ถ้าใครเคยดูหนังฝรั่งแล้วเจอฉากแต่งงานของพระเอกนางเอกเราก็จะเห็นว่าบ่าวสาวเขาจะมีช่วงเปิดจดหมายน้อยเพื่อบอกความในใจให้กันและกันได้รู้ (ไม่รวมกับการพูดขอบคุณแขกนะ) เห็นแล้วก็ฟินไม่น้อยเลยนะคะ ซึ่งเดี๋ยวนี้การเปิดจดหมายน้อยแบบฝรั่งบ่าวสาวชาวไทยก็นำมาทำเหมือนกัน โดยจะแทรกไว้ในช่วงใดช่วงหนึ่งของงานแต่ง ว่าที่บ่าวสาวคนไหนที่อยากได้บรรยากาศน่ารักๆ ในงานแต่งแบบนี้บ้าง เรามีทริคสำหรับการเขียนจดหมายความในใจมาบอกจ้า
1. เริ่มคิดก่อนวันแต่งสัก 1 เดือน
สิ่งสำคัญของการเขียนความในใจนั่นก็คือ “เรื่องที่อยากบอก” ฮีบินเชื่อว่าตลอดเวลาที่คุณคบหากันมาจะต้องมีเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์เกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นในช่วงเวลา 1 เดือนนี้ ขอให้คุณเริ่มคิดทบทวนถึงความทรงจำเหล่านั้น แล้วลองคิดดูสิว่าคุณอยากจะบอกอะไรให้คนรักรับรู้ อาจเป็นความในใจที่ไม่เคยบอก คำขอบคุณ หรือคำสัญญา ลองคิดดูคร่าวๆ แล้วลิสต์ออกมาเป็นข้อก่อนก็ได้ ฮีบินขอบอกว่าระหว่างที่คิดใคร่ครวญอยู่นั้น อย่าพยายามกดดันตัวเองว่าฉันจะต้องเขียนให้เริดและซึ้งกินใจ แต่อยากให้คุณรู้สึกเหมือนการได้คิดทบทวนและนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยผ่านมาด้วยกัน แล้วความรู้สึกจะทำให้คุณรู้เองว่าอยากเขียนและอยากบอกอะไรกับคนรัก
2. คิดเงียบๆ คนเดียว
ความในใจที่คุณอยากจะบอกคนรักถือเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพร้ส์น่ารักๆ ในวันแต่งงาน เพราะฉะนั้น “คิดคนเดียว” จะดีกว่านะคะ อย่างที่บอกไปว่าควรเริ่มต้นคิดสัก 1 เดือนก่อนวันแต่ง ซึ่งก็มีเวลาตั้ง 30 วันนะ ก่อนจะนอนก็ลองคิดดูสักเรื่องสองเรื่อง แล้วก็จดสิ่งที่อยากจะบอกไว้เป็นข้อๆ 30 วันก็น่าจะได้เยอะอยู่นะ รับรองว่าจะซึ้งใจและเซอร์ไพร้ส์ทั้งคนรักและแขกเหรื่อแน่นอน
3. ถามใจตัวเอง
หลายคนบอกว่าคบหากันมานานเหลือเกิน บางเรื่องก็ลืมไปบ้างแล้วนึกไม่ออก บางคู่มีความทรงจำเยอะเกินไปเลือกมาพูดไม่ถูก เอาเป็นว่าลองถามคำถามสำคัญกับตัวเองก็ได้ค่ะ เช่น พบกันครั้งแรกเมื่อไหร่? คุณหลงรักเขาตอนไหน? ประทับใจอะไรในตัวเขา? อยากบอกอะไรกับเขาบ้าง? ค่อยๆ คิดและตอบไปทีละคำถามนะคะ
4. บทกวีสักบทก็ช่วยได้นะ
หลังจากที่คิดใคร่ครวญความในใจมาดีแล้ว ฮีบินขอแนะนำว่าให้ลองมองหาบทกวีรักซึ้งๆ จะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ ดูว่าบทไหนที่มีความหมายเข้ากับเรื่องราวความรักและความในใจที่อยากบอกเขา หรือถ้าคุณเป็นคนเก่งอยู่แล้วอยากแต่งบทกลอนเองแบบนี้ก็เจ๋งดีนะคะ
5. คำมั่นสัญญา
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความซึ้งและเรียกน้ำตาของคนรักก็คือ “คำสัญญา” นอกจากสิ่งที่คุณอยากจะบอกเขาแล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกบ้างที่คุณอยากจะสัญญากับเขา อยากทำให้คู่ชีวิตของคุณมั่นใจในความรักครั้งนี้ หลังจากแต่งงานไปคุณจะดูแลความสัมพันธ์และจะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขได้อย่างไร แต่อย่าลืมว่าเมื่อสัญญาแล้วก็ต้องทำให้ได้ตามที่พูดด้วยนะจ๊ะ
6. เรียบเรียงและจำให้ขึ้นใจ
หลังจากที่คุณรู้แล้วว่าจะพูดอะไรบ้าง ลองเรียบเรียงเขียนให้ไพเราะ สวยงาม ไม่จำเป็นต้องยาวมาก เลือกเฉพาะสิ่งสำคัญที่อยากพูด จากนั้นก็ฝึกและซ้อมพูดหน้ากระจกให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อจนเหมือนเป็นการท่องอาขยาน ไม่จำเป็นต้องจำหรือพูดตามที่เขียนมาเป๊ะๆ ของแบบนี้มันพลิกแพลงและปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้นะ หรือถ้าใครกลัวว่าจะลืมจนพูดไม่ได้เลย อาจลองพิมพ์ใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ เอาไว้ดูบนเวทีก็ได้นะ แบบนี้ก็ดูน่ารักดีไม่มีใครว่าหรอกจ้ะ
7. ภาษาเรียบง่าย เข้าใจไม่ยาก
ภาษาที่จะใช้เขียนความในใจก็เป็นเรื่องสำคัญนะคะ แน่นอนว่าต้องเป็นคำพูดที่ไพเราะ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำหรูหราหรือประดิษฐ์ภาษาเลิศเลอจนฟังยาก อาจเป็นคำธรรมดาๆ คำที่คุ้นเคยระหว่างคุณและคนรัก ฟังแล้วเข้าใจง่ายและซึ้งกินใจก็พอแล้วนะ
จดหมายใบน้อยๆ ที่จะเผยความในใจให้กับว่าที่คู่ชีวิตได้รู้ หลายคนมีเรื่องราวมากมายอยากจะบอกแต่ตลอดเวลาก็ยังเขินอายไม่กล้าพูด คราวนี้ถึงโอกาสแล้วก็กลั่นกรองร้อยความออกมาให้ดีที่สุดนะคะ รับรองว่าวันแต่งงานของคุณจะต้องน่าจดจำไปตลอดชีวิตแน่นอน
เรื่อง : JeenHuiBin
เรียบเรียง : www.marthastewartweddings.com
ภาพ : annaandmorgan.com, cadenceandeli.com, dailymail.co.uk, eatthis.com, jamiesmithphotography.com, moxyandmain.com, pinterest.com, weddingspeechguru.com



























































โชว์หลังแบบเว้าไม่ต้องลึกมาก แต่มีไฮไลต์ที่โบว์ยักษ์จากด้านหลังและเส้นสปาเก๊ตตี้เล็กๆ




















ตกแต่งเสาเต็นท์ด้วยการนำผ้ามาห่อหุ้มเอาไว้ อาจเลือกสีผ้าให้กลมกลืนกับสีเต็นท์ หรือตามธีมสีของงาน
นำไฟประดับแบบเส้นมาพันเป็นเกลียวรอบเสาเต็นท์ ไอเดียนี้บอกเลยว่าเหมาะมากๆ สำหรับงานเลี้ยงยามค่ำคืน
ตกแต่งเสาเต็นท์ด้วยดอกไม้ นอกจากจะสวยงามแล้วยังช่วยสร้างบรรยากาศหวานๆ ได้เป็นอย่างดี
ถ้าเป็นงานแต่งสไตล์สดใสหรือปาร์ตี้สนุกสนานล่ะก็ ใช้เสาเต็นท์นี่แหละเป็นโครงสำหรับตกแต่งลูกโป่งซะเลย
แปลงโฉมเสาเต็นท์ที่ดูขัดตาให้กลายเป็นต้นไม้ภายในเต็นท์ ดูกลมกลืนแถมยังช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นอีกด้วย
นำไม้เถามาพันเป็นเกลียวรอบเสาเต็นท์ อาจดูเรียบง่ายแต่สบายตา และเข้ากับบรรยากาศงานแต่งในสวนได้เป็นอย่างดี
ตกแต่งเสาเต็นท์โดยรอบด้วยผ้าให้เหมือนเป็นม่านประตู ขอบอกเลยว่าเป็นไอเดียง่ายๆที่เรียบหรูและดูดีทีเดียว













แหวนในยุคนี้อ้างอิงว่ามาจากแหวนหมั้นในบทละครของเช็คสเปียร์และในศตวรรษที่ 18 คู่รักชาวยุโรปมักแลกเปลี่ยนแหวนที่เรียกว่า
ในยุคนี้เป็นยุควิตอเรียในประเทศอังกฤษและมีความโรแมนติกมาก สาเหตุเพราะส่วนหนึ่งมาจากสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียกับสามีอัลเบิร์ตมีความรักกันอย่างสุดซึ้ง ซึ่งในยุคนั้นน้อยนักที่เราจะเห็นเพราะการแต่งงานในราชวงศ์มักจะถูกจัดขึ้นเพื่อทางการฑูตหรือทางเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ แหวนหมั้นขอพระราชินีวิคตอเรียจึงมีลวดลายแปลกตาและยังมีความโรแมนติกเช่น หัวใจ, คันธนู, ดอกไม้แม้กระทั่งรูปงู ซึ่งรูปงูนั้นถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรักชั่วนิรันดร์ แหวนในยุคนี้จึงกลายเป็นรูปแบบบางส่วนของแหวนหมั้นในยุคปัจจุบัน
แหวนในยุคต้นศตวรรษที่ 20 มีความหรูหราโดยเป็นแหวนเพชรตัวเรือนฉลุลายลูกไม้และยังทำมาจากแพลทินัมและทองคำขาว
หากเปรียบเทียบแหวนในยุคนี้กับยุคต้นศตวรรษที่ 20 แล้วรูปทรงของแหวนมีการออกแบบเป็นทรงเรขาคณิต สะท้อนให้เห็นถึงความงามศิลปะแบบ Art Deco (ศิลปะการออกแบบและตกแต่งภายในที่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ในประเทศฝรั่งเศส โดยศิลปะชนิดนี้มีการใช้สีที่สว่าง สดใส ลายเส้นอ่อนช้อยและยังมีรูปทรงเราขาคณิต) ซึ่งทำให้เห็นว่าในยุคนี้มีความหรูหราและมีสไตล์ที่ทันสมัยซึ่งตัวแหวนจะมีการนำอัญมณีที่หลากหลายมาใช้มากขึ้นเช่นไพลินและทับทิบ
ในยุคของสงครามโลกครั้งที่สอง แหวนส่วนใหญ่ออกแบบให้มีความใหญ่และหนาขึ้นและลวดลายส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่โค้งเหมือนริบบิ้นและดอกไม้ เนื่องจากแพลทินัมในยุคศึกสงครามนั้นหายากคนส่วนใหญ่จึงเลือกทองคำมาใช้แทนและเพชรถึงแม้ว่าจะเป็นอัญมณีที่คู่ควรกับแหวนแต่ในยุคนี้ได้มีการสังเคราะห์ทับทิมและไพลินมาใช้แทนเพราะเพชรหายากและมีราคาแพง
แหวนในปี 1950 ได้แรงบันดาลใจมาจาก Audrey Hepburn (นักแสดงชื่อดังชาวอังกฤษ) สามีของเธอ Mel Ferrer มอบแหวนที่ตัวเรือนทำมาจากโลหะที่ต่างชนิดกันและยังมีเพชรเม็ดเล็กๆ ล้อมรอบสร้างเสน่ห์และได้รับความนิยมมาจนถึงยุคปัจจุบัน
แหวนในปีนี้ต้องยกให้กับเจ้าแม่เพชรและอัญมนี เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ แหวนหมั้นของเจ้าหล่อนที่สามีทูลหัวอย่าง ริชาร์ด เบอร์ตัน มอบให้เป็นแหวนมรกตที่มีขนาดถึง 33 กะรัตและยังติดอันดับราคาแพงที่สุดในโลก
แหวนเพชรทรง Princess Cut และทรงสี่เหลี่ยมได้รับความนิยมนำมาเป็นแหวนหมั้นมากในช่วง 10 ปีนี้เพราะมีความเรียบง่ายและหรูหราและเหมาะอย่างมากทั้งกับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ
งานอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาลล์และเจ้าหญิงไดอาน่าสร้างความปลื้มปิติให้กับประชาชนชาวอังกฤษ และแหวนหมั้นของพระองค์ยังล้ำค่าเพราะทำมาจากแซฟไฟล์รูปไข่ล้อมเพชรช่างหรูหราและเลอค่าในทศวรรษนี้เป็นอย่างมากและในปัจจุบันได้ตกทอดไปเป็นแหวนหมั้นของเจ้าหญิงเคท มิทเดิลตัน
หลังจากเทคโนโลยีเริ่มเข้ามา อินเตอร์เน็ตจึงมีอิทธิพลกับผู้คนยุคนี้มากขึ้น ทำให้แหวนในยุคนี้มีหลากหลายแบบ แต่ที่เด่นชัดมากที่สุดคือแหวนทรงกลมแบบเรียบหรือที่เรียกว่า แหวนเม็ดเดี่ยว (Solitaire) แต่เด่นที่ตัวเพชรยิ่งเพชรมีประกายมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบมากสำหรับคนยุคนี้ เรียกได้เน้นเรียบแต่หรูหราและมีราคาแพง
เราไม่อาจคาดการณ์ได้ค่ะว่าแหวนในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราอาจเห็นแหวนจากอดีตกลับมาเป็นที่นิยมในปัจจุบันหรือมีการผสมผสานของหลายยุค เหล่าบรรดาคู่รักอาจจะใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นทั้งวัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติหรือการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร แต่ถึงอย่างไรแหวนไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคก็ยังเป็นตัวแทนของความรักและยังคงส่งต่อจนถึงในอนาคตอย่างไม่จบไม่สิ้น เห็นด้วยไหมคะ





































































































