“แหวนเพชร” ส่วนสำคัญของคู่รักที่จะอยู่ตั้งแต่วินาทีขอแต่งงานไปจนอีกหลายสิบปี หรือสามารถส่งต่อเป็นมรดกได้ด้วย สำหรับใครที่กำลังจะเลือกแหวนเพชรมาประดับนิ้วนางข้างซ้าย ขั้นแรกที่อยากให้รู้ คือ “ชื่อทรงเพชร” ชนิดต่างๆ พอถึงเวลาไปเลือกที่ร้านจะได้สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ร้านเพชรได้ง่ายขึ้น ทรงเพชรบนแหวนแต่งงาน
ทรงเพชรบนแหวนแต่งงาน สวยถูกใจ บอกชื่อได้ถูกต้อง
1. Round หรือ Brilliant Cut
รูปทรงเพชรกลมแบบคลาสสิคที่ได้รับเลือกมาประดับแหวนแต่งงาน สถิติของคนส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อเพชรทรงกลมมากกว่า 75% เพราะความหาง่าย ซื้อง่าย และที่สำคัญคือ เพชรทรงนี้ส่องประกายวิบวับกว่าบรรดาเพชรทรงอื่นๆ ขณะเดียวกัน เมื่อความต้องการมีมาก ราคาก็สูงตามไปด้วย รวมถึงการเจียระไนเป็นทรงกลมให้ได้มาตรฐาน 58 เหลี่ยมนั้น ก็ทำให้เสียเนื้อเพชรไปพอสมควร และยังต้องใช้เวลาบวกกับช่างฝีมือดีมีประสบการณ์ในการเจียระไนเพชรทรงกลมให้ออกมาสวยงามด้วย
2. Oval Shape
รูปร่างกลมรีคล้ายกับไข่ ถึงแม้จะดูค่อนข้างกลม แต่เหลี่ยมมุมการเจียระไนทำให้สะท้อนประกายได้น้อยกว่าเพชรทรงกลม แต่สิ่งสำคัญคือ เพชรทรงไข่จะลวงสายตให้ดูเหมือนเป็นเพชรเม็ดใหญ่ หากเทียบกับเพชรทรงอื่นที่มีน้ำหนักเท่ากัน และแข็งแรงทนทานเนื่องจากไม่มีมุมแหลมยื่นออกมาเหมือนเพชรทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงไม่ต้องกังวลว่าจะหักมุมหรือแตกง่าย รวมถึงยังช่วยทำให้นิ้วมือเรียวยาวเวลาใส่ด้วย
3. Heart Shape
เพชรทรงหัวใจ อีกหนึ่งทรงยอดฮิตสำหรับคู่รัก ใช้เทคนิคการเจียระไนแบบ Modified Brilliant Cut ให้มีเหลี่ยมมุมสะท้อนแสงไฟได้เหมือนกับเพชรทรงกลม เวลาเลือกเพชรทรงนี้ต้องดูให้ละเอียด เพราะบางทีน้ำหนักกับขนาดเพชรอาจไม่เหมือนกับตาเห็น บางครั้งเพชรทรงหัวใจที่มีลักษณะผอมยาวอาจมีน้ำหนักมากกว่าแบบป้อมกว้างก็ได้ ส่งผลให้มีเหลี่ยมมุมและการสะท้อนแสงต่างกันออกไปแม้จะเป็นรูปหัวใจเหมือนกัน
4. Marquise Shape
เพชรทรงมาคีส์ มีปลายแหลมทั้งสองด้าน คล้ายกับดวงตาของคนหรือเมล็ดข้าว เป็นทรงเพชรที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและโดดเด่น ลวงตาด้วยความใหญ่ของเม็ดเพชรถ้าเทียบกับเพชรทรงอื่นที่มีน้ำหนักเท่ากัน รูปทรงเมล็ดข้าวจะทำให้นิ้วมือของสาวๆ ดูเรียวยาวสวย เวลาซื้อเพชรทรงมาคีส์ต้องดูให้ปลายแหลมทั้งสองฝั่งอยู่ในระนาบเดียวกัน และที่สำคัญคือ เพชรทรงนี้ทำให้สวยบนตัวเรือนแหวนไม่ใช่เรื่องง่าย ใครอยากได้ต้องเลือกดีๆ
5. Pear Shape
เพชรทรงหยดน้ำ หรือทรงลูกแพร์ ใช้เทคนิคเจียระไนแบบ Brilliant Cut เป็นลูกผสมระหว่างเพชรทรงกลมกับเพชรทรงมาคีส์ ทรงนี้สามารถซ่อนตำหนิได้เป็นอย่างดี และนิยมนำมาทำทั้งแหวน ต่างหู และจี้ สำหรับใครที่เลือกแหวนเพชรทรงหยดน้ำ มักจะต้องสวมใส่ให้ปลายแหลมหันมาทางหัวใจเพื่อแทนสัญลักษณ์ของความรักที่มุ่งมั่น
6. Princess Cut
เห็นชัดๆ เลยว่าเพชรถูกเจียระไนให้เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุมแหลมทั้งสีมุม สะท้อนประกายออกมาได้ดี แต่ความนิยมยังเป็นรองต่อจากเพชรทรงกลม และราคาย่อมเยากว่า สาวๆ หลายคนชอบเพชรทรงนี้เพราะให้ลุคที่ดูโมเดิร์นเวลาสวมใส่อยู่บนนิ้ว หรือดูไปดูมาก็เหมาะมากสำหรับเลือกมาประดับแหวนแต่งงานของคุณผู้ชาย
7. Emerald Cut
เรียกชื่อไทยๆ ว่าเพชรทรงมรกต ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัดมุม ใช้การเจียระไนที่เรียกว่า Step Cut ทำให้มองเห็นขอบทั้งสี่เป็นขั้นๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพชรทรงนี้ เหลี่ยมเพชรจะน้อยทำให้ประกายระยิบระยับมีไม่มาก แต่ถ้าถูกแสงสักครั้ง แสงสะท้อนจะใหญ่สะดุดตา เห็นกันบ่อยๆ บนนิ้วของคุณผู้ชาย เพราะมักจะได้รับความนิยมใช้ประดับแหวนแต่งงานของเจ้าบ่าวมากกว่า แต่สาวๆ ที่ชอบความแข็งแรงของเพชรก็สามารถใส่แล้วสวยได้เช่นกัน เพชรทรง Emerald นี้ถ้าถูกย่อขนาดให้เล็กลง คนมักจะเปลี่ยนชื่อไปเรียกว่า เพชรทรง Baguette
8. Asscher Cut
เพชรทรงนี้ถ้าไม่ส่องใกล้ๆ อาจคิดว่าเป็นทรง Emerald Cut แบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ความแตกต่างอยู่ที่ Asscher Cut จะเป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัดมุม เจียระไนแบบ Step Cutให้มีขั้นบันไดที่ลึกกว่า หน้ากว้างน้อยกว่า จึงทำให้ดูเล็กกว่ากว่าเพชรแบบอื่นๆ ในขณะที่มีน้ำหนักเท่ากัน ทำให้หลายคู่รักไม่ค่อยนิยมเพชรทรงนี้เท่าไหร่นัก เพราะเป็นเพชรที่มีเอกลักษณ์สูงและหายาก
9. Cushion Cut
มีลักษณะเหมือนหมอนอิงทรงสีเหลี่ยม มุมทั้งสี่โค้งมน สะท้อนแสงไฟได้ดีเพราะใช้เทคนิคการเจียระไนเพชรกลมผสมเพชรทรงมรกต ทำได้ทั้งทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสและทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เคยเป็นเพชรที่ได้รับความนิยมสูงสุดเมื่อในอดีต ก่อนที่จะเสียแชมป์ให้กับเพชรทรงกลม ว่ากันว่าเพชรทรงนี้จะดูให้ได้ของดีนั้นค่อนข้างยาก ใครที่เป็นมือใหม่ในการเลือกแหวนเพชร อย่าดูแค่ในรูปแล้วจะซื้อเลย ต้องไปดูของจริงที่หน้าร้านเสียก่อน ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นเพชรทรงนี้อยู่เดี่ยวๆ บนแหวน และแบบที่นิยมทำเป็นเพชรล้อมโดยมีเพชรทรงหมอนเป็นเซ็นเตอร์อยู่ตรงกลาง
10. Radiant Cut
เป็นเพชรทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตัดมุมอีกหนึ่งแบบ คล้าย Emerald Cut ต่างกันตรงเทคนิคเจียระไนที่ใช้วิธี Brilliant Cut มีเหลี่ยมเพชรเยอะได้ตั้งแต่ 53 – 70 เหลี่ยม ทำให้ได้ประกายระยิบระยับมากกว่า และดูมีสีขาวสว่าง เป็นลูกผสมระหว่าง Emerald Cut และ Princess Cut ที่รวมจุดเด่นของทั้งสองแบบมาไว้ด้วยกันคือ เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ถูกตัดมุม ทำให้มีทั้งความวิบวับและความแข็งแรงของเพชร มือใหม่คนไหนที่กำลังเลือกเพชรสำหรัวแหวนแต่งงาน หากเห็นใบเซอร์เขียนว่า Cut-Cornered Square Modified Brilliant ก็ให้รู้ว่าเป็นทรง Radiant Cut นี่แหละ แต่เรียกชื่อยาวๆ ไว้ก่อน
แหวนเพชรแต่ละวงราคาไม่ใช่ถูกๆ ก่อนจะไปเลือกเพชรมาประดับแหวนแต่งงาน ถ้าคู่รักมีความรู้พื้นฐานเรื่องทรงเพชรสักนิด ก็จะช่วยให้เลือกแหวนได้ถูกใจเหมาะกับการใส่บนนิ้วนางข้างซ้ายไปนานๆ
แพรวเวดดิ้งยังมีเคล็ดลับการเลือกแหวนอีกมาก ตามไปอ่านกันได้เลย
- มาทำความรู้จักเพชร CZ ก่อนเลือกมาใช้เป็นแหวนแต่งงานกันก่อน
- 3 ข้อจำง่ายกับเทคนิคเลือกซื้อแหวนแต่งงานสำหรับมือใหม่หัดซื้อ
- How To ซื้อ แหวนแต่งงานแบบ step-by-step ให้ตรงใจแถมอยู่ในงบ
ภาพจาก : Pinterest