พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Must Have!! เพราะสามารถใส่ติดตัวได้ทุกวัน เวลาหยิบจับอะไรในชีวิตประจำวันก็ไม่ต้องคอยระวังว่าหัวแหวนจะไปเกี่ยวเสื้อหรือเปล่า แถมยังสามารถออกแบบให้แหวนเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วก็ได้ หรือจะใส่ความต่างนิดหน่อยด้วยการเพิ่มเพชรเม็ดเล็กๆ ลงไปบนแหวนที่เจ้าสาวต้องสวมก็ไม่ผิด

  • แหวนแต่งงานพร้อมแล้ว จึงเริ่มมองหาเครื่องประดับครบเซ็ต

เมื่อได้แหวนแต่งงานที่ถูกใจแล้วก็ถึงเวลาที่เจ้าสาวควรเลือกเครื่องประดับแบบครบเซ็ตที่มีต่างหู สร้อยคอและกำไลหรือสร้อยข้อมือพร้อม ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความสวยสมบูรณ์แบบสมศักดิ์ศรีเจ้าสาวของงาน แต่จะเลือกให้เข้าเซ็ตกัน เรามี 2 เทคนิกเจ๋งๆ มาฝากค่ะ
prima_adv0
1.    เข้าเซ็ตสวยในงานแต่งด้วยรูปทรงของเพชรที่เหมือนกัน

จำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะคะว่า สิ่งที่เหมือนกันย่อมอยู่ด้วยกันได้ไม่ยาก ไม่ว่าคุณจะเลือกแหวนแต่งงานสไตล์เรียบหรูหรือเปรี้ยวปรี๊ด แหวนทุกวงจะมีเพชรเป็นองค์ประกอบหลัก ลองดูว่าเพชรบนแหวนแต่งงานที่เลือกเป็นเพชรรูปทรงไหน ให้นำรูปทรงเพชรนั้นมาเป็นรูปทรงหลักในการเลือกเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ต่อไป  เช่นหากแหวนแต่งงานของคุณคือแหวนเพชรกลมเม็ดเดี่ยว เมื่อจะเลือกเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ก็ควรเลือกเครื่องประดับที่มีองค์ประกอบของเพชรกลมหรือรูปทรงเพชรประกอบที่รวมร่างแล้วกลายมาเป็นทรงกลมเป็นสำคัญ

2.    เข้าเซ็ตสวยด้วยดีไซน์โดยรวม

หลังจากเลือกรูปทรงของเพชรได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือการออกแบบที่ควรไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หากแหวนแต่งงานของคุณประกอบขึ้นจากเพชรทรงกลมหลายๆ เม็ดมาจัดวางจนกลายเป็นรูปดอกไม้ ต่างหูหรือสร้อยคอก็ควรมีการออกแบบในลักษณะของดอกไม้เช่นกัน โดยสร้อยคออาจเป็นเพชรกลมเรียงเม็ดแล้วห้อยจี้รูปดอกไม้ที่จัดเรียงขึ้นจากเพชรกลมเม็ดเล็กๆ ส่วนต่างหูก็อาจเลือกแบบที่มีลวดลายอ่อนหวานโค้งมนไปในทิศทางเดียวกันกับความกลมของเพชร เป็นต้น

603R8485-01

 

 

แล้วทำไมต้องใส่เครื่องประดับเข้าเซ็ต?

ข้อดีของการเลือกใช้เครื่องประดับที่เข้าเซ็ตกันคือ ทำให้เจ้าสาวแต่งตัวง่ายขึ้นในวันแต่งงาน แถมยังมองแล้วดูดี มีรสนิยม ไม่ใช่แต่งตัวไปคนละทิศละทางเหมือนคนแต่งตัวไม่เป็น นอกจากนี้ผลพลอยได้จากการเลือกชิ้นเครื่องประดับที่เข้าชุดกันคือ เมื่องานฉลองแต่งงานสิ้นสุดลง คุณยังสามารถนำเครื่องประดับเซ็ตนั้นมาแยกชิ้นใช้งานได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไม่สวย เพราะขนาดว่ารวมเซ็ตกันยังสวยเพอร์เฟค มีหรือที่เมื่อแยกชิ้นแล้วจะไม่เกิด

ส่วนที่ว่าจะเลือกให้เข้าเซ็ตแบบชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แต่เชื่อเถอค่ะว่า ไม่ว่าจะโอกาสไหน เลือกเครื่องประดับเข้าเซ็ตไว้ก่อนมีชัยกว่าครึ่ง  ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมคะว่า แค่เลือกเครื่องประดับให้ดี ให้เข้าเซ็ตเหมาะกัน คุณจะเฉิดฉายได้กับทุกปาร์ตี้ที่ไปเยือนและทุกวันธรรมดา

แต่ถ้าเจ้าสาวคนไหนอยากเสริมความงามด้วยไข่มุกต้องไม่พลาด เครื่องประดับไข่มุกเลือกแมตช์กับช่วงอายุยังไงให้ดูไม่แก่

ภาพเครื่องประดับ : Prima Diamond
ภาพเปิด : www.thebridalboutique.com

10 สถานที่สวนสวยในโรงแรมที่มีไว้ให้จัดงานธีมแต่งงานในสวน

งาน แต่งงานในสวน เป็นงานแต่งในฝันของสาวๆ หลายคน ที่จะวาดภาพถึงพื้นหญ้าสีเขียว กับงานแต่งสีขาว แต่กว่าจะเจอสวนสวยที่ถูกใจ ก็พาลเอาห่อเหี่ยวอยากจะล้มความฝันยอมไปแต่งงานใต้หลังคาและโคมแชนเดอเลียเหมือนเดิม แพรว wedding เราไม่ยอมให้สาวๆ ละทิ้งความฝัน จึงจัด 10 โรงแรมที่มีสวนสวยพร้อมบริการครบถ้วนมาให้ สาวๆ แค่เลือกแล้วโทรหาเป็นอันจบ ก็ได้ แต่งงานในสวน สมใจอยากแล้ว

1. Trader Vic’s  Garden @ Anantara Riverside Bangkok Resort

แต่งงานในสวน,Trader Vic's  Garden
สวนกว้างที่เขียวชอุ่มไปด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อนสีสันสดใส วิวแม่น้ำเจ้าพระยา

โรงแรมสวยฝั่งธนบุรีติดแม่น้ำเจ้าพระยา กับสวนเทรเดอร์ วิคส์ (Trader Vic’s Garden) สวนกว้างที่เขียวชอุ่มไปด้วยพันธุ์ไม้เขตร้อนสีสันสดใส เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ในลานสายตาแบบไม่ต้องชะเง้อมองจนคอยืดเป็นเต่า สวนแห่งนี้รองรับคนได้มากที่สุด 200 คน

แต่งงานในสวน,Trader Vic's  Garden
สวนแห่งนี้รองรับคนได้มากที่สุด 200 คน

ค่าใช้จ่าย : ขั้นต่ำ 400,000 บาท

ติดต่อ  ถนนเจริญนคร เขตธนบุรี กรุงเทพ โทร. 0-2476-0022

เว็บไซต์ bangkok-riverside.anantara.co.th/

เฟชบุ๊ค anantara

ภาพจาก www.bangkokriver.com, http://www.hotel-r.net/

2. สวนลอยฟ้า @ Amari Watergate

สวนลอยฟ้า,Amari Watergate,แต่งงานในสวน
สวนลอยฟ้า ชั้น 8 มองเห็นแสงสีเมืองหลวงชัดเจนแต่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว

โรงแรมกลางใจเมือง เดินทางสะดวกสุดๆ แถมสวนลอยฟ้า ชั้น 8 ยังเลอค่า เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นสวนติดดินธรรมดา คุณจึงได้ทั้งวิวสวนและวิวเมืองแบบพาโนราม่า มองเห็นแสงสีแห่งเมืองหลวงชัดเจนแต่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว เป็นงานแต่งงานโรแมนติคในแบบที่ไม่สามารถทำจำลองขึ้นได้เลย สวนลอยฟ้าแห่งนี้เหมาะกับจัดงานขนาดเล็กๆ เพราะรองรับคนได้เพียงแค่ 200 คนเท่านั้น

สวนลอยฟ้า,Amari Watergate,แต่งงานในสวน
เหมาะกับจัดงานขนาดเล็กๆ เพราะรองรับคนได้เพียงแค่ 200 คน

ค่าใช้จ่าย : ค็อทเทลเริ่มต้นที่ 1,000 บาท

ติดต่อ :  ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพ โทร 0-2653-9000

เว็บไซต์ : th.amari.com/watergate/

เฟชบุ๊ค : amarihotels

ภาพ th.amari.com/watergate/

3. สวนสราญรมย์ @Kalanan Riverside Resort

สวนสราญรมย์,แต่งงานในสวน
สวน สราญรมย์ สวนขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยกำแพงต้นไม้ สนามหญ้าปลอมที่ถูกโอบรอบด้วยกำแพงต้นไม้

บ้านใครอยู่แถวเมืองนนฯ เราขอเสนอให้ไปเยี่ยมชม Kalanan Riverside Resort  โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่วิวดี๊ดีแถมบรรยากาศยังเงียบสงบเป็นส่วนตัว กับสวนสราญรมย์ สนามหญ้าเทียมที่ทำให้เบาใจได้ว่าตัวแมลงทั้งหลายจะมีน้อยกว่าหญ้าจริง แถมสวนยังถูกโอบรอบด้วยกำแพงต้นไม้มองไปทางไหนก็เขียวครึ้ม ภายในพื้นที่มีห้องสำราญราษฎร์ 1 ที่สามารใช้เป็นห้องงานหมั้นวิวสวน หรือพื้นที่สำหรับรองรับแขกผู้ใหญ่เมื่อจัดงานในสวนอีกด้วย  นอกจากนี้ ยังมีศาลา 8 เหลี่ยมสำหรับจัดเป็นแลนด์มาร์คของงาน สวนแห่งนี้จุคนได้มากถึง 600 คน จัดงานใหญ่โตได้เลยทีเดียว

ค่าใช้จ่าย : แพคเกจเริ่มต้น 250,000 บาท

ติดต่อ : ซอยสุขาประชาสรรค์ 2 แขวงบางพูด ปากเกร็ด นนทบุรี

โทร. 0-2584-2222

เว็บไซต์ www.kalananriverside.com

เฟชบุ๊ค kalananriverside/

ไลน์ : @Kalananriverside

ภาพ www.kalananriverside.com

4. Praya Dinning @ Praya Palazzo Boutique Hotel Bangkok

Praya Dinning,แต่งงานในสวน
บูติคโฮเทลหรูสไตล์ไทยโคโลเนียลริมแม่น้ำเจ้าพระยา

บูติคโฮเทลหรูสไตล์ไทยโคโลเนียลริมแม่น้ำเจ้าพระยา สวนของที่นี่เด็ดตรงทางเข้าที่เป็นซุ้มเหล็กดัดเชื่อมต่อกับท่าเรือของโรงแรม ก่อนที่แขกผู้มางานจะประทับใจกับสวนเขียวขจี ภายใต้กิ่งไม้น้อยใหญ่และฉากหลังที่เป็นตึกสไตล์โคโลเนียลวินเทจ จึงเหมาะมากหากบ่าวสาวจะจัดงานในสไตล์ย้อนยุค ที่ส่วนของ Praya Dinning แห่งนี้จุคนได้ประมาณ 150  คน

ค่าใช้จ่าย :  450,000 บาท รวมค่าอาหาร ดอกไม้ ที่พัก แชมเปญ และเค้กแต่งงาน

ติดต่อ ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า เขตบางพลัด กรุงเทพ  โทร. 0-2883-2998 ,08-1402-8118

เว็บไซต์ www.prayapalazzo.com

เฟชบุ๊ค prayapalazzo/

ภาพ www.prayapalazzo.com, www.facebook.com/prayapalazzo/

5. ศาลาทิพย์ @ Shangri-La Hotel Bangkok

ศาลาทิพย์,แต่งงานในสวน
ศาลาทรงไทยริมแม่น้ำเหมาะเป็นพิเศษกับการจัดงานพิธีไทย

โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเวิ้งที่ว่ากันว่าสวยที่สุด มีสวนอยู่กลางศาลาทิพย์ ศาลาทรงไทยริมแม่น้ำ จึงเหมาะเป็นพิเศษกับการจัดงานพิธีไทย แต่ถ้าจะจัดงานที่สวนแห่งนี้จองศาลาทิพย์ด้วย โดยศาลาหลัง รองรับคนได้ 50 คน

ศาลาทิพย์,แต่งงานในสวน
ศาลา 1 หลัง รองรับคนได้ 50 คน

ค่าใช้จ่าย : บุฟเฟ่ต์เริ่มต้นหัวละ 1,450 บาท ค่าศาลาหลังละ 20,000 บาท

ติดต่อ :  ซอยวัดสวนพลู ถนนใหม่ เขตบางรัก กรุงเทพ โทร. 0-2236-7777

เว็บไซต์ www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/

เฟชบุ๊ค shangrilabkk

ภาพจาก http://www.shangri-la.com/bangkok/shangrila/

6. Rotunda Lawn  @ Siam Kempinski Hotel Bangkok

Rotunda Lawn,งานแต่งในสวน
สนามหญ้าสีเขียวอันร่มรื่นเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ

Rotunda Lawn  สนามหญ้าสีเขียวอันร่มรื่นเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ อยู่ภายใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ที่ดอกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เหมาะสำหรับงานเช้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมีแขกไม่มากนัก เพราะสวนแห่งนี้รองรับแขกได้เพียง 50 คนเท่านั้น

ค่าใช้จ่าย : ขั้นต่ำ 300,000 บาท

ติดต่อ  ถนนพระราม 1  เขตปทุมวัน กรุงเทพ โทร. 0-2162-9000

เว็บไซต์ www.kempinski.com/en/bangkok/siam-hote

เฟชบุ๊ค SiamKempinskiHotelBangkok

ภาพ www.kempinski.com/en/bangkok/siam-hotel, www.facebook.com/SiamKempinskiHotelBangkok

7. The Lawn @ The Peninsula Bangkok

The Lawn,งานแต่งในสวน
สนามหญ้าขนาดใหญ่วิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่รองรับคนได้มากถึง 300 คน

โรงแรมหรู 5 ดาว ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศในสวน The Lawn บอกเลยว่าดีเยี่ยม กับงานกลางสนามหญ้าขนาดใหญ่ ที่พื้นเรียบจนสามารถแดนซ์และสโลว์ซบสุดโรแมนติคภายใต้หมู่ดาวได้ แถมยังเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ตลอดทั้งสวน และที่สำคัญคือสวนมีขนาดใหญ่มากชนิดรองรับคนได้มากถึง 300 คน

ค่าใช้จ่าย : ขั้นต่ำ 520,000 บาท

ติดต่อ ถนนเจริญนคร เขตคลองสาน กรุงเทพ โทร. 0-2020-2888

เว็บไซต์ www.peninsula.com/

เฟชบุ๊ค ThePeninsulaBangkok/

ภาพ www.peninsula.com/

8. กมลทิพย์ @ The Sukosol Bangkok

แต่งงานในสวน,กมลทิพย์
โรงแรมใจกลางเมือง เหมาะสำหรับบ่าวสาวที่อยากได้ทั้งงานเอาท์ดอร์และอินดอร์

โรงแรมใจกลางเมืองเดินทางสะดวก เหมาะสำหรับบ่าวสาวที่อยากได้ทั้งงานเอาท์ดอร์ชิลๆ ตามใจตัวเอง และอินดอร์เอาใจญาติผู้ใหญ่ เนื่องจากจัดงานที่ห้องกมลทิพย์ ที่จุคนได้ถึง 800 คนก็จะได้พื้นที่สวนด้านนอกที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำไปด้วย คราวนี้ก็มีที่นั่งสบายๆ สำหรับญาติผู้ใหญ่ และสถานที่แฮงค์เอาท์ใต้ต้นไม้ตระกูลปาล์มสำหรับกลุ่มเพื่อน

ค่าใช้จ่าย : ค่าอาหารหัวละ 990 + +  ค่าปิดสถานที่ 30,000 บาท

ติดต่อ ถนนศรีอยุธยา เขตพญาไท กรุงเทพ  โทร.0-2247-0123

เว็บไซต์ www.thesukosol.com

เฟชบุ๊ค TheSukosolBangkok

ภาพ www.thesukosol.com

9. สนามหญ้าในสวน @ ทับขวัญ รีสอร์ตแอนด์ สปา

ทับขวัญ รีสอร์ตแอนด์ สปา,งานแต่งในสวน
สวนกว้างที่โอบล้อมไว้ด้วยต้นไม้ใหญ่และหมู่เรือนไทยหลังงาม

รีสอร์ตแอนด์สปาในจังหวัดนนทบุรี ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนักแต่เหมือนย้อนเวลากลับไปในวันวาร สวนกว้างแห่งนี้ที่รองรับคนได้มากถึง 400 คน ถูกโอบล้อมไว้ด้วยต้นไม้ใหญ่และหมู่เรือนไทยหลังงาม บอกเลยว่าเหมาะมากสำหรับงานเช้า และบ่าวสาวที่มีธีมงานแบบไทยแท้ๆก็ต้องไม่พลาดที่นี่เช่นกัน

ค่าใช้จ่าย : ค่าอาหารบุฟเฟ่ต์ไทยและเครื่องดื่มสมุนไพร หัวละ 750 บาท ขั้นต่ำ 50 คน

ติดต่อ ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง นนทบุรี โทร. 02 969 1200

เว็บไซต์ www.dhabkwan.com

เฟชบุ๊ค dhabkwanresort

ภาพ www.dhabkwan.com/

10. สวนริมแม่น้ำนครชัยศรี  @ สามพราน ริเวอร์ไซต์

สวนริมแม่น้ำนครชัยศรี,แต่งงานในสวน
สนามหญ้ากว้างขวางใกล้ชิดแม่น้ำนครชัยศรี บรรยากาศอบอุ่น

โรงแรมและสถานที่จัดงานขนาดใหญ่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก บรรยากาศร่มรื่นเขียวขจีตลอดปี โดดเด่นด้วยสนามหญ้ากว้างขวางใกล้ชิดแม่น้ำนครชัยศรีอันเงียบสงบมีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนจัดงานในสวนหลังบ้านยังไงอย่างนั้น แถมรองรับคนได้มากกว่า 500 คน

ค่าใช้จ่าย : ค่าสถานที่ 40,000 บาท ค่าอาหารบุฟเฟ่ต์ หัวละ 800 บาท ขั้นต่ำ 50 คน

ติดต่อ ถนนเพชรเกษม อำเภอสามพราน นครปฐม  0-3432-2544 , 0-34322-588 ถึง93

เว็บไซต์ sampranriverside.com/

เฟชบุ๊ค SampranRiverside.Thailand/

ภาพ sampranriverside.com, www.facebook.com/SampranRiverside.Thailand/

ครบแล้ว 10 โรงแรมที่มีสวนสวยสำหรับเนรมิตงาน แต่งงานในสวน ในฝันให้สาวๆ มีทุกแบบเลยเชียวทั้งสวนหญ้าสีเขียว สวนสวยริมแม่น้ำ หรือจะเป็นลานกว้างก็เก๋ไก๋ คราวนี้ก็สุดแล้วแต่ใจของบ่าวสาวแล้วล่ะคะ ว่าจะเลือกแบบไหนที่ใช่สำหรับคู่ของคุณที่สุด

10 อาหารทำลายสุขภาพที่เจ้าสาวต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างก่อนวันแต่งงาน

จะสวยในวันสำคัญทั้งทีต้องสวยแบบมีสุขภาพดีจากภายใน เพราะฉะนั้นเรื่องอาหารการกินจึงสำคัญ แพรวเวดดิ้งเลยจัด 10 อาหารทำลายสุขภาพ ที่เจ้าสาวต้องหลีกให้ห่างก่อนถึงวันวิวาห์มาให้ เอาเป็นว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน จะได้เผยผิวแบบมีออร่าในวันแต่งงานกันนะคะ

1. น้ำตาล

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมนูน้ำตาลนั้นไม่ดีต่อสาวๆ อย่างไรบ้าง ยิ่งกับเจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วยแล้วยิ่งต้องห้ามเป็นการใหญ่ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ก็งดเดินผ่านตู้เค้กหรือร้านน้ำหวานกันสักพักนะคะ แล้วหันมากินผลไม้บางอย่างที่ให้ความหวานแบบไม่อ้วนแทนดีกว่า แต่ผลไม้ก็ไม่ใช่ว่าจะกินได้ทุกอย่างนะคะ เพราะจากผลการวิจัยพบว่า กล้วยและองุ่น นั้นมีปริมาณน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง นักโภชนาการจึงแนะนำให้กินเป็นผลไม้จำพวกเบอร์รี่ กีวี และส้มแทน

2. ชีส

ชีสสีเหลืองทองที่ไม่ว่าจะราดลงบนอะไรก็ดูน่าอร๊อยอร่อย แต่ในความน่ากินนั้นกลับมีภัยร้ายซ่อนอยู่ เพราะชีสอุดมไปด้วยไขมันที่ย่อยยาก พอย่อยยากก็เกิดการสะสมในร่างกาย กายเป็นห่วงยางรอบพุงให้เจ้าสาวต้องกลุ้มใจ แถมถ้ากินมากๆ ก็จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องอืด และอ่อนล้าได้อีกด้วย

3. คาเฟอีน

กาแฟช่วยให้เจ้าสาวที่อ่อนล้าจากการเตรียมงานรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น แต่ในวันแต่งงานการดื่มคาเฟอีนอาจทำให้เจ้าสาวเกิดความกระวนกระวายหรือกังวลใจได้เพราะฤทธิ์ของกาแฟที่ไปกระตุ้นให้เจ้าสาวอะเลิร์ตตลอดเวลา ซึ่งก่อนหรือในวันแต่งงานเจ้าสาวควรจะมีอารมณ์ที่สงบที่สุดถึงจะถูก เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นชาสมุนไพรร้อนๆ สักแก้วที่ช่วยให้เจ้าสาวรู้สึกผ่อนคลายจะดีกว่านะคะ

4. กราโนล่า

ธัญพืชจากทางฝั่งตะวันตกนิยมทำเป็นซีเรียลมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต ถั่ว และน้ำผึ้งผสมกันแล้วนำไปอบให้กรอบ และมีน้ำตาลในปริมาณที่สูงด้วย!! และจากผลการวิจัยพบว่ากราโนล่าไม่ได้ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นลองมาทำกราโนล่าสไตล์โฮมเมดที่ไม่ผสมน้ำตาลด้วยการมิกซ์ส่วนผสมที่อุดมไปด้วยโปรตีน แถมยังสามารถเลือกถั่วหรือธัญพืชที่เจ้าสาวชอบได้อีกด้วย

5. แอลกอฮอล์

พอได้ฤกษ์สละโสดปาร์ตี้ของแก๊งเพื่อนก็ตามมาเป็นหางว่าว เราไม่ได้ห้ามปาร์ตี้นะคะ แต่ควรจะสนุกให้เต็มที่ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงวันแต่งงานให้นานสักหน่อย เพราะในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไอออกไซด์ออกมาในกระเพาะอาหาร จึงทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องผูกได้ อดใจไว้สักนิดแล้วไปสนุกให้เต็มที่ในช่วงอาฟเตอร์ปาร์ตี้ดีกว่านะคะ

6. ของเผ็ด

เพราะการกินของเผ็ดร้อนจะทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ แถมของเผ็ดที่กลิ่นแรงอาจทำให้ลมหายใจของเจ้าสาวไม่หอมสดชื่นด้วยนะจ๊ะ ถนอมลมหายใจหอมสดชื่นไว้จุมพิตสุดหวานกับเจ้าบ่าวสุดหล่อดีกว่า เพราะคุณคงไม่อยากมีความทรงจำที่แย่ในฐานะจูบแรกของสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ จริงไหม

7. น้ำอัดลม

ดูเผินๆ เจ้าสาวอาจจะคิดว่าไม่เห็นน่าจะกังวลตรงไหน แต่บางครั้งการดื่มน้ำอัดลมในปริมาณมากๆ ก็อาจทำร้ายกระเพาะอาการของคุณให้ระคายเคืองและเกิดอาการท้องอืดได้ เพราะฉะนั้นเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือชาก็สามารถเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้ไม่แพ้กัน

8. ผักตระกูลกะหล่ำปลี

เช่น บล็อคโคลี่, กะหล่ำดาว, ผักฉ่อย ล้วนเป็นผักที่ดีต่อสุขภาพ แต่อาจทำให้ท้องของคุณปั่นป่วนได้หากรับประทานแบบดิบๆ เพราะฉะนั้นก่อนถึงวันแต่งงานประมาณสองวัน เราขอแนะนำให้เจ้าสาวงดกินผักดิบ เนื่องจากผักที่มีเส้นใยอาหารสูงอาจสร้างแก๊สในกระเพาะได้ หากระดับเอนไซม์ย่อยอาหารของเจ้าสาวอยู่ในระดับต่ำ เพราะฉะนั้นควรทำให้ผักสุกสักนิดเพื่อช่วยลดความเครียดและการทำงานหนักของระบบย่อยอาหาร

9. ของทอด

ขึ้นชื่อว่าทอดแน่นอนว่าอาหารนั้นต้องผ่านน้ำมันมาแน่นอน และนี่แหละค่ะตัวการความอ้วนชั้นดี เพราะฉะนั้นหันมากินน้ำมันที่มีประโยชน์กับร่างกายแทนดีกว่าด้วยอาหารที่อุดมไปด้วยน้ำมันที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น อะโวคาโด, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะกอก ที่ปลอดภัยและดีต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดด้วย

10. คาร์โบไฮเดรต

ผลไม้อบกรอบ, ขนมปัง, แครกเกอร์ และมันฝรั่งทอดหลากรสเป็นสิ่งที่เจ้าสาวต้องหลีกให้ห่าง เพราะนี่เป็นคาร์บที่บั่นทอนสุขภาพของเจ้าสาว ซึ่งอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีปริมาณเส้นใยสูงจะทำให้เกิดแก๊สในระบบย่อยอาหารได้ และเป็นสาเหตุให้เจ้าสาวท้องป่องในชุดแต่งงาน เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นการกินธัญพืชที่ย่อยง่าย อย่างเช่น บัควีท,คีนัว, ลูกเดือย ที่ดีต่อระบบย่อยอาหารและลดอาการท้องอืดได้เป็นอย่างดี

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ภาพ : www.thedailymeal.com, www.eatingwell.com, www.huffingtonpost.com

ใส่สูทยังไงให้ดูดี ต้องไม่มี 3 สิ่งต่อไปนี้ที่ผู้ชายมักพลาดเวลาใส่สูท

ใส่สูทยังไงให้ดูดี ? คำถามนี้หนุ่มๆ หลายคนคงกำลังหาคำตอบอยู่ ขอบอกเลยว่าคำตอบและเทคนิคนั้น ง่ายนิสสเดียว

หนุ่มๆ ที่กำลังจะเป็นเจ้าบ่าว หรือเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว หรือต้องแต่งตัวไปงาน ก็คงอยากจะดูดีด้วยกันทั้งนั้น แต่รู้ไหมคะ ว่าเทคนิค ใส่สูทยังไงให้ดูดี คืออะไร? บอกเลยว่าคำตอบนั้นไม่ใช่ สูทราคาแพง แต่อยู่ที่เทคนิคการใส่ต่างหาก ซึ่งหนุ่มๆ หลายคนมักจะทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอเวลาใส่สูท แล้วสิ่งที่พลาดที่ว่านั้นคืออะไร ตามไปอ่านกันได้เลย

  • การใส่ทั้ง Suspenders และเข็มขัด

Suspenders หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า Braces คือสายรั้งกางเกง มีหน้าที่แบบเดียวกับเข็มขัดคือทำให้กางเกงกระชับเอว ไม่ไหลหลุดไปตามแรงโน้มถ่วง เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่ทั้งสองอย่างพร้อมกัน เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า หรือบางครั้งเวลาใส่สูทสุภาพบุรุษหลายท่านเลือกที่จะไม่ใส่ทั้งสองอย่างเลยในกรณีที่กางเกงพอดีตัวอยู่แล้ว ทิปส์เล็กๆ ในการเลือก Suspenders คือ ไม่ควรใส่เส้นที่สั้นจนเกินไป

ใส่สูทยังไงให้ดูดี

  • นั่งแล้วไม่ปลดกระดุทสูท

เวลานั่งเก้าอีทุกครั้ง คุณสุภาพบุรุษควรปลดกระดุมสูททุกเม็ด เพราะการนั่งลงไปทั้งที่ติดกระดุมอยู่จะทำให้เสื้อนอกคุณรั้งจนแทบจะปริออกมา นอกจากดูไม่ดีแล้วยังทำให้สูทเสียทรงอีกด้วย

  • ติดกระดุมสูททุกเม็ด

จริงๆ แล้วเรื่องการติดกระดุมสูทเป็นที่ถกเถียงกันในสไตล์หมู่กูรูว่าจริงๆ แล้วควรจะติดแบบไหน แต่สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับสูท Single Breasted แบบ 2 กระดุมก็คือติดเฉพาะเม็ดบน ถ้าถามว่าทำไมคนไม่นิยมติดกระดุมเม็ดล่าง ก็อาจเป็นเพราะมันรัดพุง ทำให้ขยับตัวไม่ถนัด ดูเหมือนตัวคุณกำลังจะปริออกมา ในขณะที่สูท Single Breasted แบบกระดุม 3 เม็ดก็นิยมติดเฉพาะเม็ดกลางหรือเม็ดบนสุด ส่วนสูทประเภท Double Breasted กระดุม 6 เม็ด ก็มักจะไม่กลัดกระดุมแถวสุดท้ายอีกเช่นกัน แต่บางครั้งเราอาจเห็นสุภาพบุรุษหลายท่านนิยมมากลัดกระดุมแถวสุดท้ายเมื่อใส่สูทแบบ Double Breasted ก็ถือว่าไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด เอาเป็นว่าเลือกให้เข้ากับตัวเองมากที่สุดก็พอ

ภาพ stocksnap.io, pinterest

ติดตามเทคนิคการใส่สูท และแบบสูทเท่ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิกเลย!

พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว พร้อมข้าวของที่ต้องเตรียม และสคริปต์ที่ต้องมี

เมื่อพูดถึง พิธีล้างเท้าเจ้าบ่าว ในปัจจุบันนี้บ่าวสาวหลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าไปถามคุณพ่อคุณแม่ หรือปู่ย่าตายายแล้วล่ะก็ พวกท่านจะร้องอ๋อโดยทันที ซึ่งสาเหตุที่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีพิธีนี้ให้เห็นแล้วอาจจะเป็นเพราะด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากและอาจทำให้ช่วงเวลาดูยืดเยื้อ แต่ถ้าหากคุณเป็นคู่ที่อยากสืบสานวัฒนธรรมและอนุรักษ์สิ่งนี้ไว้ แพรว wedding ได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ พร้อมสคริปต์เป๊ะๆ แบบ 2 ภาษามาให้แล้วค่า

 

สิ่งที่ต้องเตรียม

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบโบราณ : ใบตองวางทับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เจ้าบ่าวสามารถขึ้นไปยืนได้และน้ำสะอาดผสมมะกรูดมะนาวในขันเงินสำหรับล้างเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าสาวตระเตรียมแบบประยุกต์ : ก้านมะยมและน้ำสะอาดใส่ในขันเงินสำหรับพรมเท้าเจ้าบ่าว

ฝ่ายเจ้าบ่าว : เตรียมซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว

ขั้นตอนในพิธี

เมื่อเจ้าบ่าวมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าสาวแล้ว น้องหรือญาติผู้น้องของเจ้าสาวจะเป็นผู้ล้างเท้าเจ้าบ่าว โดยเจ้าบ่าวจะต้องถอดรองเท้าและยืนอยู่บนหินที่รองด้วยใบตอง จากนั้นน้องหรือญาติผู้น้องของเจ้าสาวจะตักน้ำที่เตรียมไว้ในขันเงินล้างและช่วยเช็ดเท้าให้เจ้าบ่าว เพื่อเป็นการต้อนรับและเป็นการแสดงความเคารพเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาอยู่ในครอบครัว หลังจากนั้นเจ้าบ่าวจะให้ซองเงินเป็นสินน้ำใจตอบแทน

ปัจจุบันคนไทยสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นเรื่องปกติจึงไม่จำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน ทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้าโดยเปลี่ยนมาใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้ พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าว ไม่ต้องล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน และบางพื้นที่อาจมีการชิงรองเท้าเจ้าบ่าว เพื่อเอาไว้เรียกค่าไถ่ และสร้างสีสันสีสันในงานแต่ง

 

The Feet Washing Ceremony (if necessary)

  • The groom takes off his shoes and stands on a rock placed on a banana leaf.
  • The younger sibling of the bride pours water onto the groom’s feet to welcome and to show respect to the person who will become his or her brother-in-law. (In the old days, Thais walked barefoot everywhere, so they had to wash their feet before stepping in to houses.)
  • The groom gives money to say thank you.

    NOTE
    : For convenience, these steps can be reduced to simply sprinkling water on the groom’s feet.

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

6 อาหารกินแล้วสวย ว่าที่เจ้าสาวควรหามาทานกันโดยด่วนรับรองเวิร์ค

เจ้าสาวทุกคนย่อมอยากสวยดูดี ในวันแต่งงานด้วยกันทั้งนั้น  ถ้าอยากดูดีสมบูรณ์แบบก็ต้องรีบดูแลกันแต่เนิ่นๆ ยิ่งเรื่องอาหารการกินด้วยแล้ว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าสาวทุกคนควรต้องดูแล แพรวเวดดิ้งขอแนะนำ 6 อาหารเพิ่มความสวย ให้คุณว่าที่เจ้าสาว รีบหามาทานกันด่วนๆ อาหารกินแล้วสวย มีอะไรบ้าง ลองดูกันเลย

1. ผลไม้สด

องุ่นเป็นสุดยอดอาหารต้านความชรา บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ แตงโมช่วยขับปัสสาวะและของเสียในร่างกาย ผลไม้แต่ละชนิดล้วนมีสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป จึงควรหามาทานให้หลากหลาย

ผลไม้

2. น้ำ

ช่วยขับสารพิษในร่างกาย ควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง และดื่มน้ำอุ่นตอนเช้าและก่อนนอนจะช่วยให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป

น้ำ

3. อาหารที่มีเส้นใย

การทานอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างผัก มันเทศ และสาหร่าย จะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี ส่งผลให้ไม่เหลือสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว และการทานข้าวกล้องยังส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย

ผัก

4. ชา

การดื่มชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีนในช่วงเย็นจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในร่างกาย เช้าวันต่อมาจะทำให้หน้าไม่บวมอีกด้วย

ชา

5. อาหารรสเผ็ด

ในพริกเผ็ดๆ มีสารแคปไซซินที่เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรทานอย่างพอเหมาะเพื่อไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก และอย่าลืมหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มด้วย

พริก

6. ไวน์

การดื่มไวน์แดง และไวน์ข้าว(ไวน์ที่ได้จากการหมักข้าว) นั้นดีกับผิว แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรให้ไวน์สัมผัสผิวโดยตรง โดยใช้ไวน์แดงสำหรับมาสก์หน้า  สาร AHA ในไวน์แดงจะช่วยกำจัดผิวหนังที่ตายแล้วออกอย่างอ่อนโยนและทำให้ผิวนุ่มขึ้น ใช้ไวน์ข้าวตอนอาบน้ำ ไวน์ข้าวจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน คงความชุ่มชื่น

ไวน์แดง

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

เครดิตภาพ : pinterest

เนรมิตงานแต่งงานริมทะเลบนชายหาดส่วนตัวสุดโรแมนติกได้แบบใกล้แค่เอื้อม @โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน

งานแต่งงานริมทะเล น่าจะเป็นธีมงานที่อยู่ในใจว่าที่บ่าวสาวหลายคู่เพราะเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติกของสายลม หาดทราย พร้อมวิวพระอาทิตย์ฉาบแสงสีส้มสุดโรมานซ์ที่จะช่วยให้งานแต่งงานของว่าที่บ่าวสาวสวยขึ้นแบบคูณสอง เอาเป็นว่าหากภาพนี้คือภาพฝันงานแต่งงานของคุณล่ะก็ แพรวเวดดิ้งจะขอชวนว่าที่บ่าวสาวมาท่องโลกแห่งจินตนาการพร้อมจัดงานแต่งงานที่ไม่เหมือนใครที่ โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ในบรรยากาศงานวิวาห์ชวนฝันริมทะเลบนชายหาดส่วนตัว พร้อมอีกหลากหลายพื้นที่ที่พร้อมให้บริการทุกรูปแบบการจัดเลี้ยงที่ว่าที่บ่าวสาวสามารถสร้างสรรค์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าคุณและคนรักปรารถนาสิ่งใด โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ก็พร้อมที่จะเป็นทุกคำตอบให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน รีสอร์ทที่ออกแบบได้อย่างไม่เหมือนใครผสมผสานความหรูหราเข้ากับงานออกแบบสไตล์แฟชั่นดีไซน์จนเกิดเป็นความเก๋ไก๋ผ่านฝีมือของ “คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค” นอกจากนี้ยังได้ มร. โดนาเทียน คาราทิเยร์ นักออกแบบภายในชาวฝรั่งเศสมาแต่งแต้มจิตนาการและภาพชวนฝันโดยจำลองรูปปั้นสัตว์นานาชนิดไว้ตามที่ต่างๆ ภายในรีสอร์ทอีกด้วย

โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน มีห้องพักและวิลล่ารวมทั้งหมด109 ห้อง โดยในห้องพักทั้งหมดมีการตกแต่งในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร โดยจะตกแต่งออกมาเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่

สไตล์โซอาร์ตี้ (SO Arty) ห้องพักที่มีความทันสมัย ที่แสดงภาพความงดงามของศิลปะที่มนุษย์สร้างขึ้นผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัยและประดับตกแต่งด้วยภาพถ่ายอันแสดงถึงอิริยาบถอันงดงามของมนุษย์โดยฝีมือของช่างภาพชาวอเมริกันมิสโลอิสกรีนฟิลด์ (Lois Greenfield)

สไตล์โซเนเจอร์ (SO Nature) ห้องพักที่แสดงถึงความเป็นธรรมชาติ ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันงดงามพร้อมประดับด้วยภาพถ่ายแนวธรรมชาตินิยมโดยช่างภาพมากฝีมือชาวนิวซีแลนด์มร. มาร์ตินฮิล (Martin Hill)

อีกทั้งที่นี่ยังมีทรีตเมนท์สปาที่ โซ สปา (SO/ SPA) ที่นำศาสตร์การบำบัดแบบดั้งเดิมรวมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ผสมผสานกับเทคนิคการนวดโดยนักบำบัดผู้เชี่ยวชาญ หรือจะเลือกออกกำลังกายที่ โซ ฟิต(SO/ FIT) ซึ่งเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมี 3 สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ได้แก่ SO Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่สำหรับครอบครัวตั้งอยู่บริเวณหน้าชายหาด, Solarium Pool สระว่ายน้ำสีฟ้าสดใสสะท้อนแสงแดดตั้งอยู่ใจกลางรีสอร์ท และ Signature Pool สระว่ายน้ำหลักของรีสอร์ทขนาดกว้าง 16 เมตรยาว 60 เมตรพร้อม Wibit ฐานกิจกรรมแอดเวนเจอร์ลอยน้ำที่ให้คุณและเพื่อนๆ หรือครอบครัวได้สนุกกันอย่างเต็มที่

ในส่วนของห้องจัดเลี้ยง และแพ็คเกจงานแต่งที่โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ก็พร้อมเนรมิตงานวิวาห์ในฝันให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบผ่านการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ ที่คุณและคนรักสามารถคลายความกังวลได้ในวันสำคัญ ผ่านการวางแผนการจัดงานอย่างราบรื่นในหลากหลายพื้นที่การจัดงานภายในโรงแรม และแพ็คเกจพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อคุณและคนรักโดยเฉพาะ

แพ็คเกจถ่ายภาพแต่งงาน (พรีเวดดิ้ง) *ราคา 13,000 บาทสุทธิ

เก็บภาพพรีเวดดิ้งหวานๆ กับสายลม แสงแดด และเกลียวคลื่น ณ บริเวณริมสระว่ายน้ำ พื้นที่หน้าหาด พื้นที่สวน พื้นที่บริเวณล็อบบี้ ระหว่างเวลา 8:00 น. – 18:00 น. ประกอบด้วย

  • ห้องพัก SO Comfy พร้อมอาหารเช้าสำหรับคู่บ่าวสาวที่ห้องอาหาร White Oven
  • ชุดอาหารค่ำสำหรับคู่บ่าวสาว พร้อมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์แบบฟรีโฟลว์ที่ห้องอาหาร White Oven หรือ บริการนวดน้ำมันอโรมาเธอราพี สำหรับคู่รักที่ SO/ SPA
  • มินิบาร์ในห้องพัก เครื่องดื่ม ชา และกาแฟ
  • อินเตอร์เน็ทความเร็วสูง
  • บริการ Early Check-in ตั้งแต่เวลา 8:00 น. หรือ Late Check-out เวลา 14:00 น. (ขึ้นอยู่กับห้องพักที่ว่างในขณะนั้น)

แพ็คเกจพิธีแต่งงานแบบไทย *ราคา 129,000 บาทสุทธิ

งานพิธีไทยสุดหรู ณ ห้อง SO Ballroom หรือห้อง Galerie สำหรับแขกจำนวน 50 ท่าน ประกอบด้วย

  • พิธีสงฆ์ พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป
  • พิธีหมั้น และพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พร้อมการตกแต่งดอกไม้บริเวณแท่นพิธี
  • พวงมาลัยบ่าวสาว
  • เข็มกลัดดอกไม้สำหรับพ่อแม่บ่าวสาว
  • ชุดกลองยาว
  • สมุดเขียนอวยพร
  • อาหารพร้อมเครื่องดื่มสำหรับแขก 50 ท่าน
  • ชุดอาหารว่างสำหรับบ่าวสาว บริการเสิร์ฟขึ้นห้องในวันพิธี
  • หัองพัก One-Bedroom SO Pool Villa พร้อมอาหารเช้าสำหรับบ่าวสาว จำนวน 1 ห้อง1 คืน
  • สปาทรีตเม้นท์ 60 นาที ณ SO/ SPAสำหรับบ่าวสาว

แพ็คเกจพิธีงานแต่งงานริมทะเล *ราคา 119,000 บาทสุทธิ

ให้งานแต่งงานของคุณเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความประทับใจไม่รู้ลืม ณ บริเวณสนามหญ้าริมชายหาด Event Lawn สำหรับแขกจำนวน 50 ท่าน ประกอบด้วย

  • การตกแต่งดอกไม้บริเวณแท่นพิธี และบริเวณงาน
  • ช่อดอกไม้สำหรับเจ้าสาว เข็มกลัดดอกไม้สำหรับเจ้าบ่าว
  • ช่อดอกไม้สำหรับเพื่อนเจ้าสาว2ช่อเข็มกลัดดอกไม้สำหรับเพื่อนเจ้าบ่าว 2ชุด เข็มกลัดดอกไม้สำหรับพ่อแม่บ่าวสาว
  • ผู้ดำเนินพิธีการ
  • เค้ก 3 ชั้น (10 ปอนด์)
  • สปาร์คกลิ้งไวน์ 1 ขวด
  • สมุดเขียนอวยพร
  • เครื่องดื่มต้อนรับสำหรับแขก 50 ท่าน
  • ชุดอาหารว่างสำหรับบ่าวสาวบริการเสิร์ฟขึ้นห้องในวันพิธี
  • หัองพักOne-Bedroom SO Pool Villa พร้อมอาหารเช้าสำหรับบ่าวสาวจำนวน 1 ห้อง 1 คืน
  • สปาทรีตเม้นท์ 60 นาทีณSO/ SPA สำหรับบ่าวสาว


*หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงแรมฯกำหนด

คู่รักที่สนใจไปใช้เวลาพักผ่อน หรือจะไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งพร้อมเป็นทริปซ้อมฮันนีมูนย่อมๆ หรือจะไปจัดงานแต่งงานในฝัน โรงแรมโซ โซฟิเทล หัวหิน ก็พร้อมที่จะดูแลและให้บริการพร้อมเนรมิตทุกภาพฝันของว่าที่บ่าวสาวให้สมบูรณ์แบบเป็นที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มโทร. 032-709-555 หรืออีเมล์ [email protected]

เช็กลิสต์ความงามเจ้าสาว จัดให้ครบตามนี้เพื่อต้อนรับตำแหน่งเจ้าสาวมีออร่า

ตำแหน่งเจ้าสาวนั้นไม่ได้มีโอกาสให้ได้เป็นกันได้บ่อยๆ บางคนอาจจะได้สวมบทบาทตำแหน่งนี้แค่คนละครั้งเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่เราจะต้องเตรียม ความงามเจ้าสาว ให้สวยสมบูรณ์แบบที่สุดในวันงาน เรามาเริ่มเช็คกันเลยค่ะว่าเรื่องความสวย เราต้องเตรียมตัวทำอะไรกันบ้าง

1. ผิวหน้าสะอาด สุขภาพดี

เทคนิคง่ายๆที่จะช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สุขภาพดี  เราต้องเริ่มตั้งแต่วิธีการล้างหน้าและทาครีมอย่างเบามือ ไม่ทาขึ้นๆลงๆหรือถูไปมาบนใบหน้า แต่ควรลูบขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ควรทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง ข้อสำคัญอีกอย่างคือทาครีมที่หน้าแล้วอย่าลืมทาที่ลำคอด้วยนะคะ และก่อนออกจากบ้านให้ทาครีมกันแดดทุกครั้ง

2. ผิวกายนุ่มชุ่มชื่น

ควรหมั่นทาครีมให้ความชุ่มชื้นผิวอยู่เสมอ วางครีมหรือโลชั่นทาผิว ไว้ทุกที่ เพื่อได้หยิบใช้สะดวกเมื่อนึกขึ้นได้ และสามารถเติมความชุ่มชื่นได้ตลอดทั้งวัน

3. ริมฝีปากเรียบเนียน

ทาลิปบาล์มบำรุงริมฝีปากให้เรียบเนียน ไม่ลอกเป็นขุย และหมั่นสครับริมฝีปากเพื่อผลัดเซล์ผิวออก

4. ฟันขาวสะอาด

พบทันตแพทย์ ปรึกษาปัญหาช่องปาก หากสีฟันหมอง แนะนำให้ฟอกสีฟัน เพื่อรอยยิ้มที่สดใส

5. ผมสลวย ไร้รังแค

ควรเชคเส้นผมของเราว่ามีรังแคหรือเปล่า ถ้ามี ให้หาผลิตภัณฑ์มาทดลองใช้ ค้นหาสิ่งที่เหมาะกับหนังศรีษะและเส้นผมของเรา         หากไม่มีผลิตภัณฑ์ชิ้นใดตอบโจทย์ ควรปรึกษาแพทย์ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรัง รบกวนใจในวันแต่งงาน

6. เล็บต้องเป๊ะ

การดูแลเล็บและมือให้สะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะต้องสวมแหวนในวันงาน และทุกคนคงจะโฟกัสมาที่มือของคุณ ควรทาครีมบำรุงมือให้นุ่มชุ่มชื่นอยู่เสมอ และควรเข้าร้านทำเล็บก่อนถึงวันงาน ให้ช่างดูแลเล็บสวยๆให้ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบให้เราเลือกใช้บริการ

7. บอกลากลิ่นทั้งหลาย

ถ้าวันงานมีกลิ่นไม่พึงประสงค์เล็ดลอดออกมา คงจะดูไม่งามแน่ๆ

กลิ่นปาก ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารเสร็จ หรือลองหาหมากฝรั่ง sugar free มาเป็นตัวช่วย หากไม่สะดวกแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ

กลิ่นกาย วันงานถ้าเป็นงานอินดอร์ อยู่ในห้องแอร์คงไม่น่าห่วงมากนัก แค่เลือกใช้น้ำหอมกลิ่นหอมๆเป็นตัวช่วย แต่ถ้างานเอ้าดอร์ละก็ คงอาจจะต้องพกสเปรย์ระงับกลิ่นและน้ำหอม ติดไว้กับเพื่อนเจ้าสาวสักหน่อย เผื่อฉุกเฉินได้เรียกใช้ได้

กลิ่นเท้า อาจไม่เป็นปัญหาในวันงาน เพราะคงสวมรองเท้าอยู่ตลอด แต่ตอนเข้าห้องหอสิคะ คงจะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ดังนั้น ควรรักษาเท้า โดยการหมั่นใส่ถุงเท้าสะอาดอยู่เสมอๆ และรักษารองเท้าไม่ให้มีกลิ่นอับ

8. กำจัดขนให้สิ้นซาก

ขนรักแร้ ขนหน้าแข้ง กำจัดออกไปซะ แนะนำวิธีเลเซอร์ด้วยเครื่อง YAG ที่กำจัดถึงรากถึงโคน เกลี้ยงเกลา ไม่มีปุ่ม ลองสอบถามตามคลินิกความงามทั่วไป เขามีบริการอยู่ แต่ควรศึกษารายละเอียดก่อนเข้ารับบริการนะคะ

9. สุขภาพกายแข็งแรง สดชื่น กระฉับกระเฉง

ในวันงาน ภาพลักษณ์ภายนอกต้องดูดีเสมอ และต้องใส่ส้นสูงเป็นเวลานาน ต้องยืนเกือบตลอดงาน การออกกำลังกาย เป็นวิธีที่รักษาสุขภาพโดยรวมได้ ทั้งช่วยเรื่องความแข็งแรง บุคลิกภาพดี และเพิ่มความสดชื่น

>> อ่านเคล็ดลับเกี่ยวกับความงามและสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ pinterest

ปักหมุด 8 สถานที่จัดงานแต่งงานริมน้ำที่ทั้งหรูเลิศแถมได้ฟีลโรแมนติก

สถานที่จัดงานแต่งงานริมน้ำ พร้อมบรรยากาศพาฟิน <3

สำหรับว่าที่บ่าวสาวที่กำลังจะลั่นระฆังวิวาห์ในเร็วๆ นี้ แต่ยังหา สถานที่จัดงานแต่งงานในเมืองกรุงที่ถูกใจไม่ได้ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำ สถานที่จัดงานแต่งงานริมน้ำ ที่ทั้งเย็นสบายและได้อารมณ์โรแมนติก แถมยังเดินทางสะดวกอีก จะมีที่ไหนบ้างนั้นไปดูกันเลยดีกว่า

1.The Shangri La Hotel (โรงแรมแชงกรีล่า)

bangkok

โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว เปิดให้บริการมานานกว่า 29 ปี แต่ความสวยเริดของที่นี่ไม่เคยเก่าเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะห้องอาหารไทยศาลาทิพย์ที่อยู่ภายนอก อาคารติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะที่จะใช้เป็นห้องพิธีหมั้นหรือหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ของว่าที่บ่าวสาวเป็นที่สุด ภายในมี 3 ห้องสามารถรับรองแขกได้ห้องละ 50 คน ส่วนคู่รักคู่ไหนที่มีแขกมาจากต่างประเทศอย่าได้หวั่นเพราะใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่ที่หมายเพียง 45 นาทีเท่านั้น เรื่องอาหารก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่มีบริการรับจัดอาหารราคาเบาๆ ให้คุณได้อุ่นใจ

ที่ตั้ง : 89 ซ.วัดสวนพลู ถ.ตัดใหม่ สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2236-7777

2. The Peninsula (โรงแรมเพนนินซูล่า)

bangkok.peninsula.com---Copy

คู่ไหนที่ชอบความคลาสสิกต้องที่นี่เลย มีทั้งลานเอาต์ดอร์อย่าง เดอะ เพนนินซูล่า ลอว์น กว้างขวางรับบรรยากาศแม่น้ำแบบเต็มที พร้อมให้คุณได้เนรมิตงานวิวาห์ได้อย่างจัดเต็ม หรือหากใครชอบแบบอินดอร์แล้วอยากเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย แนะนำห้องเจสเตอร์รับรองว่าถูกใจแน่นอน  แถมที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดงานแต่งของเจ้าสาวร้อยล้านอย่าง คุณชมพู่ อารยา ถ้าไม่ดีจริงนางคงไม่มาว่าไหม

ที่ตั้ง : 333 ถ. เจริญนคร เขตคลองสาน สอบถามเพิ่มเติม โทร.0-2861-2888 www. bangkok.peninsula.com

3. Mandarin Oriental (โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล)

www.explore.mdโอเรียนเต็ล---Copy

อีกหนึ่งความหรูหราระดับห้าดาวที่คู่บ่าวสาวทั้งไทยและเทศต่างนิยมคงหนีไม่พ้นที่นี่ ด้วยบรรยากาศโรแมนติกติกริมแม่น้ำของศาลาริมน้ำ โรงเเรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่ผสมผสานความเป็นไทยและยุโรปอย่างลงตัว สามารถรองรับแขกได้ประมาณ 50 คน หากอยากเน้นเรื่องรสชาติอาหารในงานแต่งที่นี่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเด็ดเหมือนกัน

ที่ตั้ง :  48 ซอย โอเรียนเต็ล อเวนิว เขต บางรัก สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2659-9000 www.mandarinoriental.com

4. Praya Palazzo(คฤหาสน์สองชั้น พระยาพาลาซโซ)

www.mktevent.com---Copy

คฤหาสน์สุดอลังการที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 เนรมิตใหม่ให้กลายเป็นโรงแรมสุดหรู พร้อมสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาบรรยากาศร่มรื่น สามารถรองรับแขกได้ทั้งหมด 150 คน เหมาะกับงานวิวาห์เรียบง่ายสไตล์ยุโรป จุดเด่นที่บ่าวสาวไม่ควรพลาดต้องมายืนถ่ายรูปคู่เก็บไว้คือ บริเวณระเบียงระหว่างทางเดินไปยังห้องโถงกลางชั้นสองที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบเวนิส

ที่ตั้ง : 757/1 ถ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ซ.2 บางยี่ขัน สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2883-2998, 08-1402-8118 www.prayapalazzo.com

5.จักรพงษ์วิลล่า

travel.edtguide.comวังจัก---Copy

คู่ไหนอยากให้งานออกมาแบบเรียบๆ แต่แลดูโรแมนติกต้องที่นี่ “จักรพงษ์วิลล่า” แบ่งพื้นที่มาจาก“วังจักรพงษ์” หรือ “วังท่าเตียน” อันเป็นวังของราชสกุลจักรพงษ์ หากอยากรับบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบจัดเต็มเป็นต้องศาลาริมน้ำที่สามารถรองรับแขกได้ 100 คน นอกจากนี้ภายในยังมีพื้นที่จัดงานให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สนามหญ้า สระน้ำ ห้องจัดเลี้ยง และพระตำหนัก

ที่ตั้ง : 396/1 ถนนมหาราช ท่าเตียน เขตพระนคร สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9810-0498, 0-2222-1290, 0-2622-1900 www.thaivillas.com

6.หอประชุมกองทัพเรือ

www.mahidol.ac.thหอประชุม---Copy

อีกหนึ่งสถานที่จัดงานแต่งสุดเริดคงต้องเป็น “ลานทัศนาภิรมย์” หอประชุมกองทัพเรือที่เป็นลานกว้างให้คู่รักและแขกได้ดื่มด่ำบรรยากาศริมแม่น้ำอย่างเต็มที่ แถมยังมีเรือให้เช่าสำหรับจัดงานอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องจัดงานให้บ่าวสาวเลือกถึง 9 ห้อง  ไม่ว่าจะเป็น ห้องอรุณอมรินทร์ ห้องเจ้าพระยา ห้องชมชลธี ห้องวิชัยประสิทธิ์ ห้องโพธิ์สามต้นและห้องชมวัง เป็นต้น

ที่ตั้ง : ซอยอรุณอมรินทร์ 30 แขวงบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2475 5303, 0 2475 5494 (ฝ่ายการตลาด) www.navyhall.com

7.Royal Orchid Sheraton Hotel, Bangkok (โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท)

www.agoda.comรอยัล---Copy

สำหรับห้องจัดงานแต่งริมแม่น้ำที่ดีไซน์โดดเด่นและสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้จากห้องบอลรูมต้อง “ห้องรอยัล ออคิด บอลรูม” ตกแต่งด้วยศิลปะไทยแบบร่วมสมัย ให้ความรู้สึกทันสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งความงามแบบไทย เช่น เสาที่ติดกับผนังรอบด้านห้องบอลรูมทำจากกระจกลายนก หากจัดเลี้ยงแบบค๊อกเทลสามารถรองรับได้ถึง 1,500 คน หรือแบบโต๊ะรับประทานอาหารรองรับได้จำนวน 800 คน

ที่ตั้ง : 2 ซ.เจริญกรุง 30 (ซ.กัปตันบุช) ถ.สี่พระยา  แขวงสี่พระยา  เขตบางรัก สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2266 -0123 www.royalorchidsheraton.com  อีเมล์: [email protected]

8.Anantara Bangkok Riverside Resort & Spa, Bangkok (โรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา)

thaitraveland.com---Copy

อีกหนึ่งโรงแรมที่จะทำให้งานแต่งของคุณกลายเป็นงานแต่งสุดประทับใจแบบไม่รู้ลืม โดยเฉพาะห้องอาหารที่ติดริมแม่น้ำ “ริเวอร์ไซด์ เทอเรซ” ที่มีทั้งแบบเอาต์ดอร์และอินดอร์ สามารถรองรับแขกได้  350 คน และ “ห้องเจ้าพระยา แกรนด์บอลรูม” ที่รองรับแขกได้ 500 คน มีบรรยากาศร่มรื่นรับสายลมจากแม่น้ำเบาๆ ผสมกับกลิ่นอายของความเป็นไทยเล็กน้อย ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก จากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คู่ไหนที่มีแผนแต่งงานช่วงฤดูหนาวต้องที่นี่เลยจ้า เพราะบรรยากาศริมแม่น้ำโรแมนติกสุดๆ

ที่ตั้ง : 257/1-3 ถ.เจริญนคร เขตธนบุรี  สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2476-0022

>> ดูสถานที่จัดงานแต่งงานและสถานที่ฮันนีมูนเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ภาพ : www.bangkok.com, www.bangkok.peninsula.com, www.thaitraveland.com, www.thaivillas.com, www.travel.edtguide.com, www.agoda.com, www.backyardtravel.com, www.explore.md, www.mahidol.ac.th, www.mktevent.com