Bridal Tale อิทธิพลสังคมต่อชุดเจ้าสาวจากอดีตถึงปัจจุบัน

คีย์โน้ตสำหรับ ชุดเจ้าสาว สุดเก๋ในทศวรรษ 1920 ที่หลอมรวมเอาศิลปะอาร์ตเดโค เพลงแจ๊ซและการเต้นรำแบบชาร์ลสตัน ภาพวาดสุดมหัศจรรย์จากศิลปินนามเออร์เต้ งานปักวิจิตรจากลองแวง และผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 1 จนกลายเป็นก้าวแรกที่เปลี่ยนวิถีชีวิต ความคิดและการแต่งกายที่ส่งอิทธิพลมาถึงยุคปัจจุบัน

1. Edwardian Style

ในยุคเอ็ดวาร์เดียน ราวปี ค.ศ. 1901 – 1910 คอร์เสตยังทำหน้าที่รัดเอวคอดกิ่วของผู้หญิง กระโปรงยาวกรอมเท้า คอเสื้อตั้งปิดขึ้นไปถึงคอหอยที่เรียกว่า “Wedding Band Collar” หรือคอเสื้อแหวนแต่งงาน แขนเสื้อพองช่วงต้นแขนและลีบเล็กตั้งแต่ช่วงศอกลงมาจนถึงข้อมือที่เรียกว่า “Gigot Sleeves” หรือแขนเสื้อขาแกะ ซึ่งฝ่ายสตรีนิยมมองว่าเครื่องแต่งกายแบบนี้สร้างมาเพื่อทรมานผู้หญิง เหมือนการรัดเท้าให้เล็กเพื่อจะถูกมองว่าสวย เป็นผู้ดี บอบบาง

คอนซูเอโล แวนเดอร์บิลท์ทายาทอภิมหาเศรษฐีชาวอเมริกันผู้ร่ำรวยทรัพย์แต่อับจนศักดินา ชุดแต่งงานของเธอออกแบบโดยชาร์ลส์เฟเดอริกเวิร์ธ แฟชั่นดีไซเนอร์ผู้ทรงอิทธิพลในยุคนั้น เธอแต่งงานกับชาร์ลส์ สเปนเซอร์ – เชอร์ชิลล์ ดยุคแห่งมาร์ลโบโรห์ ผู้ร่ำรวยที่ดินแต่จนเงินในปี ค.ศ. 1895 และกลายเป็นต้นแบบของเจ้าสาวที่กลายเป็นเซเลบริตี้ มีนิตยสารรายงานพิธีแต่งงานละเอียดยิบ ความงามของเธอถึงกับทำให้ผู้ชายคนหลายเพ้อ เช่น เซอร์เจมส์แบร์รี่ ที่รำพึงว่า “ข้าพเจ้านั่งรอกลางสายฝนได้ทั้งคืน เพียงเพื่อจะได้ยลโฉมคอนซูเอโล แวนเดอร์บิลท์ ก้าวขึ้นรถม้า”

2. Paul Poirel

ชุดเจ้าสาว

ในปี ค.ศ. 1905 ปอลปัวเรต์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสนำเสนอดีไซน์ใหม่ที่เรียกว่า “Nouvelle Vague” ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชุดกรีกโบราณที่เน้นการจับเดรปและปล่อยให้ชายผ้าทิ้งตัวลู่ไปตามสรีระของผู้หญิงโดยไม่มีคอร์เสตเข้ามาช่วยจัดแจงรูปร่าง ต่างจากแฟชั่นแบบเอ็ดวาร์เดียนที่ขับเน้นทรวดทรงองค์เอวชัดเจน โดยคอลเล็คชั่นต่อมาปัวเรต์ยังนำเสนอชุดที่ได้แรงบันดาลใจจากตะวันออก เช่น กิโมโน กางเกงแขก ผ้าโพกหัว ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของดีไซเนอร์ผู้นี้ที่กล้าปฏิเสธคอร์เสตอย่างสิ้นเชิง

3. WWI

สงครามโลกครั้งที่ 1 ส่งผลให้ผู้หญิงชนชั้นล่างซึ่งทำงานเป็นคนรับใช้ตามบ้านต้องตกงานเป็นจำนวนมาก ซ้ำยังถูกแย่งอาชีพไปโดยชนชั้นกลางที่ต้องการหารายได้เช่นกัน อีกทั้งระหว่างสงคราม ผู้ชายถูกเกณฑ์ให้ไปรบอยู่แนวหน้ากันหมด บรรดานายจ้างหรือเจ้าของกิจการต่างๆ ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องว่าจ้างผู้หญิงที่ถูกทิ้งให้อยู่แนวหลังพวกเธอกลายเป็นแรงงานสำคัญเป็นทั้งสาวโรงงาน คนขับรถ พยาบาล ทำงานในไร่นาเป็นอาสาสมัครกาชาดและทำงานในกองทัพ ซึ่งในหลายๆ อาชีพมีข้อบังคับให้ต้องใส่เครื่องแบบผู้คนลดความสุรุ่ยสุร่ายในการใช้ชีวิตลง ผู้หญิงงดใส่เครื่องประดับ ลดความบอบบางของวัสดุเช่น ลูกไม้ การปักเลื่อมพราย ฯลฯ

ประมาณกันว่าช่วงสงครามระหว่างปี ค.ศ. 1914 – 1918 มีผู้หญิงเป็นแรงงานกว่า 1,600,000 คน จึงอาจกล่าวได้ว่า สงครามที่อาจจะไม่มีข้อดีให้พูดถึงมากนัก แต่ในแง่หนึ่ง มันได้ปลดปล่อยผู้หญิงให้เป็นอิสระ เพราะการทำงานไปด้วยใส่สุ่มคอร์เสตไปด้วยนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เครื่องทรมานร่างกายจึงถูกปลดออกจากสรีระผู้หญิงในที่สุด

4. Bohemian Gown

ลูซิล (Lucile) และเอด้าวูล์ฟ (Aida Woolf) สองดีไซเนอร์สร้างสไตล์ใหม่ที่ถือว่าเป็นแฟชั่นอาวองต์การ์ด หรือแฟชั่นที่มาก่อนกาลในทศวรรษ 1900 จากโครงสร้างรูปตัว S ที่เน้นอก เอว และสะโพกของผู้หญิง ถูกทดแทนด้วยอิทธิพลจากยุคกลาง ทำให้แฟชั่นคลี่คลายไปเป็นเชปทรงตรงเหมือนหลอด ช่วงเอวสูง และแขนเสื้อมีระบาย

5. Royal Weddings

ชุดเจ้าสาว

พิธีแต่งงานในราชวงศ์หลายคู่ส่งผลต่อเทรนด์ชุดแต่งงานในห้วงเวลานั้น เนื่องจากสื่อมวลชนกระจายข่าวอย่างแพร่หลาย

6. Jazz Age

ในยุคสงคราม ชาวแอฟริกัน – อเมริกันกว่า 500,000 คนในสหรัฐฯ พากันโยกย้ายไปหางานทำทางฝั่งเหนือของประเทศ พวกเขานำพาวัฒนธรรมทางดนตรีแจ๊ซบลูส์ และการเต้นรำแบบชาร์ลสตันเข้าไปเผยแพร่ในนิวยอร์กและชิคาโก ก่อนจะข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปฮิตในอังกฤษและฝรั่งเศส ศิลปินแจ๊ซผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้ เช่น หลุยส์ อาร์มสตรอง, เบสซี สมิธ, วง The Hot Fives, ดุ๊กเอลลิงตัน, โจเซฟ โอลิเวอร์ และมาเรนีย์ การเต้นแบบชาร์ลสตันและจังหวะคึกคักของแจ๊ซ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่กระโปรงของผู้หญิงต้องหดสั้นขึ้นเพื่อให้เต้นได้สะดวก

7. Erte: King Of Art Deco

โรแมน ดิ ติรตอฟ (Romain de Tirtoff) หรือเออร์เต้ เป็นศิลปินชาวรัสเซียที่เดินทางสู่ปารีสเพื่อทำงานออกแบบ เขาเข้าทำงานกับปอลปัวเรต์ ในปี ค.ศ. 1913 จากนั้นอีกสองปีได้เซ็นสัญญาวาดภาพปกให้กับนิตยสาร ฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ซึ่งได้ทำงานต่อเนื่องมาถึง 24 ปีกับภาพปกกว่า 250 ชิ้น เออร์เต้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งอาร์ตเดโค ศิลปะที่เข้ามาแทนที่อาร์ตนูโว อันมีโครงสร้างหลักเป็นเส้นสายโค้ง บอบบางและเหมือนจริงตามธรรมชาติ เช่น รูปดอกไม้ใบหญ้าทั้งหลาย แต่เออร์เต้ตัดทอนรายละเอียดต่างๆ ให้เหลือแต่เค้าโครง เป็นลักษณะการใช้คิวบิสม์และรูปทรงเรขาคณิตที่มีเส้นสายชัดเจน ตรง แข็ง เด็ดเดี่ยว รวมทั้งสีสันสดเข้มเออร์เต้ยังออกแบบคอสตูมละครเวทีต่างๆ ปกนิตยสาร และคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าอีกมากมาย และมีชีวิตยืนยาวถึง 97 ปี

8. The Flapper – Garconne

สังคมในช่วงหลังสงคราม ผู้คนมองชีวิตในกรอบกฎระเบียบอย่างเสียดเย้ยและสลัดความเศร้าจากสงครามด้วยการทำทุกอย่างที่เป็นด้านตรงข้ามของสิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมจรรยาอันดี เป็นสังคมที่เมามายอย่างวายป่วง จนเอฟสกอตต์ฟิตซ์เจอรัลด์ ผู้ประพันธ์นวนิยาย The Great Gatsby ที่สะท้อนความเสื่อมของสังคมยุคนี้ ขนานนามว่าเป็น Lost Generation ผู้หญิงที่ออกจากบ้านมาทำงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็ไม่เคยกลับไปเป็นแม่บ้านผู้สงบเสงี่ยมอีกเลยนับแต่นั้น พวกเธอขับรถเที่ยว สูบบุหรี่มวนต่อมวน ดื่มเหล้าเป็นน้ำในทุกปาร์ตี้ ตัดผมบ๊อบสั้น แต่งหน้าจัด เซ็กซี่ ใส่เดรสที่ช่วงเอวต่ำลงมาที่สะโพก ชายกระโปรงหดสั้นขึ้นไป เป็นสาวเก๋ซิ่งและซ่าเรียกว่า “แฟลปเปอร์” เพราะเด็กสาวในวิทยาลัยมักใส่รองเท้าบู๊ต โดยไม่ได้ติดกระดุม เวลาเดินสายคาดรองเท้าจะสะบัดไปมาเหมือนนกกระพือปีกเป็นที่มาของชื่อ Flapper (ลูกนก) หรือการ์ซอนน์ (เด็กผู้ชาย) ในภาษาฝรั่งเศส โดยมีโคโค่ชาแนล เป็นผู้นำเทรนด์นำเสื้อผ้าผู้ชายเข้ามาปรับใช้กับเสื้อผ้าผู้หญิงด้วยเดรสหลวมโพรกไม่ขับเน้นสรีระ

9. Mary Jane

ตั้งแต่ยุคเอ็ดวาร์เดียน ผู้หญิงใส่แต่รองเท้าบู๊ต แต่ในยุคนี้รองเท้าบู๊ตติดกระดุมได้พัฒนาขึ้นให้สวยงามด้วยการปักประดับหรือหุ้มด้วยผ้าไหมแต่งลายด้วยมือ มีสายคาดเหมือนรองเท้านักเรียนหรือเป็นสายรูปตัวทีด้านหน้ารองเท้า เสริมส้นแบบคิวบัน (Cuban Heel) สูง 2 นิ้วที่เรียกว่า “แมรี่เจน” เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ปาร์ตี้แอนิมอลของสาวๆ ยุคนี้โดยเฉพาะ

10. Shower Bouquet

ช่อดอกไม้ทรงน้ำตกเป็นที่นิยมแทนบูเกต์ทรงกลม เป็นอิทธิพลรูปทรงเรขาคณิตของศิลปะแนวอาร์ตเดโค และยังเป็นน้ำตกช่อใหญ่มาก ดอกไม้สุดฮิตคือลิลี่สีขาว สื่อถึงความบริสุทธิ์ของความรัก เจ้าสาวมักโอบช่อดอกไม้ไว้ข้างใดข้างหนึ่งแทนการถือช่อดอกไม้ไว้กลางลำตัว

11. Juliet Headdress

ยุคนี้ไม่มีหญิงรับใช้ตามบ้าน เพราะทุกคนต้องออกไปทำงานแทนผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงที่เคยไว้ผมยาวถึงสะโพกและมีคนรับใช้คอยหวีจัดแต่งทรงผมให้ ต้องตัดผมสั้นเป็นทรงบ๊อบยาวแค่คางและด้านหลังตัดให้ทุยสูงขึ้นไป เรียกว่า “Eton Crop” สำหรับเจ้าสาวมีเครื่องประดับผมแบบใหม่ที่นำมาจากหมวกของจูเลียตตัวละครเอกในวรรณกรรมคลาสสิกของเชกสเปียร์ โดยใส่หมวกคาดทับปิดหน้าผากและติดเวลเข้าไป อีกทั้งเวลในยุคนี้ยาวเป็นพิเศษ จนกล่าวได้ว่า กระโปรงยิ่งสั้น เวลยิ่งยาว

12. Heavy Beading

อิทธิพลของอาร์ตเดโคส่งผลต่อการตกแต่งเสื้อผ้าผ่านการปักประดับชุดให้วิบวับแพรวพราวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเดรสรูปทรงตรงๆ เหมือนหลอดในยุคนี้ยิ่งทำให้การปักประดับเป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น ผู้นำเทรนด์ปักคือฌานน์ ลองแวง (Jeanne Lanvin) ผู้ก่อตั้งห้องเสื้อ Lanvin ในปัจจุบัน งานออกแบบของเธอใช้ช่างปักจากเมซง เลอซาจ (Maison Lesage) ซึ่งเป็นงานฝีมือชั้นสูงของฝรั่งเศสที่ทำทุกอย่างด้วยมือ

13. 1920 s Themed Weddings
ชุดเจ้าสาว

และสุดท้ายสำหรับเจ้าสาวยุคปัจจุบันที่หลงใหลความงามในยุคแจ๊ซ แล้วนำมาปรับใช้กับพิธีแต่งงานในศตวรรษที่ 21ได้อย่างเก๋ไก๋และกลมกล่อม

4 ไอเดียแต่งรองเท้าเจ้าสาวให้เริ่ดสมฐานะนางเอกของงาน

นอกจากชุดแต่งงานจะสวยเป๊ะอย่างฝันแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่แพรว wedding ไม่อยากให้ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายมองข้ามก็คือความสวยงามของ รองเท้าเจ้าสาว ที่คุณสามารถเติมแต่งรายละเอียดให้มีความพิเศษได้ไม่แพงองค์ประกอบไหนๆ ในงานด้วย 4 ไอเดียต่อไปนี้ค่ะ

 

ไอเดียที่พื้นรองเท้า

เราอยากให้คุณนึกถึงจังหวะที่เท้ายกก้าวหรือนั่งคุกเข่ายกน้ำชาไม่ก็รับไหว้ที่เลี่ยงไม่ได้ในการโชว์พื้นรองเท้า ก็เลยนำไอเดียหากิมมิคน่ารักๆ มาใส่ โดยการนำอุปกรณ์เสริมอย่างแผ่นกันลื่นมาติดที่พื้นรองเท้า โดยเลือกแบบที่เป็นรูปทรงน่ารักๆ อย่างรูปหัวใจ หรือรูปรอยจูบ ก็ช่วยใส่รายละเอียดให้รองเท้าเจ้าสาวน่ารักทุกย่างก้าวแถมยังมีประโยชน์เดินง่ายๆ ไม่ลื่นล้มอีกด้วย

ไอเดียใส่สติ๊กเกอร์เพิ่มความทรงจำ

รองเท้าเจ้าสาว

ใส่ใจรายละเอียดเพิ่มเติมอีกนิดด้วย วิธีง่ายสุดๆ แค่เดินไปซื้อสติกเกอร์คำต่างๆ ที่ต้องการมาติดไว้ที่พื้นรองเท้าหรือถ้าอยากได้คำพิเศษก็ลงทุนให้ทางร้านสติกเกอร์ตัดคำพูดหรือประโยคที่ชอบมาติดไว้ คุณก็จะได้รองเท้าแสนพิเศษที่มีแค่ 2 คู่ในโลกที่มีความทรงจำและเรื่องราวเฉพาะคู่ของคุณเท่านั้น

ไอเดียคลิปติดรองเท้าให้เข้าธีม

แน่นอนว่างานแต่งงานทุกงานมีธีมเฉพาะ และแน่นอนยิ่งไปอีกว่ารองเท้าเจ้าสาวส่วนใหญ่คือเป็นสีขาวสะอาดตา ถ้าอย่างนั้นก็แค่ซื้อคลิปติดรองเท้าให้ตรงตามธีมมาติดไว้ แค่นั้นก็ได้รองเท้าเจ้าสาวน่ารัก สวยเป๊ะตามธีมงานแล้วค่ะ อย่างเช่น

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้าจากพลอยเทียม : ใส่ความเชื่อของฝรั่งเรื่องของสีฟ้าในงานแต่งที่รองเท้าด้วยคลิปติดร้องเท้าที่ออกแบบมาจากพลอยเทียมสีฟ้าแบบนี้

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้าจากขนนกยูง : ไม่จำเป็นว่ารองเท้าเจ้าสาวต้องเป็นสีขาว ถ้าคุณเลือกรองเท้าสีอื่นๆ มาสวมใส่ก็ให้เลือกวัสดุเข้ากันไปแบบนี้รับรองว่าสวยเริ่ด

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้ามีกลิตเตอร์ :ใส่ความวับวาวลงบนรองเท้าเจ้าสาว ให้ทุกย่างก้าวที่เดินในงานมีความวิบวับเมื่อกระทบแสงไฟแสงแฟลช

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้ารูปโบว์ : ใช่ว่าจะต้องติดคลิปรองเท้าที่ด้านหน้าเท้าเท่านั้น อย่างการนำโบว์สีหวานมาติดที่รองเท้าก็ใส่ความน่ารักที่บริเวณส้นรองเท้าแทนไงคะ

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้ารูปดอกไม้ : จะเป็นดอกไม้ทำเองจากกระดาษสวยๆ หรือผ้าโปร่งก็ได้ แต่ประเด็นคือทำให้เป็นรูปดอกไม้หวานๆ เติมแต่งให้อารมณ์เจ้าสาวของคุณได้หวานตั้งแต่หัวจรดเท้าของจริง

รองเท้าเจ้าสาว

คลิปรองเท้าแบบขนนกปอมปอม : ช่วงหลังขนนกเทียมสไตล์ปอมปอมมาแรง แล้วคุณจะพลาดไม่นำมาเป็นคลิปติดรองเท้าได้ยังไง

ไอเดียประดับส้นรองเท้าด้วยเม็ดคริสตัลปลอม

รองเท้าเจ้าสาว

ปิดท้ายด้วยไอเดียประดับความงามให้รองเท้าเจ้าสาวด้วยการนำคริสตัลปลอมเม็ดๆ แบบที่ยุคหนึ่งชอบนำมาติดบนเคสมือถือมาติดให้เต็มส้นรองเท้า แบบนี้ช่วยเพิ่มความหรูหราให้เจ้าสาวได้เป็นคนพิเศษที่สุดในงาน จริงไหมคะ

 

เรื่อง : ดอกปีบ

ภาพ : https://www.loveandlavender.com, http://www.rogervivier.com

“Vijittra’s Jewellery” Best of 2017 แพรว wedding

คงไม่ผิดถ้าแพรว wedding จะบอกว่า Vijittra’s Jewellery เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่เน้นการผลิตที่ประณีตและการออกแบบที่เป็นตัวของตัวเองแบรนด์หนึ่งของประเทศ เพราะผลงานทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อยคอ ต่างหู หรือกำไล ล้วนผลิตขึ้นจากฝีมือของช่างผู้มีประสบการณ์ จนเมื่อไหร่ก็ตามที่มองหาเครื่องประดับสไตล์แฮนด์เมด ชื่อของแบรนด์นี้ก็มักจะปรากฏอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ

เอกลักษณ์ที่ยากจะมีใครลอกเลียนแบบได้ ทั้งเรื่องเทคนิคการผลิตที่ใส่ใจทุกขั้นตอน โดยลงรายละเอียดแม้กระทั่งเรื่องความเหมาะสมของดีไซน์กับขนาดเพชรและสไตล์ของผู้สวมใส่ และเพชรทุกเม็ดยังได้รับการคัดสรรโดยนักอัญมณีศาสตร์จากสถาบัน GIA ต่อเนื่องไปยังขั้นตอนการผลิตที่นำแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกันอย่างประณีต จนกลายเป็นเครื่องประดับแสนสวยที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ทำให้ได้เครื่องประดับที่ตรงใจลูกค้าเสมอ

เครื่องประดับทุกชิ้นที่ออกมาจากโรงงานของ Vijittra’s Jewellery จึงเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ไม่เพียงคู่รักที่กำลังมองหาแหวนแต่งงานเท่านั้น แต่ทุกคนที่รักในเครื่องประะดับสวยๆ และทรงคุณค่าต่างก็ยกให้แบรนด์นี้เป็นที่สุดแห่งเครื่องประดับในสไตล์ Handmade Jewelry อีกหนึ่งแบรนด์สัญชาติไทยที่มีเอกลักษณ์และสวยทุกเหลี่ยมมุมอย่างแท้จริง

Editor’s Note

“แม้จะเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่มีหัวใจสำคัญอยู่ที่กระบวนการผลิตที่ประณีตแบบชิ้นต่อชิ้น แต่ด้วยประสบการณ์ของช่างบวกกับความมืออาชีพของแบรนด์กว่า 40 ปี ทำให้ใช้เวลาผลิตชิ้นงานไม่นานอย่างที่คิด แหวนแต่งงานในฝันของคู่บ่าว-สาวสามารถได้รับการรังสรรค์ให้ตรงใจเรียบร้อย อ่อนช้อย และสวยงามได้ภายในระยะเวลาเพียง 20 วัน แบบนี้สิถึงจะเรียกได้ว่าคือที่สุดของงาน Handmade Jewelry อย่างแท้จริง”

ติดต่อ : Vijittra’s Jewellery

ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว โทร. 0-2103-4008, ชั้น 2 เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า โทร. 0-2884-9891, ชั้น 1 ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โทร. 0-2958-0598, ชั้น 1 ห้อง F119A เจ.เจ.มอลล์ จตุจักร โทร. 0-2265-9618, ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางกะปิ โทร. 0-2363-3044, ชั้น 1 เดอะมอลล์ บางแค โทร. 0-2454-9159 ฮ็อตไลน์ โทร. 06-1614-5096 เว็บไซต์ : www.vijittra-jewellery.com ไลน์ : vijittra-jewellery

หนาวแล้วเก็บกระเป๋าได้! ปักหมุด 6 พิกัดฮันนีมูนแคมป์หรูรอบโลกเพื่อคู่รักนักผจญภัย

พอลมหนาวมาเยือนเมื่อไร แพลนเที่ยวก็ผุดขึ้นในหัวเราแบบนาทีต่อนาทีกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะสายนักเดินทางแล้วล่ะก็ก้นร้อนกันขึ้นมาเลยใช่มั้ยล่ะคะ แล้วบรรยากาศเย็นๆช่วงปลายปีแบบนี้ทริปในฝันสำหรับคู่รักที่ชอบอะไรแปลกใหม่และรักการผจญภัย คงหนีไม่พ้น ฮันนีมูน สไตล์ซาฟารีเก๋ๆ สัมผัสประสบการณ์นอนเต็นท์หรู ท่ามกลางบรรยากาศแบบธรรมชาติแท้ๆ จะเป็นป่าชอุ่มเขตร้อนที่มีน้ำตกไหลผ่าน ทะเลทรายสีทองสุดลูกหูลูกตา หรือป่าซาฟารีก็ตามแต่ใจปรารถนา บัดเจ็ทจะมากหรือน้อยก็ไปได้ทั้งนั้น ลองแมทช์ที่เราคัดมาให้คุณดูกันแล้วออกเดินทางไปเติมความหวานให้ชีวิตคู่กันเล้ยย

 

โฟร์ ซีซั่นส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำ (Four Seasons Tented Camp Golden Triangle)

ฮันนีมูน

รีสอร์ทหรู ณ ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ซาฟารีเต็นท์ที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำรวกที่ทอดยาว และฝั่งตรงข้ามที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า ห้องพักเป็นเต็นท์หรูที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาที่ตกแต่งได้สวยงามมีสไตล์ ได้บรรยากาศของการพักเต็นท์กลางธรรมชาติแต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราในสไตล์ซาฟารี  ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม และสนุกสนานไปกับชั้นเรียนงานหัตถกรรมและการทำอาหาร ทั้งกิจกรรมกลางแจ้งอย่างล่องแม่น้ำรวก เยี่ยมชมหมู่บ้านพื้นเมือง และใกล้ชิดกับช้าง เรียนรู้วิธีการขี่จากควาญช้างที่ชำนาญ และได้ขี่เจ้าช้างออกไปในป่าด้วย (ราคาห้องพัก 72,000-82,000+ บาทต่อคืน)

หินตก ริเวอร์แคมป์ กาญจนบุรี (Hintok River Camp)

ฮันนีมูน

ซาฟารีเต็นท์สุดหรูกลิ่นอายแอฟริกันท่ามกลางบรรยากาศริมแม่น้ำแควน้อย ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 10 รีสอร์ทแนวผจญภัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าซาฟารี ในห้องพักแบบเต๊นท์ขนาดกว้างขวางเทียบเท่าโรงแรมหรู พร้อมทั้งระเบียงกว้างๆ ให้คุณนั่งซึมซับบรรยากาศประหนึ่งอยู่กลางป่าซาฟารี แถมยังได้ยังตื่นตาตื่นใจไปกับกิจกรรมการเดินถ้ำ ขี่ช้าง ดูนก เที่ยวน้ำตก และสำรวจเส้นทางช่องเขาขาดอีกด้วย (ราคาห้องพัก 3,100-6,200+ บาทต่อคืน)

เดสเสิร์ท ไนท์ แคมป์ โอมาน (Desert Night Camp)

ฮันนีมูน

สัมผัสฟีลแบบตะวันออกกลางกันบ้างดีกว่า แคมป์หรูกลางทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Sands) ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา คุณจะได้พักกระโจมหรูหราระดับโรงแรม 5 ดาว ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายครบครัน พร้อมเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ในมื้อเย็น โดยกระโจมทุกหลังออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้เห็นวิวแบบพาโนรามาที่สวยงามอลังการของทะเลทรายวาฮิบาที่งดงามและยิ่งใหญ่ ยามเช้าจะมีพนักงานจูงอูฐเดินเล่นภายในบริเวณแคมป์ สำหรับให้แขกที่เข้าพักได้ทดลองขี่อูฐไปอีก ดีงามจริงๆ (ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 13,000+ บาทต่อคืน)

คอตต้า 1920s ซาฟารี แคมป์ เคนย่า (Cottars 1920s Safari Camp)

ฮันนีมูน

เต็นท์พักที่หรูหราแบบซาฟารีขนานแท้ พรั่งพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับคู่รักนักท่องซาฟารีที่นิยมการเที่ยวชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และความยิ่งใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์มาไซ มาร่า ที่เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด กับกิจกรรมให้คุณได้เพลิดเพลินโดยไม่มีเบื่อตลอดทั้งวัน จะออกไปนั่งรถชมการใช้ชีวิตตามธรรมชาติของสัตว์ป่า แล้วตกกลางคืนก็นอนนับดาว ตื่นตอนเช้ามาพบกับวิวที่น่าทึ่งของเทือกเขาสูงตระหง่านแบบที่จะกลายเป็นประสบการณ์คั้งหนึ่งในชีวิต (ราคาห้องพักแบบฮันนีมูนเต็นท์  42,000-70,000+ บาทต่อคืน โดยราคาสามารถปรับขึ้นลงได้ ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่คุณเข้าพัก)

ซิงกิต้า กรูเมติ รีเสิร์ฟส แทนซาเนีย (Singita Grumeti Reserves)

ฮันนีมูน

ในเขตอุทยานแห่งชาติเซเรนเกติ ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนียที่โอบล้อมด้วยทะเลสาบอันกว้างใหญ่ คุณจะได้สัมผัสการนอนเต็นท์สุดหรูตามสไตล์ซาฟารีของแท้ พร้อมระเบียงส่วนตัวที่จะเผยให้เห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของที่ราบ และสัตว์ป่านานาพันธุ์ในเขตอุทยานแห่งชาติเซอเรนเก็ตตี้ที่ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ อาจจะมีกวาง ม้าลาย ช้าง หรือยีราฟ เดินผ่านมาทักทายคุณอยู่บ่อยครั้ง เป็นข้อดีของการเลือกพักภายในเขตอุทยานเลยนะคะ (ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 110,000+ บาทต่อคืน)

ไวท์ เดสเสิร์ท แห่งขั้วโลกใต้ (White Desert, South Pole)

ฮันนีมูน

ปิดท้ายกันที่แคมป์พักสุดหรูแห่งขั้วโลกใต้ การเดินทางไปค่อนข้างจะใช้เวลายาวนาน คุณจะได้เข้าพักในแคมป์ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบพร้อมสูงสุด กับห้องพักที่ออกแบบเหมือนกระท่อมอิกลูสำหรับ 2 คน ที่มีเพียงแค่ 6 หลังเท่านั้น  โปรแกรมทัวร์ที่จะพาคุณไปใกล้ชิดธรรมชาติของทวีปแอนตาร์กติกาได้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เข้าพักได้เฉพาะช่วงเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม เท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นที่สุด โดยค่าเฉลี่ยอุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ -30 องศาเซลเซียส เด็ดขนาดที่เจ้าชายแฮร์รี่ และพระคู่หมั้นเคยควงกันไปเที่ยวมาแล้วนะคะ แต่เราเตือนไว้ก่อนว่างานนี้เงินพร้อมแต่ร่างกายไม่พร้อมนี่อดแน่นอนนะจ๊ะ (ราคาแพ็คเกจสูงกว่า 2,500,000+ บาทต่อคน สำหรับทริป 8-10 คืน)

 

ภาพ : businessinsider.com, beyondkenyasafaris.com, forbes.com, expatliving.sg

เลือกจิ้มได้ตามใจกับแบบ ชุดไปงานแต่ง ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครสุดยูนีค

ไปงานแต่งทีไรปวดหัวทุกที เพราะไม่อยากเอาชุดเดิมมาเวียนใส่ แต่จะเลือกชุดใหม่ก็อยากได้แบบพีคๆ ไม่ซ้ำใครดูดีมีสไตล์เป็นของตัวเอง แพรว wedding เลยจัดแบบชุดไปงานแต่งสวยล้ำไม่ซ้ำใครที่มีถึง 8 สไตล์มาให้สาวๆ ได้เลือก

  1. เน้น Neck Line สวยๆ

ไล่จากใบหน้าลงมาก็ช่วงคอนี่แหละที่น่าสนใจ แถมยังช่วยปรับรูปร่างให้ดูสวยสมส่วนได้อีกด้วย หรือถ้าอยากมั่นให้สุดก็เลือก neck line แปลกๆ แหวกแนวไม่เหมือนใครไปเลย
– คอกลม เหมาะกับสาวคอยาว รูปร่างผอม
– คอลึก เหมาะกับสาวคอสั้น ไหล่แคบ ทำให้ไหล่ดูกว้างขึ้น
– คอวี เหมาะกับทุกรูปร่าง อกเล็ก อกใหญ่ ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ก็รอดทุกนาง
– คอเหลี่ยม ช่วยลดสรีระให้ดูเพรียว ปรับสะโพก ต้นขาให้สมส่วน
– คอเต่า ต้องเป็นสาวตัวเล็ก และคอยาวเท่านั้น
– คอปาด เหมาะมากกับสาวร่างบาง ไหล่แคบ แต่สะโพกดินระเบิด

  1. โชว์ดีเทลช่วงหลัง

อีกหนึ่งลูกเล่นของชุดที่ไม่ควรพลาด และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชุดดูมีอะไร ถึงแม้ข้างหน้าจะเรียบแค่ไหน แต่ด้านหลังต้องเอาให้สุด ตอนถ่ายรูปก็เบี่ยงหันข้างโชว์ดีเทลด้านหลังสักนิดรับรองดูดีสุดๆ แต่อย่าลืมขัดแผ่นหลังมาให้ใสสะอาดด้วยนะคะ

  1. Jumpsuite สวยง่ายแต่เอาอยู่

ชุดไปงานแต่ง

สำหรับสาวๆ ที่กลัวพลาดหากต้องมามิกซ์แอนด์แมตช์ด้วยตัวเอง จัดจัมพ์สูทมาเลยให้ไว แล้วสวมคู่กับรองเท้าส้นสูงเก๋ๆ บวกกับคลัทช์สวยๆ รับรองว่าเริด

  1. Flower Power สวยหวานทรงพลัง

หวานให้สุดไปเลยค่า กับธีมลายดอก ไม่ว่าจะ ลายพิมพ์ ลายปริ้นท์ หรือลายกราฟิกเก๋ๆ แต่อย่าลืมจัดให้เหมาะกับรูปร่างของตัวเองตามนี้

– รูปร่างสูงเพรียว ไม่ว่าดอกเล็กดอกใหญ่ ดอกไหนก็ได้หมดค่ะ จัดไป
– สาวเจ้าเนื้ออวบอั๋น เลือกลายดอกเล็กๆ ที่มีโทนสว่างหรือเข้มหน่อย รับรองว่ารอด
– สาวสะโพกดินระเบิด สดใสให้สุดกับลายดอกใหญ่ๆ เพื่อช่วยพรางรูปร่าง

  1. Beaded Beauty วิบวับระยิบระยับ

งานวิ้งเน้นความฟรุ้งฟริ้งต้องมา เลือกชุดที่มีงานปักสวยๆ เช่น มุก เลื่อม หรือลูกปัดเก๋ๆ ที่สะท้อนไฟล้อไปกับแสงแฟลช แถมลุคนี้ยังช่วยทำให้คุณดูเป็นสาวมั่นสายแฟชั่นนิสต้าแบบสุดๆ

  1. Off Shoulder อ่อนหวานปนเซ็กซี่

อวดหัวไหล่อันกลมกลึงด้วยชุดเปิดไหล่ ที่เหมาะกับสาวไหล่แคบและช่วงคอสั้น แต่ไม่เหมาะอย่างแรงสำหรับสาวหน้าอกใหญ่เพราะจะยิ่งเน้นให้ดูตู้มๆ เข้าไปอีก ส่วนสาวที่ต้นแขนใหญ่ก็ไม่ต้องกังวล ลองหาแบบที่มีผ้าต่อแขนออกมาสักนิดก็สามารถช่วยพรางในส่วนนี้ได้สบายหายห่วง

  1. กระโปรงพลีทสุดแนว

สาวสายฮิป แต่ต้องการความอ่อนโยนสไตล์งานแต่งต้องไม่พลาด จับคู่ลุคนี้กับรองเท้าส้นสูงเพื่อให้ดูเพรียวและช่วยดึงสายตาจากความกว้างของกระโปรงพลีท แต่ถ้าอยากเซอร์ก็จัดรองเท้าผ้าใบคู่โปรดแต่ต้องแมตช์กับพลีทแบบสั้นหรือความยาวไม่เกิน 4 ส่วน แต่ถ้ามั่นใจว่าเป็นสาวหุ่นนางแบบก็จัดไปอย่าได้แคร์ ส่วนสาวสะโพกใหญ่ให้เลือกพลีทที่ขนาดไม่เล็กหรือกว้างเกินไป แต่คนที่ผอมให้เลือกพลีทขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจะได้ดูมีสะโพก สุดท้ายลองจัดเข็ดขัดสักเส้นเพื่อลดช่วงเอวแถมยังเพิ่มความเก๋ให้กับลุคนี้ไปอีกแบบ

  1. สวยหรูดูแพงด้วยสไตล์ One Shoulder

เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่กำลังเป็นที่นิยม ดูเซ็กซี่นิดๆ ไม่โป๊จนเกินงาม แถมยังเป็นสไตล์ที่สามารถใส่ได้ทุกงานไม่ว่างานเช้าหรือเย็น ธีมอะไร สถานที่ไหนก็เอาอยู่ ที่สำคัญเป็นสไตล์ที่ทรงพลังใส่ปีไหนก็ไม่เอ้าท์ ชัวร์!!

ภาพ : pinterest.com

เจ้าสายฝ. ต้องรู้ไว้!! กับ 5 เคล็ดที่ต้องมีในพิธี แต่งงานแบบฝรั่ง

ไม่ใช่แค่พิธีแต่งงานแบบไทยหรือจีนเท่านั้นที่ถือเคล็ดความเชื่อในเรื่องต่างๆ มากมาย พิธี แต่งงานแบบฝรั่ง ก็เช่นกัน แพรว wedding เลยขอหยิบยกเอาหนึ่งในเคล็ดความเชื่อที่น่าสนใจในพิธีแต่งงานแบบฝรั่งมาบอกเล่าให้บรรดาเจ้าสาวสายฝ. ที่จะโกอินเตอร์ ได้รู้ไว้เพื่อจะได้นำไปถือเคล็ดเอาฤกษ์เอาชัยให้ชีวิตคู่สดใสราบรื่นไกลในต่างแดน

แต่งงานแบบฝรั่ง

ในพิธีแต่งงานของชาวอังกฤษและอเมริกัน จะถือเคล็ดความเชื่อตามวลีที่ว่า “Something Old, Something New, Something Borrowed, Something Blue and a Silver Sixpence in Her Shoe.” ซึ่งแปลตรงตัวก็คือ “ของเก่า, ของใหม่, ของยืม, ของสีฟ้า และเหรียญหกเพนนีในรองเท้าของเจ้าหล่อน” โดยทั้งหมดนี้จะต้องมีอยู่ในตัวเจ้าสาวที่จะเข้าพิธี แต่งงานแบบฝรั่ง งั้นไปดูกันค่ะว่าข้าวของเหล่านี้คืออะไร ต้องหาจากไหน และมีที่มาที่ไปกับความหมายอะไรที่ซ่อนอยู่บ้าง

แต่งงานแบบฝรั่ง

Something Old คือ สิ่งของเก่าจากครอบครัวที่เจ้าสาวนำติดตัวมาด้วย เพื่อระลึกถึงช่วงเวลาดีๆ และเป็นเครื่องเตือนใจในการครองเรือน ทั้งนี้จะเป็นของที่ได้รับตกทอดมา เช่น ชิ้นส่วนผ้าจากชุดแต่งงานของคุณแม่ เครื่องประดับจากคุณยาย เป็นต้น

Something New คือ สิ่งของใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง และอนาคตอันสดใสของชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น อาจเป็นแหวนแต่งงานใหม่ ชุดเจ้าสาวใหม่ รองเท้าใหม่ หรือเครื่องประดับชิ้นใหม่ เป็นต้น

Something Borrowed คือ สิ่งของที่หยิบยืมมาจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนสนิทที่แต่งงานแล้ว และประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ เพราะเชื่อกันว่าเป็นเสมือนเครื่องรางที่จะส่งมอบความโชคดีในการใช้ชีวิตคู่ให้แก่คู่บ่าวสาว อีกทั้งยังเป็นเครื่องเตือนใจให้คิดถึงมิตรภาพ และกำลังใจจากญาติสนิทมิตรสหายอีกด้วย เช่น บางนางยืมรองเท้ามาใส่ บางนางยิ้มสร้อยคอมาสวม หรือแม้แต่บางคนก็ยืมผ้าคลุมผมมาใช้ แบบนี้ไงคะ ที่เรียกว่า ของยืมมา

Something Blue คือ สิ่งของที่มีสีฟ้า ทั้งนี้มาจากความเชื่อของชาวโรมันที่เจ้าสาวจะสวมใส่ชุดสีฟ้า เพื่อแสดงถึงความรัก ความนอบน้อม และความซื่อสัตย์ อีกทั้งความเชื่อของชาวคริสเตียนที่มักจะแต่งรูปปั้นพระแม่มารีในชุดคลุมสีฟ้า ดังนั้นจึงเชื่อว่า สีฟ้า หมายถึง ความบริสุทธิ์ผุดผ่องอีกด้วย โดยของสีฟ้าที่ว่านี้จะเป็นสิ่งของอะไรก็ได้ที่ซ่อนไว้ในตัวเจ้าสาว เช่น ริบบิ้นผูกช่อบูเกต์ สีเล็บ ชุดชั้นใน เป็นต้น

อันนี้ขอเพิ่มให้อีกนิดกับความเชื่อที่ว่า A Silver Sixpence in Her Shoe คือ การนำเหรียญมูลค่าหกเพนนีใส่ไว้ในรองเท้าข้างซ้ายของเจ้าสาว ซึ่งปัจจุบันเหรียญเพนนีนั่นไม่มีใช้แล้ว จึงเปลี่ยนมาเป็นเหรียญเก่าที่เป็นของสะสม หรือของเลียนแบบเพื่อใช้ในพิธีแต่งงานโดยเฉพาะ และขอย้ำ!! ต้องจำให้ขึ้นใจนะคะว่าต้องใส่เหรียญไว้ที่เท้าซ้ายเท่านั้น (แต่เพราะอะไรเรายังพยายามหาเหตุผลกันอยู่) สิ่งนี้เป็นการถือเคล็ดให้เงินทองไหลมาเทมา มีความมั่งคั่งในอนาคต ซึ่งก็น่าจะคล้ายๆ กับประเพณีเงินขวัญถุงของบ้านเรานั่นเอง

จากทั้ง 5 เคล็ดที่เล่ามา ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อที่ช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้ว่าที่บ่าวสาวดำเนินชีวิตคู่ได้อย่างมีความสุข แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องไม่ลืมถือเคล็ดสำคัญก็คือ การใช้ความรักและความเข้าใจเป็นที่ตั้ง เพราะต่อให้คุณมีของขลังมากมาย ถือเคล็ดร้อยแปด แต่ขาดความรักความเข้าใจ ชีวิตคู่ก็ไม่มีวันยืนยาว ฉะนั้นเราจึงขอการันตีว่า การมี 5 เคล็ดลับคู่กับความรัก จะช่วยส่งให้ความรักของคุณทั้งคู่มั่นคง ยืนยาว และเข้าใจกันไปตลอดรอดฝั่งแน่นอน

ภาพ : https://vimeo.com

สวัสดี.. นี่แฮร์รี่ พอตเตอร์ไง! ที่สุดของแรงบันดาลใจ สู่ธีมงานแต่งในโลกของเวทย์มนตร์

อาโลโฮโมร่า แพรว wedding ขอร่ายเวทมนตร์พาทุกคนเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการที่แฝงไปด้วยเวทมนตร์ แต่ขอบอกว่างานนี้เป็นเวทย์มนต์แห่งความรักนะคะ Cassie และ Lewis Byrom คู่รักที่ชื่นชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นชีวิตจิตใจได้เนรมิตงานแต่งงานของพวกเขาออกมาใน ธีมงาน ที่แสนจะสุดวิเศษโดยมีอินสไปเรชั่นจากนวนิยายชื่อดังแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ทุกรายละเอียดภายในงานแต่งงานเป็นโลกของพ่อมดแม่มด เรียกได้ว่าแทบจะขนมาทุกภาคของนวนิยายเรื่องนี้เลยแหละ จะเต็มอิ่มและเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์ขนาดไหนไปดูกันเลย

 

ธีมงานบรรยากาศของสถานที่จัดงานที่สุดแสนจะโรแมนติก

3การ์ดเชิญที่ถูกออกแบบให้เหมือนกับใบประกาศจับพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ซีเรียส แบล็ค

ธีมงานรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างรองเท้าของเจ้าสาวก็ถูกนำมาเพ้นท์เป็นชื่อและสัญลักษณ์ประจำบ้านใน Hogwarts

5สร้อยข้อมือที่ได้แรงบันดาลใจมากจากลูกสนิช

6ลายเครื่องรางยมทูตที่ถูกเพ้นท์บนเล็บของเจ้าสาว

7และเธอก็ไม่ลืมสัญลักษณ์ประจำบ้านลงบนสิ่งนี้ด้วย !

8ช่อบูเกต์สวยๆ ของเจ้าสาวที่รังสรรค์จากกระดาษที่ตัดมาจากในเล่มจริงของนวนิยายเรื่องนี้

9ช่อดอกไม้ติดหน้า ของเจ้าบ่าวก็มีด้วยนะ

10รองเท้าของเจ้าสาวก็มีแล้ว เจ้าบ่าวก็ไม่พลาดนะ

11หมอนวางแหวนหมั้นที่คุ้นตาถูกแทนที่ด้วยแฮร์รี่ ภาคสุดท้าย

13งานแต่งงานถูกสรรสร้างให้อยู่ในโลกแห่งเวทย์มนตร์

14แขกผู้ร่วมงานนับ 130 คนต่างถือคฑาร่ายมนตร์แสดงความยินดีกับบ่าวสาว

15สวยงามราวกับถูกต้องมนตร์

ธีมงานเหล่าบรรดาโต๊ะอาหารของแขกผู้มาร่วมงานถูกตกแต่งด้วยบรรดาสัญลักษณ์และของต่างๆจากโลกพ่อมดแม่มด

17ลูกสนิชสีทองและหนังสือบ้านเรเวนคลอ

ธีมงานเค้กที่ถูกออกแบบอย่างสวยงามให้กับเข้ากับบรรยากาศ

19มีเราตลอดไป

20ยาพิษที่รักษาโรคได้ทุกประเภท

ธีมงานส่วนหนึ่งของหนังสือที่วางเรียงรายบนโต๊ะ

ธีมงานอาจารย์ใหญ่ผู้น่าเคารพในฮอกวอตส์ อัลบัส ดัมเบิลดอร์

ธีมงานเมื่อปีที่แล้วทั้งคู่ได้ทำพิธีหมั้นในตรอกไดแอกอน ที่รัฐฟลอลิด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา

ธีมงานรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่าวสาวพิถีพิถันให้เกิดขึ้น

ธีมงานลิ้มลองลูกอมหลากรส ใครแจ๊คพอตได้รสอะไรขี้มูก รสอ้วก ก็โชคร้ายหน่อยนะคะ

ธีมงานบรรยากาศช่างเป็นใจให้ทั้งคู่จริงๆ

ธีมงานพร้อมเดินทางไปชานชาลา เก้าเศษสามส่วนสี่หรือยัง ?

ธีมงานนกฮูกคู่ใจของพ่อมดผู้มีแผลเป็นบนใบหน้า

               แต่เอ๊ะ ! แล้วคุณๆ ผู้อ่านล่ะคะ มีการ์ตูนหรือนิยายที่ชื่นชอบบ้างหรือเปล่า ถ้ามีมาลองนำมาจัดเป็นธีมแบบคู่นี้กัน

 

ภาพ : today.com

10 สถานที่แต่งงานในโบสถ์ชวนฝัน

สาวๆ ที่นับถือศาสนาคริสต์หลายคนคงเคยใฝ่ฝันว่าอยากทำพิธี แต่งงานในโบสถ์ วันนี้ แพรว wedding จะพาไปเต็มอิ่มกับ 10 โบสถ์ในสถานที่พักตากอากาศต่างๆจากรอบโลกกัน งานนี้ใครชอบก็แพลนเลย ส่วนใครว่าไกลไปจะเก็บมาเป็นไอเดียสร้างแรงบันดาลใจในเมืองไทยบ้านเราเองก็เก๋กู้ด

 

1. โบสต์ในฝัน Dreams Tulum รีสอร์ท

แต่งงานโบสถ์              Dreams Tulum รีสอร์ทสุดโรแมนติกตั้งอยู่ริมทะเลประเทศเม็กซิโก เป็นรีสอร์ทในฝันของหลายคู่รักที่อยากจะจัดงานแต่งงานที่นี่เลยค่ะ เพราะด้วยทัศนียภาพที่สวยงามและตัวโบสถ์มีความกลมกลืนทางสถาปัตยกรรมท้องถิ่นแบบดั้งเดิมของประเทศเม็กซิโก แค่คิดก็ยิ้มไม่หุบแล้วใช่ไหมคะ ลองคิดดูนะคะว่าจะดีแค่ไหนถ้าได้จัดงานแต่งงานท่ามกลางโบสถ์ที่ตั้งอยู่ริมทะเลและชมพระอาทิตย์ตกพร้อมจุดเทียนเพื่อเพิ่มความโรแมนติกระหว่างเข้าพิธี โอ๊ย…แค่คิดก็ฟินแล้วค่ะ

2. โบสถ์วิวพาโนราม่า Royal Playa Del Carmen รีสอร์ท

แต่งงานในโบสถ์              แค่เห็นภาพก็ร้องว้าวแล้วใช่ไหมล่ะคะกับวิวที่มองออกไปจากตัวโบสถ์คาทอลิกแบบพาโนรามาของ Royal Playa Del Carmen รีสอร์ทติดริมทะเลอีกหนึ่งสถานที่ที่เหล่าคู่รักนิยมจัดงานแต่ง เพราะได้ทั้งบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกและความทันสมัยของโบสถ์ที่ล้อมไปด้วยกระจกที่มีความหนาถึงสามชั้น ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวฝนฟ้าหรือพายุที่ไหนมาสร้างความหงุดหงิดเลยล่ะจ้ะ

3. โบสถ์ที่มีฉากหลังเป็นทะเลของโรงแรม Cabo Azul

แต่งงานในโบสถ์              โรงแรม  Cabo Azul ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ประเทศเม็กซิโกค่ะ เสน่ห์ของโรงแรมนี้อยู่ที่โบสถ์กลางแจ้งติดทะเล ให้ความรู้สึกโรแมนติกและชิลล์เป็นที่สุด สถานที่นี้เหมาะกับบ่าวสาวที่อยากรับลมทะเลและกลิ่นทะเลพร้อมกับแสงแดดอุ่นๆ แค่คิดก็เคลิ้มแล้วจริงๆ ว่าแล้วก็รีบพุ่งตัวไปหาว่าที่เจ้าบ่าวกันเถอะ

4.โบสถ์ของคู่รักชั่วนิรันด์บนอ่าว Sandals Montego

แต่งงานในโบสถ์              โบสถ์เล็กๆน่ารักที่ซุกตัวอยู่ในสวนที่มีชื่อว่า โบสถ์แฟรงค์ วอร์เรน ตั้งอยู่บนอ่าว Sandals Montego ประเทศจาไมก้าค่ะ ตัวโบสถ์สร้างโดยการสนับสนุนจากภรรยาม่ายของ ด็อกเตอร์ แฟรงค์ วอร์เรน สร้างขึ้นเพื่อเป็นความทรงจำของเธอและสามี โดยเธอหวังว่าบ่าวสาวที่มาแต่งงานและแลกเปลี่ยนคำสาบานที่นี่จะมีความรักที่มั่นคง และสัมผัสได้ถึงความรักชั่วนิรันด์ของเขาทั้งคู่ค่ะ

5.โบสถ์คาทอลิกใน Barcelo Bavaro รีสอร์ท

แต่งงานในโบสถ์              โบสถ์ San Salvador โบสถ์กลางแจ้งที่ตั้งอยู่ใน Barcelo Bavaro Resort  โบสถ์แห่งนี้ถึงแม้จะตั้งอยู่ในรีสอร์ท แต่ก็สามารถทำพิธีแต่งงานสำหรับคู่รักที่นับถือคริสต์นิกายคาทอลิกได้ค่ะเพราะตั้งอยู่ในมุมสงบ และยังมีทะเลสาบสร้างบรรยากาศให้พิธีแต่งงานโรแมนติกให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์แถมยังอบอวลไปด้วยความรักได้อย่างแน่นอนค่ะ

6.โบสถ์ในเทพนิยายของ Disney’s Grand Floridian

แต่งงานในโบสถ์              สาวคนไหนที่เป็นแฟนตัวยงของค่ายการ์ตูนชื่อดังอย่าง Waltz Disney ต้องกรีดร้องแน่นอนค่ะ เพราะโบสถ์สำหรับจัดพิธีแต่งงานนี้ตั้งอยู่ใน Disney’s Grand Floridian รีสอร์ทให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในเทพนิยาย และยังมีลานสำหรับเต้นรำที่บ่าวสาวจะสวมบทเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิงเต้นรำท่ามกลางแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี หากใครที่อยากเป็นเจ้าหญิงก็คงต้องหาเจ้าชายขี่ม้าขาวมาพิทักษ์หัวใจก่อนนะคะ

7.โบสถ์สุดพิเศษสำหรับวันพิเศษ Grand Wailea รีสอร์ท

แต่งงานในโบสถ์              อีกหนึ่งโบสถ์ใน Grand Wailea รีสอร์ทตั้งอยู่บนเกาะเมาวีในฮาวายเพราะความเงียบสงบและร่มรื่น บ่าวสาวหลายคู่เลือกที่นี่เป็นสถานที่จัดงานวันสุดพิเศษของพวกเขาค่ะ เพราะนอกจากตัวโบสถ์จะตั้งอยู่ริมทะเลได้รับลมเย็นๆจากทะเลแล้วภายในโบสถ์ยังนั้นยังมีผนังบางส่วนทำจากกระจกสีที่วาดเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในช่างสวยงามหาที่ติไม่ได้เลยค่ะ

8.โบสถ์สุดวิเศษพร้อมวิวเริ่ดๆ ใน Turtle Bay รีสอร์ท

แต่งงานในโบสถ์              นอกจากโบสถ์ของ Grand Wailea รีสอร์ทที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะฮาวายแล้วยังมีโบสถ์ของ Turtle Bay รีสอร์ทที่สวยงามและเหมาะจะเป็นสถานที่แต่งงานค่ะ โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะโอฮาอูทางตอนเหนือของนอร์ทชอร์ ตัวโบสถ์ติดทะเลและยังล้อมด้วยประตูกระจกทำให้เรามองเห็นวิวโดยรอบได้อย่างเพลิดเพลินเชียวล่ะ

9.โบสถ์ดั้งเดิมของชาวคริสเตียนใน Raffles รีสอร์ท

แต่งงานในโบสถ์              หากบ่าวสาวคู่ไหนที่ต้องการโบสถ์ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว แนะนำที่นี่เลยจ้า Raffles รีสอร์ท ตั้งอยู่บนเกาะคาโนน หมู่เกาะเกรนาดีน บนทะเลคาริบเบียน โบสถ์ถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับของคริสตจักรชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ค่ะ จุดเด่นของโบสถ์นี้อยู่ที่ กำแพงและจิตรกรรมฝาผนังต่างๆ ซึ่งเป็นกระจกสีที่นำมาประดับและได้รับการบูรณะให้คล้ายของเดิมมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีหินที่เป็นโครงสร้างของโบสถ์ก็ยังคงใช้หินแบบเดิม หากใครที่กำลังมองหาพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวคริสเตียนอย่างแท้จริงโบสถ์แห่งนี้เหมาะมากที่จะมาเติมเต็มความสมบูรณ์ของงานได้ดี

10.โบสถ์แปลกตาของ Intercontinental Bora Bora Resort & Thalasso Spa

แต่งงานในโบสถ์              โรแมนติกสุดๆ และแปลกตาสุดๆ ไปเลยค่ะ สำหรับโบสถ์สุดท้ายที่ตั้งอยู่ใน Intercontinental Bora Bora Resort & Thalasso Spa โบสถ์ติดริมทะเลที่สามารถมองเห็นวิวรอบๆ ไฮไลท์ของโบสถ์ยังมีทางเดินที่ทำจากกระจกทำให้เราเห็นฝูงปลาแหวกว่ายในน้ำทะเลสีเขียวอมฟ้า ชวนให้เคลิบเคลิ้มแถมยังเข้ากับพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวโพลีนีเชียนให้ความรู้สึกที่พิเศษในวันพิเศษไปอีกแบบเลยค่ะ

ภาพและข้อมูล : bridalguide.com, caboazulweddings.com, weddingsalon.com, visitmaui.com, turtlebayresort.com, selectvacations.com.au, wepraewweddingsabroad.com, static.panoramio.com, barcelo.com, s6photography.co.uk, olivephotography.ca

บูเกต์ดอกไม้ หลบไป เพราะบูเกต์แฮนด์เมดแบบใหม่กำลังมา!!

บูเกต์ดอกไม้ เป็นหนึ่งแอ๊คเซสเซอรี่ส์ที่ขาดไม่ได้สำหรับเจ้าสาว แล้วเคยรู้กันหรือไหมคะว่า แรกเริ่มเดิมทีในสมัยโบราณ บูเกต์ที่เจ้าสาวถือนั้นทำมาจากกระเทียม เครื่องเทศ หรือสมุนไพร เพื่อที่จะให้ของกลิ่นแรงๆ เหล่านี้ช่วยขับไล่ปีศาจร้ายให้ห่างไกลจากบ่าวสาว แต่เมื่อเวลาผ่านไปบูเกต์กลิ่นแรงก็ถูกแทนที่ด้วยบูเกต์กลิ่นหอมสวยหวานจากดอกไม้นานาพันธุ์ หรือเหล่าบูเกต์ดีไซน์แปลกตาที่ทำจากวัสดุนานาชนิด ด้วยเหตุนี้เอง แพรว wedding จึงจะชวนคุณเจ้าสาวมาสร้างสรรค์บูเกต์แฮนด์เมดในรูปแบบที่สวยเก๋ไม่ซ้ำใคร ลองไปดูกันสิว่า ถ้าบูเกต์ไม่ได้ทำมาจากดอกไม้ จะทำมาจากอะไรได้บ้าง

1. กระดาษรีไซเคิล
เลือกใช้กระดาษหนังสือเก่ามาประดิษฐ์เป็นดอกไม้แล้วจัดช่อเป็นบูเกต์สไตล์คลาสสิก ถ้าจะให้ดีควรคัดสรรกระดาษที่มีลวดลายเก๋ๆ สักหน่อย อาจเป็นลายตัวอักษรหรือลายโน้ตเพลงก็น่ารักไม่เบา

บูเกต์ดอกไม้

2. กระดุม
บูเกต์น่ารักๆ สร้างสรรค์ได้จากกระดุมสีสันสดใส ที่พอมองๆ ไปก็คล้ายดอกไม้ดอกเล็กดอกน้อยอยู่เหมือนกัน แนะนำให้เลือกใช้สีของกระดุมตามธีมสีของงานแต่ง รับรองว่าเป๊ะเว่อร์

บูเกต์ดอกไม้

บูเกต์ดอกไม้

3. ผ้า
ประดิษฐ์ดอกไม้จากผ้าสีสวยงามตามใจชอบแล้วนำมาจัดช่อเป็นบูเกต์แสนหวาน หรืออาจเลือกใช้ชนิดของผ้าให้เข้ากับธีมงานแต่งของคุณ เช่น ผ้าลูกไม้สำหรับธีมวินเทจ ผ้ากระสอบสำหรับธีม Rustic เป็นต้น

4. เปลือกหอย
ชวนฝันสุดๆ กับไอเดียบูเกต์จากเปลือกหอย ถ้าจะจัดงานแต่งริมทะเลหรือธีมทะเลต้องไม่พลาดกับไอเดียนี้นะคะ

5. คริสตัล
ไม่ว่าคุณจะประดิษฐ์บูเกต์จากอะไรก็ตาม ลองตกแต่งเพิ่มเติมด้วยคริสตัลดูสิคะ รับรองว่าจากบูเกต์บ้านๆ จะกลายเป็นบูเกต์เลอค่าหรูหราในทันที

ภาพ : pinterest.com

 

งานหมั้นสไตล์สวนสุดอบอุ่นท่ามกลางคนสนิทของคุณบุ๋ม & คุณเติ้ง @ โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ

สำหรับ งานหมั้น ของคุณบุ๋ม – จารุจิตและคุณเติ้ง – ธามาริน เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานั้น ทั้งคู่เลือกจัดแบบเรียบง่าย มีเพียงครอบครัวของทั้งสองฝ่ายและเพื่อนสนิทของบ่าว-สาวเท่านั้น โดยได้ฤกษ์สวมแหวนหมั้นตามประเพณีไทยในเวลา 13.09 น. และหลังจากจัดการเรื่องเรือนหอเรียบร้อยแล้ว จึงจะเดินหน้าจัดงานเลี้ยงฉลองอีกครั้ง

คุณบุ๋มและคุณเติ้งลงมือจัดงานหมั้นกันเองทั้งหมด เริ่มต้นจากสไตล์และความชอบของคุณบุ๋มที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แล้วนำมาร้อยเรียงจนเกิดเป็นไอเดียชวนฝัน ไม่ว่าจะเป็น สวนสวย ดอกไม้ป่าสีสันสดใส และเค้กหลายชนิดที่ตกแต่งอย่างน่ารัก โดยทั้งคู่เลือกโรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ เป็นสถานที่จัดงานเพราะตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยทีมเดคอเรชั่นที่คุณบุ๋มเลือกมาดูแลเรื่องการตกแต่งจนได้ภาพงานที่สวยงามและมีความหมายออกมาอย่างที่ตั้งใจ

การตกแต่งเป็นสไตล์วินเทจที่ดูน่ารักอบอุ่น โดยใช้สีชมพูเป็นหนึ่งในสีหลัก เพราะเป็นสีโปรดของเจ้าสาว ผสมด้วยดอกไม้สีม่วง สีขาวผสมสีชมพูเล็กน้อยมาตกแต่งเพื่อให้ได้บรรยากาศแสนหวานที่ดูแล้วสบายๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนหลังบ้าน โมเมนต์ที่เจ้าสาวปรากฏตัวในชุดสีขาวเรียบโก้บนรองเท้าสีชมพูสดคู่สวยพร้อมกับเจ้าบ่าวในสูทโทนสีม่วงสดใสนั้นก็ให้ความรู้สึกที่สดชื่นมากๆ

 

จุดเด่นของงานนี้ไม่ได้อยู่ที่ความสดใสและสวยงามของโทนสีที่เลือกมาใช้เพียงอย่างเดียว แต่ยังใส่ใจในการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยและใส่เรื่องราวลงไปในการตกแต่ง เช่น การจัดมุมหนึ่งให้เป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟาจัดวางรวมกับโมเดลเค้กก้อนโตๆ และของตกแต่งสุดน่ารักอื่นๆ ที่เข้ากับบรรยากาศ โดยมีฉากหลังลวดลายวินเทจพร้อมประดับโบระย้า เพื่อให้เป็นมุมสำหรับแขกได้ใช้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน หรือแม้แต่การจัดโซนที่นั่งรับประทานน้ำชาและปาร์ตี้ก็พยายามทำให้รู้สึกเหมือนได้รับประทานอาหารร่วมกันที่สวนหลังบ้านเรียกว่าเป็นงานที่สวยงามแก่สายตาและยังอบอุ่นแก่หัวใจจริงๆ

 

The Details : Vivid Vintage

  • Venue : โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ Huachang Heritage Hotel
    (www.huachangheritagehotel.com)
  • Wedding Dress : White Asava (ไอจี : @whiteasava)
  • Groom Suit : Vvon Sugunnasil (ไอจี : @vvonsugunnasil)
  • Makeup : คุณยาว – อิทธิกร ลักษมีจันทร์พร (ไอจี : @yawmakeup)
  • Hair : คุณเชอรี่ – ทิพย์ระวี ภู่ไชย (ไอจี : @libertish_saloncafe)
  • Decoration : คุณโป (ไอจี : @peaupopo)
  • Photo : Athibodee Suwannachot (ไอจี : @athibodee) ชญานี ชมแสงจันทร์ (ไอจี : @peduckk)

20 รังรักสำหรับทริปฮันนีมูนทั่วโลก

หน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว เรามาหาที่พักเพื่อไปสร้างรังรักให้กับคนรักกันดีกว่า 20 ที่พักทั่วโลกสำหรับทริปฮันนีมูน ที่จัดว่าเด็ด และว่าควรไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เป็นอย่างยิ่ง

 

1.โรงแรม ME CABO ประเทศเม็กซิโก

ทริปฮันนีมูน, โรงแรม ME CABO, ฮันนีมูน
ห้องพักสวีทที่ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟ สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของทะเล Medano

สัมผัสบรรยากาศอันสุดแสนโรแมนติกและพักผ่อนเอนกายอย่างสบายใจกับห้องพักสวีทที่ตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟ ดูแล้วสบายตาและยังให้ความอบอุ่น แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือภายในห้องสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของทะเล Medano ได้อย่างสุดลูกลูกตา ทางโรงแรมไม่ได้มีเพียงห้องพักที่ยอดเยี่ยมแต่ยังมีสระว่ายน้ำพร้อมอ่างจากกุซซี่ไว้เพลิดเพลินและผ่อนคลาย หากใครต้องการที่พักสำหรับทริปฮันนีมูนที่เน้นความสบาย ที่พักสวย บรรยากาศดี Me Cabo น่าจะเป็นตัวเลือกที่ควรเก็บไว้ในลิสต์

 

2.THE HALF MOON รีสอร์ท ประเทศจาไมก้า

ทริปฮันนีมูน, The Half Moon รีสอร์ท, ฮันนีมูน
The Half Moon รีสอร์ท ประเทศจาไมก้า คู่รักสายกิจกรรมไม่ควรพลาด

ส่วนคู่รักคู่ไหนชอบทำกิจกรรม ต้องที่นี่เลย The Half Moon รีสอร์ท ประเทศจาไมก้า เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้คุณทำเยอะมาก ทั้งกิจกรรมทางน้ำ เช่น ว่ายน้ำ,ขี่เรือใบ,ดำน้ำดูปะการัง หรือจะขี่ม้าชมวิวก็เพลินใจดี นอกจากกิจกรรมทางน้ำที่มีให้เลือกทำกันไม่ไหวแล้ว ยังมีโยคะ การฝึกสมาธิและสปาไว้คอยบริการอีกด้วย ตบท้ายด้วยมื้อค่ำแสนอร่อยด้วยการปิ้งบาร์บีคิวริมชายหาดพร้อมกับชิมเหล้าท้องถิ่นของชาวจาไมก้า กิจกรรมแน่นขนาดคู่รักสายกิจกรรมไม่ควรพลาด

 

3. THE MAYFLOWER GRACE วอชิงตัน,ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริปฮันนีมูน, The May Flower Grace, ฮันนีมูน
สปาส่วนตัวที่บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์

เพลิดเพลินไปกับการทำสปาที่ The May Flower Grace สปาส่วนตัวที่บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์และต้นไม้สีเขียวที่ดูแล้วสบายตา ทางสปายังมีสระว่ายน้ำในร่มพร้อมอ่างจากกุซซี่ไว้ผ่อนคลาย ตบท้ายด้วยดินเนอร์มื้อค่ำใต้แสงเทียนพร้อมจิบไวน์ เหมาะเป็นอย่างมากกับคู่รักที่ต้องการคลายควายเหนื่อยหลังจากการเตรียมงานแต่งงานมายาวนาน

 

4. PALM BEACH MARRIOTT รีสอร์ทแอนด์สปา ฟลอริดา,ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริปฮันนีมูน, PALM BEACH MARRIOT, ฮันนีมูน
ห้องพักสวย มองเห็นวิวทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติก

หากคู่ไหนชื่นชอบห้องพักสวย มองเห็นวิวทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติก  พร้อมกับอาหารอร่อย และยังมีสปาที่ได้รับรางวัลชนะเลิศทางด้านการนวดแล้วล่ะก็ ขอให้จูงมือกันมาฮันนีมูนที่นี่เลย Palm Beach Marriott รีสอร์ทแอนด์สปา เพราะคุณแทบจะไม่ต้องออกไปไหนอีกเลยเรียกได้ว่าครบถ้วนจริงๆ

 

5.โรงแรมTHE GANSEVOORT นิวยอร์ก,ประเทศสหรัฐอเมริกา

THE GANSEVOORT, ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน
วิวบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่เห็นแสงสีของมหานครนิวยอร์ก 360 องศา

ตื่นตาตื่นใจไปกับมหานครที่ไม่มีวันหลับที่ The Gansevoort  NYC  คุณจะได้เพลิดเพลินและตื่นตาตื่นใจกับวิวบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่เห็นแสงสีของมหานครนิวยอร์ก360 องศา นอกจากจะนั้นยังอิ่มอร่อยด้วยอาหารเลิศรสและไวน์ชั้นดี จิบพร้อมกับชมวิวไปด้วย คงไม่มีที่ไหนที่พิเศษไปมากกว่านี้แล้ว

 

6. THE WESTIN รีสอร์ทแอนด์สปา วิสต์เลอร์,ประเทศแคนาดา

ทริปฮันนีมูน, The Westin, ฮันนีมูน
The Westin สำหรับคู่รักสายธรรมชาติ รักกิจกรรมโลดโผน

คู่รักสายธรรมชาติ รักกิจกรรมโลดโผนต้องไม่พลาดเพราะที่นี่ The Westin ไม่ว่าจะเป็น ล่องแก่ง,กระโดดบันจี้จัมพ์,หรือจะนั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจธรรมชาติ รับรองว่าสนุกและยังได้ดูความสวยงามของธรรมชาติอีกด้วย

 

7. โรงแรม THE HENRY HOWARD นิวออลีนส์,ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริปฮันนีมูน, THE HENRY HOWARD, ฮันนีมูน
ห้องพักสไตล์วินเทจแต่ยังมีความโมเดิร์นและร่วมสมัย

ห้องพักสไตล์วินเทจแต่ยังมีความโมเดิร์นและร่วมสมัยให้ความรู้สึกอบอุ่นและโรแมนติก เหมาะกับการพักผ่อนแบบเต็มที่และยังสามารถเดินเที่ยวเล่นไปรอบๆ เมืองแวะชิมสตรอว์เบอร์รี่พื้นเมือง เหมาะกับคู่รักสายชิล สโลไลฟ์จริงๆ นะเนี่ย

 

8. THE FRENCH QUARTER อินน์ ชาร์ลสตัน,เซาท์แคโรไลนา

ทริปฮันนีมูน, THE FRENCH QUARTER, ฮันนีมูน
ห้องพักตกแต่งสไตล์บูทีค เน้นความหรูหรา ใช้โทนสีอุ่นเป็นหลัก

หากคุณเป็นคู่รักที่ชื่นชอบงานศิลปะ The French Quarter โรแรมขนาดเล็กน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสุดๆ ห้องพักตกแต่งสไตล์บูทีค เน้นความหรูหรา ใช้โทนสีอุ่นเป็นหลัก ให้ความรู้สึกโรแมนติกเหมาะกับวันฮันนีมูน นอกจากนั้นยังสามารถเที่ยวในเมืองโดยไปชมสวนสวย หาของกินอร่อยๆ แค่คิดก็ฟินแล้วจ้า

 

9.โรงแรม ARIA บูดาเปสต์,ฮังการี

At Aria, ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, ARIA
เพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม At Aria

เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมือง บูดาเปสต์ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูป ประเทศฮังการี และใช้เวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ At Aria โดยภายในโรงแรมมีชั้นดาดฟ้าที่เรียกว่า Love Nest หรือรังรักนั้นเอง เพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหาร และของหวานหรือจิบไวน์เบาๆ ท่ามกลางวิวสวยและบรรยากาศดี สูดโอโซนให้เต็มปอด หรืออยากเดินชมรอบเมืองก็ยอดเยี่ยมทีเดียว

 

10. BELMOND CHARLESTON เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา

ทริปฮันนีมูน, Belmond Charleston, ฮันนีมูน
ที่พักสุดหรูคล้ายกับอยู่ในคฤหาสน์

Belmond Charleston ที่พักสุดหรูคล้ายกับอยู่ในคฤหาสน์นี้ตั้งอยู่ที่เมืองชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา ที่นี่นั้นบรรยากาศโดยรอบนั้นเน้นความหรูหราเป็นหลัก เหมาะกับเป็นที่พักในยามค่ำคืนที่แสนวิเศษในช่วงฮันนีมูนเป็นอย่างยิ่ง

 

11. ROYAL AUBERGE DU SOLEIL นาปา,รัฐแคลิฟอเนียร์

ทริปฮันนีมูน, ROYAL AUBERGE DU SOLEIL, ฮันนีมูน
เพลิดเพลินกับการทำสปา อีกทั้งทางโรงแรมยังมีอาหารชั้นเลิศที่ได้รับรางวัลมิชลิน

ท่ามกลางขุนเขาป่าไม้และธรรมชาติ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนบริสุทธิ์ พร้อมรับบริการสปาเต็มรูปแบบ จาก Royal Auberge Du Soleil ที่นี่มีบริการสปาหลากหลายโปรแกรมให้เลือกสรรมากมายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า หลังจากเพลิดเพลินกับการทำสปาแล้ว ทางโรงแรมยังมีอาหารชั้นเลิศที่ได้รับรางวัลมิชลินเป็นเครื่องการันตีว่าที่นี่อร่อยและไม่ธรรมดา จะรอช้าไปทำไม ไปใช้วันพิเศษและเปิดประสบการณ์ที่หาไม่ได้ ณ ที่นี่ดูสิ

 

12.โรงแรม THE CARLYLE นิวยอร์ก,สหรัฐอเมริกา

ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, THE CARLYLE
โรงแรมสไตล์โมเดิร์น และมีอ่างจากุซซี่ไว้ผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้า

หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ต้องมาที่นี่เลย The Carlyle  โรงแรมที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น และมีอ่างจากุซซี่ไว้ผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าจากปาร์ตี้ฉลองวันแต่งงาน และที่พิเศษคือเวลคั้มดริงค์ที่ทางโรงแรมจัดแชมเปญชั้นดีไว้ต้อนรับเมื่อมาถึง รวมถึงยังมีบริการต่างๆ ที่คัดสรรมาแล้วเพื่อแขกคนพิเศษ รับรองว่าประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

 

13.โรงแรม CASA DEL MAR (คาโบ,ประเทศเม็กซิโก)

CASA DEL MAR, ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน
การนวดแบบบาหลีแท้ๆ และโปรแกรม Lulur เพื่อผลัดเซลล์ผิว

ปล่อยความเหนื่อยล้าไปกับการนวดชนิดต่างๆ ที่โรงแรม Casa Del Mar ได้เตรียมไว้ให้ โปรแกรมพิเศษที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่งนั้นคือการนวดแบบบาหลีแท้ๆ และโปรแกรม Lulur เพื่อผลัดเซลล์ผิว  แอบกระซิบบอกเลยว่าโปรแกรมนี้เป็นการทำเพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีแต่งงานของชนชั้นสูงบาหลี รู้อย่างนี้แล้วจะพลาดได้อย่างไร

 

14. THE EMBASSY SUITES BY HILTON หาดวากิกิ,ฮาวาย

ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, The Embassy Suites By Hilton
ผ่อนคลายโดยการจิบแชมเปญ และกินสตรอว์เบอร์รี่เคลือบช็อคโกแลต

เริ่มต้นทริปฮันนีมูน ด้วยการพักที่  The Embassy Suites By Hilton ณ หาดวากิกิ ฮาวาย ที่นี่คุณจะผ่อนคลายโดยการจิบแชมเปญ และกินสตรอว์เบอร์รี่เคลือบช็อคโกแลต ที่ทางโรงแรมเตรียมจัดไว้รอต้อนรับ และปิดท้ายด้วยดินเนอร์สุดหรูและเพลิดเพลินไปกับอาหารชั้นเลิศ ค่ำคืนอันแสนโรแมนติกนั้นบอกเลยว่าอยู่ไม่ไกล

 

15. THE W รีทรีทแอนด์สปา เกาะวีเควส,ประเทศเปอร์โตริโก

THE W, ฮันนีมูน, ทริปฮันนีมูน
ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมชายหาดบรรยากาศสุดโรเมนติก

ถ้าหากคุณเบื่อดินเนอร์ในโรงแรม ลองเปลี่ยนมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมชายหาดดูสิ พูดเลยว่าโรมแมนติกไปอีกและไม่เหมือนดินเนอร์ไหนๆ แน่นอน เพราะนอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้วนั้น เรื่องความส่วนตัวและความเงียบสงบนั้นเริ่ดมาก เพราะเด็กๆ ห้ามเข้านะจ๊ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเสียงมาคอยกวนใจขัดความสุขใดๆ ได้อีก

 

16. THE WYNDHAM GRAND RIO MAR BEACH รีสอร์ทแอนด์สปา ประเทศเปอร์โตริโก

THE WYNDHAM GRAND RIO MAR BEACH, ฮันนีมูน, ทริปฮันนีมูน
THE WYNDHAM GRAND RIO MAR BEACH รีสอร์ทแอนด์สปา

ลองจินตนาการดูสิว่า หากคุณได้ใช้วันพิเศษกับคนพิเศษในที่พักแบบส่วนตัว จะดีขนาดไหน  นอกจากจะส่วนตัวแล้วยังมีบริการๆ ต่างๆ ที่คนพิเศษเท่านั้นถึงจะได้รับ อย่างดินเนอร์มื้อค่ำ ฟรีแชมเปญ หรือเข้ารับบริการสปาเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ แต่หากอยากออกไปเที่ยวรอบๆ ก็เพียงแค่ใช้บริการไกด์เพื่อพาเที่ยวแบบส่วนตัวในท้องถิ่น แค่คิดก็สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ

 

17. CASA PALOPO HOTEL ทะเลสาบ ATITLAN, กัวเตมาลา

ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, CASA PALOPO HOTEL
สระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ

เพียงแค่เห็นรูปก็อยากพุ่งตัวไปที่นี่แล้วสิ จะมีสระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ เหมาะเป็นอย่างยิ่งหากคู่รักที่ยังวางแพลนฮันนีมูนไม่ได้ และชอบความเป็นส่วนตัวแถมยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ ส่วนตัวแค่ไหนเพราะคุณจะได้นวดบนระเบียงในห้องนอนที่ไม่ต้องแชร์สถานที่กับใคร หรืออยากแอทเวนเจอร์หน่อยก็จูงมือกันไปขี่ม้าหรือเดินป่าเพื่อไปดูภูเขาไฟ San Pedro นอกจากนี้ยังได้ชิมชีสและน้ำผึ้งท้องถิ่นที่หาทานที่ไหนไม่ได้แน่นอน

 

18. THE OUTRIGGER เกาะสมุย,ประเทศไทย

THE OUTRIGGER, ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน
รีสอร์ทส่วนตัวตั้งอยู่บนเกาะสมุย ประเทศไทย

จะหาที่พักสวยๆ ไว้เป็นรังรักในทริปฮันนีมูน ขอแนะนำว่าไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ เพราะประเทศไทยมีที่พักสวยๆ ไว้รอคู่รักมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันแล้ว เกาะสมุย ทะเลสวย น้ำใส แถมยังเป็นเกาะในฝันของใครหลายคน The Outrigger รีสอร์ทส่วนตัวตั้งอยู่บนเกาะสมุย ประเทศไทย มีห้องพักแบบพลูวิลล่าที่ใครชื่นชอบการว่ายน้ำแบบส่วนตัว ควรมาเป็นอย่างยิ่ง เพราะสระใหม่มาก หรือถ้าอยากเห็นวิวทะเลพร้อมกับว่ายน้ำก็ชิลไปอีกแบบ เพราะเราเชื่อว่าสถานที่ฮันนีมูนในประเทศไทยก็สวยไม่แพ้กับที่ไหนๆ ในโลก

 

19. โรงแรม SUMAQ มาชูปิกชู,ประเทศเปรู

ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, โรงแรม Sumaq
โรงแรม Sumaq ตั้งอยู่ในสถานที่ 1 ใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

มาชูปิกชู แหล่งอารยะธรรมโลก ที่คู่รักนักสำรวจควรมาและต้องมา ที่นี่มีโรงแรม Sumaq ตั้งอยู่ในสถานที่ 1ใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เมื่อคุณมาถึงจะถูกต้องรับด้วยเครื่องดื่มและผลไม้ท้องถิ่น หากไม่หนำใจพอก็มีอาหารมื้อค่ำไว้คอยบริการ ส่วนห้องพักนั้นไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะคุณจะได้นอนในห้องที่รอบล้อมไปด้วยขุนเขาและม่ายหมอก ตื่นเช้ามาพบกับธรรมชาติที่สวยงามใกล้แค่เอื้อม

 

20.โรงแรม VERMONT เบอร์ลิงตัน,ประเทศสหรัฐอเมริกา

ทริปฮันนีมูน, ฮันนีมูน, VERMONT
สัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่นในห้องพักและผิงไฟจากเตาผิง

สัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่นในห้องพักและผิงไฟจากเตาผิงพร้อมกับจิบช็อคโกแลตร้อนๆ อยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างที่มีอย่างครบครัน ในห้องพักเพียงแค่นี้ก็ไม่ต้องกระดิกตัวออกไปไหนแล้วแหละ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับที่พักในทริปฮันนีมูนที่ แพรว wedding จัดมาให้บรรดาคู่รัก คู่สามีภรรยา คู่ข้าวใหม่ปลามัน หรืออยู่ในสเตตัสกำลังจะพัฒนามาเป็นคู่ชีวิต ได้เลือกสรรกันถึง 20 ที่บอกเลยแต่ละที่เด็ดๆ ทั้งนั้นหากใครยังไม่เริ่มวางแพลนก็จัดไปเลยจ้า

 

 

ภาพและข้อมูล : weddingwire.com, instyle.com

 

 

หรือหนึ่งในภาพสเกตซ์เหล่านี้จะกลายเป็นชุดแต่งงานของ เมแกน มาร์เคิล!!

ตั้งแต่มีข่าวประกาศหมั้นไปจนถึงพิธีเสกสมรส เมแกน มาร์เคิล ก็กลายเป็นที่สนใจขึ้นมาทันที แพรว wedding เลยขอเกาะติดสถานการณ์ด้วยการนำภาพสเกตซ์ชุดแต่งงานจากบรรดาดีไซเนอร์ชั้นนำมาฝาก ไม่แน่นะหนึ่งในภาพใดภาพหนึ่งอาจจะกลายเป็นชุดแต่งงานในวันนั้นของเธอก็ได้

้เมแกน มาร์เคิล

Casablanca Bridal

“ชุดแต่งงานทรงเอ-ไลน์ ที่ผสมผสานความคลาสสิคแบบดั้งเดิมและความทันสมัยไว้ด้วยกัน บริเวณช่วงคอเสื้อและช่วงลำตัวเพิ่มความเย้ายวนสไตล์เฟมินีน พร้อมรายละเอียดที่ดูดีมีรสนิยมเพื่อนำเสนอถึงความเป็นราชวงศ์ของเธอ และสไตล์ส่วนตัวของเมแกนนั้นบ่งบอกว่าเธอไม่กลัวที่จะเปิดเผยเรียวแขนของเธอ เราเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่สวยหรูและดูเหมาะกับเธอที่สุด”

เมแกน มาร์เคิล

Morilee by Madeline Gardner

“สำหรับเจ้าหญิงผู้ทันสมัยอย่าง เมแกน มาร์เคิล ฉันได้ออกแบบชุดแต่งงานสุดคลาสสิคทรงบอลกาวน์ที่มีความยาวเป็นพิเศษ พร้อมดีไซน์กระโปรงแบบสองชั้น และเน้นงานปักแบบทันสมัยผสมกับลูกไม้โบราณ ส่วนบริเวณคอเสื้อและแขนเสื้อมีการออกแบบตามชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมแต่ก็ดูร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน สำหรับฉัน เมแกนเป็นแรงบันดาลใจที่แท้จริงของความงามจากภายในที่เปล่งประกายสู่ภายนอก ฉันรู้สึกดีใจกับเธอ และตื่นเต้นสำหรับงานแต่งงานของราชวงศ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น!”

เมแกน มาร์เคิล

Olvi’s

“ฉันพยายามสร้างสรรค์บางอย่างที่ดูสง่างามแต่จะไม่เปิดเผยมันในตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันมีรายละเอียดที่ลึกซึ้งเพื่อเน้นร่างกายของผู้หญิง เป็นชุดที่สง่างามสำหรับหญิงสาว และเหมาะสมกับเจ้าสาวที่เป็นเจ้าหญิง”

Caroline Castigliano

“ฉันคิดว่าเมแกนจะต้องใส่ชุดที่ดูคลาสสิค แต่จะต้องดูดีมีรสนิยมและมีสไตล์พร้อมจุดเด่นที่ทันสมัย ฉันจึงสเกตซ์ชุดแต่งงานที่ทำจากผ้าไหม ที่มีรูปทรงอันเลอเลิศและมีความเงาวาวนุ่มนวล ช่วงกระโปรงจะคอดเข้าเอวเพื่อเน้นทรวดทรงของเมแกน ส่วนเสื้อท่อนบนออกแบบเป็นคอกลม และเป็นเสื้อแขนยาวที่ทำจากผ้าลูกไม้ Chantilly ของฝรั่งเศส ด้านหลังออกแบบให้เป็นทรง V-back เพื่อช่วยขับสีผิวอันโดดเด่นของเธอ และฉันคิดว่าชุดแต่งงานชุดนี้จะต้องออกมาดูดีแน่นอน มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามวัฒนธรรมดั้งเดิม และครอบครัวที่เป็นราชวงศ์ของเธอก็น่าจะคาดหวังหรืออาจต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันมันก็ยังแสดงออกถึงเซ้นต์ทางด้านสไตล์ของเธอ”

Rime Arodaky

แบรนด์นี้เคยออกแบบชุดให้กับเมแกนมาก่อน ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Rime Arodaky ยังคงรักษาสิ่งที่เมแกนชื่นชอบนั่นก็คือ ‘ชุดที่มีความแปลกใหม่และเต็มไปด้วยจินตนาการ’ ดีไซเนอร์ได้กล่าวถึงภาพสเกตซ์สำหรับชุดแต่งงานของเจ้าหญิงในอนาคตว่า “สไตล์ของเธอต้องดูคล่องแคล่วและทันสมัย ต้องมีเวล ตัดเย็บอย่างประณีต และฉันจินตนาการว่าจะเพิ่มความสดชื่นให้กับเมแกนเพื่อให้สมกับเป็นชุดแต่งงานของราชวงศ์”

Yumi Katsura

“การผสมผสานกันระหว่างความสวยงามอ่อนหวานของผ้าลูกไม้ bobbin ที่เป็นผ้าโบราณของอังกฤษ และเพิ่มผ้าไหม gazar เพื่อความสวยงาม, หรูหรา และความคลาสสิค” Paulette Cleghorn ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ Yumi Katsura Couture กล่าว

Essense of Australia

“Essense of Australia สนใจความสไตล์ดั้งเดิมของชุดแต่งงานอย่างทรงบอลกาวน์ที่ผสมผสานกับความทัยสมัยสำหรับวันสำคัญของเมแกน เน้นเส้นสายที่เรียบง่ายและรายละเอียดที่หลากหลายของผ้าไหม zibeline และศิลปะการปะติดลูกไม้แบบสามมิติและการปักลูกปัดลงไปตามขอบผ้า ให้อารมณ์ทันสมัยและความระยิบระยับที่เป็นสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าสาว จากนั้นสวมคู่กับเวลสไตล์ cathedral-length ฉันคิดว่าชุดนี้จะต้องสร้างการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ให้กับเธอได้อย่างแน่นอน”

Luisa Beccaria

“ฉันอยากจะเห็นเธอในชุดแต่งงานที่มีการปักลวดลายอย่างสวยงามที่ทำจากผ้าทูลล์และเวลที่ทำมาจากผ้าชนิดเดียวกันกับชุด”

 

ข้อมูลและภาพ : brides.com

 

5 ตำนานรัก เล่าขานกันมานานจนกลายเป็นอมตะเลิฟสตอรี่

“รักไม่เป็น เห็นจะทุกข์” ความรักบางครั้งก็ไม่สุขสมหวังเหมือนที่เราวาดฝันไว้นะคะ หลายครั้งเราอาจต้องเจออุปสรรคต่างๆที่ทำให้ความรักเปลี่ยนเป็นความทุกข์ สุดสัปดาห์นี้ แพรว wedding หยิบยก ตำนานรัก ที่บทสุดท้ายกลายเป็นความเศร้าของเหล่าชายหญิง 5 คู่มาให้ซาบซึ้งกัน จะทุกข์ระทมขนาดไหนตามไปดูกันเลยค่ะ

1.ตำนานรักขวัญ-เรียม แห่งทุ่งบางกะปิ

“เรียมเหลือทนแล้วนั่นขวัญของเรียม” หลายคนคงคุ้นหูกับเพลงนี้จากเรื่องแผลเก่าซึ่งเป็นตำนานรักของขวัญและเรียมที่เกิดขึ้น ณ ทุ่งบางกะปิ เพราะความบาดหมางของสองครอบครัวจึงเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ค่ะ
ขวัญกับเรียมได้สาบานกับเจ้าพ่อไทรว่าจะรักและซื่อสัตย์กัน ต่อมาไม่นานเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันเมื่อเรียมถูกนำไปขายให้คุณนายทองคำ เรียมได้รับความรักและเลี้ยงดูเอย่างสุขสบายเพราะมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วคุณนายทองคำจึงเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษ และยังต้องการให้เรียมแต่งงานกับสมชาย อดีตคู่หมั้นของลูกสาว ตัวสมชายเองก็พึงพอใจในตัวเรียมอยู่บ้าง
เมื่อแม่ของเรียมป่วยหนัก เรียมจึงกลับมาดูแล และได้สานสัมพันธ์กับขวัญอีกครั้ง ด้านสมชายเมื่อรู้เรื่องที่เรียมกลับไปหาขวัญก็พร่ำบอกรักเรียม ตัวเรียมเองก็ดูเหมือนจะใจอ่อนเพราะอีกใจก็ยังเสียดายชีวิตสุขสบายตอนอยู่บางกอก เมื่อขวัญเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันจึงโมโหมาก เกิดการต่อสู้กันอย่างชุลมุน สมชายใช้ปืนที่พกติดตัวมายิงขวัญตาย เมื่อเรียมเห็นดังนั้นจึงใช้มีดปาดคอตายตาม

2.ตำนานรักสะพานสารสิน

4            เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักสะพานสารสิน สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ของจังหวัดภูเก็ต สถานที่แห่งนี้เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีฐานะต่างกันและเป็นสถานที่ที่ทั้งคู่จบชีวิตลงพร้อมกัน
โกดำ แซ่ตัน ชายหนุ่มขับรถท้องโป (รถสองแถว) พบรักกับ กิ๋ว-กาญจนา แซ่หงอ นักศึกษาวิทยาลัยครู ที่มีฐานะในสังคมและมีครอบครัวที่ร่ำรวย ต่างกับโกดำที่ใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ทั้งคู่ใช้ความพยายามและทำทุกวิถีทางที่จะทำให้พ่อของกิ๋วยอมรับในตัวโกดำแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรพ่อของกิ๋วก็ไม่เปิดใจ ทำให้ทั้งคู่ต้องแอบลักลอบมาเจอกัน เมื่อพ่อรู้เข้าจึงขังกิ๋วไว้ในบ้านและพยายามยัดเยียดกิ๋วให้แต่งงานกับเศรษฐี เมื่อความรักของทั้งคู่ไม่อาจสมหวังและไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ โกดำและกิ๋วจึงเลือกทางออกสุดท้ายของชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายที่สะพานสารสิน โดยทั้งคู่นำผ้าขาวม้ามาผูกขาติดกันและตัดสินใจกระโดดจากสะพานลงสู่พื้นน้ำ คล้ายกับว่าผ้าขาวม้าผืนนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ผูกทั้งสองไว้ด้วยกันและไม่แยกจากกันชั่วนิรันดร์

3.ตำนานรักของนางนาคแห่งทุ่งพระโขนง

3            ตำนานรักที่เป็นที่เลื่องลือของคนทุกยุคทุกสมัย เรื่องราวของนางนาคและนายมาก สามีและภรรยาที่อาศัยอยู่ทุ่งพระโขนง ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันจนนางนากตั้งครรภ์อ่อนๆ ไม่นานนักนายมากถูกหมายเรียกให้ไปเป็นทหารประจำการ ทำให้นางนากต้องอยู่เพียงลำพัง จนเมื่อถึงกำหนดคลอดเด็กไม่กลับหัว ทำให้นางนาคสิ้นใจทันทีเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว กลายเป็นผีตายทั้งกลม ด้วยความรักที่มีให้นายมาก นางนาคจึงไม่ยอมไปไหนกลายเป็นผีรอนายมากกลับมา
นายมากเมื่อปลดประจำการ และเดินทางกลับมาบ้านยังไม่รู้ว่าเมียสุดที่รักได้ตายจากไป ชาวบ้านแถวนั้นต่างพยายามบอกให้นายมากรู้ว่านางนาคตายไปแล้วแต่พูดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง นางนาคตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน และเผลอทำมะนาวตกใต้ถุนนางจึงเอื้อมมือยาวลงไปเก็บ นายมากที่เดินผ่านมาขณะนั้นเห็นเข้า จึงเชื่อทันทีว่าเมียตัวเองเป็นผีตามที่ชาวบ้านพูด เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาได้หนีไปซ่อนในวัด ทำให้นางนาคโกรธชาวบ้านมากเพราะคิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้นายมากหนีจากตนไป จึงอาละวาดและไล่ทำร้ายชาวบ้าน เป็นเหตุให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เข้ามาช่วยและสะกดวิญญาณนางนาคโดยการกะเทาะกระดูกตรงหน้าผากนำไปทำปั้นเหน่ง ติดตัวองค์สมเด็จและตกทอดไปยังอีกหลายมือ

4.ตำนานรักเขาสามมุก-บางแสน

2           มุกเป็นสาวชาวบ้านที่มีฐานะค่อนข้างยากจนส่วนแสนเป็นลูกชายกำนันที่มีฐานะร่ำรวย จุดเริ่มต้นของทั้งคู่เกิดจาก เมื่อมุกเก็บว่าวของแสนที่ทำหลุดมาและแสนได้ให้ว่าวนั้นเป็นของที่ระลึก จากนั้นทั้งคู่จึงทำความรู้จักสนิทสนมกันมากขึ้น จนกลายเป็นความรักที่ลึกซึ้ง แต่ทางบ้านแสนเห็นว่ามุกไม่เหมาะสมเพราะมีฐานะยากจน จึงบังคับให้แสนแต่งงานกับหญิงที่ทางบ้านเลือกไว้แล้ว เมื่อมุกรู้เรื่องเกิดความเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากจึงไปกระโดดเขาฆ่าตัวตาย ส่วนแสนเมื่อทราบเรื่องจึงกระโดดหน้าผาตายตามไป
เรื่องราวความรักของทั้งคู่ถูกนำไปตั้งเป็นชื่อสถานที่โดยเขาที่มุกกระโดดเรียกว่า “เขาสามมุก” ส่วนหาดที่แสนกระโดดหน้าผาตายเรียกว่า “หาดบางแสน” และยังมีศาลเจ้าแม่สามมุขเพื่อเป็นอนุสรณ์ความรักของทั้งคู่ค่ะ

5.ตำนานรักต่างเชื้อชาติ ต่างชนชั้น ของเจ้าน้อยศุขเกษมและมะเมียะ

1            ตำนานรักสุดท้ายที่ แพรว wedding นำมาให้ซาบซึ้งคือตำนานรักต่างเชื้อชาติ ต่างชนชั้นของเจ้าน้อยศุขเกษม ราชบุตรของเจ้าหลวงเชียงใหม่และมะเมียะสาวน้อยจากเมืองพม่า
เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นเมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมถูกส่งไปเรียนต่อที่เมืองพม่าและได้พบกับมะเมียะเมื่อทั้งคู่ได้พบกันต่างคนต่างตกหลุมรักและได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งสองได้สาบานต่อกัน ณ ลานหน้าพระธาตุใจ้ตะหลั่นว่าจะรักและไม่ทอดทิ้งกันตลอดไป หากใครทรยศขอให้ผู้นั้นอายุสั้น เมื่อถึงคราวที่เจ้าน้อยศุขเกษมต้องเดินทางกลับเชียงใหม่จึงแอบพามะเมียะกลับมาด้วย โดยให้มะเมียะปลอมตัวเป็นเพื่อนชายแต่เมื่อเดินทางมาถึงจึงทราบว่าตัวเองนั้นถูกหมายหมั้นไว้กับหญิงอื่นแล้ว และตัวมะเมียะเองก็ไม่ได้รับการยอมรับจึงถูกส่งตัวกลับพม่าทันที
เจ้าน้อยศุขเกษมได้ให้สัญญาว่าจะกลับไปหามะเมียะให้ได้ หลังจากที่นางเดินทางกลับ ก็ได้แต่เฝ้ารอ หวังว่าเจ้าน้อยฯ คงจะกลับมาหา แต่เมื่อทราบข่าวว่าเจ้าน้อยฯ แต่งงาน จึงตัดสินใจบวชเป็นแม่ชีทันที แม่ชีมะเมียะเดินทางถึงเชียงใหม่และขอพบกับเจ้าน้อยฯ เป็นครั้งสุดท้าย เจ้าน้อยฯ ที่ใจแข็งแต่ยังมีความสงสารอยู่จึงไม่ยอมลงไปพบแต่ได้มอบเงิน 1 กำปั่น (800บาท) และแหวนทับทิมประจำกายให้กับแม่ชีมะเมียะ หลังจากเหตุการณ์นี้เจ้าน้อยศุขเกษมจึงเอาแต่กินเหล้าและตรอมใจตายในที่สุด ส่วนแม่ชีมะเมียะก็ไม่ศึกเลยและถึงแก่กรรมในวัย 75 ปี

            “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” คำพูดนี้ช่างเหมาะกับเรื่องราวที่เรานำมาให้ดูเลยนะคะ แต่จะโทษความรักฝ่ายเดียวเห็นจะไม่ได้ บางครั้งโชคชะตา พรหมลิขิต ก็กำหนดสิ่งเหล่านี้ให้เราได้เจอ……

 

ภาพและข้อมูล : sudsapda.com, kwan-riamfloatingmarket.com, chonburisearch.com, patsonic.com

ผู้หญิงต้องรู้! เหตุผลที่เขาปฎิเสธเซ็กส์ไม่ได้มีแค่จัดมาเต็มคราบจากนอกบ้าน

ถือว่าเป็นสิ่งที่ค้างคาใจสาวๆ ที่ไม่ค่อยจัดเซ็กส์กับแฟนมาตลอด เนื่องจากเขาคนนั้นเซย์โนวเสมอเมื่อยามที่คุณศรีภรรยาทำการสะกิด จนเกิดเป็นความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า หรือเพราะว่าเขาไปจัดมาแล้วก่อนเข้าบ้าน โอ๊ย…คุณขา ในเรื่องนี้อ่ะนะ มาดามขอบอกให้รู้เลยว่า จริงๆ แล้วเหตุผลที่หนุ่มๆ จะ ปฏิเสธเซ็กส์ เรื่องนี้มันมีมากกว่าที่คุณคิด ส่วนว่าจะมีอะไรบ้าง ลองมาเช็คไปพร้อมๆ กับมาดามเลยไหมล่ะ

 

เหนื่อย

สั้นๆ ง่ายๆ แต่เป็นคำที่สาวๆ โดนมาแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะบอกว่าเหนื่อยกับการทำงาน หรือเหนื่อยที่ต้องฝ่าการจราจรอันแสนติดขัดกว่าจะถึงบ้าน ซึ่งมีส่วนจริงอยู่นะคะ ลองคิดแบบยุติธรรมๆ หน่อยว่า แค่คุณขับรถกลับบ้าน คุณเองก็ยังเหนื่อย คุณทำงานใช้สมองคุณก็เหนื่อย เขาก็คนเหมือนกัน จึงมีสิทธิ์จะเหนื่อยได้ เพียงแต่ว่าถ้าเหตุผลนี้โผล่ขึ้นมาเสมอแบบทุกครั้งที่ชวนพ่อคุณก็บอกว่าเหนื่อยๆๆๆ คงต้องสืบค้นกันแล้วว่า ต้นตอความเหนื่อยที่ว่ามันอะไรกันแน่ อย่าเพิ่งผลีผลามวีนเขาซะก่อนล่ะ ไม่งั้นจะกลายเป็นการชวนทะเลาะเพราะไม่เชื่อใจ ทีนี้แหละเรื่องยาว

 

ไม่พร้อม

สงสัยใช่ไหมล่ะว่าอะไรไม่พร้อม ก็คือไม่พร้อมจะมีอะไรกับคุณไงคะ อ้าว..ไม่ต้องทำหน้างง ขยายความให้อีกนิดก็คือ อาวุธของเขาไม่พร้อมจะออกรบ จะด้วยอาการเหนื่อยล้าอย่างที่เขาบอก หรือเขาอาจจะกำลังประสบปัญหาบางอย่างที่ทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวจนไม่สามารถปฏิบัติการได้ นั่นก็เข้าข่ายว่าไม่พร้อม

ซึ่งถ้าคุณยังสงสัยอีกว่า แบบนั้นก็ได้เหรอ แหม…วิธีพิสูจน์ความจริงง่ายนิดเดียว แค่เล้าโลมเขาดู ถ้าน้องชายไม่มีอาการดึ๋งดั๋งขึ้นมา ก็พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งว่าเขาพูดความจริง แต่ถ้าลองเล้าโลมแล้วเกิดดึ๋งดั๋งขึ้นมาก็ขอให้ดูไปสักพักว่าไปต่อจนสุดทางไหม เพราะสำหรับผู้ชายเนี่ย การโดนเล้าโลมทำให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาได้ แต่ไม่ได้การันตีว่าจะอยู่ยั่งยืนยงจนสุดทางเสมอไป

 

ป่วย

จริงอยู่ที่เหตุผลนี้ทำเอาคุณพูดไม่ออกและไม่รู้จะไปต่อยังไง แต่เป็นเหตุผลที่คุณพิสูจน์ได้นี่นาว่าจริงไหม เพราะคนป่วยคงทำการแสดงลำบาก และถ้าป่วยไม่จริงดูไม่นานก็รู้ แต่ถ้าคุณรู้แล้วไม่เชื่อ ยังจะอยากให้เขาจัดเซ็กส์เสิร์ฟให้ คุณก็คงเป็นคนรักที่ใจร้ายหรือไม่ก็คงโหดมากๆ เลยนะ

 

ไม่มีอารมณ์

จำไว้นะคะสาวๆ หนุ่มๆ ไม่ใช่เซ็กส์แมชชีนที่กดปุ่มแล้วจะเด้งตัวขึ้นมาปฏิบัติกิจกามได้ทันที เพราะถ้าเขาไม่มีอารมณ์นำ เขาก็ไม่อาจจัดเซ็กส์ได้หรอกค่ะ ซึ่งอารมณ์ที่ว่านี้บางทีคุณก็ต้องช่วยบิ้ว และต้องไม่ลืมสำรวจตัวเองสักนิดว่า คุณทำตัวยังไงให้เขาไม่มีอารมณ์กับคุณหรือเปล่า อย่าไปคิดนะคะว่าคุณเป็นภรรยาที่ตบแต่งเรียบร้อย แล้วเขาต้องมีอารมณ์กับคุณคนเดียวเสมอสิ บอกตรงนี้เลยว่าหนุ่มๆ สามารถมีอารมณ์ได้กับผู้หญิงทุกคนที่ตรงสเปคและมีบางอย่างเร้าให้น้องชายเขาตื่นตัวโดยไม่จำเป็นต้องพ่วงตำแหน่งใดๆ สักนิด

ซึ่งแปลว่าแม้คุณจะเป็นภรรยา แต่ถ้าทำตัวน่าเบื่อหรือมองหน้าแล้วมีแต่ทะเลาะ อารมณ์หวานๆ หลบในหายไปหมด ก็ยากละค่ะที่เขาจะมีอารมณ์อยากจัดเซ็กส์ด้วย

 

จัดมาแล้วจากที่อื่น

มาดามไม่ปล่อยประเด็นนี้แน่นอน เพราะนี่คือเหตุผลหนึ่งที่อยู่ในใจของสาวๆ และไม่เถียงว่าเป็นเหตุผลจากชีวิตจริงที่เกิดได้เสมอ เพราะหนุ่มเจ้าชู้บางคนก็ไปร่อนมาจากนอกบ้านแบบเต็มที่จนไม่เหลืออะไรให้คนที่บ้านสักนิด จึงไม่แปลกที่เมื่อคุณชวนมีเซ็กส์จึงไม่แปลกที่เขาจะปฏิเสธ ฉะนั้นเก็บประเด็นนี้ไว้ได้ แต่ขอให้เป็นประเด็นท้ายๆ ที่เอามาพิจารณาน้อยใจสามีนะคะ

 

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : https://www.alternet.org

ไม่ต้องง้อสเตย์อีกต่อไปกับ 5 เคล็ดลับ ลดหน้าท้อง ฉบับเร่งด่วน

ลดหน้าท้อง ยังไงให้ผล ตามมาดู

อีกหนึ่งปัญหาหนักอกหนักใจของบรรดาสาวๆ ก็คือทำยังไงก็ ลดหน้าท้อง ไม่ได้สักที โดยเฉพาะเจ้าสาวที่กำลังเตรียมงานแต่งที่ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน รู้ตัวอีกทีจากห่วงยางเด็กก็เกือบจะกลายเป็นห่วงยางเล่นน้ำบางแสน!! แพรว wedding เลยจัด 5 เคล็ดลับ ลดหน้าท้อง มาให้ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีอดอาหารหรอกนะ แต่เราจะให้คุณกินเหมือนเดิม แต่กินอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย

1. กินโยเกิร์ตก่อนมื้ออาหาร

ผลการวิจัยจาก Department of Nutrition, The University of  Tennessee สหรัฐอเมริกา บอกว่าการรับประทานโยเกิร์ต 3 ครั้งต่อวันสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ถึง 81% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้รับประทาน และปริมาณรับประทานที่แนะนำต่อวันคือ 170 กรัมหรือประมาณ 1 ถ้วย โดยแนะนำให้รับประทานก่อนมื้ออาหารในแต่ละมื้อ

 

 

2. หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
การกินเค็มจะส่งผลให้ร่างกายเก็บกักน้ำจนทำให้เกิดอาการบวมน้ำเนื่องจากปริมาณโซเดียมที่สูง ซึ่งปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมต่อร่างกายต่อวันอยู่ที่ 1,500 – 2,300 มิลลิกรัม เพราะฉะนั้นเจ้าสาวมือใหม่เมื่อใกล้วันแต่งจงอยู่ให้ไกลจากขนมขบเขี้ยวอย่าง มันฝรั่งแผ่นทอด หรือ อาหารฟาสต์ฟู้ดเพื่อเลี่ยงอาการบวมน้ำนะจ๊ะ

 

3. เลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง
อาหารจำพวกแป้ง อาทิ ขนมปัง มันฝรั่ง และอาหารอย่างเส้นอย่างพาสต้าหรือก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่เพียงแต่ย่อยยาก แต่ยังทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำมากขึ้น ยิ่งถ้ากินในตอนกลางคืนจะทำให้ท้องอืดในตอนเช้าอีกด้วย ดังนั้นว่าที่เจ้าสาวควรเลี่ยงแป้งในมื้อเย็นเพื่อไม่ให้พุงป่องตอนเช้าวันแต่งนะจ๊ะ

 

4. ลดอาการท้องอืดด้วยน้ำขิง
ลองจิบน้ำขิงที่มีสรรพคุณในการย่อยอาหารพร้อมกับมิ้นท์เพื่อช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร หรือจะผสมกับน้ำมะนาวก็ได้ ซึ่งไม่เพียงแต่อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิเดนท์เท่านั้นแต่ยังให้ความสดชื่นสำหรับเจ้าสาวที่กำลังวิ่งวุ่นเตรียมงานแต่งอยู่ด้วย

 

5. กินแมกนีเซียมตอนเช้าในวันแต่งงาน
ตัวช่วยเร่งด่วนแบบสุดๆ! ที่เราขอแนะนำสำหรับเจ้าสาวเพื่อช่วยลดพุงในวันแต่งงาน คือการรับประทานแมกนีเซียมปริมาณ 200 มิลลิกรัม (หรือ 1 เม็ด) ในตอนเช้า เจ้าแมกนีเซียมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยไล่แก๊สในกระเพาะอาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยลดอาการบวมน้ำ และลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

 

เคล็ดไม่ลับฉบับ แพรว wedding ง่ายๆ เพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้เจ้าสาวหน้าท้องแบนราบพร้อมออกงานได้แล้ว แถมให้อีกนิดกับ 8 อาหารมหัศจรรย์ เสกหน้าท้องแบนราบ!

 

ภาพ : 1bigsmile.com, health.com, thespruce.com

8 ฉากจากหนังดังเพิ่มความหวานในร่างกาย

วันอาทิตย์ในสุดสัปดาห์ที่หยุดยาวแบบนี้ สำหรับสาวๆที่ไม่ได้ไปเทียวไหน แพรว wedding ขอหยิบฉากประทับใจของ หนังโรแมนติค ที่มีฉากแต่งงาน ทั้งสุข เศร้า เหงา ซึ้ง หลากหลายอารมณ์มาฝาก ดูแล้วต้องรีบไปหยิบต้นฉบับมาดูกันอีกซักครั้ง ให้วันหยุดของคุณหวานแบบไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน

 

1.Cinderrella (1950)

ก่อนจะมาเป็นเจ้าหญิงที่เคียงคู่กับเจ้าชาย “ซินเดอเรลล่า” ต้องผ่านอุปสรรคน้อยใหญ่มามากมาย เรื่องนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเราเชื่อว่าต้องไม่มีใครไม่เคยดูภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Cinderrella นี้แน่นอน ไม่ว่าจะผ่านมาหลายยุค หลายสมัย การ์ตูนเรื่องนี้ก็ยังคงฮอตฮิตไม่เคยเปลี่ยน

2. The Graduate (1967)

หลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก เพราะเป็นภาพยนตร์เก่าที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1967 ถ้าหากนับดูก็ผ่านมา 49 ปีแล้ว The Graduate เล่าถึงเรื่องราวของนักเรียนหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบและยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร และใช้ชีวิตอย่างไร ฉากจบของเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่าต้องมีหัวเราะไปตามๆ กัน

3.The God Father (1972)

ใครจะรู้ล่ะว่าภาพยนตร์เก่าคลาสสิกแนวแอ็คชั่น ดราม่าบวกโรแมนติกนิดๆ อย่างเรื่อง The God Father จะมีฉากแต่งงานที่น่าประทับใจ ต้นเรื่องเปิดฉากด้วยคุณพ่อมาเฟียเต้นรำอยู่บนฟลอร์กับลูกสาวดูอบอุ่นและโรแมนติก แขกที่มาร่วมงานก็สนุกสนานและเป็นกันเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ดังมากโดยมีคนเคยบอกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ควรดูก่อนตาย เพราะครบรสทั้งเรื่องและไม่ควรพลาดจริงๆ

4. A Walk to Remember (2002)

หากใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์รักโรแมนติก แต่ตอนจบอาจจะไม่ถูกใจมากนัก ต้องตกหลุมรักเรื่องนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น  A  Walk to Remember เรื่องราวของ เจมี่ ซัลลิแวน หญิงสาวที่ไม่คิดจะเปิดใจรักใครแต่แล้วเมื่อมีหนุ่มที่ไม่ค่อยเอาไหนมาทำให้เธอค่อยๆ เปิดใจ แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกเมื่อ เจมี่กลายเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ถึงแม้จะไม่แฮปปี้แอนด์ดิ้ง แต่สุดท้ายความรักของทั้งคู่ก็จบแบบมีความสุข ลองไปชมฉากนี้เราเชื่อว่าน้ำตาของคุณจะไหลโดยไม่รู้ตัว

5. Love Actually (2003)

เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 13 ปี มีหนังรักโรแมนติกอยู่เรื่องหนึ่งที่ดังมาก หากพูดถึงเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักอย่างแน่นอน Love Actually เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์หลายๆ แบบ อย่างฉากที่เรานำมาให้ดูนั้นเป็นฉากแต่งงานของ จูเลียต สาวผิวขาว และ ปีเตอร์ หนุ่มผิวสีทำเอาคนดูได้อมยิ้มไปตามๆ กัน

6. Wedding Crashers (2005)

หากใครยังไม่มีคู่แล้วถูกเชิญไปงานแต่งงานบ่อยๆ ไม่แน่คู่ของคุณอาจจะอยู่ในงานแต่งงานซักงานก็ได้ Wedding Crashers เล่าถึงสองหนุ่มที่ชอบไปงานแต่งงานเป็นชีวิตจิตใจ (ถึงแม้จะไม่ถูกเชิญ) ก็เพราะเป้าหมายที่พวกเขาหมายปองคือเหล่าบรรดาเพื่อนเจ้าสาว แต่หากไปตกหลุมรักคนที่ไม่น่าจะรักและพวกเขาจะต้องทำอย่างไร ภาพยนตร์เรื่องนี้มีคำตอบ

7.Sex and the City (2008)

Sex and the City ซีรีส์ชื่อดังที่ถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของครอบครัว เพื่อน คนรัก ฉากเรียกน้ำตาของภาพยนตร์เรื่องนี้คือฉากในวันแต่งงานเมื่อเจ้าสาว “แคร์รี่ แบรดชอว์” บรรณาธิการสาวที่อายุอานามก็เริ่มไม่น้อย รู้ว่าเจ้าบ่าว “บิ๊ก” นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไม่มาร่วมงานและในขณะที่ทั้งคู่ได้ขับรถสวนกันในวันงานก็เกิดเรื่องเศร้าแต่ปนความอบอุ่น ฉากนี้จะเป็นอย่างไร บอกเลยว่าคุณดูแล้วจะรักเพื่อนสาวของคุณมากขึ้น

8. The Twilight Saga Breaking Dawn part 1 (2011)

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคู่จากเรื่อง Twilight ที่เหล่าบรรดาแฟนคลับภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพากันลุ้นให้สุขสมหวังกันสักที ก็แหมในเรื่องพระเอกเป็นแวมไพร์ นางเอกเป็นมนุษย์ จะรักกันก็ยากแล้วจะให้แต่งกันดูจะยากยิ่งกว่า หากเป็นชีวิตจริงคงได้แต่ฝันไปแต่ในภาพยนตร์อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างในฉากแต่งงานของเอ็ดเวิรด์กับเบลล่าที่จัดขึ้นอย่างโรแมนติก ชวนฝัน ทำเอาคนดูเคลิ้มไปเลยทีเดียว

หยิบฉากประทับใจมาให้ดูกันถึง 8 เรื่อง สาวๆแพรว wedding ต้องถูกใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งบ้างแน่นอน ยิ่งหากมีหวานใจดูด้วยความฟินคงไต่ระดับทะลุเพดานได้ไม่ยาก

 

ภาพและข้อมูล : instyle.com, youtube.com, tvguide.com, ew.com/movies

 

น้ำนม เคล็ดลับผิวสวยใสของเจ้าสาวจนเจ้าบ่าวต้องสะดุ้ง!!

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เพื่อให้ผิวสวยใสใช่ไหมคะ แต่ครั้นจะหาน้ำแร่มาอาบก็ดูจะลำบากเกินไป เอาเป็นว่าแค่มี น้ำนม เท่านั้นผิวก็สวยใสได้เช่นกัน แถมยังหาง่ายและราคาเป็นมิตรอีกด้วย แต่ถ้าใครกังวลใจว่า เอ๊ะ ที่บ้านไม่มีมีอ่างอาบน้ำแล้วจะทำยังไงดี แพรว wedding มีทางออกมาให้คุณแล้วค่า

มาถึงตรงนี้ก็ต้องขออันเชิญสูตรความสวยจากพระนางคลีโอพัตรามาบอกกัน (แบ่งๆ กันสวยนะเพคะ) การที่พระนางสามารถสวยสยบใจองค์ฟาโรห์ได้ก็เพราะพระนางแช่พระวรกายลงในอ่างน้ำนม ด้วยการเติมน้ำอุ่นลงไปในอ่าง กะปริมาณพอท่วมตัวให้สามารถลงไปนอนแช่ได้ จากนั้นเทนมสดลงไปสัก 2-4 แก้ว เพื่อใช้แทนสบู่เหลว ลงไปนอนเอนกายสัก 20 นาที แล้วใช้ใยบวบค่อยๆ ถูเพื่อขจัดเซลล์ผิวตายออกไป ปิดท้ายด้วยการอาบน้ำตามปกติ

ส่วนใครที่บ้านไม่ได้ใหญ่โตเป็นพระราชวังมีอ่างอาบน้ำให้ลงไปนอนแช่สวยๆ แนะนำให้ใช้นมสดทาลงไปที่ผิวโดยตรง ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นใช้ใยบวบขัดวนเบาๆ เสร็จแล้วอาบน้ำตามปกติ ทั้งสองสูตรนี้ให้ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวคุณจะดูเนียนขึ้น ขาวขึ้น เพราะกรดแลกติกในนมจะช่วยละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกโดยง่าย รวมถึงน้ำนมยังสามารถทำความสะอาดผิวได้ลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นใน และยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สาวๆ คนไหนที่อยากผิวขาวเนียนใสก็ลองเอาวิธีนี้ไปทำตามกันดูนะจ๊ะ ส่วนใครที่อยากสวยด้วยอยากให้หนุ่มๆ มาหลงใหลด้วย ลองอาบไปภาวนาถึงพระนางคลีโอพัตราไปก็ได้นะ เผื่อจะสมหวังได้คู่กับเขาสักที (ล้อเล่นเน้อ อิอิ!)

ข้อมูล : www.cpmeiji.com , www.frynn.com
ภาพ : healthination.com

งานแต่งในฝันที่ ดิสนีย์แลนด์

สาวกดิสนีย์ต้องกรี๊ด เมื่อต้นตำรับความรักเทพนิยายเวอร์ชั่นมุ้งมิ้งเจ้าหญิงเจ้าชายมารับจัดงานแต่ง แถมโลเคชั่นก็ไม่ใช่ไก่กา แต่ได้จัดที่หน้าปราสาทซินเดอเรลล่าใน ดิสนีย์แลนด์ เลยล่ะ

งานแต่งของดิสนีย์แลนด์จะเริ่มต้นขึ้นหลัง 5 ทุ่ม ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม เจ้าสาวจะเข้ามาในงานแต่งด้วยรถฟักทองที่ถูกลากโดยม้าขาวถึง 4 ตัว  แถมคุณเจ้าบ่าวก็ยังยืนรออยู่ที่หน้าปราสาท แหมมม นี่มันฉากในเทพนิยายชัดๆ

a2dba71d98e8bdcab1e980f4b28b267a

ในระหว่างจัดเลี้ยง ดอกไม้ไฟสวยงามมากมายจะถูกจุดขึ้นเพื่อเป็นสร้างความอลังการให้แก่งานแต่งงานในฝันครั้งนี้ ในส่วนของอาหารก็จะเป็นการดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ถูกจัดอย่างสวยหรูไม่ต่างกับฉากงานเลี้ยงเต้นรำในการ์ตูนที่สาวๆชื่นชอบ

ทั้งหมดนี้ดิสนีย์แลนด์จัดให้คู่บ่าวสาวได้ในราคาเบาๆ 6 ล้านกว่าบาท จำนวนแขกไม่เกิน 300 คน