หมอนแบบไหนนอนสบาย? คำถามนี้ฟันธงกันยากนะคะ เพราะสรีระของแต่ละคนก็ต่างกันไป แต่ 2 สิ่งที่คู่รักบ่าวสาวควรรู้ไว้เป็นพื้นฐานก่อนจะ เลือกหมอน มาหนุนนอนคู่กันในเรือนหอคือ เรื่องของประเภทและขนาดของหมอน ถ้าคุณมีความรู้ในสองประเด็นนี้ติดตัว เลือกหมอนเสร็จนอนหลับสบายแน่นอน
หมอนนุ่น
พูดได้เลยว่าเกิน 50% ทุกคนรู้จักหมอนนุ่นแน่นอน เพราะเป็นประเภทหมอนดั้งเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าเลยทีเดียว โดยทำจากใยนุ่น จึงระบายอากาศได้ดี สามารถปรับให้รับกับสรีระของผู้นอนได้ ข้อเสียคือทำความสะอาดยาก เพราะจะซักก็ไม่เหมาะ วิธีที่เวิร์คคือ นำออกไปตากแดด แล้วใยนุ่นจะฟูขึ้น คืนตัวพร้อมให้หนุนนอนต่อไปเรื่อยๆ
หมอนขนสัตว์
ที่คุ้นเคยกันมากๆ ก็เห็นจะเป็นพวกหมอนขนเป็ดขนห่าน ซึ่งจะมีความทนทานมาก แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องเลือกแบบที่มีป้ายกำกับว่า “Allergy Free” ที่เป็นตัวบ่งบอกว่า หมอนขนสัตว์ที่คุณจับอยู่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว หมอนชนิดนี้มักมีราคาแพง แต่ให้ความนุ่ม ฟูแน่น หลับสบาย ข้อเสียคือ ระวังอย่าให้เปียกเพราะเกิดกลิ่นได้ง่ายมากๆ ก็แหม…ของธรรมชาติอ่ะนะ เวลานอนแล้วอาจแบนไปเรื่อยๆ ฉะนั้นก่อนนอนทุกครั้งจึงต้องจัดทรงให้คืนรูปก่อนค่อยหนุนนอน อ่ะๆ อย่าคิดว่าเสียเวลาทำเลยนะ คิดซะว่า เป็นเซอร์วิชที่ภรรยาสาวควรทำให้สามีสิคะ
หมอนเส้นใยสังเคราะห์
หมอนราคาถูกยอดนิยมที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แถมยังดูแลรักษาง่าย แต่ข้อเสียคือไม่รองรับส่วนโค้งเว้าของช่วงคอและศีรษะ แถมอายุการใช้งานสั้น เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี แต่ถ้าหากคู่รักของคุณเป็นโรคภูมิแพ้ หมอนชนิดนี้เหมาะมาก ซึ่งหมอนใยสังเคราะห์จะมีเส้นใยให้เลือก 2 แบบคือ เส้นใยโพลีเอสเตอร์ยอดนิยมที่มีมานานแล้ว กับเส้นใยโพลีคลัสเตอร์ที่เคลือบด้วยซิลิโคน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนขนสัตว์ธรรมชาติ
หมอนธัญพืช
ปีหลังๆ หมอนชนิดนี้เป็นที่นิยมกันมาก ไม่ว่าจะเป็นหมอนถั่ว ถั่วชาเขียว หรือสารพัดสิ่งจากธัญพืช เรียกว่ามาแรงสำหรับคู่รักยุคนี้จริงๆ อย่างที่เจอบ่อยๆ ก็คือ เปลือกโซบะหรือหมอนชาเขียว หมอนชนิดนี้ถ่ายเทอากาศและระบายความชื้นได้ดี แต่มีข้อต้องระวังคือ เมื่อเป็นธัญพืชเจ้าแมลงตัวน้อยก็อาจขอเข้ามามีส่วนร่วมประมาณว่าแทรกตัวมากัดกินหรือขอนอนด้วยคน ซึ่งทำให้คุณต้องหมั่นนำออกไปตากแดด และตบเบาๆ ก่อนนอนเสมอ และอีกเรื่องที่ต้องทำใจหากใช้หมอนชนิดนี้คือ ต้องรับเสียงเสียดสีเวลาหัวขยับหน่อยนะจ๊ะ เพราะเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
หมอนลาเท็กซ์หรือยางธรรมชาติ
หมอนรูปทรงประหลาดๆ ที่มีส่วนโค้งสูงๆ นั่นแหละค่ะคือหมอนชนิดนี้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้รองรับกับหมอนรองรับกระดูกต้นคอ ศีรษะ และหัวไหล่ของมนุษย์อย่างเราๆ โดยเฉพาะส่วนวัสดุก็ทำจากยางธรรมชาติ จึงมีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีกลิ่น ไม่อับชื้น แถมยังระบายอากาศได้ดี เพราะมีรูพรุนในเนื้อยางธรรมชาติ อายุการใช้งานก็ยาวนานกว่าหมอนชนิดอื่นๆ แต่ราคาก็ประมาณหลักพันเลยนะ
ส่วนเรื่องของขนาดหมอนสำหรับนอนบนเตียง ขอเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่า มีให้เลือกตามความชอบ ดังนี้
- Standard Pillow ขนาด 20″ x 26″ เป็นหมอนธรรมดาสากลใช้กันทุกบ้าน เพราะใช้คู่กับปลอกหมอนขนาดมาตรฐานได้เลย จำนวนการใช้งานก็จำง่ายๆ คือ หมอน 1 ใบสำหรับเตียงเดี่ยว, 2 ใบ สำหรับเตียง Queen size และ 3 ใบ สำหรับเตียง King size
- Queen Pillow ขนาด 20″ x 30″ ยังคงใช้ได้กับปลอกหมอนขนาดมาตรฐาน โดยหมอน 2 ใบจะพอดีกับเตียง Queen size ค่ะ
- King Pillow ขนาด 20″ x 36″ อันนี้เริ่มต้องเลือกปลอกหมอนขนาดพิเศษ เพราะต้องจับคู่กับปลอกหมอน King size เพราะเป็นหมอนที่ยาวพิเศษ จำนวนการใช้งานคือ 2 ใบ จะพอดีกับเตียง King size ถ้านึกไม่ออก ตามโรงแรม 4 ดาวขึ้นไปนิยมใช้กันมากค่ะ
- European Pillow ขนาด 26″ x 26″ หมอนทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่พิเศษ ที่ไม่เหมาะกับการนำมาเป็นหมอนนอนบนเตียงสักเท่าไหร่ แต่เหมาะจะเป็นเครื่องตกแต่งเตียงหรือโซฟามากกว่า
นอกจากนี้ยังมี Body Pillow หมอนขนาด 20″ x 54″ ที่มีความยาวเข้ากับช่วงตัวผู้ใช้ เหมาะสำหรับการนอนหลับหรือใช้ในเวลาพักผ่อน หรือคนที่ชอบนอนตะแคงหรือหญิงตั้งครรภ์ และ Travel Pillow ขนาด 12″ x 16″ หมอน
ขนาดเล็กที่เหมาะใช้ในเวลาเดินทาง
เป็นยังไงกันบ้างคะคู่รักบ่าวสาวทั้งหลาย พอจะเข้าใจเรื่องของหมอนมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ต่อไปนี้จะเลือกหมอนเข้าหอ หรือจะเลือกหมอนไว้กอดเล่น หรือเลือกเผื่อเจ้าตัวเล็กในอนาคต ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเลือกพลาดอีกแล้วนะคะ
Have a Good Dream นะคะทุกคน
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก www.acmebell.co/ และ www.fukulinn.com
ภาพ : www.womanofstyleandsubstance.com, www.thewhitecompany.com