เปลี่ยนผมเสียเป็นผมสวยให้ทันวันฮันนีมูน!

อย่าคิดว่าผมเงาสวยนั้นมีแต่ในโฆษณา  WE การันตีได้เลยว่าเคล็ดลับการดูแลผมเหล่านี้จะเปลี่ยนผมเสียของสาวๆ ให้เป็นผมสวยด้วยเทคนิคง่ายๆ  พร้อมแล้วก็ไปดูเคล็ด(ไม่)ลับดูแลผมฉบับ WE

ผลิตภัณฑ์ดูแลผม  ตัวช่วยผมสวยแบบเร่งด่วน

 

 

                ปัญหาผมแห้งเสียนั้นเกิดจากเส้นผมขาดความชุ่มชื้น  หากสาวๆ  อยากให้ผมดูเงาสลวย  ให้เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นและความเงางาม   

เลี่ยงการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงผม

               

          ไม่เป็นไรหากสาวๆ จะเคยชินกับการใช้ดราย์เป่าผม  โรลม้วนผมไฟฟ้า  หรือที่หนีบผมไฟฟ้าจนเคย  แต่หากใกล้วันฮันนีมูนเข้ามา  สาวๆ  ควรเลี่ยงการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงผม  เพราะความร้อนจากอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเหล่านี้จะไปทำลายเส้นผมโดยตรงจึงทำให้ผมแห้งเสียนั่นเอง

เคราติน  พระเอกพิทักษ์ผมตัวจริง

                อย่าหาว่าเห่อตามกระแส  หาก WE จะขอแนะให้ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่มีส่วนผสมของเคราติน  (keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เคลือบเส้นผม  ดังนั้นผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จึงช่วยเสริมเกราะป้องกันให้กับเส้นผม

มาส์กช่วยชีวิตเส้นผม

                ไม่ใช่คำกล่าวเกินจริงนักถ้าจะบอกว่าการมาส์กผมสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมได้แบบเร่งด่วน  เนื่องจากมาส์กสำหรับผมนั้นมีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มากกว่าครีมบำรุงผม  ดังนั้นสาวๆ อาจทำสปาผมง่ายๆ ที่บ้านอย่างมาส์กผมทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำอุ่น  ทำเพียงสัปดาห์ละครั้งก็จะช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของเรือนผมเงางามแล้ว

ลดอาการผมชี้ฟูด้วยผ้าไหม

                อย่าเพิ่งสงสัยว่าผ้าไหมเกี่ยวอะไรกับการบำรุงและดูแลรักษาเส้นผม  WE ไม่ได้ล้อเล่น  ผ้าไหมสามารถช่วยลดอาการผมชี้ฟูได้จริงๆ  เทคนิคง่ายๆ  คือให้สาวๆ นอนบนหมอนผ้าไหม  เพราะผ้าไหมช่วยรักษาความชุ่มชื้นและทำให้เส้นผมเงางาม

 

                เคล็ดลับดูแลผมง่ายๆ แถมยังได้ผลทันทีแบบนี้  หากสาวๆ ของ WE นำไปใช้  รับรองได้เลยว่าผมของคุณจะเงาสวยทันในวันฮันนีมูนแน่นอน

 

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก  www.pinterest.com  www.allthebesthairproducts.com  www.wonderfulelectroniczone.blogspot.com  www.i-friendonline.com  www.beautypunk.wordpress.com  www.etsy.com  , bookup.asia

เรื่องโดย: สาวอักษรข้างสยาม
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE

ฟินเป็นคู่รับวันวิวาห์กับ Honeymoon Retreat ที่ สปา เซ็นวารี@ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์

     หลังจากตรากตรำและคร่ำเคร่งกับการเตรียมงานแต่งงานมาเป็นเวลานาน ถึงเวลาว่าที่บ่าวสาวจะต้องวางมือแล้วมาผ่อนคลายร่างกายและจิตใจไปกับ สปาฮันนีมูนสุดโรแมนติกภายในห้องส่วนตัวบนตึกระฟ้าใจกลางเมือง พร้อมเทอราปิสต์มืออาชีพที่จะคอยดูแลให้คุณและคนรักได้ปล่อยกายปล่อยใจอย่างอิสระและรีบู๊ทส์ตัวเองให้พร้อมรับวันสำคัญที่กำลังจะมาถึง

 

 

 

            เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยจึงเริ่มต้นการทำ Body Brushing เป็นขั้นตอนทำความสะอาดร่างกาย รวมไปถึงการสครับเท้าอย่างนุ่มนวลด้วยผงกระเจี๊ยบที่นอกจากจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย จากนั้นจึงต่อด้วยการนวดเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป Mocha Chino Mud Wrab การพอกตัวด้วยโคลนจากท้องทะเลลึกที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาติพร้อมคุณค่าวิตามินจาก น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์, โจโจ้บา ออยล์, น้ำมันดอกคำฝอย นอกจากนี้ยังมีคาราเมล, สาหร่ายสีน้ำตาล, โรสแมรี่ และลาเวนเดอร์ ซึ่งช่างจะค่อยๆ ทาผลิตภัณฑ์ลงไปทั่วร่างกายพร้อมกับนวดเบาๆ แล้วจึงแร็ปด้วยพลาสติกทิ้งไว้ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวเนียนเรียบขึ้น ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น และเป็นการขับพิษออกจากร่างกายอีกด้วย 

 

            ต่อด้วยการทำ Roselle & Strawberry Scrub เพื่อกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ให้คุณเผยผิวใหม่ที่เนียนเรียบและกระจ่างใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสครับมีส่วนผสมของ

 

 

 

 

 

– โยเกิร์ตสตรอเบอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามินซี และช่วยทำความสะอาดผิว

– สตรอเบอร์รี่สด อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอและกระจ่างใสขึ้น

– น้ำมันอัลมอนด์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยวิตามินอี

– ข้าวโอ๊ต ช่วยขัดและทำความสะอาดผิว

– กระเจี๊ยบแดงแห้ง อุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย

– น้ำตาลแดง สครับผิวให้กระจ่างใส สีผิวดูสม่ำเสมอ

 

            ซึ่งหลังจากการทำทรีทเม้นต์นี้คู่รักจะได้จิบน้ำกระเจี๊ยบแดงเย็นชื่นใจเพื่อเพิ่มความสดชื่น พร้อมการนวดด้วยวานิลลาเชียร์บัตเตอร์ที่มีกลิ่นหอมนุ่มนวลช่วยให้ผ่อนคลาย

 

            ปรนนิบัติผิวกายไปแล้ว ผิวหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยจะได้โชว์ความสวยหล่อแบบมีออร่าในวันงานได้อย่างมั่นใจด้วยการ ดูแลผิวหน้าด้วยสมุนไพรไทย ที่มีผสมส่วนผสมต่างๆ เข้าด้วยกันโดยเลือกให้ตรงกับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน ซึ่งวัตถุดิบหลักคือผลไม้สดและผักจากท้องถิ่น รวมไปถึงสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ต่างๆ อีกมากมาย 

 

            ขั้นตอนนี้จะเริ่มจากนวดศีรษะเพื่อเป็นการผ่อนคลายและช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ต่อจากนั้นจึงนำงาและมัลเบอร์รี่อุ่นๆ ใส่ถุงเล็กๆ แล้วนำมาประคบให้ทั่วใบหน้าเพื่อให้ต่อมน้ำเหลืองทำงานได้ขึ้น แล้วจึงนำผัก ผลไม้และสมุนไพรที่ผสมไว้มาพอกทิ้งไว้ทั่วใบหน้า ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกและขจัดเซลล์ผิวเก่าเพื่อเผยผิวใหม่ แถมยังช่วยให้ใบหน้าเนียนเรียบและมีความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย หลังจากจบคอร์สแล้วคู่รักจะได้รับผลไม้หวานเย็นพร้อมน้ำขิงร้อนๆ และหมอนอุ่นๆ เพื่อประคบต้นคอให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

 

 

            นอกจานี้ทางสปายังใส่ใจถึงสภาพผิวของลูกค้าด้วยว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อความปลอดภัยในการเลือกโปรแกรมและผลิตภัณฑ์ในการสครับผิวหน้าได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

 

– ผิวหน้ามัน ต้องการการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก เนื่องจากมักมีปัญหาของสิวหัวดำ สิวเม็ดเล็ก และสิวอุดตันเกิดขึ้น 

 

– ผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดาอาจจะต้องการเพียงแค่การบำรุงที่ล้ำลึกมากขึ้น ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งอาจต้องเพิ่มความชุ่มชื้นและการบำรุงมาก เพราะมักเกิดปัญหาริ้วรอยและผิวไม่กระจ่างใสมากวนใจอยู่เสมอ โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น นม มะขาม

 

     ดูแลตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าขนาดนี้เห็นทีคู่รักทั้งหลายจะพลาดไม่ได้…ได้เวลาเกี่ยวก้อยกระหนุง

กระหนิงมาเสริมความหล่อเพิ่มความสวยให้เปล่งประกายรับวันแต่งงานกันได้แล้วกับแพ็คเก็จHoneymoon Retreat ในราคา 9,500++/คู่ ที่ สปาเซ็นวารี โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวลิด์โทร. 0-2100-1234 ต่อ 6511-6516

เรื่องโดย: โชติกา
ช่างภาพ:  จิตตรัตน์

CHIC HAIR BY CHIGNON STYLE 4 ทรงผมสไตล์ CHIGNON (ชิคนอน)

4 ทรงผมสไตล์ Chignon (ชิคนอน) แบบสาวชาวกรีกที่จะช่วยเปลี่ยนลุคเจ้าสาวให้สวยสง่าดั่งใจและเคลื่อนไหวสะดวกทุกท่วงท่าตลอดพิธีการ โดยไม่ต้องกลัวว่าผมจะเสียทรง

 

 

 

 

 

 

 

 

Creative Chignon

 

 

ย้ายมวยผมธรรมดาจากด้านหลังมาไว้ด้านข้างเพื่อให้เจ้าสาวดูหวานขึ้นทรงนี้มีความโดดเด่นตรงการจับปอยผมมาม้วนเป็นเกลียวที่ด้านข้างให้เหมือนดอกไม้เพื่อสร้างลวดลายสวยงาม ส่วนผมด้านหน้าแสกข้างไปทางเดียวกับมวยผม แล้วเพิ่มความหวานอีกนิดด้วยการติดดอกไม้เล็ก ๆ ที่มวยผม

 

 

——————————————————————————————————–

 

 

 

 

 

Sleek Chignon

 

 

เจ้าสาวที่ต้องการความเนี้ยบและหรูหรา เพียงแสกข้างแล้วปาดผมทั้งสองด้านมาเก็บไว้ที่ด้านหลังให้เรียบ ยีผมช่วงกลางศีรษะนิดหน่อยเพื่อเพิ่มวอลุ่ม จากนั้นพรางกิ๊บดำบริเวณด้านหลังด้วยการประดับดอกไม้ซึ่งเหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบไทยสำหรับชุดสากลเพียงเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับเพชรขนาดใหญ่ก็ดูสวยสง่าสมศักดิ์ศรี

 

 

——————————————————————————————————-

 

 

 

 

 

Side Part Chignon

 

 

ย้อนยุคในลุควินเทจด้วยทรงแสกข้างจับเป็นลอนเบา ๆ จากนั้นม้วนเก็บปลายผมทั้งหมดมาไว้บริเวณท้ายทอย ลุคนี้ทำให้เจ้าสาวดูสวยไม่ซ้ำใคร แถมยังเข้ากันได้ดีกับชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนชุดสากลน่าจะเป็นสไตล์แกตส์บี้หรือทรงชีทปักเลื่อม

 

 

——————————————————————————————————–

 

 

 

 

Side Part Chignon

 

 

เพิ่มดีไซน์ให้มวยผมที่ท้ายทอยดูพิเศษขึ้นด้วยการทำให้มีขนาดใหญ่และพองกว่ามวยปกติ จากนั้นยีผมช่วงกลางศีรษะให้ทุยแล้วใช้ปอยผมด้านข้างมาพาดทับที่ช่วงรอยต่อของมวยผม ปิดท้ายด้วยการประดับสร้อยเพชรหรือมงกุฎเล็ก ๆ เท่านี้เจ้าสาวก็สวยราวกับเจ้าหญิงแล้ว

 

 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Countdown to…Getting Gorgeous สวยให้ทัน วันวิวาห์

           ทันทีที่เซย์เยสตอบรับคำขอแต่งงาน ว่าที่เจ้าสาวทั้งหลายอาจจะยังวางแผนไม่ถูกว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรดีเพื่อเป็นเจ้าสาวสุดเพอร์เฟ็กต์WE ขอเป็นตัวช่วยด้วยการจัดเช็กลิสต์มาให้เริ่มเตรียมความสวยกันให้พร้อมตั้งแต่วันนี้

 
12 – 9 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. วางงบสำหรับเสริมสวย เริ่มวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง เช่น ทำทรีตเมนต์ ลดหุ่น กระชับสัดส่วน ทำผม ทำเล็บ ฯลฯ
           2. หากอยากเข้าคอร์สเจ้าสาวอย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจจัดเต็ม หาข้อมูล เปรียบเทียบราคาและถามตัวเองก่อนว่าต้องการปรับส่วนไหนเป็นพิเศษ
           3. หาวิธีแก้ไขข้อบกพร่องของเรา เช่นอยากมีใบหน้าเนียนใสไร้สิวต้องทำอย่างไร อยากลดหุ่นเพื่อชุดแต่งงานหรูหรามีวิธีไหนบ้าง หากอย่างไหนทำได้ด้วยตัวเองโปรดรีบลงมือทำก่อน แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญควรไปขอคำปรึกษาจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียและราคาก่อนตัดสินใจ
           4. เตรียมสุขภาพให้พร้อมและเริ่มวางแผนการรับ ประทานอาหารที่ถูกต้อง ลดการดื่มที่มีที่ผสมกาเฟอีน ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6 – 8 แก้วเพื่อให้ผิวดูสดใสอ่อนกว่าวัย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และเป็นการขับของเสียออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี
           5. หาเวลาไปออกกำลังกายใหบ่อยขึ้น เพราะคุณยังมีเวลาอีกเป็นปีก่อนถึงวันแต่งงาน เพื่อรูปร่างที่เพอร์เฟ็กต์ในการลองชุดแต่งงานครั้งสุดท้าย
           6. หาแบบหน้า – ผมที่ชอบเตรียมไว้ และหาข้อมูลเกี่ยวกับช่างแต่งหน้า – ทำผมว่าใครที่เหมาะกับสไตล์ของเรา (กรณีที่อยากจองช่างดัง ๆ ในวันฤกษ์ดีมาก ๆ อาจต้องจองล่วงหน้านานหลายเดือน)
           7. เริ่มดูแลทำความสะอาดผิวหน้าและเติมความชุ่มชื่นให้แก่ใบหน้าด้วยผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับผิว อย่าลืมทาครีมกันแดดและโลชั่นบำรุงผิวกายด้วยนะ ทั้งหมดนี้ควรทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะผิวที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลตัวเอง

ผม
           • ยังมีเวลาทดลองทำสีผมใหม่รับวันสำคัญเพื่อหาสีที่เพิ่มออร่าให้แก่ใบหน้าที่สุด
           • เริ่มต้นดูแลเส้นผมให้เจริญเติบโตและแข็งแรงจากภายใน โดยเน้นกินอาหารที่มีโปรตีนและเคราตินสูง เช่น ไข่แดง เนื้อปลแซลมอนและทูน่า หอยนางรมสดสะอาด หรือกินวิตามินประเภทไบโอติน หากเริ่มตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันแต่งงาน สามารถเพิ่มความยาวเฉลี่ยได้มากถึง 14 นิ้ว
           • เล็มผมทุก 4 – 6 สัปดาห์เพื่อป้องกันไม่ให้ผมแตกปลายและช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น

ฟั​น
           • ไปพบหมอฟันเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่นคราบชากาแฟ หรือหินปูน

มือและเท้า
           • บำรุงมือด้วยการทาครีมทุกวัน
           • หากคุณใส่ชุดแต่งงานแบบสั้นคู่กับรองเท้าเจ้าสาวแบบเปลือย เท้าและนิ้วเท้าอาจเป็นอีกส่วนที่ต้องดูแล เริ่มด้วยการสครับเท้าทุกเดือน ทาครีมบำรุงก่อนนอนเพื่อลดความหยาบกร้าน และอย่าลืมดูแลเรียวขาด้วยโลชั่นเป็นประจำ

8 – 5 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. ถึงเวลาต้องเริ่มดูแลผิวอย่างจริงจังหาครีมบำรุงดี ๆ ที่เหมาะกับสภาพผิว พยายามล้างเครื่องสำอางให้สะอาด แล้วอย่าลืมโบกมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ใบหน้า และขยันมาสก์หน้าให้บ่อยขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่คุณไม่แพ้ประมาณ 3 ครั้ง /สัปดาห์ หากผิวแห้งมากแนะนำให้พกสเปรย์น้ำแร่ติดตัวไว้ฉีดทุกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผิวแห้ง
           2. จัดระเบียบคิ้วที่รกรุงรังด้วยการหาแบบคิ้วที่เหมาะกับรูปหน้าแล้วเข้าร้านไปจัดการให้เป็นทรง
           3. เริ่มขัดผิวหน้าและผิวกาย อย่าลืมบริเวณข้อศอก มือ และเท้า ทำเป็นประจำ 1 ครั้ง / สัปดาห์
           4. เริ่มทำทรีตเมนต์ทุก 4 – 6 สัปดาห์ทั้งใบหน้าและผิวกาย ถ้าอยากลองคอร์สใหม่ ๆ ให้เริ่มทดลองตั้งแต่ตอนนี้ เพราะหากทำแล้วพลาดยังมีโอกาสฟื้นฟูผิวได้ แต่ทางที่ดีควรบำรุงในแบบที่คุณเคยทำแล้วไม่แพ้อย่างสม่ำเสมอ
           5. เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากลองฉีดโบท็อกซ์ดูสักครั้ง แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนและเลือกรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น (การฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด และเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 2 เดือนแล้วจากนั้นจะค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิมภายใน 6 – 7 เดือน)
           6. เริ่มกินวิตามินแนะนำให้กินเฉพาะที่จำเป็นและเลือกให้ตรงกับส่วนที่ต้องการจะบำรุงจริง ๆเท่านั้น
           7. ถึงเวลาตัดสินใจเลือกแบบหน้าและผมที่ชอบ รวมถึงช่างแต่งหน้า – ทำผมที่คุณมั่นใจว่าจะแต่งออกมาได้ตรงกับสไตล์ของคุณมากที่สุดแนะนำให้รีบโทรจองตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
           8. อย่าลืมคุมอาหาร ออกกำลังกาย ดูแลมือและเล็บอย่างต่อเนื่อง
           9. หากต้องการกำจัดขนแบบถาวร (แขน ขาใต้วงแขน) ควรเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคืองในระยะยาว เพราะการรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่อง หากเกิดอาการผิดปกติจะได้เปลี่ยนวิธีการทัน

4 – 3 เดือนก่อนวันแต่งงาน
           1. ทำทรีตเมนต์ผม เช่น หมักผม อบไอน้ำหรือทำสปาเพื่อความนุ่มสลวยเงางาม สำหรับเจ้าสาวผมดำถึงเวลาเปลี่ยนสีผมให้อ่อนลงเพื่อเพิ่มมิติให้แก่ทรงผม
           2. หากผิวแพ้ง่าย ไปทำสปาที่ไหนก็ไม่รอดรีบหาหมอรักษาให้หายแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่เป็นประจำเพื่อความปลอดภัย
           3. เริ่มลดหุ่นและควบคุมอาหารอย่างจริงจังได้แล้ว หากเหงากับการออกกำลังกายคนเดียวก็ชักชวนว่าที่เจ้าบ่าวไปด้วยกัน จะได้กระชับความสัมพันธ์ไปในตัว
           4. หาซื้ออุปกรณ์เสริมความงาม เช่น  แฮร์พีชเครื่องประดับผม หรือเครื่องสำอางที่ชอบเตรียมไว้

2 – 1 เดือนก่อนแต่งงาน
           1. ได้เวลาเติมโบท็อกซ์แล้วค่า
           2. ถ้าอยากดัดผมเพื่อปล่อยสยายในวันแต่งงานก็ถึงเวลาแล้ว!
           3. ยังทันหากคุณจะเข้าคอร์สเจ้าสาวแบบจริงจังและจัดเต็ม แต่ห้ามไปลองของใหม่เด็ดขาดไม่ว่าจะเจ๋งแค่ไหนหรือโปรโมชั่นแสนคุ้ม เพราะหน้าสวย ๆ อาจจะพังได้ในพริบตา จะดีมากกว่าหากดูแลตัวเองด้วยวิธีการที่เคยทำมาไปจนถึงวันแต่งงาน
           4. ดูแลร่างกายและอาหารการกินอย่างระมัด-ระวัง อย่าไดเอตจนทำลายสุขภาพ ควรรับประทานผักผลไม้เยอะ ๆ เพื่อทดแทนพลังงานที่เสียไป
           5.ลองแว็กซ์ขนบริเวณที่ต้องการ เพราะหากเกิดอาการแพ้จะได้หายทัน ใครที่ใส่ชุดเจ้าสาวแบบสั้นอย่ามองข้ามขนหน้าแข้งนะจ๊ะ

3 – 2 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงาน
           1. คอนเฟิร์มช่างแต่งหน้า -ทำผมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ลืมวันสำคัญของคุณ
           2. ตัดผม เล็มผม เติมสีโคนผม หรือทำผมสีเดิมให้ชัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถ้าทำในช่วงนี้จะช่วยให้ผมมีเวลาเซตตัวและดูสวยเป็นธรรมชาติในวันแต่งงาน จากนั้นห้ามทดลองอะไรใหม่ ๆ โดยไม่จำเป็น เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมาจะแก้ไขไม่ทัน
           3. ช่วงนี้สามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อรักษาหลุมสิวและแก้ไขรูขุมขนกว้างได้อีกทั้งสามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง IPL Treatment ด้วย AHAซึ่งเป็นการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว หรือฉายแสง LED ทั้งใบหน้า แผ่นหลัง ไหล่และแขน เพื่อความขาวเนียน
           4. เริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟันขาวด้วยตัวเองติดต่อกันเป็นเวลา3 สัปดาห์ก่อนถึงวันแต่งงาน ควรหาข้อมูลและวิธีใช้อย่างละเอียด หากไม่สะดวกแนะนำให้พบทันตแพทย์เพื่อจัดการฟันให้ขาววิ้ง (แต่ต้องทุ่มค่าใช้จ่ายไหวนะจ๊ะ เพราะราคาค่อนข้างสูง)
           5. หากคุณมีความเครียดจากการเตรียมงาน ควรหาเวลาไปนวดผ่อนคลายสักนิดจะได้ดูสดใสจากภายใน
           6. Grooming My Groomหากว่าที่เจ้าบ่าวต้องการเปลี่ยนทรงผมควรรีบทำตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อผมจะได้เข้าทรงและไม่ดูแปลกตาในวันงาน

1 สัปดาห์ก่อนวันแต่งงาน
           1. รักษาความชุ่มชื่นของผิวด้วยการใช้โลชั่นที่มีมอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้อยู่เป็นประจำ ไม่ควรทดลองอะไรใหม่ ๆ
           2. ทำทรีตเมนต์หน้าและตัวเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเพิ่มความเปล่งปลั่งพร้อมเผยผิวในวันสำคัญ และหลังจากนี้ควรงดการทำทรีตเมนต์ ขัด นวด พอก เลเซอร์ และหยุดทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA หรือครีมที่ทำให้ผิวลอก เช่น ยาแต้มสิวเพราะหากแพ้คงไม่สามารถรักษาได้ทัน
           3. กำจัดขนรอบสุดท้ายเพื่อเก็บรายละเอียดให้เรียบเนียนที่สุด (ถ้าขนขึ้นเร็วให้ทำวันท้าย ๆ ของสัปดาห์ถ้าผิวเซ้นสิทีฟให้ทำต้นสัปดาห์ ผิวจะได้มีเวลาฟื้นฟู)
           4. เตรียมของใช้กระจุกกระจิกที่อาจจะต้องใช้แบบกะทันหันในวันงาน เช่นกระดาษทิชชู กระดาษซับมัน คอตต้อนบัดส์สำหรับเช็ดเวลามาสคาราเปื้อนลิปกลอสหรือลิปบาล์ม แนะนำให้เก็บทั้งหมดไว้ในที่เดียวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ และอย่าลืมเตรียมเครื่องประดับที่ต้องการให้พร้อม

2 – 1 วันก่อนวันแต่งงาน
           1. เตรียมเสื้อเชิ้ตไว้ใส่ตอนแต่งหน้า – ทำผม เมื่อถอดเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงาน หน้าจะได้ไม่เลอะและผมไม่เสียทรง ขอแนะนำให้ใช้เสื้อสีขาวหรือสีเดียวกับชุดแต่งงาน เพราะสีสว่างจะช่วยเพิ่มแสงสะท้อน ให้ช่างแต่งหน้าออกมาได้ใกล้เคียงกับสีชุดแต่งงานมากที่สุด
           2. สระผมโดยใช้เพียงแค่แชมพูอย่างเดียวในคืนก่อนวันแต่งงานเพราะจะช่วยให้เซตผมได้ง่ายขึ้น
           3. เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวมา กที่สุดด้วยการดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ทามอยส์เจอไรเซอร์ยี่ ห้อที่ใช้อยู่ ประจำ อ ย่าลืมบำรุงริมฝี ป ากด้ วยลิปบาล์มเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้งเป็นขุยในตอนเช้า จบด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวกาย
           4. ไปทำเล็บให้สวยงามตามสีที่ชอบหรือแบบที่ต้องการ บวกการทำสปาอีกนิด แต่อย่าทำสวยจนขโมยซีนแหวนแต่งงานวงโตของคุณละลดอาหารเค็ม หวาน และเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน รวมทั้งไม่ควรดื่มน้ำเยอะหลังสองทุ่ม เพื่อลดอาการบวมน้ำในวันรุ่งขึ้น
           5. หากคุณใส่ คอนแท็คท์เลนส์เป็นประจำ แนะนำให้ถอดออกตั้งแต่หัวค่ำ เพื่อป้องกันอาการตาแดงหรือระคายเคืองในวันแต่งงาน
           6. พักผ่อนให้ได้ 8 – 10 ชั่วโมง จะได้ตื่นมาสดใสไม่เป็นหมีแพนด้า
           7. อย่าลืมเตือนว่าที่เจ้าบ่าวของคุณให้โกนหนวดเคราให้เรียบร้อยเพื่อใบหน้าอันเกลี้ยงเกลา

 

วันแต่งงาน
           1. ตื่นแต่เช้าแล้วดื่มน้ำแก้วใหญ่ ๆ หากพอมีเวลาลองออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
           2. อาบน้ำให้หอมและสดชื่นก่อนออกจากห้องน้ำอย่าลืมเปิดน้ำเย็นรดตัวเพื่อกระชับรูขุมขน
           3. เผื่อเวลาแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ก่อนงานเริ่มสัก 4 ชั่วโมง
           4. หาอาหารว่างกินรองท้อง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกากใยมากหรืออาหารที่เสี่ยงต่อการท้องเสีย
           5. ก่อนงานเริ่มทัชอัพอีกครั้งแล้วพรมน้ำหอมก่อนออกไปโชว์ตัว
           6. สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ การปล่อยวางและทำจิตใจให้ผ่อนคลาย พร้อมโปรยยิ้มให้กับทุกคนในงาน โดยเฉพาะสุดหล่อที่ยืนอยู่ข้างกาย

THE ART OF PACKING ไปเที่ยวกันเถอะ


     


     ปลายปีแบบนี้ เชื่อว่าคู่รักชาว WE คงกำลังง่วนอยู่กับการเก็บกระเป๋าไปเที่ยวกันอย่างแน่นอนบางคู่จัดเสร็จแล้วก็รอดตัวไป แต่บางคู่จัดเท่าไรก็ไม่ลงตัวสักที หยุดหัวหมุนสักแป๊บ แล้วอ่านเคล็ดลับ ช่วยจัดกระเป๋าให้ง่ายขึ้นที่ WE นำมาฝากกันดีกว่า


 


—————-


CLOTHES


—————-


 


  “เสื้อผ้า” คือสิ่งที่ต้องหยิบใช้บ่อยและมีจำนวนมากที่สุด กว่าจะคิดได้ว่าจะใส่อะไรในแต่ละวันก็ว่าเหนื่อยแล้ว พอต้องจับชิ้นที่เลือกมาลงกระเป๋าให้พอดียิ่งปวดหัวกว่าเป็นสองเท่า ไหนจะพื้นที่จำกัด ไหนจะต้องพยายามพับเสื้อผ้าไม่ให้ยับและหยิบง่าย ซึ่งวิธีส่วนใหญ่ที่ใช้กันคือพับเป็นตั้ง ๆ เหมือนเวลาพับวางในตู้เสื้อผ้า เวลา


จะหยิบใช้ตัวที่อยู่ล่าง ๆ ทีก็เละไปทั้งกระเป๋า


 


     วิธีที่ WE ลองแล้วเริดมากคือ ใช้กระเป๋าสำหรับแพ็คเสื้อผ้าหลายขนาดหรือที่เรียกว่า “Clothes Pouch” ซึ่งถ้าจะให้ดีควรมีสัก 2 – 3 ขนาดเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น กระเป๋าขนาดใหญ่เหมาะสำหรับใส่เสื้อสเวตเตอร์หรือเสื้อที่เป็นผ้ายืดต่าง ๆ เช่น เสื้อแขนยาวผ้ายืดที่ใส่บ่อย ๆ เวลาไปเมืองหนาว พวกกางเกง เลกกิ้งลองจอห์นก็เช่นกัน ส่วนเสื้อหนาวหนา ๆ อย่างเสื้อโค้ตหรือแจ็กเก็ตควรแยกไว้ต่างหากเพราะใหญ่เกินไปและไม่ค่อยยับอยู่แล้ว แถมยังต้องหยิบใช้บ่อย ๆ ด้วย เวลาจัดกระเป๋า แนะนำให้ม้วนเสื้อทีละตัวก่อนเรียงลงอย่างเป็นระเบียบ นอกจากจะไม่ยับแล้วยังช่วยให้หาเสื้อผ้าที่ต้องการใช้ง่ายขึ้น แถมเวลาหยิบใช้ เสื้อผ้าที่เหลือก็ไม่ถล่มลงมาเหมือนเวลาพับเป็นตั้ง ๆ


  ส่วนกระเป๋าขนาดกลางเหมาะกับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อผ้าฝ้าย รวมถึงกระโปรงหรือเดรสที่ยับง่ายซึ่งจะใช้วิธีพับเอาก็ได้ แต่เสื้อผ้าส่วนนี้ไม่ควรนำไปเยอะ ทางที่ดีเวลาเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะเมืองหนาว ควรนำเสื้อผ้าที่เป็นผ้ายืดไปจะดีที่สุด


  เวลาเลือกกระเป๋าแพ็คเสื้อผ้านี้ ควรเลือกที่เป็นตาข่ายด้านหนึ่งด้วย เพื่อให้เราสามารถมองเห็นเสื้อผ้าได้และอากาศถ่ายเท เสื้อผ้าจะได้ไม่อับ ซึ่งถ้าจะให้ดีเลือกรุ่นที่มี Laundry Pouch หรือกระเป๋าแยกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วติดมาด้วย ทำให้ทุกคู่รักสะดวกในการแยกเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วออกไปและหยิบใช้เสื้อผ้าได้ง่ายขึ้นในวันที่เหลือ


 


  สำหรับคู่รักที่ยังต้องหนีบงานไปทำด้วย ประเภทต้องไปพบลูกค้าหรือเข้าประชุมที่จำเป็นต้องพกเสื้อเชิ้ตไปและไม่อยากให้ยับมากตัวช่วยสำคัญไม่ใช่เตารีด แต่ WE ขอแนะนำให้มีกระเป๋าใส่เสื้อเชิ้ตติดบ้านไว้ ก่อนจะแพ็คให้นำเสื้อเชิ้ตพับแล้วสอดแผ่นพลาสติกแข็งไว้เพื่อขึงให้เรียบตึง (เหมือนที่เห็นตามร้านเป๊ะ) ซึ่งกระเป๋าใส่เสื้อเชิ้ตมักจะมีแผ่นพลาสติกแข็งที่เรียกว่า “Folding Pad” แถมมาให้อยู่แล้วพลาสติกอันนี้จะทำให้เสื้อเชิ้ตอยู่ทรงและไม่ยับเมื่อถูกทับ


   ขนาดของกระเป๋าเส้อื เช้ติ ก็สำคัญ เพราะถ้าเลือกขนาดที่ไม่ใหญ่หรือหนาจนเกินไปก็สามารถถือขึ้นเครื่องได้เลย จะทำให้เสื้อไม่ยับเหมือนการใส่ในกระเป๋าเดินทาง


 


 


——————–


UNDERWEAR


——————–


 


 






 


     ปัญหาส่วนใหญ่ที่เจอคือ จะทำอย่างไรให้ชั้นในไม่โดนทับจนบี้แบนเสียทรง และไม่อายบรรดาเจ้าหน้าที่หนุ่ม ๆ ถ้าโดนสุ่มตรวจเปิดกระเป๋า ง่าย ๆ แค่สาว ๆ ต้องมีตัวช่วยในการซ่อนหรือถ้าจะให้ดีที่สุดควรมีกระเป๋าใส่ชุดชั้นในผู้หญิงโดยเฉพาะ จะช่วยทำให้ชีวิตสาว ๆ ง่ายขึ้นมาก เพราะเก็บได้ทั้งชุดชั้นในและกางเกงใน ช่วยให้ไม่เสียทรงและเป็นสัดส่วน แถมบางรุ่นมีกระเป๋าแยกใส่กางเกงชั้นในที่ใช้แล้ว นอกจากนี้ยังมีช่องไว้ซ่อนผ้าอนามัยอีกด้วย


 


 


——————————————–


COSMETICS AND TOILETRIES


——————————————–


 


 






 


     พอจะต้องเดินทางทีสาว ๆ ก็พกกันไม่หวาดไม่ไหว ทั้งสบู่ แชมพู ครีมนวดผมโลชนั่ เดยค์ รมี ไนตค์ รมี โทนเนอร์ คลนี เซอร์ครีมกันแดด ไหนจะเครื่องสำอางอีก การมีกระเป๋าดี ๆ มาใส่เครื่องสำอางจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก


     WE ขอแนะนำให้คุณแยกกระเป๋าสำหรับของใช้ในห้องน้ำและนอกห้องน้ำออกจากกัน ส่วนใครที่ไม่ชอบแยกและใช้วิธีเติมขวดเล็กขวดน้อยสำหรับยามเดินทาง เราแนะนำให้หากระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ที่สามารถใส่ขวดที่คุณใช้ที่บ้านไปได้เลย ซึ่งอาจจะกินพื้นที่สักหน่อย ที่สำคัญ ถ้าของเหลวเยอะ อย่าลืมโหลดลงกระเป๋าใหญ่นะคะ


    เมื่อแยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้า รองเท้าทุกสิ่งเสร็จสรรพก็นำมาจัดเรียงรวมกันในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้เลย ทีนี้คุณก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าเสื้อผ้าจะยับ ชั้นในจะเสียทรงหรือแม้แต่รองเท้าจะพัง เพราะจัดเก็บทุกสิ่งเป็นสัดส่วนเรียบร้อย เตรียมพร้อมขึ้นเครื่องไปฮันนีมูนได้เลย


 


———-


SHOES


———–


 






 


     เรื่องจำเป็นที่มองข้ามไม่ได้อีกเรื่องคือการจัดเก็บรองเท้า ก็แหม บางทีเราอยากพกรองเท้าไปหลายคู่ให้เหมาะกับการใช้งานหลาย ๆแบบ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แต่ปัญหาอยู่ที่รองเท้ากินพื้นที่มาก แถมยังแพ็คลำบาก ถ้าจัดเก็บไม่ดีโดนอย่างอื่นทับก็มีสิทธิ์เสียหายเสียทรงได้ ครั้นจะให้เอาใส่ถุงก๊อบแก๊บก็ใช่เรื่อง ทางที่ดีควรหากระเป๋าสำหรับใส่รองเท้าโดยเฉพาะ ซึ่งมีให้เลือกหลายรุ่นตั้งแต่ใส่แค่คู่เดียวถึงแบบที่ใส่ได้ถึง 3 คู่ ทีนี้คุณก็สามารถแยกแพ็ครองเท้าตามประเภทได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวเสียหายอีกต่อไป


 


                                                             ————————————————–


 


ขอบคุณภาพประกอบจาก : Live Out Loud Thailand โทร 08-1804-5666

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

สารพันข้าวของต้องประสงค์


     นอกจากลำดับพิธีการที่ไม่คุ้นเคยแล้ว ข้าวของที่ต้องตระเตรียมสำหรับงานไทยก็นับว่ามากโขอยู่ WE จึงจัดหมวดหมู่มาให้ดูว่ามีสิ่งใดต้องใช้สอยบ้างว่าที่บ่าว – สาวจะได้นับถอยหลังกันอย่างเย็นใจ…ไม่ลนลาน


 


เจ้าบ่าวตระเตรียม...


 


 


ครบครันขันหมาก


 


     จัดเป็นพระเอกของพิธีแต่งงานแบบไทย เพราะเจ้าบ่าวและเครือญาติจะต้องยก “ขบวนขันหมาก”ไปสู่ขอเจ้าสาวถึงบ้าน จากที่WE พบเห็นมา ส่วนใหญ่การจัดชุดพานขันหมากจะมี ๒ แนวทางปฏิบัติ


 


 ๑.    มี “พานขันหมากเอก” ๑ พาน และ“พานขันหมากโท” ๑ พาน ซึ่งมีขนาดย่อมกว่า สื่อถึงความเป็นคู่ผัวตัวเมีย ส่วนพานอื่นๆ จัดเป็นเครื่องประกอบขันหมาก ดังนี้


 






 


     * พานขันหมากเอก ๑ พาน บรรจุหมาก – พลูเป็นจำนวนคู่ ถ่วั – งา -ข้าวเปลือก – ข้าวตอก ในถุงเงินถุงทอง ดอกรัก และใบเงิน ใบทอง ใบนาก


     * พานขันหมากโท ๑ พาน ประกอบด้วยหมากและพลู สมัยก่อนเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะนำไปไว้ในห้องพระ


     * พานดอกไม้ธูปเทียนแพ ๑ พาน สำหรับเจ้าบ่าวถือในขบวนขันหมาก และใช้ไหว้ผู้ใหญ่ในพิธีหมั้น หรือบางคู่ก็ใช้ในพิธีไหว้ผู้ใหญ่ด้วย


     * พานแหวนหมั้น ๑ พาน


     * พานสินสอด – ทองหมั้น จำนวนพานตามฐานะ ส่วนใหญนิยมแยกเป็นพานเงินสด ๑ พาน กับพานเครื่องประดับอีก ๑ พาน จะได้คู่กันพอดีแต่หากบ้านไหนสินสอดเยอะมากก็อาจจะมี             การแยกย่อยลงไปอีก เช่น พานเงินสด พานทองคำแท่ง พานเครื่องเพชร พานโฉนดที่ดิน เป็นต้น


     * พานขนมมงคล ๙ ชนิด ๑ คู่ ประกอบด้วยทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอก จ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ถ้วยฟู และเม็ดขนุนซึ่งขนมแต่ละชนิดสื่อถึงความหมายที่ดีเช่น


        ความเจริญรุ่งุ เรือง ร่ำรวยเงินทองมีคนคอยสนับสนุน ความเฟื่องฟู มีคนเอ็นดูรักใคร่ และมียศถาบรรดาศักดิ์


 


     เท่าที่ WE สังเกต พานขนมมงคลจะมีปัญหาแมลงวัน ผึ้ง และแมลงอ่นื ๆ มาตอมเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่น่าดู แถมคนถือก็รำคาญและกลัวถูกกัด บ่าว – สาวบางคู่จึงทำมุ้งผ้าโปร่งสวยงามครอบไว้ บ้างก็ตักขนมแต่ละชนิดใส่โหลแก้วเล็ก ๆ ปิดฝาไว้แล้วค่อยเรียงลงพานอีกที นับเป็นไอเดียที่ชาญ-ฉลาดมาก นอกจากจะดูสะอาดสะอ้าน ถือสะดวก ยังแลดูสวยงามอีกด้วย


 


     * พานผลไม้มงคล ๑ คู่ ประกอบด้วยผลไม้ที่มีชื่อหรือลักษณะเป็นมงคล เช่น มะพร้าว ส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสายน้ำผึ้ง (บางบ้านอาจมีมากกว่า ๑ คู่ แต่ต้องเป็นจำนวนคู่)


     * พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย ๑ คู่ สมัยก่อนเมื่อเสร็จพิธีแล้วนิยมนำไปปลูกเพื่อความเป็นสิริมงคล


 


 ๒.  นับ “ขันหมากเอก” เป็นชุดพานหลัก ส่วน “ขัน-หมากโท” เป็นชุดพานบริวาร


 


     * ขันหมากเอก ประกอบด้วยพานขันหมาก พานสินสอดทองหมั้น พานธูปเทียนแพ และพานแหวนหมั้น


     * ขันหมากโท ประกอบด้วยพานขนมมงคล พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย พานผลไม้มงคล


 


     นอกจากนี้บางบ้านอาจมีการผสมผสานวัฒนธรรมจีนเข้ามาด้วย เช่น มีคู่พานวุ้นเส้นพานไก่ต้มค่กู ับพานหมูนอนตอง (หมูสามชั้นต้มวางบนใบตอง) ฯลฯ ซึ่งก็ไม่ผิดแต่อย่างใดถามพานเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะวางไว้ระหว่างพานผลไม้มงคลกับพานขนมมงคล


 


 


อย่าเสียกระบวน


 











 


     ไม่ต้องเกี่ยงกันว่าใครจะยืนตรงไหน ถือพานอะไร ดูผังนี้แล้วจัดขบวนกันเลย


 


 


     ๑. เถ้าแก่ ถือซองเงินสำหรับเป็นค่าผ่านประตูและค่าสินน้ำใจต่าง ๆ


     ๒. เจ้าบ่าว ถือพานธูปเทียนแพเดินกับพ่อแม่ (สมัยนี้บางทีก็ให้เจ้าบ่าวเดินนำหรือเคียงเถ้าแก่เพื่อความสะดวกในการถ่ายภาพ)


     ๓. คู่พานต้นกล้วย – ต้นอ้อย เมื่อขบวนขันหมากมาถึงหน้าสถานที่ทำพิธี คู่พานต้นกล้วย -ต้นอ้อยจะต้องย้ายไปอยู่หลังคู่พานขนมมงคล หรือบางบ้านก็อาจให้คู่พานนี้อยู่ข้างหลังตั้งแต่แรก


     ๔.พานขันหมากเอก ให้ญาติผู้ใหญ่ถือ 


     ๕.พานขันหมากโท(ถ้ามี) ให้ญาติหรือเพื่อนถือเมื่อเสร็จพิธีแล้วนิยมนำไปเก็บไว้ในห้องพระ


      ๖. พานแหวนหมั้น มักถือคู่กับพานขันหมากเอกในกรณีที่ไม่มีพานขันหมากโท


     ๗.คู่พานสินสอด แนะนำให้เป็นญาติที่ไว้วางใจได้เป็นผู้ถือ


     ๘.คู่พานผลไมม้ งคล เชน่ มะพร้าวส้มโอ ทับทิม องุ่น ส้มสาย-น้ำผึ้ง


     ๙. คู่พานขนมมงคล ๙ ชนิดได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอดฝอยทอง ขนมชั้น ทองเอกจ่ามงกุฎ เสน่ห์จันทร์ ถ้วยฟูและเม็ดขนุน


 


     หมายเหตุ – ถ้ามีขบวนรำ ส่วนใหญ่นางรำจะนำหน้าขบวน เมื่อใกล้ถึงหน้าบ้านเจ้าสาวจะแยกออกตั้งแถวรำรอที่


 


หน้าบ้าน ส่วนกลองยาวปิดท้ายขบวนและหยุดเล่นเมื่อเจ้าบ่าวขึ้นเรือนไปประกอบพิธีต่าง ๆ


 


      อย่าลืมฉัน


  •      ชุดตักบาตรหรือเครื่องไทยธรรมพร้อมชุดกรวดน้ำ (แล้วแต่ว่าคู่บ่าว – สาวเลือกตักบาตรร่วมกันหรือมีพิธีสงฆ์ ก่อนพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์)

  •      ชุดไหว้เจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านหรือสถานที่จัดพิธี

  •      ชุดรดน้ำ (สังข์ พานรับน้ำพระพุทธมนต์ ขันน้ำพานรอง ตั่ง มงคล แป้งเจิม)

  •      เผื่อจำนวนซองเงินหรือของรางวัลเอาไว้ด้วย

  •      ข้าวเปลือก งาดำ และดอกไม้ชื่อมงคลต่าง ๆ เช่น ดาวเรือง บานไม่รู้โรย โดยจัดเตรียมไว้ในพานใบเล็ก สำหรับโรยบนพานสินสอด สื่อถึงความเจริญงอกงามและความมั่งคั่ง

  •      มาลัยมงคล ๑ คู่ และมาลัยข้อมือหากต้องการกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่เป็นกรณีพิเศษ


                        ……………………………………………………………………………………………………………………………………….


 


เจ้าสาวตระเตรียม…


 


 


 






 


 


   ๑.พานเชิญขันหมาก


      ………………………..


 


      เมื่อขบวนขันหมากมาถึงหน้าบ้านจะมีผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวออกมาเจรจาต้อนรับพร้อมเด็กหญิงถือพานเชิญขันหมาก โดยจัดพานใส่หมากพลูตกแต่งสวยงามเตรียมไว้ให้เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว ซึ่งจะหยิบหมากพลูที่จีบไว้เป็นคำ ๆเคี้ยวกินหรือหยิบมาถือไว้พอเป็นพิธีแล้วให้ซองเงินหรือของรางวัล จากนั้นเจ้าบ่าวจึงเดินเข้าบ้านโดยผ่านประตูเงินประตูทอง


 


     จากที่เห็นมานิยมให้เด็กหญิงน่ารัก ๆแต่งชุดไทยมาถือพานเชิญขันหมาก แต่ WEขอแนะนำว่าควรเลือกเด็กที่โตพอจะรู้ความหน่อย จะได้รู้คิวว่าต้องทำอะไรตอนไหน และไม่ออกอาการงอแงเมื่อเจอคนเยอะหรือต้องยืนรอนาน ที่สำคัญอย่าลืมว่าผู้ถือเป็นเด็กไม่ว่าจะเลือกพานที่ตกแต่งวิจิตรแค่ไหนก็ต้องคำนึงถึงขนาด น้ำหนัก และความสะดวกในการถือของเด็กด้วย ไม่อย่างนั้นก็ต้องมีผู้ใหญ่มาช่วยประคองให้วุ่นอีก


 


     ๒.ทีมกั้นประตูเงิน


    ……………………..


 






   


      สมัยก่อนอาจจะเป็นญาติ ๆ หรือเพื่อน ๆ ผู้หญิงฝ่ายเจ้าสาวถือสายสร้อยมากั้นประตูอย่างสนุกสนาน แต่สมัยนี้นิยมจัดทีมเพื่อนเจ้าสาวแต่งชุดไทยถือสายมาลัยมากั้นเพื่อให้ภาพที่ออกมาดูสวยงามตามธีมงาน ซึ่งถ้าเจ้าสาวอยากให้เป๊ะแบบนี้ก็ต้องเตรียมเช่าชุดเพื่อนเจ้าสาวย้อนยุค (ราคาไม่แพง อยู่ที่ชุดละ๓๕๐ – ๘๐๐ บาท แล้วแต่ว่าอลังการแค่ไหน)


และมาลยั สวย ๆ เอาไว้ให้เพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ด้วย


 


     WE แนะนำให้เจ้าสาวทำความเข้าใจกบั เพื่อน ๆให้สนุกกันพอประมาณ ควรให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและคำนึงถึงฤกษ์สวมแหวนด้วย


 


     ๓.ของใช้ในพิธีล้างเท้า


     ……………………………


 






 


 


     ในสมัยโบราณยังไม่นิยมสวมรองเท้าเหมือนในปัจจุบัน ทุกบ้านจะมีการตั้งตุ่มน้ำให้เจ้าของบ้านหรือแขกที่มาเยือนได้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน เมื่อถึงพิธีแต่งงานจึงมีการแทรกการล้างเท้าเข้ามาเป็นหนึ่งในพิธีการ โดยใช้ใบตองและหินก้อนใหญ่รองที่เท้าเจ้าบ่าวก่อนล้าง


 


     พิธีล้างเท้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าบ่าวผ่านด่านประตูเงินประตูทองเป็นที่เรียบร้อย ด่านสุดท้ายจะมีน้องหรือญาติผู้น้องของฝ่ายเจ้าสาวยืนดักรอพร้อมขันที่มีน้ำสะอาดผสมมะกรูดและมะนาวเพื่อล้างเท้าให้ ดังนั้นผู้ทำหน้าที่นี้ควรจะอ่อนอาวุโสกว่าเจ้าบ่าวพอสมควร เมื่อล้างเสร็จเจ้าบ่าวจะต้องให้ซองเงินหรือรางวัลเล็ก ๆน้อย ๆ เป็นการตอบแทน


 


     สมัยนี้คนสวมรองเท้าเดินกันจนเป็นปกติจึงไม่มีความจำเป็นต้องล้างเท้าก่อนเข้าบ้านทำให้มีการประยุกต์พิธีล้างเท้ามาเป็นใช้ก้านมะยมมัดแล้วจุ่มน้ำในขันที่เตรียมไว้พรมบนรองเท้าเจ้าบ่าวพอเป็นพิธี ไม่ต้องล้างจนเท้าเปียกเหมือนสมัยก่อน


 


 


 ตระเตรียมร่วมกัน…


 







 


     


 


     ของไหว้ผู้ใหญ่


 


     หลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือพิธีหม้นั (แล้วแต่คู่ ) จะเป็นพิธีไหว้ผู้ใหญ่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและฝากเนื้อฝากตัวในฐานะเขย – สะใภ้คนใหม่ โดยใช้พานธูปเทียนแพพร้อมกับมอบของไหว้ผู้ใหญ่ ซึ่งสมัยก่อนนิยมมอบเป็นผ้านุ่งหรือผ้าพับ แต่สมัยนี้อาจดัดแปลงเป็นผ้าขนหนูหรือของอื่น ๆ ที่ดูดี ที่เห็นบ่อยก็เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องแก้ว สินค้าจากมูลนิธิหรือศูนย์ศิลปาชีพต่าง ๆ ถ้าจะให้ดีบ่าว – สาวน่าจะปรึกษาและช่วยกันเลือกว่าของแบบไหนที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายน่าจะชื่นชอบและได้ใช้ประโยชน์


 


     WE เคยเห็นบางงานที่คู่บ่าว – สาวตั้งใจเลือกของที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ชายและหญิงหรือบางคู่แม้จะให้เป็นผ้าไหว้เหมือนกันแต่ก็เลือกสีและชนิดของผ้าให้เหมาะกับแต่ละท่าน เช่นผ้านุ่งสีเข้มสำหรับรุ่นคุณย่าคุณยาย ผ้าไหมสำหรับรุ่นคุณแม่คุณป้า ผ้าขาวม้าสำหรับผู้ใหญ่ชายซึ่งก็สร้างความรู้สึกประทับใจและเอ็นดูได้ไม่น้อย เพราะรู้สึกว่าลูกหลานใส่ใจและของที่ได้ก็สามารถนำไปใช้ได้จริง ๆ


 


     นอกจากนี้ควรเตรียมของไหว้ผู้ใหญ่สำรองเอาไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่มาเพิ่มหน้างานด้วย โดยควรเป็นของกลาง ๆ ที่ให้ใครก็ได้หรือถ้าใช้ไม่หมดก็สามารถนำไปใช้เองหรือให้คนอื่นต่อได้ เช่นผ้าขนหนู เซตผ้าเช็ดมือ เซตแก้วกาแฟ ฯลฯ


 


     หมายเหตุ – ผู้ใหญ่ที่เป็นสามี – ภรรยากันอาจให้ของรับไหว้รวมกัน แต่บ่าว – สาวก็น่าจะเตรียมของไหว้สำหรับทั้งสองท่าน เพราะ WE เคยเจอเคสที่ผู้ใหญ่ทวงถามว่ามา ๒ คนทำไมให้ ๑ ชิ้น จะทำให้เสียความรู้สึกกันเปล่า ๆ อีกอย่างของรับไหว้มักเป็นเงินทองของมีค่า อย่างไรก็ไม่น่าจะขาดทุน


 


 


 


     ของใช้ในพิธีส่งตัว


 


 






 


     เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการทุกอย่างแล้วจะเป็นพิธีส่งตัว ซึ่งมีของที่จะต้องจัดเตรียมคือ


 


     พานส่งตัว ประกอบด้วยแมวคราวหรือแมวนอน ไก่แจ้ หินบดยาหรือครกหิน ฟักแฟง เวลาส่งตัวผู้ใหญ่ซึ่งเป็นคู่รักอาวุโสที่อยู่กินกันอย่างมีความสุขและมีลูกหลานดีจะมอบพานนี้ไวเปน็ เครื่องเตือนใจให้บ่าว – สาวรักและครองเรือนกันอย่างมีความสุข โดยมีคำพูดคือ “ให้เย็นเหมือนฟัก ให้หนักเหมือนแฟง ให้แข็งแกร่งหนักแน่นเหมือนหินบดยา ให้อยู่กับเหย้า-เฝ้ากับเรือนเหมือนแมวคราว ให้ตื่นแต่เช้าหากินเหมือนไก่”


 


     ชุดเครื่องนอนใหม่เอี่ยม สำหรับปูในพิธีส่งตัว หากทำพิธีส่งตัวที่โรงแรมก็ควรนำชุดเครื่องนอนใหม่ไปปูทับแล้วเก็บมาใช้ต่อที่บ้านแน่นอนว่าต่อจากนี้คู่บ่าว – สาวจะต้องใช้ด้วยกันดังนั้นไปเลือกด้วยกันน่าจะดีที่สุด ไม่อย่างนั้นถ้าเจ้าสาวเลือกลายคิตตี้สีชมพูหวานแหววมาเจ้าบ่าวจะบ่นทีหลังไม่ได้นะเออ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

Sol and GRAVITE Bridal


     ขอบอกว่า WE ตื่นเต้นแทนว่าที่เจ้าสาวสุด ๆ เมื่อได้ข่าวว่ามีร้านชุดเจ้าสาวที่รวมแบรนด์ระดับท็อปของโลกเอาไว้ถึง 11 แบรนด์มาเปิดที่เมืองไทย เพราะแต่ละแบรนด์ได้แต่เคยเห็นจากรันเวย์หรือเห็นเจ้าสาวเซเลบใส่ ส่วนสาวไทยถ้าอยากจะใส่ก็ต้องลงทุนบินไปซื้อหาจากต่างประเทศ แล้วกว่าจะเลือก ตัด ลอง แก้ บางทีก็ต้องเสียเวลาบินไปบินมาหลายรอบ แต่นี่ทางร้านคัดสรรมาให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนได้สัมผัสกันง่าย ๆ ถึงเมืองไทยแล้ว


 







 


     ว่าแล้วก็ขอพาว่าที่เจ้าสาวไปสำรวจร้านใหม่ด้วยกันดีกว่า ทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้านเราก็สัมผัสได้ถึงความเรียบหรูและเอกซ์คลูซีฟสุด ๆ ชุดเจ้าสาวแต่ละแบรนด์ที่โชว์อยู่มีความงดงาม ประณีต เนี้ยบ และโดดเด่นกันไปคนละแบบ ตอบโจทย์เจ้าสาวได้ทุกคาแร็คเตอร์จริง ๆ


 







 








 


MONIQUE LHUILLIER


…………………………………


 


     ชุดแต่งงานสุดฮิตจากฝั่งอเมริกา มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (ตีคู่มากับVera Wang เลยทีเดียว) เห็นได้จากการที่เจ้าสาวฮอลลีวู้ดหลายคนเลือกสวมใส่ในวันสำคัญของพวกเธอ ทั้งรีส วิเทอร์สปูน,บริทนีย์ สเปียร์ส, แอชลีย์ ซิมป์สัน, อลิเซียซิลเวอร์สโตน, แคร์รี่ อันเดอร์วู้ด และพิ้งค์


     Monique Lhuillier ขึ้นชื่อเรื่องการใช้ลูกไม้ที่ประณีตและมีเอกลักษณ์ ชุดทรงเอไลน์และทรงบอลกาวน์ที่ให้อารมณ์เจ้าหญิง สไตล์ของชุดอยู่กึ่งกลางระหว่างความหวานกับความเท่ ไม่ได้หวานจัดหรือใส่ยากเสียจนต้องเป็นผู้หญิงที่มีคาแร็คเตอร์เด่นชัดถึงจะใส่ได้ จึงน่าจะถูกใจเจ้าสาวชาวไทยเป็นที่สุด


     นอกจากนี้ยังมีหลายระดับราคาให้เลือกสรรตามงบ โดยแบรนด์นี้แบ่งชุดเจ้าสาวเป็น 3 ไลน์ คือ Monique Lhuillier Blissซึ่งราคาไม่แรงนัก เริ่มต้นที่หลักหมื่นปลาย ๆไปจนถึงแสนกว่าบาท (ไลน์นี้ทางร้านไม่ได้นำเข้ามา แต่ถ้าสนใจสามารถสั่งได้) MoniqueLhuillier Collection ราคาราว 2 – 4 แสนบาทและ Monique Lhuillier Platinum เน้นงานปักที่ประณีตขึ้น เช่น งานปักสามมิติ ปักซ้อนลูกไม้ ฯลฯ สนนราคาเรมิ่ ตน้ ที่ 4.5 – 7 แสนบาท


 











 


ZUHAIR MURAD


……………………….


 


     แบรนด์อิตาลีขวัญใจดีว่าสาวเจนนิเฟอร์โลเปซ ที่โด่งดังเรื่องความเป็น “กูตูร์” และงานปักอลังการตามสไตล์ของดีไซเนอร์ซึ่งเป็นชาวเลบานอน ทรงชุดจะค่อนข้างใหญ่เหมาะกับงานแต่งในห้องแกรนด์บอลรูมที่เชิญแขกเป็นพัน ๆ คน ซึ่งเจ้าสาวจะต้องสวยเว่อร์วังและโดดเด่นพอจะเป็นจุดสนใจท่ามกลางแขกจำนวนมหาศาล


     ความจริงแล้วงานกูตูร์จะมีสนนราคาอยู่ที่ 1 – 10 ล้านบาท ซึ่งยากที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ แต่ Zuhair Muradได้ทำไลน์ชุดแต่งงานออกมาโดยประยุกต์ดีเทลของความเป็นกูตูร์มาใช้เพื่อให้เจ้าสาวที่หลงใหลความเป็นกูตูร์ได้ใส่ในราคาที่เบาลง…ราว ๆ 6 แสนไปจนถึงล้านบาท


 








 






 


AMSALE


……………


 


     ชุดเจ้าสาวสไตล์โมเดิร์น เรียบหรูดูดี เหมาะกับเจ้าสาวที่ชอบอะไรคลีน ๆ เรียบ ๆ แต่ยังคงความเนี้ยบกริบของคัตติ้งเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกที่จะเห็นนางเอกฝรั่งสวมใส่ชุดของแบรนด์นี้เข้าฉากแต่งงานในหนังและซีรี่ส์ดังหลายเรื่องเช่น When in Rome, The Hangover, 27 Dresses,Grey’s Anatomy


     บริษัทนี้ยังมีอีก 2 แบรนด์ย่อยสำหรับเจ้าสาวคาแร็คเตอร์ต่าง ๆ คือ Christos เป็นชุดแต่งงานแนวหวาน ๆ ดูเบา ๆเน้นลูกไม้ งานปักดอกไม้ หรือชุดสีพาสเทล และ Kenneth Pool เน้นงานปักเลื่อม ส่วนใหญ่เป็นสีเงิน ดูแกลม ๆ น่าจะถูกใจเจ้าสาวที่ชอบความหรูหราแบบพอดี ๆ ทั้ง 3 แบรนด์นี้อยู่ในเรตราคาที่จับต้องได้คือแสนกว่า ๆ ไปจนถึง 3 แสนบาท


 


 








 


MARCHESA


…………………


 


     อีกแบรนด์อเมริกันที่ดังมาจากงานพรมแดงท้งั หลาย ความโดดเด่นของแบรนด์นี้ยังคงอยู่ที่งานปักมือด้วยลวดลายที่มีดีไซน์เฉพาะตัว ให้อารมณ์โรแมนติกและหวานหน่อย ๆ ทรงชุดที่ได้รับความนิยมคือทรงปริ๊นเซสและบอลกาวน์


     ขอบอกว่า สาว ๆ ฮอลลีวู้ดก็กรี๊ดแบรนด์นี้ไม่เบานะ นอกจากนางเอกแถวหน้าจะพร้อมใจกันใส่เดินพรมแดงจนแทบจะกลายเป็นเครื่องแบบแล้ว คนดังระดับโลกหลายคนยังเลือกใส่ชุดของ Marchesa เดินสวย ๆ เข้าพิธีแต่งงานด้วย อาทิ นิโคล ริชี่ และเบลก ไลฟ์ลี่ ส่วนสนนราคาจัดว่าพอเอื้อมถึงโดยอยู่ที่ 3 – 5 แสนบาท เหมาะกับเจ้าสาวที่อยากได้ลุคเจ้าหญิงและชื่นชอบแบรนด์ดัง


 








 







 


JENNY PACKHAM


………………………….


 


     หนึ่งในแบรนด์อังกฤษที่เจ้าหญิงเคทโปรดและสวมใส่ออกงานราตรีบ่อย ๆ จนทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงขึ้นเป็นเท่าตัว ในช่วง 6 – 7 ปีที่ผ่านมานอกจากทำชุดราตรีแล้ว Jenny Packham ยังหันมาทำชุดแต่งงานด้วย


     แบรนด์นี่มีสไตล์เฉพาะตัว ฝีมือปักประณีตมาก เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นผลงานของที่นี่ ชุดแต่งงานเป็นแนว Glamour แบบ Old Hollywoodมีการปักเลื่อมหรูหรา เป็นทรงตรง เอวสูง และมีกลิ่นอายวินเทจ เหมาะกับงานแต่งในโบสถ์งานแต่งธีมวิทเทจ ธีมแกตส์บี้ และธีมทะเล(เพราะชุดไม่ฟูมาก) ราคาอยู่ที่ประมาณแสนกว่าไปจนถึง 3 แสนบาท เจ้าสาวคนดังที่เลือกใส่ชุด


ของ Jenny Packham ก็เช่น เอลิซาเบทเฮอร์ลีย์, ฮัลลี เบอร์รี, เจมี่ เพรสลีย์


     นอกจากนี้ยังมีชุดเจ้าสาวชื่อดังในตำนานอีกเพียบ อาทิ Pronovias แบรนด์เก่าแก่ของยุโรปที่มีอายุกว่า 50 ปี Elie Saab แบรนด์ดังที่ตัดชุดแต่งงานให้กับเจ้าหญิงสเตฟานีแห่งลักเซม-เบิร์ก Carolina Herrera เจ้าแม่แห่งความคลาส-สิกผู้ตัดชุดให้นางเอกเบลล่าในฉากแต่งงานของหนังดัง Twilight และ Oscar de la Rentaเจ้าพ่อแห่งความไฮคลาสของวงการแฟชั่น ฯลฯ


รวมทั้งแอ๊กเซสซอรี่ส์สำหรับชุดแต่งงานทั้งเวลและแฮร์พีซของแบรนด์ดีไซเนอร์มากมาย


 


     ทั้งนี้ เกือบทุกแบรนด์ได้ตบเท้ามารายงานตัวกับเจ้าสาวชาวไทยเรียบร้อยแล้ว…รอเพียงคุณเดินเข้าไปเลือกให้เหมาะกับความฝันและความเป็นตัวเอง


 


 






 


 


 


ข้อดีของการซื้อชุดแต่งงานไฮแบรนด์ในเมืองไทย


 


• ไม่ต้องบินไปบินมาหลายรอบ


• ได้ลองโดยมีช่างดูแลและวัดไซส์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบ ขณะที่ในต่าง-ประเทศบางร้านอาจมีแค่พนักงานขาย


• ได้เลือกหลายแบรนด์ในคราวเดียวกัน ไม่ต้องเดินหาหลายร้านเพราะร้านในต่างประเทศส่วนใหญ่จะรวมไว้แค่ 3 – 4 แบรนด์


• สั่งเพิ่มเติมรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ ได้ (หากไม่กระทบกับดีไซน์มากนัก)


• การสั่งปรับไซส์ใช้เวลา 1 เดือนซึ่งลูกค้าสามารถเข้าไปลองได้ทันทีจึงรับชุดที่พอดีตัวได้เร็วกว่าไปซื้อเมืองนอก

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

10 บทเรียนเซ็กส์แบบ Fifty Shades of Grey

เกาะกระแสนิยายแนวอิโรติค  Fifty Shades of Grey กันสักหน่อย เพราะได้ยินสาวๆ พูดถึงกันมาสักพักใหญ่จนมาดามอดใจไม่ไหว ต้องขอหยิบขึ้นมาอ่านบ้าง ครั้นพออ่านเสร็จก็แบบว่า…เอิ่ม มันน่าสนแฮะ!! แต่ไม่ใช่พ่อคริสเตียน พระเอกโคตรรวยและจ่ายได้ทุกอย่างหรอกนะ แต่เป็นวิธีการจัดเซ็กส์แบบที่พ่อเจ้าประคุณคิดได้ต่างหากที่มาดามว่า

บทเรียนเซ็กส์ที่ 1 : “Vanilla Sex” จัดเซ็กส์ธรรมดาให้หวือหวาเร้าใจ

เซ็กส์ธรรมดาๆ ที่คุ้นเคยไม่ใช่ไม่มีพิษสงนะจ๊ะ เพราะการค่อยๆ เพิ่มจังหวะการเล้าโลมให้นำอารมณ์ไปถึงจุดสุดยอดแต่กั๊กไว้ไม่ให้ถึงสักที มันเร้าใจยิ่งกว่าอะไรดี ทำแบบนี้ดูบ้าง เซ็กส์ธรรมดาท่าเดิมๆ ก็หวือหวาขึ้นมาได้เหมือนกัน

บทเรียนเซ็กส์ที่ 2 : “Feel the Freeze” ความเย็นกระตุ้นจุดเดือด

ก้อนน้ำแข็งถูหลังแบบจันดาราเอ๊าท์ไปนานแล้ว ถ้าจะมีเซ็กส์แบบคริสเตียนและแอนนาต้องอมน้ำแข็งไว้ในปากแล้วละเลียดลิ้นเย็นๆ ลงบนกลางหลังเธอรวมถึงเพิ่มความเร้าร้อนให้กับการออรัลเซ็กส์ได้ด้วย วิธีนี้ไม่เจ็บปวดแต่สุดสยิวเป็นที่สุด

บทเรียนเซ็กส์ที่ 3 : “Do It Everywhere- But Bed” เซ็กส์สนุกทุกที่ แต่ไม่ใช่บนเตียง

เล็งมุมให้ทั่วบ้าน เพราะทุกพื้นที่สามารถจัดเซ็กส์ยอดเยี่ยมได้ไม่แพ้กัน ดูอย่างคริสเตียนกับแอนนาสิ คู่นี้ยังจัดเซ็กส์ได้ทุกซอกมุม ทั้งบนโต๊ะทำงาน บนเปียโน ไม่เว้นแม้แต่ในลิฟท์ขึ้นบ้าน (ที่ได้ข่าวว่าเป็นของสาธารณะ) เพียงแต่มาดามจะขอเตือนไว้ว่า ถ้าริจะขึ้นไปขย่มกันตรงจุดไหน จงเช็คให้มั่นใจก่อนว่า จุดนั้นรับน้ำหนักได้ดี และไม่มีช่องว่างให้ใครมาแอบดู เพราะอย่าลืมนะว่า ใช่ว่าแม่บ้านหรือบอดี้การ์ดของคุณจะดีเริ่ดอย่างมิสซิสโจนส์และเทเลอร์

บทเรียนเซ็กส์ที่ 4 : “Tying One On”  ล่ามเธอไว้

แค่ยอมให้เขาล่ามไว้สักนิดก็เหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่า ยอมให้เขามีอำนาจเหนือกว่าในเกมนี้ ฉะนั้นจะล่ามไว้ด้วยกุญแจมือ (ขอให้มั่นใจว่าลูกกุญแจไม่ได้หายไปไหน) หรือจะเป็นเนคไทเส้นโปรดก็ได้  เพราะเมื่อคุณถูกพันธนาการไว้จนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้อย่างที่ต้องการ ความตื่นเต้นจะบังเกิดจนเพลงรักที่กำลังบรรเลงดึงดูดใจมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

บทเรียนเซ็กส์ที่ 5 : “Going Blind”  ปิดตาเธอซะ

การลดประสาทสัมผัสอย่างการมองเห็น จะไปเพิ่มความสามารถให้ประสาทสัมผัสด้านอื่นทำให้จินตนาการกระเจิดกระเจิง เคล็ดลับเด็ดอยู่ที่การแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แล้วเดาเล่นๆ ในใจว่า อะไรบ้างหนอจะลงมาสัมผัสจุดสงวนของคุณ

บทเรียนเซ็กส์ที่ 6 : “Get Ballsy” ซี๊ดซ๊าดทุกก้าวย่าง

ทริกการใส่ของเล่นไว้ในตัวสาวๆ เพิ่มเลเวลความสนุกให้กับเซ็กส์ได้ไม่น้อย  ลองทำตามแอนนาดูบ้างก็ไม่เลว แต่ต้องชัวร์นะว่า ลูกบอลที่ใส่เข้าไปกับความรับได้ของตัวคุณไม่ขัดแย้งกัน เพราะในชีวิตจริงอาจเสี่ยงที่จะทำตามมากไปหน่อย ถ้าคิดว่าแน่ไม่พอ ลองซี๊ดเบาๆ กับช๊อตที่แอนนาแกล้งลืมใส่กางเกงในในคืนเดทดีกว่าไหม แต่ทำแล้วต้องกระซิบบอกเขาให้รู้ด้วยล่ะ (จะให้ดีต้องไปถึงงานก่อนค่อยบอก) แล้วหลังจากนั้น เชื่อมาดามเถอะว่า การเล้าโลมที่รอคอยและเซ็กส์สวาทจะไล่ล่ามาหาคุณเอง

บทเรียนเซ็กส์ที่ 7 : “Get Your Engines Revving” กระตุ้นเร้าตามจังหวะคันเร่ง

ไม่ต้องถึงกับหาฉากไล่ล่ามาบิ้วบรรยากาศก่อนจัดเซ็กส์ แค่มองหาสถานที่เหมาะๆ ที่คุณทั้งคู่มั่นใจในความปลอดภัยได้ เช่นลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย หรือจุดพักรถที่ไม่พลุกพล่าน จากนั้นโฟกัสกันเองสองต่อสองในรถ ช็อตต่อไปน่าจะเป็นเรื่องเบาะๆ ที่มาดามไม่ต้องบอก คุณก็คงเรียนรู้กันเองได้อยู่แล้วใช่ไหมว่าต้องทำอะไรกันดี

บทเรียนเซ็กส์ที่ 8 : “Be a Little Naughty” เด็กไม่ดีจะโดนตี

มาดามไม่เถียงที่คริสเตียนบอกว่า การตีก้นก็ช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ แต่ไม่ใช่เอาแต่ฟาดไม่ยั้งมือ แค่ตีเบาๆ ตอนที่เล้าโลมหรือระหว่างสอดใส่ก็พอ เพราะทั้งความเจ็บปวดและความพึงพอใจที่ได้มีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน จะทำให้สมองหลั่งสารโดพามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์มึนเมาเวลาที่ตกหลุมรักและเป็นฮอร์โมนที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้

บทเรียนเซ็กส์ที่ 9 : “Get Clean and Dirty” แค่ฝักบัวและการลูบไล้

พูดเลยว่าต่อให้เขาทั้งหล่อ รวยและสุดเซ็กซี่แต่มีเซ็กส์ด้วยกันตอนอาบน้ำยังไงก็ไม่เวิร์ค! เพราะน้ำจะชะล้างความชุ่มชื้นตามธรรมชาติออกไปหมด และคุณคงไม่ปลื้มที่จะให้ฟองสบู่เข้าไปในตัวคุณ เอาแบบนี้ไหม ถ้าไม่อยากรู้สึกว่ากำลังมีเซ็กส์ท่ามกลางฟองสบู่ก็ให้เขาประกบคุณจากด้านหลัง โดยตัวคุณหันหน้าชิดกำแพง  วางมือของคุณไว้บนกำแพงห้องน้ำและใช้ออยเป็นสื่อกลาง แบบนี้มาดามว่าไหลลื่นกว่าเยอะ

บทเรียนเซ็กส์ที่ 10 : “Be Open to “OFF-Limits” Ideas” เปิดรับประสบการณ์แบบไร้ขีดจำกัด

“บริเวณรูทวารและใต้หัวหน่าวเต็มไปด้วยประสาทสัมผัส” แม้ตอนแรกแอนนาจะแอบตาเหลือกที่ได้ยินว่าคริสเตียนตั้งใจมั่นว่าวันหนึ่งจะมีเซ็กส์กับเธอในจุดที่ว่าให้ได้ก็ตาม แต่ถ้าคุณเริ่มต้นดีอย่างคริสเตียน แอนนาก็ยอมศิโรราบ เพียงแต่งานนี้ต้องไม่ลืมให้เขานำร่องด้วยเจลหล่อลื่นและนิ้วก่อน รับประกันได้เลยว่าคุณจะถึงจุดสุดยอดแบบถึงใจ

บทเรียนไหนโดนใจคุณบ้างก็ลองเลือกกันดูละกัน มาดามเชื่อแบบล้านๆ เปอร์เซนต์เลยว่า แม้ที่บ้านจะไม่มี Playroom ที่เต็มไปด้วยเซ็กส์ทอยต่าง ๆ อย่างคู่นี้ แต่ทุกวิธีสามารถนำไปปรับประยุกต์ให้เวิร์คกับคู่ของคุณ  และทั้งหมดนี้จะช่วยเปลี่ยนรูปแบบชีวิตเซ็กส์ของคุณให้เหมือนอย่างในนิยายสุดฮิตได้แน่นอน

เรื่อง : Madam Hong Hern

ภาพ : www.celebuzz.com

LINE OF LOVE


สร้างตัวอักษรจากเส้นริบบิ้น ร้อยเรียงเป็นคำพูดแทนใจ จากนั้นถ่ายรูปเพื่อนำไปทำการ์ดแต่งงานหรือประดับภายในงานได้

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

PHOTO BUNTING


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจ ประดับไว้ด้านหลังของภาพ แล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ..เลิฟ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

PHOTO BUNTING


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจ ประดับไว้ด้านหลังของภาพ แล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ..เลิฟ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

RIBBON STYLE IDEAS


     ใครจะคิดว่าแค่ริบบิ้นเพียงเส้นเดียวก็สามารถรังสรรค์การตกแต่งได้เกือบทุกส่วนของงานครั้งนี้ WE ขอรวบรวมไอเดียสร้างสรรค์ผ่านเส้นสายริบบิ้นเพื่อให้ว่าที่เจ้าสาวได้นำแรงบันดาลใจนี้ไปปรับใช้


 


LINE OF LOVE


 







 


สร้างตัวอักษรจากเส้นริบบิ้น ร้อยเรียงเป็นคำพูดแทนใจ จากนั้นถ่ายรูปเพื่อนำไปทำการ์ดแต่งงานหรือประดับภายในงานได้


 


PHOTO BUNTING


 






 


รูปโพลารอยด์ 3D ที่แค่นำริบบิ้นมาขดเป็นหัวใจประดับไว้ด้านหลังของภาพแล้วนำไปห้อยตกแต่งในงานก็สร้างบรรยากาศสุดเลิฟ…เลิฟ


 


HAPPY CHANDELIER


 






 


ริบบิ้นธรรมด๊า…ธรรมดานำมาสร้างเป็นแชนเดอเลียร์สุดเก๋ ใช้ห้อยตกแต่งทั่วงานโดยติดริบบิ้นไว้กับสะดึงไม้ต่างขนาดห้อยไล่ระดับลงมาเป็นชั้น ๆ อีกไอเดียที่คุณเองก็สามารถทำได้ง่าย ๆ แถมสบายกระเป๋า


 


PIN IT !


 






 


ปักธงให้แขกสุดพิเศษ โดยตกแต่งจานอาหารด้วยก้านไม้ประดับริบบิ้นปักลงบนกรวยกระดาษที่วางทอฟฟี่หอมหวานไว้เป็นการต้อนรับ


 


RIBBON GARLAND


 






 


ธงริบบิ้นฟรุ้งฟริ้งห้อยระโยงระยางในโทนสีชมพูทอง เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจ แถมสามารถคุมงานไซส์ใหญ่ ๆ ได้อยู่หมัด


 


LAPEL PIN


 






 


เสริมหล่อให้เจ้าบ่าวและผองเพื่อนด้วยเข็มกลัดดอกไม้ริบบิ้นแทนการใช้บูโทเนียร์ดอกไม้สดทำง่าย ใช้ง่าย เข้าธีมเป๊ะ แถมเก็บไปใช้ในโอกาสอื่นได้อีกด้วย


 


EASY JEWEL


 






 


หากสร้อยมุกเส้นเดียวยังไม่บึ้มถึงใจเจ้าสาวเปรี้ยว อาจลองตกแต่งด้วยริบบิ้นสีตามชอบก็จะได้สร้อยเส้นใหม่ถูกใจสุด ๆ 


 


HEADPIECE FOR BRIDESMAID


 







 


ที่คาดผมอันโตแสนโดดเด่นจากริบบิ้นผ้าซาตินเหมาะมากกับแก๊งเพื่อนเจ้าสาวเว่อร์วังหรือช่วงเวลาอาฟเตอร์ปาร์ตี้สุดมัน


 


RIBBON FLOWER BROOCH


 


 






 


ดอกไม้กระดาษจะไม่ใช่นางเอกในใจของสาว ๆ อีกต่อไป เพราะครั้งนี้ Mrs. Only HandMade & The Gang ขอนำเสนอดอกไม้จากริบบิ้นผ้าซาตินในรูปแบบต่าง ๆ ให้สาวกได้นำไปปรับเป็นไอเดียเริด ๆ อีกมากมายแล้วคุณจะแปลกใจว่าริบบิ้นเส้นยาว ๆ สามารถประดิษฐ์เป็นดอกไม้ต่างชนิดได้แบบไม่ซ้ำกันเลย


 


MINI FLOWER STICK


 






 


เพิ่มความหวานให้คัพเค้กแสนน่ารักด้วยดอกไม้ริบบิ้นอันจิ๋ว แขกคนไหนเห็นเป็นต้องห้ามใจไม่อยู่


 


ROSES ARE RED


 






 


ไม่ต้องยุ่งยากไปควานหาเค้ก 7 ชั้น แค่เค้กเรียบ ๆ ชั้นเดียวที่เน้นประดับประดาด้วยมวลดอกไม้จากริบบิ้นในโทนสีแดง ก็ส่งให้งานแต่งงานไซส์เล็กของคุณโดดเด่นขึ้นทันที


 


RIBBON FLOWER


 






 


ดอกไม้นานาชนิดที่สร้างสรรค์ขึ้นจากริบบิ้นผ้า เป็นตัวอย่างให้สาว ๆ ได้ดัดแปลงไปใช้ในไอเดียอื่น ๆไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ในกรวยไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวถือแทนช่อดอกไม้ หรือแม้กระทั่งนำไปตกแต่งเป็นเซ็นเตอร์พีซ


 


THE YELLOW BLOSSOM


 






เพิ่มความสดใสน่ารักให้งานเลี้ยงแบบ Long Table หรือโต๊ะแคเทอริ่งด้วยดอกไม้นานาชนิดในโทนสีเหลืองที่ทั้งหมดสรรค์สร้างจากริบบิ้นผ้าจัดช่อฟู่ฟ่ารวมกันในแจกันทรงเหลี่ยมประดับด้วยกระดาษสีเหลืองลายจุด…เก๋กว่านี้มีอีกไหม


 


CHIC ON THE HEELS


 






 


รองเท้าเรียบ ๆ สีเทาเงินที่สามารถใส่ได้ทุกงาน กลายเป็นรองเท้าคู่ใหม่สุดหรูได้โดยนำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นสีม่วง เอาไว้ให้ทีมเพื่อนเจ้าสาวใส่เข้าขากันอย่างลงตัว


 


RIBBON HAIR BOWS


 






 


กิ๊บติดผมหลากแบบจากริบบิ้นผ้าซาติน เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ที่มาร่วมงาน


 


DREAMWEAVER


 


 






 


ลองเลือกจับคู่สีกระดาษกับสีริบบิ้นให้เข้ากัน แล้วสร้างลวดลายบนกล่องจากการสานริบบิ้นซ้อนทับกัน แค่นี้คุณก็จะได้ของขวัญที่ดูมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร แถมบ่งบอกถึงความตั้งใจอย่างที่สุด


 

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

10 เทรนด์ผมเจ้าสาวสุดเจิดแห่งปี 2015

     WE ขอเกาะติดเทรนด์แฟชั่นชุดแต่งงานปี 2015 ด้วยการพาว่าที่เจ้าสาวไปยลโฉมทรงผมที่รับรองว่า  ถ้าเอาไปทำจะสวยเจิดรับวันแต่งงาน

 

1.เรียบหรูด้วยทรงมวยต่ำ

 

 

เริ่มต้นด้วยผมทรงมวยต่ำที่ปรากฏบนรันเวย์ของ Monique Lhuillier  ที่ดูเรียบหรูเหมาะสำหรับพิธีการในวันแต่งงาน  อีกทั้งยังช่วยให้เจ้าสาวได้อวดคอเรียวระหง  เจ้าสาวสามารถเลือกแบบแสกกลาง  แสกข้าง  หรือเสยเก็บ  ความพิเศษอยู่ที่เท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามและมวยด้านหลังไม่ว่าจะเป็น มวยกลม  มวยไขว้  หรือเปีย

 

2. เกล้าเก็บด้านหลังด้วยมวยขนาดใหญ่ 

 

 

เพื่อให้ได้มวยผมขนาดใหญ่  Pronovias ใช้เทคนิคถักผมเปียก่อนจะม้วนเก็บเป็นมวย  ลักษณะเด่นของทรงนี้คือดูเป็นทางการ  ผมไม่หลุดลุ่ยระหว่างงาน  และสามารถติดเวลบริเวณมวยได้สวยงาม

 

 

3. เฮดแบนด์แทนมงกุฎดอกไม้

 

 

แอ๊กเซสซอรี่ส์ที่โดดเด่นบนรันเวย์ของ Oscar De La Renta คือเฮดแบนด์เส้นบางประดับเพชร  ลักษณะพิเศษคือลวดลายดอกไม้ขนาดเล็กเรียงร้อยกัน  และประกายเพชรที่แข่งกันส่องประกายสะท้อนแสงไฟ 

 

4. เปียหลวมให้ลุคสวยธรรมชาติ

 

 

เพราะชุดแต่งงานที่มาในสไตล์เรียบง่ายและบางเบา  ทรงผมบนรันเวย์ของ Marchesa จึงเป็นแนวสบายQ ให้ลุคธรรมชาติผ่านการเกล้าแบบง่าย ๆ และถักเปียหลวม ๆ 

 

 

5. แฮร์พีซออริกามิ

 

 

ศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นถูกนำมาใช้ตกแต่งผมในแฟชั่นชุดแต่งงานของ Carolina Herrera  ทรงผมออกแบบมาในทรงชิคนอน (Chignon) ตกแต่งด้วยแฮร์พีซออริกามิที่ออกแบบคล้ายโบและดอกไม้  นอกจากจะสร้างความโดดเด่นแก่ทรงผมของเจ้าสาวแล้ว  ยังให้กลิ่นอายพิธีแต่งงานของชาวอาทิตย์อุทัยอีกด้วย

 

6. ทรงผมอารมณ์วินเทจ

 

 

 

Galia Lahav สื่อถึงความเป็นผู้หญิงและความเย้ายวนของสตรีผ่านทรงผมสไตล์วินเทจ  เท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามรับกับชุดผ้าซาตินมันวาว  ความหรูหราและความเป็นผู้หญิงถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมกันอย่างลงตัว

 

7. ดั่งราชินี

 

 

นางแบบปรากฏกายราวกับราชินีเมื่อ  Ivy & Aster ผสมผสานมงกุฎสีทองกลมกลืนไปกับชุดแต่งงานในโทนสีงาช้าง  ทรงผมเกล้ารองรับเถาไม้และดอกไม้ที่ร้อยรัดกันเป็นมงกุฎช่อชัยพฤกษ์

 

8. สวยเซ็กซี่ด้วยผมลอนสยาย

 

 

ผมลอนสยายกลมกลืนไปกับชุดแต่งงานสวยหวานบนรันเวย์ของ Reem Acra  ผมลอนใหญ่และเท็กซ์เจอร์ผมที่เงางามช่วยทำให้เจ้าสาวดูเซ็กซี่อย่างมีระดับ

 

 

9.  ทรงหางม้าเรียบง่ายแต่หรูหรา

 

 

ทรงผมที่ดูเรียบง่ายอย่างทรงหางม้ากลับช่วยสร้างความโดดเด่นให้แก่นางแบบบนรันเวย์แฟชั่นชุดแต่งงานของ Jenny Packham  เทคนิคคือการทำให้ผมช่วงบนพองเล็กน้อย  ตามด้วยการรวบหางม้าระดับต่ำ

 

10. ผมตรงยาวอย่างนางแบบบนรันเวย์

 

 

เพราะชุดแต่งงานถูกดีไซน์มาในสไตล์โก้เก๋  ทรงผมเจ้าสาวของ Vera Wang จึงเป็นทรงตรงยาวเรียบ  ผมทรงนี้ให้อารมณ์นางแบบบนรันเวย์แฟชั่นมากกว่าจะเป็นเจ้าสาวตามประเพณีนิยม

สาวๆ ลองนำเทรนด์ผมเหล่านี้ไปใช้ในวันแต่งงาน  WE รับรองว่าว่าที่เจ้าสาวจะไม่เพียงสวยเจิด  แต่ยังดูเริ่ดราวกับนางแบบบนรันเวย์

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก: www.pinterest.com  www.weddinghairstyles.com  www.instyle.com  www.makmoda.com  http://carolinaherrerabride.com  www.blog.theknot.com  www.marthastwertweddings.com  www.reemacra.com www.iwdbridal.com  www.sartorialbysana.com  www.fashionisers.com

 

เรื่องโดย: แฟ้มข้อมูลนิตยสาร WE
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE

7 เคล็ดลับเลือกเวลอัพลุค

สาวๆ หลายคนอาจคิดว่าการติดเวลดูไม่เหมาะกับงานแต่งงานของคนไทย  แต่อย่าเพึ่งด่วนตัดสินใจ  วันนี้ WE มีเคล็ดลับอัพลุคด้วยเวลให้เจ้าสาวได้สวยเจิดและเกิดกว่าที่เคย

 

1. เวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ตัวช่วยสาวหน้ากลม

 

 

สาวหน้ากลมควรเลือกเวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ซึ่งมีความยาวระดับไหล่  เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น  ข้อควรระวังสำหรับสาวหน้ากลมคือ  ไม่ควรเลือกเวลที่มีความพองและมีการตกแต่งมากนัก  เพราะจะเป็นการดึงจุดสนใจมาที่บริเวณใบหน้า

 

2. สาวหน้าเหลี่ยมดูอ่อนหวานด้วยเวลเพิ่มวอลุ่ม

 

 

สาวหน้าเหลี่ยมควรเลือกเวลโชลเดอร์เลนท์ (shoulder length) ที่มีการเพิ่มวอลุ่มด้านบน เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนโยนขึ้น

 

 

3. สาวหน้ารูปไข่  เวลทรงไหนก็รับกับรูปหน้า

 

 

 

 

แม้สาวหน้ารูปไข่จะเป็นผู้โชคดีที่สวมเวลทรงไหนก็เข้ากับใบหน้า  แต่สาวๆ อย่าตกม้าตายด้วยการเลือกเวลไม่เข้ากับชุด  อาทิเช่น  ชุดแต่งงานที่มีการตกแต่งมาก  เจ้าสาวก็ไม่ควรเลือกเวลที่มีรายละเอียดเยอะ  เพราะเวลจะไปแข่งกับชุดแต่งงานนั่นเอง

 

4. สวยเก๋ด้วยเวลเบิร์ดเคจ (bird cage)

 

 

หากเจ้าสาวอยากตกแต่งเรือนผมให้ดูเก๋  อาจเลือกเวลเบิร์ดเคจหรือเวลแบบตาข่ายที่ยาวระดับคาง   เวลแบบนี้ยังสามารถนำมาตกแต่งเรือนผมเพื่อให้อารมณ์วินเทจได้อีกด้วย

 

 

5. อ่อนหวานด้วยเวลยาว

 

 

   

  หากเจ้าสาวอยากดูอ่อนหวาน  ให้เลือกเวลที่มีความยาวระดับศอก (elbow length) ปลายนิ้วมือ (finger length) หรือยาวระดับเข่า (knee length) เวลที่ยาวแต่ไม่ถึงขนาดระพื้นนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เจ้าสาวดูสวยหวาน  แต่ยังช่วยให้เดินหรือเต้นรำภายในงานได้สะดวก 

 

 

6. งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

 

 

  

 

หากเจ้าสาวอยากปรากฏกายราวกับเจ้าหญิงหลุดออกมาจากเทพนิยาย  อาจเลือกเวลแชปเปลเลนท์ (chapel length)ที่มีความยาวระพื้น หรือคาธีดรอลเลนท์ (cathedral length) ที่ยาวลากพื้นและมีชายแผ่กว้าง

 

 

7. เลือกเวลให้เหมาะกับโลเกชั่น

 

 

     

     พื้นที่และบริเวณจัดงานนับเป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าสาวควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจเลือกเวล  ถ้าพื้นที่ในการจัดงานมีบริเวณและแขกไม่มาก คุณสามารถเลือกเวลยาวลากพื้นได้  แต่หากคุณมีพื้นที่ในการจัดงานจำกัดและแขกเหรื่อค่อนข้างมาก  ไม่ควรเลือกเวลยาว  เพราะทำให้เดินไม่สะดวกและเวลของคุณอาจถูกเหยียบได้ แม้สาวๆ จะตัดสินใจติดเวลประดับผม  แต่อย่าลืมว่าเวลนั้นเป็นเพียงหนึ่งในองค์ประกอบของชุดแต่งงาน  สิ่งสำคัญที่เจ้าสาวควรคำนึงถึงคือ  ภาพรวมของเจ้าสาวที่ออกมาในวันแต่งงานนั่นเอง

 

 

 

ขอบคุณภาพจาก: www.brides.com  www.weddingelation.com  http://glb.how2marry.com  www.oncewed.com  www.holy-wedding.com  http://coldquery66.shoppy.info

 

 

เรียบเรียงโดย : สาวอักษรข้างสยาม

 

 

 

เรื่องโดย: แฟ้มข้อมูลนิตยสาร WE
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE

เมื่อพ่อทัพกับแม่เฟื่องขึ้นปก WE


          พอรู้ว่าวันนี้เต้ย – พงศกร เมตตาริกานนท์ และมะปราง – กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล นักแสดงนำจากละครฟอร์มยักษ์ “บางระจัน” แห่งไทยทีวีสีช่อง 3 จะมาขึ้นปก WE ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนออกจากบ้านเกือบจะคว้าผ้ามาห่มตะเบงมานแล้ว (ไม่อินเลยจริงๆ ) แต่ก็กลัวน้องเต้ยตกใจหนีกลับบ้านซะก่อน เลยต้องยอมกลับไปเป็นสาวยุค 2015 เหมือนเดิมในที่สุด






            บรรยากาศการถ่ายทำในวันนี้ราวกับย้อนมาอยู่สยามประเทศในอดีต เริ่มตั้งแต่สถานที่ถ่ายทำสวยงามตระการตา ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อรวมกับชุดไทยที่สองนักแสดงใส่ในการถ่ายแบบ แอบคิดเลยว่านี่ข้ามกระจกแห่งกาลเวลาหลุดมาในสมัยโบราณหรือเปล่า (คนละเรื่อง นั่นทวิภพ)


            ขณะกำลังเดินสำรวจรายละเอียดโดยรอบเพลินๆ ก็ต้องรู้สึกว่าทุกอย่างหยุดนิ่งเมื่อประสบพบพักตร์ของชายหนุ่มหน้าคมกริบ จมูกเป็นสัน รับกับใบหน้าเรียวได้รูป โอ!แม่เจ้า ลูกใครหนอพ่อแม่ช่างปั้นแต่ง นี่คือคำอุทานในใจแต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะเขินอายมาก (นี่อายแล้ว) ส่วนหญิงสาวด้านข้างก็ไม่น้อยหน้า สวยหยาดฟ้าราวกับเทพธิดาลงมาจากสวรรค์ แล้วยิ่งงามพร้อมเหมือนนางในวรรณคดีเมื่ออยู่ในชุดไทยลวดลายวิจิตร และเนื่องจากในวันถ่ายทำตรงกับวันที่มีนักเรียนนักศึกษามาทัศนาศึกษา เพียงเต้ยและมะปรางเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเตรียมสแตนด์บาย เสียงฮือฮาของบรรดามวลชนที่อยู่ละแวกนั้นก็ดังเกรียวกราวจนเกิดโกลาหลเล็กๆ เพราะทั้งสองถูกรุมล้อมขอถ่ายรูป งานนี้เล่นเอาเจ้าหน้าที่เหนื่อยกันพักใหญ่






            ประจวบเหมาะช่วงพักกองเห็นพระเอกหนุ่มนั่งว่างๆ เลยอยากจะถามทัศนะความรัก ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะเต้ยบอกกับ WE ว่า “สำหรับผม ความรักคือคนบ้า เพราะเราจะเพ้อถึงเขา นั่งคนเดียวก็ยิ้มกับตัวเอง แล้วถ้าผมแต่งงาน งานแต่งในฝันต้องแต่งริมทะเลครับ มันได้บรรยากาศดี แล้วต้องเป็นทะเลที่สวยด้วย น้ำใส เดินอยู่บนชายหาด คล้ายในหนังเลย โรแมนติกดีครับ” เสียดายที่บุรุษหนุ่มตรงหน้าต้องไปถ่ายต่อ บทสนทนาจึงยุติด้วยประการฉะนี้ แต่ก็ทำให้รู้เลยว่า พระเอกของเราโรแมนติกไม่แพ้ใครเลยจริงๆ






            การถ่ายทำดำเนินมาถึงชุดสุดท้าย ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นจนมาถึงช็อตที่ทุกคนตกใจปนมึนงง เมื่อพี่ทัพแห่งบ้านบางระจัน วิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยความเร็วปานแสง ทุกคนตกอกตกใจกับเหตุการณ์เบื้องหน้า แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างชื่นชมเมื่อเรื่องเฉลยว่า เจ้าของร้านชุดลืมเอาแหวนซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ใช้ในการถ่ายแบบกลับไป พระเอกของเราจึงพุ่งทะยานเพื่อที่จะส่งของกลับคืนสู่เจ้าแหวนนั่นเอง


            นี่ล่ะนะ ที่เขาเรียกกันว่า พระเอกทั้งในจอและนอกจอตัวจริง


 


            เรียบเรียงโดย  R.J Leona

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

4 สถานที่จัดงานแต่งทั่วไทย ไฉไลทุกภูมิภาค

เราขอจัดหนักเอาใจบ่าวสาวทั่วประเทศกับภาพงานแต่งอลังการทั่วไทยทั้งกลาง – เหนือ – อีสาน – ใต้พร้อมเคล็ดลับเนรมิตงานแต่งหัวเมืองให้เจิดจรัสไม่แพ้เมืองกรุงจากเวดดิ้งแพลนเนอร์ชื่อดังขอบอกว่าแต่ละงาน “สวย – เริด – เว่อร์วัง” แบบกินกันไม่ลงจริงๆ …ฟันธง!

นนทบุรี : “บ้านสวนบางเลน “

4 สถานที่จัดงานแต่งทั่วไทย, สถานที่จัดงานแต่ง, บ้านสวนบางเลน
“บ้านสวนบางเลน” จังหวัดนนทบุรี

การจัดงานในบ้านที่มีบริเวณสวนและบึงกว้างใหญ่เช่นบ้านหลังนี้ ควรต้องสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดเพื่อค้นหามุมมองใหม่ๆ ที่แม้แต่เจ้าของบ้านเองก็ยังนึกไม่ถึง วิธีง่าย ๆ ที่แพลนเนอร์แนะนำคือ ลองยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพมุมต่าง ๆ หากมองผ่านเลนส์แล้ว “รอด” จุดนั้นก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างบ้านของเจ้าสาวงานนี้โดดเด่นที่มีบึงน้ำและต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม แต่เป็นจุดที่ห่างจากตัวบ้านที่จัดพิธีพอสมควร จึงตัดสินใจเนรมิตตลาดน้ำย่อมๆ ขึ้นตรงริมบึงเพื่อสร้างพื้นที่จัดงานอีกส่วน และแน่นอนว่ากลายเป็นจุดไฮไลต์ที่ดึงดูดแขกได้มาก โดยมีแม่ค้ามาจอดเรือพายพร้อมอาหารรสเด็ดที่คัดสรรจากตลาดน้ำคลองลัดมะยม ทั้งทอดมันหน่อกะลา ผัดไทยโบราณไอศกรีมมะพร้าว ฯลฯ มีการแสดงเพลงเรือโดยศิลปินชั้นครูจากอยุธยา และยังมีโฆษกสไตล์งานวัดมาคอยบรรยายบรรยากาศเพื่อสร้างความคึกคักอีกด้วย

เส้นทางระหว่างตลาดน้ำถึงตัวบ้านก็ใช้แห่ขบวนขันหมากได้ในตัว และด้วยความที่เป็นบ้านสวนกว้างขวางซึ่งใช้เสียงได้เต็มที่ งานนี้จึงจัดเต็มทั้งนางรำ กลองยาว และแตรวงสร้างความสนุกสนานให้ขบวนขันหมากที่จะต้องฝ่าด่านประตูเงินประตูทองยาวเหยียดกว่าจะเข้าถึงตัวบ้านที่ใช้จัดพิธี

การจัดงานแต่งที่บ้านควรมีป้ายบอกทางไปยังจุดต่างๆ เพราะแขกส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยกับสถานที่จัดงาน ยิ่งถ้ามีป้ายใหญ่ติดไว้ที่ทางเข้าหรือหากประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ล่วงหน้าก็จะทำให้แขกได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น

ติดตามสถานที่แต่งงานจังหวัดอื่นๆ ได้ในหน้าถัดไป

8 สไตล์รองเท้าสวยรับวันแต่ง

เรื่องโดย: สาวอักษรข้างสยาม

          นอกจากชุดแต่งงานและการแต่งหน้าทำผม  รองเท้านับเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่เจ้าสาวควรเลือกอย่างพิถีพิถัน  วันนี้ WE มีรองเท้าหลากสไตล์ที่ช่วยเสริมการแต่งกายของเจ้าสาวให้ออกมาสมบูรณ์แบบ

11. ลุคคลาสสิกด้วยรองเท้าแต่งงานแบบเรียบ
          หนึ่งในทรงรองเท้าที่ได้รับความนิยมในวันแต่งงานของเจ้าสาวคือ  รองเท้าที่ดูสุภาพและไร้การตกแต่ง  อาจตัดด้วยผ้าซาตินหรือผ้าไหม  โทนสีที่ได้รับความนิยมคือสีขาวและสีเบจที่เข้ากับสีชุดแต่งงานของเจ้าสาว  รองเท้าสไตล์นี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ต้องการความเป็นทางการและความเรียบง่าย

22. ลูกเล่นเล็ก ๆ แซมความเป็นทางการ
          แม้เจ้าสาวจะต้องการรองเท้าที่ดูสุภาพเพื่อให้รับกับพิธีการในวันแต่งงาน  แต่การตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ บนรองเท้าอย่าง  โบ  คริสตัล  ลูกไม้  หรือไข่มุก  สามารถเพิ่มความน่ารักให้แก่รองเท้าได้โดยที่ยังคงความสุภาพอยู่

33. หรูหราด้วยผ้าซาติน  คริสตัล  และกลิตเตอร์
          หากเจ้าสาวอยากได้ลุคหรู  อาจเลือกรองเท้าที่ตัดด้วยผ้าซาตินที่มีความเงางามและเนื้อละเอียด  รองเท้าที่ตกแต่งด้วยคริสตัล  หรือประดับด้วยกลิตเตอร์  ความสามารถในการสะท้อนแสงของเอเลเม้นต์เหล่านี้จะช่วยส่งให้รองเท้าดูสวยหรู

54. ดูน่ารักด้วยรองเท้าบัลเล่ต์แฟลต (Ballet Flat)
          สำหรับเจ้าสาวที่อยากรู้สึกราวกับเป็นสาวน้อยในวันแต่งงาน  อาจเลือกรองเท้าพื้นเรียบทรงบัลเล่ต์แฟลต(Ballet Flat) ที่นอกจากจะดูสวยเก๋และน่ารักแล้ว  ยังทำให้เจ้าสาวสวมใส่สบายและเดินเหินได้สะดวก

65. อวดสีสันบนเล็บเท้าด้วยรองเท้าพีพโทว์ (Peep Toe)
          ลักษณะพิเศษของรองเท้าพีพโทว์ (Peep Toe) คือเป็นรองเท้าที่เปิดปลายเท้า  รองเท้าสไตล์นี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากเพิ่มความเก๋ด้วยการตกแต่งเล็บเท้า  และสามารถอวดสีสันเล็บผ่านรองเท้าคู่นี้ได้

76. สวยหวานด้วยรองเท้าแซนดัล (Sandal)
          รองเท้าแซนดัล (Sandal) มีความพิเศษคือเป็นรองเท้าที่เปลือยช่วงเท้าและมีสายรัด  เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่อยากอวดเรียวเท้า  และเพิ่มความอ่อนหวานให้แก่เรียวขาผ่านเส้นสายและการตกแต่งลวดลาย

87. สวยเฉี่ยวด้วยรองเท้าทรงพั้มพ์ (Pump)
          เจ้าสาวสามารถสวยเฉี่ยวสไตล์สาวมั่นด้วยรองเท้าส้นแหลมอย่างทรงพั้มพ์ (Pump) ที่นอกจากจะเป็นรองเท้าหุ้มส้นเหมาะสำหรับพิธีการ  แต่ยังซ่อนความเปรี้ยวผ่านส้นที่สูงแหลม

98. เลซชูวส์ (Lace Shoes) รองเท้าที่สามารถให้อารมณ์ได้หลากสไตล์
          เลซชูวส์ (Lace Shoes) เป็นรองเท้าส้นสูงตัดด้วยผ้าลูกไม้  โดยอาจเป็นผ้าลูกไม้ทึบหรือผ้าลูกไม้โปร่ง  น้อยคนจะรู้ว่ารองเท้าสไตล์นี้  หากเลือกสีผ้าลูกไม้ที่ต่างกัน  จะให้อารมณ์ที่ต่างกันออกไป  เช่น  หากเลือกรองเท้าในโทนสีขาว  ไอวอรี่  หรือเบจ  จะให้ความรู้สึกอ่อนหวาน  แต่หากเป็นผ้าลูกไม้สีดำจะให้ลุคเซ็กซี่แทน

          เมื่อวันแต่งงานเป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ  เจ้าสาวอย่ามัวแต่ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าหน้าผมจนละเลยการเลือกสรรรองเท้า  การเลือกรองเท้าแต่งงานอย่างพิถีพิถัน  สามารถช่วยให้ภาพรวมของเจ้าสาวออกมาสวยสมบูรณ์แบบ

WE Tips: 3 เคล็ดลับสำหรับการเลือกรองเท้าแต่งงาน

          -เจ้าสาวควรเลือกรองเท้าที่ดูกลมกลืนไปกับชุด

          -เจ้าสาวอย่าลืมลองสวมใส่รองเท้าก่อนใช้ในวันจริง

          -หากเจ้าสาวเลือกรองเท้าแบบเปลือย  การทำสปาเท้าสามารถช่วยให้คุณเป็นเจ้าของเท้าคู่สวยได้

ขอบคุณภาพจาก: www.bagshoes.net  www.glamour.com  www.vera-wang-estelle115.blogspot.com   www.wedding007.com  http://wizaz.pl  http://fashion.eduheadlines.com  www.flowerweddingshoes.com  www.aliexpress.com  www.bridalbrid.com  www.shoeperwoman.com  http://pinkpatchouli.bl

ไพรเมอร์ ตัวช่วยลุคสวยไม่ซ้ำในวันฮันนีมูน

     คำกล่าวที่ว่า Not to prime is a crime หรือ  การไม่ลงไพรเมอร์เท่ากับการก่ออาชญากรรม สะท้อนถึงความสำคัญของขั้นตอนพื้นฐานอย่างการลงไพรเมอร์ได้เป็นอย่างดี  ลองมาดูกันว่า ไพรเมอร์ชนิดใดช่วยให้ได้ลุคที่คุณไลค์ในวันฮันนีมูน

 

ลุคธรรมชาติ

……………….

 

 

     สำหรับสาวๆ ที่ชอบการแต่งหน้าแบบบางเบาเน้นโชว์ความสวยใสตามธรรมชาติ  ให้คุณเลือกไพรเมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยปกปิดรูขุมขนบนใบหน้า  ไพรเมอร์ชนิดนี้นอกจากจะมีคุณสมบัติช่วยพรางรูขุมขนบนใบหน้าแล้ว  ยังช่วยให้ผิวของคุณดูนวลเนียนดุจกำมะหยี่อีกด้วย

 

 

ลุคฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี

…………………………………

 

 

     คุณสามารถเป็นเจ้าของใบหน้าฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลีได้ง่ายๆ  เพียงแค่เลือกไพรเมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื้นและเงาวาว  ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าดูโกลว์สไตล์สาวแดนกิมจิคือมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มน้ำ

 

 

ลุคแมทอย่างนางแบบบนแคทวอล์ก

………………………………………………

 

 

 

หากคุณอยากเป็นเจ้าของใบหน้าลุคแมทถอดแบบซูเปอร์โมเดลบนแคทวอล์ก  ให้คุณเลือกไพรเมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมันและกันน้ำหรือเหงื่อ  การใช้ไพรเมอร์ชนิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันความมันบนผิวหน้า  แต่ยังช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานเพราะเครื่องสำอางไม่สลายออกมากับน้ำมันบนผิวนั่นเอง

 

 

 

 

ใบหน้าสดใสสไตล์สาวญี่ปุ่น

……………………………………..

 

 

 

 

     หนึ่งในลุคที่ฮอตฮิตตลอดกาลเห็นทีจะหนีไม่พ้นลุคใบหน้าสดใสสไตล์สาวญี่ปุ่น  เคล็ดลับการเป็นเจ้าของผิวหน้าสดใสอย่างสาวแดนปลาดิบคือการปรับสีผิวก่อนการแต่งหน้า  โดยเลือกไพรเมอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับสีผิว  เพราะไพรเมอร์ชนิดนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหมองคล้ำและปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ  เพียงเท่านี้คุณก็ได้เป็นเจ้าของใบหน้าสดใสในแบบสาวอาทิตย์อุทัยได้แล้ว

 

     เมื่อสาวๆ รู้อย่างนี้แล้ว  อย่ามองข้ามเมคอัพไอเทมชิ้นสำคัญอย่างไพรเมอร์  เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้เป็นเจ้าของผิวหน้าสุดเพอร์เฟกต์  แต่ยังสามารถเนรมิตลุคที่คุณต้องการได้ด้วยวิธีง่ายๆ 

 

ขอบคุณภาพจาก:  www.elleuk.com  www.pinmakeuptips.com  www.ulzzangstyle.com  www.anastasiajasmin.wordpress.com  www.girlsfriendclub.com

เรื่องโดย: สาวอักษรข้างสยาม
ช่างภาพ:  แฟ้มภาพนิตยสาร WE