อีกหนึ่งไอเดีย งานแต่ง เอาใจคนที่ชอบความหรูหราอลังการกับการตกแต่งสถานที่จัดงานแต่งงานด้วยกลิตเตอร์วิบวับ ที่จะช่วยให้งานแต่งของคุณดูสดใสเป็นประกายด้วยแสงสะท้อนจากกลิตเตอร์สีเงิน และสีทอง ซึ่งสามารถใช้ตกแต่งได้กับหลายๆ ธีมงาน ไม่ว่าจะเป็นธีมแกสบี้ ธีมย้อนยุค หรือจะเป็นธีมชิคๆ แบบเอาทดอร์ก็ดูเก๋ไปอีกแบบนะคะ

วันนี้เราเลยขอหยิบไอเดียในการตกแต่งสถานที่โดยการใช้กลิตเตอร์มาฝากค่ะ ซึ่งกลิตเตอร์จะเป็นตัวช่วยในการดึงดูดความสนใจให้กับแขกที่มาร่วมงานให้ได้รู้สึกถึงความอลังการเหมือนอยู่ในปาร์ตี้ แถมยังสร้างสีสัน สร้างความสนุกสนานให้กับงานด้วยประกายกลิตเตอร์สีต่างๆ ไปดูกันเลยดีกว่าว่าเจ้ากลิตเตอร์ขนาดเล็กสีวิ๊งวับ จะสามารถนำมาตกแต่งสถานที่แบบไหนได้บ้าง

เครดิตภาพ : Pinterest, www.diwas.in

แม้การจัดงานแต่งงานจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่รู้ไหมคะว่า ในงานแต่งของคุณก็สามารถเผื่อแผ่ความสุขไปยังคนอื่นได้ วันนี้เราจัด 6 วิธี ส่งต่อความสุข ให้คนอื่นในงานแต่งของคุณมาฝากกันค่ะ

 1. ส่งต่อความสุขด้วยองค์ประกอบบางอย่างในงาน

ลองปรับการตกแต่งบริเวณฉากถ่ายภาพจากเดิมที่ต้องถมดอกไม้หรือปริ้นภาพขนาดใหญ่มาเป็นการตั้งโครงสร้างแล้วขึงเป็นตาข่ายแข็งแรงขนาดมาตรฐาน 3×2 เมตร แล้วห้อยไม้แขวนเล็กๆ อย่างเดฟ, เฟิร์น หรือแพรเซี่ยงไฮ้พันธุ์ต่างๆ ให้เต็ม

นอกจากคุณจะได้ฉากถ่ายภาพสวยๆ เป็นธรรมชาติแล้ว หลังเลือกงานต้นไม้ที่ว่ายังส่งมอบให้แขกนำกลับไปเลี้ยงต่อที่บ้านได้ด้วย บางงานยังอาจนำข้าวของเครื่องใช้ที่จะนำไปบริจาคมาจักเป็นฉากถ่ายภาพหรือตกแต่งงาน เมื่อเสร็จงานแค่แกะ ใส่กล่อง แพ็คส่งมอบให้แต่ละมูลนิธิ เช่น นำสมุดมาเรียงต่อทำเป้นฉากถ่ายภาพ เมื่อเสร็จงานก็นำสมุดทั้งหมดไปบริจาคโรงเรียนตามชนบทท เป็น

2. ส่งต่อความสุขด้วยของชำร่วยช่วยชาวบ้าน

เลือกของชำร่วยจากโครงการหรือมูลนิธิต่างๆ ที่ชาวบ้านรวมกลุ่มกันหรือจากร้านผลิตภัณฑ์โครงการต่างๆ เช่นศูนย์ศิลปาชีพฯ กลุ่มงานสร้างอาชีพจากทัณฑสถาน มูลนิธีเพื่อคนพิการหรือช่วยเหลือสัตว์ นอกจากคุณจะได้ของชำร่วยไม่ซ้ำใคร ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้าน ชุมชนต่างๆ ได้ด้วย

3. ส่งต่อความสุขด้วยผ้าทอพื้นเมือง

ไม่ต้องไปมองหาผ้าผืนสวยปักดิ้นทองราคาแพงจากแหล่งผ้าหายากหรือร้านรวงราคาสูง แต่หันกลับมามองผ้าทอพื้นเมืองฝีมือชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผ้าทออีสาน ผ้าฝ้ายตีนจกหรือผ้าพื้นเมืองลำพูน ฯลฯ แล้วนำมาตัดชุดแต่งงานในพิธีแต่งงานตามประเพณีไทย หรือชุดร่วมงาน แม้แต่นำมาเป็นผ้าไหว้มอบให้ผู้ใหญ่

4. ส่งต่อความสุขด้วยบทเพลงจากผู้บกพร่องทางสายตา

แม้จะมองไม่เห็นแต่ผู้บกพร่องหรือพิการทางสายตาหลายคนได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า พวกเขาเหล่านั้นมีความสามารถในการร้องเพลงอย่างคาดไม่ถึง แล้วทำไมบ่าวสาวไม่ส่งต่อความสุขในวันแต่งงานของตัวเองให้กับคนกลุ่มนี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมละคะ

5. ส่งต่อความสุขด้วยการบริจาค

จากการที่จะนำเงินไปซื้อของชำร่วยมาแจกแขกในงาน คุณอาจใช้วิธีทำหางตั๋วที่มีมูลค่าตามที่กำหนดติดไปกับการ์ดเชิญแล้วให้แขกแขกฉีกหางตั๋วใส่กล่องไว้ เมื่อเสร็จงานก็เพียงนับหางตั๋วแล้วนำเงินจากซองที่ได้แบ่งไปบริจาคหรือซื้อของช่วยเด็กหรือมูลนิธิต่างๆ

6. ส่งต่อความสุขด้วยเค้กแต่งงานรูปแบบใหม่

จากการตัดเค้ก 5 – 7 ชั้น เปลี่ยนมาเป็นเซ็ตเวทีเค้กด้วยต้นไม้ไล่ระดับ เมื่อถึงตอนที่จะต้องตัดเค้กแค่เปลี่ยนมาเป็นรดน้ำต้นไม้แทน หลังเสร็จงานบ่าวสาวสามารถนำต้นไม้ที่ว่ากลับไปปลูกยังเรือนหอหรือส่งต่อความสุขให้เพื่อนบ่าวสาวร่วมสร้างโลกให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Kaidang Design โทร. 08-6669-6543, thaihealth.or.th

จะแต่งงานทั้งที ถามใจคุณดูก่อนไหมว่าพร้อมแล้วจริงหรือเปล่า ก็แหมแต่งงานไปแล้วสาวๆ ต้องปรับเปลี่ยนตัวและใจกันบ้างเล็กน้อย เพื่อประคองชีวิตคู่ให้ยาวนานอยู่กันให้หม้อข้าวทะลุแต่รักของเราก็ยังใหม่เหมือนนมพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่งวิธีก็ไม่ยากเลย แค่มี 4 ข้อนี้ก็พอ

1. ต้องรู้จักประนีประนอม

งานนี้คุณสาวเพอร์เฟ็คชั่นนิส ต้องรู้จักยืดหยุ่น หายใจเข้าออกบอกตัวเองว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนทั้งคู่ จะมายึดโยงตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล สวมวิญญาณจอมเผด็จการไม่ได้ ต้องจับเข่าจับตัว หันหน้าหันใจมาคุยกัน เธอชอบอะไร ฉันชอบอะไรเจอกันตรงกลางเป็นดีที่สุด เพราะมีหลายครั้งที่สาวๆ เอาแต่ใจไม่ฟังใครสุดท้ายแทนที่จะได้อยู่กันนาน ก็เลิกกันตั้งแต่หม้อข้าวไม่ทันดำ ทางที่ดีควรหัดยืดหยุ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนเตรียมงานแต่งก็ดีเช่น ยอมเชื่อแม่เค้าในเรื่องพิธีการ หรือยอมลงให้ในเรื่องที่คิดว่าช่างแสนคร่ำครึ

2. เก็บหอมรอมริบไปด้วยกัน

งานแต่งของเรา ก็ต้องช่วยกันเก็บเงินไปสร้างงานแต่งสิค่ะ จะปล่อยให้คุณเจ้าบ่าวเก็บเงินคนเดียวก็ไม่แฟร์ ลองเปิดบัญชีร่วมกันแล้วใส่เงินเท่ากันๆ ในทุกเดือน หรือตกลงไปเลยว่าใครจะเก็บเงินในบัญชีนี้เดือนละเท่าไหร่  พอถึงวันที่ต้องจ่ายเงินก็ใช้เงินจากตรงนี้เนี่ยแหล่ะไปจ่าย แล้วสร้างให้เป็นนิสัย พอเป็นคนเดียวกันคราวนี้ก็สบายไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องเงินเก็บอีกแล้ว เพราะเรามีบัญชีร่วมกันไว้แล้ว ลองเริ่มต้นประหยัดตั้งแต่ตอนจัดงานแต่งดูสิรับรองว่าเงินเหลืออื้อซ่าเลย

3. รู้จักธรรมชาติของแม่สามี ไฟว้ร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

อันนี้สำคัญ เพราะสาวๆ ที่แต่งงานไปแล้วมักจะมีเสียงบ่นมาตามสายว่า โดนแม่สามีจิกประดุจไก่ แต่ถ้าเรารู้จักนิสัยของคุณแม่สามีดีแล้วว่าเขาไม่ชอบอะไรเราก็เลี่ยงที่จะไม่ทำ และอย่าไปเบรก ไปขัดขวางจนขุ่นแม่หัวทิ่มเชียว และที่สำคัญห้ามเป็นชนวนให้คุณสาต้องเลือกระหว่างแม่กับเมียเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความแตกหักยากที่กาวตราช้างจะประสานได้ ส่วนถ้าอยากลดรอยร้าว เราขอเสนอให้มีเบบี๋ตัวน้อย จะทำให้คุณแม่สามีจอมเฮี้ยบกลายร่างเป็นคุณย่าผู้แสนใจดี

4. เรียนรู้ว่าไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือยอีกต่อไป

งานนี้ต้องปรับตัวขนานใหญ่ จะทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คุณต้องคิดหน้า แล้วก็คิดหลังว่าเฮ้ย เรามีเพื่อนร่วมทางเดินชีวิตแล้วนะ จะทำตัวเหงาๆ โสดๆ เก็บกระเป๋าไปแสวงหาความเงียบสงบไม่ได้แล้ว และแม้แต่การใช้ชีวิตก็ต้องรู้จักเกรงใจกันบ้างจะมาถือว่าเป็นคนใกล้ชิดจะทำอะไรก็ได้แบบนั้นไม่ดีแน่ และที่สำคัญคือต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากันนะคะ ชีวิตรักจะได้ยืนยาวนาน

เห็นไหมคะ แค่ 4 ขั้นตอนที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ยากเย็นเท่านี้เองที่ทำให้ชีวิตรักยืนยาวถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร เป็นคุณตาคุณยายที่สวีทกันจนหลานๆ อิจฉา