วันนี้ แพรว wedding จัดตัวอย่างทริปง่ายๆราคาสบายกระเป๋ามาให้คู่รักได้ลองกัน สำหรับคู่ไหนที่นานแล้วไม่ได้ไปสวีทกันเลย หรือคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ยังหาเวลาลางานยาวๆเพื่อไปฮันนีมูนไม่ได้เสียที ยิ่งต้องมามุง กับทริป กาญจนบุรี เวลา 2 วัน 1 คืน ในเส้นทางเยือน 5 สถานที่ไฮไลท์ของแคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก ที่เราจัดมาให้.. ดูเสร็จแล้วก็ชวนกันเก็บกระเป๋าเดินทางกันเล้ยย

ตื่นแต่เช้านั่งรถตรงดิ่งจากถนนบรมราชชนนี ผ่านนครปฐม มุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี มาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงจุดหมายแรกที่ตั้งใจ เรามาเบิกฤกษ์ทริปเมืองกาญจน์ครั้งนี้ด้วยการขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรีนามว่า “หลวงพ่อชินประทานพร”ซึ่งประดิษฐานบนยอดเขา ณ วัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง พร้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียประดิษฐานบนชั้นที่ 9 ณ พระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท

การจะขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปบนเขา หากใครกำลังวังชาดีขอให้เดินขึ้นบันไดนาค 157 ขั้น เป็นการวอร์มอัพร่างกายกันสักหน่อย แต่ใครอยากออมแรงไว้เที่ยวต่ออีกหลายแห่ง ขอแนะนำรถรางที่ทางวัดมีไว้บริการนักท่องเที่ยว สนนราคาค่าบริการคนละ 10 บาท และด้วยเหตุที่วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเขื่อนวชิราลงกรณ์เพียง 4 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวเทือกเขา ทุ่งนาสีเขียว และเขื่อนวชิราลงกรณ์แบบพานอรามาจากด้านบนของวัด

มาถึงเมืองกาญจน์ ไม่มาแวะแชะภาพที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ถือว่ามาไม่ถึง หากเช็คเวลามาดีจะได้ภาพวิวสะพานแถมด้วยขบวนรถไฟวิ่งผ่านกลับบ้านไปฟรีๆ หรือใครอยากได้ภาพถ่ายหน้าขบวนรถไฟแบบเจ๋งๆ ขอแนะนำว่าควรมารอก่อนเวลาสักนิด เผื่อเวลาเดินย้อนรางรถไฟไปสแตนบายด์ที่จุดถ่ายภาพกลางสะพาน แถมยังได้สัมผัสประสบการณ์รถไฟวิ่งผ่านหน้าแบบเฉียดจมูกอีกด้วย

หลังจากแชะภาพบนสะพานกันเต็มอิ่มแล้ว ขอไปย้อนวันวานกันต่อที่ ถ้ำกระแซ กับโค้งมรณะระยะทาง 400 เมตร หนึ่งจุดไฮไลท์ของเส้นทางรถไฟสายมรณะ เพื่อพาตัวเองทะลุสู่ห้วงเวลาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังคงตราตรึงใจ กับประสบการณ์นั่งรถไฟที่ให้อารมณ์เสียวนิดๆ เพราะที่สถานที่ถ้ำกระแซ รถไฟจะต้องวิ่งเลาะเลียบผ่านหน้าผา ซึ่งเบื้องล่างอีกฟากหนึ่งคือ แม่น้ำแควที่ไหลเชี่ยว ฉะนั้นคนกลัวความสูงควรนั่งฝั่งขวาของขบวนรถไฟชมลวดลายหินแร่ของหน้าผาไปพลางๆ มีรถไฟให้บริการผ่านสถานีนี้วันละ 6 เที่ยว สะดวกเวลาไหนก็ขอให้เช็คเวลาให้ดี ไปลองขึ้นกันสักครั้ง เพราะคนไทยขึ้นฟรีไม่ต้องตีตั๋ว

เส้นทางรถไฟสายมรณะระยะทาง 300 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นที่สถานีหนองปลาดุก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีผ่านจังหวัดกาญจนบุรีข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ ปลายทางคือ เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า เพื่อให้กองทัพญี่ปุ่นใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในการข้ามแดนไปยังประเทศพม่า

อีกหนึ่งจุดห้ามพลาดของจังหวัดกาญจนบุรีคือ ต้นจามจุรียักษ์ อายุกว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่ในเขตรับผิดชอบของกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 กรมการสัตว์ทหารบก บ้านกสิกรรม ระหว่างทางไปยังต้นจามจุรียักษ์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิถีชีวิตของฝูงวัวและฝูงม้าที่กำลังเดินเล่นกินหญ้าอย่างสบายอารมณ์

เมื่อรถแล่นผ่านมาถึงต้นจามจุรียักษ์ หรือที่นิยมเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ต้นก้ามปู” เราถึงกับตะลึงงันในความอลังการของกิ่งก้านสาขาที่แผ่กว้างรอบทิศ ความกว้างของพุ่มที่แผ่ออกไปเทียบเท่ากับพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา กว่าจะเก็บภาพต้นไม้ทั้งต้นให้อยู่ในเฟรมเดียวได้ ทำเอาช่างภาพเดินหอบเบาๆ นักท่องเที่ยวสามารถแวะเก็บภาพความงามของจามจุรียักษ์ ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการสาดความสดชื่นแบบเต็มๆ กันที่น้ำตกเอราวัณ น้ำตกที่สวยที่สุดใน “อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” เพราะน้ำตกชั้นที่สูงที่สุดมีลักษณะเหมือนกับหัวช้างเอราวัณ น้ำตกแห่งนี้มีจำนวนทั้งหมด 7 ชั้น ในแต่ละชั้นมีแอ่งน้ำเหมือนอ่างขนาดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวลงแวกว่ายดับร้อนพร้อมฝูงปลา ทั้งยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติผ่านป่าดิบเขา จุดชมวิวและป่าผลัดใบที่สวยงาม ระยะทาง 1,060 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท รถยนต์คันละ 30 บาท

ใครสนใจอยากพักแรมในบ้านพักของอุทยานหรือนอนกางเต๊นท์ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0-2562-0760 หรือเว็บไซด์ www.dnp.go.th

ภาพ : TAT

อีกแป๊บๆ ก็จะเข้าฤดูร้อนอีกแล้ว ทะเลถือเป็นจุดหมายคลายร้อนชั้นเลิศ แพรว wedding จึงไม่พลาดเสาะหาทริปเก๋ๆ ที่จะพาคู่รักไปดับไฟร้อนแล้วก่อไฟรักกัน ที่งานนี้เราจะพาไปไกลถึงปลายด้ามขวาน ณ ท้องทะเลอันดามัน บนเกาะที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดของเมืองไทย หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดโรแมนติกที่จะเปลี่ยนฤดูร้อนดั่งไฟให้กลายเป็นฤดูรักชุ่มฉ่ำของคุณ

ลัดฟ้ากว้างไกลมุ่งสู่หัวใจอันดามัน

จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ปลายด้ามขวาน จังหวัดสตูล เพื่อไปยังท่าเรือปากบารา ท่าเรือที่จะพาเราข้ามไปยังเกาะในฝัน สนามบินดอนเมืองคือจุดเริ่มต้นของเรา แต่เนื่องจากที่จังหวัดสตูลไม่มีสนามบิน ดังนั้นจึงมีสองเส้นทางให้เลือกว่าจะลงเครื่องที่สนามบินหาดใหญ่หรือสนามบินตรัง แล้วนั่งรถตู้ต่อไปจากท่าเรือปากบาราเราเดินทางต่อกันด้วยเรือสปีดโบ๊ทเพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะหลีเป๊ะ ถึงตอนนี้ใครที่รู้ตัวว่าเมาเรือแนะนำให้เตรียมควักยาดม ยาลม ยาหม่อง ออกมาใช้กันได้เลย ถ้าไม่อยากพลาดความฟินที่รอเราอยู่อีกไม่ไกลแล้ว

แวะลอดซุ้มรักนิรันดร์ที่เกาะไข่

ระหว่างเส้นทางการเดินเรือจะผ่านเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาหนึ่งในนั้นมีเกาะที่โดดเด่นจนดึงดูดให้เราต้องแวะสัมผัสความงามแบบใกล้ชิด นั่นคือ“เกาะไข่” ที่มีชายหาดสีนวลสะอาดตาราวกับเปลือกไข่และไฮไลท์หลักคือซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น มีชื่อเรียกว่า “ซุ้มรักนิรันดร์”อันมีตำนานที่เชื่อกันว่า หากหนุ่มสาวคู่ใดได้ลอดซุ้มประตูหินนี้ด้วยกัน จะได้แต่งงานอยู่คู่เคียงกันไปชั่วนิรันดร์

แรกเราพบกัน ณ หาดบันดาหยา

ออกเดินทางกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งเหินฟ้า ท้าดิน ฝ่าเกลียวคลื่น ในที่สุดเกาะสวาทหาดสวรรค์ก็อยู่ตรงหน้าเราเสียที เรือสปีดโบ๊ทมาจอดส่งเราที่โป๊ะกลางทะเล (เกาะหลีเป๊ะไม่มีท่าเรือ) บริเวณหน้าหาดบันดาหยา เพื่อต่อเรือหางยาวไปยังหาดที่พัก ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่เราจะได้กล่าวทักทายหาดบันดาหยา หาดแรกที่ส่งยิ้มพิมพ์ใจด้วยน้ำทะเลใสคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
หาดบันดาหยา หรือ หาดพัทยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ ถือเป็นหาดที่คึกคักที่สุดของเกาะหลีเป๊ะ เพราะนอกจากจะเป็นจุดจอดเรือรับส่งนักท่องเที่ยวแล้ว แนวหาดยังคลาคล่ำไปด้วยร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ จุดขายทัวร์ดำน้ำ และเป็นจุดเริ่มต้นของถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ แต่ท่ามกลางความคึกคัก หาดบันดาหยายังมีมุมโรแมนติกให้เราได้เฝ้ารอส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ายามเย็น กับจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดของทะเลสตูล

ตะวันลับฟ้า ณ หาดซันเซ็ท

หากอยากชมพระอาทิตย์ตกในบรรยากาศที่เงียบสงบ เกาะหลีเป๊ะยังมีอีกหนึ่งหาดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงามไม่แพ้กัน นั่นคือ หาดประมง หรือ หาดซันเซ็ท ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ แต่หน้าหาดหันรับกับพระอาทิตย์ยามเย็น ทำให้หาดแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งหาดสุดโรแมนติกที่เหมาะจะทอดสายตาแล้วบอกลาดวงตะวัน

ทักทายแสงวันใหม่ที่หาดซันไรส์

มีโอกาสได้มาพักผ่อนหย่อนใจไกลถึงเกาะในฝันทั้งที ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะชิงตื่นก่อนพระอาทิตย์สักหน่อย แล้วออกมาคอยยิ้มรับทักทายแสงแรกของวันใหม่ ถ้าอยากชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบสวยจับใจ แนะนำให้จูงมือกันไปที่หาดชาวเล หรือ หาดซันไรส์ อีกหนึ่งหาดของเกาะหลีเป๊ะซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก มีแนวหาดทอดยาว บรรยากาศสงบ เหมาะจะเลือกเป็นทำเลที่พักและทำกิจกรรมต่างๆ

ดำน้ำ ทัวร์เกาะ ลัดเลาะรอบหลีเป๊ะ

โลกใต้ทะเลคืออีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่งดงามของเกาะหลีเป๊ะ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของหมู่มวลปะการังหลากสีและฝูงปลาน้อยใหญ่ ต่างเย้ายวนใจให้เราลงไปสัมผัสด้วยตาอย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุนี้ที่เกาะหลีเป๊ะจึงมีกิจกรรมสุดฮิตอย่างการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น เพียงแหวกว่ายออกไปไม่ไกลจากหาดเราก็สามารถชื่นชมความสวยงามของปะการังได้แล้ว
แต่ถ้าหากอยากฟินขึ้นไปอีกระดับแนะนำให้ออกเรือหางยาวไปดำน้ำยังเกาะใกล้เคียงกับทัวร์ดำน้ำแบบ One Day Trip ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปคนเรือจะพาเราออกเรือแต่เช้าเพื่อไปดำน้ำตามจุดต่างๆ ใกล้ไกลแค่ไหนสามารถเลือกได้ตามใจปรารถนาจุดดำน้ำระยะใกล้ที่ห้ามพลาดไปพิสูจน์ความสวยงามกันคือ ร่องน้ำจาบัง เกาะหินงาม เกาะราวี เกาะอาดัง และเกาะยาง แต่ถ้าขยับออกไปไกลอีกนิดเพิ่มเวลาเดินทางอีกหน่อย ปะการังและฝูงปลาที่อ่าวลิง เกาะไผ่ เกาะรอกลอย และเกาะหินซ้อน ก็ยังคงรอคอยการมาเยือนของนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความสวยงามของโลกใต้ทะเลอยู่เสมอ

มหัศจรรย์หินงาม

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คในโปรแกรมดำน้ำทัวร์เกาะของเราคือ “เกาะหินงาม” เกาะที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติจนเราอดที่จะตื่นตาตื่นใจไม่ได้ ลองหลับตาแล้วนึกภาพเกาะขนาดเล็กที่ทั่วทั้งเกาะไม่มีหาดทรายขาว แต่ละลานตาไปด้วยก้อนหินกลมเกลี้ยงสีดำมันเงาวาววับยามถูกคลื่นทะเลซัดสาด ขนาดเล็กใหญ่คละปนกันไป มีตำนานเล่ากันว่าหินทุกก้อนบนเกาะแห่งนี้ต้องคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำไปจะเจอแต่ความโชคร้าย (หรือเป็นกุศโลบายเพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเก็บหินไปจนหมดเกาะกันนะ) และหากใครสามารถเรียงหินซ้อนกันได้ถึง13 ชั้น แล้วอธิษฐานขอพรก็จะได้สมใจปรารถนา แต่แอบกระซิบนิดนึงว่าที่เกาะหินงามมีป้ายห้ามซ้อนหินตั้งอยู่ ใครที่อยากขอพรหรือซ้อนหินเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ต้องไม่ลืมนำหินกลับคืนสู่ธรรมชาติตามสภาพเดิมกันด้วย

ช้อป ชิม ชิล ยามค่ำคืนที่ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ

ยามราตรีกับบรรยากาศดีๆ บนเกาะสวรรค์ นอกจากการเคียงคู่ชวนกันดูดาวเคล้าเสียงคลื่นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่หลงใหลแสงสียามค่ำคืนอย่างการเดินเล่นชิลๆ ที่ถนนคนเดินเกาะหลีเป๊ะ ช้อปปิ้งของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือจะนั่งพักผ่อนดื่มกินชิมของอร่อยก็มีร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ให้เลือกได้ตามอัธยาศัย ของหวานขึ้นชื่อต้องยกให้โรตีชาชัก ร้านเตอร์บิลัง OTOP สตูล สังเกตร้านง่ายๆ ด้วยหมู่มวลประชาชนที่มารอลิ้มรสความอร่อยอยู่เต็มหน้าร้าน รับรองว่าหาไม่ยากแน่นอน

เชื่อเลยว่าจบทริปนี้คุณๆคงต้องกลับไปวัดระดับน้ำตาลในเลือดกันสักหน่อย เพราะบรรยากาศโรแมนติกของฟ้าสวย ทะเลใส ที่จะทำให้หัวใจกลายเป็นสีชมพู้ ชมพู

แต่ถ้าคู่ไหนไม่อยากผิวเสียเพราะไปทะเล เราแนะนำให้ขึ้นเหนือไปทริป ฮันนีมูนกรุ่นกลิ่นอายญี่ปุ่น ในดินแดนล้านนา

เรื่อง : อรจิรา
ภาพ : Aketang Photo, kohlipetravelers.com

วันนี้ แพรว wedding ขอพาคู่สามีภรรยาป้ายแดงที่กำลังมองหารังรักสำหรับดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไปสัมผัสกับ 5 สถานที่ ฮันนีมูน สุดหรู ในต่างประเทศที่เรียกได้ว่า หรูหรา! เวอร์วัง! อลังการ! เห็นแล้วต้องร้องว้าวจนปากค้าง บวกกับร้องกรี๊ดอยากจะไปบ้าง (ถ้ามีตังค์) แน่นอน!

1. The Cuixmala Suite at Casa Cuixmala
รีสอร์ทสุดอลังการแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 25,000 เอเคอร์ริมชายฝั่งในประเทศเม็กซิโก ใกล้กับเมือง  Puerto Vallarta และยังเป็นพื้นที่สงวนไว้ให้สัตว์ป่าอย่างเช่น เสือจาร์กัวร์ และแน่นอนว่าความเริดหรูไม่จบเพียงแค่นี้ค่ะ เพราะเมื่อคุณมองออกไปภายนอก คุณก็จะได้ดื่มด่ำกับวิวน้ำทะเลสีฟ้าสดใสของมหาสมุทรแปซิฟิก ภายในตกแต่งแบบสไตล์โบฮีเมียน และมีห้องพักให้บริการ 13 ห้อง มีให้เลือกทั้งแบบห้องสวีทและวิลล่าเป็นหลัง

สำหรับ The Cuixmala Suite at Casa Cuixmala มีความโดดเด่นที่หลังคาโค้งเป็นโดมสีขาวสะอาดตา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น อ่างจากุซซี่ ห้องนั่งเล่นสุดหรู และวิวมหาสมุทรแปซิฟิกจากห้องอาบน้ำ

2. The Caldera Suites at Iconic Santorini

ซานโตรินี ประเทศกรีซ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ป็อปปูลาร์ควรค่าแก่การไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ และที่ Iconic Santorini  ก็เป็นอีกหนึ่งโรงแรมดังในสไตล์โมเดิร์น เน้นการตกแต่งสีขาวและพื้นปูนเปลือย โดยห้อง The Caldera Suites จะมาพร้อมกับสีขาวขนาดใหญ่นอนสบาย ผลิตภัณฑ์คุณภาพไฮเอนด์จากแบรนด์ Aesop สระว่ายน้ำกลางแจ้งแบบส่วนตั๊วส่วนตัว และดื่มด่ำวิวสวยงามของท้องทะเลอีเจียน

3. Ocean View Suite at Malliouhana

โรงแรมสุดหรูบนเกาะ Anguilla กลางทะเลแคริบเบียน มีชายหาดส่วนตัวที่มองไปด้านบนก็เจอท้องฟ้าสว่างไสว มองไปด้านล่างก็เจอผืนน้ำสีฟ้าใสสวยงาม ภายในห้องพัก Ocean View Suite  ตกแต่งด้วยสีสันสบายตา อากาศถ่ายเทสะดวก มีชานเรือนให้นั่งรับลมทะเลท่ามกลางต้นปาล์ม แถมยังมีกิจกรรมสำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามันให้เลือกทำมากมาย เช่น กีฬาทางน้ำอย่างการดำน้ำดูปะการัง เทนนิส และกอล์ฟ

4. Cap Classique Suites at Mont Rochelle

หากคุณเป็นคู่รักที่ชอบบรรยากาศสีเขียวสบายตา ขอบอกเลยว่า Mont Rochelle ในเมือง Franschhoek ประเทศแอฟริกาใต้ตอบโจทย์สุดๆ ด้วยเสน่ห์ความงามตามธรรมชาติของไร่องุ่นเขียวชอุ่มและบรรยากาศของหุบเขารอบกาย โดยที่นี่มีห้องพักเพียงแค่ 22 ห้องเท่านั้น

สำหรับห้อง Cap Classique Suites  มีรั้วรอบขอบชิดและสระว่ายน้ำแบบส่วนตัว ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านของคุณเอง พร้อมกิจกรรมมากมายให้คุณเลือกทำ เช่น การชิมไวน์องุ่น ปิกนิก สปาทรีทเมนต์ ปีนเขา และขี่ม้า

5. The Royal and Palace Suites at Suján

สำหรับคู่รักที่ชอบความหรูหราอลังการและอยากได้ฟีลการเป็นราชา ราชินี เราขอแนะนำสถานที่ใกล้เคียงในทวีปเอเชียอย่าง Suján โรงแรมขนาด 30 ห้องพักสุดเวอร์วังในเมืองจัยปูร์ ประเทศอินเดีย ซึ่งที่นี่เคยเป็นที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษและราชวงศ์อินเดียมาก่อน และแน่นอนว่าความสวยงามยังคงอยู่ครบทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย สีสัน และการประดับประดาตามขอบตามมุมที่เคลือบด้วยทอง โดยห้อง The Royal and Palace Suites สวยงามด้วยแชนเดอเลียคริสตัลห้อยระย้า และตกแต่งข้าวของเครื่องใช้โดยรอบด้วยผ้าเนื้อดี อยู่ใกล้ไม่ต้องข้ามทวีปแบบนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะจ๊ะ

แหมมม…แต่ละที่แต่ละแห่งก็มีความไฮโซโก้หรูในสไตล์ที่แตกต่างกันไปนะคะคุณผู้อ่าน เรานั้นเห็นแล้วก็รู้สึกว่าอยากจะลองไปสัมผัส 5 โรงแรมสุดเริดเหล่านี้บ้าง ติดอยู่ที่ว่ากระเป๋าตังค์ยังแฟ่บอยู่ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าคู่รักคู่ไหนที่หล่อสวยรวยทรัพย์ รับได้กับราคาที่พัก ก็จองห้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วแพ็คกระเป๋าไปโลดเลยจ้า

cr : vogue.com, differentworld.com