ชีวิตความสัมพันธ์ที่ว่าเริ่มแย่ตอนนั้นเป็นอย่างไร
“เราไม่มั่นใจในตัวเขา ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มั่นใจในตัวเรา ไม่มั่นใจในความรักที่มีว่าทำไมมันไม่มีความสุข ทำไมถึงมีแต่ปัญหา ทำไมความรักที่ดีถึงไม่ทำให้เรายิ้มแย้มแจ่มใส ทำไมทำให้เราทะเลาะกัน ทำให้เราระแวงภายในจิตใจ คือช่วงกว่าหนึ่งปีแรกที่เราคบกันนี่เป็นช่วงที่แต่ละคนไม่มีสติซักเท่าไหร่ เวลามองย้อนกลับไป ก็จะรู้สึกว่า ในใจเราตอนนั้นมันเศร้าจัง ทั้งที่ตอนตกลงแต่งกับเขามันดูแฮปปี้มาก โลกเป็นสีชมพู ใหม่ไม่เคยอายม้วนต้วนกับผู้ชายคนไหนเลยในชีวิต แต่ใหม่เป็นกับเขา แต่พอตกลงแต่งงานกันไป เหมือนชีวิตมันดิ่งลง แล้วมันทุกข์มาก” ปีใหม่กล่าวถึงช่วงเวลาราวหนึ่งปีครึ่งซึ่งเธอถือเป็นช่วงที่ตกต่ำดำดิ่งที่สุดในชีวิต
เป็นความตกต่ำที่ลากยาวเป็นเส้นตรง 90 องศาจากด้านบนแห่งชื่อเสียงและเงินทองในวงการบันเทิงสู่เบื้องล่างแห่งแวดวงของปาร์ตี้ ยาเสพติด และสิ่งที่ทั้งคู่คิดว่าเป็นความรัก
“ช่วงนั้นความที่ยังเป็นวัยรุ่น แล้วใหม่ชอบทำอะไรที่มันสุดๆไปเลย คือไม่รู้จักความพอดีซักเท่าไหร่ เห็นอะไรก็อยากลองไปซะหมด ทำทุกอย่างโดยไม่มีความหวาดกลัว คิดว่าตัวเองเจ๋งมาก คุมได้ทุกอย่าง เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตัวใหม่เองที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราไปจับต้องมันอันตรายต่อชีวิต แล้วมันมีอิทธิพลเหนือสติสัมปชัญญะของตัวเอง ไม่รู้ว่าคำว่าสติสัมปชัญญะสำคัญกับชีวิตมากขนาดไหน” ปีใหม่เล่าพร้อมยิ้มให้กับความหลังครั้งนั้นที่เคยทำให้หัวเราะไม่ออก
เช่นเดียวกับ ป๋าต๊อบ ที่เริ่มรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาเริ่มก้าวเข้าสู่มุมอับอย่างไม่คาดคิด
“ตอนแรกเราก็คิดว่า แม่ง กูเจอแล้ว เจอคนชอบเมาด้วย ไปเที่ยวก็สนุก แต่ชีวิตเรามันไม่ได้เหมือนโฆษณาเบียร์นะที่จะมีแต่ความสนุก จนลืมคิดไปว่าที่เราเห็นในโฆษณาน่ะความสุขคงอยู่แค่หนึ่งนาที ในขณะที่ชีวิตคนจริงๆ มันเป็นแบบนั้นไปตลอดไม่ได้”
“แล้วความที่ไม่ค่อยมีสติก็ส่งผลให้ตอนนั้นเราทะเลาะกันหนัก และพาชีวิตไปในทางที่ไม่ดี เคยคิดนะคะว่าสิ่งมึนเมาพวกนั้นทำให้เราสุขได้ ลืมความทุกข์ได้ แต่สุดท้ายกลับยิ่งทุกข์ และทำให้ติดมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจผิดตอนนั้นยิ่งทำให้เราถลำลึกลงไปเรื่อยๆ”
ช่วงนั้นครอบครัวมองความสัมพันธ์ของเราอย่างไรบ้าง
“ทุกคนเดือดร้อนไปหมด หมายความว่าเดือดร้อนที่เราเป็นแบบนี้ เพราะว่าในชีวิตเราไม่เคยเป็นเลย ใหม่เป็นที่พึ่งของครอบครัว เป็นคนหาเงินเลี้ยงที่บ้านมาตลอด ไม่มีใครคิดว่าสุดท้ายใหม่จะเป็นแบบนี้ ทุกคนต่อต้านไปหมด ต่อต้านทั้งในสิ่งที่เราทำ ในสิ่งที่เราอยู่กับเขา ทางครอบครัวเขาก็ต่อต้านเรา เราก็ต่อต้านเขา เราเองก็เลิกกันหลายครั้ง เขาก็ง้อ แล้วก็คืนดีกัน หลายต่อหลายรอบ” ปีใหม่เน้นเสียง 4 พยางค์สุดท้ายหนักแน่น ขณะที่ฝ่ายคนรักของเธอก็เสริมว่า
“เราทะเลาะกัน เลิกกันบ่อยมาก แถมบางวันก็ช่วยเขาแพ็คของด้วยนะ ช่วยเอาของเขาไปไว้นอกบ้านด้วย ช่วยขับรถไปส่ง ไล่เขา สารพัด แต่พอผ่านไป 2-3 วัน ไปง้อเขามาอีกแล้ว เป็นแบบนี้บ่อยจนถามตัวเองว่า เอ๊ะ กูเป็นอะไรของกูวะเนี่ย หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม ผูกพันหรือต้องการเอาชนะ”
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางคืนและวันอันสุดเหวี่ยงที่แวดล้อมไปด้วยของมึนเมา ปาร์ตี้ ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบ หัวใจของป๋าต๊อบก็เกิดอีกคำถามหนึ่งขึ้นมา…
“เราเริ่มมองเห็นว่าเขามีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องงาน ซึ่งทำให้เรารู้สึกเสียใจ แล้วก็รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนั้นที่เราเจอ คนที่สดใส แล้วก็มองโลกในแง่ดี มันหายไปไหนวะ สงสัยพวกสิ่งมึนเมาเหล่านี้มันพาเขาไปแน่ๆ แล้วเราก็เฝ้ารอวันที่เขาจะกลับมา”
แต่นานวันเข้า ดูเหมือนว่า “ผู้หญิงคนนั้น” ที่เคยรู้จักจะยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
“ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า ทำไมชีวิตล้มเหลวจังเลย การทำงานก็ย่ำแย่ ทุกคนหันหลังให้กับเราหมดเลย รู้สึกหมดสิ้นหนทาง ทุกสิ่งทุกอย่าง ความรักที่คิดว่าใช่ก็ไม่ใช่ คนที่เราคิดว่าใช่ก็ไม่ใช่ ไอ้สิ่งที่เราทำแล้วคิดว่าจะมีความสุข ก็ไม่มีความสุข มันไม่มีอะไรจริง ทุกอย่างตอนนั้นเฟลไปหมด ก็เลยคิดว่า ถ้าจะตาย…ก็ตาย ตอนนั้นช่างมันไปแล้ว”
ขณะเดียวกันคนที่อยู่ข้างเธอก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะดึงเธอกลับมา ด้วยยังไม่สามารถหลุดพ้นจากวิถีชีวิตอันสุดขั้วได้…
ชีวิตของทั้งคู่กำลังเตลิดไปไกลอย่างสุดกู่…ที่แม้แต่ความรักก็อาจไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเอาไว้