7 เคล็ดลับอัพลุคเจ้าสาวสวยเด้งในพริบตา

               คุณขา…  อย่าพึ่งด่วนสรุปว่าสไตล์ที่เห็นอยู่บนรันเวย์จะไม่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตจริง  เพราะ WE มีเคล็ดลับเบื้องหลังความงามจากคนในแวดวงแฟชั่นชุดแต่งงานระดับโลกมาให้คุณได้อัพเดทก่อนใคร

หน้าเป๊ะด้วยเซ็ตติ้งพาวเดอร์

               วิเวียนน่า  มาร์ติน  เมคอัพอาร์ทิสต์ผู้อยู่เบื้องหลังแฟชั่นโชว์ชุดแต่งงานกูตูร์ชื่อดังอย่าง Claire Pettibone  แนะนำบรรดาสาวๆ ไม่ให้มองข้ามขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งหน้านั่นก็คือ  “การตบท้ายด้วยเซ็ตติ้งพาวเดอร์”  เคล็ดลับคือให้สาวๆ เลือกเซ็ตติ้งพาวเดอร์ที่มีสีเข้มกว่ารองพื้นหนึ่งเฉดเพื่อช่วยให้ใบหน้ายังดูสวยคมชัดแม้จะไม่ได้เติมเครื่องสำอางระหว่างวัน

สวยคลาสสิกด้วยผมทรงอัพดู (Updo)

               หนึ่งในทรงผมที่ได้รับการยอมรับว่าดูสวยคลาสสิกตลอดกาลสำหรับบรรดาเจ้าสาวคือทรงอัพดู (Updo) หรือเกล้าเก็บไว้ด้านหลัง  “เกล้าผมเก็บไว้ด้านหลังนอกจากจะทำให้ดูเป็นผู้หญิงมั่นใจแล้ว  ยังทำให้ผมไม่หลุดรุ่ยระหว่างงาน”  โจเซฟ  ดิมักโจ  แฮร์สไตลิสท์ชื่อดังออกมาฟันธงทรงผมที่ช่วยให้เจ้าสาวดูหรูหราสง่างามในวันแต่ง  “ยิ่งถ้าคุณทำให้ทรงดูเบาและมีมิติ  ยิ่งทำให้ดูเดิร์นขึ้นไปอีก” โจเซฟกล่าว

ชุดคือดาวเด่น  ไม่ใช่เมคอัพ

                “ในเมื่อคุณใช้เวลาเลือกชุดแต่งงานที่สวยที่สุด  แล้วคุณจะให้การแต่งหน้ามาขโมยซีนทำไม” แดเนียล  มาร์ติน  ช่างแต่งหน้าจากรันเวย์แฟชั่นชุดแต่งงานแบรนด์ดังจากนิวยอร์กอย่าง Naeem Khan  เตือนบรรดาว่าที่เจ้าสาวไม่ให้พลาดเหมือนรุ่นพี่  สำหรับสาวๆ ที่อยากแต่งหน้าให้สวยคมชัดตาแดเนียลเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่ขอให้แต่งแบบพอดีไม่มากจนเกินไปก็เท่านั้นเอง

เล็บสีไหนก็ได้  ไม่จำเป็นต้องชมพู

               ช่างแต่งเล็บนางแบบจากรันเวย์ชุดแต่งงานอย่าง จูดี้  คานดัลเล็ก  ออกมาให้ความมั่นใจสาวๆ ที่ชื่นชอบการแต่งเล็บ  แต่รู้สึกไม่แน่ใจว่าจะแต่งเล็บแบบใดในวันแต่ง  “สีไหนก็ได้  แต่ขอให้เข้ากับบุคลิกและชุดแต่งงานของคุณแค่นั้นพอ”  จูดี้แนะ

หน้าเป๊ะ!  แต่อย่าลืมสีผิวโดยรวม

               “สิ่งสำคัญที่สุดในการแต่งหน้าคือ  อย่าลืมมองภาพรวมว่าผิวหน้า  คอ  หรือแม้แต่ผิวกาย  ไปด้วยกันได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า”  จีน่า  เบตเตลลิ  เมคอัพอาร์ทิสต์จากชุดแต่งงานแบรนด์ดังอย่าง Monique Lhuillier กล่าว  เคล็ดลับการแต่งหน้าของเธอคือ  ใช้ไพรเมอร์เพื่อลดรอยแดงหรือหมองคล้ำของผิวหน้าแล้วรองพื้นให้ผิวหน้าดูกลมกลืนกับสีผิวโดยรวม

ดูหรูหราด้วยโกลว์ลุค

               “ไม่มีใครอยากให้ใบหน้าของตัวเองดูเหมือนประโคมไปด้วยเครื่องสำอาง” ทาเลีย  สแปโรว์  เมคอัพอาร์ทิสต์จากรันเวย์แฟชั่นชุดแต่งงานแบรนด์ Jenny Packham กล่าว  เธอบอกว่าเธอใช้รองพื้นเท่าที่จำเป็น  ก่อนจะปกปิดริ้วรอยต่างๆ บนผิวหน้าด้วยคอนซีลเลอร์  อีกหนึ่งเคล็ดลับที่เธอแทรกเข้าไปในขั้นตอนแต่งหน้าของเหล่านางแบบคือการแตะแต้มออยล์ลงบนผิวหน้า  เพื่อให้ใบหน้าของนางแบบดูเงาหรู

บาลานซ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

               งานนี้คำแนะนำส่งตรงจากดีไซน์เนอร์และเจ้าของชุดแต่งงานแบรนด์ดัง Elizabeth Fillmore  ที่ออกมาแนะนำให้บรรดาว่าที่เจ้าสาวอย่าลืมคำนึงถึงภาพรวมที่ออกมา  เนื่องจากกระแสชุดแต่งงานสไตล์หวานและเซ็กซี่มาแรง  เพื่อให้ได้ส่วนผสมที่พอเหมาะพอดี  ให้คุณเลือกสไตล์ใดสไตล์หนึ่งให้ชัดเจนแล้วไปเสริมลุคที่ต้องการผ่านทรงผม  “ถ้าชุดเซ็กซี่เล็กๆ  คุณก็ทำผมให้ดูเบาดูหวาน  แม้สไตล์จะต่างกันแต่ภาพรวมออกมาก็ลงตัว”  เอลิซาเบธ  ฟิลมอร์ กล่าว
               ลองเก็บเคล็ดลับความงามจากเหล่ากูรูไปใช้ดู  จะได้เจิดรับวันแต่งกันไปเลย

เรื่องโดย: สาวอักษรข้างสยาม
ช่างภาพ:  www.inticeonline.com www.onewed.com www.dessy.com www.southboundbride.com www.fanfiction.net www.sanpatrick.com www.pinterest.com

ผิวลายจางหายด้วยสครับน้ำตาลสูตรเด็ด

          สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาผิวแตกลายบนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตรงหน้าอก หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ถึงแม้ในเวลาปกติมันจะถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้า แต่เวลาที่ต้องใส่ชุดเกาะอกหรือกางเกงขาสั้นตัวสวยล่ะ  เรื่องหนักใจก็ผุดขึ้นมาทันที วันนี้ WE เลยสรรหาวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้รอยแตกลายเหล่านั้นจางไปมาฝาก

          สิ่งที่สาวๆ ต้องจัดเตรียมให้พร้อมได้แก่ น้ำตาล, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำมะนาว โดยวิธีการผสมก็ง่ายนิดเดียวเพียงนำเจ้า 3 อย่างนี้มาผสมให้เข้ากันในอัตราส่วนพอเหมาะ จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ว่ารอยแตกลายมันขยายวงกว้างไปเยอะขนาดไหน เมื่อได้สครับตามที่ผสมไว้แล้ว ก็จัดแจงนำมาขัดลงเบาๆ ในบริเวณที่เป็นรอย ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รับรองว่ารอยแตกลายที่เคยกวนใจจะค่อยๆ จางลงไป สาวๆ จะได้ความมั่นใจกลับมาแน่นอน

ภาพ : www.fitandhappy.org

                

เรื่องโดย: Jeen Hui Bin
ช่างภาพ: 

7 เคล็ดลับเลือกเวลอัพลุค

สาวๆ หลายคนอาจคิดว่าการติดเวลดูไม่เหมาะกับงานแต่งงานของคนไทย  แต่อย่าเพึ่งด่วนตัดสินใจ  วันนี้ WE มีเคล็ดลับอัพลุคด้วยเวลให้เจ้าสาวได้สวยเจิดและเกิดกว่าที่เคย

 

1. เวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ตัวช่วยสาวหน้ากลม

 

 

สาวหน้ากลมควรเลือกเวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ซึ่งมีความยาวระดับไหล่  เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น  ข้อควรระวังสำหรับสาวหน้ากลมคือ  ไม่ควรเลือกเวลที่มีความพองและมีการตกแต่งมากนัก  เพราะจะเป็นการดึงจุดสนใจมาที่บริเวณใบหน้า

 

2. สาวหน้าเหลี่ยมดูอ่อนหวานด้วยเวลเพิ่มวอลุ่ม

 

 

สาวหน้าเหลี่ยมควรเลือกเวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ที่มีการเพิ่มวอลุ่มด้านบน เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนโยนขึ้น

 

 

3. สาวหน้ารูปไข่  เวลทรงไหนก็รับกับรูปหน้า

 

 

 

 

แม้สาวหน้ารูปไข่จะเป็นผู้โชคดีที่สวมเวลทรงไหนก็เข้ากับใบหน้า  แต่สาวๆ อย่าตกม้าตายด้วยการเลือกเวลไม่เข้ากับชุด  อาทิเช่น  ชุดแต่งงานที่มีการตกแต่งมาก  เจ้าสาวก็ไม่ควรเลือกเวลที่มีรายละเอียดเยอะ  เพราะเวลจะไปแข่งกับชุดแต่งงานนั่นเอง

 

4. สวยเก๋ด้วยเวลเบิร์ดเคจ (bird cage)

 

 

หากเจ้าสาวอยากตกแต่งเรือนผมให้ดูเก๋  อาจเลือกเวลเบิร์ดเคจหรือเวลแบบตาข่ายที่ยาวระดับคาง   เวลแบบนี้ยังสามารถนำมาตกแต่งเรือนผมเพื่อให้อารมณ์วินเทจได้อีกด้วย

 

 

5. อ่อนหวานด้วยเวลยาว

 

 

   

  หากเจ้าสาวอยากดูอ่อนหวาน  ให้เลือกเวลที่มีความยาวระดับศอก (elbow length) ปลายนิ้วมือ (finger length) หรือยาวระดับเข่า (knee length) เวลที่ยาวแต่ไม่ถึงขนาดระพื้นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เจ้าสาวดูสวยหวาน  แต่ยังช่วยให้เดินหรือเต้นรำภายในงานได้สะดวก 

 

 

6. งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

 

 

  

 

หากเจ้าสาวอยากปรากฏกายราวกับเจ้าหญิงหลุดออกมาจากเทพนิยาย  อาจเลือกเวลแชปเปลเลนท์ (chapel length)ที่มีความยาวระพื้น หรือคาธีดรอลเลนท์ (cathedral length) ที่ยาวลากพื้นและมีชายแผ่กว้าง

 

 

7. เลือกเวลให้เหมาะกับโลเกชั่น

 

 

     

     พื้นที่และบริเวณจัดงานนับเป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าสาวควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกเวล  ถ้าพื้นที่ในการจัดงานมีบริเวณและแขกไม่มาก คุณสามารถเลือกเวลยาวลากพื้นได้  แต่หากคุณมีพื้นที่ในการจัดงานจำกัดและแขกเหรื่อค่อนข้างมาก  ไม่ควรเลือกเวลยาว  เพราะทำให้เดินไม่สะดวกและเวลของคุณอาจถูกเหยียบได้ แม้สาวๆ จะตัดสินใจติดเวลประดับผม  แต่อย่าลืมว่าเวลนั้นเป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบของชุดแต่งงาน  สิ่งสำคัญที่เจ้าสาวควรคำนึงถึงคือ  ภาพรวมของเจ้าสาวที่ออกมาในวันแต่งงานนั่นเอง

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก: www.brides.com  www.weddingelation.com  http://glb.how2marry.com  www.oncewed.com  www.holy-wedding.com  http://coldquery66.shoppy.info

 

 

เรียบเรียงโดย : สาวอักษรข้างสยาม

 

 

 

เรื่องโดย: แฟ้มข้อมูลนิตยสาร WE
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE

10 เทรนด์ผมเจ้าสาวสุดเจิดแห่งปี 2015

     WE ขอเกาะติดเทรนด์แฟชั่นชุดแต่งงานปี 2015 ด้วยการพาว่าที่เจ้าสาวไปยลโฉมทรงผมที่รับรองว่า  ถ้าเอาไปทำจะสวยเจิดรับวันแต่งงาน

 

1.เรียบหรูด้วยทรงมวยต่ำ

 

 

เริ่มต้นด้วยผมทรงมวยต่ำที่ปรากฏบนรันเวย์ของ Monique Lhuillier  ที่ดูเรียบหรูเหมาะสำหรับพิธีการในวันแต่งงาน  อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าสาวได้อวดคอเรียวระหง  เจ้าสาวสามารถเลือกแบบแสกกลาง  แสกข้าง  หรือเสยเก็บ  ความพิเศษอยู่ที่เท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามและมวยด้านหลังไม่ว่าจะเป็น มวยกลม  มวยไขว้  หรือเปีย

 

2. เกล้าเก็บด้านหลังด้วยมวยขนาดใหญ่ 

 

 

เพื่อให้ได้มวยผมขนาดใหญ่  Pronovias ใช้เทคนิคถักผมเปียก่อนจะม้วนเก็บเป็นมวย  ลักษณะเด่นของทรงนี้คือดูเป็นทางการ  ผมไม่หลุดลุ่ยระหว่างงาน  และสามารถติดเวลบริเวณมวยได้สวยงาม

 

 

3. เฮดแบนด์แทนมงกุฎดอกไม้

 

 

แอ๊กเซสซอรี่ส์ที่โดดเด่นบนรันเวย์ของ Oscar De La Renta คือเฮดแบนด์เส้นบางประดับเพชร  ลักษณะพิเศษคือลวดลายดอกไม้ขนาดเล็กเรียงร้อยกัน  และประกายเพชรที่แข่งกันส่องประกายสะท้อนแสงไฟ 

 

4. เปียหลวมให้ลุคสวยธรรมชาติ

 

 

เพราะชุดแต่งงานที่มาในสไตล์เรียบง่ายและบางเบา  ทรงผมบนรันเวย์ของ Marchesa จึงเป็นแนวสบายQ ให้ลุคธรรมชาติผ่านการเกล้าแบบง่าย ๆ และถักเปียหลวม ๆ 

 

 

5. แฮร์พีซออริกามิ

 

 

ศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นถูกนำมาใช้ตกแต่งผมในแฟชั่นชุดแต่งงานของ Carolina Herrera  ทรงผมออกแบบมาในทรงชิคนอน (Chignon) ตกแต่งด้วยแฮร์พีซออริกามิที่ออกแบบคล้ายโบและดอกไม้  นอกจากจะสร้างความโดดเด่นแก่ทรงผมของเจ้าสาวแล้ว  ยังให้กลิ่นอายพิธีแต่งงานของชาวอาทิตย์อุทัยอีกด้วย

 

6. ทรงผมอารมณ์วินเทจ

 

 

 

Galia Lahav สื่อถึงความเป็นผู้หญิงและความเย้ายวนของสตรีผ่านทรงผมสไตล์วินเทจ  เท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามรับกับชุดผ้าซาตินมันวาว  ความหรูหราและความเป็นผู้หญิงถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกันอย่างลงตัว

 

7. ดั่งราชินี

 

 

นางแบบปรากฏกายราวกับราชินีเมื่อ  Ivy & Aster ผสมผสานมงกุฎสีทองกลมกลืนไปกับชุดแต่งงานในโทนสีงาช้าง  ทรงผมเกล้ารองรับเถาไม้และดอกไม้ที่ร้อยรัดกันเป็นมงกุฎช่อชัยพฤกษ์

 

8. สวยเซ็กซี่ด้วยผมลอนสยาย

 

 

ผมลอนสยายกลมกลืนไปกับชุดแต่งงานสวยหวานบนรันเวย์ของ Reem Acra  ผมลอนใหญ่และเท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามช่วยทำให้เจ้าสาวดูเซ็กซี่อย่างมีระดับ

 

 

9.  ทรงหางม้าเรียบง่ายแต่หรูหรา

 

 

ทรงผมที่ดูเรียบง่ายอย่างทรงหางม้ากลับช่วยสร้างความโดดเด่นให้แก่นางแบบบนรันเวย์แฟชั่นชุดแต่งงานของ Jenny Packham  เทคนิคคือการทำให้ผมช่วงบนพองเล็กน้อย  ตามด้วยการรวบหางม้าระดับต่ำ

 

10. ผมตรงยาวอย่างนางแบบบนรันเวย์

 

 

เพราะชุดแต่งงานถูกดีไซน์มาในสไตล์โก้เก๋  ทรงผมเจ้าสาวของ Vera Wang จึงเป็นทรงตรงยาวเรียบ  ผมทรงนี้ให้อารมณ์นางแบบบนรันเวย์แฟชั่นมากกว่าจะเป็นเจ้าสาวตามประเพณีนิยม

สาวๆ ลองนำเทรนด์ผมเหล่านี้ไปใช้ในวันแต่งงาน  WE รับรองว่าว่าที่เจ้าสาวจะไม่เพียงสวยเจิด  แต่ยังดูเริ่ดราวกับนางแบบบนรันเวย์

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก: www.pinterest.com  www.weddinghairstyles.com  www.instyle.com  www.makmoda.com  http://carolinaherrerabride.com  www.blog.theknot.com  www.marthastwertweddings.com  www.reemacra.com www.iwdbridal.com  www.sartorialbysana.com  www.fashionisers.com

 

เรื่องโดย: แฟ้มข้อมูลนิตยสาร WE
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE

RIBBON STYLE IDEAS


     ใครจะคิดว่าแค่ริบบิ้นเพียงเส้นเดียวก็สามารถรังสรรค์การตกแต่งได้เกือบทุกส่วนของงานครั้งนี้ WE ขอรวบรวมไอเดียสร้างสรรค์ผ่านเส้นสายริบบิ้นเพื่อให้ว่าที่เจ้าสาวได้นำแรงบันดาลใจนี้ไปปรับใช้


 


LINE OF LOVE


 







 


สร้างตัวอักษรจากเส้นริบบิ้น ร้อยเรียงเป็นคำพูดแทนใจ จากนั้นถ่ายรูปเพื่อนำไปทำการ์ดแต่งงานหรือประดับภายในงานได้


 


PHOTO BUNTING


 






 


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจประดับไว้ด้านหลังของภาพแล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ…เลิฟ


 


HAPPY CHANDELIER


 






 


ริบบิ้นธรรมด๊า…ธรรมดานำมาสร้างเป็นแชนเดอเลียร์สุดเก๋ ใช้ห้อยตกแต่งทั่วงานโดยติดริบบิ้นไว้กับสะดึงไม้ต่างขนาดห้อยไล่ระดับลงมาเป็นชั้น ๆ อีกไอเดียที่คุณเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ แถมสบายกระเป๋า


 


PIN IT !


 






 


ปักธงให้แขกสุดพิเศษ โดยตกแต่งจานอาหารด้วยก้านไม้ประดับริบบิ้นปักลงบนกรวยกระดาษที่วางทอฟฟี่หอมหวานไว้เป็นการต้อนรับ


 


RIBBON GARLAND


 






 


ธงริบบิ้นฟรุ้งฟริ้งห้อยระโยงระยางในโทนสีชมพูทอง เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจ แถมสามารถคุมงานไซส์ใหญ่ ๆ ได้อยู่หมัด


 


LAPEL PIN


 






 


เสริมหล่อให้เจ้าบ่าวและผองเพื่อนด้วยเข็มกลัดดอกไม้ริบบิ้นแทนการใช้บูโทเนียร์ดอกไม้สดทำง่าย ใช้ง่าย เข้าธีมเป๊ะ แถมเก็บไปใช้ในโอกาสอื่นได้อีกด้วย


 


EASY JEWEL


 






 


หากสร้อยมุกเส้นเดียวยังไม่บึ้มถึงใจเจ้าสาวเปรี้ยว อาจลองตกแต่งด้วยริบบิ้นสีตามชอบก็จะได้สร้อยเส้นใหม่ถูกใจสุด ๆ 


 


HEADPIECE FOR BRIDESMAID


 







 


ที่คาดผมอันโตแสนโดดเด่นจากริบบิ้นผ้าซาตินเหมาะมากกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวเว่อร์วังหรือช่วงเวลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดมัน


 


RIBBON FLOWER BROOCH


 


 






 


ดอกไม้กระดาษจะไม่ใช่นางเอกในใจของสาว ๆ อีกต่อไป เพราะครั้งนี้ Mrs. Only HandMade & The Gang ขอนำเสนอดอกไม้จากริบบิ้นผ้าซาตินในรูปแบบต่าง ๆ ให้สาวกได้นำไปปรับเป็นไอเดียเริด ๆ อีกมากมายแล้วคุณจะแปลกใจว่าริบบิ้นเส้นยาว ๆ สามารถประดิษฐ์เป็นดอกไม้ต่างชนิดได้แบบไม่ซ้ำกันเลย


 


MINI FLOWER STICK


 






 


เพิ่มความหวานให้คัพเค้กแสนน่ารักด้วยดอกไม้ริบบิ้นอันจิ๋ว แขกคนไหนเห็นเป็นต้องห้ามใจไม่อยู่


 


ROSES ARE RED


 






 


ไม่ต้องยุ่งยากไปควานหาเค้ก 7 ชั้น แค่เค้กเรียบ ๆ ชั้นเดียวที่เน้นประดับประดาด้วยมวลดอกไม้จากริบบิ้นในโทนสีแดง ก็ส่งให้งานแต่งงานไซส์เล็กของคุณโดดเด่นขึ้นทันที


 


RIBBON FLOWER


 






 


ดอกไม้นานาชนิดที่สร้างสรรค์ขึ้นจากริบบิ้นผ้า เป็นตัวอย่างให้สาว ๆ ได้ดัดแปลงไปใช้ในไอเดียอื่น ๆไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ในกรวยไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวถือแทนช่อดอกไม้ หรือแม้กระทั่งนำไปตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีซ


 


THE YELLOW BLOSSOM


 






เพิ่มความสดใสน่ารักให้งานเลี้ยงแบบ Long Table หรือโต๊ะแคเทอริ่งด้วยดอกไม้นานาชนิดในโทนสีเหลืองที่ทั้งหมดสรรค์สร้างจากริบบิ้นผ้าจัดช่อฟู่ฟ่ารวมกันในแจกันทรงเหลี่ยมประดับด้วยกระดาษสีเหลืองลายจุด…เก๋กว่านี้มีอีกไหม


 


CHIC ON THE HEELS


 






 


รองเท้าเรียบ ๆ สีเทาเงินที่สามารถใส่ได้ทุกงาน กลายเป็นรองเท้าคู่ใหม่สุดหรูได้โดยนำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นสีม่วง เอาไว้ให้ทีมเพื่อนเจ้าสาวใส่เข้าขากันอย่างลงตัว


 


RIBBON HAIR BOWS


 






 


กิ๊บติดผมหลากแบบจากริบบิ้นผ้าซาติน เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่มาร่วมงาน


 


DREAMWEAVER


 


 






 


ลองเลือกจับคู่สีกระดาษกับสีริบบิ้นให้เข้ากัน แล้วสร้างลวดลายบนกล่องจากการสานริบบิ้นซ้อนทับกัน แค่นี้คุณก็จะได้ของขวัญที่ดูมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร แถมบ่งบอกถึงความตั้งใจอย่างที่สุด


 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Head-to-Toe Beauty Guide กำจัดจุดอ่อนก่อนวันวิวาห์

           ใกล้เวลาจะเป็นเจ้าสาวมักมีปัญหาความงามสารพัดเข้ามารุมเร้าเล่นเอาตั้งตัวไม่อยู่ WE ขอเสนอการแก้ปัญหาทั้งแบบระยะยาวและเร่งด่วนทันใจ พร้อมเคล็ดลับดีๆ ที่ทำตามได้ไม่ยาก

1. สีผมเด่นชัดถึงวันแต่งงาน
          หลังจากทำสีผมแล้วไม่ควรทำอะไรกับเส้นผมมากไปกว่าการบำรุง เพราะผมทำสีต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หากอยากให้สีผมเด่นชัดจนถึงวันแต่งงาน ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมที่มีสารซัลเฟตเป็นส่วนประกอบเพราะจะทำให้สีผมซีดจางเร็ว
          – L’oreal Professionnel  Inoa Color Care Protective Cream Shampoo
          – L’oreal Professionnel  Inoa Color Care Protective Conditioner
          – L’oreal Professionnel  Inoa Color Care Protective Conditioning Masque
          – Kerastase Reflection Chroma Protect

2. เสกผมให้ยาวทันใจราวกับมีเวทมนต์
           Long Term Plan
ผมยาวขึ้นครึ่งนิ้วได้ภายใน 1 เดือนด้วยการรับประทานสารอาหารที่มีไบโอตินสูง เช่น ไข่แดงสุก กล้วย นมสด ขนมปังธัญพืช ปลา หรือเล็มปลายผมทุก 6 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นยังป้องกันผมแตกปลายได้ด้วย
          Short Term Fix ถ้าผมยาวไม่ทันการขอแนะนำ แฮร์พีช ที่มีให้เลือกทั้งแบบตรงและแบบลอน เทคนิคอยู่ที่การเลือกโทนสีให้ใกล้เคียงกับสีผมจริงมากที่สุดเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

3. ผมยาวนุ่มสลวยไม่ใช่เรื่องยาก
          
Long Term Plan วันแต่งงานหากอยากโชว์เรือนผมนุ่มสลวย ควรถนอมเส้นผมด้วยการหลีกเลี่ยงเครื่องหนีบผม ดรายเป่าผม และที่ม้วนผมไฟฟ้าให้มากที่สุดเพราะความร้อนจะไปทำลายเส้นผมชั้นนอกให้ดูแห้งกร้าน แต่ถ้าจำเป็นแนะนำให้ใช้ลมเย็นเป่าผมแทนลมร้อนหรือเลือกระดับความร้อนของที่หนีบและที่ม้วนผมในระดับต่ำสุด
          Short Term Fix เพื่อให้เส้นผมเปล่งประกายดูมีสุขภาพดีแบบเร่งด่วนในวันงาน เพียงแค่ใช้ Shiseido Professional The Hair Care Sleekliner Smoother ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมแบบไม่ต้องล้างออก ช่วยให้เส้นผมจัดทรงง่ายปัองกันผมชี้ฟูที่เกิดจากความร้อน

4. กำจัดสิวเจ้ากรรมให้ทันวันแต่งงาน
          Long Term Plan
เหงื่อและฝุ่นละอองเป็นปัจจัยอันร้ายกาจที่ทำให้เกิดสิว เพราะฉะนั้นควรทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดทุกวันด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน Kiehl’s Calendula Deep Cleansing Foaming Face Wash เนื้อโฟมเข้มข้นไม่มีฟองเหมาะกับผิวแพ้ง่าย และมาส์กหน้าทุกสัปดาห์ด้วย Origins Clear Improvement™  เพื่อดึงสิ่งสกปรกที่อุดตันออกจากรูขุมขน อย่าพยายามซื้อยาหรือครีมรักษามาใช้เองเพราะหากแพ้จะเป็นเรื่องใหญ่
           Short Term Fix หากเป็นสิวเม็ดใหญ่มากก่อนวันแต่งงานควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้เม็ดเล็กลงซึ่งเป็นวิธีที่ดีและปลอดภัยที่สุด หรือจะลองวิธีที่ง่ายกว่านั้นด้วยตัวเอง คือนำดินสอพองผสมกับน้ำมะนาวคนให้เข้ากันพอเหนียว ป้ายหัวสิวทิ้งไว้ก่อนนอนรับรองว่าสิวจะยุบในข้ามคืน ตอนแต่งหน้าเพียงแค่ลง Collection Lasting Perfection Concealer เพื่อกลบรอยสิวก็พอแล้ว

 
5. ผิวเนียนเรียบ หมดปัญหาจุดด่างดำกวนใจ
          Long Term Plan
แนะนำให้ทำทรีทเม้นต์ด้วยวิตามินเอเพราะจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ช่วงเวลาที่ดีในการทำคือ 6 เดือนก่อนแต่งงาน หากใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอควรใช้ตอนกลางคืนเนื่องจากเป็นสารที่ไวต่อแดด หากทากลางวันประสิทธิภาพในการบำรุงอาจลดลง
          Recommended Estée Lauder Nutritious Rosy Prism Radiant Gel Emulsion เพื่อผิวเนียนเรียบ Eucerin White Therapy Concentrate-Serum  ช่วยลดปัญหาจุดด่างดำ
          Short Term Fix ในวันงานครีมรองพื้นจะช่วยให้ใบหน้าดูเนียนและปิดจุดด่างดำได้ในเวลาเดียวกัน ควรเริ่มต้นปรับสภาพผิวด้วย Pupa Professionals Primer Smoothing Foundation Primer  จากนั้นลง Red Earth CC Light Perfection Colour Corrector  เพื่อความเรียบเนียน ปิดท้ายด้วย Estee Lauder Double Wear Mineral Rich Loose Powder Makeup SPF 12 เนื้อแป้งเบาสบายพรางรูขุมขนได้ดีเยี่ยม

6. บอกลาปัญหาแพนด้า พร้อมขนตาหนาฟู
          Long Term Plan
การเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ เช่น ชาเขียวและเกรปซีดมีคุณสมบัติช่วยลดรอยคล้ำใต้ดวงตาซึ่งเป็นส่วนผสมใน Clinique Even Better Eyes Dark Circle Corrector จากนั้นอย่าลืมบำรุงขนตาด้วย Vichy Liftactiv Serum 10 Eyes & Lashes เพื่อขนตาดูหนางอนงาม
          Short Term Fix ก่อนแต่งหน้ามาส์กตาด้วย SK-II Signs Eye Mask เพื่อลดรอยคล้ำใต้ตา เติมความเป๊ะอีกขั้นด้วยการลงคอนซีลเลอร์ Shiseido Sheer Eye Zone Corrector เพื่อให้ดวงตาดูสดใสขึ้น แล้วเสริมด้วยขนตาปลอม Mac ปิดท้ายด้วย Lancome Hypnose Star Waterproof Mascara เพื่อความโดดเด้งถึงขีดสุด

7. ฉีดน้ำหอมมากเกินไป มีทางแก้
          
กลิ่นกายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่เจ้าสาวต้องการ แต่ดันฉีดน้ำหอมมากเกินไปจนกลิ่นหอมกลายเป็นกลิ่นฉุน ใจเย็นๆ แล้วมองหาสำลีชุบแอลกอฮอล์บิดหมาดๆ มาเช็ดบริเวณที่ฉีดน้ำหอมลงไปจะช่วยให้กลิ่นเบาลง หรือทาบอดี้โลชั่นทับลงไป จะช่วยให้กลิ่นฉุนจางหายไปได้ แต่หากฉีดน้ำหอมโดนชุดแต่งงานให้ตบแป้งฝุ่นเบาๆ ก็ช่วยได้แล้ว
          – Jo Malone London Red Roses Cologne

8. สร้างคิ้วให้ Cute
          Long Term Plan
ให้ผู้เชี่ยวชาญครีเอทคิ้วให้สวยเข้ากับรูปหน้าจะดีที่สุด จากนั้นดูแลต่อด้วยการถอนขนคิ้วที่ขึ้นเกินมาทุก 2 สัปดาห์ด้วยเครื่องมือง่ายๆ เช่น แหนบ กรรไกรแต่งขนคิ้ว หรือที่โกนคิ้วแบบไฟฟ้า และควรทาครีมบำรุงตามแนวขนที่ถอนออกไปเพื่อลดการระคายเคืองและทำให้ขนคิ้วขึ้นช้าลง ในวันงานเพียงแค่วาดคิ้วให้เข้ารูปด้วย Shu Uemura Brow:ink ก็จะได้เรียวคิ้วที่สวยดูเป็นธรรมชาติ

9. ริมฝีปากอวบอิ่มน่าจุมพิต
          ริมฝีปากเกิดลอกเป็นขุยแถมวันแต่งงานก็ใกล้เข้ามา ควรหาทางรับมือโดยเร็วด้วยการจิบน้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิปกติบ่อยๆ คนที่ปากแห้งเพราะกินยาบางชนิดควรหยุดก่อนชั่วคราว อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถ้าจำเป็นต้องกินควรจิบน้ำให้เยอะขึ้น สำหรับคนที่นอนห้องแอร์หรือสาวออฟฟิศที่อยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน แนะนำให้วางแก้วใส่น้ำเอาไว้ใกล้ตัวเพื่อช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ จะช่วยลดอาการผิวและริมฝีปากแห้งได้ ที่สำคัญหมั่นทาลิปมันที่มีสารป้องกันแสงแดดอย่าง Kiehl’s Lip Balm  เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอยู่เสมอ
          เทคนิคง่ายๆ การสร้างริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มเพียงใช้ลิปไลเนอร์วาดไปตามเส้นขอบปากเพื่อสร้างมิติ จากนั้นเติมลิปสติกเฉดสีเดียวกันให้ทั่วริมฝีปาก แล้วทาทับด้วยลิปกลอสเพื่อสร้างความฉ่ำวาวน่าจุมพิต
          – Nars Fantasia Lipliner
          – Nars Lipstick Goodbye Emmanuelle
          – Shiseido Perfect Rouge
          – Mac Mineralize Glass

10. เจ้าสาวฟันเหลืองฟังทางนี้
          Long Term Plan
ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันและสติ๊กเกอร์แปะฟันขาวเป็นที่นิยมมากและมีให้เลือกหลายแบบ ให้ผลเร็วเพียงเริ่มต้นทำ 3 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน แต่ระหว่างนี้ควรงดอาหารที่ทำให้เกิดคราบที่ฟัน เช่น กาแฟ ชา ไวน์แดง และบลูเบอร์รี่
          Short Term Fix ขับฟันให้ขาวขึ้นง่ายๆ ด้วยการทาลิปสติกสีชมพูเบจ สีแดง หรือสีเบอร์รี่
                    1. Yves Saint Laurent Rouge Pur Couture The Mats
                    2. Mac Pedro Lorenco Lipstick

11. เล็บสวย-มืออ่อนนุ่ม เป๊ะสำหรับช็อตสวมแหวน
          Long Term Plan
ดูแลรักษาในทุกสัปดาห์ด้วยการตัดแต่งและขัดเล็บให้เงางาม เสริมการบำรุงด้วย Pola Junbisho Hand Treatment เพื่อความเรียบเนียน ชุ่มชื้น และกระจ่างใส หรืออาจใช้น้ำมันบำรุงผมแทนการใช้โลชั่นก็ได้
          Short Term Fix ก่อนแต่งงาน 1 วันแนะนำให้ทาสีหรือทำเล็บแบบเรียบๆ และคลาสสิกในโทนสีธรรมชาติ จะได้ไม่แย่งซีนแหวนแต่งงานเม็ดโตบนนิ้วของคุณ
          Recommend ยาทาเล็บ Madar (ราคาสอบถามได้ที่ร้าน Lashes), RMK , Pupa Nail Art Special Effects “Sandy Matt” , Pupa Extra Smoothing Base Coat , Mac Pedro Lorenco Nail Lacqure

12. ใส่ชุดแต่งงานแบบสั้น แต่ขนขาพรึ่บ!!!
          Long Term Plan 2 เดือนก่อนวันแต่งงานแนะนำให้ทำเลเซอร์กำจัดขน จากนั้นดูแลเรียวขาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วย Three Foot&Leg Treatment Oil AC เพื่อให้เรียวขาชุ่มชื้นเนียนกระชับพร้อมเปล่งประกายผิวสวย ทั้งนี้ควรทำหลังจากเลเซอร์ไปแล้ว 4 สัปดาห์ สำหรับเจ้าสาวที่มีปัญหาขนคุดการสครับผิวด้วย Sheer White Tea Scrub จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวลดน้อยลงได้
          Short Term Fix การแว็กซ์เป็นวีธีที่เร็วที่สุดแถมยังให้ผลยาวนานมากกว่าการโกน ทางที่ดีควรแว็กซ์ขน 3 วันก่อนแต่งงาน และอย่าลืมสครับเท้าเพื่อลดความหยาบกร้านด้วย H2O Pumice Foot

13. ใต้วงแขนดำ ปัญหาที่เจ้าสาวไม่ควรมองข้าม
          Long Term Plan
ช่วงโยนช่อดอกไม้เป็นช็อตสำคัญ หากใต้วงแขนดำคล้ำก็บอกคำเดียวว่า “จบ” ฉะนั้นควรสครับผิวใต้วงแขนเบาๆ ทุกวันแล้วทาโลชั่นสูตรไวน์เทนนิ่ง เพิ่มความเรียบเนียนด้วยการใช้มะขามเปียกผสมกับนมสดถูอย่างเบามือ แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองเห็นผล ระหว่างนี้หลีกเลี่ยงการถอนหรือแว็กซ์เพราะอาจส่งผลให้ผิวหนังอักเสบและคล้ำมากกว่าเดิม
           Short Term Fix การทำเลเซอร์เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้าสาวที่ไม่มีเวลา แต่หากต้องการงานด่วนมากกว่านั้นขอแนะนำวิธีที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีอุปกรณ์ดังนี้ ดรายโรลออน, รองพื้นแบบน้ำสีใกล้เคียงกับผิว, พัฟฟองน้ำ 2 อัน, แป้งผสมรองพื้น
          เริ่มต้นด้วยกำจัดขนรักแร้ให้เกลี้ยงเกลา แล้วทาดรายโรลออนเพื่อป้องกันเหงื่อใต้วงแขน ทิ้งให้แห้งสนิท จากนั้นหยดรองพื้น Mac Face and Body Foundation  ปริมาณพอเหมาะลงบนฝ่ามือ ใช้พัฟฟองน้ำแตะรองพื้นแล้วเกลี่ยใต้วงแขนรอจนแห้งสนิทจึงใช้พัฟอีกอันแตะแป้งผสมรองพื้น Suqqu Frame Fix Pact Foundation แล้วทาให้ทั่วเพื่อให้ดูเรียบเนียน


Credit :
Kiehl’s, Estée Lauder, Sk-II, Nars, Yves Saint Laurent, Lancome, M.A.C, Shiseido, Shu Uemura, Pupa, Origins. Clinique, Jo Malone, H2O, Coffret D’or, Red Earth หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป Eucerin, Collection หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปและร้านวัตสัน Shiseido Professional, L’oreal Professional หาซื้อได้ที่ซาลอนชั้นนำทั่วไป Kerastase หาซื้อได้ที่ร้านซาลอนที่มีเครื่องหมายเคเรสตาส, ร้าน To Be One ร้าน Cut & Curl ทุกสาขา Vichy หาซื้อได้ที่ร้านบูธและร้านขายยาชั้นนำ Rmk, Pola, Suqqu หาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าดิเอ็มโพเรี่ยมและห้างสรรพสินค้าอิเซตัน Madar หาซื้อได้ที่ร้าน Lashes ทั้ง 6 สาขา Sheer หาซื้อได้ที่ร้านลอฟท์ ร้าน The Selected สยามดิสคัฟเวอร์รี่, พาราไดซ์ พาร์ค Three หาซื้อได้ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเวิล์ด และสีลมคอมเพล็กซ์

 

 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

MINI CENTERPIECE


 แทนที่แจกันดอกไม้ด้วยแก้วน้ำชาสีหวาน วางไว้ตามโต๊ะของว่าง หรือโต๊ะจัดเลี้ยงในบรรยากาศทะเล

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

PHOTO PROPS


ไอศกรีมโคนขนาดใหญ่ ใช้ตกแต่งหน้าแบ็กดร็อปหรือใช้เป็นพร็อปถ่ายรูป อีกหนึ่งไอเดียจาก WE

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

15 แหวนหมั้นเพชรในตำนานที่โลกไม่ลืม

เราขอเพิ่มองศาความร้อนให้คุณตาร้อนผ่าวด้วยพาเหรด แหวนหมั้น ของบรรดาเซเลบที่ทั้งใหญ่และเว่อร์…เอาให้ปรอทแตกกันไปข้างหนึ่งเลย

 

Prince William & Kate Middleton

คู่รักชื่อก้องโลกคู่นี้หมั้นกันด้วยแหวนแซปไฟร์สีน้ำเงินรูปไข่หนัก 12 กะรัตล้อมเพชร ซึ่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเคยใช้หมั้นเจ้าหญิงไดอาน่า แม้ถ้าเทียบกับมหาสมบัติของราชวงศ์วินด์เซอร์แล้วจะวงเล็กไปหน่อย แต่ก็มีความหมายและคลาสสิกไม่น้อยเลย

David Beckham & Victoria Adams

คู่เว่อร์ประจำวงการต้องยกให้มิสเตอร์แอนด์มิสซิสเบ็คแฮม ที่อยู่ด้วยกันอย่างเข้าขามาตลอด 15 ปีของการแต่งงาน เดวิดคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานด้วยแหวนเพชรทรงมาร์คีส์ไซส์ใหญ่เบิ้ม 11 กะรัต…จะน้อยกว่านี้ได้ไง WE are celeb นะจ๊ะ

Paris Latsis & Paris Hilton

เป็นธรรมดาที่ทายาทมหาเศรษฐีจะต้องหมั้นทายาทมหาเศรษฐีด้วยแหวนหมั้นราคาน่าตะลึงและพ่อหนุ่มปารีสก็หมั้นแม่สาวปารีสด้วยแหวนเพชรเม็ดบึ้มหนัก 24 กะรัต มูลค่า 4.7 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะเลิกรากันไปในเวลาไม่นานนัก…ครั้งหน้าปรึกษาพ่อแม่ก่อนนะน้อง

 

Tom Cruise & Katie Holmes

พ่อพระเอกไซส์กะทัดรัดหมั้นดาราสาวหน้าหวานด้วยแหวนเพชรรูปไข่หนัก 5 กะรัต แม้สุดท้ายจะหย่ากัน แต่อย่างน้อยเคทีก็มีน้องซูริสุดน่ารักและแหวนเพชรน้ำงามเอาไว้แทนใจ

Keith Urban & Nicole Kidman

อดีตเมียเก่าทอม ครุยส์ ที่อยู่กินกันมานานเกือบสิบปีก่อนจะถูกยื่นขอหย่าอย่างกะทันหันคนนี้มีชีวิตสมรสครั้งใหม่ที่มีความสุขกับนักดนตรีและนักแต่งเพลงแนวคันทรีชื่อดัง คีธ เออร์เบิน ซึ่งขอเธอแต่งงานด้วยแหวนหมั้นฝังเพชรของ Cartier งานนี้นอกจากนิโคลจะเชิดใส่อดีตสามีว่าเธอแฮ็ปปี้มากที่ได้กลับมาใส่ส้นสูงอีกครั้งแล้ว ยังมีแหวนสวย ๆ จากสามีใหม่เอาไว้ใส่เริดๆ อีกด้วย

Brad Pitt & Angelina Jolie

หลังจากคบหากันมานานกว่า 7 ปี คู่รักสะท้านวงการฮอลลีวู้ดคู่นี้ก็หมั้นกันด้วยแหวนเพชร 16 กะรัตของ Robert Procop ที่เบรดออกแบบเอง ตรงกลางเป็นเพชรทรงเอเมอรัลด์คัต มีบ่าข้าง เป็นเพชรทรงเหลี่ยมลดหลั่นเป็นชั้น ซึ่งจะเปล่งประกายเมื่อกระทบแสงเพื่อให้โจลี่รู้สึกเหมือนได้รับการปกป้องด้วยประกายอันเจิดจ้าอยู่เสมอ (จะซึ้งมากกว่านี้ถ้าพ่อพระเอกคนนี้ไม่เคยออกแบบแหวนหมั้นให้อดีตเมีย เจนนิเฟอร์ อนิสตัน ก่อนจะเลิกรามาหาเมียใหม่)

Justin Theroux & Jennifer Aniston

ด้านนักแสดงหนุ่มจัสติน เทอโรห์ ก็คุกเข่าขอเมียเก่าของแบรดแต่งงานในวันเกิดครบรอบ 41 ปีของตัวเองเวยแหวนเพชรทรงคุชชั่นเม็ดเป้ง 10 กะรัต เชิด ๆ เริด ๆ เลยค่ะเจนนิเฟอร์ เพราะเม็ดใหญ่กว่าตอนอดีตสามีให้เยอะ เชอะ!

 

Francois – Henri Pinault & Salma Hayek

ดาราสาวชาวละตินสุดเซ็กซี่แต่งงานและหย่าแล้วแต่งงานอีกกับเจ้าบ่าวคนเดิม แน่นอนว่าแหวนหมั้นต้องไม่ธรรมดา กับแหวนเพชรหนัก 5 กะรัต แถมด้วยบ่าข้างรวมแล้ว 8 กะรัต มูลค่า 2 แสนดอลลาร์

Michael Douglas & Catherine Zeta – Jones

พระเอกหนุ่มคราวพ่อหมั้นนางเอกสาวตาคมด้วยแหวนเพชรทรงมาร์คีส์หนัก 10 กะรัต ล้อมเพชรเม็ดเล็กเม็ดน้อยอีก 28 เม็ด มูลค่ารวม 2.5 ล้านดอลลาร์ แต่ WE ว่าคงไม่เท่าดัชนีความสุขที่อยู่กินกันมานานนับสิบปีหรอก

Ben Affleck & Jennifer Garner

นักแสดงหนุ่มและผู้กำกับมือรางวัล หมั้นภรรยาสาวหชาวฮอลลีวู้ดด้วยแหวนหมั้นเพชรเม็ดเป้งทรงคุชชั่นมูลค่าครึ่งล้านดอลลาร์ แม้จะไม่แพงเท่าวงที่เขาเคยให้เจ.โล แต่ก็อยู่กันยืดจนมีลูกมีเต้ากันถึง 3 คนแล้วนะจ๊ะ

Marc Anthony & Jennifer Lopez

นักร้อง นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ชื่อดัง อดีตสามีของเจ.โล ดีว่าสาวสะโพกดินระเบิดเคยมอบแหวนหมั้นเพชรหนัก 8.5 กะรัต มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ให้เธอ ถือเป็นเครื่องเพชรราคาสูงสุดในบรรดาเพชรนิลจินดาที่เธอมี (ขอเมาท์ว่าก่อนหน้านี้เธอก็เคยได้แหวนหมั้นเพชรสีชมพูของแบรนด์ดัง Harry Winston มูลค่า 1.2 ล้านดอลลาร์จากพระเอก เบน แอฟเฟล็ค ก่อนที่จะรักร้างกันไปด้วยนะ) เอาน่ะในโชคร้ายเธอก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้างแหละ

Orlando Bloom & Miranda Kepr

พระเอกชาวเอลฟ์หม้นั มิแรนด้า เคอร์ นางแบบชุดชั้นในไฮโซ Victoria’s Secret ด้วยแหวนหมั้นเพชรรูปไข่ที่ไม่เหมือนใคร แต่สุดท้ายทั้งคู่หย่ากันหลังแต่งงานได้เพียง 3 ปี เคอร์จึงมีลูกชาย 1 คนและแหวนเพชรแทนใจ 1 วงเป็นที่ระลึก

Justin Timberlake & Jessica Biel

ในที่สุดนักร้องชื่อดัง จัสติน ทิมเบอร์เลก ก็ลงหลักปักฐานเสียที โดยเขาขอดาราสาวเจสสิก้า บีล แต่งงานด้วยแหวนหมั้นเพชร สไตล์วินเทจทรงสี่เหลี่ยมหนัก 18 กะรัต ซึ่งเธอประทับจิตประทับใจจนออกปากชมสามีว่ามีสายตาที่แหลมคมและมีเทสต์ดีกว่าเธอเสียอีก

 

Jay Z & Beyonce Knowles

นักร้องแร็พโย่ชื่อดังกำนัลแฟนสาว ซึ่งเป็นนักร้องแนวอาร์แอนด์บีชื่อดังไม่แพ้กัน ด้วยแหวนหมั้นเพชรน้ำงามทรงแปดหลี่ยม หนัก 18 กะรัต มูลค่าถึง 5 ล้านดอลลาร์ สมศักดิ์ศรีเจ้าพ่อ – เจ้าแม่แห่งวงการเพลงจริง ๆ

Enrique Iglesias & Anna Kournikova

นักร้องชื่อดังหมั้นนักเทนนิสสาวชาวรัสเซียด้วยแหวนเพชรสีชมพูทรงลูกแพร์หนัก 11 กะรัต ทำเอาถือแร็กเกตไม่ไหวเลยทีเดียว เลิกตีเทนนิสมาเป็นนางแบบกับเซเลบดีกว่าเนอะ

CHIC HAIR BY CHIGNON STYLE 4 ทรงผมสไตล์ CHIGNON (ชิคนอน)

4 ทรงผมสไตล์ Chignon (ชิคนอน) แบบสาวชาวกรีกที่จะช่วยเปลี่ยนลุคเจ้าสาวให้สวยสง่าดั่งใจและเคลื่อนไหวสะดวกทุกท่วงท่าตลอดพิธีการ โดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียทรง

 

 

 

 

 

 

 

 

Creative Chignon

 

 

ย้ายมวยผมธรรมดาจากด้านหลังมาไว้ด้านข้างเพื่อให้เจ้าสาวดูหวานขึ้นทรงนี้มีความโดดเด่นตรงการจับปอยผมมาม้วนเป็นเกลียวที่ด้านข้างให้เหมือนดอกไม้เพื่อสร้างลวดลายสวยงาม ส่วนผมด้านหน้าแสกข้างไปทางเดียวกับมวยผม แล้วเพิ่มความหวานอีกนิดด้วยการติดดอกไม้เล็ก ๆ ที่มวยผม

 

 

——————————————————————————————————–

 

 

 

 

 

Sleek Chignon

 

 

เจ้าสาวที่ต้องการความเนี้ยบและหรูหรา เพียงแสกข้างแล้วปาดผมทั้งสองด้านมาเก็บไว้ที่ด้านหลังให้เรียบ ยีผมช่วงกลางศีรษะนิดหน่อยเพื่อเพิ่มวอลุ่ม จากนั้นพรางกิ๊บดำบริเวณด้านหลังด้วยการประดับดอกไม้ซึ่งเหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบไทยสำหรับชุดสากลเพียงเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับเพชรขนาดใหญ่ก็ดูสวยสง่าสมศักดิ์ศรี

 

 

——————————————————————————————————-

 

 

 

 

 

Side Part Chignon

 

 

ย้อนยุคในลุควินเทจด้วยทรงแสกข้างจับเป็นลอนเบา ๆ จากนั้นม้วนเก็บปลายผมทั้งหมดมาไว้บริเวณท้ายทอย ลุคนี้ทำให้เจ้าสาวดูสวยไม่ซ้ำใคร แถมยังเข้ากันได้ดีกับชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนชุดสากลน่าจะเป็นสไตล์แกตส์บี้หรือทรงชีทปักเลื่อม

 

 

——————————————————————————————————–

 

 

 

 

Side Part Chignon

 

 

เพิ่มดีไซน์ให้มวยผมที่ท้ายทอยดูพิเศษขึ้นด้วยการทำให้มีขนาดใหญ่และพองกว่ามวยปกติ จากนั้นยีผมช่วงกลางศีรษะให้ทุยแล้วใช้ปอยผมด้านข้างมาพาดทับที่ช่วงรอยต่อของมวยผม ปิดท้ายด้วยการประดับสร้อยเพชรหรือมงกุฎเล็ก ๆ เท่านี้เจ้าสาวก็สวยราวกับเจ้าหญิงแล้ว

 

 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Countdown to…Getting Gorgeous สวยให้ทัน วันวิวาห์

           ทันทีที่เซย์เยสตอบรับคำขอแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายอาจจะยังวางแผนไม่ถูกว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรดีเพื่อเป็นเจ้าสาวสุดเพอร์เฟ็กต์WE ขอเป็นตัวช่วยด้วยการจัดเช็กลิสต์มาให้เริ่มเตรียมความสวยกันให้พร้อมตั้งแต่วันนี้

 
12 – 9 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. วางงบสำหรับเสริมสวย เริ่มวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง เช่น ทำทรีตเมนต์ ลดหุ่น กระชับสัดส่วน ทำผม ทำเล็บ ฯลฯ
           2. หากอยากเข้าคอร์สเจ้าสาวอย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจจัดเต็ม หาข้อมูล เปรียบเทียบราคาและถามตัวเองก่อนว่าต้องการปรับส่วนไหนเป็นพิเศษ
           3. หาวิธีแก้ไขข้อบกพร่องของเรา เช่นอยากมีใบหน้าเนียนใสไร้สิวต้องทำอย่างไร อยากลดหุ่นเพื่อชุดแต่งงานหรูหรามีวิธีไหนบ้าง หากอย่างไหนทำได้ด้วยตัวเองโปรดรีบลงมือทำก่อน แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญควรไปขอคำปรึกษาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียและราคาก่อนตัดสินใจ
           4. เตรียมสุขภาพให้พร้อมและเริ่มวางแผนการรับ ประทานอาหารที่ถูกต้อง ลดการดื่มที่มีที่ผสมกาเฟอีน ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6 – 8 แก้วเพื่อให้ผิวดูสดใสอ่อนกว่าวัย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี
           5. หาเวลาไปออกกำลังกายใหบ่อยขึ้น เพราะคุณยังมีเวลาอีกเป็นปีก่อนถึงวันแต่งงาน เพื่อรูปร่างที่เพอร์เฟ็กต์ในการลองชุดแต่งงานครั้งสุดท้าย
           6. หาแบบหน้า – ผมที่ชอบเตรียมไว้ และหาข้อมูลเกี่ยวกับช่างแต่งหน้า – ทำผมว่าใครที่เหมาะกับสไตล์ของเรา (กรณีที่อยากจองช่างดัง ๆ ในวันฤกษ์ดีมาก ๆ อาจต้องจองล่วงหน้านานหลายเดือน)
           7. เริ่มดูแลทำความสะอาดผิวหน้าและเติมความชุ่มชื่นให้แก่ใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว อย่าลืมทาครีมกันแดดและโลชั่นบำรุงผิวกายด้วยนะ ทั้งหมดนี้ควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะผิวที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลตัวเอง

ผม
           • ยังมีเวลาทดลองทำสีผมใหม่รับวันสำคัญเพื่อหาสีที่เพิ่มออร่าให้แก่ใบหน้าที่สุด
           • เริ่มต้นดูแลเส้นผมให้เจริญเติบโตและแข็งแรงจากภายใน โดยเน้นกินอาหารที่มีโปรตีนและเคราตินสูง เช่น ไข่แดง เนื้อปลแซลมอนและทูน่า หอยนางรมสดสะอาด หรือกินวิตามินประเภทไบโอติน หากเริ่มตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันแต่งงาน สามารถเพิ่มความยาวเฉลี่ยได้มากถึง 14 นิ้ว
           • เล็มผมทุก 4 – 6 สัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแตกปลายและช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น

ฟั​น
           • ไปพบหมอฟันเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่นคราบชากาแฟ หรือหินปูน

มือและเท้า
           • บำรุงมือด้วยการทาครีมทุกวัน
           • หากคุณใส่ชุดแต่งงานแบบสั้นคู่กับรองเท้าเจ้าสาวแบบเปลือย เท้าและนิ้วเท้าอาจเป็นอีกส่วนที่ต้องดูแล เริ่มด้วยการสครับเท้าทุกเดือน ทาครีมบำรุงก่อนนอนเพื่อลดความหยาบกร้าน และอย่าลืมดูแลเรียวขาด้วยโลชั่นเป็นประจำ

8 – 5 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. ถึงเวลาต้องเริ่มดูแลผิวอย่างจริงจังหาครีมบำรุงดี ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิว พยายามล้างเครื่องสำอางให้สะอาด แล้วอย่าลืมโบกมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ใบหน้า และขยันมาสก์หน้าให้บ่อยขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่แพ้ประมาณ 3 ครั้ง /สัปดาห์ หากผิวแห้งมากแนะนำให้พกสเปรย์น้ำแร่ติดตัวไว้ฉีดทุกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผิวแห้ง
           2. จัดระเบียบคิ้วที่รกรุงรังด้วยการหาแบบคิ้วที่เหมาะกับรูปหน้าแล้วเข้าร้านไปจัดการให้เป็นทรง
           3. เริ่มขัดผิวหน้าและผิวกาย อย่าลืมบริเวณข้อศอก มือ และเท้า ทำเป็นประจำ 1 ครั้ง / สัปดาห์
           4. เริ่มทำทรีตเมนต์ทุก 4 – 6 สัปดาห์ทั้งใบหน้าและผิวกาย ถ้าอยากลองคอร์สใหม่ ๆ ให้เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหากทำแล้วพลาดยังมีโอกาสฟื้นฟูผิวได้ แต่ทางที่ดีควรบำรุงในแบบที่คุณเคยทำแล้วไม่แพ้อย่างสม่ำเสมอ
           5. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากลองฉีดโบท็อกซ์ดูสักครั้ง แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนและเลือกรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น (การฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 2 เดือนแล้วจากนั้นจะค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิมภายใน 6 – 7 เดือน)
           6. เริ่มกินวิตามินแนะนำให้กินเฉพาะที่จำเป็นและเลือกให้ตรงกับส่วนที่ต้องการจะบำรุงจริง ๆเท่านั้น
           7. ถึงเวลาตัดสินใจเลือกแบบหน้าและผมที่ชอบ รวมถึงช่างแต่งหน้า – ทำผมที่คุณมั่นใจว่าจะแต่งออกมาได้ตรงกับสไตล์ของคุณมากที่สุดแนะนำให้รีบโทรจองตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
           8. อย่าลืมคุมอาหาร ออกกำลังกาย ดูแลมือและเล็บอย่างต่อเนื่อง
           9. หากต้องการกำจัดขนแบบถาวร (แขน ขาใต้วงแขน) ควรเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคืองในระยะยาว เพราะการรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่อง หากเกิดอาการผิดปกติจะได้เปลี่ยนวิธีการทัน

4 – 3 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. ทำทรีตเมนต์ผม เช่น หมักผม อบไอน้ำหรือทำสปาเพื่อความนุ่มสลวยเงางาม สำหรับเจ้าสาวผมดำถึงเวลาเปลี่ยนสีผมให้อ่อนลงเพื่อเพิ่มมิติให้แก่ทรงผม
           2. หากผิวแพ้ง่าย ไปทำสปาที่ไหนก็ไม่รอดรีบหาหมอรักษาให้หายแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำเพื่อความปลอดภัย
           3. เริ่มลดหุ่นและควบคุมอาหารอย่างจริงจังได้แล้ว หากเหงากับการออกกำลังกายคนเดียวก็ชักชวนว่าที่เจ้าบ่าวไปด้วยกัน จะได้กระชับความสัมพันธ์ไปในตัว
           4. หาซื้ออุปกรณ์เสริมความงาม เช่น  แฮร์พีชเครื่องประดับผม หรือเครื่องสำอางที่ชอบเตรียมไว้

2 – 1 เดือนก่อนแต่งงาน
           1. ได้เวลาเติมโบท็อกซ์แล้วค่า
           2. ถ้าอยากดัดผมเพื่อปล่อยสยายในวันแต่งงานก็ถึงเวลาแล้ว!
           3. ยังทันหากคุณจะเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบจริงจังและจัดเต็ม แต่ห้ามไปลองของใหม่เด็ดขาดไม่ว่าจะเจ๋งแค่ไหนหรือโปรโมชั่นแสนคุ้ม เพราะหน้าสวย ๆ อาจจะพังได้ในพริบตา จะดีมากกว่าหากดูแลตัวเองด้วยวิธีการที่เคยทำมาไปจนถึงวันแต่งงาน
           4. ดูแลร่างกายและอาหารการกินอย่างระมัด-ระวัง อย่าไดเอตจนทำลายสุขภาพ ควรรับประทานผักผลไม้เยอะ ๆ เพื่อทดแทนพลังงานที่เสียไป
           5.ลองแว็กซ์ขนบริเวณที่ต้องการ เพราะหากเกิดอาการแพ้จะได้หายทัน ใครที่ใส่ชุดเจ้าสาวแบบสั้นอย่ามองข้ามขนหน้าแข้งนะจ๊ะ

3 – 2 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงาน
           1. คอนเฟิร์มช่างแต่งหน้า -ทำผมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ลืมวันสำคัญของคุณ
           2. ตัดผม เล็มผม เติมสีโคนผม หรือทำผมสีเดิมให้ชัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้าทำในช่วงนี้จะช่วยให้ผมมีเวลาเซตตัวและดูสวยเป็นธรรมชาติในวันแต่งงาน จากนั้นห้ามทดลองอะไรใหม่ ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจะแก้ไขไม่ทัน
           3. ช่วงนี้สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษาหลุมสิวและแก้ไขรูขุมขนกว้างได้อีกทั้งสามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง IPL Treatment ด้วย AHAซึ่งเป็นการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว หรือฉายแสง LED ทั้งใบหน้า แผ่นหลัง ไหล่และแขน เพื่อความขาวเนียน
           4. เริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันขาวด้วยตัวเองติดต่อกันเป็นเวลา3 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน ควรหาข้อมูลและวิธีใช้อย่างละเอียด หากไม่สะดวกแนะนำให้พบทันตแพทย์เพื่อจัดการฟันให้ขาววิ้ง (แต่ต้องทุ่มค่าใช้จ่ายไหวนะจ๊ะ เพราะราคาค่อนข้างสูง)
           5. หากคุณมีความเครียดจากการเตรียมงาน ควรหาเวลาไปนวดผ่อนคลายสักนิดจะได้ดูสดใสจากภายใน
           6. Grooming My Groomหากว่าที่เจ้าบ่าวต้องการเปลี่ยนทรงผมควรรีบทำตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อผมจะได้เข้าทรงและไม่ดูแปลกตาในวันงาน

1 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงาน
           1. รักษาความชุ่มชื่นของผิวด้วยการใช้โลชั่นที่มีมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้อยู่เป็นประจำ ไม่ควรทดลองอะไรใหม่ ๆ
           2. ทำทรีตเมนต์หน้าและตัวเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเพิ่มความเปล่งปลั่งพร้อมเผยผิวในวันสำคัญ และหลังจากนี้ควรงดการทำทรีตเมนต์ ขัด นวด พอก เลเซอร์ และหยุดทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือครีมที่ทำให้ผิวลอก เช่น ยาแต้มสิวเพราะหากแพ้คงไม่สามารถรักษาได้ทัน
           3. กำจัดขนรอบสุดท้ายเพื่อเก็บรายละเอียดให้เรียบเนียนที่สุด (ถ้าขนขึ้นเร็วให้ทำวันท้าย ๆ ของสัปดาห์ถ้าผิวเซ้นสิทีฟให้ทำต้นสัปดาห์ ผิวจะได้มีเวลาฟื้นฟู)
           4. เตรียมของใช้กระจุกกระจิกที่อาจจะต้องใช้แบบกะทันหันในวันงาน เช่นกระดาษทิชชู กระดาษซับมัน คอตต้อนบัดส์สำหรับเช็ดเวลามาสคาราเปื้อนลิปกลอสหรือลิปบาล์ม แนะนำให้เก็บทั้งหมดไว้ในที่เดียวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ และอย่าลืมเตรียมเครื่องประดับที่ต้องการให้พร้อม

2 – 1 วันก่อนวันแต่งงาน
           1. เตรียมเสื้อเชิ้ตไว้ใส่ตอนแต่งหน้า – ทำผม เมื่อถอดเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงาน หน้าจะได้ไม่เลอะและผมไม่เสียทรง ขอแนะนำให้ใช้เสื้อสีขาวหรือสีเดียวกับชุดแต่งงาน เพราะสีสว่างจะช่วยเพิ่มแสงสะท้อน ให้ช่างแต่งหน้าออกมาได้ใกล้เคียงกับสีชุดแต่งงานมากที่สุด
           2. สระผมโดยใช้เพียงแค่แชมพูอย่างเดียวในคืนก่อนวันแต่งงานเพราะจะช่วยให้เซตผมได้ง่ายขึ้น
           3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวมา กที่สุดด้วยการดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ทามอยส์เจอไรเซอร์ยี่ ห้อที่ใช้อยู่ ประจำ อ ย่าลืมบำรุงริมฝี ป ากด้ วยลิปบาล์มเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งเป็นขุยในตอนเช้า จบด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวกาย
           4. ไปทำเล็บให้สวยงามตามสีที่ชอบหรือแบบที่ต้องการ บวกการทำสปาอีกนิด แต่อย่าทำสวยจนขโมยซีนแหวนแต่งงานวงโตของคุณละลดอาหารเค็ม หวาน และเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน รวมทั้งไม่ควรดื่มน้ำเยอะหลังสองทุ่ม เพื่อลดอาการบวมน้ำในวันรุ่งขึ้น
           5. หากคุณใส่ คอนแท็คท์เลนส์เป็นประจำ แนะนำให้ถอดออกตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อป้องกันอาการตาแดงหรือระคายเคืองในวันแต่งงาน
           6. พักผ่อนให้ได้ 8 – 10 ชั่วโมง จะได้ตื่นมาสดใสไม่เป็นหมีแพนด้า
           7. อย่าลืมเตือนว่าที่เจ้าบ่าวของคุณให้โกนหนวดเคราให้เรียบร้อยเพื่อใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา

 

วันแต่งงาน
           1. ตื่นแต่เช้าแล้วดื่มน้ำแก้วใหญ่ ๆ หากพอมีเวลาลองออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
           2. อาบน้ำให้หอมและสดชื่นก่อนออกจากห้องน้ำอย่าลืมเปิดน้ำเย็นรดตัวเพื่อกระชับรูขุมขน
           3. เผื่อเวลาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ก่อนงานเริ่มสัก 4 ชั่วโมง
           4. หาอาหารว่างกินรองท้อง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยมากหรืออาหารที่เสี่ยงต่อการท้องเสีย
           5. ก่อนงานเริ่มทัชอัพอีกครั้งแล้วพรมน้ำหอมก่อนออกไปโชว์ตัว
           6. สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ การปล่อยวางและทำจิตใจให้ผ่อนคลาย พร้อมโปรยยิ้มให้กับทุกคนในงาน โดยเฉพาะสุดหล่อที่ยืนอยู่ข้างกาย

THE ART OF PACKING ไปเที่ยวกันเถอะ


     


     ปลายปีแบบนี้ เชื่อว่าคู่รักชาว WE คงกำลังง่วนอยู่กับการเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันอย่างแน่นอนบางคู่จัดเสร็จแล้วก็รอดตัวไป แต่บางคู่จัดเท่าไรก็ไม่ลงตัวสักที หยุดหัวหมุนสักแป๊บ แล้วอ่านเคล็ดลับ ช่วยจัดกระเป๋าให้ง่ายขึ้นที่ WE นำมาฝากกันดีกว่า


 


—————-


CLOTHES


—————-


 


  “เสื้อผ้า” คือสิ่งที่ต้องหยิบใช้บ่อยและมีจำนวนมากที่สุด กว่าจะคิดได้ว่าจะใส่อะไรในแต่ละวันก็ว่าเหนื่อยแล้ว พอต้องจับชิ้นที่เลือกมาลงกระเป๋าให้พอดียิ่งปวดหัวกว่าเป็นสองเท่า ไหนจะพื้นที่จำกัด ไหนจะต้องพยายามพับเสื้อผ้าไม่ให้ยับและหยิบง่าย ซึ่งวิธีส่วนใหญ่ที่ใช้กันคือพับเป็นตั้ง ๆ เหมือนเวลาพับวางในตู้เสื้อผ้า เวลา


จะหยิบใช้ตัวที่อยู่ล่าง ๆ ทีก็เละไปทั้งกระเป๋า


 


     วิธีที่ WE ลองแล้วเริดมากคือ ใช้กระเป๋าสำหรับแพ็คเสื้อผ้าหลายขนาดหรือที่เรียกว่า “Clothes Pouch” ซึ่งถ้าจะให้ดีควรมีสัก 2 – 3 ขนาดเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น กระเป๋าขนาดใหญ่เหมาะสำหรับใส่เสื้อสเวตเตอร์หรือเสื้อที่เป็นผ้ายืดต่าง ๆ เช่น เสื้อแขนยาวผ้ายืดที่ใส่บ่อย ๆ เวลาไปเมืองหนาว พวกกางเกง เลกกิ้งลองจอห์นก็เช่นกัน ส่วนเสื้อหนาวหนา ๆ อย่างเสื้อโค้ตหรือแจ็กเก็ตควรแยกไว้ต่างหากเพราะใหญ่เกินไปและไม่ค่อยยับอยู่แล้ว แถมยังต้องหยิบใช้บ่อย ๆ ด้วย เวลาจัดกระเป๋า แนะนำให้ม้วนเสื้อทีละตัวก่อนเรียงลงอย่างเป็นระเบียบ นอกจากจะไม่ยับแล้วยังช่วยให้หาเสื้อผ้าที่ต้องการใช้ง่ายขึ้น แถมเวลาหยิบใช้ เสื้อผ้าที่เหลือก็ไม่ถล่มลงมาเหมือนเวลาพับเป็นตั้ง ๆ


  ส่วนกระเป๋าขนาดกลางเหมาะกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อผ้าฝ้าย รวมถึงกระโปรงหรือเดรสที่ยับง่ายซึ่งจะใช้วิธีพับเอาก็ได้ แต่เสื้อผ้าส่วนนี้ไม่ควรนำไปเยอะ ทางที่ดีเวลาเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะเมืองหนาว ควรนำเสื้อผ้าที่เป็นผ้ายืดไปจะดีที่สุด


  เวลาเลือกกระเป๋าแพ็คเสื้อผ้านี้ ควรเลือกที่เป็นตาข่ายด้านหนึ่งด้วย เพื่อให้เราสามารถมองเห็นเสื้อผ้าได้และอากาศถ่ายเท เสื้อผ้าจะได้ไม่อับ ซึ่งถ้าจะให้ดีเลือกรุ่นที่มี Laundry Pouch หรือกระเป๋าแยกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วติดมาด้วย ทำให้ทุกคู่รักสะดวกในการแยกเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วออกไปและหยิบใช้เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้นในวันที่เหลือ


 


  สำหรับคู่รักที่ยังต้องหนีบงานไปทำด้วย ประเภทต้องไปพบลูกค้าหรือเข้าประชุมที่จำเป็นต้องพกเสื้อเชิ้ตไปและไม่อยากให้ยับมากตัวช่วยสำคัญไม่ใช่เตารีด แต่ WE ขอแนะนำให้มีกระเป๋าใส่เสื้อเชิ้ตติดบ้านไว้ ก่อนจะแพ็คให้นำเสื้อเชิ้ตพับแล้วสอดแผ่นพลาสติกแข็งไว้เพื่อขึงให้เรียบตึง (เหมือนที่เห็นตามร้านเป๊ะ) ซึ่งกระเป๋าใส่เสื้อเชิ้ตมักจะมีแผ่นพลาสติกแข็งที่เรียกว่า “Folding Pad” แถมมาให้อยู่แล้วพลาสติกอันนี้จะทำให้เสื้อเชิ้ตอยู่ทรงและไม่ยับเมื่อถูกทับ


   ขนาดของกระเป๋าเส้อื เช้ติ ก็สำคัญ เพราะถ้าเลือกขนาดที่ไม่ใหญ่หรือหนาจนเกินไปก็สามารถถือขึ้นเครื่องได้เลย จะทำให้เสื้อไม่ยับเหมือนการใส่ในกระเป๋าเดินทาง


 


 


——————–


UNDERWEAR


——————–


 


 






 


     ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอคือ จะทำอย่างไรให้ชั้นในไม่โดนทับจนบี้แบนเสียทรง และไม่อายบรรดาเจ้าหน้าที่หนุ่ม ๆ ถ้าโดนสุ่มตรวจเปิดกระเป๋า ง่าย ๆ แค่สาว ๆ ต้องมีตัวช่วยในการซ่อนหรือถ้าจะให้ดีที่สุดควรมีกระเป๋าใส่ชุดชั้นในผู้หญิงโดยเฉพาะ จะช่วยทำให้ชีวิตสาว ๆ ง่ายขึ้นมาก เพราะเก็บได้ทั้งชุดชั้นในและกางเกงใน ช่วยให้ไม่เสียทรงและเป็นสัดส่วน แถมบางรุ่นมีกระเป๋าแยกใส่กางเกงชั้นในที่ใช้แล้ว นอกจากนี้ยังมีช่องไว้ซ่อนผ้าอนามัยอีกด้วย


 


 


——————————————–


COSMETICS AND TOILETRIES


——————————————–


 


 






 


     พอจะต้องเดินทางทีสาว ๆ ก็พกกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้งสบู่ แชมพู ครีมนวดผมโลชนั่ เดยค์ รมี ไนตค์ รมี โทนเนอร์ คลนี เซอร์ครีมกันแดด ไหนจะเครื่องสำอางอีก การมีกระเป๋าดี ๆ มาใส่เครื่องสำอางจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก


     WE ขอแนะนำให้คุณแยกกระเป๋าสำหรับของใช้ในห้องน้ำและนอกห้องน้ำออกจากกัน ส่วนใครที่ไม่ชอบแยกและใช้วิธีเติมขวดเล็กขวดน้อยสำหรับยามเดินทาง เราแนะนำให้หากระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ที่สามารถใส่ขวดที่คุณใช้ที่บ้านไปได้เลย ซึ่งอาจจะกินพื้นที่สักหน่อย ที่สำคัญ ถ้าของเหลวเยอะ อย่าลืมโหลดลงกระเป๋าใหญ่นะคะ


    เมื่อแยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้า รองเท้าทุกสิ่งเสร็จสรรพก็นำมาจัดเรียงรวมกันในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้เลย ทีนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าเสื้อผ้าจะยับ ชั้นในจะเสียทรงหรือแม้แต่รองเท้าจะพัง เพราะจัดเก็บทุกสิ่งเป็นสัดส่วนเรียบร้อย เตรียมพร้อมขึ้นเครื่องไปฮันนีมูนได้เลย


 


———-


SHOES


———–


 






 


     เรื่องจำเป็นที่มองข้ามไม่ได้อีกเรื่องคือการจัดเก็บรองเท้า ก็แหม บางทีเราอยากพกรองเท้าไปหลายคู่ให้เหมาะกับการใช้งานหลาย ๆแบบ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แต่ปัญหาอยู่ที่รองเท้ากินพื้นที่มาก แถมยังแพ็คลำบาก ถ้าจัดเก็บไม่ดีโดนอย่างอื่นทับก็มีสิทธิ์เสียหายเสียทรงได้ ครั้นจะให้เอาใส่ถุงก๊อบแก๊บก็ใช่เรื่อง ทางที่ดีควรหากระเป๋าสำหรับใส่รองเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีให้เลือกหลายรุ่นตั้งแต่ใส่แค่คู่เดียวถึงแบบที่ใส่ได้ถึง 3 คู่ ทีนี้คุณก็สามารถแยกแพ็ครองเท้าตามประเภทได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวเสียหายอีกต่อไป


 


                                                             ————————————————–


 


ขอบคุณภาพประกอบจาก : Live Out Loud Thailand โทร 08-1804-5666

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

สารพันข้าวของต้องประสงค์


     นอกจากลำดับพิธีการที่ไม่คุ้นเคยแล้ว ข้าวของที่ต้องตระเตรียมสำหรับงานไทยก็นับว่ามากโขอยู่ WE จึงจัดหมวดหมู่มาให้ดูว่ามีสิ่งใดต้องใช้สอยบ้างว่าที่บ่าว – สาวจะได้นับถอยหลังกันอย่างเย็นใจ…ไม่ลนลาน


 


เจ้าบ่าวตระเตรียม...


 


 


ครบครันขันหมาก


 


     จัดเป็นพระเอกของพิธีแต่งงานแบบไทย เพราะเจ้าบ่าวและเครือญาติจะต้องยก “ขบวนขันหมาก”ไปสู่ขอเจ้าสาวถึงบ้าน จากที่WE พบเห็นมา ส่วนใหญ่การจัดชุดพานขันหมากจะมี ๒ แนวทางปฏิบัติ


 


 ๑.    มี “พานขันหมากเอก” ๑ พาน และ“พานขันหมากโท” ๑ พาน ซึ่งมีขนาดย่อมกว่า สื่อถึงความเป็นคู่ผัวตัวเมีย ส่วนพานอื่นๆ จัดเป็นเครื่องประกอบขันหมาก ดังนี้


 






 


     * พานขันหมากเอก ๑ พาน บรรจุหมาก – พลูเป็นจำนวนคู่ ถ่วั – งา -ข้าวเปลือก – ข้าวตอก ในถุงเงินถุงทอง ดอกรัก และใบเงิน ใบทอง ใบนาก


     * พานขันหมากโท ๑ พาน ประกอบด้วยหมากและพลู สมัยก่อนเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะนำไปไว้ในห้องพระ


     * พานดอกไม้ธูปเทียนแพ ๑ พาน สำหรับเจ้าบ่าวถือในขบวนขันหมาก และใช้ไหว้ผู้ใหญ่ในพิธีหมั้น หรือบางคู่ก็ใช้ในพิธีไหว้ผู้ใหญ่ด้วย


     * พานแหวนหมั้น ๑ พาน


     * พานสินสอด – ทองหมั้น จำนวนพานตามฐานะ ส่วนใหญนิยมแยกเป็นพานเงินสด ๑ พาน กับพานเครื่องประดับอีก ๑ พาน จะได้คู่กันพอดีแต่หากบ้านไหนสินสอดเยอะมากก็อาจจะมี             การแยกย่อยลงไปอีก เช่น พานเงินสด พานทองคำแท่ง พานเครื่องเพชร พานโฉนดที่ดิน เป็นต้น


     * พานขนมมงคล ๙ ชนิด ๑ คู่ ประกอบด้วยทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ถ้วยฟู และเม็ดขนุนซึ่งขนมแต่ละชนิดสื่อถึงความหมายที่ดีเช่น


        ความเจริญรุ่งุ เรือง ร่ำรวยเงินทองมีคนคอยสนับสนุน ความเฟื่องฟู มีคนเอ็นดูรักใคร่ และมียศถาบรรดาศักดิ์


 


     เท่าที่ WE สังเกต พานขนมมงคลจะมีปัญหาแมลงวัน ผึ้ง และแมลงอ่นื ๆ มาตอมเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่น่าดู แถมคนถือก็รำคาญและกลัวถูกกัด บ่าว – สาวบางคู่จึงทำมุ้งผ้าโปร่งสวยงามครอบไว้ บ้างก็ตักขนมแต่ละชนิดใส่โหลแก้วเล็ก ๆ ปิดฝาไว้แล้วค่อยเรียงลงพานอีกที นับเป็นไอเดียที่ชาญ-ฉลาดมาก นอกจากจะดูสะอาดสะอ้าน ถือสะดวก ยังแลดูสวยงามอีกด้วย


 


     * พานผลไม้มงคล ๑ คู่ ประกอบด้วยผลไม้ที่มีชื่อหรือลักษณะเป็นมงคล เช่น มะพร้าว ส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสายน้ำผึ้ง (บางบ้านอาจมีมากกว่า ๑ คู่ แต่ต้องเป็นจำนวนคู่)


     * พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย ๑ คู่ สมัยก่อนเมื่อเสร็จพิธีแล้วนิยมนำไปปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคล


 


 ๒.  นับ “ขันหมากเอก” เป็นชุดพานหลัก ส่วน “ขัน-หมากโท” เป็นชุดพานบริวาร


 


     * ขันหมากเอก ประกอบด้วยพานขันหมาก พานสินสอดทองหมั้น พานธูปเทียนแพ และพานแหวนหมั้น


     * ขันหมากโท ประกอบด้วยพานขนมมงคล พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย พานผลไม้มงคล


 


     นอกจากนี้บางบ้านอาจมีการผสมผสานวัฒนธรรมจีนเข้ามาด้วย เช่น มีคู่พานวุ้นเส้นพานไก่ต้มค่กู ับพานหมูนอนตอง (หมูสามชั้นต้มวางบนใบตอง) ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ผิดแต่อย่างใดถามพานเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะวางไว้ระหว่างพานผลไม้มงคลกับพานขนมมงคล


 


 


อย่าเสียกระบวน


 











 


     ไม่ต้องเกี่ยงกันว่าใครจะยืนตรงไหน ถือพานอะไร ดูผังนี้แล้วจัดขบวนกันเลย


 


 


     ๑. เถ้าแก่ ถือซองเงินสำหรับเป็นค่าผ่านประตูและค่าสินน้ำใจต่าง ๆ


     ๒. เจ้าบ่าว ถือพานธูปเทียนแพเดินกับพ่อแม่ (สมัยนี้บางทีก็ให้เจ้าบ่าวเดินนำหรือเคียงเถ้าแก่เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพ)


     ๓. คู่พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย เมื่อขบวนขันหมากมาถึงหน้าสถานที่ทำพิธี คู่พานต้นกล้วย -ต้นอ้อยจะต้องย้ายไปอยู่หลังคู่พานขนมมงคล หรือบางบ้านก็อาจให้คู่พานนี้อยู่ข้างหลังตั้งแต่แรก


     ๔.พานขันหมากเอก ให้ญาติผู้ใหญ่ถือ 


     ๕.พานขันหมากโท(ถ้ามี) ให้ญาติหรือเพื่อนถือเมื่อเสร็จพิธีแล้วนิยมนำไปเก็บไว้ในห้องพระ


      ๖. พานแหวนหมั้น มักถือคู่กับพานขันหมากเอกในกรณีที่ไม่มีพานขันหมากโท


     ๗.คู่พานสินสอด แนะนำให้เป็นญาติที่ไว้วางใจได้เป็นผู้ถือ


     ๘.คู่พานผลไมม้ งคล เชน่ มะพร้าวส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสาย-น้ำผึ้ง


     ๙. คู่พานขนมมงคล ๙ ชนิดได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอกจ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ถ้วยฟูและเม็ดขนุน


 


     หมายเหตุ – ถ้ามีขบวนรำ ส่วนใหญ่นางรำจะนำหน้าขบวน เมื่อใกล้ถึงหน้าบ้านเจ้าสาวจะแยกออกตั้งแถวรำรอที่


 


หน้าบ้าน ส่วนกลองยาวปิดท้ายขบวนและหยุดเล่นเมื่อเจ้าบ่าวขึ้นเรือนไปประกอบพิธีต่าง ๆ


 


      อย่าลืมฉัน


  •      ชุดตักบาตรหรือเครื่องไทยธรรมพร้อมชุดกรวดน้ำ (แล้วแต่ว่าคู่บ่าว – สาวเลือกตักบาตรร่วมกันหรือมีพิธีสงฆ์ ก่อนพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์)

  •      ชุดไหว้เจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านหรือสถานที่จัดพิธี

  •      ชุดรดน้ำ (สังข์ พานรับน้ำพระพุทธมนต์ ขันน้ำพานรอง ตั่ง มงคล แป้งเจิม)

  •      เผื่อจำนวนซองเงินหรือของรางวัลเอาไว้ด้วย

  •      ข้าวเปลือก งาดำ และดอกไม้ชื่อมงคลต่าง ๆ เช่น ดาวเรือง บานไม่รู้โรย โดยจัดเตรียมไว้ในพานใบเล็ก สำหรับโรยบนพานสินสอด สื่อถึงความเจริญงอกงามและความมั่งคั่ง

  •      มาลัยมงคล ๑ คู่ และมาลัยข้อมือหากต้องการกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่เป็นกรณีพิเศษ


                        ……………………………………………………………………………………………………………………………………….


 


เจ้าสาวตระเตรียม…


 


 


 






 


 


   ๑.พานเชิญขันหมาก


      ………………………..


 


      เมื่อขบวนขันหมากมาถึงหน้าบ้านจะมีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวออกมาเจรจาต้อนรับพร้อมเด็กหญิงถือพานเชิญขันหมาก โดยจัดพานใส่หมากพลูตกแต่งสวยงามเตรียมไว้ให้เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งจะหยิบหมากพลูที่จีบไว้เป็นคำ ๆเคี้ยวกินหรือหยิบมาถือไว้พอเป็นพิธีแล้วให้ซองเงินหรือของรางวัล จากนั้นเจ้าบ่าวจึงเดินเข้าบ้านโดยผ่านประตูเงินประตูทอง


 


     จากที่เห็นมานิยมให้เด็กหญิงน่ารัก ๆแต่งชุดไทยมาถือพานเชิญขันหมาก แต่ WEขอแนะนำว่าควรเลือกเด็กที่โตพอจะรู้ความหน่อย จะได้รู้คิวว่าต้องทำอะไรตอนไหน และไม่ออกอาการงอแงเมื่อเจอคนเยอะหรือต้องยืนรอนาน ที่สำคัญอย่าลืมว่าผู้ถือเป็นเด็กไม่ว่าจะเลือกพานที่ตกแต่งวิจิตรแค่ไหนก็ต้องคำนึงถึงขนาด น้ำหนัก และความสะดวกในการถือของเด็กด้วย ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีผู้ใหญ่มาช่วยประคองให้วุ่นอีก


 


     ๒.ทีมกั้นประตูเงิน


    ……………………..


 






   


      สมัยก่อนอาจจะเป็นญาติ ๆ หรือเพื่อน ๆ ผู้หญิงฝ่ายเจ้าสาวถือสายสร้อยมากั้นประตูอย่างสนุกสนาน แต่สมัยนี้นิยมจัดทีมเพื่อนเจ้าสาวแต่งชุดไทยถือสายมาลัยมากั้นเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูสวยงามตามธีมงาน ซึ่งถ้าเจ้าสาวอยากให้เป๊ะแบบนี้ก็ต้องเตรียมเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวย้อนยุค (ราคาไม่แพง อยู่ที่ชุดละ๓๕๐ – ๘๐๐ บาท แล้วแต่ว่าอลังการแค่ไหน)


และมาลยั สวย ๆ เอาไว้ให้เพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ด้วย


 


     WE แนะนำให้เจ้าสาวทำความเข้าใจกบั เพื่อน ๆให้สนุกกันพอประมาณ ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและคำนึงถึงฤกษ์สวมแหวนด้วย


 


     ๓.ของใช้ในพิธีล้างเท้า


     ……………………………


 






 


 


     ในสมัยโบราณยังไม่นิยมสวมรองเท้าเหมือนในปัจจุบัน ทุกบ้านจะมีการตั้งตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน เมื่อถึงพิธีแต่งงานจึงมีการแทรกการล้างเท้าเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการ โดยใช้ใบตองและหินก้อนใหญ่รองที่เท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง


 


     พิธีล้างเท้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูเงินประตูทองเป็นที่เรียบร้อย ด่านสุดท้ายจะมีน้องหรือญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวยืนดักรอพร้อมขันที่มีน้ำสะอาดผสมมะกรูดและมะนาวเพื่อล้างเท้าให้ ดังนั้นผู้ทำหน้าที่นี้ควรจะอ่อนอาวุโสกว่าเจ้าบ่าวพอสมควร เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือรางวัลเล็ก ๆน้อย ๆ เป็นการตอบแทน


 


     สมัยนี้คนสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นปกติจึงไม่มีความจำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้านทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้ามาเป็นใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าวพอเป็นพิธี ไม่ต้องล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน


 


 


 ตระเตรียมร่วมกัน…


 







 


     


 


     ของไหว้ผู้ใหญ่


 


     หลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือพิธีหม้นั (แล้วแต่คู่ ) จะเป็นพิธีไหว้ผู้ใหญ่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและฝากเนื้อฝากตัวในฐานะเขย – สะใภ้คนใหม่ โดยใช้พานธูปเทียนแพพร้อมกับมอบของไหว้ผู้ใหญ่ ซึ่งสมัยก่อนนิยมมอบเป็นผ้านุ่งหรือผ้าพับ แต่สมัยนี้อาจดัดแปลงเป็นผ้าขนหนูหรือของอื่น ๆ ที่ดูดี ที่เห็นบ่อยก็เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องแก้ว สินค้าจากมูลนิธิหรือศูนย์ศิลปาชีพต่าง ๆ ถ้าจะให้ดีบ่าว – สาวน่าจะปรึกษาและช่วยกันเลือกว่าของแบบไหนที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายน่าจะชื่นชอบและได้ใช้ประโยชน์


 


     WE เคยเห็นบางงานที่คู่บ่าว – สาวตั้งใจเลือกของที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ชายและหญิงหรือบางคู่แม้จะให้เป็นผ้าไหว้เหมือนกันแต่ก็เลือกสีและชนิดของผ้าให้เหมาะกับแต่ละท่าน เช่นผ้านุ่งสีเข้มสำหรับรุ่นคุณย่าคุณยาย ผ้าไหมสำหรับรุ่นคุณแม่คุณป้า ผ้าขาวม้าสำหรับผู้ใหญ่ชายซึ่งก็สร้างความรู้สึกประทับใจและเอ็นดูได้ไม่น้อย เพราะรู้สึกว่าลูกหลานใส่ใจและของที่ได้ก็สามารถนำไปใช้ได้จริง ๆ


 


     นอกจากนี้ควรเตรียมของไหว้ผู้ใหญ่สำรองเอาไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่มาเพิ่มหน้างานด้วย โดยควรเป็นของกลาง ๆ ที่ให้ใครก็ได้หรือถ้าใช้ไม่หมดก็สามารถนำไปใช้เองหรือให้คนอื่นต่อได้ เช่นผ้าขนหนู เซตผ้าเช็ดมือ เซตแก้วกาแฟ ฯลฯ


 


     หมายเหตุ – ผู้ใหญ่ที่เป็นสามี – ภรรยากันอาจให้ของรับไหว้รวมกัน แต่บ่าว – สาวก็น่าจะเตรียมของไหว้สำหรับทั้งสองท่าน เพราะ WE เคยเจอเคสที่ผู้ใหญ่ทวงถามว่ามา ๒ คนทำไมให้ ๑ ชิ้น จะทำให้เสียความรู้สึกกันเปล่า ๆ อีกอย่างของรับไหว้มักเป็นเงินทองของมีค่า อย่างไรก็ไม่น่าจะขาดทุน


 


 


 


     ของใช้ในพิธีส่งตัว


 


 






 


     เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการทุกอย่างแล้วจะเป็นพิธีส่งตัว ซึ่งมีของที่จะต้องจัดเตรียมคือ


 


     พานส่งตัว ประกอบด้วยแมวคราวหรือแมวนอน ไก่แจ้ หินบดยาหรือครกหิน ฟักแฟง เวลาส่งตัวผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคู่รักอาวุโสที่อยู่กินกันอย่างมีความสุขและมีลูกหลานดีจะมอบพานนี้ไวเปน็ เครื่องเตือนใจให้บ่าว – สาวรักและครองเรือนกันอย่างมีความสุข โดยมีคำพูดคือ “ให้เย็นเหมือนฟัก ให้หนักเหมือนแฟง ให้แข็งแกร่งหนักแน่นเหมือนหินบดยา ให้อยู่กับเหย้า-เฝ้ากับเรือนเหมือนแมวคราว ให้ตื่นแต่เช้าหากินเหมือนไก่”


 


     ชุดเครื่องนอนใหม่เอี่ยม สำหรับปูในพิธีส่งตัว หากทำพิธีส่งตัวที่โรงแรมก็ควรนำชุดเครื่องนอนใหม่ไปปูทับแล้วเก็บมาใช้ต่อที่บ้านแน่นอนว่าต่อจากนี้คู่บ่าว – สาวจะต้องใช้ด้วยกันดังนั้นไปเลือกด้วยกันน่าจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าสาวเลือกลายคิตตี้สีชมพูหวานแหววมาเจ้าบ่าวจะบ่นทีหลังไม่ได้นะเออ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Sol and GRAVITE Bridal


     ขอบอกว่า WE ตื่นเต้นแทนว่าที่เจ้าสาวสุด ๆ เมื่อได้ข่าวว่ามีร้านชุดเจ้าสาวที่รวมแบรนด์ระดับท็อปของโลกเอาไว้ถึง 11 แบรนด์มาเปิดที่เมืองไทย เพราะแต่ละแบรนด์ได้แต่เคยเห็นจากรันเวย์หรือเห็นเจ้าสาวเซเลบใส่ ส่วนสาวไทยถ้าอยากจะใส่ก็ต้องลงทุนบินไปซื้อหาจากต่างประเทศ แล้วกว่าจะเลือก ตัด ลอง แก้ บางทีก็ต้องเสียเวลาบินไปบินมาหลายรอบ แต่นี่ทางร้านคัดสรรมาให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนได้สัมผัสกันง่าย ๆ ถึงเมืองไทยแล้ว


 







 


     ว่าแล้วก็ขอพาว่าที่เจ้าสาวไปสำรวจร้านใหม่ด้วยกันดีกว่า ทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้านเราก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรูและเอกซ์คลูซีฟสุด ๆ ชุดเจ้าสาวแต่ละแบรนด์ที่โชว์อยู่มีความงดงาม ประณีต เนี้ยบ และโดดเด่นกันไปคนละแบบ ตอบโจทย์เจ้าสาวได้ทุกคาแร็คเตอร์จริง ๆ


 







 








 


MONIQUE LHUILLIER


…………………………………


 


     ชุดแต่งงานสุดฮิตจากฝั่งอเมริกา มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (ตีคู่มากับVera Wang เลยทีเดียว) เห็นได้จากการที่เจ้าสาวฮอลลีวู้ดหลายคนเลือกสวมใส่ในวันสำคัญของพวกเธอ ทั้งรีส วิเทอร์สปูน,บริทนีย์ สเปียร์ส, แอชลีย์ ซิมป์สัน, อลิเซียซิลเวอร์สโตน, แคร์รี่ อันเดอร์วู้ด และพิ้งค์


     Monique Lhuillier ขึ้นชื่อเรื่องการใช้ลูกไม้ที่ประณีตและมีเอกลักษณ์ ชุดทรงเอไลน์และทรงบอลกาวน์ที่ให้อารมณ์เจ้าหญิง สไตล์ของชุดอยู่กึ่งกลางระหว่างความหวานกับความเท่ ไม่ได้หวานจัดหรือใส่ยากเสียจนต้องเป็นผู้หญิงที่มีคาแร็คเตอร์เด่นชัดถึงจะใส่ได้ จึงน่าจะถูกใจเจ้าสาวชาวไทยเป็นที่สุด


     นอกจากนี้ยังมีหลายระดับราคาให้เลือกสรรตามงบ โดยแบรนด์นี้แบ่งชุดเจ้าสาวเป็น 3 ไลน์ คือ Monique Lhuillier Blissซึ่งราคาไม่แรงนัก เริ่มต้นที่หลักหมื่นปลาย ๆไปจนถึงแสนกว่าบาท (ไลน์นี้ทางร้านไม่ได้นำเข้ามา แต่ถ้าสนใจสามารถสั่งได้) MoniqueLhuillier Collection ราคาราว 2 – 4 แสนบาทและ Monique Lhuillier Platinum เน้นงานปักที่ประณีตขึ้น เช่น งานปักสามมิติ ปักซ้อนลูกไม้ ฯลฯ สนนราคาเรมิ่ ตน้ ที่ 4.5 – 7 แสนบาท


 











 


ZUHAIR MURAD


……………………….


 


     แบรนด์อิตาลีขวัญใจดีว่าสาวเจนนิเฟอร์โลเปซ ที่โด่งดังเรื่องความเป็น “กูตูร์” และงานปักอลังการตามสไตล์ของดีไซเนอร์ซึ่งเป็นชาวเลบานอน ทรงชุดจะค่อนข้างใหญ่เหมาะกับงานแต่งในห้องแกรนด์บอลรูมที่เชิญแขกเป็นพัน ๆ คน ซึ่งเจ้าสาวจะต้องสวยเว่อร์วังและโดดเด่นพอจะเป็นจุดสนใจท่ามกลางแขกจำนวนมหาศาล


     ความจริงแล้วงานกูตูร์จะมีสนนราคาอยู่ที่ 1 – 10 ล้านบาท ซึ่งยากที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ แต่ Zuhair Muradได้ทำไลน์ชุดแต่งงานออกมาโดยประยุกต์ดีเทลของความเป็นกูตูร์มาใช้เพื่อให้เจ้าสาวที่หลงใหลความเป็นกูตูร์ได้ใส่ในราคาที่เบาลง…ราว ๆ 6 แสนไปจนถึงล้านบาท


 








 






 


AMSALE


……………


 


     ชุดเจ้าสาวสไตล์โมเดิร์น เรียบหรูดูดี เหมาะกับเจ้าสาวที่ชอบอะไรคลีน ๆ เรียบ ๆ แต่ยังคงความเนี้ยบกริบของคัตติ้งเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกที่จะเห็นนางเอกฝรั่งสวมใส่ชุดของแบรนด์นี้เข้าฉากแต่งงานในหนังและซีรี่ส์ดังหลายเรื่องเช่น When in Rome, The Hangover, 27 Dresses,Grey’s Anatomy


     บริษัทนี้ยังมีอีก 2 แบรนด์ย่อยสำหรับเจ้าสาวคาแร็คเตอร์ต่าง ๆ คือ Christos เป็นชุดแต่งงานแนวหวาน ๆ ดูเบา ๆเน้นลูกไม้ งานปักดอกไม้ หรือชุดสีพาสเทล และ Kenneth Pool เน้นงานปักเลื่อม ส่วนใหญ่เป็นสีเงิน ดูแกลม ๆ น่าจะถูกใจเจ้าสาวที่ชอบความหรูหราแบบพอดี ๆ ทั้ง 3 แบรนด์นี้อยู่ในเรตราคาที่จับต้องได้คือแสนกว่า ๆ ไปจนถึง 3 แสนบาท


 


 








 


MARCHESA


…………………


 


     อีกแบรนด์อเมริกันที่ดังมาจากงานพรมแดงท้งั หลาย ความโดดเด่นของแบรนด์นี้ยังคงอยู่ที่งานปักมือด้วยลวดลายที่มีดีไซน์เฉพาะตัว ให้อารมณ์โรแมนติกและหวานหน่อย ๆ ทรงชุดที่ได้รับความนิยมคือทรงปริ๊นเซสและบอลกาวน์


     ขอบอกว่า สาว ๆ ฮอลลีวู้ดก็กรี๊ดแบรนด์นี้ไม่เบานะ นอกจากนางเอกแถวหน้าจะพร้อมใจกันใส่เดินพรมแดงจนแทบจะกลายเป็นเครื่องแบบแล้ว คนดังระดับโลกหลายคนยังเลือกใส่ชุดของ Marchesa เดินสวย ๆ เข้าพิธีแต่งงานด้วย อาทิ นิโคล ริชี่ และเบลก ไลฟ์ลี่ ส่วนสนนราคาจัดว่าพอเอื้อมถึงโดยอยู่ที่ 3 – 5 แสนบาท เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากได้ลุคเจ้าหญิงและชื่นชอบแบรนด์ดัง


 








 







 


JENNY PACKHAM


………………………….


 


     หนึ่งในแบรนด์อังกฤษที่เจ้าหญิงเคทโปรดและสวมใส่ออกงานราตรีบ่อย ๆ จนทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงขึ้นเป็นเท่าตัว ในช่วง 6 – 7 ปีที่ผ่านมานอกจากทำชุดราตรีแล้ว Jenny Packham ยังหันมาทำชุดแต่งงานด้วย


     แบรนด์นี่มีสไตล์เฉพาะตัว ฝีมือปักประณีตมาก เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นผลงานของที่นี่ ชุดแต่งงานเป็นแนว Glamour แบบ Old Hollywoodมีการปักเลื่อมหรูหรา เป็นทรงตรง เอวสูง และมีกลิ่นอายวินเทจ เหมาะกับงานแต่งในโบสถ์งานแต่งธีมวิทเทจ ธีมแกตส์บี้ และธีมทะเล(เพราะชุดไม่ฟูมาก) ราคาอยู่ที่ประมาณแสนกว่าไปจนถึง 3 แสนบาท เจ้าสาวคนดังที่เลือกใส่ชุด


ของ Jenny Packham ก็เช่น เอลิซาเบทเฮอร์ลีย์, ฮัลลี เบอร์รี, เจมี่ เพรสลีย์


     นอกจากนี้ยังมีชุดเจ้าสาวชื่อดังในตำนานอีกเพียบ อาทิ Pronovias แบรนด์เก่าแก่ของยุโรปที่มีอายุกว่า 50 ปี Elie Saab แบรนด์ดังที่ตัดชุดแต่งงานให้กับเจ้าหญิงสเตฟานีแห่งลักเซม-เบิร์ก Carolina Herrera เจ้าแม่แห่งความคลาส-สิกผู้ตัดชุดให้นางเอกเบลล่าในฉากแต่งงานของหนังดัง Twilight และ Oscar de la Rentaเจ้าพ่อแห่งความไฮคลาสของวงการแฟชั่น ฯลฯ


รวมทั้งแอ๊กเซสซอรี่ส์สำหรับชุดแต่งงานทั้งเวลและแฮร์พีซของแบรนด์ดีไซเนอร์มากมาย


 


     ทั้งนี้ เกือบทุกแบรนด์ได้ตบเท้ามารายงานตัวกับเจ้าสาวชาวไทยเรียบร้อยแล้ว…รอเพียงคุณเดินเข้าไปเลือกให้เหมาะกับความฝันและความเป็นตัวเอง


 


 






 


 


 


ข้อดีของการซื้อชุดแต่งงานไฮแบรนด์ในเมืองไทย


 


• ไม่ต้องบินไปบินมาหลายรอบ


• ได้ลองโดยมีช่างดูแลและวัดไซส์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่ในต่าง-ประเทศบางร้านอาจมีแค่พนักงานขาย


• ได้เลือกหลายแบรนด์ในคราวเดียวกัน ไม่ต้องเดินหาหลายร้านเพราะร้านในต่างประเทศส่วนใหญ่จะรวมไว้แค่ 3 – 4 แบรนด์


• สั่งเพิ่มเติมรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ ได้ (หากไม่กระทบกับดีไซน์มากนัก)


• การสั่งปรับไซส์ใช้เวลา 1 เดือนซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปลองได้ทันทีจึงรับชุดที่พอดีตัวได้เร็วกว่าไปซื้อเมืองนอก

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

10 บทเรียนเซ็กส์แบบ Fifty Shades of Grey

เกาะกระแสนิยายแนวอิโรติค  Fifty Shades of Grey กันสักหน่อย เพราะได้ยินสาวๆ พูดถึงกันมาสักพักใหญ่จนมาดามอดใจไม่ไหว ต้องขอหยิบขึ้นมาอ่านบ้าง ครั้นพออ่านเสร็จก็แบบว่า…เอิ่ม มันน่าสนแฮะ!! แต่ไม่ใช่พ่อคริสเตียน พระเอกโคตรรวยและจ่ายได้ทุกอย่างหรอกนะ แต่เป็นวิธีการจัดเซ็กส์แบบที่พ่อเจ้าประคุณคิดได้ต่างหากที่มาดามว่า

บทเรียนเซ็กส์ที่ 1 : “Vanilla Sex” จัดเซ็กส์ธรรมดาให้หวือหวาเร้าใจ

เซ็กส์ธรรมดาๆ ที่คุ้นเคยไม่ใช่ไม่มีพิษสงนะจ๊ะ เพราะการค่อยๆ เพิ่มจังหวะการเล้าโลมให้นำอารมณ์ไปถึงจุดสุดยอดแต่กั๊กไว้ไม่ให้ถึงสักที มันเร้าใจยิ่งกว่าอะไรดี ทำแบบนี้ดูบ้าง เซ็กส์ธรรมดาท่าเดิมๆ ก็หวือหวาขึ้นมาได้เหมือนกัน

บทเรียนเซ็กส์ที่ 2 : “Feel the Freeze” ความเย็นกระตุ้นจุดเดือด

ก้อนน้ำแข็งถูหลังแบบจันดาราเอ๊าท์ไปนานแล้ว ถ้าจะมีเซ็กส์แบบคริสเตียนและแอนนาต้องอมน้ำแข็งไว้ในปากแล้วละเลียดลิ้นเย็นๆ ลงบนกลางหลังเธอรวมถึงเพิ่มความเร้าร้อนให้กับการออรัลเซ็กส์ได้ด้วย วิธีนี้ไม่เจ็บปวดแต่สุดสยิวเป็นที่สุด

บทเรียนเซ็กส์ที่ 3 : “Do It Everywhere- But Bed” เซ็กส์สนุกทุกที่ แต่ไม่ใช่บนเตียง

เล็งมุมให้ทั่วบ้าน เพราะทุกพื้นที่สามารถจัดเซ็กส์ยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้กัน ดูอย่างคริสเตียนกับแอนนาสิ คู่นี้ยังจัดเซ็กส์ได้ทุกซอกมุม ทั้งบนโต๊ะทำงาน บนเปียโน ไม่เว้นแม้แต่ในลิฟท์ขึ้นบ้าน (ที่ได้ข่าวว่าเป็นของสาธารณะ) เพียงแต่มาดามจะขอเตือนไว้ว่า ถ้าริจะขึ้นไปขย่มกันตรงจุดไหน จงเช็คให้มั่นใจก่อนว่า จุดนั้นรับน้ำหนักได้ดี และไม่มีช่องว่างให้ใครมาแอบดู เพราะอย่าลืมนะว่า ใช่ว่าแม่บ้านหรือบอดี้การ์ดของคุณจะดีเริ่ดอย่างมิสซิสโจนส์และเทเลอร์

บทเรียนเซ็กส์ที่ 4 : “Tying One On”  ล่ามเธอไว้

แค่ยอมให้เขาล่ามไว้สักนิดก็เหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่า ยอมให้เขามีอำนาจเหนือกว่าในเกมนี้ ฉะนั้นจะล่ามไว้ด้วยกุญแจมือ (ขอให้มั่นใจว่าลูกกุญแจไม่ได้หายไปไหน) หรือจะเป็นเนคไทเส้นโปรดก็ได้  เพราะเมื่อคุณถูกพันธนาการไว้จนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้อย่างที่ต้องการ ความตื่นเต้นจะบังเกิดจนเพลงรักที่กำลังบรรเลงดึงดูดใจมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

บทเรียนเซ็กส์ที่ 5 : “Going Blind”  ปิดตาเธอซะ

การลดประสาทสัมผัสอย่างการมองเห็น จะไปเพิ่มความสามารถให้ประสาทสัมผัสด้านอื่นทำให้จินตนาการกระเจิดกระเจิง เคล็ดลับเด็ดอยู่ที่การแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แล้วเดาเล่นๆ ในใจว่า อะไรบ้างหนอจะลงมาสัมผัสจุดสงวนของคุณ

บทเรียนเซ็กส์ที่ 6 : “Get Ballsy” ซี๊ดซ๊าดทุกก้าวย่าง

ทริกการใส่ของเล่นไว้ในตัวสาวๆ เพิ่มเลเวลความสนุกให้กับเซ็กส์ได้ไม่น้อย  ลองทำตามแอนนาดูบ้างก็ไม่เลว แต่ต้องชัวร์นะว่า ลูกบอลที่ใส่เข้าไปกับความรับได้ของตัวคุณไม่ขัดแย้งกัน เพราะในชีวิตจริงอาจเสี่ยงที่จะทำตามมากไปหน่อย ถ้าคิดว่าแน่ไม่พอ ลองซี๊ดเบาๆ กับช๊อตที่แอนนาแกล้งลืมใส่กางเกงในในคืนเดทดีกว่าไหม แต่ทำแล้วต้องกระซิบบอกเขาให้รู้ด้วยล่ะ (จะให้ดีต้องไปถึงงานก่อนค่อยบอก) แล้วหลังจากนั้น เชื่อมาดามเถอะว่า การเล้าโลมที่รอคอยและเซ็กส์สวาทจะไล่ล่ามาหาคุณเอง

บทเรียนเซ็กส์ที่ 7 : “Get Your Engines Revving” กระตุ้นเร้าตามจังหวะคันเร่ง

ไม่ต้องถึงกับหาฉากไล่ล่ามาบิ้วบรรยากาศก่อนจัดเซ็กส์ แค่มองหาสถานที่เหมาะๆ ที่คุณทั้งคู่มั่นใจในความปลอดภัยได้ เช่นลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย หรือจุดพักรถที่ไม่พลุกพล่าน จากนั้นโฟกัสกันเองสองต่อสองในรถ ช็อตต่อไปน่าจะเป็นเรื่องเบาะๆ ที่มาดามไม่ต้องบอก คุณก็คงเรียนรู้กันเองได้อยู่แล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไรกันดี

บทเรียนเซ็กส์ที่ 8 : “Be a Little Naughty” เด็กไม่ดีจะโดนตี

มาดามไม่เถียงที่คริสเตียนบอกว่า การตีก้นก็ช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ แต่ไม่ใช่เอาแต่ฟาดไม่ยั้งมือ แค่ตีเบาๆ ตอนที่เล้าโลมหรือระหว่างสอดใส่ก็พอ เพราะทั้งความเจ็บปวดและความพึงพอใจที่ได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน จะทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์มึนเมาเวลาที่ตกหลุมรักและเป็นฮอร์โมนที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้

บทเรียนเซ็กส์ที่ 9 : “Get Clean and Dirty” แค่ฝักบัวและการลูบไล้

พูดเลยว่าต่อให้เขาทั้งหล่อ รวยและสุดเซ็กซี่แต่มีเซ็กส์ด้วยกันตอนอาบน้ำยังไงก็ไม่เวิร์ค! เพราะน้ำจะชะล้างความชุ่มชื้นตามธรรมชาติออกไปหมด และคุณคงไม่ปลื้มที่จะให้ฟองสบู่เข้าไปในตัวคุณ เอาแบบนี้ไหม ถ้าไม่อยากรู้สึกว่ากำลังมีเซ็กส์ท่ามกลางฟองสบู่ก็ให้เขาประกบคุณจากด้านหลัง โดยตัวคุณหันหน้าชิดกำแพง  วางมือของคุณไว้บนกำแพงห้องน้ำและใช้ออยเป็นสื่อกลาง แบบนี้มาดามว่าไหลลื่นกว่าเยอะ

บทเรียนเซ็กส์ที่ 10 : “Be Open to “OFF-Limits” Ideas” เปิดรับประสบการณ์แบบไร้ขีดจำกัด

“บริเวณรูทวารและใต้หัวหน่าวเต็มไปด้วยประสาทสัมผัส” แม้ตอนแรกแอนนาจะแอบตาเหลือกที่ได้ยินว่าคริสเตียนตั้งใจมั่นว่าวันหนึ่งจะมีเซ็กส์กับเธอในจุดที่ว่าให้ได้ก็ตาม แต่ถ้าคุณเริ่มต้นดีอย่างคริสเตียน แอนนาก็ยอมศิโรราบ เพียงแต่งานนี้ต้องไม่ลืมให้เขานำร่องด้วยเจลหล่อลื่นและนิ้วก่อน รับประกันได้เลยว่าคุณจะถึงจุดสุดยอดแบบถึงใจ

บทเรียนไหนโดนใจคุณบ้างก็ลองเลือกกันดูละกัน มาดามเชื่อแบบล้านๆ เปอร์เซนต์เลยว่า แม้ที่บ้านจะไม่มี Playroom ที่เต็มไปด้วยเซ็กส์ทอยต่าง ๆ อย่างคู่นี้ แต่ทุกวิธีสามารถนำไปปรับประยุกต์ให้เวิร์คกับคู่ของคุณ  และทั้งหมดนี้จะช่วยเปลี่ยนรูปแบบชีวิตเซ็กส์ของคุณให้เหมือนอย่างในนิยายสุดฮิตได้แน่นอน

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : www.celebuzz.com

LINE OF LOVE


สร้างตัวอักษรจากเส้นริบบิ้น ร้อยเรียงเป็นคำพูดแทนใจ จากนั้นถ่ายรูปเพื่อนำไปทำการ์ดแต่งงานหรือประดับภายในงานได้

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

PHOTO BUNTING


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจ ประดับไว้ด้านหลังของภาพ แล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ..เลิฟ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

PHOTO BUNTING


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจ ประดับไว้ด้านหลังของภาพ แล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ..เลิฟ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ: