บางจัด แนบสุด สุขๆ กับถุงยางขั้นเทพ

แค่อ่านชื่อตอนคงเดากันออกแล้วว่า วันนี้มาดามจะทอล์คเรื่อง “ถุงยางอนามัย” อย่างแน่นอน แต่ประเด็นที่จะคุยไม่ใช่การสอนเทคนิคใส่ถุงยางเสร็จไวภายใน 1 วิและก็ไม่ใช่มาเถอะมา มาสวมถุงยางกันเถอะ แต่เพราะไปเจอการจัดอันดับถุงยางใช้ดีที่หนุ่มทั่วโลกโหวตกันในเว็ปไซต์ condomdepot.com ก็เลยเกิดอาการใคร่รู้ว่า ถุงยางที่ว่ามันเจ๋งแน่แค่ไหนเชียว แล้วต่างอย่างไรกับถุงยางแจกฟรี ที่สำคัญมันจะช่วยให้หนุ่มๆ ที่คร้านจะใส่ถุงยางหันมาใส่ป้องกันกันมากขึ้นรึ

ไวเท่าความใคร่อยากจะรู้ มาดามก็เลยดำเนินทุกกระบวนท่าง้างปากบวกหลอกถามเพื่อนชายมากหน้าหลายตาจนได้คำตอบมาว่า เหตุที่หนุ่มๆ ไม่ชอบใช้ถุงยางเพราะรู้สึกว่า “มันไม่แนบชิด” ถ้าสาวๆ ไม่เก็ทให้นึกถึงความรู้สึกที่ต่างกันระหว่างการโดนหนุ่มแต๊ะอั๋งหน้าอกตอนที่ยังสวมเสื้อกับตอนเปลือยเปล่า  เนื้อนวลสัมผัสกับมือหยาบจะได้ฟิลลิ่งแบบไหน ก็แบบนั้นแหละค่ะ

ในเมื่อเขาไม่อยากใส่ด้วยเหตุผลที่ว่า งั้นสาวๆ ก็จัดหาถุงยางที่มอบความแนบชิดให้เขาใช้ซะสิคะ

Beyond Seven Sheerlon Latex Condoms คือถุงยางอนามัยสัญชาติพี่ยุ่นที่หนุ่มๆ ยกอันดับสามให้ครอบครอง ความบางอยู่ที่ 0.05 มิลลิเมตร (ถุงยางทั่วไปหนา 0.07 มิลลิเมตร) เรียกว่าบางจนแทบไม่รู้สึกว่ากำลังสวมใส่อยู่ นอกจากนี้ผู้ผลิตยังจงใจขยายส่วนปลายให้กว้างขึ้นกว่าปกติอีกด้วย (คงไม่ต้องบอกนะว่า จะบรรจุลูกๆ ของคุณได้กี่พันล้านตัว) ด้วยคุณสมบัติที่ว่ามาทั้งหมด ทั้งหนุ่มทั้งสาวที่ได้ลองสัมผัสต่างก็ให้เกรด A+ กันอย่างไร้ข้อกังขา

อันดับสองจากค่ายดูเร็กซ์ที่คนไทยคุ้นเคยดี Durex Extra Sensitive Condoms ที่ตีคู่กันมาติดๆ เพียงแต่ล้ำหน้าไปนิดๆ ด้วยประวัติการครองแชมป์ถึง 9 ครั้งจากการจัดอันดับทั้งหมด 13 ครั้ง โดยนอกจากส่วนปลายจะขยายขึ้นแล้ว ถุงยางทั้งชิ้นยังพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นสวมแล้วไม่อึดอัดถือเป็นถุงยางอนามัยจากยางธรรมชาติที่บางที่สุดของดูเร็กซ์ (แต่ส่วนตัวมาดามว่ามันสวมยากขึ้นยังไงไม่รู้นะ)

Crown Skinless Skin Condoms คือถุงยางที่ครองอันดับหนึ่งมา 13 ปีซ้อนและขายดีที่สุดในญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งถุงยางคุณภาพเยี่ยมจากค่าย Okamoto Crown ที่หนุ่มๆ ทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นถุงยางอนามัยเนื้อบางเบาที่ใส่แล้วให้อารมณ์แนบชิดแบบไม่ตะขิดตะขวงใจด้วยความบางเพียง 0.047 มิลลิเมตร และไม่เพียงแต่หนุ่มๆ เท่านั้นที่ถวิลหา สาวๆ ที่เคยร่วมประสบการณ์ความบางแนบเนื้อของ Crown Skinless Skin Condoms ยังอดปลื้มไม่ได้เพราะนอกจากความแนบชิดที่ว่ายังไร้ซึ่งกลิ่นยางที่จะมาเบรคอารมณ์สวาทอีกด้วย

3 อันดับข้างต้นคือถุงยางที่หนุ่มๆ ทั่วโลกยอมรับในความบางที่ช่วยทำให้รู้สึกแนบชิดกันมากกว่าถุงยางเวอร์ชั่นปกติ แต่ความร้อนแรงของการแข่งกันบางยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีถุงยางอนามัยที่บางกว่าสามยี่ห้อที่ว่า นั่นคือ Sagami Original 001  กับความบางแบบชนะสามโลกเพียง 0.01 มิลลิเมตร เรียกว่าบางมากถึงมากที่สุดราวกับไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเลยก็ว่าได้ ความพิเศษเฉพาะตัวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะ Sagami Original ผลิตจากโพลียูรีเธน (ทางการแพทย์เรียกว่า ไมโครเชียร์) ซึ่งนอกจากจะทำให้บางมาก ยังป้องกันได้ดีกว่าถุงยางที่ทำด้วยลาเท็กส์ (เช่นถุงยาง 3 อันดับข้างต้น) แถมยังสัมผัสอุณหภูมิร่างกายได้ดี ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะได้รับความแนบชิดที่ถวิลหาอย่างแน่นอน

ทีนี้ละความแนบชิดของคุณทั้งคู่ก็ห่างกันแค่ไม่กี่มิลลิเมตร สาวๆ หนุ่มๆ จะได้ดื่มด่ำกับเซ็กส์สวาทอย่างสบายใจ ไร้ทั้งโรคปลอดทั้งลูก แถมยังฟินได้สุดติ่ง ใกล้และชิดกันได้ทุกอณูเนื้อนวล แต่ถ้าเขายังอิดออดจะหยิบสวม ก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนคู่นอนเถอะหนู ดีกว่าเสี่ยงทั้งโรคทั้งลูกไปกับคนไม่รับผิดชอบนะจ๊ะ

เรื่อง : Madam Hong Hern

Motifs in Asian Wedding Attire แฟชั่นอาเซียนในชุดแต่งงาน

Cultural Industry คือ คำเรียกใหม่ของอุตสาหกรรมแฟชั่น จากคำเรียกเดิมว่า Fashion Industry ที่ให้ความรู้สึก “ตลาด” หรือ commercial มากไป ทว่า Cultural Industry กลับให้ความรู้สึกสุนทรียะอย่างแยบคายยิ่งกว่า กอปรกับเอเชียได้กลายเป็นศูนย์กลางของโลกยุคใหม่หลังยุโรปและอเมริกาเหนือถอยห่างจากอำนาจไป ด้วยเหตุนี้เองวัฒนธรรมเอเชียอันรุ่มรวยจึงเรืองรองขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยนักออกแบบหลากเชื้อชาติเลือกจับลักษณะเด่น (Motif) ของตะวันออกมาพลิกแพลงใหม่ ทำให้วัฒนธรรมงอกงามและเติบโตตามความหมายที่แท้จริง (วัฒนธรรม – Culture มาจากคำว่า Cultivate = ปลูกฝัง บ่มเพาะให้งอกงาม)

Motif เหล่านี้มักปรากฏในพิธีกรรมสำคัญของแต่ละวัฒนธรรม หนึ่งในนั้นที่ไม่กล่าวถึงคงมิได้คือพิธีแต่งงาน นัยต่างๆ ที่แฝงเร้นอยู่ในอาภรณ์แต่ละชิ้นจะเป็นอย่างไร งอกเงยอย่างงดงามไปตามยุคสมัยเช่นใดบ้าง ตามสายลมตะวันออกไปสำรวจมหาอำนาจทางวัฒนธรรมเอเชียด้วยกัน ณ บัดนี้พลัน


China : กี่เพ้าและสัตว์มงคล Qipao & Auspicious Animals

ฉีผาวหรือกี่เพ้าในภาษาจีน หรือชองแซม (Cheongsam) ในสำเนียงอังกฤษ เป็นชุดประจำชาติของจีนที่สืบสาวประวัติได้ไกลถึงสมัยราชวงศ์ชิงในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ส่วนภาพเจ้าสาวสวมมงกุฎ มีผ้าคลุมหน้าสีแดง ที่เคยเห็นในหนังจีนกำลังภายในนั้น ได้รับอิทธิพลมาจากมงกุฎหงส์ (Phoeninx Crown) ของฮองเฮาและหญิงสูงศักดิ์สมัยราชวงศ์หมิงในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ครั้นยุคสมัยเคลื่อนผ่านพิธีการบางอย่างก็ถูกลดทอนลงไป แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คู่กับเครื่องแต่งกายในพิธีแต่งงานหรือ Red Event ของชาวจีนคือ สีแดง มังกร และหงส์ ซึ่งเปี่ยมความหมายและคุณค่าทางจิตใจดังนี้

สีแดง : เป็นสีรวมศูนย์ความดีงามทั้งปวงสันนิษฐานว่า เพราะภูมิประเทศส่วนใหญ่ของจีนแห้งแล้งและหนาวเย็น ฉะนั้นวันที่มีแสงแดดส่องจึงเป็นวันดี อากาศอบอุ่น สีแดงของดวงอาทิตย์จึงเป็นที่รักของชาวจีน ธาตุไฟหนึ่งในห้าธาตุแห่งชีวิตเป็นสีแดง มีนัยถึงแสงสว่าง ความรุ่งโรจน์ ความอบอุ่น และพละกำลัง สีแห่งไฟนี้ยังมีพลังขับไล่ความชั่วร้าย จึงกลายเป็นสีมงคล ในขณะที่สีขาวสื่อถึงการเกิด – ดับตามหลักพุทธศาสนา จึงใช้

ในบริบทงานอวมงคลอย่างงานศพ

หงส์ : หงส์ไฟ นกฟีนิกซ์ นกเฟิ่งหวงหรือฟงหวง เป็นราชาแห่งสัตว์ปีก เป็นนกที่งดงามที่สุดในจักรวาล สัตว์ เป็นสัญลักษณ์ของหยิน เพศหญิง หรือฮองเฮา ตามตำนานแล้วนกแห่งสวรรค์เกิดจากเถ้าถ่านของตัวเอง

เป็นตัวแทนของชีวิตยืนยาว ความอบอุ่นแห่งแสงตะวัน และความดีงาม

มังกร : มังกรจีนไร้ปีก เป็นสัญลักษณ์ของฮ่องเต้ ธาตุหยาง หรือเพศชาย นำมาซึ่งพลังอำนาจ ความมั่งคั่ง ความสุข ความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ ในงานแต่งงานมักมีรูปหงส์และมังกรคู่กัน (สัตว์สองชนิดนี้เป็นเพื่อนมิใช่คู่รัก) เชื่อว่าจะทำให้บุตรที่เกิดมาแข็งแรงสุขภาพดี ด้วยพลังของยอดแห่งสัตว์มงคลทั้งสอง


Japan: Uchikake & Crane อุชิคาเคะและตำนานนกกระเรียน

คนญี่ปุ่นไม่นับถือศาสนาใดแน่ชัด แต่น้อมรับความหลากหลายเข้ามาในชีวิตได้อย่างไม่ขัดเขิน เมื่อแรกเกิดไปไหว้วัดชินโต แต่งงานแบบคริสต์ และยามตายทำพิธีแบบพุทธ

กล่าวโดยเฉพาะการแต่งงาน หลังจากพิธีเสกสมรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเลดี้ไดอะน่าในยุค 80 ได้เกิดกระแสพิธีแต่งงานแบบตะวันตกลูกหลานเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ (อะมะเตระสุโอมิกามิ) ในยุคนี้จึงนิยมสลัดกิโมโนแล้วหันไปแต่งกายตามสากล จูงมือกันไปแลกแหวนในโบสถ์แทน

ส่วนพิธีแต่งงานแบบชินโตเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และมีค่าใช้จ่ายสูง ทว่างดงามและศักดิ์สิทธิ์ตามรูป แบบของศาสนาที่นับถือเทพเจ้าและธรรมชาติในพิธีชินโต เจ้าสาวต้องสวมกิโมโนสีขาวเรียบๆ ที่เรียกว่าชิโรมุกุ (Shiromuku) แล้วสวมทับด้วยอุชิคาเคะ (Uchikake) เสื้อคลุมหนาหนัก ตัดด้วยผ้าไหมที่ปักประดับลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง เป็นสีขาวหรือมีสีสันแซมเพื่อความสดชื่น เพราะบางคนเห็นว่าสีขาวล้วนทำให้เจ้าสาวดูเศร้าหมองเกินไปในวันแต่งงาน

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ หมวกหรือผ้าคลุมผมซึโนะคะคุฉิ (Tsunokakushi) Tsuno แปลว่า เขา Kakushi แปลว่า แอบซ่อน ผู้หญิงต้องซ่อนเขาแห่งความริษยา ความโกรธเกรี้ยว และความไม่ดีทั้งหลายไว้ใต้ผ้าคลุมผมก่อนจะเข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งใต้ผ้าคลุมผมอีกชั้นคือวิกผมที่ประดับด้วยหวีทองประดับอัญมณีสูงค่า เรียกว่าคันซาชิ (Kanzashi) ทั้งชุดและผมทำเองไม่ได้สักอย่าง เป็นศิลปะขั้นสูงที่ต้องให้ผู้ชำนาญจัดการให้เท่านั้น อุชิคาเคะผ้าไหมที่ปักอย่างวิจิตรบรรจงอาจมีราคาราว 120,000 บาทเป็นอย่างน้อย เจ้าสาวที่อยากแต่งงานแบบชินโตจึงมักเช่าชุดและวิกผม แต่ค่าเช่าอุชิคาเคะก็ตกราววันละ 45,000 บาททีเดียว

ลวดลายที่นิยมปักลงบนกิโมโนหรืออุชิคาเคะ คือลายนกกระเรียน ดังตำนานที่ว่า นกกระเรียนแปลงร่างเป็นหญิงสาวมาปรนนิบัติหนุ่มชาวนายากจนที่ช่วยชีวิตตนไว้ นางใช้ขนของตนทอผ้าผืนงามให้ชายหนุ่มนำไปขาย จนตัวเองผ่ายผอมลงไปเรื่อยๆ ตราบจนชายหนุ่มรู้ความจริงว่า ภรรยาเป็นนกกระเรียน นางจึงคืนร่างเดิมแล้วจากชายหนุ่มไป นกกระเรียนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ ชีวิตที่ยืนยาวและความรักอันมั่นคง

India: Skin Decoration สลักเสลาร่างกายด้วยสีสัน

พลเมืองอินเดียหนึ่งพันสองร้อยล้านคนเต็มไปด้วยความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ทำให้อินเดียมีเครื่องแต่งกายในประเพณีการแต่งงานแตกต่างไปตามแต่ละภูมิภาค อาทิ Maharashtrian traditional Wedding ในรัฐมหาราษฏระ Bengali Traditional Wedding ของเชื้อสายอินโด – อารยัน Punjabi Traditional Wedding ในรัฐปัญจาบ Rajasthani Traditional Wedding ในรัฐราชสถาน Gujarati Traditional Wedding ในรัฐคุชราต ฯลฯ

กล่าวเฉพาะถึงพิธีแต่งงานแบบฮินดูที่มักประดับตกแต่งร่างกายอย่างวิจิตรด้วยสีสันต่างๆ โดยเฉพาะสีแดง ด้วยเชื่อว่าเป็นสีมงคลสีของความสุข สีที่ช่วยป้องกันภยันตรายต่างๆ และเป็นสีของความรัก เจ้าสาวชาวฮินดูจะใช้สีแดงแต่งแต้มทั้งในส่าหรีชุดแต่งงานที่ปักประดับอย่างละลานตา แต้มจุดแดงกลางหน้าผากเสมือนดวงตาที่สามหรือบินดิ รวมถึงการเขียนเฮนน่าสีน้ำตาลแดงทั่วมือและเท้าที่เรียกว่าพิธีเมห์นดิ เจ้าสาวอินเดียอันเป็นอวตารของพระลักษมีจึงงดงามด้วยศิลปะบนร่างกายเช่นนี้เอง


More Than Saree

Mehndi

พิธีเมห์นดิคือการเขียนเฮนน่าที่มือและเท้าของเจ้าสาวก่อนพิธีแต่งงาน เป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสาวบริสุทธิ์ไปสู่การเป็นหญิงสาวเต็มตัว ด้วยลวดลายนกยูง ดอกไม้ หอยสังข์ และแอบซ่อนชื่อเจ้าบ่าวเอาไว้ในลวดลายเฮนน่า เจ้าบ่าวจำต้องค้นหาชื่อของตนท่ามกลางลวดลายอันสลับซับซ้อนเพื่อให้เจ้าสาวประทับใจ ทั้งยังเชื่อว่า สีของเฮนน่ายิ่งเข้มและติดทนนานเท่าใด เจ้าสาวจะยิ่งเป็นที่รักของครอบครัวฝ่ายชายมากขึ้นเท่านั้น ทั้งยังเป็นเครื่องรางมงคลที่จะช่วยปกปักษ์ความดีงามให้อยู่กับตัวเจ้าสาวสืบไป

Bindi

ติลากัม, ซินดูร์ หรือดวงตาที่สาม อันเป็นดวงตาแห่งปัญญา ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของพระแม่ปารวาตี (Parvati) ที่เชื่อว่าใช้ปกป้องหญิงที่แต่งงานแล้วและสามี รวมถึงปกป้องพวกเธอจากสายตาริษยาของคนอื่น ในพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวจะเป็นผู้แต้มบินดิให้ภรรยา ในประเพณีของชาวปัญจาบจะถือว่าคู่บ่าว – สาวได้เป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างสมบูรณ์ หลังจากวันแต่งงาน ภรรยาต้องแต้มผงขมิ้น ผสมน้ำมะนาวทุกวันตราบจนการสมรสนั้นยังยั่งยืนอยู่ แต่สมัยนี้บินดิกลายเป็นแฟชั่นที่วิวัฒน์ความวิจิตร บ้างใช้อัญมณีหรือสติ๊กเกอร์บินดิเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ทั้งยังไม่จำกัดอยู่ที่จุดวงกลมหรือสีแดงอีกต่อไป

เจ้าสาวอินเดียใช่จะห่มแต่ส่าหรี ในแต่ละภูมิภาคยังนิยมนุ่งห่มต่างกัน เช่น เจ้าสาวในรัฐมหาราษฏระจะนุ่งส่าหรีผ้าไหมที่โดดเด่นด้วยสีแดง สีมารูน หรือแดงม่วงอมน้ำตาลและสีเขียว ชายผ้ามักปักลายนกยูงหรือนกแก้ว ส่วนริมผ้านิยมปักลายดวงดาว มะม่วง หรือดอกบัว ในขณะที่เจ้าสาวในรัฐปัญจาบจะใส่แลงกาหรือฆาครา โชลี (Lehenga/Ghagra Choli) เป็นเสื้อเอวลอยและกระโปรงยาวกรอมเท้าสีสันสดใส ส่วนเจ้าสาวในแคว้นแคชเมียร์จะใส่กูรตะหรือกางเกง คู่กับซาลวาร์คามีซ หรือเสื้อตัวยาวที่ปักประดับลวดลายตระการตา
ขอขอบคุณภาพจาก เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ท แอนด์ สปา

สีชมพู – ขาว – เขียวสวยสดอลังการ


     ชุดพานขันหมากสีขาว – ชมพูที่สรรค์สร้างจากกลีบบัวหลวงสีชมพูปลิดทีละกลีบคัดแยกเป็นเฉดอ่อนแก่แล้วค่อยบรรจงพับและเย็บเรียงกันอย่างประณีตไล่จากโทนสีชมพูเข้มอมเขียวไปหาชมพูอ่อนละมุนตามลักษณะของดอกบัวธรรมชาติที่กลีบชั้นนอกจะมีสีเข้มกว่ากลีบชั้นในก่อนจะล้อมรอบด้วยมาลัยที่ร้อยจากกลีบบัว 11 หลักยกตา (ยกตาคือลายข้าวหลามตัดหน้ามาลัย)

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

INVITATION CARD


     ทำการ์ดเชิญด้วยตัวเองจากแผ่นไม้บางๆ ติดกระดาษสีตามธีมงานลงไปจากนั้นบรรจงร่ายคำเชิญได้เลย

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

YOUR SEAT


     จำลองหนังสือที่บ่าว – สาวชอบอ่านมาเป็นเล่มจิ๋วที่เขียนชื่อแขกลงไปแล้วจัดวางบนเซตจานประจำที่บนโต๊ะซิตดาวน์ดินเนอร์

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

GREETING PLATE


     เปลี่ยนจากการเซ็นอวยพรลงสมุดประสาทพรมาเป็นการอวยพรลงบนจานกระเบื้องสีขาวที่เลือกเองกับมือหลังเสร็จงานบ่าว – สาวยังเก็บไว้ตกแต่งบ้านได้ด้วย แต่ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ใช้ Waterproof Pen ในการเซ็นคำอวยพรทั้งหลายจะได้อยู่กับคุณไปนานแสนนาน

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

BOUQUET MADE


     ไม่เห็นต้องเสียเงินไปกับช่อดอกไม้ราคาแพงเหมือนคนอื่น แค่ลงมือทำบูเกต์แสนเก๋ด้วยตัวเองง่ายๆ แค่นำลวดเล็กๆ มาดัดเป็นรูปที่ต้องการแล้วนำใบเฟินไปตกแต่งก็ได้บูเกต์ไม่เหมือนใครแล้ว

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ไอเดียโต๊ะอาหาร


     โต๊ะอาหารสไตล์โบทานิกรอบๆ ตกแต่งด้วยขวดยาและขวดสารเคมีที่มีขนาดและสีต่างกันแล้วเพิ่มความสวยงามด้วยกิ่งไม้สีเขียว เติมความเป็นธรรมชาติด้วยสีน้ำตาลไล่เฉดตั้งแต่ผ้าปูโต๊ะขวดแก้วไปจนถึงถาดหวายสำหรับจานอาหารใช้วิธีวางซ้อนกันโดยมีแน็ปกินคั่นกลางนำต้นไม้เล็กๆ วางไว้บนจานเพื่อให้แขกในงานนำกลับไปเป็นของที่ระลึกส่วนกระดาษที่พับอยู่ใต้ต้นไม้ในจานคือเมนูอาหาร

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ดอกไม้สำหรับโปรย


     นำกระดาษเก่ามาทำเป็นกรวยด้านในใส่กลีบดอกไม้สำหรับโปรยเมื่อคู่บ่าว – สาวเดินเข้างาน

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ดอกไม้ผูกข้อมือเพื่อนเจ้าสาว


     เปลี่ยนจากบูเกต์มาเป็นดอกไม้ผูกข้อมือเพิ่มความน่ารักให้กับเพื่อนเจ้าสาวได้ไม่น้อยเลย

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ที่วางแหวน


     เพื่อให้เข้าธีมท่องเที่ยวจึงทำที่วางแหวนเป็นลายลูกโลกโดยนำดินญี่ปุ่นมาปั้นเป็นแท่นทรงกลมและวาดเป็นรูปลูกโลกจากนั้นเจาะรูด้านบน นำเชือกที่ร้อยแหวนเอาไว้ผูกเข้าไป เท่านี้ก็ได้ที่วางแหวนแสนเก๋แล้ว

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

เข็มกลัดแผนที่โลก


     เซตเข็มกลัดที่ทำเป็นลายแผนที่โลกเข้ากับธีมท่องเที่ยวเป็นที่สุด

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ขนมต้อนรับ


     เป็นกรวยใส่เจลลี่บีนที่แจกให้แขกก่อนเข้างาน เมื่อกินหมดแล้วสามารถนำกรวยมาเล่นเป็นเกมทายใจว่าจะได้ไปเที่ยวที่ไหนได้อีกด้วยถือเป็นกิมมิกสนุกๆให้แขกได้เล่นก่อนงานเริ่ม

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

FLOWER BACKDROP


     นำดอกไม้กระดาษไปติดกำแพงรอบงานเพื่อให้แขกและเจ้าภาพสามารถถ่ายรูปได้ทุกจุดทุกเมื่อที่ต้องการ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

DECOR TABLE


     ตกแต่งโต๊ะอาหารของประธานในพิธีและบ่าว – สาวด้วยการจัดวางแจกันทรงเตี้ยเรียงแถวตรงกลางแล้วปักกิ่งซากุระประดิษฐ์ไว้สร้างบรรยากาศให้หวานได้

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

ช่อดอกไม้โอะริกะมิ


     ไหนๆ ก็ตกแต่งงานด้วยดอกไม้พับจากกระดาษไปแล้วช่อดอกไม้เจ้าสาวก็ไม่ควรหลุดธีมแค่จัดใส่ช่อก็สวยไม่แพ้ดอกไม้จริง

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

STAND 2 IN 1


     สร้างสรรค์สแตนด์ปกติให้มี 2 หน้าที่ทั้งวางไว้ตามทางเดินและตั้งไว้บนโต๊ะอาหารเป็นเซ็นเตอร์พีซโดยตกแต่งให้เข้าธีมได้ง่ายๆ ด้วยการใช้ริบบิ้นสีอ่อนๆ ตัดคู่กับผ้าลูกไม้เป็นเส้นและเพิ่มความหวานด้วยดอกไม้กระดาษที่พับได้หลายแบบตามต้องการ

เรื่องโดย:
ช่างภาพ:

กรอบรูปความทรงจำ


     จัดวางกรอบรูปหลากสไตล์ในโทนสีพาสเทลให้กระจายทั่วแบ็กดร็อปสีเขียวมินต์จะใช้ใส่ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งหรือสิ่งที่เป็นความทรงจำของบ่าว – สาวก็ได้เช่นปกหนังสือที่ชอบโปสต์การ์ดที่เคยเขียนส่งถึงกันหรือโปสเตอร์หนังที่ประทับใจเป็นการสร้างแกลเลอรี่ในมุมเล็กๆ ที่โรแมนติกและอ่อนหวานเข้ากับธีมงาน

เรื่องโดย:
ช่างภาพ: