ครบสูตรทุกขั้นตอนกับ พิธีแต่งงานไทย แบบสเต็ปบายสเต็ป

หนึ่งในปัญหาคับอกของว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวคือ พิธีแต่งงานไทย เพราะมีหลายขั้นตอน ทั้งยังหาคนที่ “รู้งาน” ค่อนข้างยาก จะทำอะไรก็กลัวจะผิดจะพลาดไปหมด เราเข้าใจคุณผู้อ่านดี จึงขอช่วยแบ่งเบาด้วยสกู๊ปพิธีแต่งงานแบบไทยตามสมัยนิยมมาให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้ใช้เป็นแนวทาง

เจรจาสู่ขอ

ตามธรรมเนียมไทยนั้นเมื่อหมายมั่นจะขอลูกสาวบ้านไหน พ่อแม่ฝ่ายชายจะต้องหา “เถ้าแก่” ซึ่งก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ที่น่านับถือไปทาบทามผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง ทางฝ่ายหญิงจึงต้องถามไถ่ถึงนิสัยใจคอของว่าที่เจ้าบ่าวว่าเป็นคนดีไหม ขยันขันแข็งไหม ฯลฯ เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถดูแลลูกสาวของตัวเองได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเถ้าแก่ฝ่ายชายที่จะต้องช่วยรับรองให้ เดี๋ยวนี้ว่าที่พ่อตาแม่ยายอาจจะรู้จักมักจี่ว่าที่ลูกเขยกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงถามตามธรรมเนียม ประมาณว่าได้ยินผู้ใหญ่รับประกันแล้วสบายใจขึ้น (แม้จะรู้ว่าเถ้าแก่ก็ต้องพูดแต่สิ่งดี ๆ ก็ตาม) เมื่อฝ่ายหญิงตอบตกลงจึงจะเป็นการเจรจาเรื่องสินสอดทองหมั้นและเตรียมหาฤกษ์งามยามดีรอไว้

พิธีหมั้น

เมื่อถึงฤกษ์หมั้น ฝ่ายชายจะจัดพานขันหมากหมั้นซึ่งประกอบด้วยหมาก พลู และของหมั้นอื่น ๆ ตามที่ตกลง ผูกผ้าห่อมาอย่างดี พานแหวน กรณีให้บ้านพร้อมที่ดิน อาจทำกิมมิกเก๋ ๆ ด้วยการปั้นขนมปังสีเป็นรูปบ้านน่ารักๆ วางมาด้วยก็ได้ ท้ายขบวนตามมาด้วยพานขนมมงคลอีกตามสมควรไปยังบ้านฝ่ายหญิงโดยไม่มีการแห่เหมือนขันหมากแต่ง (ยกเว้นบางพื้นที่) พอผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเปิดดูข้าวของว่าถูกต้องครบถ้วนก็ยกไปเก็บแล้วตามตัวเจ้าสาวออกมารับหมั้น

สมัยนี้นิยมหมั้นเช้าแต่งเย็น ก็จะยุบขั้นตอนนี้ไปรวมไว้ในวันแต่งเลย หรือถ้าจะมีการหมั้นก่อนก็อาจแค่หยิบกล่องแหวนหมั้นออกมาสวมโดยไม่มีขันถาดหมากพลู ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน

 

แห่ขันหมาก

ฝ่ายเจ้าบ่าวจะตั้งขบวนขันหมากแห่มายังบ้านเจ้าสาวอย่างครึกครื้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าลูกสาวบ้านนี้ขายออก เอ๊ย ออกเรือนแล้วจ้า

กั้นประตูเงินประตูทอง

คราวนี้ละ บรรดาญาติ ๆ และพื่อน ๆ ของเจ้าสาวมักจะนำสายสร้อยบ้าง มาลัยดอกไม้บ้าง มากั้นเป็นประตูเงินประตูทองเพื่อเรียกค่าผ่านทาง สมัยนี้เพื่อนที่สนิทกันก็อาจแกล้งให้เจ้าบ่าวทำอะไรเพี้ยนๆ เพื่อพิสูจน์รักแท้เช่น ตะโกนบอกรักเจ้าสาว ฯลฯ เป็นที่สนุกสนานแต่จากประสบการณ์ของ เราขอแนะนำว่า ควรให้อยู่ในขอบเขตของความเหมาะสม เพราะถ้าแกล้งมากไปทั้งขบวนอาจยกขันหมากรอจนเซ็ง หรือบางงานมีประตูเยอะหลายสิบประตูแขกผู้ใหญ่ก็ต้องรอนาน จนบางครั้งต้องส่งคนออกมาเตือนว่าจะเลยฤกษ์แล้วก็มี เอาพอหอมปากหอมคอ แหม…เจ้าสาวรอผู้ชายคนนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ให้พวกเขาได้สมรักกันเสียทีเถอะค่า

ชิญขันหมาก

หลังฝ่าด่านอรหันต์มาได้แบบเหงื่อตกฝ่ายเจ้าสาวจะส่งเด็กหญิงหน้าตาน่ารักถือพานเชิญขันหมากออกมาต้อนรับ เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะต้องรับโดยหยิบหมากมาเคี้ยวพอเป็นพิธีจึงคืนพานให้พร้อมกับซองเงินหรือของรางวัลเล็กน้อย จากนั้นเด็กหญิงจะนำฝ่ายเจ้าบ่าวไปยังที่นั่งที่จัดไว้

พิธีนับสินสอด

เมื่อวางพานเรียบร้อย ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะเริ่มจากการเปิดพานขันหมากเอกแล้วจึงเปิดพานสินสอดเพื่อทำการตรวจนับสินสอดว่าครบถ้วนไหม (ออกแนวแอ๊คติ้งมากกว่า เพราะเงินเยอะมาก นับเสร็จคงค่ำพอดี)
ส่วนใหญ่ฝ่ายชายจะใส่เงินเกินกว่าที่ตกลงกันเพื่อเป็นเคล็ดว่าต่อไปเงินทองจะได้งอกเงย จากนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะโปรยถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ เพื่อสื่อถึงความเจริญงอกงาม จากนั้นคุณแม่เจ้าสาวจะทำการรวบผ้าเพื่อห่อสินสอดทั้งหมดแล้วยกขึ้นบ่าแล้วพูดเอาเคล็ดทำนองว่า “เงินหนักจริง ๆ คงจะมีเงินทองงอกเงยมากมาย”…ช็อตนี้เขินกันทุกราย ฝากแม่เจ้าสาวซ้อมท่าไว้ก่อน ถ่ายรูปแล้วจะได้ออกมาสวย

พิธีหมั้น

ส่วนใหญ่จะมีฤกษ์งามยามดีในการสวมแหวน ดังนั้นเมื่อได้ฤกษ์มาแล้วให้เผื่อเวลาไว้สักครึ่งชั่วโมงสำหรับตั้งต้นยกขบวนขันหมาก ครั้นได้เวลา ญาติฝ่ายเจ้าสาวจะไปตามตัวเจ้าสาวลงมานั่งเคียงข้างเจ้าบ่าวแล้วจึงค่อยสวมแหวน เมื่อสวมเสร็จเจ้าสาวจะกราบเจ้าบ่าวหนึ่งครั้ง แล้วเจ้าบ่าวจึงรับไหว้เบา ๆ เป็นนัยว่าฝากฝังตัวให้เธอดูแลฉันนับจากนี้ เคล็ดลับในการสวมแหวนคือ ควรสวมช้า ๆ เมื่อสุดถึงโคนนิ้วให้ค้างไว้เอียงมือ 45 องศา และหันมายิ้มให้กล้อง อย่ามัวสบตากันเพลิน ไม่อย่างนั้นจะมีเสียงเรียกร้องจากกองทัพช่างภาพให้รีเพลย์ซ้ำจนเขินหนักเข้าไปใหญ่

พิธีสงฆ์

คู่บ่าว – สาวนิยมนิมนต์พระมาสวดมนต์ให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล ถวายเพล รับศีล รับพร ประพรมน้ำมนต์ พร้อมเก็บน้ำมนต์ก้นบาตรไว้ใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์

พิธีไหว้ผู้ใหญ่

จากนั้นบ่าว – สาวจะต้องทำพิธีไหว้ผู้ใหญ่ โดยยกพานธูปเทียนแพและพานผ้าไหว้ (จะเป็นผ้าขนหนู ผ้าไหม หรือผ้าพื้นก็ได้) กราบผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาทีละคู่ตามลำดับอาวุโส โดยผู้ใหญ่จะอวรพรพร้อมให้ของรับไหว้เป็นของมีราคาตามฐานะ เช่น โฉนดบ้าน โฉนดที่ดิน ทอง เงิน ฯลฯ ธรรมเนียมบางแห่งอาจมีการผูกข้อมือด้วยสายสิญจน์ขณะอวยพร (สำหรับคู่ที่มีผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมาก อาจขยับขั้นตอนนี้ไปไว้หลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์แขกท่านอื่นจะได้ไม่ต้องรอรดน้ำนานจนเกินไป)

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์

ในที่สุดก็มาถึงช่วงไฮไลต์เสียที แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าความสุขของคู่บ่าว – สาวจะทะลักล้นจนกลบความอ่อนล้าได้อย่างมิดชิด แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมอาศัยช่วงชุลมุนตบแป้งเติมปากให้ฉ่ำหน่อยนะคะ เดี๋ยวจะแพ้บรรดาเพื่อนเจ้าสาวด้านหลังที่เติมความสวยกันเป็นระยะมาตั้งแต่เช้า

เมื่อถึงฤกษ์ที่กำหนด บ่าว – สาวจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยแล้วก็ไปนั่งบนตั่งคู่กันหญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา มีเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวยืนด้านหลังประธานคล้องพวงมาลัย เจิมหน้าผากและสวมมงคลตามลำดับ จากนั้นจึงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พร้อมกล่าวอวยพร ต่อด้วยพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และแขกที่มีอาวุโสมากกว่าคู่บ่าว – สาว ส่วนน้องๆ หลานๆ ไม่ต้องรดค่ะ ขืนรดกันทั้งงาน บ่าว – สาวอาจเหน็บกินได้ (หากน้ำมนต์มีน้อย ให้ตักน้ำสะอาดใส่ขันน้ำพานรองแล้วค่อยรินน้ำมนต์ลงไปผสม)

หลังจากเสร็จพิธี ผู้ใหญ่จะปลดด้ายมงคลออกจากศีรษะบ่าว – สาว โดยเชื่อกันว่า ถ้าใครได้ปลดมงคลและลุกจากตั่งก่อนจะได้เป็นใหญ่ในครอบครัว แน่ะ! รู้นะว่าเตรียมชิงลุกก่อนกันเป็นแถว

 

งานเลี้ยง

ส่วนใหญ่นิยมจัดเลี้ยงฉลองสมรสแบบสากลในช่วงเย็นอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีแต่ก็มีบางคู่ที่เลี้ยงพระเพลแล้วต่อด้วยการจัดเลี้ยงมื้อกลางวันหลังจากพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์เลยแล้วค่อยไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้มัน ๆ กันในหมู่เด็ก ๆ ตอนเย็น หรือจะจบแค่นี้แล้วเอางบจัดเลี้ยงไปฮันนีมูนรอบโลกก็ไม่ผิดแต่อย่างใด

พิธีปูเตียงเรียงหมอน (ส่งตัวเข้าหอ)

แล้วก็ถึงเวลาที่บ่าว – สาวรอคอยนั่นคือการส่งตัวเข้าหอ ซึ่งจะต้องผ่านพิธีปูเตียงเรียงหมอนเสียก่อน โดยเชิญคู่สามีภรรยาอาวุโสที่แต่งงานครองเรือนกันมานานและมีลูกหลานดีทุกคนมาปูที่นอนและเรียงหมอนให้ นัยว่าจะได้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่เหมือนท่าน

ด้านข้างที่นอนจะวางพานของมงคลซึ่งประกอบด้วยฟักเขียว แมวคราว หินบดยาและถุงเงิน ถุงทองบรรจุถั่วเขียว งาดำ ข้าวตอก ดอกรัก ดอกบานไม่รู้โรย หรือดอกไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล สื่อความหมายว่าเย็นเหมือนฟัก หนักแน่นเหมือนแฟง แข็งแกร่งเหมือนหินบดยา เจริญงอกงามเหมือนถั่วงา

จากนั้นคู่สามีภรรยาอาวุโสจะได้รับเชิญให้นอนบนเตียง โดยผู้หญิงนอนซ้าย ผู้ชายนอนขวา ทำทีหลับแล้วตื่นขึ้นมาพูดสิ่งที่เป็นมงคล เช่น “ที่นอนนี้นอนสบายจริง ๆ ถ้าใครได้นอนคงจะมีแต่ความสุขความเจริญ” หรือ “ฝันว่ามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง” ฯลฯ แล้วจึงพรมน้ำมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ เสร็จแล้วเจ้าสาวทำความเคารพเจ้าบ่าว กล่าวฝากตัวกันทั้งสองฝ่าย ญาติผู้ใหญ่ให้ศีลให้พร พร้อมโอวาทในการครองเรือน เป็นอันจบพิธี(คู่ที่ส่งตัวที่โรงแรมควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนใหม่ของตัวเองไปปูทับของโรงแรม เสร็จพิธีแล้วจะได้เก็บมาใช้ต่อที่เรือนหอ)

ขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อมูลนี้เรียบเรียงมาสำหรับใช้เป็นแนวทางเท่านั้น หากลำดับพิธีของคุณไม่ตรงกับของเราก็ไม่ได้แปลว่าผิดเพราะธรรมเนียมปฏิบัติของแต่ละท้องถิ่นหรือแต่ละครอบครัวนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเชื่อและความพึงพอใจของแต่ละครอบครัวเป็นสำคัญ

>> ดูข้อมูลเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยอื่นๆ เพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก createweddingplanner.com

หลีกทางให้ 7 ร้านพานขันหมากสวยโมเดิร์นแบบไม่ง้อใบตองกันหน่อย!!

ลืม พานขันหมาก ใบตองแบบเดิมไปได้เลย! มาดูพานขันหมากสไตล์โมเดิร์นช่วยอัพเกรดงานแต่งของคุณกันดีกว่า

สำหรับว่าที่บ่าวสาวสมัยใหม่ที่ไม่อยากได้ พานขันหมาก ใบตองแบบเดิมๆ ก็แหม จัดงานแต่งไทยสไตล์โมเดิร์นทั้งทีก็อยากจะ keep look ให้ดูดีกันหน่อย แพรว wedding เลยรวบรวม  7 รับจัดพานขันหมากสุดเก๋มาให้ ที่มีตั้งแต่ดอกไม้ประดิษฐ์ โหลแก้ว ไปจนถึงกระดาษ!! แต่ไม่ว่าจะโมเดิร์นทันสมัยแค่ไหนแต่ก็ยังไม่ทิ้งดีไซน์ความเป็นไทยนะจ๊ะ

 

ร้าน Achieved.bkk

เป็นทั้งออแกไนซ์และรับตกแต่งงานแต่งงาน archieved.bkk ยังรับออกแบบพานขันหมากและทำเองทุกพานเพื่อให้เข้ากับธีมพิธีของงานอีกด้วย มีให้เลือกตั้งแต่แบบผสมดอกไม้ตามสี หรือจะเลือกเป็นโครงสีทองล้วนก็ดูหรูหรา

พานขันหมาก พานขันหมาก

 

ร้าน Dreamista Studio

ร้านพานขันหมากให้เช่าโดยเฉพาะ แถมมีขันหมากหลากหลายสัญชาติให้เลือก ซึ่งแต่ละแบบก็มีการปรับดีไซน์ให้ดูโมเดิร์นและมีลูกเล่น ไม่ว่าจะทั้งแบบจีน แบบไทย หรือจะแบบครึ่งจีนครึ่งไทยก็มีให้ได้เลือกกัน เป็นอีกหนึ่งร้านที่นำเสนอพานขันหมากในรูปแบบแปลกใหม่ น่าสนใจ และไม่ซ้ำใครแน่นอน

ร้าน Flowers Skill

ร้านพานขันหมากฝีมือปราณีตที่เคยฝากผลงานในงานแต่งแห่งปีของ มาร์กี้-ราศรี และป๊อก-ภัสสรกรณ์ มาแล้ว ซึ่งที่ร้านก็มีทั้งพานขันหมากแบบสวยงามดั้งเดิมและแบบโมเดิร์นให้บ่าวสาวได้เลือก เสริมด้วยดอกไม้และต้นไม้เล็กๆ น่ารักก็ยังมีไว้เอาใจบ่าวสาวสายมินิมอลด้วย

พานขันหมาก

 

ร้าน Fordeara

นอกจากจะรับจัดงานแต่งงานแล้ว ร้านนี้ยังรับทำพานขันหมากสไตล์โมเดิร์นอีกด้วย ที่มีทั้งแบบแก้วครอบและโครงผ้าสุดทันสมัยผูกริบบิ้น ล้อมด้วยดอกไม้ที่ตกแต่งไว้อย่างลงตัว เป็นพานขันหมากที่น้อยแต่มากเรียบแต่โก้จริงๆ

พานขันหมาก พานขันหมาก พานขันหมาก

 

ร้าน Phutarita

ร้านรับตกแต่งสถานที่แต่งงานและทำขันหมากรูปทรงแปลกตา ทั้งแบบเรขาคณิต หรือขันหมากในโหลแก้วก็ดูมินิมอลน่ารักไม่แพ้กัน บอกเลยว่าเห็นแล้วน่าถือมากๆ

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ร้าน พับ เพียบ เรียบ ร้อย

ร้านออกแบบเครื่องไหว้และพวงมาลัยที่ทุกอย่างทำจากกระดาษ! นอกจากนี้ทางร้านยังปรับรูปทรงของดอกไม้สดให้ออกมาเป็นกระดาษพับทรงเรขาคณิต ซึ่งจากฝีมืออันปราณีตและแนวคิดแบบใหม่ทำให้ได้พานขันหมากที่ไม่เหมือนใครดูทันสมัยและไม่มีวันเน่าเสียจนทำให้ได้รางวัล brand’s GEN 6 มาแล้ว

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ร้าน Phi-ti

ไม่มีพานขันหมากที่ขัดธีมอีกต่อไป เพราะ ปิติ สามารถออกแบบพานขันหมากให้เข้ากับธีมงานแต่งได้ทุกแบบ แถมยังดูแฟชั่นทันสมัย หรือตามแต่ใจบ่าวสาวเพื่อให้งานออกมาสวยเพอร์เฟ็กต์มากที่สุด ซึ่งนอกจากพานขันหมากแล้ว ทางร้านก็ยังมี พานรับขันหมาก สายกั้นประตูเงินประทอง ยันเครื่องสังฆทานถวายพระ แต่ถ้าบ่าวสาวอยากได้เลยเถิดไปจนถึงช่อดอกไม้รับตัวเจ้าสาว หรือช่อบูโทเนียร์ติดอกฃของคุณเจ้าบ่าว ที่นี่เขาก็มีเหมือนกัน โอโห นี่สิวันสต็อปเซอร์วิสของจริง!

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

พานขันหมาก

 

ติดตามบทความเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> คลิกเลย! <<

แต่งงานโรงพยาบาลสงฆ์ ว่าที่บ่าวสาวได้บุญแถมประหยัดเงินได้เพียบ

ในยุคที่เศรษฐกิจกระท่อนกระแท่นฟื้นตัวไม่เต็มที่ คู่รักหลายคู่ที่วางแผนจะแต่งงานมักจะมองหา สถานที่จัดงานแต่งงาน ราคาไม่แพง วันนี้เราเลยอยากจะแนะนำ แต่งงานโรงพยาบาลสงฆ์ ให้กับว่าที่บ่าวสาวทั้งหลายที่อยากแต่งงานแบบได้บุญไปในตัว แถมประหยัดงบประมาณได้อีกมากโข

สำหรับโรงพยาบาลสงฆ์แบ่งการจัดพิธีสมรสเป็น 2 รูปแบบ คือ พิธีสมรสหมู่ และ พิธีสมรสเดี่ยว

1. พิธีสมรสหมู่ในช่วงเช้า

ทางโรงพยาบาลสงฆ์จะจัดพิธีสมรสหมู่วันละ 20 คู่ พิธีรดน้ำสังข์วันละ 7 คู่ และสามารถเชิญแขกร่วมรดน้ำสังข์ได้คู่ละ 30 ท่าน โดยลำดับขั้นตอนในพิธีมีดังนี้

  • 6:30 น. พิธีกรเชิญบ่าวสาวถวายภัตตาหารพระอาพาธจำนวน 9 รูป ณ ตึกอาพาธ
  • 7:00 น. พระพิธีมาถึงหอฉัน พิธีกรเชิญบ่าวสาวถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
  • 7:30 น. พิธีกรเชิญบ่าวสาว ญาติ และแขกผู้มีเกียรติรับศีล และเชิญบ่าวสาวถวายดอกไม้ธูปเทียน ปัจจัยแด่พระพิธี 9 รูป จากนั้นพระพิธีจะพรมนำพระพุทธมนต์ให้บ่าวสาวทีละคู่ เป็นอันเสร็จพิธีสงฆ์

2. พิธีสมรสเดี่ยว (ช่วงเพล)

เหมาะสำหรับว่าที่บ่าวสาวที่อาจจะต้องการความเป็นส่วนตัวในการจัดพิธีแต่งงาน ซึ่งจะได้บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองจากญาติและแขกที่เชิญมามากกว่าพิธีสมรสหมู่ โดยโรงพยาบาลสงฆ์จะรับจัดพิธีเพียง 5 คู่ต่อวัน และมีเจ้าพิธีมืออาชีพ ซึ่งลำดับขั้นตอนมีดังนี้

  • 9:30 น. บ่าวสาวมาถึงห้องจัดพิธี หากว่ามีพิธีหมั้นจะต้องทำพิธีให้เสร็จก่อนเวลา 10:15 น.
  • 10:30 น. เริ่มพิธีสงฆ์ โดยพระสงฆ์เจริญน้ำพระพุทธมนต์ให้กับบ่าวสาว
  • 11:00 น. บ่าวสาวถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 9 รูป และถวายดอกไม้ ธูป เทียน และจตุปัจจัยไทยธรรม 9 ชุดแด่พระสงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้กับบ่าวสาว
  • 11:30 น. เริ่มพิธีรดน้ำสังข์ และเสร็จสิ้นพิธีเวลา 12:00 น.

อัตราค่าบริการ

  1. พิธีสมรสหมู่ (ไม่มีพิธีรดน้ำสังข์) : ค่าสถานที่ และค่าภัตตาหารพระพิธี 9 รูป 6,000 บาท
  2. พิธีสมรสเดี่ยว (มีพิธีรดน้ำสังข์) : : ค่าสถานที่ ค่าภัตตาหารพระพิธี 9 รูป และรดน้ำสังข์ที่หอฉัน 13,160 บาท

อุปกรณ์สำหรับพิธีรดน้ำสังข์ที่ทางโรงพยาบาลสงฆ์จัดเตรียมไว้ให้

  • พานดอกไม้ 1 คู่
  • พวงมาลัยบ่าว-สาว
  • มงคลแฝด

อุปกรณ์ที่บ่าวสาวต้องเตรียมมาเอง

  • ดอกไม้ ธูปเทียน ซองปัจจัยถวายพระพิธี อย่างละ 9 ชุด
  • ป้ายโฟมชื่อบ่าว-สาว

หมายเหตุ

  1. ถ้าต้องการใช้ไฟฟ้าของโรงพยาบาลเพื่อบันทึกเทปต้องเสียค่าบำรุง 200-500 บาท
  2. เจ้าภาพต้องเตรียมดอกไม้ธูปเทียนและปัจจัยถวายพระ 9 ชุด
  3. โปรดแต่งกายสุภาพ และสวมชุดบ่าว-สาว
  4. การจองห้องพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเลี้ยงแขกไม่รับสั่งจองทางโทรศัพท์ กรุณามาติดต่อด้วยตัวเองพร้อมชำระเงินในวันที่มาจอง
  5. กรุณาอย่านำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทานในห้องพิธีสงฆ์

สำหรับรายละเอียดราคาข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่แผนกรับจอง ณ อาคารพิธีสงฆ์ (ห้องกระจก) โรงพยาบาลสงฆ์ ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 06.00 -1600 น. โทรศัพท์ 0-2354-4271-2 หรือ 0-2354-4310 ต่อ 3501 ,3502

งานนี้นอกจากบ่าวสาวจะได้จัดงานแต่งที่ถูกต้องตามหลักศาสนาแล้ว ยังได้บุญอันยิ่งใหญ่ด้วย เนื่องจากรายได้จะถูกนำไปใช้สำหรับการดูแลรักษาพระสงฆ์ที่อาพาธ ดังคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ใครที่ได้ดูแลแก่สงฆ์ที่เจ็บป่วยอาพาธถือว่าได้ดูแลพระพุทธเจ้าด้วย จึงเป็นมหาบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่” อิ่มบุญ อิ่มใจ และยังเป็นสิริมงคลกับการเริ่มต้นชีวิตคู่อีกด้วย

Read More : 35 สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่ไม่ใช่โรงแรม

ตามติดเทรนด์ 7 ดอกไม้งานแต่งของไทยที่มีความหมายเป็นมงคล

งานแต่งงานแบบไทยเป็นงานที่ค่อนข้างจะเลือกใช้พร็อพได้เพียงน้อยนิด ซึ่งส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ดอกไม้ เพราะมีความคลาสสิค จัดตกแต่งง่าย และที่สำคัญเข้ากับบรรยากาศแบบไท๊ยไทย แล้วยิ่งเป็นดอกไม้ไทยก็ยิ่งทำให้เข้ากับบรรยากาศแบบไทยมากยิ่งขึ้น แถมช่วยคุณประหยัดงบประมาณ และยังแฝงไว้ซึ่งความหมายอันเป็นมงคลที่จะมาช่วยเสริมดวงชีวิตคู่ของบ่าวสาวได้ด้วย ว่าแต่ ดอกไม้งานแต่ง ไทยความหมายดีนั้นจะมีดอกอะไรบ้างเรามาดูกันค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

เริ่มที่ดอกแรกคงหนีไม่พ้น ดอกมะลิ ดอกไม้มงคลตั้งแต่โบราณที่ต้องไปโผล่เกือบทุกงานแต่งงานแบบไทยทุกยุคทุกสมัย นิยมใช้ร้อยเป็นพวงมาลัยบ่าวสาว พวงมาลัยพานขันหมาก พวงมาลัยบูชาพระ สีขาวของดอกมะลิแทนความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าสาวบวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่สื่อถึงเสน่ห์ของผู้หญิง ดอกมะลิจึงถือเป็นดอกไม้ที่แทนตัวของผู้หญิงไทยและเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ โดยหมายถึงความกตัญญู ได้รับความปรารถนาดีหรือเป็นที่รักของทุกๆ คนอีกด้วย

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกดาวเรือง เป็นดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันดีเชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่มาจากสรวงสวรรค์ มีความหมายมงคลรุ่งเรือง ทำให้ครอบครัวมีเงินทองไหลมาเทมา นอกจากงานแต่งแล้ว งานมงคลอื่นๆ ก็นิยมนำมาใช้เช่นกันค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกเบญจมาศ เป็นดอกไม้ที่มีความสวยงามของสีสัน เพราะมีหลากหลายสี หลายขนาดให้เลือก และเป็นอีกหนึ่งดอกที่ความหมายสื่อถึงเจ้าสาว นั่นคือ ความงดงามตลอดกาล เชื่อว่าความสวยงามกับผู้หญิงนั้นเป็นของคู่กันอยู่แล้วถูกมั้ยคะ นอกจากนี้ ในประเทศญี่ปุ่นยังมีเรื่องราวของดอกเบญจมาศเล่ากันว่า หญิงสาวผู้หนึ่งมีสามีที่ป่วยหนักเธอพยายามหาดอกไม้เพื่อไปขอพรกับเทวดาให้ตนเองได้อยู่กับสามีให้ได้นานที่สุด แต่ก็ไม่พบดอกไม้สักที เธอจึงนำดอกไม้ที่มีกลีบมากที่สุด 17 กลีบ มากรีดเป็นฝอยแล้วไปบูชากับศาลเจ้า และสุดท้ายเธอก็ได้อยู่กับสามีตลอดไป ดอกไม้ที่เธอได้ทำขึ้นจึงได้ใช้ชื่อ ดอกคิคุโนะหรือดอกเบญจมาศของไทยเรานั่นเอง

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกบานไม่รู้โรย ส่วนใหญ่ใช้สีม่วงเข้มตัดกับสีขาวของดอกมะลิและดอกรัก ง่ายต่อการนำมาจัดพาน เนื่องจากดอกบานไม่รู้โรยมีรูปทรงกลมกลีบแน่นไม่หลุดร่วงง่าย เช่นเดียวกับชื่อที่สื่อความหมายถึงความรักของคู่บ่าวสาวที่มั่งคงยั่งยืนไม่โรยราจากกันไป

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกบัว อดีตดอกบัวยังไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ตกแต่งในงานแต่งงานเท่าไรนัก เพราะจะใช้ไหว้พระเสียมากกว่าเพราะถือเป็นดอกไม้ประจำพระพุทธศาสนา และเป็นสัญลักษณ์แทนคุณงามความดี แต่ในปัจจุบันได้มีการสร้างสรรค์นำดอกบัวมาใช้จัดตกแต่งสถานที่เพื่อให้เข้ากับงานแบบไทยๆ มากยิ่งขึ้น เช่น ทำแบ็คดรอป จัดพาน จัดเป็นช่อดอกไม้ หรือแม้แต่นำมาลอยในอ่างน้ำก็ดูมีลูกเล่นเบาๆ

ดอกไม้งานแต่ง

ดอกทานตะวัน มักเบ่งบานเมื่อเจอกับแสงแดด ให้อารมณ์สดชื่นแจ่มใส เป็นดอกไม้ที่มีความสู้แดดเปรียบถึงความอดทน มั่นคงในชีวิตคู่ที่ต้องร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรค มีรักเดียวใจเดียวเสมอ ถ้าบ่าวสาวคิดจะนำดอกทานตะวันมาตกแต่งในงานแต่งแบบไทยอาจจะมีความยากตรงที่มีขนาดใหญ่ จึงมักจะใช้ตกแต่งแบ็คดรอปให้ดูมีความชิคไม่เหมือนใครดีค่ะ

ดอกไม้งานแต่ง

สุดท้าย ดอกรัก คุณสมบัติเหมือนดอกมะลิเลยค่ะ เพราะนิยมนำมาทำเป็นพวงมาลัยคู่กับดอกมะลิ และนอกจากนี้ยังนำมาใช้โปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอนของประเพณีงานแต่งงานแบบไทยอีกด้วย เหตุผลที่นิยมนำมาใช้ในงานพิธีมงคลคงจะเป็นเพราะชื่อที่มีความหมายดี หมายถึงความรักของคู่บ่าวสาว แต่บางความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่าต้นรักทำให้ความรักยุ่งเหยิงจนกลายเป็นคนมากรัก แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนนะจ๊ะ

>> ติดตามบทความเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพจาก : 9mahawed.blogspot.com, longdoosee.com, tamroitawan.blogspot.com,
pinterest.se, board.postjung.com, pxhere.com, my.dek-d.com

เครื่องแขวนดอกไม้สด ช่วยเพิ่มบรรยากาศงานแต่งไทยให้สมบูรณ์ พร้อมเรื่องที่ต้องรู้ก่อนสั่งทำ

เพิ่มความงามให้งานแต่งพิธีไทยด้วย เครื่องแขวนดอกไม้สด

นอกจากบรรดาดอกไม้ไทยๆ หรือพร็อปส์บางอย่างที่บ่าวสาวจะจัดหามาประดับตกแต่งไว้ในงานแต่งงานแบบพิธีไทยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ว่าที่บ่าวสาวหลายคู่มักจะมองข้าม หรือนึกไม่ถึงก็คือ เครื่องแขวนดอกไม้สด ที่สามารถนำมาแขวนประดับไว้ยังส่วนต่างๆ ของงานเพื่อเพิ่มบรรยากาศให้ดูไท๊ยไทย แพรว wedding เลยไปรวบรวมเครื่องแขวนงานแต่งไทยมาให้ว่าที่บ่าวสาวได้ดูกัน เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับว่าที่บ่าวสาวได้นำไปใช้ในงานแต่งงานของตัวเองกัน

เครื่องแขวนไทยมีอะไรบ้าง?

เครื่องแขวนไทยเป็นภูมิปัญญาการประดิษฐ์ประดอยสิ่งของสวยงามของไทยที่มีมาเนิ่นนาน นิยมใช้กันทุกงานประเพณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหยิบจับมาใส่ในงานแต่งไทยแล้ว ก็ยิ่งสวยและเพิ่มบรรยากาศไทยๆ ให้มากขึ้นไปอีก โดยเครื่องแขวนแต่ละชนิดก็มีลวดลายและชื่อเรียกเพราะๆ แตกต่างกันไป เช่น บันไดแก้ว บันไดเงิน บันไดทอง กลิ่นจีนดอกรัก วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น พวงชมพู พวงแก้ว และอีกมากมาย (ตามดูรูปได้ข้างล่างจ้ะ) ซึ่งแต่ละแบบแต่ละชนิดก็ร้อยเรียงมาจากดอกไม้มงคลอย่าง ดอกรัก ดอกพุด ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย ดอกกุหลาบ ดอกจำปี ดอกจำปา และหากว่าใช้ดอกไม้สดในการทำ เมื่อนำไปแขวนในสถานที่จัดพิธีก็จะโชยกลิ่นหอมรื่นจมูก

พัดจีนประยุกต์

เครื่องแขวนดอกไม้สด

ลักษณะคล้ายพัดจีน ตัวพัดร้อยเป็นตาข่ายด้วยดอกพุด เมื่อนำมาตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสจะเพิ่มความสะดุดตาชวนมอง ปลายด้ามพัดและส่วนล่างตกแต่งด้วยอุบะและตุ้งติ้ง เหมาะสำาหรับแขวนประดับช่องประตู หน้าต่าง หรือตามฝาผนัง

เอาไปแขวนที่ไหนดี?

ชื่อก็บอกอยู่ว่าเป็นเครื่องแขวนไทย ก็ไม่วายจะมีถามว่า แขวนที่ไหนดีล่ะ? ข้อนี้ตอบไม่ยากค่ะ เพราะส่วนใหญ่มักจะนำไปแขวนตามทางเข้างาน หน้าต่าง ประตู ฝาผนัง ตามฉาก ตามมุมต่างๆ ของสถานที่ บางครั้งก็ห้อยระย้าลงมาจากเพดานสวยๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ความกว้างใหญ่และลักษณะของสถานที่ที่ใช้จัดงานว่าจะสามารถแขวนตรงไหนได้บ้าง แขวนแล้วจะสวยงามหรือไม่ ซึ่งว่าที่บ่าวสาวอาจต้องใช้ศิลปะในการจัดวางองค์ประกอบกันสักนิด

ขนาดของเครื่องแขวนแต่ละประเภทก็สำคัญกับการเลือกนำไปใช้เช่นกัน โดยเครื่องแขวนจะมีหลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่มาก วัดขนาดกันเป็นนิ้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดีว่าที่บ่าวสาวอาจต้องทำการบ้านว่า บริเวณที่ต้องการจะแขวนมีความกว้างยาวเท่าไหร่ เครื่องเขวนที่จะนำมาใช้จะได้ไม่ใหญ่ไป เล็กไป และสวยงามพอดีกัน

กลิ่นตะแคงประยุกต์

ลักษณะคล้ายต่างหู เป็นแบบที่ดัดแปลงมาจากกลิ่นตะแคง คือรูปดาว 6 แฉกอยู่ตรงกลาง ส่วนบนเป็นดาวครึ่งดวง ส่วนล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมติดกัน 2 อัน นำทุกส่วนมาผูกโยงเชื่อมกัน แล้วผูกอุบะและตุ้งติ้ง ให้ความรู้สึกที่โปร่งบางเบา เมื่อมีลมพัดเพียงเล็กน้อยก็จะไหว

 

ระย้าประยุกต์

ประกอบด้วยโครงสร้างทรงกลมแบนถักตาข่ายจอมแหด้วยดอกพุด ส่วนบนร้อยดอกรักเป็นสาย ส่วนล่างถักตาข่าย ดอกพุดชายห้อยอุบะตุ้งติ้ง ประดับเฟื่องมาลัยแบน ติดอุบะไทยลายประยุกต์ ส่วนล่างของระย้าประดับด้วยอุบะไทย

 

วิมานพระอินทร์

ประยุกต์ใช้ประดับประตู-หน้าต่าง ประดิษฐ์เพิ่มเติมจากตาข่ายหน้าช้าง ระหว่างจั่วบนและจั่วล่างจะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายช่องหน้าต่าง ตรงกลางหน้าจั่วอาจติดแบบพระอินทร์ และติดแบบกระหนกบนจั่วล่าง หรืออาจจะไม่ติด เลยก็ได้

กลิ่นคว่ำประยุกต์

โครงสร้างเป็นกลิ่นตะแคง 6 แฉก ถักด้วยดอกรัก ส่วนบนและล่างร้อยดอกรักเป็นสายผูกรวบด้วยกัน ประดับด้วยเฟื่องมาลัยแบน ลูกโซ่ ตามมุมห้อยอุบะด้วยสร้อยสนจากดอกรัก ส่วนชายห้อยอุบะไทยทรงเครื่องด้วยกลีบดอกไม้

การสั่งทำ

เนื่องจากเครื่องแขวนไทยมีมากมายหลายขนาด สิ่งสำคัญของการสั่งทำคือ งบประมาณ ว่าที่บ่าวสาวต้องดูว่าอยากได้แบบไหน ราคาเท่าไหร่ แน่นอนว่าถ้าเป็นอันใหญ่ๆ ใช้วัสดุและดอกไม้เยอะก็มีราคาแพง แต่ถ้าเป็นอันเล็กๆ ใช้ดอกไม้ไม่มากราคาก็ถูกลงมา รวมถึงว่าที่บ่าวสาวควรสั่งทำกับทางร้านตั้งแต่เนิ่นๆ และแจ้งวันที่จะใช้งานจริงให้ชัดเจน เพราะเครื่องแขวนบางแบบจะต้องใช้เวลาในการขึ้นโครงก่อนที่จะลงดอกไม้จริง

 

บันไดเงินประยุกต์

ลักษณะคล้ายขั้นบันได 3 ขั้น นำมาผูกโยงกันด้วยสายร้อยด้านข้าง และสายร้อยไขว้กากบาท ตกแต่งด้วยตุ้งติ้ง ใช้ดอกไม้หลากสีสันและลวดลายตกแต่งที่แปลกตาออกไป

 

กระเช้าสีดาประยุกต์

โครงสร้างเป็นรูปกระเช้า ส่วนบนร้อยดอกรักเป็นสายผูกรวบตรงกลางห้อยอุบะแขก ตัวกระเช้าร้อยดอกพุดแล้วรวบปลาย ที่ชายห้อยอุบะพู่ประดิษฐ์ด้วยดอกกุหลาบ

เห็นไหมคะว่ามีแต่แบบสวยๆ งามๆ ทั้งนั้นรับรองว่าหากว่าที่บ่าวสาวนำไปประดับในงาน นอกจากแขกจะชมเรื่องความสวยงามแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศงานแต่งของบ่าวสาวให้อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเหล่าหมู่มวลดอกไม้ได้ด้วยน้า โอยยย แค่คิดก็ฟิน โรแมนติกสุดๆ ไปเลย ^^

ขอขอบคุณเครื่องแขวนจาก : หลักสูตรคหกรรมศาสตร์ โรงเรียนการเรือนมหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิทยาเขตสุพรรณบุรี

ข้าวของที่ต้องใช้ในพิธีแต่งงานแบบไทย มีอะไรบ้างไปเช็คกันเลย

พิธีแต่งงานแบบไทย เต็มไปด้วยรายละเอียดและข้าวของที่ต้องเตรียมมากมาย แพรว wedding จึงรวบรวมข้าวของสำคัญที่บ่าวสาวต้องเตรียมให้พร้อมและถูกต้องตามประเพณีมาให้ โดยแบ่งเป็นของในพิธีต่างๆ เริ่มตั้งแต่พิธีแห่ขันหมาก พิธีล้างเท้า พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พิธีรับไหว้ พิธีปูเตียงเรียงหมอน พร้อมแทรกความหมายมงคลของแต่ละอย่างที่บ่าวสาวควรรู้เพื่อบ่าวสาวจะได้จัดของเข้า พิธีแต่งงานแบบไทย ได้อย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น 

1. ชุดขันหมาก ใช้ในพิธีแห่ขันหมากและรับไหว้ ซึ่งแต่โบราณนั้นหากจัดเตรียมแบบเต็มรูปแบบต้องมีทั้งขันหมากเอกและขันหมากโท แต่ด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนไปทำให้ชุดขันหมากถูกลดทอนจำนวนลงไปค่อนข้างมากตามขนาดพิธีและงบประมาณที่มี แต่ก็ยังคงความเป็นมงคลด้วยองค์ประกอบหลักในชุดขันหมาก ดังต่อไปนี้

พิธีแต่งงานแบบไทย

พานขันหมากเอก ในพานประกอบด้วย

  • พลูจีบ สื่อความหมายถึงการต้อนรับด้วยไมตรีจิต นำมาจากธรรมเนียมการต้อนรับแขกที่มาเยือนเรือนชาน ซึ่งเจ้าบ้านจะเตรียมเชี่ยนหมากที่มีหมากพลูเป็นเครื่องต้อนรับ โดยเมื่อนำมาอยู่ในพานขันหมากเอกนิยมทำเป็นพลูจีบจัดเป็นคำๆ จำนวน 9 คู่จัดวางให้ขนาดพอดีกับพาน
  • ถั่ว งา ข้าวเปลือก ข้าวตอก ใส่ไว้ในถุงเงินถุงทอง โดยถั่ว งา ข้าวเปลือกเปรียบเสมือนเป็นการอวยพรให้บ่าวสาวมีความเจริญ ทรัพย์สินเพิ่มพูน หากทำการค้าใดๆ ก็ให้รุ่งเรืองด้วยดี ส่วนข้าวตอกเปรียบเสมือนการอวยพรให้ความรักของบ่าวสาวเบ่งบานเช่นเดียวกับข้าวตอก
  • ดอกไม้ชื่อเป็นมงคล มักนำมาใช้โรยสินสอด ได้แก่ ดอกรัก ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ และดอกบานไม่รู้โรย  เปรียบเสมือนการอวยพรให้บ่าวสาวครองรักกกันมั่นคงยืนยาว และให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข
  • ใบเงิน ใบทอง ใบนาค วางเรียงหรือจัดเป็นช่อให้สวยงาม

ทั้งนี้หากมีการจัด “พานขันหมากโท” ก็จะจัดให้มี ขนาดพานที่เล็กกว่า โดยในพานบรรจุใบพลู 9 เรียง เรียงละ 9 ใบ หมากจำนวน 9 คู่ที่ไม่ต้องเจียนออกเป็นคำๆ  แต่ให้ใส่ลงไปทั้งลูก โดยปาดส่วนหัวออกเล็กน้อยแล้วใช้ปูนแดงทาให้สวยงาม จากนั้นจัดวางหมากทั้งหมดเป็น 3 กระจุก ซึ่งหมายถึงครอบครัว ที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก

2. พานแหวน

นิยมจัดทำเป็นพานขนาดเล็กพอดีกับการวางกล่องแหวน ซึ่งหากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแต่ดั้งเดิมจะมีเพียงแหวนที่ฝ่ายชายนำมาหมั้นฝ่ายหญิงเพียงวงเดียว ส่วนการสวมแหวนให้ฝ่ายชายเป็นการรับเอาวัฒนธรรมการแลกแหวนแต่งงานของชาวตะวันตกมาใช้ พานแหวนในปัจจุบันจึงทำขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิดเพื่อวางกล่องแหวนได้สองกล่อง หรือกล่องเดียวแต่ใส่แหวนลงไป 2 วง

 

3. พานธูปเทียนแพ

ประกอบด้วยกระทงดอกไม้ครอบด้วยกรวยใบตอง ธูปแพไม้ระกำ 10 ดอก และเทียน 10 เล่มวางอยู่บนพาน ซึ่งจะตกแต่งสวยงามอลังการอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามวางธูปกับเทียนสลับกันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจากงานแต่งสุดมงคลจะกลายเป็นงานอวมงคลไปทันที  เพราะในงานอวมงคลอย่างงานศพจะวางเทียนไว้ด้านบนตามด้วยธูป โดยธูปเทียนแพเป็นเครื่องแสดงความเคารพอย่างสูงและยังเป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อความผิดที่เคยกระทำมา และนี่เองก็เป็นเหตุผลที่ต้องเจาะจงว่า พานธูปเทียนนั้นเจ้าบ่าวต้องเป็นคนถือ ใครอื่นจะมาถือแทนไม่ได้ โดยในพิธีรับไหว้ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการสวมแหวนก็จะนำพานธูปเทียนแพที่เจ้าบ่าวถือมากับขบวนขันหมากนี้มาใช้ในพิธี

โดยพิธีรับไหว้นี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้บ่าวสาวได้ทำความเคารพ แนะนำตัว และฝากเนื้อฝากตัวกับครอบครัวของอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกันก็ถือเป็นการแสดงความขอบคุณและขอขมาผู้มีพระคุณ โดยผู้ที่จะขึ้นมารับไหว้ได้ต้องเป็นผู้ที่มีอายุมากกว่าบ่าวสาว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้อง หรือแขกผู้ใหญ่คนสำคัญที่บ่าวสาวเคารพ

4. พานต้นกล้วยต้นอ้อย 

เดิมทีจะนำต้นกล้วยต้นอ้อยที่ติดรากมาเข้าพิธีแบบไม่ลงไว้ในพาน โดยนำมาเข้าในขบวนขันหมากอย่างละสองต้น  แต่ปัจจุบันนิยมจัดใส่ในพานสวยงามให้เดินถือง่ายขึ้น แต่ยังคงให้ความสำคัญว่าจะต้องมีรากติดทุกต้นเพื่อบ่าวสาวนำกลับไปปลูกที่บ้านเรือนหอนั่นเอง สำหรับต้นกล้วยที่นิยมนำมาใช้ในพิธีแต่งงานคือ กล้วยน้ำว้า เพราะออกดอกออกผลง่าย เจริญเติบโตดี และเป็นกล้วยพันธุ์แข็งแรงที่ไม่ต้องดูแลมากเหมือนพันธุ์อื่นๆ  เสมือนให้ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า และมีลูกหลานที่สมบูรณ์แข็งแรง ส่วนต้นอ้อยที่นิยมนำมาใช้คืออ้อยแดง ซึ่งหมายถึงให้ชีวิตคู่มีแต่ความหอมหวานและราบรื่นไปด้วยดี

 

5. พานขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย

  • ทองหยิบ หมายถึง ความมั่งคั่งร่ำรวย ให้ชีวิตคู่รุ่งเรือง หยิบจับงานการก็เป็นเงินเป็นทอง
  • ทองหยอด หมายถึง มีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้นประดุจให้ทองคำ
  • ฝอยทอง หมายถึง มีชีวิตคู่ที่ยืนยาว โดยถือเคล็ดว่าห้ามตัดขนมให้สั้นเพื่อที่คู่บ่าวสาวจะได้ครองคู่และรักกันอย่างยืนยาวตลอดไป
  • ขนมชั้น หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนชั้นเลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์ให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
  • ทองเอก หมายถึง เป็นที่หนึ่ง เป็นการอวยพรให้บ่าวสาวเจริญในหน้าที่การงาน
  • เม็ดขนุน หมายถึง มีคนสนับสนุนไม่ขาด คู่บ่าวสาวได้รับการสนับสนุนในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงานหรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่
  • จ่ามงกุฎ หมายถึง มีเกียรติยศที่สูงส่ง เป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้คู่บ่าวสาวเจริญก้าวหน้า เพียบพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์
  • ถ้วยฟู หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง เฟื่องฟู ให้ชีวิตคู่และครอบครัวมีแต่ความเจริญ
    เสน่ห์จันทน์ หมายถึง มีเสน่ห์คนรักคนหลง ดังเสน่ห์ของผลจันทน์

6. ชุดล้างเท้า ใช้ในพิธีล้างเท้า พิธีนี้มีมาแต่สมัยโบราณเมื่อครั้งที่ยังไม่มีการสวมรองเท้าเช่นทุกวันนี้ ซึ่งตามบ้านเรือนทุกหลังจะมีตุ่มน้ำที่เจ้าบ้านเตรียมไว้ให้แขกที่มาเยือนล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน เมื่อมีการจัดพิธีแต่งงานจึงมีการแทรกพิธีการล้างเท้านี้เข้ามาด้วย โดยปัจจุบันเมื่อมีการใส่รองเท้าจึงปรับเปลี่ยนมาเป็นการใช้ก้านมะยม 9 มัดจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้แล้วพรมบนรองเท้าเจ้าบ่าว ไม่ได้ล้างเท้าจริงๆ เหมือนสมัยก่อน โดยคนที่จะมาทำหน้าที่ล้างเท้าให้เจ้าบ่าวต้องเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าบ่าว สาว เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน

 

7. ชุดหอยสังข์ ใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือที่เรียกกันว่าพิธีรดน้ำสังข์ ประกอบด้วยพวงมาลัยบ่าวสาวซึ่งนิยมใช้เป็นมาลัยสองชาย โดยมีความเชื่อว่าให้ใช้มาลัยบ่าวสาวคู่เดียวกันคล้องคอทั้งพิธีแต่งงานช่วงเช้าและช่วงเย็น จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างราบรื่นไม่มีการเปลี่ยนคู่ ส่วนในชุดหอยสังข์สำหรับทำพิธีนั้นประกอบด้วยแป้งเจิม มงคลแฝด และน้ำมนต์สำหรับใช้ในการรดน้ำ ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้นิยมให้พระที่นับถือเป็นผู้ทำพิธีให้ก่อนนำมาใช้ในพิธีจริง

องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าขาดไม่ได้คือ หอยสังข์ ซึ่งมีความเชื่อว่าคือ 1 ในของวิเศษ 14 อย่างที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร และหอยสังข์ยังเป็นหนึ่งในศัสตราวุธที่พระนารายณ์ทรงถือ นอกจากนี้ความที่เปลือกหอยสังข์มีสีขาวบริสุทธิ์และมีลักษณะเวียนขวาอันเป็นทิศมงคล จึงมีความเชื่อว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ น้ำที่ไหลออกมาจะเป็นน้ำมงคลเหมาะแก่การใช้รดน้ำในงานมงคลประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิ่งงานวิวาห์ที่นิยมใช้หอยสังข์ในการรดน้ำสังข์ให้แก่คู่บ่าวสาวเพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดี

8. ชุดส่งตัว ใช้ในพิธีปูเตียงเรียงหมอนจะเชิญคู่สามีภรรยาที่ผ่านการใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันมาอย่างยาวนาน  อบอุ่นและสมบูรณ์แบบมาทำพิธี เพื่อเป็นเคล็ดให้บ่าวสาวใช้ชีวิตคู่ได้ดีเช่นเดียวกัน โดยมีของประกอบพิธีดังนี้

  • หินบดยา 1 ก้อน หมายถึง คู่ชีวิตมีจิตใจหนักแน่น
  • แมวคราว (แมวตัวผู้ที่อายุมากแล้ว) 1 ตัว หมายถึง อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ปัจจุบันใช้รูปปั้นแมวเพื่อความสะดวก
  • ไก่ขาว 1 ตัว หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร
  • ไม้เท้า 1 อัน หมายถึง ครองรักกันจนแก่เฒ่า
  • ฟักเขียว 1 ลูก หมายถึง ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข
  • ถั่วและงา อย่างละ 1 ถุง หมายถึง ความเจริญงอกงาม
  • ภาชนะใส่น้ำ 1 ที่ หมายถึง ความสามัคคีกลมเกลียว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ขอบคุณพานขันหมาก : ร้านบายศรีวิจิตร

จัดงานแต่งไทยด้วยตัวเองอย่างไรให้ราบรื่น รับมือไม่ยากอย่างที่คิด

ตั้งสติให้ดีแล้วมาดูวิธีรับมือกับการ จัดงานแต่งไทย กัน

ถึงแม้ว่างานแต่งไทย (บางงาน) จะมีสเกลที่เล็กกว่างานฉลองมงคลสมรสในช่วงเย็น แต่กลับเป็นงานที่เต็มไปด้วยพิธีและรายละเอียดต่างๆ ที่ทำให้บ่าวสาวงงงวยกันมาแล้วหลายคู่ แพรว wedding เลยมีวิธีรับมือกับการ จัดงานแต่งไทย มาฝาก รับรองทำตามนี้พิธีเรียบลื่นไม่มีสะดุด

การจัดงานแต่งไทยที่มีรายละเอียดเยอะจะรับมืออย่างไรดี

ความยุ่งยากในการจัดงานแต่งงานไทยเป็นเรื่องของพิธีการเสียเป็นส่วนมาก เพราะเป็นประเพณีและมีความเชื่อที่ยึดถือและปฏิบัติกันมาช้านาน ซึ่งไม่ใช่ความรู้ทั่วไปแต่เป็นความรู้ที่เฉพาะทางมากๆ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้ผู้เชี่ยวชาญหรือศึกษามาอย่างดีก็อาจจะสับสนได้ ยิ่งถ้าหากบ่าวสาวมาจากพื้นเพที่ต่างกัน เช่น มาจากคนละภาค หรือฝ่ายหนึ่งมีเชื้อสายจีน ก็จะมีธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันอีก ซึ่งก็ไม่มีฝั่งไหนที่ถูกหรือผิดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายจึงควรคุยกันให้ชัดเจนว่าจะยึดธรรมเนียมปฏิบัติของบ้านไหนเป็นหลัก ซึ่งอาจจะยกธรรมเนียมปฏิบัติให้กับบ้านที่เคร่งกว่าเป็นหลักก็ได้ แล้วธรรมเนียมของอีกบ้านมาเสริมเพื่อให้เกิดความสบายใจในทุกฝ่าย

จัดงานแต่งไทย

และถึงแม้ว่างานแต่งไทยจะมีขนาดหรือสเกลที่เล็กกว่างานฉลองในตอนเย็น แต่แขกเกือบทุกคนที่มาร่วมพิธีงานแต่งไทยก็มักจะมีส่วนร่วมกันงาน เช่น ถือขันหมาก หรือรดนำสังข์ เป็นต้น จึงมักจะสร้างความสับสนงุนงงให้เกิดขึ้นได้ว่า ใครต้องทำอะไร ที่ไหน ตอนไหน อย่างไร แถมพิธีแต่งงานไทยก็อัดแน่นไปด้วยช่วงพิธีการที่มักจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่จึงไม่ได้มีเวลาเพียงพอให้แขกแต่ละคนได้ซักซ้อมหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นหากว่าที่บ่าวสาวมีงบประมาณเพิ่มเติมอีกสักนิด อาจจะหาผู้รู้จริงมาคอยประสานงานว่าต้องทำอะไรตอนไหน โดยอาจจะให้คนๆ นั้นทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินพิธีการต่างๆ ไปในตัวเลยก็ได้ เพื่อช่วยให้งานออกมาราบรื่นมากที่สุด

งานแต่งไทยใช้เงินเยอะไหม

ปัจจุบันบ่าวสาวเริ่มหันมาใส่ใจงานแต่งเช้ากันมากขึ้น และอยากที่จะให้ออกมาดูดีมีเอกลักษณ์ ซึ่งสำหรับคู่ที่ต้องบริหารค่าใช้จ่าย อาจนำเรื่องของดีไซน์เข้ามาช่วย ถ้าดีไซน์ภาพรวมของงานออกมาลงตัว งบจะมากจะน้อยงานก็ออกมาประทับใจได เพราะงานที่สวยไม่จำเป็นต้องโถมดอกไม้ให้เยอะเสมอไป ซึ่งหากบ่าวสาวมีงบจำกัด อาจเน้นการตกแต่งไปที่จุดหลักๆ ที่ต้องมีการถ่ายรูป เช่น ฉากหลังของพิธีหมั้น ฉากหลังพิธีรดน้ำสังข์ ซุ้มประตูทางเข้า หรือชุดขันหมากเพราะถ้าหากขบวนมีความสวยงามตอนเดินเข้ามาก็จะทำให้ภาพรวมของงานออกมาดูดีด้วย หรือจะเลือกตกแต่งดอกไม้แบบสากลแล้วนำดอกไม้ไทยที่มีความสวยงาม (ซึ่งส่วนมากจะราคาสูง) เข้าไปเพิ่มด้วยอีกนิดหน่อย เพื่อให้ภาพรวมของงานออกมาดูร่วมสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายแบบไทยๆ บ่าวสาวถูกใจ ผู้ใหญ่ชอบ แถมยังช่วยทุ่นเรื่องงบด้วย

จัดงานเล็กๆ ที่บ้านได้ไหม

หลายบ้านคิดว่างานแต่งแบบไทยมีแค่คนกันเอง จัดที่บ้านก็ได้จะได้ประหยัดค่าสถานที่ด้วย แต่ลืมคิดไปว่ามีแต่เจ้าบ้านเท่านั้นที่คุ้นเคยกับสถานที่ เพราะฉะนั้นพอมีอะไรติดขัดนิดๆ หน่อยๆ ทุกคนก็จะวิ่งเข้าหาเจ้าของบ้านซึ่งตอนนั้นคุณอาจจะกำลังอยู่ในช่วงพิธีการก็ได้ เช่น ไฟสว่างไม่พอ เปิดไฟตรงไหน เก็บมาลัยมงคลไว้ตรงไหน ห้องน้ำไม่พอขึ้นไปเข้าชั้นบนได้ไหม เป็นต้น กลายเป็นความวุ่นวายแทนที่จะได้ความอบอุ่น นี่ยังไม่รวมปัญหาเรื่องแอร์ที่อาจจะเย็นไม่พอสำหรับแขก 40-50 คนที่มานั่งรวมกันอีก (แล้วถ้ายิ่งบ้านไม่มีแอร์นี่จะเป็นอย่างไร) รวมไปถึงกองทัพรองเท้าอีกนับร้อยที่กองอยู่หน้าบ้าน จนช่างภาพปวดหัวว่าแล้วจะเก็บภาพกว้างของบรรยากาศอย่างไรดี เพราะฉะนั้นหากพื้นที่บ้านของบ่าวสาวไม่ได้มีขนาดที่กว้างขวางเพียงพอจะรับจำนวนแขกที่เชิญมาได้ การเลือกเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยแล้วไปจัดยังสถานที่ที่รับจัดงานแต่ง เราว่าน่าจะทำให้ภาพรวมของงานออกมาดูดีกว่านะคะ

ภาพ : Room Bridal Studio

แต่ถ้าหากแขกที่บ่าวสาวจะเชิญมานั้นน้อยจริงๆ 20-30 คนที่คิดว่าพื้นที่บ้านน่าจะรองรับได้ อันนี้เราก็ไม่ติดที่บ่าวสาวจะจัดงานหมั้นสุดอบอุ่นที่จะได้ใกล้ชิดกันญาติมิตรและคนสนิทของบ่าวสาวนะคะ

>> ดูเรื่องราวเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย! <<

ภาพปก : งานแต่งคุณมีมี่ & คุณโก้ ถ่ายโดย SITPHOTOGRAPH

สวรรค์บนดินอยู่ใกล้แค่ห้องหอ กับเทคนิคการจัดวางทุกอย่างในบ้านให้ลงตัว

เมื่อถึงเวลาต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันการแชร์พื้นที่ของคู่ข้าวใหม่ปลามันจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องเยอะแบบคูณสอง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านหรือข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่ต้องใช้ร่วมกัน แต่จะซื้อขนาดไหน แล้วจะจัดวางแบบไหนให้เหมาะกับ ห้องหอ ดี แพรว wedding มีคำแนะนำมาช่วยแล้ว

เตียงนอนใหญ่ให้สองเรา

ห้องหอ

เตียงนอนที่เหมาะสำหรับสองคนชายหญิงนอนอิงพิงกันทุกค่ำคืนอยู่ที่ ขนาด 6 ฟุต หรือที่เรียกว่าเตียงขนาด King Size เป็นเตียงขนาดใหญ่ที่เพียงพอสำหรับการทำกิจกรรมยามค่ำคืน!! ซึ่งแน่นอนว่านอกจากเรื่องขนาดของเตียงแล้ว วัสดุที่นำมาทำเป็นเตียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าคุณเน้นเรื่องความคงทน ใช้งานได้ยาวนาน แนะนำให้เลือกเป็นเตียงโครงเหล็ก แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าโครงเหล็กดูแข็งเกินไป อาจเลือกใช้เตียงไม้แปรรูปซึ่งมีความแข็งแรงทนทานรองลงมา และยังสามารถเลือกลายไม้ที่สวยงามได้ด้วย ส่วนคู่รักที่ข้าวของเยอะ อยากจะมีพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม อาจเลือกเป็นเตียงแบบที่มีลิ้นชักด้านล่างก็จะช่วยประหยัดพื้นที่วางตู้เก็บของ แถมยังใช้ประโยชน์จากเตียงมากกว่าการนอนได้อีกด้วย ส่วนฟูกที่เหมาะกับเตียงนอนของสองคน ควรมีความสูงอยู่ที่ 8-10 นิ้ว เพราะถือว่าเป็นความหนาที่พอดีสำหรับน้ำหนักและทำให้เวลาคุณนอนฟูกจะยุบตัวในความสูงที่พอดี

ตู้เสื้อผ้าคู่รักนักช้อป

ห้องหอ

ไม่ว่าจะใช้ตู้เสื้อผ้าคนเดียวหรือใช้ด้วยกันอย่างน้อยความลึกของตู้ควรอยู่ที่ 60 ซม. ส่วนความยาวของตู้ขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าของทั้งคู่เลยค่ะ ถ้าทั้งคู่เป็นหนุ่มสาวช่างช้อปที่มีเสื้อผ้ากองอยู่จนล้นห้องชนิดที่ว่าไม่รู้จะเอาไปยัดไว้ตรงไหนของตู้เสื้อผ้าแล้ว เราขอแนะนำ Walk-in Closet คือการจัดสรรพื้นที่มุมหนึ่งของห้องซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการบิวท์อินตู้และชั้นเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาให้เป็นสัดเป็นส่วนโดยมีประตูขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเข้า-ออกได้เหมือนห้องๆ หนึ่ง ซึ่งการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องให้เป็นแบบนี้ก็ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะและไม่ต้องการให้ห้องหอดูรกหูรกตา และสามารถมีพื้นที่ให้คุณและคู่รักได้เริงร่ากับเสื้อผ้าในห้องนี้โดยเฉพาะ

โทรทัศน์ต้องแค่ไหน

โทรทัศน์ในบ้านมีประเด็นให้คิด 2 เรื่องคือ ความกว้างของจอ และระยะห่างที่คุณจะนั่งดู ซึ่งเรื่องของขนาดจอนั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณทั้งคู่เลยค่ะ แต่อย่าลืมว่าขนาดหน้าจอต้องสัมพันธ์กันกับพื้นที่ในห้องด้วย ถ้าคุณซื้อหน้าจอกว้าง 52 นิ้ว แต่มีระยะห่างในการนั่งดูเพียง 2 เมตร สายตาของคุณต้องเสียแน่นอน ถ้าจะให้เหมาะสมสำหรับสองคนต้องประมาณ 42 นิ้ว และระยะความห่างในการดูทีวีควรอยู่ที่ 4-5 เมตร และที่สำคัญควรอยู่ในพื้นที่ทึบไม่ติดหน้าต่าง เพราะแสงที่ส่องผ่านหน้าต่างสะท้อนกับโทรทัศน์ทำให้มองเห็นโทรทัศน์ได้ยากขึ้น

โซฟา หรือโต๊ะอเนกประสงค์ในห้องนอน

สองสิ่งนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้นะคะแล้วแต่ทั้งคู่จะสะดวกใจ แต่ถ้าอยากมีพื้นที่เล็กๆ ไว้ทำงาน อ่านหนังสือ หรือจะดัดแปลงมาใช้ในกิจกรรมยามว่างของคุณและคู่รัก ก็อาจหาโต๊ะขนาด 1 เมตรสีสันสวยงามเข้ากับการตกแต่งของห้อง ประดับด้วยกรอบรูปน่ารักๆ ไว้มุมใดมุมหนึ่งของห้องอย่างเช่น ข้างหน้าต่างที่มีอากาศถ่ายเท แค่นี้คุณก็มีพื้นที่เอาไว้ทำงานหรือทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับคู่รักของคุณอย่างมีความสุขแล้วค่ะ

ห้องน้ำ กับอุปกรณ์พร้อมสรรพ

ส่วนห้องน้ำนั้น ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำในห้องนอนหรือนอกห้องนอน ก็ขอให้คิดถึงช่วงที่ต้องใช้งานในเวลาเร่งรีบ เช่น ออกไปทำงานพร้อมกัน อาจจะต้องแปรงฟันอาบน้ำพร้อมกันยามเช้า อ่างล้างหน้าจึงควรมีขนาดใหญ่สักหน่อย หรืออาจจะมี 2 อ่างเลยก็ได้ (แล้วแต่งบนะคะ) ส่วนบริเวณอาบน้ำอาจหาม่านกั้นเป็นห้องเล็กๆ เพื่อไม่ให้น้ำกระจายออกมาเลอะเทอะบริเวณด้านนอก ซึ่งทางที่ดีควรแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกนะคะจะได้สะดวกในการใช้งาน
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ นอกจากที่จะต้องอยู่ด้วยความสบายกายแล้วก็ต้องอยู่ด้วยความสบายใจด้วย เพราะฉะนั้น อย่าผลีผลามทำอะไรแค่ฝ่ายเดียว อย่าลืมปรึกษาคู่รักของคุณด้วยว่าชอบแบบไหน อยากเพิ่มอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า ถ้าได้ของที่ต้องการกับความเข้าใจที่ตรงกัน รับรองว่าห้องหอหลังนี้จะกลายเป็นสวรรค์ชั้นห้าหกเจ็ดเลยทีเดียว

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและการใช้ชีวิตคู่เพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย <<

ภาพ : roselawnlutheran.org, langleyhighlands.com

“เช้าไทย เย็นฝรั่ง” 12 ไอเดียจัดงานแต่งงานแบบไทยให้สวยเช้าจรดค่ำ

งานแต่งงานแบบไทย เสกให้สวยได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ

สารพัดไอเดียเสก งานแต่งงานแบบไทย ให้สวยครบจบในคราวเดียว ทั้งงานแต่งไทยตอนเช้ายันงานฉลองช่วงเย็น ประหยัดงบ ไม่เหนื่อยแรง แถมเก๋อีกต่างหาก

Ball-2647

1. ธีมสีสวยคลาสสิค

หากคุณคิดจะตกแต่งครั้งเดียวสำหรับงานเช้าและงานฉลองในตอนเย็น สิ่งสำคัญที่ต้องคุมให้ได้คือ “ธีมสี” ควรจะเลือกใช้สีคลาสสิคหรือสีหวานกลางๆ ที่ไปกันได้ดีกับทั้งงานไทยและงานฝรั่ง แนะนำว่าควรมีสีขาวเป็นพระเอกแล้วแซมด้วยคู่สีอื่นๆ เพื่อดึงอารมณ์ให้ไปในทิศทางที่ต้องการ เช่น อยากได้งานเรียบหรูอาจเลือกสีขาว-เขียว อยากได้งานหวานเลือกสีขาว-ชมพูอ่อน จะช่วยให้คุมภาพรวมของงานให้สวยกลมกลืนทั้งช่วงเช้าและเย็น ข้อดีแบบสุดๆ ของการคุมธีมสีคือ ถ้าคุณจัดในสไตล์เรียบๆ คลาสสิคๆ ต่อให้ใช้การตกแต่งแบบเดียวตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ยังดูไม่ขัดตานัก

2

2. ธีมงานแบบไทยประยุกต์

ข้อนี้เป็นไม้ตายง่ายๆ สำหรับคนที่ขี้เกียจคิดเยอะ เพราะสไตล์การตกแต่งเข้าได้กับทั้งงานเช้าและงานเย็น แต่อย่าลืมจัดการให้ทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกับธีมงานด้วย เช่น ให้เพื่อนๆ แต่งกายย้อนยุค จะเป็นวนิดาหรือเทพบุตรจุฑาเทพก็ว่ากันไป แขกจะได้เห็นแล้วเข้าใจว่าบ่าวสาวจงใจจัดตามธีมนี้นะ

Ball-2463

3. แซมมาลัย

หากสีขาวคือพระเอก เราขอยกให้มาลัยเป็นนางเอก เพราะไม่ว่าจะเอานางไปร้อยรัด ห้อย หรือโอบไว้ตรงไหน ตรงนั้นจะดูเป็น “งานไทยประยุกต์” ขึ้นมาในบัดดล ขนาดเฟอร์นิเจอร์จีน เชิงเทียนฝรั่ง หรือโต๊ะลองเทเบิ้ล แค่เอามาลัยไปโอบหรือห้อยไว้ก็ดูละมุนละไมแบบไทยขึ้นมาทันตา

ข้อดีของวิธีนี้คือคุณสามารถจัดตกแต่งงานฉลองไว้ได้เต็มสตีม แล้วเอามาลัยไปเสริมในจุดต่างๆ เพื่อให้ดูมีอารมณ์ความเป็นไทยสำหรับประกอบพิธีในช่วงเช้า พอเสร็จแค่ถอดมาลัยออก สถานที่นั้นก็พร้อมสำหรับงานฉลองแล้ว

BALL-6242

4. องค์ประกอบแบบไทย

เช่นเดียวกับมาลัย งานฝีมือไทยอย่างอุบะ รักร้อย พุดร้อย พานพุ่ม ฯลฯ เป็นตัวเสริมทัพให้งานแบบฝรั่งดูมีกลิ่นอายไทยขึ้น พอถึงช่วงเย็นก็แค่ถอดออก หรือบางอย่างถ้าออกแบบดีๆ จะไม่ถอดก็ยังได้ เช่น ม่านรักร้อยสลับคริสตัล หรือพานพุ่มสีขาวล้วน (ตัวพานต้องเป็นเซรามิคสีขาวด้วยนะ ไม่ใช่พานทอง) ก็สามารถย้ายไปแซมตกแต่งในส่วนต่างๆ ได้

 

ScoopSummerScript006

5. ดอกไม้ไทยสไตล์ฝรั่ง

การใช้ดอกไม้ไทยมาจัดสไตล์ตะวันตกหรือจัดร่วมกับดอกไม้ฝรั่งถือเป็นการรวมร่างที่น่าสนใจ เพราะอยู่ในงานไทยก็เข้ากันด้วยชนิดของดอกไม้ อยู่งานฝรั่งก็เข้ากันด้วยสไตล์การจัด

s1-627

6. ประกอบร่าง

นี่คือไอเดียอัจฉริยะที่ เราได้พานพบมาจากงานของแพลนเนอร์เจ้าดังหลายๆ เจ้าและคิดว่าน่าจะเอามาประยุกต์กับการจัดงานแบบทูอินวันทั้งเช้าเย็น มีตั้งแต่แบ็กดร็อปหมุนได้ด้านหน้าเป็นดอกบัว-ด้านหลังเป็นภาพวาด ไปจนถึงการจัดดอกไม้สีขาวในสไตล์เรียบคลาสสิคแล้วทำฉากโปร่งแสงมาซ้อน ทำให้มองทะลุไปเห็นดอกไม้เป็นอีกสีหนึ่ง เพื่อให้เดคคอเรทเดียวแต่ได้ 2 ฟีล และใช้ได้ 2 พิธีการ (อุต๊ะ เค้าคิดกันได้ยังไงเนี่ย)

WB111111-3583

7. เปลี่ยนพร็อปส์

งานนี้ไม่ยากแค่จัดดอกไม้ในธีมเรียบหรูสีขาว แล้วค่อยเปลี่ยนพร็อปส์ตามธีมงาน ยกตัวอย่างเช่น ฉากหลังบนเวทีปักกล้วยไม้สีขาวล้วนเต็มพื้นที่ ตอนเช้าอาจประดับด้วยสแตนด์สีขาววางพานพุ่มกลีบบัวไล่ระดับ ถ้าเหลืองบอาจห้อยมาลัยสีชมพูเป็นท้องช้างด้านบนก็สวยเว่อร์วังแล้ว พอตกเย็นยกพานพุ่มออกเปลี่ยนเป็นกระถางทรงโรมันปักดอกไม้สีขาวหรือเขียว ด้านบนเปลี่ยนเป็นห้อยการ์แลนด์ดอกไม้สีขาวหรือเขียว อาจเติมระย้าคริสตัลอีกสักหน่อย แค่นี้ก็กลายเป็นงานฝรั่งสุดเลอค่า ไม่ต้องเสียเวลาเซตงานใหม่ แถมยังได้เปลี่ยนธีมสีอีกด้วย อลังการงานสร้างสุดๆ

ชุดเพื่อนเจ้าสาวทูอินวัน-

8. ชุดเพื่อนเจ้าสาวทูอินวัน

หากหมั้นเช้าแต่งเย็นและเพื่อนเจ้าสาวเป็นเซตเดียวกันอาจเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวเป็นแนววนิดาที่เข้ากับทั้งธีมไทยและฝรั่ง พวกนางจะได้ไม่ต้องวิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผมให้วุ่น แต่ถ้าอยากวุ่นเพราะกลัวไม่สวยก็ปล่อยพวกนางไปเถอะ บางทีความสุขของสาวโสดที่ยังไร้คู่ก็อยู่ตรงนี้แหละ (สะเทือนใจ)

9. ชุดเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าบ่าว 2 ธีม

สำหรับผู้ชายอะไรๆ ก็ดูจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไปซะหมด จัดไปกับสูทเต็มยศสีซอฟต์อย่างน้ำตาล เบจ เทา ฟ้า เลือกเอาสักสีที่เข้ากับชุดไทยของเจ้าสาว เพียงแค่นี้คุณเจ้าบ่าวก็หล่อได้ในชุดเดียวตั้งแต่เช้ายันเย็น (ชุดเจ้าสาวงานฉลองส่วนใหญ่เป็นสีขาว เข้าได้กับทุกสีอยู่แล้ว) ส่วนทีมเพื่อนเจ้าบ่าวเลือกสูทสีที่ไม่ซ้ำกับเจ้าบ่าว ตอนเช้าผูกหูกระต่ายหรือเนคไทที่ทำจากผ้าขาวม้าหรือผ้าไทยชนิดต่างๆ ตอนเย็นก็แค่เปลี่ยนเป็นหูกระต่ายหรือเนคไทปกติ สบายจนน่าอิจฉาจริงๆ

เจ้าสาวสวยเป๊ะตั้งแต่ต้นจนจบ

10. เจ้าสาวสวยเป๊ะตั้งแต่ต้นจนจบ

สำหรับเจ้าสาวที่รู้ตัวว่างานเช้ามีแขกเยอะ พิธีการแยะ และน่าจะลากยาวจนบ่ายแก่ ไม่มีเวลาแต่งหน้าทำผมใหม่ แนะนำให้บอกช่างทำผมไว้ตั้งแต่แรกว่าขอทรงที่สวยได้กับทั้งชุดไทยและสากล อาจเปลี่ยนแค่เครื่องประดับผมที่ติดและถอดง่าย ส่วนการแต่งหน้านั้น ปกติแล้วช่างจะแต่งให้สวยงามตามสไตล์เจ้าสาวอยู่แล้ว แค่เปลี่ยนสีปากให้เข้มขึ้นในช่วงเย็น แต่อย่างไรก็ควรบอกช่างแต่แรก ช่างจะได้ดูให้ว่าต้องแต่งแน่นกว่าปกตินิดหนึ่งไหม หรืออาจฉีดสเปรย์บล็อกเมคอัพไว้แบบเต็มสตีม

การ์ด

11. การ์ด

บ่าวสาวหลายคู่เลือกพิมพ์การ์ดใบเดียวแต่ระบุรายละเอียดไว้ทั้ง 2 ช่วง ซึ่งก็ช่วยประหยัดงบไปได้ประมาณหนึ่ง ถ้าเลือกออปชั่นนี้แนะนำว่ารูปแบบการ์ดควรจะดูคลาสสิค ไม่โดดออกจากงานช่วงใดช่วงหนึ่ง และเรียบร้อยพอสำหรับเชิญผู้ใหญ่ในงานเช้า

งานแต่งงาน

12. ของชำร่วย

ถ้าขี้เกียจปวดหัวหาของชำร่วย 2 แบบ ลองมองหาของชำร่วยที่ดูเหมาะกับทั้งงานเช้าและเย็นอย่างสบู่หอม ผ้าขนหนูผืนน้อยน่ารัก ครีมทามือ โลชั่นขนาดพกพา ฯลฯ ที่แนะนำเป็นของใช้เพราะจะมีแขกบางกลุ่มที่ได้รับเชิญทั้งเช้าและเย็น หากได้ของที่มีประโยชน์คงไม่มีใครติดขัดหากได้ของเหมือนเดิม 2 เซต

จัดงานเช้าควบเย็นอย่างไรไม่เครียด

– เลือกออร์แกไนเซอร์ที่มั่นใจในผลงานและเชื่อมั่น เชื่อถือ เชื่อมือ เชื่อใจในคนที่เราเลือก
– บอกความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจนในทุกเรื่อง อาจพาผู้ใหญ่มาด้วยเพื่อความสบายใจ และทำความเข้าใจกับท่านอย่างกระจ่าง
– ในวันงานควรเป็นตัวของตัวเองและมีความสุข อย่ากังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนไม่มีความสุข เอาเวลาไปดูแลแขกให้ดีดีกว่า

อีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยให้งานแต่งแบบไทยสวยหรูดูดี >>> ตกแต่งงานแต่งไทยให้สวยด้วยเครื่องแขวนงานไทยสุดวิจิตร

แฟชั่นชุดแต่งงาน “โบ – เมลดา สุศรี” จาก Monique Wedding ว่าที่เจ้าสาวสายหวานที่อยากได้ความโมเดิร์นห้ามพลาด

เห็นหน้าหวานๆ แพรวเวดดิ้งเลยชวนนางเอกสาวลุคน่ารัก “โบ – เมลดา สุศรี” มาถ่าย แฟชั่นชุดแต่งงาน สวยๆ กับ Monique Wedding ซะหน่อย ซึ่งสำหรับคอลเล็กชั่นแฟชั่นชุดแต่งงานเซตนี้ก็เหมาะกับบุคลิกของสาวโบมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ชุดแต่งงานทรงทีเลนจ์ที่เหมาะสำหรับว่าที่เจ้าสาวสูงยาวเข่าดี และเหมาะสำหรับสวมใส่ในพิธีแต่งงานในช่วงเช้าหรืองานเลี้ยงฉลองในช่วงเย็นหากธีมงานเป็นแบบสบายๆ ไม่เป็นทางการมากนัก

ส่วนว่าที่เจ้าสาวที่ต้องการลุคหรูหราอลังการแบบเจ้าหญิงก็ต้องจัดไปกับชุดแต่งงานแบบเกาะอกชายกระโปรงลากยาว แต่ถ้าต้องการลุคที่ดูโมเดิร์นขึ้นอีกนิดก็ต้องเลือกเสริมความฟูฟ่องให้ช่วยกระโปรงด้วยการเสริมระบายผ้าชีฟอง และสำหรับเจ้าสาวที่เบื่อชุดแต่งงานสีขาวแบบเดิมๆ แพรวเวดดิ้งขอแนะนำให้เลือกเป็นชุดแต่งงานเฉดสีพาสเทลหวานๆ แล้วเสริมด้วยเวลเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานให้กับลุคเจ้าสาว

ซึ่งสำหรับชุดแต่งงานคอลเล็กชั่นนี้ได้ดีไซน์ออกมาเพื่อเอาใจว่าที่เจ้าสาวทุกสไตล์และทุกรูปร่าง และโดดเด่นด้วยผ้าลูกไม้สวยๆ ดีเทลการปักคริสตัลเพื่อให้ชุดดูหรูหรา รวมไปถึงคัตติ้งสุดเนี้ยบที่จะช่วยให้รูปร่างของว่าที่เจ้าสาวดูเพอร์เฟ็กต์ในวันแต่งงาน ซึ่งทางร้าน Monique Wedding มีทีมงานและทีมดีไซเนอร์มืออาชีพที่จะช่วยเนรมิตทุกความต้องการของว่าที่เจ้าสาวให้เป็นจริงได้ รับรองว่าเจ้าสาวจะสวยแบบ 360 องศาในวันแต่งงานแน่นอน

Monique Wedding 418/8-9 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงบางโพงพาง  เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120
โทร. 0-2108-7800, 08-0279-7800
เฟซบุ๊ก : Monique Wedding
ไอจี : @moniqueweddingbkk

ปล่อยของจัดเต็มไม่มีหวงกับ 10 เทคนิคจัดงานไทยยังไงให้เก๋และร่วมสมัย

บ่าวสาวคู่ไหนที่ได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว แต่ยังคิดไม่ตกว่าจะ จัดงานไทย ยังไงให้ดูเก๋ เพราะไม่อยากได้แบบไทยจ๋า แต่ก็ไม่อยากให้ดูเป็นฝรั่งจนขาดความงามอย่างไทยไป เลิกกังวลแล้วคลายปมที่คิ้วได้เลยค่ะ เพราะ แพรว wedding มี 10 เทคนิคจัดงานไทยให้เก๋ ครบทั้งความงามอย่างไทย และความมีสไตล์แบบตะวันตกมาฝาก

10 เทคนิคสำหรับว่าที่บ่าวสาวเตรียม จัดงานไทย แบบร่วมสมัยให้ดูเก๋

1. กำหนดธีมสี

นอกจากงานฉลองแล้ว เจ้าสาวเก๋ๆ ยังนิยมใส่ธีมสีให้งานไทยด้วย โดยสีที่เลือกก็มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้อิงกับสีใบตองหรือดอกไม้มงคลเท่านั้น เทคนิคอยู่ที่การเลือกโทนสีคลาสสิกและการจับคู่สีที่ลงตัว ซึ่งจะทำให้งานไทยดูหรูหราขึ้น เช่น ชมพูกลีบบัว – ครีม – ทอง, ขาว – ครีม – เขียวอ่อน

สำหรับบางคู่ที่มีความจำเป็นต้องใช้สีมงคล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสีสดตามความเชื่อครอบครัวก็ไม่ต้องกังวล เราสามารถปรับสัดส่วนของสีเพื่อความลงตัวได้ เช่น ถ้าต้องใช้สีทองกับชมพูก็ใช้สีใดสีหนึ่งเป็นหลัก แล้วใช้อีกสีเสริมหรืออาจใช้สีที่ 3 เข้ามาเบรกความจัดจ้าน เช่น ทอง – ชมพู – ขาว

2. ผสมฝรั่ง

การผสมผสานความเป็นสากลเข้าไปในบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดธีมงานและธีมสีให้กลมกลืนกัน การใช้ดอกไม้ฝรั่งและรูปแบบการจัดดอกไม้แบบตะวันตกมาผสมผสานกับดอกไม้ไทยและรูปแบบการจัดดอกไม้ไทย เช่น การ์แลนด์ดอกกล้วยไม้เลื้อยเลาะไปตามพานพุ่มแบบไทย หรือแม้แต่การจัดโต๊ะดินเนอร์เต็มคอร์สแบบตะวันตกจ๋าก็ยังมีหลายเทคนิคที่ช่วยเพิ่มกลิ่นอายความเป็นไทยเข้าไป

จัดงานไทย

3. แบ็กดร็อปบรรเจิด

หมดสมัยใช้ผ้าพลิ้วหรือฉากเขียนลายไทยแล้ว เจ้าสาวและแพลนเนอร์สมัยนี้มีไอเดียบรรเจิดกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฉากฉลุลายละเอียดยิบประดับดอกไม้ แบ็กดร็อปดอกไม้ฝรั่งที่จัดเป็นลายไทย การใช้มาลัยห้อยประดับตามขอบแบ็กดร็อป หรือแม้กระทั่งการใช้วัสดุที่สื่อถึงความเป็นไทยมาจัดแบบฝรั่ง เช่น แบ็กดร็อปใบบัวประดับดอกบัว แบ็กดร็อปใบบัวประดับการ์แลนด์ดอกกล้วยไม้ฝรั่ง เป็นต้น

จัดงานไทย

4. โลโก้อักษรไทย

ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้นจึงจะสวย ตัวหนังสือภาษาไทยถ้าออกแบบดีๆ จับคู่สีโดนๆ ก็สวยงามลงตัวได้เหมือนกัน ทางรอดคือเน้นความเรียบโก้เข้าไว้ ถ้าอยากเยอะ ให้มาตกแต่งเพิ่มเติมภายหลังแทน เช่น ใช้มาลัยล้อมโลโก้หรือห้อยอุบะ เจ้าสาวบางคนเลือกใช้การปักโลโก้บนผ้าไหมแทนการสกรีนหรือแกะโฟมเพื่อโชว์ความประณีตตามแบบฉบับไทยแท้

5.เซ็นเตอร์พีซแบบไทย

เป็นอีกจุดเด่นสำคัญที่สร้างความสวยงามภายในงาน ปกติแล้วเซ็นเตอร์พีซจะปรากฏในงานฉลองช่วงค่ำ แต่เมื่อนำมาปรับใช้ในงานไทยก็อาจเสริมงานฝีมือไทยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เช่น ใช้ดอกพุดหรือดอกรักร้อยเป็นสายห้อยแทนคริสตัล ใช้ก้านมะพร้าวเสียบดอกพุดปักแทนดอกไม้ก้านยาว ใช้พานพุ่มทรงสูงวางแทนเซ็นเตอร์พีซ เป็นต้น

จัดงานไทย

6. ชุดขันหมากตามธีมงาน

ไหนๆ ทั้งงานก็สวยเป๊ะตามคอนเซ็ปต์แล้ว จะปล่อยให้ขบวนขันหมากซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นของงาน “หลุด” ด้วยสีเขียวแก่ของใบตองได้อย่างไร เทรนด์ที่ฮิตมากในช่วงนี้คือการจัดขันหมากตามสีธีมงาน โดยใช้วัสดุทดแทนใบตองที่มีสีตามธีมมาทำพานแทน เช่น ธีมงานสีชมพูก็ใช้กลีบบัวชมพู หรือถ้าหาวัสดุตามสีธีมงานไม่ได้ก็อาจใช้วัสดุสีพื้น เช่น กลีบบัวสีขาวหรือกาบพลับพลึงสีครีมแทน แล้วค่อยใช้ดอกไม้สีตามธีมงานมาประดับ

ขอบอกว่า สมัยนี้มีวัสดุทดแทนให้คุณเลือกใช้ได้ไม่จำกัด หลายอย่างอาจเป็นสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง แต่ช่างดอกไม้ก็เนรมิตออกมาให้คุณได้ ของอย่างนี้อยู่ที่ความสร้างสรรค์และฝีมือล้วนๆ

จัดงานไทย

7. บูโทเนียร์สไตล์ไทย

สิ่งเล็กๆ อย่างบูโทเนียร์ที่ประยุกต์จากงานดอกไม้ไทยหรืองานเย็บแบบไทยในรูปแบบเดียวกับการตกแต่งดอกไม้ในงานก็แสดงถึงความประณีตและใส่ใจในรายละเอียดของเจ้าภาพได้ดี

8. เก็บรายละเอียด

เสน่ห์อย่างหนึ่งของงานไทยคือความประณีต ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแขวนที่ห้อยไว้ตามมุมหรือจุดที่ดูโล่งตา การจัดหามาลัยหรือดอกรักร้อยไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวใช้กั้นประตูเงิน – ประตูทองแทนที่จะใช้ของใกล้มืออย่างสร้อยแฟชั่นหรือเข็มขัดมาใช้ หรือการหาของชำร่วยเก็บรายละเอียด ที่สื่อถึงความเป็นไทย ฯลฯ ก็ล้วนช่วยเสริมให้งานดูสมบูรณ์ขึ้น

จัดงานไทย

9. งามอย่างไทย

งานไทยจะดูมีมนตร์เสน่ห์ขึ้นมากหากแขกในงานแต่งกายด้วยผ้าไทย เท่าที่เห็นนอกจากลุ่มเพื่อนเจ้าสาวที่มักแต่งกายย้อนยุคเป็นเซตเดียวกันตามที่จัดเตรียมไว้และแขกรุ่นใหญ่ที่ส่วนมากจะแต่งกายด้วยผ้าไทยอยู่แล้ว แขกเด็กๆ หลายคนก็มีส่วนร่วมสร้างความกิ๊บเก๋ให้งานได้ด้วยการประยุกต์เอลิเมนต์ไทยๆ เข้ามาในชุด เช่น ใส่เสื้อแขนกุดกับผ้าถุง ใส่เดรสน่ารักที่ตัดจากผ้าไทย ใส่เดรสผ้าฝ้ายแบบเรียบแล้วใส่เครื่องประดับเงินสไตล์ล้านนา เป็นต้น

แต่เรื่องแบบนี้เราคงไม่สามารถกะเกณฑ์แขกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทำได้เพียงระบุในเดรสโค้ด แต่ก็สามารถชักชวนและให้ไอเดียกลุ่มเพื่อนในการร่วมสนุกกับงานเราได้ โดยบางงานอาจมีรางวัลให้แขกที่แต่งกายด้วยผ้าไทยโดดเด่นเป็นสิ่งจูงใจ

10. รื่นเริงบันเทิงใจ

เป็นอีกสิ่งที่สื่อถึงความเป็นไทยได้ชัดเจนและโดดเด่นมาก คือแทนที่จะเปิดดนตรีไทยจากแผ่นซีดีตามปกติ ลองจ้างวงเครื่องสายมาบรรเลงเพลงไทยเดิมเบาๆ คลอไปกับงานก็จะช่วยสร้างบรรยากาศให้สมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งเดี๋ยวนี้มีชมรมและโรงเรียนดนตรีไทยที่รับออกงานมากมาย แนะนำให้เตรียมเสื้อแบบไทยตามสีธีมไว้ให้น้องๆ ด้วยจะดีมาก (ส่วนมากก็มีชุดประจำวงกันอยู่แล้วแต่มักเป็นสีสดแสบทรวงหรือไม่ก็เสื้อลายดอกงานสงกรานต์ซึ่งอาจจะไปคนละทิศทางกับธีมงานของเรา) นอกจากนี้ บางงานอาจมีการแสดงที่สื่อถึงความเป็นไทย ก็ควรจัดช่วงเวลาให้เหมาะสม ไม่ควรใช้เวลานานหรือไม่ควรมีหลายชุดจนเกินไปเพราะจะรบกวนช่วงพิธีการ

ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียที่เราได้เห็นและเก็บมาฝากให้บ่าวสาวได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานไทยของตัวเอง แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำให้ครบทั้ง 10 ข้อนะคะ สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม มากหรือน้อยก็ขอแค่ให้เหมาะกับงานและงบที่มี เท่านี้งานไทยก็เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใครแล้วจ้า

ว่าแล้วก็ตามไปส่องกันต่อกับ เสริมลุคงานแต่งไทยให้ดูหรูด้วยสายกั้นประตูเงินประตูทองสุดบรรเจิด

ภาพเปิด : งานแต่งคุณโอ๊ต & คุณฝ้าย ถ่ายโดย Julie Kim & OAT-CHAIYASITH’s team

เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมนับถอยหลังสิ่งที่ต้องทำก่อนวันสำคัญจะมาถึง

มาทำ เช็กลิสต์งานแต่ง เตรียมไว้สำหรับวันสำคัญกันเถอะ

เช็กลิสต์สำหรับการวางแผนเตรียมงานแต่งที่จะช่วยให้ “คุณว่าที่” นับถอยหลังสู่วันวิวาห์ได้แบบชิลๆ ไม่ลน ไม่สับสน และไม่เครียดจนกลายเป็นไบรด์ซิลล่าไปซะก่อน อันดับแรกตั้งสติก่อนสตาร์ท แล้วมาดูว่าจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานเหลือเวลาแค่ไหน มีอะไรต้องทำบ้าง ถ้าเหลือเวลาอีก 12 เดือน ก็สามารถดำเนินการไปตาม เช็กลิสต์งานแต่ง นี้ได้เลย แต่ถ้าไม่ถึง ลองปรับให้สอดคล้องกับเวลาที่มีกันดูนะคะ

12 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– อันดับแรกควรหาฤกษ์ก่อนว่าจะแต่งวันเดือนปีไหน

– นึกภาพงานแต่งที่ต้องการเพื่อให้รู้คอนเซปต์กว้างๆ

– กำหนดงบประมาณรวม

– ลิสต์จำนวนแขกคร่าวๆ เพื่อให้รู้ว่าต้องจองสถานที่จัดงานสเกลไหน

– มองหาสถานที่จัดงานที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องฤกษ์ คอนเซปต์งาน จำนวนแขก และงบประมาณ

– เมื่อเจอสถานที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ควรจองเลย เพราะเดือนหนึ่งมีฤกษ์ดีที่ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์อยู่แค่ไม่กี่วัน

– ถ้าจะใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์ให้เริ่มมองหาเจ้าที่ถูกใจ

– เริ่มดูแลความงามที่ต้องใช้เวลา เช่น รักษาสิว ลดน้ำหนัก ไว้ผมยาว (ถ้าอยากเกล้าผม)

11 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้ายังไม่ได้จองสถานที่ก็ควรจองได้แล้ว อย่าลืมต่อรองราคา ของแถม และเงื่อนไขต่างๆ ก่อนวางมัดจำ

– สรุปรูปแบบงานที่ต้องการอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ธีมสี ธีมงาน การตกแต่ง ลักษณะการจัดเลี้ยง (บุฟเฟต์, โต๊ะจีน, ค็อกเทล, ซิตดาวน์ดินเนอร์)

– หาข้อมูลทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้ที่ตอบโจทย์ (รวมถึงบูเกต์, ดอกไม้ติดหน้าอก มาลัยมงคล ฯลฯ)

– จองคิวช่างภาพนิ่ง ช่างภาพวิดีโอ (ถ้าไม่มีไอเดียว่าควรจะเลือกอย่างไร ลองดูผลงานจากในเว็บไซต์แล้วเลือกที่ถูกใจสัก 3 เจ้า เพื่อนัดพูดคุยเรื่องสไตล์ แนวทางการทำงาน และราคาก่อนตัดสินใจ)

– มองหาแบบชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวที่ถูกใจ

– ลิสต์รายชื่อแขกอย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดผังที่นั่ง การสั่งอาหาร เครื่องดื่ม และการส่งการ์ดเชิญในภายหลัง

– จองคิวเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่ถูกใจได้เลย

เช็กลิสต์งานแต่ง

10 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดชิมอาหารกับทางโรงแรม / แคทเทอริ่ง เลือกเมนู คอนเฟิร์มปริมาณอาหารและเครื่องดื่ม

– นัดคุยรายละเอียดและจองทีมตกแต่ง-ทีมจัดดอกไม้

– ตัดสินใจว่าจะใช้ดนตรีแนวไหน บรรเลงสดหรือเปิดแผ่น ร้องเดี่ยวหรือเป็นวง ฯลฯ และนัดคุยรายละเอียดกับนักดนตรี ก่อนวางเงินจอง (แนวเพลง รายชื่อเพลงช่วงพิธีสำคัญ ช่วงเวลาที่ต้องโชว์ เรตราคา อุปกรณ์ที่จำเป็น)

9 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– สรุปภาพรวมกับทีมงานฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เห็นรายละเอียดชัดเจนขึ้น รวมทั้งขอดูแบบร่างการตกแต่งจากที่คุยรายละเอียดในครั้งก่อน

– ถ้าจะเช่าอะไรเพิ่มเติม เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เต๊นท์ ควรติดต่อตั้งแต่ตอนนี้

– ตัดสินใจเรื่องชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาว ไม่ว่าจะแบบเช่าหรือแบบสั่งตัด

– ทาบทามทีมเพื่อนเจ้าบ่าวและทีมเพื่อนเจ้าสาว พร้อมคุยถึงคอนเซปต์ชุดว่าจะเช่าเป็นเซต หรือซื้อผ้าไปตัดกันเอง อีกอย่างจะได้ให้เพื่อนๆ มีเวลาไปเตรียมความพร้อมสวยหล่อกันด้วย

8 เดือนถ่อนถึงวันแต่งงาน

– มองหาเครื่องประดับและแอคเซสซอรี่ที่เข้ากับชุดเจ้าสาว เช่น เวล เครื่องประดับผม ถุงมือ รองเท้า ชุดชั้นใน หรือซิลิโคนเสริมอึ๋ม!!

– ช่วงนี้ยังไม่ยุ่ง จะวางแผนไปฮันนีมูนพลางๆ ก็ได้นะ

7 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ลองชุดเจ้าสาวครั้งที่ 1

– ดูแบบการตกแต่งงานที่แก้ไขมาแล้ว และสรุปรายละเอียดเป็นครั้งสุดท้าย

6 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ถ้าจะใช้เค้กจริงให้เริ่มหาร้านเค้กที่ถูกใจ ชิมรสชาติ สรุปแบบ การขนส่ง วันรับของ และราคา

– หาแบบการ์ด ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– จองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม (ถ้ามองช่างคิวทองเอาไว้ อาจจะมองหาในช่วงการจองสถานที่ไปเลย ช้าหมดอดแต่งนะจ๊ะ)

– เริ่มกินวิตามินโดยเลือกให้ตรงกับส่วนที่ต้องการจะบำรุง

– หาครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว มาสก์หน้าให้บ่อยขึ้นประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์

– เริ่มทำทรีทเม้นต์ใบหน้าและผิวกายทุก 4-6 สัปดาห์ ถ้าอยากลองคอร์สใหม่ๆ ให้เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหากทำแล้วพลาดยังมีโอกาสฟื้นฟูผิวได้ทัน

5 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– จัดการเรื่องห้องพักหรือที่พักสำหรับแขกคนสำคัญที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ (แนะนำให้จองกับโรงแรมที่จัดงานไปเลยเพื่อความสะดวกของแขก)

– สรุปแบบพร้อมสั่งการ์ดเชิญ ของชำร่วย ของไหว้ผู้ใหญ่ และของขวัญพิเศษอื่นๆ

– หากอยากกำจัดขนถาวร ควรเริ่มทำตั้งแต่ช่วงนี้เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคือง

– เริ่มขัดผิวหน้าและผิวกายเป็นประจำ 1 ครั้ง/สัปดาห์

4 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– ติดต่อประธานในพิธี (เชิญปากเปล่า)

– สรุปลำดับพิธีการ ร่างสคริปต์และคำกล่าวขอบคุณแขก

– กรณีที่เจ้าบ่าวหาชุดเอง ให้เริ่มหาชุดและพร๊อพส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนคไท ถุงเท้า หรือรองเท้า ที่สำคัญเสื้อเชิ้ตตัวในสีขาวที่ต้องเป็นตัวใหม่นะจ๊ะ

– ทำทรีทเม้นต์ผม และลองเปลียนสีผมให้อ่อนลงเพื่อเพิ่มมิติให้ทรงผมในวันงาน

– หากผิวแพ้ง่าย ไปทำสปาหรือทรีทเม้นต์ที่ไหนก็ไม่รอด ให้รีบหาหมอเพื่อรักษาให้หาย แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำซึ่งไม่แพ้เพื่อความปลอดภัย และงดลองใช้ของใหม่ทุกชนิด

3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เริ่มถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และทำวิดีโอพรีเซ้นต์เทชั่น (หากอยาได้เรื่องราวและการถ่ายทำที่ซับซ้อนอาจต้องเผื่อเวลามากกว่านี้)

– ติดต่อพิธีกรในงาน

– สรุปแบบและสั่งทำกล่องใส่ซองและป้ายบอกเบอร์โต๊ะหรือแขกวีไอพี ถ้าทำทุกอย่างเองก็เริ่มลงมือทำเลย

– นัดรับการ์ดเชิญและของชำร่วย

2 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– เขียนรายชื่อแขกหน้าซองและส่งหรือเริ่มแจกการ์ดเชิญ

– หากพื้นที่งานมีขนาดใหญ่ควรจัดเตรียมรถกอล์ฟหรือพาหนะต่างๆ สำหรับแขกเพื่อความสะดวก

– ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจต้องใช้ในงาน เช่น แชมเปญยี่ห้อที่ชอบเป็นพิเศษ เป็นต้น

– ลองแต่งหน้า-ทำผมเหมือนวันจริง (สำหรับคนที่มีงบเหลือ)

– ถ้าเจ้าสาวอยากดัดผมเพื่อปล่อยสยายในวันแต่งงานก็ถึงเวลาแล้ว

– ยังทันหากคุณจะเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบจริงจังและจัดเต็ม

1 เดือนก่อนถึงวันแต่งงาน

– นัดคุยลำดับพิธีการกับพิธีกรในงานและกับคนของโรงแรม พร้อมสรุปผังที่นั่ง

– แบ่งหน้าที่ให้เพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยดูแลในวันงาน

– เช็กว่าแจกการ์ดเชิญให้แขกครบหรือยัง ถ้ามีตกหล่นรีบจัดการส่งในสัปดาห์นี้เลย

– คอนเฟิร์ม วัน เวลา และสถานที่กับช่างแต่งหน้า-ทำผม รวมถึงทีมตกแต่งอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครลืม

– คอนเฟิร์มลำดับงานและสิ่งที่ต้องการกับช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอ พร้อมแจ้งภาพที่ต้องการนอกเหนือไปจากภาพบ่าวสาว รวมถึงช็อตเด็ดห้ามพลาด

– คอนเฟิร์มเรื่องเวลาเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มทั่วไป แชมเปญ หรือไวน์กับทางสถานที่เป็นครั้งสุดท้าย

– เดินทางไปเชิญประธานด้วยตัวเอง

– เข้มงวดกับตารางการกินผักและผลไม้ตลอด 1 เดือน จะเป็นการช่วยคงสภาพหุ่นสวยเพื่อให้ใส่ชุดแต่งงานได้พอดี

– เช็กของใช้สำหรับวันงานว่ามีครบหรือไม่ และจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบ

– ตัดผม เล็มผมทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมเติมสีผมหรือทำผมสีเดิมให้ชัดขึ้น

– ลองชุดเป็นครั้งสุดท้าย และนัดรับชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว

1 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน

– รับชุดแต่งงาน

– รับกล่องใส่ซองและป้ายตั้งโต๊ะ (ในกรณีที่สั่งทำ)

– กำจัดขนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเก็บรายละเอียดให้เรียบเนียนมากที่สุด

– เข้าสปานวดผ่อนคลาย สครับผิว ทำทรีทเม้นต์หน้าและตัวเพื่อความเปล่งปลั่งในวันงาน

– โทรศัพท์ไปย้ำเรื่องเวลากับประธาน รวมถึงสารพัดช่าง ทั้งช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพ ช่างวิดีโอ

– เตรียมของใช้กระจุกกระจิกที่อาจต้องใช้ในวันงานแบบกะทันหัน เช่น กระดาษทิชชู่ คอตตอนบัต เป็นต้น

1 วันก่อนถึงวันแต่งงาน

– ไปทำเล็บให้สวยด้วยสีที่ชอบหรือแบบที่ต้องการ

– เตรียมเสื้อผ้าที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้าเอาไว้ใส่ตอนแต่งหน้า-ทำผม

**แต่ในกรณีที่บ่าวสาวแต่งหน้าทำผมที่โรงแรมก็อาจจะสวมเป็นชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมก็ได้นะคะ

– เตรียมเงินค่าใช้จ่ายที่จะต้องเคลียร์หลังงานเลิก และมอบให้เพื่อนช่วยดูแล (กรณีที่ต้องชำระเป็นเงินสดเท่านั้น)

– ดื่มน้ำมากๆ หากมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายควรกินผัก ผลไม้ เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ควรดื่มน้ำเยอะหลังจาก 2 ทุ่มเพื่อลดอาการบวมน้ำในตอนเช้า

– งดอาหารเค็ม หวาน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

– ว่าที่เจ้าบ่าวอย่าลืมโกนหนวดเคราให้เรียบร้อยเพื่อใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา ส่วนว่าที่เจ้าสาวหากจะสระผม ก็ให้สระโดยแชมพูอย่างเดียว ไม่ต้องลงครีมนวดนะจ๊ะ

– พยายามพักผ่อนให้ได้ 8-10 ชั่วโมง ตื่นมาจะได้สดใสตาไม่เป็นหมีแพนด้า

วันแต่งงาน

– ตื่นมากินอาหารเช้าให้เต็มที่ เลี่ยงอาหารที่กากใยหรือเสี่ยงต่อการท้องเสีย

– เผื่อเวลาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัวก่อนงานเริ่มอย่างน้อยประมาณ 4 ชั่วโมง

– ซ้อมเหมือนจริงทุกอย่าง 1 รอบ เช่น การเดินเข้างาน ตำแหน่งที่ยืนบนเวที การตัดเค้ก การโยนช่อดอกไม้ (แต่ไม่ต้องเอาช่อที่จะใช่จริงมาซ้อมนะคะ) ซักซ้อมช่วงสำคัญให้เป๊ะก่อนที่จะออกไปถ่ายภาพกับแขก แต่..เซอร์ไพรซ์ที่เตรียมไว้ให้กันก็อาจจะต้องแอบซ้อมเนอะ อิอ

– สุดท้ายผ่อนคลายและปล่อยวางทุกอย่าง พร้อมส่งยิ้มให้คนข้างกาย และโปรยยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน

แต่ถ้าหากบ่าวสาวคนไหนที่มีระยะเวลาเตรียมงานไม่ถึง 12 เดือน ก็อาจจะนำเช็กลิสต์นี้ไปปรับให้เหมาะสมกับระยะเวลาการเตรียมงานของตัวเองกันดูนะคะ อย่างน้อยแค่ได้รู้ว่าต้องทำอะไร และห้ามลืมทำอะไรบ้าง และหมั่นทำเช็กลิสต์บ่อยๆ รับรองว่างานแต่งสุดเพอร์เฟกต์อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

เตรียมงานกันแล้วก็ต้องมา >> เช็ก 10 เรื่องพลาดที่บ่าวสาวต้องระวังในช่วงเตรียมงานแต่งงาน << กันด้วยน้าาา

ภาพ : pexels.com, pinterest.com

เช็คลิสต์ข้าวของและจำนวนทีมงานในงานแต่งไทย…เช็กให้ชัวร์ไม่มีตกหล่น

ประเพณีงานแต่งงานแบบไทย หรือที่หลายคู่เรียกสั้นๆ ว่า งานแต่งไทย มีขั้นตอนและรายละเอียดค่อนข้างมาก ทำเอาว่าที่หลายคู่ถึงกับหัวหมุน บางคู่มัวแต่จดจ่อกับลำดับพิธีจนพลาดรายละเอียดบางอย่างไป เราจึงรวบรวม “สิ่งที่บ่าวสาวมักลืมนึกถึง” มาให้คุณไว้รีเช็กตัวเอง

งานแต่งไทยพิธีสงฆ์

  • คนรับรองพระสงฆ์-นำสวดมนต์ ควรสอบถามเพื่อนหรือญาติว่ามีใครพอจะทำหน้าที่นี้ได้ไหม จะได้มีคนคอยนิมนต์-ส่งพระ ประเคนเครื่องดื่ม รวมทั้งนำบ่าวสาวจุดธูปเทียน สวดมนต์ และประเคนภัตตาหารหรือสังฆทานได้อย่างไม่ประดักประเดิด
  • ชุดทำน้ำมนต์ ได้แก่ ขันใบโต น้ำสะอาด เทียนขี้ผึ้งอย่างดี ซึ่งน้ำมนต์นี้จะนำไปผสมน้ำสะอาดเพื่อใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ต่อไป
  • ซองปัจจัย บ่าวสาวที่มีออแกไนซ์ดูแลงานมักจะลืมจุดนี้ เพราะวางใจว่ามีคนจัดการแทนหมดแล้ว แต่การดูแลนั้นไม่รวมซองปัจจัยสำหรับทำบุญนะจ๊ะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมเพราะการวิ่งหาธนบัตรตามจำนวนพร้อมซองถึง 9 ซองนั้นวุ่นวายพอดูเลยละ
  • ชุดไหว้เจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งเล็กๆ แต่สำคัญ จัดไว้เถอะเพื่อความสบายใจว่างานจะราบรื่น

งานแต่งไทยแห่ขันหมาก

  • ผู้ถือพานในขบวนขันหมาก บ่าวสาวมักไม่ค่อยนัดแนะไว้เพราะคิดว่าหาเอาหน้างานก็ได้ทุกคนยินดีช่วยอยู่แล้ว แต่ถ้าญาติหรือเพื่อนเกิดมาเลทกันล่ะ จะทำไง …แจ้งล่วงหน้าไว้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องลุ้น
  • ผู้เชิญขันหมากพร้อมโต๊ะตั้งขันหมาก คนในขบวนจะได้นำพานต่างๆ ไปวางไว้ได้ถูกจุด
  • เพื่อนเจ้าสาวในชุดไทย พร้อมสายกั้นประตูดอกไม้เพื่อภาพสวยๆ และเพื่อนเซตนี้แหละที่ควรจะเป็นผู้คอยเติมน้ำและส่งสังข์ให้ผู้ใหญ่ รวมทั้งมอบของชำร่วย เพื่อให้ภาพพิธีออกมาเป็นธีมไทยครบชุด
  • เผื่อซองเงิน (เจ้าบ่าวเตรียม) ใครจะรู้ว่าประตูเงินประตูทองจะงอกอีกกี่ด่าน และมีใครที่เราต้องให้รางวัลเพิ่มอีกบ้าง เช่น บางบ้านอาจมีค่าไถ่รองเท้าเจ้าบ่าว
  • ของชำร่วยสำหรับขบวนขันหมากและของไถ่กล้วยอ้อย (เจ้าสาวเตรียม) ถือเป็นน้ำใจสำหรับคนในขบวนขันหมากโดยมอบให้เมื่อนำพานมาวางแล้ว ส่วนคนถือกล้วยอ้อยมักจะได้ของพิเศษหน่อย เช่น เหล้า ซองเงิน (โดยมากจะขอเป็นเหล้า)

2เจรจาสู่ขอ-สวมแหวนหมั้น-รดน้ำ

  • ผ้าสำหรับรวบห่อสินสอด ได้หมดทั้งผ้าแพร ผ้าโปร่ง ขอให้เป็นสีมงคล (นิยมสีทอง) ที่สำคัญผืนใหญ่พอจะวางสินสอดทั้งหมดแล้วรวบผูกเป็นห่อให้แม่เจ้าสาวแบกขึ้นบ่าได้
  • ข้าวตอก ถั่ว งา และดอกไม้มงคลต่างๆ เช่น บานไม่รู้โรย ดาวเรือง สำหรับโรยพานสินสอด
  • มงคล มาลัยมงคล 1 คู่ แป้งเจิม สำหรับพิธีรดน้ำ (คนมักนึกถึงแต่ชุดตั่งและชุดรดน้ำ)

สิ่งของอื่นๆ

  • ผู้ดูแลสินสอด ของรับไหว้ และซองเงินช่วยงาน กรณีที่ไม่ได้จัดงานที่บ้านของตัวเองก็ต้องดูแลเงินทองของมีค่าเป็นพิเศษ อาจเตรียมกระเป๋าเดินทางใบย่อม (แต่ถ้าสินสอดเยอะก็เพิ่มขนาดได้นะจ๊ะ) มาใส่เงิน ล็อกอย่างดี แล้วมอบให้ญาติที่ไว้ใจได้ถือติดตัวไว้ตลอดจะได้สบายใจว่าไม่มีตกหล่น
  • แผ่นซีดีดนตรีไทย สำหรับเปิดคลอสร้างบรรยากาศ
  • ซองเปล่า แขกเกือบครึ่งจะมาถามหาซองเปล่าหน้างาน ควรเตรียมไว้ที่จุดลงทะเบียนพร้อมปากกา
  • ผ้าปูที่นอนชุดใหม่ สำหรับทำพิธีปูเตียงเรียงหมอน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับแขกสูงอายุ ส่วนใหญ่งานเช้าจะเน้นเชิญแขกผู้ใหญ่ซึ่งบางท่านก็ชราภาพมาก ควรจะเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้ท่านด้วย เช่น หากจัดงานชั้นบนของเรือนไทย ควรจัดคนคอยประคองขึ้นบันไดหรือจัดที่นั่งด้านล่างไว้ (สำหรับท่านขึ้นบันไดไม่ไหวแล้ว) หากจัดงานที่บ้านและให้แขกนั่งร่วมพิธีสงฆ์บนพื้น ควรจัดเก้าอี้สำหรับผู้สูงอายุแอบไว้ด้านหนึ่ง หรือหากจัดงานเอ๊าท์ดอร์ ควรจัดที่นั่งในร่มใกล้พัดลมและเตรียมยาดมยาหม่องเผื่อไว้

หากเช็กข้าวของได้ครบไม่มีตกหล่นก็ไปจัด >> ขบวนขันหมาก << รอกันได้เลย

แจกกันแบบสเต็ปบายสเต็ป กับขั้นตอนลำดับพิธีแต่งงานไทยฉบับสมบูรณ์

งานแต่งแบบไทย เต็มไปด้วยพิธีการและลำดับขั้นตอนที่เยอะแยะ จึงทำให้บ่าวสาวหลายคนพากันเวียนเฮดกันเป็นแถม เพราะกลัวว่าจะดำเนินการผิดขั้นตอน แต่เชื่อเถอะว่าหากบ่าวสาวเตรียมการไปดีรับรองว่าพิธีต่างๆ ใน งานแต่งแบบไทย ไม่ยากอย่างที่คิด แถมเรายังใจดีมีลำดับขั้นตอนพิธีงานแต่งไทยแบบเป๊ะๆ มาฝากด้วย

ในที่นี้สมมติว่าฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. ฤกษ์ส่งตัว 13.29 น. มีแขกราว 100-120 คน จึงเริ่มเคลื่อนขบวนขันหมากตั้งแต่ 8.00 น. ทั้งนี้ การกำหนดกรอบเวลาขึ้นอยู่กับฤกษ์ จำนวนแขก และการจัดการของแต่ละบ้านว่าสามารถดำเนินพิธีแต่ละช่วงไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วเพียงใด

18.00 น. – แห่ขันหมาก

ควรเรียกระดมพลก่อนเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อจัดขบวนว่าใครยืนอยู่ลำดับไหน ถือพานอะไร เมื่อเรียบร้อยก็เคลื่อนขบวนไปยังบ้านเจ้าสาวหรือจุดประกอบพิธี ความจริงเดี๋ยวนี้ก็ตั้งขบวนกันข้างรั้วบ้านหรือโรงแรมนั่นแหละ โห่ฮิ้วสัก 3 รอบก็ถึงแล้ว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* นัดกับคนในขบวนขันหมากล่วงหน้าว่าให้มาถึงงานกี่โมง แต่งกายอย่างไร และมีหน้าที่อะไร
* มีผู้รู้งานซึ่งถือผังขบวนขันหมากพร้อมรายชื่อคนถือพานเพื่อจัดลำดับขบวนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
* ฝ่ายเจ้าสาวเริ่มจัดแถวกั้นประตูเงินประตูทองในเวลาเดียวกัน

 

28.10 น. – เชิญขันหมาก  

เมื่อถึงหน้าบ้านจะมีการเชิญขันหมากโดยเด็กหญิงหน้าตาน่ารักในชุดไทยถือพานเชิญขันหมากรอรับพร้อมกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวซึ่งจะเป็นผู้เจรจาต้อนรับขบวนขันหมาก ทำนองว่า “ขบวนคึกคักจังเลย จะไปไหนกันคะ” ทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็จะตอบประมาณว่า “จะมาขอลูกสาวบ้านนี้ยินดีต้อนรับหรือไม่” ซึ่งคำตอบจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ยินดี …เชิญเข้ามาเลยค่ะ” จากนั้นเด็กเชิญขันหมากจะส่งพานเชิญขันหมากให้เถ้าแก่ฝ่ายชายซึ่งก็แค่หยิบหมากพลูไปถือพอเป็นพิธีแล้ววางคืนพร้อมให้ซองเงิน

8.15 น. ฝ่าด่านประตูเงินประตูทอง

จากนั้นขบวนขันหมากจึงเคลื่อนสู่บริเวณประกอบพิธี แต่เดี๋ยวก่อน! ระหว่างทางสั้นๆ นี่แหละที่กินเวลานาน เพราะกว่าขบวนจะผ่านประตูเงินประตูทองได้แต่ละด่านบางทีเจ้าบ่าวถึงกับเหงื่อตก ปัญหาที่เราเคยเห็นเยอะสุดคือถูกรีด เอ้ย เรียกหลายซองจนเจ้าบ่าวหมดตัว ต้องหยิบยืมกันให้วุ่น รองลงมาคือกิจกรรมวัดใจจำพวกวิดพื้น ตะโกนบอกรัก ร้องเพลง ฯลฯ ซึ่งบางทีผู้ใหญ่ในขบวนก็ไม่ได้สนุกด้วยนัก …เอาเป็นว่าสนุกกันพอหอมปากหอมคอ อย่าเล่นจนเสียฤกษ์ และนึกถึงใจคนถือพานผลไม้มงคลหรือกล้วยอ้อยบ้าง (เมื่อยมาก)

งานฉลุยแน่ถ้า…
* เจ้าสาวตกลงกับเพื่อนๆ ไว้ก่อนว่าต้องปล่อยขบวนภายในเวลาเท่าไหร่จึงจะไม่เสียฤกษ์

 

48.45 น. – พิธีล้างเท้า (ถ้ามี)

บางบ้านอาจมีพิธีล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน โดยให้เจ้าบ่าวถอดรองเท้ายืนบนหินล้างเท้ารองใบตอง แล้วญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวตักน้ำล้างเท้าให้ ซึ่งสมัยนี้บางคนอาจแค่ปะพรมไปบนรองเท้าพอเป็นพิธีจะได้ไม่ต้องถอดรองเท้าเข้าๆ ออกๆ เสร็จแล้วจึงให้ซองเงินเป็นรางวัล

59.00 น. – เจรจาสู่ขอ + นับสินสอด  

เมื่อมาถึงบริเวณพิธี คุณแม่เจ้าสาวจะมารับขันหมากแล้วส่งต่อให้คนนำไปวาง โดยพานขันหมาก พานสินสอด พานแหวนหมั้น วางไว้ ณ จุดประกอบพิธี ส่วนพานอื่นๆ วางเรียงยังโต๊ะที่จัดไว้ด้านข้าง (ต้นกล้วยต้นอ้อยวางไว้หน้าประตูได้เลย) จากนั้นเชิญผู้ใหญ่นั่งประจำที่

หลังจากเจรจาสู่ขอกันเป็นที่เรียบร้อย จะเป็นการนับสินสอดซึ่งส่วนใหญ่ก็นับพอเป็นพิธีจึงใช้เวลาไม่นานนัก ปิดท้ายด้วยการโปรยถั่ว งา ข้าวตอก ดอกไม้ลงบนสินสอดเพื่อสื่อถึงความเจริญงอกงาม แล้วรวบห่อสินสอดให้แม่เจ้าสาวแบกขึ้นบ่าเดินตัวเอียง (สินสอดหนักมาก) เข้าไปเก็บ จากนั้นจึงส่งคนไปรับตัวเจ้าสาว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* มีคนคอยกำกับว่าพานไหนวางไว้ตรงไหน ผู้ใหญ่แต่ละท่านนั่งตรงไหน

 

69.29 น. – สวมแหวนหมั้น

ถ้าฤกษ์สวมแหวนหมั้นคือ 9.29 น. ในเวลา 9.20 น. ควรจะไปรับตัวเจ้าสาวมาเข้าพิธีแล้ว จะได้มีเวลากราบผู้ใหญ่และจัดท่านั่งให้เรียบร้อย เมื่อถึงฤกษ์ก็ค่อยบรรจงสวมแหวนช้าๆ อย่างมั่นใจ อย่าลืมค้างท่านี้ไว้สัก 5 วินาที เอียงมือที่สวมแหวนเข้าหากล้องเล็กน้อยแล้วยิ้มเพื่อภาพงามๆ ที่คุณรอคอย

79.45 น. – พิธีสงฆ์

เป็นการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้พร ถวายภัตตาหารเพลและเครื่องไทยธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมทั้งยังได้เก็บน้ำมนต์ไปผสมน้ำสำหรับใช้ในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ด้วย ทั้งนี้ ในปัจจุบันหลายคู่นิยมทำบุญตักบาตรเช้าก่อนเริ่มแห่ขันหมากเพื่อความสะดวก

 

810.45 น. – พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ (รดน้ำสังข์)

เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์จะเป็นพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ โดยหลังจากคล้องมาลัยมงคล เจิม (กรณีที่พระสงฆ์ไม่ได้เจิมให้) และสวมมงคลแล้ว จะเป็นการรดน้ำอวยพรโดยผู้ที่มีอาวุโสกว่าบ่าวสาวซึ่งก็จะเรียงลำดับตามศักดิ์และอาวุโสลดหลั่นกันไป โดยระยะเวลาของพิธีนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกที่รดน้ำ

ตามมารยาทแล้ว หากจะให้ผู้ใหญ่ท่านใดทำหน้าที่คล้องมาลัยมงคล เจิม หรือสวมมงคล ควรแจ้งให้ท่านรู้ตัวล่วงหน้า โดยเฉพาะท่านที่สวมมงคลซึ่งต้องอยู่จนจบพิธีเพื่อเป็นผู้ถอดมงคลออกให้บ่าวสาว

งานฉลุยแน่ถ้า…
* จดชื่อ-สกุล-ตำแหน่งของแขกผู้ใหญ่ พร้อมการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องให้พิธีกรกล่าวเชิญตามลำดับ
* มีคนเชิญแต่ละท่านตามลำดับที่พิธีกรขานชื่อ เพราะบางท่านอาจได้ยินไม่ชัดหรือลุกนั่งไม่สะดวก
* บ่าวสาวรู้ลำดับพิธี จะได้รู้คิวว่าต้องทำอะไรตอนไหน เช่น เมื่อถึงตั่งเจ้าสาวต้องนั่งทางซ้ายของเจ้าบ่าว

911.45 น. – พิธีไหว้ผู้ใหญ่

มักเชิญเฉพาะญาติสนิท โดยบ่าวสาวเตรียมของไหว้ผู้ใหญ่ที่ดูดีมีราคาและสมน้ำสมเนื้อกับของรับไหว้ที่มักจะเป็นเงินทองของมีค่า เช่น ผ้าขนหนูเนื้อดี ผ้าพับอย่างดี ปลอกหมอนผ้าไหม ฯลฯ ทั้งนี้ พิธีไหว้ผู้ใหญ่สามารถขยับไปไว้ในช่วงที่สะดวกได้

 

1012.30 น. – งานเลี้ยง

หลังจากเสร็จพิธีเจ้าภาพมักจัดงานเลี้ยงกลางวันให้แขกรับประทานอาหารร่วมกัน

1113.29 น. – พิธีปูเตียงเรียงหมอน (ส่งตัวเข้าหอ)

ควรเตรียมปูที่นอนด้วยเครื่องนอนชุดใหม่รวมทั้งวางพานส่งตัวไว้ให้พร้อมก่อนถึงฤกษ์ จากนั้นเชิญพ่อแม่บ่าวสาวและคู่สามีภรรยาอาวุโสที่อยู่กินกันอย่างมีความสุขและมีลูกหลานดีมาทำพิธีตามฤกษ์ โดยท่านทั้งสองจะได้รับเชิญให้นอนบนเตียง ทำทีหลับแล้วตื่นขึ้นมาพูดคุยในสิ่งที่เป็นมงคล เช่น “ฝันว่ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” “ที่นอนนี้นอนสบายจริงๆ ถ้าใครได้นอนคงมีแต่ความสุขความเจริญ” เป็นต้น แล้วจึงพรมน้ำมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ จากนั้นเป็นการให้ศีลให้พรพร้อมให้โอวาทในการครองเรือน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแนวทางตามสมัยนิยมเท่านั้น บางครอบครัวอาจมีความเชื่อหรือลำดับพิธีที่แตกต่างซึ่งไม่ผิดแต่อย่างใด ของแบบนี้ทำตามความสบายใจของทุกฝ่ายไว้เป็นดีที่สุด

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย! <<

ภาพเปิด : งานแต่งคุณอ้อม & คุณโน๊ต ถ่ายโดย Pause by Pro Photography, Aitop Friday, Box Wedding

ไขข้อสงสัย จำเป็นหรือไม่กับการที่บ่าวสาวต้องไหว้เจ้าที่ในงานแต่ง?

คนไทยมีความเชื่อที่ว่าทุกที่ทุกทางนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกปักดูแลรักษาอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาจะทำกิจกรรมใดๆ บนพื้นนั้นๆ ก็มักจะมีการจุดธูปจุดเทียนเพื่อกราบ ไหว้เจ้าที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณนั้นให้รับรู้เพื่อเป็นการบอกกล่าวและขอพรให้งานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่เว้นแม้กระทั่งในพิธีแต่งงาน แต่หลายครั้งบ่าวสาวก็มักจะหลงลืมหรือละเลยเรื่องนี้กันไปเพราะความวุ่นวายจากการต้องเตรียมการหลายสิ่ง หรือบางคู่ไม่เลือกที่จะทำเพราะยุ่งยากเกินไปก็มี แต่รู้ไหมคะว่าความจริงแล้วการไหว้เจ้าที่เจ้าทางนั้นง่ายนิดเดียว

“ไหว้เจ้าที่” จำเป็นต้องไหว้ไหมและต้องไหว้ที่ไหนบ้าง ?

คงต้องถามกลับก่อนว่า คุณอยากได้ความสบายใจหรือเปล่า ทั้งคุณสองคนรวมถึงญาติผู้ใหญ่ทุกฝ่าย เพราะอย่างที่บอกไปแล้วค่ะว่า นี่คือเรื่องของความเชื่อของคนไทยที่มีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งถ้าถามว่าจำเป็นไหม ก็ต้องแล้วแต่บ้าน เพียงแต่ทำแล้วดีแน่ๆ อย่างน้อยก็ดีต่อจิตใจ

ส่วนประเด็นที่ว่าจะไหว้ที่ไหนนั้น คำตอบง่ายๆ คือ ถ้าคุณจัดงานบ้านไหนก็ไหว้ที่บ้านนั้น โดยไหว้ในจุดบูชาของแต่ละบ้าน เช่น ห้องพระ ศาลเจ้าที่ ศาลพระภูมิ ศาลบรรพบุรุษ ตี่จู๋เอี๊ยะ (ศาลเจ้าจีน) เป็นต้น โดยควรไหว้แต่เช้าตรู่ หรือก่อนที่จะดำเนินการเริ่มพิธีใดๆ ตั้งแต่ก่อนที่จะเชิญพระมาเข้าพิธีเลยก็ว่าได้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวและงาน แต่ถ้าจัดงานที่โรงแรมก็ให้จัดเครื่องไหว้ที่ศาลพระภูมิของโรงแรม แต่ไม่ว่าจะไหว้ที่ไหน ความหมายของการไหว้เจ้าที่คือ การบอกกล่าวท่านเจ้าที่เจ้าทาง ศาลพระภูมิ ผีบ้านผีเรือน ให้ทราบว่าวันนี้จะมีงานมงคลเกิดขึ้นที่บ้านหรือสถานที่แห่งนี้ คุณขออนุญาตและขอพรให้ทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

นำอะไรมาไหว้บ้าง?

การไหว้เจ้าที่นั้นต้องมีการถวายอาหาร เครื่องเซ่น ซึ่งอาหารมงคลของไทยที่นำมาไหว้ส่วนใหญ่ที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวสวย หมู เป็ด หรือไก่ อาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว ขนมหวานจำพวกสีทองและขนมน้ำดอกไม้ ผลไม้สด น้ำเปล่า ธูปเทียนและพวงมาลัยอย่างดาวเรือง เป็นต้น แต่จะจัดเป็นชุดเล็กหรือชุดใหญ่ก็แล้วแต่คู่ หรือหากเป็นศาลพระภูมิที่โรงแรม อาจเลือกเพียงพวงมาลัยสวยๆ สักพวงถวายก็ได้ค่ะ

ส่วนอาหารมงคลที่นิยมนำมาไหว้ส่วนใหญ่ก็คือ หมู ไก่ เป็ด และปลา ผลไม้จำพวก ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น สับปะรด ขนมมงคลก็เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ซาลาเปา ขนมถ้วยฟู เม็ดบัว ถั่วตัด เกาลัด และธูปเทียน

เริ่มไหว้ได้เลย

เมื่อเตรียมอาหาร และของไหว้เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงการไหว้ ซึ่งต้องมีการจุดธูป เพราะเป็นการบูชาด้วยเครื่องหอม ส่วนการจุดเทียนเป็นการบูชาด้วยแสงสว่าง โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. จัดอาหารและของถวายๆ ใส่ถาดเป็นชุด และนำไปวางไว้ที่หน้าสิ่งศักดิ์ที่จะไหว้ เช่น หน้าศาลพระภูมิ 1 ชุด หน้ารูปบรรพบุรุษ 1 ชุด หน้าพระพุทธรูป 1 ชุด หรือหน้าเทพเจ้าที่เคารพนับถือ ถ้าไหว้ฟ้าดิน ก็นำโต๊ะมาตั้งแล้วางกลางแจ้ง แต่ถ้าบ้านไหนมี ตี่จู๋เอี๊ยะก็นำอาหารไปถวายด้วยอีก 1 ชุด
  2. จุดธูปเทียน พร้อมกล่าวคำบูชา ดังนี้

บทสวด : ตั้งนโม 3 จบแล้วกล่าวคำบูชาพระภูมิเจ้าที่ว่า

อิมัสมิง ทิสาภาเค, สันติเทวา มะหิทธิกา, เตปิ อัมเห อะนุรักขันตุ,อาโรคะเยนะ สุเขนะ จะ, สูปะพะยัญชะนะสัมปันนัง, โภชะนัง, ปะริภุญชันตุ, เทวา มะหิทธิกา, สัพพะโทสัง ขะมันตุ, สะทา โสตถี, ภะวันุตุ โน ฯ)

วันนี้เป็นวันฤกษ์งามยามดี นาย… และนางสาว………จะประกอบพิธีมงคลสมรส ในโอกาสนี้ ลูกหลาน-ทั้งสองได้จัดตกแต่งข้าวปลาอาหาร ฯ นำมาเซ่นไหว้ ขอเชิญผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และเทพาอารักษ์ผู้ทรงฤทธิ์ ซึ่งสถิตอารักขาภูมิภาคเขตนี้ ได้โปรดมาพร้อมกัน ณ สถานที่นี้ และรับเครื่องเซ่นกระยาบวชของลูกหลานทั้งสอง ขอผีบรรพบุรุษทั้งหลาย ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และเทพาอารักษ์ทั้งหลาย โปรดแผ่บุญญาภินิหาร อภิบาลลูกหลาน ทั้งสองพร้อมทั้งญาติมิตรให้ปราศจากทุกข์โศกโรคภัยพาลและอุปสรรคนานัป ขอให้ชีวิตสมรสของลูกหลานทั้งสองมีความร่มเย็นเป็นสุข เป็นชีวิตคู่ที่มั่นคงมีความเจริญก้าวหน้า ขอให้มีบุตรธิดาที่มีบุญวาสนามาเกิด มีสติปัญญาเป็นลูกที่ว่านอนสอนง่าย เป็นอภิชาตบุตร และโปรดประทานพรให้ลูกหลานทั้งสองพร้อมทั้งญาติมิตร ประสบแต่สันติสุข และขอให้การประกอบกิจที่ตั้งจิตจำนงไว้ในครั้งนี้ จงสำเร็จสมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเทอญ

ลาตอนไหน?

เมื่อใดก็ตามที่เสร็จสิ้นงานพิธีมงคลเสร็จสิ้นแล้ว ก็ต้องมีการลาเจ้าที่เจ้าทาง ถ้าบ่าวสาวไม่ว่างมาลาเอง ก็ให้ผู้ใหญ่ หรือเจ้าพิธีเป็นคนลาให้ แต่ในที่สุดแล้วก็จำเป็นที่จะต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำการลา โดยลาหลังจากที่เสร็จสิ้นพิธีแล้ว หรือจนกว่าธูปจะหมด พร้อมกล่าวคำว่า “เสสัง มังคะลัง ยาจามิ ฯ” ก็เป็นอันว่าเรียบร้อย

ไม่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเลยใช่ไหมล่ะคะกับการไหว้เจ้าที่เจ้าทาง แต่อย่างไรแล้วบ้านไหนจะมีพิธีการ หรือความเชื่ออย่างใดก็ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความสบายใจและความเป็นสิริมงคลของงานนะคะ

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Jirayu The Wedding Planner
ภาพ : งานแต่งงานของคุณปลา-ยุพรัตน์ และคุณนุ้ก-คุณาพร ถ่ายโดย Smallroom Studio
www.pinterest.com

นับถอยหลังตามฝันวันวิวาห์ กับการ 3 สเต็ปการวางแผนแต่งงาน

จัดระเบียบความคิด + ลำดับความสำคัญเพื่อ วางแผนแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ขึ้นชื่อว่า “ว่าที่เจ้าสาว” ใครๆ ก็อิจฉาว่าคงมีความสุขราวกับเจ้าหญิง และ วางแผนแต่งงาน อย่างมีความสุข แต่!! ในโลกแห่งความจริง (ที่คนโสดไม่เคยรู้) คือหลังจากโมเม้นต์หวานๆ ตอนคุณแฟนขอแต่งงานแล้ว มันคือการนับถอยหลังสู่วันวิวาห์ในฝันที่ต้องใช้ทักษะการจัดการขั้นเทพ!! แพรว wedding เลยจัดขั้นตอนการเตรียมการวางแผนจัดงานแต่งมาให้แบบสเต็ปบายสเต็ป

สเต็ป 1 : รีบทำเลยจ้า

วางแผนแต่งงาน

หาฤกษ์ เป็นสิ่งแรกที่ต้องรู้ ส่วนจะใช้ฤกษ์ดีหรือฤกษ์สะดวกก็ตามความเชื่อของครอบครัวเลยจ้า

กำหนดงบประมาณ เรื่องนี้จำเป็นมาก เพราะคงไม่มีใครอยากเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยหนี้ก้อนใหญ่หรอกจริงไหมคะ เมื่อกำหนดงบรวมของงานแล้วค่อยแบ่งว่าจะใช้จ่ายกับแต่ละส่วนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งงานนี้แพว wedding ไม่สามารถบอกบ่าวสาวได้นะคะว่าคุณควรจะใช้จ่ายงบกับอะไรบ้าง เพราะแต่ละคู่ให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ไม่เท่ากัน เช่น บางคู่อาจเน้นอาหารหรูก็ใช้จ่ายกับการจัดเลี้ยงเป็นหลัก หรือบางคู่เน้นการตกแต่งก็ทุ่มกับค่าสถานที่ ดอกไม้ และพร้อพส์ต่างๆ ซึ่งการตั้งงบในแต่ละส่วนนอกจากช่วยให้งบไม่บานปลายในภายหลังแล้ว ยังช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย…ก็ถ้ามันเกินงบมากก็ต้องตัดใจเนอะ ถึงแม้จะ #ร้องไห้หนักมาก ก็ตาม

กำหนดจำนวนแขกคร่าวๆ จะได้รู้สเกลงานและรู้ว่าต้องหาสถานที่ใหญ่-เล็กขนาดไหน

คิดธีมงาน สำหรับคู่ที่อยากมีธีมงานเป็นพิเศษอาจจะต้องเริ่มหาข้อมูลว่าอยากได้แนวไหน

ซึ่ง 4 ข้อนี้บ่าวสาวจำเป็นต้องทำและคิดให้ได้ก่อน เพราะเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการเตรียมงานในสเต็ปต่อไป ซึ่งก็คือการจองสถานที่จัดงานแต่งนั่นเอง

 

สเต็ป 2 : รีบไม่แพ้กัน

วางแผนแต่งงาน

จองสถานที่ อย่าลืมว่าใน 1 เดือนมีฤกษ์ดีแค่ไม่กี่วัน และยิ่งถ้าเป็นศุกร์หรือเสาร์ที่ฤกษ์ดีด้วยแล้ว ตัวเลือกก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่บ่าวสาวบางคู่ต้องจองสถานที่กันแบบข้ามปีเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อบ่าวสาวได้ฤกษ์มาแล้วจงรีบไปดูสถานที่ให้เร็วที่สุด ซึ่งสถานที่นั้นจะต้องเหมาะสมกับจำนวนแขกที่จะเชิญมางาน งบ และธีมงานด้วยนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือสถานที่นั้นจะต้องว่างในวันที่บ่าวสาวจัดงานด้วยนะจ๊ะ

จองตัวกูรู ไม่ว่าจะเป็น ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ช่างภาพพรีเวดดิ้ง ช่างภาพในวันแต่งงาน เพราะช่างดังๆ ทั้งหลายก็คิวแน่นไม่แพ้โรงแรมเลยนะจ๊ะขอบอก แถมมักจะคิวเต็มในวันฤกษ์ดีเช่นกัน

และหากบ่าวสาวคิดจะใช้บริการเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยแล้วล่ะก็ต้องรีบติดต่อตั้งแต่ช่วงหากูรูด้วยเช่นกัน ซึ่งบ่าวสาวจะต้องมีโจทย์ให้กับเวดดิ้งแพลนเนอร์ด้วยว่า จะแต่งวันไหน สเกลงานใหญ่หรือไม่ และงบเท่าไหร่ จากนั้นก็เลือกใช้บริการเจ้าที่ชอบและถูกใจเพื่อขอคำแนะนำได้เลย หรือบางคู่อาจจะจองเวดดิ้งแพลนเนอร์ก่อนสถานที่ด้วยซ้ำ เพื่อให้เวดดิ้งแพลนเนอร์ช่วยแนะนำสถานที่จัดงานแต่งงานที่เหมาะสมให้

ถ้าคุณได้ฤกษ์สุดฮอตและสถานที่ที่เล็งไว้เต็มหมด บ่าวสาวมี 2 ทางเลือกคือ (1) จัดพิธีรดน้ำสังข์ที่บ้านตามวันฤกษ์ดี แล้วจัดพิธีฉลองตามฤกษ์สะดวก เพราะการรดน้ำสังข์ถือว่าบ่าวสาวได้แต่งงานกันถูกต้องตามประเพณีเรียบร้อยแล้ว หรือ (2) มองหาสถานที่นอกกระแส เช่น ศูนย์ประชุม สโมสร หรือร้านอาหารสวยๆ เพื่อจัดงานให้ตรงกับวันฤกษ์ดี”

 

สเต็ป 3 : จัดการตามสเต็ป

ส่งที่ต้องเผื่อเวลาเยอะหน่อย

หาชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว หากตัดใหม่หรือเช่าตัดจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะหากบ่าวสาวใช้บริการร้านดังๆ ก็อาจจะใช้เวลานานกว่านี้ไปอีก

หาแหวน กว่าจะได้เพชรน้ำดีที่เหมาะกับเงินในกระเป๋าไม่ใช่เรื่องง่ายนะจ๊ะ เพราฉะนั้นบ่าวสาวจะต้องเผื่อเวลาในการเสาะหาและสั่งทำตัวเรือนกันไว้สักหน่อยก็ดี ส่วนการเผื่อเวลาจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับความถูกใจส่วนตัวของบ่าวสาว เพราะบางคู่เข้าไปร้านแรกแล้วเจอเพชรน้ำงาม หรือแหวนที่ถูกใจเลยก็มี หรืองานนี้บ่าวสาวอาจจะเริ่มมองหาไปพร้อมๆ กับชุดแต่งงานเลยก็ได้นะคะ

ถ่ายพรีเวดดิ้ง และเตรียมทำพรีเซ้นต์เทชั่น (ถ้ามี) เพราะทั้งสองสิ่งนี้มีการทำงานหลายขั้นตอน และต้องใช้เวลาในการปรับแก้หรือปรับไฟล์ภาพดวย เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยสัก 3 เดือนก่อนถึงวันงานจะอุ่นใจมากกว่านะคะ

การ์ดเชิญ ต้องเผื่อเวลาสำหรับการสั่งพิมพ์และการจัดส่งด้วย ซึ่งรีบจัดการให้เสร็จภายใน 3 เดือนก่อนถึงวันแต่งงานก็ดีน้า

รายละเอียดการตกแต่ง ข้อนี้ต้องใช้เวลาในการปรับแต่ง และติดต่อทีมงาน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมการล่วงหน้า 2 เดือนขึ้นไปนะ

ทำสวยเสริมหล่อ สำหรับสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือผิวพรรณล้วนต้องใช้เวลาในการอัพเลเวลทั้งสิ้น ซึ่งการค่อยๆ ทำอย่างมีวินัยจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และยังเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าการใช้ตัวช่วยอีกด้วย ที่สำคัญหากบ่าวสาวเกิดพลาดพลั้งเกิดอาการแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ยังพอที่จะแก้ไขและฟื้นฟูได้ทันการก่อนถึงวันแต่งงานอีกด้วย

สิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก

สั่งซื้อหรือเช่าข้าวของที่ต้องใช้ในพิธี เช่น ชุดขันหมาก มาลัย ของใช้ในพิธีปูเตียง ชุดเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

หาของชำร่วย เพราะส่วนใหญ่มีขายแบบกึ่งสำเร็จรูป คือทางร้านจะมีของอยู่แล้ว ซึ่งบ่าวสาวสามารถสั่งซื้อกับทางร้านได้เลย พร้อมให้ทางร้านบรรจุใส่แพ็คเกจจิ้งพร้อมติดโลโก้ชื่อของบ่าวสาว ซึ่งใช้เวลาไม่นานมาก หรือบ่าวสาวจะซื้อมาแล้วชวนเพื่อนๆ มาชวนแพ็คช่วยติดโลโก้กันเองก็ได้ แต่ถ้าหากบ่าวสาวอยากได้ของชำร่วยเอ็กซ์คลูซีฟแบบสั่งทำ งานนี้ก็ต้องเผื่อเวลากันหน่อยนะ โดยอาจจะสั่งทำพร้อมกับการการ์ดเชิญไปเลยก็ได้

ซึ่งบ่าวสาวจะต้องทำการคอนเฟิร์มทุกสิ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถึงวันแต่งงานประมาณ 5-7 วัน บ่าวสาวควรโทรคอนเฟิร์มรายละเอียดต่างๆ กับทีมงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานแต่งของคุณอีกครั้ง รวมทั้งยืนยันวันรับของที่สั่งซื้อหรือเช่าไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งแต่ละคู่จะมีเวลาไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นลองคำนวณดูจากวันนี้จนถึงวันแต่งงานว่าคู่ของคุณเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ แล้วเอาสิ่งที่ต้องทำหยอดไปตามลำดับก่อน-หลัง อะไรที่เร่งด่วนให้ทำก่อน ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องเผื่อเวลามากหน่อย แล้วจึงต่อด้วยสิ่งที่ไม่ต้องเผื่อเวลามากนัก เท่านี้การเตรียมงานแต่งที่แสนยุ่งยากก็ไม่ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว วางแผนงานแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืม 8 เรื่องที่บ่าวสาวควรบอกแขกก่อนถึงวันแต่งงาน ด้วยนะ

ภาพ StockSnap.io

เตรียมให้ถูกปรุงให้หอม แป้งกระแจะแป้งเจิมในพิธีแต่งงานไทย

การเจิมหน้าผากถือว่าเป็นอีกพิธีที่สำคัญในงานแต่ง แต่ส่วนใหญ่บ่าวสาวอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า แป้งกระแจะ ที่นำมาเป็นแป้งเจิมหน้าผากนั้นทำมาจากอะไร มีวิธีเจิมอย่างไร และทำไมต้องเจิมหน้าผากของบ่าวสาวในวันแต่งงาน วันนี้ แพรว wedding จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคำถาม เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ดีๆ ให้กับบ่าวสาวมือใหม่ ไปดูกันเลยจ้า

กระแจะ คืออะไร ?

กระแจะ หรือ พญายา เป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมทุกส่วน ในอดีตได้นำทั้งเปลือก เนื้อไม้ ราก และน้ำฝน มาบดรวมกับเครื่องหอมนานาชนิดเช่น แป้งร่ำ(ดินสอพอง) กำยาน ลูกจันทร์ ชะมดเช็ด จนกลายเป็น “กระแจะจันทน์” เครื่องหอมทาผิวของสาวไทยในอดีต ช่วยในเรื่องของฝ้ากระ สิว ทำให้ผิวขาวแลดูกระจ่างใส และดูมีน้ำมีนวล ปัจจุบันได้นำกระแจะเจิมมาใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานแต่ง โดยเจิมที่หน้าผากของบ่าวสาว เป็นต้น

วิธีผสมแป้งกระแจะจันทร์ (แป้งเจิม)

สำหรับในการผสมแป้งเจิมสำหรับใช้ในการพิธีงานแต่งนั้นได้ดัดแปลงนำส่วนผสมที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดมาใช้คือ แป้งร่ำ (ดินสอพอง) น้ำอบไทย น้ำมันจันทน์หรือน้ำมันกะพ้อ และทองคำเปลว บางคนต้องการความเป็นศิริมงคลจึงนำแป้งกระแจะจันทร์ไปปลุกเสก โดยผสมน้ำเทียน หรือพระพุทธมนต์ลงไป เพียงเท่านี้ก็นำไปใช้เป็นแป้งเจิมบ่าวสาวได้เช่นกัน แต่ที่ง่ายกว่านั้นคือซื้อแบบสำเร็จรูปได้ตามท้องตลาดอย่าง ร้านสังฆภัณฑ์ หรือร้านยาโบราณ ไทย-จีน แล้วนำมาผสมกับน้ำมนต์หรือน้ำอบอีกที

Two_Nuch_highlight_035วิธีการเจิม

การเจิมเป็นเครื่องหมายของการเริ่มต้นที่ดี และการก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน โดยความเชื่อแบบชาวพุทธ จุด 3 จุด เป็นเครื่องหมายแทนแก้ว 3 ประการ ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับคู่บ่าวสาว สังเกตได้ว่าจะมีการเชิญพระ หรือผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ มาเป็นผู้เจิมในพิธีแต่งงาน เพราะเป็นแบบอย่างของชีวิตคู่ที่ครองรักกันมานานเป็นคนเจิม หรือคล้องพวงมาลัยให้

บางคู่เริ่มต้นด้วยการให้พระเจิม ซึ่งจะเจิมให้ฝ่ายชายก่อน เพราะไม่สามารถแตะตัวฝ่ายหญิงได้ แต่จะจับมือฝ่ายชายไปแตะที่หน้าผากของฝ่ายหญิงแทน หรืออีกวิธีคือการใช้ปลายเทียนแตะที่แป้งแล้วเจิมให้เจ้าสาวก่อน แล้วพระจึงจับมือเจ้าบ่าวพร้อมกับเทียนแล้วแตะที่หน้าผากของเจ้าสาว บอกเลยว่าสามารถเลือกใช้ได้ทุกวิธี ขึ้นอยู่กับความถนัดและความเชื่อของแต่คนเลยจ้า

เป็นไงกันบ้างจ๊ะ กับข้อมูลดีๆ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ แต่อย่างไรแล้วการเจิมหน้าผากนั้น ไม่ใช่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตรักในอนาคตของบ่าวสาวก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืนเสมอไป หากทั้งคู่ขาดความรักและเข้าใจซึ่งกันและกันนะคะ

>> อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่อีกเพียบ คลิกเลย <<

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก : Jirayu The Wedding Planner
ภาพเปิดจากงานแต่งงานของคุณแอนและคุณเจมส์ โดย Box’s Wedding

แจกสคริปต์! พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ 2 ภาษา

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ พร้อมสคริปต์สุดเป๊ะแบบ 2 ภาษา

ใน พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ต้องพูดอะไรบ้าง ว่าที่บ่าวสาวที่กำลังงงกรุณาอ่านด่วนๆ นะคะ เราจัดเตรียมบทพูดแบบเป๊ะๆ เอาไว้ให้แล้ว

พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์
• ผู้ใหญ่นำบ่าวสาวไปนั่งที่ตั่ง โดยเจ้าสาวนั่งทางซ้ายของเจ้าบ่าว
• ผู้ใหญ่สวมมาลัยมงคลและเจิมหน้าผากให้บ่าวสาว (กรณีที่พระสงฆ์ไม่ได้เจิมให้) โดยอาจเป็นผู้ใหญ่คนเดียวกันหรือคนละคนก็ได้
• ผู้ใหญ่สวมมงคลแฝดให้บ่าวสาว เพื่อความเป็นสิริมงคลและเชื่อมโยงทั้งคู่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
• ผู้ใหญ่และแขกรดน้ำอวยพรแก่บ่าวสาวตามลำดับความอาวุโส ทั้งนี้สังข์เป็นของศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนไทย เมื่อบวกกับน้ำมนต์จากพระสงฆ์ การรดน้ำสังข์จึงเปรียบเหมือนการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตคู่
• ผู้ใหญ่ถอดมงคลแฝดแล้วมอบแก่บ่าวสาว เพื่อเก็บไว้เป็นสิริมงคล
• บ่าวสาวลุกจากตั่งพร้อมกัน (เพราะเชื่อกันว่าหากใครลุกขึ้นก่อนจะมีอำนาจเหนือคู่ครอง)

The Holy Water Pouring Ceremony
              • The senior middlemen bring the groom and the bride to sit on a sofa. The bride sits to the left of the groom.
              • The seniors put the blessed garlands on the groom and the bride, and mark their foreheads (in case the monk has not done it). The person performing both jobs can be the same person or different.
              • The seniors put on the head garlands on the groom and the bride for good luck and to symbolically link them as one.
              • The seniors and guests from older to younger age pour the holy water from a conch shell to bless the groom and the bride. According to Thai belief, a conch shell is a sacred object and the holy water is blessed by the monks. As a result, the water pouring ceremony is to bless the couple’s prosperous marriage.
              • The seniors remove the head garlands for the groom and the bride to keep.
              • The groom and the bride stand up at the same time. (There is a belief that whoever stands up first will have power over the other.)

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีแต่งงานไทยเพิ่มเติม คลิกเลย!