ในปัจจุบันหลายประเทศอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้แล้ว คุณเคยคิดจดทะเบียนให้เป็นเรื่องเป็นราวไหมครับ
“เราไม่เคยคุยกันในเรื่องนี้นะคะ แล้วในมุมของใหม่ ใหม่โตมาในครอบครัวที่คุณแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แล้วเห็นหลายต่อหลายคนที่เขาจดทะเบียนสมรสแล้วเขาก็เลิกกัน ใหม่เลยมีความรู้สึกว่ามันไม่สำคัญอะไร ต่อให้จดไป มันก็ไม่มีอะไรมาการันตีทั้งนั้นแหละว่าความรักเราจะยืนยาวแค่ไหน จดหรือไม่จดนั้นไม่สำคัญ แค่เรารู้ว่าเรารักกันก็พอค่ะ” ปีใหม่แสดงทรรศนะ ขณะที่ป๋าต๊อบนั้นมีมุมมองที่ต่างออกไป
“เราคิดเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ แต่ว่าไม่รู้จะไปที่ไหน อย่างที่อเมริกา คุณต้องมีสัญชาติอเมริกาถึงจะจดได้ ถามว่าดีไหม เราว่าดี เราควรจะมี ไอ้เรื่องทรัพย์สินเงินทองไม่เท่าไหร่หรอก แต่เป็นเรื่องความห่วงหาอาวรณ์มากกว่า อย่างสมมุตว่าวันนึงเหลือแค่เรากับปีใหม่สองคน เราเป็นอะไรตายไปเขาไปรับศพเรายังไม่ได้เลยนะ เรารถชนเป็นอะไรไป หมอต้องการลายเซ็นยินยอมว่าจะผ่าดีไหม เขายังช่วยชีวิตเราไม่ได้เลย ทั้งที่อยู่กันมา 20-30 ปี”
จนถึงทุกวันนี้พวกคุณคิดว่าได้เรียนรู้อะไรจากความรักครั้งนี้บ้าง
“เราถามตัวเองมาตลอดเวลานะ ว่าตกลงเรารักเขา หรือเสพติดเขา มันไม่เหมือนกันนะ ความรักคือเราไม่พยายามเปลี่ยนแปลงเขา ให้เขาเป็นแบบที่เขาอยากจะเป็น เราต้องรักเขาได้ในสิ่งที่เขาเป็น ทุกวันนี้เรากำลังพยายามเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่เราเคยเสพติดให้กลายเป็นความรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งยากและเหนื่อย แต่พอผ่านมาได้ก็คุ้มมาก เพราะว่าไอ้เงาต่างๆ ที่เคยบังตา เหมือนกับแว่นของคุณที่เช็ดสะอาดขึ้น เราได้เห็นตัวตนและความดีของอีกคนหนึ่งชัดขึ้น อันนี้คือความสุข ถ้าจะเห็นอะไรประหลาดๆ ก็ปล่อยไปตามประสาของมันบ้าง ความขี้อ้อน ความขี้หงุดหงิด ความงอแงง้องแง้ง ความน่ารัก หรือว่าสิ่งดีๆ ที่เขาทำให้กับเรา หรือสิ่งที่มึงควรปรับปรุงบ้างก็ดี (หัวเราะ) เพราะเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เห็นเป็นภาพกลมๆ 3-4 มิติ ไม่ใช่แค่มิติเดียว” ป๋าต๊อบตอบด้วยรอยยิ้มของความสุข เช่นเดียวกับผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขามากว่า 7 ปี
“หลังจากที่คบกัน ใหม่ยอมรับว่าตัวเองก็สูญเสียไปหลายอย่างนะคะ ทั้งเพื่อน หน้าที่การงาน ชื่อเสียง ความเชื่อใจ ความนับถือตัวเอง ทุกอย่าง เสียไปเยอะเหมือนกัน แต่ว่าถ้าไม่มีวันนั้นมันก็ไม่มีวันนี้ เหมือนเราผ่านความตายมาครั้งหนึ่ง แล้วก็เรียนรู้ที่จะเป็นคนใหม่ โดยมีพี่ต๊อบคอยสอน และเป็นตัวอย่างว่า ถึงเขาจะอายุมากแล้วตอนที่เขาเปลี่ยนและเริ่มต้นชีวิตใหม่หมด แต่เขาก็ทำได้ เมื่อชีวิตคู่มีปัญหาอย่าพยายามไปแก้ไขที่ตัวอีกคนหนึ่ง แต่ให้แก้ไขที่ตัวเราเอง หากยังคงมีความรักให้กันและกัน เราจะหาทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหานั้น จนมาถึงวันนี้ มันคุ้มค่ามากจริงๆ ค่ะ”
ไกลออกไปหลายสิบกิโลเมตรจากใจกลางกรุงเทพฯ ณ เตียงนอนขนาดใหญ่ในห้องนอนที่ซุกตัวอยู่ในคฤหาสถ์อันแสนอัครฐาน มีคู่รักคู่หนึ่งนอนเคียงกันอยู่ ทั้งคู่ต่างจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือคนละเล่ม คนละเรื่อง
ไกลออกไปจากสิบจนร้อยปาร์ตี้ในหลายพื้นที่…และยิ่งไกลออกไปจากวิถีชีวิตอันเปี่ยมสีสันที่คุ้นเคย แต่นั่นดูจะไม่ใช่เรื่องสำคัญของทั้งคู่อีกต่อไปแล้ว
ตราบเท่าที่พวกเขามีความสุขได้กับกิจกรรมเรียบง่ายเช่นที่เป็นอยู่ และตราบเท่าที่พวกเขามีกันและกัน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
Story: พีรภัทร โพธิสารัตนะ
Style: กุลกณิช
Photo: วารินทร์